ตอนที่ 15 (ครึ่งแรก)
วันนี้ก็มาถึงวันแข่งขันบาสเก็ตบอลที่โปเต้ต้องแข่งแล้วครับ เริ่มแข่งตอนเก้าโมงเช้า แข่งกับคณะเกษตรฯ โดยที่นักกีฬาต้องไปถึงที่มหาลัยก่อนเจ็ดโมงครึ่ง เพื่อเตรียมความพร้อมและวอร์มร่างกาย ปีนี้คึกกันเป็นพิเศษ เพราะได้แข่งคณะเกษตรฯที่เป็นรองแชมป์ปีที่แล้ว ส่วนที่หนึ่งไม่ได้พูดถึงครับ คณะศึกษาศาสตร์ที่เอาพวกสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาลง เลยได้เป็นแชมป์ไป
“ติณณ์ ผมจะไปวอร์มร่างกาย คุณไปหาอะไรกินก่อนมั้ย” โปเต้เดินมาถามผมหลังจากที่รุ่นพี่เขาเรียกรวมไปคุยอะไรสักอย่าง ตอนนี้เรายังอยู่ที่โรงยิมของคณะสถาปัตย์ครับ แต่สนามที่เราจะแข่ง เราจะไปแข่งที่สนามบาสฯของคณะวิศวะฯ ไม่ต้องแปลกใจที่ทำไมแต่ล่ะคณะถึงมีโรงยิมประจำแต่ละคณะ นั่นเป็นเพราะมหาลัยนี้ใหญ่และกว้างมาก แต่ละคณะก็อยู่ห่างกันมาก ถ้าจะเดินก็ไกล ถ้าจะให้สะดวกก็ต้องใช้รถ ไม่ก็มินิบัสของมหาลัยที่วิ่งตลอด เวลาก็สิบห้านาทีต่อคัน จึงไม่แปลกที่นักศึกษาของที่นี่ส่วนใหญ่จะมีรถเป็นของตัวเอง
“แล้วจะไปวิศวะฯกันตอนไหน” ผมถามก่อนจะก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง พบว่าตอนนี้ใกล้จะแปดโมงแล้ว ต้องรายงานตัวก่อนแปดโมงครึ่งนี่
“เดี๋ยวก็ไป ยืดหยุ่นวอร์มร่างกายแป๊บนึง แล้วรุ่นพี่เขาก็จะให้วิ่งไปคณะวิศวะฯ เป็นการวอร์มไปในตัวน่ะ” โปเต้อธิบายให้ผมฟังรวดเดียว จนผมไม่มีคำถามที่จะถามเขา
“อืม ...งั้นเดี๋ยวผมจะไปซื้อข้าว แล้วขับรถไปที่วิศวะฯเลยแล้วกัน” ผมบอกเขา
“อืม โทร.หาพวกแลนด์ด้วยล่ะ ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว” โปเต้พูดไปทั้งที่ยังมองตาผม ทำเอาผมรู้สึกเขินแปลกๆ ก็เขาพูดประโยคเมื่อกี้ด้วยแววตาจริงจัง เหมือนเป็นการย้ำว่าเขาไม่อยากให้ผมไปอยู่ในคณะวิศวะฯเพียงคนเดียว
“อืม” ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินไปที่รถของโปเต้ที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะขับไปยังคณะวิศวะฯ ผมคิดว่าผมค่อยไปหาข้าวกินที่โรงอาหารคณะนั้นก็แล้วกัน
ผมวนหาที่จอดรถสองรอบ สุดท้ายก็ได้จอดเสียบแทนรถที่พึ่งขับออกไปอย่างโชคดี ผมเอาของทุกอย่างไว้ในนรถ ยกเว้นโทรศัพท์และเงินติดตัวอีกสองร้อยบาท
“.....” ผมลงจากรถ แล้วมุ่งหน้าเดินไปยังโรงอาหารของคณะนี้ เพียงแต่ว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนไกล ก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน
“ติณณ์ ติณณ์จริงๆด้วย แล้วภัทรล่ะ” อลันนั่นเองที่เป็นฝ่ายเข้ามาทักผม ก่อนที่ดอมินิกน้องของเขาจะเดินตามมาหยุดอยู่ข้างๆเขา
“พวกรุ่นพี่จะให้วิ่งมาที่คณะน่ะ เราเลยมาก่อน แล้วพวกนายล่ะ” ผมตอบ ก่อนจะถามกลับ
“เรากับดอมเรียนวิศวะฯไง แล้วนี่จะไปไหนล่ะ โรงยิมของคณะเราอยู่ทางนั้นนะ” อลันว่าก่อนจะชี้ไปอีกทางที่ผมควรจะเดินไป
“เราจะไปหาอะไรกินก่อนน่ะ”
“หรอ อยากไปเป็นเพื่อนอยู่นะ แต่เราเป็นพิธีกรภาคสนามน่ะ ดอม...ไปเป็นเพื่อนติณณ์หน่อยสิ” อลันหันไปบอกน้องชายฝาแฝดเขา
“ได้” นั่นคือคำตอบของดอมินิก
“ไม่ต้องหรอก ...เกรงใจ”
“ไม่เป็นไร” ดอมินิกตอบหน้าตาย
“งั้นเราไปก่อนนะ” ว่าจบ อลันก็รีบเดินไปทันที เหลือเพียงแค่ผมกับดอมินิก
“ไปเถอะ” ดอมินิกหันมาบอกผม ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำ ผมจึงเดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรกันทั้งนั้น ผมเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด ดอมินิกเองก็ไม่ต่างกัน ผมซื้อข้าวโดยให้เขาใส่กล่องโฟม ก่อนที่ผมกับดอมินิกจะพากันไปสนามบาส ตอนนี้คนดูเริ่มจะมาเยอะล่ะ ส่วนมากจะเป็นคณะเกษตรฯกับคณะสถาปัตย์ฯ แล้วก็มีคณะอื่นปะปนอยู่บ้าง
ผมกับดอมินิกเดินมานั่งที่สแตนด์เชียร์ โดยเลือกนั่งขั้นสุดท้าย เพราะมันง่ายต่อการลุก ยังดีที่เขาไม่ระเบียบมากนักกับการนั่งเป็นผู้ชมของนักศึกษา จึงไม่ต้องมานั่งจัดระเบียบเป็นแถวเพื่อความเรียบร้อย มือนึงผมถือกล่องข้าว อีกมือก็ตักข้าวเข้าปาก ผมเห็นบางคนแอบถ่ายรูปผมที่กำลังกินข้าวแบบนี้ ตอนแรกผมกะจะห้าม และมันหลายคนเกิน เลยคิดว่าช่างมันเถอะ มันก็ไม่ได้ก่อกวนการกินข้าวเช้าของผมสักเท่าไหร่
“สวัสดีนะครับ ผมอลันครับ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์”
“สวัสดีครับ ผมเซย์ครับ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์”
มีผู้ชายสองคนเดินมาหยุดอยู่กลางสนาม ก่อนจะแนะนำตัว นั่นก็คือเซย์ เพื่อนของโปเต้ และก็อลัน ผมพึ่งรู้นะว่าเซย์ก็เป็นพิธีกรภาคสนามด้วยน่ะ
“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะครับ ผมอยู่คณะวิศวะฯ และคำพูดของผมจะไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทั้งนั้นนะครับ” อลันออกตัวก่อน
“อ๊ะๆ ถึงผมอยู่สถาปัตย์ฯ แต่ความยุติธรรมผมมีนะ ผมไม่พากย์เพื่อให้เกิดความร้าวฉานหรอก” เซย์เองก็รีบพูดทันที
“ครับ ตอนนี้นักกีฬาของทั้งสองคณะก็มาถึงที่นี่แล้วนะครับ ดูเหมือนทั้งสองคณะจะฟิตจัดเลยนี่ครับ ได้ข่าวว่าวิ่งกันมาจนถึงที่นี่จากคณะตัวเองกันเลยทีเดียว”
“ครับ...ผมว่าเราลองมาสัมภาษณ์นักกีฬาหน่อยเป็นไงครับ ...ขอเป็นคนที่ผมรู้จักก็แล้วกัน เวลาผมกวนตีนเขา เขาจะได้ไม่ไล่กระทืบผม” เซย์พูดติดตลก ก่อนจะเดินไปหา...จิน?
จินเขาเป็นนักกีฬาบาสฯด้วยเหรอ? ทำไมผมพึ่งเห็นเขา???
“สวัสดีครับคุณจิรวัฒน์” เซย์เอ่ยทักจิน ก่อนจะยื่นไมค์ไปหาจิน เนื่องจากในมือของเซย์และอลันต่างก็มีไมค์ลอยอยู่ในมืออีกคนละหนึ่งตัว เหมือนเตรียมการมาอยู่แล้ว
“สวัสดีครับ คุณนครินทร์” จินตอบกลับก่อนจะยิ้มขำๆ
ความจริงผมก็พึ่งเคยเห็นพิธีกรภาคสนามเดินมาสัมภาษณ์นักกีฬาเป็นครั้งแรกนะเนี่ย แต่พวกอาจารย์เขาไม่ได้ว่าอะไรหรอก มันเป็นกีฬา ถ้ามันทำให้บรรยากาศมันมีสีสัน พวกอาจารย์เขาก็ไม่ขัด
“การเตรียมตัวของพวกคุณวันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ”
“ก็...พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าโม้ เอาไว้รอดูตอนลงแข่งดีกว่าครับ” จินตอบอย่างถ่อมตัวนิดๆ ดูเหมือนคงไม่อยากจะพูดให้ดูเหมือนเป็นการข่มอีกฝ่ายล่ะมั้ง
“แหม...ไว้จะรอดูแล้วกันนะครับ วันนี้ได้ข่าวว่าแฟนคุณก็มาเชียร์คุณด้วยนี่ครับ อยากจะขอกำลังใจอะไรจากแฟนคุณหน่อยมั้ยครับ”
“ก็...อยากจะขอนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะให้รึเปล่า” จินว่าอย่างยิ้มๆ แต่ตานี่มองมาทางดอมินิกที่นั่งอยู่ข้างๆผมอย่างไม่วางตาเลยล่ะ
“อะไรกันครับ คุณอยากขออะไรเหรอ” อลันเป็นฝ่ายถามจินบ้าง
“ผมจะกล้าบอกได้ยังไง ว่าตอนนี้ผมอยากจูบเขา”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
สิ้นเสียงของจิน ทุกเสียงกรี๊ดจากคนในนี้ก็ดังระงม เหอะ แก้วหูแทบแตก แต่ก็นะ...จินดูหล่อ แถมยังมีมาดผู้ชายอบอุ่นอีก มาพูดแบบนี้ เป็นใครก็ต้องกรี๊ดแหละครับ
แม้แต่ดอมินิกยังหน้าแดงลามไปถึงคอเลย
“อุย...เรทแปดสิบบวก คุณพูดอะไรออกมาเนี่ยคุณจิรวัฒน์ ผมว่าเราข้ามไปที่คณะเกษตรฯดีกว่านะครับ” อลันแก้สถานการณ์โดยการเดินไปหานักบาสฯของอีกคณะนึง เซย์หันไปแท็กมือกับจิน
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ”
“ชื่อธนรัตน์ครับ ชื่อเล่นชื่อเฟียส” และคนที่อลันเข้าไปสัมภาษณ์ ก็คือเฟียสที่มาตามจีบผมนั่นแหละ
“ครับ ทีมของคุณเตรียมตัวมาอย่างไรบ้างครับ”
“ก็ทุกคนก็ซ้อมมาเต็มที่นะครับ เอาไว้รอดูตอนแข่งจริงจะดีกว่า”
“แหม...รองแชมป์ปีที่แล้วพูดจาซะถ่อมตัวเลย แต่นี่...ไม่ทราบว่าคุณมีแฟนแล้วรึยังเนี่ย” เซย์เป็นคนถามครับ
“ยังครับ ผมโสด แม้ว่าหน้าตาผมจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมก็รักจริงนะ” เฟียสตอบก่อนจะยิ้มทะเล้น
“แหมมมม...รีบโฆษณาตัวเองเลยเชียว ผมว่าคุณก็หน้าตาดีมากๆเลยนะ” อลันแซวก่อนจะชมเฟียสออกไมค์
“คุณอลัน ผมหึงนะครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
คำพูดนั้นขอเซย์สามารถเรียกเสียงกรี๊ดที่ดังกระหึ่มได้ เหมือนตอนที่จินบอกว่าอยากจูบดอมินิกเลย อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ไม่ได้ปิดบังเรื่องที่คบกัน ทำให้คนทั่วทั้งมหาลัยรู้ แล้วนี่เขายังมาหยอดใส่กันอีก
“อ่ะแฮ่มๆ เอ่อ...คุณเฟียสครับ อยากจะขอกำลังใจจากใครสักคนรึเปล่า สามารถพูดได้เลยนะ” อลันรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ...ครับ ก็...ผมก็ขอกำลังใจจากคนที่เชียร์ผมด้วยนะครับ ผมจะพยายามทำมันให้เต็มที่ แล้วก็...” เขาพูดพลางกวาดตามมองไปทั่ว ก่อนจะหยุดมองมาที่ผม เฮ้ย...ขอร้องล่ะ อย่าเอ่ยถึงผมเป็นอันขาด
“ก็อะไรครับ คุณกำลังมองหาใครอยู่หรอ” อลันถามเหมือนลุ้นไปด้วย
“ผมสามารถพูดชื่อออกไมค์ได้ใช่มั้ยครับ” เฟียสหันไปถามอลันสลับกับมองไปที่เซย์ แล้วก็ไม่ได้หันกลับมามองที่ผม ทำเอาผมโล่งใจ บางทีเขาอาจจะเลิกชอบผมไปแล้วก็ได้
“ได้ครับ แต่อย่าออกแนวหื่นแบบคุณจิรวัฒน์เมื่อกี้ก็พอ” เซย์เป็นคนตอบแบบจิกเพื่อนตัวเองนิดๆ
“ครับก็ ...เอาเป็นว่าผมขอท้วงสัญญาแล้วกัน ...พี่เฟรมครับ ถ้าผมชนะก็อย่าลืมที่สัญญากันไว้นะครับ อ้อ...แล้วก็...มือหอมดีนะครับ” เฟียสพูดก่อนจะหันไปมองพี่เฟรมที่อยู่อีกฝั่งของสนาม ซึ่งตอนนี้กำลังยืนคุยอยู่กับนักกีฬาคนอื่นๆในทีม โปเต้บอกผมว่าพี่เฟรมเป็นกัปตันทีม
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
มาอีกละเสียงกรี๊ด ในนี้มันมีแต่คนที่เชียร์ให้ชายรักชายรึไงกัน???
ผมเห็นเฟรมยกมือแล้วตะโกนอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้ยิน เพราะเสียงกรี๊ดมันกลบหมด
“อ๊ะๆ ดูเหมือนคุณเฟรมเขาอยากจะพูดอะไรอยู่นะครับ ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบด้วย” เซย์พูดผ่านไมค์ ก่อนจะเดินไปหาพี่เฟรมพร้อมยื่นไมค์อีกตัวนึงให้
“ครับ ก็...”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
ยังไม่ทันที่พี่เฟรมจะพูดอะไร คนในสนามก็กรี๊ด ความจริงพี่เฟรมเขาก็ดังไปทั่วมหาลัยนั่นแหละ เพราะความอัธยาศัยดียิ้มง่ายของพี่เขา ซ้ำยังป็อปในหมู่สาวสองมากๆ (อันนี้จีน่าเคยบอกผมมา)
“ฟังผมก่อนแล้วกันนะที่รัก” พี่เฟรมปากหวานออกไมค์ แน่นอนว่ามีเสียงกรี๊ดตามมา พี่เฟรมจึงรอให้เสียงกรี๊ดมันเงียบแล้วค่อยพูด
“ครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอแก้ข่าวก่อนนะครับ เรื่องที่ไอ้...เอ่อ เฟียสเขาบอกว่ามือผมหอม ทุกคนอย่าเข้าใจผิดกับการกวนประสาทของเขานะครับ เมื่อเช้าเขามาพูดจากวนประสาทใส่ผม ผมเลยเอื้อมมือไปปิดปากของเขาเท่านั้น” พี่เฟรมพูดพลางกวาดตามองทุกคน แต่ไม่มองเฟียสเลย
“หรอครับ แต่ผู้ชายใช้มือปิดปากกันเพราะอีกฝ่ายเข้ามากวนนี่...มันชวนจิ้นไปมั้ยครับ ทุกคนคิดว่าไง” อลันที่ยืนอยู่ข้างๆเฟียสเอ่ยปากถามออกไมค์
“ใช่ๆๆๆๆๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” นี่คือเสียงของคนดูที่ตอบกลับมาครับ เหมือนอะไรเขาจะแกล้งแหย่กึ่งๆช่วยสร้างกระแสให้คู่นี้นะ
“.....” พี่เฟรมเม้มปากนิดๆ เหมือนไม่รู้จะพูดยังไง แต่ว่าเขาหูแดงอย่างเห็นได้ชัด เพราะตรงที่ผมนั่งมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่พี่เขายืนสักเท่าไหร่
“อย่าไปพูดแบบนั้นสิครับ พี่เฟรมเขาเสียหายนะ” เฟียสยกไมค์ขึ้นพูด แต่เหมือนมันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย
“โอ้ว ...ถึงกับออกตัวแทนกันเลย ยังไงกันครับคู่นี้” เซย์เป็นคนแซวบ้าง
“.....” แล้วพี่เฟรมก็ทำให้ทุกคนกรี๊ดหนักกว่าเดิม เมื่อเขาส่งไมค์คืนเซย์ แล้วรีบเดินกลับไปยังกลุ่มนักกีฬาของสถาปัตย์
มันน่าสงสัยนะ???
“เอ่อ ...เป็นกำลังใจให้ผมด้วยแล้วกันนะครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีแบบนั้น เฟียสเลยเอ่ยทิ้งท้าย
“ขอกำลังใจจากทุกคนหรอครับ” อลันถามกลับอย่างยิ้มๆ
“ขอจากพี่เฟรมน่ะครับ”
**********************************************
อะไรของคู่นี้กันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
เอาเข้าไป จิ้นกันไปดิ ....แต่งเองอ่านเองก็จิ้นเองอะนะ
แฟนเพจจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ตามทวงนิยาย เข้าไปพูดได้
ที่นี่