ตอนที่ 6 (ครึ่งหลัง)
“อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละ”
คงไม่ต้องบอกใช่มั้ย ว่าคนที่พูดประโยคนี้เป็นใคร
“หมายความว่ายังอ่ะนภัทร สรุปคือนายอยู่กับติณณ์เมื่อคืนนี้ใช่มั้ย แล้วทำม??...นี่ตกลงคบกันหรอ อะไรยังไง” นิดายิงคำถามมาเป็นชุด
“ผมจะพูดแค่ครั้งเดียว ...ผมกับติณณ์ เราอยู่บ้านเดียวกัน เพราะพี่ชายของผม กับพี่สาวของติณณ์แต่งงานกัน” โปเต้พูดเสียงนิ่งๆ
“เดี๋ยวนะ อยู่บ้านเดียวกัน... ทำไมไม่เห็นบอกพวกเราตั้งแต่แรกล่ะ” จีน่าเอ่ยถาม
“ผมจะอยู่ที่ไหนกับใคร ...ต้องบอกคนอื่นด้วยอย่างนั้นเหรอ” โปเต้ถามกลับ แต่ทำเอาคนถามหน้าเจือนไปเลย แต่ผมคิดว่ามันก็จริงอย่างที่โปเต้พูดนะ
“งั้นแปลว่าที่รับ-ส่งกันทุกวันนี้...เพราะอยู่บ้านเดียวกัน” หลุยส์ถามขึ้นบ้าง
“..อืม”
“งั้นก็แปลว่าไม่ได้คบกัน” นิดาถาม แต่ทำไมถึงต้องทำหน้าเสียดายแบบนั้นล่ะ
“คบ...”
“ห๊ะ!!” เสียงของทุกคน...รวมถึงผมด้วย
อะไรของโปเต้อ่ะ ผมไปตกลงคบกับโปเต้ตอนไหนเนี่ย
“...เป็นเพื่อน” แล้วโปเต้ก็พูดต่อหลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนอึ้งค้างประมาณสามวิ
เหอะ...ทำไมต้องพูดให้คนอื่นคิดลึกด้วย นิสัยเสียจริงๆ
“นภัทรอ่ะ ...ทำเราลุ้นฟรีเลย” จีน่าบ่นเล็กน้อยพลางทำหน้างอ
“.....” โปเต้ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะลุกขึ้น เอาจานข้าวที่กินหมดแล้วไปเก็บ ผมจึงลุกขึ้น แล้วเอาจานข้าวไปเก็บบ้าง
“ติณณ์...” อยู่ๆโปเต้ก็ส่งเสียงเรียกผม ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะ
“...อะไร” ผมถามเขาเบาๆ
“โกรธมั้ย”
“เรื่อง?” ผมต้องโกรธเขาเรื่องอะไรอ่ะ
“ที่บอกทุกคนไปแบบนั้น”
“ไม่หนิ” ทำไมผมจะต้องไปโกรธเขาล่ะ ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย อีกอย่างเราก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และผมก็ไม่ใช่คนคิดเล็กน้อย จะไปโกรธทำไมกับอีแค่เรื่องที่อยู่บ้านเดียวกันกับโปเต้ เพราะยังไงมันก็คือเรื่องจริง
“เหรอ...”
“อืม ...ไปกันเถอะ” ว่าจบ ผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะ โดยมีโปเต้เดินตาม ก่อนที่พวกเราทุกคนจะตรงไปยังห้องเรียนเลย
“ต้องมาก่อนหกโมงเช้า โอ๊ย...มาเรียนตามปกติกูยังสายเลย” เสียงแลนด์พูดขึ้น เมื่อจบการประชุม
“นั่นดิ” ตามมาด้วยเสียงของจิน เพื่อนอีกคนของโปเต้
“คงต้องให้พี่ปาร์มาส่ง” โปเต้หันมาบอกผม แต่ว่า...
“พี่ปาร์กับพี่ตาลไปหัวหิน...” ผมรีบบอกโปเต้ จะว่าไปก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
“.....” โปเต้ทำหน้างงระคนหน้ายู่หน่อยๆอย่างขัดใจ
“โทร.เรียกแท็กซี่เอาล่ะกัน” ผมบอกโปเต้ เพราะดูท่าว่าโปเต้คงไม่อยากจะจอดรถทิ้งไว้ที่มหาลัยสักเท่าไหร่นัก
“อืม...กลับเถอะ” โปเต้พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะชวนผมกลับบ้าน
“อืม ...พวกมึง กูกลับล่ะ” ผมหันไปบอกพวกเพื่อนๆของผม ก่อนที่ผมกับโปเต้จะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รถ แต่เมื่อไปถึงที่บ้าน ก็ต้องมีเรื่องให้คิดหนักซะแล้วสิ
ว่าจะทำอย่างไรดี กับเจ้าอันปันตัวน้อย
“โปเต้ เราไม่อยู่ตั้งหลายวัน พี่ปาร์พี่ตาลก็ไม่อยู่ แล้วอันปันล่ะ” ผมหันถามโปเต้ ก่อนที่จะเดินไปอุ้มเจ้าอันปันตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขน
“.....” โปเต้หันมามองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในครัว อารมณ์ไหนของเขาเนี่ย
“โปเต้ ผมถามว่าเราจะทำยังไงกับอันปันตอนที่เราไม่อยู่”
“...หิว” โปเต้หันมาบอกผมหน้านิ่ง แต่...มันเกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้ถามเขาไปมั้ยเนี่ย
“อย่าพึ่งนอกเรื่องสิ”
“จริงจังกับอันปันไปป่ะ”
“เอ้า ก็อันปันมันหากินเองได้ที่ไหนล่ะ”
“...ตอนนี้ผมก็หากินเองไม่ได้ ทำอะไรให้กินหน่อยสิ”
นี่โปเต้กำลัง...กวนตีนผมอยู่ใช่มั้ย
“.....” นี่ผมกำลังจริงจังนะ เขาจะมากวนผมเลยอย่างนี้ได้ยังไง รู้เวลาบ้างสิ
“.....”
“.....”
“.....”
“.....”
“...เฮ้อ.. เดี๋ยวเอาไปฝากที่โรงพยาบาลสัตว์แถวนี้ก็ได้หรอก” ในที่สุดโปเต้เอ่ยออกมา เหอะ...แค่นั้นก็จบ
“ก็แค่นี้” ผมว่า ก่อนจะปล่อยอันปันให้ลงเดินเอง
“เดี๋ยวดิ” โปเต้เอื้อมมือมาคว้าแขนผมเอาไว้ เมื่อผมกำลังจะเดินออกตามอันปันไป ..รู้สึกว่าพักนี้ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยนะ
“.....” ผมหันกลับมามองหน้าเขา
“หิว”
“...ทำกินเองสิ”
“ไม่”
“งั้นก้ไม่ต้องกิน” ผมเอ่ยเบาๆ
“หิว” โปเต้พูดคำเดิมๆออกมา อย่างกับเด็กก็ไม่ปาน
“.....”
“ติณณ์..”
“รู้แล้วๆ”
เหอะ...สุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้เขา เพราะอะไรกันว่ะเนี่ย!?!
“ใกล้จะถึงแล้ว”
(เร็วๆดิ ตอนนี้เขามาครบกันแล้วนะเว้ย เหลือแค่มึงกับนภัทรนี่แหละ)
“จะถึงแล้ว ติดไฟแดงอยู่”
(เร็วๆ พี่ปีสี่จะแดกหัวพวกกูอยู่แล้วเนี่ย)
“เออ”
แล้วผมก็ตัดสายนิดาทิ้งไป ตอนนี้ผมกับโปเต้อยู่บนแท็กซี่ครับ กำลังมุ่งหน้าไปยังมหาลัย วันนี้เป็นวันเดินทาง ที่เราจะไปทัศนะศึกษากัน แต่ผมสองคนดันมีปัญหานิดหน่อย ที่วันนี้โปเต้เกิดเป็นอะไรไม่รู้ ไม่ยอมลุกจากที่นอน ทำให้พวกเราต้องมาสายกว่าเวลาที่ตั้งกันเอาไว้
“พี่ครับ เลี้ยวเข้าไปเลยนะครับ” ผมบอกพี่คนขับแท็กซี่ให้เลี้ยวเข้าไปในมหาลัย ก่อนจะบอกทางไปคณะของผม
และเมื่อแท็กซี่มาจอดยังบริเวณหน้าคณะ ซึ่งเป็นจุดรวมพล ผมก็รีบออกมาจากรถ ก่อนที่จะยกกระเป๋าทั้งของผมและของโปเต้โดยมีพี่คนขับแท็กซี่ช่วย
“เท่าไหร่ครับพี่”
“ร้อยห้าสิบครับน้อง”
ผมยื่นเงินไปให้พี่คนขับแท็กซี่ ก่อนจะเดินไปหาพวกเพื่อนที่โบกมือเรียกผม แต่ว่าพี่คนขับแท็กซี่ก็เรียกผมเอาไว้
“น้องๆ เดี๋ยวก่อน”
“ครับ?”
“เพื่อนน้องอ่ะ เขาไม่ไปด้วยเหรอ”
เพื่อน?...
...โปเต้
อ้าว ...ยังไม่ลงมาจากรถอีกหรอ
“โปเต้ ...เฮ้ย หลับเหรอ ตื่นก่อน..” ผมเดินมาที่รถแท็กซี่คันเดิม ก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าตัวโปเต้ที่หลับอยู่
“หืม?” โปเต้ปรือตามองผมเล็กน้อ ยก่อนจะทำท่าเหมือนจะหลับต่อ
“อย่าหลับนะ ลงมาก่อน” ผมว่า ก่อนจะดึงแขนโปเต้ให้ลงจากรถ
“.....” โปเต้ขมวดคิ้วเหมือนขัดใจ แต่ก็ยอมเดินลงมาจากรถแต่โดยดี
แล้วแท็กซี่คันนั้นก็ออกไป ผมจึงหันไปลากกระเป๋าตัวเอง แล้วเดินไปหาเพื่อน โดยมีโปเต้ลากกระเป๋าแล้วเดินเอื่อยๆตามมา
“มากันครบแล้วนะ งั้นเราก็ไปขึ้นรถกันเลยแล้วกัน” เสียงพี่เฟรม ซึ่งเป็นพี่รหัสของผมพูดขึ้น ความจริงแล้วพี่เฟรมเขาก็เป็นประธานคณะด้วยนะเนี่ย
“.....”
“เอ่อ...น้องติณณ์” พี่เฟรมเดินมาหาผมครับ
“...ครับ”
“เรื่องที่ว่าน้องติณณ์กับ..นภัทรคบกันน่ะ เรื่องจริงเหรอ”
“...เขาเป็นเพื่อนผม”
“จริงเหรอครับ” พี่เฟรมยิ้มกว้างราวกับดีใจอะไรสักอย่าง
“ครับ ..ผมขอตัวก่อนนะ” ว่าจบ ผมก็เดินหนีพี่เขาออกมาเลย ก่อนจะเดินขึ้นไปยังรถของปีสาม ซึ่งพวกเพื่อนๆของผมก็ขึ้นกันไปตั้งนานแล้ว (ก่อนที่นิดาจะโทร.หาผมเสียด้วยซ้ำ)
ผมเดินมามองหาที่นั่งแถวเพื่อนของผม แต่...แลนด์นั่งกับหลุยส์ นิดานั่งกับจีน่า แต่ก็...ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว นั่งคนเดียวก็ได้ จะได้เหยียดขาสักหน่อย
“ไอ้ติณณ์ ที่มึงอยู่ข้างๆนภัทรนู้น” นิดาตะโกนบอกเมื่อเห็นผมเดินขึ้นรถมา และเมื่อสิ้นเสียงนิดา เสียงคนอื่นๆก็เริ่มดังขึ้น ผมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของผมกับโปเต้น่ะ
“.....” ผมได้แต่ไม่สนใจ ก่อนจะเดินไปแถวกลางๆคันรถ เห็นโปเต้นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ผมจึงนั่งลงข้างโปเต้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเสียบหูฟัง ฟังเพลงและหลับตาลง
เฮ้อ...ผมเบื่อการเข้าใจผิดจริงๆ และดูเหมือนไอ้คนที่นั่งข้างๆผมก็จะไม่ซีเรียสสักเท่าไหร่ ที่ตัวเองเป็นหัวข้อในวงสนทนา
ความจริง...บางคนอาจจะไม่ซีเรียส แต่นี่...ถูกเข้าใจผิดว่าคบกันเลยนะ ถ้าหากผมกับโปเต้สนิทกันมาสักสิบปี ผมก็คงจะไม่อะไรหรอก
แต่...จะไปห้ามไม่ให้คนอื่นพูดก็คงไม่ได้ล่ะนะ