พิมพ์หน้านี้ - เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: huskyhund ที่ 13-01-2015 11:34:02

หัวข้อ: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 13-01-2015 11:34:02
อ้างถึง
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


สารบัญ

Prologue - Chapter 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2931321#msg2931321)
Chapter 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2933298#msg2933298)
Chapter 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2939777#msg2939777)
Chapter 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2947420#msg2947420)
Chapter 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2954200#msg2954200)
Chapter 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2960395#msg2960395)
Chapter 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2974822#msg2974822)
Chapter 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2983172#msg2983172)
Chapter 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2995264#msg2995264)
Chapter 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3002598#msg3002598)
Chapter 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3008757#msg3008757)
Chapter 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3016385#msg3016385)
Chapter 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3026434#msg3026434)
Chapter14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3039791#msg3039791)
Chapter 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3049371#msg3049371)
Chapter 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3056474#msg3056474)
Chapter 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3073801#msg3073801)
Chapter 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3082078#msg3082078)
Chapter 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3093856#msg3093856)
Chapter 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3102492#msg3102492)
Chapter 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3110953#msg3110953)
Chapter 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3117816#msg3117816)
Chapter 23 END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg3123514#msg3123514)



อ้างถึง
นิสรีน กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44832.msg2905201#msg2905201)
เบลอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45395)
เหนือเมฆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48008)
แต่กาลก่อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56263.msg3500268#msg3500268)
ภูสอยเดือน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 13-01-2015 11:42:05


**นิยายทุกเรื่องของฮัสกี้ ไม่อนุญาตให้นำออกจากเล้า และไม่อนุญาตให้นำไปโพสต์ที่บอร์ดอื่นๆ เด็ดขาดค่ะ


Prologue


ในคืนที่ท้องนภาสว่างจ้าไปด้วยแสงสีนวลของจันทราค่อนดวง ร่างผอมบางของชายหนุ่มในชุดสูทนั่งอยู่บนเบาะภายในรถคันหรูที่เขาเป็นคนขับ ใบหน้ารูปไข่เงยขึ้นมองดวงบุหลันที่ลอยประดับอยู่เบื้องบน หัวใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังเดินผ่านรถที่จอดนิ่งอยู่กับที่

มือเรียวเอื้อมมือออกไปเปลี่ยนเกียร์ ก่อนจะเคลื่อนรถตามไปอย่างเชื่องช้า แล้วหยุดลงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างสูงเลี้ยวเข้าไปภายในสนามเด็กเล่น ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังกว้างออกไป

ใบหน้าคมสันของเด็กหนุ่มดูซูบไปมาก หากนั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดน้อยลงไปเลย ท่าทางเหน็ดเหนื่อยและอ่อนแรงดูจะไม่ค่อยเข้ากับรูปร่างกำยำนัก จากการมองอยู่ไกลๆ ก็ยากที่จะคาดเดานิสัยและความคิดของอีกฝ่ายได้

จนกระทั่งเด็กหนุ่มที่เดินเข้าไปภายในสนามเด็กเล่นนั่งลงบนชิงช้า แล้วหยิบแผ่นกระดาษของนามบัตรที่ได้รับมาขึ้นพลิกดู


ร่างผอมบางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกแล้วผลุนผลันก้าวลงจากรถ แต่ก็ชะงักเพราะรถอีกคันที่จอดอยู่ทางด้านหลัง ชายหนุ่มสบสายตากับคนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังรถคันนั้น จากนั้นจึงกวักมือเรียก

คนถูกเรียกเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม "ครับ"

"...ผมจะซื้อตัวเขาไว้เอง ช่วยจัดการให้ทีนะครับ"

..

.....

..


Chapter 1


สายลมเย็นสบายในตอนปลายฤดูใบไม้ผลิพัดเอื่อยๆ พาให้ใบไม้สีเขียวเข้มบนต้นไม้ที่ปลูกไว้ให้ร่มเงาบริเวณด้านนอกรั้วรอบสนามเบสบอลในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพลิ้วไหว เสียงเสียดสีกันของใบไม้ดังแว่ว ขณะเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่สะพายเป้ไว้บนบ่าก้าวเท้ายาวๆ เดินผ่านไป

เสียงเฮฮาดังลั่นมาจากทิศที่ตั้งของสนามกีฬา เพราะวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียนแรกของหลายคณะ พวกนักกีฬาของทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยคงจะลงสนามไปยืดเส้นยืดสายหลังจากที่นั่งท่องหนังสือกันหลังขดหลังแข็งมานาน และเตรียมฝึกฝนสำหรับการแข่งขันในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง

ร่างสูงพ่นลมหายใจออกหนักๆ ตัวเขาเองก็อยากจะลงไปร่วมในสนามกับเพื่อนๆ นักกีฬาด้วยเช่นกัน ก็เพราะอุตส่าห์ได้รับทุนการศึกษาเข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีทีมเบสบอลที่มีชื่อเสียงขนาดนี้แล้ว... หากโชคชะตาของเขากับเบสบอลคงไม่ถูกกันสักเท่าไหร่

“เฮ้ย! คิมุระ! ลงมาเล่นด้วยกันซี่! แป๊บนึงก็ยังดี” รุ่นพี่คนหนึ่งในทีมตะโกนทักทายพร้อมโบกมือเรียก

เจ้าของชื่อเรียกนั้นส่ายหน้าพลางยิ้มแหยๆ “ไม่ได้หรอกรุ่นพี่ ผมต้องไปทำงานพิเศษ” แต่พอเขาทำท่าจะเดินต่อ รุ่นพี่อีกคนที่เป็นกัปตันทีมก็วิ่งตามหลังออกมาจากเขตรั้วสนามพร้อมกับโค้ชของทีม “เร็น!”

“อ้าว โค้ช รุ่นพี่ฮารุ มีอะไรรึเปล่าครับ”

รุ่นพี่ส่งซองกระดาษสีน้ำตาลหนาให้กับเด็กหนุ่ม “นี่จากทุกคนในทีม”

“เฮ่ย พี่... อะไรเนี่ย! จดหมายด่ารึเปล่า” เร็นรับซองนั้นมาพร้อมหัวเราะแหะแหะ แต่พอเปิดซองดู เขาก็ส่งคืนให้กับรุ่นพี่ไปทันที “...ไม่ดีหรอกพี่! ผมรับไม่ได้หรอก”

“เอ็งอย่าเล่นตัวน่ะ! เอาไปเถอะ ไม่ใช่มากมายอะไร... แต่พวกเราก็ช่วยเอ็งได้เท่านี้แหละ มันจำเป็นไม่ใช่รึไง” รุ่นพี่ตบไหล่หนาหนักๆ “ขอให้แม่หายไวๆ ส่วนเรื่องทีมเบสบอล... ที่ของเอ็งยังอยู่ พวกเรายังรอเอ็งเสมอนะ”

“แต่ว่า...”

โค้ชวางมือลงบนศีรษะของเด็กหนุ่ม “ฟังนะ คิมุระ เราน่ะเป็นเด็กทุน ถ้าลาออกจากทีม ต่อไปก็ต้องจ่ายค่าเรียนเอง ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเยอะขึ้นไปอีก... แม่อาการดีขึ้นเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมา”

เด็กหนุ่มยืนนิ่ง เขาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะค้อมตัวลงต่ำ “ขอบคุณครับโค้ช ขอบคุณครับรุ่นพี่”

“รีบไปเถอะ” รุ่นพี่พูดก่อนจะโบกมือลา


คิมุระ เร็น เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองในมหาวิทยาลัยเฮเซ ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีทีมเบสบอลที่มีชื่อเสียงมากในโตเกียว เขาเป็นลูกครึ่งสองสัญชาติ บิดาเป็นชาวกรีซและมารดาเป็นชาวญี่ปุ่น ทว่าเด็กหนุ่มไม่เคยได้พบ ไม่เคยได้รู้จักกับบิดาของตน เขาเติบโตมาตามลำพังกับมารดา... คิมุระ ฮานาโกะ ผู้ซึ่งทุ่มเททั้งชีวิตให้กับบุตรชาย

ครอบครัวคิมุระนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไร หากมารดาก็พยายามที่จะให้ลูกชายได้เล่าเรียน ได้เล่นกีฬาที่ชอบ ได้มีอนาคตที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวเช่นเธอจะทำได้ เขาเป็นบุตรชายที่เธอภาคภูมิใจ ทั้งใบหน้าเรียวที่หล่อเหลาและคมเข้มแบบชาวตะวันตก คิ้วเรียวดกบนดวงตาสีเข้มคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป ผิวเนียนแบบชาวตะวันออกที่ตากแดดเป็นประจำจนเป็นสีแทน เร็นเคยเป็นนักกีฬาเบสบอลของโรงเรียนสมัยที่อยู่ชั้นไฮสคูล ทีมของเขาเก่งกาจจนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจังหวัดไปร่วมแข่งที่สนามโคชิเอ็งอันยิ่งใหญ่มาแล้ว แม้จะไม่ได้เป็นที่หนึ่ง หากก็มีความโดดเด่นจนน่าจับตา

เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เร็นถูกวางตัวให้เป็นมือขว้างคนสำคัญของทีม เขาได้ลงแข่งนัดสำคัญในเมจิจิงกุสเตเดียมเกือบครบทุกนัด และในปีแรกนั้น เร็นกับเพื่อนๆ ในทีมก็ช่วยกันรักษาตำแหน่งแชมป์ประจำลีคของมหาวิทยาลัยในโตเกียวไว้ได้ติดต่อกันถึงสองฤดู

ทว่าเร็นไม่อาจรักษาความสุขเอาไว้ได้ มารดาของเขาล้มป่วยเนื่องจากตรากตรำทำงานหนักมาเป็นเวลานาน แม้จะมีประกันสังคม หากก็ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในโรงพยาบาล แล้วยังค่ากินอยู่ ค่าห้องเช่าที่พัก... ทำให้เด็กหนุ่มต้องยื่นเรื่องขอลาออกจากทีมเบสบอลของมหาวิทยาลัยหลังจากที่เปิดเทอมแรกของชั้นปีสองได้สักพัก แล้วใช้เวลาว่างเพื่อทำงานพิเศษแทน

เขาเสียใจกับชะตากรรมของตนเอง แต่ก็ไม่ได้ท้อแท้หรือท้อถอย ตัวเขาในเวลานี้ต้องการเพียงแค่ให้มารดากลับมาแข็งแรงอีกครั้งเท่านั้น


ร่างสูงก้าวลงมาจากป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเขตนัก ระหว่างทางที่วิ่งไปโรงพยาบาลนั้น เขาวิ่งผ่านโบสถ์ขนาดเล็กๆ ซึ่งเขาเคยเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์เวลาที่หมดแรง เวลาที่เขาหิวโหยและไม่มีเงินซื้ออาหาร ก็ได้บาทหลวงจากในโบสถ์นี้แหละ ที่ให้ข้าวให้น้ำกับเขา

“อ้าว เร็น! มาพอดี กำลังจะไปเยี่ยมคุณแม่ใช่มั้ย แวะเข้ามานี่ก่อนสิ” บาทหลวงในชุดสีขาวสะอาดตากวักมือเรียก

“คุณพ่อ!” เร็นยิ้มกว้าง ขายาวพาเจ้าของก้าวฉับๆ เข้าไปหาอีกฝ่าย พลางค้อมศีรษะลงต่ำ “มีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับ”

“พอดีมีแขกมาเยี่ยมโบสถ์น่ะ เอาพวกขนมกับผลไม้มาให้เยอะเชียว... มาแบ่งไปกินสิ ฝากไปให้คุณแม่ด้วย” บาทหลวงตอบ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปภายในตัวโบสถ์ “แล้ววันนี้ทำงานรึเปล่าล่ะ”

“ทำครับ เดี๋ยวไปเยี่ยมแม่แล้วผมก็จะไปทำงานต่อ” เร็นตอบพร้อมยิ้มกว้าง

บาทหลวงยิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวพ่อมา”

“ครับ” เด็กหนุ่มก้าวไปช้าๆ ตามทางเดินที่มีม้านั่งตัวยาวจัดไว้ทางด้านซ้ายขวา ยาวไปจนเกือบถึงบริเวณหน้าพระแท่น ก่อนจะเลือกนั่งลงบนม้านั่งยาวตัวหนึ่ง


ภายในตัวโบสถ์เย็นเยือก มีแสงส่องผ่านกระจกโมเสกเข้ามาเพียงเล็กน้อย กลิ่นไหม้ของเทียนบางเบาปะปนกับกลิ่นดอกไม้จางๆ วันนี้ตรงหน้าพระแท่นและรูปปั้นแม่พระกับนักบุญต่างๆ มีดอกไม้ประดับประดาไว้สวยงาม แสดงว่าแขกคนที่มาเยี่ยม คงจะเป็นคนสำคัญไม่ใช่น้อย

สายตาของเร็นไปหยุดอยู่ที่ภาพวาดที่เขาชอบมากที่สุด ภาพวาดเบื้องหลังของแม่พระในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าสดใส เบื้องหน้าของพระองค์มีเทวดาร่างบอบบางในชุดสีขาวสะอาดตายืนอยู่ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักและผมสีทองเป็นลอนสวย ดวงตาสีเขียวดุจมรกต ริมฝีปากสีแดงเล็กคลี่ยิ้มบาง ในมือถือดอกลิลลี่สีขาว เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้าภาพวาดขนาดใหญ่บนกำแพงรูปนั้น จากนั้นจึงยื่นมือออกไปแตะกลีบปากสีแดงนั้นเบาๆ

...ทุกครั้งที่มายืนตรงหน้ารูปวาดนี้ เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเทวดาในรูปกำลังส่งยิ้มมาให้กับตน

เร็นยิ้มบาง ขณะเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ มาจากทางด้านหลัง เขาจึงหันไปมองดู “คุณพ่อ?”

“เอ้า เร็น มาช่วยยกไปที” เสียงของบาทหลวงดังแว่ว เด็กหนุ่มจึงรีบวิ่งออกไปตามต้นเสียง

“คร้าบ~”

“ตระกร้าใหญ่นี่ของคุณแม่นะ แล้วนี่ในถุงของเธอ... คงจะกินได้หลายวันอยู่”

เร็นยิ้มกว้าง ดวงตาสีเข้มเบิกโพลง “โอ้โห! ตระกร้าเบ้อเริ่มเลย” ผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกร้าพวกนั้น... เป็นผลไม้ชั้นดีราคาไม่ใช่น้อย ชนิดที่ทั้งชีวิตเคยมีโอกาสได้ลิ้มลองไปไม่กี่หน “แม่ต้องดีใจแน่ๆ เลยครับ ขอบคุณครับ”

“เร็นกินอาหารครบทุกมื้อรึเปล่า” บาทหลวงถามด้วยความเป็นห่วง

“ครบครับคุณพ่อ มื้อเย็นผมก็กินที่ร้านโซบะที่ไปทำงานน่ะแหละครับ แล้วลุงเจ้าของร้านก็ห่ออาหารที่เหลือไว้ให้กินมื้อเช้าด้วย”
บาทหลวงพยักหน้า “ดีๆ ได้ยินอย่างนี้ก็ค่อยยังชั่ว... พ่อจะช่วยสวดให้คุณแม่หายไวๆ นะ รีบไปเถอะ แล้วอย่าทำงานจนไม่สบายล่ะ”

“ครับคุณพ่อ ขอบคุณครับ” เร็นยัดถุงที่หนักอึ้งเพราะผลไม้มากมายลงในกระเป๋าเป้ จากนั้นจึงคว้าหูตระกร้าขึ้น “ผมไปนะครับ”

ร่างสูงวิ่งออกจากโบสถ์ไปอย่างอารมณ์ดี ผ่านขบวนรถสีดำเป็นเงาราคาแพงที่จอดอยู่ทางด้านหน้าตัวโบสถ์ไปอย่างไม่ใส่ใจ ไม่นานก็ไปถึงห้องพักของมารดาในโรงพยาบาล เขาก้าวเข้าไปหามารดาด้วยรอยยิ้ม

“อ้าว สุดหล่อมาแล้ว” หญิงวัยกลางคนที่อยู่อีกเตียงร้องทัก

“สวัสดีครับ” เร็นค้อมศีรษะ ก่อนจะหันไปหามารดา “หวัดดี แม่ วันนี้ผมมีของดีมาให้” เขายกตระกร้าผลไม้ขึ้น “คุณพ่อที่โบสถ์ให้มา”

ฮานาโกะยิ้มรับ “ขอบใจ ฝากขอบคุณคุณพ่อด้วยนะลูก”

“แม่เป็นยังไงบ้าง”

“ก็เรื่อยๆ น่าเบื่อเหมือนกันน่ะ เดินนิดหน่อยก็เหนื่อย ได้แต่นั่งมองหมอหนุ่มๆ ไปวันๆ น่ะ”

ฮานาโกะเป็นโรคหัวใจ แม้จะรู้ตัวมานานแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะรักษา ดังนั้นเมื่อเธอทรุดหนัก จึงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างใจต้องการ เพราะทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อยไปหมด

“ผมเห็นที่นี่มีแต่หมอแก่ๆ”

มารดาตีแขนสีแทนเบาๆ “นี่แม่จะบอกให้ กลางวันน่ะ มีนักศึกษาแพทย์มานะจ๊ะ เอ๊าะๆ เลยเชียว”

เร็นหัวเราะ “พอพูดถึงหนุ่มๆ ก็มีแรงเลยนะแม่!”

มารดายิ้มบาง... เธอรู้ว่าตัวเธอนั้นเป็นภาระ อยู่ไปก็รังแต่จะทำความลำบากให้ลูกชาย แต่เธอก็เข้าใจดีว่าเร็นไม่มีใคร ไม่เหลือใครอีกแล้ว เธอไม่อยากปล่อยให้ลูกชายต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง... หากไม่ว่าภายในใจจะท้อแท้สักเพียงไหน เธอก็จะไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเป็นอันขาด

ทว่าเร็นก็สังเกตได้จากดวงตาที่อ่อนล้าของเธอ “อดทนหน่อยนะแม่” เขาบีบมือมารดาเบาๆ “แม่จะต้องหายดีแน่ๆ”

“แม่ก็อยากหายเหมือนกัน เร็นจะได้ไม่ต้องทำงานเหนื่อยแบบนี้”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา “ผมปอกผลไม้ให้นะ”

มารดาเอนหลังพิงหมอน พลางหันหน้าไปมองลูกชายที่กำลังปอกผลไม้อย่างคล่องแคล่ว “เร็น... เหนื่อยมั้ยลูก... เมื่อวานทำงานถึงกี่โมง”

เด็กหนุ่มตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นสบตากับมารดา “สี่ทุ่มครับ” ...เขาโกหก... ที่จริงนั้นเวลางานของเขาคือห้าโมงเย็นถึงเที่ยงคืน

“......”

“ลุงมาซะใจดีมาก ที่ร้านก็มีคนเยอะตลอดเวลาเลย แต่เมื่อวานมีผู้หญิงกลุ่มนึงเมา เกาะผมแน่นจนแกะไม่ออก ลำบากพี่ๆ ในร้านต้องมาช่วยแกะ แกะๆ อยู่พวกเธอก็อ้วกใส่เอาด้วย”

มารดาหัวเราะ “หล่อมากก็ลำบากงี้แหละ” จากนั้นจึงถามเสียงแผ่ว “แล้ว... เบสบอลล่ะลูก”

...เขายังไม่ได้บอกมารดาว่ายื่นใบขอลาออกจากทีมไปแล้ว... “ช่วงนี้สอบน่ะครับ ก็เลยปิดสนามพัก”

“แม่ขอโทษนะลูก”

เร็นหัวเราะ “ขอโทษอะไรกันครับ ผมสบายดี มีความสุขดี... เป็นห่วงก็แต่แม่นั่นแหละ อยากให้แม่หายไวๆ” เขาส่งผลไม้ให้กับมารดา แล้วนำไปส่งให้หญิงวัยกลางคนอีกเตียงด้วย “แต่วันนี้ผมคงอยู่กับแม่ไม่ได้นานนะ เดี๋ยวผมต้องไปทำงานแล้ว”

มารดายิ้ม “ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้... ลูกเหนื่อยแล้ว”

“อย่ามาทำพูดดีเลย ถ้าผมไม่มา แม่ก็จะนอนร้องไห้น่ะสิ”

“สำคัญตัวเองผิดไปละ” เธอสะบัดหน้าพรืด

เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปจูบหน้าผากของมารดา “ผมต้องไปละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะครับ” จากนั้นจึงคว้าเป้ขึ้นสะพายบ่า เขาค้อมศีรษะลาอีกคนในห้อง “ผมไปนะครับ ฝากแม่ด้วย”

ทว่าเมื่อเร็นก้าวออกจากห้อง หนึ่งในพยาบาลก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขา เธอพาเขาไปพูดคุยกับแพทย์ ซึ่งหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็รีบไปยังร้านโซบะต่อในทันที

..

.....

..

เวลาหลังจากห้าทุ่มไป ลูกค้าในร้านโซบะเบาบางลงไปบ้าง ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นนั่งคุยและดื่มเหล้ากันซะมากกว่า งานเสิร์ฟและช่วยในครัวของเร็นจึงเพลาลง

“เร็น กินอะไรก่อนซิ” ลุงมาซะเจ้าของร้านวางถาดอาหารลงบนโต๊ะในครัว “เดี๋ยวจะได้สลับกับเจ้าเคนจิ เจ้าโช”

“ขอบคุณครับ”

“หน้าตาไม่สบายเลยนะวันนี้ ทำข้อสอบไม่ได้เรอะ”

เร็นถอนหายใจหนักๆ ใช้ตะเกียบเขี่ยอาหารในจานไปมา “.....”

ปกติแล้ว มาซะจะตีมือเด็กหนุ่มเวลาที่เขาเขี่ยอาหารแบบนี้ หากวันนี้เจ้าของร้านสัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มดูเครียดกว่าทุกที “มีอะไรรึ”

เคนจิกับโชก้าวเข้ามาในครัวบ้าง “ลุง พวกผมปิดร้านแล้วนะ ลูกค้ากลับไปหมดแล้ว”

“เอ้อ ดีๆ งั้นก็มานั่งกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวจะได้กลับ”

สักพักทั้งสี่คนก็มานั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งในกลุ่มนั้นเร็นมีอายุน้อยที่สุด

“เฮ้ย เร็น วันนี้สอบวันสุดท้ายไม่ใช่เหรอวะ ทำไมทำหน้าบูดเป็นตูดแบบนั้น แม่อาการไม่ดีขึ้นเหรอวะ” เคนจิถามขึ้น

“อาการก็เหมือนเดิม... แต่วันนี้ หมอเรียกผมไปคุย บอกว่าควรจะรีบผ่าตัดให้เร็วที่สุด แม่พอจะยังมีโอกาสแข็งแรงขึ้น”

“เอ๊ย ก็ดีสิ” โชตบไหล่หนาหนักๆ “ข่าวดีไม่ใช่เหรอ”

เร็นส่ายหน้าช้าๆ “...แต่ถ้ายิ่งรอนานวันไป โอกาสนั้นก็จะยิ่งลดลง”

ลุงมาซะผ่านประสบการณ์มามากมาย ทำให้พอจะเดาปัญหาของเด็กหนุ่มได้ “...แต่ว่า... ค่าผ่าตัดนั่น หักค่าประกันแล้วก็ยังคงแพงมากสินะ”

เร็นพยักหน้าหงึกหงัก “ผมไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น...”

“เท่าไหร่วะ เดี๋ยวพี่ให้ยืมก่อน” เคนจิพูดขึ้น ทั้งที่ตัวเขาก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร

“ถ้าไม่เยอะมาก เดี๋ยวลุงจะช่วยอีกแรงนะ”

เร็นยิ้มบาง... เขายังจะมีหน้าให้คนที่ร้านช่วยอีกเหรอ ในเมื่อการผ่าตัดของมารดาครั้งที่แล้ว ทุกคนก็ช่วยเหลือเขา ช่วยหาเงินให้... เขายังไม่ได้คืนเงินให้กับทุกคนเลย แล้ววันนี้ก็รับเงินมาจากพี่ๆ ในทีมอีก

“อย่าคิดมากน่ะ เร็นเอ๊ย...” โชขยี้เส้นผมสีดำของเด็กหนุ่ม

“ไม่เป็นไรครับ ปิดเทอมแล้ว เดี๋ยวผมจะหางานพิเศษทำเพิ่ม” เร็นพยายามซ่อนอารมณ์ไว้ เขาก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารจนหมด “ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”

เด็กหนุ่มก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ เขาเปิดตู้ล็อกเกอร์ หยิบซองกระดาษสีน้ำตาลออกมาดู ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง

เงินที่ทางทีมเบสบอลรวบรวมมาช่วยเหลือเป็นจำนวนสองแสนเยน... ก็เป็นเงินมากอยู่ ทว่านั่นก็ยังไม่พอเป็นค่าผ่าตัด

...แม้ประกันสุขภาพจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ให้แล้ว แต่ก็ยังขาดเงินอีกเกือบสองล้านเยน เขาจะไปหามาจากไหน... แม้จะอยากให้อาการเจ็บป่วยของมารดาดีขึ้น แต่เงินมากมายขนาดนั้น... เด็กหนุ่มยกมือขึ้นทุบศีรษะแรงๆ ดวงตาร้อนผ่าว หากก็อดทนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

บานประตูเปิดออกช้าๆ ก่อนเคนจิจะก้าวเข้ามานั่งยองๆ ข้างๆ กัน “เฮ่ย... เร็น...”

“.....”

“เงินขาดเท่าไหร่”

“...เยอะมากครับ ผมไม่รู้ว่าจะหาได้ทันมั้ย”

เคนจิถอนหายใจ “เอ็งเป็นคนหน้าตาดีนะ รูปร่างก็ดี ลองไปทำงานเป็นโฮสต์หน่อยมั้ย”

“ฮะ!?” เร็นเงยหน้าขึ้นพรวด

“ถ้าโชคดี มีสาวๆ ไฮโซแม่ม่าย หรือพวกหนุ่มไฮโซที่เป็นเกย์มาติดพัน เอ็งสบายเลยนะเว้ย ได้เงินค่าเลี้ยงดูทีเป็นล้านๆ รักษาแม่เอ็งได้สบายๆ”

วินาทีแรกที่ได้ยิน เร็นคิดจะตกลงใจในทันที... แต่ถ้าเขาไปทำงานแบบนั้น อนาคตทางด้านเบสบอลของเขาก็คงจะดับวูบ “.....”

เคนจิลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าออกมาจากล็อกเกอร์ แล้วยัดนามบัตรใส่มือของเด็กหนุ่ม “เพื่อนพี่เป็นโฮสต์อยู่ร้านนี้ จะลองไปดูมั้ยล่ะ ต่อจากนี้ว่างแล้วนี่ เอ็งสอบเสร็จแล้ว”

“...แต่...”

“ไปดูก่อน แล้วเอ็งค่อยตัดสินใจอีกที”


เคนจิพาเด็กหนุ่มไปย่านราตรีที่โด่งดังในกรุงโตเกียว แม้จะเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าชีวิตในยามราตรีของคนเมืองกรุงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ทั้งสองคนเดินผ่านป้ายไฟหลากสีของร้านในแถบนั้นซึ่งเปิดไว้เรียงๆ กันจนสว่างไปทั้งถนน แล้วตรงไปยังร้านโฮสต์ใหญ่โตร้านหนึ่ง

“โอ้โห... นายนี่ มาเป็นที่หนึ่งของร้านได้สบายๆ เลยนะ รูปร่างแบบนี้ ใส่สูทคงเท่น่าดู” อิซาโอะ เพื่อนของเคนจิพูดขึ้นภายในห้องพักของโฮสต์ขณะที่เขาอยู่ในระหว่างพักพอดี “ให้พี่พาไปหาเจ้าของร้านเลยมั้ยล่ะ”

“ยังเว้ยยัง เด็กมันมาดูลาดเลาก่อน” เคนจิโบกมือห้าม

อิซาโอะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เร็น มือไม้ของเขาอยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปทั่วแขนขาและแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม “...เคนจิรู้จักเด็กน่ากินขนาดนี้ก็ไม่บอกกันเลย... ถ้าไม่อยากเป็นโฮสต์ มาเป็นเด็กพี่มะ”

“เฮ้ย!” เร็นผงะ พลางถอยกรูด “พี่ชอบผู้ชายด้วยเหรอ!”

อิซาโอะยักไหล่ “ได้ทั้งนั้นล่ะ ขอให้แซบๆ ก็พอ” เขาปรายตามองเด็กหนุ่มแล้วยิ้มมุมปาก “ทำงานโฮสต์ที่นี่ ไม่ได้มีเฉพาะลูกค้าผู้หญิง ผู้ชายก็มี... ผู้ชายบางคน ให้ทิปหนักกว่าด้วย”

...เยะ... เหยดเข้... เร็นหน้าซีดลงทันควัน

“ลองออกไปนั่งสักชั่วโมงมั้ยล่ะ ได้ทิปเท่าไหร่ก็เก็บเอาไปให้หมดเลย เดี๋ยวพี่ไปขอเจ้าของให้”

เคนจิดันหลังของเด็กหนุ่มเบาๆ “ลองสิวะ เร็น ไหนๆ ก็ไหนมาถึงที่แล้ว”

“พี่ไปด้วยกันสิ”

“หน้าปลาทูชนเขื่อนอย่างพี่นี่ จะให้ออกไปทำร้านเขาล่มจมเหรอวะ ถ้าหล่อพี่เป็นโฮสต์ไปนานแล้วโว้ย”

“...ผม... ผมว่า...” เด็กหนุ่มอึกอัก พลางหันรีหันขวาง สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างลังเล

“ไอ้ห่านี่ อย่าป๊อดน่า ชั่วโมงเดียวเอ็งจะสึกหรอสักเท่าไหร่กันเชียววะ” เคนจิผลักเด็กหนุ่มออกไปจากเก้าอี้นั่งพร้อมกับพ่นลมหายใจหนักๆ “พี่นั่งดื่มชารออยู่แถวนี้แหละ ไม่ไหวก็ค่อยถอยออกมาได้นี่หว่า”

“.....” ...เอาวะ แค่ชั่วโมงเดียว ลองก่อนก็แล้วกัน!

หลังจากที่อิซาโอะไปจัดการขออนุญาตจากเจ้าของร้านให้แล้ว เขาก็พาเด็กหนุ่มไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างนั้นก็จ้องมองเร็นแต่งตัวไปตาเป็นมัน ใจนึกว่าจะต้องพาเด็กหนุ่มกลับไปกับเขาคืนนี้ให้ได้ เมื่อประเมินจากใบหน้าและรูปร่างแล้ว ท่าทางเด็กหนุ่มคงจะมีประสบการณ์เรื่องเซ็กส์อยู่ไม่น้อย แล้วในวัยเช่นนี้ ก็น่าจะมีความต้องการมากซะด้วย แบบนี้น่ะ เขาละชอบนัก

“พี่... แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”

“ก็คุยกับแขก เขาให้ทำอะไรก็ทำ... ปกติแขกจะแตะต้องตัวพนักงานได้นิดหน่อย เวลาที่เขาแตะ เขาก็จะให้ทิปมาด้วย เวลาที่เขาสั่งเครื่องดื่ม นายก็จะได้เปอร์เซ็นต์... ถ้าแขกติดใจแล้วชวนไปต่อ อันนี้นายก็ตกลงราคาเองก็แล้วกัน”

“ไปต่อ...” เร็นขมวดคิ้ว

“ก็อาจจะไปดื่มเหล้าต่อ หรือไปโรงแรมน่ะ”

“เย้ยยยย! แล้วถ้าแขกเป็นผู้ชายล่ะพี่!”

อิซาโอะยักไหล่ “ก็แล้วแต่แขกซิ ว่าเขาอยากให้นายรุก หรืออยากให้รับ...”

เร็นหน้าถอดสี “ละ... แล้วส่วนใหญ่... พี่เจอแบบไหน”

“ถ้าเป็นพวกแก่ๆ ก็ชอบรุกน่ะนะ”

ร่างสูงรู้สึกเสียววาบบริเวณสะโพกขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นพรวด “ผมไม่ทำดีกว่า ผมกลับ...”

“เดี๋ยวซิ ทดลองก่อนเซ่ แค่ชั่วโมงเดียว” อิซาโอะคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้ “ไปๆ ออกไปด้วยกันนี่แหละ”

ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันโชคดีของเร็นรึเปล่า เขาเป็นที่สนใจของแขกภายในร้านมากพอตัว ช่วงแรกๆ ก็มีผู้หญิงหลากหลายวัยมารุมล้อม นั่งคุยกับพวกเธอไปแค่สิบนาที เขาก็ได้ทิปมาฟ่อนใหญ่ แต่เพราะอิซาโอะอยากให้เด็กหนุ่มได้มีประสบการณ์หลายๆ แบบ จึงพาไปแนะนำให้กับกลุ่มผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้วยกันสองสามคนบ้าง

อิซาโอะผลักเด็กหนุ่มให้ไปนั่งชิดกับชายร่างท้วมศีรษะล้านคนหนึ่ง ซึ่งจ้องมองเด็กหนุ่มตาเป็นมัน

เร็นขนลุกซู่ เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย แต่ก็พยายามรักษามารยาทและอดทนให้ได้มากที่สุด

“ได้ทั้งรุกและรับเลยรึเปล่า”

“คนนี้ยังไม่เปิดให้บริการครับ แค่มาดูงานเฉยๆ” อิซาโอะหัวเราะ

“แหม น่าเสียดาย” มือหนาจับคางเรียวเงยขึ้น “หล่อซะด้วย...” จากนั้นจึงหยิบนามบัตรและธนบัตรยัดใส่กระเป๋าเสื้อของเด็กหนุ่ม “ถ้าสนใจก็โทรมา”

เร็นรู้สึกขยะแขยงจนต้องลุกขึ้นพรวด “ผะ... ผมขอตัว” แล้วก้าวฉับๆ ตรงไปยังห้องที่เคนจิรออยู่ทันที

เคนจิหัวเราะลั่นเมื่อบานประตูห้องเปิดออก “ว้าว! ครึ่งชั่วโมง! แหม... อดทนได้นานกว่าที่พี่คิดไว้ซะอีก ว่าไงล่ะ ยอมแพ้แล้วเรอะ”

“ไม่ไหวว่ะพี่ เสียวตูดชิบหาย! ผู้หญิงยังพอว่านะ แต่ผู้ชายนี่... ผมไม่ไหวว่ะ” เร็นยกมือขึ้นถูใบหน้าแรงๆ


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 13-01-2015 11:42:37


สักพักบานประตูห้องก็เปิดออก อิซาโอะเดินเข้ามาแล้วส่งนามบัตรกับเงินให้เด็กหนุ่มอีก “มีคนฝากมาให้เพียบเลย ขายดีนะเนี่ย สดๆ ซิงๆ แบบนี้”

“หวา! ผมไม่เอาแล้ว!” เร็นปัดมือของอีกฝ่ายออก หากอิซาโอะก็คว้าข้อมือเขาไว้แล้วยัดธนบัตรใส่ให้

“เอาไปเถอะน่ะ ทำงานก็ต้องได้เงิน”

“ผมแค่ออกไปนั่งเฉยๆ”

“นั่นแหละ ก็เรียกว่าทำงานแล้ว... เงินที่นายได้มานี่แค่ทิปเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นนะ”

เร็นคลี่ธนบัตรออกดู แล้วเบิกตาโพลง... เพราะเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ ที่เขาออกไปนั่งปั้นจิ้มป้นเจ๋อพูดคุยกับแขกหญิงชาย เขาได้ทิปมาเป็นเงินหลายหมื่นเยน

“น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ” อิซาโอะก้าวเข้าไปนั่งกระแซะเด็กหนุ่ม

“อย่าแกล้งเด็กมันมาก แม่มันไม่สบาย มันจำเป็นเว้ย” เคนจิติงเพื่อน เขาก็นึกสงสารเร็นอยู่หรอก จากนิสัยของเด็กหนุ่ม เขาก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทำงานโฮสต์แบบนี้ได้ เขารู้จักเด็กหนุ่มมานาน ตั้งแต่สมัยมารดายังทำงานได้ เร็นเคยมีแฟนผู้หญิงหลายคน หากก็เลิกรากันไปในช่วงหลังที่เด็กหนุ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและทำงานพิเศษเป็นประจำ

“ต้องใช้เงินเท่าไหร่”

“...ผมอยากได้สองล้านเยนโดยเร็วที่สุด” เร็นพูดเสียงแผ่ว

“อย่างช้าๆ ทำงานสักสองสามเดือนก็น่าจะได้แล้ว แต่ถ้านายได้ขึ้นเป็นโฮสต์อันดับหนึ่ง ก็คงใช้เวลาน้อยกว่านั้นเยอะ” อิซาโอะตอบ

เร็นขมวดคิ้ว... เขารักมารดา อยากให้เธอหายป่วย อยากให้เธอสบาย แต่อนาคตของเขา... เขาจะไม่สามารถกลับเข้าทีมเบสบอล ไม่สามารถเดินตามความฝันได้อีกต่อไป เพราะคนที่มีประวัติการเป็นโฮสต์นั้น จะไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทีมเบสบอลอาชีพโดยเด็ดขาด

“นายเคยนอนกับผู้หญิงใช่มั้ย”

“หือ? ...อะ... เอ้อ เคย... ครับ”

“ผู้ชายไม่น่าจะเคยสินะ”

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง “เฮ้ย!”

อิซาโอะหัวเราะ “มีเซ็กส์ทางนี้น่ะ...” เขาสอดมือเข้าไปภายในกางเกงของเด็กหนุ่ม แล้วบีบสะโพกเบาๆ “อื้อหือ... แข็งปั๋งเชียว นายเป็นนักกีฬาสินะ”

“ว้าก!” เร็นกระเด้งตัวลุกขึ้นพรวด แล้วกระโจนไปนั่งข้างๆ เคนจิ

“อย่าแกล้งเด็กมันนักซี่! เอ้า! ไม่ทำก็ไม่ทำ กลับละกัน” เคนจิหันไปโอบไหล่หนาด้วยความสงสาร “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป”
เร็นจ้องอิซาโอะอย่างหวาดๆ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อข้างๆ กัน ซึ่งอิซาโอะก็ลุกตามออกไปทันที

“เฮ้ยๆ จะไปไหน” เคนจิคว้าแขนเพื่อนไว้

อิซาโอะดึงแขนออก “จะลองไปกล่อมเด็กมันดู ไม่ทำอะไรหรอกน่ะ” แล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป

บานประตูห้องเปิดออกผาง พอเร็นเห็นว่าใครตามเขาเข้ามาก็ถอยกรูดไปยืนชิดกับผนัง ใบหน้าของเขาซีดเผือด “เข้ามาทำไมพี่!”

อิซาโอะยืนพิงกำแพงข้างๆ บานประตูพลางกอดอก “ไม่อยากลองบ้างเหรอ”

“ละ... ลองอะไรครับ”

“เซ็กส์กับผู้ชายไง”

“ผมไม่มีรสนิยมแบบนั้น” เร็นตอบเสียงเข้ม

อิซาโอะพูดกลั้วหัวเราะ “รู้สึกดีนะ... ถ้าลองแล้วจะติดใจ”

“เจ็บตูดตายห่า ผมไม่ไหวหรอกครับ...” เด็กหนุ่มรีบถอดเสื้อแล้วใส่เสื้อของตนกลับ

“เตรียมตัวดีๆ ก็ไม่เจ็บหรอก แรกๆ มันก็จะฝืดแล้วก็คับ แต่ถ้านายรู้วิธี มันก็จะสนุก” อิซาโอะก้าวเข้าไปทางที่เร็นยืนอยู่อย่างเชื่องช้า ราวกับไฮยีน่าที่เตรียมตัวจะตะปบเหยื่อ

เร็นถอยหลังหนีไปจนชิดผนังห้อง ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาประชิดตัว “พี่... จะทำอะไร”

“จะทำให้ดูว่ามันไม่ยาก” อิซาโอะยิ้มกริ่ม เขาเบียดส่วนกลางร่างกายของตัวเองกับร่างกายเด็กหนุ่ม ใช้มือลูบไปบนแผ่นอกกว้าง จากนั้นจึงวาดแขนโอบรอบลำคอใหญ่แล้วโน้มลงมา “มันก็แค่เซ็กส์...” อิซาโอะแนบจูบเรียวปากบางแค่เพียงภายนอก
ดวงตาคมกริบเบิกโพลง แต่ก่อนที่จะผลักชายหนุ่มออก อิซาโอะก็คว้าข้อมือเขาไปตรงหน้า แล้วใช้ปลายลิ้นไล้เลียนิ้วเขาจนชุ่ม “จะทำอะไร... ผมไม่...”

อิซาโอะปลดกางเกงของตนเองออกอย่างคล่องแคล่ว ตามด้วยจับมือของเด็กหนุ่มสอดเข้าไปในกางเกงทางด้านหลัง “ลองดูสิ ก็ไม่ต่างจากของผู้หญิงนักหรอก” และก่อนที่เร็นจะดึงมือออก อิซาโอะกดนิ้วเด็กหนุ่มเข้าไปในร่องสะโพกของตน “อื้ม... นิ้วนายร้อนชะมัด”

เร็นอ้าปากค้าง เขากระชากมือออกแล้วผลักชายหนุ่มออกไปสุดแรง “ผมขอตัวก่อน” จากนั้นจึงวิ่งออกจากห้องไปคว้าตัวเคนจิซึ่งกำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ แล้ววิ่งออกไปจากบริเวณร้านโดยเร็วที่สุด

สองหนุ่มไปหยุดหอบหายใจอยู่บนฟุตบาทห่างจากแหล่งท่องเที่ยวในยามค่ำคืนออกไปเล็กน้อย เร็นคว้าแขนเคนจิจะเดินต่อ แต่อีกฝ่ายรั้งไว้ “เฮ่ย ขอพักก่อน พี่ไม่ได้เป็นนักกีฬาอย่างเอ็งนะว้อย แล้วดูซิ รีบอะไรนักวะ พี่หยิบถ้วยชาเขาติดมือมาด้วยเลยเนี่ย!”

“เออ! จริงสิ!” เด็กหนุ่มนึกถึงนิ้วที่เพิ่งถูกพาไปผจญภัยมาหมาดๆ แล้วก็ขนลุก เขาคว้าถ้วยชานั้นมาเทลงในฝ่ามือ

“ทำอะไรของเอ็งวะ”

“ล้างมือสิพี่! เห็นว่าผมอาบน้ำรึไงล่ะ!” เร็นถูมือสลับไปมา ตามด้วยเช็ดกับเสื้อ “ขอโทษนะพี่ แต่เรื่องงานนั่น ผมขอคิดดูก่อน...”

เคนจิส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเริ่มก้าวออกไปช้าๆ “พี่สิต้องขอโทษเอ็ง... ขอโทษนะ ที่พามาที่แบบนี้ แต่นี่เป็นวิธีที่เอ็งจะหาเงินได้เร็วที่สุด”

“ครับ ผมเข้าใจ”

เคนจิตบไหล่หนาเบาๆ “คิดให้ดี... ถ้าเอ็งตัดสินใจจะก้าวเข้าไปแล้ว ก็คงจะถอนตัวลำบาก อนาคตของเอ็ง... ถ้าจะเป็นโปรฯ ก็ควรจะเลี่ยงข่าวฉาวไว้หน่อยนะ”

เร็นพ่นลมหายใจออกหนักๆ “...ผมรู้... แต่ว่าแม่... ก็สำคัญกับผมมาก” เขายิ้มบาง “อีกอย่าง โอกาสของผมก็แทบจะไม่มีแล้ว เงินจะซื้อถุงมือเบสบอลยังไม่มีเลย ฮะๆ”

“น่าเสียดาย เอ็งเคยไปแข่งถึงโคชิเอ็งแล้วแท้ๆ ได้ทุนด้วย ถ้าเป็นโปรฯ ได้ อนาคตเอ็งกับแม่จะได้อยู่อย่างสุขสบายแน่ๆ”

“มันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะพี่... แล้วนั่นก็ทำให้ผมได้ทุนเรียนมหาลัยอย่างนี้”

เคนจิสงสารเร็นจับใจ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไรนัก เงินเป็นล้านที่เร็นต้องการนั่น ขนาดคนมีงานประจำยังหาเก็บได้ยากเลย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างโตเกียวด้วย

ทั้งสองเดินห่างออกไปจากย่านท่องเที่ยวในยามค่ำคืนทีละน้อย จนถึงสถานีรถไฟจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับไปยังที่พักของตน

เร็นต้องนั่งรถไฟผ่านหลายสถานีกว่าจะถึงสถานีในแถบอะพาร์ตเมนต์ชานเมืองที่เช่าไว้ เขาโชคดีที่ยังทันรถไฟขบวนสุดท้าย แล้วก็ไม่ต้องนอนแถวข้างถนน สองขาพาเจ้าของก้าวเดินไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ท่ามกลางอากาศที่เย็นกว่าในเวลากลางวันมาก ภายในศีรษะยังคงคิดทบทวนอย่างเป็นกังวลถึงเรื่องมารดาและอนาคตของตน

สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านมาเป็นระลอกๆ ให้รู้สึกหนาวเหน็บ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงของโซ่ชิงช้าเสียดสีกันขณะที่เดินผ่านสนามเด็กเล่นขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ก่อนจะถึงอะพาร์ตเมนต์ที่พัก เขาหยุดยืนมองชิงช้าแกว่งไกว ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงบนม้านั่งของชิงช้าตัวนั้น แล้วโยนกระเป๋าเป้หนักอึ้งไว้บนพื้นทราย

สองมือหยาบกร้านจากทั้งการทำงานหนักและจับไม้เบสบอลยกขึ้นกอบกุมใบหน้า พลางย้อนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก มารดาที่กลับมาจากการทำงานเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยังพาตนเองมาเล่นกับเพื่อนๆ ในสนามแห่งนี้ จากนั้นจึงกลับไปห้องพักแล้วทำอาหารเย็นร่วมกัน

...มารดาเสียสละมาเพื่อเขามากมายเหลือเกิน

ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน ซึ่งในคืนจันทราค่อนดวงเช่นนี้ หมู่ดาวส่วนใหญ่ ถูกบดบังไปด้วยแสงสีนวลของดวงจันทร์ เขาปิดตาลงช้าๆ ให้สายลมเย็นโลมไล้ใบหน้าคมสัน พยายามนึกไปถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบลงได้บ้าง... เสียงเพลงบทสวดจากในโบสถ์ดังแว่วขึ้นมา ก่อนภาพของเทวดาที่มีผมสีทองเป็นลอน ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายจะปรากฏขึ้นภายในศีรษะ รอยยิ้มบนภาพวาดนั้นทำให้หัวใจของเขาสงบลง แล้วพอจะยิ้มสู้กับชะตากรรมของตนเองได้บ้าง

เร็นเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ แล้วล้วงนามบัตรหลายๆ ใบ ที่ยัดใส่ไว้ขึ้นมาพิจารณาดู เขาหรี่ตามองข้อความบนนามบัตรเพราะแสงจากเสาไฟมีเพียงสลัว สักพักก็วางมือลง เงยหน้าขึ้นมองดวงเดือนที่ประดับอยู่บนฟากฟ้าอันไกลโพ้นพร้อมถอนหายใจ แล้วหยิบนามบัตรขึ้นมาดูอีกครั้ง ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทว่าก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกถึงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาทางตนช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปทางต้นเสียงทันที

เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มมีผู้ชายที่น่าจะอายุสักสามสิบปลายๆ ใส่ชุดสูทเรียบหรูยืนอยู่ ใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาที่แม้จะใส่แว่นปิดบังไว้ แต่ก็ยังฉายแววดุดัน เขาเดินมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากเร็นนัก

“มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า” เร็นขมวดคิ้ว

ริมฝีปากของชายคนนั้นเผยอออกเล็กน้อย แต่แล้วก็ปิดลงสนิทพร้อมอมยิ้ม “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ คุณคิมุระ เร็น” จากนั้นจึงก้าวไปนั่งลงบนม้านั่งชิงช้าข้างๆ กัน

“คุณรู้จักผมงั้นเรอะ” เด็กหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระแวง เขาไม่แน่ใจว่าเคยพบกันกับอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า

“รู้จักสิครับ อืม... คุณคิมุระจบจากนิชิไฮ ผลการเรียนไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่เป็นนักกีฬาเบสบอลดีเด่นที่เคยไปแข่งถึงโคชิเอ็งมาแล้ว ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเฮเซ ด้วยทุนการศึกษาสำหรับนักกีฬา” ชายหนุ่มยิ้มเย็น หากดวงตาของเขายังคงดูดุดันไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย “แต่ตอนนี้ตกอับ ต้องลาพักจากทีมเบสบอลเพราะคุณแม่ไม่สบาย... ผมคงไม่ต้องระบุลึกลงไปใช่มั้ยครับ ว่าคุณแม่ของคุณเป็นโรคอะไร อยู่ที่โรงพยาบาลไหนและต้องใช้เงินค่าผ่าตัดเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วคุณไปทำงานอะไรที่ไหนบ้าง เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายในแต่ละวัน”

เร็นลุกขึ้นพรวด “คุณเป็นใครกัน! ต้องการอะไรกันเนี่ย!”

มือที่เย็นเฉียบยื่นออกไปคว้าแขนของเด็กหนุ่มไว้ “นั่งลงก่อนสิครับ”

เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี แต่แล้วก็ถอยหลังกลับไปนั่งลงบนม้านั่งชิงช้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

ชายหนุ่มในชุดสูทขยับแว่นของเขาเล็กน้อย จากนั้นจึงเอื้อมมือไปดึงนามบัตรทั้งหมดในมือของเร็นออกมา เขาฉีกนามบัตรเหล่านั้นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโยนให้ปลิวไปในอากาศ “...ผมมีข้อเสนอดีๆ ที่คุณจะปฏิเสธไม่ลง”


TBC


เรื่อง "เงาจันทร์ในม่านหมอก" นี้ เป็นอีกเรื่องในซีรี่ส์นิยายที่ฮัสกี้ใช้เค้าโครงมาจากปกรณัมกรีกนะคะ (เรื่องแรกคือ อะโฟรไดต์ เรื่องที่สองคือ แกนีมีด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41765.0) ที่อยู่ในห้องนิยายจบแล้วของเล้าค่ะ) ส่วนจากปกรณัมเรื่องไหนนั้น เมื่อบอกชื่อไปหลายๆ คนคงจะร้องอ๋อออออ ฮ่าๆ เรื่องนี้ใช้เค้าโครงของ ไซคีกับอีรอส (Psyche & Eros) ค่ะ

ชื่อของตัวละครในเรื่องอาจจะจำยากสักหน่อย เพราะฮัสกี้มโนให้เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น (ที่ต้องเป็นญี่ปุ่นเพราะพระเอกของเราเป็นนักกีฬาเบสบอลน่ะเองค่ะ) แต่ชื่อพระเอก คิมุระ เร็น คงจำไม่ยากเนอะ เรามาท่องกัน สามสี่~

ฮัสกี้ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกชาวเล้าอีกเรื่องนะคะ  :mew1: ขอบคุณมากค่ะ ขอกำลังใจโหน่ยยยยน้า

ปล. มาอีดิตช้างเผือกออกแล้วค่ะ ขอบคุณที่ทักนะคะ 5555555 พอดีฮัสกี้อ่านมาจากเว็บกีฬา หยิบมาใช้โดยไม่ทันคิด ช้างเผือกนี่มันต้องของไทยสิ 55555 ขออภัยในความผิดพลาดค่ะ

แล้วแวะมาเม้ามอยกับฮัสกี้ที่เพจนะคะ husky's page (https://www.facebook.com/huskyhund)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2015 11:44:52
มาจิ้มเรื่องใหม่คุณฮัสกี้ก่อนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 13-01-2015 12:04:45
ว๊าว  เรื่องใหม่  ปูเสื่อรอหน้าจอ  แต่เรื่องอื่นก็อยากอ่านน๊า แหะๆๆไม่ค่อยโลภรุยโน๊ะ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 13-01-2015 14:19:24
พระเอกใสใสเรอะ?. :z13: หนูเร็นชายชายก็ดีนะคะ.หนูต้องลองค่ะ. :hao3: :hao3:

ติดตามน้าค้าาา~ :o8:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: nunuchhh ที่ 13-01-2015 14:30:11
 :mew4: ทำไมน่าสงสารอย่างนี้นะเศร้า ปวดใจ สงสาร
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-01-2015 14:37:07
อย่างเดียวที่เราตะหงิดๆ คือ


ทุนช้างเผือก เพราะฉากหลังเป็นญี่ปุ่นพอใช้คำนี้แล้วมันทะแม่งมาก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 13-01-2015 15:30:19
เป็นทุนโรนินดีกว่า........มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 13-01-2015 15:33:48
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ สงสารเร็นชีวิตรันทด :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 13-01-2015 16:13:56
อุ้ยยย อยากอ่านต่อแล้วสิ
น่าสนใจมากค่ะ สนุกทุกเรื่องเลยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 13-01-2015 16:45:50
ตามมาให้กำลังใจค่า
พระเอกน่าสงสารจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: Poppy29 ที่ 14-01-2015 04:04:30
 :hao5: ในที่สุดก็ได้อ่านน้องเร็นแล้ว ดีใจมากค่ะ แค่ตอนแรกก็สนุกแล้วจนอยากอ่านต่อแล้วค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 15-01-2015 00:35:58
ชีวิตเร็นน่าสงสารจังเลยค่ะ จะหาเงินได้จากไหนกันน้อ แล้วข้อเสนอในตอนท้ายคืออะไรเอ่ย รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 15-01-2015 00:36:39
สมดับชื่อตอนจริงๆ หนุ่มเร็นพระเอกของเราช่างมีชีวิตที่รันทด แม่ป่วยต้องหาเงินมารักษาแถมต้องออกจากกีฬาเบสบอลที่เป็นควมฝันของตัวเอง น่าเห็นใจจริงๆ
โอ เกือบไปแล้วพ่อหนุ่มน้อยเกือบจะได้ลอง....ซะแล้วดีนะที่รีบชิ่งออกมาก่อน
เอ แล้วใครที่มาทักเร็น เป็นคนที่จะมาช่วยเร็นสินะ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-01-2015 12:44:03


Chapter 2 : คืนแรก


เร็นก้าวไปบนทางเดินแคบๆ ภายในตึกอะพาร์ตเมนต์ พลางเหลือบมองชายหนุ่มที่เดินตามมาอยู่ทางด้านหลังอย่างไม่อยากไว้ใจนัก หลังจากที่พบกันที่สนามเด็กเล่น อีกฝ่ายก็เอ่ยปากขอตามมาคุยเรื่องข้อเสนออะไรก็ไม่รู้ที่อะพาร์ตเมนต์ของเขา ในตอนแรกเขาตอบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้รู้ที่อยู่ แต่ชายหนุ่มกลับพูดชื่ออะพาร์ตเมนต์และห้องพักของเขาออกมาได้อย่างชัดเจน ผลสุดท้ายแล้ว เขาก็เลยต้องจำใจยอมให้อีกฝ่ายตามมาที่ห้องพักด้วย

“เชิญครับ ห้องผมอาจจะคับแคบไปหน่อยนะครับ”

“ขอรบกวนหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มถอดรองเท้าแล้วก้มลงจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะรับรองเท้าใส่ในบ้านจากเจ้าของห้องพักมาสวม แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องไป

ห้องพักของเด็กหนุ่มที่เขาใช้อยู่อาศัยกับมารดาประกอบไปด้วยห้องใหญ่ขนาดหกเสื่อที่ปูไว้ด้วยเสื่อทาทามิหนึ่งห้อง เป็นห้องที่มีโต๊ะโคทัตสึกับเบาะรองนั่งจัดวางไว้ตรงกลางและมีเฟอร์นิเจอร์จำพวกตู้ โทรทัศน์ตั้งไว้ชิดฝาผนังห้อง มีบานประตูเลื่อนอีกบานกั้นห้องนอนสองห้องไว้ทางด้านหลัง ส่วนห้องครัวกับห้องอาบน้ำขนาดเล็กแยกออกไปอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกัน โดยมีทางเดินกั้นกลาง เร็นเดินนำไปที่โต๊ะตั้งพื้นตัวเล็ก เขาหยิบเบาะรองนั่งวางลงให้แขกผู้มาเยือน “เชิญนั่งก่อน ผมจะไปชงชาให้”

ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งด้วยท่วงท่าที่สง่างาม บ่งบอกว่าได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อย “ขอบคุณ”

เร็นวิ่งเข้าไปในครัว สักพักก็กลับออกมาพร้อมกับถ้วยชาสองใบ เขาวางลงตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วนั่งลงบนเบาะรองนั่งฝั่งตรงข้ามกัน “...คุณมีอะไรจะคุยกับผมงั้นเหรอ”

“...ผมมีงานมาเสนอ คิดว่าคุณคงสนใจ ตอนนี้คุณปิดเทอมอยู่พอดี ส่วนงานของผมนี้ ใช้เวลาหกสัปดาห์พอดีกับช่วงปิดเทอม และคุณจะได้รับเงินค่าจ้างเป็นจำนวนสามล้านเยน”

ดวงตาคมเบิกโพลง... สามล้านเยน! เงินนั่น... เอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลมารดาได้สบายๆ แล้วยังมีเหลือเก็บอีก! “งานอะไร...”

“เจ้านายของผมสนใจคุณ... ท่านต้องการซื้อตัวคุณ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ

...กูว่าแล้ว!

เด็กหนุ่มยันตัวเองลุกขึ้นพรวด “ผมไม่...”

“คุณจะหลอกตัวเองว่าไม่สนใจไปทำไมกันครับ ในเมื่อที่จริง คุณเองก็ตัดสินใจได้แล้ว”

คำพูดนั้นส่งผลให้เร็นชะงัก “.....”

แขกผู้มาเยือนยิ้มมุมปาก “ข้อเสนอของผม ดีกว่าทุกคนในนามบัตรพวกนั้นแน่ๆ และที่สำคัญ... การทำสัญญาของเราจะเป็นความลับ ซึ่งก็เท่ากับว่า... สัญญานี้จะไม่มีผลกับเส้นทางของโปรฯ เบสบอลในอนาคตของคุณคิมุระอย่างแน่นอน”

เร็นหัวเราะในลำคอเบาๆ “...เป็นไปได้งั้นเหรอ...”

“ได้สิครับ... เพราะในสัญญาของเรา คุณคิมุระเองก็จะไม่มีวันได้เห็นหน้า ไม่มีวันได้รู้ว่าผู้ว่าจ้างคุณคือใคร”

“ฮะ!?”

ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปภายในเสื้อสูท แล้วหยิบซองสีน้ำตาลหนาออกมาส่งให้กับอีกฝ่าย “ถ้าหากคุณคิมุระตกลง คุณจะได้รับเงินสองล้านเยนก่อน และเมื่อเสร็จงาน คุณจึงจะได้รับส่วนที่เหลือ... แล้วบางที ถ้าหากเจ้านายของผมพอใจ คุณก็อาจจะได้ทิปด้วยไม่ใช่น้อย” เขาพูดกลั้วหัวเราะ หากดวงตายังคงนิ่ง ดูไร้ความรู้สึกราวกับดวงตาของตุ๊กตา “...ผมสามารถคุยกับทางโรงพยาบาลให้จัดการเรื่องผ่าตัดโดยเร่งด่วนและดูแลคุณแม่ของคุณเป็นพิเศษที่สุด ในห้องพักเดี่ยวที่มีพยาบาลดูแลตลอดเวลา... เป็นไงครับ เป็นข้อเสนอที่ดีมากใช่มั้ย”

“.....” เร็นกำมือแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน ถ้าเพียงเขาตอบตกลง... มารดา... ก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด

“ผมคิดว่าคุณมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว”

“งานของผม... จะต้องทำอะไรบ้าง...”

“คุณไม่น่าใสซื่อซะจนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างนะครับ... เอาเป็นว่า ทำทุกอย่าง... ให้เจ้านายของผมพอใจ”

เด็กหนุ่มจ้องคนที่นั่งตรงข้ามกันเขม็ง “...ทุกอย่าง...” เร็นเข้าใจความหมายนั้นได้ไม่ยาก ก็ในเมื่อเจ้านายของผู้ชายคนนี้ต้องการซื้อตัวเขา... เซ็กส์... ก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะสดซิงอะไร เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาแล้วก็หลายคน แต่นั่นก็... กับผู้หญิง แล้วคนที่ว่าจ้างเขาล่ะ...

“เจ้านายของคุณ... เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ผมขอไม่พูดรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเจ้านายของผม นั่นเป็นหนึ่งในข้อตกลงเล็กๆ น้อยๆ ในสัญญาของเรา อย่างแรก คุณจะต้องย้ายไปอยู่กับทางเราชั่วคราว อย่างที่สอง ห้ามคุณสอบถามถึงผู้ว่าจ้าง ห้ามถามคำถามเกี่ยวกับท่าน ห้ามมองหน้าท่าน เวลาที่อยู่กับท่าน ถ้าเป็นเวลากลางวัน คุณจะต้องปิดตาไว้ตลอดเวลา ส่วนกลางคืนที่พักของเราจะดับไฟทั้งหมด”

“พวกคุณจะให้ผมอยู่อย่างคนตาบอดเลยเหรอเนี่ย!”

“เวลาที่เจ้านายไม่อยู่ คุณเปิดตาได้ตามปกติครับ... นอกจากนั้น ห้ามคุณติดต่อใครๆ ในช่วงที่ทำสัญญากันอยู่โดยเด็ดขาด”

“ทำไมต้องปิดบังขนาดนี้ด้วย... เจ้านายคุณน่ะ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติใช่มั้ย”

ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะตอบเสียงขรึม “ตัวคุณเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกันไม่ใช่รึครับ เจ้านายของผมก็เช่นกัน”

“....” เร็นขมวดคิ้ว พร้อมถอนหายใจหนักๆ “...แล้วในสัญญามีอะไรอีก”

แขกผู้มาเยือนวางแผ่นกระดาษธรรมดาๆ ที่เขียนข้อความไว้เป็นข้อๆ ลงบนโต๊ะตรงหน้าเด็กหนุ่ม “มีไม่มากหรอกครับ เชิญคุณเร็นอ่านดูเองดีกว่าครับ”


1. ภายในเวลาหกสัปดาห์ ห้ามติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอกอาคารที่อยู่โดยเด็ดขาด

2. ไฟฟ้าภายในอาคารจะถูกตัดประมาณเวลาสามทุ่มของทุกวัน (อาจเร็วหรือช้ากว่า แล้วแต่ผู้ว่าจ้าง) และหลังจากนั้นไปจนถึงเวลาหกโมงเช้าก็จะเป็นเวลาที่ผู้รับจ้างจะต้องทำหน้าที่ปรนนิบัติดูแลผู้ว่าจ้าง ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาที่มีแสงสว่างพอที่จะมองเห็นได้ ผู้รับจ้างจะต้องสวมผ้าปิดตาไว้เสมอ

3.  ห้ามถามชื่อผู้ว่าจ้าง และห้ามถามเรื่องส่วนตัว

4. ห้ามนำอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับการทำงาน

5. สัญญานี้เป็นสัญญาลับที่ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งนี้เมื่อสัญญาจบสิ้นลง ผู้รับจ้างจะกลับไปดำรงชีวิตตามปกติเช่นเดิม และไม่เอ่ยปากพูดถึงสัญญานี้อีก



เร็นพลิกกระดาษแผ่นนั้นไปมา “นี่เหรอครับ สัญญา? ไม่ต้องมีการลงชื่อตรงไหนจริงๆ เหรอ?”

“สัญญาของเรา เป็นสัญญาปากเปล่า ใช้ความเชื่อใจกันนะครับ... เพราะงั้น จะไม่มีหลักฐานใดๆ ให้สัญญาลับนี้รั่วไหลออกไปได้เป็นอันขาด”

“ไม่กลัวผมโกงรึไง”

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก “ไม่กลัวหรอกครับ เพราะถ้าคุณคิมุระไม่ทำตามสัญญา ทางเราก็มีวิธีจัดการกับคุณ... และมารดาของคุณเหมือนกัน”

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคอ “แล้วผมจะเชื่อใจทางคุณได้ยังไง”

“ผมวางเงินสดจำนวนสองล้านเยนตรงหน้าของคุณคิมุระนี่แล้ว มันก็คุ้มที่จะเสี่ยงไม่ใช่เหรอครับ”

“.....” เร็นจ้องมองแผ่นกระดาษในมืออย่างลังเล... เพียงแค่เขาตกลง ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย... เพียงแค่เขาตอบตกลงเท่านั้น... เด็กหนุ่มเม้มปากจนเป็นเส้นตรง

“ว่ายังไงครับ”

“ผม... เอ่อ...”

“คุณลังเลอะไรอยู่อีก โอกาสเช่นนี้ คุณหาไม่ได้อีกแล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มของเร็น สายตาของเขาเร่งรัด อย่างต้องการที่จะเค้นเอาคำตอบออกมาให้ได้

“...ตกลง” ...เอาก็เอาวะ! ยังไงก็ได้เงินมาจัดการเรื่องผ่าตัดแม่ก่อน อดทนนอนกับใครก็ไม่รู้แค่เดือนครึ่งเท่านั้น ถ้าเขาต้องเสียประตูหลังให้ผู้ชาย ก็ทนเจ็บนิดเจ็บหน่อยเพื่อมารดาไป ในเมื่อตอนที่เธอคลอดเขาออกมา ก็ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดเช่นกัน... เพราะงั้นก็ช่างมันละกันโว้ย

“ขอโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์และบัตรประชาชนของคุณคิมุระด้วยครับ ผมจะคืนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญา”

“....” เร็นล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ส่งให้กับอีกฝ่าย “บัตรทุกอย่างของผมอยู่ในกระเป๋าแล้ว”

“ขอบคุณครับ” ผู้มาเยือนเลื่อนซองใส่ธนบัตรหนาไปตรงหน้าเจ้าของห้องพัก ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งช้าๆ แล้วจัดเสื้อสูทของตนให้เรียบร้อย “เอาล่ะ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”

“หา! ไปไหนครับ!”

“ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล ไปจัดการเรื่องคุณแม่ของคุณ แล้วก็ตรวจร่างกาย เสร็จแล้วจะพาคุณไปที่ที่จะเป็นที่พักของคุณในอีกหกสัปดาห์ข้างหน้า”

“เอ่อ...” เร็นหันซ้ายขวา “ผมขอเวลาเก็บของ...”

“ไม่ต้องครับ ทางเราจัดทุกอย่างไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว”

“หา! เอ่อ... เดี๋ยวครับ! แล้วจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไร...”

ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วขยับแว่นเล็กน้อย “เรียกผมว่าเลขาก็ได้ครับ” จากนั้นจึงผายมือไปทางบานประตู “เชิญครับ”


ที่ทางด้านหน้าอะพาร์ตเมนต์มีรถสีดำติดเครื่องรออยู่แล้ว ชายหนุ่มคนที่บอกให้เรียกตนเองว่าเลขานั้นก้าวตรงไปเปิดประตูรถออกให้กับเด็กหนุ่ม แล้วจึงเดินวนไปนั่งลงบนเบาะอีกฝั่ง จากนั้นรถคันหรูจึงค่อยๆ เคลื่อนออกไป

เร็นนั่งภายในรถไปอย่างเงียบเชียบ เขาคอยชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สลับกับคนขับรถที่ราวกับเป็นหุ่นยนต์ตั้งโปรแกรมมา

“ไปโรงพยาบาลตอนนี้ จะไม่มีแต่หมอเวรเหรอคุณเลขา”

เลขาหนุ่มยกมือขึ้นดันแว่น แล้วหันไปทางเจ้าของคำถาม “เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”

...ขี้เก๊กชะมัด... เร็นพึมพำอยู่ในใจ ก่อนจะเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกรถ

ในยามค่ำคืนเช่นนี้ถนนโล่งว่าง ใช้เวลาไม่นานรถสีดำคันหรูก็เคลื่อนเข้าไปจอดทางด้านหน้าโรงพยาบาล ซึ่งมีทีมแพทย์และพยาบาลยืนรออยู่ก่อนแล้ว

ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง เขาเดินตามหลังกลุ่มแพทย์และชายหนุ่มในชุดสูทเข้าไปภายในตึกโรงพยาบาล ตรงไปยังห้องประชุมขนาดเล็ก หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็จัดการพูดคุยกับทีมแพทย์ เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนที่บอกว่าตัวเองเป็นเลขานั้นก็ส่งต่อแฟ้มเอกสารจากทางโรงพยาบาลให้กับเด็กหนุ่ม

“ไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายซะนะครับ แล้วพบกันที่หน้าห้องพักของคุณแม่คุณ”

เร็นรับแฟ้มเอกสารนั้นมาพลิกดู ภายในเป็นเอกสารยินยอมให้มีการผ่าตัดและเรื่องสัญญาการดูแลเปลี่ยนห้องพัก พยาบาลเฝ้าเวร และใบชี้แจงเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งในส่วนของห้องพักและพยาบาลถูกจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงค่าผ่าตัดเท่านั้น

หญิงสาวในชุดสูทเรียบร้อยก้าวเข้ามาค้อมศีรษะลงต่ำ “เชิญคุณคิมุระทางนี้เลยค่ะ ดิฉันจะนำทางไปนะคะ”

แม้ในใจจะเป็นกังวลกับสัญญาที่ตอบตกลงไป อีกฝ่ายดูท่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลและร่ำรวยมากจริงๆ ทั้งเงินที่ซื้อตัวเขาและการปฏิบัติตัวของแพทย์กับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย แต่อย่างน้อย เขาก็จ่ายเงินค่าผ่าตัดให้มารดาได้แล้ว เหลือแค่ทนทำงานในระยะเวลาหกสัปดาห์นี่ให้เสร็จไปเท่านั้น

ขายาวพาเจ้าของก้าวเดินไปตามทางเดินในตึก ตามหลังหญิงสาวที่บอกว่าจะพาเขาไปยังห้องพักใหม่ของมารดาซึ่งอยู่คนละตึกกับห้องพักเดิม และเมื่อเขาไปถึง เลขาหนุ่มก็รออยู่ที่หน้าห้องนั้นแล้ว

“คือว่า... ผมจะขอส่งเมสเสจไปบอกที่ทำงานของผม แล้วก็เข้าไปบอกลาแม่สักหน่อย ในเมื่อผมจะหายตัวไปนานแบบนี้”

เลขาหนุ่มหยิบโทรศัพท์ของเร็นขึ้นมาส่งให้อีกฝ่ายดูพลางค้อมศีรษะลงเล็กน้อย “ขอโทษที่ถือวิสาสะจัดการไปแล้วครับ”

...คนคนนี้ รู้แม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์ของลุงมาซะ!

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก... ดูเหมือนว่า เขาจะพาตัวเองก้าวลงไปสู่เหวลึกที่หนทางมืดสนิทเสียแล้ว ทั้งชีวิตของมารดาก็ตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย

“เข้าไปพบคุณแม่ของคุณกันเถอะครับ” เลขาหนุ่มยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง แล้วเปิดเข้าไปภายใน

ห้องพักใหม่เอี่ยมมีแสงไฟพอสลัวจากโคมไฟหัวเตียง มารดาของเร็นไม่ได้หลับ เธอเพิ่งถูกจัดการให้ย้ายมาที่ห้องพักสุดหรูนี้ไม่นานนัก โดยที่ไม่รู้สาเหตุใดๆ และเมื่อพยายามติดต่อลูกชายก็ไม่เป็นผล เธอจึงนั่งรอเขาอยู่อย่างเป็นกังวล

“เร็น!” ฮานาโกะเรียกชื่อเด็กหนุ่มทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้อง

เร็นถลาเข้าไปหามารดา “แม่!”

“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมแม่มาอยู่ที่นี่!”

เด็กหนุ่มชำเลืองมองเลขาที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ กัน ก่อนจะตอบ “...แม่ คือว่า ผมจัดการเรื่องผ่าตัดให้แม่แล้วนะ คุณหมอจะดูแลแม่อย่างดีเลย แล้วก็เรื่องห้องนี่ด้วย แม่จะต้องหายเป็นปกติแน่ๆ”

“เร็นไปทำอะไรมา!” เธอจับแขนของเด็กหนุ่มไว้แน่น ใบหน้าซีดเผือด เพราะเธอรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดนั้นไม่ใช่น้อยเลย “เอาเงินมาจากไหนกัน!”

“แม่... คือ... อย่าเพิ่งโวยวายสิครับ”

เลขาหนุ่มก้าวเข้ามายืนในแสงสว่าง แล้วค้อมศีรษะลงต่ำ “สวัสดีครับ คุณคิมุระ ฮานาโกะ... คุณเร็น จะไปทำงานกับทางบริษัทของเราที่บนแท่นปิโตรเลียมในทะเลสักพักน่ะครับ” จากนั้นจึงยื่นนามบัตรของบริษัทปิโตรเลียมให้กับเธอดู “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เรามีสวัสดิการดูแลและจ่ายเงินอัดฉีดให้เต็มที่ แต่คุณเร็นคงจะต้องทำงานหนักสักหน่อย”

“อ่อ... ค่ะ” ฮานาโกะรับนามบัตรไปดู พลางผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งใจ

เร็นหันขวับไปทางเลขาหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร จนสบสายตากับอีกฝ่าย ซึ่งบอกกับเขาว่าให้ร่ำลากับมารดาให้เสร็จไปเสียที “...เพราะต้องอยู่แท่นกลางทะเลแบบนั้น ผมคงจะมาเยี่ยมแม่ไม่ได้สักพัก แม่ผ่าตัดนะ พักฟื้นให้หายดี แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ”

ฮานาโกะดึงลูกชายเข้าไปกอด “เร็นต้องทำงานหนักเพราะแม่แท้ๆ ...แม่ขอโทษนะ...”

เด็กหนุ่มกอดตอบพร้อมกับลูบหลังเธอเบาๆ “ปิดเทอมพอดีครับ ผมไม่ห่วงเรื่องทำงานหนักหรอก สมัยก่อนยังผ่านการซ้อมเบสบอลมาได้เลย”

เธอวางมือประกบข้างแก้มของลูกชาย แล้วจูบลงไปบนหน้าผาก “ไม่ต้องห่วงแม่นะลูก รักษาตัวดีๆ”

“ครับ แม่ก็หายไวๆ นะ พอผมกลับมา... แม่ต้องวิ่งได้แล้วนะ” เร็นกอดมารดาอีกครั้ง แล้วถอยออกมาช้าๆ แม้เธอจะยังกุมมือเขาเอาไว้ก็ตามที

“คุณคิมุระไม่ต้องห่วงครับ ทางเราจะดูแลคุณเร็นให้เป็นอย่างดี” เลขาหนุ่มค้อมศีรษะอำลาเธอ แล้วเดินไปเปิดประตูห้องออก “เชิญครับ คุณเร็น”

“ผมไปนะแม่” เร็นฝืนยิ้มบางเพื่อให้มารดาสบายใจ ก่อนจะหักใจ ก้าวนำออกจากห้องไป

เสียงฝีเท้าของทั้งสองคนดังสลับกันระหว่างทางเดินไปยังรถที่จอดรออยู่ เร็นชำเลืองมองอีกฝ่ายแล้วถามเสียงเบา “บริษัทปิโตรเลียมนั่น... บริษัทของเจ้านายคุณเหรอ”

“เปล่าหรอก ผมหยิบนามบัตรมาจากโต๊ะประชาสัมพันธ์”

“.....” ก็นั่นสินะ ดูระวังตัวแจขนาดนั้น จู่ๆ คงจะบอกหรอกว่ามาจากบริษัทไหน

เลขาหนุ่มพาเร็นไปยังรถคันเดิม แต่คราวนี้เมื่อเด็กหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่ง เขาก็จัดการหยิบผ้าสีดำหนาขึ้นมาปิดตาให้กับเด็กหนุ่ม “ผมจะพาคุณคิมุระไปยังที่พักของคุณ คงต้องใช้เวลาเดินทางสักพัก”

เร็นพยักหน้า... มาถึงตอนนี้แล้ว ก็คงต้องยอมรับโชคชะตาแล้วเดินหน้าลุยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หลังจากรถเคลื่อนไปสักพัก เขาก็หลับลงไปอย่างเหนื่อยอ่อน ระหว่างทางก็ตื่นขึ้นมาอยู่หลายหน แต่ก็รู้สึกว่ารถยังเคลื่อนต่อไป เสียงแผ่วเบาของเครื่องยนต์กล่อมให้เขาหลับลงไปอีกครั้ง

“คุณคิมุระ ถึงแล้วครับ”

เร็นสะดุ้งตื่น เขาหันซ้ายหันขวาล่อกแล่ก แต่ก็ไม่กล้าแกะผ้าปิดตาออก “ถึง...”

“อยู่นิ่งๆ ก่อนครับ เดี๋ยวผมจะแกะผ้าปิดตาออกให้”

เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นแล้วหรี่ลงเล็กน้อยเพราะแสงสว่างจ้าในเวลากลางวัน ก่อนจะก้าวลงจากรถ แล้วพบว่าตนเองยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังขนาดย่อมๆ มีรั้วล้อมมิดชิด สายลมที่พัดมาอุ่นกำลังดี กลิ่นไอของทะเลลอยกรุ่น เขาหันมองไปรอบๆ ตัว พลางเงี่ยหูฟังเสียงของคลื่นที่สาดซัดเข้าสู่ฝั่ง

“เชิญข้างในครับ”

“แล้ว... เจ้านาย... คนที่จ้างผมล่ะครับ”

“วันนี้เจ้านายจะมาถึงที่นี่ตอนสี่ทุ่มนะครับ ระหว่างที่รอคุณคิมุระก็ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่” เลขาหนุ่มก้าวนำเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งหลังจากถอดรองเท้าเก็บใส่ตู้และหยิบรองเท้าแตะสำหรับสวมในบ้านออกมาใส่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินนำออกไปช้าๆ “ห้องทางขวามือนี้เป็นห้องนั่งเล่น ซ้ายมือเป็นห้องครัวกับห้องอาหาร ส่วนทางด้านในเป็นห้องพักของแม่บ้านกับคนขับรถ ห้องของคุณเร็นกับห้องของเจ้านาย จะอยู่ที่ชั้นบน”

“สวัสดีค่ะ/ครับ คุณคิมุระ” หญิงชายวัยกลางคนค้อมศีรษะทักทายเด็กหนุ่ม

“สวัสดีครับ ฝากตัวด้วยนะครับ” เร็นรีบค้อมศีรษะตอบ

“อยากทานอะไรก็บอกกับคุณแม่บ้านนะ”

“เอ่อ ครับ”

“เอาล่ะ ผมหมดหน้าที่แล้ว เพราะงั้นผมขอตัวละนะครับ ถ้าหากคุณเร็นมีเรื่องด่วนอะไรต้องการพบผม ก็บอกกับคุณแม่บ้านก็แล้วกัน” เลขาหนุ่มพูดพลางหันหลังเดินออกไป

เร็นยืนนิ่ง มองชายหนุ่มก้าวเดินออกจากบ้านไปช้าๆ สักพักเสียงเครื่องยนต์รถก็ดังขึ้นอีกครั้งแล้วเบาลงเมื่อรถยนต์นั้นเคลื่อนห่างออกไป

“คุณคิมุระ ดิฉันจะพาไปที่ห้องพักของคุณนะคะ”

“ครับ” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกหนักๆ พลางเดินตามแม่บ้านไป เธอพาเขาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านพัก แล้วบอกว่าห้องไหนเป็นของเขา ห้องไหนเป็นของเจ้านาย จากนั้นจึงเปิดเข้าไปในห้องของเด็กหนุ่ม

ภายในห้องขนาดกว้างขวาง มีเตียงตั้งอยู่ตรงกลางห้อง มีห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ ทางด้านในห้องมีหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งมองเห็นท้องทะเลสีครามเบื้องหลัง

“เสื้อผ้าของคุณคิมุระอยู่ในตู้นะคะ ส่วนเสื้อผ้าที่จะให้ซักทำความสะอาด เอาใส่ตะกร้าทิ้งไว้ เดี๋ยวดิฉันจะมาเก็บไปจัดการให้ ถ้าหากหิว หรือต้องการอะไร ก็เรียกดิฉันได้เสมอนะคะ เชิญคุณคิมุระตามสบายค่ะ วันนี้คุณท่านจะมาตอนสี่ทุ่ม เพราะงั้นเมื่อใกล้เวลา คุณคิมุระก็ควรจะเข้าไปเตรียมตัวรอเจ้านายข้างในห้องฝั่งตรงข้ามนี้นะคะ”

“...คุณแม่บ้าน... คือว่า... เจ้านาย... เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงน่ะครับ”

หญิงวัยกลางคนหยุดยิ้ม “เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”

“โธ่ คุณแม่บ้าน! บอกผมสักนิดเถอะครับ ผมจะได้มีเวลาเตรียมใจ!”

“ถึงกับต้องเตรียมใจเลยเหรอคะ” เธอหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณท่านน่ะ... เป็นคนที่วิเศษมาเลยทีเดียว อุ้ย... ดิฉันพูดมากไปแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวอาหารเย็นเสร็จแล้ว ดิฉันจะขึ้นมาตามค่ะ”

...พูดมากตรงไหนวะ! เขายังไม่รู้อะไรจากคำพูดของเธอเลย! แล้วเป็นคนวิเศษนี่ หมายความว่าเป็นพ่อมดหรือหมอผีรึไง! เร็นต่อว่าเธออยู่ในใจ ก่อนจะหันไปสำรวจภายในห้อง เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าออก ซึ่งภายในนั้นมีเสื้อผ้าลำลอง กางเกงว่ายน้ำ ชุดวอร์มและชุดนอน... ไซซ์พอดีกับตัวเขาราวกับจดสัดส่วนของเขาไปซื้อมาเลยทีเดียว

เด็กหนุ่มขนลุกซู่ เขาพ่นลมหายใจออกหนักๆ พลางเลือกหยิบเสื้อผ้าสำหรับจะใช้เปลี่ยนออกมาจากในตู้แล้วโยนไว้บนเตียง จากนั้นก็เดินไปเปิดหน้าต่างออก

สายลมอุ่นๆ แต่ไม่ถึงกับร้อน หากก็เป็นธรรมดาของอากาศในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ คงจะระบุได้ยากว่าอยู่ส่วนไหนของญี่ปุ่น ร่างสูงชะโงกมองลงไปยังชายหาดขนาดเล็กเบื้องล่าง ซึ่งเงียบสงบ นานๆ จะมีพวกผู้ชายในชุดสูทเดินผ่านไปมาสักที เขาคิดว่าคนเหล่านั้นคงจะเป็นบอดี้การ์ดของ เจ้านาย คนที่ว่า

“เป็นคนที่วิเศษมาก... แล้วทำไมต้องมาซื้อบริการจากนักศึกษาจนๆ วะ แปลกชิบ! ถ้าวิเศษจริงก็น่าจะมีคนเข้ามาให้เลือก เข้ามาถวายตัวให้ฟรีๆ มากมายไม่ใช่รึไง ร่ำรวยออกจะขนาดนั้น” เร็นพึมพำ เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน

เร็นเดินสำรวจภายในห้องนั่งเล่น เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องมีเพียงโซฟาตัวใหญ่ กับชั้นหนังสือที่มีหนังสืออัดอยู่แน่นเท่านั้น มีบานประตูกระจกออกสู่สวนขนาดย่อม ส่วนด้านหลังสวนนั้นเป็นชายหาดและทะเลสีคราม

หลังจากที่ได้เดินสำรวจไปตามแต่ละห้อง มีบางอย่างที่เขาสังเกตได้ คือภายในบ้านไม่มีนาฬิกา ส่วนกระจกเงามีแค่ในห้องน้ำ การที่ไม่ได้มีกระจกมากมายนี่เขาก็พอจะเข้าใจนะว่ามันไม่ได้จำเป็นอะไรนักถ้าหากเจ้าของบ้านเป็นผู้ชาย แต่ไอ้ที่ไม่มีนาฬิกาเลยนี่สิ กะว่าจะไม่ให้คนในบ้านรู้วันเวลาเลยรึไงกัน

กลิ่นของอาหารมื้อเย็นลอยมาเตะจมูก เด็กหนุ่มจึงเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องรับประทานอาหาร ซึ่งมีประตูเชื่อมกับห้องครัวและมีเคาน์เตอร์กั้น

พอได้ยินเสียงประตูเปิด แม่บ้านก็ชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว “อ้าว คุณคิมุระ หิวแล้วเหรอคะ เดี๋ยวอีกสักครู่นะคะ จะเสร็จแล้วล่ะค่ะ”

“นิดหน่อยครับ นี่เย็นแล้ว แต่ผมยังไม่ได้กินอาหารเช้ากับเที่ยงเลย” เร็นเดินตามเข้าไปภายในส่วนของครัว

“งั้นทานอะไรรองท้องก่อนนะคะ” แม่บ้านเปิดตู้ใส่ขนมปังแล้วนำมาใส่เตาอบให้พออุ่น จากนั้นจึงจัดวางชีสและแฮมบนขนมปัง วางลงบนจานแล้วส่งให้กับเด็กหนุ่ม “ทานก่อนนะคะ มื้อเย็นวันนี้ดิฉันทำไก่อบกับมันฝรั่งไว้ให้คุณคิมุระ อีกสักครึ่งชั่วโมงไก่ถึงจะสุกดีน่ะค่ะ”

“ขอบคุณครับ...” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เอ้อ ผมถามสักนิด ที่นี่ไม่มีโทรทัศน์เหรอครับ”

“ไม่มีหรอกค่า”

“อ่า... ผมคงเบื่อแย่...”

“ถ้าคุณเบื่อ จะออกไปเดินเล่นชายหาดก็ได้นะคะ” แม่บ้านยิ้ม


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 1: พระเอกสุดรันทด][130115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-01-2015 12:44:47


หลังจากมื้ออาหารเย็น เร็นก็กลับขึ้นไปยังห้องพักของเขาเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับการพบกันครั้งแรกกับ เจ้านาย เขาอาบน้ำอีกครั้ง โกนหนวดแล้วพรมอาฟเตอร์เชฟที่แม่บ้านจัดไว้ให้แล้วกำชับให้ใช้ กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบที่ชวนให้หลงใหล เจ้านายคงจะชอบแบบนี้ละมั้ง... เขารู้ตัวและรู้หน้าที่ดี ในเมื่อรับเงินมาแล้ว ก็คงจะต้องทำงานให้ดีที่สุด ทำทุกอย่างให้เจ้านายพอใจ แม้ในใจจะนึกขยาดมากเหลือเกินก็ตามที

เด็กหนุ่มตัดสินใจใส่เพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำไว้ตัวเดียวเท่านั้น กะว่าเจ้านายของเขาจะได้ถอดง่ายๆ หากพอนึกถึงประตูหลังที่กลัวว่าจะต้องเสียเอกราชไป เขาก็หยิบกางเกงชั้นในมาใส่

“ทำใจไม่ได้ว่ะ” เร็นส่ายหน้าไปมา... ขอปิดไว้สักชิ้นเถอะ ถ้าเจ้านายว่า เขาก็จะแก้ตัวว่าเหลืออะไรไว้ให้เจ้านายถอดบ้าง จะได้ตื่นเต้น

“เฮ้อ... แล้วเจ้านี่มันจะใช้งานได้มั้ยวะเนี่ย” เกิดเจ้านายเป็นลุงแก่หัวล้านตัวอ้วนเผละ มีกลิ่นเต่าแรงๆ กลิ่นปากเหม็นๆ แปดนิ้วของเขาจะไม่หดเหลือสองนิ้วรึไงกัน... “เอ็งต้องสู้นะเว้ย” ร่างสูงก้มลงพูดคุยกับเร็นน้อยของตัวเองพลางถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยของวัน

เสียงเคาะประตูห้องทำให้เร็นสะดุ้งโหยง หัวใจหลุดร่วงลงไปอยู่ใต้ตาตุ่ม

“คุณคิมุระ... คุณคิมุระคะ”

“คะ... ครับ” เร็นก้าวไปเปิดประตูห้องออก

แม่บ้านยิ้มกว้าง “เดี๋ยววันนี้จะดับไฟตอนสามทุ่มครึ่งนะคะ วันนี้เป็นวันแรก เพราะงั้นดิฉันจะพาคุณคิมุระไปที่ห้องของคุณท่านก่อน แต่งตัวเสร็จรึยังคะ”

“เอ้อ...” เร็นหันรีหันขวาง ใจอยากจะใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เขาวางชุดไว้บนเตียงเรียบร้อยแล้ว แต่ก็คิดว่า... ไม่ควรใส่จะดีกว่า ถ้าหากใส่เสื้อผ้าปิดหมด ก็จะดูไม่เซ็กซี่เอาเสียเลย เจ้านายอาจจะไม่พอใจได้ “เสร็จแล้วครับ”

“ถ้างั้นเชิญทางนี้ค่ะ” เธอไม่ถามหรือพูดอะไรเกี่ยวกับการแต่งกายของเด็กหนุ่มสักคำ หากก้าวฉับๆ ไปยังห้องตรงข้ามกัน แล้วเปิดประตูออก

ภายในห้องนั้นมีขนาดกว้างขวางกว่าห้องของเขามาก มีเตียงขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง มีชุดโซฟาตั้งอยู่ชิดผนังด้านขวามือ ส่วนผนังฝั่งตรงข้ามกันเป็นบานประตูกระจกออกสู่ระเบียงกว้าง มีผ้าม่านชั้นหนาและชั้นบางรวมสองชั้นขึงปิดบานประตูกระจกไว้มิดชิด เร็นมั่นใจว่าเมื่อใดที่ไร้ซึ่งแสงไฟ ห้องนี้จะมืดจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลยทีเดียว

“เดี๋ยวดิฉันจะขอปิดตาคุณคิมุระสักหน่อยนะคะ เชิญคุณนั่งรอบนโซฟาในห้องดีกว่า” เธอผายมือไปยังโซฟาตัวเขื่อง

“พอดับไฟแล้วผมก็มองไม่เห็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องปิดตาก็ได้”

“คุณคิมุระต้องขออนุญาตจากคุณท่านเองนะคะ”

เร็นพรูลมหายใจออกยาว เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาตามที่แม่บ้านบอก แล้วปิดตาลง

แม่บ้านจัดการใส่ผ้าปิดตาให้กับเด็กหนุ่ม เพียงชั่วครู่หลังจากนั้น ไฟฟ้าภายในห้องก็ดับวูบลง “อา... ดับไฟแล้ว เร็วกว่าที่บอกไว้อีก... แปลว่าเจ้านายกำลังจะมาถึงแล้วล่ะค่ะ ดิฉันขอตัวก่อน” เธอบอกกับเขาก่อนจะรีบออกจากห้องไป

ร่างสูงเอนหลังพิงพนักโซฟา หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ... แม้จะทำใจให้ยอมรับชะตากรรมแล้ว แต่ก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ แค่คิดก็รู้สึกเจ็บสะโพกแปลบๆ “เฮ้อ... อะ!” เร็นสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ก้าวมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง หัวใจแทบจะหยุดเต้นไปเสียเดี๋ยวนั้น เขาหันขวับไปทางบานประตู เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาประปรายทั้งที่อากาศภายในห้องก็เย็นสบาย


บานประตูเปิดออกช้าๆ ก่อนจะปิดลงสนิท ร่างที่มองเห็นเพียงแค่เงามืดยืนนิ่งอยู่สักพัก คล้ายจะปรับสายตาให้ชินกับความมืดภายในห้อง จากนั้นจึงก้าวเข้าไปนั่งลงบนโซฟาฝั่งที่ว่าง

“สวัสดี”

เร็นกระโจนลงไปนั่งบนพื้นทันทีที่ได้ยินคำทักทายและรู้สึกว่าเบาะที่นั่งอีกฝั่งยวบลงตามน้ำหนักของคนนั่ง ในสมองก็รีบประมวลผลไปด้วย... แต่คำพูดสั้นๆ ก็ยากที่จะทำให้เขามั่นใจได้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงหรือผู้ชาย

เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าพลางค้อมศีรษะลงต่ำ “สะ... สวัสดีครับ คุณ... เอ่อ... เจ้านาย”

“ไม่ต้องมีพิธีรีตรองขนาดนั้นก็ได้ ขึ้นมานั่งบนโซฟานี่เถอะ”


ผู้ชาย! ผู้ชายจริงๆ ด้วย! กูว่าแล้ว!!


TBC


น้องเร็นได้พบกับเจ้านายแล้วววว ><

ฮัสกี้ขออภัยในความผิดพลาดของตอนที่แล้วนะคะ ฮัสกี้แก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ ที่ทักฮัสกี้นะคะ :hao5:

แล้วก็ขอบคุณนักอ่านทุกคนและทุกคอมเม้นด้วยค่ะ  :mew6:

ขอกำลังใจให้เค้าหน่อยน้าาา ฮือออออ....


 
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 15-01-2015 13:15:55
ค้างงงง มาต่ออีกนะคะ แต่เดาว่าต้องเป็นคุณนายจ้างสุดสวยแน่ๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-01-2015 13:22:59
เจ้คิดว่าแปดนิ้วของหนูอาจจะได้ใช้งานนะคะ.หุหุ~  :hao7: :hao7: :hao7: เดียงสาโดนใจเจ้มากกกก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 15-01-2015 13:31:15
เนื้อเรื่องน่าสนมากค่ะ เรนจะโดนรุกหรือรับ   :hao6:
 
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-01-2015 13:43:40
หือม์ โทษนะคะ ชวนให้นึกถึงการถวายงานของนางสนมคิริสึโบะกับจักรพรรดิพระบิดาและมารดาของฮิคารุเก็นจิเลยค่ะ คล้ายๆกันกับตำนานกรีกที่เรื่องนี้ใช้ Base on เลยนะคะ

ตื่นเต้นค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 15-01-2015 13:53:36
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:เจ้านายนี่เป็นรุกหรือรับกันแน่ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-01-2015 14:10:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 15-01-2015 15:00:25
"กูว่าแล้ว"   จะฮาหราสงสาร  รับหรือรุก  ป้ากะถือทิชชู่รอจ้า :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2015 15:50:36
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 15-01-2015 16:05:36
เค้าอยากอ่านจบวันนี้เลยง่ะฮือออออ :ling1:

อยากรู้เจ้านายเป็นใคร อะไร ยังไง รอลุ้นแทบไม่ไหวชิงๆ :ling3:

(ไม่มีโทรทัศ วิทยุ ขอมีนิยาย Y ให้อ่านก็ได้นะ)เร็นกล่าว อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-01-2015 22:12:00
คุณเจ้านายจะลึกลับไปไหน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 15-01-2015 22:44:07
ลึกลับน่าติดตาม  o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 16-01-2015 10:01:43
เจ้านายลึกลับมากค่ะ จะเป็นรุกหรือรับกันนะ
แต่อยากให้เรนเป็นพระเอกค่ะ ถ้าใช่จิงเจ้านายจะเป็นนายเอกที่แซบมาก
ซื้อตัวพระเอกมาด้วยเงิน 3 ล้าน แถมต้องปิดตาเวลาอยู่ด้วยกัน
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ รีบมาเฉลยเร็วนะคะ


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: lollita ที่ 16-01-2015 10:26:16
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ..ลุ้นจนเหนื่อย อิอิ  :hao6:  มาต่อไวไวน้า  นั่งรอแบบเนื้อเต้น  :laugh:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: Poppy29 ที่ 16-01-2015 18:04:11
 :hao7: :o8: ตื่นเต้นแทนหนูเร็นจริงๆค่ะ ขำกร้ากเลยตอนชายคุยกับเร็นน้อยของตัวเอง5555 อยากอ่านต่อแล้วค่ะอยากรู้จักเจ้านายบ้างจังว่าจะวิเศษและดียังไง มาต่อไวๆนะคะ^^ เขียนสนุกมากๆเลยค่ะขอชื่นชม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 16-01-2015 20:33:07
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 17-01-2015 23:00:34
เจ้านายลึกลับมากเลยทำไมต้องปิดไฟ เห็นหน้าก้ไม่ได้ ใจร้ายยย ลุ้นแทนเร็น
เหตุผลอะไรนะที่เจ้านายทุ่มสุดๅเพื่อซื้อเร็นมา ไปถูกใจอะไรตอนไหน
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 17-01-2015 23:03:09
พบกันแล้ว~ ><
พระเอกเราเตรียมพร้อมมากกกกก
กะจะให้เจ้านายรุกอย่างเดียวใช่มั้ย

เห็นชื่อฮัสกี้แล้วไม่ผิดหวังจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 18-01-2015 21:53:03
 อยากให้เร็นเป็นนายเอกอ่ะคร่าา
เร็นดูใสซื่อดี :m25:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 19-01-2015 01:39:45
โอ๊ะะ หนูเร็นเจอเจ้านายแล้ว เจ้านายจะเป็นคนยังไงกันน้า มาต่อไวๆนะคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 19-01-2015 16:56:05
ช่างเป็นสัญญาที่แปลกจริงๆ เร็นจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้านาย ไม่รู้อะไรเลยแต่ก็ดีนะ พอทำงานเสร็จเร็นก็ยังกลับมาเล่นเบสบอลได้

ลุ้นจริงๆว่าเจ้านายเป็นใคร แต่คงรวยมากถึงได้กล้าจ้างเร็นแพงขนาดนั้น

อิอิได้ยินเสียงเจ้านายแล้วอึ้งเลยเหรอ ฮ่าาา แปดนิ้วของเร็นได้ใช้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-01-2015 17:51:24
ลึกลับจริงๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 2: คืนแรก][150115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 21-01-2015 14:39:04


Chapter 3 : เจ้านาย


หลังจากได้ยินเสียงของเจ้านาย เร็นก็ถึงกับผงะ แม้เขาจะทำใจไว้ครึ่งหนึ่งแล้วก็ตามที เด็กหนุ่มถอยกรูดไปจนชิดผนังห้อง สมองคิดเตลิดเปิดเปิงออกไปไกล “อะ... เอ่อ...” ...จะบอกให้เจ้านายเห็นใจได้ยังไง ว่าเขายังไม่พร้อมจะเสียซิงที่ประตูหลังในวันนี้ โฮ! ถ้าเจ็บก้นจนนั่งไม่ได้ ถ้าเกิดเจ้านายฟิตทั้งคืน เขาไม่ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยเหรอเนี่ย แล้วนี่เขาควรจะบอกเจ้านายก่อนมั้ย ว่าให้เบามือกับเขาหน่อย เยื่อพรหมจรรย์ของเขายังไม่ขาด!

“กลัวอะไรผมเหรอ”

“คะ... คือ... ผม... ผมไม่นึก... เอ๊ย!” เร็นพูดตะกุกตะกัก จะตอบว่าไม่นึกว่าเป็นผู้ชาย แต่ที่จริงใจก็คิดอยู่แล้วว่าน่าจะใช่ จะตอบว่ายังไม่อยากเสียซิง แต่ก็กลัวว่าจะผิดสัญญาที่เลขาหนุ่มบอกไว้

“คุณเร็น”

“อะ... ครับ” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด

“ผมขอเรียกชื่อคุณนะ... ได้มั้ย”

เสียงของเจ้านายช่างนุ่มนวล ฟังแล้วก็เพราะหูดีเหมือนกัน พอทำให้ใจเขาสงบลงได้เล็กน้อย “...ได้ครับ แล้วแต่เจ้านายเถอะครับ”

“คุณเร็นขึ้นมานั่งบนโซฟาเถอะ”

“ครับ” เร็นค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น หากเพราะดวงตาถูกผ้าปิดไว้จึงต้องยื่นมือออกไปคลำหาทิศทาง ตัวเขาก็ดันถอยมาซะชิดผนังเสียด้วย แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็จับข้อมือของเขาแล้วดึงเบาๆ มือนุ่มนิ่มที่เย็นเฉียบทำให้เด็กหนุ่มตกใจจนสะดุ้งสุดตัว เขาตะโกนลั่น “เดี๋ยวคร้าบ! ผมยังไม่พร้อม!”

ชายหนุ่มในเงามืดหัวเราะ “ผมแค่จะช่วยพาคุณมาที่โซฟานี่”

“อะ... ขอโทษครับ คือผม...” ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนวาบ... หน้าแตกมั้ยล่ะมึง! “ผมมีผ้าพันปิดตาอยู่ ก็เลยมองอะไรไม่เห็นเลย” เขาพูดพลางค่อยๆ ก้าวตามมือที่จูงไปยังโซฟา จากนั้นจึงขยับขึ้นไปนั่ง หัวใจเต้นรัวอีกครั้งเมื่อมือนุ่มๆ ที่พาตนเองมาค่อยๆ เคลื่อนไปตามลำแขน “เจ้านาย!”

“อยู่เฉยๆ สิ เดี๋ยวผมจะแกะผ้าออกให้นะ เวลาอยู่ในบ้านมืดๆ แบบนี้ไม่ต้องใส่ก็ได้”

...บอกให้ผมแกะเองก็ได้ ไม่ต้องลูบไปทั่วแบบนี้ มันทั้งสยิวแล้วก็สยองเลยนะเจ้านาย! เร็นได้แต่คิดอยู่ในใจ ขณะที่ฝ่ามือนุ่มนั้นเคลื่อนไปถึงศีรษะแล้วลูบไล้ตามกรอบหน้า ก่อนจะปลดผ้าปิดตาออกช้าๆ เขาได้กลิ่นหอมบางเบา ซึ่งไม่ใช่กลิ่นจากอาฟเตอร์เชฟของตน ถ้างั้นก็อาจจะเป็นกลิ่นน้ำหอมจากตัวเจ้านาย... กลิ่นเหมือนดอกไม้ละมั้ง แต่คงจะเป็นดอกไม้ที่แปลกและหายากมากแน่ๆ

ผ้าปิดตาถูกดึงออกไปแล้ว แต่ดวงตาคมกริบก็ยังคงปิดแน่น เร็นรู้สึกถึงเส้นผมอ่อนนุ่มที่ระอยู่ตรงปลายคาง เขาเริ่มเกร็งตัวเพราะรู้ว่าเจ้านายเข้ามาใกล้ชิดกับเขามาก ทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลกับประตูหลังของตัวเองจนไม่กล้าหายใจเลยทีเดียว

มือกร้านจิกลงบนต้นขาแล้วขยุ้มเสื้อคลุมอาบน้ำไว้แน่น ขนลุกซู่เมื่อรู้สึกว่าเจ้านายกำลังไล้ปลายจมูกไปตามลำคอ

“กลิ่นนี่...”

“อะ... อาฟเตอร์เชฟที่อยู่ในห้องน้ำน่ะครับ”

“อืม... เหมาะกับคุณเร็นดีนะ” ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบา แล้วขยับออกห่างจากเร็นไปเล็กน้อย ก่อนที่เด็กหนุ่มจะกลั้นหายใจจนขาดใจตายไปเสียก่อน

“ขอบคุณครับ... ที่จริง ผมไม่เคยใช้อาฟเตอร์เชฟมาก่อนเลย แต่... เห็นว่าในห้องน้ำมีไว้ให้... คิดว่าเจ้านายคงจะชอบ” เสียงหัวเราะแว่วมาจากชายหนุ่มในเงามืด ดูท่าคำตอบของเขาจะทำให้อีกฝ่ายพอใจแฮะ

“เข้าใจตอบดีนี่”

...นี่ชมรึเปล่าวะ? ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังตำแหน่งที่เจ้านายนั่งอยู่ ในความมืดมิด เขามองเห็นเพียงเงาเลือนราง ทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าใบหน้าของเจ้านายเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุประมาณสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายทำงานแล้ว เพราะมีเลขาส่วนตัวด้วยนี่ ถ้างั้นก็น่าจะอายุมากกว่าเขา โครงร่างดูเหมือนจะเป็นคนที่มีรูปร่างผอมบาง และตัวเล็กกว่าเขาอยู่ไม่น้อย

“จ้องทำไมนัก”

“ก็... เอ่อ... ผมอยากรู้ว่าเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้ว่า... จะทำอะไรให้คุณพอใจดีน่ะครับ”

“แล้วคุณเร็นทำอะไรได้บ้างล่ะ”

“ผม... เอ่อ เล่นเบสบอล... ผมทำความสะอาดได้ ทำอาหารได้...” เร็นพูดไปพร้อมกับสังเกตท่าทางของชายหนุ่มไปด้วย อีกฝ่ายโน้มตัวมาทางเขาเล็กน้อย แปลว่าที่เขาพูดพล่ามออกไปนี่... น่าสนใจอย่างงั้นเหรอ? “...ถ้าในบ้านนี้มีอะไรใช้การไม่ได้ แค่เปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมท่อน้ำแตกอะไรแบบนี้ ผมก็พอจะช่วยแก้ไขได้ชั่วคราวนะครับ”

“อืม... ทำได้หลายอย่างดีนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงปนขำ แล้วหยุดนิ่งไป สายตาในความมืดนั้นราวกับกำลังคิดประเมินท่าทีของคนตรงหน้าอยู่ในใจ แต่แล้วก็เอ่ยขึ้น “ขอมือหน่อยสิ”

“ข้างไหนดีครับ” เร็นยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง

ผู้เป็นนายเลือกจับมือข้างขวาของเด็กหนุ่ม เขาลูบฝ่ามือหยาบกร้านอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยกขึ้นแตะบนแก้มของตน “มือสากจัง”

...หน้าของเจ้านายเล็กจัง... ดูท่าฝ่ามือของเขาจะใหญ่กว่าใบหน้าของเจ้านายซะอีก เส้นผมของเจ้านายก็นุ่มนิ่มราวกับเส้นผมของเด็กๆ อย่างนั้นล่ะ

“เอ้อ... เพราะผมเล่นกีฬา แล้วก็ทำงานตลอดน่ะครับ เจ้านาย... ไม่ชอบรึเปล่าครับ”

“เปล่า” ชายหนุ่มปล่อยมือคืนให้กับเร็น “แล้วทำอะไรได้อีก”

“...เจ้านายอยากให้ผมทำอะไรละครับ” ...ชิบหาย! ถามออกไปแบบนั้นทำไม เดี๋ยวเกิดเจ้านายสั่งให้แก้ผ้าแล้วขึ้นคร่อมไปนั่งเทียนทำไงวะ! เร็นนึกอยากตบปากตัวเองสักสิบครั้ง ขณะเดียวกันก็รีบคิดหาคำพูดใหม่เพื่อเบี่ยงความสนใจของอีกฝ่าย “...เอ้อ... ผมนวดได้นะครับ ให้ผมนวดเท้ามั้ยครับ ช่วยผ่อนคลายดี”

ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ ให้เร็นได้ใจเต้นตึกตักรอลุ้นว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรจากเขา จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ “เอาสิ”

ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกแผ่วเบาอย่างโล่งอก แล้วรีบขยับลงไปนั่งกับพื้นตรงหน้าเจ้านายก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ เขาจัดแจงยกเท้าของชายหนุ่มขึ้นวางบนตัก จากนั้นจึงถอดถุงเท้าออกแล้วลงมือนวดให้ทันที

“อืมม... ดีจัง”

...เท้าเล็กยังกับเท้าของผู้หญิงงั้นล่ะ ถ้าเจ้านายเป็นคนตัวใหญ่ คงจะดูประหลาดพิลึก... เร็นนวดไปพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย สักพักก็สลับไปนวดเท้าอีกข้างบ้าง “อยากให้ผมนวดย้ำตรงไหนมั้ยครับ” ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาจากอีกฝ่าย “...เจ้านายครับ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปเพ่งมองเจ้านาย ร่างผอมบางเอนหลังพิงกับพนักโซฟาแล้วนอนนิ่ง สงสัยว่าจะหลับไปซะแล้ว เขาคงจะนวดดีมากเลยจริงๆ นะเนี่ย

เร็นลุกขึ้นหันรีหันขวาง ถ้าหากจะปล่อยให้เจ้านายนอนตรงนี้คงไม่ดีแน่ “เจ้านายครับ” เขาเอื้อมมือไปจับไหล่ของชายหนุ่มเขย่าเบาๆ “เจ้านายไปนอนบนเตียงดีกว่าครับ”

ศีรษะเล็กผงกขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาราวกระซิบ “...อื้อ... พาไปนอนที”

“อ๋า...” เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ เขาก็พอมองเห็นภายในห้องอยู่หรอกนะว่าอะไรตั้งอยู่ที่ไหน แล้วเจ้านายตัวแค่นี้ เขาคงจะอุ้มได้ไม่ยากนัก เร็นก้าวไปยังเตียงหลังใหญ่แล้วดึงผ้าคลุมเตียงกับผ้าห่มออก จากนั้นจึงเดินกลับไปหาชายหนุ่ม

“ขออนุญาตนะครับ” สองแขนประคองเจ้านายขึ้นนั่งแล้วอุ้มขึ้นแนบกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ก็เพราะเจ้านาย... ตัวเบาหวิวจนเขาอุ้มขึ้นมาได้ง่ายๆ

เร็นค่อยๆ วางร่างผอมบางลงบนเตียง มือหยาบลูบไล้ไปมาบนแผ่นอกของอีกฝ่าย เพื่อที่จะตรวจดูให้มั่นใจ

...แบน... แบนอ่ะ... เจ้านายเป็นผู้ชายจริงๆ ด้วย

“อือ...” ศีรษะเล็กส่ายไปมา

เด็กหนุ่มสะดุ้ง เขานึกว่าตัวเองเผลอลูบคลำจนเจ้านายรู้สึกตัวจึงรีบพูดแก้ตัวออกไป “เอ่อ ขอโทษที่ทำให้คุณตื่น คือผมจะถอดเสื้อสูทนี่กับเนกไทออกให้น่ะครับ” เร็นจับให้เจ้านายเอนตัวพิงตนเองไว้ จากนั้นจึงจัดการถอดเสื้อกับเนกไทให้อีกฝ่าย

“ถอดเข็มขัดให้ด้วยสิ”

เส้นผมนุ่มนิ่มระปลายคางของเร็น ขณะที่ชายหนุ่มกระซิบพร้อมกับหันหน้าซุกเข้ากับลำคอใหญ่ “คะ... ครับ” ระหว่างเด็กหนุ่มจัดการถอดเข็มขัดออกให้ มือของเจ้านายก็เคลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกเล็กน้อย เสร็จแล้วจึงขยับไปวางลงบนแผ่นอกกว้าง

มือของชายหนุ่มลูบไปมา ก่อนจะสอดเข้าไปในสาบเสื้อ “...ใส่แค่เสื้อคลุมเหรอ... ไม่หนาวรึไง ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ”

“เอ่อ... เอ้อ... ผมรีบไปหน่อย... คือผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ พอคุณแม่บ้านมาเรียก ผมก็ออกมาทั้งแบบนี้เลยน่ะครับ” ...แถซะสีข้างไหม้เลยกู ก็ใครจะไปกล้าตอบล่ะ ว่าเขาตั้งใจใส่แค่นั้นเพื่อให้เจ้านายถอดได้ง่ายๆ ให้ตายเขาก็ไม่พูด!

“ถ้างั้นนอนห่มผ้ากัน จะได้อุ่นๆ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเขากับเร็นไว้ แล้วผลักให้ร่างสูงเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน เขาซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างพร้อมกับใช้แขนของเด็กหนุ่มแทนหมอนหนุน

เร็นเบิกตาโพลง เขานอนตัวแข็งเกร็งอยู่นาน แต่สักพักก็เริ่มเมื่อย จะขยับตัวก็กลัวว่าเจ้านายจะตื่นจึงพยายามนิ่งให้นานที่สุด จนกระทั่งรู้สึกชาไปทั้งตัว

เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังเป็นจังหวะเข้าออกสม่ำเสมอ ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าคนที่นอนแนบชิดตนเองอยู่นั้นหลับไปแล้ว เขาเม้มปากอย่างชั่งใจ เพราะเมื่อตอนที่อุ้มเจ้านาย... เขาคิดว่าอีกฝ่ายตัวผอมแล้วก็เบามากเลยทีเดียว เขาอยากจะยืนยันให้มั่นใจอีกครั้งว่าเจ้านายตัวเล็กขนาดไหน มือหยาบค่อยๆ เคลื่อนไปโอบกอดร่างผอมบาง แล้วค่อยๆ ลูบสัมผัสไปตามแผ่นหลังขึ้นไปยังหัวไหล่ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าตัวเขามาก ผ่านมายังต้นแขนผอมและท่อนแขนยาวเรียว ลงมาถึงสะโพก ก่อนจะหยุดไว้แค่นั้น

“อืม...” เจ้าของเสียงนุ่มครางอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเบียดร่างกายเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่ทำให้ตนเองรู้สึกอบอุ่น

เร็นก้มลงมองกลุ่มเส้นผมของเจ้านาย ก่อนจะลองสอดนิ้วเข้าไปสัมผัสเบาๆ เส้นผมเป็นลอนที่ยาวจนระต้นคอ แวบหนึ่งเขาคิดว่า เส้นผมของเจ้านายนี่... ช่างคล้ายกับเส้นผมของเทวดาในรูปภาพจากในโบสถ์มากเลยจริงๆ

กลิ่นหอมบางเบาจากร่างกายที่ให้ความรู้สึกบอบบางของชายหนุ่ม ทำให้เร็นคิดไปในแง่ดีขึ้นว่า อย่างน้อยคนคนนี้ก็ไม่ได้เป็นลุงแก่ๆ ลงพุงท่าทางเจ้าชู้ลามกเช่นเดียวกับที่ได้พบเจอมาในโฮสต์คลับ แม้จะดูตัวผอมๆ แต่คงจะไม่ได้เลวร้ายขนาดพวกกอลลัม และจากที่พูดคุยกัน ก็ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกกระมัง

ภาพเจ้านายในจินตนาการของเร็นแปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทีละน้อย ถ้าเช่นนั้นแล้ว เขาก็คงจะทำใจได้ไม่ยากนักเมื่อเวลานั้นมาถึง... ถ้าหากเจ้านายต้องการที่จะมีเซ็กซ์กับเขา


TBC


คืนแรกของน้องเร็นกับเจ้านาย  o18 เป็นยังไงบ้างคะ 55555

เจ้านายต้องค่อยๆ หน่อยน้า เดี่ยวไก่(น้องเร็น) ตื่นหมด  :o8:

ขอบคุณนักอ่านทุกคนและทุกคอมเมนต์ด้วยค่า :mew1:

ปล. ยังไม่ได้อัพนิสรีนเบย แต่เมื่อวานอัพตะวันเคียงเดือนตอนใหม่ไปแล้ว เผื่อว่าใครยังไม่ได้อ่านนะค้า  

husky's page (https://www.facebook.com/huskyhund)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 21-01-2015 15:02:16
มันเงาจันทร์จริงๆ  ค่อยๆคลำกันในความมืดสินะ :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: nunuchhh ที่ 21-01-2015 16:17:45
 :o8:ตื่นเต้นปนเขินแทนเร็นจริงๆ อยากให้เห็นเจ้านายยามมีแสงสาดมา :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-01-2015 17:00:50
เจ้านายจะเป็นนางฟ้าหรือเคะราชินี   :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 21-01-2015 17:13:52
จะเป็นตำนานเรื่องอะไรนะ
ใช่เรื่องที่เทพีดวงจันทร์หลงรักมนุษย์หรือเปล่า

รออ่านค่า ตื่นเต้นแทนน้องเร็น 555555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 21-01-2015 17:35:54
รู้สึกคุณเจ้านายจะดูสวยสง่าแปลกๆ ออร่าออกรัวๆ 5555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 21-01-2015 17:59:20
 :mew1:เจ้านายเป็นเคะแน่ๆ นานๆจะเจอเรื่องพระเอก น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-01-2015 19:10:48
แหมะ พอเจ้านายร่างผอมบอบบางตัวหอมเข้าหน่อย เริ่มจะเอนเอียง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-01-2015 19:42:03
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 21-01-2015 20:00:24
เจ้านายเป็นใครหนออยากรู้จางงงง  ทำไมต้องเป็นเร็น 

เร็นรุกนะลูก  ไม่ใช่รับ  555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 21-01-2015 21:12:30
ใหนว่ากลัวล่ะเร็น ใหงเปลี่ยนใจเร็วงี้   :laugh: :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-01-2015 21:44:55
สบายใจได้แล้วมั้งเร็น คงไม่โดนกดหรอก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 21-01-2015 22:11:20
 :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:อยากรู้จังว่าเจ้านายเป็นใครรรรรรร :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-01-2015 16:59:08
โฮ่วววว~ หนูเร็นน่าเอ็นดูตลอดเว.ชอบอ่ะ.แถจนแสบสีข้างเลยนะคะ. :-[ :-[

ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 23-01-2015 09:44:41
นึกว่าคืนแรกจะโดนซะแล้ว เอ๊ะใครจะโดนกันแน่นะ เร็นรึว่าเจ้านาย อิอิ
เร็นเตรียมพร้อมอย่างดี แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงโล่งล่ะสิ เอ แต่พอได้เข้าใกล้เจ้านายแล้วทำเป็นเคลิ้มเลยน้า เจ้านายตัวหอมล่ะสิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 23-01-2015 23:29:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 24-01-2015 14:30:19
 :-[ อยากกดหนูเร็นจังเลยคร่ะ  :-[ ยิ่งตัวสั่นเพราะกลัว เพราะระแวงยิ่งน่าแกล้ง เป็นนี่จะผลักลงเตียง.....(หนูเร็นคงถีบ....)
เรื่องนี้แนวสนุกมากๆๆๆชอบบบบบบบมากมากกกกกค่ะ >///////////< ชอบแนวนี้ แอร๊ยยยยยย
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะะะ >////////<  :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-01-2015 17:39:01
เจ้านายดูราชินี... กดหนูเร็นไหวไหมคะเนี่ย แต่หนูเร็นน่ากดมากจริงๆค่ะถึงดูตำแหน่งแล้วน่าจะสับกันก็ตาม..
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 26-01-2015 14:24:50
เจ้านายไม่ได้น่ากลัวแบบที่คิดใช่มั้ยเร็น ว่าแต่เจ้านายเป็นใครกันน้อ  สงสัยจริงๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :really2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 3: เจ้านาย][210115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-01-2015 14:54:49


Chapter 4


แสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนซึ่งมีเด็กหนุ่มนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนตามลำพัง เมื่อรู้สึกอุ่น มือหยาบจึงปัดผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ออก ก่อนจะลืมตา เขาค่อยๆ หันศีรษะซ้ายขวาเพื่อสำรวจบนเตียง แล้วจึงลุกขึ้นนั่ง

...เจ้านายไม่อยู่ ก็นั่นสินะ สว่างขนาดนี้ละนี่ ถ้างั้นตอนนี้มันกี่โมงกันแล้วนะ

เร็นค่อยๆ ลุกออกจากเตียง เขาก้มลงตรวจดูเสื้อคลุมที่สวมอยู่พร้อมกับใช้มือลูบไปตามลำตัว ไล่ลงไปยังกางเกงชั้นใน  เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเจ้านายเลยแม้แต่น้อย พวกเขาแค่นอนร่วมกันบนเตียงเท่านั้น

...ไม่อยากเชื่อเลยแฮะ จะว่าไป ผู้ชายคนนั้นก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เขาควรจะดีใจที่ได้ลูกค้าแบบนี้

เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องนอนของเจ้านายกลับไปยังห้องนอนของตนเพื่อจัดการล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเรียบร้อยแล้วจึงลงไปยังชั้นล่างของบ้าน

“คุณคิมุระ ตื่นแล้วเหรอคะ นอนหลับสบายดีมั้ยคะ” แม่บ้านออกมาต้อนรับร่างสูงทันทีที่ได้ยินเสียงเดินลงบันได

เร็นยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแบบเขินๆ “สบายครับ ผมไม่ได้นอนเตียงนุ่มๆ แบบนี้มานาน เลยนอนเพลินเลย”

“หิวรึยังคะ” เธอยิ้มรับ “ดิฉันจะจัดอาหารเช้าให้นะคะ เชิญคุณที่ห้องอาหารเลยค่ะ”

“อ่า... ครับ” เร็นก้าวเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร สักพักแม่บ้านก็นำอาหารออกมาเสิร์ฟ

“คุณคิมุระจะรับกาแฟ ชา หรือน้ำผลไม้ดีคะ”

“กาแฟก็แล้วกันครับ ขอบคุณครับ” ดวงตาคมกริบมองตามหญิงวัยกลางคนที่กุลีกุจอไปหลังเคาน์เตอร์เพื่อจัดการชงกาแฟ “เจ้านาย... ออกไปเมื่อไหร่น่ะครับ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว”

“สิบโมงกว่าแล้วค่ะ ส่วนคุณท่าน ออกไปตั้งแต่ตีห้าแล้วค่ะ” เธอตอบพร้อมกับยกถ้วยกาแฟมาวางลงบนโต๊ะอาหาร แล้วถอยออกไปยืนรอเผื่อว่าเด็กหนุ่มต้องการอะไรอีก

เร็นจัดการกับอาหารของเขาไปอย่างเงียบเชียบ ซึ่งในสำรับมีทั้งข้าวสวย ซุปร้อนๆ ปลาย่าง เครื่องเคียง ไข่ม้วน... เขาไม่ได้รับประทานอาหารเช้าแบบนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่มารดาล้มป่วย

พอนึกถึงมารดาแล้ว วันนี้เธอคงจะยังไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดละมั้ง... คงจะเร็วไปสักหน่อย เพราะทางแพทย์บอกว่าจะต้องมีการประชุมกันก่อนจะทำการผ่าตัด แต่สำหรับตัวเขาน่ะร้อนใจ เขาอยากให้มารดาได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด

มือที่ถือตะเกียบอยู่วางลงข้างถ้วยใส่ข้าวสวย จากนั้นจึงถอนหายใจเสียงเบา

แม่บ้านก้าวเข้ามาค้อมศีรษะ “อาหารไม่อร่อยเหรอคะคุณคิมุระ ให้ดิฉันเปลี่ยนใหม่มั้ยคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ อาหารอร่อยมาก... ผมไม่ได้กินอาหารเยอะแยะขนาดนี้มานานแล้ว”

“คุณอยากทานอะไร สั่งดิฉันไว้ได้นะคะ มื้อเที่ยงวันนี้ดิฉันเตรียมสปาเก็ตตี้ไว้ค่ะ”

เร็นหัวเราะเบาๆ “ผมคงอ้วนตายแน่... ว่าแต่... เดี๋ยวผมจะออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านหน่อยนะครับ”

“ทางด้านหน้า ขอให้เดินอยู่ภายในเขตรั้วบ้านนะคะ จะมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าและดูแลคุณคิมุระอยู่ค่ะ ส่วนด้านหลังมีสวนกับชายหาดเล็กๆ จะลงไปว่ายน้ำก็ได้นะคะ”

“ชายหาดที่นี่... เอ้อ...”

“เป็นชายหาดส่วนตัวของคุณท่านน่ะค่ะ ไม่มีใครเข้ามาได้ เพราะงั้นเชิญคุณคิมุระตามสบายนะคะ”

หลังเสร็จจากมื้ออาหาร เด็กหนุ่มจึงออกไปเดินเล่นรอบตัวบ้าน ซึ่งมีสวนหย่อมขนาดเล็กจัดไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะเดินวนไปยังสวนด้านหลังบ้านซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีกหน่อย มีศาลาเล็กๆ กลางสวน และเมื่อเดินต่อไปอีกนิดก็พบกับชายหาดขนาดเล็กที่มีเม็ดทรายสีขาวละเอียด พอมองจากที่ชายหาดโดยหันหน้าเข้าหาตัวบ้าน ร่างสูงจึงเห็นได้ว่าทางด้านซ้าย ขวา และด้านหน้าตัวบ้านมีภูเขาไม่สูงนักล้อมไว้ ส่วนด้านหลังติดทะเล ดูไม่ต่างกับคุกตามธรรมชาติเลยทีเดียว เขาถอดรองเท้าเดินย่ำไปบนพื้นทราย สายลมอบอุ่นพัดพาเกลียวคลื่นสาดซัดขึ้นมาบนหาดเป็นระยะ น้ำทะเลค่อนข้างเย็นอยู่สักหน่อย แต่เพราะดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าให้ความอบอุ่น เร็นจึงนึกอยากจะลงไปว่ายน้ำเล่นฆ่าเวลา

ร่างสูงถอดเสื้อกางเกงออกกองไว้บนหาด เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในแบบบ็อกเซอร์ เขาก้าวฉับๆ ลงไปในทะเล จากนั้นก็ว่ายน้ำไปมาโดยไม่หยุดเลยอยู่สักพัก แล้วจึงขึ้นมานอนแผ่หลาบนชายหาด

แต่แล้วก็มีเงาคนพาดผ่าน เร็นจึงยกศีรษะขึ้นมอง “คุณแม่บ้าน”

“จะบ่ายแล้วค่ะ คุณคิมุระไม่หิวเหรอคะ” เธอส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้พร้อมกับเสื้อคลุม “ให้ดิฉันยกอาหารมาให้ที่นี่มั้ยคะ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอขึ้นไปอาบน้ำก่อน แล้วจะไปหาที่ห้องอาหารนะครับ”

เวลาในช่วงกลางวันของเร็นผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย เพราะเมื่อก่อนเคยต้องทำงานวิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา แต่นี่ เขาอยู่เฉยๆ วันเดียวก็เบื่อซะแล้ว แถมมีอาหารมื้อใหญ่พร้อมสามมื้อ แล้วเอาแต่นั่งๆ นอนๆ แบบนี้ด้วย ครบหกสัปดาห์เมื่อไหร่ เขาคงต้องกลิ้งกลับบ้านเป็นแน่

หลังเสร็จจากอาหารมื้อค่ำ เด็กหนุ่มก็พาตัวเองไปนั่งฆ่าเวลาในห้องนั่งเล่น เขาเปิดหน้าต่างภายในห้องออกกว้าง แล้วทอดสายตามองทะเลที่สงบนิ่ง

“คุณคิมุระ”

“ครับ”

“วันนี้คุณท่านจะมาเร็วสักหน่อย อีกประมาณชั่วโมงก็คงมาถึงแล้วค่ะ”

“อา... งั้นผมรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” เร็นสาวเท้าตรงไปยังประตูห้องที่แม่บ้านยืนอยู่ เธอหัวเราะ แล้วบอกกับเด็กหนุ่ม

“พอดีคุณเลขาโทรมา ดิฉันเลยบอกไปว่าคุณคิมุระดูเบื่อๆ คุณท่านก็เลยบอกผ่านคุณเลขามาว่าจะรีบมาน่ะค่ะ”

เด็กหนุ่มหยุดกึก “....”

“ดีจริงที่คุณคิมุระมาอยู่เป็นเพื่อนให้คุณท่าน เมื่อเช้าท่านอารมณ์ดีมากเลยทีเดียว”

...อยู่เป็นเพื่อนงั้นเหรอ? แม่บ้านคงไม่รู้สินะ ว่าเจ้านายซื้อตัวเขามาด้วยราคาแพงแค่ไหน... “คุณแม่บ้านครับ... คุณท่านของคุณแม่บ้านนี่...”

“ถ้าจะถามว่าหน้าตาของท่านเป็นยังไงละก็ คุณเลขาสั่งไว้ว่าห้ามบอกค่ะ”

เร็นปิดปากทันที... คิ้วหนาขมวดเป็นปม แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดี... สงสัยเหลือเกินว่าเจ้านายหน้าตาเป็นยังไง แล้วทำไมต้องปิดบังกันถึงขนาดนี้

“...แต่ดิฉันจะแอบบอกว่า ท่านเหมือนเจ้าชายเลยล่ะค่ะ”

“เหมือนเจ้าชาย?” ...คือหมายความว่ายังไง? ดูดีมีออร่าแบบเจ้าชาย? ถ้าหน้าตาแบบเจ้าชาย... แล้วเจ้าชายนี่หน้าตาแบบไหนกันวะ? หรือจะรวยยังกับเป็นเจ้าชาย?

เด็กหนุ่มหยุดคิด แต่พอเห็นแม่บ้านหันหลังเดินออกไป เขาก็รีบคว้าแขนของเธอไว้ “คุณแม่บ้านครับ เอ้อ... ผมขอปรึกษาอะไรหน่อย”

“คะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้...”

“คือ...” เร็นยกมือขึ้นเกาศีรษะ “...ช่วยผมคิดหน่อยสิครับ ผมควรจะเอาใจเจ้านายยังไงดี”

แม่บ้านหัวเราะ “โธ่... คุณท่านท่านไม่เรื่องมากหรอกค่ะ คุณคิมุระอยากทำอะไรก็ทำเถอะ แค่ตั้งใจทำให้ท่านก็พอ”


ไฟฟ้าภายในบ้านดับลงก่อนหน้าที่รถคันหรูจะเคลื่อนเข้ามาจอดเล็กน้อย เป็นสัญญาณที่บอกให้เด็กหนุ่มรับรู้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เขาเข้าไปนั่งรอเจ้านายภายในห้องนอนเมื่อแม่บ้านขึ้นมาแจ้งเวลาดับไฟ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดนอนแขนขายาวที่หยิบมาจากในตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เร็นไม่ได้ตื่นเต้นและเป็นกังวลเท่าในวันแรก หากภายในศีรษะคิดวางแผนเพื่อที่จะทำความรู้จักไปพร้อมๆ กับการทำหน้าที่เอาใจเจ้านายให้ได้ดีที่สุด

...เขายังคงติดใจ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นใบหน้าของเจ้านาย หมายความว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนดังในสังคม? หรือเป็นคนที่เขารู้จัก? หรือว่า... แค่ขี้อายเฉยๆ กันนะ

เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก เร็นรีบลุกจากโซฟาเพื่อต้อนรับเจ้านาย “สวัสดีครับ เจ้านาย”

“สวัสดี” ร่างผอมบางในความมืดก้าวเข้าไปยังโซฟาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะถอดเสื้อสูทออก

เร็นถลาเข้าไปรับเสื้อสูทของเจ้านาย “เอ่อ... ผมถอดเนกไทให้มั้ยครับ”

“เอาสิ”

มือหยาบเอื้อมไปปลดปมเนกไทออก ทว่าแม้จะมืดจนมองอะไรไม่ค่อยเห็น เขาก็ไม่กล้ามองหน้าของเจ้านาย แต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตนเขม็ง เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับเนกไท แล้วดึงออกจากลำคอช้าๆ พอได้ยืนประจันหน้ากันแบบนี้ เมื่อดูจากความสูงของปมเนกไท เจ้านายคงจะเตี้ยกว่าเขาไม่มากเท่าไหร่

“แกะกระดุมออกให้ด้วยสิ”

“ครับ” เร็นเคลื่อนมือไปปลดกระดุมออก เริ่มจากเม็ดบนและเม็ดถัดลงมา แล้วหยุดไว้แค่นั้น “แค่นี้พอมั้ยครับ” เขารอฟังคำตอบ หากอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่พูดอะไร และพอเขาจะดึงมือกลับ ชายหนุ่มกลับรั้งมือของเขาไว้ เร็นจึงเงยหน้าขึ้นมอง “...เจ้านาย”

“อืม” ร่างผอมบางปล่อยมือแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

เด็กหนุ่มย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเจ้านาย “เอ้อ... ผม... จะนวดเท้าให้เหมือนเมื่อวานดีมั้ยครับ”

“เอาสิ”

เร็นผ่อนลมหายใจออกอย่างแผ่วเบา เขาจัดการยกเท้าของอีกฝ่ายขึ้นถอดถุงเท้าออกแล้วนวดไปอย่างเบามือ

ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างสูงนวดเท้าทีละข้าง พลางเอนตัวพิงกับพนักโซฟา แล้วเท้าแขนเอามือข้างหนึ่งยันศีรษะ “นวดขาด้วยได้มั้ย”

มือหยาบเคลื่อนขึ้นมายังท่อนขา “ได้ครับ แต่ว่า... เอ่อ...”

“มีอะไรเหรอ”

“...คือ... กางเกงมัน... ขวาง... เดี๋ยวจะยับหมดนะครับ”

“อ้อ... จะให้ถอดกางเกง?”

ใบหน้าคมสันร้อนวูบ เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องบอกให้อีกฝ่ายถอดกางเกงออก หากเพราะเจ้านายใส่กางเกงผ้าสแล็กทำให้นวดได้ลำบากและผ้าก็จะยับหมดด้วย แล้วตอนที่เคยนวดให้เพื่อนๆ ในทีมเบสบอล พวกเขาแก้ผ้านวดกันเลยด้วยซ้ำ หรือถ้านวดข้างสนาม กางเกงผ้ายืดก็สามารถดึงรั้งขึ้นไปได้สูงเกือบถึงโคนขา “...เจ้านายจะเปลี่ยนกางเกงสักหน่อยมั้ยครับ”

คนที่นั่งอยู่บนโซฟานิ่งไปชั่วครู่ “...แล้วถ้าผมอยากให้คุณเร็นนวดหลังด้วย ผมต้องถอดเสื้อมั้ย”

“...อ่า...” ...เอาแล้วมั้ยล่ะกู หาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าเนี่ย... เร็นถอยออกไปตั้งหลัก “แล้ว... แล้วแต่เจ้านายเถอะครับ... แต่... แต่ถ้าถอดหมดเดี๋ยวจะหนาวนะครับ”

ร่างผอมบางลุกขึ้นจากโซฟา พร้อมกับสาวเท้าไปทางที่เร็นนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ “ถอดให้ผมหน่อยสิ”

“ถะ... ถอด... อะไรครับ” เร็นลุกขึ้นพรวด ดวงตาคมกริบเบิกโพลง

“ถอดเสื้อกับกางเกงไงล่ะ จะได้นวดได้... วันนี้ผมนั่งประชุมทั้งวัน เมื่อยไปหมดเลย”

“ครับ” เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปถอดกางเกงออกก่อน กางเกงของเจ้านายสีดำ พออยู่ในความมืดก็ยิ่งทำให้มองเห็นได้ลำบาก จนเขาต้องสุ่มคลำหากระดุมแล้วรูดซิปลง จากนั้นจึงดึงกางเกงลงมากองอยู่ที่ข้อเท้าของเจ้านาย

...น่าแปลกที่เขาสามารถเห็นท่อนขาเรียวยาวของเจ้านายได้ชัดเจนกว่าแขนของเขาเสียอีก ถ้าอย่างนั้น คงเป็นเพราะผิวที่ขาวมาก... ขาวราวกับงาช้าง

เมื่อดึงกางเกงออกจากขาเรียวไปแล้ว เร็นจึงลุกขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของเจ้านายต่อ ทว่าเพราะรู้สึกประหม่า กว่ากระดุมแต่ละเม็ดจะหลุดออกจากรังดุมได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ พอเสร็จหมดจึงจับสาบเสื้อของอีกฝ่ายแหวกออก แล้วดึงออกจากสองแขนช้าๆ

ขณะที่เร็นโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็หันไปกระซิบเสียงแผ่ว “ผมนึกว่าคุณเร็นจะคล่องกว่านี้ซะอีก”

ร่างสูงขมวดคิ้ว “คล่อง? หมายความว่ายังไงครับ?”

เจ้านายไม่ตอบ หากก้าวไปนั่งลงบนเตียง “นวดบนเตียงละกันนะ กว้างดี” จากนั้นจึงคว่ำตัวลงนอน

เด็กหนุ่มเดินไปยืนข้างเตียง ค่อยๆ คลานขึ้นไปนั่งข้างกัน เขาเริ่มต้นจากการนวดท่อนขาช่วงล่างก่อน “เจ้านายครับ”

“.....”

“...ผมไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นอาชีพนะครับ”

“เรื่องแบบไหน”

เร็นกัดฟันกรอด เขาพยายามข่มใจ “คุณเป็นคนแรกที่ซื้อตัวผมมา... และผมก็ไม่คิดจะทำแบบนี้อีก”

“แล้วถ้าเกิดคุณแม่ของคุณเร็นป่วยอีกล่ะ”

เด็กหนุ่มหยุดกึก “...ผมยังมีเงินเหลือจากที่คุณจ้าง เงินเก็บก็พอมีอีกนิดหน่อย แล้วอีกไม่นานผมคงจะเรียนจบ หางานทำแล้วค่อยกู้เงินเอา” ทว่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่ฟังดูเย้ยหยันจากชายหนุ่ม เขาก็กำมือแน่น “ผมไม่ใช่คนร่ำรวยอย่างคุณนี่! ทางเลือกของผมมีจำกัดแค่นี้! ผมไม่เสียใจหรอกนะที่ขายตัวเองให้กับคุณ เพราะอย่างน้อยแม่ของผมก็จะได้รับการผ่าตัด!”

“ขยับขึ้นมานวดหลังทีสิ”

เร็นนึกอยากจะกดร่างผอมบางที่นอนคว่ำอยู่ให้จมลงไปกับเตียง แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ เขาวางมือลงบนแผ่นหลังโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชิดกันแล้วแผ่ฝ่ามือสองข้างของเขาออกกว้าง พอวางประกบลงบนลำตัวของเจ้านายแบบนี้แล้ว ระยะทางจากปลายนิ้วก้อยข้างซ้ายไปยังข้างขวายาวกว่าลำตัวของอีกฝ่ายไม่ใช่น้อยเลย เมื่อรู้สึกว่าเจ้านายตัวผอมและให้ความรู้สึกเปราะบาง เด็กหนุ่มจึงกดคลึงลงไปอย่างเบามือที่สุด

“คุณเร็น”

“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับไปอย่างหงุดหงิด

“ที่ผมว่าคุณน่าจะคล่อง... เพราะคิดว่าคุณคงมีแฟนมาเยอะ”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ โชคดีเหลือเกินที่อยู่ในความมืดเช่นนี้... เขาโมโหตีโพยตีพายใส่อีกฝ่ายด้วยความเข้าใจผิด! เวรกรรม! “ไม่... ไม่เยอะ... หรอกครับ”

“เฉพาะคนที่นับเป็นแฟนไม่เยอะใช่มั้ย”

เร็นถอนหายใจหนักๆ เขาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องสมัยก่อนนักหรอก เพราะตอนนั้นน่ะ เขาเป็นคนดังของทีมเบสบอล จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนเข้าหาเยอะ ประกอบกับเขาอยู่ในช่วงวัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านซะด้วย แต่ในเมื่อเจ้านายถาม เขาก็ไม่กล้าที่จะโกหก “...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ล่ะมั้งครับ”

“.....”

มือหยาบนวดเฟ้นบนแผ่นหลังไปพลางระหว่างที่ชายหนุ่มเงียบไป จากท่อนบนลงสู่บริเวณเหนือสะโพก พอสงบสติอารมณ์ลงได้ ใจก็มาจดจ่ออยู่กับผิวเนื้อของเจ้านาย ซึ่งทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย เพราะเมื่อได้สัมผัสแบบเต็มๆ ฝ่ามือแบบนี้ ผิวของเจ้านายทั้งเนียนและนุ่มมือ ไม่ต่างกับผิวของพวกผู้หญิงเลย

“ผม... เคยมีแฟนหลายคนสมัยที่อยู่ไฮสคูล น่าจะประมาณสิบสองคนได้ครับ ครบโหลพอดี... แต่คบกับใครได้ไม่นานก็ถูกเขาทิ้งหมด... บางทียังไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ”

ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “งั้นเหรอ”

“สมัยที่อยู่ไฮสคูล ผมเป็นนักกีฬาเบสบอลของโรงเรียน ต้องฝึกซ้อมหนักทุกวันและไปแข่งขันอยู่บ่อยๆ เลยไม่ค่อยมีเวลาให้กับความสัมพันธ์ส่วนตัวสักเท่าไหร่ ผมยอมรับว่าเคยมี one night stand กับผู้หญิงที่เข้ามาหาบ้าง ตามประสาวัยรุ่นน่ะครับ แต่พอเข้ามหาลัย... แค่ทำงานพิเศษกับเรียนก็แทบจะไม่มีเวลานอนแล้ว...”

“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีแฟนน่ะสิ”

“ไม่มีครับ ถ้าผมมีแฟน ผมคงไม่... เอ่อ... ไม่ขาย... ตัว”

ร่างผอมบางหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “ทำไมล่ะ”

เร็นเม้มปาก พยายามเพ่งมองใบหน้าของเจ้านายในความมืด “เพราะผมไม่อยากทำให้คนที่ผมรักต้องเสียใจ”

“ไม่ห่วงคุณแม่แล้วรึไง” ชายหนุ่มถามสวนกลับไปทันควัน

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจเจ้านายเลย ทีแรกก็เหมือนจะกวนประสาท แต่ไปๆ มาๆ ก็เหมือนจะเข้าใจ... แล้วนี่กลับมากวนโมโหเขาอีกแล้ว! “ห่วงสิครับ”

“แล้วจะหาเงินจากไหนล่ะ”

“ขายแฟนผมมั้งครับ ชั่งขายเป็นโลไปเลย” เร็นตอบไปอย่างหัวเสีย ทว่านั่นกลับทำให้ชายหนุ่มหัวเราะลั่น

“คุยกับคุณเร็นนี่... สนุกดีนะ”

“ชมหรือประชดผมกันครับเจ้านาย” มือหยาบนวดเคล้นไปบนแผ่นหลังบาง สัมผัสผิวนุ่มๆ แบบนี้ เขาก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่แกล้งพูดจากวนประสาท เด็กหนุ่มเคลื่อนมือขึ้นไปกดคลึงหัวไหล่ “นวดไหล่หน่อยนะครับ”

“อืม... อา... มือของนักกีฬานี่ดีจังเลยนะ” ชายหนุ่มครางเสียงแผ่ว คราวนี้เขาปิดปากเงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าที่นวดไปเรื่อยๆ

หลังจากนวดไปสักพักใหญ่ เร็นจึงขยับลงไปนวดขาบ้าง “ผมนวดต้นขาบ้างนะครับ เดี๋ยวตัวเจ้านายจะช้ำหมด”

“แล้ววันนี้... คุณเร็นทำอะไรบ้างล่ะ”

“ผมไปว่ายน้ำมาครับ... แต่ไม่มีอะไรทำก็น่าเบื่อเหมือนกัน” เด็กหนุ่มตอบขณะนวดขาท่อนบนให้เจ้านายไปด้วย ซึ่งในใจก็คิดว่าต้นขาของเจ้านายนี่ เล็กชะมัด... ขนาดที่เขานวดต้นขาทั้งสองข้างไปได้พร้อมกันเลยทีเดียว

“งั้นพรุ่งนี้คงไม่เบื่อแล้ว”

“หือ? ทำไมล่ะครับ”

“อืม... เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วลุกขึ้นนั่ง จากนั้นจึงคลานเข้าไปหาร่างสูงช้าๆ จนใบหน้าอยู่ห่างจากเด็กหนุ่มแค่ปลายนิ้วกั้น

เร็นนั่งตัวแข็งเกร็ง “...เจ้านาย”

“คุณเร็นยังกลัวผมอีกรึไง”

“เปล่า... เปล่านะครับ”

“งั้นก็ดี... เพราะปกติแล้ว... ผมพูดไม่ค่อยเก่งนักหรอกนะ”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น... หมายความว่า ที่เจ้านายชวนคุย แถมยังกวนประสาทเขาสารพัดนี่ ก็เพื่อให้เขาหายเกร็งอย่างงั้นเหรอ?!

“แล้วก็... ผมมีข่าวดีจะบอกนะ คุณแม่ของคุณเร็นจะเข้ารับการผ่าตัดในอีกสองวันนี้”

น้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลจนหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เขาชอบน้ำเสียงของเจ้านายแบบนี้มากที่สุด และเวลาที่ร่างผอมบางอยู่ใกล้ๆ เขาก็ชอบกลิ่นหอมละมุนจากตัวเจ้านายมากเช่นกัน ใบหน้าที่อยู่ชิดกับเขานั่น... ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มให้กับตน “ขอบคุณครับ” เร็นยิ้มกว้าง “เจ้านาย... เรียกผมว่าเร็นเฉยๆ เถอะครับ”

แขนเรียวยาววาดโอบลำคอหนา ขณะที่เจ้าของเรือนร่างผอมบางพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนตักของเด็กหนุ่ม เขาแนบริมฝีปากลงบนเรียวปากบางอย่างแผ่วเบา

เร็นไม่ได้ถอยหนี... เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองในเวลานั้นเช่นกัน อาจเป็นเพราะกลีบปากอุ่นนุ่มหรือกลิ่นหอมเย้ายวนใจของเจ้านาย แขนแกร่งโอบเอวบางตอบรับสัมผัสจากชายหนุ่ม ทว่าก่อนที่จะได้ลิ้มรสจุมพิตจากอีกฝ่าย เจ้านายก็ผละออกแล้วเปลี่ยนไปซุกซบตรงซอกคอของเขาแทน

ดวงตาคมกริบจ้องมองศีรษะเล็กที่ก้มงุดอยู่ใกล้ๆ อย่างนึกเสียดาย...

...เสียดาย? เสียดายอะไรวะ!

แต่จะว่าไป... นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับใคร หรือแม้แต่จะปลดปล่อยความร้อนรุ่มออกจากร่างกาย เท่าที่จำได้ก็ตั้งแต่มารดาล้มป่วย เพราะเขาทำงานหนักเสียจนกลับถึงบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรงทุกวัน พอได้กอดร่างนุ่มที่มีผิวกายหอมราวกับกลิ่นดอกไม้ไว้แนบชิดแบบนี้แล้ว...

...เดี๋ยวก่อนสิ ไอ้เร็น! เจ้านายน่ะ ผู้ชายทั้งแท่งเลยนะโว้ย!

“เจ้านาย... เจ้านายครับ”

“หืม”

...เสียงงัวเงียเชียว... “ถ้าเจ้านายง่วง ก็นอนดีๆ สิครับ เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ อะ!” เร็นหงายหลังผลึงเพราะแรงดันจากศีรษะเล็กที่ก้มงุดอยู่บนแผ่นอกตน โดยที่มีร่างผอมบางของเจ้านายทาบทับ

“อ้าว! เจ้านายครับ!” เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกอย่างอ่อนใจ เขาหันไปดึงผ้าห่มมาห่อร่างตัวเองกับเจ้านายไว้ แล้วนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“อืม” ชายหนุ่มบดเบียดร่างกายกับคนใต้ร่าง

เร็นช่วยลูบแผ่นหลังให้คนที่ขยับตัวเข้าหาความอบอุ่นของตนจนกระทั่งนิ่งไป เขาอมยิ้ม... คิดว่าแบบนี้เจ้านายก็น่ารักดีเหมือนกัน อย่างกับลูกแมวเลย

“เฮ้อ... ราตรีสวัสดิ์ครับ”

เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แสงจากดวงอาทิตย์ก็ส่องผ่านเข้ามาภายในห้องแล้ว เขายันตัวลุกนั่งพร้อมบิดขี้เกียจ ดวงตาคมกริบกวาดมองหาเจ้าของร่างผอมบางที่ใช้ตัวเขาแทนเตียงกับหมอนมาตลอดทั้งคืน หากในยามเช้าเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่อยู่แล้ว

เร็นขยับออกจากเตียงช้าๆ พอก้มลงมองเสื้อนอนแขนยาวที่สวมใส่ จึงเห็นว่าที่ตรงกระดุม... มีเส้นผมสีทองเกี่ยวอยู่ มันไม่ใช่เส้นผมของเขาแน่ๆ แล้วที่ตรงนี้... คือที่ที่เจ้านายก้มงุดอยู่ทั้งคืน

มือหยาบหยิบเส้นผมนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วพิจารณาอยู่นาน... สีทอง... ดูยังไงก็สีทองและไม่น่าใช่สีทองจากการทำสีผม... เจ้านายไม่ใช่คนญี่ปุ่นหรอกเหรอเนี่ย! เขาหันกลับไปที่เตียงแล้วก้มลงสำรวจบนผืนเตียงอีกครั้ง จนกระทั่งพบเส้นผมสีทองอีกหนึ่งเส้น วินาทีนั้น ภาพเทวดาจากในโบสถ์ปรากฏขึ้นในความคิดทันควัน


เขากำเส้นผมสีทองนั้นไว้ในมือแน่น แล้วรีบเดินกลับไปยังห้องนอนของตน


TBC~*


เจ้านายมีทิ้งเส้นผมไว้ให้น้องเร็นดูต่างหน้าด้วยยยย 55555

ความสัมพันธ์ในความมืดของทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้วนะคะ  :katai2-1:

เค้าโครงของเรื่องเงาจันทร์นี้ (Love & Eros) มาจากปกรณัมกรีก เรื่องของไซคีกับอีรอสค่ะ ถ้าหากสนใจจะอ่านเรื่องย่อมากๆ ของปกรณัมกรีกเรื่องนี้ ฮัสกี้สรุปไว้สั้นสุดๆ ในเพจนะคะ husky's page (https://www.facebook.com/huskyhund/photos/a.1432568943662417.1073741827.1432563496996295/1503104663275511/?type=1&permPage=1)

ขอบคุณทุกคนมากค่ะ  :mew1: ขอกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาาาา

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 28-01-2015 15:17:18
ได้เบาะแสเจ้านายมา 1 อย่างแล้ว แต่ผิดไปหน่อยนะน้องเร็น
เจ้านายไม่ใช่เทวดา เจ้านายเป็นนางฟ้าต่างหาก
 :hao6: :hao6: :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-01-2015 15:29:38
หนูเร็นเริ่มหวั่นไหวแล้วล่ะสิ๊~  :hao3: ก็เจ้านายออกจะน่ารัก ขี้อ้อนเหมือนลูกแมวขนาดนี้อ่ะ  :-[ :-[ นี่ขนาดไม่เห็นหน้ากันนะเนี่ย เรายังหลงเลย  :impress2: อร๊ายย ~ ฟินนนน

ติดตามจ้าาา ~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2015 15:49:42
เทวดามาช่วยเร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 28-01-2015 15:58:17
เจ้านายน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก จริงๆเลยอ่ะ ส่วนเร็นก็จะว่าอย่างไงดีนะ? อื้ม!! ซึนดีๆ 55555
เป็นกำลังใจให้นะคะ มาต่อเร็วๆๆนะคะ อยากอ่านต่อแล้ววววว เร็นตื่นมาจะเจออะไรรออยู่นะ?
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-01-2015 16:03:21
เจ้านายน่ารักขี้อ้อนแบบนี้เร็นเสร็จแน่
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 28-01-2015 16:24:46
 :impress2:อยาก เห็นเจ้านาย ไวๆ ท่าทางน่าฟัด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 28-01-2015 16:28:21
รอบนี้มีของดูต่างหน้าเร็นกะจิ้นไป คนอ่านก็ฟินไป :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 28-01-2015 16:37:16
อันยอง
ตามมาอ่านน้องเร็นกะเจ้านายในเล้าอีกรอบ
อยากรุ้จังว่าเจ้านายคนสวยไปเห็นน้องเร็นที่ไหนถึงได้ขับรถสะกดรอยตามด้วยตัวเอง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: zoochi ที่ 28-01-2015 16:59:26
เงะ เอาอีกกกกกกกกกกกกก

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 28-01-2015 17:05:24
อยากรู้แล้วจังว่าเจ้านายเป็นใคร ทำไมต้องปิดบังหน้าตาด้วยนะ
จะอยู่กันมืดๆอีกนานมั้ยคะ ลุ้นจะแย่แล้ว
ว่าแต่ทั้งบ้านไม่มีนาฬิกา แล้วแม่บ้านรู้เวลาได้ไงอ่ะค่ะ


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 28-01-2015 17:12:44
เร็นเอ๊ยยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าหนูต้องรุกนะลูกไม่ใช่รับ  เพราะเจ้านายตัวบางซะขนาดนั้นถึงขั้นนี้แล้วต้องให้ให้เจ้านายบอกอีกหรอว่ารุกหน่อยรุก :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-01-2015 17:31:01
เอาเส้นผมไปทำเสน่ห์เลย55555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 28-01-2015 17:31:40
นางฟ้าแน่ๆ ไม่ใช่เทวดาหรอก :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: Poppy29 ที่ 28-01-2015 18:26:30
 :impress2:  :impress2:  :impress2: อ่านไปฟินไปเจ้านายอ้อนน้องเร็นได้น่ารักฝุดๆๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 28-01-2015 19:45:04
 :hao6: :hao6:
เร็นเอ้ยยยย เอ็งนะหลงเจ้านายแล้วววววว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 28-01-2015 20:15:39
น่ารักที่สุด เจ้านายดูน่าปกป้อง น่าค้นหาสุดๆ
หลงอ่ะบอกเลย อยากให้เร็นหลงเจ้านายกว่านี้อีกก
แต่จะว่าไปเร็นโชคดีจังน้าา เจ้านายมาดูแลเนี่ย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 29-01-2015 11:54:36
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:อยากเห็นหน้าเจ้านายจัง :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 29-01-2015 14:01:01
อยากเห็นคุณเจ้านายเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 29-01-2015 20:17:46
 :L2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 29-01-2015 22:12:59
 :L1: :L2: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 29-01-2015 22:13:54
ว้าววว คนในฝันเลยใช่ป่ะเร็นจังงง  :z1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 30-01-2015 13:24:40
โอ้ย สนุกจัง อยากอ่านต่อไวๆจังเลยจ้า ^_^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 30-01-2015 20:00:05
ชอบบบบ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: eaglelove ที่ 31-01-2015 12:07:15
ชอบคับ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 02-02-2015 15:07:51
เจ้านายน่ารัก ดูเหมือนคนเฉยๆแต่ก็ขี้อ้อนเหมือนกัน ถ้าเร็นเสียดาย วันหลังก็ลองรุกเองเลยสิคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: trimo-mo ที่ 02-02-2015 16:03:40
น่ารักอ่าาาาา ชอบๆๆๆ ><
เจ้านายจะทำอะไรให้เร็นไม่เบื่อนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 03-02-2015 16:18:17
เจ้านายอย่าทิ้งเส้นผมไว้บ่อยนะก๊ะ เดี๋ยวจิเหม่งงงงงง >_____< กี้ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 03-02-2015 22:31:30
เจ้านายลึกลับมากเลย

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 04-02-2015 11:36:35
เจ้านายเหมือนเด็กน้อยเลยอ่ะ

น่ารักกกกก ขี้อ้อนจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 04-02-2015 11:50:35
เจ้านายมีผมสีทองด้วย  อาาา แจ้านายเป็นฝรั่งเหรอ รึลูกครึ่ง
เร็นนวดให้ทั้งตัวเลย แล้วเจ้านายก็หลับ นึกว่าจะ .... อิอิ
เร็นจะไม่เหงา แล้วเจ้านายจะทำยังไงให้เร็นไม่เหงานะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-02-2015 16:35:35


Chapter 5


ร่างสูงที่อยู่ในเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ยืนรับลมทะเลเบื้องหลังบานหน้าต่างที่เปิดไว้กว้าง สายลมอุ่นๆ ไล้ผ่านใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมสีดำพลิ้วไปตามแรงลม เขาทอดสายตามองไกลออกไปอย่างเหม่อลอย คล้ายตกอยู่ในห้วงคำนึง

เร็นลงไปยังห้องอาหารในตอนสายของวัน ซึ่งวันนี้แม่บ้านทำอาหารไว้รอเขาเรียบร้อยแล้ว

“เชิญคุณคิมุระค่ะ” เธอเอ่ยอย่างตื่นเต้น ยกอาหารมาเสิร์ฟให้เด็กหนุ่ม แล้วปราดไปหยิบกล่องของขวัญกล่องใหญ่มาส่งให้ “คุณท่านฝากไว้ให้คุณค่ะ”

“ให้ผม? อ่า ขอบคุณครับ”

“เอาไว้ขอบคุณคุณท่านสิคะ คุณคิมุระทานไวๆ ดิฉันจะพาไปดูอะไรดีๆ ค่ะ”

ร่างสูงหัวเราะ “ครับ” เขาวางกล่องนั้นลงบนโต๊ะตรงที่ว่าง แล้วก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารเช้าของตน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงหันไปแกะกล่องของขวัญที่มีริบบิ้นขนาดใหญ่มัดไว้ออก

ดวงตาคมกริบเบิกโพลงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ของขวัญในกล่องนั้นคือถุงมือกับลูกเบสบอลยี่ห้อดัง เขารีบลุกขึ้น หยิบถุงมือขึ้นมาลองสวมด้วยความตื่นเต้น พอสักพักก็วางลงแล้วหันไปหยิบลูกเบสบอลขึ้นมาลองถือไว้ในมือบ้าง

เร็นยิ้มกว้าง ถุงมือเบสบอลเป็นแบบที่เขาใฝ่ฝันอยากจะได้เป็นเจ้าของสักครั้ง เพราะคำร่ำลือในเรื่องของคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับของนักเบสบอลมืออาชีพทั่วไป หากสำหรับตัวเขานั้น ราคาของมันสูงเกินกว่าจะรับไหว  “อา... สุดยอดไปเลย” แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็จางหายไปทีละน้อย เขาเก็บของทั้งหมดกลับลงในกล่องอีกครั้ง

“อ้าว คุณคิมุระ ไม่ชอบเหรอคะ”

“เปล่าครับ... แต่ของขวัญราคาแพงแบบนี้ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย ไม่ใช่ว่าเขาเล่นตัวหรือไม่อยากได้ ทว่า... ค่าตัวของเขาที่เจ้านายให้ กับการช่วยเหลือมารดาเรื่องการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้รับนั่นก็มากพอแล้ว เขาไม่อยากติดหนี้ค้างกับเจ้านายมากไปกว่านี้

แม่บ้านขมวดคิ้ว “คุณคิมุระละก็ คิดมากไปได้... คุณท่านอุตส่าห์จัดหามาให้ ไม่รับไว้จะไม่ทำให้ท่านเสียน้ำใจเหรอคะ”

“...แต่... ทำไมคุณท่านของคุณแม่บ้านถึงดีกับผมขนาดนี้...”

“ก็เพราะคุณท่านเป็นคนใจดีน่ะสิคะ! เป็นคนน่ารัก แล้วก็ใจดีที่สุด!” เธอสะบัดหน้าพรืด หากเพียงชั่วครู่ก็หันกลับมาทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง “ดิฉันจะพาคุณคิมุระไปดูอะไรดีๆ ตามดิฉันมาสิคะ”

เร็นลุกตามเธอไป ฟังเธอบ่นพึมพำใส่เขาไปด้วยระหว่างทาง จนไปถึงบริเวณที่ว่างในสวนที่เขาเดินผ่านเมื่อวาน แต่วันนี้พื้นที่ตรงนั้นมีรั้วตาข่ายรับลูกสำหรับการฝึกขว้างกับตาข่ายขึงไว้เบื้องหลังอย่างมิดชิด เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง

“ไม่น่าเชื่อเลย”

“เชื่อเถอะค่า ท่านให้คนงานมาติดเมื่อคืน... ท่านเกรงว่าคุณคิมุระจะเหงาเวลาที่รอท่านน่ะค่ะ”

เร็นยิ้มเจื่อนๆ “.....” ...ทำไมเจ้านายถึงทำเพื่อเขาขนาดนี้? คนที่จ่ายเงินซื้อตัวคนอื่นมา จะทำให้กันขนาดนี้เชียวเหรอ? นี่อย่างกับว่าเขาเป็นฝ่ายรับจากเจ้านายอย่างเดียวซะมากกว่า ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของเขา ที่จะเอาอกเอาใจอีกฝ่าย

“คุณคิมุระจะไม่ทดลองเล่นสักหน่อยเหรอคะ”

“วันนี้ยังไม่ดีกว่า ขอบคุณนะครับคุณแม่บ้าน... แต่เดี๋ยวผมว่าจะไปเดินเล่นแล้วไปว่ายน้ำต่อสักหน่อย” เด็กหนุ่มปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวล รีบเดินหลบฉากออกมาก่อนที่แม่บ้านจะบ่นใส่ต่อจนหูชา

 

เร็นแทบจะรอให้ท้องฟ้ามืดสนิทไม่ไหว เขาเดินวนไปวนมาอยู่ภายในบ้าน หลังอาหารมื้อค่ำไปแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปรอในห้องนอนของเจ้านาย คืนนี้เขาใส่เสื้อสเวตเตอร์กับกางเกงยีนส์ เพราะเมื่อตอนหัวค่ำสังเกตเห็นว่าดวงจันทร์ครึ่งดวงทอแสงสุกปลั่งบนท้องฟ้าโปร่ง เขาคิดว่าจะชวนเจ้านายไปเดินเล่นริมหาดสักหน่อย ภายใต้แสงจันทร์สีนวลยองใยนั้น บางทีเขาอาจจะพอมองเห็นใบหน้าของเจ้านายได้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้รู้เห็นอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากขึ้นอีกสักหน่อย

...เพราะภายในใจนึกสงสัยเหลือเกินว่าเจ้านายเป็นใคร ทำไมถึงได้ใจดีกับเขามากขนาดนี้ อาจจะเป็นคนที่เขาเคยพบหรือรู้จักก็ได้... หรือบางทีเขาคงคิดมากไป เป็นไปได้ว่าชายหนุ่มแค่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังสถานะ อาจเป็นคนมีชื่อเสียงหรือมีหน้ามีตาในสังคม

...ชายชาวต่างชาติที่มีผมสีทองงั้นเหรอ จะว่าไปมีหลายคนที่คุ้นๆ อยู่นะ... เด็กหนุ่มไล่ทบทวนชาวต่างชาติที่เคยได้พบ มีอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย นักเรียนแลกเปลี่ยน คนจากในวงการบันเทิงที่มาสัมภาษณ์ นักกีฬาในทีมต่างชาติที่ได้พบกันตอนไปแข่งกระชับความสัมพันธ์ แล้วก็... ยังมีอีกคน

เขาเคยได้พบกับชาวต่างชาติอีกคนหนึ่งตอนสมัยที่อยู่ทีมเบสบอลของไฮสคูล คนคนนั้นมีผมสีทองเช่นกัน พวกเขาพบกันเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้พบกันอีกเลย แต่ที่เขาจำได้ คงเป็นเพราะ... ดวงตาสีเขียวราวกับมรกตน้ำดีคู่นั้น กับใบหน้าที่เขาคิดว่าสวยหวานราวกับตุ๊กตา ทว่าท่าทางยโสและดูน่าจะเข้าถึงตัวยาก แต่ก็ดูสมกับรูปลักษณ์และฐานะดี... หากมาถึงตอนนี้ จะเรียกว่าความทรงจำในตอนนั้นรางเลือนมากเหลือเกินแล้วก็ว่าได้

เร็นสะบัดศีรษะ หัวเราะกับตัวเองเบาๆ เพราะคิดว่าเรื่องแบบนั้น... เป็นไปไม่ได้หรอก ผู้ชายชาวต่างชาติคนที่เขานึกถึงคนนั้น อยู่สูงเกินเอื้อมจนไม่มีทางเป็นไปได้... ไม่มีทางเลยสักนิด คนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น แค่จะมาชายตามองคนอย่างเขายังว่ายากเลย


...ในเมื่อครั้งที่เคยได้พบกันนั้น... อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรตัวเขาสักเท่าไหร่


สายลมในยามค่ำคืนเย็นสบายกว่าในเวลากลางวันมาก แต่ไม่ถึงกับหนาว เด็กหนุ่มเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนราวระเบียงแล้วทอดสายตามองออกไปไกล


“...ได้ยินว่าคุณไม่ยอมรับของขวัญจากผม”

เร็นหันขวับไปทางเจ้าของเสียงนั้นที่ยืนอยู่ในความมืด “เจ้านาย... มาแบบเงียบเชียบเลยนะครับ” นัยน์ตาสีเข้มหรี่มองเข้าไปในความมืด เขาก้าวกลับเข้าไปภายในห้องนอนช้าๆ พอเห็นเงาของร่างผอมบางเดินไปนั่งลงบนเตียง จึงหันไปดึงผ้าม่านปิดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหา แล้วไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงต่ำ “ผมขอบคุณมากๆ สำหรับของขวัญ แต่ว่า... คุณให้ผมมาเยอะเหลือเกินแล้ว ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”

“ของแค่นั้น ไม่ได้ทำให้ผมลำบากอะไรสักหน่อย”

“...ผมรู้... แต่...”

“ผมอยากให้ผมก็ให้ คุณไม่ต้องคิดอะไรมากมายนักหรอก”

เร็นผ่อนลมหายใจออกยาว ดูท่าเขาจะทำให้เจ้านายไม่พอใจซะแล้วสิ เด็กหนุ่มคุกเข่าลงพลางเอื้อมมือไปวางบนตักอีกฝ่าย “เจ้านายครับ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะครับ วันนี้ข้างนอกพระจันทร์สวยดี ไม่มีเมฆเลยด้วย เราออกไปเดินเล่นชายหาดกันมั้ยครับ”

คนที่นั่งอยู่บนเตียงหันมาทางเด็กหนุ่ม เขานิ่งไปชั่วครู่ ราวกับกำลังชั่งใจ “...ก็ได้”

“งั้นไปกันเลยนะครับ”

“เดี๋ยว” ชายหนุ่มพูดพร้อมลุกขึ้นยืน “จะออกไปที่หาดก็ได้... แต่ผมมีข้อแม้นะ”

“หือ ข้อแม้อะไรครับ”

“คุณจะต้องใส่ผ้าปิดตาตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามแกะผ้าปิดตาออกเด็ดขาดถ้าผมไม่อนุญาต... สัญญากับผมได้มั้ย”

“โธ่... ถ้าปิดตาแล้วผมจะมองทางเห็นเหรอครับ!”

ผู้เป็นนายหัวเราะเบาๆ อย่างนึกสนุก “ผมจะพาคุณไปเอง... ว่ายังไงล่ะ”

เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกยาว แผนที่วางไว้เป็นอันต้องพับเก็บไว้ในซอกตู้เช่นเดิม “ก็ได้ครับ สัญญาก็สัญญา”

ร่างผอมบางก้าวไปเปิดลิ้นชักที่ตรงหัวเตียงออก มือของเขารื้อของขลุกขลักอยู่ชั่วครู่ สักพักจึงเดินกลับมา “เดี๋ยวพอจะออกจากบ้านผมจะปิดตาให้คุณนะ”

“ครับ” เร็นตอบไปแบบเซ็งๆ เขาจ้องมองของในมืออีกฝ่าย “ผ้าปิดตาเหรอครับ... ทำไมคุณมีของแบบนี้ในลิ้นชักด้วย”

“แปลกรึไง... อย่างอื่นก็มีนะ อยากใส่กุญแจมือเดินไปหาดมั้ยล่ะ”

“หา! ไม่ดีกว่าครับ!” เด็กหนุ่มถอยหลังกรูด หากมือของเจ้านายคว้าแขนของเขาไว้ซะก่อน

“เดี๋ยวก็ชนอะไรล้มหรอก... ไปกันได้แล้ว”

เร็นเดินตามชายหนุ่มลงไปยังชั้นล่างของบ้าน ซึ่งเงียบกริบจนได้ยินแต่เสียงฝีเท้าของพวกเขาสองคนดังสลับกัน และเมื่อไปถึงประตูบ้าน เจ้านายจึงจัดการใส่ผ้าปิดตาให้ ก่อนจะจูงมือกันไปในความมืดอย่างทุลักทุเล

“จะถึงรึยังเนี่ยเจ้านาย”

“เดินมายังไม่ถึงครึ่งทางเลย”

สองมือประสานกันแนบแน่นขณะที่ก้าวเท้าเดินกันไปเรื่อยๆ หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาก็ไปถึงชายหาดจนได้

“ถึงแล้ว” เจ้านายปล่อยมือจากร่างสูง เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มก้มลงถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ “ไม่เย็นรึไง”

“แค่นี้ไม่สะเทือนฝ่าเท้าผมหรอกครับ ผมไม่ชอบใส่รองเท้าเดินบนทรายมันเดินลำบาก อีกอย่างถ้าผมสะดุดขาตัวเองล้มทับเจ้านายไป คุณต้องตัวหักแน่ๆ”

“ขนาดนั้นเลย”

“เจ้านายตัวเล็กนิดเดียว ผอมกว่าผมตั้งเยอะ” เร็นพึมพำ เมื่อยืนขึ้นเต็มความสูงถึงนึกขึ้นได้ว่าเจ้านายปล่อยมือไปแล้ว ส่วนดวงตาก็ถูกผ้าปิดไว้ เขาหลงทิศหลงทางไม่ต่างกับแมลงสาบโดนเด็ดหนวดเลย เด็กหนุ่มจึงเอื้อมมือออกไปเพื่อหาอะไรจับยึด พอเจอตัวเจ้านายเข้าก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“อ๊ะ!” ร่างผอมบางเซถลาไปตามแรงดึง “เร็น!”

“เจ้านายอย่าออกห่างจากผมสิคร้าบ!” เด็กหนุ่มร้องโวยวาย “ผมมองอะไรไม่เห็นนะ!”

“รู้แล้ว! ปล่อยก่อนสิ กอดไว้แบบนี้เราจะเดินกันต่อไปยังไงล่ะ”

เร็นคลายอ้อมแขนออกอย่างอิดออด แต่ยังจับมือของเจ้านายไว้แน่น “เดี๋ยวๆ เจ้านาย! จะพาผมเดินไปไหนครับ” เขาชักไม่ไว้ใจอีกฝ่ายซะแล้ว ยิ่งเมื่อฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้นทรายที่เย็นเฉียบมากขึ้นทุกที... อย่างกับว่า... เขากำลังเดินลงทะเลอย่างนั้นล่ะ “เจ้านายยย!” เด็กหนุ่มกระโดดหยองแหยงทันทีที่ฟองคลื่นสาดซัดขึ้นมาถึงฝ่าเท้า

ชายหนุ่มหัวเราะ “เดินลุยน้ำเล่นกันไง”

“ขากางเกงผมเปียกหมดแล้ว เฮ้อ...” แต่ก็ยอมเดินลุยน้ำไปด้วยกันกับอีกฝ่าย เร็นบ่นพึมพำเสียงเบา “แย่จัง มองไม่เห็นดวงจันทร์เลย... กะว่าจะมาดูดวงจันทร์ริมทะเลนี่กับเจ้านายสักหน่อย”

ผู้เป็นนายเงียบไปชั่วครู่ เขาจูงมือเด็กหนุ่มเดินไปช้าๆ ขณะเดียวกันก็แหงนหน้าขึ้นมองจันทราที่ทอแสงนวลประดับท้องฟ้ายามรัตติกาล มีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับเป็นเพื่อนกันอยู่ประปราย “...อืม... ก็สวยดี”

“เจ้านายขี้โกงนี่ครับ! เห็นอยู่คนเดียวอ่า!”

ร่างผอมบางก้าวเข้าไปยืนแนบชิดแผ่นหลังกว้าง แล้วรั้งผ้าถูกตาขึ้นไปค้างไว้บนหน้าผาก “เอ้า... พอใจรึยัง”

เร็นเงยหน้าขึ้นให้แสงสีเหลืองนวลฉาบไล้ใบหน้าหล่อเหลา เขายิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ เจ้านาย... คุณใจดีจริงๆ” จากนั้นจึงหันกลับไปทางด้านหลัง

ชายหนุ่มซุกหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง สองมือขยุ้มเสื้อสเวตเตอร์ของร่างสูงไว้แน่น “หันมาทำไมกัน!”

“ก็เจ้านายอยู่ตรงนี้”

“อยากมองดวงจันทร์ก็มองไปสิ”

“ผมอยากมองคุณ พร้อมกับมองดวงจันทร์ด้วยนี่” เร็นพยายามจะหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับร่างผอมบาง ทว่ามือขาวๆ ของเจ้านายที่นั้นไวกว่า รีบกระตุกผ้าปิดตาลงทันเวลาพอดี เด็กหนุ่มจึงได้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าของเจ้านายเท่านั้น

“ไม่ได้” ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อย

เร็นนึกเสียดาย อีกนิดเดียวก็จะได้เห็นหน้าของเจ้านายแล้วเชียว! เสี้ยวหน้าในความมืดนั้น เขาเห็นแค่ว่าใบหน้าของเจ้านายเรียวเล็ก แต่นั่นไม่ใช่ความรู้ใหม่อะไร เพราะพอจะรู้ได้จากการสัมผัส “ทำไมล่ะครับ” มือหยาบยกขึ้นวางบนหัวไหล่เล็ก แล้วขยับขึ้นไปประกบแก้มนิ่ม “...ทำไมคุณต้องปิดบังผมด้วยล่ะ”

เจ้านายดึงมือกร้านทั้งสองข้างออก “เราสัญญากันแล้วไม่ใช่รึไง”

เด็กหนุ่มชะงัก จำใจต้องปิดปากลงสนิท “......” เขาปล่อยมือทั้งสองข้างลงข้างตัวและพ่นลมหายใจออกหนักๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงน้ำจ๋อมแจ๋มห่างออกไป “เจ้านาย!”

เร็นอ้าปากค้าง... เจ้านายปล่อยเขาไว้ตามลำพังกลางน้ำแบบนี้เนี่ยนะ!

“เจ้านาย!” สองแขนยกขึ้นไขว่คว้าไปในอากาศ ทว่าไม่พบใคร ครั้นจะก้าวเดินไป ก็ไม่รู้ว่าจะดิ่งลงน้ำหรือขึ้นสู่ฝั่ง เขายกมือขึ้นเพื่อจะถอดผ้าปิดตาออก หากคำพูดของเจ้านายแวบผ่านเข้ามาในศีรษะ

“...ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามแกะผ้าปิดตาออกเด็ดขาด... สัญญากับผมได้มั้ย”

เร็นลังเลอยู่ชั่วครู่ พอตัดสินใจได้ก็ทิ้งมือลงข้างลำตัวแล้วยืนนิ่ง ปล่อยให้สายลมพัดพาคลื่นสาดใส่ตัวเขาเป็นระยะๆ เขาพ่นลมหายใจออกหนักๆ อย่างอ่อนใจ... นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเจ้านายจะปล่อยให้เขากลายเป็นผีพรายเฝ้าชายหาดรึเปล่า แต่ในเมื่อเขาสัญญาไปแล้ว... อยากจะลองดูเหมือนกันว่าถ้ายืนรอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นมั้ย

...บางทีนี่อาจเป็นบทพิสูจน์ของเจ้านาย... คงอยากจะรู้ว่าคนอย่างเขามีความอดทนสักแค่ไหนกัน

...แต่พอยืนไปนานเข้า ตัวเขาก็เริ่มใจแป้วเหมือนกันนะ

ระหว่างที่เร็นยืนรอเจ้านายอย่างตั้งอกตั้งใจ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านไป สำหรับเขาแล้วราวกับนานนับชั่วโมง หากท้ายที่สุดก็ได้ยินเสียงน้ำจ๋อมแจ๋มดังเข้ามาทางตน ก่อนมือที่เย็นเฉียบจะสัมผัสบนหลังมือเขา

“เจ้านาย คุณกลับมาแล้ว” เด็กหนุ่มดึงร่างผอมบางเข้ามากอดไว้แน่น

“ขอบใจที่รอนะ”

เสียงนุ่มนั้นเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาราวกับกระซิบ แล้ววินาทีนั้นเร็นก็เข้าใจ... เจ้านาย... ต้องการรู้ว่าจะเชื่อใจเขาได้หรือไม่อย่างงั้นสินะ

“ปล่อยได้แล้วล่ะ”

“ไม่ปล่อยแล้วครับ เดี๋ยวเจ้านายทิ้งผมไปอีก” เร็นส่ายหน้ารัว

“ไม่ทิ้งแล้ว ปล่อยเถอะ” มือนุ่มผลักไหล่กว้างออกจากตัว “อะ! เร็น! ปล่อย!” ชายหนุ่มร้องลั่นเมื่อถูกร่างสูงอุ้มขึ้น จากนั้นเด็กหนุ่มก็นั่งแช่ลงในน้ำไปพร้อมกันกับตัวของเขาด้วย

“เร็น!”

เจ้าของชื่อนั้นหัวเราะลั่น ทั้งสองคนเปียกปอนกันขึ้นมาถึงช่วงอกเมื่อคลื่นม้วนตัวสาดซัดเข้าใส่

ร่างผอมบางพยายามผลักเร็นออก เพื่อที่จะได้ยันตัวลุกขึ้น ทว่าถูกอีกฝ่ายกอดรัดเอาไว้แน่น แล้วพออ้อมแขนซึ่งแข็งแกร่งราวกับโซ่นั้นคลายออก คลื่นที่ถาโถมเข้ามาใส่อีกระลอกก็ทำให้ตัวเขาโงนเงนเสียหลัก ตกใจจนต้องเปลี่ยนเป็นโผเข้ากอดเด็กหนุ่มไว้แทน “เร็น! เล่นอะไร! หยุดได้แล้ว!”

“เล่นน้ำกับเจ้านายไงครับ ในเมื่อไม่ได้ดูดวงจันทร์ด้วยกัน เล่นน้ำด้วยกันแทนก็ได้ ฮ่าๆ”

“ไม่เอาแล้ว! หนาว!”

“ผมกอดแน่นขนาดนี้ยังหนาวอีกเหรอ” เร็นสวนกลับทันที แต่เมื่อรู้สึกว่าร่างในอ้อมแขนสั่นน้อยๆ เขาจึงยอมปล่อยอีกฝ่ายออก แล้วฉุดแขนให้ลุกขึ้น “รีบกลับเข้าบ้านกันเถอะครับ เดี๋ยวเจ้านายจะไม่สบาย”

“เพราะใครกันล่ะ!” ชายหนุ่มตอบเสียงเข้ม

“ฮะๆ” เด็กหนุ่มกระตุกแขนเรียวขาวเป็นเชิงบอกให้เจ้าของท่อนแขนนั้นก้าวไปยืนอยู่ทางด้านหลัง “เจ้านายอนุญาตให้ผมถอดผ้าปิดตาออกได้มั้ย ผมสัญญาว่าจะไม่หันมาหาคุณเด็ดขาด ผมจะได้พาคุณกลับไปที่บ้านเร็วๆ”

มือที่เย็นเฉียบขยุ้มด้านหลังของเสื้อสเวตเตอร์ไว้แน่น เขาหยุดคิดก่อนจะตอบ “เอางั้นก็ได้” จากนั้นจึงเอื้อมมือไปดึงผ้าปิดตาออก

เร็นยื่นมือมาทางด้านหลัง “จับมือผมไว้สิครับ” เขาก้าวออกไปเพียงสองสามก้าว “มือคุณเย็นมากเลยนะ ผมเดินเร็วอีกนิดได้มั้ย”

“อื้ม” คนที่เดินก้มงุดตามหลังเด็กหนุ่มไปตอบเสียงสั่นน้อยๆ

“หนาวใช่มั้ยครับ งั้นวิ่งดีกว่านะ”

“ฮะ! เดี๋ยวสิ เร็น!”

หากเจ้าของชื่อไม่ฟังเสียง เขาจูงชายหนุ่มออกวิ่ง “วิ่งเร็วครับ! เร็วเข้า!”

“อ๊า! เดี๋ยวก็ล้มกันพอดี!” ผู้เป็นนายโวยวาย

กว่าจะกลับไปถึงบ้านพักก็เล่นเอาทั้งสองหนุ่มหอบแฮก ทั้งเหนื่อยและขำปะปนกัน เด็กหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงเจ้านายขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนอน แล้วจัดการคลำหาก๊อกน้ำเพื่อเปิดน้ำอุ่นลงในอ่าง เขารู้ที่ทางภายในบ้านดี เพราะเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบตลอดทั้งวัน แม้จะมืดไปสักหน่อย แต่พอจะเดาได้ว่าอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง

“เดี๋ยวแช่น้ำอุ่นก่อนดีกว่านะครับ” เร็นหันไปทางคนที่ยืนหอบอยู่ทางด้านหลัง พร้อมกับจัดการถอดเสื้อสูทกับเนกไทของเจ้านายออก ทว่าพอจะถอดเสื้อเชิ้ต อีกฝ่ายกลับรั้งมือของเขาไว้

“เดี๋ยว... เดี๋ยวสิ”

“ตัวเจ้านายเย็นไปหมดแล้วนะครับ... ขนาดเสียงของคุณยังสั่นเลย”

“ผมถอดเอง”

เร็นปล่อยมือออก “งั้นผมไปนะ” หากเมื่อจะก้าวขาออกไป อีกฝ่ายรีบคว้าแขนเขาไปกอดเอาไว้แน่น

“จะไปไหน”

เสียงที่ถามกลับมาแหบพร่า ส่งผลให้เด็กหนุ่มนึกสงสัย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะสิครับ” เขาตอบไปแล้ว แต่เจ้านายยังไม่ยอมปล่อยแขนเขา สักพักถึงเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว

“อาบด้วยกันก็ได้”

...เจ้านาย... กำลังเชิญชวนเขาอยู่รึเปล่า? เด็กหนุ่มลังเล ก่อนจะตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับเจ้านาย

“...ถ้างั้น... ให้ผมช่วยถอดเสื้อผ้าให้คุณดีกว่านะครับ” เขาจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนหมด

แสงสลัวจากดวงบุหลันสาดส่องเข้ามาทางบานหน้าต่างในห้องอาบน้ำ ฉาบไล้เรือนกายสีขาวน้ำนมจนราวกับผิวกายนั้นเรืองแสงออกมาได้ หากใบหน้าที่ก้มงุดยังคงถูกซ่อนไว้ในเงามืด เร็นเคลื่อนมือลงมาปลดกางเกงของเจ้าของร่างงดงามออก ตามด้วยกางเกงชั้นใน

มือขาวยกขึ้นช่วยถอดเสื้อสเวตเตอร์ของเด็กหนุ่มออกให้ โดยพยายามเลี่ยงไม่ให้ถูกผิวเนื้อของอีกฝ่าย จากนั้นจึงปลดซิปกางเกงยีนส์ออก

“เจ้านายครับ ลงไปแช่น้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวผมตามลงไป คุณคงจะหนาวมากแล้ว”

ชายหนุ่มชักมือกลับ “อะ... อืม”

ดวงตาคมกริบมองตามร่างผอมบางที่กำลังก้าวขาลงไปในอ่างน้ำแบบกลมขนาดกว้างขวาง เขาเดาเจ้านายไม่ถูกเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไงและต้องการให้เขาทำตัวแบบไหนกันแน่ บางทีก็พูดจาเหมือนเป็นคนที่มีประสบการณ์มามากมาย แต่การกระทำกลับดู... ขัดๆ ชอบกล... นี่ก็ผ่านไปสองคืนแล้วโดยที่เจ้านายไม่ทำอะไร ไม่พูดอะไรถึง หน้าที่ ของเขาที่อุตส่าห์จ่ายเงินซื้อมาตั้งแพงเลย

เร็นถอดกางเกงยีนส์ของตนออก วางกองทิ้งไว้บนพื้นห้องน้ำ แล้วก้าวลงไปในอ่างน้ำคนละฝั่งกับเจ้านาย

เสียงน้ำจากก๊อกไหลลงสู่ภายในอ่างดังสะท้อนก้อง เนื่องจากเด็กหนุ่มเพิ่งเปิดน้ำไปได้ไม่นาน ระดับน้ำจึงยังไม่สูงมากนัก แม้จะมีคนสองคนแช่อยู่ในนั้นแล้วก็ตามที

พวกเขาต่างนั่งนิ่ง ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา กระทั่งปริมาณน้ำในอ่างสูงจนเกือบล้น มือหยาบจึงเอื้อมไปปิดก๊อกน้ำ


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 4: คืนที่สอง][280115]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-02-2015 16:36:38


ภายในห้องอาบน้ำเงียบกริบ มีเพียงเสียงของน้ำยามที่ใครสักคนขยับตัว เด็กหนุ่มนั่งเฉยอยู่สักพักแล้ว ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งคงจะไม่รู้ตัวว่าแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาจากทางด้านหลังนั้น ยืนยันให้เขามั่นใจว่าเส้นผมที่เป็นลอนน้อยๆ ยาวจนถึงต้นคอของเจ้านายนั้นเป็นสีทองสวยงาม ลำคอและหัวไหล่เล็กที่โผล่พ้นจากน้ำเป็นสีขาวผุดผ่อง แม้จะเป็นผู้ชาย แต่ใจเขาก็คิดว่าเจ้านายดูเย้ายวนอยู่ไม่น้อย

เร็นยื่นมือออกไปควานหาท่อนขาของเจ้านายซึ่งน่าจะอยู่ไม่ห่างจากตัวเขานัก แล้วก็สัมผัสถูกท่อนขาเรียวเรียบลื่น ทำให้เจ้าของท่อนขานั้นสะดุ้งเฮือก

“ทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มชักขาตนเองกลับแล้วเอามือทั้งสองข้างกอดไว้

ทว่าร่างสูงขยับตาม เขาคลานเข้าไปนั่งประจันหน้ากับอีกฝ่าย “เจ้านาย... ผมไม่เข้าใจคุณเลย ทำไมต้องปิดบังไม่ให้ผมเห็นหน้าของคุณด้วย ยังไงผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณสักอย่างอยู่แล้ว ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย... เราไม่รู้จักกัน... ไม่ใช่เหรอครับ”

“.....”

เมื่อชายหนุ่มไม่ตอบ เร็นจึงเอื้อมออกไปแตะแก้มนิ่ม “...หรือว่า เราเคยพบกันมาก่อน”

ร่างผอมบางชะงักไปกับคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาเบือนหน้าหลบ “.....”

“เจ้านาย หันมาทางผมหน่อยสิครับ” มือหยาบวางประกบใบหน้าอีกฝ่ายแล้วดันให้หันกลับมาทางตน “ทำไมคุณถึงซื้อตัวผมล่ะครับ”

ชายหนุ่มปัดมือกร้านออก “คุณไม่จำเป็นต้องรู้... ผมมีเงิน อยากจะซื้อใคร อยากจะได้อะไร มันก็เป็นเรื่องของผม”

เร็นหยุดกึก จากนั้นจึงเบือนหน้าหนี เขารู้ตัวหรอกว่าตนเองมีค่าเพียงแค่ของเล่นที่เศรษฐีคนหนึ่งสามารถซื้อมาได้ด้วยเงิน เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด หากก็พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ เขาหันไปทางเจ้านายเพื่อจะบอกให้ขึ้นจากน้ำกันเสียที ทว่าเมื่อเห็นศีรษะเล็กที่ก้มงุด กับร่างกายที่สั่นอยู่น้อยๆ ของเจ้านาย อารมณ์พลุ่งพล่านก็แทบจะสงบลงไปในทันที

...หรือว่าเจ้านาย... จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้เวลาที่ต้องการปิดบังความรู้สึกกับเขากัน

คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นึกอยากจะทดสอบอะไรอีกสักหน่อย “...ผมขอโทษ... ในสัญญาบอกไว้ว่าห้ามถามอะไรเจ้านายแท้ๆ” ดวงตาคมกริบพิจารณาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด “...ของขวัญที่คุณให้ผมวันนี้... ขอบคุณนะครับ ผมดีใจมาก”

“...แปลว่าคุณยอมรับของขวัญจากผมแล้วงั้นเหรอ”

เร็นยิ้มมุมปาก “ผมฝันอยากจะได้ถุงมือเบสบอลแบบนี้มานานแล้ว ลูกเบสบอลนั่นก็สุดยอดไปเลย น้ำหนักกำลังดีสุดๆ เจ้านายรู้ใจผมอย่างไม่น่าเชื่อเลย”

ร่างผอมบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย เขาเงียบไปสักพักจึงพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ของพรรค์นั้น เลขาของผมเป็นคนเลือก”

...เป็นจริงอย่างที่เด็กหนุ่มคิด เจ้านายของเขา... จะพูดจาร้ายๆ เพื่อปิดบังความรู้สึก เวลาที่เขาพูดอะไรแทงใจ เร็นหัวเราะเบาๆ เพราะเขาคิดว่าเจ้านายเป็นแบบนี้ ก็น่ารักดี

เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปหาเจ้านาย มือหยาบช้อนคางอีกฝ่ายขึ้น จนเขามองเห็นปลายจมูกโด่งรั้นของเจ้านายกับริมฝีปากที่เผยออยู่เล็กน้อย ความนุ่มนวลที่อยู่ตรงหน้านั่น เขาอยากจะสัมผัสอีกสักครั้ง

“เร็น”

เสียงเรียกชื่อนั้นราวกับเป็นคำเชิญชวน เร็นแนบริมฝีปากของตนกับของเจ้านาย ค่อยๆ เบียดเข้าไปอย่างแผ่วเบา แล้วจึงค่อยเพิ่มแรงขึ้นทีละน้อย

...นุ่ม... นุ่มนิ่มราวกับเยลลี

เร็นใช้ปลายลิ้นแตะริมฝีปากนุ่มที่เย็นเฉียบเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปภายในโพรงปากเมื่อเจ้าของเผยอกลีบปากให้เล็กน้อย ลิ้นอุ่นค่อยๆ กวาดต้อน ไล้วนลิ้นเรียวที่ขยับตอบอย่างเงอะงะ ทว่านั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกพอใจ เขาบดเบียดเรียวปากแล้วเกี่ยวรั้งลิ้นที่ให้ความรู้สึกหวานละมุนหนักหน่วงขึ้น

“อื้ม...” ใบหน้าเรียวเล็กเงยขึ้นรับจุมพิตลึกซึ้งซึ่งทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แม้จะรู้สึกดี หากเมื่อผ่านไปสักพัก สองมือก็ยกขึ้นดันร่างสูงออกเบาๆ เพราะรู้สึกหายใจไม่ทัน แต่อีกฝ่ายยังคงรุกล้ำเข้ามาไล้เล็มความหอมหวานอย่างไม่รู้จักพอ

“ฮื่อ!” มือขาวทุบไหล่หนาแรงๆ พลางเบือนหน้าหนี “เร... อื้อ!”

เร็นบดจูบริมฝีปากที่ถูกเสียดสีจนอุ่นร้อนอย่างเมามัว รสชาติหวานล้ำแบบที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน ในยามนี้ราวกับว่าเขากลายเป็นภมรที่หลงใหลเกสรดอกไม้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เลือดในกายร้อนขึ้นตามความปรารถนาไปด้วยทีละน้อย กระทั่งเจ้านายหอบหายใจหนักๆ เขาจึงยอมละเรียวปากออก หากยังคงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา

“ผมจะพาเจ้านายไปที่เตียง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ลุกขึ้นช้อนร่างผอมบางที่อ่อนแรงจนไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้ไว้แนบกาย แล้วพาเดินไปที่เตียงหลังใหญ่

พอเห็นว่าเจ้านายไม่แสดงอาการขัดขืน และสายตาที่เขาคิดว่ากำลังสบประสานกันอยู่ในความมืดนั้น ก็ราวกับว่าต้องการสัมผัสจากตัวเขาเช่นกัน เร็นจึงโน้มตัวทาบทับแล้วกดจูบกลีบปากอุ่นนุ่มนั้นอีกครั้ง มือกร้านลูบเคล้นไปตามเรือนกายที่เปียกชื้น

“อา... อ๊ะ!”

เสียงครางหวานหูทำให้เร็นผละออกจากชายหนุ่มเล็กน้อย เขาอยากจะเห็นว่าคนใต้ร่างส่งเสียงแบบนั้นออกมาด้วยท่าทีแบบไหน ดวงตาคมกริบจ้องมองขณะที่ฝ่ามือของเขาลูบไล้ เจ้าของผิวกายขาวสะดุ้งตัวเล็กน้อยราวกับมือของเขาเป็นของร้อน ท่าทางเย้ายวนน่ารัก ส่งผลให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ

เร็นจรดปลายจมูกบนลำคอขาว ซึ่งมีกลิ่นประจำตัวของเจ้านายจางๆ เขาลากปลายลิ้นไปตามแนวยาวของลำคอนั้น แล้วมาหยุดไล้วนในร่องชีพจร ก่อนจะขบจูบอย่างมันเขี้ยว

ฝ่ามืออุ่นเคลื่อนมากดเคล้นบนแผ่นอก ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีก้อนเนื้อนุ่มอย่างที่ผู้ชายทั่วไปพึงปรารถนา แต่ผิวของเจ้านายช่างนุ่มหยุ่นตอบรับกับมือดีเหลือเกิน และเมื่อปลายนิ้วไปสะดุดกับยอดอกเล็กๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเขี่ยหยอกล้อเบาๆ

“อ๊ะ! เร็น! หยุดก่อน!”

แผ่นอกใต้ฝ่ามือหยาบสะท้อนขึ้นลงหนักๆ หัวใจของเจ้านาย... เต้นรัวแรงไม่ต่างกับหัวใจของเขาเลย “ทำไมล่ะครับ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ หากพลิกตัวหนี สองขาหนีบเข้าหากันแน่น

“เจ้านายจะไปไหนครับ” เร็นพาตัวเองไปประกบทางด้านหลังของอีกฝ่าย ใช้แขนแกร่งเกี่ยวเอวบางไว้

“เร็น! อ๊ะ!” ร่างผอมบางสะดุ้งสุดตัว “เดี๋ยวก่อน อะ...”

มือหยาบขยับขึ้นไปเคล้นคลึงแผ่นอก ปลายนิ้วบดขยี้ติ่งไตที่รัดตัวแข็ง ขณะที่ใบหน้าซุกไซ้ต้นคอหอมละมุน เขาขบจูบอย่างแรงจนบริเวณลาดไหล่และแผ่นหลังช่วงบนมีรอยช้ำไปทั่ว

“อื้อ! เร็น... หยุด”

แม้เจ้านายจะห้าม แต่เสียงที่แหบพร่าและแผ่วเบาราวกับกระซิบนั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้านายอย่างชัดเจน ส่งผลให้ไฟอารมณ์ของเด็กหนุ่มคุกรุ่นไปด้วย เขาเลื่อนมือลงต่ำ สัมผัสกับส่วนไวสัมผัสที่แข็งเกร็ง “หยุดอะไรกันครับ คุณรู้สึกขนาดนี้แล้ว” นี่เป็นครั้งแรกที่สัมผัสส่วนนั้นของคนอื่นนอกจากของตนเอง มันร้อนราวกับเปลวไฟ

“อา...” ชายหนุ่มครางเสียงกระเส่า

“เจ้านาย” เร็นพ่นลมหายใจกระทบต้นคอขาว มือที่กุมส่วนร้อนของเจ้านายไว้เริ่มขยับขึ้นลงช้าๆ ทว่ามีความชุ่มชื้นหลั่งไหลออกมาไม่หยุด... เจ้านายมีอารมณ์กับตัวเขามากถึงขนาดนี้เชียว?

“อา... อื้ม...” ร่างผอมบางบิดเร่าเมื่อฝ่ามือกร้านเร่งจังหวะถี่กระชั้นขึ้น เขาจิกมือลงกับเตียง ส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว

ผิวกายที่แนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างทำให้เลือดในกายพลุ่งพล่านจนร่างกายของเด็กหนุ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ ส่วนที่แสดงถึงความเป็นชายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง มันผงาดขึ้นรับเวลาที่สะโพกเล็กของเจ้านายขยับเข้ามาเสียดสี

“เจ้านายครับ... คุณทำให้ผม... อา...” เร็นเบียดส่วนกลางร่างเข้าหาเจ้านายเป็นจังหวะสอดคล้องกัน เรียวปากร้อนกดจูบหนักๆ ลงบนใบหูนิ่ม “รู้สึกใช่มั้ยครับ... ผม... ขอทำไปพร้อมกับคุณได้มั้ย”

ชายหนุ่มสะดุ้งวาบเมื่อรู้สึกถึงท่อนเนื้อแข็งขึงที่บดเบียดอยู่ระหว่างก้อนเนื้อสะโพกทั้งสองข้างของตน “ระ... เร็น...”

“แค่นิดเดียว... ขอผมหน่อยนะ ผมทนไม่ไหวแล้วครับ” เด็กหนุ่มจับต้นขาขาวทั้งสองให้เข้ามาแนบชิดกันสนิท พลางสอดใส่แก่นกายของตนตรงระหว่างสองขานั้นไปอย่างเชื่องช้า เพียงครู่เดียวหยาดน้ำหล่อลื่นก็หลั่งไหลออกมาให้เขาขยับสะโพกเข้าออกได้ง่ายและเร็วขึ้น จากนั้นจึงเลื่อนมือกลับไปปรนเปรอให้กับเจ้านายไปพร้อมๆ กัน

สองขาเรียวสั่นเทา หากก็พยายามที่จะกดหัวเข่าให้ชิดกันไว้จนตัวเกร็ง “อา...” เสียงของความชุ่มชื้นในมือหยาบดังสลับกับเสียงผิวเนื้อกระทบกันฟังดูหยาบโลน แต่กลับทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นไปอีก

“อา... เจ้านาย... รู้สึกดีใช่มั้ยครับ”

“เร็น... อา... ผม... จะไม่ไหวแล้ว”

“ผมก็เหมือนกัน... ซี้ด...” แขนแกร่งข้างหนึ่งรัดเอวบางไว้แน่น มืออีกข้างที่ว่างกุมส่วนร้อนของเจ้านายไว้พร้อมกับโถมกระแทกสะโพกเข้าหาคนในอ้อมแขนอย่างแรง

ร่างผอมบางเกร็งกระตุก มือขาวดึงทึ้งผ้าปูที่นอนด้วยความเสียวกระสัน ก่อนจะปลดปล่อยอารมณ์ออกมา

“อ๊า!”

เร็นยิ้มอย่างพอใจ เขาหายใจกระเส่าชิดลำคอขาว หลังจากกระแทกกายอีกสองสามครั้งก็ฉีดพ่นของเหลวสีขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนท่อนขาเรียวด้านใน “อ่า...” สมองของเด็กหนุ่มขาวโพลนไปชั่วครู่ เขาไม่ได้มีอารมณ์ขนาดนี้มานานมากเหลือเกินแล้ว แล้วก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้านาย... คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า ทั้งยังเป็นผู้ชาย จะทำให้รู้สึกคลุ้มคลั่งได้ขนาดนี้

มือหยาบพลิกร่างที่อ่อนแรงจนอ่อนปวกเปียกให้หงายขึ้น เขาเอนตัวลงนอนข้างๆ กัน แล้วซบใบหน้าลงบนต้นแขนของเจ้านาย ขณะที่ยังคงหอบหนักๆ มือขาวนุ่มนิ่มก็ยกขึ้นประกบแก้มของเขาไว้

“เจ้านาย... เดี๋ยวผมจะทำความสะอาดให้”

“ไม่ต้องหรอก” ชายหนุ่มหยิบผ้าห่มมาเช็ดอย่างลวกๆ

“แต่...” เร็นผงกศีรษะขึ้น

“คุณเองก็คงเหนื่อยแล้ว... นอนพักกันเถอะ”

เร็นเอื้อมมือไปกุมมือขาว “ถ้างั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เขายิ้ม ขยับเข้าไปแนบชิดเจ้านายแล้วโอบอีกฝ่ายไว้หลวมๆ อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงในใจ น่าแปลกที่แม้เขาจะปลดปล่อยอารมณ์ไปแล้ว แต่ก็ยังอยากกอดเจ้านายไว้แบบนี้ รสสัมผัสและความอบอุ่นของผิวเนื้อทำให้หัวใจของเขาอิ่มเอมอย่างประหลาด

ร่างผอมบางลูบเส้นผมสีดำขลับของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา “ราตรีสวัสดิ์ เร็น”


TBC


น้องเร็นเริ่มรุกหนักซะแล้วสิ >< ก็แหม... บรรยากาศมันพาไป หรือที่จริง... จะมีอะไรมากไปกว่านั้นรึเปล่าน้าาา

ยังไงก็ขอให้ติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านและขอบคุณทุกคอมเม้นต์ด้วยค่ะ  :mew1:

ขอกำลังใจจากทุกคนด้วยน้าาา แล้วแวะมาคุยกันนะคะ (husky's page) (https://www.facebook.com/huskyhund)

ปล. แจ้งข่าวนิดนึงค่ะ ตะวันเคียงเดือน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43206.0)  จบแล้วนะค้า ย้ายไปสิงสู่ในห้องนิยายจบแล้วเรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วฮัสกี้ก็มีเรื่องใหม่มาลงแทนด้วยนะคะ เบลอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45395) รับรองความสนุกค่ะ 555555


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 04-02-2015 16:53:26
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 04-02-2015 17:01:56
คึคึคึ เร็นน้อยเริ่มรุกแล้วววววววววววววว เจ้านายต้องระวังตัวไว้ให้ดีๆล่ะ!!
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 04-02-2015 17:01:56
รุกไวแท้ คืนที่ 3 เองน้าา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: fancat ที่ 04-02-2015 17:36:31
อ่านแล้ว ชอบมากกก ติดตามอ่านทุกเรื่องเลย แบบมันชวนให้อ่านต่อแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ ค่อยๆ อินไปกับตัวอักษร
คือภาษาสวยมากสำหรับเรา อ่านแล้วอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จะลงแดงตายเล้ว  :katai1:

ตอนนี้น้องเร็นรุกเร็วมาก 5555 สงสัยจริงว่าเจ้านายนี่คิดยังไงกับน้อง  :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-02-2015 17:41:12
เร็นใจร้อนไม่เบา55
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 04-02-2015 18:06:08
 :pighaun: :haun4: ขอยืมผ้าปูที่นอนมาเช็ดเลือดหน่อยยยยย อร๊ายยยยยย เขินนนน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-02-2015 18:11:14
 :pighaun: :haun4:

ถ้าท่าทางเจ้านายคือ.เด็กหนุ่มเลือนลาง.ในความทรงจำของเร็นนั่นล่ะ. :hao3:

เริ่ดค่ะ.เจ้านายแอบรักเร็นอยู่ชิมิ!  :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: trimo-mo ที่ 04-02-2015 19:20:55
เร็นรุกหนักๆไปเลยค่าาาาาาา ><
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 04-02-2015 19:44:20
โอ้ยยย ชอบเรื่องนี้มากๆ ตอนน้องตะวันก็ว่าชอบแล้วนะ เรื่องนี้มันยิ่งกว่าอีกอ่ะ
อยากให้คุณฮัสกี้มาต่ออีกเยอะๆๆๆ เปิดเรื่องใหม่แต่อย่าชะลอเรื่องนี้นะ พลีสสส
จริงๆนิสรินก็ด้วย เฮ้ออ ชอบทุกเรื่องเบย เดี๋ยวจะตามไปอ่านเบลอนะคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 04-02-2015 20:08:35
อ่า  ไม่ได้ก็เกือบได้  เร็นรู้แล้วสินะว่าต้องรุก  ไว้วันต่อไปจะต้องเอาเจ้านายมาเป็นของเราให้ได้  เจ้เอาใจช่วยนะจ๊ะ

อยากรู้ชิงๆเจ้านายเป็นใครหรือจะเป็นคนที่เร็นเคยเจอกันนะ ใช่แน่ๆเลยเหมือนคนเขียนจะแง้มให้รู้นิดๆ  อิอิ


 :katai2-1:

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-02-2015 21:47:53
นั่นไง อย่างน้อยก็รู้สึกดีๆ เรื่องบนเตียงดูไปด้วยกันได้นะ
รอตอนต่อไปปป
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-02-2015 22:13:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 04-02-2015 22:30:15
 :haun4: :haun4: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-02-2015 22:54:21
รอมาหลายวันเจ้านายไม่รุกเร็นรุกเองก็ได้เนอะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 04-02-2015 22:59:15
 :jul1: :jul1: :jul1:

ตบะแตกเลยนะเร็น คึคึ

เจ้านายน่ารักมากใช่ม้ายยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 05-02-2015 09:42:10
ตอนแรกนึกว่าเจ้านายจะแรงๆแซ่บๆ เพราะซื้อตัวพระเอกมา
แต่มาเป็นมุมนี้น่ารักมากค่ะ ดูน่าทะนุทะนอม
เร็นก็เริ่มรู้แล้วว่าตัวเอกต้องเป็นฝ่ายรุก อีกไม่นาน
คืนต่อไปขอจองที่พิเศษริงไซด์เกาะขอบเตียงเลยนะคะ 555


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
 
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 05-02-2015 11:56:10
นุ้งเร็นฝึกหัดฟันดาบ..หรา. :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2015 16:20:26
ต่อมหื่นทำงาน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-02-2015 21:56:49
เริ่มรู้สึกดี ๆ กับเจ้านายแล้วสิ
ว่าแต่เจ้านายเป็นใครหว่า ลึกลับจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 06-02-2015 21:18:53
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 06-02-2015 21:47:26
อะแหะๆ ฟินเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เลยเถิดไปไกลมากเท่าไหร่ก็เถอะ (ยังแอบเสียดายสินะ? - -)  :katai5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 06-02-2015 22:57:33
 :hao7: อร้ายยยยยยย เร็น  นายมันร้ายกาจ เขินมากเลยอ่ะ กลายเป็นเจ้านายที่ถูกเร็นรังแก อั้ยยยย  :-[ เขินฝุดๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 08-02-2015 11:07:55
เร็นนนน นายแน่มากรุกต่อปายยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 09-02-2015 18:54:11
โอยยยยยย ตอนนดูหวานกันจัง มีไปชมจันทร์ เล่นน้ำทะเลกันด้วย
กรีซ เร็นเริ่มรึกแล้ว อร้ายยยยย อ่านแล้วเลือดไหลเหมือนกันนะคะ อิอิ
เอ ดูจากที่เร็นนึก เราเดาว่าเจ้านายอาจจะเคยรู้จักกับเร็นแน่ๆ รึจะเป็นเด็กที่เคยเจอตอนเรียนนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 5: ใกล้ชิดกันอีกสักนิด][P.3][040215]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-02-2015 18:40:26


Chapter 6


ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าภายในสวนหลังจากที่ตัดสินใจหยิบถุงมือกับลูกเบสบอลออกมาฝึกปาลูกไปได้สักระยะหนึ่ง ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือหยาบหันไปหยิบเหยือกน้ำมาเทน้ำลงในแก้วที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟไว้ให้แล้วยกขึ้นดื่ม

...ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นรับแสงอาทิตย์อบอุ่น วันนี้หัวใจของเขาว้าวุ่นเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะนั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว วันนี้ก็ยังเป็นวันที่มารดาจะเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งอดทำให้เขาเป็นห่วงมารดาไม่ได้ เขาคิดถึงทั้งสองเรื่องสลับกันไปสลับกันมาจนไม่เป็นอันทำอะไร จึงตกลงใจออกมาฝึกปาลูกเบสบอลนี่ แล้วกะว่าหลังจากมื้อเที่ยงจะไปว่ายน้ำต่ออีกสักชั่วโมง

เด็กหนุ่มลุกขึ้นฝึกขว้างลูกอีกครั้ง พยายามไล่ความว้าวุ่นในใจออกไป แต่ก็ดูจะยากเสียเหลือเกิน

“โธ่เว้ย!” เร็นเดินไปเก็บลูกเบสบอลทั้งหมดลงกล่อง แล้วกลับไปนั่งลงตรงที่เดิม

เมื่อคืน... เขามีอารมณ์กับเจ้านายมากซะจนไม่อยากเชื่อตัวเอง จนถึงขนาดว่าถ้าเจ้านายจะขยับความสัมพันธ์ทางร่างกายให้ลึกซึ้งขึ้น เขาก็คงจะไม่ขัดใจอีกฝ่าย ทั้งที่เมื่อตอนที่เขาไปที่โฮสต์คลับ... กับคนที่ชื่ออิซาโอะนั่น เขาไม่รู้สึกอะไรกับสัมผัสของคนคนนั้นเลย รู้สึกค่อนไปทางแย่ซะด้วยซ้ำ แต่กับเจ้านายไม่ใช่แบบนั้น... นี่แค่เขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ตรงส่วนกลางร่างก็ดูจะมีปฏิกิริยาตอบรับจนรู้สึกอึดอัดภายในกางเกงที่สวมใส่

เสียงครางกระเส่ากับสัมผัสของผิวเรียบลื่นและหอมกรุ่นนั้นยังคงตราตรึง ทำให้เขาเผลอกอดรัดเจ้านายไว้ในอ้อมแขนตลอดทั้งคืน แล้วพอตื่นขึ้นมา ทั้งที่เพิ่งจะห่างกันไปไม่กี่ชั่วโมง... เขาก็คิดถึงเจ้านายจนแทบจะรอให้ค่ำมืดไม่ไหว

“เฮ้อ... เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย!” เร็นโวยวายกับตัวเองเสียงดังลั่น


มื้ออาหารค่ำเสร็จสิ้นลงหลังดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป เด็กหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวไปรอเจ้านายที่ห้องเช่นเคย โดยไม่ลืมที่จะใช้อาฟเตอร์เชฟที่คิดว่าอีกฝ่ายชอบ เขาเดินวนไปวนมาอย่างอยู่ไม่สุขเมื่อถึงเวลาเข้าไปรอในห้องนอน พอไฟดับลงก็ยิ่งกระสับกระส่าย หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหันไปมองทางประตูกี่ครั้งแล้ว

เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังแว่วมาก่อนที่บานประตูห้องจะเปิดออก คนที่ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ที่ประตูชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนโซฟาเคียงข้างเด็กหนุ่ม

“สะ.. สวัสดีครับเจ้านาย” ...เว้ยยย! หัวใจมันเป็นอะไร ทำไมเต้นดังจังว้า!

“อื้ม...”

เร็นนึกถึงหน้าที่ของตนขึ้นมาได้เมื่อเห็นมือขาวยกขึ้นขยับเนกไท เขามัวแต่ตื่นเต้นอะไรนักก็ไม่รู้ “ผมถอดให้นะครับ” มือกร้านดึงเนกไทออกจากลำคอขาวช้าๆ พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงสองเม็ด เสร็จแล้วก็ถอยกลับไปนั่งประสานมือไว้ด้วยกัน

...ทำไมวันนี้เจ้านายตัวหอมกว่าเมื่อวานอีกวะเนี่ย เพิ่งกลับมาจากทำงานแน่รึเปล่า หรือจมูกเขาชักจะเพี้ยนไปใหญ่ซะแล้ว

เด็กหนุ่มชำเลืองมองไปยังร่างผอมบาง พอได้อยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้ ใจหนึ่งเขานึกอยากจะเขาไปกอดร่างกายนุ่มๆ ของเจ้านาย แต่อีกใจก็ลังเลว่าจู่ๆ เขาจะทำแบบนั้นได้รึเปล่า ควรจะขออนุญาตเจ้านายก่อนมั้ย

...ถ้างั้นควรจะเริ่มต้นพูดว่าอะไรก่อนดีว้า...

ชายหนุ่มนั่งไปสักพักก็ถอดเสื้อสูทออกวางพาดไว้บนที่วางแขน ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มซึ่งวันนี้ดูจะเงียบเป็นพิเศษ “ผมได้ยินว่าวันนี้คุณออกไปฝึกเบสบอล”

เร็นหันขวับไปทางต้นเสียง “อะ ครับ”

“เป็นยังไงบ้าง”

“สะ... สนุกดีครับ... ลูกเบสบอลที่เจ้านายให้พอดีมือแล้วก็น้ำหนักกำลังดีเลยครับ ทำให้รู้สึกว่าคอนโทรลลูกได้อย่างใจเลย” เร็นตอบไปโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากเจ้านายแล้วนิ่งค้างเป็นรูปปั้นหินอยู่ในท่าเดิมแบบนั้นอีกครู่ใหญ่

...เจ้านายจะว่าอะไรมั้ยนะหากเขาจะเข้าหาก่อนได้รับคำสั่ง เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“มีอะไรรึเปล่า”

“อ่า... เอ่อ...”

ชายหนุ่มโน้มตัวไปทางเร็น เขาจ้องมองใบหน้าคมเข้ม มือนุ่มเอื้อมไปเชยคางของเด็กหนุ่มขึ้นเล็กน้อย ให้พอมองเห็นเงารางๆ ในความมืดได้ “...อ้อ... จริงสิ คุณคงจะเป็นห่วงคุณแม่สินะ”

“...นิดหน่อยครับ” ...แต่ตอนนี้เริ่มห่วงตัวเองมากกว่าแล้วล่ะครับ เจ้านาย... เร็นครวญอยู่ในใจ

มือขาวลูบศีรษะของเร็นอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ พวกหมอที่เข้าทำการผ่าตัดน่ะ เป็นหมอมือหนึ่งทั้งนั้น...”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก นอกจากเจ้านายจะเป็นคนที่ใจดี ใส่ใจนึกถึงคนอื่นแล้ว วันนี้เขายังได้สัมผัสกับความอ่อนโยนของเจ้านายอีกเป็นครั้งแรก การที่ได้รู้จักกับหลายๆ ด้านของเจ้านายแบบนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากใกล้ชิดกับชายหนุ่มมากขึ้นไปอีก

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะส่งคนไปเยี่ยมคุณแม่ของคุณให้”

เร็นอมยิ้ม... สัญชาตญาณของเขาบอกว่าวันนี้เจ้านายใจดีเป็นพิเศษ สงสัยคงเพราะเห็นว่าเขาเป็นห่วงมารดา คือเขาก็ห่วงอยู่หรอกนะ แต่ไว้ใจทีมแพทย์ที่เจ้านายจัดหามาให้ เพราะงั้นแล้วในตอนนี้... ถ้าเขารุกเข้าไปหาเจ้านายก็ไม่น่าจะโดนว่าอะไร เขาจึงควรใช้โอกาสนี้อ้อนเจ้านายสักหน่อย

เด็กหนุ่มเขยิบเข้าไปนั่งชิดกับร่างผอมบาง โน้มศีรษะเข้าไปซบหัวไหล่เล็กพร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ “ขอบคุณครับ”

ผู้เป็นนายลูบแผ่นหลังกว้างไปมา ทำราวกับว่าเร็นเป็นเด็กเล็ก “โอ๋... ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”

คำพูดกับท่าทีแบบนั้นทำให้เร็นยิ่งได้ใจ “...ผม... ขอนอนตักเจ้านายสักแป๊บนึงได้มั้ยครับ”

ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “เอาสิ”

...แน่ะ ยอมเขาซะด้วยสิ เจ้านายนี่ น่ารักจริงๆ เลยแฮะ... เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม รีบหมุนตัวหันหน้าเข้าหาเจ้านาย เอนศีรษะลงบนตักแล้วสูดดมกลิ่นกายหอมที่เขาชอบ แต่ไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนาไปว่าอย่างไรดี คิ้วหนาขมวดเป็นปมขณะนอนคิดหาคำพูดที่เหมาะสมไปเรื่อย

หากจู่ๆ มือขาวก็ยกขึ้นลูบศีรษะของเด็กหนุ่มให้อย่างอ่อนโยน จากนั้นชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าลงมาจูบที่บนหน้าผาก

เร็นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจกับการกระทำของเจ้านาย “...เจ้านาย”

“เลิกคิดมากได้แล้ว”

...นี่เจ้านายคิดว่าเขากลุ้มใจเรื่องมารดามากเลยอย่างนั้นสินะ “...เจ้านาย... ขอบคุณที่ปลอบใจผมนะครับ” ร่างสูงยิ้มกว้าง “มิน่าล่ะ คุณแม่บ้านถึงบอกว่าเจ้านายใจดีมากๆ”

ชายหนุ่มเบี่ยงใบหน้าหลบแม้พวกเขาจะมองไม่เห็นกันชัดเจนอยู่แล้วก็ตามที “...ผมไม่ได้ทำแบบนี้กับทุกคนหรอกนะ”

หัวใจของเร็นเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของเจ้านายอย่างนั้นล่ะ เร็นจับมือขาวขึ้นมาวางเหนือแผ่นอกแล้วกุมไว้ “วันนี้เจ้านายทำงานหนักมั้ยครับ เหนื่อยรึเปล่า”

“ก็หนักเหมือนทุกวันนั่นละ” เจ้าของเสียงนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ

“ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวผมนวดให้นะครับ”

“ไม่เป็นไร...”

เด็กหนุ่มดึงมือนุ่มขึ้นมาพร้อมกับผงกศีรษะขึ้นเพื่อจูบลงไปบนฝ่ามือนั้นเบาๆ แล้วนำไปวางไว้บนแผ่นอกเขาอีกครั้ง “...วันนี้เจ้านายใจดีจังเลยครับ”

“...ผมเคยใจร้ายกับคุณตอนไหนกันล่ะ” เสียงที่ตอบกลับไปเบาราวกับกระซิบ

...นั่นสินะ จะว่าไปแล้ว เจ้านายไม่เคยใจร้ายกับเขาเลย ทั้งซื้อตัวนักเรียนจนๆ อย่างเขามาด้วยราคาสูงลิบ ช่วยเหลือมารดาของเขาทุกอย่าง แล้วยังหาของขวัญมาให้ เจ้านายไม่เคยบังคับฝืนใจเขา แม้กระทั่งเรื่องเมื่อวาน ก็เป็นตัวเขาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“ผมพูดผิดไป... ผมควรจะพูดว่า... ทำไมเจ้านายใจดีกับผมจังเลยครับ” เร็นเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าในความมืดของชายหนุ่ม “เพราะคุณ... ผมถึงได้มีโอกาสรู้สึกถึงความสุขเหมือนคนอื่นๆ เขาอีกครั้ง”

“......” ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก

“เจ้านายครับ”

“หืม”

“...คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลย... ผมไม่คิดขายตัวแบบนี้อีกไม่ว่าต่อไปต้องลำบากแค่ไหน ผมจะเรียนจนจบมหาลัย แล้วจะต้องเป็นนักเบสบอลอาชีพให้ได้...” ร่างสูงพูดไปโดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ เขาต้องการให้เจ้านายมองตัวเขาเสียใหม่... แต่เพื่ออะไรกันล่ะ?

ผู้เป็นนายเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบ “ก็ดีแล้ว”

เร็นยกตัวขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างกับใบหน้าของชายหนุ่มเพียงแค่ปลายเล็บกั้น เรียวปากหยักบางคลอเคลียอยู่ชิดริมฝีปากอุ่นนุ่ม “ผมพูดจริงๆ นะครับ” เขาแนบจูบลงไปโดยไม่รอคำพูดใดๆ จากอีกฝ่าย

เด็กหนุ่มไล้เล็มกลีบปากนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอมที่สุด เขาสอดลิ้นเข้าไปทักทายแล้วกวาดวนไปทุกซอกทุกมุมในโพรงปากที่เขาคิดว่าหอมหวานมากเหลือเกินอย่างเชื่องช้า เมื่อเจ้านายตวัดลิ้นตอบรับก็ย่ามใจ กระชับริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่ายหนักหน่วงขึ้น

ภายในความมืดมิดมีเพียงเสียงจูบชื้นแฉะ ซึ่งสองลิ้นพันพัวไม่ยอมแยกออกห่าง จนน้ำลายใสๆ ไหลซึมออกมาจากตรงมุมปาก
เร็นถอนริมฝีปากออกมาเล็กน้อย “เจ้านาย... ผมขอทำแบบเมื่อวานอีกได้มั้ย”

“เมื่อ... เมื่อวาน?”

“นะครับ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ้อน แล้วก็ไม่รอคำอนุญาตจากเจ้านายเสียด้วย เพราะคิดว่ายังไงวันนี้ชายหนุ่มคงไม่ปฏิเสธเขาแน่ มือหยาบถือวิสาสะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเจ้านายออกจนหมด จากนั้นจึงรีบปลดซิปกางเกงลง

“ใจเย็นๆ ก็ได้” ร่างผอมบางพูดกลั้วหัวเราะ พลางยื่นมือออกไปแตะส่วนที่โป่งพองอยู่ในกางเกงของเด็กหนุ่ม

เร็นแทบจะคลั่งเดี๋ยวนั้น เพียงแค่สัมผัสภายนอก เขาก็มีอารมณ์จนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เด็กหนุ่มรีบปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงที่สวมอยู่ลง จากนั้นจึงจับมือขาวสอดเข้าไปภายในกางเกงของตนเพื่อสัมผัสกับท่อนเนื้อที่ขยายตัวใหญ่จนคับแน่นไปหมด “อา... เจ้านาย”

“เร็น อ๊ะ!” 

มือกร้านรีบถอดกางเกงชั้นนอกและชั้นในของเจ้านายออกอย่างร้อนรน เขาจับสองขาเรียวแยกออกแล้วพาตนเองไปเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างต้นขาทั้งสองข้าง ก่อนจะพาส่วนร้อนของตนไปเสียดสีกับของอีกฝ่าย ใบหน้าคมสันโน้มเข้าไปบดจูบราวกับกระหายมานานมากเหลือเกินแล้ว

“อื้ม” ใบหน้าเรียวเล็กเงยขึ้นรับจุมพิตหวานล้ำ ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในตัวเสื้อสเวตเตอร์ ลูบไล้เปะปะไปบนแผ่นอก แล้วค่อยๆ เคลื่อนลงมาสัมผัสหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอีกฝ่าย

สัมผัสของเจ้านายทำให้เร็นร้อนรุ่มมากขึ้นทุกที เขาจับส่วนร้อนของตนและเจ้านายไว้ด้วยกันและรูดรั้งมันไปพร้อมๆ กัน “อา... ซี้ด... เจ้านาย... ของคุณร้อนมากเลย”

แขนเรียวขาววาดโอบลำคอใหญ่ “เร็น... จูบอีก... จูบอีกหน่อยสิ”

เด็กหนุ่มบดจูบเจ้านายตามที่อีกฝ่ายร้องขอ มือหยาบที่กระชับแน่นเร่งจังหวะให้หนักหน่วงขึ้น เขาหอบหายใจกระเส่า หัวใจเต้นแรงราวกับกลองใหญ่ที่ถูกตีรัว

“อื้ม...” ผู้เป็นนายตวัดขาโอบรัดเอวหนา เท้าทั้งสองข้างที่ไขว้กันไว้จิกเกร็ง

“อา....” พอถอนริมฝีปากออกมา เร็นก็พรมจูบบนใบหน้าสลับพ่นลมหายใจออกแรงๆ ไฟอารมณ์ที่ลุกโหมโลมเลียทั้งสองร่างให้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฝ่ามือกร้านปรนเปรอพวกเขาทั้งคู่ไปพร้อมๆ กัน จนกระทั่งต่างคนต่างปลดปล่อยความปรารถนาในกายออกมา

สองสายตาประสานกันในความมืดขณะที่คนทั้งสองหอบหายใจหนักๆ เร็นยิ้ม... แล้วเขาก็มั่นใจว่าเจ้านายกำลังยิ้มให้ตนเองเช่นกัน เขาถอดเสื้อสเวตเตอร์ที่สวมอยู่ออกแล้วเช็ดทำความสะอาดให้กับอีกฝ่าย จากนั้นจึงอุ้มชายหนุ่มที่ร่างกายอ่อนปวกเปียกขึ้นแล้วพาไปวางลงบนเตียงนอน

เร็นวางร่างผอมบางลงอย่างเบามือ เขาคลานขึ้นไปโอบกอดแล้ววางศีรษะลงบนแผ่นอกของชายหนุ่ม เสียงหัวใจของเจ้านายที่เต้นรัวทำให้เขายิ้มอย่างพอใจ ปลายจมูกโด่งจรดลงบนผิวเนื้อเนียนแล้วสูดดมกลิ่นหอมละมุน “เจ้านายตัวหอมมากเลย” มือไม้ที่ไม่อยู่สุขลูบคลำไปจนทั่วเนื้อตัวอีกฝ่าย

“เร็น จั๊กจี้น่ะ” มือขาวทุบลงไปบนไหล่หนาเบาๆ

 เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น “เจ้านายครับ... พรุ่งนี้มาเร็วหน่อยได้มั้ยครับ มาตอนยังไม่มืดก็ได้ ผมจะเอาผ้าปิดตาไว้รอ”

“...หืม... อยู่คนเดียวเบื่อเหรอ”

“ก็นิดหน่อยครับ”

“...อยู่กับผมไม่น่าเบื่อกว่ารึไง”

เร็นส่ายหน้ายิก ก่อนจะยิ้มกว้าง “ไม่ครับ... ผมออกจะชอบเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะ”

ชายหนุ่มชะงักไปชั่ววินาทีสั้นๆ แล้วพูดกลั้วหัวเราะ “...นี่ถ้าคุณตกลงทำงานที่โฮสต์คลับละก็ ต้องได้เป็นเบอร์หนึ่งแน่นอน”

“เจ้านาย! คุณพูดยังกับว่าผมเป็นพวกคาสซาโนว่ายังงั้นแหละ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “...คุณคิดว่าที่ผมพูดๆ ออกไปนี่เพื่อเอาใจคุณงั้นเหรอครับ”

“แล้วไม่ใช่รึไง”

“แต่ผมพูดเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” เร็นพูดเสียงขรึม ใช้มือยันตัวขึ้นแล้วจ้องใบหน้าของเจ้านายเขม็ง “ผมไม่ได้เป็นวัยรุ่นแบบเมื่อก่อนอีกแล้วนะครับเจ้านาย ประสบการณ์หลายๆ เรื่องที่ผ่านมา ทำให้ผมคิดได้...”

เมื่อเห็นว่าเจ้านายยังคงนิ่งเฉย เร็นจึงคิดเอาเองว่าชายหนุ่มอาจจะกำลังรับฟังอยู่ เขาถือโอกาสอธิบายต่อไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจตนเองแบบผิดๆ “...ผมคิดว่าเจ้านายคงให้คนไปสืบประวัติของผมมาก่อนแล้ว หรือถ้าไม่ คุณจะให้คนของคุณไปสอบถามใครต่อใครที่เคยเรียนด้วยกันกับผมหรือรุ่นพี่ในทีมเบสบอลของมหาลัยก็ได้นะครับว่าผมเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สมัยที่อยู่ไฮสคูล ผมเคยเป็นคนดังของโรงเรียน... ทำให้มีคนเข้ามาหาเยอะ ตอนนั้นกำลังวัยรุ่นซะด้วย ผมเลยคบใครต่อใครง่ายๆ ไปทั่ว แต่พอเข้ามหาลัย ผมไม่ได้สนใจที่จะคบหากับใครอีก ถึงจะยังมีคนเข้ามาหาเยอะก็เถอะ เพราะวันๆ ผมยุ่งกับการฝึกซ้อมเบสบอล แต่ต่อมาที่บ้านผมมีปัญหา ผมจำเป็นต้องขอลาออกจากทีมเบสบอล... พอกลายเป็นนักศึกษาธรรมดาแถมยังจน คราวนี้ไม่มีใครสนใจเข้ามาหาผมอีกเลย” เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว “ผมเห็นชัดแจ้งเลยนะครับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มีใครรักตัวผมจริงๆ เลยสักคน บางทีพอคิดย้อนกลับไป มันก็รู้สึกแย่นะครับ”

“คนเรา... เวลาที่มีชื่อเสียงเงินทองมากมายในมือ ก็มักจะลืมตัวตนของตัวเองไป” ชายหนุ่มพูดเสียงแผ่ว จากนั้นจึงวางมือลงบนศีรษะของเร็นแล้วลูบเบาๆ “...อีกหน่อย เมื่อคุณได้เป็นนักเบสบอลอาชีพแล้ว คงจะมีคนมากหน้าหลายตาเข้ามาให้คุณเลือก ในนั้นต้องมีคนดีอยู่สักคนแน่”

เร็นจับมือขาวที่วางอยู่บนศีรษะลงมากุมไว้ “...ผมตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครโดยปราศจากความรักอีก แล้วผมจะซื่อสัตย์แต่กับคนที่ผมรักคนเดียวเท่านั้น”

“...ถ้างั้น... ผมก็ดีใจกับคนรักของคุณในอนาคตด้วย” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ เขาดึงมือออกจากการกอบกุม แล้วพลิกตัวหันหลังให้กับเด็กหนุ่ม “...พรุ่งนี้ผมคงจะมาเร็วไม่ได้ ขอโทษด้วยนะ ผมต้องไปธุระที่บ้านใหญ่”

“แย่จัง” ร่างสูงเอนตัวลงนอนข้างกันโดยหันหน้าเข้าหาเจ้านาย เขาใช้แขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะ ส่วนแขนอีกข้างโอบชายหนุ่มไว้หลวมๆ ...บ้านใหญ่งั้นเหรอ... นั่นสินะ ปกติแล้วเจ้านายคงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ นี่หรอก ถ้างั้นบ้านหลังนี้ก็คงเป็นที่ซึ่งอีกฝ่ายใช้เป็นสถานที่ผ่อนคลาย

แต่แล้ว... เร็นอดนึกไม่ได้ว่าเขาคงจะไม่ใช่คนแรกที่เจ้านายซื้อตัวเอามาไว้ในที่แห่งนี้ พอคิดแบบนั้นแล้วหัวใจก็เจ็บแบบหน่วงๆ ชอบกล เขาซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังของเจ้านาย แขนแกร่งกระชับอ้อมแขนเข้าหาตัว

มือนุ่มวางลงบนท่อนแขนแกร่ง “เร็น”

“เจ้านาย... ผมรู้ว่าไม่ควรถาม ไม่มีสิทธิ์ที่จะถาม... แต่ว่า...” เสียงของเด็กหนุ่มแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด ซึ่งอีกฝ่ายก็คงจะสัมผัสได้เช่นกัน

“...ลองถามมาสิ”

“...เจ้านายเคยพาใครมาที่นี่ก่อนผมรึเปล่า”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่เพราะท่อนแขนแกร่งกอดรัดเขาแน่นจนรู้สึกอึดอัด พอเขาหันกลับทางด้านหลังก็เห็นว่าร่างสูงยังคงก้มงุดอยู่บนแผ่นหลัง “...ไม่เคย”

เร็นเงยหน้าขึ้น ถ้างั้นอย่างน้อย... เขาก็คงจะพิเศษกว่าคนอื่นๆ ของเจ้านายน่ะสิ... เขาคิดแบบนั้นได้รึเปล่า

“...ผมไม่เคยพาใครมาที่นี่ นอกจากคนสนิทแค่สองสามคน... ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวของผม”

คำยืนยันจากเจ้านายส่งผลให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง คราวนี้ยิ่งกอดรัดเจ้านายแน่นกว่าเดิมซะอีก... วันนี้เจ้านายทั้งใจดีและน่ารักยิ่งกว่าทุกวัน “เจ้านาย” เขาซุกใบหน้าลงกับต้นคอขาว ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวคอเสื้อลงแล้วไล่พรมจูบจากลำคอลงไปยังหัวไหล่ มือหยาบค่อยๆ เคลื่อนผ่านหน้าท้องแบนราบลงไปยังส่วนไวสัมผัส พร้อมกับเบียดสะโพกเข้าหาเจ้านาย

ชายหนุ่มสะดุ้งตัวเบาๆ เมื่อความแข็งขึงเข้ามาเสียดสีกับร่องสะโพกของเขา “เร็น!”

เร็นลากปลายลิ้นไปบนผิวเนื้อเนียน ก่อนจะขยับขึ้นไปกระซิบชิดใบหูนิ่มด้วยเสียงแหบพร่า “...พรุ่งนี้เจ้านายมาเร็วไม่ได้ ผมคงคิดถึงคุณแย่... งั้นคืนนี้... ให้ผมทำอีกทีนะครับ”

“เดี๋ยวสิ! อ๊ะ! อื้อออ...”

ไม่นานเสื้อเชิ้ตซึ่งเป็นอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของชายหนุ่มก็ถูกถอดออกแล้วโยนลงไปบนพื้นห้อง ตามด้วยกางเกงของเด็กหนุ่ม ในความมืดและเงียบงันภายในห้องนั้น สองร่างที่โซมไปด้วยเหงื่อแนบชิดกันจนแทบจะไร้ช่องว่าง ผิวกายที่เสียดสีกันรุ่มร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิภายในห้องที่เปิดฮีตเตอร์ไว้เสียอีก เสียงหอบหายใจดังสลับเสียงครางกระเส่า จนกระทั่งพวกเขาพากันข้ามผ่านจุดสูงสุดของอารมณ์ไปอีกครั้ง  (อากาศในฤดูใบไม้ผลิ กลางวันอบอุ่น กลางคืนหนาว)

“เจ้านาย... ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เร็นกระซิบเสียงแผ่ว ก่อนภายในห้องนั้นจะค่อยๆ เงียบสงัดลงจนเหลือเพียงแค่เสียงลมหายใจแผ่วเบาของทั้งสองคนเท่านั้น


TBC~*


อ้อนมากกกก  :hao7: 555555

เมะเด็กๆ ก็น่ากินดีเหมือนกันนะคะ แฮ่... อ้อนซะขนาดนี้เจ้านายจะไหวมั้ยเนี่ย ฮ่าๆๆๆ

แต่ก็ถือว่า เร็นทำงานสมราคาค่าตัวจริงๆ นะคะ ฮาาาา ให้ล้านเล่นซะร้อยล้านอะไรแบบนี้

หรือที่จริง เร็นเองก็อาจจะมีเบื้องหลังอะไรมากกว่านั้น... อันนี้ขอให้ติดตามอ่านต่อไปน้าาาาาา

ขอบคุณนักอ่านทุกคนและทุกคอมเมนท์ด้วยนะคะ แล้วก็ ขอบคุณเพื่อนชาวเล้าที่ช่วยแนะนำนิยายของฮัสกี้ในกระทู้นิยายแนะนำด้วยค่ะ TTTATTT ดีใจมากเลย ปลื้มสุดๆ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่สุดเลยนะคะ กำลังใจจากทุกคนช่วยให้ฮัสกี้ลงนิยายต่อมาได้ถึงตอนนี้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นมาลง นิสรีน ให้เร็วกว่าวันนี้นะคะ 55555 ฮัสกี้ฝากเรื่องใหม่ "เบลอ"  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45395.msg2953000#msg2953000) ด้วยนะคะ รับรองว่าฮาาาา

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-02-2015 18:55:44
อูยยย~ หนูเร็นเล่นอ้อนกันขนาดนี้.เจ้านายจะไม่ทนน้าา. :laugh3: :oni1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 10-02-2015 19:12:44
 :haun4:น้องเร็น รุกมากๆ อ่ะ วันนี้ได้ตั้งสองน้ำ เค้าอยากเห็นหน้าเจ้านายแล้วอ่ะ ท่าทางน่าฟัด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-02-2015 19:23:43
เจ้านายจะไปไหนรอด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 10-02-2015 19:43:23
เค้ายังไม่ได้กันจริงๆใช่ไหมแค่ภายนอก :katai1:

คนอ่านรู้สึกมโน :hao6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: fancat ที่ 10-02-2015 19:57:32
โอ๊ยยย เขินน เจอเด็กอ้อน แล้วมันกระชุ่มกระชวย  :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-02-2015 19:58:05
เหมือนเจ้านายจะตามความคิดเด็กหื่นไม่ค่อยทันเลยนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 10-02-2015 20:12:46
 :L1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 10-02-2015 20:37:03
 :hao6:
เร็นขี้อ้อนไปแล้ววววว หู้ยยยยยยยยยย
ติดใจเจ้านายแล้วเจ้าเร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2015 22:40:29
  :hao3: ติดใจละซิเร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 10-02-2015 23:21:39
 :impress2: นู๊เร็นขี้อ้อนเก่งยังงี๊..เจ้านายก็ตัวอ่อนไปล่ะซิ  :z2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 10-02-2015 23:29:40
เร็นทั้งอ้อนทั้งหื่นนนนน เจ้านายดูตามไม่ค่อยทัน หรือเจ้านายแอ๊บคะ555555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 11-02-2015 01:27:02
นั่นไงๆๆๆๆ ไอ้เจ้าเร็น แกมันร้ายยยยยย ยย ย  แต่ทำไมชั้นชอบบ 555 กรี๊ดดดด เจ้านายน่ารักอ่ะ ใจดีเกินไปแล้ว แบบนี้เด็กๆ ก็ได้ใจสิคะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-02-2015 05:33:08
โถ เจ้านายอย่างอนเลยนะคะ
น้องเร็นรักเจ้านายคนเดียวววววว
รอตอนต่อไปเนอะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 11-02-2015 05:47:56
เร็นนี่กำไรล้วนๆเลยนะ รุกหนักมากกกก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 11-02-2015 06:13:09
รอต่อไป
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 11-02-2015 08:12:05
เรนรุกยังงี้ทุกวัน เจ้านายคงไม่รอดแน่ๆ
ว่าแต่มาถึงก็นอนเลยไม่คิดจะอาบน้ำมั้งเหรอคะเจ้านาย 555
รออ่านตอนใหม่นะคะ ชอบมาก อยากรู้เจ้านายเป็นใคร


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 11-02-2015 10:26:29
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 12-02-2015 21:49:56
หนูเร็นอ้อนได้น่ารักมากเลย ฮรอลลลล เป็นใครก็ใจอ่อน
หลังจากรุกรอบที่แล้ว มาคราวนี้ของสองเลยนะ อิอิ
ฟินแทนหนูเร็น เจ้านายก็ยังคงเป็นบุคคลปริศนาต่อไป
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 12-02-2015 22:36:26
ต่างคนก็ต่างคิดไปเอง
ถ้าเปิดใจและพูดความจริงตรง ๆ คงสมหวังเร็วกว่านี้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 12-02-2015 23:46:55
เจ้านายสงสัยจะตัวหอมจริงๆๆกลับมาน้ำท่าไม่อาบ ตัวยังหอมเลย :z1:
หนูเร็นได้คืบ แล้วเมื่อไหร่จะเอาศอกล่ะลูก :o8:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 12-02-2015 23:58:02
 :jul1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 13-02-2015 00:44:02
เดาว่าเป็นคนนั้นที่เคยเจอสมัยก่อน ที่เร็นบอกว่าดูไม่สนใจเร็น แล้วก็สูงส่งอ่ะ แหงๆเลย สงสัยตกหลุมรักเร็นตั้งแต่ตอนนั้น555+
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-02-2015 03:49:57
ทำกันจริงๆเจ้านายคงลุกไม่ขึ้นค่ะ55
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-02-2015 21:30:56
สนุกดีครับชอบมาก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 14-02-2015 08:32:54
เหมือนจะละลายแทนเจ้านายอะค่ะ 5555 อ้อนขนาดนี้เจ้านายจะปล่อยเหรอคะ?
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 14-02-2015 15:26:43
กรี๊ดดดดดดด ฮอตมากๆค่ะฮรืออ
ชอบมากเลย เมะตัวโตๆมาอ้อนงุ้งงิ้งๆ
เร็นนี่พอติดใจเข้าหน่อยก็อ้อนเอาๆ
แล้วคุณเจ้านายจะรอดพ้นเงื้อมือเจ้าหนูไปได้นานเท่าไหร่น้า
น่ารักมากกกกกกกก รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 14-02-2015 18:39:04
อื้อหือออออออออออออออออออออออออ  :jul1:  :jul1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 16-02-2015 16:19:36
 :z10: :z10:  เมื่อไหร่จะมาน้อออ อ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 21-02-2015 23:52:53
อยู่ยงคงกระพันแน่ๆคุณเจ้านายขาาาา. เด็กมันแซ่บขนาดนี้ ซี๊ดดดดดด!!!
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 22-02-2015 17:00:45
 :pighaun: ชอบบบบบบบ แฮ่กๆๆ =.,=
เอาอีกกกกกก กร้ากกกกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 23-02-2015 01:23:18
คิดถึงหนูเร็นจังเลย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 23-02-2015 19:04:51
เร็นอ้อนขนาดนี้ รุกหนักขนาดนั้น น่าจะอีกไม่นานนน    :hao6: อยากรู้ว่าตอนต่อไปเจ้าเร็นจะอ้อนอะไรกับเจ้านายอีก รอตอนต่อไปอยู่นะคะะะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-02-2015 12:43:36
จะไปไหนรอดละ  เร็น  อิอิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 24-02-2015 18:25:23
รอ ชั้นรอเธออยู่~~ อิอิ อย่าลืมมาต่อเรื่องนี้บ้างนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-02-2015 14:51:09


Chapter 7


ดวงอาทิตย์สีส้มเคลื่อนลงต่ำจรดปลายฟ้า เงาของมันทอดยาวลงไปบนท้องทะเลสีน้ำเงินเข้ม สายลมยามเย็นพัดเอื่อย เสียงของใบไม้เสียดสีกันดังคละเคล้ากับเสียงของเกลียวคลื่นที่ม้วนวนสาดซัดขึ้นสู่ชายหาด

เด็กหนุ่มที่ก้าวเดินไปบนหาดทรายอย่างเชื่องช้าถอนหายใจหนักๆ เพราะระยะหลังนี่... เขาเอาแต่คิดถึงเจ้านายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร อยากให้เวลากลางคืนมาถึงโดยเร็วที่สุด อยากพบ อยากเจออีกฝ่าย ทว่าวันนี้เจ้านายบอกว่าติดธุระทำให้ต้องมาช้า

“เฮ้อ... ทำอะไรฆ่าเวลาดีวะ” เร็นบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด

เมื่อท้องฟ้ามืดลง ร่างสูงจึงเดินไปนั่งเล่นในศาลากลางสวน สักพักแม่บ้านก็นำโทรศัพท์มือถือและขนมกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ “มีโทรศัพท์มาถึงคุณคิมุระ จากคุณเลขาค่ะ”

เร็นเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์มา “ขอบคุณครับ... สวัสดีครับคุณเลขา”

“พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปเยี่ยมคุณคิมุระนะครับ ไม่ทราบว่าต้องการให้ผมนำอะไรเข้าไปให้รึเปล่า”

“อ๋า ผมอยากได้หนังสือเรียนของผมมาอ่านทบทวน อยู่บนโต๊ะในห้องเช่าของผมน่ะครับ” เด็กหนุ่มระบุชื่อหนังสือไปสี่ห้าเล่ม อย่างน้อยมีหนังสือเรียนให้อ่าน ดีกว่าอยู่เฉยๆ ไปวันๆ

“ได้ครับ แล้วพรุ่งนี้สักบ่ายสี่โมงพบกันครับ”

เด็กหนุ่มกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าแม่บ้านยืนยิ้มหวานให้กับเขาอยู่ เธอเลื่อนถาดใส่ขนมมาตรงหน้า “คุณคิมุระทานอะไรสักหน่อยสิคะ”

“ขอบคุณครับ คุณแม่บ้าน... นั่งเป็นเพื่อนผมสักแป๊บสิครับ”

เธอหัวเราะ แล้วนั่งลงตามคำเชิญของเด็กหนุ่ม “นั่งได้ค่ะ แต่ห้ามถามเรื่องของคุณท่านนะคะ”

“โธ่! คุณแม่บ้านนี่ รู้ทันผมไปซะหมดเลย! ว่าแต่ ตอนนี้กี่โมงละครับ”

แม่บ้านล้วงหยิบนาฬิกาเรือนเล็กจากในกระเป๋าเสื้อออกมาดู “สามทุ่มแล้วค่ะ”

“อา... ดึกขนาดนี้แล้ว” เร็นซบใบหน้าลงกับโต๊ะ

“เหงาเหรอคะคุณคิมุระ” แม่บ้านหัวเราะ แต่แล้วเธอก็พ่นลมหายใจออกหนักๆ “กลับดึกแบบนี้ คุณท่านคงจะเหนื่อยน่าดูเลย”

“นั่นสิครับ ตอนเช้าก็ออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง”

แม่บ้านอมยิ้ม “ดิฉันดีใจที่คุณคิมุระมาช่วยดูแลคุณท่านนะคะ... ท่านเป็นคนน่ารักมากจริงๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ”

“ครับ... ผมเห็นด้วยกับคุณแม่บ้านนะ” เร็นยิ้มกว้าง “แต่ผมอิจฉาคุณแม่บ้านชะมัดเลย... เพราะคุณแม่บ้านเคยเห็นหน้าเจ้านาย”

“ดิฉันเข้าใจคุณคิมุระนะคะ แต่ว่า...”

“ผมรู้ครับว่าห้ามถามถึง... เฮ้อ...” ร่างสูงพูดแทรก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง “...ว่าแต่... คุณแม่บ้านอยู่กับเจ้านายมานานแล้วรึยังครับ”

“อยู่มาตั้งแต่คุณท่านยังเด็กน่ะค่ะ น่าจะเป็นสิบปีได้แล้ว ตอนนั้นดิฉันยังสาวกว่าตอนนี้เยอะ” เธอเล่าต่อไปเรื่อย “ตอนที่ได้พบคุณท่านครั้งแรก ดิฉันเพิ่งจะเรียนจบจากโรงเรียนสอนทำอาหารเองค่ะ ส่วนคุณท่านน่ะ ท่านหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ออกแววหล่อมาตั้งแต่เด็ก ดิฉันทำอาหารอะไรไปให้ท่านก็ทาน ไม่เคยเลือก ไม่เคยบ่น”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย... จากที่แม่บ้านพูด เธอน่าจะได้พบกับเจ้านายตอนที่โตขึ้นมาสักหน่อยแล้ว ว่าแต่ออกแววหล่อมาตั้งแต่เด็กเลยยังงั้นหรือ แปลว่าเจ้านายของเขานี่คงหน้าตาดีไม่ใช่เล่น แต่คนหน้าตาดีๆ ก็น่าจะมีคนเข้ามาหาให้เลือกคบมากมายไม่ใช่รึไง จะมาซื้อตัวเขาไปเพื่ออะไร? หรือว่าแม่บ้านนี่จะอยู่ในวัยที่ขอแค่เป็นผู้ชายหนุ่มๆ ก็หล่อไปหมดกัน เขาหรี่ตาลง “...ตอนนี้คุณแม่บ้านก็ยังสาวอยู่เลยนะครับ ดูๆ แล้วน่าจะสัก... สี่สิบได้มั้ยครับ”

“ตายจริง! คุณคิมุระ! มาชวนผู้หญิงคุยเรื่องอายุได้ยังไงกันคะ!” แม่บ้านเอื้อมมือไปตีไหล่หนาเบาๆ

ดวงตาคมกริบจับจ้องหญิงวัยกลางคน เขาเดาว่าแม่บ้านน่าจะอายุสักสี่สิบห้าปีได้ละมั้ง แล้วถ้าหากพบกับเจ้านายเมื่อสักสิบปีที่แล้วและเจ้านายยังเด็ก... ถ้างั้น... เจ้านายก็ยังอายุไม่มากเท่าไหร่เลยน่ะสิ อาจจะมากกว่าเขาไม่กี่ปีเท่านั้น

พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ก่อนแม่บ้านจะชักชวนให้เด็กหนุ่มเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าพอเด็กหนุ่มอาบน้ำเสร็จ เธอก็ไปรายงานกับเขาว่าเจ้านายจะกลับดึกมาก ให้เขานอนไปก่อนได้เลย

“ผมจะไปนอนที่ห้องไหนดีครับ”

“ห้องคุณท่านสิคะ ท่านมาถึงเจอคุณ จะได้หายเหนื่อย”

เร็นนั่งรอชายหนุ่มบนโซฟาจนกระทั่งผล็อยหลับไป เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าบานประตูห้องเปิดออกเมื่อไหร่

ผู้เป็นนายก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปแตะแก้ม พอเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไม่รู้เรื่อง เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “เร็น”

“หือ...” เร็นลืมตาขึ้น “เจ้านาย!”

“รอนานมากเลยใช่มั้ย”

“นานครับ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นสวมกอดเจ้านาย “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ”

ร่างผอมบางนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบ “ขอบใจ”

“เจ้านายคงจะเหนื่อยมากแน่ๆ” เร็นจัดการถอดเนกไทกับเสื้อสูทออกให้เหมือนทุกวัน พอถอดเสร็จ เจ้านายก็เดินไปนั่งลงบนเตียง

มือขาวจับหมอนวางซ้อนกันแล้วคว่ำตัวลงทับหมอนเหล่านั้นไว้ “เร็น... นวดไหล่ให้หน่อยสิ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ได้เลยครับ” เขาก้าวตามขึ้นไปบนเตียง แล้วลงมือนวดให้ทันที

“อืม... อา...”

“ตรงนี้ใช่มั้ยครับ”

“อื้ม... ดี... อา...”

เสียงครางเบาหวิวนั่นทำให้เลือดในกายของเด็กหนุ่มร้อนระอุ แต่ก็อดทนกดเคล้นต่อไปอีกสักพักใหญ่ จนกระทั่งเจ้านายบอกให้พอ เขาจึงเคลื่อนมือไปโอบกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ แล้วแนบแก้มลงบนแผ่นหลังบาง

“อ้อ... มีข่าวดีเรื่องคุณแม่ของคุณนะ หมอบอกว่าการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี”

“โอ้ ดีจังครับ ขอบคุณมาก” เร็นกระซิบติดกับใบหูขาวแล้วขบลงไปอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงสอดปลายลิ้นเข้าไปไล้เลียภายในใบหู “เจ้านาย...”

“เร็น... วันนี้ขอนอนก่อนนะ ผมเหนื่อย”

ราวกับร่างกายดิ่งลงไปในหุบเหว เร็นขมวดคิ้ว “...แต่...”

“เอาไว้พรุ่งนี้นะ”

เสียงที่ตอบมาเบาหวิว ชายหนุ่มคงจะเหนื่อยมากจริงๆ  ก็นั่นสินะ กว่าจะได้นอนแต่ละคืน แล้วยังต้องรีบออกไปแต่เช้าตรู่ มือหยาบจับเจ้านายพลิกตัวนอนราบลงไปบนเตียง เอื้อมไปหยิบหมอนมาหนุนศีรษะให้ เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ กัน

“เจ้านายครับ”

“......”

...เร็นคิดว่าเจ้านายคงจะหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน “...ผมคิดถึงคุณทั้งวันเลยรู้มั้ย... พรุ่งนี้... อย่ามาช้านะครับ” หากไม่มีคำพูดใดๆ ตอบกลับมา เขาจึงโน้มใบหน้าเข้าไปจูบแก้มนิ่ม “...ราตรีสวัสดิ์นะครับ” แล้วนิ่งค้างไว้แบบนั้น ดวงตาคมกริบราวกับตาเหยี่ยวจับจ้องใบหน้าเรียวเล็กของเจ้านาย เขายกมือขึ้นใช้ปลายนิ้วลูบสัมผัสอย่างแผ่วเบาที่สุด จากหน้าผาก ผ่านนัยน์ตาที่ปิดสนิทลงมายังปลายจมูกโด่ง แล้วไปลูบไล้ริมฝีปาก

...อยากเห็นหน้า... อยากสบสายตากับเจ้านาย

มือหยาบขยับขึ้นไปลูบเส้นผมนุ่มนิ่มที่เป็นลอนน้อยๆ ในขณะที่พยายามจินตนาการภาพของเจ้านายไปด้วย แต่ก็เดาได้ยากมากเต็มที

เด็กหนุ่มโอบร่างผอมบางไว้หลวมๆ พลางซบใบหน้าลงบนหัวไหล่เล็ก เขาชอบกลิ่นหอมจากผิวกายของเจ้านาย ชอบที่จะรู้สึกว่ามีอีกฝ่ายอยู่ใกล้ชิด อยู่ภายในอ้อมกอด

“เจ้านาย...” เร็นเพ้อเสียงแผ่ว แล้วจึงหันมาบอกกับตัวเองให้ข่มตาหลับลงไปเสียที


วันใหม่ของเร็นเริ่มต้นขึ้นด้วยมื้อเช้า ตามด้วยการฝึกซ้อมเบสบอลกับว่ายน้ำเฉกเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้แปลกไปอยู่สักหน่อยตรงที่เขาจะมีคนมาเยี่ยม การได้พบได้เห็นหน้าคนนอกบ้างก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

เลขาหนุ่มมาถึงตรงตามเวลาที่นัดไว้พอดิบพอดี ซึ่งเร็นนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้ว เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มจึงยืนขึ้นทักทาย

“สวัสดีครับคุณคิมุระ สบายดีนะครับ” เลขาหนุ่มยิ้มมุมปาก เขานั่งลงบนโซฟาอีกตัว พร้อมกับส่งกระเป๋าเป้ใส่หนังสือกับถุงขนมให้กับเร็น

“สวัสดีครับคุณเลขา ขอบคุณมากนะครับ” เร็นเอื้อมมือไปรับของมาจากมืออีกฝ่าย เขาเปิดกระเป๋าเป้ตรวจสอบหนังสือ ซึ่งดูเหมือนว่าเลขาหนุ่มจะขนมาจนเกือบครบทุกวิชา

“ผมเห็นว่าคุณคิมุระคงจะมีเวลาว่างเยอะ เลยหยิบมาเผื่อด้วยน่ะครับ”

เด็กหนุ่มพยักหน้า “อ่า... ครับ”  เขาเปิดถุงขนมดู นึกแปลกใจเล็กน้อยที่ขนมในถุงนั้นเป็นของร้านที่เขาชอบพอดี แม้จะไม่เคยซื้อเอง แต่สมัยอยู่ไฮสคูลก็มีคนซื้อมาให้บ่อยๆ

“ถูกใจมั้ยครับ”

เร็นเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนถาม “...ครับ”

“แล้วก็... ที่มานี่ก็เพื่อจะเอาสิ่งนี้มาให้คุณคิมุระครับ” เลขาหนุ่มล้วงหยิบซองจดหมายออกมาจากเสื้อสูท แล้วส่งให้กับเร็น

มือหยาบแกะจดหมายออก เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าภายในซองจดหมายนั้นเป็นรูปถ่ายของมารดาสองสามใบ สีหน้าของเธอสดใสขึ้น ยังคงแฝงไว้ด้วยความอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ก็มีแรงพอที่จะชูสองนิ้วได้ในรูปหนึ่ง “อา... ขอบคุณครับ! ขอบคุณมาก”

“...ไว้ขอบคุณเจ้านายเถอะครับ”

หัวใจของเด็กหนุ่มพองโต... เจ้านาย... ใส่ใจกับทุกคำพูดที่เคยพูดคุยกับเขาเลยจริงๆ ชายหนุ่มคงจะต้องเป็นเทวดาของเขาแน่ๆ แค่นึกถึงก็อยากจะกอดเจ้านายแน่นๆ จนแทบจะรอให้ถึงเวลากลางคืนไม่ไหวแล้ว

“คุณคิมุระ คืนนี้เจ้านายคงจะมาถึงที่นี่ช้านะครับ ท่านไปประชุมที่ต่างเมือง”

สีหน้าดีใจของเร็นสลดลงทันที “...งั้นเหรอครับ”

เลขาหนุ่มชำเลืองมองท่าทีของอีกฝ่าย เขากลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิดแล้วกระแอมเบาๆ “อะแฮ่ม... เอ้อ... คุณคิมุระ... ยังไม่เคย... กับผู้ชายใช่มั้ยครับ”

ดวงตาสีเข้มเบิกโพลง “...หา!”

“รู้ใช่มั้ยครับว่าต้องทำยังไง เตรียมอะไรยังไงบ้าง”

“เอ่อ...” เร็นเสตาหลบ เขาพอจะรู้มาบ้างล่ะว่าการร่วมรักของผู้ชายกับผู้ชายจะใช้ช่องทางเบื้องหลัง แต่... คงจะเจ็บน่าดูเหมือนกันนะ

เลขาลุกขึ้น แล้วพูดรัวเร็วโดยไม่หันไปทางเด็กหนุ่ม “คุณต้องใช้เจลเยอะๆ แล้วก็ก่อนจะใส่เข้าไป ใช้นิ้วสอดเข้าไปก่อน ต้องใจเย็นๆ สอดนิ้วเข้าออกจนกว่าที่ตรงนั้นจะขยายขนาดพอ ไม่งั้นจะเจ็บมาก เข้าใจนะครับ... เอาล่ะ หมดหน้าที่ผมแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” 

“หา! จะไปแล้วเหรอครับ เดี๋ยวสิครับ!” เร็นชะงัก ถ้าจะถามว่าใครควรเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับ แล้วที่บอกให้เตรียมนั่น คือให้เขาเตรียมตัวเองหรือให้เขาเตรียมให้เจ้านาย อีกฝ่ายจะหัวเราะเยาะเอามั้ย แต่พอเห็นเลขาก้าวฉับๆ ออกไปก็ตะโกนถามพร้อมลุกขึ้นพรวด “...แล้ว... ไอ้พวกเจลอะไรนั่น! ผมจะไปหามาจากไหน!”

“...ของพวกนั้น เจ้านายมีพร้อมแล้วครับ” เลขาหนุ่มค้อมศีรษะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เร็นชะงัก “มีพร้อม?” ...เขารู้สึกตกใจกับคำตอบเล็กน้อย... มีพร้อมงั้นเหรอ? ทำไมเจ้านายถึงมีของแบบนั้นกันล่ะ เจ้านาย... บอกว่าไม่เคยพาใครมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ

...แต่ไม่เคยพาใครมาที่นี่ ก็ใช่ว่าเจ้านายจะไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาก่อนนี่หว่า... หากเพียงแค่คิดว่าคนอื่นๆ เคยได้กกกอดเจ้านาย เคยได้สัมผัสผิวนุ่มหอมละมุนเช่นเดียวกันกับตัวเขา หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที

“เจ็บ... งั้นเหรอ” มือหยาบยกขึ้นวางบนแผ่นอก เด็กหนุ่มตกใจกับตนเองยิ่งกว่าที่ตัวเขารู้สึกเจ็บปวด รู้สึกราวกับ... หวง เจ้านาย และไม่อยากให้อีกฝ่ายเคยเป็นหรือเป็นของใครๆ ทั้งสิ้น

เร็นทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้ง สมองมึนงงไปหมด เพราะความรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างในหัวใจที่ค่อยๆ ปะทุขึ้นมาทีละน้อย ราวกับว่าตัวเขากำลังจมดิ่งลงในห้วงน้ำที่เชี่ยวลึกและดูเหมือนว่ายากที่จะปีนกลับขึ้นไปยังจุดที่เคยยืนอยู่ได้ซะแล้ว

..

......

..

สามวันหลังจากการมาเยี่ยมของเลขาหนุ่มผ่านพ้นไปแล้ว โดยที่ความสัมพันธ์ของเร็นกับเจ้านายยังคงอยู่กับที่ เนื่องจากหลายคืนที่ผ่านมานั้น เจ้านายกลับมาหลังเที่ยงคืนทุกวัน พอมาถึงก็แทบจะคลานขึ้นเตียงแล้วหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กหนุ่มจึงทำได้แค่เพียงโอบกอดอีกฝ่ายขณะที่นอนหลับอยู่เท่านั้น เขานึกเห็นใจ... ถ้าสามารถมองเห็นใบหน้าของเจ้านายในตอนนั้นได้ คงจะเห็นว่าอิดโรยและซูบซีดมากขนาดไหน เจ้านายคงทำงานหนักมากจริงๆ

ทว่าวันนี้เจ้านายบอกว่าจะกลับมาเร็วขึ้น เด็กหนุ่มจึงรอการกลับมาของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ

เมื่อท้องฟ้ามืดลงและไฟฟ้าในบ้านดับสนิท เร็นพาตัวเองเข้าไปนั่งรออยู่บนโซฟาในห้องของเจ้านายเรียบร้อยแล้ว เขาเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังตรงมาที่ห้องคละเคล้าไปกับเสียงพูดคุยเป็นภาษาต่างชาติ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก็รีบลุกขึ้นยืนรอต้อนรับอีกฝ่าย

“แค่นี้ก่อนนะครับ” บานประตูห้องเปิดออกพร้อมกับคำพูดบอกลาคนที่อยู่ปลายสาย ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าเสื้อสูท พอเงยหน้าขึ้น เขาก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงซะแล้ว “เร็น” ผู้เป็นนายหัวเราะเบาๆ

“ผมคิดถึงเจ้านาย” เร็นซบใบหน้าลงบนไหล่เล็ก

มือขาวยกขึ้นลูบหลังเด็กหนุ่ม “ปากหวานจริง”

“ผมพูดจริงๆ นะครับ... เจ้านายมาซะดึกหลายคืน ไม่มีเวลาให้ผมเลย”

“ช่วงนี้งานเยอะน่ะ... เร็น... ปล่อยได้แล้วล่ะ”

เด็กหนุ่มคลายอ้อมแขนออกอย่างอิดออด แล้วช่วยถอดเสื้อสูทกับเนกไทให้เหมือนทุกวัน ถ้าทำได้เขาก็อยากจะอุ้มเจ้านายไปที่เตียง แล้วกอดฟัดให้สมกับที่รอคอยมาหลายวัน แต่ใจไม่กล้าพอ...

“เหนื่อยมั้ยครับ”

ผู้เป็นนายเดินไปนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินตามเขาไปติดๆ “เหนื่อย แต่กลับมาบ้านแบบนี้ ก็ค่อยยังชั่ว” มือขาวยกขึ้นกระตุกแขนแกร่งให้เด็กหนุ่มนั่งลงข้างกัน

เร็นยิ้มกว้าง เขารีบนั่งลงแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปหาเจ้านาย “เจ้านายครับ... ผมขอบคุณมากเรื่องของแม่”

“อืม... สบายใจแล้วใช่มั้ย”

“สบายใจแล้วครับ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือออกไปกุมมือขาว “เจ้านายครับ”

“หืม”

“...ผม... ขอจูบเจ้านายหน่อยได้มั้ยครับ”

ชายหนุ่มหัวเราะ “ไม่เห็นต้องขอเลย อื้ม...”

เมื่อเจ้านายอนุญาต ร่างสูงก็แนบจูบริมฝีปากนุ่มทันที ลิ้นเรียวสอดแทรกเข้าไปไล้วนทุกซอกทุกมุมในโพรงปากอุ่น มือหยาบผลักหัวไหล่เล็กเบาๆ ให้เจ้านายเอนหลังนอนราบลงไปกับเบาะโซฟา ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทั้งสองจึงชะงักไปเล็กน้อย เด็กหนุ่มละเรียวปากออกอย่างไม่เต็มใจนัก “...โทรศัพท์...”

“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็เงียบไปเอง” ร่างผอมบางตอบ แขนเรียวขาววาดขึ้นโอบลำคอใหญ่แล้วดึงเข้าหาตัว ริมฝีปากทั้งสองหลอมรวมกันอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับสองลิ้นที่กอดรัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

โทรศัพท์เงียบเสียงไป แต่ไม่ช้าก็ดังขึ้นอีก ในที่สุดผู้เป็นนายก็จำใจต้องสะกิดเด็กหนุ่มให้ผละออก

“เจ้านาย” เร็นพูดเสียงอ้อน

ชายหนุ่มแตะปลายนิ้วลงบนเรียวปากหยักได้รูป “รอเดี๋ยวนะ”

“แต่...” ...เขารอมาหลายวันแล้วนะ เจ้านายยังจะใจร้ายให้เขาอดทนรออีกเหรอเนี่ย... เร็นพ่นลมหายใจออกหนักๆ

ร่างผอมบางลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่บนระเบียง เนื่องจากแสงจากบนหน้าจอโทรศัพท์สว่างพอควร สักพักจึงกลับเข้ามาภายในห้อง ซึ่งเด็กหนุ่มยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม เขาก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าอีกฝ่าย “เร็น ผมต้องออกไปธุระแป๊บนึง เดี๋ยวจะรีบกลับมา”

“เจ้านาย! ดึกขนาดนี้แล้วนะครับ” เด็กหนุ่มโวยวายทันที เขาคว้าแขนเรียวไว้ “ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ”

“มีธุระสำคัญน่ะ” เจ้านายโน้มลงไปจูบเรียวปากหยักพร้อมกับเอื้อมไปหยิบสูทมาสวม “แล้วผมจะรีบกลับมา... รอผมก่อนนะ”

เร็นเบือนหน้าหนี “ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับ เจ้านายบอกให้รอก็ต้องรอ”

“อย่าเพิ่งงอนสิ” มือขาวลูบเส้นผมสีดำขลับของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน “แล้วจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะ” ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป

เด็กหนุ่มนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟา เขาหงุดหงิด ยิ่งคิดก็ยิ่งกระสับกระส่าย... ใครกันนะที่โทรมาตามเจ้านายดึกดื่นขนาดนี้ แล้วสำคัญขนาดที่เจ้านายต้องรีบออกไปหา โดยทิ้งเขาไว้ตามลำพัง

...เมื่อนึกถึงว่าตนเองไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเจ้านายเลยแม้แต่น้อย อารมณ์ของเร็นจึงคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ

การรอคอยสิ้นสุดลงหลังจากเวลาสองชั่วโมงเต็มๆ ผ่านพ้นไป เด็กหนุ่มรู้ว่าเขาไม่ควรจะโกรธหรืองอนเจ้านาย เพราะคนที่ซื้อมาได้ง่ายๆ ด้วยเงินอย่างเขา เจ้านายคงจะไม่ง้อหรอก หากเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจมากขึ้นทุกที

ผู้เป็นนายเปิดประตูห้องออกช้าๆ แล้วหรี่ตาเพ่งมองไปในความมืด “...เร็น”

เด็กหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เขาพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านแล้วยืนขึ้นต้อนรับคนที่มาถึง “ครับ”

ร่างผอมบางตรงเข้าไปหาเร็น “รอนานมากมั้ย... อ๊ะ!”

กลิ่นน้ำหอมที่แปลกไปลอยมาเตะจมูก ทำให้เร็นชะงัก เขาลุกขึ้นคว้าแขนเรียวเข้าหาตัวเพื่อสูดดมบนเสื้อสูท... นี่เจ้านายไปหาใครมากัน ถึงได้ใกล้ชิดกันจนกลิ่นน้ำหอมติดตัวมาได้แบบนี้

“มีอะไรเหรอ”

มือที่แข็งแกร่งราวกับกรงเล็บของราชสีห์ขยุ้มหัวไหล่ของเจ้านายอย่างแรง แล้วถามเสียงดัง “...นี่คุณไปหาใครมากัน!”

“เร็น! เดี๋ยว โอ๊ย! ปล่อยก่อน!” มือขาวผลักร่างสูงออก แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายออกแรงบีบหนักขึ้น “เร็น! นี่มันเรื่องส่วนตัวของผมนะ!”

เร็นปล่อยมือจากเจ้านายแล้วเบือนหน้าหนี “...นอกจากผมแล้ว คุณยังซื้อคนอื่นไว้อีกงั้นสิ!”

“เร็น!”

แม้จะรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิโกรธ เขาไม่มีสิทธิใดๆ ในตัวเจ้านายเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะหัวใจที่มันเจ็บ การรอคอยและความผูกพันที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ส่งผลให้เร็นไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ เด็กหนุ่มสาวเท้าออกไปยังระเบียง มือหยาบทุบลงไปบนราวระเบียงอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยกสองมือขึ้นกุมใบหน้าไว้

ท้องนภาค่ำคืนนี้มืดครึ้มไปด้วยเมฆหนา บดบังจันทร์เสี้ยวและดวงดาราบนฟากฟ้าไปหมดสิ้น สายลมพัดมาเพียงแผ่วเบา จึงทำให้เสียงคลื่นที่สาดเซาะบนหาดทรายเบาบางกว่าทุกที

ร่างผอมบางให้เวลากับเด็กหนุ่มสักพัก จากนั้นจึงก้าวตามออกไป หากหยุดยืนอยู่แค่ตรงบานประตูห้องเท่านั้น “...เร็น... คุณเข้าใจผิดแล้ว” แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมขยับเขยื้อน “...คุณเห็นผมเป็นคนที่ใช้เงินซื้อใครก็ได้มาสนองความต้องการงั้นเหรอ”

....ตัวเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นไม่ใช่รึไง... เร็นคิดในใจพลางกัดฟันกรอด

“ผมออกไปพบกับเพื่อนคนสำคัญมา เขาต้องการความช่วยเหลือ... ก็เท่านั้นเอง”

ดวงตาสีดำขลับอ่อนแสงลง เด็กหนุ่มยังคงไม่โต้ตอบอะไร เขายืนเฉยเป็นรูปปั้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแขนเรียวขาวเข้ามาโอบกอดจากทางด้านหลัง ไออุ่นจากลมหายใจของอีกฝ่ายตกกระทบบนต้นคอ ก่อนเจ้านายจะกระซิบบอกเสียงค่อย

“ถ้าหากคุณเป็นเพียงใครก็ได้... ผมคงไม่สนใจว่าคุณจะคิดยังไง”

เร็นหันขวับไปทางเจ้าของอ้อมกอด ค่อยๆ หมุนตัวไปเผชิญหน้ากัน “...เจ้านาย...” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ประคองมือขาวขึ้นมาตรงหน้า แล้วจูบลงไปบนหลังมือ “...ผมคิดว่าผมเป็นคนพิเศษของเจ้านายได้มั้ย”

“ยังต้องถามอีกรึไง... ผมง้อคุณขนาดนี้แล้ว”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง หัวใจเต้นโครมครามราวกับกลองใหญ่ที่ถูกตีรัว เขาเชยคางเรียวขึ้น ในเวลาเดียวกันก็โน้มใบหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากของเจ้านายอย่างแผ่วเบาที่สุด “...ถ้างั้น... ผมขอให้คืนนี้ปิดมือถือได้มั้ย”

มือขาวสอดเข้าไปภายในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อกดปิดโทรศัพท์แล้วจึงหยิบออกมาให้อีกฝ่ายดู “เชื่อได้รึยัง”

“เชื่อแล้วครับ” เร็นดีใจจนลืมตัว เขาอุ้มเจ้านายลอยหวือ พาไปวางลงบนเตียงแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าที่ขวางกั้นระหว่างเขากับชายหนุ่มออกทีละชิ้น จนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่าจึงขยับตัวขึ้นไปคร่อมร่างผอมบางไว้ เรียวปากหยักจุมพิตเบาๆ บนใบหน้าเรียวเล็ก แล้วมาหยุดคลอเคลียบนกลีบปากนุ่มนิ่ม “ขอบคุณนะครับ ที่ไม่ปล่อยให้ผมต้องอกแตกตายเพราะคิดมากเรื่องของคุณ”

“...คุณนี่เข้าใจพูดให้ผมอารมณ์ดีอยู่เรื่อย”

เร็นหัวเราะ “...ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นี่เป็นงานหรอกนะครับ... ไม่งั้นผมคงไม่ตั้งใจขนาดนี้” ก่อนจะบดจูบริมฝีปากหอมหวานตรงหน้าอย่างหิวกระหาย ลิ้นเรียวเหนี่ยวรั้งลิ้นเล็ก สัมผัสจนครบทุกซอกมุม จนกระทั่งหยาดน้ำใสเอ่อล้นและไหลลงจากมุมปาก ผ่านลงไปตามลำคอระหง

มือขาวเอื้อมออกไปช่วยปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงของร่างสูงลง “เกะกะจัง ถอดออกสิ”

“รับคำสั่งครับ” เด็กหนุ่มจับชายเสื้อสเวตเตอร์ที่สวมอยู่ดึงออกทางศีรษะ ถอดกางเกงทั้งชั้นนอกและในออกให้เหลือแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่า ตามด้วยจับมือเจ้านายไปวางลงบนท่อนเนื้อที่ร้อนผ่าว “ดูสิครับ... เจ้านายทำให้ผมเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

“ปากดี”

เสียงเบาหวิวที่ฟังดูเคอะเขินแบบนั้นส่งผลให้หัวใจของเร็นพองโตเต้นแรง เขายิ้มกริ่ม “...ให้ผมพิสูจน์มั้ยว่าดีจริงรึเปล่า” เด็กหนุ่มขยับเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างสองขาของเจ้านาย แล้วใช้ฝ่ามือหยาบกดเคล้นตรงส่วนที่ไวต่อการสัมผัส


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 6: อ้อน][P.4][100215]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-02-2015 14:51:49


“หืม... อะ! เร็น!”

เสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดมาจากริมฝีปากของเจ้านายยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกของร่างสูงเต้นหนักหน่วงขึ้น จนเขาปวดหนึบทั้งในอกและสะท้อนลงไปถึงส่วนร้อนกลางร่าง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยนึกอยากลองสัมผัสร่างกายผู้ชายคนไหนมาก่อน แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกว่ามันแปลก รู้แค่ว่าอยากทำให้เจ้านายมีความสุขมากที่สุด

มือใหญ่กอบกุมส่วนร้อนที่เริ่มตื่นตัวสู้ เขารูดขึ้นลงจนมันแข็งขึงและเริ่มมีของเหลวไหลซึมออกมา เด็กหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ใจนึกอยากลิ้มลองรสชาติของเจ้านาย เขาเคลื่อนศีรษะลงต่ำเพื่อจรดริมฝีปากลงไปตรงส่วนปลายที่ปริ่มน้ำ ลิ้นเรียวไล้ตวัดราวกับกำลังลองชิมอมยิ้มแสนหวาน ก่อนใช้โพรงปากนุ่มเข้าครอบครองไว้ทั้งหมดโดยไม่รังเกียจ

ร่างผอมบางสะดุ้งเฮือก "อ้า... เร็น! อื้อ..." ผู้เป็นนายยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงน่าอายออกมาได้ หากสะโพกเล็กยกขึ้นรับกับจังหวะดูดดึงขึ้นลงของเรียวปากร้อน “อ้า... พอ... พอแล้ว” มือนุ่มจิกทึ้งเส้นผมสีดำสนิท ร่างผอมบางกระตุกเกร็ง ไม่ทันไรก็ปลดปล่อยอารมณ์ที่ร้อนรุ่มออกมา

เร็นใช้โพรงปากรับน้ำขุ่นข้นเอาไว้ทั้งหมด รสชาติเฝื่อนๆ ขมๆ ทว่าเขากลับกลืนลงคอไปอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก นัยน์ตาจับจ้องร่างขาวที่กำลังหอบกระเส่า เขาต้องการเจ้านาย... ความสัมพันธ์เพียงแค่ภายนอกนั้นไม่พอสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปจูบต้นขาขาวด้านใน ขณะที่มือลูบผ่านลงไปยังด้านล่างของส่วนไวสัมผัส

“เจ้านาย คือ... ผม...” เร็นพูดเสียงแหบพร่า

ชายหนุ่มเงียบไปสักพัก คล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรสักอย่าง “...เร็น... อยากใส่เข้ามามั้ย”

“อยากครับ ถ้าหากเจ้านายจะอนุญาต” ร่างสูงตอบอย่างไม่ลังเล วินาทีนี้ต่อให้เจ้านายถามว่าจะใส่เข้ามาในตัวเขาได้หรือไม่ เขาก็คงจะยอมล่ะ แต่ถ้าให้พูดกันตรงๆ เขาอยากจะเป็นคนกกกอดร่างผอมบางที่แสนจะน่าทะนุถนอมนี่มากกว่า

ผู้เป็นนายพลิกตัวแล้วคลานไปยังหัวเตียง เขาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของออกมาส่งให้กับเด็กหนุ่ม “...ใช้ด้วยล่ะ”

เร็นรับของเหล่านั้นมา ซึ่งก็คือเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัย ดวงตาคมจ้องมองของในมือแล้วเงยหน้าขึ้นสบสายตากับชายหนุ่มในเงามืด เขาวางห่อถุงยางอนามัยไว้บนเตียงใกล้ๆ ตัวก่อน เพื่อหมุนเปิดหลอดเจลใส ซึ่งมันถูกแกะไว้พร้อมแล้ว

แวบหนึ่งเขารู้สึกหงุดหงิดที่เจ้านายมีของแบบนี้พร้อมสรรพ แถมยังกับว่าเคยใช้มาก่อนแล้วด้วย แต่ก็ช่างเถอะ อดีตจะเป็นยังไงไม่สำคัญหรอก ในเมื่อเจ้านายเอ่ยปากบอกว่าเขาเป็นคนพิเศษขนาดนี้แล้ว

เด็กหนุ่มบีบเจลใสลงบนฝ่ามือแล้วชโลมจนชุ่ม “...เจ้านาย... ผมจะพยายามทำไม่ให้คุณเจ็บ... เพราะงั้น... อดทน แล้วก็... ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ”

หากผู้เป็นนายกลับเงียบไปอีกครู่ใหญ่ แล้วจึงตอบกลับมาเสียงแผ่ว เขาดึงมือกร้านไปเหนือบริเวณร่องสะโพก “...ใช้นิ้วของคุณ ใส่เข้ามาข้างในนี้ก่อน ค่อยๆ ใส่นะ”

“ครับ” เร็นพยักหน้า หากพอปลายนิ้วเขาแตะลงบนร่องสะโพก เจ้านายก็สะดุ้งโหยง “มีอะไรรึเปล่าครับ”

“ไม่มีหรอก... เนื้อเจลมันเย็นน่ะ”

เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกเบาๆ นิ้วยาวไล้ไปมาเพื่อหาปากทางเข้าของช่องทางที่จะใช้ในการร่วมรัก “...ตรงนี้ใช่มั้ยครับ” เขาถาม หากไม่รอคำตอบ ปลายนิ้วนั้นรุกล้ำเข้าไปในร่างเจ้านายช้าๆ

“อะ... ฮื่อ!”

อาการเกร็งกับความฝืดคับส่งผลให้เร็นชะงัก พอเขาฝืนสอดนิ้วลึกเข้าไปอีก ร่างผอมบางก็สั่นเทาราวกับกำลังเจ็บปวด “เจ้านาย...” ...ที่ตรงนี้ มันเหมือนกับว่า... เจ้านายยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เร็นดึงนิ้วออกแล้วเพิ่มปริมาณเจลหล่อลื่นขึ้นอีก เขาจับชายหนุ่มให้พลิกตัวแล้วเอาหมอนรองใต้ร่าง “แบบนี้ง่ายกว่าครับ ผมต้องทำให้เจ้านายชินก่อน จะได้ไม่เจ็บ” เด็กหนุ่มไม่กล้าถาม ทว่าต้นขาขาวที่สั่นน้อยๆ จนเหมือนจะไม่มีแรงก็พอจะบอกให้เขาเข้าใจได้ทุกอย่าง

...เนื่องจากตัวเขาผ่านประสบการณ์มาเยอะ เพราะงั้นจึงพอจะเดาได้ว่าท่าทางของเจ้านายแบบนี้ เขาน่าจะเป็นคนแรกของอีกฝ่าย

ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจ “เจ้านายครับ หันมาทางนี้หน่อยสิครับ” เขาจุมพิตชายหนุ่มอย่างลึกซึ้ง ค่อยๆ ตะล่อมจนอีกฝ่ายเมามัวและเผลอไผล จากนั้นจึงสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นอีกครั้งอย่างใจเย็นที่สุด ทีละนิด ทีละนิด จนสุดปลายนิ้ว จึงละริมฝีปากออกให้อีกฝ่ายได้หายใจ ในขณะที่ดึงนิ้วกลับออกมาช้าๆ

“ฮึก... อ๊า... อะ!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกอย่างโล่งอก แต่ได้ไม่ทันไร นิ้วยาวก็กดแทรกเข้ามาในกายอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสอง “อา... มันอึดอัด”

“หายใจเข้าลึกๆ ครับ” เร็นขบจูบไปบนแผ่นหลังเพื่อปลอบโยนร่างที่สั่นสะท้าน

“อือ...” มือขาวขยุ้มหมอนแน่น เขาหลับตาปี๋ พยายามแยกขาออกให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น เสียงของนิ้วยาวที่เคลื่อนไหวเข้าออกจากช่องทางเบื้องหลังฟังดูหยาบโลน ทว่าก็ทำให้ส่วนไวสัมผัสตื่นตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน “อ๊ะ! อ๊า!” ร่างผอมบางกระตุกเฮือก “เร็น!”

เด็กหนุ่มถอนนิ้วออกแล้วใส่กลับเข้าไปจนสุดโดยเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นอีก กดย้ำตรงจุดที่ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงครางหวานออกมาอย่างลืมตัว “ตรงนี้... รู้สึกดีใช่มั้ยครับ” เขากัดฟันกรอด เพราะท่าทางและเสียงกระเส่าของเจ้านาย แล้วยังช่องทางอุ่นร้อนที่ตอดรัดนิ้วมือเป็นจังหวะหนักๆ สะท้อนไปถึงส่วนกลางร่างของตนให้ร้อนรุ่มไปด้วย นิ้วยาวทั้งสามนิ้วสอดเข้าไปจนสุด ขยับเข้าออกสลับควานวน จนรู้สึกว่าช่องทางนั้นอ่อนนุ่มและขยับขยายมากพอแล้วเด็กหนุ่มจึงดึงนิ้วออก

“อา...” ร่างผอมบางทรุดตัวลงหอบหนักๆ บนหมอน ก่อนจะถูกจับให้พลิกตัวมาประสานสายตากันในความมืด เสียงของลมหายใจเข้าออกดังถี่รัว

นัยน์ตาคมกริบจับจ้องเรือนกายสีขาวซึ่งราวกับจะเรืองแสงได้เล็กน้อยในความมืด และไปหยุดอยู่บนแผ่นอกที่สะท้อนขึ้นลง ภาพที่เห็นรางๆ เพียงแค่นี้ แต่ก็ทำให้จินตนาการของร่างสูงเตลิดไปไกล เร็นใช้หลังมือข้างที่ไม่เลอะเจลไล้ไปตามกรอบหน้ารูปไข่ ปลายนิ้วลูบสัมผัสไปบนใบหน้าที่ตนไม่เคยได้มองเห็น เขารู้ว่าเจ้านายมีผมสีทอง จากการสัมผัสก็คิดว่าผิวหน้าคงจะเรียบเนียน จมูกโด่งรั้น และริมฝีปากหอมหวาน... ซึ่งคงจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อถูกเขาบดจูบแรงๆ ภาพของเจ้านายที่วาดขึ้นในความคิด คงจะเป็นคนที่ดูดีไม่น้อย พอยิ่งคิดไปแบบนั้น ความต้องการของตนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เด็กหนุ่มดึงมือกลับไปรูดรั้งส่วนร้อนของตนเอง จากนั้นจึงเอื้อมไปหยิบห่อถุงยางอนามัยมากัดฉีกออก

ลมหายใจของผู้เป็นนายกลับเป็นปกติอีกครั้ง เขายกศีรษะขึ้นเล็กน้อย พอมองเห็นว่าร่างสูงกำลังสวมถุงยางอนามัยให้กับท่อนเนื้อแข็งเกร็ง เขาก็รีบเบือนหน้าหลบ

เร็นหยิบหลอดเจลมาทาทับอีกครั้ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม... มือหยาบจับขาเรียวแยกออก แล้วพาส่วนร้อนไปจ่อที่ตรงปากทางบนร่องสะโพก หัวใจของเขาเต้นรัว เมื่อกดแทรกกายเข้าไปทีละน้อย “เจ้านายครับ”

ร่างผอมบางสะดุ้งเฮือก “เร็น! เดี๋ยว! อื้อ!”

เด็กหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ ช่องทางที่ใช้ในการร่วมรักนั้นแคบมากเสียจนเขาเองก็รู้สึกเจ็บไปด้วย หากมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงเขาก็หยุดไม่ได้แล้วล่ะ เร็นโน้มตัวลงไปจูบปิดกลีบปากนุ่มไว้ ฝ่ามืออุ่นกดเคล้นไปตามท่อนแขนและลำตัว แล้วจึงไปหยุดหยอกล้อกับยอดอกที่แข็งเป็นไต

“อื้อ!” ชายหนุ่มจิกเล็บลงบนหัวไหล่หนา เขาเจ็บปวดราวกับร่างกายจะฉีกขาดออกจากกัน แม้อีกฝ่ายจะตระเตรียมช่องทางไว้ดีแล้วก็ตามที เมื่อส่วนร้อนนั้นกดแทรกเข้ามาลึก เขาก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ที่หลั่งไหลออกมา

เร็นละเรียวปากออกเล็กน้อย “เจ้านายครับ” เขาจับมือขาวลงไปสัมผัสตรงส่วนที่พวกเขาเชื่อมกันอยู่ “...ผมเข้าไปจนสุดแล้ว ผมอยู่ในตัวคุณแล้วนะ”

“อา... ยะ... อย่าเพิ่งขยับ” ร่างผอมบางหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับตัวให้เข้ากับความใหญ่โตของอีกฝ่าย

“เจ็บมากมั้ยครับ... น้ำตาไหลใช่มั้ย” เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความเปียกชื้นบนใบหน้าเรียวเล็ก เขาจึงจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับจับมือขาวขึ้นมาวางประกบบนแก้มตน “เจ้านาย... ผมจะค่อยๆ ขยับ คุณกอดคอผมไว้นะ ถ้าเจ็บ ก็กัดผมเลยนะครับ” แล้วจับให้แขนเรียวโอบลำคอตนไว้

ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ร่างกายเกร็งขืนไปโดยอัตโนมัติเพราะกลัวความเจ็บปวด “......”

ฝ่ามืออุ่นลูบเส้นผมให้อย่างแผ่วเบา เรียวปากบางพรมจูบบนใบหน้าเพื่อปลอบประโลม “อย่าเกร็งสิครับ... เชื่อผมนะ ผมจะอ่อนโยนที่สุด” ดูเหมือนว่าคำพูดของเร็นจะได้ผล เพราะคนใต้ร่างเริ่มผ่อนคลาย จากนั้นผู้เป็นนายก็ยกศีรษะขึ้นจูบแก้มของเด็กหนุ่มทีละข้าง

เร็นยิ้ม เขาจุมพิตริมฝีปากที่คิดว่าคงจะเย้ายวนชวนมอง ขณะที่ใช้ปลายลิ้นตะล่อมลิ้นอุ่นของคนใต้ร่างให้ลืมความเจ็บปวด ก็ค่อยๆ ขยับสะโพกทีละน้อย ความรู้สึกคับแน่นหากก็อุ่นนุ่มตอดรัดดีเหลือเกิน แต่คงจะดีกว่านี้หากเขาได้สัมผัสผิวเยื่อบุในช่องทางร่วมรักนี้โดยตรง

เมื่อร่างสูงละเรียวปากออกมา เขาก็ย้ายไปซุกไซ้ลำคอระหง ปลายลิ้นไล้เลียสลับพรมจูบไปบนผิวขาว พร้อมกับสอดมือเข้าไปยกตัวเจ้านายขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองฉกชิมยอดอกของอีกฝ่ายได้โดยง่าย

“อา...” ร่างผอมบางบิดไปมา ความเจ็บปวดเลือนหายไปทีละน้อย และมีความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทนที่ เขาจิกปลายเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว

เร็นขยับสะโพกเร็วขึ้น เน้นย้ำลงไปตรงจุดที่ทำให้เจ้านายสะดุ้งและครางออกมาเสียงแผ่ว มือกร้านขยับไปกุมส่วนไวสัมผัสของเจ้านายแล้วรูดรั้งเป็นจังหวะที่เข้ากับการเคลื่อนตัวเข้าออกของตน

“อืม... อา... เร็น...”

“ซี้ด... อ่า...” เด็กหนุ่มเร่งจังหวะการสอดใส่ เขาจับข้อเท้าเล็กยกขึ้น จูบลงไปเบาๆ ทีละข้างแล้วจับพาดบ่า  จากนั้นจึงโน้มตัวลงไปหาอีกฝ่าย “เจ้านาย... ผมไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนพิเศษ แต่เป็นคนแรกของคุณด้วยใช่มั้ย”

ใบหน้าเรียวเล็กเบือนหนี “......”

“เจ้านายครับ” เร็นจับคางเรียวให้หันมาทางตนแล้วคลอเคลียอยู่บนกลีบปากนุ่ม “ตอบผมหน่อยสิครับ” เขาเร่งเร้าให้คนใต้ร่างตอบด้วยการกระแทกกายใส่หนักหน่วงขึ้น

“อ๊า!”

“ตอบสิครับ”

ร่างผอมบางโยกไหวไปตามแรงกระแทก สองแขนเรียวปาดป่ายไปบนที่นอนแล้วดึงทึ้งผ้าปูด้วยความเสียวกระสัน “เร็น! อื้มมม!”
เด็กหนุ่มหอบหายใจ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้าและบนผิวกาย “เจ้านาย... ตอบผม”

“ใช่... อ๊า!” 

นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้เร็นพอใจมากที่สุด ร่างสูงโถมกระแทกในจังหวะสุดท้าย ช่องทางรักตอดรัดรุนแรงจนเขาปลดปล่อยอารมณ์ร้อนรุ่มออกมามากมาย ในเวลาใกล้เคียงกันกับคนใต้ร่าง เขาครางเสียงทุ้มต่ำ แล้วกระตุกเกร็ง “อ่า... เจ้านาย”

“เร็น... ฮึก...” ชายหนุ่มหอบหายใจหนักๆ ก่อนจะถูกคนบนร่างโน้มตัวลงมาสวมกอดไว้แน่น เขาโอบตอบเด็กหนุ่มพลางซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง

“อา...” เร็นจูบศีรษะเล็ก ร่างกายของเจ้านายกับเขาช่างเข้ากันได้ดีอย่างไม่มีที่ติ แล้วก็ให้ความรู้สึกดีมากกว่าที่เขาเคยมีในยามร่วมเตียงกับหญิงสาวคนไหนๆ เขารู้ว่าไม่ควร แต่ในใจก็อดคิดนึกเปรียบเทียบความแตกต่างของหญิงและชายไม่ได้

“เร็น เอาออกไปก่อน” มือขาวทุบบนไหล่หนาเบาๆ อย่างอ่อนแรง

เร็นถอนกายออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก เขายังรู้สึกว่าไม่พอเลย แต่ก็เห็นใจว่าเป็นครั้งแรกของอีกฝ่าย เขารอจนกระทั่งเจ้านายผล็อยหลับไป จึงลุกขึ้นจัดการกับถุงยางอนามัยให้เรียบร้อย มือกร้านดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายที่เปล่าเปลือยของผู้เป็นนายไว้ให้มีแค่ใบหน้าโผล่พ้นออกมาได้ ปลายนิ้วไล้สัมผัสบนใบหน้านั้นอีกครั้งอย่างนึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้สบสายตากับดวงตาของเจ้านาย มันจะใสแจ๋วเหมือนลูกแก้ว หรือคมกริบเหมือนกับตาเหยี่ยวกันนะ จมูกโด่งที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับรูปหน้าเป็นอย่างดี... เขากดปลายนิ้วลงเบาๆ บนกลีบปากนุ่ม แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่...

เด็กหนุ่มเอนตัวลงนอนเคียงข้างกัน แขนแกร่งดึงร่างผอมบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วกดปลายจมูกลงบนกลุ่มเส้นผมที่นุ่มราวกับแพรไหม นัยน์ตาสีเข้มปิดลงช้าๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ เจ้านายของผม”


TBC~*


และแล้ว... เจ้านายก็ไม่รอดค่ะ 5555 เด็กมันก็ฟิต ให้เงินร้อยทำสิบล้านงี้... เสียท่า เสียซิงให้เด็กจนได้น้าาาา

แล้วก็ได้รู้กันแล้วนะคะที่เมื่อวานฮัสกี้บอกให้เตรียมทิชชูเอาไว้ทำไม เอาไว้ซับน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ที่น้องเร็นได้กินตับเจ้านายนี่เองงง กร๊ากก

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-02-2015 15:04:19
 :jul1: จุ๊ๆๆๆ.หนูเร็นติดใจเข้าแล้วล่ะสิ๊. :laugh:
เจ้านายก็น่ารัก ตามง้อกันด้วยอ่า~  :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-02-2015 15:18:53
 :haun4:
เจ้านายหมดสิ้นความสาวเสียแล้ว   คบเด็กต้องทำใจนิดนึง  เด็กมักใจร้อน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2015 15:41:35
ในที่สุดเจ้านายก็โดนจับกินแล้ว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 25-02-2015 15:52:09
ตอนคุณเลขาแนะนำเร็นยังจะคิ๊ดอีกนะว่าตัวเองรุกหรือรับ  5555

 :z2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 25-02-2015 15:58:49
มาแล้วๆๆๆ เจ้านายโดนจับกินแล้วอ่าาาา :o8:
เร็นนี่เด็กน้อยเอาแต่ใจจริงๆ ฮ่าๆๆ
ไม่อยากให้ครบกำหนดเลย เร็นอย่าลืมเจ้านายนะะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-02-2015 16:03:01
เจ้านาย เสร็จเด็กน้อยไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: nunuchhh ที่ 25-02-2015 16:20:32
อยากให้เห็นหน้ากันเร็วๆจัง :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 25-02-2015 16:21:44
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 25-02-2015 16:59:51
สุดท้ายก็ อร้ายยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-02-2015 20:04:46
เร็นล่อลวงเจ้านาย :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 25-02-2015 20:14:49
คืนเสียสาว เอ้ย เสียชายของเจ้านายเลยสิเนี่ยยย 5555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 25-02-2015 20:25:57
 :haun4: เจ้านายจะลุกไหวไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 25-02-2015 20:40:22
 :m25: อร้ายยนย เจ้านายยยย เร็นจัดบ่อยๆ เลย 555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 25-02-2015 21:54:48
 :haun4: :pighaun: อร๊ายยยยยยย แล้วเจ้านายจะเดินไหวเหรอ ตายๆๆๆๆๆ เตรียมพร้อมเพื่อเสียตัว น่าตีนักเชียว เจ้านาย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 25-02-2015 22:39:49
 :pighaun: :pighaun: 
เมื่อไรเร็นจะได้เห้นหน้าเจ้านายซักที  ลุ้น ลุ้น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-02-2015 23:03:12
 :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 25-02-2015 23:06:32
เจ้านายก็เสร็จเร็นจนได้
ขำเร็นตินที่บอกว่าถ้าเจ้านายขอใส่ก็จะยอม 5555555
เจ้านายดูบอบบางน่าทะนุถนอมขนาดนั้นต้องรับอย่างเดียวเท่าน้านนนน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 25-02-2015 23:50:02
ยินดีกับเร็นด้วยยย

แต่แบบนี้ เจ้านายจะไม่เผลอนอนยาวจนเร็นตื่นมาเจอหน้าใช่ไหมคะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 25-02-2015 23:56:54
กริ้ดดดดดดดดดดดด สิ้นสุดการรอคอย(วันเสียซิง แต่ไม่สิ้นสุดเนื้อเรื่อง อิอิ อย่าจบไวนะเรื่องนี้ ขอละ5555) อะไรจะอ่อนโยนขนาดนี้คะเร็น สวดยวดดดด รอมานานแย้วว่า...เอ เมื่อไรคุณฮัสกี้จะอัพเรื่องนี้น้าาาา (เพราะชอบที่สู๊ดด น่ารักทั้งนายและบ่าว555)

ขอบคุณมากค่ะ สนุกทุกทีที่ได้อ่าน เป็นกำลังใจให้ทุกๆเรื่องนะคะ ^_^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 26-02-2015 00:20:35
แอร๊ยยยย  เสร็จจนได้ค่ะ  เจ้านายนี่แอบเตรียมพร้อม เหมือนรอเป็นของเร็นมานานไรงี้ 

ร้อนแรงแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าเจ้านายจะแอบตื่นก่อนแล้วหนีไปเหมือนทุกๆวันได้ไหมนะ  แบบฟันแล้วทิ้ง 5555555  หรือตื่นมาแล้วช็อคก็ไม่รู้  ยังไงก็แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายค่ะคืนนี้  สมยอมพร้อมใจเปิดโอกาสทอดสะพานกรุยทางให้  แต่เบิกทางเร็นจัดการค่ะ 555555 ฟังเสียงซี๊ดซ๊าดแล้วร้อนแรงพอดู  คู่นี้เน้นจิตนาการค่ะ ไม่เห็นน่งเห็นหน้ากันหร๊อก

แอบน้อยใจแทนทาริคกะน้องคุณค่ะ คู่นี้ได้ก่อนกันละ  55555555555555 ได้ทีหลังต้องแอ๊ดวานซ์กว่านะ  บนอูฐก็ไม่เลว 55555555 ไม่ใช่แล้ววววว  ฮัสกี้สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-02-2015 00:29:59
เครื่องฟิต สตาร์ทติดง่ายจริงๆ
กินเจ้านายไปละ หลังจากนี้ ความขี้สงสัยจะเพิ่มขึ้นเรื่อย
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 26-02-2015 02:14:34
เจ้านายเสร็จเรนเข้าจนได้ โอ๊ยยยยยยเจ้านายเป็นใครกันเนี่ยยยยย อยากรู้ๆๆ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-02-2015 09:35:15
กรี๊ดเจ้านายย โดนน้องเรนกินไปแล้วค่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 26-02-2015 09:48:29
เจ้านายน่ารักจังดูไร้เดียงสามากๆ  เร็นก็ใส่ไม่ยั้งเลย อร๊ายๆ เขิน  :z1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 28-02-2015 23:15:14
น้องเร็นเห็นใจเจ้านายหน่อยเนอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ไหว เดี๋ยววันอื่นค่อยมาต่อก็ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 04-03-2015 12:15:57
กรีซซซซซซซซ และแลัวเจ้านายก็เป็นของหนูเร็นแล้ว เย่ๆ แถมยังเป็นคนแรกดัวย
พรุ่งนี้เจ้านายจะลุกออกไปทำงานใหวเหรอเนี่ย คุณเลขาก็น่ารักเนอะมีบอกทริคให้เร็นดัวย อิอิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: Theznux ที่ 05-03-2015 14:53:11
สนุกมากค่าาา :) ติดตามต่อไปค่ะ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 7: ลุ่มหลงในเงาจันทร์][P.5][250215]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 06-03-2015 08:03:12


Chapter 8


“อือ...”

ดวงตาสีเข้มลืมขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดขยับตัวดิ้นขลุกขลัก

มือขาวดันตัวให้ออกห่าง ก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งช้าๆ เขาลังเลที่จะลุกออกจากเตียงเพราะรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งส่วนล่าง ชายหนุ่มส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะยังหลับอยู่ “...โอย”

พอเร็นมองเห็นว่าเจ้านายกำลังจะลุกออกจากเตียงไป “จะไปแล้วเหรอครับ อยู่ต่ออีกสักนิดไม่ได้เหรอ” เขายื่นออกไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้โดยอัตโนมัติ

“จะเช้าแล้วนะ แล้วผมก็ต้องรีบไปทำงานด้วย”

เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วคลานเข้าไปโอบกอดร่างผอมบางไว้หลวมๆ ...เพราะเสียงผู้เป็นนายฟังดูอ่อนแรงจนเขานึกเป็นห่วง “คุณไม่เป็นไรนะ ผมว่าพักต่ออีกนิดดีกว่านะครับ เช้าแล้วก็ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวผมจะปิดตา...”

“ไม่ได้หรอก วันนี้ผมมีนัดตอนเช้าน่ะ”

“งั้นนั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมจะช่วยใส่เสื้อผ้าให้นะครับ” เร็นรีบก้าวลงจากเตียง แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเจ้านายที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้นมาช่วยสวมให้ จากนั้นก็คุกเข่าลงพร้อมกับสวมกอดร่างผอมบางไว้ “ผมทำให้เจ้านายเจ็บใช่มั้ย”

“นิดเดียว”

ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง “...ให้ผมอุ้มไปส่งที่รถ...”

“ไม่ต้องหรอก” ชายหนุ่มแกะแขนแกร่งที่โอบร่างกายตนไว้ออก พร้อมกับหันไปแนบจูบบนหน้าผากของร่างสูงอย่างแผ่วเบา “แล้วคืนนี้ค่อยเจอกันนะ”

เร็นจับมือขาวไว้แล้วบีบเบาๆ “...ครับ ผมจะรอนะครับ”

ผู้เป็นนายชะงักไปเล็กน้อย เงาในความมืดนั้นพยักหน้าขณะลุกออกไปจากเตียง ร่างบอบบางโซเซ ยืนได้ไม่มั่นคงนัก หากยังคงก้าวขาเดินออกไป เวลาผ่านไปไม่นานเร็นก็ได้ยินเสียงประตูห้องปิดลงสนิท

ร่างสูงนั่งมองบานประตูนิ่งอยู่เช่นนั้น ตั้งแต่อยู่กับเจ้านายมา วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาตื่นทันอีกฝ่ายและได้บอกลากันก่อนที่เจ้านายจะออกไป... สำหรับเขาแล้วนี่เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ ใจต้องการจะเหนี่ยวรั้งชายหนุ่มไว้ ออดอ้อนไม่อยากอยู่ห่างอีกฝ่าย ปรารถนาให้เวลากลางวันสั้นลงและกลางคืนเนิ่นนานไม่มีจุดสิ้นสุด

ดวงตะวันโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้าหลังจากนั้นไม่นาน เร็นหันหน้าไปทางบานประตูกระจกสำหรับออกสู่ระเบียงซึ่งมีแสงสีทองอบอุ่นสาดส่องผ่านเข้ามา เขาลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วเดินออกไปยังระเบียงกว้าง

ดวงตาคมกริบทอดมองออกไปยังน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มซึ่งส่องประกายระยิบระยับเมื่อมีลำแสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบ

...ทะเลสวยจังแฮะ ถ้าเจ้านายอยู่ต่ออีกสักหน่อย ก็คงจะได้เห็นภาพที่สวยงามขนาดนี้

ถ้าหากชายหนุ่มยังอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เขาจะอุ้มอีกฝ่ายออกมามองพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แล้วกอดไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ เร็นคิดไปพลางยิ้มอย่างมีความสุข เขารอจนกระทั่งดวงอาทิตย์เคลื่อนพ้นขอบฟ้าขึ้นมาจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง

มือหยาบดึงผ้าห่มออกเพื่อจัดการกับซากของถุงยางอนามัยที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืน แต่แล้วก็พบรอยหยดเลือดบนผืนเตียงและที่ติดเกรอะกรังบนถุงยางนั้นด้วย

...เลือดของเจ้านาย ทั้งที่เขาคิดว่าอ่อนโยนที่สุดแล้ว หากยังทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดมาก แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านายก็ยังอดทน ยินยอมให้เขากกกอดแม้จะเป็นครั้งแรกของอีกฝ่าย ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้... คนเราจะยอมหลับนอนกับผู้ชายธรรมดาๆ ที่ใช้เงินซื้อมาได้ง่ายๆ เลยอย่างนั้นเหรอ

แล้วตัวเขาล่ะ? ทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับผู้ชายด้วยกันได้ แต่กับเจ้านาย... เขาเป็นคนเริ่มแล้วก็เป็นคนรุกเข้าไปหาอีกฝ่ายเองเลยซะด้วย เขาทำลงไปโดยไม่ได้นึกถึงเรื่อง งาน หรือ หน้าที่ เลยด้วยซ้ำ หากเพราะ...


ห้ามนำอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับการทำงาน


สัญญาที่เลขาหนุ่มเคยกล่าวถึงไว้แล่นแวบเข้ามาในความคิด เร็นหัวใจร่วงวูบ “ชิปหายแล้ว!” เขายกมือขึ้นกุมอกทางด้านซ้าย ถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเดินกลับห้องนอนของตัวเองไป

..

.....

..

ค่ำคืนที่เด็กหนุ่มเฝ้ารอคอยเวียนมาถึงอีกครั้ง คืนนี้เจ้านายมาตรงเวลาพอดี เขายิ้มกว้างเมื่อบานประตูห้องเปิดออก “สวัสดีครับ เจ้านาย”

“อื้ม สวัสดี”

เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูสดใส ทำให้เร็นคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเจ้านายเองก็ยินดีกับการมาพบเขาเช่นกัน เขาลุกขึ้นไปต้อนรับชายหนุ่มอย่างเคย ทว่าพอสัมผัสกับเสื้อผ้าของอีกฝ่าย กลับกลายเป็นเสื้อไหมพรมนุ่มมือแทนที่จะเป็นสูทเหมือนทุกครั้ง เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยนึกสงสัย “เอ๋... วันนี้ไม่ได้ใส่สูทเหรอครับ”

ร่างผอมบางก้าวไปนั่งลงบนโซฟา “อืม ช่วงบ่ายผมลางานกลับไปนอนพักที่บ้านน่ะ”

เร็นเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เขาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มแล้วค้อมตัวลง พร้อมกับใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากอีกฝ่าย “ตัวอุ่นๆ แบบนี้ คุณ... ไม่สบายรึเปล่าครับ”

“ผมกินยามาแล้วล่ะ”

“เจ้านาย...” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย

“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะ แค่มีไข้นิดหน่อย”

เร็นคุกเข่าลง แล้ววางมือบนหลังมือขาว “...ผมขอโทษ”

“...ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย” ผู้เป็นนายหัวเราะ “แต่ว่า... เร็น ผมอยากไปเดินชายหาด เบื่อที่จะอุดอู้อยู่แต่ในห้องแล้วล่ะ”

“มีไข้ แล้วจะออกไปตากลมกลางคืน จะดีเหรอครับ”

“วันนี้อากาศอุ่นๆ ลมก็ไม่ได้เย็นอะไรนักนี่” ผู้เป็นนายเถียง

“...ถ้าคุณต้องการ จะเอางั้นก็ได้ครับ” เร็นลุกขึ้น อุ้มเจ้านายขึ้นแนบกายโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว ส่งผลให้แขนเรียวเกี่ยวไหล่หนาไว้ทันที

“อ๊ะ! เร็น!”

“แต่ต้องให้ผมอุ้มไปนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “อะ... ไม่ได้สิ งั้นคุณต้องขี่หลังผมไปนะครับ เดี๋ยวออกจากบ้านแล้วค่อยเปลี่ยนไปขี่หลังแทนละกัน”

“จะแบกไหวรึไง”

“เจ้านายตัวเบาจะตายไปครับ แค่นี้สบายมาก แต่ขออย่าปิดตาผมก็แล้วกัน”

“...ไม่ปิดก็ได้ แต่ห้ามแอบมองหน้ากันนะ”

“สัญญาด้วยเกียรติของอดีตเอซของทีมเบสบอลไฮสคูลเลยครับ”

พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนอะไร เร็นจึงก้าวฉับๆ ออกจากห้อง ตรงไปยังชั้นหนึ่งของบ้าน เขาวางชายหนุ่มลงอย่างระมัดระวังเมื่อเดินไปถึงประตูทางออกสู่สวนทางด้านหลัง แล้วย่อตัวลงตรงหน้า “ขึ้นมาเลยครับ”

“ห้ามปล่อยหล่นระหว่างทางเด็ดขาดเลยนะ”

“ผมแข็งแรงกว่าที่เจ้านายคิดเยอะน่า” เร็นหัวเราะ

คืนนี้มีดวงจันทร์เสี้ยวเล็กประดับท้องฟ้าแห่งยามรัตติกาล มีเมฆหมอกที่ลอยอยู่ประปรายบดบังดวงดาวไปเสียเกือบหมด สายลมอุ่นพัดเอื่อย พาให้คลื่นม้วนเป็นเกลียวเล็กๆ แล้วสาดขึ้นสู่ฝั่ง

เด็กหนุ่มพาเจ้านายไปจนถึงชายหาด เขาหยุดยืนอยู่บนพื้นทรายละเอียดนุ่มเท้า ก้มลงมองท่อนแขนที่โอบกอดตนเองไว้แล้วอมยิ้ม

“ชายหาดที่นี่สวยมากเลยนะครับ... ทรายขาวละเอียดสุดๆ ไปเลย”

“อืม... ที่นี่เป็นที่ที่ผมชอบมาก เมื่อก่อนก็มักจะมาทุกๆ วันหยุด”

“เจ้านายชอบชายหาดกับทะเลเหรอครับ”

“...อื้ม...”

“เจ้านายรู้มั้ยครับ ที่จริงผมเป็นลูกครึ่งกรีซ... ผมเคยได้ไปที่นั่นกับแม่ครั้งนึง แล้วก็ไปเที่ยวเกาะครีต แม่พาผมไปเพราะอยากให้ผมเห็นที่ที่แม่ได้พบกับพ่อของผม... บนเกาะนั่นชายหาดสวยมากๆ เลยล่ะครับ แต่คุณอาจจะเคยไปแล้ว”

“ครีตยังไม่เคยไป... ยังไม่เคยไปกรีซน่ะ”

“งั้นเหรอครับ... แย่จัง” เร็นเบือนหน้าไปทางด้านหลังเล็กน้อย “...ถ้าหากมีโอกาส... ผมก็อยากจะพาเจ้านายไปที่นั่นสักครั้ง”

“.....”

เด็กหนุ่มไม่อาจเดาได้ว่าเจ้านายรู้สึกเช่นไรกับคำพูดของเขา เนื่องจากอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้างุด “ผมพูดจริงๆ น้า... ฮะๆ” เขาหัวเราะอย่างเขินๆ “...ผมก็พูดไป... คงจะมีปัญญาหรอก” หากชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ รอยยิ้มของเร็นจึงเลือนหายไปทีละน้อย เขานี่... พูดอะไรไม่คิดเอาเสียเลย คงจะมีวันนั้นหรอก เพราะเมื่อใดที่หมดสัญญา... ความสัมพันธ์เขากับเจ้านายก็จบสิ้นกัน

...เจ็บในอกอีกแล้ว

เร็นผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงสาวเท้าตัดชายหาดลงไปยังน้ำทะเล

“เร็น! ทำอะไร!”

“พาเจ้านายมาเล่นน้ำไงครับ”

“ไม่เอานะ! เร็น!” ชายหนุ่มโวยวาย

“ไม่ทันแล้วครับ” ร่างสูงก้าวลึกลงไปเรื่อยๆ จนเท้าของเจ้านายสัมผัสกับน้ำ

แขนเรียวกอดลำคอใหญ่ไว้แน่น เขาร้องเสียงลั่น “เร็น!”

“ฮะๆ” เร็นหัวเราะ “ตกใจเลยใช่มั้ยครับ คิดว่าผมจะพาคนป่วยลงมาเล่นน้ำตอนกลางคืนงั้นเหรอ”

มือขาวทุบลงไปบนไหล่หนาอย่างไม่เบาแรงนัก “เล่นอะไรก็ไม่รู้!”

“...เห็นเจ้านายเงียบไป ผมนึกว่าคุณจะหลับไปซะแล้ว”

“เปล่าซะหน่อย”

“แต่ผมเริ่มเมื่อยแล้วล่ะ” ท่อนแขนแกร่งแสร้งทำเป็นสั่นเล็กน้อย คล้ายจะปล่อยอีกฝ่ายลงเพราะทานน้ำหนักไม่ไหว

“เร็น! ไม่เอานะ!” ชายหนุ่มส่งเสียงโวยวาย

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่นหรอกน่า” ร่างสูงหัวเราะ เขารีบรุดกลับขึ้นไปบนฝั่ง “ให้ผมเดินต่อไปอีกสักหน่อยมั้ยครับ”

“...เรานั่งเล่นบนหาดนี่กันสักพักดีกว่า”

“กลัวผมเมื่อยเหรอ”

เจ้านายไม่ตอบ แต่ทุบไหล่หนาเป็นเชิงบอกให้ปล่อยตนเองลง พอขาแตะลงบนพื้นทรายได้ก็ทรุดตัวลงนั่ง

เร็นชำเลืองมองดูอีกฝ่าย เขาทำตัวไม่ถูก จะนั่งลงข้างๆ กันก็เกรงว่าจะทำให้เจ้านายรู้สึกไม่ดีที่อาจจะเห็นหน้ากันได้ แม้จะมืดมากจนมองเห็นเพียงแค่เงารางๆ ก็ตามที หลังจากยืนอยู่สักพัก เขาตัดสินใจย่อตัวลงนั่งโดยหันหลังประกบกันกับชายหนุ่ม “พระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ แบบนี้ก็สวยดีนะครับ เสียดายที่เมฆเยอะไปหน่อย แต่ถ้าเต็มดวงเมื่อไหร่คงสวยกว่านี้มาก”

ชายหนุ่มเอนตัวพิงแผ่นหลังกว้าง “อืม”

“เจ้านาย”

“หืม...”

“ผมว่าผมต้องอ้วนขึ้นแน่ๆ เลย ขนาดว่าผมออกกำลังเยอะแล้วนะ แต่คุณแม่บ้านทำอาหารอร่อยเกิน” เด็กหนุ่มชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย “ผมไม่ได้กินอาหารดีๆ แบบนี้มานาน ก็เลยกินแบบยัดทะนานทุกวันเลย...”

“ถ้าแม่บ้านได้ยินคงดีใจ คุณจะได้กินอาหารอร่อยๆ เยอะมากขึ้นอีก”

“โอย ไม่ไหวแล้วครับ ผมว่ากางเกงผมเริ่มจะคับๆ แล้วล่ะ” เร็นหัวเราะแหะแหะ มือหยาบยกขึ้นลูบท้ายทอย “จริงๆ แล้ว ผมก็ทำอาหารเป็นเหมือนกันนะครับ อาจจะไม่อร่อยเหมือนคุณแม่บ้าน รสชาติเรียกว่าแค่พอถูไถ กินพอให้อิ่มได้คงดีกว่า... ผมทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านโซบะน่ะครับ เวลาใกล้เลิกงาน ลุงเจ้าของร้านจะทำอาหารค่ำเลี้ยงพวกเรา บางทีผมก็เป็นลูกมือให้กับลุงด้วย... ทุกคนที่ร้านน่ะ ใจดีมากเลยล่ะครับ”

เด็กหนุ่มทอดสายตามองไกลออกไป เขารู้สึกถึงความอบอุ่นบนแผ่นหลัง ซึ่งเจ้านายคงจะเอนตัวพิงเขาไว้ ใจนึกอยากจะหันไปโอบกอดอีกฝ่ายไว้แนบกาย หากในเวลานี้ทำได้เพียงแค่อดทน “วันนี้... ผมดีใจมากนะครับที่เจ้านายอุตส่าห์มาหาผม... ทั้งๆ ที่คุณไม่ค่อยสบาย” มือหยาบทั้งสองข้างวางประสานกันไว้หลวมๆ “...ที่จริง คุณจะมาตอนท้องฟ้ายังสว่างก็ยังได้ ผมสัญญาว่าจะปิดตาไว้ตลอดเลย... เอ้อ... แต่ผมไม่รู้ว่าคุณทำงานถึงกี่โมง”

ผู้เป็นนายนิ่งเงียบไป เร็นไม่รู้ว่าเขาพูดมากไปรึเปล่าจึงปิดปากลงสนิท ทว่าเวลาผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มก็ยังคงเงียบกริบแล้วไม่ขยับเขยื้อนเสียด้วย ร่างสูงจึงหันไปมองอย่างสงสัย เขาเห็นศีรษะของเจ้านายซบซุกอยู่บนแผ่นหลังตน “เจ้านายครับ... เจ้านาย... หลับซะแล้วเหรอครับ”

“อ่า... หลับแล้วแน่เลย” เร็นผ่อนลมหายใจออกยาว ก่อนจะสังเกตเห็นว่าพื้นทรายสว่างขึ้น พอหันไปทางด้านหลังอีกครั้ง ก็พบว่าเขาสามารถมองเห็นเส้นผมสีทองของเจ้านายได้เสียด้วย

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เสี้ยวที่โผล่พ้นออกมาจากก้อนเมฆ แวบหนึ่งเขาคิดจะหันกลับไปจ้องมองใบหน้าของเจ้านาย ถ้ามีแสงสลัวอย่างในตอนนี้ เขาคงจะพอมองเห็นใบหน้าเจ้านายได้แน่ๆ เร็นหันรีหันขวางอย่างลังเล

“อือ...” ร่างผอมบางขดตัวลงสั่นน้อยๆ

“เจ้านาย...” เร็นคิดว่าอีกฝ่ายคงจะหนาว เจ้านายมาหาเขาทั้งที่ไม่สบาย แล้วเขายังคิดจะขี้โกงสัญญากับเจ้านายอีก โอกาสที่พอมีแสงเบาบางเช่นนี้ ช่วยให้เขามองเห็นทางได้สะดวกขึ้น ดังนั้นเขาควรรีบพาเจ้านายกลับเข้าไปในบ้านให้เร็วที่สุดก่อนที่เมฆครึ้มนั่นจะเคลื่อนมาบดบังไปอีก

ร่างสูงค่อยๆ ถอดเสื้อสเวตเตอร์ที่สวมอยู่ออกแล้วคลุมใบหน้าของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นจึงหันกลับไปอุ้มชายหนุ่มขึ้นมาแนบกาย เขาจูบศีรษะเล็กที่มีเสื้อคลุมอยู่พร้อมกระซิบบอก “ดูสิ ไม่สบายขนาดนี้แท้ๆ เรากลับไปข้างในบ้านกันดีกว่านะครับ” แล้วอุ้มพาร่างผอมบางกลับไปยังบ้านพัก

เมื่อวางเจ้านายลงบนเตียงนอนเรียบร้อยแล้ว เร็นก็ปลีกตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบๆ ในห้องของตน สักพักจึงกลับเข้ามาภายในห้องเจ้านายอีกครั้ง เขาขยับขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาได้ แล้วเอามือสัมผัสหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ “อืม... ตัวอุ่นๆ แต่ก็ไม่ได้ร้อนอะไร...” เด็กหนุ่มจัดการนำผ้าหมาดมาช่วยเช็ดตัวให้อย่างเบามือ เสร็จแล้วก็ตรวจเช็กอุณหภูมิอีกครั้ง ทำซ้ำไปซ้ำมาจนมั่นใจว่าพิษไข้ลดลง

เร็นโน้มตัวลงต่ำ เขาจรดปลายจมูกลงบนแก้มนิ่ม ลากไล้ลงไปตามลำคอ พร้อมกับโอบกอดชายหนุ่มไว้หลวมๆ “ฝันดีนะครับ เจ้านายของผม”


TBC~*


ตอนนี้น่ารักกุ๊กกิ๊กดีมั้ยค้าาา มืดๆ ก็จีบกันได้นะเออ ฮี่ๆๆๆ

แต่ว่าน้องเร็นของฮัสกี้ ดูท่าจะตกหลุมรักแบบปีนขึ้นมาไม่ไหวซะแล้วสิ เอาใจเจ้านายไว้เยอะๆ นะคะหนู  :hao7:

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ เอ็นดูน้องเร็นกับเจ้านายกันสักนิดน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-03-2015 08:18:03
เจ้านาย~ หายป่วยไวๆน้าา.เดี๋ยวเร็นจะขาดใจไปเสียก่อน.น่าเอ็นดูทั้งสองคนเลย.อรั๊ยย~ :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 06-03-2015 08:26:12
หลงกันทั้งคู่ เร็นรักษาสัญญาดีอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 06-03-2015 08:27:22
ทนให้เห็นหน้ากันเร็วๆไม่ไหวแล้วว เร็นตกหลุมรักเจ้านายเต็มเปาแล้วนะเนี่ย
แต่เจ้านายอาจจะรักเร็นมากกว่าซะอีกนะ อิอิ
มาต่อไวๆนะคะ ขอยาวๆๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 06-03-2015 08:31:27
แค่คิดถึงตอนที่หมดสัญญาชั้นก็เศร้าแล้วค่า  อยู่ต่อเลยได้ไหมมมมม  หนูเร็นคงอยากอยู่ตลอดไป  เจ้านายก็คงอยากให้อยู่ตลอดไป แต่ละคนคงคิดว่าอีกฝ่ายไม่อยากอยู่  เฮ้อออออ  ช่วงนี้หวานแหววไปก่อนละกัน อย่าเพิ่งคิดมาก *บอกตัวเอง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 06-03-2015 08:56:22
หวานตลอด~~~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 06-03-2015 09:01:12
หวานจิงๆค่ะตอนนี้ สงสัยตอนหมดสัญญาคงดราม่ากันน่าดู
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ขอหวานๆอย่างนี้เยอะๆนะคะ
ชอบมากค่ะ ทั้งเรนทั้งเจ้านายเลย


+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 06-03-2015 10:31:42
น่ารักอ่ะ  :-[ ต่างคนต่างตกหลุมรักกัน ไม่อยากให้วันครบกำหนดมาถึงเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 06-03-2015 10:40:03
เอ็นดูเหรอ ไม่ต้องห่วงเลยเพราะเราโคตรเอ็นดูทั้งสองคนตั้งแต่ต้นเรื้องเลยล่ะ ชอบสองคนนี้มากกกกมายยยยยยย นั่งรอว่าเมื่อไรจะอัพเรื่องนี้ซ๊ากกกที 555555

ตอนนี้อ่อนโยนสมกับที่คุณฮัสกี้ชอบแต่งมากเลย หวานฝุดๆ ^___^ ถูกใจมากค่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-03-2015 11:04:18
ดูแลขนาดนี้  เจ้านายก็หลงเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 06-03-2015 11:42:28
เร็นน่ารักจริงๆ ขนาดเจ้านายไม่รู้สึกตัวยังไม่แอบมองหน้าเจ้านายอีก คนดีของป้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 06-03-2015 13:51:25
อยากเห็นหน้าเจ้านายของเร็นจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-03-2015 14:35:58
หลงกันเข้าไป~~~~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 06-03-2015 14:56:49
เหมือนแฟนกันเข้าไปทุกทีแล้วนะ ~~~~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 06-03-2015 21:45:56
 :o8: เจ้านายน่ารัก สมแล้วที่เร็นจะรู้สึก รัก อยากให้จีบกันแบบสว่างสักที
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 07-03-2015 19:20:51
ต่างก็เป็นคนแรกของกันและกัน..(ไม่นับช่วงที่เร็นฟันชะนีนะ)
อยากรู้..ทำมัยไม่ยอมให้เห็นหน้า...
อยากรู้..ทำมัยสนใจเร็น..
อยากรู้..ทำมัยเจ้านายถึงได้เศร้านัก..
อยากรู้..ว่าเหมือนหมดสัญญาแล้วจะยังได้เจอกันแบบนี้อีกมั๊ย..
อยากรู้..อยากรู้..อยากรู้  :z3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 07-03-2015 21:26:48
ตอนนี้ไม่ได้เสียเลือด เพราะเจ้านายหลับก่อน  555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 08-03-2015 18:05:28
น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ มุ้งมิ้งจนคนอ่านอิจฉาเลย
 :o8:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 09-03-2015 19:12:25
น่ารักดี~ ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 09-03-2015 22:39:26
จับเร็นเซ็นสัญญาตลอดชีวิตได้มั้ยเนี้ย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 10-03-2015 09:26:12
เพิ่งเข้ามาอ่านก็ตกหลุมรักน้องเร็นแล้ว  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-03-2015 10:16:21
ป่านนี้แล้วให้เห็นหน้ากันทีเถอะ
คุณเจ้านายทุ่มสุดตัวจริง ๆ คงรักเร็นมาก
ส่วนเร็นรักหรือหลง อีกไม่นานคงได้คำตอบ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 10-03-2015 22:19:09
มันหวานแบบหน่วงๆอ่ะ  ติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 12-03-2015 14:56:45
หนูเร็นตกหลุมขนาดนี้ท่าจะปืนขึ้นมาไม่ได้ ทั้งรักทั้งหลงแล้ววว
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ เร็นพูดจ้ออยู่คนเดียวเชย เจ้านายคอยฟังอย่างเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 13-03-2015 03:34:29
น้องเร็นน่ารักมากจริงๆ รักษาสัญญาด้วย ขอให้เจ้านายรักหลงน้องเร็นยิ่งๆขึ้นไป เผื่อจะได้ต่อสัญญาอีก  :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 13-03-2015 19:14:55
ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างเร็น
กับเจ้านาย ดูเหมือนต่างคนต่างรักกันเลย
แต่ติดที่สัญญานี้สิ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 16-03-2015 11:12:01
อยากเจอเจ้านายแว้ววว :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 18-03-2015 02:21:12
คิดถึงจังเลย เมื่อไหร่เร็นจะมาน้อ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 8: ทาสผู้ซื่อสัตย์][P.6][060315]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-03-2015 10:28:45


Chapter 9


“ครับ ขอบคุณครับ คุณเลขา”

เด็กหนุ่มกดวางสายพร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนให้กับแม่บ้าน “ขอบคุณครับ”

“มีข่าวดีเหรอคะ คุณคิมุระถึงยิ้มได้แบบนี้”

เร็นยิ้มกว้าง “ครับ คุณเลขาโทรมาบอกว่าคุณแม่ของผมที่เพิ่งผ่าตัดไป อาการดีขึ้นมากเลยล่ะครับ”

“ดีใจด้วยนะคะ” แม่บ้านยิ้มตาม “...ว่าแต่... แหม คุณคิมุระนี่เป็นคนที่ยิ้มสวย... ยิ้มแล้วมีเสน่ห์มากๆ เลยค่ะ”

“อ้าว คุณแม่บ้าน! จู่ๆ มาชมกันแบบนี้ ผมเขินนะครับ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “จริงสิ... ของที่ผมฝากซื้อไปเมื่อเช้า...”

“ให้ตาลุงไปซื้อเรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักคงจะมาถึง”

“ขอบคุณครับ”

แม่บ้านผงกศีรษะรับ ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป แล้วกลับออกมาจัดวางอาหารมื้อเย็นลงบนโต๊ะให้กับร่างสูง

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หืม วันนี้จัดโต๊ะเร็วจังครับ”

“วันนี้คุณท่านจะมาเร็ว ประมาณทุ่มนึงค่ะ ท่านฝากมาบอกว่าให้ดิฉันพาคุณคิมุระไปรอที่ศาลาในสวนนะคะ”

“เจ้านายจะมาเร็วเหรอครับ” ดวงตาสีเข้มเบิกกว้าง

แม่บ้านถอยออกไปยืนรออยู่ห่างๆ เธอหัวเราะเบาๆ “ดิฉันดีใจที่คุณคิมุระปรับตัวเข้ากับคุณท่านได้ ปกติก็ไม่เห็นท่านจะเปิดใจให้กับใครเท่าไหร่นัก”

“งั้นเหรอครับ” พอได้ยินแบบนั้นหัวใจของเด็กหนุ่มก็เต้นรัว เขานึกลำพองในใจว่าตนเองเป็นคนพิเศษสุดๆ ของเจ้านาย

...แต่ว่า

“...คุณจะมาตอนท้องฟ้ายังสว่างก็ยังได้ ผมสัญญาว่าจะปิดตาไว้ตลอดเลย...”

คำพูดที่เขาบอกกับเจ้านายเมื่อวานบนชายหาดแล่นแวบเข้ามาในความคิด เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือว่าเจ้านายได้ยินกันนะ... ถ้าเป็นอย่างหลัง เจ้านายอาจจะแกล้งหลับเพื่อทดลองใจเขาก็เป็นได้

“คุณคิมุระทานเถอะค่ะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกดิฉันได้ค่ะ” แม่บ้านเหลือบมองเด็กหนุ่มจัดการกับอาหารของเขาไปอย่างเอ็นดู


เมื่อใกล้เวลานัดหมายในตอนพลบค่ำซึ่งยังคงมองเห็นได้ด้วยแสงสลัว ท้องฟ้าเป็นสีหม่นและตรงปลายฟ้าฉาบไว้ด้วยแสงสีส้มทองของดวงอาทิตย์ สายลมเย็นสบายพัดเอื่อย แม่บ้านกับเร็นจึงพากันเดินไปยังศาลากลางสวน ซึ่งตรงกลางมีโต๊ะตัวโต มีม้านั่งสองตัวตั้งตรงข้ามกัน และมีชั้นวางเครื่องดื่มแบบมีล้อเลื่อนวางอยู่ชิดกับโต๊ะ บนชั้นนั้นมีเครื่องดื่มและขนมจัดวางไว้พร้อมสรรพ

สิ่งแรกที่นัยน์ตาคมกริบมองเห็นคือช่อดอกกุหลาบสีแดงขนาดเล็กที่เขาขอให้แม่บ้านช่วยจัดการซื้อมาให้ เขาอยากจะทำอะไรให้เจ้านายประทับใจ แม้จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็ตามที

“ยังพอมีแสงสว่างอยู่แบบนี้ ดิฉันขอปิดตาคุณคิมุระไว้สักหน่อยนะคะ”

“โอเคครับ” เด็กหนุ่มถอดเสื้อแจ็กเกตออกพาดที่วางแขน แล้วนั่งนิ่งให้แม่บ้านช่วยใส่ผ้าปิดตาให้

“ดิฉันจัดเครื่องดื่มกับขนมไว้ให้ เผื่อว่าคุณคิมุระกับคุณท่านจะหิว แต่อีกสักเดี๋ยวก็จะถึงเวลาปิดไฟละค่ะ พบกันพรุ่งนี้เช้านะคะ”

“ขอบคุณมากคร้าบ” เร็นเอนหลังพิงพนักม้านั่ง เวลาของการรอคอยช่างผ่านไปช้าเสียเหลือเกิน เขาอยากพบเจ้านายจะแย่อยู่แล้ว

เสียงฝีเท้าที่เดินผ่านสนามหญ้าตรงเข้ามายังศาลาเรียกให้เด็กหนุ่มหันมองไปยังต้นเสียง เขาไม่รู้หรอกว่าใช่เจ้านายรึเปล่า จึงได้แต่รอจนกว่าอีกฝ่ายจะส่งเสียงมา

เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ “เร็น”

ร่างสูงยิ้มกว้าง พร้อมลุกขึ้นพรวด “เจ้านาย สวัสดีครับ” เขาเอื้อมมือออกไปควานหาเจ้านาย พอเจอตัวก็ถือวิสาสะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด “เจ้านาย”

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส “คิดถึงผมมากเลยรึไง”

“ครับ คิดถึงมากเลย” เร็นหันกลับไปทางด้านหลังเพื่อเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดขึ้นมาส่งให้กับเจ้านาย “...ให้เจ้านายครับ”

“...นึกยังไงเนี่ย”

“อ่าว ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะครับ ไม่ชอบเหรอ”

ผู้เป็นนายนิ่งไปแวบหนึ่ง “...ก็ชอบ”

...ฟังน้ำเสียงแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลยแฮะ เร็นทำหน้าสลดเมื่อไม่ได้ผลอย่างที่ใจหวัง “เจ้านายยิ้มอยู่รึเปล่าครับ”

“ยิ้ม”

“อย่าหลอกผมนะ”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับมือเร็นขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากของตน “เชื่อรึยัง”

ปลายนิ้วหยาบลูบไล้กลีบปากนุ่มนิ่ม เขายิ้มกว้าง “เชื่อแล้วครับ” เมื่อรู้ตำแหน่งของริมฝีปากแสนหวานนั้นแล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปแต้มจูบ พร้อมกับเคลื่อนมือไปประกบท้ายทอยไว้ไม่ให้ชายหนุ่มถอยหนีไปได้ ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา เมื่อเด็กหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปหาลิ้นเล็ก สองลิ้นก็กอดเกี่ยวกันอย่างรู้งาน

ร่างผอมบางผละออกเล็กน้อย “เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย... แต่ก็ขอบใจนะ สำหรับดอกกุหลาบนี่”

ฝ่ามือหยาบที่ลูบเคล้นหัวไหล่เล็กอยู่สักพักเลื่อนลงมาช้าๆ เขาต้องการจะกุมมือนุ่มข้างที่ว่าง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถืออะไรสักอย่างอยู่ในมือ “อื๋อ? อะไรอะครับ เจ้านายถือกระเป๋าใส่ปืนมายิงผมเหรอ”

“จะยิงไปทำไม จะเอาคุณไปเลี้ยงฉลาม แถวนี้ก็ไม่มีซะด้วย” ชายหนุ่มพูดขณะที่วางช่อดอกไม้และกระเป๋านั้นลงบนโต๊ะ แล้วเปิดกระเป๋าออก จากนั้นจึงหันไปผลักเบาๆ ให้เด็กหนุ่มนั่งลง ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย

“ว่าแต่เอาดอกไม้มาจากไหนกันน่ะ”

“ฝากคุณแม่บ้านซื้อมาครับ... ผมเป็นคนเลือกดอกไม้เองเลยด้วยนะครับ!”

“กุหลาบสีแดงนี่น่ะเหรอ” ร่างผอมบางถาม แล้วนิ่งไปชั่วครู่ “...ทำไมถึงเลือกกุหลาบสีแดงล่ะ”

มือหยาบยกขึ้นเกาปลายจมูก “ผมเดาเอาว่าเจ้านายคงจะเหมาะกับสีแดง...” ...ที่จริงนั้น เขาเลือกกุหลาบแดงเพราะเป็นดอกไม้ที่บรรดาแฟนเก่าชอบร้องให้เขาซื้อให้ ดังนั้นก็น่าจะเป็นดอกไม้ชนิดพื้นฐานที่ทำให้คนรับดีใจ

“งั้นเหรอ”

...เสียงเจ้านายฟังดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย เร็นขมวดคิ้ว... เขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่าเนี่ย?

“ช่างเถอะ” ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบา ก่อนจะหันไปหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋าที่เปิดค้างไว้ เสียงของไม้กระทบกันคละเคล้ากับเสียงของสายเส้นเอ็นที่ขึงไว้ตึงดังแว่ว เขานั่งลงเคียงข้างร่างสูง แล้วลงมือหมุนแกนขึงเอ็นเพื่อปรับเสียง

เร็นเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ “อะไรน่ะครับ กีต้าร์เหรอ”

“ไวโอลิน”

“โอ้โห! เจ้านายเล่นไวโอลินด้วย! สุดยอด!”

มือขาวจับตรงคอไวโอลินยกขึ้น วางบนหัวไหล่แล้วใช้คางหนีบไว้ จากนั้นจึงลองเล่นเพลงสั้นๆ ดู เสียงของการเสียดสีกังวานใส จังหวะของเพลงเนิบนาบวนซ้ำกันเป็นระยะ

“ว้าว! เพราะดีจังครับ เพลงอะไรเหรอครับ... เอ้อ... คือปกติผมไม่ค่อยได้ฟังเพลง”

“เพลงคลาสสิกน่ะ Canon in D ผมชอบเพลงนี้ ฟังแล้วรู้สึกสบายใจดี”

“ผมไม่เคยได้ยินเสียงไวโอลินสดๆ เลย ยิ่งพวกเพลงคลาสสิก ยิ่งไม่เคยเข้าไปใหญ่” เร็นโน้มใบหน้าไปทางที่ชายหนุ่มนั่งอย่างสนใจ “เจ้านายเก่งจังครับ หัดสีมานานรึยังครับเนี่ย”

“...ตั้งแต่สมัยเด็กน่ะ แต่ผมเลิกเล่นไปสักเกือบสิบปีได้แล้ว”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “เกือบสิบปีเลยเหรอครับ... ถ้างั้น ทำไมจู่ๆ...”

“เอ่อ... ก็...” ร่างผอมบางเบือนหน้าหลบไปอีกทาง “...ก็ไม่ได้เล่นนานแล้ว แต่นึกอยากเล่นขึ้นมา”

มือหยาบเอื้อมออกไปหาชายหนุ่ม เขาแตะลงบนตัก ค่อยๆ ขยับหาท่อนแขน เรื่อยไปจนถึงมือที่จับไม้สีไวโอลินอยู่ “...เพราะเจ้านายอยากเล่นให้ผมฟังใช่มั้ยครับ...” เร็นดึงไม้สีไวโอนลินในมือขาวออกช้าๆ แล้วจับมือนั้นไปวางทาบลงบนแผ่นอกด้านซ้ายของตน เพื่อให้อีกฝ่ายได้รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวแรง “...เจ้านายรู้สึกมั้ยครับ... ช่วยยืนยันกับผมที ว่าผมเข้าใจถูกต้องแล้ว”

ผู้เป็นนายดึงมือกลับ พร้อมกับคว้าไม้สีไวโอลินกลับคืนมาด้วย จากนั้นจึงหันไปทดลองเสียงของเครื่องดนตรีในมือ เขาเริ่มบรรเลงเพลงบทที่สอง ซึ่งเล่นไปได้เพียงแค่ครึ่งเพลงเท่านั้นแล้วก็หยุดลงกลางคัน

เร็นยิ้มบาง เขารู้ว่าเจ้านายคงไม่ยอมรับง่ายๆ หรอก เด็กหนุ่มจึงเงียบฟังเสียงเพลงจากเจ้านายต่อ หากบทเพลงนี้ เสียงของไวโอลินแหลมสูงราวกับเสียงของใครบางคนกำลังร่ำไห้ กรีดร้องโหยหวน ฟังแล้วรู้สึกหดหู่พิกล เมื่ออีกฝ่ายหยุดลงกลางคันแล้วถอนหายใจหนักๆ เขาจึงเงยหน้าขึ้น “เจ้านาย?”

“...เพลงแต่ละเพลงเล่าถึงเรื่องราวจากใจของผู้ประพันธ์ เพราะงั้นเมื่อฟังแล้วจึงให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป... อย่างเพลง Canon ที่เล่นไปเพลงแรก เป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกเพลินๆ อารมณ์ดีใช่มั้ยล่ะ เพลงนี้เลยนิยมใช้ในงานเฉลิมฉลองหรืองานแต่งงาน” ชายหนุ่มหยุดสักพักก่อนพูดต่อ “ส่วนเพลงเมื่อกี้... เป็นเพลงที่ฟังดูเศร้า เพลงชื่อ Chaconne คนที่แต่งเพลงนี้ เขาแต่งให้กับภรรยาที่ตายไปในตอนที่เขาไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ”

ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก “ครับ น่าสนใจดีนะครับ... ผมเองตอนที่ฟังเสียงเพลงของเจ้านาย ก็รู้สึกแบบเดียวกันเลย ผมดีใจที่คุณเล่าให้ฟัง” ...เขาไม่ค่อยได้ยินเจ้านายพูดประโยคยาวๆ สักเท่าไหร่ เจ้านายพูดน้อยจนเขาแทบจะจำเสียงไม่ได้ หากพอได้ยินแบบนี้แล้ว จะว่าไป... เสียงของชายหนุ่มนั้นไพเราะมากเลยทีเดียว “...เล่าให้ผมฟังอีกได้มั้ยครับ... สีไวโอลินให้ผมฟังอีกนะ อะ หืม?” จู่ๆ ผ้าที่พันรอบดวงตาไว้ก็ถูกถอดออก  ดวงตาสีเข้มกะพริบปริบๆ อย่างงุนงง

“มืดแล้ว คืนนี้ท้องฟ้ามีแต่เมฆ... ไม่ต้องผูกผ้าปิดตาก็ได้”

เร็นยิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ ได้เห็นเงาของเจ้านายสีไวโอลินก็ยังดี”

“...อืม... ถ้าเป็นเพลงนี้ อาจจะเคยได้ยินเวลาดูโทรทัศน์บ้าง” ชายหนุ่มลุกขึ้นบรรเลงเพลงใหม่ คราวนี้เป็นเพลงของ Vivaldi ท่อนของฤดูใบไม้ผลิ เมื่อเล่นจบท่อนหนึ่งก็หันไปถาม “เคยได้ยินมั้ย”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “คุ้นๆ นะครับ เหมือนได้ยินในโฆษณา ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นเพลงคลาสสิก”

“เพลงนี้ชื่อ 4 Seasons มีสำหรับสี่ฤดู ที่เล่นเมื่อกี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ”

“เจ้านายจำแม่นจัง คุณไม่ได้เล่นมาเป็นสิบปีแล้วจริงเหรอครับเนี่ย”

ร่างผอมบางชะงัก “.....”

อาการอึกอักของเจ้านายทำให้เร็นยิ่งนึกสงสัย “เจ้านาย...”

“...มันก็เหมือนขับรถหรือว่ายน้ำนั่นแหละ พอเล่นเป็นแล้วก็ไม่ลืมหรอก”

“งั้นเหรอครับ” เร็นยิ้มมุมปาก “...เจ้านายของผมเก่งจริงๆ แล้วก็ต้องความจำแม่นมากๆ เลยด้วย”

ผู้เป็นนายสะบัดหน้าพรืด “...พูดมากนัก อย่าฟังต่อเลย”

“โอ๊ะๆ ผมล้อเล่น!” ร่างสูงคว้าเอวบางเข้ามาสวมกอด “...เจ้านาย... ขอโทษนะครับ ผมดีใจมากไปหน่อย... ก็วันนี้คุณมาเร็ว แล้วยังเอาไวโอลินนี่มาสีให้ผมฟังอีก” ใบหน้าคมสันเงยขึ้นมองคนในอ้อมกอด ในเมื่ออีกฝ่ายนิ่งไม่ได้ขัดขืน ดังนั้นเขาน่าจะยังอ้อนต่อไปได้ จนกว่าจะได้ฟังคำตอบ “เจ้านาย... คุณตั้งใจจะมาสีไวโอลินนี่ให้ผมฟังใช่มั้ยครับ”

“ก็รู้อยู่แล้วนี่” ชายหนุ่มพึมพำ “...ผม... เมื่อสิบปีก่อนเคยชอบไวโอลินมาก แต่เพราะต้องเรียนหนักเลยต้องเลิกไป... ไวโอลินนี่ทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยที่ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีความกังวลใดๆ” ...ช่วงเวลาแห่งความสุขเมื่อครั้งยังเยาว์

เร็นเอื้อมมือไปสัมผัสไวโอลินในมือเจ้านาย ซึ่งผิวสัมผัสเป็นไม้เรียบลื่น “ถ้างั้น... ไวโอลินของเจ้านายคงจะพิเศษมาก”

“...แค่ไวโอลินธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไร... ไม่ใช่สตราดิวาริอุสหรอกน่า”

“สตราดิวาริอุส? คืออะไรครับ?”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “...ไวโอลินในฝันของนักไวโอลินหลายๆ คนละมั้ง”

“มันดีมากเลยเหรอครับ”

“ไม่รู้สิ... แต่มันเป็นยี่ห้อเก่าแก่หายาก แล้วในโลกนี้ก็มีอยู่ไม่เยอะซะด้วย”

“โอ้โห ถ้างั้นคงแพงน่าดู”

“...ไวโอลินของผม เป็นของขวัญจากคุณตา มันก็แค่ไวโอลินธรรมดาๆ เท่านั้นเอง...”

มือหยาบลูบผ่านผิวของไม้ที่เย็นเยือกไปวางประกบบนหลังมือขาว “เป็นไวโอลินที่วิเศษมากต่างหากล่ะครับ... เพราะมันทำให้เจ้านายมีความสุข” เขายิ้มกว้าง “ผมชักจะอิจฉาไวโอลินนี่ซะแล้วสิ” 

ผู้เป็นนายดึงมือออกแล้วทุบลงไปบนไหล่หนาอย่างไม่เบาแรงนัก “...ช่างพูดซะจริง”

เร็นเอื้อมมือขึ้นไปแตะริมฝีปากนุ่ม เพื่อสัมผัสดูว่าเจ้านายของเขากำลังยิ้มอยู่หรือไม่ พร้อมกับจินตนาการภาพของใบหน้าเรียวเล็กนั้นไปด้วย เจ้านายคงจะน่ารักมากเลยทีเดียว เวลาที่ยิ้มแบบนี้

ผู้เป็นนายวางมือประกบมือหยาบแล้วจูบลงไปเบาๆ บนปลายนิ้วมือนั้น “...ไม่จำเป็นต้องอิจฉาอะไร... ไวโอลินนี่ ผมไม่คิดว่าจะเล่นให้ใครฟังอีกแล้ว”

หัวใจของเด็กหนุ่มพองโต วันนี้เจ้านาย... เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูจะแสดงความรู้สึกและเปิดใจให้กับเขามากขึ้น “เจ้านายกำลังจะบอกว่า เจ้านายสีไวโอลินนี่ให้ผมฟังคนเดียวเท่านั้นใช่มั้ยครับ”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ หากหยิบไวโอลินขึ้นวางพาดบนไหล่ มือที่ถือไม้สีตวัดขึ้น แล้วเริ่มต้นบรรเลงเพลงต่อไป เสียงเพลงใสแจ๋วกับจังหวะที่ฟังดูสดใส ดังกังวานไปทั่วทั้งบริเวณ

เร็นนั่งฟังอย่างตั้งใจ บทเพลงนี้... ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวแบบแปลกๆ ท่วงท่าในความมืดนั่น เขารู้สึกว่าเจ้านายกำลังมองมาที่ตนเอง... ราวกับจะบอกว่า... บทเพลงนี้มอบให้กับเขา

เมื่อเพลงจบลง เร็นจึงรีบถามขึ้น “เพลงอะไรน่ะครับ”

“Salut d'amour... เพลงนี้ ผมเล่นให้กับคุณโดยเฉพาะ”

“เล่นให้ผม? เจ้านายบอกว่าแต่ละเพลงมีความหมายของมัน... ถ้างั้นเพลงนี้ หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

“นั่นสิ”

“อ่าว...” เร็นขมวดคิ้ว “...แต่ว่า... ทำนองเพราะๆ แบบนี้ ยังไงก็น่าจะความหมายดีแน่ๆ”

ชายหนุ่มหัวเราะ เขานั่งลงแล้ววางไวโอลินลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักพิง เขาเงยหน้ามองขึ้นไปยังหลังคาของศาลาแล้วนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น

“เจ้านายเหนื่อยแล้วเหรอครับ”

“เปล่าหรอก นึกเพลงไม่ออกแล้วล่ะ... ผมไม่ได้ความจำดีอย่างที่คุณคิดหรอกนะ”

“เล่นได้ตั้งหลายเพลงแบบนี้ เรียกว่าดีมากแล้วล่ะครับ... ถ้างั้น ผมขอฟังเพลงสุดท้ายที่คุณเล่นอีกสักครั้งได้มั้ย”

“ชอบเหรอ”

“ชอบครับ ฟังแล้วหัวใจเต้นตึกตักเลย... เพลงที่เจ้านายเลือกให้ผม”

ชายหนุ่มหันไปทางที่เร็นนั่งอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับเข้าไปหา มือนุ่มยกขึ้นประกบแก้ม แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปแนบจูบเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา

เร็นยกมือข้างหนึ่งขึ้นวางบนท้ายทอยของศีรษะเล็ก มืออีกข้างโอบเอวบางเข้าหาตัว เขาเปิดปากรับลิ้นเล็กที่เข้ามาทักทาย ก่อนจะกระชับริมฝีปากหนักหน่วงขึ้นและส่งลิ้นเรียวไปกอดเกี่ยวโต้ตอบ เขาดูดกลืนปลายลิ้นเล็กที่หอมหวานพลางดุนดันกลับเข้าไปในโพรงปากนุ่ม

“อืม” ผู้เป็นนายครางอย่างพอใจ

ขณะที่ทั้งสองลิ้นยังเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ามือหยาบก็ดึงชายเสื้อเชิ้ตขึ้น แล้วค่อยๆ สอดเข้าไปสัมผัสผิวเนียน

ร่างผอมบางละริมฝีปากออก ซึ่งเรียวปากหยักนั้นก็เคลื่อนตามไปไม่ยอมห่าง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นแตะเรียวปากนั้นไว้ “เดี๋ยวก่อนสิ ไหนว่าอยากจะฟังเพลงอีกยังไงล่ะ”

“ก็อยากครับ แต่ก็อยากกอด อยากจูบเจ้านายด้วย”

“เอาไว้ทีหลังนะ ฟังเพลงก่อน... เพราะผมอยากให้คุณจำเพลงนี้ไว้ให้แม่นๆ” ชายหนุ่มกระซิบชิดเรียวปากบาง

“จะมีสอบมั้ยครับเนี่ย”

“ถ้าจำไม่ได้จะให้นอนที่ศาลานี่แหละ”

เด็กหนุ่มหัวเราะพร้อมรีบปล่อยมือจากอีกฝ่าย “งั้นเจ้านายเล่นหลายๆ รอบเลยนะครับ ผมจะตั้งใจฟัง”

ผู้เป็นนายลุกขึ้น หยิบไวโอลินแล้วเดินวนไปยืนพิงกับโต๊ะอีกฝั่ง เขายืนนิ่งคล้ายทำสมาธิ สักพักจึงยกไวโอลินขึ้นวางบนไหล่แล้วเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้ง

เร็นจ้องมองภาพเงาของเจ้านายในความมืด บทเพลงสั้นๆ แต่น่าประทับใจ ประกอบกับท่วงท่าการสีไวโอลินช่างสง่างาม ราวกับเจ้าชายจริงๆ เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อนึกถึงว่าเขาคิดเช่นเดียวกันกับแม่บ้าน ระหว่างที่ฟังบทเพลงไปด้วยนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบของออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตโดยระวังไม่ให้เกิดเสียง

เมื่อบทเพลงจบลง ชายหนุ่มก็เริ่มต้นบรรเลงเพลงเดียวกันนี้ใหม่อีกครั้ง และอีกครั้ง เขาก้าวไปยืนชิดกับขอบรั้วล้อมภายในศาลา นัยน์ตาปิดลงสนิท พาตัวเองดิ่งลึกลงไปในบทเพลงบรรเลงของตน จนไม่ทันได้สนใจเสียงฝ่าเท้าที่ก้าวเข้ามาจากทางด้านหลัง

เด็กหนุ่มฮัมเพลงคลอไปเบาๆ ขณะก้าวเข้าไปยืนแนบชิดแผ่นหลัง สองแขนยกขึ้นโอบเอวบาง จรดปลายจมูกโด่งลงบนลำคอขาวแล้วไล้ลงไปจนถึงซอกคอ เขากดส่วนร้อนรุ่มกลางร่างกับสะโพกเล็ก

ชายหนุ่มชะงัก “เร็น”

ร่างสูงฮัมเพลงต่อไปอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงเคลื่อนเรียวปากไปจูบใบหูนิ่ม “ผมจำได้แล้ว เก่งมั้ยครับ... ขอรางวัลให้คนเก่งหน่อยนะครับ”

“เดี๋ยวก่อนสิ”

“ผมรอไม่ไหวแล้วล่ะ ก็วันนี้เจ้านายน่ารักมาก” เร็นจับอีกฝ่ายให้หมุนตัวหันหน้าเข้าหากัน หยิบไวโอลินจากมือชายหนุ่มแล้ววางลงไปบนม้านั่ง เขากดส่วนที่ขยายตัวจนคับแน่นภายในกางเกงกับต้นขาของเจ้านาย “คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ผู้เป็นนายพูดเสียงเบา มือขาววางทาบแผ่นอกกว้างไว้เพื่อขืนตัวออก

มือหยาบเชยคางเรียวขึ้นแล้วบดจูบ ความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นมีมากจนหัวใจสูบฉีดรุนแรง เลือดในกายวิ่งพล่าน แขนแกร่งโอบกระชับร่างผอมบางไว้แนบสนิทร่างกายตน

จุมพิตแสนหวานทำให้ผู้เป็นนายอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งที่ถูกไฟลน เขาเคลื่อนมือขึ้นไปโอบลำคอใหญ่ไว้เพื่อประคองตัว “เร็น...”

เด็กหนุ่มอุ้มร่างผอมบางขึ้นนั่งบนโต๊ะ ก่อนจะจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตและถอดกางเกงของอีกฝ่ายออกอย่างร้อนรน จากนั้นจึงจัดการปลดซิปกางเกงของตนออกบ้าง

“เร็น เดี๋ยวก่อนสิ! อ๊ะ! เดี๋ยว!”

เร็นกดร่างผอมบางให้นอนราบลงไปกับโต๊ะ เขาจูบปิดริมฝีปากนุ่มไว้ไม่ให้เจ้านายบ่ายเบี่ยงได้ ฝ่ามือหยาบคลึงเคล้นไปบนผิวกายละเอียด แล้วไปหยุดบดขยี้บนยอดอกที่แข็งเป็นไต

“เร็น อื้อ! อ๊ะ ไม่ตรงนี้... อา....” 

ร่างสูงไม่สนใจเสียงห้ามที่แหบพร่า มือหยาบขยับไปกอบกุมส่วนไวสัมผัสของเจ้านายที่เริ่มตื่นตัวตอบสนองกับความร้อนรุ่มในกาย ซึ่งทำให้เขารู้ว่าเจ้านายเองก็กำลังมีอารมณ์เช่นกัน เขาขยับมือขึ้นลงเพียงชั่วครู่ เจ้านายก็หลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาจนเปียกชุ่มฝ่ามือ เด็กหนุ่มจึงย้ายเป้าหมายไปที่ช่องทางที่พวกเขาจะใช้ในการร่วมรัก เขาเคลื่อนศีรษะลงต่ำ จับขาเรียวแยกออก จากนั้นจึงยกสะโพกเล็กขึ้นเล็กน้อย แล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปไล้วนตรงปากทางอุ่น

“อ๊ะ! เร็น! ไม่... อ๊ะ...” ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก แต่ปลายลิ้นร้อนนั้นก็สอดลึก ขยับเข้าออกจนที่ตรงนั้นชุ่มไปด้วยน้ำเหนียวใส

เร็นสอดนิ้วเข้าไปขยับขยายช่องทางนั้นสลับกับปลายลิ้นที่ให้ความชุ่มชื้น ระหว่างนั้นก็คอยเงี่ยหูฟังเสียงครวญครางของเจ้านาย สะโพกเล็กตรงหน้าเขานั้นส่ายไปมาอย่างเย้ายวน ส่งผลให้เขาไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาของตนไว้ได้อีก

“เร็น... อา... เรา... เข้าไปข้างในกันเถอะ”

“ผมรอไม่ไหวแล้ว” เร็นตอบเสียงกระเส่า

“แต่... ถุงยาง...”

ร่างสูงละเรียวปากออกมาเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วงครับ ผมเตรียมมาหมดแล้ว” เขาเอื้อมไปหยิบหลอดเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยออกมาให้เจ้านายดู เมื่อสวมถุงยางและชโลมเจลจนชุ่มแล้ว เขาก็จับท่อนเนื้อร้อนไปจ่อตรงปากทางตรงร่องสะโพก แล้วกดเข้าไปช้าๆ

“ซี้ด... เจ้านาย... อา...” ผนังในช่องทางอ่อนนุ่มนั้นอุ่นร้อนและตอดรัดดีจนเร็นแทบจะอดใจไม่ให้รุนแรงกับเจ้านายไม่ไหว

“อา... เร็น ช้าๆ ก่อน... มันคับ”

“แต่ไม่เจ็บแล้วใช่มั้ยครับ”

ศีรษะเล็กส่ายไปมา “ไม่เจ็บ แต่มันคับมากเลย”

“อีกเดี๋ยวเจ้านายจะรู้สึกดีขึ้น... ผมจะทำให้คุณสุขสุดๆ ไปเลย” เร็นโน้มตัวไปกระซิบชิดกลีบปากหอมหวาน จากนั้นจึงกระแทกกายเข้าไปจนสุดความยาว

“อ๊า!” มือขาวจิกลงบนไหล่หนา

ร่างสูงแช่กายค้างไว้ชั่วครู่เพื่อให้ผิวเยื่อบุภายในช่องทางร่วมรักปรับตัวให้พอดีกับขนาดความใหญ่โตของตน ก่อนจะเริ่มขยับตัว
“เดี๋ยว! ฮึก!”

เร็นจับต้นขาขาวยกขึ้น แยกออกกว้างแล้วสอดใส่เข้าออกช้าๆ “อา... ข้างในของเจ้านาย เยี่ยมสุดๆ ไปเลย”

“อะ... อื้อ...”

เด็กหนุ่มรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้เจ้านายครางเสียงหวาน เขากดสะโพกลึกแล้วควานวน

“อา... อ๊า...”

“แบบนี้ อา... ดีใช่มั้ยครับ” แม้จะมองไม่เห็นว่าใบหน้าของเจ้านายแสดงอารมณ์ออกมาเช่นไร แต่เสียงครางหวานก็พอที่จะเดาอารมณ์ได้ว่าคงจะรู้สึกร่วมไปกับเขาไม่ใช่น้อย ไฟอารมณ์ร้อนแรงที่ลุกโหม พาให้ร่างสูงโถมกายเข้าใส่ร่างผอมบางไม่ยั้ง เขากดย้ำซ้ำตรงจุดสำคัญ พร้อมกับมือหยาบที่ช่วยปรนเปรอด้านหน้าให้

กึก กึก กึก โต๊ะตัวเล็กลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปตามแรงโหมกระแทกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของร่างสูงใหญ่

มือขาวจิกลงไปบนหัวไหล่กว้างเต็มแรง ร่างขาวบิดเร่าไปมาด้วยความเสียวซ่าน "อ๊า... ไม่ไหวแล้ว"

ช่องทางอ่อนนุ่มบีบรัดแก่นกายที่แข็งขึงรุนแรงเป็นจังหวะถี่ๆ เป็นสัญญาณบอกว่าผู้เป็นนายกำลังจะเดินทางไปสู่จุดหมายในไม่ช้า เร็นยิ่งเพิ่มจังหวะกระแทกกายรัวเร็ว มือหยาบช้อนสะโพกเล็กขึ้น เขารอจนเจ้านายปลดปล่อยอารมณ์ออกมา จึงกระแทกกายเข้าไปลึกสุดในจังหวะสุดท้าย แล้วฉีดพุ่งของเหลวขุ่นข้นออกมาในเครื่องป้องกันที่ใส่ไว้

“อา...” เร็นหอบหนักๆ เขาถอนกายออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงโน้มตัวทาบทับร่างที่นอนหอบหายใจอย่างอ่อนแรงบนโต๊ะ “เจ้านาย...”

...ความรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างชัดเจนมากขึ้นทุกที โดยที่เด็กหนุ่มไม่สามารถห้ามใจไว้ได้ เขาซุกใบหน้าลงบนซอกคอขาวเพื่อพรมจูบลงไปเบาๆ

“ผมรู้สึกดีมากเลย... ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน...”

มือขาวยกขึ้นประกบแก้มเด็กหนุ่ม “ปากหวานอีกแล้ว”

“ผมพูดจริงนะครับ... เจ้านาย... ผม...” ...คงจะชอบคุณเข้าซะแล้วสิครับ

ชายหนุ่มเคลื่อนมือไปปิดเรียวปากหยักไว้ “เร็น... เรากลับเข้าไปต่อข้างในกันดีกว่านะ อุ้มผมไปหน่อยได้มั้ย”

เร็นจูบตรงปลายนิ้วเรียวยาว “ทุกอย่างที่เจ้านายต้องการครับ” จากนั้นจึงอุ้มร่างผอมบางขึ้นแนบกาย แล้วสาวเท้ายาวๆ กลับเข้าตัวบ้านไป


ค่ำคืนที่เงียบสงบ เมฆสีขุ่นมัวบดบังดวงจันทร์ให้เห็นเพียงแค่เงาเลือนราง ทว่ายังมีลำแสงบางๆ ให้พอมองเห็นได้ เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแม้พวกเขาจะพยายามปกปิดไว้ให้มิดชิดเพียงไหน หากก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่ก่อขึ้นภายในหัวใจ


TBC~*

หวานๆ กันนิดๆ หน่อยๆ ค่ะ น้องเร็นตกหลุมรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นสุด ส่วนเจ้านาย... ก็ยังคงเป็นความลับต่อไป 5555 อีกไม่กี่ตอนน้องเร็นจะได้ยลโฉมแล้วค่ะ (สปอยล์นิดนุง ฮ่าาา)

ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนที่แวะมาให้กำลังใจฮัสกี้นะคะ  :mew1: อย่าลืมแวะไปอ่าน "เบลอ" กับ "นิสรีน" บ้างน้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-03-2015 10:49:16
เร็นหื่นมากค่ะเร็นขา....
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-03-2015 10:57:34
น้องเร็นขาถนอมเจ้านายนิดนุง  :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 18-03-2015 11:01:52
ความรู้สึกที่ก่อตัว..
แต่เารว่าความรู้สึกของเจ้านายก่อตัวมาก่อนหน้าที่เด็กน้อยจะได้รู้จักเจ้านายนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 18-03-2015 11:22:20
ว้ายยยยย คำสปอยทำให้อยากอ่านตอนต่อไปมากเลย แง้งงงง ตอนนี้อืมมมม....... เลือดกระฉูดเลยจ้า555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 18-03-2015 12:10:16
รอวันที่เร็นจะได้เห็นหน้าเจ้านายสุดที่รัก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleBerry ที่ 18-03-2015 12:15:52
อยากรู้จังว่าเจ้านายเป็นใคร  เร็นต้องรู้จักหรือไม่ก็เคยเห็นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 18-03-2015 12:37:49
 :-[ สงสารเจ้านาย เจอเร็นทีไรเสียเปรียตลอด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 18-03-2015 12:46:00
โอ๊ยโดนมดกัดเต็มไปหมดแล้วจะหวานอะไรขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 18-03-2015 14:17:22
สนุกมากเลยค่ะ
แต่กลัวจบเศร้าจัง
ไม่เศร้าใช่มั้ยค่ะเรื่องนีิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 18-03-2015 14:19:39
 :monkeysad:แอบหวั่นว่ายลโฉมแล้วจะเกิดร่ามา กันขึ้น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-03-2015 14:50:50
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-03-2015 14:58:20
 :m25:   วัยรุ่นคึกยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: ngohingmint ที่ 18-03-2015 15:33:25
อยากจะบอกว่าทุกเพลงที่เจ้านายเล่น เป็นเพลงโปรดเราเท่านั้นเลยค่าาาา โอ๊ยยยยย ยิ่งชอบเจ้านายอ่ะ คนอะไรน่ารักจัง
เราก็เล่นไวโอลินนะชอบเล่นเพลง canon กับ salut d'amour ที่สุด chaconne ก็ชอบ แต่ vivaldi 4 seasons ยังเล่นไม่ได้ ไม่ค่อยชินกับเพลงเร็วๆ 55555

ถ้านุ้งเร็นเห็นหน้าเจ้านาย มาม่าจะตามมามั้ยคะ ไม่เอามาม่า ไม่มีประโยชน์เลยยยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-03-2015 15:44:29
ต่างก็ตกหลุมรักกัน รอคอยที่จะได้อ่านตอนนั้นค่ะ กลัวอย่างเดียวนั้นแหละดราม่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 18-03-2015 15:55:09
รู้สึกว่าเจ้านายจะต้องมีเรื่องที่น่าสงสารเยอะแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงแรด ที่ 18-03-2015 20:23:19
 :-[ เจ้านายยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 18-03-2015 21:22:50
 :haun4:เลือดกำเดาไหล อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ไม่บอกนะเร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 19-03-2015 11:30:15
ตอนหลังๆรู้สึกน้องเร็นจะหื่นจนหยุดไม่ได้แล้วล่ะ :oo1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: Apitchaya ที่ 19-03-2015 15:05:21
โรแมนติกนิดๆ แต่หื่นมากๆ 5555555
อยากรู้เรื่องของเจ้านายจะแย่แล้ววว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 21-03-2015 23:22:58
 :-[  ขอหื่นๆน่ารัก(?)ๆแบบนี้อีกนะคะะะ เอามาาาาาาาา กร้ากกกกกก >//////<  :m31:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-03-2015 11:32:49
เจ้านายแอบชอบเรนมานานแล้วใช่มั้ย ถึงได้ยอมให้เรนได้ทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 23-03-2015 13:56:57
สีไวโอลินให้ท่ามกลางแสงจันทร์ โรแมนติคมากเลย ว่าแต่หนูเร็นเบาๆมือหน่อยนะคะ เดี๋ยวเจ้านายไม่มีแรงไปทำงานต่อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-03-2015 15:03:07
ตามไปฟังเพลงที่บอกไว้ เพราะ ๆ ทั้งนั้นเลย
ฟังไปอ่านไป ได้บรรยากาศมาก
อยากรู้ว่าพอเร็นเห็นหน้าคุณเจ้านายแล้วจะเป็นไง
ความรู้สึก before กับ after จะเหมือนกันไหม
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-03-2015 23:03:16
ตกหลุมรัก วงเล็บลึกมากด้วย ความรักของเด็กหนุ่มร้อนแรงเสมอ กีสสส ชอบอ่ะ
คุณเจ้านายก็ใจดีน่ารักเหลือเกิน เด็กขอไรก็ยอมหมด คือเร็นอ้อนเก่งด้วย
เร็นหื่นนะมีพกอุปกรณ์มา เอ้าท์ดงเอ้าท์ดอร์ อยากให้เจอหน้ากันแล้ว อยากให้สบตากัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-03-2015 14:31:01


Chapter 10


หลังจากค่ำคืนในศาลากลางสวนที่ทั้งสองคนเปิดใจให้แก่กันนั้นก็ผ่านมาสัปดาห์กว่าแล้ว ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับเร็นแนบแน่นและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาพูดคุยกันมากขึ้น ชายหนุ่มเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวของเขาบ้างเล็กน้อย เช่น เมื่อไม่ได้เล่นไวโอลินแล้ว เขาใช้การยิงธนูแทนการผ่อนคลาย แล้วยังได้ฝึกสมาธิไปด้วย หรือเล่าถึงสถานที่เที่ยวที่เคยไป บางวันก็สีไวโอลินให้เด็กหนุ่มฟังตามที่อีกฝ่ายขอ

สำหรับเร็นนั้น เขาจมลึกลงสู่ก้นบึ้งแห่งความปรารถนา... หลงใหลในตัวเจ้านายจนถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งนานวันที่ได้กกกอดร่างผอมบางยิ่งรู้สึกผูกพันและอยากเป็นเจ้าของ ทว่าความรู้สึกในหัวใจนั้น ไม่อาจจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ ตามคำสัญญาที่ให้กันไว้ในคราวแรก


ห้ามนำอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับการทำงาน

สัญญานี้เป็นสัญญาลับที่ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งนี้เมื่อสัญญานี้จบสิ้นลง ผู้รับจ้างจะกลับไปดำรงชีวิตตามปกติเช่นเดิม และไม่เอ่ยปากพูดถึงสัญญานี้อีก



เร็นยกมือขึ้นถูใบหน้าแรงๆ พอนึกถึงวันที่สัญญาจะจบสิ้นลงซึ่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วหัวใจก็เจ็บหน่วง เขาจะทำอย่างไร... เพื่อที่จะสานสัมพันธ์กับเจ้านายต่อไปได้ แล้วเจ้านายล่ะ จะตัดขาดจากเขาไปได้ง่ายๆ โดยไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ


ในตอนบ่ายของวันที่มีก้อนเมฆฝนสีเทาดำลอยต่ำอยู่ประปราย เด็กหนุ่มไม่ได้ออกไปว่ายน้ำเช่นเคยเพราะท้องทะเลมีคลื่นลมแรงกว่าในยามปกติมาก เขาจึงเดินวนไปวนมาอยู่ภายในบ้านพัก ราวกับแมวที่ถูกขังไว้ในกรงขังตามลำพัง เนื่องจากแม่บ้านกับลุงคนขับรถออกไปซื้อของกันในเมือง

เร็นทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วพลิกอ่านหนังสือเรียน เขาหลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถเคลื่อนเข้ามาจอด ด้วยความที่รู้สึกเบื่อ เด็กหนุ่มจึงเดินออกไปดูว่าแม่บ้านซื้ออะไรกลับมาทำเป็นอาหารมื้อเย็นบ้าง

ทว่ารถที่จอดอยู่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ร่างสูงขมวดคิ้ว เขาหยุดยืนอยู่ที่ตรงประตูทางเข้าบ้าน

หญิงสาวในชุดสูทแบบกระโปรงก้าวลงมาจากตรงที่นั่งคนขับ ผิวพรรณ ท่วงท่าและการแต่งกายบ่งบอกว่าเป็นหญิงสาวในตระกูลสูง หากสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก แล้วการที่เธอขับรถมาเองตามลำพัง เขาก็เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะปกติแล้วเหล่าคุณหนูทั้งหลายมักจะมีคนขับรถให้เสมอ

เร็นขมวดคิ้ว เขาหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่พอหันมาอีกที เธอก็ก้าวฉับๆ มายืนอยู่ตรงหน้าเขาเรียบร้อย ซ้ำยังจู่โจมด้วยคำถามก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรเสียอีก

“...คุณเป็นใครคะ? ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”

“อะ... เอ่อ... ผม...”

ดวงตาของหญิงสาวเป็นสีแดงก่ำ ราวกับร้องไห้มาอย่างหนัก “ดิฉันต้องการพบเจ้าของที่นี่ เขาอยู่มั้ยคะ”

เด็กหนุ่มถอยหลังไปตั้งหลัก... เจ้าของที่นี่? หมายถึงเจ้านายเหรอ? “เจ้านายจะกลับมาตอนค่ำๆ ครับ”

จู่ๆ หยดน้ำตาก็ไหลรินออกมาจากนัยน์ตาของเธอ หญิงสาวก้มหน้าหลุบตาต่ำ ไหล่เล็กสั่นเทา “...นั่นสินะ เขาบอกแค่ว่าจะมาค้างที่นี่ชั่วคราว...”

เร็นไม่รู้จะทำอย่างไรดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นหญิงสาวร้องไห้ หากเธอเป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักด้วยน่ะสิ เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปในบ้านพัก แล้วกลับมาพร้อมกับกล่องใส่กระดาษทิชชูในมือ “...คุณครับ เช็ดน้ำตาก่อน...” ร่างสูงย่อตัวลงนั่งบนขั้นบันไดและชวนเธอให้นั่งลงด้วยกัน “ถ้าไม่รังเกียจ จะนั่งตรงนี้ไปจนกว่าจะสบายใจก็ได้นะครับ ผมจะนั่งเป็นเพื่อน... คือว่า... ข้างในบ้านตอนนี้ไม่มีใครอยู่ คงไม่ดีนักถ้าผมจะเชิญให้คุณเข้าไปนั่งรอเจ้านายข้างในกับผมตามลำพัง”

เธอเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเอื้อมมือไปรับกล่องใส่กระดาษทิชชูนั้นมา จากนั้นจึงย่อตัวลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่ม “ขอบใจ”

“คุณ... เอ่อ... เป็นคนรู้จักของเจ้านายเหรอครับ”

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักพลางใช้ทิชชูซับน้ำตา “ค่ะ... ดิฉันมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยผลุนผลันออกมาจากบ้าน”

“ไม่ดีเลยนะครับ แบบนี้คุณอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้”

เธอเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองเด็กหนุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม “ว่าแต่... คุณเป็นใครกันคะ ดิฉันมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่เคยพบคุณมาก่อนเลย”

...มาที่นี่หลายครั้ง... ถ้างั้นเธอก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เจ้านายพูดถึงสินะ “ผม... เอ่อ... คิมุระ เร็น ครับ มาอยู่ที่นี่ชั่วคราว”

“คิมุระ เร็น” หญิงสาวเบิกตาโพลงพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก

ท่าทางตกใจของเธอทำให้เด็กหนุ่มต้องแปลกใจ “หือ มีอะไรรึเปล่าครับ”

“อะ... เอ่อ... ไม่มีอะไรค่ะ” เธอเสตาแล้วเบือนหน้าหลบ

“อ้อ คุณครับ... เอ้อ... รอสักครู่นะครับ ผมจะไปหาเครื่องดื่มมาให้” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหายเข้าไปในบ้าน แล้วกลับออกมาพร้อมกับถาดใส่ถ้วยชาผลไม้กลิ่นหอมกรุ่น เขาวางถาดลงข้างๆ ตัวเธอ “เชิญครับ ดื่มชาผลไม้หอมๆ ช่วยทำให้สงบใจได้นะครับ”

ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีอ่อนคลี่ยิ้ม “ขอบใจ” นิ้วเรียวที่เล็บถูกตัดแต่งไว้อย่างดีและเคลือบเงาเกี่ยวหูถ้วยชาแล้วยกขึ้นจิบ “คุณคิมุระ... มาอยู่ที่นี่นานรึยังคะ”

“ก็... สองสัปดาห์แล้วครับ”

“ชอบที่นี่มั้ยคะ”

ร่างสูงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับสายตาที่ดูเหมือนจะกำลังพิจารณาตัวเขาจากศีรษะจรดปลายเท้า หากก็พยายามไม่ใส่ใจ “...ชอบครับ ที่นี่สวยแล้วก็สงบมาก”

“แล้ว... คุณคิมุระคิดว่า... ดา... เอ้อ... เจ้าของที่นี่น่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง”

“หมายถึงเจ้านายเหรอครับ” เร็นขมวดคิ้ว พอเห็นเธอพยักหน้าก็ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเบาๆ เขายิ้มออกมาอย่างลืมตัว “...เป็นคนใจดีมากเลยครับ”

“งั้นเหรอ” หญิงสาวอมยิ้ม

“ผมไม่เคยเจอใครใจดีขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต”  เด็กหนุ่มย้ำคำตอบของตนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เธอเอียงคอเล็กน้อย แสดงท่าทีสนใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “...แล้วคุณคิมุระล่ะคะ เป็นคนยังไง”

“ผมเหรอ? ...เอ้อ... คนที่รู้จักกันส่วนใหญ่มักจะบอกว่าผมเป็นคนซื่อ แล้วยังซื่อบื้อด้วย”

เสียงหัวเราะแว่วมาจากหญิงสาว ก่อนเธอจะชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อๆ “...คุณคิมุระ ถ้าดิฉันจะชวนคุณออกไปทานข้าว ไปซื้อของด้วยกันสักหน่อย ดิฉันเบื่อๆ แล้วก็เหงาด้วย คุณจะว่ายังไงคะ”

“คงไม่ได้หรอกครับ ต้องขอโทษด้วย” เร็นปฏิเสธทันที

“อ้าว... ทำไมล่ะคะ ถ้าคุณอยากได้อะไร หรืออยากทานอะไร ดิฉันจะจัดการให้ทุกอย่างเลยนะ”

เร็นทำหน้าเครียด สายตาที่จ้องมองหญิงสาวเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาพูดเสียงขรึม “...ที่จริงผมกับคุณก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันเลยนะครับ แต่ผมนั่งอยู่ตรงนี้กับคุณเพราะเห็นว่าคุณรู้สึกไม่ดี... อีกอย่าง ผมสัญญากับเจ้านายไว้ว่าจะรอเขาอยู่ที่นี่เท่านั้น”

สายตาของเธอที่จ้องมองเร็นฉายแววอ่อนโยน หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “คุณดูเหมือนจะเป็นคนที่ดีใช้ได้” เธอผินใบหน้ากลับไปมองถ้วยชาในมือ ยกขึ้นจิบอีกครั้ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเหม่อไปยังท้องฟ้าที่ครึ้ม “...เขากับดิฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มีปัญหาอะไร เราก็ช่วยเหลือกันมาโดยตลอด”

เร็นตามอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปมาของเธอไม่ทัน ตอนแรกก็ร้องไห้ฟูมฟาย สักพักก็เปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น จู่ๆ ก็ชวนเขาไปเที่ยว แล้วนี่... อารมณ์ไหนอีก “เขานี่... หมายถึงเจ้านายเหรอครับ”

หญิงสาวพยักหน้า “เขาเป็นคนเก่ง... แล้วก็ฉลาดมากด้วย แต่เขายังมีหน้าที่ที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง ซึ่งมันคงต้องใช้เวลา เรื่องของความรู้สึกส่วนตัวคงจะต้องอดทนรอไปก่อน”

ร่างสูงไม่เข้าใจที่เธอพูดหรอก ออกจะระแวงเธอเสียมากกว่า แต่เขาก็เออออไปเรื่อยตามมารยาท

“เพราะงั้น ถ้าหากคุณคิมุระจริงใจแล้วละก็ ดิฉันก็อยากขอให้คุณรอ”

“ผม? รออะไรครับ?”

มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนจะวางกลับลงไปบนถาด “...ขอบใจสำหรับน้ำใจของคุณ ดิฉันคงต้องขอตัวก่อน”

“อ้าว...” ...อะไรวะ? “...ว่าแต่... คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วเหรอครับ จะเรียกใครมารับมั้ยครับ”

หญิงสาวหัวเราะ “แค่ขับรถแค่นี้ สบายมากค่ะ” เธอลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า แล้วเดินกลับไปที่รถที่จอดอยู่ช้าๆ

“เดี๋ยวครับ คุณชื่ออะไร? จะให้ผมบอกเจ้านายว่ายังไงดีครับ?”

เธอส่ายหน้าไปมา “...แล้วพบกันใหม่นะคะ คุณคิมุระ” มือเล็กเปิดประตูรถออกแล้วก้าวเข้าไปนั่ง จากนั้นจึงเคลื่อนรถออกไป

เร็นลุกขึ้นเกาศีรษะ “อะไรวะ?” ...ว่าแต่... เขาจะโดนเจ้านายว่ามั้ยเนี่ย ที่มานั่งคุยกับเพื่อนของเจ้านายแบบนี้... แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัย เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้นี่

สายลมพัดพาเมฆหมอกสีเทามืดครึ้มมาปกคลุมจนทั่วท้องฟ้า บานประตูที่เปิดอ้าค้างไว้สั่นไหวไปตามแรงลม ส่งเสียงดังกึกกักเป็นระยะๆ เด็กหนุ่มจึงก้มลงหยิบถาดใส่ถ้วยชาขึ้น แล้วรีบกลับเข้าบ้านไป

..

......

..

ดวงตะวันคล้อยต่ำลงทีละน้อย และกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปในไม่ช้า เหล่าก้อนเมฆสีดำบดบังดวงจันทร์และดวงดาวจนท้องนภามืดมิด สายลมเย็นพัดมาเป็นระยะๆ ก่อนเม็ดฝนจะร่วงหล่นลงมาประปราย กระทบหลังคาเสียงดังเปาะแปะในคราแรก หากไม่นานก็เทกระหน่ำลงมาจนเกิดเสียงดังลั่น

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นจนตัวบ้านทั้งหลังสั่นสะเทือนไปด้วย ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นพักๆ สลับกับลมกระโชกแรง เด็กหนุ่มเพิ่งเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เขารีบวิ่งไปปิดหน้าต่างในห้องตนเองก่อนจะวิ่งต่อไปยังห้องเจ้านาย ทว่าไม่ทันการณ์ พอไปถึงห้องของเจ้านาย ลมฝนรุนแรงราวกับพายุก็โถมสาดเข้ามาภายในห้องจนเสื้อผ้าเขาและผ้าม่านเปียกโชก

“บ้าชิบ เพิ่งอาบน้ำเสร็จแท้ๆ เปียกอีกแล้ว ไฟก็ดับหมดแล้วด้วย” เด็กหนุ่มถอดเสื้อออกเพื่อใช้เช็ดตามร่างกาย ก่อนจะเดินไปเปิดฮีตเตอร์ (ระบบแก๊ส) เพิ่มความอบอุ่นภายในห้อง

ปัง!

เสียงปิดประตูปังใหญ่ดังลั่นมาจากห้องข้างล่าง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าถี่ๆ ก่อนบานประตูห้องนอนจะถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง

“เฮ้ยยยยย!”

ร่างผอมบางในเงามืดตรงเข้าไปจับแขนแกร่งไว้แน่น ก่อนจะออกแรงผลักให้เจ้าของท่อนแขนนั้นหงายหลังผลึงไปบนผืนเตียง “เจ้านาย! อุ๊บ!!!” ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้เร็นได้ท้วงถาม เขาขึ้นไปทาบทับ ริมฝีปากนุ่มฉกปิดและบดเบียดเรียวปากหยักรุนแรงอย่างไม่กลัวเจ็บ

“โอ๊ะๆๆ โอ๊ย! เจ้านายครับ” ร่างสูงร้องเสียงหลงเมื่อริมฝีปากของเขาเป็นอิสระ เนื่องจากมือขาวๆ นั้นกดขยำไปบนร่างกายเขาอย่างไม่เบาแรงเลยสักนิด

ผู้เป็นนายซุกใบหน้าลงขบกัดหัวไหล่กว้างอย่างต้องการระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นในกาย เขาพ่นลมหายใจอุ่นๆ ลงบนซอกคออีกฝ่าย มือนุ่มกระชากกางเกงของคนใต้ร่างออก พลางส่งเสียงไม่พอใจที่มันไม่หลุดออกจากขายาวไปเร็วอย่างที่ใจคิด

“เจ้านาย! ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ!”

“ไม่! ผมต้องการคุณ! เดี๋ยวนี้!” ร่างผอมบางปฏิเสธเสียงเข้ม


เร็นไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในกระแสน้ำเชี่ยวก็ไม่อยากจะพายเรือเข้าไปขวาง วันนี้เจ้านายของเขาอารมณ์รุนแรงราวกับลมพายุที่โหมกระโชกอยู่ทางด้านนอก เขายื่นออกไปช่วยเจ้านายปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่าง

“เร็น” กลีบปากนุ่มคลอเคล้าอยู่บนเรียวปากหยักได้รูป เสียดสีร่างกายกับร่างกำยำ มือขาวเคลื่อนลงไปกอบกุมส่วนไวสัมผัสของเด็กหนุ่ม แล้วปลุกเร้าให้มันผงาดขึ้น

“อา... เจ้านาย” เด็กหนุ่มครางอย่างพอใจกับฝ่ามือนุ่มๆ ที่โอบกระชับความเป็นชายของเขาไว้แน่น เจ้านายไม่เคยเริ่มก่อน แล้วก็ไม่เคยทำแบบนี้ให้เขาเลยสักครั้ง “อื้ม... ดีครับ” มือหยาบเอื้อมไปที่หัวเตียงเพื่อจะหยิบเจลกับถุงยางอนามัย หากเจ้านายกลับจับมือของเขาขึ้นมาตรงหน้า แล้วดูดนิ้วกลางจากตรงโคนสู่ปลาย ลิ้นเล็กๆ ไล้เลียนิ้วจนชุ่ม

“ใส่เข้ามาสิ”

เร็นเคลื่อนนิ้วนั้นไปยังร่องสะโพกอย่างรู้งาน เขาควานหาปากทางเข้า เมื่อพบแล้วก็สอดเข้าไปช้าๆ จนสุดปลายนิ้วแล้วขยับเข้าออก

“อื้ม... อา...” สะโพกเล็กบิดไปมา ขณะที่ร่างผอมบางเบียดกายเข้าหาแผ่นอกกว้าง “...พอแล้ว เอาของคุณใส่เข้ามาได้แล้ว”ชายหนุ่มไม่อยากจะเสียเวลาตระเตรียมช่องทางให้พร้อมสำหรับการร่วมรักอีกแล้ว เขาพาสะโพกเปลือยขึ้นไปเหนือท่อนเนื้อร้อน แล้วออกแรงกดกระแทกไปสุดตัว “อื้อ... อาาา อื้มมมม...”

“ซี้ดด... เจ้านาย! อา... ไม่เจ็บเหรอครับ ผมยังไม่ได้ใส่ถุงยางเลยนะ” เร็นอดห่วงคนบนร่างไม่ได้ ก็จู่ๆ กระแทกลงมาแบบนั้น ขนาดเขายังแทบจุก แล้วเจ้านายล่ะ คงจะเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว

“อา... อา... ช่างเถอะ อื้มมม...” ร่างผอมบางส่ายสะโพกให้ท่อนเนื้อร้อนในกายควานวน เขารอสักพักให้ผิวเยื่อบุภายในนั้นปรับตัว จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าปอดลึก แล้วเริ่มยกสะโพกขึ้นช้าๆ ก่อนจะกดกระแทกลงไปอีกครั้ง “อา รู้สึกดีจัง เร็น” เมื่อขยับได้คล่องขึ้น สะโพกเล็กก็โยกไหวอย่างมัวเมาในอารมณ์ ตรงปลายแก่นกายที่แข็งเกร็งซึ่งชายหนุ่มบดเบียดมันลงไปบนหน้าท้องแกร่งปริ่มน้ำ เสียงของความแข็งขึงในช่องทางชุ่มชื้นดังสวบสาบ มือขาวขยุ้มไหล่กว้างไว้แน่น

“เจ้านาย อา... ข้างในของคุณรัดแน่นมากเลย” เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับช่องทางร่วมรักนี้โดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น ภายในนั้นทั้งอุ่นร้อน แล้วก็ตอดรัดจนเร็นต้องกัดฟันกรอด

“เร็น... เข้ามาอีก... เข้ามาลึกๆ”

เด็กหนุ่มจับยึดเอวเล็กไว้ ยกสะโพกขึ้นรับกับจังหวะที่ร่างผอมบางทิ้งตัวลงมา เสียงหอบกระเส่าของคนบนร่างทำให้เปลวไฟแห่งความปรารถนาลุกโชน หยดน้ำอุ่นๆ ร่วงหล่นกระทบผิวสีเข้มเป็นระยะๆ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นน้ำฝนที่ติดตัวเจ้านายมาตอนลงจากรถ หรือเป็นหยาดเหงื่อแห่งความรัญจวนกันแน่

“อื้ม... เร็น อ๊า...” คนบนร่างครางเสียงกระเส่า

“อืมมมม” เร็นกระแทกสะโพกแรงขึ้นอีก ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าร่างกายของเขาอยู่ข้างในร่างโปร่งบางทั้งหมดแล้ว แต่ใจก็อยากให้มันเข้าไปลึกอีก อยากสอดใส่ให้รุนแรงยิ่งกว่านี้ เขาพยายามกัดฟันข่มใจ สองมือใหญ่ขยำก้อนเนื้อสะโพกเล็กเอาไว้แน่น

“อา... รู้สึกดีสุดๆ ไปเลย”

เสียงฝนที่เทลงมาจากท้องฟ้ามืดมิดดังมาไม่ขาดสาย สลับกับเสียงฟ้าร้องที่ไม่มีใครในห้องใส่ใจ อารมณ์ของพวกเขาทั้งสองในตอนนี้โหมกระหน่ำใส่กันอย่างรุนแรงไม่ต่างจากลมพายุทางด้านนอก ดวงตาคมจ้องมองร่างขาวในความมืดที่พลิ้วไหวอยู่บนตัวเขาอย่างพอใจ หากในขณะเดียวกันนั้นเอง แสงสีขาวจากท้องฟ้าสาดแสงสว่างไสวเข้ามาตกกระทบเรือนร่างผอมบางซึ่งมีผิวสีน้ำนมกระจ่างดวงตา และฉาบไล้ใบหน้าของผู้เป็นนายที่เด็กหนุ่มหวังจะได้ยลมาเป็นเวลานาน แม้จะเป็นเวลาเพียงชั่ววินาที แต่ภาพเสี้ยวของใบหน้านั้นก็แทบจะทำให้หัวใจของเร็นหยุดเต้นไปชั่วขณะ

ดวงตาปิดสนิทบนดวงหน้าสวยหวาน จมูกโด่งสวยได้รูป กลีบปากสีกุหลาบดูอวบอิ่ม และเส้นผมสีเดียวกับสีของทองคำล้ำค่าปรกอยู่ตามกรอบหน้า... คนตรงหน้านี้คือเจ้านายผู้ว่าจ้างเขา

“อื้มมมม...” ร่างผอมบางไม่ทันได้ใส่ใจกับแสงสว่างวาบนั่น ลิ้นเล็กสีชมพูแลบเลียไปรอบๆ ริมฝีปากสีแดงที่เผยอส่งเสียงครางหวิว

เจ้านาย... ทั้งใบหน้าและเรือนร่างนั้น สวยงามราวกับรูปปั้นหินอ่อนแกะสลัก เส้นผมสีทองเป็นลอนสวย... คล้ายกับภาพเทวดาในโบสถ์ที่เขาชอบไปจ้องมองอย่างหลงใหลอยู่บ่อยๆ ซึ่งเทวดาองค์นั้นก็คล้ายกับใครบางคนที่เขาไม่เคยลืมเลือนไปจากความทรงจำได้เลย และนั่นก็ไปสะกิดเอาบางสิ่งบางอย่างในความทรงจำของเขาให้รื้อฟื้นขึ้นมา เมื่อนึกถึงก็ยิ่งทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน

เร็นพลิกกายให้เจ้านายเป็นฝ่ายตกไปอยู่ใต้ร่างทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมติดกันอยู่ เขาโถมกายใส่ร่างผอมบางอย่างยั้งไว้ไม่อยู่ ผิวกายที่ร้อนผ่าวเสียดสีกันจนแทบลุกเป็นไฟ ทั้งสอดใส่รัวเร็วด้วยเพลิงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ

“อ๊ะ... อ๊า... อื้อ!!” ผู้เป็นนายบิดเร่าด้วยความเสียววูบวาบไปทั่วทั้งร่าง มือขาวจิกลงบนแผ่นหลังกว้างแล้วกรีดลากเป็นทาง ร่างกายเกร็งแข็งก่อนจะกระตุกเพื่อปลดปล่อยความร้อนรุ่มออกจากตัว “อา...”

เด็กหนุ่มกัดกรามแน่น เขาพยายามอดทนแล้วถอนกายออกมาช้าๆ “เจ้านาย ผม...”

“เร็น... ปล่อยออกมาสิ”

“แต่...”

“ปล่อยออกมาข้างในตัวผม... นะ” เจ้านายเอ่ยเสียงแผ่ว ขณะหอบหายใจหนักๆ

“เจ้านาย... อา...” เร็นดันสะโพกกลับเข้าในช่องทางที่ชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่นของตนจนสุดความยาว มือหยาบจับท่อนขาขาวขึ้นพาดบ่า จากนั้นจึงขยับสะโพกเข้าออกถี่กระชั้น ช่องทางร้อนตอดรัดรุนแรงให้แก่นกายที่ฝังอยู่ในร่างผอมบางต้องฉีดพ่นกระไอร้อนตามมาในที่สุด

เร็นหอบหนักๆ ก่อนจะทรุดกายทาบทับเจ้านายของเขา จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอขาวอย่างไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้านาย ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่อิ่ม ยิ่งกระหายหิวอยากจะกลืนกินร่างขาวๆ นี่ตลอดทั้งคืน

แขนเรียวขาววาดโอบไหล่หนา “เร็น... ขอพักก่อนนะ เดี๋ยวค่อยต่อได้มั้ย”

เด็กหนุ่มถอนกายออกมาพลางพลิกร่างผอมบางขึ้นไปทาบทับบนร่างกายตน เขารู้สึกถึงของเหลวที่หลั่งไหลออกมาจากช่องทางที่เพิ่งใช้ในการร่วมรัก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ปลดปล่อยในตัวของเจ้านาย หัวใจของเขาอิ่มเอม สุขจนเจ็บปวดในอก ปลายนิ้วหยาบไล้ไปบนผิวชื้นเหงื่อ “เจ้านาย... ทำไม...”

ปลายนิ้วเรียวเคลื่อนไปแตะบนเรียวปากหยัก “...กอดผมแน่นๆ หน่อยสิ”

หัวใจของเร็นเต้นรัวแรง เขาโอบกอดคนบนร่างไว้แน่น พร้อมกับยกศีรษะขึ้นจูบหน้าผาก “...วันนี้เจ้านายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจงั้นเหรอครับ”

ชายหนุ่มซุกใบหน้าลงบนแผงอกกว้าง “.....”


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 9: Romantic][P.7][180315]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-03-2015 14:32:07


เรียวปากหยักกดจูบลงไปบนหัวไหล่เล็กอย่างปลอบประโลม “ผมอาจจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่... ผมเป็นห่วงคุณนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้...”

ความอบอุ่นจากร่างสูงค่อยๆ ซึมผ่านผิวขาวเนียนที่เย็นเฉียบ เข้าไปโอบล้อมหัวใจดวงน้อยให้รู้สึกอุ่นซ่านไปด้วย ผู้เป็นนายหัวเราะ “คุณช่วยอะไรผมไม่ได้หรอก”

“พูดออกมาบ้างอย่างน้อยก็ช่วยทำให้รู้สึกดีนะครับ ผมเป็นคนฟังที่ดีนะ”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่ใหญ่ เขาถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด “ผมเครียดเรื่องงานน่ะ”

“หืม? คงไม่ใช่แค่นั้นล่ะมั้งครับ” เร็นสังเกตได้จากร่างผอมบางที่ยังคงเกร็งแข็งอยู่บ้าง จึงใช้ฝ่ามือสากช่วยนวดเคล้นไปบนผิวนุ่ม

“...ประธานกับรองที่บริษัทก็คอยหาเรื่องปวดหัวมาให้อยู่เรื่อย”

"...เอ่อ... ครับ" ...ใจเร็นอยากจะถามต่อ แต่ก็ดันนึกขึ้นมาได้ว่ากฎของสัญญาว่าจ้าง ห้ามเขาถามเรื่องของเจ้านาย เรียวปากหยักที่เผยอค้างไว้ในตอนแรกจำต้องกลับมาปิดสนิทอีกครั้ง มือหยาบนวดเฟ้นต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหวังจะช่วยผ่อนคลายให้ผู้เป็นนายบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี

"รองประธานน่ะ เป็นพ่อเลี้ยงของผม เขารับผมมาเลี้ยงเพราะไม่มีทายาท ส่วนประธานเป็นญาติห่างๆ เป็นคุณตาของผม ท่านเองก็ต้องการทายาทเช่นกัน ความคาดหวังทุกสิ่งทุกอย่างจึงตกอยู่ที่ผม"

เร็นหัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ... เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เจ้านายไว้ใจเขามากขนาดเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังเองเลยเหรอนี่ แต่หางเสียงของเจ้านายสั่นอยู่น้อยๆ คงจะเป็นเรื่องเคร่งเครียดมากจริงๆ เพียงแค่คิดว่าใบหน้าสวยในความทรงจำของเขาสลดลงเท่านั้น ใจเขาเองก็เหมือนถูกบีบรัดไปด้วย

“...ผมไม่เคยต้องการชีวิตแบบนี้เลย แต่เพราะต้องสวมตำแหน่งทายาท ก็เลยต้องกลายเป็นเบี้ยที่ถูกบังคับให้เดินไปตามแผนการที่ท่านประธานวางไว้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำตามคำสั่งเสมือนตุ๊กตาเชิดที่ไม่มีชีวิตจิตใจ” คนบนร่างนิ่งไปสักพัก "ทำไมเงียบไปล่ะ หลับแล้วรึไง"

"...ผมกำลังตั้งใจฟังอยู่ต่างหากล่ะครับ..." ร่างสูงไม่นึกว่าเจ้านายจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังมากถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ในตอนแรกดูเหมือนเจ้านายจะสร้างกำแพงหนากั้นไว้ไม่ให้เขาล่วงล้ำเข้าไปได้... และถึงแม้เขาจะรู้ว่าเจ้านายรู้สึกย่ำแย่มากขนาดไหน แต่เขาก็ทำได้แค่ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี พยายามปิดปากเงียบและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป หัวใจของเขาเจ็บปวด เพราะไม่อาจช่วยอะไรเจ้านายได้เลย

“แม้กระทั่งเรื่องคู่ครองในอนาคตของผม ทุกอย่างก็ถูกวางแผนไว้หมดแล้ว... วันนี้คุณก็ได้พบกับเขาแล้วยังไงล่ะ คู่หมั้นของผม อ๊ะ...” ร่างผอมบางสะดุ้งเฮือกเพราะแรงบีบของชายหนุ่ม เขายันตัวขึ้นนั่งคร่อมอยู่บนร่างสูง “เร็น ผมเจ็บ...”

“อะ! ขอโทษครับ” ...จู่ๆ หัวใจก็กระตุกแรงจนเจ็บร้าวไปทั้งร่าง มือหยาบเลยเผลอออกแรงบีบเนื้อเจ้านายแรงไปหน่อย ผู้หญิงคนนั้น... คู่หมั้นของเจ้านาย... เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้ามาที่บ้านพักส่วนตัวแห่งนี้ได้ เร็นกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขาทำอะไรไม่ถูกเลยในตอนนี้

“เจ้านายรู้... เรื่องผู้หญิงคนที่มาที่นี่” เร็นถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เสียงเบาจนไม่รู้ว่าเจ้านายได้ยินหรือไม่ เขาละมือจากผิวกายเนียนนุ่มตรงหน้า แล้วยกขึ้นมาวางบนแผ่นอกตนเองอย่างไม่เข้าใจ หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับถูกของแหลมทิ่มแทง นี่เขาหวั่นไหวกับเรื่องของเจ้านายมากขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย

ท่ามกลางความเงียบงัน มีเพียงแค่เสียงถอนหายใจของร่างผอมบางเท่านั้น

“เอ่อ... ผมขอโทษ... ที่คุยกับแขกของเจ้านาย...”

“...ช่วยไม่ได้นี่ เพราะเขามีกุญแจของที่นี่ ก็เลยมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า... ไม่เป็นไรหรอก”

...มีกุญแจ... คู่หมั้น... ผู้หญิงคนนั้น...

ดวงตาคมกริบหลุบต่ำ เขานอนนิ่งราวกับต้องคำสาป ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมสัญญาของเขากับเจ้านายถึงเป็นแบบนั้น เพราะหลังจากหมดเวลาตามกำหนดสัญญาไป เจ้านายก็คงจะต้องแต่งงานและลืมเรื่องของเขาไปให้หมดสิ้น

“เร็น” มือขาววางประกบแก้มเด็กหนุ่ม

ร่างสูงหันไปจูบฝ่ามือขาว แล้วจึงเงยหน้าขึ้น

...เจ้านายครับ... แปลกมั้ย ถ้าหากการที่คนเราได้ใกล้ชิดกัน แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมากกว่าความสัมพันธ์แค่ทางร่างกายได้

"เจ้านายครับ...” ...หากพอจะพูดสิ่งที่คิดไว้อยู่ในใจออกไป เขากลับย้อนนึกไปถึงสัญญาว่าจ้างขึ้นมาได้


ห้ามนำอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับการทำงาน


ตัวเขาไม่มีสิทธิแม้เพียงแค่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับเจ้านายด้วยซ้ำ... ฝ่ามือกร้านทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน
มีเพียงอย่างเดียวที่เขาทำให้กับเจ้านายได้ คือการทำให้อีกฝ่ายมีความสุขจนลืมความกลัดกลุ้มไปชั่วครู่ “...อย่ากังวลไปเลยครับ อย่างน้อยตอนนี้ คุณก็อยู่ที่นี่กับผมแล้ว... ผมจะทำทุกอย่างให้คุณสบายใจเอง" ร่างสูงตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น ก่อนจะพลิกร่างผอมบางกลับลงไปใต้ร่าง แล้วกระซิบชิดริมฝีปากสีแดง “ผมจะทำให้คุณมีความสุขจนลืมเรื่องน่าปวดหัวพวกนั้นไปเลย”

“อ๊ะ...” กลีบปากนุ่มถูกจุมพิตปิดไว้ ฝ่ามืออุ่นร้อนฟอนเฟ้นไปตามร่างกาย ปลุกเร้าให้ชายหนุ่มมีอารมณ์ร่วมกัน ก่อนความแข็งขึงจะกดแทรกเข้ามาในช่องทางชุ่มชื้นอีกครั้ง

เร็นขยับกายอย่างนุ่มนวล เรียวปากหยักพรมจูบ ลิ้นร้อนลากไล้ไปทั่วแผ่นอก จากนั้นจึงเคลื่อนไปดูดดึงหยอกล้อติ่งไตที่แข็งรับการสัมผัส เขาจงใจสร้างรอยสีกุหลาบให้ได้มากที่สุด นี่คงเป็นวิธีเดียวสำหรับเขาที่จะประทับตราความเป็นเจ้าของไว้บนเรือนร่างของเจ้านายได้

“อา... เร็น...”

“ครับ เจ้านาย... อยากให้ผมทำยังไง บอกสิครับ” ร่างสูงถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แล้วกดแทรกเข้าไปจนสุดความยาว ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา

“อื้ม! อา...” ใบหน้าเรียวเล็กที่ส่ายไปมาบนหมอนส่งเสียงครางหวิวอย่างมีความสุข “เร็ว... เร็วอีกนิด”

“รับคำสั่งครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง

ลมพายุที่โหมกระหน่ำทางด้านนอกพาเม็ดฝนสาดเข้ามากระทบตัวบ้านเป็นระลอก เสียงสายลมดังหวีดหวิว หากสองร่างที่สอดประสานกันอยู่ไม่ได้ใส่ใจ ความหนาวเย็นจากภายนอกไม่อาจทำอะไรร่างกายที่ร้อนผ่าวไปด้วยไฟแห่งความเสน่ห์หาได้ แสงสว่างจากฟ้าแลบแล่นวาบเข้ามาฉาบร่างสูงใหญ่ที่เคลื่อนกายเข้าหาคนใต้ร่างอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งพวกเขาปลดปล่อยอารมณ์รักออกมาอีกครั้ง

สองแขนเรียวโอบรัดร่างสูงเอาไว้แน่น ขณะที่เจ้าตัวหลับลงไปในอ้อมแขนแกร่งอย่างอ่อนแรง

ดวงตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กในความมืดอย่างหลงใหล ปลายนิ้วหยาบลูบสัมผัสไปตามกรอบหน้าอย่างนุ่มนวล แล้วประกบแก้มนุ่มไว้ ก่อนเด็กหนุ่มจะโน้มใบหน้าเข้าไปแต้มจูบเบาๆ

“...เจ้านาย... ดูท่าผมคงจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ซะแล้วล่ะครับ... ผมห้ามหัวใจไว้ไม่ได้อีกแล้ว”

ขณะที่ดึงมือกลับ พอเห็นเงามือของตนเองในความมืด ความทรงจำในอดีตก็แวบผ่านเข้ามาในศีรษะ บนฝ่ามือของเขานั้น มีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่เนื่องจากเคยได้รับอุบัติเหตุเมื่อตอนสมัยอยู่ไฮสคูล แต่เพราะเขาเป็นนักกีฬาคนสำคัญของจังหวัด สปอนเซอร์ของทีมเบสบอลและทีมแพทย์ของโรงพยาบาลจึงช่วยเหลือเรื่องการรักษาพยาบาลให้จนหายดี

เร็นขมวดคิ้ว... ใบหน้าคมสันหันมองออกไปทางบานหน้าต่าง แล้วทอดสายตาผ่านม่านฝนไปยังท้องฟ้าที่มีแต่เมฆสีดำบดบัง ซึ่งทำให้มองไม่เห็นแม้แต่เงาเลือนรางของดวงจันทร์ ทั้งที่ใกล้วันเต็มดวงเข้าไปทุกที


TBC~*



ฮ่า เรื่องของเจ้านายก็เริ่มเปิดเผยมากขึ้นแล้วนะคะ ได้รู้จักกันมากขึ้น น้องเร็นก็ท่าจะแย่ หลงรักเจ้านายจังๆ  :o8:

ช่วงนี้ฮัสกี้เหนื่อยมากเลยค่ะ 5555 วันนี้เพิ่งสั่งพิมพ์ตัวอย่างหนังสือไป ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน "ตะวันเคียงเดือน" กับ "แกนีมีด" นะค้า จุ๊บๆๆ ติดตามข่าวสารของหนังสือ กับการอัปเดตนิยายได้ที่เพจฮัสกี้ค่า

ขอบคุณทุกคนมากค่ะ

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleBerry ที่ 25-03-2015 15:10:02
จิ้มคนแรกเลยเย้ๆ อยากให้เ็นเห็นหน้าเจ้านายชัดๆจังเลยคาดว่าน่าจะเคยกันมาก่อน ใช่มั้ยน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 25-03-2015 15:20:49
 :hao7: :hao7: :hao7: อร๊ายยยย ย ย ว่าแล้วเห็นเด้งขึ้นมา กรี๊ดๆๆ สู้ๆ นะคะ ตอนนี้เร็นเผลอไม่รักษากฏซะแล้ว แต่ความจริงเจ้านายก็น่าจะไม่รักษากฏตัวเองแต่แรกเหมือนกันน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: Apitchaya ที่ 25-03-2015 15:21:21
กรี๊ดดดด  ร้อนแรงมากกกก
คู่หมั้นบอกให้รอ นี่คือเธอก็ไม่ได้ชอบเจ้านายใช่ป่ะ 5555
เข้าข้างตัวเองๆ ขอให้นางเป็นสาววาย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 25-03-2015 15:26:38
ได้เห็นหน้าเจ้านายบ้างแบบนี้ก้อดีนะ
แต่เรืีองราวชักจะดราม่าไหมคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-03-2015 15:35:52
ปวดใจตามเร็นไปด้วยเลยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: fancat ที่ 25-03-2015 15:46:29
ฟินสุดๆ หลงรัก ถลำลึกไปแล้ววววววว อยากรู้แล้วว่าหมดสัญญาจะเป็นอย่างไรต่อไป
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 25-03-2015 15:53:09
เจ้านายคนสวยขา...
วันนี้เจ้านายเป็นไร...
ทะไมถึงดุเดือดเลือดพร่านจะอี้...
ข้าน้อยมีสภาพอย่างี๊>>  :jul1:
วันนี้เจ้านายคนสวยแซ็ปมว๊ากกกก.. :haun4:
คงจะใกล้ถึงเวลาแล้วซินะ...
แค่คิดก็เจ็บปวดใจยังไงก็ไม่รู้..
เวลาที่เป็นตัวของตัวเองคงกำลังจะหมดลงแล้วอ่ะจิ  :mew2:
ปล. รอยแผลเป็น..มันต้องมีอะไรซักอย่าง..สงสัย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-03-2015 15:53:40
ที่นี้เร็นก็รู้แล้วน่ะว่าเจ้านายเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำ จะทำอย่างไรต่อไปล่ะที่นี่
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-03-2015 16:00:48
เจ้านายน่าสงสาร  ถ้าเอามาเลี้ยงแล้วขีดกรอบเด็กแบบนี้ อย่าเอามาเลี้ยงเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 25-03-2015 16:09:08
รอเจ้านายอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 25-03-2015 16:47:15
วันนี้เจ้านานแซ่บมากกกกก แซ่บขนาดนี้อยากให้เครียดบ่อยๆ้ลย :haun4:
คู่หมั้นเจ้านายดูจะไม่ใช่ปัญหา ดูจะยุให้เร็นกับเจ้านายสมหวังด้วยซ้ำ
อยากให้เปิดใจเปิดหน้าตาเปิดตากันเร็วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 25-03-2015 17:44:07
รู้สึกสงสารคุณเจ้านาย :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-03-2015 20:47:35
คนรวยเขาก็มีภาระยิ่งใหญ่ในฐานะทายาท เฮ้อ น่าเครียดเนอะ
เคยเจอกันมาก่อน เร็นเคยช่วยเขาเหรอหรืออะไร ทำไมเจ้านายถึงฝังใจกับเร็นมาก
ร้อนแรง ลุ่มหลงมากค่ะอารมณ์ของตัวละคร ชอบบบบ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 25-03-2015 21:14:42
สงสารเร็น ชอบก้อบอกชอบไม่ได้ :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 25-03-2015 23:41:31
สู้ๆๆนะเร็น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 26-03-2015 00:03:53
ตอนนี้...หวานอมขมกลืนยังไงไม่รู้สิ ความหวานเต็มสตรีมจากตอนที่แล้วหายไปไสสสสส ... เหมือนเรื่องบรรดาญาติๆของเจ้านายจะทำให้ทั้งคู่ยุ่งเหยิงแน่เลย บร๊ะจ้าวว รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-03-2015 00:46:03
มาทั้งพายุฝนและพายุอารมณ์เลย
สงสารคุณเจ้านาย ชีวิตต้องให้คนอื่นบงการ
แนะนำให้หนีตามกันไปเลยค่ะ ไหน ๆ ก็ใจตรงกันแล้ว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 26-03-2015 06:42:06
เร็นแกมันเป็นเจ้าหมาโกลเด้นขี้อ้อนที่สุดเลย เมื่อไหร่จะได้เห็นหน้ากันนะ สงสารจัง เจ้านายน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 27-03-2015 01:53:45
สงสารทั้งคู่เลยยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: comai0618 ที่ 27-03-2015 22:04:12
อยากรู้เรื่องราวในอดีตจังเลยยยย เฉลยเถอะนะน้าา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 28-03-2015 20:08:00
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมากก คืบหน้าทีละนิดแล้ว  :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 30-03-2015 15:15:13
 :hao6: หื่นขึ้นตาาาา กร้ากกกกกก (ถึงจะแอบหวานอมขมกลืนก็เถอะค่ะ แต่หื่นมากกว่า กร้ากกกก)
รีบๆมาต่อนะคะ พลีสสสสสสสส รออออออออนะคะะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-03-2015 23:48:52
เหมือนใกล้จะรู้แล้วว่าเจ้านายเป็นใคร
ใช่คนนั้นที่เร็นไม่เคยลืมจริงมั้ย
เจ้านายแอบแซบมากกก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 31-03-2015 00:38:15
ตอนนี้เจ้านายรุกเองเร็วจนหนูเร็นเกือบรับแทบไม่ทัน  :man1: คู่หมั้นเจ้านายดูท่าจะแอบเชียร์อยู่ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 31-03-2015 17:48:06


Chapter 11


...เขาเคยได้พบกับเจ้านายมาก่อนใช่มั้ยนะ? นั่นเป็นคำถามที่เร็นถามตัวเองไปมาตลอดทั้งวัน แม้เพียงชั่ววินาทีที่ได้เห็นเสี้ยวของใบหน้านั้น หากเขาก็ค่อนไปทางมั่นใจว่าเคยได้พบกันที่ไหนมาก่อน

“โธ่เว้ย!” เด็กหนุ่มพึมพำกับตนเอง คิดว่าถ้าหากได้เห็นใบหน้าของเจ้านายชัดๆ อีกสักครั้ง เขาจะต้องนึกออกแน่ๆ

เร็นเอนหลังพิงหมอนซึ่งเขานำมากองกันไว้บนเตียงนอนของตน แล้วย้อนนึกไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน ผิวเนื้อเนียนละเอียดกับกลิ่นกายหอมละมุน ใบหน้างดงามชวนให้ลุ่มหลง พอนึกถึงหัวใจก็พาลเต้นไม่เป็นส่ำ

เสียงนุ่มๆ  ที่ครางอย่างพอใจกับความสุขที่เขามอบให้ แผ่นอกที่เขาละเลงลิ้นและพรมจูบจนทั่ว ช่องทางบริสุทธิ์ที่เขาได้ล่วงล้ำเข้าไปเป็นคนแรก

...ทำไมเจ้านายถึงยอมให้เขาถึงขนาดนั้นกัน ร่างกายที่สอดประสาน สองแขนเรียวที่โอบรัดเขาแนบแน่น เขาเชื่อว่านั่นไม่ใช่การกระทำเพียงแค่เพื่อปลดปล่อยความร้อนรุ่มในกายชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น


“ปล่อยออกมาข้างในตัวผม... นะ”



“ชิบหาย!” เด็กหนุ่มกระเด้งตัวขึ้นนั่ง เพราะความเป็นชายที่ขยายขนาดตอบรับกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน จนคับแน่นภายในกางเกง เร็นก้มลงมองส่วนร้อนที่โป่งพองออกมาจนเห็นได้ชัดพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ เห็นทีเขาคงจะออกจากห้องไปทั้งแบบนี้ไม่ได้แน่

ร่างสูงเอนหลังพิงหมอนไปอีกครั้ง มือใหญ่ปลดปล่อยส่วนร้อนที่ขยายขนาดจนเต็มฝ่ามือออกจากอาภรณ์แล้วกอบกุมไว้ ในขณะที่สัมผัสตัวเองไปในสมองของเขาก็นึกย้อนไปถึงร่างผอมบางยั่วเย้าที่โยกไหวอยู่บนร่างกายตนเมื่อคืน


"เร็น"


...จินตนาการไปว่าเป็นมือนุ่มนิ่มของเจ้านายที่กำลังรูดรั้งแก่นกายร้อนผ่าวแทนมือของตน และร่างกายที่สัมผัสกันแบบเนื้อแนบเนื้อด้วยความกระสันหากันและกัน

“อา... เจ้านาย” เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด หัวใจของเขาเรียกร้องหาบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่าความสัมพันธ์ทางร่างกาย

...ผมรักคุณ... หากมีโอกาสได้ยินเสียงนุ่มกระซิบเช่นนี้ที่ข้างใบหูสักครั้ง

“อืมมม....” เร็นเผลอส่งเสียงอย่างลืมตัว ไม่นานร่างกายเขาก็กระตุกถี่ แล้วปลดปล่อยความต้องการที่อัดแน่นออกมาในฝ่ามือใหญ่

ร่างสูงที่กำลังหอบหายใจแรงๆ ก้มลงมองของเหลวสีขาวขุ่นในฝ่ามือ สมองมึนงงกับความคิดของตนอยู่พักใหญ่ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่โหยหา อยากอยู่ใกล้ชิด อยากเป็นเจ้าของใครสักคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้คนคนนั้นจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน

เขาหลงรักเจ้านายอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

ความรักที่เพิ่งก่อเกิด หากไม่มีวันสมหวัง เร็นรู้อยู่แก่ใจ...


เด็กหนุ่มจ้องมองของเหลวอุ่นๆ บนฝ่ามือกร้าน ซึ่งมันไหลผ่านไปยังข้อมือ และลงตามท่อนแขนอย่างเชื่องช้า จากนั้นจึงสังเกตเห็นรอยแผลเป็นจางๆ ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ทางน้ำสีขุ่น

จู่ๆ ความทรงจำอันรางเลือนก็แวบผ่านเข้ามาในสมอง ไม่รู้เพราะเหตุใด เจ้ารอยแผลนี่ทำให้นึกไปถึงช่วงไฮสคูลปีหนึ่ง ซึ่งเร็นเตรียมตัวฝึกซ้อมเข้าคัดเลือกเป็นตัวแทนนักกีฬาเบสบอลระดับจังหวัดเป็นครั้งแรก เขาเกือบจะได้เป็นนักกีฬาตัวจริงที่มีอายุน้อยที่สุดของจังหวัด แต่ต้องพลาดไปเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน จึงต้องเข้าเฝือกอยู่หลายสัปดาห์ แต่สุดท้ายก็ได้รับการรักษาจนหายดี เหลือแค่รอยผ่าตัดจางๆ จนแทบมองไม่เห็น... แต่ว่าเรื่องการดูแลรักษากับโรงพยาบาลนั่น... เร็นขมวดคิ้วคล้ายจะนึกอะไรออก


(ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน)

ในตอนที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงนอนในห้องพักคนไข้พิเศษ เขาไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากมายถึงขั้นที่จะต้องนอนโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด ทางทีมแพทย์จึงสั่งให้อยู่รอดูอาการสักระยะหนึ่งก่อน

...อดไปแข่งที่โคชิเอ็งซึ่งเป็นสเตเดียมในฝัน เขาก็เสียใจอยู่หรอกนะ หากเมื่อเทียบกับการที่ได้ช่วยเหลือคนคนนั้นแล้ว... ผู้ชายคนที่มีดวงตาสีเขียวใสราวกับมรกตน้ำงามซึ่งได้รับการเจียระไนมาเป็นอย่างดี และเส้นผมสีทองเปล่งกระกายสว่างไสวยามที่ล้อกับแสงอาทิตย์ซึ่งสะท้อนมาจากหิมะสีขาวที่กองอยู่หนาตา

ร่างผอมบางที่มักจะสวมเสื้อแจ็กเกตตัวหนากับกางเกงยีนส์ และสวมแว่นกันแดดสีดำไว้อยู่เสมอ... มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่สายตาของพวกเขาได้สบประสานกัน หากนั่นก็มากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับต้องมนตร์ หลงใหลในดวงตาอันงดงาม

“...ผมขอโทษคุณคิมุระมากนะ เพราะผมไม่ระวังให้ดี...” ผู้ชายคนนั้นถือช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่ขนาดที่บังตัวคนถือมิดเข้ามาในห้องพักคนไข้

แวบแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายชัดๆ เต็มสองตา เร็นไม่อาจละสายตาไปจากร่างผอมบางนั้นได้เลย คนตรงหน้าเขานี่ช่างเป็นผู้ชายที่เหมาะกับคำว่างดงามอย่างหาตัวจับยากมากที่สุด เขาไม่เคยเห็นใครที่ดูดีหมดจดขนาดนี้มาก่อน

“โอ๊ย... ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอกครับ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

อีกฝ่ายยิ้มบาง หากเป็นรอยยิ้มที่ในตอนนั้น เร็นคิดว่าน่ารักเป็นที่สุด เขาชักไม่มั่นใจว่าคนตรงหน้านี่เป็นคนจริงๆ ซะแล้วสิ “คุณครับ... ช่วยเข้ามาใกล้ๆ ผมสักนิดได้มั้ยครับ” นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกต ซึ่งราวกับมีแรงดึงดูด ตรึงสายตาของเขาไว้นิ่ง “ดวงตาของคุณสวยมากเลย ผมเพิ่งเคยได้เห็นดวงตาสีเขียวใกล้ๆ” เขาพึมพำออกไปราวกับเพ้อ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรเสียมารยาทกับอีกฝ่าย

“ขอบคุณครับ เอ้อ... ถ้างั้น... แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ละกัน”

...ทว่าพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูแบบนั้น ยิ่งทำให้ร่างผอมบางดูน่ารักมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมจะรอ” เขาอยากรู้จักคนคนนี้ให้มากขึ้น อยากจะใกล้ชิดเพราะรู้สึกถูกชะตามากเหลือเกิน หลังจากอีกฝ่ายกลับไป เขาก็ยังเอาแต่คิดถึงใบหน้านั้นอยู่ตลอดทั้งวัน ใจเฝ้ารอให้ถึงวันใหม่เร็วๆ เพื่อที่จะได้พบกันอีกครั้ง

ทว่า... หลังจากวันนั้น... เขากลับไม่เคยได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกเลย 


(กลับมาเวลาปัจจุบัน)

เจ้านาย... คล้ายกับคนคนนั้นมากเหลือเกิน แต่ใบหน้าที่ได้เห็นในชั่วพริบตากับความทรงจำรางเลือนก็ยากที่จะทำให้มั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกันได้ แต่ถ้าเขาได้เห็นใบหน้าของเจ้านายชัดๆ ได้สบตากันสักครั้ง... คงจะมั่นใจได้แน่

เร็นเม้มริมฝีปากครุ่นคิด จะมีวิธีไหน เขาจะทำอย่างไรได้บ้างนะ เขายังมีเวลาอีกสามสัปดาห์ ก่อนสัญญาจะจบสิ้นลง ในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่นี่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้านายเป็นใคร เพื่อที่หลังจากนี้ไปจะได้หาโอกาสตามไปหาเจ้านายได้ ถ้าหากเจ้านายคือคนคนเดียวกับที่เขาเคยพบแล้วละก็... เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหายตัวไปอีก


“แม้กระทั่งเรื่องคู่ครองในอนาคตของผม ทุกอย่างก็ถูกวางแผนไว้หมดแล้ว... วันนี้คุณก็ได้พบกับเขาแล้วยังไงล่ะ คู่หมั้นของผม...”


“โธ่เว้ย!” ร่างสูงสบถเมื่อนึกถึงว่า ไม่ว่าเขาจะหลงรักเจ้านายมากเพียงไหน อีกฝ่ายก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวอยู่ดี หัวใจของเขาปวดร้าวจนต้องกัดฟันกรอด

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะ “คุณคิมุระคะ อาหารค่ำเสร็จแล้วค่ะ”

เร็นลุกขึ้นนั่ง “อะ ครับ! ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”


เมื่อเสร็จจากมื้ออาหารค่ำแล้ว เด็กหนุ่มก็ปราดไปอาบน้ำแต่งตัว เขายืนโกนหนวดอยู่หน้าตู้กระจกหลังเล็กในห้องอาบน้ำที่ติดไว้เหนืออ่างล้างมือ จากนั้นจึงเปิดออกเพื่อเก็บมีดโกนและหยิบอาฟเตอร์เชฟออกมาใช้ แล้วก็เดินไปรอเจ้านายที่ห้องนอนเหมือนอย่างเคย

แต่เพราะหัวใจที่ไม่ยอมสงบลงเอาเสียเลย เร็นจึงออกไปยืนรับลมบนระเบียง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามราตรีกาล ดวงจันทร์ที่ใกล้เต็มดวงเข้าไปทุกทีมีเมฆหมอกบดบังอยู่เล็กน้อย หากเมื่อมีลมพัดมาเบาๆ ก้อนเมฆเหล่านั้นก็จะถูกพัดพาไป ส่งผลให้แสงสีนวลของดวงจันทร์ส่องลงมายังพื้นดินได้

ร่างสูงฉุกใจคิด ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด อีกสองคืนน่าจะเป็นคืนวันเพ็ญ คงเป็นคืนที่ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างไสว เขาอาจจะใช้ประโยชน์จากลำแสงนั้นได้ แต่ต้องหาอะไรมาช่วยสะท้อน เด็กหนุ่มพลันนึกไปถึงกระจกภายในห้องอาบน้ำ... ซึ่งมันน่าจะถอดออกมาได้ไม่ยาก

“เร็น”

เด็กหนุ่มจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ไม่ทันสนใจเสียงเรียกตนเองจากภายในห้อง กระทั่งสายลมพัดพาก้อนเมฆไปบดบังดวงเดือนอีกครั้ง ร่างผอมบางจึงค่อยๆ ก้าวออกมาจากในความมืด ตรงเข้าไปโอบกอดร่างสูงจากทางด้านหลัง

“เร็น”

ร่างสูงสะดุ้งเฮือก “อะ... เจ้านาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”

“มาสักพักแล้ว ผมเรียกคุณตั้งหลายรอบแน่ะ”

เร็นหัวเราะแก้เขิน “ขอโทษครับ ผมมัวแต่เหม่อ...”

“เหม่ออะไรน่ะ”

“เหม่อเพราะคิดถึง...” มือหยาบวางประกบมือขาวที่วางซ้อนกันอยู่บนแผ่นอกของตน “...เจ้านาย... น่ะสิครับ”

“ปากหวานอีกแล้ว” เสียงผู้เป็นนายตอบกลับมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“ผมพูดจริงนะครับ” เร็นจับมือนุ่มขึ้นมาจูบลงไปบนฝ่ามืออย่างแผ่วเบา “...คิดถึงเจ้านายทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย”

ชายหนุ่มดึงมือกลับ “เข้าไปในห้องดีกว่า แล้วปิดม่านด้วยนะ” จากนั้นก็สาวเท้ากลับเข้าไปภายในห้อง โดยมีร่างสูงเดินตามไปติดๆ

มือหยาบดึงผ้าม่านหนามาปิดบานประตูกระจกสำหรับออกระเบียง เสร็จแล้วจึงก้าวเข้าไปหาเจ้านายซึ่งนั่งรออยู่บนเตียง เขาย่อตัวลงนั่งบนเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าอีกฝ่าย “วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยครับ ให้ผมช่วยถอดเสื้อสูทออกให้นะ”

“จะถอดแค่นั้นเหรอ”

เร็นยิ้มกริ่ม “เจ้านายใจร้อนจัง ทีละชิ้นสิครับ” พอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาจากเจ้านาย เด็กหนุ่มจึงพูดต่อ ขณะที่ช่วยถอดเสื้อให้อย่างใจเย็น “ดีจังเลยครับ ที่วันนี้เจ้านายหัวเราะได้”

“.....”

ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองใบหน้าสวยหวานในเงามืด “...ผมไม่รู้ว่าเจ้านายจะเคยเห็นรึเปล่า มีโบสถ์แห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่แม่ผมรักษาตัวอยู่ ในโบสถ์นั้นน่ะ มีภาพวาดเทวดาอยู่บนผนัง... เป็นภาพวาดที่สวยมากเลยล่ะครับ” เร็นยิ้ม ขณะที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด “...เวลาที่ผมกลุ้มใจ ต้องการกำลังใจ ผมก็มักจะไปที่นั่น”

“...งั้นเหรอ...” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

“ผมแวะไปบ่อยๆ แทบทุกครั้งที่ไปเยี่ยมแม่ แล้วบาทหลวงที่นั่นก็ใจดีมากด้วยล่ะครับ แต่ผมไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์หรอกนะครับ”

“ทำไมจู่ๆ ก็พูดถึงขึ้นมาล่ะ”

“...คงเพราะ... เมื่อวานที่เจ้านายบอกว่ากลุ้มใจน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางสังเกตท่าทีของคนตรงหน้าไปด้วย “...ผมชอบไปยืนมองภาพวาดเทวดาในโบสถ์ จนถูกแซวอยู่บ่อยๆ ว่าหลงรักภาพวาดเลยล่ะครับ”

“.......”

“ที่จริงแล้ว... ผมคิดว่าเพราะภาพวาดนั้นทำให้ผมนึกถึงใครบางคนมากกว่า เขามีดวงตาสีเขียวแล้วก็ผมสีทองเหมือนในภาพวาดเลยครับ” เร็นพูดลองเชิงอีกฝ่าย ทว่าชายหนุ่มก็ยังนิ่งอยู่เช่นเดิม

เร็นขมวดคิ้ว เขาเม้มปาก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา มือหยาบเคลื่อนลงมาจัดการกับกางเกงของเจ้านาย

“เร็น...” มือนุ่มยกขึ้นประกบใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับโน้มศีรษะเข้าไปหาแล้วแต้มจูบบนเรียวปากหยักได้รูป

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมมืออีกฝ่าย “เจ้านาย...” ...ผมรักคุณ “...เวลาที่อยู่กับผม มีความสุขมั้ยครับ”

“อืม”

“สำหรับผม... เวลาที่อยู่กับเจ้านาย ผมมีความสุขมากเลยนะครับ” ...อยากอยู่แบบนี้ไปอีกนานๆ “...อยากกอด อยากจูบคุณอยู่ตลอดทั้งวันเลย”

ชายหนุ่มหัวเราะ “พูดแบบนี้... อยากได้อะไรจากผมงั้นเหรอ”

“เจ้านายให้ผมไม่ได้ทุกอย่างหรอกครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “แต่ผมน่ะ... อยากทำให้เจ้านายมีความสุขมากที่สุด” ...สุขจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วอยู่กับเขาต่อไปเรื่อยๆ อยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้

“วันนี้ปากหวานจริงๆ เลย” มือขาวดึงคอเสื้อของเร็นเข้าหาตัว “ถ้างั้นก็พิสูจน์ทีสิ ว่าทำให้ผมมีความสุขได้มากขนาดไหน”

มือหยาบดึงกางเกงสแล็กกับกางเกงชั้นในออกจากสองขาเรียว จากนั้นจึงกอบกุมส่วนไวสัมผัสของเจ้านายไว้ในฝ่ามือ แล้วโน้มใบหน้าลงไปหา “ผมจะพิสูจน์ให้เจ้านายเห็นเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

ค่ำคืนที่ร้อนรุ่มดั่งไฟผ่านไปอย่างเชื่องช้า เรียวปากบางพรมจูบ ลิ้นร้อนลากไล้ ละเลียดชิมไปทุกส่วนบนผิวกายขาว สองร่างเสียดสี หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง เหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามร่างกายคละเคล้า ลมหายใจของพวกเขาประสานกันเป็นจังหวะเดียว เสียงหอบกระเส่าพร่ำเรียกหากันดังแว่ว ไปจนกระทั่งทั้งสองคนผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน


TBC~*


อิอิ อีกไม่นานเจ้านายจะได้เปิดตัวแล้วค่า  :mew1:

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านนะค้า จุ๊ฟฟฟ


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 10: Strom][P.8][250315]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 31-03-2015 17:50:50
แอร้ยยยยยยยยยยยยยยยยย จิ้มก้นคุณฮัสกี้ก่อน เดี๋ยวมาเม้า 555555

หวานสุดดดคู่นี้ ชอบมากๆเลย อย่าหักมุมโดยการดราม่านะคะ หนูจิรับมิด้ายยย55555 รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 31-03-2015 18:11:58
เฝ้ารอเวลานั้นเลยค่าา...~ ว่าแต่เจ้านายจะเปิดเผยตัวเอง หรือว่าถูกเร็นเปิดเผยกันแน่น้าา :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 31-03-2015 18:22:11
รอคุณเจ้านายเปิดเผยตัวจริง จะมีไหมน้อวันนั้น :really2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 31-03-2015 18:24:06
กลัวมาม่า   :mew4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-03-2015 18:36:22
ใกล้จะเห็นหน้าเจ้านายแล้ววว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-03-2015 18:48:54
เริ่มถูกทางแล้วเร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 31-03-2015 19:02:37
เร็นใกล้จะได้เห็นเจ้านายแล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 31-03-2015 19:25:21
ไม่เอาดราม่าได้ไหม~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 31-03-2015 20:30:15
เร็นลุ่มหลงมัวเมามาก เจ้านายเองก็คงไม่ต่าง รอวันเจ้านายเปิดตัว กรี๊ดดด

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: Apitchaya ที่ 31-03-2015 21:25:27
ขอให้ใช่คนเดียวกันน 55555
แต่ทำไมเจ้านายต้องทำให้เป็นความลับขนาดนั้นนะ
หรือเพราะขี้อายมากๆ 55555555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 31-03-2015 22:52:47
ถ้าเจ้านายเปิดตัวเมื่อไหร่ก็ขอให้หนูเร็นสมหวังเมื่อนั้น :L2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-03-2015 23:01:12
รู้จักกันมาก่อนจริงด้วย
ลุ้นว่าอย่าให้ดราม่าแรง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 31-03-2015 23:18:30
 :mew3: :z2: รอเวลา ฉึกฉึกกับเจ้านายแบบเห็นหน้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 31-03-2015 23:52:19
สู้ต่อไปนะเร็นนน น  น :mc4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleBerry ที่ 01-04-2015 01:02:58
คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ รอเค้าเห็นหน้ากันชัดๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 01-04-2015 01:41:59
ไม่เอามาม่า แต่ขอให้เธอ(คุณhusky)มา(ต่อ)ไวไว :give2:
อ่านแล้วก็อยากอ่านอีก อยากอ่านอีก อยากอ่านอีกเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-04-2015 09:36:40
เปิดตัวด่วนเลยรออยู่
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 01-04-2015 09:49:43
 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 01-04-2015 10:37:48
รอวันที่เขาจะได้เห็นหน้ากันชัดๆสักที
เร็นอดทนอีกนิดนึงนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-04-2015 21:57:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-04-2015 00:17:04
ลึกลับ...

ล่อลวง...

ลุ่มหลง...

....ปริศนานี้เย้ายวนนัก...
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 05-04-2015 21:25:44
 :z3: อยากอ่านต่อค่ะะะะะะะะะ กรี้ดดดดด  :katai4:
หื่นก็หื่น คา(?)ก็คาาาาาาฮืออออออออ อ่านไม่เคยรู้จักพอ ขอยาวๆข่าาาาา หงิงงง :hao5:
รีบมามาลงต่อนะคะ >< กร้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 11: ลุ่มหลง][P.9][310315]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 07-04-2015 17:32:06


Chapter 12


เมื่อวันใหม่เริ่มต้นขึ้น หลังมื้ออาหารเช้า เร็นใช้เวลาอยู่แต่ในห้องอาบน้ำภายในห้องนอนของตน เพื่อจัดการถอดบานกระจกออกมาจากตัวตู้ เนื่องจากดวงจันทร์เมื่อคืนเกือบจะเต็มดวงแล้ว ดังนั้นไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ที่จะเป็นคืนวันเพ็ญ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่เขาจะใช้กระจกสะท้อนกับแสงจันทร์ ให้เขาได้มองเห็นใบหน้าของเจ้านายชัดๆ อีกสักครั้งได้

ใช้เวลางัดแงะอยู่พักใหญ่ ตัวน็อตบนบานพับของตู้กระจกก็หลุดออกจนหมด เร็นจึงค่อยๆ แยกบานกระจกออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นในตอนบ่ายแก่ๆ หลังจากที่แม่บ้านทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็นำบานกระจกนั้นไปซ่อนเอาไว้ใต้เตียงในห้องนอนของเจ้านาย

แม้รู้สึกไม่ดีที่จะต้องผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ หากเขาก็คิดว่าจำเป็นที่จะต้องเสี่ยง เพื่อที่จะได้รู้ว่าเจ้านายเป็นใคร เป็นคนเดียวกับที่เขาคาดหวังไว้หรือไม่


ท้องนภายามอนธการปลอดโปร่งราวกับเป็นใจให้กับเด็กหนุ่ม จันทรากลมเกลี้ยงสีเหลืองนวลลอยเด่น ทอแสงสว่างไสว สายลมทะเลพัดโบกเพียงแผ่วเบา พาเกลียวคลื่นสาดซัดขึ้นสู่ฝั่ง ส่งเสียงแว่วมาเป็นระยะๆ

หัวใจของเร็นเต้นแรงจนเจ็บหน่วงในอก ความรู้สึกผิดและความเป็นกังวลทำให้เขาไม่อาจนั่งอยู่สุขได้ จำเป็นต้องเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องที่ปิดม่านไว้มิดชิดเรียบร้อย พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงมาที่ห้อง ร่างสูงก็หยุดยืนนิ่ง

...เจ้านายมาถึงแล้ว

ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาภายในห้องหยุดยืนนิ่งหลังจากบานประตูปิดลงสนิท เขากวาดสายตามองหาร่างสูง “เร็น”

เร็นยืนรอจนเจ้านายเดินเข้ามาใกล้ พอได้จังหวะก็โอบเอวบางแล้วดึงเข้ามาสวมกอด “เจ้านาย”

“อ๊ะ ตกใจหมดเลย ทำไมมายืนอยู่เงียบๆ ตรงนี้ล่ะ” ร่างผอมบางถาม เพราะปกติแล้ว เร็นมักจะนั่งรอบนโซฟา หรือไม่ก็ออกไปยืนบนระเบียง แต่วันนี้กลับมายืนเงียบๆ อยู่ตรงมุมห้อง

“ผมมัวแต่เดินไปเดินมา ตอนที่รอเจ้านายน่ะครับ”

“หืม... รออยู่เฉยๆ ไม่ได้เลยรึไง” ผู้เป็นนายเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบ “อยู่เฉยๆ ไม่ไหวครับ เพราะคิดถึง...”

"คิดถึงอะไรกันทุกวัน ได้ยินจนเบื่อแล้ว" คนในอ้อมกอดพูดกลั้วหัวเราะ

"ก็คิดถึงนี่ครับ... ถ้าวันไหนเจ้านายไม่มา ไม่ได้พบคุณ ผมคงแทบขาดใจ"

"......"

"ไม่ว่าผมปากหวานอีกเหรอครับ"

"ก็รู้ตัวอยู่แล้วนี่" ชายหนุ่มตอบ มือขาวดันตัวเองออกเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “หัวใจเต้นแรงจัง”

เร็นยิ้มบาง “เจ้านาย... ไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อมั้ย... แต่หัวใจผมมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณ เวลาที่คิดถึงคุณ”

“...ไม่เชื่อหรอก” ผู้เป็นนายพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ หากหางเสียงสั่นจนเด็กหนุ่มรู้สึกได้

มือหยาบเชยคางเรียวขึ้น ให้สองสายตาได้ประสานกันท่ามกลางความมืดมิด ถึงแม้ไม่ได้เห็นสีหน้าของเจ้านายว่าเป็นเช่นไร แต่น้ำเสียงที่ได้ยินนั้น เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ว่าเจ้านายก็รู้สึกหวั่นไหวยามเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกัน

...หรือเจ้านายจะเป็นคนคนนั้นจริงๆ

ฝ่ามืออีกข้างเคลื่อนผ่านแผ่นหลังบอบบางช้าๆ ไปหยุดอยู่บนสะโพกเล็ก ร่างสูงออกแรงกดเบาๆ ให้ร่างกายของเจ้านายได้สัมผัสถึงความร้อนรุ่ม แข็งขึงสมชายของตัวเขา “ผมเองก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน... แค่คิดถึงคุณก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะครับ”

ผู้เป็นนายยกแขนขึ้นโอบลำคอใหญ่ เพื่อรั้งให้ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้พอที่จะแนบริมฝีปากของกันและกันได้ “เป็นแบบนี้... เพราะผม... จริงๆ น่ะเหรอ"

“จริงสิครับ ผมคิดถึงเจ้านาย อยากจูบคุณ... จูบอยู่แบบนี้ทั้งวันทั้งคืน” เร็นแต้มจูบแผ่วเบา บดคลึงกลีบปากนุ่มช้าๆ แล้วบดเบียดแนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“อืม...”

“อยากกอดคุณแน่นๆ แบบนี้” อ้อมแขนแกร่งกระชับร่างผอมบางไว้แนบชิด ก่อนจะจรดปลายจมูกบนซอกคอระหง สูดดมกลิ่นประจำตัวของผู้เป็นนายให้สมกับที่รอคอยมาตลอดวัน

เสียงหัวเราะแผ่วเบาแว่วมาจากคนในอ้อมแขน ดูเหมือนจะพอใจอยู่ไม่น้อย

“อยากทะนุถนอมคุณแบบนี้” ร่างสูงอุ้มเจ้านายขึ้นแนบกาย จากนั้นจึงพาอีกฝ่ายไปวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง แล้วบรรจงปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ปิดบังผิวขาวเนียนออกทีละชิ้นจนเหลือแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่า

“อยากทำความรู้จักกับทุกส่วนของร่างกายคุณแบบนี้” เด็กหนุ่มลูบไล้เรือนร่างของเจ้านายช้าๆ เขาก้มลงสร้างรอยจูบไปเรื่อยๆ จากหัวไหล่เล็กผ่านมาบนแผ่นอก ขบกัดยอดอกเบาๆ แล้วใช้ปลายลิ้นลากผ่านหน้าท้องราบ จนมาหยุดอยู่ที่ส่วนไวสัมผัสที่กำลังตื่นตัว

“อือ... อืม...” ผู้เป็นนายคล้อยตามคำหวานและรสสัมผัสอันอ่อนโยน เขาส่งเสียงครางเบาๆ ในลำคอราวกับลูกแมวแสนเชื่อง

“อยากได้ยินเสียงหวานๆ ของคุณแบบนี้” เร็นชำเลืองมองท่าทางที่อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟของเจ้านายอย่างพอใจ ก่อนจะใช้โพรงปากครอบครองส่วนร้อนของอีกฝ่ายไว้ ขยับศีรษะขึ้นลงด้วยจังหวะเนิบนาบอยู่สักพัก แล้วจึงค่อยเร่งให้เร็วขึ้น

“อา...” มือนุ่มขยุ้มเส้นผมของคนที่ทำให้ตนเองปั่นป่วน เมื่อเรียวปากอุ่นร้อนเคลื่อนไหวกระชั้นขึ้น ศีรษะเล็กที่วางอยู่บนหมอนก็ส่ายไปมาด้วยความเสียวกระสัน

“เร็ว... เร็วอีก อื้อ อื้ม...” ร่างผอมบางบิดเร่าเมื่อมือหยาบช้อนสะโพกขึ้น

เด็กหนุ่มกระชับริมฝีปากและแกล้งรูดรั้งท่อนเนื้อเสียงดัง เขายิ้มกริ่มอยู่ในใจ เพราะมั่นใจว่าตนเองรู้จักร่างกายนี้ดีที่สุด แล้วก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เจ้านายปั่นป่วนขนาดนี้ได้

"เร็น... ไม่ไหวแล้ว อื้ม... อ๊า..."

ลิ้นเรียวตวัดไล้วน ของเหลวที่เจ้านายหลั่งออกมามากมายบ่งบอกว่าต้องการให้เขาพาอารมณ์ร้อนรุ่มไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด เขาเร่งจังหวะดูดกลืนส่วนที่ร้อนผ่าว จนผู้เป็นนายกรีดร้อง ร่างกระตุกเกร็ง แล้วฉีดพุ่งหยาดรักออกมาในโพรงปากตน เด็กหนุ่มดูดเม้ม กลืนกินของเหลวสีขุ่นทั้งหมดเข้าไปอย่างไม่รังเกียจ

“อืม... เจ้านายของผมนี่ หวาน... อร่อยไปทั้งตัวเลย”

ผู้เป็นนายหอบหนักๆ "...วันนี้... คุณเป็นอะไรเนี่ย" ...ชายหนุ่มนึกสงสัย เพราะรู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ผิดแปลกไปจากทุกที

เร็นอมยิ้ม ขณะเงี่ยหูฟังเสียงหอบหายใจของเจ้านาย เขาขยับไปนั่งเคียงข้างร่างผอมบาง กุมมือขาวขึ้นมาไว้บนแผ่นอก จากนั้นจึงเงียบไปพักใหญ่เพื่อรอให้ลมหายใจของเจ้านายกลับมาเป็นจังหวะปกติ แล้วจึงแนบจุมพิตหนักแน่นบนหลังมือนุ่มนิ่ม

“เจ้านายครับ... คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าหากผมไม่สามารถทำตามกฎที่คุณกำหนดไว้ได้ทุกข้อ”

“มันขึ้นอยู่กับว่า คุณทำผิดกฎข้อไหน จะได้หักเงินถูก” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ

“ผมไม่แคร์... คุณจะหักที่เหลือไปทั้งหมดเลยก็ได้ ส่วนที่ผมรับมาแล้วผมสัญญาว่าจะหามาคืนให้” เด็กหนุ่มบีบมือขาวไว้แน่น "ผมพูดจริงๆ นะครับ... ผมจะพิสูจน์ให้คุณได้รู้ ว่าผมจริงจังกับคำพูดของผม"

“....” ร่างผอมบางนิ่งเงียบไปราวกับกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะพูด

"...ตามข้อตกลง ผมไม่ควรจะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับการทำงาน... ผมพยายามแล้ว แต่ผมก็ห้ามใจของผมไว้ไม่ได้" เมื่อร่างสูงหยุดพูด ภายในห้องก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงหายใจของทั้งสองคนดังประสานกัน

เร็นถอนหายใจแรงๆ หลายครั้ง ก่อนจะเงียบไปอีกสักพัก “ฟังผมนะครับ...” เสียงสูดหายใจเข้าลึกและพ่นออกอย่างแรงดังขึ้นอีกหลายหน เด็กหนุ่มกำลังรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เพียงเพื่อพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจเขาให้อีกฝ่ายได้รับรู้  “ผม... คงจะหลงรักคุณเข้าซะแล้ว”

ผู้เป็นนายนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหลุดหัวเราะพรืด “ฮะ... ฮ่าๆๆ รักเหรอ... คุณจะมารักผมได้ยังไงกัน ผมเป็นใคร หน้าตาผมเป็นยังไงคุณยังไม่รู้เลย”

นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเจ้านายอย่างไม่ไหวติง หากในความมืดมิดเขาไม่อาจสื่อถึงความจริงใจผ่านแววตาออกไปให้เจ้านายรับรู้ได้ “แปลกเหรอครับ... การที่เราจะรู้สึกผูกพัน รู้สึกรักใครสักคนจากการมีตัวตนของเขา ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน”

“...ผมเข้าใจนะ ว่าหน้าที่ของคุณคือทำให้ผมพอใจ...”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ!”

ใบหน้าในเงามืดเบือนหนี “เอาเถอะ... ขอบใจนะ คุณทำหน้าที่ได้ดีมากจริงๆ ผมได้ยินแล้วรู้สึกดีมาก ถึงแม้คุณจะพูดไปเพราะหน้าที่ก็ตาม”

“...ผมพูดจริงนะครับเจ้านาย... จะให้ผมพิสูจน์ยังไงคุณถึงจะเชื่อ”

ผู้เป็นนายหันหน้ากลับมาทางเร็นช้าๆ "นั่นสิ จะให้คุณพิสูจน์ยังไงดีนะ" จากนั้นจึงสอดเท้าเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์เพื่อใช้ปลายเท้าสัมผัสกับหน้าท้องแกร่ง ใช้นิ้วโป้งเท้ากดลงไปเบาๆ ตรงท้องน้อย แล้วค่อยๆ เคลื่อนวนไปมาอย่างยั่วเย้า

มือหยาบวางประกบบนหลังฝ่าเท้าที่พยายามยั่วอารมณ์เขาให้ว้าวุ่น แต่ก็ไม่เหนี่ยวรั้ง ปล่อยให้ผู้เป็นนายลากฝ่าเท้าขึ้นไปจนถึงแผ่นอก

"ขอเพียงคุณบอกมา ผมจะพิสูจน์ให้คุณได้เห็น" เร็นถอดเสื้อออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้านาย เขาช้อนฝ่าเท้าสีขาวขึ้นเล็กน้อย แล้วโน้มศีรษะลงไปแนบริมฝีปาก พรมจูบเบาๆ บนนิ้วเท้าทีละนิ้ว ทีละนิ้ว "...ผมเป็นคนที่จริงจังกับความรักนะครับ"

ร่างผอมบางดึงเท้าของตนกลับ แล้วเงียบไป เร็นจึงใช้โอกาสที่ดูเหมือนว่าเจ้านายจะกำลังสับสนรุกล้ำเข้าหา เขาค่อยๆ ถอดกางเกงออก แล้วขยับขึ้นไปคร่อมอยู่ด้านบนของชายหนุ่ม

“เจ้านาย... ทำไมคุณไม่เชื่อคำพูดของผม... ผมเป็นคนพิเศษของคุณไม่ใช่เหรอครับ” เด็กหนุ่มกระซิบถาม ขณะค่อยๆ พาตนเองเข้าไปหลอมรวมกับอีกฝ่าย

“อา... ข้างในของเจ้านาย สุดยอดไปเลย”

“อื้ม... ขยับหน่อยสิ เร็น”

“ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด” เด็กหนุ่มกระซิบบนกลีบปากนุ่ม ขณะถอนกายออกอย่างเชื่องช้า “แต่เจ้านายต้องตอบผมก่อนนะ... ผมเป็นคนพิเศษของคุณใช่มั้ย”

“เร็น!” ชายหนุ่มทุบไหล่หนาอย่างไม่เบาแรงนัก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงกระแทกเข้ามาจนเนื้อแนบเนื้อสนิท “อื้อ!”

“ตอบสิครับ” เร็นทำเช่นเดิมซ้ำไปซ้ำมา

“อา... ใช่...”

เด็กหนุ่มยิ้ม “ขอบคุณครับ” เขาก้มลงขบจูบไปตามลำคอขาวและบนแผ่นอก ลิ้นอุ่นตวัดวนยอดอกที่แข็งเป็นไตตอบรับรสสัมผัส แล้วขบดึงอย่างเมามัว

“พอแล้ว อา...” แม้จะบอกให้พอ แต่ร่างผอมบางกลับแอ่นอกขึ้นหาเรียวปากที่รุกรังแก

เร็นขยับกายสอดใส่เร็วขึ้น เสียงของความแข็งขึงในช่องทางนุ่มชื้นดังสวบสาบ “ซี้ด... เจ้านาย... คุณเป็นของผม...” ...เขาจะทำให้คนใต้ร่างนี้จดจำรสสัมผัส ฝังรากลึกในความทรงจำจนไม่สามารถร่วมรักกับใครได้อีก มือหยาบจับขาเรียวยกขึ้นแล้วแยกออก พร้อมกับสอดใส่แก่นกายถี่รัว

ไม่นานอารมณ์ร้อนรุ่มของทั้งสองก็ถูกปลดปล่อยออกไป ร่างผอมบางทรุดฮวบลงกับผืนเตียง พลางเผยอริมฝีปากหอบหนักๆ
ฝ่ามือหยาบลูบไล้ร่างเปล่าเปลือย “...รู้สึกดีใช่มั้ยครับ”

“อืม”

“ถ้างั้น... ผมขออีกรอบนะ”

“อ๊ะ! อื้อออ... เดี๋ยว!”

เสียงหอบหายใจที่ยังไม่ทันหายเป็นปกติกลับหอบกระเส่าอีกครั้ง เสียงครวญครางอย่างสุขสมดังก้อง คละเคล้ากับเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของเตียง ผิวเนื้อร้อนรุ่มเสียดสี หยาดเหงื่อและเสียงเต้นแรงๆ ของหัวใจประสานกันเป็นหนึ่ง

“อา เจ้านาย... ของผม”

“เร็น! อ๊า!”

ไฟแห่งความปรารถนาหลอมรวมสองร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ก่อนทั้งคู่จะประคองกันข้ามผ่านจุดสูงสุดแห่งอารมณ์ไปอีกครั้ง


TBC~*


เอ็นซีเยอะเนอะคะเรื่องนี้  :mew5: อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนน้า 5555 อยากจะตัดออก แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เนื้อเรื่องไม่ราบรื่น (มีงี้ด้วย) เพราะงั้นทนๆ กันไปก่อนนะคะ ฮาาาา

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่า ใกล้วันหยุดสงกรานต์แล้ว วางแผนไปเที่ยวไหนกันน้อ ขอให้เดินทางกันโดยสวัสดิภาพนะคะ  :mew1: แล้วว่างๆ อย่าลืมแวะมาอ่านนิยายฮัสกี้บ้างน้า ฮ่าาา

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 07-04-2015 17:43:21
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-04-2015 17:53:01
มีเยอะก็ไม่เป็นไรหรอก เราชอบโดยส่วนตัว 555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-04-2015 18:23:19
แผนนี้จัดว่าเด็ดมากเลยค่ะเร็น!! o13
แต่ว่าเคลิ้มจนลืมมองหน้าเจ้านายแล้วน้าา…
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-04-2015 18:31:54
ก็เจอกันแต่ตอนมืดนี้เนอะ จะแค่กอดกันก็กระไรอยู่ 555 รอดูแผนการณ์ของเร็นจะสำเร็จไหม
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 07-04-2015 18:32:40
 :oo1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-04-2015 18:46:30
กลัวเจ้านายโกรธจัง ตามประสานางเอกที่ชอบคิดมาก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-04-2015 18:55:57
เจ้านายไปเฮิรทไรมา ดูท่าจะไม่ค่อยเชื่อในความรัก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 07-04-2015 18:58:20
มีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ช่วงกลางคืน มันก็ต้องอย่างนี้ละมั้ง :haun4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-04-2015 19:28:34
แล้วกระจกได้ใช้ไหมเร็น
สงสัยจะเพลินนะ 55555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-04-2015 20:44:35



                  เร็นจะโดนจับได้เรื่องกระจกมั้ยเนี่ย   รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleBerry ที่ 07-04-2015 21:32:41
ขอเจ้านายมองตรงๆไปเลย ทำแบบนี้เดี๋ยวเจ้านายโกรธเอานะ :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-04-2015 22:25:48
รักล้นใจ พูดไปเจ้านายดันไม่เชื่ออีก สู้ๆ ค่ะเร็น
สองคนนี้จะห่างจะขาดกันได้เหรอ โคตรจะนัวเนีย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 07-04-2015 22:38:47
เร็นบอกรักคือรักจริงๆนะเจ้านาย
เชื่อกันบ้างสิ!!
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: Kimkibog ที่ 07-04-2015 23:32:17
*จิกหมอนรัวๆ* นุ้งเร็นคนบ้าาาา!  :hao6:
คึกยังกับม้าศึกกกกกกก คุณเจ้านายคางเหลือหรือยังคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 08-04-2015 08:40:50
NC เยอะๆไม่เบื่อค่า คนอ่านชอบมาก 555
เร็นทั้งรักทั้งหื่นขนาดนี้ เจ้านายไหวมั้ยเนี่ย
อยากอ่านตอนหน้าที่เร็นจะแอบดูหน้าเจ้านายแล้วค่ะ


+1 ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 08-04-2015 09:01:04
แล้วเร็นจะได้เหันหนัาเจ้านายไหม :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 08-04-2015 16:06:14
ยิ่งอ่านก็ยิ่งลุ่น พอๆกันทีดูแม่ลุ่นหวยว่ามันจะออกตัวเลขใหนเลย สู้ๆนะค่ะผู้เขียนที่รัก อิอิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: Apitchaya ที่ 08-04-2015 20:22:51
ให้สำเร็จนะเร็น!!!!
อินี่ก็รอ อยากรู้ด้วยคน 555555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: pagg ที่ 12-04-2015 10:49:50
ไม่ได้ตามอ่านหลายตอน อ่านรวดเดียวเลือดท่วมตัวเลยค่ะ
หนูเร็นคิดจะทำอะไรหนอ กลัวจะเกิดดราม่าเพราะความอยากเห็นหน้าเจ้านายของเร็นจริงๆ

สู้ๆนะคะคุณฮัสกี้ รออ่านอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 12-04-2015 21:58:12
 :hao5:  พายุกะลังมาาาาา แงงงงงงงงง
จะรอตอนต่อไปนะคะะะะะะะ มาต่อเร้ววววว โมะๆๆๆๆ  :katai5:
ขอบคุณนะคะ ^^ จุ๊บุ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 14-04-2015 21:14:45
บอกรักแค่ปากดูเหมือนเจ้านายจะยังไม่เชื่อ ต้องบอกรักด้วยการกระทำย้ำลงไปอีก   :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 12: แผนการ][P.10][070415]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 16-04-2015 20:32:50


Chapter 13 : ความจริงเปิดเผย



ความเงียบงันของยามค่ำคืนเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในห้องกว้าง  เสียงของลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอแว่วมาจากร่างผอมบางที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขราวกับว่ากำลังเริงร่าอยู่ในความฝันอันสวยงาม แผ่นหลังของเขาแนบชิดกับแผ่นอกกว้างอันแสนอบอุ่น

ฝ่ามือกร้านค่อยๆ ลูบผ่านข้อมือขาว ผ่านลำแขนเรียวขึ้นมายังหัวไหล่อย่างแผ่วเบา แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบชิดใบหูนิ่ม
"เจ้านายครับ"

"เจ้านาย..." เร็นลองเรียกดูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านายหลับลึกและคงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ

เมื่อเห็นว่าร่างผอมบางไม่ขยับเขยื้อน และยังคงผ่อนลมหายใจเข้าออกเนิบนาบตามปกติ ร่างสูงจึงลุกขึ้นจากเตียง เขาก้มลงต่ำ เอื้อมมือไปหยิบบานกระจกที่ซ่อนไว้ใต้เตียงออกมา แล้วสาวเท้าไปยังบานหน้าต่างซึ่งมีผ้าม่านคลุมไว้แน่นหนา

เร็นจ้องมองร่างผอมบางจากตรงหน้าผ้าม่าน มือกร้านเอื้อมไปแหวกผ้าม่านออกเพียงเล็กน้อยแล้วหยุดกึก เพราะความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นในใจ


...คิดดีแล้วเหรอ ที่จะทรยศต่อความไว้ใจของเจ้านายแบบนี้


“อืม...” ผู้เป็นนายขยับตัวเล็กน้อย หากใบหน้าหวานใสนั้นขยับไปตรงที่ลำแสงสีนวลจากดวงจันทร์ส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามาภายในห้องพอดี

แม้ในแสงสลัวท่ามกลางความมืดมนอนธการ ความงดงามของผู้ที่หลับใหลอยู่บนเตียงยังเปล่งประกาย จนทำให้หัวใจของเร็นเกือบจะหยุดเต้นไปชั่วครู่ ผิวกายขาวนวลดุจไข่มุก เส้นผมสีทองราวกับทองคำนั่นดูท่าทางจะนุ่มมืออยู่ไม่น้อย จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาหลงใหลบนใบหน้าเรียวเล็ก ทุกส่วนบนใบหน้านั้นราวกับถูกคัดสรร บรรจงมาประกอบไว้ด้วยกันอย่างประณีต


...ใช่แล้ว ใบหน้าเช่นนี้เขาเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ๆ


ร่างสูงยังคงลังเล แต่เมื่อนึกถึงว่าสัญญาของเขากับเจ้านายมีระยะเวลาเพียงแค่เดือนครึ่งเท่านั้น และเมื่อจากกันไปแล้ว หากเขาไม่รู้ว่าเจ้านายเป็นใคร เขาจะไปตามหาเจ้านายทีหลังได้อย่างไร เขาไม่ต้องการให้การพบกันในครั้งนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำแสนหวานที่ให้ความรู้สึกดีเพียงชั่วครู่ แล้วก็ผ่านพ้นไปราวกับสายลม... เหมือนเช่นเมื่อครั้งก่อน

หลังจากตัดสินใจได้ ร่างสูงก็ยกบานกระจกขึ้นสะท้อนกับแสงจันทร์อย่างระมัดระวัง โดยให้ลำแสงตกกระทบลงบนท่อนขาก่อน จากนั้นจึงเคลื่อนขึ้นไปยังท่อนบนอย่างเชื่องช้า แล้วหยุดก่อนจะถึงใบหน้า เพราะกลัวว่าลำแสงนั้นจะทำให้ร่างผอมบางรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้

ดวงตาคมหรี่ลงเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่าง เขาเพ่งพิจารณาร่างขาวนวลตาซึ่งไร้อาภรณ์ปกปิด ผิวกายที่นวลเนียนราวกับรูปแกะสลักหินอ่อนนั้นมีร่องรอยสีกุหลาบเป็นจ้ำประปราย ร่องรอยซึ่งเขาเป็นคนประทับไว้เมื่อก่อนหน้า เร็นใช้สายตาโลมเลียเจ้านายทีละส่วนช้าๆ อย่างต้องการจะเก็บรายละเอียดของทุกส่วนโค้งเว้าให้ฝังลึกในความทรงจำ ไล่จากท่อนขายาวเรียว ผ่านขึ้นไปยังสะโพกกลมกลึงที่นุ่มหยุ่นพอดีกับฝ่ามือ เอวเล็กคอด แผ่นอกที่มีติ่งไตสีชมพูประดับ และลำคอระหงบนหัวไหล่ผอม

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ไม่อยากเชื่อสายตาว่านี่คือร่างกายที่เขาได้กกกอดทุกค่ำคืน ก่อนจะชะโงกเข้าไปมองใบหน้าของเจ้านายอีกครั้ง ดวงตาที่ปิดสนิท มีขนตายาวเป็นแพมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะอยู่ไม่ใกล้นัก ทำให้ใจเขานึกอยากจะมีโอกาสได้สบตากับเจ้านายตรงๆ สักครั้ง ดวงตาคู่นั้นคงจะมีอำนาจลึกลับที่ทำให้เขายิ่งตกหลุมรัก... ตกลงไปลึกเสียจนไม่สามารถปีนขึ้นมาใหม่ได้อีก


“...ขอบคุณนะ ถ้างั้น... แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ละกัน

“พรุ่งนี้มาอีกได้มั้ยครับ... ผมนอนนิ่งๆ อยู่ที่นี่คนเดียว เหงาชะมัดเลย ผมจะดีใจมากถ้าหากคุณมาได้”

“...ตกลงครับ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วผมจะซื้อขนมอร่อยๆ มาฝาก”

“ผมจะรอ”



เร็นเพ่งมองลึกเข้าไปในความทรงจำที่รางเลือน แวบหนึ่งรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงบนศีรษะ หัวใจของเขาร่วงวูบเมื่อภาพในอดีตปรากฏชัดเจนขึ้นทีละน้อย ใบหน้าสวยหวาน รอยยิ้มที่สะกดสายตาเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น ใช่แล้ว... ผู้ชายคนนี้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบริษัทใหญ่ที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมเบสบอลของเขาอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย

เด็กหนุ่มยืนนิ่งเป็นหิน เขาไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลย ผู้ชายที่ดูดีราวเทพบุตร ร่ำรวยล้นฟ้าคนนี้คือคนที่ซื้อตัวเขามา ทั้งๆ ที่ปกติแล้วในชีวิตก็น่าจะมีคนเข้ามาให้เลือกมากมาย

ความคิดอันสับสนของร่างสูงพาให้ตัวเขาย้อนนึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลายปีก่อน 


เสียงอื้ออึงดังลั่นจากข้างสนามเบสบอลที่ร่างสูงและเพื่อนในชมรมใช้ในการฝึกประจำ เด็กหนุ่มในชุดฝึกสีขาวคาดดำเพิ่งได้หยุดพัก เขายังหอบหนักๆ จึงยืนดูการฝึกซ้อมตีลูกของรุ่นพี่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเดินไปหยิบเครื่องดื่มที่ผู้จัดการทีมเตรียมไว้ให้ ก่อนจะวางกลับคืนไป

"คิมุระคุง น้ำชานี่เย็นหมดแล้ว เดี๋ยวจะไปเอามาให้ใหม่นะ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอาเอง" เร็นยกมือห้าม แล้วจึงจ้ำอ้าวออกจากสนามไป พร้อมกับหันไปตะโกนบอกเพื่อนๆ ในชมรม  "เฮ้ย กูไปซื้อน้ำแป๊บ"

สมาชิกในทีมที่ยืนอออยู่ข้างสนามหันมาตอบ "รีบไปรีบมานะเว้ย เดี๋ยวจะถึงคิวกัปตันแล้ว!"

ขณะที่ร่างสูงก้าวออกไป สายตาของเขาเหลือบไปเห็นชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่งซึ่งเขาเคยเห็นมาที่สนามฝึกซ้อมสองสามครั้งแล้ว ที่จำได้ก็เพราะอีกฝ่ายใส่ชุดไปรเวทและมีเส้นผมสีทองแตกต่างไปจากนักเรียนในโรงเรียนทุกคน เขาเดาเอาว่าเป็นใครบางคนที่สำคัญกับทางโรงเรียนเนื่องจากเคยเห็นเดินมากับผู้อำนวยการของโรงเรียน แต่ดูท่าจะชื่นชอบเบสบอลอยู่ไม่น้อย เร็นเดินตรงเข้าไปหาร่างผอมบางนั้น ใจคิดว่าจะทักทายแล้วชวนให้มาดูการฝึกภายในสนามเบสบอลสักครั้ง ตามประสาคนมีอัธยาศัยดีและเป็นกันเอง

หากในเวลาเดียวกันนั้นเอง

"โฮมรันๆๆๆ กัปตันโฮมรันเลย!" ทั้งหมู่คนที่มุงดูและนักกีฬาในชมรมต่างโห่ร้องส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่นเมื่อกัปตันชมรมผู้มีฉายาแบทเทอร์ (คนตีลูก) พิฆาตก้าวลงสนามไป

เร็นหันกลับไปมอง หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากสนามนัก เขาส่ายศีรษะไปมาเพราะคิดว่าเสียงเชียร์ที่ได้ยินนั้นออกจะเหมือนคนเมาที่ตะโกนโวยวายซะมากกว่า

กัปตันคนที่ว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างกายกำยำบึกบึน ถือไม้ตีเบสบอลในมือตั้งท่ารอรับลูกจากพิชเชอร์ที่ตำแหน่งแบทเทอร์บ็อกซ์ (ตำแหน่งที่ยืนสำหรับแบทเทอร์) แขนแกร่งจับไม้ตีเบสบอลไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นตามลำแขน เขาเหวี่ยงแขนสุดแรงเมื่อเห็นลูกเบสบอลลอยมาใกล้


ป๊อก


"โฮมรัน!!"

"โฮมรันแน่โว้ย!!"

"เฮ้ย ไอ้เร็น กัปตันตีลูกไปหามึงแล้ว โหม่งกลับมาหน่อยโว้ย!" หนึ่งในลูกทีมตะโกนแซวเสียงดังเมื่อเห็นว่าลูกบอลตรงไปยังบริเวณที่ร่างสูงยืนอยู่

นัยน์ตาคมกริบมองตามทิศทางของลูกเบสบอลที่พุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็ว มันไม่ได้ตรงมาทางเขาเสียทีเดียว แต่ตรงไปยังผู้ชายร่างผอมบางในชุดไปรเวทที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานักซะมากกว่า

"ระวัง!!!" เขาตะโกนจนสุดเสียง พร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปบังอีกฝ่ายไว้


เจ้านาย... ชื่อของเขา... คือ... ดาริล... ดาริล รอส

ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดเมื่อนึกออกว่าผู้ว่าจ้างตนเป็นใคร ขายาวก้าวถอยหลังไปชนกับบานประตูออกสู่ระเบียง ส่งผลให้บานกระจกในมือไปกระทบบานกระจกประตูจนเกิดเสียงดังกึง! โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาสะดุ้งเฮือก รีบซ่อนบานกระจกไว้หลังผ้าม่าน หากการกระทำที่เร่งรีบทำให้ช่องว่างระหว่างผ้าม่านเพิ่มมากขึ้น

"อื้อ... อะไรน่ะ" ร่างผอมบางเปิดเปลือกตาขึ้นมอง เขากะพริบตาปริบๆ อย่างไม่คุ้นชินกับแสงสลัวในห้อง...

...ทำไมมีแสง มันควรจะมืดสนิทจนแทบมองอะไรไม่เห็นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาจึงเห็นใบหน้าคมเข้มที่กำลังแสดงอาการตกใจได้ชัดเจนแบบนี้

ร่างผอมบางลุกจากเตียงด้วยความสับสน ทั้งยังงัวเงียอยู่ไม่น้อย สองขาพาตัวเองเดินโซเซไปตรงที่เร็นยืนตัวแข็งอยู่ คิ้วเรียวขมวดมุ่น "เร็น ยืนทำอะไรน่ะ" เขาสบสายตากับเด็กหนุ่มพลางยื่นมือออกไปหาอีกฝ่าย... ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นแขนของตนเองได้อย่างชัดเจน

กึง! บานกระจกที่เร็นซ่อนไว้ล้มลง ยังไม่ทันสัมผัสพื้นห้อง หากรั้งผ้าม่านให้เปิดออกกว้าง จนแสงสว่างจากจันทราเต็มดวงสาดส่องเข้ามาฉาบไล้ร่างของชายหนุ่มทั้งสอง

นัยน์ตาคมกริบเบิกโพลงเมื่อได้สบประสานสายตากับดวงตาสีเขียวมรกต หัวใจของเขาราวกับหยุดเต้นไปชั่วครู่ "คุณดาริล"

ชายหนุ่มชะงัก แววตากลมใสสั่นระริก บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดหวังมากมายอย่างไม่ปิดบัง "ทำไม... ทำไมถึงทำแบบนี้"

"ผม... คือ..."

"ทั้งๆ ที่ผม..." ฟันซี่เล็กกัดลงบนริมฝีปากอิ่มที่สั่นอยู่น้อยๆ ก่อนชายหนุ่มจะยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า ความรู้สึกหลากหลายที่ประดังกันเข้ามา ทั้งโกรธ ผิดหวังและเสียใจ ส่งผลให้ผู้เป็นนายไม่ทันเอะใจว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อจริงของตน

เร็นดึงข้อมือขาวทั้งสองข้างออก "เจ้านาย... คุณไม่มีอะไรที่ต้องอับอายสักหน่อย ทำไมต้องปิดบังผมด้วยล่ะ"

ใบหน้าสวยหวานเงยหน้าขึ้นประสานสายตา นัยน์ตาสีเขียวงดงามฉายแววความขุ่นเคือง ไหล่บอบบางสั่นเทาเพราะเจ้าตัวกำลังพยายามสะกดกลั้นความโกรธและผิดหวังเอาไว้ "ผมไม่ควรไว้ใจคุณเลย ผมคิดผิดที่คิดว่าจะไว้ใจคุณได้"

เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มส่งผลให้ร่างสูงชาวาบ เขารู้ว่าตนเองผิดและทำให้อีกฝ่ายเสียใจมากเพียงไหน "เจ้านาย! ผมรู้ว่าผมทำผิด! แต่ผมทำลงไป... ก็เพราะรักคุณนะ"

ผู้เป็นนายเบือนหน้าหนีไปจากร่างสูง เขากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ "...ผมจะไม่หลงคารม จะไม่โง่ให้คุณหลอกอีก เรื่องของคุณกับผมมันจบลงแล้ว พอกันที ผมขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างเดี๋ยวนี้"

"ไม่!! คุณไม่เข้าใจ ผมไม่เคยหลอกอะไรคุณเลยนะ!" เร็นกระชับข้อมือขาวทั้งสองข้างไว้แน่น "ฟังผมก่อนสิครับ ขอเวลา..."

"...หึ..." ดาริลหัวเราะเสียงขื่นในลำคอ พลางกระชากข้อมือออกอย่างแรง "...ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะจ่ายเงินให้คุณเหมือนเดิม" เขาพูดพลางหันหลังกลับ ก้มหยิบเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะอยู่ขึ้นมาใส่ แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออกไปพร้อมคำสั่งสั้นๆ "เตรียมรถให้ผมเดี๋ยวนี้"

เร็นวิ่งไปขวางหน้าเจ้านาย "เดี๋ยวก่อนครับ... เจ้านาย! ได้โปรดเชื่อผม ผมรักคุณ! ผมรักคุณนะ ผมรอคอยที่จะได้พบกับคุณอีกครั้งมาตั้งนานแล้ว!"

ร่างผอมบางหยุดกึก “รองั้นเหรอ” ...จะโกหกทำไม ภาพในอดีตคราวนั้น เขายังจำได้ติดตา ชายหนุ่มเสตาหลบ พลางเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “รักงั้นเหรอ... ความรักไม่อาจคงอยู่ได้หากปราศจากความไว้ใจ แล้วคุณยังมีค่าพอที่จะให้ผมเชื่อคำพูดของคุณอีกงั้นเหรอ”

“เจ้านายฟังผมก่อน” มือกร้านยื่นออกไปเพื่อไขว่คว้าคนที่เขารัก แต่ก็ต้องชะงักค้าง...

“อย่าแตะต้องตัวผม!” ดาริลปัดมือกร้านออกอย่างแรงพร้อมกับปรามเสียงเกรี้ยว

“...คุณดาริล...”

“หึ” ผู้เป็นนายหัวเราะเสียงขึ้นจมูก เขากัดกรามแน่นก่อนจะเค้นคำพูดออกมาจากลำคอที่แห้งผาก “ต่อไปนี้ขออย่าให้เราได้พบเจอกันอีกเลย”

ท่าทีที่บอกว่ารังเกียจ คำพูดที่กรีดลึกเข้าไปในหัวใจของเด็กหนุ่มราวกับคำสาปที่สาปให้ตัวเขากลายเป็นหิน... ใช่ เขาทำผิดมหันต์ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าความไว้วางใจนั้นสำคัญกับเจ้านายมากขนาดไหน

...ที่ชายหาดเมื่อคราวนั้น ตอนที่เขาถูกเจ้านายบังคับให้เอาผ้าปิดตาแล้วทิ้งไว้ให้อยู่ในน้ำทะเลคนเดียว ตอนที่เจ้านายแกล้งทำเป็นหลับ... ทั้งหมดก็เพื่อที่จะพิสูจน์ความไว้ใจ

“ผม... ผมขอโทษ...” เร็นพูดเสียงสั่น มือกร้านเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งด้วยความกลัว... กลัวที่จะต้องพบกับความสูญเสียและการจากลา 

เจ้านายกำลังจะหันหลังเดินออกไปจากชีวิตเขา... อีกครั้ง

เขารู้ตัวว่าทำผิด แต่มันก็สายไปเสียแล้ว การกระทำที่ผิดไปนั้นเขาไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ แววตาของเด็กหนุ่มพร่ามัวเพราะม่านน้ำที่ก่อตัวขึ้นมากางกั้นทัศนวิสัย แล้วหยดน้ำตาของลูกผู้ชายก็ร่วงหล่นจากดวงตาคมกริบราวกับตาเหยี่ยว โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกเลยสักนิด... น้ำตาที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ผมขอโทษ” เสียงเบาหวิวจากร่างสูงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ใจเขาอยากจะรั้งเจ้านายไว้ หากร่างกายไม่ขยับเขยื้อนดังใจคิด

...อย่าจากผมไป... ได้โปรด... ริมฝีปากของเขาราวกับเป็นอัมพาต มันไม่ขยับแม้เพียงนิด ทั้งที่ในใจพร่ำขอร้องให้เจ้านายเห็นใจ เร็นได้แต่ยืนมองแผ่นหลังบางลับตาไป จนบานประตูห้องปิดลงสนิท และเสียงฝีเท้าเลือนหายไปในที่สุด

...จบสิ้นกันแล้ว... เขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลงไปด้วยมือของตัวเอง


แสงไฟภายในบ้านพักริมหาดสว่างขึ้นทั้งหลังเมื่อเจ้าของบ้านพักหลังเล็กแห่งนั้นนั่งรถคันหรูจากไป เร็นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งแม่บ้านเคาะประตูห้องแล้วก้าวเข้ามาช้าๆ เธอมองเขาด้วยความเห็นใจ ก่อนจะเดินเข้าไปเขย่าแขนเรียกสติ

“คุณคิมุระคะ คุณท่านสั่งว่าให้มาช่วยคุณคิมุระเก็บของ เดี๋ยวตาลุง(คนขับรถ)จะพาคุณคิมุระไปส่งที่บ้านค่ะ”

เร็นหันไปสบสายตากับแม่บ้าน “...ผม... ผมทำผิด...”

แม่บ้านพ่นลมหายใจออกหนักๆ “อย่าคิดมากเลยค่ะ เรื่องมันจบเร็วขึ้นหน่อย คุณคิมุระจะได้กลับบ้านไปพบคุณแม่เร็วขึ้นไงคะ”

“แต่ผมรักคุณดาริล” เด็กหนุ่มพูดเสียงแหบแห้ง หากคำพูดของเขาทำให้แม่บ้านเบิกตาโพลง

“คุณคิมุระ!” เธอไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะรู้จักชื่อเจ้านายของเธอด้วยซ้ำ สองมือที่เย็นเฉียบกุมมือของเร็นไว้ “อย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด อย่าเอ่ยชื่อของคุณท่าน! จะทำให้คุณท่านเสียหายได้นะคะ! คุณท่านกำลังจะแต่งงานในไม่ช้านี้แล้ว ขอให้เรื่องของคุณคิมุระกับคุณท่านจบลงที่ตรงนี้เถอะค่ะ”

“แต่งงาน” เร็นชาวาบไปทั้งร่าง สองขาอ่อนแรงจนทรุดตัวลงไปกองกับพื้น เจ็บปวดในอกปานจะขาดใจ

“ข้าวของในห้องของคุณคิมุระ คุณท่านยกให้คุณคิมุระทั้งหมดเลยค่ะ ดิฉันยกกระเป๋าขึ้นมาแล้ว กลับไปเก็บของที่ห้องของคุณกันก่อนนะคะ”

“ผมไม่ต้องการ...”

เด็กหนุ่มไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรอีกแล้ว เขาปล่อยให้แม่บ้านกึ่งลากกึ่งจูงตนเองกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วนั่งลงบนเตียงอย่างเลื่อนลอย พอรู้สึกตัวอีกที แม่บ้านก็พาเขาไปส่งให้กับคนขับรถพร้อมกับจัดการใส่ผ้าปิดตาให้ จากนั้นก็ถูกส่งกลับไปยืนอยู่ที่หน้าอะพาร์ตเมนต์พร้อมกับข้าวของกองใหญ่

เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดราวกับความฝัน เร็นยกกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งหมดกลับเข้าไปในห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

ผู้ชายที่ซื้อตัวเขา คนที่ยอมให้เขากกกอดอยู่ทุกคืนเป็นเวลาเกือบเดือนนั้น คือ ดาริล รอส ลูกชายคนเดียวของตระกูลรอสซึ่งเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมเบสบอลของนิชิไฮ แม้จะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของชมรมนัก แต่ก็เคยได้ยินเพื่อนๆ ในทีมกับกัปตันพูดถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลนี้กับเรื่องของดาริลอยู่บ้าง


“ลูกชายคนเดียว คนนั้นไง ที่มาพร้อมกับคุณอัตสึชิอยู่บ่อยๆ ช่วงหนึ่ง ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ขนาดใส่แว่นบังไว้ ยังรู้เลยว่าต้องหน้าตาดีมากแน่ๆ”

“เห็นว่าเรียนอยู่ที่อังกฤษ มีทั้งแม่บ้าน คนดูแลส่วนตัวติดตามด้วยนะเว้ย”

“มองแวบเดียวก็รู้ว่าคนละชั้นกับพวกเราเลยว่ะ”



หากเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของเพื่อนๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เขาช่วยให้พ้นจากลูกเบสบอลของกัปตันคือ ดาริล รอส คนที่ว่านั่น จนกระทั่งเมื่อครั้งอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วโค้ชกับกัปตันมาเยี่ยม


“ไอ้เร็น ขอบใจนะมึง ถ้ามึงไม่เข้าไปช่วยคุณดาริล กูต้องหมดอนาคตแน่ๆ” กัปตันทีมส่ายหน้าไปมา

“มันเป็นอุบัติเหตุ จะหมดอนาคตได้ยังไงกันรุ่นพี่” เร็นหัวเราะ

“หมดสิ นั่นน่ะ ลูกชายคนเดียวของเครือบริษัทรอส สปอนเซอร์ของทีมเรานะ”

“คนคนนั้นน่ะเหรอ!” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น

กัปตันทีมขยี้เส้นผมสีดำของร่างสูงจนยุ่งเหยิง “ที่เอ็งได้นอนห้องพิเศษในโรงพยาบาล มีหมอที่ดีที่สุดมาดูแล เอ็งคิดว่าเพราะใครกันเล่า!”

...เพราะดาริล รอสคนนั้น เป็นคนจัดการให้อย่างนั้นเหรอ?

“เอ็งเป็นนักกีฬาคนสำคัญ ยังไงทางสปอนเซอร์ก็ต้องช่วยเหลือเต็มที่อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเอ็งช่วยเหลือคนของเขา อย่าคิดมากเลยน่ะ รีบๆ หาย จะได้ไปซ้อมแข่งต่อ สปอนเซอร์จะได้ชื่นใจนะ” โค้ชปลอบเมื่อเห็นว่าเร็นมีสีหน้าเป็นกังวล

“ว่าแต่... นี่ เร็น พยาบาลบอกว่าคุณดาริลมาเยี่ยมเอ็งเหรอ”

“ครับ มาเมื่อวาน... เอาดอกไม้มาเยี่ยมด้วย ช่อเบ้อเริ่มเลย นั่นไงรุ่นพี่” เร็นชี้ไปยังช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่

“โอ้โห! แล้วนี่... มองใกล้ๆ แล้วหน้าตาดีเหมือนที่เขาลือกันมั้ย”

...ถ้าจะบอกว่าหน้าตาดีเกินมนุษย์ ชนิดที่ทำให้เขาคิดถึงได้ตลอดทั้งวัน คงจะถูกหัวเราะเยาะเอาแน่ๆ แต่เร็นก็พยักหน้า “...คุณดาริลบอกว่าจะมาอีก รุ่นพี่ก็รอพบสิ”

กัปตันทีมหัวเราะ “เขาจะมาเร้อ... คนระดับนั้น มาเยี่ยมเอ็งครั้งเดียวก็หรูแล้ว ไอ้เร็นเอ๊ย”

“แต่เขาบอกว่าจะมา...”



ในตอนนั้นเด็กหนุ่มเชื่อคำพูดของดาริลสนิทใจ เขาหวัง... รอคอยเวลาที่อีกฝ่ายจะมาเยี่ยมอีกครั้งอย่างที่พูดไว้ หากจนออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่รอคอย เวลาผ่านล่วงเลยไป จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี... เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าของดวงตาสีมรกตก็ค่อยๆ ถูกฝังให้ลึกลงไปในความทรงจำ จนเร็นเชื่อสนิทใจว่าคนคนนั้นได้ลืมตนเองไปเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายอยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง สำหรับคนธรรมดาๆ อย่างเขานั้น แค่เป็นคนรู้จักหรือเพื่อนกันกับคนระดับ ดาริล รอส ยังไม่ได้เลย

เร็นเปิดใจให้กับหญิงสาวทุกคนที่เข้ามาหา ด้วยความหวังที่ว่าจะทำให้เขาลืมเรื่องของดาริลไปได้เร็วขึ้น หากเรือนร่างบอบบางที่ได้กกกอด สำหรับเขาก็เป็นได้แค่เพียงการระบายอารมณ์พลุ่งพล่านในกาย ไม่มีใครสามารถเข้ามาแทนที่หรือทำให้เขาลืมดาริลไปจากความทรงจำได้เลย

ดังนั้นพอเข้าเรียนในชั้นมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มจึงหยุดการค้นหาคนที่จะสามารถตรึงหัวใจและทำให้เขาใจจดจ่ออยู่ด้วยได้ แล้วหันไปทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมเบสบอลให้มากกว่าเดิม เวลาที่มีความต้องการตามประสาผู้ชาย เขาก็ใช้สองมือนี่แหละ ช่วยปลดปล่อยความร้อนรุ่มให้กับตนเอง

...จนมาถึงเมื่อครั้งที่มารดาล้มป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก เร็นนั่งเฝ้ารอเธออยู่ที่ด้านหน้าห้องผ่าตัดตลอดวันตลอดคืนจนลืมรับประทานอาหาร พอมารดาถูกย้ายออกจากห้องผ่าตัดไปยังห้องพักรวมได้ เขาจึงเดินออกมาจากโรงพยาบาลอย่างสะโหลสะเหล ท้องหิวจนส่งเสียงร้องดังลั่น เงินสดที่มีอยู่ในตอนนั้นก็ใช้จ่ายค่ายาให้มารดาไปหมดแล้ว เด็กหนุ่มจึงนั่งลงบนขั้นบันไดตรงทางเข้าโบสถ์อย่างอ่อนแรง

“เป็นอะไรไปลูก”

เร็นเงยหน้าขึ้นมองตามต้นเสียง คนตรงหน้าเขานั้นคือบาทหลวงในชุดสีขาวสะอาด มีสายประคำห้อยไว้กับเอว อีกฝ่ายย่อตัวลงแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาจึงตอบไปเสียงอ่อย “ผม... ไม่มีเงินครับ หิวข้าว”

“แย่จริง งั้นเข้ามาข้างในก่อนสิ เดี๋ยวพ่อจะพาไปกินข้าวนะ ลุกไหวมั้ย?”

พอเข้าไปภายในโบสถ์แห่งนั้น แวบแรกที่ได้เห็นภาพวาดของเทวดาบนฝาผนังหัวใจก็เต้นรัว เร็นก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าภาพโดยลืมความหิวโหยไปเสียสนิท

ดวงตากลมโตสีเขียวสดใส ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ แก้มใสออกสีชมพูระเรื่อ กลีบปากอวบอิ่มน่าสัมผัส เส้นผมสีทองเป็นลอนงดงาม ภาพวาดนี้ราวกับเป็นภาพของใครบางคนที่เขาเก็บไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำ แม้ไม่อยากนึกถึงอีก แต่ก็ไม่เคยลบออกไปจากหัวใจได้

“อัครทูตสวรรค์กาเบรียลยังไงล่ะ ท่านมาแจ้งข่าวให้พระนางมารีย์ทราบ เรื่องการตั้งครรภ์”

“ทูตสวรรค์?” เร็นขมวดคิ้ว

“ก็เทวดานั่นล่ะ แต่ว่ารูปนี้น่ะนะ พ่อได้ยินว่าต้นแบบภาพวาดของท่านกาเบรียลคือเทพอีรอสของกรีก”

“งั้นเหรอครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะแหะๆ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “ชื่อจำยากจัง ผมไม่รู้จักหรอกครับ”

บาทหลวงยิ้ม “...เข้าไปในครัวกันดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะบอกให้แม่ครัวเตรียมอาหารไว้ให้”

“อะ... ครับ ขอบคุณมากครับคุณพ่อ”


TBC~*


เอามาลงให้ยาวๆ เบย ดีม้อยยยยย  o13 ฮัสกี้น่ารักชิมิคะ กรั่กๆๆๆ

ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าเจ้านายเป็นใคร เย่เย้ ดีใจมั้ยค้า 55555

หลายๆ คนคงกลับมาจากวันหยุดสงกรานต์กันแล้ว (รึเปล่า?) อย่าลืมแวะมาเยี่ยมน้องเร็นกับเจ้านายบ้างน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-04-2015 20:57:50
เศร้าตามเร็นไปด้วยเลยค่ะ ..ถูกเจ้านายโกรธไม่พอยังต้องมาเสียใจเพราะรู้ว่าเจ้านายต้องแต่งงานอีก ทางที่จะบรรจบกันอยู่ตรงไหนกันค้าา..T^T :sad4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-04-2015 20:59:45
เร็นไปฉุดเจ้านายมาให้ได้นะ!!!
ตบจูบไปเล้ยย
เข้าใจเราผิดแต่ไม่ฟังเราพูดเลย เอาแต่ใจเหมือนกันแหละ โด่ว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 16-04-2015 21:16:03
เร็นรู้ความจริงแล้วเจ้านายต้องโกรธมากแน่ๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-04-2015 21:17:38
สมน้ำหน้าเร็น!!!!!!ทรยศความไว้ใจกันเพราะเห็นแก่ตัว  :fire:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-04-2015 21:35:52
มาแล้ว ดราม่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: Apitchaya ที่ 16-04-2015 21:54:51
ฮืออออ ดราม่า ไม่เอาาาาา
เร็นตามหาดาริลแล้วฉุดโล้ดดดด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 16-04-2015 21:56:23
กับมาจากสงกรานก้อดราม่าเลย สงสารเร็นจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-04-2015 22:00:06
เร็น หนูเป็นไซคีเหรอลูก = =


จะโดนลมตะวันตกพัดไปถึงไหนล่ะลูก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 16-04-2015 22:04:48
ผิดคำพูดน่ะแย่มาก แต่สำหรับเรื่องแบบนี้ ก็ต้องลองแลกกันสักตั้ง
จะให้จากกันไปเองเหมือนความฝันที่ตื่นมาแล้วค่อยๆลืมรึไง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 16-04-2015 22:50:12
 :o12: :o12: :o12: สงสารทั้งคู่จังเลย สงสารเจ้านายที่มาเข้าใจผิด และผิดหวังคิดว่าเร็นเชื่อใจไม่ได้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 16-04-2015 23:02:46
 :ling1: :ling1: ม๊ายยย ย ยย ย  เจ้านายฟังด่อนสิ ต่างคนต่างในเรื่องติดค้างในใจแล้วจะจากกันไปทั้งความรู้สึกนี้เนี่ยนะ  :katai1:  :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-04-2015 23:05:32
สงสารเร็นอ่ะทำไมเจ้านายใจร้ายจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-04-2015 23:36:02
'ดาริล'....ชื่อเพราะจนเราเพ้อเลย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleBerry ที่ 17-04-2015 02:00:49
ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีระหว่างเร็นที่แอบรักเจ้านายแต่ทำความผิดเจ้านายเลยไม่เชื่อใจ  กับเจ้านายที่ซื้อตัวมาแล้วทำให้เค้าหลงรักแต่ตัวเองกำลังจะแต่งงาน  แลเวตอนจบจะแฮปปี้มั้ย


 :ling2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-04-2015 08:49:10
สงสารหนูเร็นจังเลย  :o12:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-04-2015 08:52:21
โถเร็น..
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 17-04-2015 23:49:49
ชอบชื่อเจ้านายจังเลย ดาริลๆๆๆๆๆๆ
แต่ใจร้ายกับเร็นจัง ไม่คิดจะฟังอะไรเลย สงสารเร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-04-2015 02:11:48



              :pig4:และรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 18-04-2015 07:12:40
 จะสงสารใครดี :ling3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 18-04-2015 20:57:55
เร็นผิดสัญญาน๊า  :เฮ้อ: แต่ก็คงปวดใจด้วยกันทั้งคู่หละนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-04-2015 12:20:38
หว่า... เจ้านายคงตกใจมากที่เร็นรู้ว่าเป็นตัวเอง คนรวยคนยิ่งใหญ่บางทีก็ไม่ได้มีความสุข ทำไรตามใจตัวเองก็ไม่ได้เนอะ
แล้วความรักสองคนจะเป็นยังไงกันต่อนะ ลุ้นไปกับเร็น รักเขาหมดใจแล้วอ่ะ เจ้านายเองก็คงไม่ต่าง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 19-04-2015 23:29:31
ต้มน้ำรอเลยรึเปล่าคะ งานนี้ เง้ออออ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: trimo-mo ที่ 20-04-2015 16:23:50
รีบๆมาต่อนะ ไม่อยากค้างนานนน  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-04-2015 17:15:17
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 20-04-2015 19:06:49
เจ้านายยยฟังน้องเร็นก่อนนสิ อย่าเพิ่งตัดรอนนน  :katai1: โฮฮฮ สงสารน้องเร็น แต่ก็เห็นใจเจ้านายอยู่ โอย ทำตัวไม่ถวก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-04-2015 17:53:44
รู้หรือไม่รู้แล้วไง คุณเจ้านายก็ต้องแต่งงานอยู่ดี สัญญาก็กำหนดเวลาไว้แล้วด้วย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 23-04-2015 14:45:48
งืออออ  เร็นไม่น่าผิดสัญญาเลยอ่ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 25-04-2015 18:30:09
 :z13: หงิงงงงง  :z3: สงสารนู๋เร็นก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า กี้ดดดดด วันหลังอย่าให้จับได้รู้ม้ายยย #ผิด
ขอบคุณนะคะ รีบๆมาต่อน้าาาา จุ๊ฟฟฟ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-04-2015 00:16:20
อยากผิดกฏ ก็ต้องได้รับโทษนะ เร็น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 13: ความจริงเปิดเผย][P.11][160415]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-04-2015 20:21:01


Chapter 14


(กลับมาภายในห้องพักของเร็น)

หลังจากนั่งนิ่งอยู่นาน เสียงเตือนข้อความเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เร็นกวาดสายตามองหาต้นเสียง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันมองไปรอบๆ เขาเปิดกระเป๋าเป้ที่ใส่หนังสือเรียนออกดูก่อน แล้วจึงพบว่าโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ที่เขาส่งให้เลขาหนุ่มไปในวันแรกอยู่ในกระเป๋าใบนั้นแล้ว มือหยาบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก เป็นข้อความสั้นๆ ว่า ได้คืนโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์พร้อมทั้งบัตรสำคัญทั้งหมดไว้ในกระเป๋าเป้ รวมถึงเงินอีกหนึ่งล้านเยนด้วย

ร่างสูงเบิกตาโพลง พอรื้อกระเป๋าเป้ดูจึงพบซองสีน้ำตาลหนา เขาหยิบมาเปิดดูแล้วรีบปิดไว้เช่นเดิม

“คุณคิดว่าผมเห็นแก่เงินนี่มากนักรึไง!” เร็นโยนซองสีน้ำตาลนั้นลงบนพื้น “ที่ผมพูดกับคุณทั้งหมดนั่น ผมไม่ได้โกหกคุณเลยแม้แต่นิดเดียว!” มือหยาบยกขึ้นทุบศีรษะ ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าจะโวยวายไปเพื่ออะไร ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้ยิน ไม่ได้รู้เห็นด้วยสักหน่อย

เด็กหนุ่มพยายามโทรกลับไปที่เบอร์ที่ส่งข้อความมาหลายครั้ง หากก็ไม่เป็นผล ระบบตอบมาเพียงว่าไม่มีหมายเลขที่ต้องการติดต่อ เขายกมือขึ้นกุมใบหน้าแล้วถูหนักๆ “...จะทำยังไงดี ผมจะทำยังไง ถึงจะได้พบกับคุณอีกครั้ง” จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง

แสงอบอุ่นจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เสียงฝีเท้าของห้องที่อยู่ข้างๆ กันดังตึงๆ ทุกคนต่างอยู่ในช่วงรีบเร่ง เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปโรงเรียน ไปมหาวิทยาลัย หรือไปทำงาน

เร็นลืมตาขึ้นช้าๆ ภายในห้องอันคุ้นตา เขายันตัวขึ้นนั่ง... อยากให้ความผิดพลาดเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน ภายในชั่วพริบตา ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเสียจนปรับตัวไม่ทัน ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เขายังโอบกอดร่างกายที่เปลือยเปล่าของเจ้านายไว้ในอ้อมแขนนี้อยู่เลย

“จริงสิ แม่...” เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวดแล้วปราดเข้าไปในห้องอาบน้ำ เขาเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ จากนั้นจึงตรงไปยังโรงพยาบาลซึ่งเป็นที่รักษาตัวของมารดา

ฮานาโกะยังคงพักอยู่ในห้องคนไข้พิเศษเช่นเดิม พอได้เห็นหน้าลูกชาย เธอก็ร้องไห้ฟูมฟาย โอบกอดเขาด้วยความคิดถึง “ลูกรักของแม่”

“แม่สบายดีนะครับ” เร็นโอบเธอตอบ “ผ่าตัดเจ็บมั้ย”

“ไม่รู้สึกอะไรเลย สบายมาก แล้วก็นะทั้งหมอ ทั้งพยาบาลผลัดเวียนกันเข้ามาดูแลตลอดวันเลยล่ะ นี่คุณหมอว่าอาทิตย์หน้าก็กลับบ้านได้แล้ว”

“ดีจังครับ” ร่างสูงยิ้มบาง ใจชื้นขึ้นเล็กน้อย ที่อย่างน้อยมารดาของเขาก็มีอาการดีขึ้นมาก ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงนอนอย่างอ่อนแรง

มารดาลูบศีรษะลูกชายอย่างอ่อนโยน เธอสังเกตเห็นว่าลูกชายดูเปลี่ยนไป ใบหน้าหล่อเหลามีเค้าโครงของความเศร้าหมอง และดูสงบ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น “แม่ดีใจที่เร็นแข็งแรงดี บนแท่นเขาคงดูแลดีสินะ เร็นดูมีเนื้อมีหนังขึ้นบ้าง แม่เป็นห่วงแทบแย่ กลัวเร็นจะทำงานหนัก”

“......”

“มีอะไรรึลูก” เธอเชยคางลูกชายขึ้น “...เร็นมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

เด็กหนุ่มเสตาหลบ แล้วยกสองมือขึ้นประสานกันไว้ตรงหน้า “ช่วงที่ไปทำงาน... ผม... ได้พบกับคนที่อยากพบมานาน... ได้พบเขาอีกครั้งเหมือนฝันเลยล่ะครับ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ผมมีความสุขมากๆ เขาคอยช่วยเหลือผมทุกอย่าง... เป็นเหมือนกับเทวดาของผมเลยล่ะครับ” เขาถอนหายใจหนักๆ “...แต่ว่า... ต่อจากนี้ไปเราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว”

มารดาหัวเราะเบาๆ อย่างรู้สึกเอ็นดู “ทำไมล่ะ เร็นไม่รู้จักชื่อเขาเหรอลูก”

“รู้ครับ”

“ถ้ารู้ ยังไงก็น่าจะตามหาเขาได้นี่... อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เขาจะไปซ่อนตัวที่ไหนได้”

เร็นสบสายตากับมารดา “นั่นสินะครับ”

“ใครกันนะ ทำให้เร็นของแม่เพ้อหาได้ขนาดนี้” เธอขยิบตาให้ลูกชาย “...แล้วต้องพามาให้แม่ดูตัวด้วยนะ”

ร่างสูงหัวเราะฝืดๆ เจ็บจุกอยู่ในอกเมื่อนึกถึงเรื่องของเขากับเจ้านาย ความหวังที่ดูจะริบหรี่ “.....”

มารดาเคลื่อนมือมาบีบมือของเด็กหนุ่ม “...ขอบใจนะลูก ที่อดทนลำบากเพื่อแม่ขนาดนี้”

“ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อยครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “แล้วอีกอย่าง... ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ ผมก็คงไม่ได้พบกับเขา” มือหยาบกุมมือของมารดาตอบ “แต่ว่า ผม... ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”

“เขารักเร็นรึเปล่าล่ะลูก”

...รักมั้ย... “ผมไม่รู้...”

“อ่าว... ใครจะรู้ดีเท่าตัวเราเองกันล่ะ... แล้วเร็นล่ะ รักเขาแน่แล้วรึเปล่า”

“รักครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้าหลุบตาต่ำ “ผมเคยพบเขาครั้งแรกเมื่อตอนที่อยู่ไฮสคูล”

“แล้วเขาก็จำเร็นได้ใช่มั้ย... ถ้างั้นก็คงจะมีใจให้บ้างละมั้ง” มารดาครุ่นคิดไปกับลูกชายด้วย

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิครับ”

ฮานาโกะบีบมือลูกชายเบาๆ “คนเราน่ะนะ ถ้าไม่สนใจ ก็คงไม่คิดจะจดจำหรอก”

นั่นสินะ... เหมือนตัวเขาที่เฝ้ารอคอยวันที่จะได้พบกันอีกครั้งมาตลอด แล้วเมื่อได้พบกัน ก็ตอกย้ำให้มั่นใจว่ายังไงเขาก็คงไม่มีวันลบชายหนุ่มออกไปจากหัวใจได้แน่ แล้วเจ้านายล่ะ... ที่เลือกซื้อตัวเขา ช่วยเหลือเขาสารพัดนี่ ก็เพราะยังลืมไม่ลงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เจ้านายจะยอมมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับเขา แม้จะเป็นครั้งแรก ทั้งๆ ที่ไม่ได้นึกชอบเขาเลยสักนิดรึไงกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้น ประกอบกับย้อนนึกไปถึงการกระทำของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มก็เริ่มมีกำลังใจขึ้น

“อย่ายอมแพ้เหมือนแม่นะเร็น ถ้ารักแล้ว ต้องสู้ให้ถึงที่สุด”

เด็กหนุ่มยิ้มบาง รอยยิ้มของเขาเศร้าสร้อย “แต่เขากับผม... เราต่างกันมาก คงจะยากสำหรับเขา ที่จะเชื่อใจคนอย่างผม”

“ก็พยายามสิลูก พิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ให้เขาเห็น...”

เร็นไม่ได้ตอบอะไร เขาผ่อนลมหายใจออกยาวแล้วชวนมารดาเปลี่ยนเรื่องคุย จนถึงเวลาเที่ยงที่มารดาต้องรับประทานอาหารและพักผ่อน เขาจึงบอกลา จากนั้นจึงเดินออกจากโรงพยาบาลไปยังโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน สองขาพาเจ้าของก้าวเข้าไปในตัวโบสถ์ พอรู้สึกตัวอีกที ก็ไปยืนอยู่หน้าภาพวาดเทวดาภาพเดิมซะแล้ว

เด็กหนุ่มจ้องมองดวงตาสีเขียวใส กับรอยยิ้มน่ารักของเทวดาในรูปภาพ พลางเอื้อมมือไปสัมผัส “...ผมขอโทษ”

“จะมาสารภาพบาปรึลูก... ก่อนอื่นต้องแบ๊บติสก่อนนะ” บาทหลวงหัวเราะเบาๆ

“อ้าว คุณพ่อ” ร่างสูงค้อมศีรษะลงต่ำ “สวัสดีครับ”

“ไม่เห็นหน้านานเลยนะ แล้วนี่... กินอะไรมารึยังล่ะ”

“ยังครับ”

“มาๆ งั้นมากินกับพ่อสิ”

“ขอบคุณครับ...” เร็นยิ้ม “คุณพ่อ... ถ้าไม่สารภาพบาป เราพอจะคุยกันเฉยๆ ได้มั้ยครับ”

บาทหลวงยิ้มอย่างใจดี “หืม... ได้สิ เอาไว้หลังกินข้าวละกันนะ”

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว บาทหลวงก็เดินนำเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานของตน “มีอะไรรึลูก”

“คุณพ่อครับ... ผมผิดสัญญากับคนที่ผมรัก แต่ผมไม่ได้หลอกลวงหรือขี้โกงอะไรเขานะครับ เขาบอกกับผมว่า ความรักไม่อาจคงอยู่ได้หากปราศจากความไว้ใจ แล้วก็โกรธผมจนบอกว่าไม่อยากพบหน้าผมอีก”

“เรื่องของหัวใจนี่เอง” บาทหลวงอมยิ้ม “นอกใจเขารึ”

“เปล่าครับ... คือว่า เขาไม่ต้องการให้ผมรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ผม... ก็สืบดูจนรู้”

“แล้วสืบทำไมล่ะ”

“เพราะผมอยากรู้ว่าคนที่ผมรักเป็นใคร ใช่คนที่ผมเคยพบมาก่อนแล้วรอคอยเขาอยู่รึเปล่า แล้วผมก็คิดว่าผมจำเป็นที่จะต้องรู้ ถ้าหากวันใดเขาหายตัวไป ผมจะได้ตามหาเขาได้ โดยไม่ต้องรอคอยแบบลมๆ แล้งๆ อีก”

บาทหลวงยิ้ม “ก็มีคำตอบให้ตัวเองแล้วนี่ลูก”

เร็นชะงัก “.......”

“ความรักไม่อาจคงอยู่ได้หากปราศจากความไว้ใจ... ถ้าอยากได้ความรักจากเขากลับคืนมา ก็ทำให้เขาไว้ใจเราอีกครั้งสิลูก”

“...ทำให้เขาไว้ใจอีกครั้ง” เด็กหนุ่มทวนคำพูดของบาทหลวง “แล้วผมจะทำยังไงดี”

“ตัวลูกเองรู้ดีที่สุด ลองกลับไปนึกทบทวนดู การแก้ปัญหาต้องใช้สติให้มากๆ”

“ขอบคุณครับ” ร่างสูงลุกขึ้นค้อมศีรษะ

“ถ้ามีปัญหาอะไร ก็แวะมาได้เสมอ ขอให้พระเจ้าอวยพรนะลูกนะ”

“ถ้าคุณพ่อต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็เรียกใช้ได้เสมอนะครับ” เร็นกล่าวอำลา จากนั้นจึงกลับเข้าไปในตัวโบสถ์ ไปยืนอยู่ที่หน้าภาพวาดของเทวดาอีกครั้ง

“...ผมรู้ว่าคุณกำลังจะแต่งงาน แต่ว่า... อย่างน้อยการที่ผมจะรักคุณ ก็ไม่ใช่ความผิดอะไรไม่ใช่เหรอ... ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเป็นคนที่คุณไว้ใจได้”

อย่างแรกที่เขาต้องทำ คือค้นหาที่ตั้งของบริษัทเจ้านาย เขาจะต้องเอาเงินที่เพิ่งได้มาไปคืน แล้วก็จะตั้งใจทำงานหาเงินมาใช้คืนให้ได้ทั้งหมด


“...คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลย... ผมไม่คิดขายตัวแบบนี้อีกไม่ว่าต่อไปต้องลำบากแค่ไหน ผมจะเรียนจนจบมหาลัย แล้วจะต้องเป็นนักเบสบอลอาชีพให้ได้...”

“...ผมตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครโดยปราศจากความรักอีก แล้วถ้าผมรักใคร ผมก็จะซื่อสัตย์แต่กับเขาคนเดียวเท่านั้น”



...คำพูดที่เคยบอกกับเจ้านาย เขาจะพิสูจน์ให้อีกฝ่ายได้เห็น เขาจะต้องทำให้เจ้านายเชื่อมั่นในตัวเขาอีกครั้ง

เร็นรีบกลับไปที่บ้าน เขารื้อหาเบอร์โทรศัพท์ของกัปตันทีมเบสบอลสมัยที่อยู่ไฮสคูลในหนังสือรุ่นแล้วรีบโทรไปสอบถามเรื่องของบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมของโรงเรียน จากนั้นก็เสิร์ชหาที่ตั้งของบริษัทจากอินเทอร์เน็ต เมื่อได้ข้อมูลครบตามต้องการแล้ว เขาจึงจัดการโทรศัพท์ไปที่บริษัทแล้วขอให้ต่อสายหา ดาริล รอส หากโชคไม่ดีนักเพราะอีกฝ่ายไม่รับสายจากใคร และคนที่รับสายแทนก็คือเลขา ซึ่งเร็นจำเสียงได้อย่างแม่นยำ เขาจึงรีบวางสายไป

เด็กหนุ่มเคลื่อนสายตาไปมองดูเวลาที่ปรากฏบนจอโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว หรือเขาควรจะไปแอบดูลาดเลาแถวๆ บริษัท เพราะไหนๆ ก็ตั้งใจว่าจะออกไปหาลุงมาซะเพื่อขอกลับไปทำงานเช่นเดิมอยู่แล้วด้วย

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็รีบออกจากห้องพัก นั่งรถไฟอีกสองสามต่อ จนถึงบริเวณใกล้ๆ กับสำนักงานใหญ่ของเครือบริษัทรอสจึงลงเดินต่อ สายตาของร่างสูงสอดส่าย กวาดมองไปโดยรอบตลอดทางที่เดินไปยังตึกสูงใหญ่ พอไปถึงทางด้านหน้าตึกซึ่งมียามรักษาการณ์ประจำอยู่ เขาก็หยุดสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

การเดินทางผ่านเข้าออกตึกนั้นดูไม่ลำบากนัก แต่เมื่อเข้าไปแล้วนี่สิ เฉพาะพนักงานที่มีบัตรผ่านเท่านั้นจึงจะผ่านต่อไปยังลิฟต์โดยสารได้ เพราะงั้นคงจะยากสำหรับเขาอยู่สักหน่อย

เร็นนั่งมองดูอยู่สักพัก หากยังไม่ทันถึงเวลาเลิกงาน เขาก็สังเกตเห็นว่ามีรถสีดำคันหรูเคลื่อนเข้าไปจอดด้านหน้าบริษัท ไม่นานคนที่เขารอคอยก็เดินออกมาพร้อมกับเลขาส่วนตัว เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวด ก้าวขาจะวิ่งออกไปแต่ก็หยุดชะงัก ถ้าหากเขาทำอะไรผลีผลามไป คงจะไม่ดีแน่ เพราะถ้าครั้งนี้พลาด เจ้านายจะยิ่งระวังตัวแจ โอกาสที่จะได้ปรับความเข้าใจกันคงจะยากมากขึ้นไปอีก

การเข้าถึงตัว ดาริล รอส คงจะยากเกินไป แต่ถ้า... ดวงตาสีนิลเคลื่อนไปทางชายหนุ่มที่ก้าวเข้าไปนั่งบนเบาะหลังด้วยกันกับเจ้านาย... ถ้าเป็นเลขาคนนั้น อาจจะพอมีโอกาส

...แต่จะทำยังไงได้บ้างล่ะ

นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองรถคันหรูเคลื่อนออกไปช้าๆ พลางถอนหายใจ เขารอจนรถคันนั้นลับตาไป จึงเดินกลับไปยังสถานีรถไฟแล้วเดินทางต่อไปหาลุงมาซะ

“ไอ้เร็น!” ลุงมาซะเบิกตากว้าง แล้วถลาออกมาต้อนรับ “เป็นไงวะไอ้หนุ่ม! แม่เอ็งเป็นไงบ้าง!”

“แม่อาการดีขึ้นแล้วครับ จะออกจากโรงพยาบาลอาทิตย์หน้าแล้ว ผมเลยกลับมาของานทำจากลุง”

“ได้สิ ได้ๆ ลุงก็ไม่ได้จ้างใครเพิ่มหรอก เข้ามาก่อนสิ”

“ผมเริ่มทำงานวันนี้เลยได้มั้ย”

“ได้สิ โชกับเคนจิกำลังวุ่นอยู่ในครัวน่ะ เอ็งไม่อยู่นี่ ลูกค้าสาวๆ หายไปโหม้ดดด” ลุงมาซะบ่น

เมื่อโชกับเคนจิเห็นเร็นเข้าก็ยิ้มรับ “ไอ้เร็น! พี่นึกว่าเอ็งมีคนเลี้ยงดูไม่มาทำงานอีกแล้วววว”

เร็นหัวเราะแหะแหะ “ใครเขาจะมารับเลี้ยงผมกัน ตัวโต กินจุขนาดนี้”

“แล้วเอ็งหายไปไหนมาวะ แม่เอ็งผ่าตัดรึยัง”

“ผ่าตัดแล้วครับพี่ พอดีมีคนให้กู้เงินได้ นี่ผมก็ต้องกลับมาทำงานหาเงินใช้หนี้น่ะครับ”

“อืออ เอ็งโชคดีนะ ไอ้น้องชาย”

พวกเขาพูดคุยกันได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงเวลาเลิกงานของคนทั่วไป ลูกค้าทยอยกันเข้ามาจนแน่นร้าน หลายคนที่ทักเร็นว่าไม่ได้เห็นหน้ากันนาน เขาดูจะเป็นที่รักของขาประจำร้านอยู่ไม่น้อย

“เฮ้ เร็น! เมื่อตอนบ่ายเห็นที่รปปงหงิ ว่าจะเรียกอยู่แล้วเชียว ไปทำอะไรแถวนั้นล่ะ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะตรงเคาน์เตอร์พูดขึ้น เขาเป็นขาประจำคนหนึ่งของร้าน

“เห็นผมที่รปปงหงิ... ทำไมคุณอาถึงเห็นได้ล่ะครับ”

มาซะที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์พอดีพูดขึ้นบ้าง “คุณทานากะมีร้านดอกไม้อยู่แถวนั้นใช่มั้ยนะ”

“ใช่แล้ว”

เร็นเลิกคิ้วขึ้นพลางโน้มใบหน้าเข้าไปหา “...คุณอา... รู้จักตึกของบริษัทรอส... มั้ยครับ”

ชายวัยกลางคนยกแก้วสาเกขึ้นจิบพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก “รู้ซี่ บริษัทใหญ่ขนาดนั้น ไม่รู้ก็แย่แล้ว... อีกอย่างมีคนในบริษัทนั้นมาสั่งดอกไม้ที่ร้านอาเป็นประจำ เลขาของลูกเจ้าของที่ผมทองหล่อๆ น่ะ เขามารับดอกไม้ที่ร้านกับมือเลยนะ”

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง “จริงเหรอครับ! คุณอา! อย่าหลอกผมนะ!”

“เฮ่ย! จะหลอกทำไมล่ะว้า”

เร็นหันมองไปรอบๆ รอจนมาซะหันไปจัดการกับอาหารจึงย่อตัวลงนั่งข้างๆ ลูกค้าคนนั้น “คุณอา เลขาคนที่ว่า เขาชื่ออะไรครับ แล้วเขาไปที่ร้านคุณอาเมื่อไหร่บ้าง”

“มีอะไรกับเขาเหรอ”

“เดี๋ยวผมเลี้ยงสาเกอีกแก้ว คุณอาบอกผมหน่อยนะ นะครับ”

ชายวัยกลางคนยิ้มกว้าง “เขาชื่อมิยะ มิยะ คาซึกิ เขาจะมาที่ร้านวันพฤหัสตอนหลังเลิกงาน มารับช่อดอกลิลลี่สีขาวให้เจ้านายเขา เห็นว่าเพราะจะแวะไปโบสถ์ทุกวันศุกร์เช้าน่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ขอบคุณคุณอามากครับ ร้านคุณอาอยู่ตรงไหน ชื่ออะไร ช่วยบอกผมทีสิครับ”

“ถ้าบอกแล้วจะไปช่วยงานที่ร้านบ้างได้มั้ยล่ะ อาอยากได้ผู้ช่วยหน้าตาดีๆ เอาไว้เรียกสาวๆ บ้าง ส่วนค่าจ้างอาจะให้เป็นรายชั่วโมงดีมั้ย”

“ดีเลยครับคุณอา ผมว่าจะไปหางานเพิ่มพอดี ผมเริ่มงานที่ร้านนี้ห้าโมงเย็น คุณอาอยากให้ผมไปทำเวลาไหนบ้างก็บอกมาเลยครับ”

หลังจากตกลงกันได้ ก็สรุปว่าเร็นจะไปทำงานพิเศษที่ร้านดอกไม้เพิ่มอีกอาทิตย์ละสองวัน วันละสองชั่วโมง เงินเดือนที่ได้ก็ถือว่าดีเลยทีเดียว แต่เด็กหนุ่มก็คิดว่าคงจะต้องหางานเพิ่มอีก เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม เขาควรใช้เวลาทำงานพิเศษให้ได้เงินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เร็นหางานพิเศษไปพลาง จนกระทั่งถึงวันพฤหัสที่รอคอย ก่อนถึงเวลาเด็กหนุ่มจึงเข้าไปช่วยงานเจ้าของร้าน เวลาที่มีคนมาสั่งช่อดอกไม้ เขาก็จะเข้าไปช่วยถือดอกไม้ไว้ในขณะที่พนักงานในร้านจัดช่อ

ระหว่างนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาภายในร้านกับเพื่อน ผู้ชายคนนั้นท่าทางเขินอาย แต่พวกเพื่อนก็ดันหลังแรงๆ ไปยังตรงหน้าชั้นวางแจกันที่มีดอกกุหลาบตั้งโชว์ไว้หลากสี เร็นก้าวเข้าไปทักทาย “สวัสดีครับ จะรับดอกกุหลาบเหรอครับ จัดช่อมั้ยครับ”

“ไอ้หมอนี่จะเอาไปจีบสาว ช่วยจัดกุหลาบแดงให้มันสักช่อครับ”

“เฮ้ย! จะดีเหรอ จู่ๆ ก็จะเอากุหลาบแดงไปให้เลย!”

“เขาจะได้รู้เจตนามึงแต่แรกไง ไอ้งี่เง่านี่!”

เร็นยิ้มมุมปาก พลางเอื้อมมือไปยังแจกันดอกกุหลาบสีแดง “จะรับกี่ดอกดีครับ”

“สอง... เอ๊ย สามละกันครับ”

“ครับ จะรับดอกอื่นแซมด้วยมั้ยครับ”

“เอา...”

“ไม่ครับ เอาแต่กุหลาบแดงครับ!” เพื่อนที่มาด้วยกันชิงตอบ แล้วหันไปตบศีรษะชายหนุ่มดังป้าบ “จะบอกรักสาวทั้งที เอาห้าดอกเลย อย่างกน่ะ!”

เร็นขมวดคิ้ว “จะบอกรัก? ต้องใช้กุหลาบสีแดงเหรอครับ”

“อ้าว! ไอ้น้อง! ทำงานร้านดอกไม้ไม่รู้เรอะ!”

“อา... ขอโทษครับ พอดีผมเพิ่งมาทำงาน”

ลูกค้าโบกมือไปมา “ไอ้น้อง! หน้าตาแบบนึ้คงไม่เคยต้องง้อผู้หญิงหรอกว่ะ”

“.....” เร็นก้มลงมองดอกกุหลาบที่เขาหยิบออกมาจากในแจกัน พลางนึกไปถึงเมื่อตอนที่ยังอยู่ด้วยกันกับเจ้านาย เขาฝากแม่บ้านซื้อช่อดอกกุหลาบสีแดงขนาดเล็กให้เจ้านายเช่นกัน โดยที่ไม่ได้รู้ความหมายอะไรเลย


“...ผมเป็นคนเลือกดอกไม้เองนะครับ!”

“กุหลาบสีแดงนี่น่ะเหรอ ...ทำไมถึงเลือกกุหลาบสีแดงล่ะ”



อา... เพราะอย่างนี้นี่เอง ที่เสียงของเจ้านายในตอนนั้นไม่ได้แสดงถึงความดีใจอะไร เพราะคำตอบที่ไม่ได้เรื่องของเขาสินะ แต่ก็เพราะตอนนั้นเขาไม่รู้จริงๆ นี่นา แค่หวังจะทำอะไรให้เจ้านายมีความสุขบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี

ร่างสูงรีบนำดอกไม้ไปส่งให้พนักงานในร้านจัดช่อ เขายืนอยู่ข้างๆ เธอแล้วถาม “พี่ครับ... ปกติแล้ว กุหลาบแดงใช้บอกรัก แล้วดอกลิลลี่สีชมพูมีความหมายว่ายังไงเหรอครับ”

หญิงสาวเงยหน้าแล้วเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับยิ้มมุมปาก “ใครให้มาล่ะ”

เร็นหัวเราะ “ผมอยากรู้เฉยๆ”

“อืม... ความรักที่ดีที่สุดที่ได้พบเจอ ที่สุดของหัวใจที่ตามหาจนพบเจอ... อะไรทำนองนี้น่ะล่ะ โรแมนติกใช่มั้ยล่ะ”

เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปฟังอย่างสนใจ พอได้รู้ความหมายหัวใจก็เต้นแรง อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า... แล้วเจ้านายล่ะ ให้ดอกไม้นั้นกับเขาด้วยความหมายเดียวกันรึเปล่า

ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เร็นก็คิดเข้าข้างตัวเองไปแล้ว ซึ่งทำให้เขามีใจฮึกเหิมมากขึ้นไปอีกนิด

เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงานของบริษัท ร่างสูงออกไปตั้งหลักรอที่ด้านนอกร้านดอกไม้เพื่อไม่ให้เจ้าของร้านเดือดร้อนจากการกระทำของตน เด็กหนุ่มใส่หมวกแก๊ปพรางใบหน้า ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างรอคอย

แล้วก็เป็นอย่างที่เจ้าของร้านว่าไว้ ไม่นานเลขาหนุ่มของดาริลก็มาถึงที่ร้านดอกไม้แห่งนี้ ร่างสูงหัวใจเต้นระส่ำ เขายืนรออีกฝ่ายทางด้านนอกร้านด้วยใจจดจ่อ

คาซึกิก้าวออกมาจากร้านพร้อมช่อดอกลิลลี่สีขาวในมือ เขาหยุดชะงักเมื่อมีใครบางคนก้าวเข้ามาขวาง แต่พอเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเด็กหนุ่ม สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “มีอะไร”

เร็นไม่หลบสายตาดุๆ นั่น เขาพูดเสียงเข้มเช่นกัน “ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณสักหน่อย ผมไม่ได้ขู่นะ แต่จะให้ผมพูดตรงนี้หรือจะไปคุยกันตามลำพัง”

คาซึกิขมวดคิ้ว เนื่องจากตัวเขาออกมาตามลำพังคนเดียว แล้วเร็นก็ตัวใหญ่ไม่ใช่น้อยเสียด้วย เรื่องกำลังยังไงก็แพ้แน่ๆ ประกอบกับไม่อยากให้กระโตกกระตากเป็นที่สนใจ เขาจึงพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “ไปร้านกาแฟตรงนั้นแล้วกัน”

เลขาหนุ่มเดินนำเข้าไปภายในร้าน ไปที่มุมหลบตาคน เขาสั่งกาแฟให้ตนเองกับเร็น แล้วพูดขึ้นอย่างไม่รอช้า “มีอะไรก็ว่ามา”

เร็นเปิดกระเป๋าเป้ หยิบซองสีน้ำตาลหนาขึ้นมาแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าคาซึกิ “ผมฝากคืนให้เจ้านายของคุณด้วย ส่วนที่เหลือ ผมจะทำงานมาใช้คืนให้”

เลขาหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “...คุณต้องการอะไรกันแน่”

“ผมอยากพบกับคุณดาริลอีกครั้ง” ร่างสูงพูดออกไปอย่างชัดเจน

“คุณคิมุระ!” คาซึกิเบิกตาโพลง เพราะไม่นึกว่าเด็กหนุ่มจะจำเจ้านายของตนได้ เขารู้เรื่องแค่สั้นๆ จากเจ้านายเพียงแค่ว่า ถูกเร็นมองเห็นหน้าเพราะไม่ระวังตัวให้ดี ไม่ทันคิดว่าเป็นคืนที่มีแสงสว่างจากจันทร์เพ็ญ ก็เลยยกเลิกสัญญา และเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะตามมา จึงยกเงินส่วนที่ค้างอยู่ให้กับเร็นไป

“ผมสัญญาว่าจะคืนเงินให้ทั้งหมด แล้วก็ไม่บอกใครเด็ดขาด แต่ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับคุณดาริลให้รู้เรื่อง”

“...คุณ... จำชื่อได้ด้วยงั้นเหรอ”

“จำได้สิครับ ผมจำได้แม่น จำได้ด้วยว่าผมเคยพบกับคุณดาริลครั้งแรกเมื่อตอนอยู่ไฮสคูลปีหนึ่ง”

“นี่คุณ...” คาซึกิอ้าปากค้าง

“ผมหวังที่จะได้พบกับคุณดาริลอีกครั้งมาตลอด... คุณคงไม่อยากเชื่อว่าผมดีใจมากแค่ไหนที่คุณดาริลมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล แล้วบอกว่าจะมาเยี่ยมผมอีก วันต่อมาน่ะ ผมรออยู่ทั้งวัน ถึงรุ่นพี่ที่ชมรมจะบอกว่าให้เจียมตัว คุณดาริลไม่มีทางมาเยี่ยมผมอีกครั้งแน่ๆ ผมก็ไม่เชื่อคำพูดของใคร จนกระทั่งคุณพยาบาลยกถุงขนมกับดอกไม้เข้ามาให้ตอนค่ำๆ ของวัน ผมถึงสำนึกได้... แล้วพยายามตัดใจ”

“แต่คุณคิมุระก็คบหาผู้หญิงมากมายหลังจากนั้น”

“ก็คุณจะให้ผมหวังลมๆ แล้งๆ รอให้เทวดาบนสวรรค์ร่วงลงมาบนดินเหรอครับ คุณรู้มั้ยว่ามันยาก มันทรมานแค่ไหน กับการพยายามลบใครสักคนออกไปจากหัวใจ”

 “......” ใบหน้าของคาซึกิเคร่งเครียด เขาสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จากนั้นจึงโน้มตัวกลับไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง

“ผม... เป็นคนผิดเอง ผมทำผิดกฎ ผมเปิดผ้าม่านทั้งที่รู้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง... แล้วยังคิดทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกอดจูบอยู่ทุกคืน คือคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรอคอยมานาน” เร็นพูดเสียงสั่นเล็กน้อย หัวใจของเขาเจ็บปวดมากจนแทบบ้า ทรมานราวกับจะขาดใจ

“อะไรที่ทำให้คุณสงสัย นึกสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่คืนที่สอง... ผมพบเส้นผมของคุณดาริล ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีตทันที ทั้งที่พยายามจะลืม... เมื่อตอนที่ได้พบกับคุณดาริลครั้งแรกนั่นน่ะ เขามักจะใส่เสื้อแจ็กเกตหนาๆ กับกางเกงยีนส์สีซีดมาที่โรงเรียน แล้วก็ใส่แว่นดำด้วย... แต่ผมเคยได้สบสายตากับเขาแค่สองครั้งเท่านั้น”

คาซึกิยิ้มมุมปาก น่าแปลกที่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำพูดของเด็กหนุ่ม นั่นคงเป็นเพราะรายละเอียดที่เด็กหนุ่มใส่ใจจะจดจำตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน แล้วไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ต้องห่างกันไกล เวลาผ่านไปนานแค่ไหน พวกเขาก็ยังกลับมาพบกันจนได้ แบบนี้ใช่ที่เขาเรียกกันว่า... พรหมลิขิตรึเปล่านะ

“คุณเลขาครับ ได้โปรด... ช่วยผมหน่อยเถอะนะครับ ผมอยากพบคุณดาริลจริงๆ”

เลขาหนุ่มปรับสีหน้าให้นิ่งเฉย ขณะถามคำถามไปเรื่อย “...เพื่ออะไร... จะพบไปทำไมกัน”

เร็นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ผมรักคุณดาริล ผมต้องการขอโทษ อยากจะอธิบายให้เขาเข้าใจถึงเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจทำผิดสัญญา”

เลขาหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะ “คุณคิมุระ อยากตกถังข้าวสารมากเลยเหรอครับ แต่เสียใจด้วยนะ คุณดาริลกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว”

“ผมรู้ แต่ผมก็ยังอยากจะบอกความรู้สึกของผมให้คุณดาริลรู้อยู่ดี”

“ตัดใจซะเถอะ”

“ไม่ครับ ถ้าคุณเลขาไม่ช่วย ผมก็จะหาวิธีอื่น” เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง

คาซึกิคิดว่าเขาไม่ควรจะให้โอกาสกับเร็น เพราะยังไงซะ เจ้านายก็ต้องแต่งงาน ถ้ายิ่งรู้ว่าพวกเขาใจตรงกัน ก็จะยิ่งทำให้ตัดใจจากกันลำบาก แต่เขากลับไม่อาจตัดรอนหรือตอบปฏิเสธอีกฝ่ายได้ เพียงเพราะคิดว่า... เจ้านายคงจะดีใจและมีความสุขมาก หากได้ยินคำบอกรักจากคนที่รอคอย “......”

...เจ้านายที่น่าสงสารของเขา ตั้งแต่เล็กมาก็แทบไม่เคยได้สัมผัสกับความสุขเลย ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กคนอื่นๆ แถมยังต้องแบกรับความรับผิดชอบและหน้าที่ไว้มากมายยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก ส่วนตัวเขา... คนที่ครั้งหนึ่งเคยใจร้ายกับเจ้านายมาแล้ว ภาพใบหน้าน่ารักที่แสดงถึงความผิดหวังและเจ็บปวดยังคงฝังลึกอยู่ในใจ หยดน้ำตาที่หลั่งไหลเปื้อนแก้มใสทั้งที่เจ้านายเป็นคนเข้มแข็ง เคยร้องไห้นับครั้งได้ แล้วแบบนี้ตัวเขายังจะกล้าตัดสินใจอะไรหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายอีกอย่างงั้นหรือ

“จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผม... แต่ได้โปรด ขอโอกาสให้ผมพบคุณดาริลสักครั้งนะครับ” เร็นลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วคุกเข่า พร้อมค้อมศีรษะลงต่ำ “ได้โปรดเถอะครับ”

...ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ... เขาไม่อยากตัดสินใจผิดพลาดอีกแล้ว เพราะงั้น ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาก็แล้วกัน “...ถ้าภายในสามเดือนนี้ คุณคิมุระ...” คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว “...สามารถลงแข่งเป็นตัวจริงในลีคมหาวิทยาลัยในโตเกียวภาคฤดูใบไม้ร่วง แล้วสามารถทำให้เฮเซชนะได้ละก็ ผมจะช่วยให้คุณได้พบกับคุณดาริล”

เร็นประสานสายตากับอีกฝ่าย สองมือกำเข้าหากันแน่น “ตกลงครับ”

“ส่วนเงินนี่... เอาไว้คืนด้วยตัวเองก็แล้วกัน” คาซึกิลุกขึ้นแล้วผงกศีรษะเล็กน้อย “หวังว่าคุณคิมุระจะทำได้ทุกอย่างอย่างที่พูดไว้จริงๆ”

เด็กหนุ่มยืนขึ้น “ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ ผมจะพยายามให้มากที่สุด”


TBC~*


พาน้องเร็นมาส่งแล้วค่ะ

ถึงเวลาที่น้องเร็นจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามเจ้านายบ้างแล้วววว~

แล้วเจ้านายเคยไปวิ่งตามน้องเร็นตอนไหน? เดี๋ยวฮัสกี้ต่อตอนหน้านะค้า

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 28-04-2015 20:31:23
มาแล้วๆๆๆ เร็นสู้ๆ นะ  o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: Kimkibog ที่ 28-04-2015 20:39:17
โฮ หนูเร็นเป็นไซคีนี่เอง  :hao7:
แล้วเมื่อไรจะเจอกันหนออ  :m15:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-04-2015 20:44:01
ทีมเร็นนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 28-04-2015 20:46:01
อย่ารอพรหมลิขิต สู้ๆนะเร็นคุง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 28-04-2015 20:55:55
มามะเจ้านาย ป้ากอดปลอบเองค่ะ มาเลยมา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 28-04-2015 21:03:59
คุณเจ้านายเคยช้ำใจจากเร็นที่ไปคบกับสาวๆแน่ๆ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 28-04-2015 21:04:57
เร็นสู้ๆนะ คิดถึงเจ้านายจัง555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 28-04-2015 21:17:27
สู้ๆนะเร็น  :hao5:
เอาชนะใจดาริลให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-04-2015 21:41:21
เร็น สู้ๆนะ พาเจ้านายออกจากกรงทองให้ได้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2015 21:44:04
เร็นสู้ๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 28-04-2015 21:55:26
คุณเจ้านายค่าตัวแพงขึ้นทุกวันๆ โผล่มาแต่ชื่อ คิดถึงเจ้านายยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-04-2015 22:12:53

      เร็นจ๋าาาา สู้สู้นะ :katai2-1:  รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-04-2015 22:19:29
เร็นสู้ๆ เข้าน้าา..^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 28-04-2015 22:31:23
เอาใจช่วยให้เร็นสมหวัง สู้ สู้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 28-04-2015 23:13:53
เร็นสู้ๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-04-2015 23:25:55
 :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 29-04-2015 00:28:00
หนูเร็นสู้ๆ ขอให้ทำได้ขอให้เจ้านายใจอ่อน
ถ้าทั้งคู่รักกันขนาดนี้ จะหลีกหนีกันไปทำไมมมมมมม
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleBerry ที่ 29-04-2015 01:07:53
ขอให้เร็นชนะน้าจะได้มีโอกาสเจอกับเจ้านาย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-04-2015 04:50:12
เร็นสู้ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-04-2015 07:18:32
พยามเข้านะเร็น เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-04-2015 07:34:10
เร็นตื้อเท่านั้นที่ครองโลกท่องเอาไว้น่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: Poppy29 ที่ 29-04-2015 20:59:35
น้องเร็นนี้ที่รอคอย  :katai2-1: อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ ฮึกเหิมตามไปด้วย ทั้งแม่และคุณพ่อที่โบสถ์ก็มีคำสอนคำแนะนำที่ดีๆให้กับเร็นแม้มันอาจดูเหมือนไม่มีอะไรมากแต่การที่มีคนที่เราใกล้ชิดและไว้ใจคอยอยู่ข้างๆและให้กำลังใจในยามท้อแท้นั้นสำคัญจริงๆค่ะ ตอนที่แล้วหน่วงมากแต่ตอนนี้เหมือนฟ้าหลังฝนเลย ตอนถัดไปอาจจะดีขึ้นไปอีกเอาแบบเห็นรุ้งเลยดีมั๊ยคะคุณดาว :mew1:  เอาใจช่วยน้องเร็นให้ทำสำเร็จแล้วได้เจอเจ้านายเร็วๆ ป.ล. อยากรู้เรื่องราวและความรู้สึกของเจ้านายบ้างจังค่ะ ฝ่ายนั้นก็คงจะเศร้าและทรมานใจไม่แพ้กันใช่มั๊ยคะ? รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 04-05-2015 21:02:23
 :katai4: เจ้านายไม่โผล่มาตอนนึงคิดถึงเหลือเกินนนนน เอาเจ้านายคืนมาาาาา~~~~  :katai4:
เปงกำลังใจให้นู๋เร็นชนะใจเจ้านายนะคะะะะ นี่ก็คิดถึงเจ้านายพอๆกะนู๋เร็นเบยยย กร้ากกกกก
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะๆ กี้ดดดด >_______<
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 04-05-2015 21:41:09
 :impress2:

คิดถึงเจ้านาย   มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 06-05-2015 06:10:15
ดูแล้วเร็นคงสู้สุดใจ คุณเลขาจะช่วยเร็นยังไงกันนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 14: ตามหาความรัก][P.12][280415]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 06-05-2015 19:43:30


Chapter 15 : Daryl



เงาเลือนรางของจันทราปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้ายามเย็น ตรงข้ามกันกับดวงสุริยันที่กำลังจะลาลับไปยังอีกฝั่งของปลายฟ้า หากเพราะท้องนภายังคงสว่างไสว จึงทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้ไม่ชัดเจนนัก

หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว เร็นยังคงนั่งรออยู่ภายในร้านกาแฟจนกระทั่งเลขาหนุ่มเดินกลับออกไป แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหากัปตันทีมเบสบอลที่มหาวิทยาลัยทันที

“รุ่นพี่ฮารุครับ... ตอนนี้รุ่นพี่ซ้อมอยู่ที่มหาลัยรึเปล่า ผมมีเรื่องจะขอร้องครับ”

เด็กหนุ่มตรงไปมหาวิทยาลัยหลังจากวางหูโทรศัพท์ เมื่อเขาไปถึง เพื่อนๆ ในทีมเพิ่งจะเลิกซ้อมประจำวัน โค้ชผู้ดูแลทีมเองก็อยู่ที่นั่น พวกเขาโบกมือทักทายเด็กหนุ่มจากระยะไกล

ร่างสูงสาวเท้าลงไปในสนามฝึก แล้วหยุดอยู่ตรงทางเข้าตึกซึ่งเป็นทางผ่านของทุกคนพอดี เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อนทุกคนในทีม จากนั้นจึงตะโกนออกไปเสียงดังลั่น “ขอโอกาสให้ผมได้กลับเข้าทีมฝึกซ้อมกับทุกคนด้วยครับ!”

“เฮ้ย ไอ้เร็น!” เพื่อนในทีมถึงกับผงะ

“ผมรู้ว่าตัวเองขาดซ้อมไปพักใหญ่แล้ว แต่ผมจะตั้งใจฝึกซ้อมให้หนัก จะพยายามให้ถึงที่สุด และจะไม่ให้เป็นตัวถ่วงของทีมครับ!”

กัปตันก้าวเข้าไปฉุดเร็นให้ลุกขึ้นพร้อมกับโอบไหล่หนา “สำหรับพี่น่ะ อย่างที่เคยบอกไป พี่รอเอ็งเสมอ” จากนั้นก็ตะโกนถามคนอื่นๆ ในทีม “เอ้า!” ทุกคนว่าไง”

นักกีฬาในทีมหันไปพูดคุยกัน ก่อนจะตอบกลับมาเสียงขรึม พวกเขายืนกอดอกเรียงเป็นกำแพงหนา “ถ้าให้เอ็งกลับเข้าทีม เอ็งต้องสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ทีมของเราชนะโตเกียวลีคนี่ให้ได้นะเว้ย!”

“ผมจะสู้ให้ถึงที่สุด!” เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงต่ำ “ขอโอกาสให้ผมด้วยครับ!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน “ถ้างั้นพวกเราก็ยินดีต้อนรับ ดีใจที่เอ็งกลับมา”

โค้ชยิ้ม “เอซคนสำคัญของเรากลับมาแล้ว ต่อไปนี้ต้องฝึกกันให้หนัก เดือนหน้าเราจะคัดเลือกนักกีฬาตัวจริงกันแล้ว! แข่งฤดูใบไม้ร่วงนี้ พวกเราต้องชนะเท่านั้น!”

เพื่อนในทีมเฮลั่น ขณะกรูกันเข้ามาขยี้เส้นผมของเร็น บางคนก็ตีเข่าใส่เบาๆ บ้างก็ตบไหล่ “เอ็งทำให้พวกเราใจไม่ดี แข่งภาคฤดูใบไม้ผลิก็เสียแชมป์ ต้องทำโทษ!”

“ผมขอโทษ” เร็นพูดเสียงเศร้า “มันจำเป็นจริงๆ ครับ”

“พวกเรารู้หรอกน่า”

เด็กหนุ่มค้อมศีรษะให้กับทุกคนอีกครั้ง “ขอบคุณที่ช่วยเหลือผมด้วย ผมจะไม่ลืมน้ำใจของทุกคนเลย”

“ไปๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันได้แล้ว” โค้ชเอ่ยปากไล่ พลางเดินไปยืนข้างๆ เร็น “แม่เป็นยังไงบ้าง”

“ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วครับ อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะได้กลับบ้านแล้ว”

“ดีแล้ว จากนี้ไปเรามาพยายามด้วยกันอีกนะ”

“ครับ!”

เพียงแค่กลับเข้าทีมได้ เร็นก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งแล้ว ลำดับที่สำคัญถัดไปคือเขาจะต้องได้เป็นตัวจริงในทีม ร่างกายที่ไม่ได้ผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายเดือนอาจจะทำให้ตามหลังเพื่อนในทีมอยู่บ้าง การทำงานพิเศษไม่ต้องขยับกายหนักหน่วงเฉกเช่นการฝึก หากเมื่อตอนที่ต้องไปอยู่ที่บ้านริมทะเลของดาริล การฝึกขว้างลูกเบสบอลกับการว่ายน้ำก็ทำให้ร่างกายฟิตพร้อมมากขึ้น

คืนนั้น เมื่อเร็นกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์แล้วก็จัดเก็บข้าวของเพื่อเตรียมเข้านอน เขาเปิดกระเป๋าเดินทางที่แม่บ้านของดาริลจัดให้เพื่อนำเสื้อผ้าที่ได้รับมาจัดเก็บลงในกล่อง เสื้อผ้าที่เจ้านายให้... มันดีเกินไปสำหรับเขา ระหว่างที่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาดู เขาอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าเจ้านายเป็นคนเลือกซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ด้วยตนเองหรือเปล่า พอเปิดกระเป๋าเดินทางอีกใบจึงพบกับรองเท้า ถุงมือและลูกเบสบอล สิ่งของเหล่านี้... ถ้าหากคิดเข้าข้างตัวเอง ก็ราวกับเจ้านายเลือกสรรมาให้ตัวเขาโดยเฉพาะ

มือหยาบกำลูกเบสบอลแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน เจ้านายใจดี เอาใจใส่ และทำเพื่อตัวเขาทุกอย่าง ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้านายก็น่าจะมีใจให้กันบ้าง พอคิดถึงอีกฝ่ายหัวใจก็พลันเต้นรัวแรง เพื่อเจ้านาย เขาจะต้องเอาชนะการแข่งขันให้ได้

เร็นรื้อเสื้อผ้าที่เคยใช้ในการฝึกซ้อมออกมาจากกล่องที่ซุกไว้ภายในตู้ ตามด้วยจัดเก็บเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน กับถุงมือเบสบอลที่ได้รับเป็นของขวัญใส่ลงกระเป๋าเป้ไว้ให้เรียบร้อย

“คุณดาริล... ถ้าหากคุณเป็นเทวดาของผมจริงๆ แล้วละก็ ถุงมือเบสบอลนี่ก็คงจะนำโชคให้กับผม ขอให้ผมได้เป็นตัวจริง ขอให้ทีมของเราชนะ... ผมจะสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่เอาแต่เป็นฝ่ายรอให้คุณกลับมาหาอีกแล้ว”
 

..

....

..


Daryl Ross

ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน 


ชมรมเบสบอลของนิชิไฮเป็นชมรมที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงระดับจังหวัด นักกีฬาตัวจริงของชมรมเบสบอลต่างเคยได้ไปแข่งถึงสนามโคชิเอ็งกันมาแล้วทั้งนั้น ศิษย์เก่าของโรงเรียนก็มีเป็นนักเบสบอลอาชีพชื่อดังอยู่หลายคน กัปตันชมรมในตอนนั้นโด่งดังในเรื่องการตีลูกแบบพิฆาต เขามีความแม่นยำและตีลูกโฮมรันมาแล้วนับไม่ถ้วนในการแข่งนัดสำคัญหลายๆ นัด ส่วนผู้เล่นหน้าใหม่ซึ่งเป็นที่น่าจับตาของทีมคนถัดมา เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีน้ำผึ้งคร้ามแดด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายพรั่งพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ที่นักกีฬาเบสบอลทั้งหลายต่างแสวงที่จะมี... คิมุระ เร็น... เขาเป็นพิชเชอร์ (มือขว้าง) ที่มีหัวไหล่แข็งแกร่ง สามารถปาลูกที่มีความเร็วสูงและมีเทคนิคแพรวพราวจนยากที่นักกีฬาเบสบอลคนไหนในทีมจะสามารถรับมือได้ นอกจากความสามารถในการปาลูกแล้ว เขายังเป็นคนที่มีสมาธิในสนามดีมากพอๆ กับกัปตันชมรม ทั้งที่อายุและประสบการณ์อ่อนกว่าถึงสามปี เขาเป็นหนึ่งในตัวเก็งของทีมหลักที่จะได้ไปแข่งในสนามโคชิเอ็งอันยิ่งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้

เช้าวันนี้ไม่ต่างจากทุกวัน แม้หิมะจะหนาตา แต่สมาชิกในชมรมทั้งหมดก็ช่วยกันโกยหิมะไปกองรวมไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่เช้าตรู่ อากาศที่เย็นเยือกไม่ได้ทำให้ทุกคนอ่อนล้า หากยังคึกคักเหมือนเช่นเคย เสียงกัปตันสั่งให้วอร์มอัพ และเสียงของคนในชมรมขานรับเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกันดังก้อง จนสามารถได้ยินได้ทั้งที่ไม่ได้อยู่ขอบสนาม

ดาริล รอส เด็กหนุ่มชาวต่างชาติรูปร่างผอมบางผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ผิวขาวราวกับงาช้าง... เขาแต่งกายตามแบบวัยรุ่นทั่วไป สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวกับกางเกงยีนส์สีซีด แล้วสวมแว่นดำเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่สะท้อนมาจากหิมะ ตัวเขาและเลขาหนุ่มที่เป็นเสมือนพี่เลี้ยงติดตามบิดาบุญธรรมซึ่งมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อมาเยี่ยมเยียนชมรมเบสบอลของโรงเรียนที่ทางบริษัทเป็นสปอนเซอร์ให้ตามคำสั่งของคุณตา

"ฉันจะไปคุยกับผู้อำนวยการ แกไปเดินดูชมรมแล้วเขียนรายงานส่งคุณอเล็กซิสด้วย" บิดาบุญธรรมออกคำสั่ง

"ครับ" ดาริลตอบรับ แม้ในใจจะเบื่อหน่ายกับการที่จะต้องรับคำสั่งจากอีกฝ่าย แต่มีเพียงคำสั่งนี้เพียงคำสั่งเดียวที่เขายินยอมทำตามอย่างเต็มใจ...

เด็กหนุ่มถูกพาตัวกลับมาญี่ปุ่นทันทีที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษปิดเทอม ทั้งๆ ที่เป็นช่วงวันหยุดในเทศกาลของครอบครัว หากตั้งแต่มาถึงแผ่นดินญี่ปุ่นนี่ก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย เขาถูกสั่งให้ไปฝึกงานที่บริษัท บางวันก็ต้องติดตามบิดาบุญธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ

"คุณดาริล เชิญทางนี้ครับ นักกีฬาในทีมกำลังฝึกกันอยู่พอดี" เลขาที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศกล่าวขึ้น

“อืม...” ดาริลพยักหน้าตอบ

"ระวังหน่อยนะครับ อย่าเหม่อล่ะ แถวสนามอาจจะเกิดอันตรายได้นะครับ" เลขาหนุ่มเอ่ยเตือน เขาทำหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและครู ดูแลเด็กหนุ่มมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ถูกพามาสวมตำแหน่งลูกเลี้ยงของตระกูลรอส

ดาริลเดินตามเลขาหนุ่มไปยังสนามเบสบอล พวกเขาหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากรั้วลูกกรงทางด้านนอกตัวสนามนัก เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าร่วมชมรมหรือทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันจ้องมองสมาชิกในชมรมเบสบอลฝึกฝนกันอย่างขันแข็งโดยไม่หวั่นเกรงต่อความหนาวเหน็บ แต่เมื่อหยุดพักก็พูดคุยหยอกล้อกันเสียงลั่น ทำท่าทางล้อเลียนกันแบบประหลาดๆ จนทำให้ดาริลหัวเราะออกมาเบาๆ เช่นเดียวกับพวกนักเรียนหนุ่มสาวที่ยืนเชียร์กันอยู่ข้างสนามทางด้านใน

เลขาหนุ่มอมยิ้ม เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเด็กหนุ่ม เขารู้ว่าดาริลขาดช่วงชีวิตในวัยรุ่นไป ก็นึกเห็นใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย และเขาสังเกตว่าทุกครั้งที่มาที่สนามฝึกเบสบอลนี่ เจ้านายจะดูสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้น "คุณดาริล เดี๋ยวผมจะไปหาเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้ รอสักครู่นะครับ"

"อื้ม" เด็กหนุ่มตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปจากสนามเบสบอลเลยสักนิด

ชมรมเบสบอลของโรงเรียนแห่งนี้ได้รับอภิสิทธิ์ให้มีสนามฝึกเฉพาะของชมรม สมาชิกในชมรมประกอบไปด้วยเด็กนักเรียนไฮสคูลปีหนึ่งถึงปีสามที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว พวกเขาต่างอยู่ในชุดยูนิฟอร์มสีขาวมีลายคาดสีดำและตราของโรงเรียน ทุกคนมีความกระตือรือร้นและทุ่มเทให้กับการฝึกฝนกันอย่างเต็มที่


“ว้าย กัปตันเดินออกมาจากสนามแล้ว”

“นั่นคิมุระคุงนี่ คิมุระคุงงงงง!”

“รุ่นพี่อิโตะค้าาาาา”



เสียงวี้ดว้ายของหญิงสาวแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่มาคอยยืนเชียร์เป็นประจำด้านข้างสนามทำให้ดาริลหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่แปลกใจที่นักกีฬาเบสบอลของชมรมจะมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ เพราะแต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาดีชนิดที่จัดอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกไอดอลเลยทีเดียว

ระหว่างพักจากการฝึกซ้อม นักกีฬาบางคนก็ออกมาพูดคุยกับสาวๆ ที่มายืนรออยู่นอกลูกกรงตาข่าย บางคนไปนั่งดื่มน้ำที่ข้างสนาม บางคนไปปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยหิมะที่กองอยู่ข้างๆ สนามเล่น ยกเว้นแต่เด็กหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนคนนั้น ที่ยังคงยืนอยู่ในสนามทั้งเหงื่อโซมกายแม้อากาศจะเย็นเยือกเช่นนี้ เขาปาลูกเบสบอลต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจใคร

“ไอ้ เร็นโว้ย พักก่อน เหนื่อยว่ะ” เสียงร้องโอดครวญจากแคชเชอร์ (คนที่ใส่ถุงมือรับลูกจากพิชเชอร์ นั่งยองๆ อยู่หลังแบทเทอร์ซึ่งเป็นคนตีลูกอีกที)

“ยังโว้ย อีกห้านาที”

“ห่าเอ๊ยยยย ไม่เอาแล้ว นู่น แฟนคลับมึงมายืนรอนานจนจะก่อม็อบแล้ว”

“ช่างแม่ง ปล่อยให้รอไป” ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจ หากพอหันหน้ากลับมาอีกที เด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่แคชเชอร์ก็วิ่งออกจากสนามไปแล้ว เด็กหนุ่มร่างสูงคนนั้นจึงสบถออกมาเบาๆ แล้วเดินไปหากัปตันที่กำลังปรึกษาเรื่องแผนการซ้อมอยู่กับโค้ชและ อาจารย์ที่ปรึกษาของชมรม


ดวงตากลมโตเผลอมองตามร่างสูงไปโดยไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มคนที่อยู่ในตำแหน่งพิชเชอร์ของทีมดูโดดเด่นกว่าใครๆ และทุกครั้งที่เขามาสนามแห่งนี้ ก็จะได้เห็นความมุ่งมั่น ความขยันขันแข็งของเด็กหนุ่มคนนี้เสมอๆ ทำให้รู้สึกประทับใจอยู่ไม่น้อย

เสียงเป่านกหวีดของโค้ชดังลั่น พร้อมกับคำสั่งเรียกให้นักกีฬาทุกคนเข้าที่ กัปตันและนักกีฬาตัวหลักวิ่งเข้าไปประจำตำแหน่ง ยกเว้นเด็กหนุ่มที่ชื่อเร็นคนนั้นที่ไม่ได้ตามเข้าไปด้วย แล้วก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอๆ โค้ชไม่จัดให้เร็นและกัปตันลงสนามพร้อมๆ กัน แต่ให้แยกสลับกันไปอยู่คนละทีม คงจะกลัวว่าทั้งสองจะทำให้ลูกทีมเหนื่อยเร็วจนเกินไป

"เฮ้ย กูไปซื้อน้ำแป๊บ" เด็กหนุ่มร่างสูงตะโกนบอกเพื่อนๆ ที่กำลังวิ่งกุลีกุจอเข้าไปในสนามและอีกกลุ่มที่ไปนั่งประจำที่ตัวสำรอง ก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากสนามไป

เสียงเชียร์ดังสนั่นเมื่อกัปตันทีมก้าวลงไปในสนาม หากเสียงของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ดาริลจึงหยิบขึ้นมากดรับสาย เขาละสายตาจากสนามฝึกเพียงชั่วครู่เท่านั้น แม้จะได้ยินเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาก็ไม่ได้ใส่ใจ


“ระวัง!!!”


ดาริลเงยหน้าขึ้น หากยังไม่ทันหลบลูกเบสบอลที่พุ่งฝ่าสายลมเข้ามาตรงที่เขายืนอยู่ “อะ!” ร่างผอมบางถูกกระชากอย่างรุนแรง ทำให้เซเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดเอวของเขาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ แรงดึงและแรงกระแทกส่งผลให้ทั้งสองคนถอยไปชนกับรั้วลูกกรงเหล็กเบื้องหลังดังโครมใหญ่

แว่นตาสีดำที่ดาริลสวมอยู่ตกลงบนพื้น “อูย...” ทันทีที่ตั้งหลักได้ มือขาวก็รีบดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้น ก่อนจะเหลือบไปเห็นลูกเบสบอลที่กลิ้งหล่นอยู่ไม่ไกลจากแว่นสีดำนัก

“เฮ้ย! ไอ้เร็น เป็นไรป่าววะ!”  เสียงร้องถามลั่นมาจากกลุ่มคนในสนาม

“คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” สายตาของทั้งสองสบประสานกันเป็นครั้งแรก ก่อนเด็กหนุ่มจะถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เจ็บตรงไหนรึเปล่า” เขาก้มลงหยิบแว่นกันแดดบนพื้นขึ้นมาเช็ด แล้วส่งคืนให้

“ไม่... ไม่เป็นไร” ดาริลก้มลงมองฝ่ามืออีกฝ่ายที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ดูท่าจะเจ็บอยู่ไม่น้อย นี่คนคนนี้เอามือรับลูกเบสบอลไว้แทนตัวเขาอย่างงั้นหรือ ทั้งๆ ที่ลูกมันแข็งแล้วก็น่าจะพุ่งมาด้วยความเร็วไม่ใช่เล่น

“งั้นก็ดีแล้ว” เร็นตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะก้มลงหยิบลูกเบสบอลด้วยมืออีกข้าง แล้วเดินกลับไปยังสนามที่เขาเพิ่งจากมา

ร่างผอมบางยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้า... เด็กหนุ่มคนนั้น... เร็น... เข้ามาปกป้อง... มาช่วยเขาให้พ้นจากลูกเบสบอล

“ไอ้เร็น! ไอ้บ้าเอ๊ย! รับลูกของกัปตันด้วยมือเปล่าได้ไงวะ มึงอยากอนาคตดับวูบเรอะ!” เสียงต่อว่าต่อขานดังลั่นมาจากภายในสนามฝึกซ้อม

“เจ๋งป่าวล่ะ” เร็นตอบพลางเขวี้ยงลูกเบสบอลกลับเข้าสนามไป

“เร็น...” นัยน์ตาสีเขียวใสจ้องมองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่กะพริบ เด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วยเหลือเขาไว้ อ้อมกอดที่แม้เพียงชั่วครู่ หากสัมผัสนั้นกลับทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย


“คุณดาริล! เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมเมื่อกี้รับโทรศัพท์แล้วไม่พูดอะไรเลยครับ” เลขาของดาริลวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรครับ” ดาริลตอบพลางก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือที่เขาทำหล่นไว้

“คุณอัตสึชิออกมาจากห้องท่านผู้อำนวยการแล้วครับ เราคงต้องเตรียมเดินทางกันแล้ว”

“อืม” ริมฝีปากสีแดงสดเผยอตอบ แต่แล้วก็หันหน้ากลับไปหาเด็กหนุ่มร่างสูงคนนั้นอีกครั้ง

“...เด็กคนนั้น... มีอะไรรึครับ”

“ช่วยติดต่อโค้ชให้พาเขาไปโรงพยาบาลหน่อยได้มั้ยครับ ผมกลัวว่าข้อมือเขาจะมีปัญหา... แล้วถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้จัดการรักษาให้เขาให้ดีที่สุด เรื่องค่าใช้จ่าย ผมจะรับผิดชอบเอง"

"ได้ครับ คุณดาริล..." เลขาหนุ่มรับคำพลางขมวดคิ้ว

"แล้วก็... เช็กประวัติเขาที แล้วเอามารายงานผมด้วย” ผู้เป็นนายสั่ง จากนั้นจึงเดินนำหน้าออกไปยังลานจอดรถ


วันถัดมา เลขาส่วนตัวของดาริลนำแฟ้มประวัติของเด็กหนุ่มที่ชื่อเร็นเข้ามาให้ในห้องทำงานชั่วคราวของเขา

“เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นล่ะ” เด็กหนุ่มตอบ ใบหน้าเขายังคงก้มงุดอยู่กับกองเอกสารตรงหน้าที่บิดาบุญธรรมสั่งให้จัดการให้เสร็จสิ้นก่อนจะหมดวัน

“เด็กคนที่คุณดาริลให้ผมเช็คประวัติ เขาเกิดอุบัติเหตุที่ข้อมือเมื่อวาน เลยต้องเสียโอกาสที่จะได้เข้าคัดเลือกตัวเป็นนักกีฬาที่จะไปแข่งที่โคชิเอ็งในฤดูร้อนนี้ไป น่าเสียดายนะครับ” เลขาหนุ่มเปรย

“หืม?” ร่างผอมบางเงยหน้าขึ้นทันควัน

“เห็นว่าเป็นอุบัติเหตุตอนฝึกซ้อม ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ข้อมือครับ”

...เป็นมากขนาดนั้นเลยรึนี่ เพราะเสียสละเข้ามาช่วยเขาไว้แท้ๆ ...เด็กหนุ่มที่ใจดีและอ่อนโยนคนนั้น...

ดาริลหลุบตาลงต่ำ “ช่วยจัดการให้เขาได้รับการรักษาที่ดีที่สุดด้วยนะครับ เขาเป็นผู้มีพระคุณของผม”

“ผู้มีพระคุณ?” เลขาหนุ่มขมวดคิ้ว เขานึกสงสัย แต่ก็รับปาก “ครับ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

เด็กหนุ่มเร่งสะสางงานทั้งหมดแล้วนำไปส่งให้กับบิดาบุญธรรมด้วยตัวเอง เพื่อที่จะขอเวลาว่างไปเยี่ยมเยียนผู้มีพระคุณของตน เขาก้าวเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย ซึ่งบิดาบุญธรรมนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่บนเก้าอี้

เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือน เจ้าของห้องก็สบถออกมาเบาๆ “ทำไมไม่ให้เลขาเอามาส่ง ฉันละเกลียดขี้หน้าที่เหมือนผู้หญิงของแกซะจริงๆ”

เด็กหนุ่มไม่ใส่ใจ เขาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ “พรุ่งนี้เช้าผมจะขอไปธุระส่วนตัวสักหน่อย...” ยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็คว้าเอกสารตรงหน้าปาใส่เต็มแรง

“จะไปไหนก็ไป บอกตาแกไว้ด้วยแล้วกัน”

แผ่นกระดาษปลิวว่อน กระจัดกระจายไปทั่ว ดาริลยืนนิ่ง จ้องมองผู้ชายคนที่เขาเกลียดจับใจด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะย่อเข่าลงเก็บแผ่นกระดาษขึ้นมาแล้ววางกลับคืนที่เดิม “แล้วจะรีบกลับมาที่ทำงานก่อนสิบเอ็ดโมงครับ” เขาพูดโดยไม่มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับออกมา

นับสิบปีแล้วที่เด็กหนุ่มจำใจต้องอดทนกับท่าทีที่กักขฬะของผู้ชายคนนี้ เพียงเพราะอีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นบิดาบุญธรรม พวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดเลยสักนิดเดียว อัตสึชิ รอส เป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งเป็นลูกเขยแบบแต่งเข้าตระกูล เขาแต่งงานกับนามิโกะ รอส บุตรสาวเพียงคนเดียวของ อเล็กซิส รอส ผู้เป็นทั้งประธานและ CEO ของกิจการในเครือรอส ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งโรงแรม โรงงาน ภัตตาคาร และบริษัทส่งออกสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย 

อเล็กซิสเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ญี่ปุ่น หากย้ายถิ่นฐานมาปักหลัก ทำกิจการอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลานานมากแล้ว ส่วนดาริลนั้นเป็นหลานที่สืบเชื้อสายมาจากปู่ของอเล็กซิสโดยตรง และเพราะนามิโกะกับอัตสึชิไม่สามารถมีบุตรได้ เขาจึงเดินทางไปรับดาริล หลานชายวัยเก้าขวบมารับตำแหน่งทายาทตระกูลรอสคนต่อไป

คุณตาของดาริลไม่ค่อยถูกชะตากับอัตสึชินัก หากหลังจากที่นามิโกะจากไป อัตสึชิก็ได้ครอบครองหุ้นถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของกิจการในเครือบริษัทรอสซึ่งเขาได้ยกให้กับลูกสาวไปเมื่อตอนที่เธอแต่งงาน และขึ้นรับตำแหน่งรองประธานบริษัทแทนเธอ โดยที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดจำนวนห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของอเล็กซิสซึ่งยังคงตำแหน่งประธานบริษัทและ CEO ผู้บริหารงานด้วยตนเอง ตัวอัตสึชินั้นก็เบื่อที่จะต้องประจันหน้ากันกับพ่อตา โดยเฉพาะเมื่อภรรยาจากไปแล้ว เขากลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นกว่าเดิมมาก หากจะแต่งงานใหม่หรือไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัวก็ไม่ได้ เพราะติดที่ยังต้องเกรงใจพ่อตาซึ่งเป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของพวกนักธุรกิจและรัฐมนตรีอยู่บ้าง ส่วนทางด้านอเล็กซิสนั้น เนื่องจากมีหุ้นอยู่ในมือเพียงครึ่งหนึ่ง หากวันใดที่หุ้นอีกครึ่งไปอยู่ในมือของอัตสึชิ อำนาจและสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจของเขาก็จะสั่นคลอน แล้วอัตสึชิเองก็ไม่ได้มีความสามารถในการบริหารสักเท่าไหร่ เก่งแต่จะคอยขัดขาเขาเท่านั้น อเล็กซิสจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้หุ้นของเครือบริษัทกลับคืนมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดาริลกลายเป็นหมากตัวกลางที่ถูกกดดันจากทั้งสองฝั่ง คุณตากดดันเขาเพื่อให้รับช่วงต่อจากตัวเองได้โดยเร็วที่สุด และวางแผนให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเครือบริษัทที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เพื่อที่จะได้ใช้ตัวเขาเป็นสะพานในการขยายอิทธิพลทางธุรกิจ จะได้มีอำนาจพอที่จะต้านบิดาบุญธรรมได้ อาจดูเหมือนเขาเป็นหนูตกถังข้าวสาร หากตัวดาริลเองนั้นไม่ได้ต้องการจะมายืนอยู่ในที่นี้เลยแม้แต่น้อย

บิดาและมารดาแท้ๆ ของดาริลนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อเขาอายุยังน้อย ปู่และย่าจึงรับเลี้ยงเขาต่อ ทว่าทั้งสองก็มีอายุไม่ใช่น้อยแล้ว ครอบครัวแท้ๆ ของดาริลนั้นแม้จะไม่ได้ร่ำรวยมากเหมือนตระกูลรอส แต่ก็ไม่ได้ขัดสน เขามีชีวิตอย่างมีความสุขและอบอุ่น จนกระทั่งต้องมาสวมบทบาททายาทเพียงคนเดียวของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ก้าวแรกที่เข้ามาเป็นทายาทของตระกูลรอสไม่ได้เลวร้ายนัก เขาได้รับความรักจากนามิโกะมากมายล้นพ้น ส่วนอเล็กซิสแม้จะเข้มงวดกับเขามาก แต่ก็ยังมีความรักและความผูกพันของคนที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ หากทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อนามิโกะจากไป ตัวอเล็กซิสเองก็อายุมากแล้วจึงเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ สำหรับอัตสึชินั้น บิดาบุญธรรมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งหยาบคาย โลภมาก และเห็นแก่ตัว หรืออาจจะเรียกว่าเปิดเผยธาตุแท้ทั้งหมดออกมามากกว่า

ดาริลรู้ตัวดีว่า... ชีวิตเขาไม่มีวันหลุดพ้นจากความกดดันพวกนี้ ต่อให้รับช่วงบริษัทต่อมาจากคุณตา ก็ยังต้องงัดข้อกับบิดาบุญธรรมต่อไปอยู่ดี นอกเสียจาก... เขาจะเอาชนะบิดาแล้วยึดหุ้นของบริษัทกลับคืนมาได้ และเป็นผู้บริหารที่มีสิทธิขาดในบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

เด็กหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องทำงานชั่วคราวของตน เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย เงยหน้าขึ้นมองเงาของขอบกระจกที่แสงอาทิตย์ทอดผ่าน ดูราวกับลูกกรงขัง อีกหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น ที่เขาจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัย แล้วต้องกลับมาทำงานประจำที่นี่... ห้องๆ นี้จะกลายเป็นเสมือนคุกที่ใช้คุมขังนักโทษอย่างเขา

นัยน์ตาสีเขียวเหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาพลิกดู

บนหน้ากระดาษของเอกสารเหล่านั้น มีประวัติตั้งแต่ชื่อผู้ปกครอง ที่อยู่ การศึกษา และเจาะจงลงไปละเอียดถึงเรื่องส่วนตัว ตั้งแต่สัดส่วน สถานะ ไปจนถึงเรื่องเพื่อนๆ และคนรอบตัว

ดาริลไล่อ่านลงไปเรื่อย พออ่านถึงหัวข้อเรื่องแฟนหัวใจก็เต้นแบบแปลกๆ ...คิมุระ เร็น เคยคบหากับเพื่อนสมัยเรียนจูเนียร์ไฮสคูลอยู่สองคนแล้วเลิกรากันไป ทั้งหมดนั้นผู้หญิงเป็นฝ่ายบอกเลิก ด้วยเหตุผลว่าเด็กหนุ่มไม่ค่อยมีเวลาให้ เนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ้อมเบสบอล

“สืบมาซะละเอียดเชียว” ดาริลหัวเราะเบาๆ  เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นในรายงานว่าตอนนี้เร็นไม่ได้คบหากับใคร จากนั้นก็อ่านรายงานต่อไปอย่างเพลิดเพลิน

“ผลการเรียนอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนัก สมัยเรียนจูเนียร์ไฮสคูลก็ต้องสอบซ่อมอยู่บ่อยๆ แต่เพราะมีฝีมือในการเล่นเบสบอล เก่งกาจและโดดเด่นจนเป็นที่น่าจับตามอง ดังนั้นในวิชาเรียนที่ไม่สำคัญนักก็มักจะได้รับการอนุโลมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ"

“เวลาที่ลงสนามแข่งขันคิมุระ เร็นจะกลายเป็นเสาหลักอีกเสาของทีม ท่าทางเย็นเยือกสุขุม มีสมาธิอย่างแรงกล้าจนเพื่อนในวัยเดียวกันและรุ่นพี่ยังให้ความนับถือ เขามีเทคนิคในการปาลูกเบสบอลจัดอยู่ในระดับสูงกว่านักกีฬาในวัยเดียวกันมากนัก”

“เนื่องจากมารดาต้องทำงานหนัก เธอทุ่มเทและเอาใจใส่บุตรชายอย่างดีมาตลอด คิมุระ เร็น จึงติดมารดามาก หลังจากการฝึกซ้อมเบสบอลอย่างขะมักเขม้นทุกวัน เขาจะกลับบ้านไปรับประทานมื้อเย็นพร้อมกับมารดา แล้วช่วยเธอทำงานบ้าน นานๆ ครั้งที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันสองแม่ลูก เพราะพวกเขาไม่ได้มีเงินทองให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากนัก"

"คิมุระ เร็น เป็นเด็กที่แข็งแรง อารมณ์ดี มีความตั้งใจและเอาจริงเอาจัง เป็นที่รักของเพื่อนๆ และอาจารย์ทุกคน ในอนาคตต้องการเป็นนักเบสบอลอาชีพ"

...อืม... จากเมื่อครั้งที่ได้พบกัน ดูจากนิสัยแล้ว เร็นก็น่าจะเป็นที่รักของทุกคนจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่...

ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้ม  "ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้... คิมุระ เร็น"


TBC~*


 :hao5: สงสารดาริลลลล

จากตอนนี้ไป ฮัสกี้จะขอเล่าเรื่องทางฝั่งดาริลบ้างนะคะ ฮี่ๆ

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-05-2015 19:57:00
คุณพ่อบุญธรรมนิสัยแย่มากเลยค่ะ ถ้าไม่อยากเห็นหน้าดาริลขนาดนั้นก็ปิดตาไปเสียสิคะ ไม่มีใครเขาบังคับให้ตัวมองสักหน่อย :m31: ..แล้วอย่าลืมนะคะว่า คนโลภมักจะมีจุดจบที่ไม่สวยงามนัก หึหึ o18
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 06-05-2015 20:00:51
ดาริล อิหนูสู้ๆนะค้า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-05-2015 20:20:12
 :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 06-05-2015 20:22:57
อย่างนี้นี่เอง มันเป็น first impression สินะ
เร็นต้องทำได้เเน่ๆ

สู้ๆนะคะนักเขียน เป็นนิยายที่มีบรรยากาศญี่ปุ่นเรื่องเเรกๆที่เราอ่านเลย ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 06-05-2015 20:27:00
 :mew6: :mew6: :mew6:
 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2015 20:30:33
สงสารเจ้านายจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-05-2015 20:49:28

    :เฮ้อ:  สงสารทั้งเร็นและดาริล 
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-05-2015 21:02:54
จนก็ลำบากแบบจน รวยก็ลำบากแบบรวย เฮ้อ ชีวิตคน
ขอให้ทั้งคู่เอาชนะอุปสรรคทั้งปวงจนได้รักกันนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 06-05-2015 21:13:48
ิอยากปลอบใจนู่ดาริลลลล เป็นที่สุด
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2015 21:24:23
ความสุขจงบังเกิดโดยเร็ว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 06-05-2015 22:26:54
สู้ๆน้าา คุณดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 06-05-2015 22:36:21
ต้องผ่านไปได้น่า ต่างคนก็ต้องมีใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: Rambluesky ที่ 06-05-2015 23:25:59
รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 07-05-2015 01:51:06
เร็นพยายามเข้านะ เพื่อจะได้พบเจ้านายอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 07-05-2015 02:09:47
น่าสงสารดาริล  พ่อบุญธรรมร้ายมากกก :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: Poppy29 ที่ 07-05-2015 03:21:24
 :mew4: คิดถึงเจ้านายเจ้านายก็มา โถวววว ดาริลที่น่าสงสาร ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วเจ้านายจะมีชีวิตที่กดดันตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ลำบากกายหรือขัดสนเงินทองเหมือนเร็นแต่อย่างน้อยเร็นก็มีแม่ที่รักและเข้าใจอยู่เคียงข้าง แต่เจ้านายเหมือนโดดเดี่ยวมากๆในเรื่องครอบครัว หันไปทางไหนก็เจอแต่คำว่ากดดันแถมยังต้องทนรับมือกับคนใกล้ตัวที่แย่ๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ตลอดเวลาอีก อยากกอดให้กำลังใจนุ้งดาริลเลยค่ะ งานนี้ได้แต่หวังว่าคุณเลขาจะคอยช่วยให้ทั้งคู่ได้สมหวังในที่สุด   :mew6:  อยากเห็นเจ้านายกับเร็นยิ้มได้เร็วๆจังเลยค่ะ 
ป.ล. คุณดาวเขียนเก่งมาก ชอบมากๆเลยค่ะเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นตาหวานอยู่เลยค่ะ นึกภาพตามเป็นลายเส้นพร้ิวไหวเหมือนในการ์ตูนช่องๆตามฉากที่บรรยายไว้ออกเลยค่ะ ชอบมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-05-2015 06:24:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: Kimkibog ที่ 09-05-2015 21:09:45
รบแรกพรรค! อ้ะ!! รักแรกพบ!  :-[ <--- (เล่นอะไร? 5555555)
ดาริลน่าสงสารจังเลย ขอตบพ่อบุญธรรมสักทีเถอะ!  :z6:  :beat:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 11-05-2015 20:24:05
เกลียดพ่อเลี้ยงงงงงงง  :katai4: ฮึ่ยยยยยยย สั่งสอนมานนนนน  :ling1: ทำงี้กับดาริลได้ยังงอยยย ><
รีบๆๆๆๆๆมาต่อนะคะ. กร้ากกกกก รออออออ
ขอบคุณนะคะ จุ๊ฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 11-05-2015 21:01:11
เกลียดพ่อบุญธรรมมาก ปากร้ายซะไม่มี หึ  :z6: หนูเร็นสู้ๆนะ เอาชนะใจเจ้านายให้ได้ อ่านฝั่งของดาริลแล้วก็เป็นกำลังใจให้ดาริลเหมียนกัน  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 15: ดาริล][P.12][060515]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 12-05-2015 18:53:24


Chapter 16 : เมฆหมอกในอดีต


เช้าตรู่ของวันใหม่ ดาริลบอกให้คนขับรถแวะร้านดอกไม้ระหว่างทาง เขาสั่งให้พนักงานจัดช่อจากดอกลิลลี่สีชมพูที่มีทั้งหมดในร้าน แล้วหอบช่อดอกไม้นั้นเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยตนเอง โดยมีเลขาหนุ่มติดตามไปอย่างใกล้ชิด

มิยะ คาซึกิ เป็นชื่อของเลขาหนุ่มที่เข้ามาทำงานให้กับตระกูลรอสตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ครอบครัวของเขาได้รับการดูแลช่วยเหลือจากอเล็กซิส คุณตาของดาริล และตัวเขาก็ได้รับทุนการศึกษาจนเรียนจบ คาซึกิเริ่มจากการทำงานในตำแหน่งเลขาของนามิโกะ มารดาบุญธรรมของดาริล จนกระทั่งเมื่อเธอจากไป อเล็กซิสจึงเอ่ยปากขอให้มารับหน้าที่ดูแลทายาทรุ่นต่อไปของตระกูล ซึ่งเขาเองก็ยินดีรับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ

คาซึกิติดตามดูแลดาริลไปทุกหนทุกแห่ง แม้กระทั่งเมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มไปศึกษาต่อชั้นอุดมศึกษาที่ประเทศอังกฤษ เพราะฉะนั้น ไม่มีใครรู้จัก เข้าใจ และเห็นใจดาริลไปมากกว่าคาซึกิอีกแล้ว

...และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่เจ้านายของเขาให้ความสนใจกับใครสักคน

“ผมช่วยถือมั้ยครับ ช่อใหญ่ขนาดนี้คงจะหนักแย่”

“ไม่เป็นไรครับ”

เมื่อร่างผอมบางก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลก็ปราดเข้ามาให้การต้อนรับพร้อมกับรายงานผลการตรวจรักษา ซึ่งทางแพทย์คะเนว่าเร็นจะกลับไปเล่นเบสบอลได้อีกครั้งอย่างไม่มีปัญหา แต่คงจะต้องใช้เวลาสักหน่อยและคงจะไม่ทันการคัดเลือกนักกีฬาที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

“...แต่สำหรับการแข่งขันในฤดูร้อน น่าจะทันครับ คุณคิมุระอายุยังน้อย แล้วก็แข็งแรงมาก คุณรอสไม่ต้องกังวลนะครับ”

ดาริลพยักหน้ารับ สีหน้าของเขาสลดลงไปเล็กน้อยขณะก้าวขาไปตามทางเดินในตึก ใจนึกกังวลว่าตนเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เร็นไม่ได้เข้ารับการคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาเบสบอลตัวจริงสำหรับการแข่งขันในฤดูใบไม้ผลินี้ แล้วนี่อีกฝ่ายจะโกรธเคืองเขาไหมนะ

“คุณดาริลครับ” เลขาหนุ่มเห็นเจ้านายสีหน้าไม่ค่อยดี จึงถามด้วยความเป็นห่วง “คุณดาริล...” หากอีกฝ่ายมัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ได้ยินเสียงเรียก คาซึกิจึงก้าวเข้าไปขวางข้างหน้าอีกฝ่าย “คุณดาริล”

เจ้าของชื่อเรียกหยุดกึก “หืม มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“ผมควรจะเป็นฝ่ายถามมากกว่านะครับ คุณสีหน้าไม่ค่อยดีเลย มีอะไรรึเปล่าครับ”

แววตาใสสั่นน้อยๆ เขาเม้มปาก แล้วเอ่ยชื่อของเลขาหนุ่ม “...พี่คาซึกิ...”

คาซึกิชะงัก จริงอยู่ที่ว่าดาริลเรียกชื่อจริงเขาเพราะความผูกพันและสนิทสนม ทว่าท่าทางที่บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกชัดเจนเช่นนั้น เขาไม่ได้เห็นมานานแล้ว เพราะตามปกติดาริลไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึกสักเท่าใดนัก

“คุณดาริล มีอะไรครับ”

“...ข้อมือของเด็กคนนั้น... เป็นเพราะผมเอง เขาเข้ามารับลูกบอลแทนผม”

เลขาหนุ่มโอบไหล่เล็กอย่างอ่อนโยน เขาเข้าใจถึงความเป็นกังวลของเจ้านาย นี่คงจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธเอา... แต่ก็ช่างน่าแปลก เพราะตั้งแต่มารดาบุญธรรมจากไป เจ้านายของเขาก็ไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาให้คาดเดาความรู้สึกได้ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีเลยทีเดียว “เพราะอย่างนี้นี่เอง... แต่คุณดาริลก็ได้ยินที่คุณหมอบอกแล้วนี่ครับ ว่ายังไงคุณคิมุระก็จะหายทันการแข่งขันในฤดูร้อนแน่ๆ ...เพื่อความสบายใจ คุณดาริลจะมอบเงินหรือของขวัญทดแทนให้กับเขามั้ยครับ”

ผู้เป็นนายขมวดคิ้ว “เงินหรือของขวัญทดแทน?”

“เรียกว่าค่าทำขวัญยังไงล่ะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ถ้าหากคุณดาริลต้องการ”

“...งั้นผมคงจะต้องถามเขาก่อน”

พอทั้งสองเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักคนไข้พิเศษ คาซึกิจึงหันไปช่วยจัดเสื้อแจ็กเกตกับหมวกของเด็กหนุ่มให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเคาะประตูห้องแล้วบอกกับเจ้านาย “ถ้างั้นก็เข้าไปพบเขาเถอะครับ ถามเขาให้เรียบร้อยว่าอยากได้อะไร ของขวัญหรือเงินเท่าไหร่ ส่วนผมจะรออยู่ข้างนอกนะครับ”

ดาริลสูดหายใจเข้าปอดลึก พอเขาพยักหน้า เลขาหนุ่มก็เปิดประตูให้

ขาเรียวในกางเกงยีนส์พาเจ้าของก้าวเข้าไปภายในห้อง นำช่อดอกไม้ไปวางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง ประสานมือไว้ด้วยกันแล้วหันไปสบสายตากับดวงตาคมกริบของคนที่นั่งอยู่บนเตียง หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ในขณะที่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะเริ่มการสนทนาว่าอย่างไรดี อีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียงก็พูดขึ้นก่อน

“สวัสดีครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง” เร็นยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มจ้องมองไปยังคนที่เพิ่งเข้ามาเยี่ยมอย่างไม่วางตา

ร่างผอมบางเบือนหน้าหลบ รู้สึกร้อนๆ บนใบหน้าชอบกล “อะ... เอ่อ... ผมขอโทษคุณคิมุระมากนะ เพราะผมไม่ระวังให้ดี... ทำให้คุณต้อง...”

“โอ๊ย... ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอกครับ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ร่างสูงยกมือข้างที่ใส่เฝือกให้ดาริลดู “คนแข็งแรงอย่างผม โดนเข้าไปยังต้องเข้าเฝือก ถ้าเป็นคุณละก็ สงสัยจะความจำเสื่อมแน่ๆ” พร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ดาริลก้มหน้าหลุบตาต่ำ “.....”

เร็นเอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บไปหยิบช่อดอกลิลลี่มาดู “นี่... เอามาให้ผมเหรอครับ ช่อใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขอบคุณนะครับ กลิ่นหอมมากๆ” แต่แล้วก็หันมาจ้องอีกฝ่ายอีกครั้ง นัยน์ตาที่คมกริบราวกับตาเหยี่ยวทำให้ดาริลถึงกับทำอะไรไม่ถูก “คุณครับ”

ร่างผอมบางเงยหน้าขึ้น “อะ... ครับ”

“ช่วยเข้ามาใกล้ๆ ผมสักนิดได้มั้ยครับ” คนที่นั่งบนเตียงพูด รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

ดาริลก้าวเข้าไปใกล้ๆ แล้วพยายามสบสายตากับอีกฝ่าย “คือ... เอ่อ... ถ้าคุณคิมุระต้องการอะไร เงินหรือ...”

“ผมไม่ต้องการอะไรหรอกครับ” เร็นชิงตอบ “หมอบอกว่าผมจะหายทันการแข่งขันในฤดูร้อน แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลนี่ ประกันกับสปอนเซอร์ก็ช่วยจัดการให้แล้ว เพราะงั้นคุณไม่ต้องกังวลไปนะครับ”

ดาริลยิ้มบาง คนคนนี้... ช่างเป็นคนที่ซื่อ อบอุ่น แล้วก็น่าประทับใจจริงๆ “จะดีเหรอครับ คือว่าผม...”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมดีใจที่คุณไม่เป็นอะไร”

เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนนั้นส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ “...ขอบคุณนะครับ” เขาประสานสายตาค้างกับนัยน์ตาสีเข้มอยู่เช่นนั้นโดยไม่มีคำพูดใดๆ พวกเขาต่างนิ่งเงียบราวกับเวลารอบตัวหยุดเดินไปชั่วครู่ ก่อนเร็นจะพูดขึ้น

“ดวงตาของคุณสวยมากเลย ผมเพิ่งเคยได้เห็นดวงตาสีเขียวใกล้ๆ”

จู่ๆ ร่างสูงก็เอ่ยชม ทำให้พวงแก้มนิ่มซับสีเลือดในทันใด เขาอ้ำอึ้ง แล้วตอบกลับไปเสียงเบา “ขอบคุณครับ เอ้อ... ถ้างั้น... แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ละกัน”

“พรุ่งนี้มาอีกได้มั้ยครับ”

“หือ?”

“ผมนอนนิ่งๆ อยู่ที่นี่คนเดียว เหงาชะมัดเลย ผมจะดีใจมากถ้าหากคุณมาได้”

ดาริลอมยิ้ม “...ตกลงครับ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วผมจะซื้อขนมอร่อยๆ มาฝาก”

“ผมจะรอ” ร่างสูงยิ้มกว้าง “...อ่า... เดี๋ยวครับ” หากพอดาริลหันหลัง เขาก็เอื้อมมือไปรั้งแขนเรียวไว้ “...คุณชื่ออะไร ผมยังไม่รู้เลย

“...ดาริล...”

“ผมคิมุระ เร็น ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ คุณดาริล”

ศีรษะเล็กผงกขึ้นลง “เช่นกันครับ คุณคิมุระ” ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไป เขารู้สึกว่าใบหน้าร้อนๆ ชอบกล หัวใจก็เต้นแบบแปลกๆ ...แล้วที่สำคัญ เขาไม่อาจบังคับตัวเองให้หยุดยิ้มได้เลย

ดาริลกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ในมือของเขามีช่อดอกลิลลี่สีชมพูคล้ายกับของเมื่อวาน ส่วนเลขาหนุ่มที่ติดตามมาด้วยก็ช่วยเจ้านายหอบขนมถุงใหญ่ๆ มาจนเต็มสองมือ หากเมื่อมาถึงที่หน้าห้อง เขาได้ยินเสียงพูดคุยดังลั่นมาจากทางด้านในห้อง ดูเหมือนว่าเพื่อนๆ ของเร็นจะมาเยี่ยม ดาริลจึงเดินไปหาที่นั่งรออยู่ใกล้ๆ กับห้องพัก

ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น คาซึกิจึงขอตัวจากเจ้านายเพื่อรับสาย เขาเดินวนไปวนมา พูดคุยกับปลายสายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ครู่ใหญ่ พอกดวางสายไปแล้วจึงเดินมารายงานเจ้านาย

“คุณดาริลครับ คุณอเล็กซิสไม่สบาย ท่านต้องการให้คุณเป็นตัวแทนท่านไปจัดการเรื่องธุรกิจที่ต่างประเทศ ท่านเรียกตัวคุณให้เข้าไปพบโดยเร็วที่สุดครับ”

“หือ?” ดาริลขมวดคิ้ว จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ... ไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ปกติแล้วคุณตามักจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการเดินทางไปติดต่อธุรกิจ... ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเร็นอีกน่ะสิ แต่ยังไงก็ไม่อาจฝืนคำสั่งได้ เด็กหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจหนักๆ

ร่างผอมบางก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือ เงยหน้าขึ้นมองไปทางห้องพักซึ่งยังมีเสียงพูดคุยและหัวเราะดังแว่ว จากนั้นจึงเม้มปากอย่างครุ่นคิด “ช่วยไม่ได้นี่นะ ของพวกนี้ เดี๋ยวฝากพยาบาลเอาไปให้เขาก็แล้วกัน เราไปกันเถอะ พี่คาซึกิช่วยโทรบอกคุณอัตสึชิให้ด้วยละกันนะ”

สองสัปดาห์ผ่านพ้นไป ดาริลเดินทางกลับมาถึงโตเกียวในตอนบ่าย เขาได้รับรายงานว่าเร็นออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว และกลับไปเรียนตามปกติ เมื่อดูเวลาบนหน้าจอนาฬิกา ก็เห็นว่ายังพอมีเวลา เขาน่าจะพอไปเยี่ยมอีกฝ่ายที่โรงเรียนทัน ใบหน้าสวยหวานหันไปทางเลขาที่นั่งอยู่ข้างๆ บนเบาะเดียวกันภายในรถคันหรู “...ผมจะแวะไปที่นิชิไฮสักหน่อย”

เลขาหนุ่มผู้รู้ใจพยักหน้ารับ “ครับ คุณดาริล” แล้วหันไปสั่งคนขับรถ

เพราะเพิ่งจะกลับมาจากการเดินทางไปติดต่อธุรกิจ วันนี้ดาริลจึงแต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำ ผูกเนกไทเรียบร้อย เขาสวมเสื้อโคตที่ถักทอด้วยผ้าขนสัตว์ตัวยาว สวมแว่นสีดำเพื่อพรางใบหน้า ร่างผอมบางตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนระหว่างทางที่เดินไปยังสนามฝึกเบสบอล ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจชอบกล

ดาริลเดินไปหยุดอยู่ที่จุดที่จะพอมองผ่านรั้วกั้นเข้าไปในสนามฝึกได้ เสียงของโค้ชและกัปตันออกคำสั่ง ตามมาด้วยเสียงขานรับของคนในทีมดังลั่นเช่นเคย ทุกคนฝึกฝนกันอย่างขันแข็ง แม้อากาศจะหนาวจัดจนเกือบติดลบ นัยน์ตาสีเขียวกวาดมองหาเด็กหนุ่มร่างสูง พอเห็นว่าอีกฝ่ายฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนๆ ในสนามก็ยิ้มกว้าง

แม้มือข้างหนึ่งจะต้องเข้าเฝือกไว้ แต่เร็นก็ยังมาเข้าชมรมไม่เคยขาด ร่างสูงไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ หากพยายามฝึกฝนเท่าที่ร่างกายจะทำไหว และสนุกไปกับสภาพของตนเองแบบนั้น

...ช่างเป็นคนที่มีความมุมานะและตั้งใจจริง เขานับถือใจของเด็กหนุ่มเลย

คาซึกิจับตามองเจ้านายทุกการเคลื่อนไหว ริมฝีปากสีแดงเรื่อที่ในยามปกตินิ่งเฉยกลับเผยอยิ้มสดใส เช่นเดียวกับดวงตากลมใสที่เป็นประกายเมื่อยามที่จ้องมองเด็กหนุ่มในสนาม และทั้งๆ ที่โดนเขาจ้องเขม็งในระยะใกล้ขนาดนี้ ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย

"คุณดาริล"

ดวงตาสีมรกตมองผ่านแว่นสีดำออกไป สายตาหยุดอยู่ที่ร่างสูงซึ่งข้อมือใส่เฝือกไว้เท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากรู้จัก อยากใกล้ชิดกับใครสักคน... แต่แล้วคนในสนามดูเหมือนจะรู้สึกว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสายตาของใครบางคน เมื่ออีกฝ่ายมองมา ดาริลก็สะดุ้งเฮือกสุดตัว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขารีบเบือนหน้าหลบไปทางที่คาซึกิยืนอยู่

“อะ... พี่คาซึกิ”

เลขาหนุ่มเบิกตาโพลง เจ้านายของเขาไม่เคยแสดงความรู้สึกทางสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ ดูท่าจะเกิดความรู้สึกแบบพิเศษกับเด็กคนนั้นเข้าซะแล้ว เขาหวังว่านั่นจะเป็นความรู้สึกเพียงแค่ชั่ววูบเท่านั้น เพราะยังไงอีกไม่นานเจ้านายก็ต้องกลับไปเรียน ชีวิตคงจะวุ่นวายจนลืมเด็กหนุ่มไป เขารีบพูดตัดบท “คุณดาริล วันนี้กลับกันก่อนเถอะครับ”

หลังจากวันนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลาที่ดาริลจะต้องกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ทุกอย่างดูจะเป็นไปตามที่คาซึกิคิด อย่างน้อยคาซึกิก็เชื่อเช่นนั้น เพราะร่างผอมบางไม่ได้เอ่ยถึงเด็กหนุ่มที่ชื่อ คิมุระ เร็น คนนั้นอีก

จนกระทั่งการแข่งขันที่โคชิเอ็งในฤดูร้อนมาถึง เร็นได้เป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียนอย่างที่คาดไว้ และทุกครั้งที่เด็กหนุ่มได้ลงสนาม ดาริลจะนั่งอยู่ที่หน้าโทรทัศน์จอใหญ่ในอะพาร์ตเมนต์ของเขา ใบหน้าสวยหวานนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงแค่มองการแข่งขันไปอย่างเรียบเฉย

...บางทีเจ้านายอาจจะแค่อยากดูให้มั่นใจ ว่าเด็กคนนั้นใช้แขนได้เป็นปกติและได้ไปแข่งที่โคชิเอ็งแล้วก็ได้ เลขาหนุ่มบอกตัวเองว่าอย่างนั้น

ดาริลไม่ได้กลับไปญี่ปุ่นอีกเลย เพราะเรียนหนักจนไม่มีเวลา เขาจะต้องเร่งเรียนให้จบโดยเร็วที่สุดตามคำสั่งของประธานบริษัทหรือคุณตา จนเวลาหนึ่งปีผ่านพ้นไป ดาริลได้หยุดพักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์สำหรับการปิดเทอมในฤดูร้อน ก่อนภาคเรียนพิเศษจะเริ่มขึ้น ดาริลจึงคิดว่าจะใช้ช่วงเวลาที่ได้หยุดนั้นเดินทางกลับไปพักผ่อนที่โตเกียวพร้อมกับเลขาหนุ่ม โดยไม่ได้บอกกับใครๆ ในครอบครัว

“ผมจะไปพบคุณคิมุระสักหน่อย แค่อยากเห็นกับตาว่ามือของเขาเป็นปกติแล้วน่ะ พี่คาซึกิคิดว่ายังไงครับ”

คาซึกิไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้านายเปรยกับตน แต่เขาก็ไม่ได้ขัดใจอีกฝ่าย ที่จริงก็ออกจะเต็มใจเสียด้วย เพราะนักสืบที่เขาสั่งให้ติดตามเรื่องของเร็นเป็นระยะๆ รายงานมาว่า เด็กหนุ่มกำลังคบหาดูใจกับสาวสวยรุ่นพี่ ซึ่งเธอมาคอยเฝ้าอยู่ที่สนามเป็นประจำทุกวัน และทั้งสองก็มักจะหายไปด้วยกันในช่วงเวลาพัก “ก็ดีนะครับ คุณดาริลจะได้สบายใจ ตอนนี้ที่นั่นก็น่าจะปิดเทอมฤดูร้อนเหมือนกัน ถ้างั้น... ผมว่า เราไปดูเขาตอนฝึกซ้อมด้วยก็น่าจะดีนะครับ”

“นั่นสินะ” ร่างผอมบางเกาปลายจมูกอย่างเขินๆ

“ผมจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกับที่พักให้เองนะครับ”

“ขอบคุณครับ พี่คาซึกิ” ดาริลยิ้มอย่างน่ารัก

รอยยิ้มนั้นส่งผลให้เลขาหนุ่มเจ็บเสียดในอก แต่เขาก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมและถูกต้องกับเจ้านายมากที่สุด เขาโทรศัพท์ไปปรึกษากับนักสืบเพื่อวางแผนวันและเวลา เมื่อกำหนดได้เรียบร้อยจึงรีบจัดการซื้อตั๋วเครื่องบินให้พร้อม พอเดินทางไปถึงโตเกียวแล้ว คาซึกิรอรายงานจากนักสืบเป็นระยะ พอได้จังหวะ เขาจึงขับรถที่เช่ามาไปยังโรงเรียนของเร็นทันที

...แบบนี้แหละดีแล้ว ให้เจ้านายเห็นซะ จะได้ตัดใจ เขาอาจดูเหมือนเป็นคนใจร้าย แต่เพราะรู้อยู่แก่ใจ ว่าเจ้านาย... คงไม่มีวันที่จะสมหวังในความรัก ในเมื่อเจ้านาย... เป็นผู้ชาย แล้วก็มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่เรียบร้อยแล้ว

สนามเบสบอลซึ่งเป็นที่หมายของทั้งสองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ช่วงเวลาปิดเทอมที่ใกล้ฤดูกาลแข่งขันเบสบอลสำหรับฤดูร้อนเช่นนี้ เหล่านักกีฬาในทีมเบสบอลต่างฝึกซ้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดวัน และเพราะอากาศที่ร้อนจนแทบหลอมละลาย นักกีฬาบางคนจึงใส่เพียงแค่กางเกงตัวเดียว แต่ทุกคนเหงื่อโซมกายราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำกันหมาดๆ

ดวงตากลมโตมองหาร่างสูงทันทีที่ไปถึง หัวใจของเขาเต้นตึกตัก อยากจะพบเร็นอีกสักครั้ง ขอแค่ให้ได้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายแข็งแรงดี เขาก็คงจะพอใจ “อ๊ะ เขาอยู่ตรงนั้นไง!” 

เร็นตัวสูงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ผิวสีเข้มคร้ามแดด หากใบหน้ายิ่งดูคมสันหล่อเหลา โดดเด่นแม้จะมองจากระยะไกล รอบๆ ขอบสนามมีแฟนคลับมาเชียร์เต็มไปหมด

...หากเพราะดาริลใจจดจ่ออยู่กับคนคนเดียว เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็น

ร่างผอมบางถอดหมวกแก๊ปออกแล้วใช้พัดไปมาเพราะอากาศที่ร้อนระอุ ทว่าเลขาของเขารีบดึงหมวกออกจากมือไปแล้วใส่กลับคืนให้

“แดดแรงมากเลยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย ใส่หมวกไว้ดีกว่า”

“อื้ม” เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นดีใจบนใบหน้าได้เลย

“สวมแว่นกันแดดสักหน่อย เดี๋ยวสายตาเสียนะครับ” เลขาหนุ่มจัดการสวมแว่นสีดำให้

“พี่คาซึกิดูแลผมซะยิ่งกว่าทั้งพ่อจริงแล้วก็พ่อบุญธรรมของผมอีกนะ” ดาริลยิ้มอย่างน่าเอ็นดู พลางก้าวเข้าไปสวมกอด “...ขอบคุณนะ ที่พาผมมาที่นี่ ผมรักพี่คาซึกิที่สุดเลย”

หัวใจของคาซึกิปวดแปลบ เขาพูดไม่ออก... จริงอยู่ที่ว่าเขารัก ดูแลเอาใจใส่ดาริลเหมือนกับลูก แต่เขาก็กลับเลือกที่จะผลักดันดาริลให้เป็นไปตามที่ท่านประธานหวัง มากกว่าเพื่อความสุขของเด็กหนุ่มเอง

“คุณดาริล เอ่อ...”

“อ๊ะ พักกันแล้วล่ะ” ดาริลหันขวับไปทางสนามทันทีที่ได้ยินเสียงเป่านกหวีด เขาเห็นว่าเร็นโบกมือให้กับใครสักคน แล้วชี้ไปที่ตึกแบบชั้นเดียวที่อยู่ติดกับสนามฝึก จากนั้นอีกฝ่ายก็วิ่งตรงไปที่ตึกนั้น “พี่คาซึกิ” ใบหน้าน่ารักหันกลับมาทางคาซึกิ “ผมจะไปหาคุณคิมุระสักหน่อย” เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น

“คุณดาริล แต่...” คาซึกิเห็น... เขาเห็นเต็มสองตาว่าเร็นส่งสัญญาณบอกกับผู้หญิงในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นรัดรูปให้เข้าไปพบกันในตึก ถ้าเจ้านายไปพบเห็นภาพของทั้งสองคนเข้า เจ้านายคงจะเสียใจมาก เขาควรจะรั้งเจ้านายไว้... แต่ว่า... “เอ่อ...” ...นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เจ้านายได้รับรู้ไม่ใช่เหรอ ถึงได้ยอมพาอีกฝ่ายมาถึงที่นี่

“มีอะไรเหรอ”

“...ผมว่า...”

ในขณะที่เลขาหนุ่มกำลังลังเล ดาริลก็วิ่งออกไป “เดี๋ยวผมมานะ พี่คาซึกิ”

“คุณดาริล!”

“รออยู่ตรงนั้นแหละ!”

มือที่ยื่นออกไปคว้าเจ้านายชะงักค้าง ไม่ทันร่างผอมบางซึ่งวิ่งออกไปก่อน คาซึกิไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำเช่นไร ใจหนึ่งอยากให้เจ้านายตัดใจ แต่อีกใจ... การได้ฝันถึงใครสักคนเป็นความสุขเพียงอย่างเดียวของเจ้านาย แม้จะเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ก็ตามที

ส่วนดาริลในเวลานี้ ในใจนึกถึงเพียงแค่ว่า เร็น... จะจำเขาได้ไหมนะ ในเมื่อไม่ได้พบกันมาตั้งปีแล้ว

ขาเรียวพาเจ้าของก้าวเดินไปยังตึกแบบชั้นเดียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องล็อกเกอร์ ห้องพัก และห้องอาบน้ำของนักกีฬาในทีม เขาเดินวนหาทางเข้า หากระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังตึงตัง แว่วมาจากทางบานหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ เขาจึงก้าวเข้าไปดู

บานหน้าต่างนั้นมีชัตเตอร์เปิดแง้มไว้พอให้มองเข้าไปภายในได้ ซึ่งภายในห้องเป็นห้องเก็บของขนาดเล็กๆ แต่เสียงตึงตังนั่น มาจากแผ่นหลังของหญิงสาวที่แนบติดกับประตูตู้เก็บของ สองขาของเธอยกขึ้นเกี่ยวเอวหนาของใครบางคน ซึ่งกำลังกระแทกกายเข้าหาเธอเป็นจังหวะถี่รัว

“อา อ๊า... ดีค่ะ อา...”

“ซี้ด...” ใบหน้าของคนคนนั้นซุกอยู่บนซอกคอของหญิงสาว ซึ่งเธอเผยอริมฝีปากร้องครางอย่างสุขสม

“คิมุระ ไม่ไหวแล้ว ฮ้า!”

“ยังก่อน” เด็กหนุ่มชะลอความเร็วของการขยับกาย มือสีน้ำผึ้งขยำก้อนเนื้อนุ่มบนหน้าอกของหญิงสาว เขากัดฟันคำราม ก่อนจะบดจูบเธอด้วยอารมณ์รุนแรง “อืม...”

เร็น... ดาริลชะงัก นัยน์ตาสีมรกตเพ่งมองใบหน้าของผู้ชายคนนั้น ซึ่งพอมองเห็นได้จากทางด้านข้าง โครงหน้าคมสันแบบกึ่งชาวตะวันออกกับตะวันตก เขาจำได้แม่นยำเลยทีเดียว

เสียงตึงตังของร่างสูงที่เคลื่อนเข้าหาร่างเล็กเป็นจังหวะกระชั้นขึ้นดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาว เธอจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างแล้วกรีดลากเป็นทาง

“คิมุระ อ๊า...”

หัวใจเสมือนหยุดเต้นไปชั่วครู่ เขารู้สึกราวกับร่างกายค่อยๆ จมลงสู่ก้นเหวลึกกลางมหาสมุทร เย็นเยือกจนชาไปทั้งร่าง ดาริลถอยออกมาจากบานหน้าต่างที่แง้มอยู่นั้น แล้วก้าวเดินออกไปช้าๆ อย่างเลื่อนลอย

หากเสียงดังโวยวายที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มเดินใกล้เข้าไปในเขตสนามฝึกซ้อมเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา ขณะที่ยืนหันซ้ายขวามองหาทางกลับไปยังจุดที่คาซึกิรออยู่ คู่ชายหญิงที่เพิ่งเดินจูงมือกันออกมาจากตัวตึกก็ชนเข้ากับร่างผอมบางเบาๆ

“อะ ขอโทษครับ”

“คิมุระอ้ะ! ถึงกับเซเลยเหรอ!”

“ฮ่าๆๆๆ ก็ฝึกมาทั้งวัน แล้วยังเรื่องเมื่อกี้อีก”

ดาริลเงยหน้าขึ้น หากสองคนนั้นก็จูงมือกันเดินจากไปแล้ว... เขาหยุดจ้องมองตามมือทั้งสองที่สอดประสาน ก่อนท่อนแขนสีน้ำผึ้งคร้ามแดดจะโอบกอดเอวเล็กคอดเข้ามาแนบกาย ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่น เจ็บปวดในอกจนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้น

ภาพที่เห็นในห้องเก็บของยังคงตามมาหลอกหลอน ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่ง เสียงหวานที่ครางอย่างมีความสุข แวบหนึ่งเขาหวังให้ตนเองอยู่ในที่ของเธอ

ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเฝ้ารอคอยวันที่จะได้มาพบกับเร็นอีกครั้ง คิดถึงอีกฝ่ายอยู่ตลอด อยากจะพูดคุย อยากจะเห็นรอยยิ้มที่ทำให้ทั้งโลกของเขาสดใส

หัวใจปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับมีหอกแหลมพุ่งเข้ามาทิ่มแทง ทั้งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครที่มีผลกระทบกับจิตใจของตนถึงเพียงนี้... นี่หรือว่าเขา... จะตกหลุมรักเร็นเข้าซะแล้ว

ความรักที่เพิ่งได้รู้จัก พอรู้สึกตัว เข้าใจหัวใจของตนเอง... ก็ต้องผิดหวังเสียแล้ว... ทุกสิ่งที่ได้เห็น น้ำเสียงที่ได้ยินในวันนี้ เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า ตลอดเวลามีเพียงตัวเขาที่คอยมองหาอีกฝ่าย เขาไม่เคยอยู่ในสายตาของเร็น แล้วก็ไม่มีทางที่จะได้เป็นคนพิเศษของเด็กหนุ่มด้วย

เลขาหนุ่มเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หัวใจพลอยเจ็บช้ำไปกับเจ้านายด้วย... เขาสะบัดหน้าไปมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาร่างผอมบางที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป “คุณดาริล กลับกันดีกว่านะครับ”

ดาริลพยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปกติ เขายกมือขึ้นกระชับแว่นกันแดดเพื่อบดบังดวงตาที่ฉายแววอ่อนแอ “...อืม... จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินด้วยนะ ผมจะกลับอังกฤษวันนี้” หากไม่อาจปิดบังหยดน้ำตาที่ไหลผ่านแก้มใสลงมาช้าๆ ได้ ดาริลจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“คุณดาริล...”

เสียงตะโกนดังลั่นแว่วมาจากภายในสนามฝึก ดูเหมือนว่าเร็นจะกลับไปถึงสนามเรียบร้อยแล้ว


“เฮ้ย! เวลาพักเขาก็ให้พัก จูงมือแฟนมึงไปไหนมาวะ ไอ้เร็น! ไอ้เสือ!”

“พูดมากน่ะว้อย! เอาน้ำมาดื่มหน่อย คอแห้ง”

“แห้งเพราะเสียน้ำเยอะเหรอวะ!”



คาซึกิจ้องมองเสี้ยวของใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตาสีดำ เขานึกเกลียดหน้าที่เลขาของตัวเอง... เกลียดตัวเองที่พาเจ้านายมาที่นี่... ทำไมเขาถึงทำกับคนที่เฝ้าถนอมดูแลมาตั้งเป็นสิบปีแบบนี้ได้ ไอ้คนไร้หัวใจ!

ดาริลยิ้มบาง “ไปเถอะครับ พี่คาซึกิ”

หลังจากวันนั้น ดาริลไม่เคยเอ่ยถึงเร็นอีกเลย เวลาผ่านล่วงเลยไปจนเขาจบการศึกษาและมาเข้ารับตำแหน่งรองประธานของบริษัท เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปยืนในฐานะผู้สืบทอดตระกูลเต็มตัว คุณตาซึ่งเป็นประธานช่วยหนุนหลังให้เขามีอำนาจพอที่จะทัดทานกับบิดาบุญธรรมได้ หากยังไม่มากพอที่จะเอาชนะอีกฝ่าย ส่วนแรงใจที่จะฮึดต่อสู้นั้น มันสูญสลายไปหมดสิ้นตั้งแต่วันที่หัวใจแหลกสลายนั้นแล้ว เขาปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามเส้นทางที่คุณตาวางไว้ให้ ราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้


TBC~*


 :hao5: สงสารดาริลแรงๆ ฮือๆๆๆๆ กลับมาอ่านตอนนี้แล้วฮัสกี้หุดหิดมาก ทำไมน้องเร็นทำกับดาริลล่ายยย  :sad4:

กับครอบครัวก็อึดอัด เลขาที่แสนรักก็ทำกันได้  :mew4:

/บ่นอะไร

ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากค่า อย่าเพิ่งโกรธน้องเร็นน้า น้องเร็นทำลงไป เพราะความหื่นล้วนๆ เลยกิงๆ ไม่มีอย่างอื่นปนเรย กร๊ากกก

 :mew1:

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-05-2015 19:05:36
ดาริลอย่าเสียใจไป ก็เร็นนะไม่รู้นี่นา ว่า ดาริลรักอ่ะ ผู้ชายมีแฟนก็ปกติน้าา ยังไงก็ใจเย็นๆก่อนน้าา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 12-05-2015 19:26:55
อยากให้น้องเร็นรู้จังว่าดาริลเคยมาหาแล้วเจอภาพบัดตาบาดใจ เฮ้อออออ ดาริลน่าสงสารมากอ่ะ ชีวิตโดนตั้งโปรแกรมตั้งแต่เกิดมั้งเนี่ย  เหมือนว่าอุปสรรครักของคู่นี้น่าจะมากมายจนนับไม่ถ้วนเลย เป็นกำลังใจให้ทั้งดาริลและน้องเร็น แล้วก็ฮัสกี้ด้วย จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 12-05-2015 19:28:04
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 12-05-2015 19:29:53
เร็นไม่ผิด เลขาไม่ผิด ดาริลยิ่งไม่มีวันผิด คนผิดคือฮัสกี้ คนเดียว ชิชะ ทำร้ายจิตใจ ดาริลลล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2015 20:10:12
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-05-2015 20:18:54
เร็นก็ไม่ผิดนะคะ  เร็นเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไปคนหนึ่งจะมีแฟนก็ไม่แปลก  ดาริลเองก็ไม่ได้สานต่อจากวันแรกที่ได้คุยกัน ก็เหมือนกับการแอบชอบ  สงสารดาริลค่ะแต่น้องไม่ได้สู้ไม่ได้แสดงตัวเลย  จากนี้ไปก็คอยดูดีกว่าว่าเร็นจะทำไง 
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-05-2015 20:27:18
หนูดาริลอย่าปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามน้ำแบบนี้สิค้า~ ดูสินั่น..คุณตาก็เลยได้ใจไปกันใหญ่เลย เข้ามาบงการแม้กระทั่งคู่ครองของหนูแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งเลยนะคะ หนูต้องสู้เพื่อความรักของตัวเองบ้างสิ ให้คุณตาได้รู้กันไปเลยค่ะว่า 'หน้าที่' กับ 'หัวใจ' เป็นคนละเรื่องกันกับการทดแทนบุญคุณ สู้ๆ เข้านะค้า~ :a2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 12-05-2015 21:33:37
ฮือออ มาต่ออีกเลยได้มั้ย สงสารคุณดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-05-2015 21:37:59
ดาริลเป็นคนที่ยึดติดเหมือนกันนะ ผ่านไปกี่ปีก็ยังกลับมาหาเร็นอยู่ดี
แต่เรื่องครอบครัวและคู่หมั้นจะหาทางออกยังไง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 12-05-2015 23:03:18
 :hao5: :hao5:สงสารดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-05-2015 00:31:42
สงสารดาริล  เธออ่อนต่อดลกมากไป
โทษเร็นไม่ได้หรอก ใครมันจะไปรู้เด้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-05-2015 02:18:43

 ต้องด่าคาซึกิ พาดาริลมาเจอภาพบาดตาขนาดเน้ :m16:  สงสารดาริลอ่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 14-05-2015 09:59:10
เปลี่ยนกันเปนฝ่ายเจ็บใช่ไหมสองนี้
ตอนนี้สงสารดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-05-2015 19:51:20
แง้ว เร็นพลาดแรงอ่ะตอนนั้น ก็วัยหนุ่มนี่นะ แฟนก็ไม่มี
แต่สงสารคุณดาริลมาก ฮรืออออ อุตส่าห์รอมาตลอด
ชีวิตคนรวยนี่มีความสุขยากจริง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 14-05-2015 22:31:08
น่าสงสารว่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 14-05-2015 22:39:11
น่าสงสารดาริล แต่เร็นก็ไม่ผิดตอนนั้นนางยังไม่ได้ชอบผู้ชายนี่น่า
มีอะไรกับผู้หญิงก็ไม่แปลกหรอก เข้าข้างสุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 19-05-2015 14:37:12
 :hao5: ฮื้อฮือเรื่องมันเศร้า คุณเลขานี้น่ะน่าตีจริงเลย~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 27-05-2015 03:20:43
สงสารหนูดาริลมากๆ เราจะไม่โทษเร็น(หรอกมั้ง)  แต่จะเคืองคุณเลขาแทน  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 16: เมฆหมอกในอดีต][P.13][120515]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 27-05-2015 18:36:42


Chapter 17 : คู่หมั้น


ณ ตึกสูงเสียดฟ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เครือบริษัทรอส

ร่างผอมบางนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวเขื่องที่เต็มไปด้วยแฟ้มงาน ใบหน้าสวยหวานนั่นแทบจะไม่ได้เงยขึ้นมาเหนือกองเอกสารพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย จนท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีหม่น พนักงานประจำในบริษัททยอยกันกลับบ้านกันไปจวนจะหมดแล้ว

ก๊อกๆ

ชายสูงวัยในชุดสูทราคาแพงระยับก้าวเข้ามาในห้องหลังเสียงเคาะประตูนั้น

“ไง ดาริล ขยันทำงานจริงนะ หลานตา”

ดาริลวางเอกสารในมือลง แล้วยืนขึ้นต้อนรับคุณตา “สวัสดีครับคุณอเล็กซิส มีอะไรด่วนรึเปล่าครับถึงต้องลำบากเดินทางมาถึงที่นี่”

"อเล็กซิสอะไร นี่เวลาเลิกงานแล้ว" ชายสูงวัยติง "ตาจะชวนแกไปกินข้าว ชวนทางคุณฟูจิฮาระเอาไว้แล้ว”

ดาริลชะงัก ช่วงนี้ดูเหมือนว่าคุณตาจะพยายามให้เขาสนิทสนมกับทางครอบครัวฟูจิฮาระมากเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคู่หมั้นของเขา คาโอรุ คือลูกสาวคนเดียวของตระกูลฟูจิฮาระ แต่นี่ ท่าทางเร่งรัดให้ไปพบกันบ่อยๆ ขนาดนี้... แสดงว่าคงใกล้เวลามากแล้ว เนื่องจากพวกเขาต่างจบการศึกษาและเข้าประจำตำแหน่งในบริษัทของครอบครัวเรียบร้อย ดังนั้นอิสระของเขาและเธอ คงกำลังจะถูกลิดรอนไปในไม่ช้า

“...ไปที่ร้านไหนดีครับ เดี๋ยวผมจะไปรับคาโอรุเอง” ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มบาง เขาชินกับบทบาทคู่หมั้นหนุ่มที่แสนดีนี่แล้วล่ะ


ฟูจิฮาระ คาโอรุ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นใหม่ๆ พวกเขามีสถานะและฐานะเดียวกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน นั่นจึงเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้เขากับเธอ... ถูกบังคับให้หมั้นหมายกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ไฮสคูล พวกเขารักกันก็จริง แต่ก็ฉันเพื่อนเท่านั้น และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้มากกว่านี้

ดาริลยังจำได้แม่น เมื่อทั้งสองรู้ว่าผู้ใหญ่ตกลงให้หมั้นหมายกัน พวกเขาเพิ่งจะขึ้นชั้นไฮสคูลปีหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองจึงนำเรื่องหมั้นหมายนั้นมาปรึกษากันที่โรงเรียน ต่างคนต่างนั่งหมดแรงอยู่บนพื้นที่ด้านหลังห้อง สองมือประสานกันไว้หลวมๆ

“...ขอโทษนะ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้”

คาโอรุยิ้มบาง “ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย... อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ” 

เด็กหนุ่มหันไปสบสายตากับเธอ “แต่คาโอรุ แล้วรุ่นพี่ซาโต้...”

“...ฉันบอกเขาไปแล้วล่ะ... เขาก็ตกใจน่าดู” เธอเงยหน้าขึ้นพิงศีรษะไว้กับกำแพง “ดาริล... ฉันเพิ่งเคยเห็นไดอิจิร้องไห้เป็นครั้งแรก เขาบอกว่า เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าฉันคงจะต้องถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานกับใครที่มีหน้ามีตาในวงสังคมเข้าสักวัน แต่โชคดีที่คนคนนั้นคือนาย เขาเลยวางใจ...” หยดน้ำตาใสๆ รินไหลออกมาจากดวงตาของเธอช้าๆ

“หมายความว่ายังไง”

“...เขาบอกว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้นายได้” เสียงของเธอแหบพร่า

ดาริลรู้ดีว่าเพื่อนรักเสียใจมากเพียงไหน น้ำตาของเธอทำให้เขาเจ็บปวดไปพร้อมกับเธอด้วย คาโอรุคบหากับรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อว่า ซาโต้ ไดอิจิ พวกเขาดูเหมาะสมกันดี แล้วเขาก็ให้เกียรติ คอยดูแลและทำให้คาโอรุมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ แต่ครอบครัวของไดอิจิเป็นครอบครัวธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคมอย่างที่ครอบครัวฟูจิฮาระต้องการ

คาโอรุเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่สาวและน้องสาว เธอเป็นคนน่ารัก ฉลาด อ่อนโยน และจิตใจดี เป็นเพื่อนคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาหา ปกป้องและยืนเคียงข้างเขา

...เมื่อครั้งที่ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ดาริลเพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ไม่นานก็ต้องมาเข้าเรียนชั้นจูเนียร์ไฮสคูลในโรงเรียนที่ดีที่สุดที่มารดาบุญธรรมและคุณตาเลือกให้ แน่นอนว่าเขาแตกต่างไปจากนักเรียนทุกคน เพราะเป็นชาวต่างชาติที่มีผมสีทองและดวงตาสีเขียว ทำให้ถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ราวกับเป็นตัวประหลาด... ในตอนนั้นไม่มีใคร ไม่มีเลยสักคนที่จะเข้ามาทักทาย


(ย้อนกลับไปเมื่อตอนเข้าโรงเรียนใหม่ๆ)

ช่วงวันแรกๆ ที่ต้องนั่งอยู่ตามลำพังคนเดียว นั่งรับประทานอาหารคนเดียว ดาริลนึกอยากกลับไปที่อังกฤษใจจะขาด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น

ขณะที่นั่งเบื่อๆ อยู่บนม้านั่ง เด็กผู้หญิงท่าทางขี้อายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา เธอตื่นเต้นจนใบหน้าซีดเผือดและเอ่ยทักทายเขาเสียงสั่น “...ฮะ... เฮล... โล... ฮาวดู... ยูดู?”

ดาริลหัวเราะกับท่าทางของเธอ หากเมื่อเด็กหญิงเห็นว่าเขาหัวเราะ เธอก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้

ในเวลาเดียวกันก็มีเด็กนักเรียนในชั้นก้าวเข้ามาดึงแขนเธอออกไป อีกคนเดินมากระชากคอเสื้อเขาแล้วตะคอกใส่ “นึกว่าเป็นฝรั่งแล้วจะหัวเราะเยาะคนอื่นได้รึไง! โดนสักทีดีมั้ยแก!” พร้อมกับง้างหมัดขึ้น

“หยุดนะ!” เด็กหญิงที่ดูอ่อนแอคนนั้นสลัดแขนให้หลุดออก แล้ววิ่งเข้ามารั้งหมัดไว้ “ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ!”

“ฟูจิฮาระ! แต่ไอ้หมอนี่มันหัวเราะเยาะเธอนะ! มันหยิ่งนัก! มาอยู่โรงเรียนของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องสั่งสอนให้รู้จักเจียมตัวซะบ้าง!”

“ถ้านายชกเขา! ฉันจะไปฟ้องครูใหญ่! เขาเป็นนักเรียนใหม่นะ นายต้องต้อนรับเขาสิ!” มือเล็กของเธอผลักเด็กชายตัวโตสุดแรง “บอกให้ปล่อยไง!” หากเพราะตัวเธอเล็กกว่าเด็กชายคนอื่นๆ มาก พอออกแรงผลักแรงหน่อย กลับเป็นตัวเธอที่กระเด็นออกไปล้มลงบนพื้น

ดาริลปัดข้อมือของมือที่ขยุ้มคอเสื้อตัวเองอยู่ออกอย่างแรง “ปล่อย”

อีกฝ่ายชะงัก พลางคลายมือออก ไม่คิดว่าดาริลจะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ “เฮ้ย!”

“ถ้าทำให้รู้สึกแย่ ก็ขอโทษด้วย” ดาริลพูดเสียงเรียบ ก่อนจะก้าวไปทางเด็กหญิงที่นั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น แล้วส่งมือให้เธอใช้จับยึด “ขอโทษที่หัวเราะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แค่คิดว่าคุณพยายามพูดได้น่ารักดี”

คาโอรุเลิกคิ้วขึ้น พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอจับมือเขาพร้อมกับลุกขึ้น แต่พอลุกแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย เด็กหญิงบีบมือของดาริลแล้วเชกแฮนด์รัวๆ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฟูจิฮาระ คาโอรุ ฝากตัวด้วยนะ”

ดาริลค้อมศีรษะลง “รอส ดาริล ครับ”

เด็กหญิงยิ้มกว้าง ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส “ชื่อเป็นฝรั่งเลย แต่คุณรอสพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก แล้วคุณพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย”

เด็กชายหัวเราะ “ภาษาญี่ปุ่นผมยังไม่ค่อยดีหรอกครับ ถ้าพูดอะไรผิดก็ขอโทษด้วย... but I think I can speak English fluently. (แต่ผมคิดว่าผมสามารถพูดอังกฤษได้ดีทีเดียว)"

คาโอรุเบิกตาโพลง เธอเพิ่งเคยได้คุยกับคนที่มีสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติชเป็นครั้งแรก “โอ้โห!! เหมือนฝรั่งเลย สุดยอด!”
นั่นเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพของทั้งสอง ซึ่งดำเนินอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


(กลับมาในห้องเรียน)

“แล้ว... นายตอบรุ่นพี่ไปว่าไง”

“...ฉันบอกเขาว่า ฉันรักนายนะ ดาริล แต่เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น...” ไหล่เล็กของเธอสั่นน้อยๆ “นายล่ะ ถ้าต้องแต่งงานกับฉันจริงๆ นายจะทำไง”

“...ฉันเหรอ... ยังไงก็ได้ ถึงยังไงก็คงไม่มีโอกาสได้เลือกเอง เอาจริงๆ ให้แต่งกับนายก็ยังดีกว่าแต่งกับคนอื่น” ดาริลเสตาหลบ “...แต่ฉันไม่อยากให้นายเสียใจ เพราะนายรักรุ่นพี่ซาโต้ ส่วนฉันน่ะ คงไม่มีวันจะรักใครอย่างคนรักได้หรอก”

“ดาริล! ทำไมพูดอย่างนั้น” คาโอรุตบไหล่เพื่อนรักป้าบใหญ่

“โอ๊ย!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตี

“อย่าพูดเหมือนนายเป็นคนสิ้นหวังอย่างนั้นสิ! สักวันนายจะต้องเจอคนที่นายรักเหมือนกันแน่ๆ” เธอกุมมือเด็กหนุ่มแน่น “ถ้าสักวันนายพบคนที่นายรัก ฉันจะเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้กับนายเองนะ”

“ทีอย่างนี้ล่ะ เข้มแข็งขึ้นมาเชียว” ดาริลหัวเราะ “เรื่องของตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อน... จะเอาไงกับรุ่นพี่ซาโต้ล่ะ”

คาโอรุชะงัก แล้วพูดเสียงอ่อย “...ไดอิจิขอเวลาแยกกันสักพัก...”

เด็กหนุ่มดึงร่างเล็กเข้ามากอด “คาโอรุ เรื่องหมั้นของเรา ยังไงก็แค่หมั้น อนาคตจะเป็นยังไง ไม่มีใครรู้หรอก” จากนั้นจึงผละออกแล้วลุกขึ้น พร้อมกับส่งมือให้เพื่อนสาว “...ไป... ไปหารุ่นพี่กัน ฉันจะพูดกับเขาให้เข้าใจเอง”

หลังเลิกเรียนวันนั้น ดาริลสั่งให้คนขับรถขับพาเขากับคาโอรุไปที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ถ้าลองบอกกับที่บ้านว่าพวกเขาออกไปด้วยกันแล้วละก็ ไม่มีใครขัดใจแน่ๆ เมื่อไปถึงที่หมาย พวกเขาก็พากันไปตามหาไดอิจิ แฟนหนุ่มของคาโอรุ แล้วพากันไปคุยในสวนที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมานัก

ไดอิจิกับดาริลรู้จักกันดี พวกเขายืนประจันหน้ากัน โดยที่ไดอิจิไม่อาจสู้สายตาของเด็กหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าได้ หัวใจเขายังเจ็บกับข่าวที่เพิ่งได้รับรู้ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของแฟนสาว ซึ่งเธอก็ได้แต่ยืนนิ่ง น้ำตาไหลรินเปื้อนแก้ม

“รุ่นพี่... แค่เรื่องหมั้นนี่ ก็ทำให้รุ่นพี่ท้อแล้วเหรอครับ” ดาริลจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “คำว่ารักของรุ่นพี่มีความหมายแค่ไหนกัน กะอีแค่เรื่องหมั้น รุ่นพี่จะถอยแล้วอย่างงั้นเหรอครับ รุ่นพี่นึกถึงความสุขของคาโอรุบ้างรึเปล่า”

ไดอิจิหันมาประสานสายตากับนัยน์ตาสีเขียวที่ฉายแววขุ่นมัว “คุณก็พูดได้สิ คุณเกิดมาบนกองเงินกองทอง ในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง! ผมจะเอาตัวเองไปเทียบกับคุณได้ยังไง!” เขากำมือแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน “...ผมไม่สามารถซื้อของขวัญราคาแพงๆ ไม่สามารถพาคาโอรุไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป ทุกวันนี้ที่ผมมีปัญญาเรียนมหาวิทยาลัยก็เพราะได้ทุน บ้านคาโอรุไม่มีทางยอมรับผมหรอก มีแต่จะทำให้คาโอรุเสียใจเท่านั้น”

“รุ่นพี่อยากเปรียบเทียบตัวเองกับผมเหรอครับ” ดาริลพยายามระงับอารมณ์ แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “รู้มั้ยว่าเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้าที่ผมใส่อยู่นี่ ราคาเท่ากับรถหรูๆ ทั้งคัน น่าอิจฉามากเลยใช่มั้ยล่ะครับ ผมสามารถซื้อเกาะทั้งเกาะให้คาโอรุได้ เพียงแค่เอ่ยปากขอคุณตา มันเลิศมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ” เสียงที่เปล่งออกไปแหบพร่า แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด  “...แล้วรุ่นพี่เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าคนที่มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างอย่างผม ไม่สามารถปฏิเสธการหมั้นหมายของผมกับคาโอรุได้ สิ่งที่รุ่นพี่เห็นทั้งหมดนี่ มันเป็นเปลือกนอกเท่านั้นละครับ ผมเป็นแค่ตุ๊กตาหุ่นเชิดตัวนึง ถูกจับให้แต่งตัว ถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งของที่บ้าน... คาโอรุเองก็เช่นกัน! ในขณะที่พี่เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ สอบขอทุนไปเรียนในมหาลัยที่ต้องการ เลือกใส่เสื้อผ้าที่ใจชอบ อยากไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจ แล้วแบบนี้! ใครกันที่น่าสงสารครับ!”

...คำพูดกับแววตาของดาริลทำให้ชายหนุ่มได้สติ “...ผม... ขอโทษ”

“รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่เป็นคนเก่ง ผมเชื่อว่าอนาคตของรุ่นพี่จะต้องรุ่งโรจน์มากแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้น รุ่นพี่จะสามารถสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต ให้กับคาโอรุได้... รุ่นพี่ยังมีโอกาส ผมไม่อยากให้รุ่นพี่ยอมแพ้... พิสูจน์ความรัก ความตั้งใจจริงของรุ่นพี่ให้คาโอรุเห็นสิครับ”

ไดอิจิหันหน้าไปทางที่แฟนสาวยืนอยู่ น้ำตาของเธอส่งผลให้หัวใจของเขาปวดร้าวมากกว่าเดิมเสียอีก ก่อนจะหันกลับไปทางดาริลช้าๆ “...ผมขอโทษนะ พอได้ยินเรื่องหมั้นจากปากคาโอรุ ผมก็โมโหหน้ามืด ขาดสติแล้วยังพาลไปทั่ว... ทำตัวเหมือนเด็กๆ จริงๆ เลย” เขาค้อมศีรษะลงต่ำ “...ขอโทษที่พูดไม่ดีกับคุณ แล้วก็ขอบคุณที่เตือนสติผม”

“รุ่นพี่ครับ... ผมรักคาโอรุนะครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม แล้วเขาก็รักรุ่นพี่มาก... ผมขอให้รุ่นพี่สัญญากับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากแค่ไหน รุ่นพี่ต้องรักเธอ ไม่ทอดทิ้งเธอเด็ดขาด”

“ผมสัญญา” ไดอิจิตอบอย่างหนักแน่น จากนั้นจึงก้าวไปคุกเข่าลงตรงหน้าคาโอรุ “ผมขอโทษที่งี่เง่า ขาดสติ... ผมขอสัญญาต่อหน้าคุณดาริล ผมจะรัก จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเรา... คาโอรุ ยกโทษให้ผมนะ ผมไม่เคยคิดอยากห่างจากคุณเลย ผมรักคุณ”

คาโอรุทรุดตัวลงโอบกอดคนที่เธอรักพลางร้องไห้โฮ “ไดอิจิ ฉันรักคุณ”

เมื่อร้องไห้จนพอใจและเข้าใจกันดีกับคนรักแล้ว คาโอรุจึงก้าวเข้ามาหาเพื่อนรักที่ยืนรอเธออยู่ห่างๆ แล้วเข้าไปสวมกอด “ขอบใจนะ ดาริล นายคือเพื่อนที่ดีที่สุด”

“เดี๋ยวรุ่นพี่ก็หึงหรอก” ดาริลหัวเราะ แล้วหันไปทางรุ่นพี่ “ขออนุญาตนะ” ก่อนจะโอบตอบร่างเล็ก

หลังจากทุกคนเข้าใจกันดีแล้ว พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องสำคัญ

“เราจะจัดการยังไงกับเรื่องหมั้นนี่ดี” คาโอรุถอนหายใจยาว

“ผมคิดว่า... พวกคุณควรจะทำตามที่ผู้ใหญ่จัดการไปก่อน” ไดอิจิตอบหลังจากขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน “...เพราะถึงพวกคุณไม่หมั้นกันเอง พวกคุณก็คงจะต้องโดนจับไปหมั้นกับคนอื่นอีกอยู่ดี”

ดาริลพยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้น ถ้าผมกับคาโอรุทำเป็นเออออ ตกลงไปกับการหมั้น ครอบครัวของเราก็จะไม่สงสัยอะไร อีกอย่างสำหรับผมน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหากพวกคุณคบกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน...”

“นั่นสินะ... เรายังพอมีเวลากว่าจะถึงวันแต่งงาน ฉันคิดว่าคงจะเป็นหลังพวกเราเรียนจบมหาลัย จนกว่าจะถึงเวลานั้น...”

ไดอิจิเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้แน่น “เมื่อถึงเวลานั้น ผมคงจะใกล้จบด็อกเตอร์แล้ว... แล้วเมื่อผมได้เป็นด็อกเตอร์ อาชีพการงานของผมก็คงจะมั่นคง มีเงินพอที่จะสร้างครอบครัว... คาโอรุ เรามาพยายามไปด้วยกันนะ”

เด็กสาวยิ้มกว้าง “ค่ะ”

“คุณรอส... ขอโทษที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายไปกับพวกเราด้วย แล้วก็ขอบคุณ...” ไดอิจิค้อมศีรษะลงต่ำ

“ผมไม่ได้ลำบากอะไร... ดีซะอีกที่ผมไม่ต้องปวดหัวกับการไปดูตัวบ่อยๆ แล้วก็หมั้นกับใครก็ไม่รู้” ดาริลยิ้มบาง “...แล้วที่สำคัญ คาโอรุก็มีความสุข”

“ดาริล... สักวันนายจะพบคนที่นายรัก แล้วเมื่อถึงวันนั้น ฉันจะยืนข้างนาย จะช่วยเหลือนายทุกอย่าง”

“ผมก็เหมือนกัน... พวกเราจะสู้ไปพร้อมๆ กันนะครับ”

ดาริลหัวเราะ เขาไม่คิดว่าจะมีวันนั้นหรอก เพราะหัวใจของเขา... ถูกปิดตายมานานมากแล้ว การจากไปของคนที่รักเมื่อในอดีต ทำให้ดาริลต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ต้องการแต่ผลประโยชน์จากตัวเขาตามลำพัง ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเชื่อใจใครสักคนมากพอที่จะไว้วางใจและมอบหัวใจให้ได้ เขาสร้างเกราะหนาไว้เพื่อป้องกันตนเอง แต่ก็ตอบตกลงไปเพื่อให้ทั้งคู่สบายใจ “โอเคครับ"

ดาริลกับคาโอรุเล่นบทคู่หมั้นที่แสนดีของกันและกันไปเรื่อยๆ เมื่อเรียนจบชั้นไฮสคูล ทั้งสองก็เดินทางไปเรียนต่อชั้นมหาวิทยาลัยด้วยกันที่ประเทศอังกฤษ เบื้องหน้าดูเหมือนพวกเขาตัดสินใจไปเรียนต่อด้วยกันตามลำพัง ด้วยความที่เป็นคู่หมั้นกันอยู่แล้วจึงไม่มีใครขัดขวาง โดยที่ไม่ได้มีใครใส่ใจเลยว่า คนรักที่แท้จริงของคาโอรุ ไดอิจินั้นก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกันด้วยเช่นกัน ไดอิจิรับบทบาทเป็นรุ่นพี่คนสนิท ผู้ซึ่งคอยติวหนังสือและช่วยเหลือเรื่องการเรียนกับหนุ่มสาวทั้งสอง พวกเขาส่งต่อบทบาทและบทพูดกันอย่างแนบเนียน โดยที่คาซึกิ เลขาคนสนิทของดาริลยังไม่แสดงท่าทีระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย


TBC~*


ชีวิตดาริลช่างน่าสงสาร  :hao5:

ตอนนี้ยังย้อนเล่าเรื่องทางฝั่งดาริลอยู่นะคะ ทำโทษน้องเร็นให้นอนเหี่ยวอย่างเดียวดายรอไปก่อน อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 27-05-2015 19:01:24
อุปสรรคมีไว้ให้พุ่งชนค่าา (<< คุ้นๆ :laugh: ) .. เข้มแข็งเข้าไว้นะคะดาริล~ :กอด1: ชีวิตเป็นของเราค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 27-05-2015 19:33:48
คุณดารินนน ทูนหัวของบ่าววว สู้ๆน้าาา :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 27-05-2015 19:39:55
งือออ สงสารดาริล รอก่อนนะะะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-05-2015 19:44:22
น่าสงสารจุงงง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2015 19:47:32
สั้นอะอยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-05-2015 20:15:45
พวกผู้ใหญ่นี่ช่างวุ่นวายจริง ทำชีวิตคนอื่นยุ่งยากไปหมด
ดาริลสู้ ๆ นะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-05-2015 21:03:38
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-05-2015 21:13:35
ถ้าเป็นเรานะ เราจะแนะไดอิจิว่าช่งที่รอเวลาเรียนจบก็ไปเรียนภาษาอังกฤษให้คล่องพอถึงเวลาวิวาห์เหาะไปเลย ถ้าหากว่าบ้านคาโอรุตามรังควาญก็ย้ายงานไปทำบริษัทฝรั่งหรือไปอยุ่กันต่างประเทศเลย  นี่ยังมีโอกาสมากกว่าของดาริลนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-05-2015 21:32:44
ดาริลน่าสงสารจัง เป็นลูกคนรวยก็ใช่ว่าจะดี ยิ่งมีภาระที่ต้องรับผิดชอบตระกูลด้วย สู้ๆนะ ดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-05-2015 21:38:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-05-2015 21:54:43
 :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 27-05-2015 21:57:10
ดาริล :hao5: :hao5: :hao5:
ดีนะที่คู่หมั้นคือคาโอรุ :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 27-05-2015 22:42:21
สู้ๆนะทุกคน :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 28-05-2015 00:29:42
ดาริลน่าสงสาร  แล้วอย่างนี้จะเกินไงต่อ :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-05-2015 01:58:34
 :เฮ้อ:ดาริลน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-05-2015 23:25:29
รู้จักดาริลมากขึ้นจากตอนนี้ เป็นคนดีและน่าชื่นชมมากนะ แต่ก็น่าสงสารมากด้วยชีวิตที่เลือกเองไม่ได้
คาโอรุน่ารักจัง สรุปเป็นเพื่อนแท้กันเลย พระเอกมีหวังจริงจังค่ะ ปัญหาคือจะได้เจอกันไหมนี่

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-06-2015 20:08:41


Chapter 18 : พบกันครั้งแรก (ดาริล)


“เดี๋ยวผมจะพาคาโอรุไปส่งที่คอนโดก่อนนะครับ” ดาริลยิ้มละมุน ซึ่งในขณะเดียวกัน แขนเรียวเล็กก็สวมกอดท่อนแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ คาโอรุยิ้มหวาน ส่วนดาริลก็วางมือประกบบนหลังมือเล็กอย่างรู้งาน “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคาโอรุตามลำพังสักหน่อย”

ทางด้านผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมีหรือจะขัด “ตามสบายเลยนะ”

ทั้งคาโอรุและดาริลต่างย้ายออกมาอยู่คอนโดมิเนียมส่วนตัว แม้ทางบ้านจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอรู้ว่าคอนโดมิเนียมของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน แล้วทั้งสองก็สัญญาเป็นอย่างดีว่าจะคอยดูแลกันและกัน ทางครอบครัวถึงได้ยินยอม

ในตอนนี้ไดอิจิกำลังเร่งทำวิทยานิพนธ์อย่างขันแข็งอยู่ที่ประเทศอังกฤษตามลำพัง หากเพราะคาโอรุอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมส่วนตัว ทั้งสองจึงสามารถติดต่อพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย

ส่วนดาริลก็มักจะแวะไปหาหญิงสาวหลังเลิกงานแทบจะทุกวัน เพราะพวกเขาวางแผนธุรกิจร่วมกันไว้

วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อดาริลไปถึงที่พักของคาโอรุแล้ว เธอจึงจัดการติดต่อทำวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับคนรักเพื่อพูดคุยกันถึงปัญหาในตอนนี้ พวกเขาจัดห้องประชุมไว้เป็นที่ทำงานลับๆ โดยเฉพาะ

“ผมคิดว่าไม่เกินหนึ่งปี คุณตาจะต้องเร่งรัดให้แต่งงานแน่ พวกเราคงต้องเร่งมือแล้ว อืม...” ดาริลกดเรียกดูเอกสารทั้งหมดบนจอฉายสไลด์ “ตอนนี้ผมกับคาโอรุยังมีเงินไม่มากพอ เรากว้านซื้อวัตถุดิบจากทางใต้กับโรงงานแปรรูปบนเกาะทางใต้ได้ส่วนหนึ่งแล้ว กำลังเร่งติดต่อส่งออกให้กับบริษัทที่คุณไดอิจิค้นคว้ามา”

“ส่วนโรงงานแปรรูปที่เราดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ฉันกำลังปั่นให้ราคาหุ้นขึ้นสูง อีกสักเดือนจะปล่อยลงให้คนเข้ามาช้อนซื้อ เราน่าจะได้เงินทุนเพิ่มพอที่จะบุกขึ้นมาถึงโอกายาม่าได้”

“ถ้างั้นผมจะให้รุ่นน้องช่วยกันศึกษาตลาดเพิ่ม จะส่งวิจัยให้พวกคุณภายในสัปดาห์นี้ครับ”

ทั้งสามคนเมื่อรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นกลุ่มของนักธุรกิจที่เก่งกาจ พวกเขาวางแผนการกันมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัย ส่วนของเงินทุนสำหรับการเริ่มต้นนั้น ดาริลและคาโอรุจัดการได้ไม่ยากนัก ด้านการบริหารงาน ดาริลมีประสบการณ์จากการติดตามและฝึกงานในบริษัทเคียงข้างคุณตากับบิดาบุญธรรม คาโอรุเองก็เช่นกัน พวกเขาแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน คาโอรุเป็นคนออกหน้าบริหารงาน ส่วนดาริลเป็นที่ปรึกษาและหุ้นส่วน ไดอิจิเป็นมันสมองและเป็นคนจัดการเรื่องงานวิจัย วิเคราะห์ต่างๆ นาๆ โดยดึงพวกพ้องที่เคยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยสมทบอีกแรง พวกเขาเร่งสั่งสมเงินทุน สร้างความมีอิทธิพล เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากเส้นใยชักจูงของครอบครัวและได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ

แผนการที่พวกเขาทั้งสามวางไว้นั้น กำหนดให้ดาริลเป็นหมากตัวหลักบนกระดาน ส่วนไดอิจิจัดการคิดหาวิธีการตีกรอบ และบีบคั้นให้บิดาบุญธรรมของดาริลต้องทยอยขายหุ้นบริษัทออก จากนั้นดาริลก็จะได้ใช้เงินที่แอบลงทุนกับคาโอรุซื้อหุ้นเหล่านั้น อีกทั้งยังจัดหาโบรกเกอร์มือหนึ่งซึ่งเคยเล่าเรียนด้วยกันมาและเชื่อใจได้มาช่วยงาน พวกเขาหาทางทำให้ดาริลได้ครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ของเครือบริษัท เพื่อที่เขาจะได้มีอำนาจสูงสุดในเครือบริษัทรอส แล้วนั่นก็จะช่วยให้ดาริลสามารถต่อรองกับฝ่ายครอบครัวของคาโอรุได้ง่ายขึ้น

“คุณดาริล ผมมีข่าวดี เพื่อนของผมที่เป็นโบรกเกอร์แจ้งมาว่าจะมีการซื้อขายหุ้นในเครือบริษัทรอสจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์จากหุ้นทั้งหมดของคุณอัตสึชิเร็วๆ นี้”

“โอเคครับ ถ้าได้ห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมารวมกับที่ผมขอซื้อจากพนักงานในบริษัทและส่วนที่ซื้อหามาจากตลาดได้ก็จะเป็นสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ถือว่าพวกเราประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยเลย ผมก็จะมีหุ้นอยู่ในมือเท่ากับอัตสึชิแล้ว” ดาริลหัวเราะอย่างพอใจ

“ตอนนี้เพื่อนผมกำลังตามซื้อหุ้นที่เปิดขายในตลาดที่เหลืออยู่นะครับ อีกไม่นานน่าจะเป็นรูปเป็นร่าง”

“ขอบคุณครับ ผมจะให้รางวัลเป็นเงินสิบเปอร์เซ็นต์ของค่าหุ้น...”

“เรื่องเงินไม่ต้องหรอกครับ คุณดาริลก็ว่าจ้างด้วยราคาพิเศษอยู่แล้ว อีกอย่างเพื่อนผมกับผมเรามีหนี้บุญคุณกัน เขาเต็มใจที่จะช่วย”

“งั้นผมจะส่งของขวัญไปให้... ขอบคุณนะครับ”

ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้สวย หากพวกเขายังต้องการทั้งเวลาและเงินทุนอีกมาก หลังจากคุยกันเรื่องธุรกิจเสร็จอย่างเคร่งเครียดแล้ว พวกเขาจึงนั่งลงปรับทุกข์กันต่อ

“เราคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกสักปี” ดาริลยกมือขึ้นกุมขมับ “จะทันมั้ยนะ ผมจะทำยังไงให้อัตสึชิตัดใจจากหุ้นที่เหลือ แล้วยังหุ้นของคุณตา... ต่อให้ผมซื้อหุ้นทั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้หมด อีกครึ่งก็ยังอยู่ที่คุณตา ท่านคงไม่ยอมขายง่ายๆ แน่ ผมไม่รู้จะเจรจากับท่านยังไงดีเลย ถ้าผมมีหุ้นมากกว่าท่าน... ขอแค่เปอร์เซ็นต์เดียวเท่านั้น อำนาจก็จะตกมาอยู่ในมือผม”

ไดอิจิเม้มปาก “...ผม... ในเวลาหนึ่งปี ก็คงจะเรียนจบทันอยู่ แต่ถ้ายังไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ทางผู้ใหญ่ของคาโอรุคงจะไม่ยอมรับผมแน่”

“เราท้อไม่ได้นะ!” คาโอรุพูดเสียงเข้ม “เราสู้กันมาตั้งหลายปีแล้ว เพื่ออนาคต เพื่ออิสระ!”

“ผมจะสู้ คาโอรุ ขอบคุณที่อดทน...”

ดาริลยิ้มบาง อิสระงั้นเหรอ... สำหรับเขาคงไม่มีความหมายอะไรสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยถ้าไม่มีใครมาคอยกดดันก็คงดี “เมื่อผมได้ตำแหน่งประธาน คุณไดอิจิจะได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาของผมทันที และพอรวบบริษัทส่งออกที่เราลงทุนไว้เข้ามาแล้ว ผมก็จะมีอำนาจต่อรองกับบริษัทของฟูจิฮาระมากขึ้น ทางบ้านของคาโอรุไม่มีทางปฏิเสธอะไรผมได้แน่ แล้วคุณไดอิจิเองก็จะมีฐานะที่ทางนั้นต้องยอมรับ”

เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง คาโอรุจึงจัดหาน้ำชามาเสิร์ฟให้กับเพื่อนรักที่นั่งทำหน้าเครียด ร่างกายนิ่งไม่ไหวติงราวกับตุ๊กตาหิน เธอจ้องมองท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวาของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“ดาริล... คิดอะไรอยู่น่ะ”

“...เปล่านี่”

“ทำท่าเหมือนเป็นหุ่นยนต์” ถ้าเป็นคนอื่น คงจะเห็นว่าดาริลเป็นคนที่เข้าถึงยากและดูหยิ่งอยู่สักหน่อย เพราะเขามักจะมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า แต่สำหรับเธอ คนที่คบหาสนิทสนมกันมานาน เธอรู้ดีว่าดาริลเป็นคนอย่างไร... จะว่าไป ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เพื่อนรักของเธอมีอาการแปลกไปนิดหน่อย

“นี่... ดาริล ช่วงที่เราเรียนที่อังกฤษน่ะ... นายไปตกหลุมรักใครเข้าบ้างรึเปล่า”

ชายหนุ่มที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบหยุดกึก ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง “...จู่ๆ เอาอะไรมาถาม”

“ผู้หญิงน่ะ มีเซนส์ทางนี้นะ” คาโอรุยกแขนขึ้นเท้าคาง “มีช่วงนึงที่นายเปลี่ยนไป ดูเหม่อลอย ยิ้มคนเดียว... โดยเฉพาะเวลาที่นายดูแข่งเบสบอลของทีมนั้นน่ะ ตาเป็นประกายเชียว”

ดาริลส่ายศีรษะไปมา แล้วพูดเสียงเรียบ “มโน”

“หึ!” คาโอรุเบ้ปากใส่ แล้วยกถ้วยชาของเธอขึ้นจิบบ้าง “คิดว่าฉันไม่รู้รึไง เบสบอลมีเป็นสิบทีม นายดูอยู่ทีมเดียว”

“จะดูอยู่ทีมเดียวที่บริษัทฉันเป็นสปอนเซอร์ก็ไม่แปลกนี่”

...ปากแข็ง! คาโอรุบ่นอยู่ในใจ “ดาริล ถ้านายมีความรักละก็ ฉันจะยืนอยู่ข้างนายเสมอ ไม่ว่าคนรักของนายจะเป็นใคร ไดอิจิก็เช่นกัน”

“อื้ม รู้แล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง “...ขอบใจ”

ความรักงั้นเหรอ... เขาลืมมันไปนานแล้ว ความรู้สึกที่น่าทรมานอย่างนั้น... นอกจากคาโอรุ ไดอิจิ และคาซึกิแล้ว เขาก็ไม่คิดจะใกล้ชิด หรือไว้วางใจกับใครอีก ประสบการณ์ในอดีตน่าเจ็บช้ำเกินไปสำหรับเขา

หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ดาริลเดินทางไปยังโบสถ์ที่อยู่ในการดูแลของทางบริษัทตามกำหนดการ โบสถ์แห่งนี้ บิดาของคุณตาของเขาเป็นคนสั่งให้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่ย้ายมาตั้งรกรากในญี่ปุ่นใหม่ๆ เพื่อที่จะซื้อใจของชาวบ้านในละแวกนั้นซึ่งนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นส่วนใหญ่ ตามปกติแล้ว ชายหนุ่มมักจะแวะไปที่โบสถ์ทุกสัปดาห์เพื่อนำช่อดอกลิลลี่สีขาวไปวางหน้ารูปปั้นแม่พระ หากวันนี้เขาจะเข้าร่วมพิธีมิสซา ต่อจากนั้นก็จะไปพูดคุยธุระกับบาทหลวงที่ห้องรับรองภายในตึกขนาดเล็กซึ่งแยกออกไปอยู่ทางด้านหลังตัวโบสถ์ ดาริลนำขนมและผลไม้อย่างดี พร้อมกับเงินทุนไปมอบให้กับทางโบสถ์ด้วย เมื่อเสร็จธุระทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่เลขาออกไปเตรียมรถ เขาจึงเดินกลับเข้าไปรอในตัวโบสถ์ ชายหนุ่มนั่งลงบนม้านั่งที่จัดไว้ให้สำหรับคนมาร่วมมิสซา ดวงตาสีเขียวปิดลง สูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วค่อยๆ ผ่อนออก กลิ่นเผาไหม้ของเทียนจางๆ กับเสียงเพลงบทสวดแผ่วเบาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย สักพักก็ลืมตาขึ้น มือขาวยกขึ้นลูบต้นคอพลางโคลงศีรษะไปมา  พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ภาพวาดของเทวดากาเบรียลบนกำแพงโบสถ์ เขาลุกขึ้นเดินไปที่ข้างหน้าภาพนั้น สองมือสอดเข้าไปภายในกระเป๋ากางเกงสแล็ก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเทวดาผมสีทองในภาพ

“ภาพนี้คล้ายกับคุณรอสมากเลยนะครับ”

ชายหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง แล้วยิ้มบาง “...มีคนบอกอยู่บ่อยๆ ครับ น่าแปลกจริงเลยเชียว”

“นั่นสินะครับ ภาพวาดนี้คงจะมีอายุมากกว่าคุณรอสมากนัก” บาทหลวงก้าวเข้ามายืนเคียงข้างร่างผอมบาง “แต่พอคุณรอสมายืนอยู่ข้างหน้าภาพวาดแบบนี้ ทำให้ภาพดูเหมือนมีชีวิตเลยนะครับ... จะว่าไป ก็มีหลายคนที่พูดชมภาพวาดนี้ อ้อ! มีเด็กหนุ่มอยู่อีกคนที่มายืนจ้องมองภาพนี้อยู่บ่อยๆ สงสัยจะชอบมากเลยล่ะครับ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ดาริลหัวเราะเบาๆ การที่เด็กผู้ชายสนใจภาพวาด เขาก็ว่าแปลกแล้ว แต่ถ้ามาชื่นชอบภาพวาดในโบสถ์ เขาคิดว่านั่นก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่

เสียงฝีเท้าก้าวตรงมายังที่ร่างผอมบางยืนอยู่ ตามมาด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “คุณดาริลครับ รถมาจอดรอทางหน้าโบสถ์แล้วครับ”
“อืม จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ชายหนุ่มหันไปค้อมศีรษะร่ำลาบาทหลวง

“ขอให้พระเจ้าอวยพรคุณรอสนะครับ เดี๋ยวพ่อจะเดินออกไปส่ง”

“ขอบคุณครับ” ดาริลยิ้มรับแล้วเดินตามคาซึกิออกไป

ในจังหวะที่ดาริลก้าวขึ้นไปนั่งบนรถและประตูกำลังจะปิดลงนั้น เขาเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มซึ่งมีใบหน้าคุ้นตา ส่งผลให้หัวใจกระตุกวูบ ริมฝีปากสีสดเผยอค้าง เพราะไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้พบกับเด็กหนุ่มอีก เขานั่งตัวเกร็ง สองมือเย็นเฉียบ ดวงตาจ้องมองผ่านกระจกที่ติดฟิล์มหนาออกไป

เร็น... ตัวโตขึ้นมากเลย แต่ดูผอม ท่าทางไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน แล้วเขามาทำอะไรแถวนี้กัน

“คุณดาริล มีอะไรรึเปล่าครับ” คาซึกิชะโงกหน้ามองดู พอเห็นเด็กหนุ่มก็เปรยออกมาเสียงเบา “...เด็กคนนั้น คิมุระ เร็น”

ดาริลหันขวับ “พี่คาซึกิ จำเขาได้ด้วยงั้นเหรอ”

“อะ... เอ่อ...”

“ทำไมถึงจำได้?” ชายหนุ่มจ้องเลขาของตนเขม็งอย่างต้องการคำตอบ ส่วนอีกฝ่ายก็มีสีหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด “พี่คาซึกิ มีอะไรปิดบังผมอยู่รึเปล่า”

คาซึกิเห็นท่าไม่ดี เขาหันไปบอกกับคนขับรถให้ออกไปรอทางด้านนอก ก่อนจะอธิบายให้เจ้านายฟัง “คือว่า... ปกติแล้วนักสืบของเราจะรายงานคร่าวๆ เรื่องนักกีฬาเบสบอลในทีมของโรงเรียนที่เราสนับสนุนอยู่เป็นประจำทุกหกเดือนกับพวกนักกีฬาที่น่าสนใจและคิดว่าจะเป็นโปรฯ ได้ หนึ่งในนั้นก็มีชื่อคุณคิมุระอยู่ด้วย ผมก็เลยแค่... เอ่อ... ให้สืบเรื่องของคุณคิมุระเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะครับ”

“หมายความว่า... พี่รู้? รู้เรื่องของเขามาตลอด” ผู้เป็นนายขมวดคิ้ว “นานแค่ไหนแล้ว?”

ด้ายความที่เลขาหนุ่มรู้สึกผิดต่อเจ้านาย ครั้งหนึ่งเขาเคยพาให้อีกฝ่ายไปพบกับความเจ็บปวด สำหรับเขามันเป็นเสมือนสิ่งที่ยังติดค้างคาอยู่ในใจ เขาจึงไม่อาจปล่อยเร็นให้คลาดสายตาไปได้

“...พี่คาซึกิ!”

“ตอนนี้ครอบครัวคุณคิมุระกำลังประสบปัญหาหนัก เขายื่นใบลาออกจากทีมเบสบอลของมหาลัยแล้วนะครับ” คาซึกิพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้านาย “คุณแม่ของเขาป่วย กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี่ แล้วเขาก็ต้องทำงานพิเศษจนค่ำมืดทุกวัน”

“ลาออก?” ...ประสบปัญหา ถึงขนาดขอลาออกเลยงั้นเหรอ ทั้งที่เร็นมีอนาคตไกลขนาดนั้น... ดาริลอดใจหายไม่ได้

“นี่เขาคงจะกำลังไปเยี่ยมคุณแม่ ถ้าคุณดาริลต้องการ ผมจะส่งคนตามเขาไปดูลาดเลา แล้วรายงานมาเป็นระยะๆ”

ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ทั้งที่คิดว่าตนเองทำใจให้ลืมเด็กหนุ่มไปได้แล้ว หากเมื่อได้พบกันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยยังคงหวั่นไหว เต้นระส่ำเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ ไม่มีผิด

“ผมขอเวลาสักครู่นะ” ดาริลก้าวออกจากตัวรถแล้วเดินเข้าไปภายในโบสถ์อย่างเงียบเชียบที่สุด นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าภาพวาดและกำลังยกมือขึ้นสัมผัส เด็กหนุ่มยิ้มบาง ราวกับกำลังยิ้มให้คนในภาพวาดนั้นอย่างไรอย่างนั้น

...หรือเร็นจะเป็นคนที่บาทหลวงหมายถึงกัน

เสียงฝีเท้าของเขาเรียกเร็นให้หันกลับมามองทางด้านหลัง ร่างผอมบางจึงรีบก้าวเข้าไปหลบหลังเสาต้นใหญ่ หัวใจเต้นรัวแรงจนเจ็บในอก เขาแอบฟังบทสนทนาของเด็กหนุ่มกับบาทหลวงอยู่สักพัก จึงรีบกลับออกไปยังรถที่จอดรออยู่

คาซึกิเปิดประตูรถให้เจ้านายเข้าไปนั่ง ก่อนจะตามเข้าไปแล้วรายงาน “...ผม... ส่งคนของเราให้ไปคอยติดตามคุณคิมุระแล้วนะครับ”

“อืม” ดาริลตอบสั้นๆ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มซึ่งกำลังวิ่งออกมาจากตัวโบสถ์พร้อมตะกร้าใส่ผลไม้ใบใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาแสดงถึงความดีใจโดยไม่ปิดบัง

ระหว่างที่เดินทางไปห้องพักของคาโอรุในตอนเย็นเพื่อประชุมกันเรื่องธุรกิจตามปกติ เขาสั่งให้คาซึกิไปรออยู่ที่ห้องพักของตนในคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้ๆ กัน และคอยโทรเข้ามารายงานเรื่องของเด็กหนุ่ม

คาโอรุและดาริลคัดเลือกพนักงานที่เก่งกาจจากบริษัทหลักเข้ามาร่วมทำงานในธุรกิจของพวกตนด้วย พวกเขาจะสั่งงานและประชุมกันสองครั้งต่อสัปดาห์ การควบคุมงานทั้งสองบริษัทเป็นเรื่องเหนื่อยไม่ใช่เล่น แต่ทั้งสองก็อดทน เพื่ออิสระที่ใฝ่ฝันถึง

“ดาริล อยู่กินอาหารค่ำด้วยกันก่อนนะ” คาโอรุเอ่ยหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง พอพนักงานทยอยกลับไปกันหมดแล้ว เธอจึงเดินเข้าครัว อุ่นอาหารและนำออกมาเสิร์ฟ เมื่อเห็นดาริลยิ้มขณะนั่งอ่านข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่บนเก้าอี้ที่ตรงโต๊ะอาหารก็ยิ้มมุมปาก “วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด “.....”

“เซนส์ของผู้หญิงน่ะ นายดูอารมณ์ดีจังนะ”

“มโนอีกแล้ว” ดาริลทำเป็นไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า “ขอบคุณสำหรับอาหาร”

ระหว่างที่จัดการกับอาหารในจาน ชายหนุ่มก็ได้รับโทรศัพท์จากคาซึกิ เขาพูดขอตัวสั้นๆ แล้วลุกไปคุยโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่น รายงานจากคาซึกิทำให้ดาริลต้องขมวดคิ้วตลอดการรับฟัง เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“อะไรนะ!? เพื่อนที่ทำงานด้วยกันพาเขาไปโฮสต์คลับ?” ดาริลยกมือขึ้นกุมขมับ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าครุ่นคิด เพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าเร็นจะคิดทำงานแบบนั้น “เป็นไปไม่ได้”

“เขาเข้าไปในนั้นสักพักแล้วครับ” คาซึกิยืนยัน “เดี๋ยวผมจะส่งรูปให้คุณดู”

ภาพที่คาซึกิส่งมานั้น เป็นภาพของเร็นที่ใส่ชุดสูท นั่งอยู่บนโซฟากับลูกค้าสาวๆ มือขาวที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก ลึกลงไปก็รู้สึกผิดหวังในตัวเด็กหนุ่ม... ผิดหวังเป็นครั้งที่สอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจปล่อยมือจากอีกฝ่ายได้ “ค่าผ่าตัดเท่าไหร่? ...ผมจะรับผิดชอบเอง”

“คุณดาริล! คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่นะครับ!” เลขาหนุ่มท้วง

“ทำไม? เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมมหาลัยอีกสักทีมก็ดีเหมือนกัน ยังไงคุณตาก็เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมโปรฯ ด้วยอยู่แล้ว”

“ให้แต่นี่ให้ส่วนบุคคล แล้วเงินก็เยอะมากด้วยนะครับ”

ดาริลนิ่งคิด... ถ้าเร็นคิดจะเป็นโฮสต์ อีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้เป็นนักเบสบอลมืออาชีพอย่างที่เคยหวัง เด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่ามีจิตใจดีและแสนจะอ่อนโยนคนนั้น แล้วถ้าหากเป็นเขา... ถ้าหากเขาจะซื้อตัวเร็นไว้ อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนอีกฝ่าย แล้วปิดบังเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับ

ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองก็ยังไม่อาจลบเร็นออกไปจากหัวใจได้ แล้วในเมื่อในอนาคตเขาก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนที่ไม่ได้รัก ถ้าหากจะขอซื้อความสุขและประสบการณ์ดีๆ ไว้ ก็คงจะพอทำให้มีแรงใจยืนอยู่ในที่ของผู้สืบทอดเครือบริษัทรอสต่อไปได้

“พี่คาซึกิ มารับผมเดี๋ยวนี้ ผมมีงานด่วนจะให้พี่จัดการ” เขาสั่งคนที่อยู่ปลายสายก่อนจะลุกขึ้นพรวด แล้วพบว่าเพื่อนสาวยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ที่ตรงประตูห้อง ดาริลชะงัก “เอ่อ...”

“ท่าทางจะมีเรื่องสำคัญ”

“คาโอรุ เอ้อ...” ดาริลเสตาหลบ “...บางที ฉันอาจจะมาประชุมไม่ได้สักพัก เราคุยกันทางโทรศัพท์ได้มั้ย”

“ก็ได้อยู่หรอก” คาโอรุขมวดคิ้ว เพ่งพิจารณาท่าทางลนลานของดาริล ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน “...แต่ขอเหตุผลด้วย”

“คือ...” ชายหนุ่มถอนหายใจ “นายบอกว่า ถ้าฉันไปหลงรักใครเข้า นายจะยืนข้างฉัน ช่วยเหลือฉันใช่มั้ย... นั่นแหละ เหตุผลของฉัน”

หญิงสาวเบิกตาโพลง เธอไม่นึกว่าจะมีวันที่ดาริลยอมรับความรู้สึกออกมาตรงๆ “...ดาริล”

“แต่มันก็เป็นแค่รักข้างเดียว... ฉันไม่ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ช่วงเวลาสั้นๆ นี่เท่านั้น”

“ทำไมล่ะ”

“...ฉันไม่มีวันสมหวัง นายก็น่าจะรู้ แม้กระทั่งคนที่ฉันรัก... ยังไม่มีทางให้รู้ได้เลยว่าตัวฉันเป็นใคร”

“ไม่จริงหรอก... มันต้องมีสิ... ต้องมีสักวันที่เป็นของนาย”

ดาริลยิ้มบาง “...วันนี้ฉันกลับก่อนนะ” เขาเดินไปหาคาโอรุ แล้วตบไหล่เธอเบาๆ

หญิงสาวรั้งข้อมือของชายหนุ่มไว้ “ดาริล... บอกชื่อเขาได้มั้ย”

“.....”

คาโอรุหัวเราะเบาๆ “ฉันเป็นเพื่อนของนายนะ ไม่ไว้ใจฉันแล้วนายจะไปไว้ใจใคร” 

“เร็น” ดาริลหันไปสบสายตากับเธอ “คิมุระ เร็น” จากนั้นจึงก้าวฉับๆ ออกจากห้องพักของหญิงสาวไป


ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด รถยนต์สองคันเคลื่อนตามเด็กหนุ่มอยู่ห่างๆ คันแรกเป็นรถที่ดาริลขับ ส่วนคันที่สองเป็นรถที่เลขาหนุ่มนั่งอยู่กับคนขับรถ เมื่อเห็นว่าร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งบนชิงช้าในสนามเด็กเล่นแล้ว ดาริลจึงหยุดรถแล้วเรียกเลขาหนุ่มเข้ามาหาตนเพื่อสั่งการ

“คุณดาริล คิดดีแล้วเหรอครับ แล้วคุณคาโอรุล่ะ”

“พี่คาซึกิ... พี่ก็รู้ว่ายังไงผมก็คงจะต้องแต่งงานกับคาโอรุเร็วๆ นี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ ผมไม่เคยขัดคำสั่งคุณตา แต่ผมอยากจะขอเวลาทำตามใจตัวเอง ขอเวลาให้ผมมีความสุขกับชีวิตสักครั้งเท่านั้น”

คาซึกิหลุบตาต่ำ นึกสงสารและเห็นใจเจ้านายจับใจ ประกอบกับที่เคยทำผิดกับอีกฝ่ายไว้ ส่งผลให้เขาไม่สามารถเอ่ยปากขัดเจ้านายได้อย่างเต็มที่

“...พี่คาซึกิ หรือว่า... คุณคิมุระมีคนรักอยู่แล้ว” แววตาสีเขียวสั่นไหว ดาริลรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้มีพันธะอยู่ เพราะเขาเข้าไปอ่านเอกสารจากนักสืบ ซึ่งติดตามสืบข่าวของนักกีฬาหน้าใหม่เพื่อส่งข้อมูลเข้าลีคของมืออาชีพที่คุณตาเป็นสปอนเซอร์ให้ เกือบตลอดเวลาที่อยู่ในชั้นไฮสคูล เร็นมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากมาย หากพอเข้ามหาวิทยาลัยกลับไม่มีเลย และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนนั้น คาซึกิจงใจพาตนเองไปพบเร็นกับแฟนสาว จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เลขาหนุ่มดูจะรู้สึกผิดมาก เขาจึงใช้โอกาสในครั้งนี้บีบให้คาซึกิยอมทำตามใจตน แล้วก็ถือซะว่าเป็นการเอาคืนเบาๆ ไปด้วย

“ไม่มีครับ เขาไม่ได้คบหาหรือมีความสัมพันธ์กับใครมาเป็นปีแล้ว” เลขาหนุ่มรีบตอบ

“ถ้างั้น... ช่วยผมหน่อยนะครับ พี่คาซึกิ”

“ครับ” คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว “ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่คุณดาริลต้องสัญญาว่าจะทำตามข้อแม้ของผมนะครับ คุณจะต้องไม่ให้เขารู้ว่าคุณเป็นใครโดยเด็ดขาด ใบหน้าก็ห้ามให้เห็น มันเสี่ยงเกินไป ถ้าเขารู้ คุณจะต้องยุติสัญญาทั้งหมดทันที” ...คาซึกิไม่รู้ว่าเขาจะไว้ใจเร็นได้มากแค่ไหน หากเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่สืบทอดตระกูลรอสมีข่าวคาวแปดเปื้อน ทุกอย่างก็ควรจะปิดเป็นความลับให้มากที่สุด แล้วอีกอย่างที่สำคัญ ถ้าเร็นได้เห็นใบหน้าแสนน่ารัก ดวงตาสีเขียวคู่สวย คงจะยากที่จะห้ามตัวเองไม่ให้หลงรักเจ้านายของเขาได้ แม้เจ้านายจะเป็นผู้ชายก็ตามที เขาไม่ต้องการให้เด็กหนุ่มหลงรักเจ้านาย เพราะนั่นจะทำให้เจ้านายตัดใจจากเด็กหนุ่มไม่ได้เช่นกัน พวกเขาจะมีแต่ความเจ็บปวด

“ผมรู้” ริมฝีปากสีแดงเรื่อคลี่ยิ้ม “ขอบคุณครับ”

เลขาหนุ่มยอมแพ้ให้กับนัยน์ตากลมใสที่เป็นประกาย หัวใจของเขาพองโต... เวลานั้นก็เข้าใจว่า ความสุขของเจ้านายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการจริงๆ

“...พี่คาซึกิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ไว้ให้คุณคิมุระ พี่คาซึกิพาเขาไปถึงบ้านพักช้าหน่อยละกัน แล้วก็ช่วยส่งเมลบอกขนาดเสื้อผ้ากับรองเท้าของเขาให้ผมด้วยนะครับ” ดาริลยิ้มอย่างน่ารัก ก่อนจะขับรถจากไป

“ครับ คุณดาริล” คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว

เลขาหนุ่มยืนดูลาดเลาอยู่ไม่ห่างจากชิงช้าที่เร็นนั่งอยู่อย่างเหม่อลอยมากนัก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งงานกับแม่บ้านประจำตัวของเจ้านาย ให้เธอไปรอที่บ้านพักริมทะเลซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวที่ดาริลซื้อไว้ แล้วจะให้คนขับรถนำเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของเด็กหนุ่มไปให้ ให้เธอจัดการจัดเก็บให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะพาเด็กหนุ่มไปถึงในตอนบ่ายของวัน จากนั้นจึงโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลให้เตรียมพร้อม แม้จะยังไม่ได้พูดคุยกับเร็น แต่เขาเชื่อในความสามารถในการเจรจาเกลี้ยกล่อมของตน แล้วจากการที่ได้ศึกษาข้อมูลของเด็กหนุ่มมา เร็นไม่มีทางที่จะปฏิเสธเขาได้แน่

คาซึกิเชิดหน้าขึ้น จัดชุดสูทให้เข้าที่ แล้วจึงเดินตรงเข้าไปยังเป้าหมาย

..

.....

..

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 17: คู่หมั้น][P.14][270515]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-06-2015 20:09:05


บ้านพักส่วนตัวของดาริลนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทมากนัก หากเป็นสถานที่ที่สงบเงียบราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ที่ถูกล้อมด้วยภูเขาและน้ำทะเล การเดินทางใช้เวลาไม่มากนัก หากเมื่อครั้งที่เร็นถูกพาตัวมาที่แห่งนี้ ชายหนุ่มสั่งให้ขับรถวนไปวนมา ทำเสมือนว่าการเดินทางเนิ่นนาน เด็กหนุ่มจะได้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน

จันทร์ค่อนดวงกระจ่างนภาในยามราตรีกาล คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ดาริลจะได้พบกับคนที่เขาแอบรัก แอบหลงใหลมาแสนนานตามลำพัง ถึงแม้จะพบกันได้เฉพาะในความมืดก็ตามที หากหัวใจก็อิ่มเอม แม้ชายหนุ่มจะพยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้ภายใน แต่ก็ไม่อาจปิดบังรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าหวานใสที่ดูน่ารักราวกับตุ๊กตาพอร์ซเลนได้

เลขาหนุ่มที่นั่งรถมาด้วยกันลอบมองทีท่าของเจ้านายมาตลอดการเดินทาง เขาพรูลมหายใจออกยาวเมื่อรถยนต์เคลื่อนเข้าไปเทียบจอดตรงทางเข้าบ้านพักซึ่งปิดไฟไว้มืดมิดทั้งภายในและนอกบริเวณ ก่อนจะบอกกับคนขับรถให้ออกไปรอทางด้านนอก เขาเปิดไฟดวงเล็กในรถ แล้วล้วงหยิบถุงพลาสติกขึ้นมาส่งให้กับเจ้านาย "ของที่คุณดาริลจำเป็นต้องใช้ครับ"

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน "อะไรครับ"

"เจลหล่อลื่น กับถุงยางครับ"

ใบหน้าหวานร้อนวาบ ในตอนที่ตัดสินใจซื้อตัวเร็นมา เขาไม่ทันได้นึกถึงเรื่องพวกนี้ แค่หวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ๆ กัน อยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นที่เคยช่วยเหลือตนเองในอดีต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเขาก็คาดหวังความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น "...เขาจะ... ทำได้เหรอ พี่คาซึกิ... ผมเป็นผู้ชายแบบนี้"

"เพราะคุณดาริลเป็นผู้ชาย อย่างน้อยคุณก็ควรจะรู้ว่าเขาทำกันยังไงนะครับ" คาซึกิอธิบายเสียงขรึม พอเห็นท่าทางและสีหน้าของเจ้านาย เขาก็จัดการแกะกล่องใส่ถุงยางอนามัยออกมา ฉีกออกจากซองแล้วสวมไว้ที่นิ้ว "ต้องทำให้มันแข็งก่อน ถึงใส่เข้าไปแบบนี้นะครับ แล้วก็รูดลงมาให้สุด"

"ผมรู้น่า" ดาริลพูดเสียงอ่อย "ของแบบนี้ ไม่จำเป็นสักหน่อย เขาไม่ได้เป็นโรคอะไรไม่ใช่เหรอ"

"จำเป็นสิครับ ถึงผลการตรวจสุขภาพของคุณคิมุระจะเป็นปกติดี แต่การมีความสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน คุณดาริลควรจะมีกับภรรยา กับคนที่คุณรักและไว้ใจได้เท่านั้น" เลขาหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบขวดเจลออกมาจากในถุง แกะพลาสติกและเปิดฝาออก แล้วเทลงบนฝ่ามือ "สำหรับเจลนี่ พอใส่ถุงยางเสร็จแล้วค่อยใช้เจลทาให้ทั่ว ใช้เยอะๆ จะได้ไม่เจ็บนะครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคย ที่ตรงนั้นมันจะคับมาก เพราะงั้นก่อนจะใส่เข้าไป..."

"พอแล้ว!" ดาริลยกมือขึ้นห้าม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ "ผมรู้น่ะ ผมก็เคยได้ยินมาบ้าง!"

"ไม่ได้ครับ คุณดาริลต้องฟังให้จบ! นี่เป็นเรื่องสำคัญนะครับ!" คาซึกิดุผู้เป็นนายแล้วสาธยายต่อ จากนั้นก็บังคับให้อีกฝ่ายลองทำตามดู เมื่อฝึกสอนกันเสร็จ เลขาหนุ่มก็จัดการเก็บของลงในถุงและเช็ดมือทำความสะอาดให้เจ้านาย เสร็จแล้วก็วางถุงลงบนฝ่ามือนั้น "เอาล่ะครับ ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมใช้ถุงยางทุกครั้งนะครับ"

"จะ... จะให้ผมเดินถือถุงนี่เข้าไปหาเขางั้นเหรอ" ดวงตาสีเขียวเบิกโพลง เขายัดถุงคืนให้กับเลขา "เอาไปฝากไว้ที่แม่บ้าน บอกให้พรุ่งนี้เอาไปใส่ลิ้นชักในตู้ตรงหัวเตียงไว้ละกัน วันนี้เราแค่พบกันวันแรก ไม่มีอะไรหรอกพี่คาซึกิ"

"แต่ว่า!"

"ผมบอกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไงครับ" ดาริลส่งสายตาขุ่นๆ ให้อีกฝ่าย "ที่จริง ผมไม่คิดว่าเขาจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับผมได้ด้วยซ้ำ แล้วถ้าสมมติว่าจะมี ผมสัญญาว่าจะใช้ของพวกนี้แน่นอน แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่คืนนี้... ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"

คาซึกิพ่นลมหายใจออกหนักๆ "ครับ"

ดาริลก้าวเข้าไปในบ้านพักด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ แม้คิดว่ายังไงเร็นก็คงจะจำเขาไม่ได้ เด็กหนุ่มคงลืมเรื่องราวที่เคยได้พบกับเขาทั้งหมดไปแล้ว อีกอย่าง ในความมืดเช่นนั้น อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ได้ว่าตัวเขาเป็นใคร ร่างผอมบางเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของตน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะเปิดประตู ดวงตากลมใสกะพริบปริบๆ เพ่งมองดูว่าเด็กหนุ่มอยู่ที่ตรงไหนในห้อง แล้วจึงก้าวเข้าไปช้าๆ ไปนั่งลงบนโซฟาตรงที่ว่างข้างๆ กัน

"สวัสดี"

พอนั่งลงก็เห็นว่าเด็กหนุ่มกระโดดแผล็วลงไปกองอยู่กับพื้น เขากลั้นหัวเราะ เพราะดูท่าเร็นจะกลัวเขามากเลยทีเดียว ท่าทางลนลานไม่สมกับที่จะเป็นว่าที่โฮสต์เอาซะเลย

“สะ... สวัสดีครับ... คุณ... เอ่อ... เจ้านาย”

“ไม่ต้องมีพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ ขึ้นมานั่งบนโซฟานี่เถอะ” แต่เมื่อเขาพูดออกไปเช่นนั้น เด็กหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังหนีไปจนติดกำแพง  นี่อีกฝ่ายเห็นเขาเป็นยักษ์ขมูขีรึไงกันนะ “กลัวอะไรผมเหรอ”

“คะ... คือ... ผม... ผมไม่นึก... เอ๊ย!”

...คงนึกไม่ถึงว่าคนที่ซื้อตัวมาจะเป็นผู้ชายอย่างเขาสินะ ดาริลยิ้มบาง เด็กหนุ่มคงนึกรังเกียจ... เพราะงั้นที่คาซึกิสอนมา คงไม่ได้ใช้แน่ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยังอยากเป็นคนพิเศษ ในเวลาหกสัปดาห์นี่... เร็นเป็นของเขา เพราะงั้น... "คุณเร็น ผมขอเรียกชื่อคุณนะ ได้มั้ย"

“...ได้ครับ แล้วแต่เจ้านายเถอะครับ”

“คุณเร็นขึ้นมานั่งบนโซฟาเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นไปจูงร่างสูง แต่กลับทำให้อีกฝ่ายตกใจจนร้องลั่น "ผมแค่จะช่วยพาคุณมาที่โซฟานี่" พอเร็นขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้ว เขาก็ช่วยแกะผ้าปิดตาออกให้ มือขาวลูบตามท่อนแขนเรื่อยขึ้นไปจนถึงลำคอ เขาอยากจะมีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มเช่นนี้มานานแล้ว ก่อนจะไล้มือไปตามกรอบหน้า ใบหน้าคมสันซึ่งดูดีมากกว่าครั้งที่เคยได้พบกันเมื่อหลายปีมาแล้ว น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในความมืดเช่นนี้ พวกเขาอยู่ใกล้กันจนดาริลได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกถี่ๆ แว่วมาจากเด็กหนุ่ม กลิ่นหอมบางเบาลอยกรุ่นมาจากอีกฝ่าย เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นที่เขาชอบ ดาริลจึงโน้มใบหน้าเข้าไปสูดดม “กลิ่นนี่...”

“อะ... อาฟเตอร์เชฟที่อยู่ในห้องน้ำน่ะครับ”

...อาฟตอร์เชฟที่ดาริลเป็นคนเลือกให้กับเด็กหนุ่มเอง เขานึกแล้วเชียว กลิ่นหอมจางๆ แบบนี้ ช่างเหมาะกับเด็กหนุ่มดีจริงๆ

“อืม... เหมาะกับคุณเร็นดีนะ”

“ขอบคุณครับ... ที่จริง ผมไม่เคยใช้อาฟเตอร์เชฟมาก่อนเลย แต่... เห็นว่าในห้องน้ำมีไว้ให้... คิดว่าเจ้านายคงจะชอบ”

ดาริลชะงัก เขาไม่อาจรู้ได้ว่าเร็นพูดออกมาจากใจหรือแค่ต้องการเอาใจตน แต่คำพูดจาทำนองเดียวกันนี้ เขาก็ได้ยินจากพวกพนักงานในบริษัทอยู่บ่อยๆ การพูดจาแบบเอาอกเอาใจ เลียแข้งเลียขาเจ้านาย ชายหนุ่มเบือนหน้าไปอีกทาง เขาคิดว่าเมื่อเวลาผ่านเลยไป ก็ทำให้นิสัยคนเปลี่ยนไปได้เช่นกัน

"เข้าใจตอบดีนี่" คำพูดต่อๆ มาของเร็นไม่ได้ทำให้ดาริลรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ ใจเขายังคงพะวงว่าไม่ได้รับความจริงใจจากอีกฝ่าย แต่เมื่อเด็กหนุ่มแจกแจงถึงสิ่งที่ทำได้ เขาก็อดนึกถึงมือ... ข้างที่ใช้รับลูกบอลแทนเขาไม่ได้ “ขอมือหน่อยสิ”

มือนุ่มประกบลงบนมือที่หยาบกร้าน จากการสัมผัสก็ไม่รู้สึกถึงรอยแผลแต่อย่างใด ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่เจ็บอีกแล้ว เร็นเองก็คงลืมเรื่องของเขาไปพร้อมกับรอยแผลที่จางหายไปตามกาลเวลา หากฝ่ามือนี้ก็เป็นฝ่ามือที่ใจเพรียกหา ดาริลจึงยกมือนั้นขึ้นประกบแก้ม “มือสากจัง” ...แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเฉกเช่นเมื่อครั้งก่อน

พอคุยกันเรื่องมือแล้ว หลังจากนั้นเร็นก็เสนอจะนวดฝ่าเท้าให้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดจะขัดใจ ที่จริงแค่เด็กหนุ่มยอมสัมผัสร่างกาย เขาก็รู้สึกดีมากอยู่แล้ว ทว่าผิดคาด ฝีมือการนวดของเร็นนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีและผ่อนคลายจนผล็อยหลับไปบนโซฟาเลยทีเดียว ประกอบกับที่อ่อนเพลียมาจากการทำงานด้วย แต่เขาก็ตื่นขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มเรียก ก่อนตัวเขาจะถูกช้อนขึ้นแนบร่างกายกำยำ

ใบหน้าหวานร้อนผ่าว ดวงตากลมโตพยายามปิดไว้สนิท ไม่คิดว่าจะมีวันที่เร็นจะอุ้มตนขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนเลยด้วยซ้ำ ดาริลนึกขอบคุณที่ภายในห้องมืดมิดเช่นนี้ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้ความคิด ความรู้สึกที่พยายามซ่อนไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ

แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามือกร้านนั้นลูบไล้ไปตามแผ่นอก และเพราะไม่อยากให้เร็นสังเกตได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงแค่ไหน จึงแกล้งทำเป็นตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย

“เอ่อ ขอโทษที่ทำให้คุณตื่น คือผมจะถอดเสื้อสูทนี่กับเนกไทออกให้น่ะครับ”

...ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ดาริลนอนนิ่งให้เด็กหนุ่มจัดการถอดเสื้อกับเนกไทออกให้ แล้วก็ไม่วายนึกอยากแหย่ให้อีกฝ่ายตกใจเล่น "ถอดเข็มขัดให้ด้วยสิ"

แต่เร็นก็ทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย จนดาริลได้ใจ เขาฉวยโอกาสนั้นซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกที่อบอุ่น พอสัมผัสดูก็เห็นว่าอีกฝ่ายใส่เพียงแค่ชุดคลุมอาบน้ำเท่านั้น

...ชำนาญเสียจริงนะ สมแล้วที่มีแฟนมาเป็นสิบคน

ดาริลชักมือกลับแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับลงในอ้อมแขนที่โหยหามาตลอดเวลาหลายปี แม้จะไม่ใช่อ้อมแขนที่โอบกอดเขาด้วยความเต็มใจ หากก็รู้สึกอบอุ่น ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มน้อยๆ ไม่นานก็จมลงสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง


TBC~*


ตอนนี้ก็ได้รู้ว่าเจ้านายคิดยังไงตอนพบกันกับเร็นครั้งแรกในความมืดแล้วนะคะ เค้าก็ตื่นเต้นนะเออ 5555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะค้า ฮืออออ เรื่องนี้อาจจะดูดราม่าอึมครึมไปสักหน่อย แต่จบแฮปปี้นะเออ

ขอกำลังใจให้ฮัสกี้สักนิดนะคะตะเอง /ออดอ้อน

 :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 04-06-2015 20:20:09
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-06-2015 20:25:58
ชีวิตดาริลนี่น่าสงสารจัง ไม่มีสิทธิ์มีชีวิตของตัวเองเลย ช่วยเหลือทั้งเพื่อน ทั้งคนที่แอบรัก อยากให้ดาริลสามารถใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อตัวเองบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-06-2015 20:26:19
เราว่าเป็นเพราะ 'ความมืด' ค่ะที่ทำให้ดาริลไม่สามารถเชื่อใจเร็นได้เลย ก็อย่างที่คนเขาพูดกันไงคะว่า 'ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ' อีกอย่างทั้งสองคนก็ไม่เคยได้สบสายตา ปิ๊ง~ ปิ๊ง~ :m13: แบบจริงจังกันเลยสักครั้ง ดาริลถึงได้แปลความหมายจากสิ่งที่เร็นกระทำอย่างหนึ่งไปเป็นอีกอย่างหนึ่งเสียอย่างนั้น~
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-06-2015 20:42:57
เจ้านายบางมุมก็ดูเป็นเด็กน้อยน่ารักมากๆ เลยง่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 04-06-2015 20:53:32
น่ารักกก อยากอ่านตอนปัจจุบันละ
เร็นพยายามมากๆเพื่อคุณดาริลนะะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-06-2015 21:01:34
ช่วงนี้ดาริลและทาริคกำลังอยู่ในช่วงรำลึกความหลังกันอยู่สิน่ะ ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าไปด้วย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-06-2015 22:03:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-06-2015 22:07:18
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

ถึงเรื่องจะดูดำเนินช้าเพราะต้องเล่าความรู้สึกของตัวละครทั้งสองฝั่ง แต่ข้อดีคือทำให้เราเข้าใจเรื่องได้ละเมียดละไมกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 04-06-2015 22:49:15
ต่างคนต่างรักกัน อย่รากให้มันอยากเลย.
เอาใจช่วย สู้ สู้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-06-2015 23:10:05
คุณเลขาทำเราเขินเลยตอนสอนดาริล
 :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-06-2015 23:20:18
กว่าจะได้รักมาครองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับตัวละครในเรื่องนี้ พยายามเข้านะทุกคน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2015 00:55:07
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-06-2015 02:55:50
จิ้มก่อนนนน เดี๋ยวมาอ่านนะคุณฮัสกี้ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 05-06-2015 09:01:09
น่าสงสารทั้งคู่เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-06-2015 00:46:36
ดาริลน่ารัก น่ารักมากกกกกๆๆๆ สามคนเพื่อนกันฉลาดแยบยลกว่าที่คิดเยอะ เก่งสมกับเป็นทายาทตระกูลดัง
ขำคาซึกิ สอนวิธีละเอียดมาก ย้ำด้วยต้องฟังๆๆๆ 55555 ขำหนัก ชอบที่บอกว่าถ้าเห็นหน้าตาเจ้านายก็ต้องชอบแน่นอน
ก็น่ารักขนาดนี้นี่เนอะ ดาริลมีความสุขมากเลยตอนเจอกัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-06-2015 02:49:42
เขินนนน ชอบรรยากาศที่ดาริลพูดจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: yumijung ที่ 09-06-2015 16:43:14
พี่คาซึกินี่เป็นทั้งลูกน้อง เพื่อน พี่ และพ่อเลยเนอะ..
ตามลุ้นตามเชียร์เจ้านายคนสวยให้ได้ทำตามใจฝันบ้างสักครั้ง..เพราะ
การที่ต้องทำตามความต้องการของคนอื่น..มันทรมานมากจริงๆนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-06-2015 17:14:33
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 09-06-2015 22:53:56
มาให้กำลังใจค่ะ เจ้านายสุดที่รักนะงานนี้
มาแสดงความจริงใจให้รักแรกเห็นดีกว่า
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 11-06-2015 02:46:18
ได้รู้อีกด้านอีกฝั่งความคิดของดาริลแล้วก็ยิ่งเห็นใจดาริลมากๆเลยค่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 15-06-2015 09:11:14
ขอให้ความพยายามที่จะเป็นอิสระ ให้สำเร็จเร็วๆ
แล้วปรับความเข้าใจกันซะ เร็น ดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-06-2015 20:05:34


Chapter 19


ภายในห้องนอนยังคงเงียบสงัด ความมืดแผ่ปกคลุมไปทุกซอกมุม นัยน์ตากลมใสปรือขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเบาๆ ที่ตั้งปลุกไว้ในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ส่วนเร็นนั้นยังคงหลับสนิท เด็กหนุ่มนอนนิ่งเฉยราวกับรับประทานยานอนหลับเข้าไป

...ไม่รู้สึกแปลกบ้างรึไงกันนะ นอนด้วยกันกับคนแปลกหน้าแบบนี้ยังหลับเป็นตายได้ ดาริลนึกพลางโน้มใบหน้าเข้าไปเพ่งมอง ก่อนจะดีดหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ ทว่าเร็นก็ยังไม่กระดุกกระดิกตัวเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว... ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกันนี่!?

แต่แล้วเสียงของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อดาริลหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นคาซึกิที่โทรมาปลุก คงกลัวว่าเขาจะตื่นไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น แล้วอีกอย่างภายในบ้านพักหลังนี้ก็ไม่มีนาฬิกา เพราะสถานที่นี้ดาริลใช้ในการพักผ่อน เขาไม่ต้องการจะรับรู้เวลาใดๆ ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียง หันไปหยิบเสื้อสูทกับเนกไทที่ถอดไว้เมื่อคืนพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย สองขาพาเจ้าของก้าวออกไปจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบที่สุด

เมื่อลงมาถึงชั้นล่างของบ้าน แม่บ้านจัดการจุดเทียนไว้รอก่อนหน้าแล้ว เทียนจำนวนสามสี่เล่มให้แสงสลัวพอให้เจ้านายของเธอมองเห็นทางได้ ส่วนตัวเธอก็ยืนรอต้อนรับเจ้านายด้วยรอยยิ้ม

"อรุณสวัสดิ์ค่ะ"

ดาริลยิ้ม "อรุณสวัสดิ์ครับ ลำบากหน่อยนะ ไม่เปิดไฟแบบนี้"

"โรแมนติกดีออกค่ะ คุณท่านจะรับอาหารเช้ามั้ยคะ"

"ไม่ละครับ ยังเช้าเกิน เดี๋ยวผมไปหากินเอาที่ทำงาน ยังไงก็ฝากดูแลเขาด้วยนะครับ"

แม่บ้านค้อมศีรษะรับ "ได้ค่ะ แล้วดิฉันจะโทรศัพท์ไปรายงานเป็นระยะๆ นะคะ"

ชายหนุ่มพยักหน้า "ขอบคุณครับ"  จากนั้นจึงเดินตรงไปยังรถที่จอดรออยู่ เลขาของเขานั่งรออยู่ข้างในนั้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนขับรถยืนรออยู่ทางด้านนอก

ดาริลส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ลองแบบนี้ แปลว่าคาซึกิกำลังรอสอบสวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่แน่ๆ

เมื่อลุงคนขับรถหันไปเห็นเจ้านายของตน เขาก็ปราดเข้ามาเปิดประตูให้กับเจ้านาย เสร็จแล้วจึงปิดประตูให้แล้วยืนรอฟังคำสั่งอยู่ทางด้านนอก

"อรุณสวัสดิ์ครับ เมื่อคืน... เอ่อ..." คาซึกิถามทันทีที่ประตูรถปิดลงสนิท

"ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะครับ ผมบอกแล้วไง พี่คาซึกิน่ะ คิดมากไปได้..."

คาซึกิพรูลมหายใจออกยาว "ของในถุงเมื่อวาน ผมเอาไปฝากคุณแม่บ้านไว้แล้วนะครับ"

"ครับๆ ขอบคุณมาก... บอกให้ออกรถได้แล้วล่ะครับ" ดาริลตอบเลี่ยง จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเบาะแล้วปิดตาลง


ในตอนบ่ายของวันก่อนเลิกงาน เลขาหนุ่มเข้ามารายงานเจ้านายเรื่องกิจกรรมของเร็นเป็นครั้งที่สาม หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากแม่บ้าน

“ดูท่าคุณคิมุระจะเบื่อ เมื่อตอนบ่ายเห็นถอนหายใจอยู่บ่อยๆ คุณแม่บ้านว่าอย่างนี้น่ะครับ" 

"...งั้นเหรอครับ" ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน วันนี้เขาเสร็จงานเร็ว แล้วใจก็นึกอยากจะกลับไปหาเร็นเร็วๆ ซะด้วย "...ถ้างั้นผมจะกลับเร็วหน่อย ฝากบอกคุณแม่บ้านให้ผมด้วย"

พอกลับมาถึงบ้านพักแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้เร็นจะตั้งหลักรับเขาพร้อม อีกฝ่ายตรงเข้ามาช่วยถอดเสื้อและเนกไทออกให้เสร็จสรรพ แล้วเสนอการนวดเพื่อเอาใจเขา

...ก็ดีเหมือนกัน เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเร็นจะทำให้เจ้านายอย่างเขาได้มากแค่ไหน

เมื่อคุยกันไปคุยกันมาแล้ว ก็สรุปได้ว่าดาริลจะให้เร็นถอดเสื้อผ้าออกให้ เพื่อที่จะได้นวดอย่างสะดวก แต่การกระทำของเด็กหนุ่มดูเงอะงะ ไม่ค่อยสมกับเป็นคาซาโนว่าคนเดิมในความคิดของเขาสักเท่าไหร่ อาจจะรู้สึกเกร็งเพราะตัวเขาเป็นผู้ชาย ดาริลจึงคิดว่าควรจะชวนอีกฝ่ายพูดคุยให้ผ่อนคลายสักหน่อย หากเขาไม่ใช่คนที่มีวาทศิลป์เสียด้วย

“ผมนึกว่าคุณเร็นจะคล่องกว่านี้ซะอีก”

ทว่านั่นทำให้ร่างสูงหงุดหงิด เพราะน้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูกระฟัดกระเฟียดชอบกล “...ผมไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นอาชีพนะครับ”

ดาริลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนเร็นจะยิ่งออกห่างจากคำว่าผ่อนคลายไปมากโข “เรื่องแบบไหน”

“คุณเป็นคนแรกที่ซื้อตัวผมมา... และผมก็ไม่คิดจะทำแบบนี้อีก”

...อ้อ เข้าใจผิด... ผู้เป็นนายยิ้มมุมปาก หากก็คิดแย้งอยู่ในใจว่านี่น่ะหรือคำตอบของคนที่ตั้งใจจะเป็นโฮสต์ ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด เขาหันไปทางเด็กหนุ่ม “แล้วถ้าคุณแม่ของคุณเร็นป่วยอีกล่ะ” ดาริลแกล้งยั่วให้โกรธ ซึ่งดูท่าจะทำให้เร็นโกรธมากเสียด้วย แต่อย่างน้อยคำตอบที่ได้รับก็ทำให้เขารู้ว่า เด็กหนุ่มยังรักศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่เหมือนกัน

“ที่ผมว่าคุณน่าจะคล่อง... เพราะคิดว่าคุณคงมีแฟนมาเยอะ”

...เร็นเงียบไปหลังจากที่ได้ยินคำตอบ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงมาก แต่ที่ทำให้ดาริลต้องแปลกใจก็คือ การที่เร็นยอมเล่าเรื่องส่วนตัวตามความเป็นจริง ซึ่งเหมือนกับที่เขาได้รับรายงานมาจากนักสืบทุกอย่าง

ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มบาง... เขารู้สึกไว้ใจเด็กหนุ่มขึ้นเล็กน้อย พยายามที่จะมองอีกฝ่ายในแง่ดีขึ้น “แล้วก็... ผมมีข่าวดีจะบอกนะ คุณแม่ของคุณเร็นจะเข้ารับการผ่าตัดในอีกสองวันนี้”

“ขอบคุณครับ”

น้ำเสียงของเร็นบ่งบอกถึงความดีใจมากมาย ร่างผอมบางเดาว่า เด็กหนุ่มในเงามืดคงจะกำลังยิ้มอย่างพอใจ รอยยิ้มที่เขาไม่ได้เห็นมาเป็นเวลานานมากเหลือเกิน

“เจ้านาย... เรียกผมว่าเร็นเฉยๆ ก็พอครับ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ ดาริลรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนพิเศษของเด็กหนุ่มจริงๆ ร่างกายจึงขยับเข้าหาอีกฝ่ายไปเอง เขาแนบริมฝีปากลงบนเรียวปากบาง ทำตามอย่างที่หัวใจร่ำร้องหามาแสนนานเหลือเกิน

ทว่าสิ่งที่ดาริลไม่คาดคิดมาก่อนเลยก็คือ การที่เร็นโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน เขาไม่แน่ใจว่านั่นเป็นการกระทำในหน้าที่ของเด็กหนุ่มรึเปล่า ใจที่สับสนทำให้ต้องผละออกแล้วเปลี่ยนไปซบใบหน้าอยู่ในอ้อมแขนนั้นแทน

...เสียงหัวใจของเร็นเต้นหนักๆ เหมือนในเวลาปกติ ถ้าเช่นนั้นแล้ว เด็กหนุ่มคงจะแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น

ดาริลซุกไซ้แผ่นอกกว้างแล้วใช้แทนหมอนหนุน เแม้จะนึกเสียใจและผิดหวังอยู่บ้าง หากก็เป็นเรื่องที่เขาทำใจไว้ก่อนหน้าแล้ว เขาพยายามข่มตาหลับลง เมื่อถึงเวลาก่อนฟ้าสาง ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ถอยออกมาจากอ้อมแขนแข็งแรง แล้วออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบเชียบ

แม่บ้านของชายหนุ่มจุดเทียนไว้รอเขาเช่นเคย แต่วันนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียว คาซึกิก็มารอรับอยู่ภายในตัวบ้านด้วย ดาริลยิ้มบาง "อรุณสวัสดิ์ครับ... เรื่องช่างที่มาติดตั้ง เรียบร้อยมั้ยครับ"

"เรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็ นี่ของที่สั่งครับ" เลขาหนุ่มส่งกล่องของขวัญขนาดใหญ่ให้กับเจ้านาย "ทางร้านจัดหาให้ได้ช้าไปสักหน่อย เพราะรุ่นนี้ต้องสั่งซื้อน่ะครับ"

"ขอบคุณ งั้น... ฝากให้เขาด้วยละกัน" ดาริลตอบเสียงเรียบ ส่งกล่องของขวัญต่อให้กับแม่บ้าน ก่อนจะเดินนำออกไป "ไปเถอะ"
คาซึกิไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก กับของขวัญราคาแพงชิ้นนี้ เขาไม่เห็นด้วยที่เจ้านายประโคมหาของขวัญเอาใจเด็กหนุ่มที่ไม่ได้รู้จักกันดี ใจนึกกลัวว่าเจ้านายจะหลงใหลเด็กหนุ่มมากจนเกินไป แล้วเด็กหนุ่มเองก็อาจจะได้ใจ ขอนั่นขอนี่จากเจ้านายอยู่บ่อยๆ

เมื่อเข้าไปนั่งภายในรถและเดินทางไปจนถึงที่ทำงานแล้ว คาซึกิก็ยังปิดปากเงียบ แต่เขาไม่อาจปิดบังความรู้สึกบนใบหน้าได้

ดาริลเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตน เขาเงยหน้าขึ้น "...พี่คาซึกิ ผมรู้ว่าพี่ไม่พอใจ"

เลขาหนุ่มหยุดกึก "คุณดาริล เวลาอยู่ที่ทำงานนี่ อย่าเรียกผมแบบนี้เลยครับ"

"ทำไมล่ะ ก็เราอยู่กันแค่สองคน... พี่คาซึกิ ผมรู้ว่าผมเอาแต่ใจมากไปหน่อย ทำให้พี่ไม่สบายใจ ขอโทษนะครับ"

"คุณดาริลไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ" คาซีกิเสตาหลบ

"พี่ไม่พอใจที่ผมให้ของขวัญ ให้เงินเร็นเป็นจำนวนมากใช่มั้ย"

เลขาหนุ่มถอนหายใจหนักๆ "ผมเกรงว่า เด็กคนนั้น... จะได้ใจใหญ่น่ะสิครับ ถ้าเขาคิดอยากเป็นหนูตกถังข้าวสารขึ้นมา กลัวว่าคุณดาริลจะลำบาก"

"...." ดาริลเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ที่จริงก็ยังไม่ได้รู้จักเด็กหนุ่มดีสักเท่าไหร่ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วเงยหน้าขึ้น "คงไม่หรอก เมื่อครั้งที่ช่วยเหลือผม เขาไม่รู้ว่าผมเป็นใครก็ยังเข้ามาช่วยนี่... แล้วตอนคุยกันที่โรงพยาบาล..."

"นั่นผ่านมานานมากแล้วนะครับ เวลาเปลี่ยน ใจและนิสัยคนก็เปลี่ยน"

"แต่พี่คาซึกิไม่เห็นเคยเปลี่ยนเลย" ดาริลเถียง

"ผม..."

"ผมจะระวังตัว พี่ไม่ต้องห่วง"

"จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงกันครับ" คาซึกิพูดเสียงอ่อย

"ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะพี่คาซึกิ" ชายหนุ่มพูดเสียงขรึม "เอาล่ะ ไปทำงานเถอะครับ"

เลขาหนุ่มค้อมศีรษะลงต่ำ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป

สักพักเสียงโทรศัพท์ในห้องของดาริลก็ดังขึ้น เป็นสายที่คาซึกิส่งต่อมาให้โดยตรง เนื่องจากแม่บ้านโทรมาบ่นยกใหญ่ว่าเร็นไม่ยอมรับของขวัญ แล้วก็ไม่ยอมฝึกเบสบอลทั้งที่ดาริลอุตส่าห์สั่งซื้อรั้วตาข่ายสำหรับฝึกไปติดตั้งให้

“...ทำไมคุณท่านของคุณแม่บ้านถึงดีกับผมขนาดนี้... คุณคิมุระบอกว่าอย่างนี้น่ะค่ะ แล้วนี่ก็ไปว่ายน้ำอีกแล้วค่ะ”

“เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง ขอบคุณนะครับ” ดาริลกดวางสาย เขาวางมือที่ประสานกันอยู่ลงบนโต๊ะแล้วผ่อนลมหายใจออกยาว ก่อนรอยยิ้มบางๆ จะปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารัก

...ก็น่าสนใจดี


ยามที่ดวงตะวันคล้อยลงต่ำจนชิดขอบฟ้า รถคันหรูวิ่งไปบนถนนที่ตัดผ่านภูเขาลูกเล็ก มุ่งตรงเข้าสู่บ้านบนชายหาดส่วนตัวสีขาวสะอาด เมื่อไปถึงก็เป็นเวลาที่รัตติกาลเข้าปกคลุมให้ทุกแห่งหนมีแต่ความมืดมิด มีจันทราครึ่งดวงลอยประดับอยู่บนฟากฟ้าไกล 

เลขาหนุ่มก้าวออกมาจากตัวรถแล้วเดินวนมาเปิดประตูให้กับเจ้านาย "คืนนี้ ดวงจันทร์ครึ่งดวง ค่อนข้างจะสว่าง ยังไงก็อย่าลืมปิดม่านนะครับ"

ดาริลยิ้มตอบ "ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ" ขาเรียวพาเจ้าของก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ขึ้นไปยังชั้นสอง เขาเปิดประตูเข้าไปในภายในห้องนอน ซึ่งบานประตูออกสู่ระเบียงเปิดทิ้งไว้กว้าง สายลมพัดผ่านเข้ามาให้ผ้าม่านปลิวไสว

ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่บริเวณประตู สายตาจ้องมองไปยังร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ภายใต้แสงจันทร์ แผ่นหลังกว้างดูอบอุ่น ที่ซึ่งเขาอยากจะเข้าไปซุกซบในฐานะคนรัก  แต่นั่นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

“...ได้ยินว่าคุณไม่ยอมรับของขวัญจากผม”

เด็กหนุ่มหันขวับ นัยน์ตาคมกริบมองกลับเข้ามาภายในความมืด จ้องเขม็งจนดาริลนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นเขาได้

...แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เร็นจะจำเขาได้สักนิดมั้ยนะ

ความรู้สึกกลัวยังคงฝังรากลึกอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ดาริลกลัวเหลือเกินว่าตนเองจะต้องผิดหวัง ถ้าหากอีกฝ่ายจำไม่ได้ เขาคงจะเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เร็นมองเห็นใบหน้าไม่ได้เป็นอันขาด เขาไม่อยากได้ยินกับหูและเห็นกับตาว่าเร็น... ไม่เคยสนใจตนเองเลยแม้แต่น้อย

ดาริลถอยหลังออกไปสองสามก้าว ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง ซึ่งอีกฝ่ายก็เดินตามเข้ามาช้าๆ แล้วหันไปปิดผ้าม่านให้สนิท

เร็นคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นนาย “เจ้านายครับ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะครับ วันนี้ข้างนอกพระจันทร์สวยดี ไม่มีเมฆเลยด้วย เราออกไปเดินเล่นชายหาดกันมั้ยครับ” เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนจนดาริลคล้อยตาม

"ก็ได้... แต่ผมมีข้อแม้นะ คุณจะต้องปิดตาตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามแกะผ้าปิดตาออกเด็ดขาดถ้าผมไม่อนุญาต... สัญญากับผมได้มั้ย” 

“ก็ได้ครับ สัญญาก็สัญญา”

...เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะรักษาสัญญาแค่ไหน เชื่อใจได้มากเพียงใด แต่ก็อยากจะลองเสี่ยง เพราะจากส่วนหนึ่งของหัวใจ เขายังอยากจะเชื่อว่าเร็นเป็นเด็กหนุ่มคนเดิม คนเดียวกันกับที่เคยพบเมื่อหลายปีก่อน

ระหว่างทางที่เดินลงไปยังชายหาด เร็นหยุดเดินเพื่อถอดรองเท้าออก แล้วจู่ๆ ก็ดึงตัวเขาที่ยืนรออยู่ข้างกันเข้าไปสวมกอด

“เร็น!” ดาริลเบิกตาโพลง

“เจ้านายอย่าออกห่างจากผมสิคร้าบ!” อีกฝ่ายร้องโวยวาย “ผมมองอะไรไม่เห็นนะ!”

ใบหน้าสวยหวานร้อนผ่าว ทั้งที่รู้ว่าเร็นโอบกอดตนเองเพราะความตกใจ แต่ถึงอย่างนั้น... ก็ทำให้หัวใจเต้นระส่ำ “รู้แล้ว! ปล่อยก่อนสิ กอดไว้แบบนี้เราจะเดินกันต่อไปยังไงล่ะ”

เร็นยอมคลายอ้อมแขนออก หากยังจับมือนิ่มไว้แน่น ดาริลเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม ใจนึกอยากจะทดสอบอะไรอีกฝ่ายสักหน่อย อยากรู้ว่าเขาจะไว้ใจเร็นได้ถึงขนาดไหน คิดได้แล้วจึงจูงมือเด็กหนุ่มเดินลงไปในน้ำทะเล ซึ่งเร็นก็ดูจะตกใจไม่น้อย

“เจ้านายยย!”

ดาริลหลุดหัวเราะเบาๆ “เดินลุยน้ำเล่นกันไง” แล้วจูงมืออีกฝ่ายเดินต่อไปเรื่อย

“แย่จัง มองไม่เห็นดวงจันทร์เลย... กะว่าจะมาดูดวงจันทร์ริมทะเลนี่พร้อมกับเจ้านายสักหน่อย”

ใบหน้าน่ารักเงยขึ้น ภายใต้แสงจันทร์สีนวล พวกเขาเดินทอดน่องกันตามลำพังบนหาดทราย หากเป็นคนรักกัน นี่ก็คงเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกอยู่ไม่น้อย เขาควรจะมีความสุขที่ได้ใช้เวลากับคนที่หลงรักอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ “...อืม... ก็สวยดี”

“เจ้านายขี้โกงนี่ครับ! เห็นอยู่คนเดียวอ่า!”

ผู้เป็นนายอมยิ้ม เขาเดินวนไปประชิดด้านหลังของเด็กหนุ่มแล้วเปิดผ้าปิดตาออกให้ “เอ้า... พอใจรึยัง”

เร็นพยักหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหาดวงจันทร์ แต่จู่ๆ ก็หันกลับมาทางเขา ดาริลสะดุ้งเฮือก รีบก้มหน้าหลบ “หันมาทำไม”

“ก็เจ้านายอยู่ตรงนี้”

“อยากมองดวงจันทร์ก็มองไปสิ”

“ก็ผมอยากมองคุณ แล้วก็มองดวงจันทร์ด้วยนี่”

...ปากดีจริงๆ ร่างผอมบางขมวดคิ้วแล้วตัดสินใจดึงผ้าปิดตาลง “ไม่ได้” ...ต้องใจแข็งนะดาริล ถ้าไม่อยากผิดหวัง

“...ทำไมคุณต้องปิดบังผมด้วยล่ะ”

แววตาสีมรกตสั่นน้อยๆ “เราสัญญากันแล้วไม่ใช่รึไง” มือขาวผลักตัวเองออก พลางถอยห่างออกจากตรงที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ เขาไม่ได้ออกไปห่างจากตรงที่ร่างสูงยืนอยู่มากนัก แต่ก็พอจะเห็นท่าทางของอีกฝ่ายได้ เร็นดูลังเล เขายกมือขึ้นเพื่อจะเปิดผ้าปิดตา แต่ก็ชะงัก แล้วยืนนิ่งอยู่แบบนั้น

ดาริลยืนจ้องมองร่างสูงอยู่นานนับสิบนาที เด็กหนุ่มทำให้เขาทึ่งอยู่ไม่น้อย... อีกฝ่ายรักษาคำพูดที่ให้ไว้จริงๆ

...หรือว่าเขา จะสามารถไว้ใจคนคนนี้ได้

เวลาเกือบสิบห้านาทีผ่านพ้นไป ร่างผอมบางจึงเดินลุยน้ำกลับไปหา เขายื่นมือที่เย็นเฉียบออกไปแตะมืออุ่นๆ ของอีกฝ่าย ก่อนจะถูกดึงเข้าไปสวมกอด “เจ้านาย คุณกลับมาแล้ว”

นัยน์ตากลมโตปิดลงภายในอ้อมแขนแข็งแรง เขาอมยิ้ม “ขอบใจที่รอนะ” ...อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ทำให้เขานึกอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้ ตลอดไป

คลื่นน้ำม้วนเป็นเกลียวแล้วสาดซัดขึ้นสู่ฝั่ง กระทบสองร่างที่ยืนกอดกันนิ่งจนแผ่กระเซ็นออกไปเป็นฟองคลื่นละเอียด ดาริลขยับออกเล็กน้อย “ปล่อยได้แล้วล่ะ” ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นแนบกาย “เร็น!”

เด็กหนุ่มอุ้มตัวเขาแล้วนั่งลงให้คลื่นซัดจนเปียกปอน แล้วหัวเราะชอบใจ “เล่นน้ำกับเจ้านายไงครับ ไม่ได้ดูดวงจันทร์ด้วยกัน ก็เล่นน้ำด้วยกันแทนก็ได้” กว่าจะยอมกลับไปยังบ้านพักได้ ร่างผอมบางก็สั่นเทาด้วยความหนาว

มืออุ่นๆ ของเร็นจูงเขาวิ่งกลับไปบ้านพักหลังจากที่เขายินยอมให้เปิดผ้าปิดตาออกได้ พอไปถึงแล้วต่างคนก็หยุดหอบแล้วหัวเราะกันเสียงดังลั่น เขาไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานมากแล้ว ราวกับย้อนเวลากลับไปในวันเก่าๆ สมัยที่ยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงเวลาซึ่งมีแต่ความสุขใจ

จากนั้นเร็นก็พาเจ้านายไปยังห้องอาบน้ำ มือหยาบช่วยถอดเสื้อผ้าให้กับเขา กระดุมแต่ละเม็ดที่ปลดออกส่งผลให้ดาริลรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว “ผมถอดเอง”

เร็นปล่อยมือออก “งั้นผมไปนะ”

...แต่เขาไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา ไม่อยากอยู่ห่างจากเด็กหนุ่มแม้เพียงวินาทีเดียว สองมือคว้าแขนแกร่งเอาไว้ทันควัน “คุณจะไปไหน... อาบด้วยกันก็ได้” พอพูดออกไปแล้วถึงได้รู้ตัวว่าพูดจาเหมือนเชิญชวนให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด ดาริลรีบปล่อยมือจากเด็กหนุ่ม พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาคิดว่าโชคดีเหลือเกินที่อยู่ในความมืดเช่นนี้

หากเร็นก็ไม่ได้ถอยหนีเหมือนเมื่อวันแรก มือหยาบนั้นยกขึ้นจัดการถอดเสื้อผ้าของดาริลออกจนเหลือเพียงแค่ร่างกายที่เปล่าเปลือย

หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวกับกลองใหญ่ที่ถูกตีรัว ดาริลยื่นมือออกไปช่วยถอดเสื้อผ้าให้กับเร็นบ้าง หากก็ตื่นเต้นเสียจนนิ้วมือเย็นเฉียบและรู้สึกชา

“เจ้านายครับ ลงไปแช่น้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะตามลงไป คุณคงจะหนาวมากแล้ว”

ดาริลชักมือกลับ เขาไม่รู้ว่าอีกฝายสังเกตเห็นปลายนิ้วที่สั่นระริกหรือไม่ ทว่าใบหน้าร้อนราวกับมีไฟลน ชายหนุ่มจึงถอยออกไปเพื่อทำใจให้สงบลงก่อน

พวกเขาต่างลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่าง ก่อนความเงียบงันจะเข้าปกคลุม ดาริลเกร็งไปทั้งร่าง จะหายใจก็ยังกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แต่สักพักฝ่ามือของเร็นก็เข้ามาสัมผัสบนท่อนขาเขาเบาๆ ชายหนุ่มสะดุ้ง “ทำอะไรน่ะ” หากอีกฝ่ายยิ่งขยับเข้ามาใกล้

“เจ้านาย... ผมไม่เข้าใจคุณเลย ทำไมต้องปิดบังไม่ให้ผมเห็นหน้าของคุณด้วย ยังไงผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณสักอย่างอยู่แล้ว ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย... ไม่ใช่เหรอครับ"

"...หรือว่า เราเคยพบกันมาก่อน”

หัวใจของดาริลร่วงวูบ ใจนึกกลัวว่าเร็นจะรู้... รู้ความในใจที่ซุกซ่อนมาแสนนาน “คุณไม่จำเป็นต้องรู้... ผมมีเงิน อยากจะซื้อใคร อยากจะได้อะไร มันก็เป็นเรื่องของผม” เขาพูดปัดออกไปแบบนั้น ทว่านั่นทำให้เร็นนิ่งไป ชายหนุ่มจึงค่อยๆ หันหน้ามาทางอีกฝ่าย หรือเขาจะพูดแรงไป... ทำให้เด็กหนุ่มโกรธเอารึเปล่า

“...ผมขอโทษ... ในสัญญาบอกไว้ว่าห้ามถามอะไรเจ้านายแท้ๆ” แล้วร่างสูงก็เปลี่ยนเรื่องซะง่ายๆ “...ของขวัญที่คุณให้ผมวันนี้... ขอบคุณนะครับ ผมดีใจมาก”

“...แปลว่าคุณยอมรับของขวัญจากผมแล้วงั้นเหรอ...”

“ผมฝันอยากจะได้ถุงมือเบสบอลแบบนี้มานานแล้ว ลูกเบสบอลนั่นก็สุดยอดไปเลย น้ำหนักกำลังดีสุดๆ เจ้านายรู้ใจผมอย่างไม่น่าเชื่อเลย”

ดาริลชะงัก หัวใจสั่นรัว เขารีบตอบออกไป “ของพรรค์นั้น เลขาของผมเป็นคนเลือก” ชายหนุ่มคิดว่าคำพูดร้ายๆ ของเขาจะทำให้เร็นถอยออกห่าง ทว่าเด็กหนุ่มกลับยิ่งเข้ามาใกล้ เขาแทบจะหยุดหายใจ “เร็น”

ริมฝีปากอบอุ่นที่แนบเข้ามา ส่งผลให้ร่างกายอุ่นร้อนตามไปด้วย เขาไม่อยากเชื่อเลย นี่เร็น... กำลังจูบ... เขาหรือนี่ จุมพิตลึกซึ้งครั้งแรกในชีวิต เขาแทบจะหลอมละลายอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

“ผมจะพาเจ้านายไปที่เตียง”

ใบหน้าหวานเงยขึ้น จ้องมองเจ้าของคำพูดนั้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป เด็กหนุ่มก็อุ้มเขาไปที่เตียงนอนซะแล้ว

ร่างผอมบางสั่นสะท้าน ริมฝีปากที่เพิ่งได้สัมผัสนั้นกำลังละเลงจูบไปทั่วแผ่นอกและลำคอ ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปทั่วร่าง แล้วยังเคลื่อนลงสู่ที่ต่ำ

ดวงตาที่ปิดสนิทขณะที่ดาริลเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกหวามไหวจำต้องเบิกโพลง เพราะส่วนที่มันร้อนผ่าวตรงกลางร่างนั่น ถ้าหากเร็นสัมผัส... อาจจะทำให้หมดอารมณ์ไปได้ ก็ตัวเขาเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา “อ๊ะ! เร็น! หยุด!”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นมาคลอเคลียอยู่บนกลีบปากอิ่ม “ทำไมล่ะครับ”

...เขารู้ว่าเร็นไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อน กลัวว่าถ้าสัมผัสโดนส่วนที่แข็งขึงของตนแล้วจะรู้สึกรังเกียจ ดาริลรีบพลิกตัวหลบ “เร็น! ...เดี๋ยวก่อน อะ...” หากร่างสูงไม่ปล่อยให้ตัวเขาหนีไปได้ สองแขนแกร่งดึงร่างผอมบางเข้าไปแนบชิด พรมจูบบนแผ่นหลัง สัมผัสปลุกเร้าให้สิ้นแรงต้านขืน ได้แต่ส่งเสียงขอร้องแหบพร่า “อื้อ! เร็น... หยุด”

มือใหญ่เคลื่อนลงไปกอบกุมส่วนที่ดาริลไม่ต้องการให้สัมผัส “หยุดอะไรกันครับ คุณรู้สึกขนาดนี้แล้ว”

...ไม่จริง มือ... มือของเร็น "อา..." ภายในศีรษะขาวโพลน ดาริลขยุ้มหมอนตรงหน้าแล้วดึงทึ้งอย่างลืมตัว ก่อนจะสะดุ้งตัวเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขึงที่บดเบียดกับสะโพกของตน

“เจ้านายครับ คุณทำให้ผม... อา...” เร็นกระซิบเสียงกระเส่า “รู้สึกใช่มั้ยครับ ผม... ขอทำไปพร้อมกับคุณได้มั้ย”

"อา" ...เป็นไปได้หรือนี่ เร็น... มีอารมณ์กับร่างกายของเขา ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน และไม่เคยได้เห็นหน้ากันแบบนี้ เสียงครางทุ้มต่ำชิดใบหู ความแข็งขึงใหญ่โตที่เสียดสีกับต้นขาด้านในและหลั่งน้ำออกมาจนเปียกชุ่ม ดาริลปล่อยตัวปล่อยใจให้ถลำลึกลงไปกับความสุขนั้น ก่อนพวกเขาจะปลดปล่อยอารมณ์ร้อนรุ่มออกมา

ดาริลหอบหนักๆ แต่ก็ยกมือขึ้นประกบใบหน้าหล่อเหลา แววตาสีเขียวใสสั่นไหว เช่นเดียวกับหัวไหล่เล็ก

เร็น... ช่วยบอกทีว่าเขาควรจะหวัง... ว่าสักวันจะมีโอกาสได้เป็นคนรักของเด็กหนุ่ม

“เจ้านาย... เดี๋ยวผมจะทำความสะอาดให้”

“ไม่ต้องหรอก”

แขนแกร่งโอบกอดร่างผอมบางไว้หลวมๆ สองร่างอิงแอบ ส่งความอบอุ่นผ่านผิวกายให้แก่กันและกัน มือขาวนุ่มนิ่มลูบเส้นผมสีดำของคนที่ซบอยู่บนหัวไหล่ หัวใจเจ็บ แต่ก็พองโต... เขาเองก็สับสนกับความรู้สึกของตนเองในเวลานี้มากเหลือเกิน

“ราตรีสวัสดิ์ เร็น”


เมื่อเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงผ่านพ้นไปก็ถึงเวลาที่ดาริลจะต้องรีบปลีกตัวออกไปจากห้อง นัยน์ตาสีเขียวปรือขึ้น ก่อนจะก้มลงมองแขนแกร่งที่โอบรัดตนเองไว้ ลมหายใจอุ่นๆ ของเร็นตกกระทบบนแก้มนิ่มที่ฉีดสีเลือด ร่างกายที่แนบชิดกันแบบเนื้อแนบเนื้อส่งผลให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

...เมื่อคืน ดาริลไม่อยากเชื่อเลยว่าเขากับเร็น... จะทำเรื่องแบบนั้นได้ แล้วยังเสียงกระเส่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาแบบนั้น

มือขาวยกขึ้นกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว เขาค่อยๆ พลิกตัวไปทางเด็กหนุ่มที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ดวงตาใสจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างสงสัย เร็นสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ แม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าอย่างเขา โดยที่ไม่ต้องมีความรัก ความผูกพันใดๆ เลยอย่างงั้นเหรอ

ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่เร็นสามารถมีอารมณ์ร่วมและมีความสุขกับร่างกายและผิวสัมผัสของตนเองได้ แต่ในใจก็ยังคงระแวง สงสัยในตัวอีกฝ่าย

เสียงโทรศัพท์เบาๆ ดังขึ้นเพื่อเตือนให้เจ้าของตื่นขึ้น ดาริลจึงส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดความคิดสับสนออกไปก่อน เขาขยับออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด พาร่างกายที่เปลือยเปล่าไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตแบบลำลองกับกางเกงผ้ามาสวม  ใจนึกว่าคงจะต้องติดชุดสูทและเสื้อผ้าทำงานไว้ในรถบ้างแล้ว จะได้ไม่ต้องกลับไปคอนโดมิเนียมทุกเช้าแบบนี้

ดาริลสังเกตเห็นสายตาของเลขาที่จ้องมองมายังตนเขม็ง เดี๋ยวอีกฝ่ายคงจะซักฟอกเขาจนขาวสะอาดแน่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้า แล้วพอขึ้นไปนั่งในรถ คาซึกิก็ยิงคำถามใส่ทันทีอย่างที่คิดไว้จริงๆ

"คุณดาริล เสื้อผ้าของคุณหายไปไหนครับ"

"เปียกน้ำน่ะ" ร่างผอมบางตอบสั้นๆ "เดี๋ยวคงต้องแวะคอนโดก่อนนะ จะได้ไปเอาสูทชุดใหม่แล้วก็อาบน้ำด้วย"

"เมื่อคืน เอ่อ..."

"ไม่มีอะไรหรอกน่ะ พี่คาซึกิ ผมไปเดินเล่นที่ชายหาด ก็เลยเปียกน้ำทะเลเท่านั้นเอง" ดาริลพยายามข่มสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่ก็ไม่อาจปกปิดแก้มสีระเรื่อเอาไว้ได้ "บอกคุณแม่บ้านให้เอาเสื้อผ้าผมไปส่งซักแห้งด้วย แล้วออกรถเถอะ เดี๋ยวผมจะสาย"

เลขาหนุ่มค้อมศีรษะรับ หากสายตาก็ยังคงจับจ้องเจ้านายอย่างไม่วางตา "ครับ"


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 18: พบกันครั้งแรก (ดาริล)][P.14][040615]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-06-2015 20:06:00


ยามค่ำของคืนต่อมาซึ่งมีจันทร์เสี้ยวประดับท้องฟ้า ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับงามจับตา ดาริลเดินทางมาถึงบ้านพักด้วยหัวใจที่เต้นแบบแปลกๆ จะว่าไปเขาก็รอเวลาที่จะได้มาพบกับเร็นอยู่ตลอดทั้งวัน ทว่าคืนนี้ พอมาถึงในห้องแล้ว ร่างสูงในเงามืดนั้นกลับนิ่งไปจนน่าสงสัย ผู้เป็นนายพยายามคิดทบทวนว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด หรือเพราะเรื่องเมื่อวานทำให้เร็นรู้สึกเกร็งเวลาที่อยู่ด้วยกัน เด็กหนุ่มจะนึกรังเกียจตัวเขารึเปล่า แต่ว่าเร็นเองก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ

หากเด็กหนุ่มเอาแต่จับจ้องมาที่เขา ทำไมกันล่ะ พอชวนพูดคุยก็เอาแต่อ้ำอึ้ง ดาริลขมวดคิ้ว พลางยกมือขึ้นแตะปลายคางอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ผละหนี ก็คิดว่าคงจะเป็นสาเหตุอื่น... แต่ว่า... เพราะอะไรนะ?

“...อ้อ..." จริงสิ คงจะเป็นเรื่องนี้...

"คุณคงจะเป็นห่วงคุณแม่สินะ”

“ก็... นิดหน่อยครับ”

ดาริลยิ้มมุมปาก เขาคิดว่าเร็นน่ารักก็เพราะแบบนี้ล่ะ  “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ พวกหมอที่เข้าทำการผ่าตัดน่ะ เป็นหมอมือหนึ่งทั้งนั้น...” แล้วพอเขาใจดีเข้าหน่อย ร่างสูงก็เข้ามาอ้อนราวกับเด็กๆ จนเขาใจอ่อน

“...วันนี้เจ้านายใจดีจังเลยครับ”

ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกมะเขือเทศ ก็ดูเข้าสิ ไม่ใช่แค่พูดจาออดอ้อนอย่างเดียว แต่การกระทำที่มาขอนอนตัก จับมือแล้วจูบบนฝ่ามือแบบนี้... ถึงจะพยายามไม่คิดอะไร แต่ก็ทำให้รู้สึกเขินๆ ชอบกล “...ผมเคยใจร้ายกับคุณตอนไหนกันล่ะ”

“เพราะคุณ... ผมถึงได้มีโอกาสรู้สึกถึงความสุขเหมือนคนอื่นๆ เขา”

หัวใจราวกับหยุดเต้นไปชั่ววินาทีที่ได้ยินคำพูดหวานๆ แบบนั้น ดาริลหายใจติดขัด เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีแล้ว

“...คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลย... ผมไม่คิดขายตัวแบบนี้อีกไม่ว่าต่อไปต้องลำบากแค่ไหน ผมจะเรียนจนจบมหาลัย แล้วจะต้องเป็นนักเบสบอลอาชีพให้ได้...”

...ราวกับเร็นรู้ว่าเขาต้องการจะได้ยินคำพูดแบบไหน ถ้าเช่นนั้นแล้วทั้งการกระทำและคำพูดเหล่านี้ ก็คงเพื่อเอาใจเขาเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอก ดาริลบอกกับตนเอง “ก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มพยายามนิ่งเฉย แต่แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้น แล้วรุกล้ำเข้ามากอดจูบตามอำเภอใจ ซ้ำยังจับมือเขาไปสัมผัสกับส่วนร้อนที่แข็งเกร็ง การกระทำที่บ่งบอกถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง

อารมณ์ของดาริลถูกปลุกปั่นโดยง่าย ก็เพราะฝ่ามือที่ลูบไล้ไปบนเรือนกายเป็นฝ่ามือของเร็น เขาทอดกายให้อีกฝ่ายล่วงล้ำและพาไปจนถึงจุดสูงสุดแห่งอารมณ์

...นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ดูท่า เร็นจะถูกใจร่างกายของเขามาก หรือไม่ก็เป็นเพราะด้วยความที่อายุยังน้อย ดาริลเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ทั้งสองคนนอนเคียงข้างกัน เรียวปากอุ่นๆ ของเด็กหนุ่มยังคงไล้เล็ม แขนแกร่งกอดรัดเจ้านายไว้ “เจ้านายตัวหอมมากเลย”
นัยน์ตาสีเขียวกะพริบปริบ เร็นช่างเอาอกเอาใจเก่งจริงๆ สมแล้วที่มีประสบการณ์มามากมาย เขาแทบจะหลงคารมอีกฝ่ายเข้าซะแล้ว แต่ก็พยายามหักห้ามใจไว้

“เจ้านายครับ... พรุ่งนี้มาเร็วๆ หน่อยได้มั้ยครับ มาตอนยังไม่มืดก็ได้ ผมจะเอาผ้าปิดตาไว้รอ”

“...หืม... อยู่คนเดียวเบื่อเหรอ”

“ก็นิดหน่อยครับ”

“...อยู่กับผมไม่น่าเบื่อกว่ารึไง”

“ไม่ครับ... ผมออกจะชอบเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะ”

ดาริลหลุดหัวเราะ  “...นี่ถ้าคุณตกลงทำงานที่โฮสต์คลับละก็ ต้องได้เป็นเบอร์หนึ่งแน่ๆ”

“เจ้านาย! คุณพูดยังกับว่าผมเป็นพวกคาสซาโนว่ายังงั้นแหละ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “...คุณคิดว่าที่ผมพูดๆ ออกไปนี่เพื่อเอาใจคุณงั้นเหรอครับ”

“แล้วไม่ใช่รึไง”

“แต่ผมพูดเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” เร็นพูดเสียงขรึม พร้อมกับเล่าถึงความรู้สึกของตนเองที่ผ่านมาอย่างไม่ปิดบัง เด็กหนุ่มกุมมือขาวไว้แน่น ราวกับกำลังเอ่ยคำสัญญา  “...ผมตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครโดยปราศจากความรักอีก แล้วถ้าผมรักใคร ผมก็จะซื่อสัตย์แต่กับเขาคนเดียวเท่านั้น”

ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น หัวใจเจ็บราวกับมีมีดมาเฉือน ดาริลนึกอิจฉาคนรักของเด็กหนุ่มในอนาคต ไหล่ของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของตน ดาริลก็รีบกระตุกมือออก เขาพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติมากที่สุด “...ถ้างั้น... ผมก็ดีใจกับคนรักของคุณในอนาคตด้วย”

หรือว่าเร็นจะรู้ว่าเขาเสียใจ ร่างสูงขยับเข้ามาอ้อน แล้วเริ่มพูดจาหวานๆ อีกครั้ง เด็กหนุ่มปรนเปรอความสุขให้กับเขา ทำให้เขาถลำลึกลงไปในห้วงแห่งภวังค์ สุขราวกับอยู่ในความฝัน... ที่อีกไม่นานก็คงจะต้องตื่นขึ้นเพื่อเผชิญกับความจริง


TBC~*


ย้อนอดีตแห่งฟามสุข ในช่วงของดาริลบ้างนะคะ ^^ จะได้เข้าใจว่าในความมืดนั้น นายเอกคิดอะไรอยู่น้อ

ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มคงจะชัดเจนกว่านี้ถ้าเขาจีบกันในที่สว่าง คงจะเป็นอย่างที่คุณMouse2Uบอกไว้นะคะ 5555

เพราะ "ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ" แล้วดวงตาก็เป็นสิ่งแรกที่น้องเร็นหลงรักซะด้วยซี

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 15-06-2015 20:44:10
โธ่ ดาริล :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-06-2015 20:54:01
เจ้านายน่ารักมากเลยนะคะ แถมยังหลงรักเร็นจนหมดใจอีกต่างหาก ฮ้า~ ความรักนี้หนา ใยเจ้าจึงแสดงแต่ด้านที่ทำให้ทั้งสองคนต้องช้ำใจ~ :heaven (ลิเก๊..ลิเก) เอาใจช่วยทั้งคู่เลยนะค้าา ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-06-2015 20:55:31
รักที่ต้องเก็บกด ทรมานจัง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 15-06-2015 21:03:46
กลับมาคืนดีกันเร็วๆนะ รอแบบหวานๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-06-2015 21:19:13
สงสารดาริล ยิ่งเห็นว่า ดาริลรู้สึกยังไง ยิ่งสงสาร ทำตามใจตัวเองไม่ได้เลย รักใครซักคนก็อุปสรรคเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 15-06-2015 21:21:32
 :mew2: โถ่ดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-06-2015 21:29:14
ดาริล คิดมากอ่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ป.ล.เป็นนักอ่านเงาที่เชียร์ให้ดาริลออก555
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-06-2015 22:10:37
ใจตรงกันแต่ก็ไม่รู้ตัว คู่นี้น่าสงสาร แต่ก็เป็นความรักที่เร้าใจดีนะคะ
ดาริลคิดเนอะ คิดมาก แต่ก็ชอบเร็นมากเลย น่ารักมากด้วย
เร็นกำลังเข้าสู่ภาวะหลงเจ้านาย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-06-2015 22:20:18
รำลึกความหวานกันเบาๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 15-06-2015 22:21:33
ดาริลคิดมากจัง  น่าสงสารเร็น :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 15-06-2015 23:15:31
จริงๆ เราว่าดาริลกลัวไปเองเยอะมาก ทั้งๆ ทีใจจะตรงกันกับเร็นอยู่แล้วเชียว ><
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 20-06-2015 14:07:06
.......จิงๆน่าหาแฟนให้พี่คาซึกิสักคนนะคะ กร้ากกกกกก อยากรู้ว่าแฟนพี่แกจะเป็นแบบไหน 55555
รีบๆมาต่อนะคะะะะะ กร้ากกกก *นวดๆ รอออออ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 21-06-2015 08:00:32
เฮ้อออออ ทั้งๆที่ทั้งสองคนรักกันแท้ๆน้าาา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 21-06-2015 08:44:00
ต่างคนต่างรักกัน ปรับความเข้าใจกันเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 22-06-2015 02:35:32
ใจตรงกันแท้ๆ  ขอให้ปรับความเข้าใจกันได้ทีเถอะ   :ling2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-06-2015 20:21:38


Chapter 20 : อดีตของดาริล


ช่วงสองสามวันหลังจากนั้น ดาริลมีหน้าที่ต้องไปประชุมแทนคุณตาที่ต่างเมือง ส่วนธุรกิจของตนเอง เขามอบหมายให้คาโอรุคอยออกหน้าจัดการแทน แต่ก็ต้องคอยรับโทรศัพท์เพื่อให้คำปรึกษากับเธออยู่บ่อยๆ เขาวุ่นวายอยู่ทั้งวัน แต่ก็ยังยอมเสียเวลาในการเดินทางเพื่อให้ได้ไปพบกับเร็น แม้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ก็ยังดี

ในตอนกลางคืนของวันถัดมา ตามกำหนดการแล้ว ร่างผอมบางกับเพื่อนสาวมีนัดพูดคุยธุรกิจกับนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ร้านอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เพราะเขาทำงานจนดึกดื่นมาหลายวัน คาโอรุจึงเสนอว่าเธอจะไปตามลำพังกับเลขาของเธอ แล้วไล่ให้เขากลับไปพักผ่อน

เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก ลูกค้าชาวต่างชาติที่นัดไว้ก็โทรศัพท์มาพูดคุย แล้วไม่ยอมวางสายไปง่ายๆ เสียด้วย จนเขาต้องเป็นฝ่ายเสียมารยาทพูดตัดบท จากนั้นจึงเปิดประตูห้องพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อ หากยังไม่ทันจะมองหาว่าเร็นอยู่ที่ไหน ตัวเขาก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มเรียบร้อยแล้ว "เร็น" เขาหัวเราะเบาๆ

"ผมคิดถึงเจ้านาย"

เด็กหนุ่มเข้ามาอ้อนเขาราวกับเด็กๆ ดาริลเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ พลางยกมือลูบหลังอีกฝ่าย "ปากหวานจริง" เขาปล่อยให้เร็นกอดอยู่สักพัก จึงเดินไปนั่งลงบนโซฟา

“เจ้านายครับ... ผมขอบคุณมากเรื่องของแม่”

...อ้อ... จริงสินะ เขาส่งคนไปเยี่ยมมารดาของเร็น แล้วให้ถ่ายรูปมาด้วย น่าจะเพราะสาเหตุนั้นที่ทำให้เด็กหนุ่มเข้ามาอ้อน คงอยากจะขอบคุณเขา

“...ผม... ขอจูบเจ้านายหน่อยได้มั้ยครับ”

...นี่คงจะเป็นการตอบแทนในแบบของเร็นสินะ "ไม่เห็นต้องขอเลย..." ทันทีที่พูดจบ เรียวปากบางได้รูปนั่นก็แนบเข้ามาบนริมฝีปากอวบอิ่ม ซึ่งดาริลเองก็คาดหวังอยู่แล้ว เขาหรี่ตาปิดลง กำซาบความหอมหวานที่เด็กหนุ่มบรรจงมอบให้

หากก่อนที่ทั้งสองจะเตลิดไปกับสัมผัสอบอุ่นของกันและกัน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังแทรกขึ้น ดาริลคิดว่าคงจะเป็นลูกค้าคนเดิมจึงพยายามไม่สนใจ แต่เพราะหลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์ยังคงดังขึ้นอีก ทำให้เขานึกถึงคาโอรุขึ้นมาได้ เธออาจจะมีปัญหาในการรับมือกับลูกค้าคนนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขารับโทรศัพท์แล้วจึงต้องรีบออกไปสมทบกับเธอ ทว่านั่นดูเหมือนว่าจะทำให้เร็นไม่พอใจ

“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ”

ดาริลส่ายหน้า เขาอมยิ้ม พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปแต้มจูบ “แล้วผมจะรีบกลับมา... รอผมก่อนนะ”

“ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับ เจ้านายบอกให้รอก็ต้องรอ”

...เร็นคงไม่รู้ว่าการทำเป็นงอนแบบนี้ ส่งผลให้ดาริลอ่อนไปทั้งใจ เขาไม่ได้อยากจากเด็กหนุ่มไปนักหรอกนะ แต่เรื่องงานก็สำคัญ แล้วคาโอรุก็พยายามถึงที่สุดแล้ว อีกอย่าง เธอเป็นผู้หญิงซะด้วย คงจะรับมือกับนักธุรกิจที่อาวุโสและเจ้าอารมณ์ได้ลำบาก

“อย่าเพิ่งงอนสิ... แล้วจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะ" เขาบอกกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะหักใจ รีบเดินออกจากห้องไป


เมื่อดาริลมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้ากับคาโอรุแล้ว การเจรจาธุรกิจก็ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น อีกฝ่ายต้องการเพียงเห็นหน้าของบุคคลที่จะทำธุรกิจร่วมกัน เพื่อความโปร่งใสและไว้วางใจ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

พอพูดคุยเรื่องการเซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อยและส่งลูกค้ากลับแล้ว คาโอรุจึงปราดเข้ามาสวมกอด "ขอโทษนะดาริล ฉันพยายามแล้ว แต่เขาไม่ฟังอะไรเลย"

"ไม่เป็นไร ที่จริงฉันควรจะมาพร้อมกับนายแต่แรก ขอโทษด้วยเหมือนกันนะ"

คาโอรุยิ้มกว้าง "ถ้างั้นนายรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ท่าทางเหมือนจะเป็นลมอยู่แล้ว ได้นอนบ้างรึเปล่าเนี่ย"

ดาริลหัวเราะ "งั้นไปล่ะ มีอะไรก็โทรมานะ"


ชายหนุ่มกลับมาถึงห้องพักอีกครั้ง เขาคิดว่าเวลาสองชั่วโมงไม่ได้มากมายอะไรนัก เร็นน่าจะยังรอเขาอยู่ คงจะยังไม่ทันเข้านอน หากพอเปิดประตูห้องเข้าไป เด็กหนุ่มกลับไม่ลุกมาต้อนรับอย่างเคย แถมยังเอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา

ริมฝีปากสีเชอรีคลี่ยิ้มขณะที่เดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย "รอนานมากมั้ย... อ๊ะ!" แต่จู่ๆ เร็นก็คว้าท่อนแขนของเขาอย่างแรงแล้วตะคอกใส่เสียงดังลั่น

“...นี่คุณไปหาใครมากัน!”

มือกร้านขย้ำหัวไหล่แรงจนรู้สึกเจ็บ แล้วยังเขย่าจนศีรษะเล็กโคลงเคลงไปมา “เร็น! นี่มันเรื่องส่วนตัวของผมนะ!”

“...นอกจากผมแล้ว คุณยังซื้อคนอื่นไว้อีกงั้นสิ!”

“เร็น!”

ดาริลตั้งรับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของร่างสูงไม่ทัน ยังไม่ทันจะอธิบายอะไร เด็กหนุ่มก็เดินหนีออกไปยังระเบียงซะแล้ว เร็นทำอย่างกับว่า... กำลังหึง... เขาอย่างนั้นล่ะ

...มันจะเป็นไปได้หรือ เร็นคงจะทำเป็นโมโหให้เขาดีใจ สำคัญตัวผิดไปมากกว่าละมั้ง

หากท่าทางมึนตึงและการแสดงออกแบบนั้น ถ้าเป็นการแสดง เร็นก็คงจะเป็นนักแสดงที่เก่งมากเลยทีเดียว ฟันซี่เล็กกัดลงบนกลีบปากสีแดงเบาๆ ขณะครุ่นคิด ก่อนจะก้าวขาไปยังบานประตูออกสู่ระเบียง ดวงตาสีอ่อนจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่สั่นอยู่เล็กน้อยด้วยอารมณ์โกรธ แล้วเอ่ยออกไป “...เร็น... คุณเข้าใจผิดแล้ว คุณเห็นผมเป็นคนที่ใช้เงินซื้อใครก็ได้มาสนองความต้องการงั้นเหรอ” เขาก้าวออกไปบนระเบียงอย่างเชื่องช้า แล้วสวมกอดเด็กหนุ่มจากทางด้านหลัง “ถ้าหากคุณเป็นเพียงใครก็ได้... ผมคงไม่สนใจว่าคุณจะคิดยังไง”

ท่าทางดีอกดีใจอย่างเปิดเผยของเร็น... นั่นไม่ใช่การแสดงใช่มั้ย เขาจะหวังว่าเด็กหนุ่มมีใจเอนเอียงมาทางเขาบ้างสักเล็กน้อยได้รึเปล่า ดาริลตั้งคำถามอยู่ในใจ จากนั้นจึงปล่อยให้เด็กหนุ่มพาร่างเปลือยเปล่าของตนขึ้นไปบนเตียงนอน

“ขอบคุณนะครับ ที่ไม่ปล่อยให้ผมต้องอกแตกตายเพราะคิดมากเรื่องของคุณ”

“...คุณนี่เข้าใจพูดให้ผมอารมณ์ดีอยู่เรื่อย”

“...ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นี่เป็นงานหรอกนะครับ... ไม่งั้นผมคงไม่ตั้งใจขนาดนี้”

...อย่าทำให้เขาหลงใหลไปมากกว่านี้เลย คำพูดเอาอกเอาใจแบบนั้น เร็นคงจะรู้ว่ามีผลกับอัตราการเต้นของหัวใจเขามากแค่ไหน ดาริลครวญครางอยู่ในใจ

แต่แล้ว... การกระทำของเร็นทำให้เขาต้องเบิกตาโพลง แม้ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง หากร่างกายที่รุ่มร้อน ความสุขจากรสสัมผัสนั่นไม่ได้เป็นแค่ความฝัน เด็กหนุ่ม... กำลังใช้ปากปรนเปรอให้กับเขาอย่างไม่รังเกียจ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วคลำหาช่องทางที่คาซึกิเคยกล่าวถึง มาถึงตอนนี้ ดาริลไม่อยากจะห้ามใจตัวเองอีกแล้ว

“เจ้านาย คือ... ผม...” เสียงของเร็นแหบพร่า

ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่ก็ต้องเชื่อ หัวใจดวงน้อยเต้นรัว เขาถามออกไปเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจนัก “...เร็น... อยากใส่เข้ามามั้ย”

“อยากครับ ถ้าหากเจ้านายจะอนุญาต”

ดาริลยิ้มบาง นัยน์ตาสีเขียวร้อนผ่าวคล้ายน้ำตาอุ่นร้อนรื้นขึ้นมาเอ่อคลอ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่จะถูกกอดรัดอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงที่เฝ้าคิดถึงมาแสนนาน เขาคลานไปหยิบเอาถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นมาส่งให้อีกฝ่ายตามที่เลขาพร่ำบอก “...ใช้ด้วยล่ะ”

"...ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ”

จะให้แนะนำยังไง... ตัวเขาเองไม่เคยมีประสบการณ์เลยสักครั้ง ใบหน้าสวยหวานร้อนราวกับถูกไฟลน มือขาวสั่นเทา ปลายนิ้วเย็นเฉียบ เขาจับมือหยาบมาเหนือบริเวณร่องสะโพก แต่ไม่กล้าพอให้สัมผัสโดนช่องทางที่อยู่ระหว่างกลีบเนื้อแน่นนั้น แล้วพูดไปตามที่คาซึกิสอน “...ใช้นิ้วของคุณ ใส่เข้ามาตรงนี้ก่อน ค่อยๆ ใส่นะ” ใจนึกกังวลว่าเร็นจะสามารถกกกอดร่างกายนี้ได้หรือไม่ ทว่ารสสัมผัสหลังจากนั้น... ทำให้ตัวเขาแทบหลอมละลาย แม้จะเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีกออกจากกัน แต่เขาก็เชื่อว่าเร็นพยายามอ่อนโยนและทำให้เขามีความสุขมากที่สุด

“เจ้านาย... ผมไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนพิเศษ แต่เป็นคนแรกของคุณด้วยใช่มั้ย”

ดาริลสะดุ้งเฮือก... ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ!? เขาปิดปากเงียบ แต่ถูกเด็กหนุ่มปลุกเร้ากึ่งบังคับจนทำให้ต้องยอมพูดความจริงออกไป “ใช่... อ๊า!” หลังจากตอบคนบนร่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ร่างกายราวกับถูกฉุดกระชากขึ้นไปสู่ปุยเมฆนุ่ม เขาหอบหายใจหนักๆ ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ สติหลงเหลืออยู่น้อยเต็มที ไม่นานก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม เขาได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ซึ่งดาริลเองก็ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นความฝันรึเปล่า

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ เจ้านายของผม”


เมื่อถึงเวลาที่ต้องตื่น ดาริลรู้สึกหนักไปทั้งร่าง ปวดเมื่อยไปหมดราวกับเขาเพิ่งกลับจากสนามรบมาหมาดๆ เขายันตัวลุกนั่ง โอนเอนเล็กน้อย แต่ก็พอจะประคองตัวเองได้ มือขาวยกขึ้นกุมขมับพร้อมกับนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน เขากับเร็น... "โอย..."
...เจ็บกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

พอจะลุกขึ้น คนที่ไม่เคยตื่นขึ้นมาทันเขาเลยสักครั้งในตอนเช้ากลับรั้งแขนไว้และพูดเสียงอ้อน “จะไปแล้วเหรอครับ อยู่ต่ออีกสักนิดไม่ได้เหรอ”

ดาริลยิ้มบาง ท่าทางของเร็นแบบนี้ ทำให้เขาไม่นึกเสียใจกับเรื่องเมื่อคืนเลย ความรู้สึกที่ได้ตื่นมาในอ้อมแขนของคนที่เขาหลงรักทำให้หัวใจอิ่มเอม สุขจนเหมือนตัวจะลอย “จะเช้าแล้วนะ แล้วผมก็ต้องรีบไปทำงานด้วย”

“งั้นนั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมจะช่วยใส่เสื้อผ้าให้นะครับ” เด็กหนุ่มลุกไปหยิบเสื้อผ้ามาช่วยสวมให้กับเขาอย่างอ่อนโยน ตลอดเวลานั้น เขาจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายไว้นิ่ง ใจไม่ได้นึกอยากไปทำงานสักเท่าไหร่ อยากจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของเร็นต่อไปอีกนานๆ แต่ก็ต้องจำใจไป เขาไม่น่านัดตกลงเรื่องสัญญาการซื้อขายหุ้นวันนี้เลยจริงๆ

ดาริลทำสีหน้าให้เป็นปกติ ขณะที่ก้าวเดินไปนั่งในรถที่จอดรออยู่ เขาเบือนหน้าหลบสายตาของเลขาหนุ่ม เพราะไม่ต้องการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

หากดูเหมือนว่าคาซึกิจะเข้าใจ เขาพ่นลมหายใจออกหนักๆ "...เช้านี้จะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดฯ ก่อนเหมือนเดิมใช่มั้ยครับ"

"อืม"

ทว่าร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนสั่งสมมาเป็นเวลานาน ประกอบกับประสบการณ์ครั้งแรกที่ค่อนข้างจะหนักหนาสาหัส ส่งผลให้ดาริลอ่อนแอและมีไข้ เขากัดฟันไปจัดการเรื่องหุ้นให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็แทบจะสลบไสล จนคาซึกิต้องพาเจ้านายกลับไปนอนพักที่คอนโดมิเนียมและพาแพทย์มาตรวจเช็กร่างกายให้

บนแผ่นอกสีขาวน้ำนม แขนเรียวและแผ่นหลัง ทุกจุดมีรอยจูบสีแดงช้ำเต็มไปหมด หากคาซึกิก็ไม่ได้ถามอะไร เขาจัดการเช็ดตัวให้กับเจ้านายเพื่อให้ไข้ลดลง แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ "คุณหมอฉีดยาให้แล้ว นอนพักสักหน่อยคงจะอาการดีขึ้นนะครับ"

ดาริลเม้มปาก แล้วพยักหน้า "...ขอบคุณครับ พี่คาซึกิ"

เลขาหนุ่มจับคางเรียวเงยขึ้นอย่างเบามือ ซึ่งดวงตาสีเขียวนั้นก็รีบเสหลบ ไม่กล้าสบสายตากับเขาตรงๆ “คุณดาริล... ไม่ได้ฝืนอะไรอยู่นะครับ”

ผู้เป็นนายค่อยๆ เคลื่อนสายตากลับมาหาคาซึกิ ก่อนรอยยิ้มน่ารักจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน “ไม่ครับ ผมมีความสุขดี”

“ถ้างั้นก็ดีครับ” เลขาหนุ่มยิ้มตอบ พลางพรูลมหายใจออกยาว

ชายหนุ่มหลับไปกว่าครึ่งวัน เมื่อตื่นขึ้นก็ดูจะอาการดีขึ้นมาก ใบหน้าสวยหวานดูสดใส เขารับประทานอาหารค่ำที่เลขาหนุ่มนำมาเสิร์ฟให้จนเกือบหมด

"วันนี้จะไปที่บ้านพักมั้ยครับ"

ผู้เป็นนายพยักหน้า แล้วจัดการกับยาที่เลขาจัดมาให้

คาซึกิอยากจะห้าม แต่ก็ไม่อยากขัดใจ "อย่าหักโหมนักนะครับ"

พวงแก้มนิ่มซับสีเลือด "...ครับ"

หากในคืนนั้น เร็นก็ทำให้เขาแปลกใจอีกจนได้ เด็กหนุ่มไม่ได้ดึงดันรุกเร้าร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ปฏิบัติอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม จนเขารู้สึกเหมือนกับเป็นคนที่ถูก...รัก

ร่างสูงให้ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขานี่ขี่หลังไปจนถึงชายหาด... แล้วยังรักษาคำพูดที่ว่าจะไม่มองหน้า แม้ว่าเขาจะแกล้งทำเป็นหลับ เด็กหนุ่มอุ้มเขามาถึงเตียงนอนแล้วช่วยเช็ดตัวให้ ดูเลเขาอย่างอ่อนโยนจนตัวเขาที่แกล้งหลับอ่อนไปทั้งใจ

...เร็น... อย่าทำให้เขาหลงรักมากไปกว่านี้อีกเลย ได้โปรด...

“ฝันดีนะครับ เจ้านายของผม”

ดวงตาที่ปิดสนิทร้อนผ่าว เขาพยายามอดกลั้นไม่ให้สะอื้น หัวใจเจ็บปวดเพราะรู้ว่าตัวเขา... ไม่มีวันตัดใจจากเร็นได้อีกแล้ว


เมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียมในตอนเช้าตรู่ ร่างผอมบางก็ตรงไปยังห้องเก็บของขนาดเล็ก เปิดตู้หยิบกระเป๋าหนังใบหนึ่งออกมา เขานำมันไปวางลงบนโต๊ะตัวเล็กเบื้องหน้าโซฟา แล้วบรรจงเปิดกระเป๋าใบนั้นออก ส่วนคาซึกิที่นั่งรออยู่ก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะในมือของเจ้านายนั่น คือสิ่งที่เขาไม่ได้เห็นมาเป็นเวลานานมากแล้ว มันคือไวโอลินเก่าๆ ที่เจ้านายนำติดตัวมาจากประเทศอังกฤษตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์

"คุณดาริลจะทำอะไรเหรอครับ"

ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม "ไม่ได้สีมานานแล้ว ผมอยากจะทบทวนความจำสักหน่อย"จากนั้นจึงยกไวโอลินขึ้นวางบนไหล่ แล้วจัดการปรับเสียง

คาซึกิจ้องมองเจ้านายของเขาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งเจ็บปวด สงสารและดีใจปะปนกัน ภาพในอดีตย้อนคืนกลับมาช้าๆ ชายหนุ่มที่แสนจะสง่างามตรงหน้าเขานี่ ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากมายแค่ไหนแล้วกันนะ

ครั้งแรกที่ได้พบกัน ดาริลอายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น เด็กชายพูดภาษาอังกฤษเพียงภาษาเดียว แล้วการที่ต้องมาอยู่ตามลำพังในสถานที่ที่มีแต่คนแปลกหน้า ก็คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับเด็กชายนัก

ในตอนนั้นคาซึกิรับหน้าที่เป็นเลขาให้กับนามิโกะ มารดาบุญธรรมของดาริล แล้วก็เป็นคนสอนภาษากับมารยาทในการเข้าสังคมญี่ปุ่นให้กับดาริลไปด้วย เมื่อครั้งที่นามิโกะยังมีชีวิตอยู่นั้น เขามีโอกาสได้ยินเสียงไวโอลินของดาริลหลายครั้ง ภาพเด็กชายที่กำลังสีไวโอลินได้อย่างเก่งกาจราวกับมืออาชีพนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจ

แต่แล้ว เมื่อนามิโกะจากไป เขากลับเข้าไปทำงานในสำนักงานใหญ่ของเครือบริษัทรอส หากก็ยังแวะเวียนมาหาดาริลสัปดาห์ละครั้งตามที่นามิโกะฝากฝังไว้ เพียงแค่เดือนเดียวหลังจากการจากไปของหญิงสาว ดาริลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เด็กชายกลายเป็นเด็กซึมเศร้า เขาแทบไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ไม่เคยได้ยินเสียงไวโอลินจากเด็กชายอีกเลย

วันหนึ่ง คุณตาของดาริลเรียกให้เขาเข้าไปคุยด้วยที่คฤหาสน์ตระกูลรอส คฤหาสน์ที่เป็นบ้านแบบญี่ปุ่น มีเรือนใหญ่สองเรือนคือเรือนตะวันตกและตะวันออก เชื่อมไว้ด้วยทางเดินพาดกลางสวนหิน เรือนตะวันตกเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ของอเล็กซิส ส่วนเรือนตะวันออกมีขนาดเล็กลงมา เป็นเรือนหอของนามิโกะกับสามีของเธอ อเล็กซิสต้องการให้เขารับหน้าที่พี่เลี้ยงดูแลดาริลแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนตะวันตก แต่เขายังลังเล เพราะว่าในตอนนั้นกำลังสนุกกับการทำงานชิ้นใหม่ การได้พบปะผู้คนหลากหลายในออฟฟิศ ช่วยให้ชีวิตมีสีสันขึ้น

อเล็กซิสถอนหายใจหนักๆ "ดาริลน่ะ เขาอยู่ในเรือนตะวันออกกับพ่อเขา ต่อหน้าฉันน่ะ เจ้าอัตสึชิก็ทำทีดูแลลูกชายดี แล้วฉันก็ให้เงินค่าดูแลดาริลเดือนละไม่ใช่น้อย แต่ทุกครั้งที่ได้พบกัน หลานฉันก็มีแต่รอยช้ำตามตัว เสื้อผ้าก็มีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ ฉันเป็นห่วงดาริล ถ้าหากเป็นคำสั่งของฉันให้ใครสักคนที่ไว้ใจได้มาดูแล แล้วพาดาริลมาที่เรือนตะวันตกนี่ อัตสึชิก็คงไม่กล้าขัด"

"ผม... ขอคิดดูก่อนนะครับ" หากพอถึงวันที่มาเยี่ยมดาริลอีกครั้ง คาซึกิได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นมาจากข้างในบ้าน

"ถ้าฉันได้ยินแกเล่นไอ้ไวโอลินบ้าๆ ไร้สาระนี่อีก ฉันจะหักมันให้เป็นสองท่อนคามือเดี๋ยวนี้เลย!! ยัง! ยังกล้าจ้องหน้าฉันอีกเรอะ! อยากโดนตบอีกใช่มั้ย!"

คาซึกิหัวใจร่วงวูบ เขาทิ้งถุงขนมในมือแล้ววิ่งเข้าไปยังต้นเสียง พอเปิดบานประตูเลื่อนออก ก็เห็นเด็กชายที่นั่งกอดไวโอลินอยู่กับพื้น ใบหน้าเชิดขึ้น ดวงตาสีเขียวจ้องบิดาบุญธรรมอย่างเคียดแค้น ใบหน้ามีรอยช้ำสีแดง ตามท่อนแขนมีรอยมือเขียวช้ำ เขาถลาเข้าไปบังเด็กชายทันที "คุณอัตสึชิ! ถ้าคุณแตะต้องคุณดาริลอีก ผมจะแจ้งตำรวจ!"

อัตสึชิหัวเราะหึ พร้อมกับผลักคาซึกิจนหงายหลังผลึง "แกคิดว่าตำรวจจะกล้าทำอะไรฉันเรอะ! แกลืมไปแล้วรึไงว่าพ่อฉันเป็นรองผู้บัญชาการ!" จากนั้นก็ตรงไปกระชากคอเสื้อดาริลขึ้น

"หยุดนะ!" คาซึกิลุกขึ้นแล้วคว้าข้อมือของอัตสึชิอย่างแรง แววตาของเขาฉายแววโกรธขึ้ง "ต่อไปนี้ คุณดาริลอยู่ในการดูแลของผม! ขอให้คุณกลับไปอยู่ในที่ของคุณ"

"แกมีสิทธิอะไร!"

"นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากคุณอเล็กซิส คุณจะกล้าต่อต้านมั้ยล่ะ!"

อัตสึชิชะงัก

"ผมจะพาคุณดาริลย้ายไปเรือนตะวันตก ตามคำสั่งของคุณอเล็กซิส หวังว่าคุณอัตสึชิคงไม่ขัดข้อง"

บิดาบุญธรรมกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่โต้เถียง "จะไปไหนก็ไป" แม้ใจจะเกลียดอเล็กซิสมากก็ตามที แต่ถ้าเขาขัดใจอเล็กซิส อนาคตทางด้านธุรกิจคงได้ป่นปี้ อัตสึชิจึงต้องจำใจยอม

คาซึกิอุ้มดาริลที่ตอนนั้นอายุสิบสองขวบแล้วขึ้นแนบกาย เด็กชายแม้จะโดนทำร้ายแต่ก็ไม่ร้องไห้ ใบหน้าน่ารักนิ่งเฉยราวกับตุ๊กตา เขาอุ้มดาริลตรงไปที่ห้องของเด็กชาย โอบกอดร่างเล็กไว้ทั้งน้ำตา... กลับเป็นตัวเขาที่ร้องไห้ไปซะได้

"ต่อไปนี้ ผมจะดูแลคุณดาริลเอง จะอยู่กับคุณเสมอ"

สองแขนเล็กๆ โอบกอดชายหนุ่มพร้อมกับซุกใบหน้าลงบนแผ่นอก แต่ดาริลก็ไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น และหลังจากวันนั้น เขาก็ไม่ได้ยินเสียงไวโอลินมาจากเด็กชายอีกเลย

"คุณดาริล ไม่สีไวโอลินแล้วเหรอครับ" เขาถามขณะที่สอนการบ้านให้เด็กชาย

"ไม่ล่ะครับ อัตสึชิว่าไร้สาระ ผมควรตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ เพราะจะต้องดูแลบริษัทต่อไปในอนาคต"

หัวใจเขาเจ็บหน่วง... เด็กวัยสิบสองขวบที่ควรจะได้เล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ เฉกเช่นเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน แต่กลับต้องมาแบกรับภาระ ก้มหน้ารับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแค่เพราะมีสายเลือดเดียวกันเท่านั้น

"อยากกลับไปอังกฤษมั้ยครับ"

นัยน์ตาสีมรกตเป็นกระกายวาบ "อยากสิครับ!” ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่ฉายแววเศร้าโศก “แต่..."

คาซึกิลูบเส้นผมสีทองอ่อนนุ่มอย่างสงสาร "เอาไว้โตอีกสักหน่อย คุณดาริลค่อยไปเรียนต่อที่อังกฤษสิครับ"

ดาริลส่ายหน้าไปมา "ไม่ล่ะ"

"อ้าว ไหนว่าอยากไปอังกฤษไงล่ะครับ" ชายหนุ่มหัวเราะ

"ผมอยากอยู่กับพี่คาซึกิมากกว่า"

คาซึกิชะงัก แล้วยิ้มกว้าง "ถ้าคุณดาริลจะไปที่นั่น ผมก็จะตามไปด้วย จะตามคุณดาริลไปทุกหนทุกแห่งเลยครับ"


(มีต่อนะคะ)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 19: ในความมืด (ดาริล)][P.15][150615]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-06-2015 20:22:21



เสียงไวโอลินแปร่งๆ เรียกเลขาหนุ่มให้กลับคืนสู่ปัจจุบันอีกครั้ง เบื้องหน้าของเขาคือเด็กชายในอดีตที่เติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความรักของบิดามารดา โชคดีเหลือเกินที่ดาริลยังมีหัวใจมีความรู้สึกเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป เขาหัวเราะเบาๆ "คุณดาริลครับ เสียงเพี้ยนมากเลยล่ะครับ"

"โธ่ พี่คาซึกิ ก็ผมไม่ได้สีไวโอลินนี่มานานมากแล้ว"

"แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะสีขึ้นมาล่ะครับ"

ดาริลเบือนหน้าหลบแล้วพึมพำ "...ก็แค่อยากสีน่ะครับ ไม่ได้สีมานานแล้ว" เขาปรับเสียงอยู่อีกสักพัก จนคิดว่าใช้ได้ ชายหนุ่มเอียงคอไปมา พยายามนึกถึงตัวโน้ตในความทรงจำอันรางเลือน "อืม..."

คาซึกิยิ้ม เอื้อมไปหยิบแท็บเล็ตมาเปิดหาโน้ตเพลง แล้วส่งให้เจ้านาย "ลองดูมั้ยครับ ผมเคยได้ยินคุณดาริลเล่นเพลงนี้อยู่บ่อยๆ"

"ขอบคุณครับ" เมื่อได้มองตัวโน้ตแล้วบรรเลงเพลงไปสักพัก ทุกอย่างก็ดูจะกลับเข้าที่ ดาริลจึงเริ่มค้นหาเนื้อเพลงอื่นๆ บ้าง

"อืมมม... คุณดาริล วันนี้คุณมีประชุมตอนสิบเอ็ดโมง ยังไงไปฝึกต่อที่ออฟฟิศดีมั้ยครับ"

"อ๋าาา! จริงด้วยสิ! ผมต้องไปทำงานนี่นา!" ดาริลเบิกตาโพลง "ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย!"

ท่าทีของเจ้านายทำให้เลขาหนุ่มต้องกลั้นหัวเราะ นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้านายทำตัวสมวัยแบบนี้ ตลอดเวลาชายหนุ่มติดอยู่กับคำว่าเพอร์เฝ็กต์ซะจนราวกับเป็นหุ่นยนต์ คาซึกิคงรอยยิ้มอยู่เช่นนั้น หัวใจของเขามีความสุข... ดาริลเองก็คงจะมีความสุขมากเช่นกัน จนเขานึกอยากให้เจ้านายเป็นเช่นนี้ตลอดไป

คาซึกิเอื้อมมือไปหยิบแท็บเล็ตกลับมาดู ก็พบว่าเนื้อเพลงที่เจ้านายกดบันทึกไว้ มีแต่เพลงรักทั้งสิ้น เลขาหนุ่มขมวดคิ้ว ลึกลงไปชักนึกเป็นกังวล... ถ้าหากเป็นตัวเขา เขาคงไม่ขัดใจดาริล อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น แต่เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าดาริลมีคู่หมั้น และจากการพูดจาของคุณตาของดาริลนั้น ดูท่างานแต่งงานคงจะมีขึ้นในไม่ช้า เลขาหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ...เขาก็ได้แต่หวังว่า สิ่งที่ดาริลพยายามทำอยู่ จะประสบความสำเร็จในเร็ววัน

ช่วงเวลาว่างยามบ่ายในออฟฟิศ ดาริลขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึกเพื่อฝึกบรรเลงไวโอลินในเพลงที่ต้องการ เนื่องจากเวลามีไม่มาก เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อม นัยน์ตาจ้องดูตัวโน้ตแล้วพยายามจดจำให้ได้มากที่สุด โดยมีเลขาหนุ่มนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ

"พี่คาซึกิไม่ต้องมาเฝ้าผมก็ได้นะครับ"

"ไม่เป็นไรครับ งานส่วนของผมวันนี้เสร็จแล้ว" คาซึกิยิ้มรับ แต่ที่จริง เขาอยากรู้มากกว่าว่าเจ้านายเลือกฝึกเพลงอะไร ซึ่งจากที่ฟังดูก็เรียกว่าหลากหลาย เจ้านายคงจะกลัวว่าเขาจะจับความรู้สึกได้

"วันนี้ผมจะไปที่บ้านพักเร็วสักหน่อย"

...เป็นอย่างที่เลขาหนุ่มคาดเดาไว้ เจ้านายตั้งใจฝึกไวโอลินนี่เพื่อที่จะไปสีให้เร็นฟัง "ถ้างั้นผมจะโทรไปบอกคุณแม่บ้านไว้ให้นะครับ"


รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้าไปจอดที่ด้านหน้าบ้านพักในตอนหัวค่ำ สีหน้าของดาริลบ่งบอกถึงความสุขอย่างไม่ปิดบัง คาซึกิจึงปิดปากเงียบ เขาเอ่ยลาแล้วนั่งรถกลับไปยังที่พักของตนเฉกเช่นทุกวัน

ดาริลถือกระเป๋าใส่ไวโอลินเดินตรงไปยังศาลากลางสวน เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นเร็นนั่งรออยู่ที่นั่น ใจนึกอยากให้เป็นแบบนี้ทุกวัน อยากกลับมาบ้านหลังจากเลิกงานแล้วมีคนรักรออยู่

เร็นทำให้ชายหนุ่มแปลกใจอีกครั้ง กับช่อดอกกุหลาบสีแดงในมือ

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “...เอาดอกไม้มาจากไหนกันน่ะ”

“ผมฝากคุณแม่บ้านซื้อมาครับ... แต่ผมเป็นคนเลือกดอกไม้เองนะครับ!”

“กุหลาบสีแดงนี่น่ะเหรอ” ดาริลหัวใจเต้นแรง เขาหลุดปากถามคำถามออกไป “...ทำไมถึงเลือกกุหลาบสีแดงล่ะ”

“ผมเดาเอาว่าเจ้านายคงจะเหมาะกับสีแดง...”

ร่างผอมบางชะงัก นึกโกรธตัวเองที่ถาม ที่แอบมีความหวัง เขาผ่อนลมหายใจออกยาว “งั้นเหรอ” ...ก็นั่นสินะ จะมีความหมายอะไรแฝงล่ะ พอมาถึงตอนนี้ ดาริลก็อดนึกย้อนไปสงสัยการกระทำทุกอย่างก่อนหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้

“ช่างเถอะ” คิดไปก็รังแต่จะทำให้เสียใจและผิดหวังเท่านั้น ชายหนุ่มลังเล หากในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดกระเป๋าใส่ไวโอลินออก... เพราะคิดว่ายังไงก็ตั้งใจจะมาสีไวโอลินให้เร็นฟังอยู่แล้ว

เสียงเพลงไพเราะดังกังวาน ดาริลบรรเลงไปพลางยิ้มบาง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งฟังอย่างตั้งใจ พอเล่นจบเพลงแรก อีกฝ่ายก็ชวนคุย พร้อมถามคำถาม

"...ทำไมจู่ๆ”

ดาริลเบือนหน้าหนี จะให้ตอบว่าเพราะอยากสีไวโอลินให้ฟัง อยากบอกความรู้สึกผ่านทางเสียงเพลงงั้นเหรอ ไม่มีทางซะล่ะ “...ก็ไม่ได้เล่นนานแล้ว แต่จู่ๆ นึกอยากเล่นขึ้นมา”

“...เจ้านายอยากเล่นให้ผมฟังใช่มั้ยครับ...”

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ยังไม่ทันปฏิเสธ เร็นก็คว้ามือเขาไปแนบแผ่นอก ซึ่งภายใต้ฝ่ามือขาวนั้นหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นเป็นจังหวะรัวแรง

“...เจ้านายรู้สึกมั้ยครับ... ช่วยยืนยันกับผมที ว่าผมเข้าใจถูกต้องแล้ว”

ดาริลดึงมือกลับ ตอนแรกก็ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร แล้วจู่ๆ ก็ทำเหมือนว่ามีใจให้ จะให้เขาคิดยังไงกัน ทำให้เขาสับสนไปหมดแล้ว นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าใจ

...อย่าทำให้มีความหวังถ้าไม่ได้คิดอะไร

ร่างผอมบางบรรเลงเพลงต่อไปเรื่อยๆ เขาทอดสายตาออกไปภายในสวนที่มืดมิด พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าของยามราตรีซึ่งมีเพียงก้อนเมฆหนาตา เมื่อบรรเลงจนจบเพลงแล้วก็เลยไปถอดผ้าปิดตาของเด็กหนุ่มออกให้ แล้วค่อยเริ่มเพลงใหม่

เร็นนั่งฟังบทเพลงและคำพูดของดาริลอย่างตั้งใจ แล้วดึงเขาเข้าไปสวมกอดพร้อมกับถามซ้ำ “เจ้านาย... คุณตั้งใจจะมาสีไวโอลินนี่ให้ผมฟังใช่มั้ยครับ” เสียงที่ฟังดูออดอ้อนแบบนั้น ถ้าดาริลไม่ใจอ่อนก็คงจะเรียกว่าไร้หัวใจไปแล้ว

“ก็รู้อยู่แล้วนี่” ผู้เป็นนายตอบไปเสียงอ่อย “...แค่ไวโอลินธรรมดาๆ เท่านั้นเอง...”

ร่างสูงยังคงพูดคำหวานต่อไปเรื่อย “เป็นไวโอลินที่วิเศษมากต่างหากล่ะครับ... เพราะมันทำให้เจ้านายมีความสุข... ผมชักจะอิจฉาไวโอลินนี่ซะแล้วสิ” 

คำพูดนั้นส่งผลให้ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ “...ช่างพูดซะจริง” แล้วอมยิ้ม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เร็นใช้ปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากของเขา ดาริลจับจ้องคนตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เขาจูบปลายนิ้วนั้นเบาๆ “...ไม่จำเป็นต้องอิจฉาอะไร... ไวโอลินนี่ ผมไม่คิดว่าจะเล่นให้ใครฟังอีกแล้ว”

“เจ้านายกำลังจะบอกว่า เจ้านายจะสีไวโอลินนี่ให้ผมฟังคนเดียวเท่านั้นใช่มั้ยครับ”

...รู้ก็ดีแล้ว

แววตากลมใสสั่นระริก พลางทอดถอนใจ ก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงที่ตั้งใจจะมอบให้กับเด็กหนุ่ม “Salut d'amour... เพลงนี้ ผมเล่นให้กับคุณโดยเฉพาะ”

...เขาคงไม่มีโอกาสได้พูดความในใจออกไป บางทีสักวัน เร็นอาจจะเข้าใจ

"...ผมขอฟังเพลงสุดท้ายที่คุณเล่นอีกสักครั้งได้มั้ย”

“ชอบเหรอ”

“ชอบครับ ฟังแล้วหัวใจเต้นตึกตักเลย... เพลงที่เจ้านายเลือกให้ผม”

...หัวใจหวั่นไหวและเจ็บแปลบ ดาริลไม่อาจห้ามตนเองได้ เขาขยับเข้าไปแต้มจูบเรียวปากอุ่นๆ ที่ช่างพูดจาเอาอกเอาใจซะเหลือเกิน

ท้ายที่สุดแล้ว ร่างผอมบางก็ไม่อาจปฏิเสธสัมผัสของเร็นได้ ก็ในเมื่อหลงรักซะจนหมดหัวใจแบบนี้ ผิวกายที่แนบชิดกัน ร่างกายที่สอดประสาน อ้อมแขนที่เหมือนกับว่าจะทำให้เขาหลอมละลาย ดาริลไม่อาจปฏิเสธว่าตนเองต้องการเร็นมากแค่ไหน

“ผมรู้สึกดีมากเลย... ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน...”

“ปากหวานจริง” ...พอสักที เขากำลังจะคิดเข้าข้างตัวเองแล้วนะ

“ผมพูดจริงๆ นะครับ... เจ้านาย... ผม...”

ริมฝีปากสีแดงสดเผยอหอบหายใจ ดาริลรีบปิดปากของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้พูดคำหวานอะไรออกมาอีก เพราะหัวใจของเขารับไม่ไหวแล้ว “เร็น... เรากลับเข้าไปต่อข้างในกันดีกว่านะ อุ้มผมไปหน่อยได้มั้ย”

“ทุกอย่างที่เจ้านายต้องการครับ”


TBC~*



ดาริลช่างน่าสงสาร  :hao5: คาซึกิก็ช่างเป็นคนดี หงุงงง~

เนื้อเรื่องอาจจะเครียดๆ ไปนิด แต่รับรองว่าคู่นี้เขาแฮปปี้เอนดิ้งแน่ๆ ค่า แฮ่ๆๆ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 23-06-2015 20:48:01
แงงงง อยากให้ดาริลได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างต้องการซะที
อ่านแล้วเศร้าเลย เป็นกำลังใจให้นะะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-06-2015 20:50:13
ดาริล น่าสงสารอ่าา จริงนะ ชีวิตวัยเด็กนี่ หดหู่มากก ขอให้มีความสุขเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-06-2015 22:00:13
 :เฮ้อ: สงสารดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2015 22:23:04
ความเศร้ายังไม่หมดไปง่ายๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-06-2015 00:30:18
ดาริลสู้ต่อไป มีพี่ชายเเสนดีขนาดนี้ โชคดีมากกๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 24-06-2015 08:02:19
อย่างอนกันนานนม ดีกันไวไว ลุ้นๆๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 24-06-2015 08:46:12
ช่วงนี้ดราม่าตลอดเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: nalavanh ที่ 24-06-2015 09:53:27
 :impress2: :impress2: สนุกมากฮะ  อ่านแล้วเขีน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 24-06-2015 10:46:50
สู้ๆๆ นะดาริล พยายามมาขนาดนี้  :mew6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-06-2015 13:05:56
สู้ๆ นะค้าา..ดาริล :กอด1: หนูต้องข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้แน่นอน ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-06-2015 15:00:44
ขอบคุณพี่คาซึกิที่ดูแลดาริลมาเป็นอย่างดี
ทุกคนหวังให้ดาริลมีความสุขกันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 27-06-2015 23:12:24
พี่คาซึกิขา เอารองเท้าฟองน้ำตรบพ่อเลี้ยงเบยข่าาาา  :katai4: แง่มมมมม โกรธธธ
ขอความสุขให้มาอยู่กับเจ้านายเร็วๆ TT แงงงง เอานุ้งเร็นมาใส่พานให้ดาริลเบยน้าาาาาาา  :z13:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-06-2015 22:56:57
ดาริลของช้านนนนนนน

มาม๊ะ มาให้กอดปลอบใจสักที

อยากย้อนเวลาไปกระโดดเข่าคู่ใส่อิพ่อ! เลว!

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 30-06-2015 01:52:16
ตอนเด็กๆดาริลน่าสงสารมากเลย เกลียดพ่อเลี้ยง  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-07-2015 08:28:40
ดาริลน่าสงสารมาก มามีความสุขตอนได้อยู่กับเร็นนี่แหละ เวลาอยู่กับคนที่ชอบแค่เข่ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้ก็มีความสุขมากแล้ว เร็นก็ช่างอ้อนจริงๆ พี่คาซึกิใจดีจัง งี้ดดด

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 01-07-2015 20:00:58


Chapter 21 : เมฆหมอกจางหาย


"ดาริล ฮือ..." เสียงสั่นเครือดังมาจากปลายสายทันทีที่มือขาวยกโทรศัพท์ขึ้นรับ

"คาโอรุ เกิดอะไรขึ้น!"

ดาริลอยู่ในระหว่างการประชุมที่บริษัท ปกติแล้วเขาคงไม่รับสายจากใครในเวลานี้ แต่เพราะเป็นคาโอรุ หญิงสาวรู้ตารางงานและปกติก็จะไม่โทรมาหากไม่มีธุระสำคัญ เขาจึงกล่าวขอตัวกับผู้เข้าร่วมประชุมแล้วออกไปรับสายทางด้านนอก

"มีอะไรเหรอ ไปรอฉันที่คอนโดฯ ก่อน"

"ฉันขับรถอยู่ จะไปรอที่บ้านพักนายนะ ตอนนี้ไม่อยากเจอใคร อยากอยู่เงียบๆ ทะเลคงทำให้ฉันสงบลงได้บ้าง" เธอพูดรัวๆ แล้ววางสายไป

"เดี๋ยว!"

"คุณดาริลครับ มีอะไรรึเปล่า ทางฝ่ายผู้จัดการการเงินเร่งขอให้คุณตรวจสอบและลงลายเซ็นด่วนครับ พวกเขาจะต้องติดต่อลูกค้ากลับไปก่อนหมดเวลางาน" คาซึกิถามพลางหันไปปิดประตูห้องประชุม "แล้วก็มีเมลมาจากเลขาท่านประธาน ท่านสั่งให้คุณดาริลกลับไปพบท่านทันทีที่การประชุมจบลงครับ"

"มีอะไรน่ะ" ยังไม่ทันได้รับคำตอบ บานประตูห้องประชุมก็เปิดออกอีกครั้ง ตามมาด้วยพนักงานอีกคน

“คุณดาริลครับ ขอปรึกษาเพิ่มเรื่องการซื้อขาย...”

ดาริลไม่รู้ว่าควรจะแยกร่างไปทำสิ่งไหนก่อน แต่ก็เลือกที่จะกลับเข้าไปจัดการกับเอกสารในที่ประชุม หลังการประชุมเสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มก็ตรงไปหาคุณตา ซึ่งลางสังหรณ์บอกเขาว่า นี่คงจะเป็นเรื่องข่าวร้ายที่ทำให้คาโอรุต้องร้องไห้ เขาก็ได้แต่หวังว่าคุณตาจะไม่กำหนดให้มันเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

"ดาริล มานั่งกับตาสิหลาน" อเล็กซิสยิ้มกว้าง พร้อมกับกวักมือเรียกให้หลานชายไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กัน จากนั้นก็ชี้ไปที่กล่องไม้ขนาดกะทัดรัดบนโต๊ะกระจกตรงหน้า "ของขวัญจากตา เปิดดูสิ"

ดูจากขนาดกล่องแล้ว ดาริลก็พอจะคาดเดาได้ว่าข้างในนั้นเป็นอะไร หัวใจของเขาสั่นรัวแบบแปลกๆ พอเปิดดูก็รู้สึกว่าปลายนิ้วที่ถือกล่องนั้นอยู่เย็นเฉียบ "แหวน"

"งานแต่งงานของเรากับหนูคาโอรุน่ะ จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเรื่องการ์ดเชิญน่ะ ตากับทางบ้านของคาโอรุส่งไปเชิญญาติพี่น้องหมดแล้ว"

"คุณตา!" ดาริลเบิกตาโพลง... อีกสามเดือน คงไม่ทันให้เขาหาเหตุผลใดๆ มาปฏิเสธได้แน่ "ทำไมไม่ปรึกษาผมก่อน!"

"ทำไมต้องปรึกษา เราก็หมั้นกับคาโอรุมานานแล้ว จะปล่อยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนถามถึงงานแต่งงานเองรึไงกัน!" คุณตาตอบเสียงขรึม

"แต่ผม..."

"ไม่มีแต่! ตาแก่มากแล้วนะ จะไม่ให้ได้เห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนตายรึไงกัน!" อเล็กซิสเอื้อมไปหยิบแผ่นกระดาษมาส่งให้กับดาริลดู "หลังจากแต่งงานแล้วสักปี ตาจะยกหุ้นครึ่งหนึ่งของตาให้เรา แล้วก็จะได้มาทำหน้าที่บริหารแทนตาซะที"

ดาริลชะงัก ในตอนนี้เขามีหุ้นอยู่ในมือแล้วสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และกำลังกว้านซื้อในตลาดหุ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ นอกจากคาโอรุกับ

ไดอิจิ เมื่อเขาแต่งงานแล้วได้รับหุ้นจากคุณตา เขาก็จะมีหุ้นในมือถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีอำนาจในการตัดสินใจมากที่สุด

...แต่การแต่งงาน

ใบหน้าหล่อเหลาของเร็นผุดขึ้นมาในความคิด กับคนที่รักคงไม่มีวันเป็นจริงอยู่แล้ว แม้แค่ได้เป็นคนรักยังไม่มีโอกาสเลย

"งานแต่งงานของเราน่ะ ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีมากมายก็จะมาด้วยนะ พวกนั้นเขาตอบรับมาทางโทรศัพท์กันหมดแล้ว ตาสั่งให้จัดงานเลี้ยงให้ยิ่งใหญ่สมกับตระกูลรอสของเราเลยทีเดียว"

ดาริลพูดไม่ออก เขาได้แต่อ้ำอึ้ง แล้วนี่ เขายังไม่ได้โทรไปคุยกับคาโอรุเลย เธอไปที่บ้านพักของเขาหรือเปล่า ได้พบกับเร็นไหมเนี่ย!

"เดี๋ยววันนี้ตาจะไปพบท่านนายกฯ ถึงจะเกริ่นกันไว้แล้วแต่ก็ต้องเอาการ์ดเชิญไปให้อีกที เราต้องไปกับตาด้วย"

ริมฝีปากอวบอิ่มเม้นแน่น พลางค้อมศีรษะลง "ครับ"


พอก้าวออกจากห้องทำงานของคุณตา ชายหนุ่มก็รีบโทรไปหาหญิงสาวทันที "คาโอรุ!"

"ดาริล... ฉันขอโทษนะ แต่ฉันพบเขาแล้วล่ะ"

หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ "พบ..."

"คิมุระ เร็น"

ดาริลทรุดลงนั่งบนโซฟา "เขารู้รึเปล่าว่านายเป็นใคร"

"ไม่รู้ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่านายเป็นใครด้วยเหมือนกัน ไม่ต้องห่วง"

ศีรษะเล็กส่ายไปมาอย่างอ่อนใจ พลางพรูลมหายใจออกยาว "ฉันรู้แล้วนะ เรื่องแต่งงาน"

"ดาริล เรื่องนั้น..."

"เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน"

"เอาไว้ก่อนนะ ฉันกำลังจะเดินทางไปอังกฤษ อีกสองวันจะกลับ"

"หา! ทำไมกะทันหันแบบนี้"

"ฉันจำเป็น ดาริล ฉันต้องบอกไดอิจิด้วยตัวเอง"

"เรื่องแต่งงานนี่น่ะเหรอ"

"ไม่ใช่... คือว่า...” เสียงของเธอสั่นเครือ “ดาริล... ฉันท้อง"

"ฮะ!?" ดาริลอ้าปากค้าง คาโอรุท้อง! ถ้าอย่างนั้น... แผนการทั้งหมดที่วางไว้ล่ะ แล้วเรื่องการแต่งงาน!

"ดาริล ฉันขอโทษนะ"

"...ทำใจให้สบายเถอะ เดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยคุยกัน" เขาตอบกลับไปเสียงเบาหวิว ปัญหาทุกด้านที่ประโคมเข้ามา ส่งผลให้สับสนจนจับทิศทางไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นแก้ปัญหาที่จุดไหนก่อนดี


กว่าจะเสร็จธุระทั้งหมดก็ปาเข้าไปดึกดื่น ดาริลนิ่งเงียบ ครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น หัวใจรุ่มร้อนจนถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลายครั้งโดยไม่รู้ตัว  ส่วนเลขาของเขาก็ลอบพิจารณาท่าทีของเจ้านายไปในเวลาเดียวกัน

ในเวลาเช่นนี้ เขานึกถึงแต่อ้อมแขนของเร็น ความสุขเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขาลืมเรื่องวุ่นวายทั้งหลายไปได้

"คุณดาริล มีอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย"

ดาริลส่ายหน้าช้าๆ "ไม่มีอะไรครับ แค่เครียดเรื่องงานนิดหน่อย" เขาเอนหลังพิงพนักเบาะ ปิดตาลงและพยายามสงบสติอารมณ์

เสียงเม็ดฝนตกกระทบตัวรถดังลั่นเรียกให้ดวงตาสีมรกตลืมขึ้น... หรือท้องฟ้าจะเข้าใจความรู้สึกของเขา ที่กำลังร้องไห้อยู่ภายใน
ชายหนุ่มนึกอิจฉาคาโอรุ เธอกำลังตั้งครรภ์บุตรกับคนที่เธอรัก ส่วนตัวเขา... มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ตนเองเป็นใครยังไม่สามารถบอกให้คนที่แอบรักรู้ได้เลย เขาเบื่อเต็มทีกับการที่ถูกชักใยให้ทำนั่นทำนี่ราวกับหุ่นเชิด ต้องสวมหน้ากากเป็นผู้สืบทอดตระกูลที่แสนจะพรั่งพร้อมแบบนี้

ถ้าไหนๆ ก็จะต้องแต่งงานในอีกไม่ช้าแล้ว เขาควรจะใช้เวลาช่วงนี้กอบโกยความสุขให้ได้มากที่สุด

เมื่อไปถึงบ้านพัก ดาริลถลาลงจากรถไปโดยไม่เอ่ยคำลาใดๆ เขาวิ่งตรงไปยังห้องนอนแล้วผลักร่างสูงลงกับเตียง ในเวลานี้อยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง อยากจะร่วมรักกับคนที่รักจนหมดใจ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีความสุขได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามที
ผิวกายเปลือยเปล่าที่แนบชิดกัน ไออุ่นของร่างสูงทำให้ตัวเขาสั่นสะท้าน ต้องการอีกฝ่ายจนไม่อาจยับยั้งใจได้

"ไม่เจ็บเหรอครับ ผมยังไม่ได้ใส่ถุงยางเลย” เสียงกระเส่าบ่งบอกชัดเจนถึงอารมณ์ของเด็กหนุ่ม

หากในเวลานั้น สติสตังกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว ความสุขจากรสสัมผัสทำให้ดาริลไม่สนใจอะไรอีก “อา... อา... ช่างเถอะ อื้มมม... รู้สึกดีจัง เร็น” เวลานี้เท่านั้นที่เขาเป็นคนพิเศษ เขาต้องการทุกสิ่งทุกอย่างของเร็น “ปล่อยออกมาข้างในตัวผม... นะ” การที่ได้รู้สึกถึงของเหลวอุ่นวาบฉีดพ่นเข้ามาลึกซึ้งในกาย ทำให้สุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้

“กอดผมแน่นๆ หน่อยสิ”

ความอ่อนโยนของเร็นส่งผลให้ดาริลที่ในตอนนี้กำลังหวั่นไหวเล่าเรื่องส่วนตัวให้เด็กหนุ่มฟัง สัมผัสรุ่มร้อนและอ้อมแขนแข็งแรงทำให้ร่างผอมบางร้อนราวกับมีเปลวไฟโลมเลีย สมองขาวโพลน เขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง สองแขนเรียวกอดรัดร่างสูง ริมฝีปากเผยอครวญครางอย่างปล่อยตัวปล่อยใจ

...รัก... ผมรักคุณนะ เร็น

ในตอนเช้าของอีกวัน เมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียมแล้ว ดาริลได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากอังกฤษ เขาจึงสั่งให้เลขารออยู่ทางด้านนอก แล้วเข้าไปคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในห้องนอนของตน

ภาพของคาโอรุและไดอิจิที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอดูไม่ค่อยสดใสนัก พวกเขาต่างก็กลุ้มใจกับเรื่องของการแต่งงานและการตั้งครรภ์ของเธอ เพราะถ้าหากเรื่องการตั้งครรภ์นี่หลุดออกไป ทางผู้ใหญ่คงคิดว่าเด็กในท้องเป็นบุตรของดาริล การแต่งงานคงจะถูกจัดเร็วขึ้นอีก แต่อย่างไรก็ตาม อีกไม่กี่เดือน ครรภ์ของหญิงสาวก็จะโตขึ้นจนไม่อาจปิดบังได้เช่นกัน

ทว่านั่นยังไม่สำคัญเท่าหลังจากนั้น ถ้าเด็กที่เกิดมาไม่มีส่วนเหมือนกับดาริลเลยแม้แต่น้อย

“ฉัน... ฉันรู้ว่าเป็นเวลาสำคัญ แต่ฉันก็อยากจะเก็บลูกไว้” คาโอรุพูดเสียงสั่น

“เขาเป็นตัวแทนความรักของพวกคุณ อย่าคิดมากเลย เราต้องมีวิธีแน่” ดาริลถอนหายใจ “ก่อนอื่น เราคงต้องจัดการกับเรื่องงานแต่งงาน จะทำยังไง...”

“ก็แต่งสิครับ” เสียงนั้น... ไม่ใช่เสียงของใครในสามคน แต่เป็นเสียงของคนที่ถือวิสาสะเปิดประตูห้องออก

“ฮะ!? พี่คาซึกิ!”

เลขาหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสามคนได้ตกใจไปมากกว่านี้ เขาพูดออกไปทันที “พวกคุณควรพลิกปัญหานี้ให้เป็นโอกาส แต่งงานได้ก็หย่าได้ ถ้าคุณดาริลกับคุณคาโอรุแต่งงานกัน ความตึงเครียดของคุณอเล็กซิสกับทางบ้านของคุณคาโอรุก็จะลดลง แรงบีบคั้นคุณอัตสึชิก็จะเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะรอดูทิศทางของทั้งสองเครือบริษัทก่อนจะตัดสินใจลงทุน ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีจะตายไป”

ดาริลประสานสายตากับคาซึกินิ่ง “...แต่ว่า คาโอรุกำลัง... ท้อง”

“แล้วยังไงล่ะครับ การตั้งครรภ์ของคุณคาโอรุถือเป็นเรื่องดี คุณอเล็กซิสจะได้ตายใจ รีบยกหุ้นและตำแหน่งให้กับคุณดาริลด้วยความยินดี... เมื่อทุกอย่างลงตัว อำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือของคุณดาริลเรียบร้อยแล้ว จะทำอะไรก็ง่าย จะกดดันหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทฟูจิฮาระ หรือจะซื้อหุ้นส่วนของคุณคาโอรุในบริษัทฟูจิฮาระมาก็ยังได้ คุณอเล็กซิสและคุณอัตสึชิก็จะไม่สามารถบีบคั้นอะไรคุณดาริลได้อีก พอทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยสร้างเรื่องหย่าร้าง คุณดาริลก็จะได้มีข้ออ้างเพื่อป้องกันข่าวเสียหายด้วยว่า ไม่ต้องการแต่งงานอีกครั้งเพราะความทรงจำที่ฝังใจในอดีต คราวนี้คุณดาริลจะได้มีคนรักที่คุณรักจริงๆ ได้ ส่วนคุณคาโอรุ ก็จะได้สร้างครอบครัวใหม่กับคนที่คุณรัก”

แผนการของคาซึกิช่างชาญฉลาดอย่างที่ดาริลคาดไม่ถึง คนที่รักงั้นหรือ เขานึกถึงเร็นขึ้นมาทันที

“จริงด้วยสินะ” ไดอิจิที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น “ผมเห็นด้วยกับคุณคาซึกินะครับ”

“ถ้าแต่งงาน หุ้นของฟูจิฮาระจำนวนหนึ่งในสามของทั้งหมดก็จะเป็นของฉัน คุณพ่อคุณแม่บอกไว้แบบนั้น ถ้าฉันขายหุ้นให้กับสามี ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใครก็คงไม่กล้าคัดค้าน” คาโอรุทบทวนคำพูดของคาซึกิ “...ฉันอยากจะหลุดพ้นจากตำแหน่งผู้สืบทอดนี่เหลือเกินแล้วล่ะ ดาริล ฉันอยากจะมีครอบครัว อยู่อย่างมีความสุข ทำงานที่อยากทำ”

คาซึกิค้อมศีรษะลง “ขอโทษด้วยนะครับ ที่ผลุนผลันเข้ามาแบบนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณคาซึกิ” คาโอรุตอบผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจากแดนไกล

เมื่อวางสายไป ดาริลก็หันมาจ้องเลขาหนุ่มเขม็ง "พี่คาซึกิ ทำไมถึงรู้...”

เลขาหนุ่มเบือนหน้าหนี "ผมดูแลคุณดาริลมากี่ปีแล้วครับ อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมจะไม่รู้ว่าเจ้านายของผมทำอะไรอยู่ และคุณคาโอรุมีคนรักที่พบกันมาตั้งแต่ไฮสคูล แล้วกำลังเรียนด็อกเตอร์อยู่ที่อังกฤษ"

นัยน์ตาสีอ่อนเบิกโพลง ริมฝีปากสีแดงสดเผยอค้าง

"ในฐานะผู้ดูแลอย่างผม การที่ได้เห็นคุณดาริลพยายามทุกวิถีทาง ทั้งการเพียรพยายามก่อตั้งบริษัท และบริหารร่วมกันกับคุณคาโอรุ แล้วยังสามารถซื้อหาหุ้นจำนวนสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของเครือบริษัทรอสมาครอบครองได้ด้วยตัวเอง ทำให้ผมภูมิใจมาก แต่ว่า... ผมก็น้อยใจนะครับ ที่คุณดาริลไม่ไว้ใจผม"

"ไม่ใช่... ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ" ร่างผอมบางหลุบตาลงต่ำ "พี่คาซึกิไม่ใช่แค่ผู้ดูแล แต่เป็นเหมือนทั้งพี่ชายแล้วก็พ่อ ผมไม่ต้องการให้พี่คาซึกิต้องโดนดุไปด้วยกับเรื่องที่ผมกับคาโอรุตัดสินใจทำ พี่ตั้งใจทำงานเพื่อคุณตามาตลอด ผมไม่อยากให้พี่ทรยศคุณตาเพราะผม"

คาซึกิหันไปประสานสายตากับเจ้านาย "เจ้านายของผมมีเพียงคุณดาริลเท่านั้น ผมเคยทำผิดร้ายแรงต่อคุณเพื่อคุณอเล็กซิสมาแล้ว ความผิดในตอนนั้น... ผมขอโทษ" เขาค้อมศีรษะลงต่ำ

ดาริลถลาเข้าไปสวมกอดเลขาหนุ่ม "ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน"

เลขาหนุ่มลูบแผ่นหลังบางอย่างอ่อนโยน "เรื่องจัดการบีบคุณอัตสึชิให้เทขายหุ้น ผมจะช่วยคุณดาริลเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ”

คืนนั้น ดาริลเดินทางไปที่บ้านพักริมหาดอย่างอารมณ์ดี แผนการใหม่ที่คาซึกิช่วยวางแผนให้ ประกอบกับท่าทีของเร็นทำให้เขามีความหวัง บางที เขาอาจจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตกับคนที่รักอย่างคนอื่นเขา หัวใจดวงน้อยพองโตเต้นแรง ใจจดจ่ออยู่กับความสุขและความฝันที่ยังมาไม่ถึง

การพูดจาด้วยคำหวาน อ้อมแขนที่โอบกอด ทำให้ดาริลอยากจะเชื่อว่าตนเองเป็นคนพิเศษของเร็นบ้างสักเล็กน้อย แล้วก็คิดว่าเด็กหนุ่มอาจจะเป็นคนที่เขาไว้วางใจ ฝากหัวใจไว้ในกำมือได้ เขาอยากจะเชื่อแบบนั้น

"ก็คิดถึงนี่ครับ ถ้าวันไหนเจ้านายไม่มา ไม่ได้พบคุณ ผมคงแทบขาดใจ"

“เจ้านาย... ไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อมั้ย แต่หัวใจผมมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณ เวลาที่คิดถึงคุณ”

สัมผัสอันอบอุ่นและอ่อนโยน ส่งผลให้ดาริลเผลอไผลและคล้อยตามคำพูดของเด็กหนุ่ม

“ผม... คงจะหลงรักคุณเข้าซะแล้ว”

วินาทีนั้นราวกับทั้งโลกหยุดหมุน รู้สึกเหมือนหูอื้อและดวงตาพร่ามัว... จะเป็นไปได้ยังไงกัน

“ฮะ... ฮ่าๆ รักเหรอ คุณจะมารักผมได้ยังไงกัน ผมเป็นใคร หน้าตาผมเป็นยังไงคุณยังไม่รู้เลย”

“เจ้านาย... ทำไมคุณไม่เชื่อคำพูดของผม ผมเป็นคนพิเศษของคุณไม่ใช่เหรอครับ”

เสียงทุ้มที่กระซิบคำหวานช่างน่าฟัง คำพูดเช่นนั้นประกอบกับการเอาอกเอาใจ ส่งผลให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหว ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลังและปล่อยตัวปล่อยใจไปความสุขมากมายที่ทำให้ร่างกายราวกับล่องลอยไปบนปุยเมฆ
 
ถ้าเขาตอบเร็นไปว่า เขาก็รักเด็กหนุ่มเช่นกัน รักมานานเหลือเกินแล้ว เร็นจะคิดยังไง จะหัวเราะเยาะเขาหรือเปล่า

ไว้พอตื่นขึ้นมา เขาจะลองพูดดูดีไหมนะ ยังไงแกล้งทำเป็นว่าพูดเล่นก็คงได้ แต่อย่างน้อยก็ได้บอกออกไป แล้วถ้าหากหัวใจของพวกเขาตรงกัน เขาคงจะไว้ใจบอกความจริงว่าตัวเขาเป็นใครให้เร็นรับรู้ได้ บางที... หลังจากหมดสัญญาไป พวกเขาก็จะยังแอบนัดพบกันได้อีก ระหว่างรอเวลาที่เหมาะสม

เรียวปากร้อนที่ประทับลงมาบนผิวกาย ร่างกายกำยำที่บดเบียด ท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดตัวเขาไว้แนบแน่น บางที เขาอาจจะเชื่อมั่นในคำบอกรักจากเร็นได้... แล้วพวกเขาคงจะเป็นคนรักกันได้จริงๆ

แต่แล้ว... ความหวังทั้งหมดที่ตั้งไว้ต้องพังทลายลง เร็นทำให้เขาต้องเสียใจ ผิดหวังเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ความสุขที่เด็กหนุ่มปรนเปรอให้ทำให้เขาเผอเรอ ไม่ระวังตัวอย่างเช่นเคย และในที่สุด อีกฝ่ายก็ทรยศต่อความเชื่อใจของเขา

“คุณดาริล” ร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ตรงผ้าม่านเบิกตากว้าง

หัวใจดวงน้อยร่วงวูบ วินาทีนั้นไม่ทันนึกถึงอะไร ไม่ทันเอะใจว่าเร็นจำตนเองได้ด้วยซ้ำ ความผิดหวังและความเสียใจที่ประดังกันเข้ามา ส่งผลให้ดาริลนึกออกเพียงว่าเขาถูกอีกฝ่ายหักหลัง... ทั้งที่ไว้ใจถึงขนาดนี้ แต่การกระทำทั้งหมดของเร็น คำพูดหวานๆ คำบอกรักนั่น ก็เพื่อที่จะหลอกล่อให้เขาตายใจ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น

ในความมืดสลัวนั้น แสงจันทร์สีนวลฉาบไล้ใบหน้าหล่อเหลา ใบหน้าที่ดาริลอยากจะเห็นใกล้ๆ มาเป็นเวลานาน หากในเวลานี้แค่มองเห็นได้รางๆ ก็ทำให้เจ็บปวดราวกับจะขาดใจ

ดาริลยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า ถ้าหากเรื่องของเขากับเร็นถูกเปิดเผยออกไป ความตั้งใจที่จะกอบกู้อิสระให้ตัวเอง และยังเรื่องของคาโอรุกับไดอิจิก็จะพังทลายลงไปทั้งหมด

"เจ้านาย! ผมรู้ว่าผมทำผิด! แต่ผมทำลงไป... ก็เพราะรักคุณนะ"

เร็นทรยศต่อความไว้ใจของเขา แล้วเขาจะยังไว้ใจ เชื่ออะไรเด็กหนุ่มได้อีกงั้นหรือ ดาริลแค่นเสียงออกไปจากลำคออย่างลำบาก "ผมจะไม่หลงคารม จะไม่โง่ให้คุณหลอกอีก เรื่องของคุณกับผมมันจบลงแล้ว พอกันที ผมขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างเดี๋ยวนี้"

"ไม่!! คุณไม่เข้าใจ ผมไม่เคยหลอกอะไรคุณเลยนะ!"

"ได้โปรดเชื่อผม ผมรักคุณ! ผมรักคุณนะ ผมรอคอยที่จะได้พบกับคุณอีกครั้งมาตั้งนานแล้ว!"

จะหลอกลวงอะไรเขาอีก ห่วงเรื่องเงินหรือ? เขาคงไม่กล้าเสี่ยงหักเงินจากเด็กหนุ่ม ใจหนึ่งเพราะกลัวเร็นจะเอาเรื่องของตนไปเผยแพร่ อีกใจ... ลึกลงไปก็ยังเป็นห่วง อยากให้เร็นได้เป็นนักเบสบอลมืออาชีพสมใจ

"รักงั้นเหรอ... ความรักไม่อาจคงอยู่ได้หากปราศจากความไว้ใจ แล้วคุณยังจะมีค่าพอที่จะให้ผมเชื่อคำพูดของคุณอีกงั้นเหรอ”

“ผม... ผมขอโทษ”

...ออกไปเดี๋ยวนี้ ดาริล อย่าฟังคำพูดของคนคนนี้อีก แค่นี้ก็เจ็บจนหัวใจจวนเจียนจะหยุดเต้นแล้ว

ดาริลเบือนหน้าหลบ มือขาวกำแน่นจนเกร็ง ก่อนจะตัดใจ หันหลังให้กับเด็กหนุ่มแล้วสาวเท้ายาวๆ ออกจากห้องไป เมื่อลงไปถึงชั้นล่างของบ้าน ก็สั่งแม่บ้านที่ออกมารอรับใช้ทั้งยังงัวเงียอยู่ว่าให้จัดการเก็บข้าวของของเร็นทั้งหมด แล้วให้คนขับรถพาไปส่งที่อะพาร์ตเมนต์ของเด็กหนุ่ม หลังจากที่กลับมาจากส่งเขากลับไปคอนโดมิเนียมเรียบร้อยแล้ว

พอกลับไปถึงคอนโดมิเนียม ดาริลจึงส่งข้อความเรียกคาซึกิให้มาหาที่ห้อง แล้วบอกกับเลขาหนุ่มไปว่า เขาเผอเรอ ไม่ทันระวัง ทำให้เร็นเห็นหน้าเข้าจนได้

คาซึกิขมวดคิ้ว ขณะที่จ้องมองใบหน้าซีดเซียวของเจ้านาย "คุณดาริล ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะจัดการ..."

"ไม่ต้อง! ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น พี่คาซึกิ!" ดาริลเสตาหลบ "ให้เงินเขาไปแล้วก็จบกัน"

"แล้วถ้าเขาคิดจะแบล็กเมลคุณดาริลล่ะครับ ถ้าข่าวหลุดออกไปได้...  แผนการของคุณดาริลจะพังหมดนะครับ เรื่องการแต่งงาน เรื่องของคุณคาโอรุ..."

แววตาสีเขียวสั่นไหว เร็นจะใจร้ายกับเขาได้ลงคอเชียวหรือ... แต่ว่าการกระทำทั้งหมดเพื่อให้ได้เห็นใบหน้าของเขานั่น เด็กหนุ่มยังคิดทำได้เลย "...ไม่หรอก" เสียงที่เปล่งออกไปจากลำคอแหบพร่า “คงไม่หรอก”


หลังจากวันนั้น คาซึกิก็ยังให้นักสืบไปคอยติดตามเร็นอยู่ทุกฝีก้าว เพราะไม่อาจวางใจ เขานึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เด็กหนุ่มซึ่งมีเงินมากมายในมือกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ไปทำงานพิเศษในร้านโซบะร้านเดิม แล้วยังทำงานพิเศษเพิ่มอีกหลายแห่ง เสื้อผ้าก็สวมชุดเก่าๆ ทั้งที่มีเสื้อผ้าที่เจ้านายซื้อให้ใหม่มากมาย เขาได้รับรายงานเข้ามาว่าเร็นมาที่แถวๆ บริษัท ใจหนึ่งก็สงสัยว่าเร็นรู้หรือว่าเจ้านายของเขาเป็นใครและทำงานที่ไหน อีกใจก็คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ ต่อมาก็ได้ข่าวว่าเร็นมาทำงานที่ร้านดอกไม้ในตอนเช้าแค่ช่วงสั้นๆ เขานึกเอะใจ... แต่ก็ยังปล่อยไป เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จนกระทั่งได้พบกัน

“ผมรักคุณดาริล”

คาซึกิแทบไม่อยากเชื่อหู เด็กหนุ่มจำเจ้านายของเขาได้!

“คุณคิมุระ อยากตกถังข้าวสารมากหรือครับ แต่เสียใจด้วยนะ คุณดาริลกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว”

“ผมรู้ แต่ผมก็ยังอยากจะบอกความรู้สึกของผมให้คุณดาริลรู้อยู่ดี”

คาซึกิเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตน ระยะเวลาอีกสามเดือน การกลับเข้าเป็นตัวจริงในทีมเบสบอลระดับแนวหน้าของมหาวิทยาลัยในโตเกียวไม่ใช่เรื่องง่าย เขาตั้งใจว่า ถ้าหากเร็นทำได้จริง เขาจะเชื่อใจ... เด็กหนุ่มคนนี้คงจะช่วยปกป้อง ดูแลเจ้านายของเขาได้

..

....

..
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 20: อดีตของดาริล][P.16][230615]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 01-07-2015 20:01:47


สองเดือนหลังจากนั้น ระหว่างที่กำลังนั่งรอเจ้านายของเขาอยู่ในคอนโดมิเนียมด้วยกันกับคาโอรุ คาซึกิก็ได้รับข่าวดีจากนักสืบของเขาก่อนที่เร็นจะได้รับผลแจ้งอย่างเป็นทางการเสียอีก เลขาหนุ่มก้มอ่านข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์พลางยิ้มอย่างพอใจ
“มีอะไรเหรอคะ คุณคาซึกิ” คาโอรุอมยิ้ม “แหม นั่งมองโทรศัพท์แล้วยิ้มแบบนี้ ไปตกหลุมรักใครเข้ารึเปล่าคะ”

“อะ... ไม่ใช่นะครับ” คาซึกิลุกขึ้นพรวด “ขอโทษที่เสียมารยาทครับ เดี๋ยวผมจะไปดูคุณดาริลให้ว่าแต่งตัวเสร็จรึยัง พอดีเมื่อคืนกลับดึกมาก เมื่อเช้าคุณดาริลเลยตื่นสายไปหน่อยน่ะครับ”

“อื้อ ไม่ต้องหรอก ฉันรอได้” หญิงสาวคว้าแขนเลขาหนุ่มแล้วดึงให้นั่งลง “...จะว่าไป ฉันก็หาโอกาสจะคุยกับคุณคาซึกิตามลำพังมาสักพักแล้ว จะโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าคุณจะยุ่งอยู่รึเปล่า”

เลขาหนุ่มขมวดคิ้ว “มีอะไรให้ผมรับใช้...”

“โอ๊ย รับใช้อะไรกันคะ” คาโอรุหัวเราะ “ฉันอยากรู้เรื่องของคิมุระ เร็น กับดาริล ระยะหลังนี่ เห็นดาริลไม่ค่อยสดใสเลย พวกเขามีอะไรกันรึเปล่า”

“ฮะ!?”

“ก็เหมือนกับที่คุณคาซึกิรู้เรื่องของฉันกับไดอิจิ เรื่องของฉันกับดาริลนั่นแหละ” หญิงสาวสะบัดหน้าใส่เขาเบาๆ “ฉันก็เป็นเพื่อนรักของดาริลนะ แค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้”

คาซึกิยิ้มบาง “...มีปัญหานิดหน่อย ก็เลยต้องห่างกันสักพักน่ะครับ”

“ฉันพอจะทำอะไรให้ดาริลได้บ้างมั้ยน้า” เธอพึมพำพร้อมถอนหายใจยาว

“จะว่าไป... ก็คงมีนะครับ”


Kimura Ren

ร่างสูงที่ร่างกายเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อทรุดลงนั่งบนพื้นทราย วางถุงมือเบสบอลไว้ที่ข้างตัว พลางหอบหนักๆ ก่อนพวกเพื่อนในทีมจะเดินมารุมล้อม บ้างก็ตบไหล่หนา บ้างก็ขยี้เส้นผมสีดำ “ดีใจด้วยเว้ย! กลับมาครั้งนี้ เอ็งฟิตกว่าเดิมซะอีก ฮ่าๆ ไปได้ยาดีอะไรมาวะ”

เร็นยิ้มกว้าง เขาเพิ่งได้รับข่าวดีว่าได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวจริงในทีม เป็นพิชเชอร์มือหนึ่งในตำแหน่ง starter และ closer ซะด้วย ซึ่งเท่ากับว่าเป็นคนสำคัญที่สุดในทีมเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญกว่านั้น นั่นหมายความว่าการต่อสู้เพื่อให้ได้พบกับดาริลอีกครั้งผ่านพ้นไปครึ่งทางแล้ว เขาจำเป็นต้องลาออกจากงานพิเศษทุกงานอีกครั้ง แล้วทุ่มเทฝึกซ้อมทุกวัน เด็กหนุ่มตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อวิ่งจ๊อกกิ้ง จากอะพาร์ตเมนต์ไปยังมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็เข้าร่วมการฝึกกับเพื่อนๆ ในทีมจนค่ำมืด

มารดาของเด็กหนุ่มย้ายกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว ซึ่งเธอได้รับเงินเดือนเล็กน้อยจากบริษัทประกัน ถ้าไม่ใช้จ่ายซื้อของอะไรมากนัก สองแม่ลูกก็พอจะมีเงินซื้ออาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ลำบาก

แต่มีอีกเรื่องที่ทำให้เร็นต้องแปลกใจมาก คือการที่ทีมของเขาในมหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนเรื่องอาหารระหว่างวันจากเครือบริษัทฟูจิฮาระ เพื่อให้นักกีฬาได้รับสารอาหารครบถ้วนและพร้อมสำหรับการแข่งขันมากที่สุด

หญิงสาวคนนั้น เขาจำใบหน้าของเธอได้ดี เธอสวมใส่เสื้อผ้าเรียบหรูสมฐานะ ทุกย่างก้าวสง่างาม สะกดสายตาของทุกคนในสนามให้มองตามเธอไปอย่างสนใจ เธอยืนอยู่กับชายหนุ่มในชุดสูท ซึ่งคงจะเป็นผู้ช่วยหรือเลขา กับโค้ชและผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัย ในมือของเธอถือช่อดอกลิลลี่สีชมพู ซึ่งเมื่อเธอหันมาสบสายตากับเร็นเข้า ก็โบกมือแล้วเดินตรงเข้ามาหาเขาทันที

“คุณคิมุระ ดีใจด้วยนะคะที่ได้เป็นตัวจริงของทีม” หญิงสาวยิ้มหวาน

เร็นชักสีหน้า สายตาที่เขาจ้องมองเธอไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เพราะเธอ... คือคู่หมั้นของดาริล แล้วเขาเองก็ไม่แน่ใจถึงสาเหตุของการกระทำทั้งหมดของเธอ

คาโอรุยัดช่อดอกไม้ใส่ในมือของเด็กหนุ่ม “ดิฉันไม่ใช่ศัตรูของคุณนะ ไม่ต้องมองกันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ได้”

เร็นรับช่อดอกไม้มาพร้อมกับเบือนหน้าหลบสายตาเธอ แล้วตอบอย่างขอไปที “ขอบคุณ”

 “พยายามเข้านะคะ ขอให้คุณคิมุระและทีมของคุณประสบความสำเร็จ” ท่าทางของเด็กหนุ่มทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “จริงสิ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ดิฉันคือ ฟูจิฮาระ คาโอรุ นะคะ”

...เขาไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ไม่ได้อยากรู้จักแล้วก็ไม่อยากคุยกับเธอด้วย ผู้หญิงคนนี้กำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารักในไม่ช้า “คุณต้องการอะไร”

“เพื่อตอบแทนกระดาษทิชชูและกำลังใจของคุณคิมุระในตอนนั้น ดิฉันจะบอกอะไรดีๆ ให้” เธอก้าวเข้าไปประชิดเด็กหนุ่มแล้วพูดเสียงเบา “ดิฉันยืนยันว่าทุกคำพูดที่พูดกับคุณที่บ้านพักหลังนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าคุณจำช่อดอกลิลลี่สีชมพูนี่ได้ คุณก็จะเข้าใจ ถือซะว่าดิฉันเป็นคนส่งสารก็แล้วกัน”

เร็นขมวดคิ้ว เขาจ้องใบหน้าของคาโอรุเขม็ง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเคร่งเครียดขณะที่ย้อนนึกไปถึงเมื่อวันที่ได้พบหญิงสาวครั้งแรก ซึ่งในตอนนั้นเขาก็คิดว่าเธอพูดจาแปลกๆ 

“แล้ว... คุณคิมุระคิดว่า... ดา... เอ้อ... เจ้าของที่นี่น่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง”

“เขากับดิฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มีปัญหาอะไร เราก็ช่วยเหลือกันมาโดยตลอด เขาเป็นคนเก่ง แล้วก็ฉลาดมากด้วย แต่เขายังมีหน้าที่ที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง ซึ่งมันคงต้องใช้เวลา เรื่องของความรู้สึกส่วนตัวคงจะต้องอดทนรอไปก่อน”

“เพราะงั้น ถ้าหากคุณคิมุระจริงใจแล้วละก็ ดิฉันก็อยากขอให้คุณรอ”


เธอพูดเหมือนกับว่า รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเจ้านายอย่างนั้นล่ะ... แต่เธอไม่รู้จักเขานี่นา? ถ้างั้นแล้ว เธอหมายถึงเจ้านายหรือ?
เร็นก้มลงมองช่อดอกลิลลี่สีชมพู ดอกไม้แบบเดียวกันกับที่เจ้านายเคยนำมาให้เขาที่โรงพยาบาลเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ยิ้มออกมาได้ “ผมไม่อยากจะรออยู่เฉยๆ อีกแล้ว ผมก็มีหน้าที่ของผมเช่นกัน ผมจะพยายามไปพร้อมกับเขา”

คาโอรุหัวเราะชอบใจ “หวังว่าดิฉันจะดูคนไม่ผิด”

“เอ่อ... ขอบคุณครับ” ร่างสูงค้อมศีรษะลงเล็กน้อย

คาโอรุทุบไหล่หนาเบาๆ “ชนะให้ได้นะ”

“ครับ”

“ถ้างั้น ดิฉันไปก่อนนะคะ หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่เร็วๆ นี้”

เร็นค้อมศีรษะอีกครั้งเพื่ออำลา เขายิ้มมุมปาก รอจนเธอเดินออกไปจากสนาม เพียงชั่วครู่ก็ถูกเพื่อนๆ ในทีมเข้ามารุมล้อมด้วยความอิจฉา “เสน่ห์แรงจริงเอ็ง! คุยอะไรกันวะ!”

“ฮะๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ เขาแค่พูดให้กำลังใจนิดหน่อย”

“แต่หน้าบานเลยน้า...”

เร็นผลักทุกคนออกพลางหัวเราะ “กลับไปซ้อมกันต่อเถอะครับ! การแข่งในครั้งนี้ พวกเราต้องชนะเท่านั้น!”


TBC~*


เจ้านายกับน้องเร็นใกล้ได้เจอกันอีกครั้งแล้ววววว~

ขอบคุณทุกคนที่อดทนกับความหดหู่ของเรื่องมาจนถึงตอนนี้นะคะ 555555 

แต่ยังไงไซคีก็จะได้พบอีรอส และกลายเป็นเทพ ครองรักกันอยู่ด้วยกันในโอลิมปัสแน่ๆ ค่า :mew1:

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-07-2015 20:31:39
ง้อววววว กามเทพช่วยแผลงศรเพียบขนาดนี้ น่าดีใจแทนทั้งสองคนจังเลยนะค้าา :-[

เร็นน่ารักจังเลย มีการแอบเขม่นคาโอรุด้วยนะคะเนี่ย :laugh: ..
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: newone ที่ 01-07-2015 20:34:47
 :hao5: ดราม่าจริงๆชีวิตเจ้านาย
แต่ดีหน่อยมีน้องเร็นออกมาตอนท้ายด้วย  :oo1: อยากให้ทั้งคู่เข้าใจกันไวๆ เจอกันไวๆค่ะ
สงสารเจ้านายเหลือเกิน :impress3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 01-07-2015 20:35:13
 o13คาสึกิ พี่เลขาน่ารักมาก ขอพระเจ้า(ฮัสกี้)หาคู่ดีๆล่ำๆให้พี่เขาด้วย

คาโอรุ ชะนีที่มีคุณค่า นี่สิเพื่อนกัน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 01-07-2015 20:48:34
 :mew6: :hao5: น่าสงสารดาริลลลลลล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 01-07-2015 20:53:58
เมื่อไหร่ดาริลจะมีความสุขจริงๆกับเขาสักทีนะ  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-07-2015 21:16:08
อยากให้ดาริลมีความสุขเสียที ทำเพื่อคนอื่นมาเยอะแล้ว ทำเพื่อตัวเองบ้างก้ได้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-07-2015 22:49:20
ตอนนี้เคร่งเครียดมาก ลุ้นทุกบรรทัด

เร็นโผล่มาแป๊บเดียวแต่ก็ชื่นจายยยย

พี่คาสึกิคือพระเอกตัวจริง รักพี่มากกกก บอกเลย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-07-2015 23:46:54
ใกล้จะดีแล้วใช่ไหมมมม
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 02-07-2015 08:00:05
พยายามเข้านะเร็น จะดีล่ะๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-07-2015 08:38:33
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกรักคาซึกิกับคาโอรุจัง  :katai2-1: เร็นก็สู้สู้นะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 05-07-2015 13:56:56
แอบสงสารน้องเร็น.... กร้ากกกกกก
ตอนเจ้านายโมโหเลือดขึ้นหน้า อะไรก็ไม่ฟังทั้งน้าน
พยายามอีกรอบโนะนุ้งเร็นโนะ เดี๋ยวเจ้านายก็ต้องคิดถึงเราแน่ๆ กิกิกิ

ขอตอนต่อไปข่าาาาา.  :katai4: ขอมุ้งมิ้งๆบ้างงงง. กร้ากกกกกกกกกก  :katai5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 05-07-2015 16:57:10
รอตอนต่อไป รอเขาง้อกัน :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-07-2015 21:24:55
รักพี่คาซึกิ เก่งจัง ฉลาด อุ้ย เพอร์เฟค ดาริลก็อดทนมามากแบบสุดๆ ควรหลุดพ้นได้แล้ว
ขอแค่ทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 08-07-2015 05:45:41
คุณเลขาคือผู้ช่วยชีวิตของเร็น(และคนอ่านอย่างข้าพเจ้า)จริงๆ  :heaven เร็นอย่าเขม่นคาโอรุเลยน้า นางไม่ใช่คู่แข่งของนายหรอก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 08-07-2015 20:37:04

Chapter 22 :


Daryl Ross


ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองภาพเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มซึ่งเป็นเอซของทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยเฮเซ ในการแข่งขันชิงเข้ารอบรองสุดท้ายจากโทรทัศน์ภายในห้องนั่งเล่น ในมือยังคงถือแฟ้มเอกสารพลิกหน้าค้างไว้ แม้จะพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องของอีกฝ่าย หากเมื่อได้ยินข่าวจากเลขาหนุ่ม เขาก็อดที่จะเปิดโทรทัศน์แล้วเบาเสียงไว้ไม่ได้สักที

ใบหน้าหล่อเหลาของเร็นฉายแววจริงจังในการแข่งขันทุกรอบ ดวงตาสีเข้มเปล่งประกายราวกับตาเสือ เด็กหนุ่มทุ่มเทให้กับการแข่งขันอย่างกับว่าเอาชีวิตเข้าเป็นเดิมพันไว้อย่างไรอย่างนั้น จนคาซึกิเองก็ยังเอ่ยปากชื่นชมให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ

ดาริลยิ้มบาง คิดว่าก็ดีแล้วที่เร็นกลับเข้าทีมเบสบอลและเดินตามความฝันต่อไปได้ ใจนึกอยากมีพลังอย่างเด็กหนุ่มบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี เพราะตัวเขาในเวลานี้ เหนื่อยกับการต่อสู้ดิ้นรนมากเหลือเกินแล้ว

มือขาวปิดแฟ้มในมือแล้วโยนลงไปบนโต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟาดังตุ้บ จากนั้นจึงถอนหายใจยาว เขาเท้าแขนบนที่รองแขนแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงไป สายตาทอดมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง เวลาหลายเดือนผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากพยายามแทบตายก็ซื้อหุ้นของบริษัทมาได้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ รวมกับของเดิมที่มีอยู่เป็นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนหุ้นที่อยู่ในมือของอัตสึชินั้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะทำให้อีกฝ่ายเทขายหุ้นที่เหลือได้ งานแต่งงานก็ใกล้เข้าไปทุกที ถึงจะรู้ว่าเป็นการแต่งงานแค่บังหน้า แต่การที่ต้องฝืนแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก จะให้เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างดีอกดีใจคงเป็นไปไม่ได้

มีเพียงกิจการที่เขาร่วมหุ้นกับคาโอรุเท่านั้นที่กำลังไปได้สวย เวลานี้เขามีเงินมากพอที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดของอัตสึชิด้วยซ้ำ แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่ยอมขายนี่สิ

อีกอย่างที่ทำให้เขารู้สึกร้อนใจ นั่นก็เพราะเวลาของเขากับคาโอรุก็ไม่ได้มีมากมายนัก พวกเขาจะต้องสะสางเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้เสร็จก่อนที่เธอจะถึงกำหนดคลอดบุตร

ขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็เคลื่อนกลับไปยังจอโทรทัศน์ หัวใจของชายหนุ่มร่วงวูบเมื่อเห็นว่าแพทย์สนามกรูกันเข้าไปตรวจดูอาการของเร็น ก่อนจะตัดสินใจเรียกให้เด็กหนุ่มตามออกจากสนามไป

“เกิดอะไรขึ้น ยังแข่งไม่จบเลยนี่” ดาริลพูดออกมาอย่างลืมตัว

“ดูเหมือนว่าคุณคิมุระจะมีปัญหาที่แขนนะครับ คงจะมีการสั่งให้เปลี่ยนพิชเชอร์สำหรับช่วงสุดท้าย”

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก แล้วหันไปทางต้นเสียง “พี่คาซึกิ”

คาซึกิเดินไปหยิบรีโมตโทรทัศน์มากดเร่งเสียงเพื่อให้ได้ยินนักพากย์พูดถึงสถานการณ์ในสนามแข่งขัน เร็นยืนอยู่ท่ามกลางสมาชิกในทีม พวกเขาพยายามรั้งเด็กหนุ่มไว้ไม่ให้กลับเข้าไปในสนาม เร็นดื้อดึงอยู่สักพัก ใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายดูกราดเกรี้ยว จนกระทั่งกัปตันทีมและโค้ชเข้ามาห้าม ในที่สุด เร็นก็จำใจต้องถอยออกไปนั่งรออยู่ที่ด้านข้างของสนามให้แพทย์ดูแล เด็กหนุ่มจ้องมองเข้าไปในสนามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เหลือเวลาสำหรับการแข่งขันไม่มากแล้ว แต่เป็นโชคดีของทีมเบสบอลจากมหาวิทยาลัยเฮเซที่กัดฟันสู้จนนำชัยชนะและพาทีมเข้าสู่รอบชิงแชมป์ได้ ทุกคนในทีมกรูกันออกมาห้อมล้อมเร็น ส่งเสียงไชโยโห่ร้องเสียงดังลั่น

กล้องถ่ายภาพประชิดใบหน้าหล่อเหลาของของเด็กหนุ่มซึ่งเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หลังจากโอบกอดกับเพื่อนๆ ในทีมแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง

“...เขา... จะแข่งรอบสุดท้ายได้มั้ย”

“เป็นห่วงหรือครับ” คาซึกิหัวเราะ

ดาริลไม่ยอมละสายตาไปจากจอโทรทัศน์ เขาเม้มปากพลางพ่นลมหายใจออกหนักๆ

“หลายวันมานี่ ดูเหมือนว่าคุณดาริลจะเหนื่อยๆ นะครับ” เลขาหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งลงบนโซฟาตัวที่อยู่ข้างๆ กัน จากนั้นจึงวางเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะกระจก “...ถ้าเป็นห่วงคุณคิมุระละก็ ผมจะโทรไปสอบถามอาการให้เดี๋ยวนี้ครับ” คาซึกิไม่รอคำตอบจากเจ้านาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปทันที เขาพูดคุยสักพักก็วางสายไป

ผู้เป็นนายรอฟังรายงานจากเลขาหนุ่มด้วยใจจดจ่อ “เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นอะไรมากครับ คือว่าคุณคิมุระมีอาการเจ็บที่แขนเพราะใช้งานหนักมากเกินไป ส่วนทางโค้ชกับกัปตันทีมก็ต้องการให้เขาออมแรงไว้สำหรับการแข่งขันนัดสุดท้าย แล้วคะแนนตอนนั้นก็นำอยู่แล้วด้วย พวกเขาเลยสั่งให้คุณ

คิมุระออกจากสนามครับ แต่เพราะคุณคิมุระเป็นพิชเชอร์คนสำคัญที่จะต้องปาลูกตอนเปิดและปิดเกมซึ่งมีผลต่อผลการแข่งขันมาก เขาจึงอยากจะลงสนามด้วยตัวเอง ก็เลยมีปัญหาวุ่นวายกันนิดหน่อยครับ”

ดาริลถอนหายใจยาว “ค่อยยังชั่ว”

“สงสัยมั้ยครับ... ว่าทำไมคุณคิมุระถึงได้สู้อย่างเต็มที่ขนาดนี้”

“ก็คงอยากเป็นแชมป์น่ะสิ จะได้เป็นโปรฯ” ผู้เป็นนายพูดเสียงเรียบ เขาปรายตามองกองเอกสารที่คาซึกินำมา ขณะเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีที่อ่อนล้าเต็มที
 
ตอนที่แยกจากกันนั้น ท่าทางของเร็นเหมือนจะเป็นจะตาย เด็กหนุ่มใช้เวลาปรับตัวเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นก็ได้กลับลงสนามมาเป็นนักกีฬาตัวจริง จะว่าไปก็ปรับตัวได้เร็วดีเหมือนกันนะ เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าท่าทางของเร็นในวันนั้นมีความจริงใจอยู่บ้างไหม หรือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่การแสดงเพื่อให้เขาพอใจ ดาริลส่ายศีรษะไปมาแล้วหันไปทางเลขาหนุ่ม “พี่คาซึกิมีอะไรด่วนรึเปล่า ผมอยากพักแล้วล่ะ”

คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามชั่งใจว่าควรจะบอกเจ้านายเรื่องของเร็นดีหรือไม่ หากท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรง กับใบหน้าที่เศร้าหมองจนน่าสงสาร ส่งผลให้เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดข้อความเสียงที่บันทึกไว้


“ผม... เป็นคนผิดเอง ผมทำผิดกฎ ผมเปิดผ้าม่านทั้งที่รู้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วยังคิดทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกอดจูบอยู่ทุกคืน คือคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรอคอยมานาน”

“ผมรักคุณดาริล จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผม แต่ได้โปรด ขอโอกาสให้ผมพบคุณดาริลสักครั้งนะครับ”
เสียงจากในโทรศัพท์นิ่งไปชั่วครู่ คล้ายกับเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้นกำลังครุ่นคิด

“...ถ้าภายในสามเดือนนี้ คุณคิมุระ...สามารถลงแข่งเป็นตัวจริงในลีคมหาวิทยาลัยในโตเกียวภาคฤดูใบไม้ร่วง แล้วสามารถทำให้เฮเซชนะได้ละก็ ผมจะช่วยให้คุณได้พบกับคุณดาริล”



ดาริลเบิกตาโพลง “เสียงนั่น” พอได้ฟังบทสนทนาอีกครั้งก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเร็นพูดชื่อของเขาออกมาด้วย “ชื่อผม... พี่คาซึกิบอกเขางั้นเหรอ” 

คาซึกิส่ายหน้า พร้อมยิ้มบาง “ดูเหมือนว่า จะมีใครบางคนรอเก้อที่โรงพยาบาลเมื่อหลายปีที่แล้ว เพราะคุณดาริลผิดสัญญาที่บอกว่าจะไปเยี่ยม”

...เขาไม่เคยเล่าเรื่องสัญญาตอนนั้นให้ใครฟังนี่! “พี่คาซึกิ!”

“คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าทำไมคุณคิมุระถึงได้ต่อสู้เพื่อชัยชนะของเฮเซขนาดนั้น”

ดาริลยังคงมีสีหน้าสับสน คิ้วเรียวขมวดเป็นปม “....”

“มีอะไรหรือครับ”

“...ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อเขาดีรึเปล่า”

“ให้โอกาสเขาอีกสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับ” คาซึกิเอื้อมมือออกไปบีบไหล่เล็ก “ลองคิดทบทวนถึงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน แล้วคุณดาริลจะได้คำตอบ”

ดาริลยื่นมือที่เย็นเฉียบออกไปหยิบโทรศัพท์จากในมือของเลขาหนุ่ม กดเปิดข้อความเสียงนั้นอีกครั้งและอีกครั้ง จนมั่นใจ โดยไม่ลืมที่จะกดดูวันเวลาที่บันทึกเสียงนั้นไว้ “...เร็น” ริมฝีปากสีแดงพึมพำชื่อคนที่แสนรัก ก่อนจะหันไปสบสายตากับคาซึกิ พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน “ขอบคุณนะครับ พี่คาซึกิ”

“ว่าแต่... มีแรงจะอ่านเอกสารที่ผมนำมาแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย”

ผู้เป็นนายหัวเราะพลางพยักหน้าหงึกหงัก พวงแก้มนุ่มซับสีเลือด “อื้ม แต่ว่า เอ้อ... พี่คาซึกิ แล้วรอบชิงแข่งวันไหนนะครับ”

คาซึกิกดดูวันในโทรศัพท์มือถือ แล้วทำหน้าเครียด “เอ่อ...”

“ทำไมเหรอ? ทีมได้เข้ารอบไม่ใช่เหรอครับ”

เลขาหนุ่มเคลื่อนสายตามาประสานกับเจ้านาย “วันแข่งชิง... ตรงกับวันแต่งงานของคุณดาริลพอดีเลยครับ”

รอยยิ้มน่ารักเลือนหายไปทีละน้อย “ฮะ!?”

คาซึกิส่งข้อมูลให้เจ้านายดู พลางถอนหายใจ “.....”

วินาทีนั้น ดาริลใจหายวาบ ถ้าหากเร็นรู้ข่าว เด็กหนุ่มจะคิดอย่างไร แล้วการแข่งขันล่ะ “...ผมควรจะทำยังไงดี”

..

....

..

ภายในห้องโสตของมหาวิทยาลัยเฮเซ นักกีฬาในทีมเบสบอลทั้งตัวจริงและตัวสำรองต่างนั่งพิจารณามองภาพเคลื่อนไหวของการแข่งขันจากทีมตรงข้ามที่จะเข้าแข่งร่วมกันในรอบสุดท้ายอย่างจริงจัง พวกเขาประชุมเพื่อหาจุดอ่อน ออกความคิดเห็นและวางแผนกันอย่างเคร่งเครียด เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้ว เหล่าผู้จัดการทีมซึ่งเป็นแฟนของพวกรุ่นพี่สองสามคนก็ยกถาดขนมหวานเข้ามาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำชา

“โอ้โห วันนี้มีขนมพิเศษด้วย”

“คุณฟูจิฮาระให้คนเอามาให้เป็นพิเศษเลยค่ะ เห็นว่าเป็นขนมมงคล เอาไว้ฉลองชัยชนะล่วงหน้า”

“จริงสิ คุณฟูจิฮาระ... เขากำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ คนที่เอาดอกไม้มาให้เอ็งน่ะเร็น เห็นข่าวในทีวีเมื่อวาน” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังตักขนมใส่ปากชะงักกึก

“แต่งงาน?”

“เออ แต่งกับฝรั่ง ลูกชายบริษัทรอสอะไรนั่น”

เร็นลุกขึ้นพรวด มือหยาบกระชากคอเสื้อของรุ่นพี่เข้าหาตัวแล้วตะคอกถามเสียงดังลั่น “เมื่อไหร่!”

“เฮ้ย!” รุ่นพี่เบิกตาโพลงเพราะท่าทางที่ดูเกรี้ยวกราดของเด็กหนุ่ม “เอ่อ ไม่รู้... เอ๊ย! จำได้ละ วันแข่งชิงแชมป์ของพวกเราไง!”

มือหยาบปล่อยคอเสื้อของรุ่นพี่ออก เขาไม่ได้สนใจว่าสายตาทุกคู่ในห้องจ้องมองมาที่ตนเองเขม็ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด ความเจ็บปวดกรีดลึกลงไปในอก เจ็บจวนเจียนจะขาดใจ เร็นสาวเท้ายาวๆ ตรงไปยังประตูห้อง แต่แล้วก็ชะลอความเร็วลงเมื่อได้ยินเสียงของกัปตันเรียกไว้

“เร็น! จะไปไหนน่ะ! ยังมีซ้อมต่อนะ!”

เด็กหนุ่มกำมือแน่น เขากัดฟันตอบกลับไป “ผมขอเวลาสักพัก” แล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป ปล่อยให้ทุกคนได้แต่สงสัย จ้องตากันไปมา

...จะมีประโยชน์อะไรไหมกับการทุ่มเทแทบตายของตัวเขานี่ ในเมื่อเจ้านายกำลังจะแต่งงาน ถึงเขาจะรู้ว่าเจ้านายไม่ได้เต็มใจ แต่การที่ได้ยินข่าวแบบนี้ก็ทำให้หัวใจสั่นคลอน เขาอยากพบเจ้านาย อยากกอดร่างผอมบางนั่นไว้ในอ้อมแขน อยากจะได้ยินจากปากเจ้านายว่าการแต่งงานนี้เพื่อบังหน้าเท่านั้น แค่นั้นเขาก็คงจะพอมีแรงสู้ต่อไปได้

ร่างสูงก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผ่านห้องเล็กใหญ่มากมาย ซึ่งบางห้องก็มีสมาชิกของชมรมอื่นๆ มาทำกิจกรรมร่วมกันในวันปิดเทอม

เสียงของไวโอลิน เชลโล ผสมเปียโนดังแว่ว เรียกความสนใจของเร็นให้หยุดเงี่ยหูฟัง เพราะเป็นเพลงที่เขาเคยได้ยินและรู้สึกคุ้นเคยมากเหลือเกิน เขาก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปยังห้องต้นเสียง

Salut d'amour... เพลงที่เจ้านายเล่นให้ฟังหลายรอบจนจำได้

เด็กหนุ่มเปิดประตูผลัวะ ส่งผลให้เสียงเพลงนั้นเงียบไป ทุกคนภายในห้องหยุดนิ่งแล้วหันมามองที่ร่างสูงเป็นตาเดียว ดวงตาสีเข้มฉายประกายวาบ “เพลงนี้!”

“...คะ!? มีอะไรรึเปล่า” ผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าเปียโนหันมาถาม

กว่าจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เร็นก็เข้ามายืนอยู่กลางห้องดนตรีแล้ว ภายในห้องมีเด็กสาวนั่งอยู่เกือบสิบคน พวกเธอกำลังฝึกซ้อมเพลงร่วมกัน เร็นยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “เอ่อ... ขอโทษครับ พอดีผมได้ยินเพลงคุ้นๆ”

หญิงสาวในห้องหัวเราะคิกคัก พวกเธอหันไปซุบซิบกันแล้วเอ่ยถามขึ้น “ได้ยินใครสารภาพรักมาอย่างนั้นเหรอคะ”

“หือ? สารภาพรัก?” จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรง เร็นเดินเข้าไปหากลุ่มของหญิงสาว ซึ่งพวกเธอก็ดูเหมือนว่าจะรู้จักเขาดี พอเร็นเข้าไปใกล้ก็หน้าแดงกันด้วยความเขินอาย “หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “เพลงนี้ คนแต่งเขาแต่งให้กับคู่หมั้นก่อนจะแต่งงานกันน่ะค่ะ ชื่อเพลงแปลว่า ทักทายความรัก เป็นเพลงที่คนแต่งบอกรักกับภรรยาน่ะเองค่ะ... เป็นการบอกรักด้วยภาษาเพลงยังไงล่ะคะ”

ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และคงจะแดงยิ่งกว่าใบหน้าของเหล่าหญิงสาวตรงหน้าเขาซะอีก หัวใจที่มันห่อเหี่ยวไปในคราวแรกเต้นระรัวเมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของเจ้านาย


“Salut d'amour... เพลงนี้ ผมเล่นให้กับคุณโดยเฉพาะ”


ในตอนนั้น เจ้านาย บอกรัก เขาอย่างนั้นเหรอ


"ผมอยากให้คุณจำเพลงนี้ไว้ให้แม่นๆ"


เร็นยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาทำให้เหล่าเด็กสาวพลอยหัวใจเต้นแรงไปด้วย เขาค้อมศีรษะลง “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ แล้วก็ขอบคุณมากครับ” ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ขายาวพาเจ้าของวิ่งไปตามทางเดินในตึก ความปิติในใจส่งผลให้เขาวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใจนึกอยากจะตะโกนโห่ร้องดังๆ ด้วยความดีใจ ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากจะวิ่งไปให้ถึงบริษัทของเจ้านายซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

...คุณดาริล

“โอ๊ยยยย! อยากกอดคุณจะแย่อยู่แล้ว!”

..

.....

..

วันแข่งขันชิงแชมป์มหาวิทยาลัยในโตเกียวประจำฤดูใบไม้ร่วงมาถึงในที่สุด การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายโมงตรง เนื่องจากในฤดูนี้ท้องฟ้าจะมืดเร็วมากขึ้น ภายในสเตเดียมแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ชื่นชอบในกีฬาเบสบอล รวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มาร่วมให้กำลังใจทีมของตน เสียงโห่ร้องจากกองเชียร์ทั้งสองทีมดังก้องไปทั่วสนาม

ภายในห้องพักนักกีฬา เร็นอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเรียบร้อย เขากำลังวอร์มร่างกายไปพร้อมๆ กับฟังคำแนะนำจากโค้ช แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีใครบางคนเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่

“มีคนฝากช่อดอกไม้นี่มาให้คุณคิมุระค่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เขาปราดเข้าไปรับดอกไม้ช่อนั้น “ขอบคุณครับ”

เดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนส่งดอกไม้นี้มา แม้ในวันที่อีกฝ่ายคงจะยุ่งมาก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะนึกถึงเขา เร็นผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ตั้งใจว่าเมื่อรู้ผลของการแข่งขันในวันนี้แล้ว ถ้าเขาได้รับชัยชนะละก็ พรุ่งนี้จะรีบไปพบกับเลขาของเจ้านายทันที

ดวงตาสีเข้มจับจ้องช่อดอกไม้ด้วยความพอใจ เขาพลิกช่อดอกไม้นั้นไปมาเพื่อตรวจสอบดูว่ามีจดหมายหรือการ์ดอะไรจากคนส่งบ้างรึเปล่า หากก็ไม่พบข้อความใดๆ “ผมจะถือว่านี่คือคำอวยพรให้ได้ชัยชนะจากคุณนะ เจ้านาย” เขาพึมพำกับช่อดอกไม้ในมือ

“เอาล่ะ เตรียมพร้อมลงสนามได้!” สิ้นเสียงประกาศจากโค้ช สมาชิกในทีมทุกคนก็ขานรับเสียงดังลั่น เร็นวางช่อดอกลิลลี่ไว้ในล็อกเกอร์ของเขาแล้วพึมพำ

“ผมจะชนะให้ได้ รอก่อนนะครับ”

จากนั้นจึงปิดประตูตู้ล็อกเกอร์แล้วหันหลังวิ่งตามเพื่อนในทีมออกจากห้อง ก้าวลงสู่สนามอย่างมั่นใจ


ภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรู

ร่างผอมบางในชุดทักซิโดสีขาวซึ่งตรงสาบเสื้อขลิบสีเงินยวง ผูกโบไทสีเงินเข้ากันกับสีของสาบเสื้อ ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าหน้าต่างบานใหญ่ สองแขนกอดอกแล้วทอดสายตามองออกไปทางด้านนอกอย่างเหม่อลอย

คาซึกิก้าวเข้ามาหาเจ้านายพลางค้อมศีรษะลง “วันนี้คุณดาริลดูดีมากเลยทีเดียวครับ”

ดาริลหันไปทางเลขาหนุ่มช้าๆ แล้วหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “...งั้นเหรอ ขอบคุณนะครับ”

“อดทนอีกนิดเดียวเท่านั้นนะครับ”

สีหน้าของชายหนุ่มราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ... อดทนอย่างงั้นเหรอ เขาอดทนมาเป็นสิบปีแล้ว ยังไม่พออีกหรือไง ราวกับนกอินทรีย์ซึ่งควรจะได้กางปีกกว้างโบยบินอย่างมีความสุขบนท้องฟ้า แต่กลับต้องถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ ซึ่งแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้

คาซึกิดูเหมือนจะอ่านสีหน้าของเจ้านายได้ เขาก้าวเข้าไปแตะไหล่เล็กอย่างแผ่วเบาพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบ “ตอนนี้คุณคิมุระลงสนามแล้ว ทีมของคุณคิมุระทำคะแนนนำออกไปแล้วด้วยนะครับ”

“แล้วดอกไม้ล่ะ”

“ส่งถึงมือเรียบร้อยแล้วครับ”

ดาริลหันกลับมาสบสายตากับเลขาหนุ่ม แววตาใสสั่นไหว เสียงที่เอ่ยถามแหบพร่า “แล้ว... เมื่อเขาชนะ เราจะได้พบกันเมื่อไหร่”

เลขาหนุ่มยิ้มบาง “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ขอให้ไว้ใจผม แต่ว่าตอนนี้ ใกล้เวลาต้องออกไปรับแขกในงานแล้วล่ะครับ”
ในช่วงเช้าของวันนั้นได้มีการจัดพิธีการแต่งงานแบบชินโตในศาลเจ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งไปแล้ว ทั้งดาริลและคาโอรุเข้าร่วมพิธีในชุดกิโมโนสำหรับพิธีการ แขกเหรื่อมีเฉพาะบุคคลสำคัญและไม่อนุญาตให้สื่อใดๆ เข้าร่วมงานด้วย ส่วนในตอนเย็นของวันจะเป็นการฉลองการแต่งงานในห้องบอลรูมขนาดใหญ่แทน

เสียงดนตรีที่บ่งบอกถึงการเปิดงานเริ่มขึ้นแล้ว ภายในงานมีแขกเหรื่อนับพันคน และหนึ่งในนั้นก็มีไดอิจิปะปนอยู่ด้วยโดยที่ไม่มีใครสงสัยว่าแท้จริงแล้วคนคนนี้คือคนรักตัวจริงของฝ่ายเจ้าสาว

คาโอรุคล้องแขนดาริลไว้ตลอดเวลา เนื่องจากการตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่สี่ เธอเริ่มมีอาการแพ้ท้องและรู้สึกอ่อนแอ ดาริลจึงต้องคอยประคองเธออย่างระมัดระวังที่สุด

“ไหวมั้ย คาโอรุ” ชายหนุ่มกระซิบ

“ไหว แต่คลื่นไส้เหลือเกิน” เธอทำหน้าพะอืดพะอม

“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวขึ้นเวทีแล้วจะพาไปพักผ่อน”

“อืม”

คุณตากับบิดามารดาของเจ้าสาวก้าวเข้ามาหาคู่บ่าวสาวที่ภายนอกมองดูเหมือนว่ารักและทะนุถนอมกันดีเหลือเกิน ทุกคนยิ้มหน้าชื่นตาบาน “มีอะไรหรือคะ คาโอรุตื่นเต้นหรือ”

“ว่าแต่คุณอัตสึชิไปไหนล่ะคะเนี่ย” มารดาของคาโอรุเอ่ยถาม

“อ๋อ อยู่ทางนู้นน่ะครับ เห็นว่ากำลังเตรียมของขวัญให้กับลูกชาย” คุณตาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อุก!” หญิงสาวซบใบหน้าลงในอ้อมแขนของว่าที่สามี

“คาโอรุ!”

“คาโอรุ เป็นอะไรไปลูก” มารดาถลาเข้าไปช่วยประคอง “เอ๊ะ! หรือว่า...”

ดาริลยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก พลางอมยิ้ม “ชู่ว อย่าเอ็ดไปครับ คุณน้า”

“อา...” มารดายิ้มกว้าง เธอรีบหันไปสบสายตากับสามีและคุณตาของดาริล “ข่าวดีสินะคะ”

คุณตาเบิกตากว้าง หัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “เจ้าดาริลนี่ ไวจริงๆ แต่ว่าอย่างนี้เราก็ต้องให้ของขวัญแบบพิเศษกันหน่อย” ชายสูงวัยหันไปเรียกเลขาของเขาเข้ามา “ไปตามทนายมา ฉันจะเปลี่ยนแปลงของขวัญที่เตรียมไว้สักหน่อย วันนี้ฤกษ์งามยามดีซะเหลือเกิน”

บิดาของคาโอรุพยักหน้า “นับเป็นข่าวดีของครอบครัว แต่ว่า คุณดาริลจะเรียกว่าคุณน้า ไม่ได้แล้วนะ”

ชายหนุ่มอมยิ้มพร้อมค้อมศีรษะรับ “ครับ คุณพ่อคุณแม่”

ผู้สูงวัยกว่าทั้งสามคนต่างดีอกดีใจ จนไม่ได้สนใจสายตาของคู่บ่าวสาวที่สบประสานกันแล้วยิ้มกริ่ม ดาริลหันไปทางพ่อตา “คุณพ่อครับ ผมเกรงว่าคาโอรุจะเหนื่อย นี่ก็อดทนมาตั้งแต่เช้า เดี๋ยวเสร็จจากขึ้นเวทีแล้ว ผมคงจะต้องขออนุญาตพาคาโอรุไปพักผ่อน แล้วจะรีบกลับเข้ามาในงานนะครับ”

“ได้สิ ไม่มีปัญหาน่ะ”

หลังจากพูดคุยกันสักพัก คู่บ่าวสาวจึงเดินไปทักทายแขกเหรื่อคนสำคัญ จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปกล่าวอะไรบนเวทีสักหน่อย ดาริลทำหน้าที่ของเขาเป็นอย่างดี เขาพูดจาฉะฉานด้วยภาษาที่สุภาพน่าฟัง ก่อนคุณตาจะขึ้นไปกล่าวอะไรกับหลานชายสั้นๆ บนเวทีนั้น

“ดาริลเป็นหลานชายที่ผมภูมิใจ ทั้งเก่ง ฉลาด ความสามารถเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นผมจึงวางใจ เนื่องในโอกาสดีในวันนี้ ผมขอประกาศมอบตำแหน่ง CEO ของบริษัทพร้อมกับหุ้นจำนวน 20% ให้กับหลานชายของผมครับ” เมื่อพูดจบก็มีเสียงฮือฮาแว่วมาจากแขกเหรื่อ ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังก้อง

ทางฝ่ายบิดามารดาของคาโอรุก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาเองก็ประกาศมอบหุ้นจำนวน 30% จากที่มีอยู่ในมือ 60% ให้กับลูกสาวเช่นกัน 

ดาริลยิ้มมุมปาก ในมือของเขามีหุ้นอยู่แล้ว 25% เมื่อได้รับจากคุณตาอีก 20% ประกอบกับตำแหน่งผู้บริหาร ชีวิตของเขาจะเรียกว่ามีอิสระแล้วก็ว่าได้เพราะถือว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัท

หากในวันมงคลเช่นนี้ ราวกับเทวดาบนสรวงสวรรค์ช่วยประทานพรพิเศษให้กับดาริล เพราะอเล็กซิสผู้ซึ่งเป็นพ่อตาได้เอ่ยปากเรียกลูกเขยขึ้นมามอบของขวัญให้กับหลานชาย หรือลูกบุญธรรมด้วย

ภายนอกอาจดูเหมือนว่าพ่อตากับลูกเขยนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างดีแม้ลูกสาวหรือภรรยาของพวกเขาได้จากไปแล้ว แต่ภายในใจนั้น อัตสึชิต้องอดทนข่มใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชนที่เขาจำเป็นต้องอาศัยภาพพจน์ดีๆ ไว้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

“ผมคิดว่า อัตสึชิเองก็เตรียมของขวัญไว้ให้ลูกชายเขาเช่นกัน จริงมั้ย อัตสึชิ”

อัตสึชิยิ้มแหย ทว่าภายในใจต่อว่าชายสูงวัยยกใหญ่ เมื่อตอนก่อนจะถึงวันงานนั้น อเล็กซิสส่งเลขากับทนายมาพูดคุยกับเขา เรื่องของขวัญให้กับลูกบุญธรรม ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการหรือสนใจ หากเพราะการเจรจากึ่งบังคับแบบนั้น ทำให้เขาจำใจต้องสวมรอยบิดาบุญธรรมที่แสนดี จัดการให้ทนายส่งมอบหุ้นจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์ให้กับลูกเลี้ยงเป็นของขวัญในวันแต่งงานด้วย

สองพ่อลูกปลอมๆ จำต้องโอบกอดกันบนเวทีอย่างไม่เต็มใจนัก ทั้งที่ในใจเกลียดกันราวกับเป็นศัตรู ดาริลค้อมตัวลงต่ำ “ขอบคุณครับ คุณพ่อ” จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับบิดาบุญธรรม เขายิ้มมุมปากพลางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

อัตสึชิกัดฟันกรอด เขาฝืนยิ้ม แล้วก้าวฉับๆ ลงจากเวทีไป

...การแต่งงานนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้หุ้นของบริษัทมาครองถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วยังมีหุ้นของบริษัทฟูจิฮาระของคาโอรุอีก ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

หลังจากนั้น เจ้าบ่าวก็เอ่ยปากขอเวลาเข้าร่วมวงดนตรีกับกลุ่มนักดนตรีในงาน โดยอ้างว่าจะมอบเพลงนี้ให้แก่เจ้าสาวของเขา ดาริลรู้ว่าภายในงานมีนักข่าวจากหลายสำนักเข้าร่วม เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อส่งข้อความถึงคนรักที่คงจะกำลังเฉลิมฉลองชัยชนะอยู่ภายในเมจิจิงกุสเตเดียม

พิธีกรนำไวโอลินมาส่งมอบให้กับชายหนุ่ม ก่อนเขาจะก้าวขึ้นไปบนเวทียกพื้นเตี้ยๆ อีกหนึ่งเวทีซึ่งตั้งอยู่กลางงาน เวทีแห่งนี้ใช้เป็นที่สำหรับเหล่านักดนตรีที่มีหน้าที่บรรเลงเพลงขับกล่อมแขกเหรื่อในงานโดยเฉพาะ เขาพูดคุยกับนักเล่นเปียโนให้ช่วยเล่นคลอไปเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มบรรเลงเพลง Salut d'amour

เสียงใสของไวโอลินดังก้อง ส่งผลให้ทั้งงานเลี้ยงเงียบสงัด สายตาทุกคู่จ้องมองไปบนเวทีขนาดเล็กนั้นราวกับถูกเวทมนตร์ของชายหนุ่มตรึงไว้

คาโอรุน้ำตาซึม เธออมยิ้มขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ดาริล สามีในนามของเธอ หญิงสาวรู้ว่าดาริลไม่ได้มอบเพลงนี้ให้กับเธอ แต่มันคือบทเพลงแห่งความรักของอีกฝ่ายต่างหาก เมื่อเทียบกันแล้ว ตัวเธอยังโชคดีกว่าเพื่อนรักของเธอมาก

...ฉันภาวนาขอให้นายสมหวังในรักเช่นกันนะ ดาริล

เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อบทเพลงบรรเลงจบลง ดาริลค้อมศีรษะลงต่ำ ก้าวลงจากเวทีนักดนตรีแล้วกลับขึ้นไปบนอีกเวทีหนึ่งเพื่อไปหาเจ้าสาวเพียงในนามของเขา ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเธอโผเข้าโอบกอด ซึ่งเขาก็โอบตอบและลูบหลังเธอเบาๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสบสายตากับใครบางคนที่ยืนหลบมุมอยู่ทางด้านล่าง

ไดอิจิค้อมศีรษะลงต่ำ แม้ในใจเจ็บปวดที่ไม่สามารถทำหน้าที่ สามี ที่ถูกต้องของคาโอรุได้ แต่การที่ได้มีเพื่อนที่ดีอย่างดาริล ก็ถือว่าตัวเขาไม่ได้อาภัพจนเกินไป ทุกคนกำลังอดทนและต่อสู้ ตัวเขาเองก็เช่นกัน สักวัน... คงจะเป็นวันของเขากับคาโอรุ และดาริลกับคนที่ชายหนุ่มรักบ้าง

เสียงเพลงบรรเลงดังคลอแผ่วเบาขณะที่คู่บ่าวสาวก้าวลงมาจากเวทีอย่างเชื่องช้า พวกเขาเข้าไปกล่าวขอบคุณแขกวีไอพีในงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากถ้ามีใครสักคนได้สังเกตและมองลึกเข้าไปในแววตาของทั้งสอง ก็คงจะรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า ท่าทางที่มีความสุขนั่นเป็นเพียงแค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 21: เมฆหมอกจางหาย][P.16][010715]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 08-07-2015 20:37:33


Kimura Ren

เด็กหนุ่มผิวสีคร้ามแดดทรุดลงบนเข่าอย่างอ่อนแรงเมื่อได้ยินเสียงประกาศครบอินนิ่งที่เก้า ซึ่งหมายถึงการแข่งขันได้จบลงแล้วในที่สุด แขนแกร่งที่ใช้แรงมาอย่างหนักสั่นเทา แต่เขาก็ยกแขนขึ้นตะโกนร้องไชโยเสียงดังลั่น ทว่าไม่อาจเทียบได้กับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจากคนในสนามเลยแม้แต่น้อย

เพื่อนๆ ในทีมกรูกันเข้ามาโอบกอด ขยี้เส้นผมสีดำที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะจับตัวเร็นยกขึ้นโยนไปในอากาศ “สำเร็จแล้วโว้ย ไอ้เร็น! วันนี้ต้องฉลองใหญ่!”

ในใจของเร็นนั้นนึกถึงเพียงว่า เขาได้ทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับคาซึกิสำเร็จแล้ว เขาดีใจมากเหลือเกิน ถึงแม้เจ้านายอาจจะไม่ได้รับรู้ถึงความสำเร็จของเขาก็ตามที เพราะเวลานี้... อีกฝ่ายคงจะอยู่ในงานฉลองพิธีแต่งงาน

กว่าจะพูดคุยแสดงความยินดีกันเสร็จก็ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมง จนท้องฟ้าทางด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีหม่น ร่างสูงที่เหงื่อโซมกายเดินกลับเข้าไปในตัวอาคารพร้อมกับเพื่อนๆ ในทีม ตรงไปยังห้องพักนักกีฬาซึ่งเป็นห้องเก็บล็อกเกอร์ด้วยเพื่อที่จะไปเอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนหลังอาบน้ำ

หากระหว่างทางนั้นมีใครบางคนในชุดสูทยืนอยู่ เนื่องจากเร็นไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาจึงเดินผ่านชายคนนั้นไป

“คุณคิมุระครับ”

เด็กหนุ่มหยุดกึก “ครับ”

ชายในชุดสูทก้าวเข้าไปตรงหน้าเร็นพร้อมกับส่งซองจดหมายให้ “ผมมารับคุณคิมุระครับ”

“หือ ผมเหรอ” เด็กหนุ่มชี้ไปที่ตัวเอง เขาลังเลเล็กน้อยที่จะรับซองจดหมายนั้นมา สบสายตากับอีกฝ่ายอยู่สักพักจึงตัดสินใจรับมาเปิดออกดู ภายในซองนั้นเป็นการ์ดเชิญของงานแต่งงานซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที

“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ผมจะพาคุณคิมุระไปที่งาน”

เร็นชักสีหน้า “ผมไม่ไป”

“ไม่อยากพบ ท่าน หรือครับ”

...อยากพบน่ะใช่ แต่จะให้ไปพบอีกฝ่ายในชุดเจ้าบ่าว ในงานแต่งงานเนี่ยนะ เขาคงจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ “......”

“คุณเลขาเป็นคนสั่งให้ผมมารับคุณคิมุระครับ”

เร็นจ้องชายในชุดสูทเขม็ง “.....”

“อย่าชักช้าสิครับ เดี๋ยวจะไปไม่ทันงานนะครับ”

...ลองไปดูก็ได้ เร็นบอกกับตัวเอง เขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าถ้าเจ้านายเห็นเขาในงาน อีกฝ่ายจะทำสีหน้าแบบไหนกันนะ

เด็กหนุ่มรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาใช้เวลาบอกปัดงานเลี้ยงฉลองกับทุกคนในทีมอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็โทรศัพท์ไปแจ้งข่าวกับมารดา เสร็จแล้วจึงเดินออกมาหาชายในชุดสูทที่ยืนรอเขานิ่งราวกับเสาปูน ในมือของเขาถือช่อดอกลิลลี่ที่เพิ่งได้รับมาก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ส่วนเสื้อผ้าที่ใช้แล้วอยู่ในเป้สะพายหลัง

“เรียบร้อยแล้วนะครับ เชิญทางนี้ครับ”

เร็นเดินตามชายหนุ่มไป ทั้งที่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะไปดีหรือไม่ แล้วเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นี่ก็เป็นแค่เสื้อสเวตเตอร์กับกางเกงยีนส์ จะเข้าไปในงานแต่งงานหรูหราในโรงแรมได้อย่างนั้นหรือ

พอเดินไปถึงรถที่จอดรออยู่ เด็กหนุ่มก็พูดกับชายหนุ่มในชุดสูทคนนั้น “ผม... กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ยครับ”

“ไม่จำเป็นครับ คุณเลขาเตรียมไว้ให้หมดแล้ว เชิญครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูออกแล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้รีบเข้าไปนั่งในรถโดยเร็ว

“เอ่อ... ครับ”

ไม่นานเร็นก็ไปถึงโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน จำนวนรถที่จอดอยู่ทั้งทางด้านหน้าโรงแรมและในที่จอดรถแน่นขนัด ชายหนุ่มขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถแล้วพาเร็นเดินเข้าไปภายในโรงแรม ตรงไปยังห้องพักแบบเรียบๆ ที่จัดเตรียมไว้ เขาใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องออก แล้วผายมือให้เด็กหนุ่มเข้าไปรอด้านใน

“อีกสักพักคุณเลขาจะมาครับ เชิญคุณคิมุระตามสบาย”

เร็นก้าวเข้าไปนั่งรอบนโซฟาเดี่ยวภายในห้องที่เปิดไฟไว้สว่างจ้า เขาประสานมือไว้ด้วยกันอย่างเกร็งๆ สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนบานประตูจะเปิดออก

“สวัสดีครับ คุณคิมุระ” เลขาหนุ่มยิ้ม “ยินดีด้วยกับชัยชนะของคุณในวันนี้”

...เขาชักสงสัยแล้วว่ายินดีด้วยจริงๆ น่ะหรือ

ร่างสูงผุดลุกขึ้น “เรียกผมให้มาที่นี่ในวันแบบนี้ ใจร้ายจังเลยนะครับ”

คาซึกิหัวเราะ “ผมนึกว่าคุณคิมุระอยากจะพบเจ้านายเร็วๆ ซะอีก”

“อยากพบสิครับ! แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย” เร็นเถียง จากนั้นจึงเบือนหน้าหลบ

“คุณคิมุระเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าครับ” หากเลขาหนุ่มไม่ใส่ใจ เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบชุดสูทสีดำมาส่งให้ “อยากพบเจ้านายมั้ยครับ”

เด็กหนุ่มอึกอัก แต่ก็พยักหน้า เขาต่อสู้ดิ้นรนมาขนาดนี้แล้ว จะมายอมแพ้เอาตรงนี้หรือ... ถ้านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะได้พบกับเจ้านาย เขาก็คงต้องยอม

เร็นรับเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เสื้อตัวในนั้นเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับไว้ด้วยเวสต์สีเทา จากนั้นคาซึกิจึงช่วยผูกเนกไทแล้วสอดเข้าไปในเสื้อเวสต์ให้ ก่อนจะส่งเสื้อสูทให้สวมทับ เสร็จแล้วก็จัดการกับทรงผมให้เรียบร้อยเป็นทรง “คุณคิมุระจะนั่งรออยู่ในห้องก่อน หรือจะเปลี่ยนใจลงไปในงานสักหน่อย”

“ผมรออยู่ที่นี่ดีกว่าครับ”

คาซึกิยิ้มมุมปาก “ไม่อยากฟังเจ้านายสีไวโอลินหรือครับ น่าเสียดาย ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นและได้ยินบ่อยนักนะครับ”

เร็นเลิกคิ้วขึ้น “เจ้านายจะสีไวโอลินในงานด้วยเหรอครับ” ...เจ้านายเคยบอกว่าจะสีไวโอลินให้เขาเพียงคนเดียวนี่นา แล้วทำไม... หรือว่า... “ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณเลขา”

“ถ้างั้นก็เชิญตามผมมาเลยครับ”

เมื่อเด็กหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องจัดเลี้ยง คาซึกิกับเขายืนหลบมุมอยู่บริเวณที่ไม่มีคนเพ่นพ่านไปมามากนัก ไม่นานหลังจากนั้นเสียงของไวโอลินก็ดังขึ้น เสียงเพลงบรรเลงซึ่งเร็นรู้จักดี เขายิ้มกว้าง เจ้านายกำลังส่งสารถึงเขาใช่ไหมนะ แต่ภาพของเจ้านายบนเวทีไกลๆ เขาไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนนัก หากก็คิดว่าชุดทักซิโดสีขาวคงจะเหมาะกับเจ้านายอยู่ไม่น้อย

ดวงตาสีเข้มจับจ้องร่างผอมบางนิ่ง ส่งเสียงถอนหายใจออกมาเป็นระยะๆ อดนึกน้อยใจในระยะห่างของตัวเขากับเจ้านายไม่ได้ เขาเป็นเพียงแค่นักศึกษาธรรมดาๆ ส่วนเจ้านายนั้น... ถ้าจะว่าไปแล้วก็ราวกับอยู่คนละโลกกับเขาเลยทีเดียว

เร็นมองตามเจ้าบ่าวของงานเดินลงจากเวทีขนาดเล็ก ส่งไวโอลินให้กับคนที่รอรับอยู่แถวนั้น แล้วเดินขึ้นไปหาเจ้าสาวบนเวทีหลัก ซึ่งเธอโผเข้ากอดชายหนุ่มในทันที วินาทีนั้นรู้สึกราวกับหัวใจถูกขยี้ให้แหลกเป็นผุยผง เขาเบือนหน้าหลบ

...ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกต้องหรือเปล่าที่ตามมาถึงงานเลี้ยงนี่ แล้วในวันแบบนี้ เจ้านายจะมีเวลามาฟังคำอธิบายของเขาอย่างนั้นหรือ แต่ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจกลับบ้านไปก่อนก็กลัวว่าคุณเลขาจะไม่ยอมให้ได้พบกับเจ้านายอีก

“เอาล่ะครับ ผมจะต้องเข้าไปดูแลเจ้านายแล้ว ถ้าคุณอยากจะเดินไปเดินมาแถวนี้ ทานอะไรเล่นสักหน่อยก็ตามสบาย หรือจะขึ้นไปพักผ่อนในห้องรอเวลาก็ได้ ตามใจคุณละกัน”

“ผมไปรอที่ข้างบนห้องดีกว่า”

คาซึกิพยักหน้ารับ “ถ้างั้นผมจะบอกให้พนักงานจัดอาหารไปส่งให้ที่บนห้องนะครับ”

“แล้ว... นี่ผมจะได้พบเจ้านายตามลำพังรึเปล่า”

คาซึกิอมยิ้ม เขาหยิบซองขนาดเล็กเสียบเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท “รออีกประมาณสองชั่วโมง ให้งานเลิกสักพักก่อนนะครับค่อยขึ้นไปที่ห้องนี้ แล้วระวังด้วยล่ะ พยายามให้คนเห็นน้อยที่สุดนะครับ” เขากระซิบ แล้วเดินฉับๆ ออกไป

มือหยาบสัมผัสซองกระดาษลื่นภายในกระเป๋าเสื้อ เขาลองหยิบออกมาเปิดดู ก็พบว่ามีคีย์การ์ดสองใบ ใบหนึ่งน่าจะเป็นของห้องพักที่เขาใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าในคราวแรก ส่วนอีกใบเป็นของห้องพักที่อยู่ชั้นบนสุด ก็น่าจะเป็นของ... เจ้านาย... อย่างนั้นหรือ

พอเร็นเงยหน้าขึ้น คาซึกิก็เดินหายเข้าไปในฝูงชนเช่นเดียวกับเจ้านายของอีกฝ่ายแล้ว เด็กหนุ่มหันรีหันขวาง ภายในงานนี้ก็ไม่ได้รู้จักกับใครซะด้วย เขาจึงเดินกลับไปที่ห้องพักตามลำพัง

เร็นจัดการกับอาหารมื้อค่ำที่พนักงานโรงแรมนำมาเสิร์ฟให้ไปเล็กน้อย ทั้งที่เขาควรจะหิวเพราะใช้พละกำลังในการแข่งขันไปมาก หากในใจรู้สึกกังวลแบบแปลกๆ ทำให้รับประทานอาหารไม่ลง เขาพลิกคีย์การ์ดไปมาอยู่ในมือ จากนั้นจึงหันไปมองช่อดอกลิลลี่สีชมพู

นัยน์ตาคมกริบชำเลืองมองเวลาบนนาฬิกาภายในห้องพัก เวลาช่างเดินไปอย่างเชื่องช้าเสียจริง เขานับถอยหลังทุกวินาที รอเวลาที่จะขึ้นไปพบกับเจ้านาย

และเมื่อถึงเวลา เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไปอย่างระมัดระวัง ขายาวก้าวไปตามทางเดินในตึก ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสูงสุด เมื่อประตูลิฟต์โดยสารเปิดออกก็ก้าวออกมาแล้วหันมองซ้ายขวา จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปยังห้องที่เป็นจุดหมาย

เร็นง้างมือขึ้นเพื่อเตรียมเคาะประตู แต่แล้วก็ชะงักค้าง ถ้าเวลานี้เจ้านายอยู่ในห้องด้วยกันกับเจ้าสาว เขาคงจะตกใจไม่ใช่น้อย แต่ถ้าหากเจ้านายอยู่ตามลำพัง แล้วพอรู้ว่าเป็นเขาก็ไม่ยอมเปิดประตูล่ะ

ร่างสูงเม้มปาก ก่อนจะตัดสินใจเสียบคีย์การ์ดเข้าไปในช่องอ่านการ์ดแล้วค่อยๆ เปิดประตูออก เขาชะโงกหน้าเข้าไปสำรวจภายในห้องสวีตขนาดกว้างขวาง หากมีแสงไฟสลัวมาจากโคมไฟตรงหัวเตียงที่เปิดทิ้งไว้เท่านั้น ภายในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน

เร็นก้าวเข้าไปข้างในพลางปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้งขณะเดินสำรวจพื้นที่ภายใน มือกร้านไล้ผ่านโต๊ะทำงานตัวเขื่อง แล้วไปสะดุดกับโลหะเย็นเฉียบ ซึ่งสัมผัสนั้นเรียกให้เขาหันไปมองดูทันควัน

แหวนสีทองกลมเกลี้ยงที่วางอยู่บนผ้าเช็ดหน้าสีขาว... มันคือแหวนแต่งงานของดาริล

เด็กหนุ่มหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาตรงหน้า หัวใจเจ็บราวกับถูกแทงด้วยมีดแหลม เขากำมันไว้ในมือแน่น ใจนึกอยากจะปาทิ้งไปเสีย แต่ก่อนที่จะทำอะไรลงไป เสียงที่แว่วมาจากทางห้องอาบน้ำก็ดึงสติเขาให้กลับคืนมา พอหันไปดูก็เห็นว่ามีแสงไฟเล็ดลอดออกมาตามแนวประตูเล็กน้อย ทำให้นึกได้ว่าบางทีเจ้านายอาจจะกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน

เด็กหนุ่มวางแหวนวงนั้นคืนที่เดิม จากนั้นจึงเดินไปหยุดที่ตรงบานประตูแล้วเงี่ยหูฟัง ภายในห้องอาบน้ำมีเพียงเสียงน้ำไหลเท่านั้น เขาจึงค่อยๆ เลื่อนบานประตูออก แล้วมองเข้าไปภายใน

ร่างผอมบางนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ศีรษะเอนพิงขอบอ่าง เส้นผมสีทองเปียกชื้น ดวงตาคู่สวยปิดสนิท ชายหนุ่มฮัมเพลงเบาๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีใครบุกเข้ามาจวนเจียนจะถึงตัวอยู่รอมร่อ

เร็นชะโงกเข้าไปสำรวจภายในห้องน้ำ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟ


TBC~*



จะได้พบกันแล้วววว สองหนุ่มเขาเคยแต่พบกันในความมืด เพราะงั้นน้องเร็นปิดไฟรอแล้วนะคะ 5555

ถ้าได้พบเจ้านายในที่สว่างสักครั้ง น้องเร็นจะเป็นยังไงน้อ >< ยังไงก็ขอให้รอติดตามในตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-07-2015 20:58:59
ถึงกับไม่อยากรอ อยากให้สองคนนี้เจอกัยเร็วๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-07-2015 21:10:21
น้องเร็นเล่นอะไรคะเนี่ย ^^ เดี๋ยวดาริลก็ตกใจแย่หรอกค่ะ แต่ทำแล้วต้องรับผิดชอบด้วยการโอ๋ดาริลด้วยละกันน้าาา งื้ออออ ขวัญเอ๊ยขวัญมา~ :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-07-2015 21:20:12
จะพบกันแบบสว่างๆ แล้ววว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-07-2015 21:25:51
โอ้ย ตื่นเต้นกับแผนการณ์คุณเลขา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 08-07-2015 21:28:17
และแล้วก็
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-07-2015 21:52:49
ยินดีด้วยนะทั้งเร็น ดาริลและคาโอรุ 

ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว :กอด1:


อยากกลายร่างเป็นจิ้งจกเกาะข้างฝาในห้องนี้.....

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 08-07-2015 21:53:21
ความตั้งใจใกล้จะเป็นจริงแล้ว อดทนอีกนิดเดียวนะเจ้านาย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 08-07-2015 21:56:05
ลอยคอ รอคอยตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ สองคนนี้เค้าจะได้เจอกันแล้ววว
ดาริลกับเร็นเป็นพระนายที่แลดูอาภัพแบบแปลกๆ เคยเจอกันคุยกันเมื่อหลายปีก่อนแค่ครั้งเดียว
หลายปีต่อมากลับมาเจออีกทีดันไม่ได้เห็นหน้า พอเข้าตอนที่ 13 ก็ต้องจากกัน ห่างกันไปตั้ง 9 ตอน
ไฟนอลลี่ๆๆๆๆตอนต่อไปก็จะได้เจอกันแบบปกติเห็นหน้าค่าตาแล้ว เย้ๆๆๆ...T_T

เร็นนี่ตั้งแต่รู้ว่าดาริลจะแต่งงานจนกระทั่งมานั่งอยู่ในงานแต่งเค้าทั้งๆที่ไม่รู้ความจริงก็คงอดทนมากเนอะ
ดาริลเองก็น่าสงสารตั้งแต่ยังเด็ก แต่ยังดีที่มีคนรอบข้าง ทั้งพี่คาซึกิ ทั้งเพื่อนๆที่ดีคอยเป็นกำลังให้
ตอนย้อนความสมัยดาริลยังเด็กมีเรื่องกับพ่อแล้วพี่คาซึกิมาช่วยนี่เราแอบน้ำตาซึมเลย พี่คาซึกิช่างเท่จริงจริ๊ง ซาบซึ้ง
ตอนนี้คุณพี่ก็จัดการอะไรๆให้เร็นได้เจอกับดาริลอย่างสะดวกโยธินเลยเนอะ แก้ตัวที่หลายปีก่อนเคยวางแผนไว้ละกันนะ
จะว่าไปสมัยที่ดาริลไปเจอฉากเด็ดเร็นอ่ะ ตอนนั้นสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่เรอะ เราเลยไม่ได้อะไรมากเท่าไหร่

ชอบสถานะของสองคนนี้นะ คนนึงอายุมากกว่าเพอเฟ็กต์บ้านรวย อีกคนอายุน้อยกว่าเป็นนักกีฬามหาลัยธรรมดา
อุต๊ะ ไม่รู้ทำไมมันช่างก๊าวใจจริงๆ ไม่ค่อยเห็นนักกีฬาเบสบอลในนิยายเท่าไหร่ด้วย
ปกติชอบดูอนิเมะกีฬาเบสบอลนะ (ถึงจะไม่ค่อยรู้กติกาก็เถอะ แต่ดูๆไปก็สนุกดี อิอิ)
น้องเร็นดูรักกกดาริลดี ชอบแสดงออก น่าจะช่างอ้อน เหมือนน้องหมาตัวโต น่าย๊ากกกกกกกกก

กลัวเรื่องนี้จบเร็วจัง อย่างที่บอกว่าแอบรอสองคนนี้เจอกันแบบเห็นหน้ามาเกือบสิบตอนละ
อยากเห็นเค้าอยู่ด้วยกันไปอีกหลายๆตอนเลยค่ะ คุณฮัสกี้อย่าเพิ่งรีบจบน้าาาาาาาาาา
ช่วยชดเชยที่ต้องแยกจากกันไปหลายตอนด้วยเถิดดด พลีสสสส
 :mew2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-07-2015 22:04:52
ดีจังที่เร็นไม่ขี้งอน บอกให้ทำอะไรก็ทำตามหมดทุกอย่าง บางคนไม่รอถึงวันนี้แน่ โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 08-07-2015 22:07:47
และแล้ว.....ก็ปิดไฟ :hao6:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 08-07-2015 22:21:49
งื้อออ มาหลอกให้ค้างงง ตอนนี้มีความสุขไปกับเร็นกับดาริล
ได้เจอกันซะทีนะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 08-07-2015 22:58:42
ตื่นเต้นสุดๆ. จะเจอกันแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-07-2015 00:04:57
 เรื่องนี้เหมือนชะตารักของตัวละครจะลำเค็ญที่สุดในบรรดางานของคนเขียนเลยค่ะ

สงสารทั้งคู่ และคาโอรุและค่หมั้นด้วย เกลียดผู้ใหญ่ที่ชอบบังคับให้คนอื่นเดินตามทางตัวเองเลือกโดยอ้างว่าหวังดี
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-07-2015 00:33:07
ว้ากกกก
ปิดไฟรอ เค้าจะเป็นยังไงกันต่อเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: newone ที่ 09-07-2015 06:20:32
 :katai5: เค้ากะลังแอบซ่อนตัวอยู่ในห้อง คลุมโปงรอส่องดูสองหนุ่มปรับความเข้าใจกันค่ะ
โอยยยยยยยยย ลุ้น หวังว่าตอนหน้าต้องฟินมากๆแน่เลย แฮ่ๆ :m25:
แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะชอบแบบมืดหรือสว่างมากกว่าค่ะ
เจอกันตอนสว่างก็คงเขิลๆเนอะ ฮิฮิ ดีงามอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-07-2015 09:15:21
เค้าจะได้เจอกันแล้ว  :katai2-1: รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: subbeau ที่ 14-07-2015 15:17:34
ถึงจะมีอุปสรรคต่างๆนานา แต่สุดท้ายสองคนนี้ก็จะได้พบกันอีกครั้งแล้ว ดีใจ ฮืออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 14-07-2015 15:36:55


Chapter 23 : ไซคีพบอีรอส



...จบสิ้นซะที งานเลี้ยงบ้าๆ ไร้สาระแบบนั้น

เสียงผ่อนลมหายใจแผ่วเบาแว่วมาจากเจ้าของร่างผอมบางในอ่างน้ำอุ่น ริมฝีปากสีแดงสดอมยิ้มน้อยๆ ในยามนี้นึกถึงแต่เพียงเวลาที่จะได้พบกับเด็กหนุ่มที่แสนรักอีกครั้ง อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ก็ได้ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเขาจะลองเร่งเร้าคาซึกิดูสักหน่อย

ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่ปิดลงช้าๆ จนสนิท ตั้งใจว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วจะเปิดดูคลิปบันทึกการแข่งขันเบสบอลของมหาวิทยาลัยในโตเกียวรอบชิงแชมป์นั่น เขาอยากจะเห็นนัยน์ตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะของเด็กหนุ่มมากเหลือเกิน นั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความหวังในการต่อสู้อุปสรรคในชีวิตเช่นกัน


“ผม... เป็นคนผิดเอง ผมทำผิดกฎ ผมเปิดผ้าม่านทั้งที่รู้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วยังคิดทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกอดจูบอยู่ทุกคืน คือคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรอคอยมานาน”


...รอคอยมานาน อา... เร็นจำเขาได้ จำได้แม้กระทั่งชื่อ


“ผมรักคุณดาริล จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผม”



เพียงแค่นึกถึงว่าเด็กหนุ่มเพียรพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้ได้พบกันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยก็เต้นระส่ำ ดาริลฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข เขาไม่อยากที่จะรอให้คาซึกิไปพบกับเร็นก่อนซะแล้ว ในอดีตตัวเขาเป็นฝ่ายเอาแต่หนีแล้วก็หลบเลี่ยงเพราะคิดว่าเร็นไม่เคยให้ความสนใจอะไรกับตนเองเลย ประกอบกับกลัวว่าถ้าเด็กหนุ่มรับรู้ถึงความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ อีกฝ่ายอาจจะมองว่าเขาเป็นคนแปลกประหลาด น่ารังเกียจ ทว่าในเวลานี้ หัวใจของพวกเขาตรงกันแล้ว... เขาอยากจะพบกับเร็น อยากอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงและอบอุ่นอีกครั้ง


พรึ่บ


“หือ?” ดาริลลืมตาพลางยันตัวขึ้นนั่ง... ไฟดับ? ในโรงแรมเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

เมื่อได้ยินเสียงประตูแง้มเปิดออก ใบหน้าหวานหันไปทางต้นเสียงทันที แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงทางด้านหลังฉาบร่างสูงเบื้องหน้าให้เห็นเพียงแค่เงาสีดำ ชายหนุ่มลุกขึ้นพรวด มือขาวรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาปิดบังร่างกาย “ใครน่ะ! พี่คาซึกิเหรอ!? อ๊ะ!” ร่างผอมบางที่เปลือยเปล่าถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ดวงตากลมโตเบิกโพลง มือขาวผลักตนเองออกด้วยความตกใจ “ใคร! ปล่อยเดี๋ยวนี้!”

“เจ้านาย”

เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบประชิดใบหูขาว สองแขนรัดเรือนกายที่เปียกชุ่มเอาไว้แน่น “เจ้านาย... คิดถึงคุณเหลือเกิน”

ชายหนุ่มที่กำลังดิ้นเร่าพร้อมกับทุบตีคนที่ถือวิสาสะเข้ามาแตะต้องเนื้อตัวหยุดกึก “เร็น” กลีบปากอิ่มเผยอค้าง 

“ขอโทษที่บุกรุกเข้ามาแบบนี้ แต่ผมกลัวว่าถ้าเคาะประตูเรียก เจ้านายเห็นผมแล้วจะไม่ยอมเปิดประตูให้ ผมเลยใช้คีย์การ์ดที่คุณคาซึกิให้เปิดเข้ามาเอง” ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงบนหัวไหล่เล็ก “ขอผมกอดคุณอีกสักนิด อย่าเพิ่งไล่ผมออกไปเลยนะครับ”

สองแขนเรียวค่อยๆ ยกขึ้นโอบลำตัวหนา ทั้งๆ ที่มีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยออกไป ทว่าเวลานี้กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักนิด “.....”

“ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” เร็นย้ำคำพูดของตนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ราวกับเวลาของพวกเขาหยุดลงแค่นั้น ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน มีเพียงเสียงของลมหายใจแผ่วเบากับหัวใจที่เต้นรัวแรงประสานกันเป็นจังหวะหนักๆ

ร่างผอมบางสั่นน้อยๆ เมื่อรู้สึกหนาว เขาจึงสะกิดเจ้าของอ้อมกอด “ผมหนาวน่ะ... ออกไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย”

เร็นเงยหน้าขึ้น “เจ้านายจะไม่ไล่ผมออกไป ไม่หนีผมไปไหนใช่มั้ยครับ”

ริมฝีปากสีสตรอว์เบอร์รีคลี่ยิ้ม “ไม่หรอก”

แขนแกร่งคลายออกช้าๆ อย่างลังเล แต่ก็เป็นห่วงว่าเจ้านายจะไม่สบาย “งั้นผมจะไปเอาเสื้อคลุมมาให้ก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มหันไปควานหาเสื้อคลุมตามชั้นวาง

“เปิดไฟสิ”

“ไม่ดีกว่าครับ เจ้านายโป๊อยู่...”

ดาริลชะงัก ใบหน้าร้อนวาบ มือขาวเอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่าง จากนั้นก็ก้าวออกมาจากอ่างน้ำแล้วเดินฉับๆ เข้าไปภายในห้อง

“เจอแล้ว! อ้าว! เจ้านายครับ!” เร็นคว้าเสื้อคลุมตามออกไป “เจ้านาย นี่ครับ เสื้อคลุม”

ชายหนุ่มหยุดกึก เขาหันมาประจันหน้ากับร่างสูง แสงสลัวภายในห้องทำให้พวกเขามองเห็นกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนมือขาวจะปล่อยผ้าเช็ดตัวออก

เร็นปิดตาลงพร้อมหันหน้าหนีทันควัน แต่มือก็ยื่นเสื้อคลุมให้กับเจ้านาย “เชิญครับ”

ดาริลเอื้อมมือออกไปรับเสื้อคลุมมาสวม “ถ้าไม่อยากเห็นผมนักละก็ จะปิดไฟที่หัวเตียงนั่นก็ได้นะ”

“เจ้านาย!” เด็กหนุ่มหันขวับกลับมาประสานสายตากับดวงตาสีเขียวใส ภาพตรงหน้าส่งผลให้หัวใจเต้นแรงจนเจ็บในอก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ สายตาไล่มองจากปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้าอย่างเชื่องช้า เจ้านายของเขาช่างงดงามราวกับภาพวาด เรือนร่างขาวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย ร่องชีพจรกับแผ่นอกที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มดูเย้ายวน เส้นผมสีเดียวกับทองคำล้ำค่าปรกตามกรอบใบหน้าเรียวเล็ก “เอ่อ... ไม่ใช่...”

ใบหน้าสวยหวานเบือนหลบ “....”

“ผม... คือ... อา...” ร่างสูงยกมือขึ้นลูบท้ายทอย เขาจะอธิบายกับเจ้านายว่าอย่างไรดี ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด “...คือ ผมไม่เคยได้เห็นร่างกายของคุณใกล้ๆ ชัดๆ มาก่อน ผมกลัวว่าจะตื่นเต้นจนทนไม่ไหว” เขาก้าวเข้าไปยืนเบื้องหน้าชายหนุ่ม แล้วเอื้อมมือออกไปกุมมือขาว “เจ้านาย... คุณไม่รู้เลยรึไงกันว่าตัวคุณสวยงามมากขนาดไหน ผมกลัวว่าหัวใจของผมจะรับไม่ไหว”

พวงแก้มนิ่มซับสีเลือด “...พูดบ้าๆ”

“จริงๆ นะครับ” เร็นดึงมือขาวไปวางบนแผ่นอกเหนือหัวใจที่กำลังเต้นรัว “เชื่อผมรึยังครับ”

ดาริลดึงมือกลับ ใบหน้าร้อนผ่าว จะว่าไป... อย่าว่าแต่เร็นเลย หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำเช่นกัน ทำอย่างกับว่าเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกอย่างนั้นล่ะ เขาตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยกับเด็กหนุ่มอย่างไรดีแล้ว

“เจ้านาย คือ... ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี” เร็นพ่นลมหายใจออกหนักๆ “อ่า... อย่างแรก ผมต้องขอโทษที่ผิดสัญญา ผม... เพราะผมคิดว่าคุณเป็นคนเดียวกับคนที่ผมเคยพบมาก่อน เป็นคนที่ผมรอคอย เพราะงั้นก็เลย...”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

“ไม่ได้หรอกครับ” เร็นส่ายหน้าไปมา “เจ้านาย เมื่อห้าปีก่อน คุณบอกว่าจะมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล”

“ผมก็ไปเยี่ยมแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แต่คุณบอกว่าจะมาอีก ผมรอคุณทั้งวัน รอจนออกจากโรงพยาบาล จนกลับลงสนามได้ แต่คุณก็ไม่เคยกลับมาหาผมเลย”

“ไปแล้ว... ไปตั้งหลายหน” ดาริลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“อ้าว... งั้นทำไมเราไม่ได้พบกันล่ะครับ เจ้านายใจร้ายจัง”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบสายตากับร่างสูง เขาเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกไว้เล็กน้อย “ผมเห็นว่าคุณอยู่กับเพื่อนๆ ก็เลยไม่อยากรบกวน แต่ครั้งสุดท้ายที่ตั้งใจว่าจะไปพบคุณให้ได้... ผมเห็นคุณอยู่กับคนรักของคุณ... ในห้อง”

เร็นเลิกคิ้วขึ้น วางมือบนหัวไล่เล็กแล้วโน้มศีรษะเข้าไปหา “เจ้านาย ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมขอโทษ... ผมไม่ได้ต้องการให้คุณเห็นตัวผมแบบนั้น คือว่า เอ้อ... มันอาจจะฟังดูเหมือนคำแก้ตัว แต่... ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าหากคบกับใครสักคนก็อาจจะลืมเรื่องของคุณไปได้บ้าง” นัยน์ตาคบกริบสบประสานกับดวงตาสีเขียวใส “...แต่ก็เป็นอย่างที่เจ้านายเห็นนี่ล่ะครับ ผมไม่สามารถลืมคุณได้ คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าที่โบสถ์ใกล้โรงพยาบาลที่แม่ผมรักษาตัวอยู่มีภาพวาดบนผนังที่เหมือนกับคุณมาก ผมชอบไปที่นั่น... เพราะจิตใต้สำนึกของผมคิดถึงแต่คุณอยู่เสมอ”

แววตาสีมรกตสั่นไหว เช่นเดียวกับหัวใจของผู้เป็นเจ้าของ เขาไม่อยากเชื่อหูตนเองสักเท่าไหร่ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ เร็นคิดเช่นนี้มาตลอดเลยงั้นหรือ ถ้างั้นพวกเขาก็ไม่ต่างกันเลยน่ะสิ

“เจ้านาย คุณเองก็ลืมผมไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ คุณถึงได้ซื้อตัวผม”

ดาริลเบือนหน้าหลบ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

เด็กหนุ่มรวบมือขาวขึ้นมาแนบจูบ “เจ้านาย ขอให้เชื่อใจผมอีกสักครั้งได้มั้ยครับ ผมรักคุณ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีกเด็ดขาด”

“เร็น... ผมแต่งงานแล้วนะ”

มือหยาบค่อยๆ เคลื่อนไปโอบกอดร่างผอมบางไว้หลวมๆ “ผมรู้ แต่เจ้านายไม่ได้เต็มใจนี่! ไม่อย่างนั้น คุณคงไม่อยู่ที่นี่คนเดียวในคืนเข้าหอแบบนี้!” จากนั้นจึงจับมือซ้ายของเจ้านายขึ้นมาตรงหน้า “แหวนแต่งงานคุณก็ไม่ได้ใส่”

“ผมแค่ถอดออกเพราะอาบน้ำ”

“เจ้านาย” เรียวปากหยักได้รูปจูบลงบนข้อนิ้วนางตรงที่ควรจะมีแหวนแต่งงานสวมอยู่ “สักวัน เมื่อผมคืนเงินให้เจ้านายได้หมดแล้ว ผมจะหาซื้อแหวนที่เหมาะสมมาสวมให้กับคุณเองนะครับ รอก่อน... รอผมนะครับ”

“คืนเงินอะไรกัน”

“เงินที่ผมรับมา ผมจะคืนให้คุณทั้งหมด ผมสัญญา”

ดาริลหลุบตาลงต่ำ “เงินแค่นั้น มันไม่ทำให้ผมลำบากหรอกน่ะ”

“เจ้านาย ผมรักคุณจริงๆ นะ ถ้าผมคืนเงินพวกนั้นไม่ได้ ผมก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ต้องการเอาแต่ผลประโยชน์จากคุณน่ะสิ” มือหยาบเชยคางเรียวขึ้นมาสบสายตากัน พลางยิ้มบาง “ได้มองหน้าคุณใกล้ๆ แบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลย” แขนแกร่งโอบรัดร่างผอมบางเข้ามาประชิดลำตัว ก่อนจะแนบจูบบนหน้าผากมน “...มันทั้งเหงาแล้วก็ทรมานสุดๆ ไปเลยนะครับ เวลาที่ผมไม่ได้เจอกับเจ้านาย ทุกวัน... ผมต้องซ้อมวิ่งจนเหนื่อย เพื่อให้สลบไปก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง ผมกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะคิดถึงคุณจนจะขาดใจ”

ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เร็นนี่ ช่างรู้จักวิธีพูดที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงดีจริงๆ ดาริลพยายามไม่แสดงความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้มากนัก หากเสียงที่เปล่งออกไปเบาหวิว “ปากดีอีกแล้ว”

“ถ้าเจ้านายได้เห็นว่าผมต่อสู้มากแค่ไหนเพื่อให้ได้มาพบคุณอีกครั้ง คุณจะไม่สงสัยในความรักของผมเลย” เร็นยิ้มกว้าง “ผมรอวันที่จะได้พบกับคุณ ได้กอดคุณแบบนี้มาตั้งนาน”

รอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรึงสายตาของดาริลไว้นิ่ง รอยยิ้มที่เขาหลงใหล “เร็น”

“ผมรักคุณนะ รักจนจะบ้าอยู่แล้ว” เรียวปากอุ่นจูบแก้มสีแดงเรื่ออย่างแผ่วเบา ค่อยๆ เคลื่อนไปยังริมฝีปากที่เป็นจุดหมายอย่างเชื่องช้า พลางพร่ำกระซิบคำหวาน “เจ้านายครับ เพลงที่คุณสีไวโอลินในงานเพลงนั้น คุณตั้งใจจะเล่นให้กับผมใช่มั้ย”

ดาริลเงยหน้ารับจุมพิตที่แนบเข้ามาบนกลีบปากอิ่มอย่างเชื่องช้า ความนุ่มนวลและอ่อนโยนแบบที่ตัวเขาเองก็เฝ้าคิดถึง “ใช่” นัยน์ตาสีเขียวใสปิดลง พร้อมกับเผยอเรียวปากเล็กน้อย

เร็นบดริมฝีปากเข้าหาเรียวปากนุ่มนิ่ม สอดลิ้นเข้าไปตระกองกอดลิ้นเล็กสีชมพู ขบเม้มกลีบปากหอมหวานเบาๆ สัมผัสอย่างทะนุถนอมที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

...โชคดีที่เขาเองก็เชื่อมั่นเช่นนั้น เพราะภาพที่เจ้านายกอดกับคนอื่นทำให้เขาหวั่นไหวมากเหลือเกิน

“เจ้านาย ให้โอกาสกับผมอีกครั้งนะครับ ขอให้ผมได้ใกล้ชิดกับคุณ ได้เป็นคนพิเศษของคุณอีกครั้ง... นะครับ” เด็กหนุ่มกระซิบบนกลีบปากที่เพิ่งจากมา

ดาริลลืมตาขึ้นช้าๆ พลางยิ้มบาง “...เร็น แต่ว่า...”

เร็นจูบปิดริมฝีปากสีแดง บดเคล้าหนักหน่วงขึ้น แล้วจึงละออกมาเล็กน้อย “เจ้านาย ผมรักคุณนะ อย่าใจร้ายกับผมเลย”

แขนเรียววาดโอบลำคอหนา ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง “คุณเป็นคนพิเศษของผมเสมอ คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว” เขาถอนหายใจหนักๆ “แต่เรื่องของเรา... คงต้องปิดบังไว้แบบนี้ ถ้าเราต้องคบหากันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตลอดเวลา คุณจะทนได้เหรอ”

“ทนได้สิครับ ผมยอมทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง” ร่างสูงยิ้ม ดวงตาคมกริบฉายแววหนักแน่น “ต่อให้ผมต้องเก็บเรื่องของเราเป็นความลับไปตลอดชีวิต ผมก็ยอม”

“ต่อไปในอนาคต คุณคงจะมีคนเข้ามาหามากมาย”

“แต่คนที่ผมรักคือคุณ ผมรักคุณ”

“ตอนนี้ก็พูดได้” ดาริลหัวเราะเบาๆ

เด็กหนุ่มตอบสวนกลับไปทันที “แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณได้เห็น”

ร่างผอมบางอ่อนยวบไปทั้งใจ เขาคล้อยตามคำสัญญาของอีกฝ่าย แม้ลึกลงไปจะยังไม่อยากปักใจเชื่อเท่าไรนัก นั่นเป็นเพราะอนาคตของเร็น เมื่อเด็กหนุ่มได้เป็นนักเบสบอลมืออาชีพ มีชื่อเสียงและเงินทองแล้วก็คงจะไม่สนใจเขาอีก อีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นอิสระเมื่อไหร่ “ขอบใจ”

“เจ้านายยังไม่เชื่อผมใช่มั้ยครับ” เร็นอ่านเอาจากสีหน้าของเจ้านาย “...เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์”

“อืม” ดาริลไม่พูดอะไรมากนัก แค่พยักหน้าหงึกหงักแล้วคลายอ้อมแขนออก ทว่าร่างสูงกลับย่อตัวลงแล้วอุ้มเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว “เร็น! จะทำอะไร!”

“คืนส่งตัวทั้งที เจ้าบ่าวควรจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับเจ้าสาวไม่ใช่เหรอครับ แต่เจ้านายอยู่คนเดียวแบบนี้ เพราะงั้น ผมจะเป็นเจ้าบ่าวให้คุณเอง” เร็นอุ้มเจ้านายไปยังเตียงหลังใหญ่ พอวางลงแล้วก็ขยับขึ้นไปคร่อมทับ

“เร็น! เดี๋ยวก่อน!” ใบหน้าหวานเบือนหนี

มือหยาบประคองมือขาวขึ้นมาจูบลงไปบนหลังมือแล้วพูดเสียงอ้อน “ไม่ได้เหรอครับ... เจ้านาย”

“ปิดไฟ... ก่อนนะ”

“อา จริงสิ” เร็นเอื้อมมือไปเปิดไฟให้สว่างขึ้น ส่งผลให้คนใต้ร่างโวยวายขึ้นมาทันที

“เร็น!”

“ผมอยากเห็นเจ้านายชัดๆ นี่ครับ” เด็กหนุ่มให้เหตุผล “...วันนี้ ผมจะจูบเจ้านายให้ครบทุกส่วน จะจูบทั้งตัว...” เขากระตุกเชือกผูกเอวของเจ้านายออก แล้วสอดมือเข้าไปภายใต้เสื้อคลุม

“อะ” ใบหน้าสวยหวานร้อนราวกับถูกไฟลน

ลิ้นอุ่นลากไล้ สลับพรมจูบบนลำคอ เลื่อนลงมาบนแผ่นอก ก่อนจะแตะลงเบาๆ บนยอดอกสีชมพู ขบสลับดูดให้เกิดเสียงดังจนคนใต้ร่างต้องยกมือขึ้นปิดหูเมื่อได้ยินเสียงนั้น

เร็นอมยิ้ม เขาจับข้อมือเจ้านายยกขึ้น แตะลิ้นลงไปตรงปลายนิ้วมือแล้วไล้เลีย โดยที่นัยน์ตาสีเข้มยังจับจ้องอยู่บนใบหน้าหวาน จากนั้นจึงจูบลงไปบนข้อมือ พรมจูบไปตามความยาวของลำแขน แล้วจึงสลับไปทำเช่นเดียวกันกับท่อนแขนอีกข้าง

ดวงตาสีมรกตปรือปรอย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างไม่ปิดบังของเด็กหนุ่มทำให้ตัวเขารู้สึกอาย “อา... พอแล้ว”

“นี่แค่เริ่มต้นเองนะครับ” ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาจูบเม้มบนแผ่นอกสีขาวอีกครั้ง สร้างร่องรอยสีแดงเรื่อไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เคลื่อนกายลงสู่ที่ต่ำ “ของจริงจะเริ่มต่อจากนี้”


...

........

...

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ เต็มตื้นในหัวใจที่ได้เห็นเจ้านายมีความสุขกับการร่วมรักไปกับตน ร่างผอมบางที่พลิ้วไหวอยู่บนตักราวกับเปลวไฟต้องลมช่างดูมีเสน่ห์มากเหลือเกิน ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคู่สวยนั้น การได้ครอบครองเจ้านายทั้งตัวและหัวใจแบบนี้ทำให้เขามีความสุขจนคิดว่าถึงต้องตายก็คงไม่เสียดายชีวิต “เจ้านาย ผมรักคุณ รัก... รักจนจะตายอยู่แล้ว”

ดาริลจูบปิดเรียวปากหยักบาง สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด แลกเปลี่ยนของเหลวเหนียวใสของกันและกัน เมื่อถอนริมฝีปากออกมาก็จูบลงไปอีกครั้งเบาๆ “เลิกเรียกเจ้านายได้แล้ว ผมไม่ใช่เจ้านายคุณแล้วนะ”

เร็นหัวเราะ มือหยาบวางประกบเอวคอดเพื่อช่วยประคองร่างผอมบางที่กำลังขยับขึ้นลง “...ผมไม่รู้จะเรียกว่ายังไงดี”

“เรียกดาริลสิ” ริมฝีปากที่เผยอหอบกระซิบตอบ พลางเบียดส่วนไวสัมผัสเข้ากับหน้าท้องแกร่ง

“คุณดาริล อา... ซี้ด...” เด็กหนุ่มกัดกรามแน่น “...แล้วผม... จะอยู่ในฐานะอะไรของคุณล่ะครับ”

“อื้อ... ยังต้องถามอีก อา... เร็น ผมจะทนไม่ไหวแล้ว”

เร็นกุมส่วนที่แข็งเกร็งของอีกฝ่ายไว้เพื่อไม่ให้ข้ามผ่านจุดสูงสุดของอารมณ์ไปได้ แล้วโอบเอวบางไว้แน่น “ผมอยากได้ยินจากปากของคุณนี่นา”

“ฮึก” อารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่ในกายจวนเจียนจะล้น อยากจะเร่งขยับตัวเร็วและแรงขึ้นหากก็ทำไม่ได้ ดาริลกัดริมฝีปาก “...คนรัก... ของผม”

หัวใจของเด็กหนุ่มแทบจะหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น ในตอนแรกคิดว่าเจ้านายคงจะตอบว่าเขาเป็นคนพิเศษ ในฐานะนั้นเขาก็ยินดีจะแย่ ทว่า คนรัก... “คุณดาริล”

“พูดว่ารักผมสิ เร็น” ดาริลเอ่ยขณะที่กลีบปากอวบอิ่มคลอเคลียอยู่บนเรียวปากได้รูป “จูบผม... รักผมให้มากๆ”

“ผมจะทำให้คุณมีความสุข ผมรักคุณ คุณดาริล รักที่สุด”

“อะ... อ๊า...”

เมื่อเห็นว่าคนรักก้าวถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจึงเร่งจังหวะกระแทกสวนขึ้นไปในร่างผอมบางเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดึงอีกฝ่ายลงมา เขากัดกรามแน่นจนนูนเป็นสัน “คุณดาริล” ร่างสูงพูดเสียงกระเส่า “ผม... ปล่อยข้างในได้มั้ยครับ” 

ดาริลพยักหน้า “ได้สิ อื้ม...” หยาดรักอุ่นร้อนแทรกลึกในช่องทางอ่อนนุ่มที่โอบรัดอยู่แน่น เขารู้สึกถึงส่วนร้อนที่เต้นตุบๆ อยู่ในกาย

สองร่างโอบรัดกันแน่นจนแทบจะรวมเป็นหนึ่ง ค้างนิ่งอยู่เช่นนั้นจนลมหายใจเกือบจะกลับเป็นปกติ ดาริลผละออกเล็กน้อย แล้วแตะหน้าผากไว้ด้วยกันกับของเด็กหนุ่ม สองมือประกบแก้มแล้วพรมจูบ

“ผมรักคุณนะ คุณดาริล”

“รู้แล้วล่ะ”

เร็นยกมือขึ้นประกบหลังมือขาวทั้งสองข้างแล้วกุมไว้ “...คือ... ผมอยากจะขออะไรจากคุณสักหน่อย ได้มั้ยครับ”

“หืม”

“ผม... ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของคุณได้มั้ย คือ... ผมอยากจะโทรหาคุณบ้าง ถ้าหากคุณไม่ว่าอะไร”

ดาริลหัวเราะ “ได้สิ ถ้างั้นผมขออะไรจากคุณบ้าง แลกกันนะ”

“ครับ ผมให้คุณดาริลได้ทุกอย่างเลย” เร็นยิ้มแบบที่ทำให้หัวใจของคนบนร่างสั่นรัว

ศีรษะเล็กซุกลงบนแผ่นอกกว้างพลางอมยิ้ม “อาจจะไม่สะดวกนัก แต่... เราพบกันบ่อยๆ ได้มั้ย”

ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้น “ได้เหรอครับ! ผม... จะมาหาคุณดาริลได้เหรอครับ”

ดาริลขมวดคิ้วพร้อมยกศีรษะขึ้น “ใครขอใครกันแน่เนี่ย” มือขาวหยิกแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ “เอาไว้โทรคุยกัน แล้วค่อยนัดเจอกันเนอะ แต่คุณคงจะวุ่นกับการฝึกซ้อมเบสบอลแทบทุกวันเลย”

“ถ้าคุณดาริลอยากพบผม ไม่ว่าเมื่อไหร่ ตอนไหน ผมก็จะไปหา”

“ถ้าเป็นตอนเรียนอยู่ล่ะ”

“เรียนอยู่ก็จะแอบออกจากห้องไปเลยครับ”

“แล้วถ้าแข่งอยู่ล่ะ”

“ก็จะรีบออกจากสนามไปหาคุณเลย โอ๊ยๆ คุณดาริล~”

ชายหนุ่มหัวเราะแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปกัดปลายจมูกโด่งด้วยความหมั่นไส้ “แล้วจะคอยดู”

เร็นค่อยๆ พลิกตัวให้ร่างผอมบางเป็นฝ่ายลงไปอยู่ใต้ร่างโดยที่ร่างกายของทั้งสองยังเชื่อมติดกันอยู่ ใช้สองแขนกักอีกฝ่ายไว้ภายในพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณดาริลไม่ยอมเชื่อใจผมสักที เห็นทีผมคงจะต้องยืนยันด้วยร่างกายอีกครั้ง”

“อะ!” ดาริลสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขึงในกายที่เริ่มขยายขนาดจนคับแน่น “เดี๋ยวสิ! อะ! อื้ออออ!”

ไม่ปล่อยให้คนใต้ร่างได้ขัดใจ เด็กหนุ่มขยับกายแบบที่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายเผลอไผล ไออุ่นจากรสสัมผัสที่ยังไม่ทันจางหายไปจากผิวกายถูกเร่งเร้าให้กลับมาร้อนผ่าว ร่างกายทั้งสองสอดประสาน หลอมหลวมอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ภายในห้องอันเงียบสงัด มีเพียงเสียงของลมหายใจกระเส่า และคำหวานที่กระซิบถึงกันอย่างไม่รู้เบื่อ


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 14-07-2015 15:37:27


สามปีผ่านไป

ระบบสั่นสะเทือนเตือนเจ้าของโทรศัพท์มือถือให้รับรู้ว่ามีข้อความเข้า ร่างสูงจึงหยิบมากดดูข้อความ

“พบกันที่เดิมของเรา”


เขายิ้มกว้าง รีบกดข้อความตอบกลับไป “ตามที่คุณต้องการครับที่รัก”

“ขับรถระวังด้วยนะ อย่าขับเร็วนักล่ะ”

“คงจะยากสักหน่อย เพราะผมอยากไปพบคุณให้เร็วที่สุด”



นักกีฬาเบสบอลมืออาชีพของทีมดังโบกมือลาทีมงานและพวกนักข่าวจากภายในงานฉลองชัยชนะประจำปี หลังจากการให้สัมภาษณ์ ถ่ายรูปและรับประทานอาหารร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็ปราดออกจากงาน ตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูที่จอดรออยู่ รถซึ่งเขาได้รับเป็นรางวัลจากสปอนเซอร์ เนื่องจากการแข่งขันชนะเลิศในนัดที่แล้ว

คิมุระ เร็น ได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬามือต้นๆ ของประเทศ เขามีค่าตัวแพงติดอันดับหนึ่งในห้าของนักกีฬาเบสบอลอาชีพเลยทีเดียว ความเก่งกาจและความมุ่งมั่นของเขาทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รักของผู้คนไปทั่ว

มือหยาบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปหามารดา ซึ่งในเวลานี้พวกเขาพักอยู่ในบ้านหลังใหญ่แถบชานเมืองด้วยกันอย่างสงบสุข ฮานาโกะแข็งแรงขึ้นมาก ที่จริงก็สามารถไปทำงานได้แล้วด้วยซ้ำ หากลูกชายไม่ยินยอมให้มารดาของเขาต้องลำบากอีก

“แม่ครับ คืนนี้ผมไม่กลับนะ”

“จ้า จะไปฉลองกันที่บ้านชายหาดสินะ”

“ครับ” เร็นหัวเราะ

“ขับรถดีๆ นะลูก แล้วก็ ยินดีด้วยกับชัยชนะนะจ๊ะ”

“คร้าบบบ หลับฝันดีนะครับแม่”

รถสปอร์ตคันหรูวิ่งไปบนทางด่วน มุ่งตรงไปยังบ้านพักส่วนตัวริมหาดซึ่งคืนนี้เป็นที่ที่คนรักของเขารออยู่ บ้านพักซึ่งสำหรับตัวเขาแล้ว เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย

ร่างสูงจอดรถเทียบตรงทางเข้าตัวบ้าน รีบลงจากรถแล้วสาวเท้ายาวๆ เข้าไปภายในบ้านที่มืดสนิท หากเขารู้ที่ทางในบ้านหลังนี้ดีจึงไม่มีปัญหาใดๆ ขายาวพาเจ้าของตรงไปยังห้องนอนขนาดใหญ่

“คุณดาริลครับ ผมมาแล้ว”

ภายในห้องนอนเงียบสงัด มีเทียนจุดไว้ให้แสงพอสลัว เมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้อง ก็ต้องสะดุ้งตัวเพราะเสียงดังปังและเศษกระดาษสีๆ ที่พุ่งตรงมาที่ตน


ปัง!


ดาริลดึงพลุกระดาษแบบพวยในมือ “ยินดีด้วยกับชัยชนะนะ เร็น”

“คุณดาริล” เมื่อได้เห็นคนรักที่ร่างกายมีเพียงเสื้อเบสบอลตัวโตสวมอยู่ แขนแกร่งก็รวบเอวบางเข้ามากอด “คิดถึงคุณจังเลย”
มือขาวทุบไหล่หนาเบาๆ “คิดถึงอะไร เมื่อคืนก็เพิ่งเจอกัน”

“ฮื่อ! แต่เมื่อคืนทำอะไรไม่ได้อย่างใจเพราะวันนี้ผมมีแข่ง คืนนี้ผมจะขอทบต้นทบดอกเลย”  ใบหน้าหล่อเหลาซุกเข้ากับซอกคอหอมกรุ่นแล้วพรมจูบอย่างแสนรัก พออีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก เขาก็ย่อตัวลงอุ้มร่างผอมบางขึ้นมาแนบกาย แล้วพาไปวางลงบนเตียง จากนั้นจึงคุกเข่าลงบนพื้นข้างๆ กัน

“ทำไมไปนั่งตรงนั้น”

เร็นล้วงมือเข้าไปภายในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบกล่องไม้ขัดเงาขึ้นมาเปิดออก “ที่จริง... ผมตั้งใจว่าจะสวมให้กับคุณต่อหน้าแม่... แต่ผมรอไม่ไหว อยากให้คุณสวมมันจะแย่แล้ว ขอโทษที่ใช้เวลานานไปสักหน่อย”

ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้ม “ไม่เห็นนานเลย... แต่ก็คุ้มที่รอ” พลางยื่นมือออกไปตรงหน้าอีกฝ่าย “ใส่ให้หน่อยสิ”

มือหยาบหยิบแหวนแพลตตินัมฝังเพชรล้อมทั้งวงออกมาจากในกล่อง หลังจากที่มีเงินรายได้จากการเข้าทีมเบสบอลอาชีพ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือคืนเงินจำนวนสามล้านเยนให้กับดาริล จากนั้นก็เก็บเงินซื้อที่ดินแถบชานเมืองเพื่อสร้างบ้านไว้อยู่อาศัยกับมารดาและคนรัก ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เร็นก็เพียรพยายามเก็บเงินต่อไปอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะซื้อแหวนวงนี้มาให้กับคนรักตามคำสัญญา เขาค่อยๆ สวมเข้าไปบนนิ้วนางข้างซ้าย แล้วแนบจูบประทับลงไป “คุณดาริล... ผมรักคุณ เราอยู่ด้วยกันมาสามปีแล้วนะครับ ผมรักคุณมากขึ้นทุกปีเลยนะ”

ดาริลยิ้มหวาน พลางโน้มใบหน้าเข้าไปเพื่อแต้มจูบ ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน “อ๊ะ รอเดี๋ยวนะ”

เร็นขมวดคิ้ว ใครกันที่ทำให้ดาริลทิ้งเวลาโรแมนติกกับตัวเขาไปรับโทรศัพท์ได้นี่ “....” ร่างสูงนึกน้อยใจ ขณะที่เงี่ยหูฟังการสนทนา

“คลอดแล้ว ผู้หญิงอีกละ ฮ่าๆๆ อื้อ ไว้จะไปเยี่ยม... จะพาเร็นกับคุณแม่ไปด้วย แล้วเจอกัน”

“ใครน่ะครับ” เร็นถามเสียงขรึม

“คาโอรุน่ะ วันนี้คลอดลูกคนที่สาม ลูกสาวอีกแล้วล่ะ”

หลังจากที่หย่าร้างกันไป หญิงสาวก็ย้ายไปอยู่ประเทศอเมริกาเพื่อดูแลสาขาใหม่ของเครือบริษัทรอส ร่วมกับคนรักของเธอซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยของดาริล พวกเขาแต่งงานและซื้อบ้านหลังสวยไว้เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ที่นั่น ส่วนบริษัทฟูจิฮาระนั้น ดาริลกลายเป็นผู้ถือหุ้นแทนตัวเธอ เขาเจรจากับผู้ถือหุ้นที่เหลือจนส่วนใหญ่ยินยอมให้บริษัทฟูจิฮาระเข้ามารวมเป็นอีกบริษัทในเครือรอสเรียบร้อย คาโอรุจึงเป็นอิสระจากครอบครัว เช่นเดียวกันกับดาริล ชายหนุ่มถือหุ้นเกือบทั้งหมดของเครือบริษัทรอส เขาจึงเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุด แล้วยังเป็นเจ้าของบริษัทที่เคยลงทุนร่วมกันกับคาโอรุ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็กลายเป็นหนึ่งในสิบบริษัทใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในประเทศ

เร็นหัวเราะเบาๆ “โอ้โห! คุณไดอิจินี่ ขยันจังเลยนะครับ”

แขนเรียวคล้องลำคอหนาแล้วดึงร่างสูงเข้ามาใกล้ “...เอาไว้เราไปเยี่ยมพวกเขากันนะ”

เร็นยิ้มกว้าง “ฤดูการแข่งขันจบแล้ว ผมเพิ่งได้พักร้อนมาหนึ่งเดือนพอดีเลย”

“อืม... งั้นไปเที่ยวกันต่อด้วย อ๊ะ...” ยังไม่ทันพูดจนจบประโยค ร่างผอมบางก็ถูกดันเบาๆ ให้นอนลงไปบนเตียง โดยที่ร่างสูงคืบคลานขึ้นมาคร่อมทับ

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังนะครับ ตอนนี้... ขอรางวัลให้เอซคนดังของไจแอนท์ก่อนนะ”

แสงสีนวลของจันทราทอดผ่านลงมายังสองร่างเปลือยเปล่าที่หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่ง บนท้องฟ้าซึ่งไร้เมฆหมอกใดๆ ส่งผลให้ดวงจันทร์ทอแสงสว่างไสว เฉกเช่นเดียวกันกับหัวใจสองดวงที่เข้าใจกันและกัน ไม่มีม่านหมอกใดๆ มากางกั้นหรือสร้างความขุ่นเคืองใจให้กันอีก มีเพียงคำว่า รัก ชัดเจนอยู่ในโสตประสาทของทั้งสองคน


END


จบลงเรียบร้อยแล้ว สำหรับความรักของไซคี (น้องเร็น) กับอีรอส (ดาริล) นะคะ แฮปปี้เอนดิ้ง~

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนจบเรื่องค่ะ  :hao5:

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงนิสรีนตอนจบนะคะ ^^ อาทิตย์นี้ฮัสกี้ลงจบเรื่องสองเรื่องเลย แอร๊...  :hao7:

แล้วจะแจ้งข่าวการรวมเล่มอีกที ประมาณอาทิตย์หน้านะคะ ขอบคุณมากค่า  :mew1:

พบกันในเรื่องใหม่ (ที่ยังไม่รู้จะได้ฤกษ์ลงเมื่อไหร่) นะคะ รักทุกคนเลยยยย

ปล. ขอโทษคุณRoseBulletด้วยน้า แง จบซะแล้ว ได้หวานกันนิดนึงนะคะ ><


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 22: วันแต่งงาน][P.17][080715]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-07-2015 16:04:32
เร็นเจ้าเล่ห์นักน้าาา เล่นบอกรักกันวันละหลายรอบแบบนี้ ดาริลก็แก้มร้อนฉ่ากันพอดีสิคะเนี่ย~ :-[ มีความสุขตามไปด้วยเลยค่าาา สุดท้ายทั้งคู่ก็ประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน และทั้งเรื่องของ 'หัวใจ' จนได้เน้ออออ.. คุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ :heaven

ขอบคุณนะค้าา.. o1
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-07-2015 16:06:10
จบแล้ววว มีความสุขเสียทีนะ ดาริล ชอบมากๆๆ เลย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 14-07-2015 16:09:05
กรีดรว้องงงง ตอนเห็นว่ามีตอนใหม่อัพ อารมณ์นี้ >  :hao7:
แต่พอเห็นคำว่า the end อารมณ์กลายเป็นงี้ >  o22
ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยค่ะว่าตอนนี้จะจบแล้ว ทั้งๆที่ก่อนนี้ก็เคยแอบคิดไว้นะว่าจำนวนตอนน่าจะประมาณนี้
เพราะเรื่องก่อนของคุณฮัสกี้ก็มีจำนวนตอนยี่สิบกว่าตอนเหมือนกันเลย

ดีใจกับทั้งดาริล เร็น และคาโอรุ-ไดอิจิ หลังจากผ่านความลำบากอดทนมาด้วยกัน ในที่สุดทุกคนก็เป็นอิสระแล้ว
เร็นได้สร้างเนื้อสร้างตัวทัดเทียมคนรักของตัวเองพร้อมๆกับดูแลคุณแม่ให้ได้อยู่สบาย
ดาริลกับเพื่อนก็ปลดพันธนาการแล้วทำตามแพลนที่วางไว้สำเร็จ
เร็นนี่ทั้งปากหวานทั้งช่างเอาใจดาริลจริงๆเลย รักกันไปนานๆน้า

จริงๆอยากอ่านเรื่องของสองคนนี้ตอนที่เจอกันแบบปกติมากกว่านี้เน้อ
เพราะอย่างที่เคยเม้นต์ไปว่าตอนแรกๆสองคนนี้เจอกันก็แบบมืดๆฝ่ายนึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ซักพักก็ห่างกันไปหลายตอนเลย
แต่ยังไงก็อยากให้เป็นไปตามพล็อตของคนเขียนเนอะ ถ้าอย่างนั้นขอเป็นตอนพิเศษในหนังสือเยอะๆแทนได้ไหมค้า
ชอบๆ อยากอ่านตอนที่เร็นเป็นนักเบสบอลมืออาชีพคนดังกับดาริลที่เป็นผู้บริหารหนุ่มบริษัทชั้นนำแล้วว่าจะใช้ชีวิตอะไรกันยังไง
ทั้งคู่ดูเป็นเซเลบเหมือนกันเลย น่าตื่นเต้นนนน อยากรู้เรื่องพี่คาซึกิด้วยเน้อ ตอนจบไม่เห็นเลย
จะตามไปซื้อหนังสือแน่นอน นี่แค่ในเว็บเราก็วนกลับไปอ่านตอนที่เค้าเจอกันมืดๆนั่นแหละซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบละ
ถ้าเป็นหนังสือคงจะเปิดอ่านง่ายไปอีกแบบ จะรอเป็นหนังสือนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 14-07-2015 16:21:11
ยินดีกับทั้งคู่ด้วย เมฆหมอกผ่านไปซักที  :ling1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2015 16:32:05
มีความสุขซะทีน่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-07-2015 18:34:11
จบแล้ว มีความสุขกันสักทีนะ มีตอนพิเศษมั้ยคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 14-07-2015 20:02:31
ขอตอนพิเศษที่หวานไม่เกรงใจใครด้วยค่าาาาาาาสักหลายๆตอน
แบบน้ำตาลไม่ท่วมจอ ไม่ยอมเด็ดขาด :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-07-2015 20:38:33
แฮปปี้เอ็นดิ้ง เย้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 14-07-2015 20:39:36
 :haun4: จบแบบนี้ ดาริลเหนื่อยแย่ อิอิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-07-2015 21:12:11
เย้ ๆ ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง
ทั้งสองคนต่างรัก ต่างรอกันมานาน ดีใจด้วยนะ
จะว่าเร็นหื่นก็ว่าไม่ได้เต็มปาก ดูเหมือนดาริลก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน คิคิ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-07-2015 22:31:42
มีความสุขจัง

ขอบคุณนะฮัสกี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 14-07-2015 23:08:55
ชอบตอนจบจังเลยค่ะ อบอุ่นจัง
ชอบที่เร็นกับดาริลมีความรักที่มั่นคงขนาดนี้
เร็นดังแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

ความรักนี่ดีจังเลยน้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 14-07-2015 23:37:50
โอ้ย มีความสุขจังเลย
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-07-2015 00:13:24
จบแล้ว
หวานกันมาก  ฟันฝ่าอุปสรรคมามากพอตัว  ทั้งๆที่รักกันมาตลอด
เร็นนี่เหมาะจะเป็นคนรักจริงๆ   ดีงามทุกอย่าง55
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 15-07-2015 09:42:12
ในที่สุดก็มีความสุขกันสักทีนะ กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน  :mew1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 15-07-2015 10:28:40
ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ ดีใจกับทั้งคู่ด้วยนะค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 15-07-2015 12:18:07
จบลงไปอย่าง happy ending อิ่มเอมสุดๆ ค่ะ
เชื่อว่าทั้งคู่คงรอวันนี้มานานวันที่ได้อยู่ด้วยกันซะที
เหมือนคนอ่านที่ก็ลุ้นว่าคู่นี้ได้ลงเอยกันยังไง แต่ไม่ได้รอว่าจะจบเมื่อไรน๊า 555
อ่านแล้วรู้สึกว่า ทำไมมันสั้นจัง จบแล้วเหรอเนี่ย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ไว้จะตามไปอ่านเรื่องใหม่นะคะ


+1 บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: pummy09 ที่ 15-07-2015 14:43:45
เผลอแป๊บเดียว เปิดมาเจอตอนจบเลย ฮ่าาาา

ในที่สุดก็ไม่ดราม่า ตอรแรกนึกว่าจะได้กินมาม่าชามโตซะอีกฮ่าาาา

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 15-07-2015 15:16:21
 o13 o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 21-07-2015 13:35:55
ยินดีกับคุ่บ่าวสาวด้วยค่ะ อิอิ
ในที่สุดก็มีความสุขกันสักที ^^
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 21-07-2015 13:48:52
จบแล้ว สนุกมากกกก ลุ้นกับเร็นและดาริลมาก
ขอบคุณคนแต่งจริงๆสำหรับเรื่องนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-07-2015 10:41:01


แอบเขิน (นั่งหลบอยู่ในมุมมืด)

อยากบอกว่าเขินจริงๆ อะไรจริง

ละมุน ละไม

ฟินไปเลย......

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 17:22:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 30-07-2015 18:10:34
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 30-07-2015 20:07:29
มีความสุขกับเร็น และดาริลจัง  ถึงจะเสียน้ำตาบ้างแต่ก้อคุมค่ากับการรอคอย o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 06-08-2015 23:43:05
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END][P.17][140715]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 08-08-2015 05:45:14
  :pig4:

หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 08-08-2015 19:59:22
อ่านรวดเดียวจบ ได้แต่บอกว่าเรื่องนี้รักลอยฟุ้งมาก :-[
ยิ่งตอนจบนี่แบบ หวานฝุดๆ อ่านแล้วเบาหวานขึ้นตากันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 08-08-2015 23:56:55
สนุกมากๆเรยค่าา
อ่านรวดเดียวจบเลย
เนื้อเรื่องสนุกมากและแต่งได้ลื่นไหล อ่านเพลินมากเลยค่ั
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 10-08-2015 23:21:23
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ น่ารักมากเลย  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: BoJuNg ที่ 12-08-2015 12:32:46
น่ารักมากๆเลย

ไม่ได้เข้ามานาน  เข้ามาอีกที จบแล้ว!!

รู้สึกเหมือนเรื่องนี้จะสั้นกว่าเรื่องอื่นเลยค่ะ

อยากอ่านอีก  แบบว่า อารมณ์ จะได้ฟิน แต่ดันตัดจบ

ฉับ!!
มันเลยเหมือนไม่สุด 

ชอบพระเอกอ่ะ  มีเสน่ น่าตกหลุมรัก   

ส่วนนายเอก ดูโอเคมาก  อายุมากกว่า แต่มีมุมเด็ก  น่ารักกกก


ขอ สเปหวานๆ สัก 3 ตอนนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ    :3123:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 13-08-2015 21:29:36
สนุกมากๆ ชอบแนวนี้สุด อ่านแล้วฟิน  5555
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 31-08-2015 19:21:45
แฮปปี้เอนดิ้งมีความสุข เย้~~~ วันนี้ที่รอคอย ตอนแรกคิดว่าเรื่องของสองคนจะลงเอยกันยากเพราะที่บ้านดาริล
แต่ความจริง ความที่ดาริลฉลาดมาก เลยสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง นายเอกเริ่ดมากกกกกก ดีงาม
เร็นเป็นนักกีฬาคนดังไปแล้ว เก่งมากค่ะ คิดได้ทำได้เพราะความตั้งใจจริง ชอบอ่ะ ไปบ้านชายหาดกัน ฉลองงงง
คืนที่พบกันคืนแรกหลังไม่ได้เจอกันนานตื่นเต้นอ่ะ แต่บรรยากาศละมุนละไมเพราะเขารักกันมาก
ดาริลคือโคตรจะเซ็กซี่และน่ารักค่ะ เร็นจะไปไปนเสียเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 02-09-2015 17:24:55
สนุก ไหลลื่น  ชอบมากจ้า
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 16-09-2015 18:38:58
ดาริลกับเร็นของให้มีความสุขนะ

อุตส่าห์เล็งมาตั้งแต่แรกว่าให้เป็นเคะ กระซิกๆ :o12:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 18-09-2015 18:30:34
สนุกดีค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอยากอ่านต่อเรื่อยๆนะ
นายเอกน่ารัก น่าจับฟัด  :-[
ส่วนพระเอกก็ดูเหมือนหมาน้อย ซื่อๆ รักและหวงเจ้าของดีค่ะ 5555  :impress2:
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 29-09-2015 20:00:17
อยากได้รวมเล่มแล้วค่าาาาา  :z3:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 03-10-2015 00:07:30
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-11-2015 17:51:08
สนุกมากเลยค่า ตอนแรกไม่กล้าอ่านกลัวจะเศร้า แต่กลายเป็นสนุกมากอ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณฮัสกี้มากค่าสำหรับนิยายสนุกๆที่มีมาให้อ่านอย่างต่อเนื่อง
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 24-11-2015 14:21:34
 :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 30-11-2015 21:21:07
โอย สนุกมากกกก หน่วงนิดๆ แต่มาบ่อยๆ
หนูริลน่าสงสารมาก ฮืออออออ
ปลื้มปริ่มที่จบแฮปปี้เอนดิ้ง
ทุกตัวละครมีความพยายามมากๆเลย ดีใจกับเอชนักเบสบอลด้วยนะคะ ได้ครอบครองทูตสวรรค์ในฝันเสียที


ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-01-2016 21:54:47
สนุกจังเรื่องนี้อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 12-02-2016 21:27:17
จบแล้วววว

น่ารักและสนุกมากค่าา

ถึงจะมีอุปสรรคบ้างแต่ทั้งคู่ก็ผ่านมันมาได้

ความรักชนะทุกสิ่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmieri ที่ 15-02-2016 20:45:30
สนุกมากๆเลยค่ะเรื่องนี้
เพราะรักจริงๆถึงได้ฝ่าฟันอุปสรรคกันได้
ฟ้าหลังฝนสวยงามและหวานมากกก
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 15-02-2016 21:28:09
นิยายที่ดีคือนิยายที่วางไม่ลง ไม่ยอมวาง อ่านซ้ำอีกก็ยังอิน ซึมลึกเข้าไปในใจ และเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นนะคะ
ขอตอนพิเศษในนี้ได้ไหมคะ อยากอ่านจัง  :mew6:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 20-02-2016 15:49:58
เรื่องนี้ดีมากเลยค่ะะะะ เราชอบมากกกก ชอบคุณดาริลมากเลยค่ะ อ่านๆไปอ่านเม้นไปมีแต่คำว่าสงสารคุณดาริลทั้งนั้นเลย
ก็น่าสงสารจริงๆเนอะ ฮือ ; ___ ; .. แต่ตอนนี้ต้องบอกว่ายินดีด้วยมากๆเลยค่ะ!
คนรักของคุณดาริลดีขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเลยจริงๆ ส่วนเจ้าเร็นก็ซื่อจริงๆนะ 5555555 ชอบมากกกก
เป็นพระเอกที่ดีมากเลยค่ะ ไม่มั่วไม่เจ้าชู้ ไม่ทำให้คุณดาริลต้องเสียใจ(มีแต่ตอนแอบดูจริงๆ แต่ก็เข้าใจได้แหละ)
ชอบความพยายามของทั้งสองฝ่ายเลยค่ะที่ฝ่าฟันกันมากว่าจะได้อยู่ด้วยกัน
คาโอรุก็เป็นเพื่อนสนิทที่ดีมากกกกกกกกจริงๆ ใครว่าผู้หญิงผู้ชายเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ได้เนอะ มั่วทั้งเพเลย!

ที่แอบขัดนิดนึง(นิดดเดียวค่ะ)คือที่ดาริลเรียกคาโอรุว่า นาย อ่ะค่ะ มันทำให้ดูแมนไปนิดนึง 55555555
ปกติแล้วน่าจะใช้เป็นเธอมากกว่า แต่ก็พอเข้าใจในบริบทของตัวภาษาอยู่ค่ะว่าญี่ปุ่นกับไทยคงต่างกัน

ไว้จะไปอ่านเรื่องอื่นนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆที่ทำให้เราอ่านข้ามวันข้ามคืนเลย (แม้วันนี้จะมีสอบก็ตาม ฮือ TTTT)
เป็นกำลังใจให้ค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 21-02-2016 19:23:35
มาอ่านตามกระทู้แนะนำชอบชอบชอบ  :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 22-03-2016 23:03:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 19-04-2016 16:29:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 29-04-2016 20:56:16
โอ้ววว เรน ทำเอาเลือดกระฉูด นี่ขนาดยังไม่จิ้มเจ้านายแบบเต็มเหนี่ยวนะเนี่ย :haun4: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 29-04-2016 21:05:33
โอยย เด็กมันน่ากินกรุบกริบๆ ขี้อ้อนก็ที่1 ชนะเริดจ้าเรนน้อย :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-04-2016 07:52:28
เร็นเสพติดร่างกายเจ้านายแล้ว อย่าลืมเสพติดความรักเจ้านายด้วยนะเร็นนะ :haun4: :mew1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 30-04-2016 09:08:35
สนุกมากกกก หลงรักเร็นน  :ling1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-04-2016 09:20:10
เรื่องnc :oo1:เยอะอ่ะนะ บอกเลยไม่เคยเบื่อ :katai3:จัดมาเต็มๆยาวไปๆเลยค๊าาา :oo1: :impress2:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-04-2016 10:02:06
ดาริลรักถึงยอมมีเซ็ก แต่เรารู้สึกว่าเร็น มีเซ็กแล้วถึงรัก ยังไงไม่รู้อ่ะน ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-04-2016 11:27:04
จบแบบสวยงามตามท้องเรื่อง :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 30-04-2016 21:22:15
ลุ้นจะตอนสุดท้ายกว่าจะสมหวังเหนื่อยเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-07-2016 23:28:18
รักในความมั่นคงและพยายามของทั้งคู่จริงๆเลย
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 25-12-2016 23:31:00
กว่าจะแฮปปี้ได้ คุ้มค่าที่รอคอยจริงๆ :o8:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 02-01-2017 17:52:15
เรื่องนี้เรทเยอะจริงๆ แต่ก็เข้าใจนะให้ปิดตาไม่เหนหน้าจะไปทำกิจกรรมอย่างอื่นอะไรได้อี๊กกก 555
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าว หน้า 18 ค่ะ] เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Melodyinpiano ที่ 06-01-2017 13:41:22
ชอบเรื่องนี้มว๊ากกกกกกก ชอบนายเอกแนวเคะราชินี อยากให้มีตอนต่อแบบอีกสักสิบปีต่อมาเป็นไงงง อยากติดตามชีวิตท่านเคะราชินี สเป็คเจ๊666
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 15-02-2017 17:54:52
น่าร๊ากกกกกกกอ่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 17-04-2017 00:29:28
มีโอกาสได้เข้ามาอ่านสักที
ชอบมากเลย
 :mew1:
ขอบคุณน้าาาาาาาา
 :L2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 25-04-2017 08:30:34
น่ารักดี
ชอบดาริล
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 26-04-2017 01:47:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-04-2017 20:11:44
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 15-05-2017 14:36:56
น่ารักมาก
ชื่นชมในความรักของทั้งสอง
ไม่รู้จะอิจฉาใครดี
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 16-05-2017 20:49:54
อ่านจบแล้วค่าาา สนุกมากกกก

เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตามมากค่ะ

ทุกการกระทำของตัวละครแต่ละคนมีเหตุและผลรองรับทุกอย่าง

นับถือความพยายามที่จะได้อยู่ด้วยกันของทั้งคู่มากๆ ค่ะ

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ :L2:



หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: eiweiw ที่ 01-06-2017 13:21:59
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 20-06-2017 00:32:51
 o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 05-08-2017 19:30:00
สนุกมากๆอีกแล้ว    กำลังทยอยอ่านเรื่องที่ฮัสกี้แต่ง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-08-2017 15:44:49
เรื่องนี้สนุกกกกก
ตัวละครแต่ละคนมีเสน่ห์ น่ารักมากเลยย
ขอบคุณที่แต่งนะคะ ชอบมากกกกก
 :mc4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 15-08-2017 23:50:46
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
เข้าใจ และรักความค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ดาริลเองก็น่ารักมากกก ใจละลายยย
ใครๆก็ต้องตกหลุมรักอะค่ะแบบนี้
พ่อเร็นนี่แกดูบ๊องๆ ดูต๊องๆ ยังไงบอกไม่ถูก
ดูเป็นพระเอกที่กากนิด ๆ  :mew4: :mew4:
แต่ยังไงความรักนางก็ไม่แพ้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 09-12-2017 16:45:22
จบแบบเลือดหมดตัว  :pighaun:  :haun4: อ่านมันรวดเดียวจบ!!! งาม!!! ดีทุกเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-12-2017 16:54:37
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 07-05-2018 12:47:50
Happy ending  :mew1: ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-07-2018 23:06:27
 :pighaun:  :pighaun: ฟินมว้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 31-08-2018 14:24:48
สนุกมาก ๆ ครับ เร็น หื่นมาก ดาริล น่ารักมาก ๆ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 07-01-2019 00:02:30
สงสารยัยน้องเเง้  :hao5:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 07-01-2019 01:07:46
 :hao6: :hao6: ขอบคุณนะคะสนุกมากเลย ดีใจมากๆที่ได้มารู้จักเร็นกับดาริล สนุกมากกกห :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-01-2019 21:35:18
รักแรกพบ การรอคอยที่ไม่รู้อนาคต ความหวังที่หาไม่เจอ
จนในที่สุด ดาริลก็สมหวัง และเร็นก็จริงจัง

สงสารดาริล รวยแต่ไม่มีความสุข โชคดีที่เจอคนดีบ้าง
ไม่งั้นก็คงไม่ได้เจอเร็นอีกรอบ

เร็นคือสู้มาก พยายามมาก จนได้มา คุ้มกับที่พยายาม

แม่ก็สบาย ชีวิตรักก็มีความสุข น่ารักมากเลยค่ะ
ขอบคุณมากเลยนะคะ ตามมาอ่านอีกรอบจ้า คิดถึง
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 11-01-2019 03:55:42
ความแตกต่างที่น่ารักของไซคีและอีรอส  :heaven
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Poer ที่ 17-01-2019 21:55:10
โอ้ยยนนอิ่มปริ่มมมมมมมมชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 25-01-2019 20:01:01
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 27-01-2019 03:40:28
เร็นปากหวานสุดๆ ดีใจที่ทั้งสองอดทนและผ่านมาได้
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 19-02-2019 07:06:54
น่ารักกก เร็นปากหวานสุดๆๆ หลงดาริลสุดๆเช่นกัน
หวานอ่ะ อิจฉาาา
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 30-06-2019 01:26:17
เหมือนดูหนังโป๊  :mew3:

 :L2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 25-07-2019 07:37:50
ขอบคุณมากๆนะคะ เรื่องนี้หวานมาก น่ารักมาก และมำให้เราติดมากกกก 555  :mew3:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-11-2019 18:42:12
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-11-2019 18:43:26
 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-11-2019 18:43:58
เอื้ออออออออออออออออออ
ยอมตายให้กับความฟิน
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 04-01-2020 11:07:49
สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันแล้วเด้อ  :impress2:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 10-01-2020 15:45:26
 o13
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 17-01-2020 18:18:42
 :katai4:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 24-01-2020 00:38:31
รักนิยายเรื่องนี้มากๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 24-01-2020 01:24:30
สมหวังสักทีนะทั้งเร็นและดาริลเลยยยนน เขินแรงมากแม่
หัวข้อ: Re: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 15-04-2021 19:09:27
 :pig4: