Chapter 11 ...เขาเคยได้พบกับเจ้านายมาก่อนใช่มั้ยนะ? นั่นเป็นคำถามที่เร็นถามตัวเองไปมาตลอดทั้งวัน แม้เพียงชั่ววินาทีที่ได้เห็นเสี้ยวของใบหน้านั้น หากเขาก็ค่อนไปทางมั่นใจว่าเคยได้พบกันที่ไหนมาก่อน
“โธ่เว้ย!” เด็กหนุ่มพึมพำกับตนเอง คิดว่าถ้าหากได้เห็นใบหน้าของเจ้านายชัดๆ อีกสักครั้ง เขาจะต้องนึกออกแน่ๆ
เร็นเอนหลังพิงหมอนซึ่งเขานำมากองกันไว้บนเตียงนอนของตน แล้วย้อนนึกไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน ผิวเนื้อเนียนละเอียดกับกลิ่นกายหอมละมุน ใบหน้างดงามชวนให้ลุ่มหลง พอนึกถึงหัวใจก็พาลเต้นไม่เป็นส่ำ
เสียงนุ่มๆ ที่ครางอย่างพอใจกับความสุขที่เขามอบให้ แผ่นอกที่เขาละเลงลิ้นและพรมจูบจนทั่ว ช่องทางบริสุทธิ์ที่เขาได้ล่วงล้ำเข้าไปเป็นคนแรก
...ทำไมเจ้านายถึงยอมให้เขาถึงขนาดนั้นกัน ร่างกายที่สอดประสาน สองแขนเรียวที่โอบรัดเขาแนบแน่น เขาเชื่อว่านั่นไม่ใช่การกระทำเพียงแค่เพื่อปลดปล่อยความร้อนรุ่มในกายชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
“ปล่อยออกมาข้างในตัวผม... นะ”“ชิบหาย!” เด็กหนุ่มกระเด้งตัวขึ้นนั่ง เพราะความเป็นชายที่ขยายขนาดตอบรับกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน จนคับแน่นภายในกางเกง เร็นก้มลงมองส่วนร้อนที่โป่งพองออกมาจนเห็นได้ชัดพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ เห็นทีเขาคงจะออกจากห้องไปทั้งแบบนี้ไม่ได้แน่
ร่างสูงเอนหลังพิงหมอนไปอีกครั้ง มือใหญ่ปลดปล่อยส่วนร้อนที่ขยายขนาดจนเต็มฝ่ามือออกจากอาภรณ์แล้วกอบกุมไว้ ในขณะที่สัมผัสตัวเองไปในสมองของเขาก็นึกย้อนไปถึงร่างผอมบางยั่วเย้าที่โยกไหวอยู่บนร่างกายตนเมื่อคืน
"เร็น"...จินตนาการไปว่าเป็นมือนุ่มนิ่มของเจ้านายที่กำลังรูดรั้งแก่นกายร้อนผ่าวแทนมือของตน และร่างกายที่สัมผัสกันแบบเนื้อแนบเนื้อด้วยความกระสันหากันและกัน
“อา... เจ้านาย” เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด หัวใจของเขาเรียกร้องหาบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่าความสัมพันธ์ทางร่างกาย
...ผมรักคุณ... หากมีโอกาสได้ยินเสียงนุ่มกระซิบเช่นนี้ที่ข้างใบหูสักครั้ง
“อืมมม....” เร็นเผลอส่งเสียงอย่างลืมตัว ไม่นานร่างกายเขาก็กระตุกถี่ แล้วปลดปล่อยความต้องการที่อัดแน่นออกมาในฝ่ามือใหญ่
ร่างสูงที่กำลังหอบหายใจแรงๆ ก้มลงมองของเหลวสีขาวขุ่นในฝ่ามือ สมองมึนงงกับความคิดของตนอยู่พักใหญ่ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่โหยหา อยากอยู่ใกล้ชิด อยากเป็นเจ้าของใครสักคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้คนคนนั้นจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน
เขาหลงรักเจ้านายอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
ความรักที่เพิ่งก่อเกิด หากไม่มีวันสมหวัง เร็นรู้อยู่แก่ใจ...
เด็กหนุ่มจ้องมองของเหลวอุ่นๆ บนฝ่ามือกร้าน ซึ่งมันไหลผ่านไปยังข้อมือ และลงตามท่อนแขนอย่างเชื่องช้า จากนั้นจึงสังเกตเห็นรอยแผลเป็นจางๆ ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ทางน้ำสีขุ่น
จู่ๆ ความทรงจำอันรางเลือนก็แวบผ่านเข้ามาในสมอง ไม่รู้เพราะเหตุใด เจ้ารอยแผลนี่ทำให้นึกไปถึงช่วงไฮสคูลปีหนึ่ง ซึ่งเร็นเตรียมตัวฝึกซ้อมเข้าคัดเลือกเป็นตัวแทนนักกีฬาเบสบอลระดับจังหวัดเป็นครั้งแรก เขาเกือบจะได้เป็นนักกีฬาตัวจริงที่มีอายุน้อยที่สุดของจังหวัด แต่ต้องพลาดไปเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน จึงต้องเข้าเฝือกอยู่หลายสัปดาห์ แต่สุดท้ายก็ได้รับการรักษาจนหายดี เหลือแค่รอยผ่าตัดจางๆ จนแทบมองไม่เห็น... แต่ว่าเรื่องการดูแลรักษากับโรงพยาบาลนั่น... เร็นขมวดคิ้วคล้ายจะนึกอะไรออก
(ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน)ในตอนที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงนอนในห้องพักคนไข้พิเศษ เขาไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากมายถึงขั้นที่จะต้องนอนโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด ทางทีมแพทย์จึงสั่งให้อยู่รอดูอาการสักระยะหนึ่งก่อน
...อดไปแข่งที่โคชิเอ็งซึ่งเป็นสเตเดียมในฝัน เขาก็เสียใจอยู่หรอกนะ หากเมื่อเทียบกับการที่ได้ช่วยเหลือคนคนนั้นแล้ว... ผู้ชายคนที่มีดวงตาสีเขียวใสราวกับมรกตน้ำงามซึ่งได้รับการเจียระไนมาเป็นอย่างดี และเส้นผมสีทองเปล่งกระกายสว่างไสวยามที่ล้อกับแสงอาทิตย์ซึ่งสะท้อนมาจากหิมะสีขาวที่กองอยู่หนาตา
ร่างผอมบางที่มักจะสวมเสื้อแจ็กเกตตัวหนากับกางเกงยีนส์ และสวมแว่นกันแดดสีดำไว้อยู่เสมอ... มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่สายตาของพวกเขาได้สบประสานกัน หากนั่นก็มากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับต้องมนตร์ หลงใหลในดวงตาอันงดงาม
“...ผมขอโทษคุณคิมุระมากนะ เพราะผมไม่ระวังให้ดี...” ผู้ชายคนนั้นถือช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่ขนาดที่บังตัวคนถือมิดเข้ามาในห้องพักคนไข้
แวบแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายชัดๆ เต็มสองตา เร็นไม่อาจละสายตาไปจากร่างผอมบางนั้นได้เลย คนตรงหน้าเขานี่ช่างเป็นผู้ชายที่เหมาะกับคำว่างดงามอย่างหาตัวจับยากมากที่สุด เขาไม่เคยเห็นใครที่ดูดีหมดจดขนาดนี้มาก่อน
“โอ๊ย... ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอกครับ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
อีกฝ่ายยิ้มบาง หากเป็นรอยยิ้มที่ในตอนนั้น เร็นคิดว่าน่ารักเป็นที่สุด เขาชักไม่มั่นใจว่าคนตรงหน้านี่เป็นคนจริงๆ ซะแล้วสิ “คุณครับ... ช่วยเข้ามาใกล้ๆ ผมสักนิดได้มั้ยครับ” นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกต ซึ่งราวกับมีแรงดึงดูด ตรึงสายตาของเขาไว้นิ่ง “ดวงตาของคุณสวยมากเลย ผมเพิ่งเคยได้เห็นดวงตาสีเขียวใกล้ๆ” เขาพึมพำออกไปราวกับเพ้อ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรเสียมารยาทกับอีกฝ่าย
“ขอบคุณครับ เอ้อ... ถ้างั้น... แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ละกัน”
...ทว่าพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูแบบนั้น ยิ่งทำให้ร่างผอมบางดูน่ารักมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมจะรอ” เขาอยากรู้จักคนคนนี้ให้มากขึ้น อยากจะใกล้ชิดเพราะรู้สึกถูกชะตามากเหลือเกิน หลังจากอีกฝ่ายกลับไป เขาก็ยังเอาแต่คิดถึงใบหน้านั้นอยู่ตลอดทั้งวัน ใจเฝ้ารอให้ถึงวันใหม่เร็วๆ เพื่อที่จะได้พบกันอีกครั้ง
ทว่า... หลังจากวันนั้น... เขากลับไม่เคยได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกเลย
(กลับมาเวลาปัจจุบัน)เจ้านาย... คล้ายกับคนคนนั้นมากเหลือเกิน แต่ใบหน้าที่ได้เห็นในชั่วพริบตากับความทรงจำรางเลือนก็ยากที่จะทำให้มั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกันได้ แต่ถ้าเขาได้เห็นใบหน้าของเจ้านายชัดๆ ได้สบตากันสักครั้ง... คงจะมั่นใจได้แน่
เร็นเม้มริมฝีปากครุ่นคิด จะมีวิธีไหน เขาจะทำอย่างไรได้บ้างนะ เขายังมีเวลาอีกสามสัปดาห์ ก่อนสัญญาจะจบสิ้นลง ในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่นี่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้านายเป็นใคร เพื่อที่หลังจากนี้ไปจะได้หาโอกาสตามไปหาเจ้านายได้ ถ้าหากเจ้านายคือคนคนเดียวกับที่เขาเคยพบแล้วละก็... เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหายตัวไปอีก
“แม้กระทั่งเรื่องคู่ครองในอนาคตของผม ทุกอย่างก็ถูกวางแผนไว้หมดแล้ว... วันนี้คุณก็ได้พบกับเขาแล้วยังไงล่ะ คู่หมั้นของผม...”“โธ่เว้ย!” ร่างสูงสบถเมื่อนึกถึงว่า ไม่ว่าเขาจะหลงรักเจ้านายมากเพียงไหน อีกฝ่ายก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวอยู่ดี หัวใจของเขาปวดร้าวจนต้องกัดฟันกรอด
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะ “คุณคิมุระคะ อาหารค่ำเสร็จแล้วค่ะ”
เร็นลุกขึ้นนั่ง “อะ ครับ! ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
เมื่อเสร็จจากมื้ออาหารค่ำแล้ว เด็กหนุ่มก็ปราดไปอาบน้ำแต่งตัว เขายืนโกนหนวดอยู่หน้าตู้กระจกหลังเล็กในห้องอาบน้ำที่ติดไว้เหนืออ่างล้างมือ จากนั้นจึงเปิดออกเพื่อเก็บมีดโกนและหยิบอาฟเตอร์เชฟออกมาใช้ แล้วก็เดินไปรอเจ้านายที่ห้องนอนเหมือนอย่างเคย
แต่เพราะหัวใจที่ไม่ยอมสงบลงเอาเสียเลย เร็นจึงออกไปยืนรับลมบนระเบียง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามราตรีกาล ดวงจันทร์ที่ใกล้เต็มดวงเข้าไปทุกทีมีเมฆหมอกบดบังอยู่เล็กน้อย หากเมื่อมีลมพัดมาเบาๆ ก้อนเมฆเหล่านั้นก็จะถูกพัดพาไป ส่งผลให้แสงสีนวลของดวงจันทร์ส่องลงมายังพื้นดินได้
ร่างสูงฉุกใจคิด ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด อีกสองคืนน่าจะเป็นคืนวันเพ็ญ คงเป็นคืนที่ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างไสว เขาอาจจะใช้ประโยชน์จากลำแสงนั้นได้ แต่ต้องหาอะไรมาช่วยสะท้อน เด็กหนุ่มพลันนึกไปถึงกระจกภายในห้องอาบน้ำ... ซึ่งมันน่าจะถอดออกมาได้ไม่ยาก
“เร็น”
เด็กหนุ่มจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ไม่ทันสนใจเสียงเรียกตนเองจากภายในห้อง กระทั่งสายลมพัดพาก้อนเมฆไปบดบังดวงเดือนอีกครั้ง ร่างผอมบางจึงค่อยๆ ก้าวออกมาจากในความมืด ตรงเข้าไปโอบกอดร่างสูงจากทางด้านหลัง
“เร็น”
ร่างสูงสะดุ้งเฮือก “อะ... เจ้านาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”
“มาสักพักแล้ว ผมเรียกคุณตั้งหลายรอบแน่ะ”
เร็นหัวเราะแก้เขิน “ขอโทษครับ ผมมัวแต่เหม่อ...”
“เหม่ออะไรน่ะ”
“เหม่อเพราะคิดถึง...” มือหยาบวางประกบมือขาวที่วางซ้อนกันอยู่บนแผ่นอกของตน “...เจ้านาย... น่ะสิครับ”
“ปากหวานอีกแล้ว” เสียงผู้เป็นนายตอบกลับมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ผมพูดจริงนะครับ” เร็นจับมือนุ่มขึ้นมาจูบลงไปบนฝ่ามืออย่างแผ่วเบา “...คิดถึงเจ้านายทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย”
ชายหนุ่มดึงมือกลับ “เข้าไปในห้องดีกว่า แล้วปิดม่านด้วยนะ” จากนั้นก็สาวเท้ากลับเข้าไปภายในห้อง โดยมีร่างสูงเดินตามไปติดๆ
มือหยาบดึงผ้าม่านหนามาปิดบานประตูกระจกสำหรับออกระเบียง เสร็จแล้วจึงก้าวเข้าไปหาเจ้านายซึ่งนั่งรออยู่บนเตียง เขาย่อตัวลงนั่งบนเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าอีกฝ่าย “วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยครับ ให้ผมช่วยถอดเสื้อสูทออกให้นะ”
“จะถอดแค่นั้นเหรอ”
เร็นยิ้มกริ่ม “เจ้านายใจร้อนจัง ทีละชิ้นสิครับ” พอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาจากเจ้านาย เด็กหนุ่มจึงพูดต่อ ขณะที่ช่วยถอดเสื้อให้อย่างใจเย็น “ดีจังเลยครับ ที่วันนี้เจ้านายหัวเราะได้”
“.....”
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองใบหน้าสวยหวานในเงามืด “...ผมไม่รู้ว่าเจ้านายจะเคยเห็นรึเปล่า มีโบสถ์แห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่แม่ผมรักษาตัวอยู่ ในโบสถ์นั้นน่ะ มีภาพวาดเทวดาอยู่บนผนัง... เป็นภาพวาดที่สวยมากเลยล่ะครับ” เร็นยิ้ม ขณะที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด “...เวลาที่ผมกลุ้มใจ ต้องการกำลังใจ ผมก็มักจะไปที่นั่น”
“...งั้นเหรอ...” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
“ผมแวะไปบ่อยๆ แทบทุกครั้งที่ไปเยี่ยมแม่ แล้วบาทหลวงที่นั่นก็ใจดีมากด้วยล่ะครับ แต่ผมไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์หรอกนะครับ”
“ทำไมจู่ๆ ก็พูดถึงขึ้นมาล่ะ”
“...คงเพราะ... เมื่อวานที่เจ้านายบอกว่ากลุ้มใจน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางสังเกตท่าทีของคนตรงหน้าไปด้วย “...ผมชอบไปยืนมองภาพวาดเทวดาในโบสถ์ จนถูกแซวอยู่บ่อยๆ ว่าหลงรักภาพวาดเลยล่ะครับ”
“.......”
“ที่จริงแล้ว... ผมคิดว่าเพราะภาพวาดนั้นทำให้ผมนึกถึงใครบางคนมากกว่า เขามีดวงตาสีเขียวแล้วก็ผมสีทองเหมือนในภาพวาดเลยครับ” เร็นพูดลองเชิงอีกฝ่าย ทว่าชายหนุ่มก็ยังนิ่งอยู่เช่นเดิม
เร็นขมวดคิ้ว เขาเม้มปาก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา มือหยาบเคลื่อนลงมาจัดการกับกางเกงของเจ้านาย
“เร็น...” มือนุ่มยกขึ้นประกบใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับโน้มศีรษะเข้าไปหาแล้วแต้มจูบบนเรียวปากหยักได้รูป
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมมืออีกฝ่าย “เจ้านาย...”
...ผมรักคุณ “...เวลาที่อยู่กับผม มีความสุขมั้ยครับ”
“อืม”
“สำหรับผม... เวลาที่อยู่กับเจ้านาย ผมมีความสุขมากเลยนะครับ” ...อยากอยู่แบบนี้ไปอีกนานๆ “...อยากกอด อยากจูบคุณอยู่ตลอดทั้งวันเลย”
ชายหนุ่มหัวเราะ “พูดแบบนี้... อยากได้อะไรจากผมงั้นเหรอ”
“เจ้านายให้ผมไม่ได้ทุกอย่างหรอกครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “แต่ผมน่ะ... อยากทำให้เจ้านายมีความสุขมากที่สุด” ...สุขจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วอยู่กับเขาต่อไปเรื่อยๆ อยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้
“วันนี้ปากหวานจริงๆ เลย” มือขาวดึงคอเสื้อของเร็นเข้าหาตัว “ถ้างั้นก็พิสูจน์ทีสิ ว่าทำให้ผมมีความสุขได้มากขนาดไหน”
มือหยาบดึงกางเกงสแล็กกับกางเกงชั้นในออกจากสองขาเรียว จากนั้นจึงกอบกุมส่วนไวสัมผัสของเจ้านายไว้ในฝ่ามือ แล้วโน้มใบหน้าลงไปหา “ผมจะพิสูจน์ให้เจ้านายเห็นเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
ค่ำคืนที่ร้อนรุ่มดั่งไฟผ่านไปอย่างเชื่องช้า เรียวปากบางพรมจูบ ลิ้นร้อนลากไล้ ละเลียดชิมไปทุกส่วนบนผิวกายขาว สองร่างเสียดสี หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง เหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามร่างกายคละเคล้า ลมหายใจของพวกเขาประสานกันเป็นจังหวะเดียว เสียงหอบกระเส่าพร่ำเรียกหากันดังแว่ว ไปจนกระทั่งทั้งสองคนผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน
TBC~*อิอิ อีกไม่นานเจ้านายจะได้เปิดตัวแล้วค่า 
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านนะค้า จุ๊ฟฟฟ