Passion.9
เงียบ...
มีเพียงความเงียบงันภายในห้องสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล หลังจากไบรอันกลับไปแล้วเมื่อพ่นน้ำคำเชือดเฉือนหล่อนจนสาแก่ใจ พริมรตาทำได้เพียงแค่นั่งพิงหมอนนิ่งอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ไม่มีการติดต่อมาจากคนรัก หล่อนรู้ดี ภีมพริษฐ์คงโกรธแค้นหล่อนจนแทบอยากฆ่าให้ตาย และตัวหล่อนเองก็ไม่มีหน้าติดต่อไปหาเขา หล่อนไม่มีข้อแก้ตัวใด ปล่อยให้ความเงียบงันบอกลากันโดยไม่ต้องมีคำใดอธิบาย
...มันจบแล้ว...
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะไร้เสียงสะอื้น หล่อนสูญเสียคนรักที่เคยให้อภัยทุกความผิดพลาดไปแล้วจริงๆจากการทำตัวเอง ปล่อยให้ความเสียใจได้ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างเชื่องช้าระคนเหงาหงอยเคล้าความเจ็บปวดที่หัวใจดันทรยศ มือบางลูบหน้าท้องบางเบา สายลมพัดแผ่วระผิวแก้มบางเบา หล่อนนึกถึงผู้ชายอีกคน...สายลมเย็นใจของหล่อน...
...วาเลนไทน์...
คิดได้ดังนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความทางไลน์ติดต่อไป หล่อนไม่โทรหาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ยินน้ำเสียงแย่ๆ หล่อนเพียงแต่อยากได้ที่พักพิงใจและบอกกล่าวเรื่องเด็กในท้องแก่เขาให้รับรู้
“ช่วงนี้ยุ่งๆนิดหน่อยครับ พรุ่งนี้ต้องอยู่ช่วยพี่สาวที่ร้าน” เป็นข้อความที่วาเลนไทน์ตอบกลับมาหลังหล่อนส่งไปหาเพียงไม่นาน
“คิดถึง อยากเจอหน้า พริมมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษา พรุ่งนี้พริมไปหาที่ร้านได้ไหม”
“อืม ครับ งั้นมาตามที่อยู่นี้นะครับ ถ้ามาไม่ถูกยังไงโทรหาผมนะ ขอโทษจริงๆที่ไปรับไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
“ครับ”
ใบหน้าหวานค่อยคลี่ยิ้มออกมาได้บ้าง อย่างน้อยหล่อนก็ยังมีที่พักใจ ภาพใบหน้าหล่อเข้มผุดขึ้นมาให้ใจหายอีกครา ไม่มีทางกลับไปแล้วจริงๆ
แสงสว่างคืบเข้ามาจากทางระเบียงปลุกเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาให้ค่อยๆปรือลืมตาขึ้นช้าๆอย่างยากลำบากเปลือกตาหนักอึ้งเหมือนมีอะไรมากดทับ ดวงตาคมหลับลงอีกครั้ง สะบัดหน้าแรงๆก่อนจะลืมขึ้นมาอีกที เมื่อคืนเขาดื่มเสียหนัก นานๆทีถือโอกาสระบายความอัดอั้นออกไปเสียบ้าง ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางกวาดสายตามองรอบห้อง คิดว่าเดี๋ยวออกไปแล้วค่อยโทรบอกแม่บ้านของคอนโดมาทำความสะอาดให้ มือหนากวาดเก็บรูปที่เพื่อนรักให้มาดูให้ตาสว่างลงซองสีน้ำตาลตามเดิม รอยยิ้มร้ายเคลือบเล่ห์ผุดขึ้นมุมปากขณะเดินเข้าห้องอาบน้ำ
แก้แค้นแบบไม่ให้ถึงตาย งั้นเอาแค่ตายทั้งเป็นก็คงเพียงพอ หึ
กรุ๋งกริ๋ง
“ว้าว ร้านไทน์สวยจัง วันหลังต้องสั่งดอกไม้ที่นี่ไปตกแต่งที่ร้านพริมหน่อยแล้ว” เสียงหวานร้องหยอดขึ้นด้วยรอยยิ้มสวยตามแบบฉบับเจ้าตัวขณะกวาดสายตามองทั่วร้าน เรียกความสนใจจากร่างโปร่งในชุดผ้ากันเปื้อนปักโลโก้ร้านที่กำลังง่วนกับการจัดลิลลี่ปากแตรเข้าช่อให้หันมาตามเสียง
“อ้าว พริมมาพอดีเลย ทานข้าวยังครับ” เสียงทุ้มใสถามอย่างอ่อนโยน
“เช้าๆอย่างนี้กาแฟถ้วยเดียวก็พอแล้วค่ะ” หล่อนบอกยิ้มๆขณะขยับเข้ามาใกล้
“ไทน์จัดดอกไม้เป็นด้วยหรือคะ ถึงว่านิ้วเรียวสวยเชียว” หล่อนพูดพลางมองดูดอกไม้ที่กำลังถูกรวบเข้าช่อจากฝีมือผู้ชายแท้ๆแต่กลับมีนิ้วมือเรียวสวยไม่แพ้หญิงสาว
“พอทำได้บ้างครับ อยู่ด้วยทุกวันเลยหัดๆดู พริมชอบดอกอะไรครับ เดี๋ยวผมจัดให้ช่อหนึ่งสวยๆ” ชายหนุ่มเสนอด้วยรอยยิ้มสดใส พริมรตานิ่งงันไปกับภาพที่เห็น แววตาเจือเศร้าขึ้นมาทันที
“น่ารักจัง ถ้ามีลูก ไทน์ต้องเป็นคุณพ่อที่น่ารักมากแน่ๆ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงหม่น
“พริมเป็นอะไรหรือเปล่าครับ งั้นเดี๋ยวไปนั่งรอตรงโซฟาด้านนั้นสักแป๊บนะครับ เดี๋ยวไทน์ไปคุยด้วยนะ” วาเลนไทน์จับน้ำเสียงนั้นได้ ใบหน้าใสหันมามองใบหน้าฉาบด้วยเครื่องสำอางสวยแต่ก็ยังปกปิดสีหน้าเป็นกังวลไม่ได้ น้ำเสียงห่วงใยร้อนรนขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอีกคนท่าทางจะไม่ดี พริมรตาพยักหน้ารับพลางเอี้ยวตัวไปนั่งรอตรงที่อีกฝ่ายบอก
ภาพที่ชายหนุ่มเห็นจากภายนอกร้านโดยที่ไม่ได้ยินเสียงสนทนาคือภาพชายหนุ่มกำลังกุมมืออยู่กับหญิงสาว ทั้งคู่ต่างมองตากันและกัน ภีมพริษฐ์แค่นยิ้มอย่างดูแคลนแกมรุ่มร้อนใจอยากจะเดินเข้าไปกระชากแยกทั้งคู่ออกจากกันเสียตอนนั้น แต่ยั้งใจไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวคนที่จะร้อนจนนั่งไม่ติดจะไม่ใช่เขาอีกต่อไป
“พอรู้ว่าท้องก็รีบแล่นมาหากันเชียว” น้ำเสียงเย้ยหยันกับภาพที่เห็นบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เขาเลือกที่จะถอยออกมาก่อน ซ่อนเก็บความรุ่มร้อนไว้ในอก เริ่มแผนการสั่งสอนอย่างเงียบๆ
“ตกลงจะบอกผมได้หรือยังครับว่าพริมเป็นอะไร” วาเลนไทน์ถามยิ้มๆอย่างเอ็นดู ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูแกร่งอย่างพริมรตาจะมีมุมที่อ่อนไหวกับเขาเหมือนกัน
“พริมเลิกกับเขาแล้วค่ะ” หล่อนบอกน้ำเสียงเครือ ใจหายเหมือนทำสิ่งล้ำค่าหลุดมือไป ถึงจะไม่ได้เอ่ยลากันตรงๆแต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หล่อนไม่กล้าสู้หน้าผู้ชายอย่างภีมพริษฐ์ ยอมรับว่ากลัวใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งอีกฝ่ายหายเงียบไป หล่อนยิ่งไม่กล้าโผล่หน้าไปเจอและสรุปเองว่านี่คือการบอกลา
วาเลนไทน์นิ่งไปเมื่อได้ยินคำบอกหลุดออกจากริมฝีปากอิ่มสวย เขามองสบตาหล่อน คิดไม่ออกว่าผู้ชายประเภทไหนที่กล้าทอดทิ้งผู้หญิงสวยขนาดนี้ ชายหนุ่มจนด้วยคำพูดจะปลอบจึงทำเพียงยื่นมือไปกุมปลอบประโลมให้หล่อนเบาใจก็เท่านั้น พริมรตานั่งนิ่งจ้องตากัน หล่อนอาจจะเคยถูกใจนิสัยของวาเลนไทน์จนถึงขั้นชอบพออยากคบหา แต่พอเอาเข้าจริง การสูญเสียภีมพริษฐ์สำหรับหล่อนกลับหนักหนาเอาการ ต่างฝ่ายต่างนั่งมองหน้ากัน พริมรตาไม่ได้ปฏิเสธอุ้งมืออุ่นที่แผ่ซ่านความปรารถนาดีให้หัวใจได้คลายความเหน็บหนาวลงบางครา
เย็นย่ำเขาจึงส่งหล่อนกลับแล้วจึงผละขึ้นมาอาบน้ำ เข้าใจดีว่าตอนนี้คงยังเคว้งแต่ไม่นานเวลาจะช่วยเยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น
“อยากจะเห็นหน้าคนที่กล้าทิ้งผู้หญิงสวยขนาดนี้จริงเชียว” สิ้นเสียงพึมพำเสียงกริ่งหน้าร้านก็ดังขึ้นบ่งบอกว่ามีคนเข้ามาในร้าน
“ร้านปิดแล้วครับ” วาเลนไทน์เดินออกมาจากหลังร้านเห็นร่างสูงใหญ่ผึ่งผายที่กำลังยืนหันหลังให้พร้อมกวาดสายตามองภายในร้าน เมื่อได้ยินเสียงใบหน้าคมคายจึงหันมา
“อ้าวคุณ มาซื้อดอกไม้หรือครับ” วาเลนไทน์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องประหม่าทุกครั้งที่สบกับสายตาคมของเขา
“เปล่า ฉันอยากกินอาหารฝีมือนายอีก ยำกลีบกุหลาบน่ะ ทำให้กินหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มมีพลังชวนคล้อยตาม ดวงตาที่มองมาทำให้วาเลนไทน์รู้สึกร้อนเห่อที่แก้มแปลกๆ ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศอย่างร้ายกาจไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายด้วยกันก็อาจเผลอลุ่มหลงเอาได้หากไม่ระวัง
“กะ ก็ได้ครับ งั้นนั่งรอเดี๋ยวนะครับ ผมไปเก็บดอกกุหลาบในสวนข้างๆร้านก่อน” ร่างโปร่งบอกก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้าใส่ดอกไม้แล้วเดินออกทางหน้าร้าน กุหลาบมอญต้นใหญ่ออกดอกสะพรั่งสีชมพูสวยหวาน วาเลนไทน์กำลังเอื้อมเด็ดก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเอื้อมมือมาเด็ดดอกเดียวกัน
“ฉันช่วย” เขาบอกเสียงเรียบ กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นกายเขาให้ความรู้สึกแบบผู้ใหญ่เซ็กซี่ร้อนแรงแฝงความน่าค้นหาแตกต่างจากพวกทโมนเพื่อนๆของเขา ชายหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหูไม่กล้าหันไปทางไหนนอกจากรีบเด็ดดอกไม้ให้เสร็จๆในขณะที่อีกคนหลุบเปลือกมองคนตรงหน้าอย่างเย็นชามาดร้าย
“พี่สาวนายไม่อยู่หรือ?” ภีมพริษฐ์ถามขณะยืนมองอีกคนเตรียมอาหาร ที่จริงเขาเอ่ยปากจะช่วยแต่ร่างโปร่งบอกว่าเขาเป็นแขก อยากให้รอเฉยๆจะดีกว่า ภีมพริษฐ์จึงนั่งจับตามองอีกคนทุกการเคลื่อนไหวและรู้ว่าเจ้าเด็กกะโปโลประหม่ากับเขาแค่ไหน
“ริสาไม่อยู่ครับ ไปเที่ยวสะพานมอญที่กาญจน์บิ้วท์อารมณ์เขียนนิยาย” วาเลนไทน์บอกยิ้มๆ
“งั้นงานดูแลร้านก็เป็นของนายสิ” ภีมพริษฐ์ถามหยั่งเชิง
“พี่วาดดาวเพื่อนริสาช่วยดูครับ ผมเองก็แค่ช่วยนิดๆหน่อยๆตอนเอาไปส่งให้ลูกค้า” วาเลนไทน์ออกตัวที่จริงเขาเองก็ทำได้แต่มันดูไม่แมนเท่าไหร่จึงไม่ค่อยทำ จะช่วยต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ
“อืม งั้นถ้านายหายไปก็คงไม่เป็นไร” ชายหนุ่มพึมพำยิ้มยกมุมปากเมื่ออะไรๆมันช่างเข้าทาง
“อะไรนะครับ”
“เปล่าหรอก อยากชวนไปเที่ยว สนใจไหม เกาะส่วนตัวฉันเอง” ภีมพริษฐ์เบี่ยงความสนใจกลบเกลื่อนความลิงโลดที่ดูเหมือนเป็นจังหวะเหมาะของเขาจริงๆที่จะได้จัดการอีกคน ความรู้สึกแข็งกร้าวอยากฉีกกระชากร่างอีกคนให้แหลกเละคามือ ความรู้สึกคั่งแค้นปะทุโหมส่งผลให้เขาจินตนาการถึงเสียงร้องโหยหวนราวสัตว์ถูกบากคอให้ตายลงทีละน้อยของคนที่เขาชิงชัง
“จริงหรือครับ โห คุณคงรวยน่าดูมีเกาะส่วนตัวด้วย” ร่างโปร่งพูดขณะยกอาหารมาวางที่โต๊ะกินข้าว โดยมีภีมพริษฐ์จดจ้องทุกอากัปกิริยา
“แคบนิดนะครับ” วาเลนไทน์ออกตัว ร้านเล็กๆของเขาคงไม่สะดวกกับมหาเศรษฐีอย่างเขาแต่ภีมพริษฐ์ดูเหมือนจะไม่ถือเพราะท่าทางเขาไม่ได้ติดหรูอะไรมากนัก
“จริงๆว่าจะพาเมียไปสวีทฉลองฮันนีมูนหลังแต่งงาน แต่เมียดันมีชู้เสียก่อน” เขาพูดเสียงเรียบแต่แฝงอารมณ์กรุ่นโกรธลุ่มลึกขณะทิ้งตัวลงนั่งพลางตักกับแกล้มใส่ปาก เขาพกเหล้ามาด้วยและชวนคนตรงหน้าดื่มเป็นเพื่อนคนกำลังอกเดาะ วาเลนไทน์ไม่ได้เฉลียวใจอะไรจึงนั่งดื่มเป็นเพื่อนแต่โดยดี
“ผู้หญิงแบบไหนกันนะที่กล้าทรยศผู้ชายเพอร์เฟคแบบคุณ” วาเลนไทน์ถามขณะยกแก้วแรกจิบเพียงเบาๆเขาว่าผู้ชายที่กล้าทิ้งพริมรตานี่สุดๆแล้วแต่ผู้หญิงที่กล้านอกใจภีมพริษฐ์นี่นับว่าสุดยอด
“นายอย่าอยากรู้จักเลย เผลอๆถ้ารู้แล้วชีวิตนายอาจจะตกนรกก็เป็นได้” เขาพูดเสียงนิ่งขณะสายตาคมจ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย วาเลนไทน์กลืนน้ำลายเหนียวฝืดคอ ใครที่กล้าเป็นศัตรูกับคนๆนี้รนหาที่ชัดๆ
“คุณพูดเหมือนกับจะฆ่าพวกเขาทิ้งเสียอย่างนั้น” วาเลนไทน์เย้ายิ้มๆให้บรรยากาศไม่ดูตึงเครียดเกินไป
“ไม่รู้สิ ถ้านายเป็นฉัน นายว่าฉันควรจะจัดการกับพวกชู้นี่ยังไงดี” เขาหยั่งเชิงถาม ให้โอกาสเหยื่อในกำมือได้เลือกวิธีจัดการให้ตัวเองอย่างแยบคาย
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เสียด้วยสิ” วาเลนไทน์ส่ายหัวหวือจนด้วยคำตอบ
“จะบอกว่าตัวเองไม่เคยลักลอบเป็นชู้กับเมียคนอื่นอย่างนั้นสินะอ้อ หรือถ้าจะเรียกให้ดูดีขึ้นมาหน่อยก็ “กิ๊ก” นั่นล่ะ เหมือนจะฟังดูน่ารักนะ แต่ความหมายจริงๆก็พวกลักกินขโมยกิน พวกชู้เลวทรามนี่ล่ะ มันน่าเป่ากะโหลกให้สมองไหล ว่าไหม?” ภีมพริษฐ์สวนขึ้นมาเสียงแข็งใส่อารมณ์อย่างระงับไม่อยู่กับคนที่ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว หึ ในไม่ช้าหรอก โจทก์อย่างเขานี่ล่ะ จะทำให้ไอ้พวกคบคิดกันหักหลังร้อนๆหนาวๆไปพร้อมๆกัน
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของอีกคนดังขึ้นพอดี วาเลนไทน์จึงไม่ทันได้ฟังประโยคที่อีกคนเอ่ยได้จบ ภีมพริษฐ์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบฟังเสียงสนทนาของร่างโปร่งกับปลายสาย ได้ยินชื่อ “พริม” เล็ดลอดออกมาจากบทสนทนา คิ้วเข้มหนากระตุกยึก เชื้อแค้นโหมราดลงยังไฟฟอนแห่งความคลั่งปะทุจนเขาแทบจะกระชากร่างโปร่งบางมาฉีกให้แหลกคามือ มือหนาเผลอบีบแก้วเหล้าในมือจนสั่นขึ้นเส้นเลือดปูดโปน
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะครับ” วาเลนไทน์ย้อนถามเพราะเมื่อกี้เสียงโทรศัพท์จากพริมรตาดังซ้อนขึ้นมาพอดีเขาจึงไม่ทันฟังประโยคที่อีกคนเอ่ย
“ช่างเถอะ” ภีมพริษฐ์ตัดบทเสียงเรียบพลางยกแก้วขึ้นจิบเพียวๆ
“แล้วคุณล่ะครับ จะจัดการยังไง” กลายเป็นวาเลนไทน์ที่อยากรู้เสียเอง คนหน้านิ่งใจยากหยั่งถึงคนนี้ทำให้เขารู้สึกอยากค้นหาขึ้นมาเสียอย่างนั้น วาเลนไทน์อยากรู้ว่าเขาจะมีวิธีอันชาญฉกาจในการจัดการปัญหายังไง
“เอาไว้เดี๋ยวก็รู้เอง ไม่นานเกินรอ” ภีมพริษฐ์พูดพลางยกยิ้มบางขณะสายตาคมนิ่งจ้องแก้วน้ำสีอำพันตรงหน้า ยาที่เขาแอบใส่ไว้คงกำลังออกฤทธิ์ในไม่ช้า
ร่างโปร่งบางสลบเหมือดไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา ภีมพริษฐ์ใจเย็นพอที่จะเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อย ชายหนุ่มอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นรถขับออกไปยังสถานที่นัดหมาย เฮลิคอปเตอร์จอดเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเครื่องจึงขึ้นบินตรงไปยังปลายทางเกาะส่วนตัวของชายหนุ่ม...สถานที่ฮันนีมูนที่กลับกลายเป็นแดนลงทัณฑ์สำหรับชายชู้! ส่วนพริมรตา ผลของการกระทำจะตามมาหลังจากนี้!
ครืน ซ่า...
แสงสีเงินยวงเย้ายวนตาลอยเด่นสง่าทาบทาแสงฉานระยับบนผิวน้ำทะมึนที่พลิ้วตัวตามระลอกคลื่นดูงดงาม เกาะส่วนตัวขนาดใหญ่เร้นกายแฝงตัวเงียบเชียบห่างไกลชายฝั่งมากโข และไม่ค่อยได้มีใครเหยียบย่างแวะมาเว้นเสียแต่เจ้าของจะอนุญาตซึ่งก็น้อยคนเต็มที ที่ที่ชายหนุ่มได้รับมรดกตกทอดมาและตั้งใจไว้ว่าจะพาคนรักมาฉลองฮันนีมูนดื่มด่ำชื่นชมความงดงามของพระจันทร์ดวงโตเปล่งแสงที่นี่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างก็พลิกผันไปเสียหมดชนิดตั้งตัวไม่ทัน
ร่างสูงใหญ่หล่อเหลาอย่างรูปสลักไร้ที่ติในชุดคลุมนอนสีเข้มเผลอบีบแก้วไวน์ในมือแน่นขณะทอดสายตามองแสงจันทร์ยวงทาบทาบนผืนน้ำพลิ้วเป็นระลอก ความงดงามชวนลุ่มหลงทำได้เพียงเฝ้ามองไม่อาจจับต้องเฉกภาพมายา ไม่ต่างอะไรกับความรักที่เขาเคยคิดว่าจะครอบครองเอาไว้ได้แต่สุดท้ายแล้วก็ปลิวหลุดออกจากมือไม่รู้ตัว ความคิดที่ล่องลอยไปไกลสะดุดตรงคำว่า “ชู้” เข้าเต็มๆคล้ายว่ามีมีดคมที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามากระหน่ำแทงยังหัวใจที่กำลังเต้นตุบๆโดยผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเขาเป็นฝ่ายยื่นมีดนั้นด้วยตัวเองด้วยการยื่นสัมพันธ์ให้ใครอีกคน
เพราะมั่นใจในเสน่ห์มากล้นของตนเอง ทำให้ไม่คิดเฉลียวใจ
เพราะคำว่าไว้ใจ ที่ทำลายหัวใจลงจนย่อยยับ
บัดนี้หัวใจอ่อนๆที่ยังรู้สึกรู้สากลายเป็นเย็นชาไร้ความรู้
เมื่อไม่มีความรู้สึก เขา...ก็จะไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวด
เมื่อนั้น การแก้แค้นอย่างไร้ปรานีจึงจะเริ่มต้นขึ้น
ความเจ็บปวดราคาแพงของเขาต้องตอบแทนด้วยความทุรนทุรายของหญิงร้ายชายเลวอย่างสาสม!
ใบหน้าคมเหลือบมองใบหน้าใสของคนสลบไสลบนเตียง ยอมรับว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ออกจะหน้าตาดีเสียด้วยซ้ำ แต่หน้าตาแบบนี้น่ะหรือ โฉมหน้าคนที่กล้าลูบคมคนอย่างเขา
บางทีเจ้าเด็กนั่นอาจมีบางอย่างเด็ดสะระตี่อย่างที่เขาไม่รู้ก็เป็นได้ ภีมพริษฐ์นิ่งคิดขณะจับตามองเขม็ง ท่าทางกะโปโลใสซื่อของวาเลนไทน์อาจเป็นเพียงหน้ากากอำพรางลีลาเร่าร้อนช่ำชองปรนเปรอให้พริมรตาติดใจก็เป็นได้ คนรักของเขาไม่ต่างจากผีเสื้อแสนสวย หล่อนรักอิสระ โฉบเฉี่ยวกรีดกรายดึงดูดสายตาชวนให้ไล่จับมาครอบครอง แต่ดูเหมือนกรงทองก็ขังหล่อนไม่อยู่ กิเลส ตัณหา รัก โลภ โกรธ หลง ความมัวเมาเป็นเหมือนของหวานยั่วน้ำลายหลอกล่อให้เวียนว่ายไม่จบสิ้น
เพราะอย่างนั้นถึงต้องพิสูจน์ เขาปรายตามองร่างสลบไสลรอการพิพากษาบนเตียงอย่างใจเย็น ยิ่งภายนอกดูเยือกเย็นมากเท่าไหร่ ความโกรธเกลียดภายในยิ่งลุกโชติช่วงโหมปะทุเสียดแทงความรู้สึกมากขึ้นเท่านั้น ความเย็นชาที่แสดงออกจากแววตาเย็นยิ่งไม่ต่างจากแววตาสัตว์ล่าเนื้อที่กำลังพรางตัวเงียบเชียบรอจังหวะจ้องตะครุบเหยื่อ เขากดทุกความรู้สึกไว้ภายในใจรอการปะทุออกทีเดียวตอนชำระโทษ ขย้ำให้แหลกเหลวคามือ!
ครืน...ซ่า...
...อือ อืม...
วาเลนไทน์ได้ยินเหมือนเสียงคลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายฝั่งแว่วขึ้นในโสตประสาท คิ้วเรียวกดเข้าหากันเรียกสติขณะพยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งอย่างยากลำบากเพื่อเปิดรับแสงสว่าง เสียงคลื่นถาโถมยังคงแว่วเข้ามาในหูเป็นระยะ ดวงตาคู่สวยปรือกระพริบปริบๆรับภาพแรกเป็นเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา ใบหน้าใสฉงนก่อนจะกวาดสายตามองทั่วห้อง ตาเขาสว่างโร่กับภาพหลังผนังกระจกเบื้องหน้า ท้องทะเลยามดึกแลดูถมึงทึง ผิวน้ำถูกฉาบด้วยแสงจันทร์ดูระยับงดงาม หากที่เขาสนใจมากกว่ากลับเป็นเจ้าของร่างแน่นหนั่นสูงใหญ่ที่กำลังกอดอกพิงอยู่ริมผนังกระจก มือข้างหนึ่งคลึงแก้วเครื่องดื่มสีเข้มในมือ สายตาคมกริบทอดมองยังเวิ้งน้ำเบื้องหน้าด้วยเสี้ยวหน้าไร้อารมณ์
“คุณภีม โอ๊ะ!” เสียงนุ่มนวลร้องขึ้นด้วยความตกใจ อารามร้อนรนจะรีบผุดลุกถูกฉุดให้หันกลับมามองพันธนาการที่ข้อมือ
...กุญแจมือ...
“นี่มันอะไรกันครับ” วาเลนไทน์ร้องถามด้วยความงงงวย จำได้ว่าก่อนสติสัมปชัญญะวูบสุดท้ายจะดับลงเขารู้สึกเหมือนภีมพริษฐ์พูดอะไรกับเขาสักอย่างพร้อมเผยรอยยิ้มร้ายกาจอย่างซาตาน แววตามาดร้ายคุระอุมองตรงมาที่เขา และทุกอย่างก็ดับวูบลง
“ลูกกุญแจไขอยู่นี่” ภีมพริษฐ์ไม่ตอบข้อสงสัย ร่างสูงทำเพียงโยนลูกกุญแจหล่นปุลงบนปลายเตียงอีกด้านก่อนจะหันไปเปิดไวน์รินใส่แก้ว มองดูเชลยตะเกียกตะกายพยายามจะเอื้อมมือไปหยิบลูกกุญแจ ทั้งใช้เท้าช่วยเขี่ยแต่ก็แค่เฉียดๆ
“คุณทำแบบนี้ทำไมครับ” เมื่อความพยายามในการคว้ากุญแจมาไขเพื่อปลดปล่อยอิสระให้แก่ตนเองคว้าน้ำเหลว ร่างโปร่งบางก็เบนเป้าหมายมาที่อีกคน
“ยินดีต้อนรับสู่นรกสำหรับลงโทษชู้ ที่นี่เกาะส่วนตัวฉันเอง ที่เคยบอกว่าจะพาเมียมาฮันนีมูนไง ฉันอุตส่าห์ออกแบบสร้างที่พักใหม่เสียดิบดี กลายเป็นว่ากลับได้พาชายชู้มาแทนเสียนี่” เขากอดอกยกยิ้มเยาะเสียงเหี้ยม มือหนาโคลงแก้วไวน์ในมือเบาๆ
“คุณว่าอะไรนะ! ชู้! ” วาเลนไทน์ตาโตกับสิ่งที่เขากล่าวหา คิดทบทวนคำพูดเขาเมื่อครู่
“คุณ...หมายถึง...ผม ผมเป็นชู้ของเมียคุณ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” วาเลนไทน์สบถอย่างหัวเสีย เขาไม่รู้เรื่องราวที่มาที่ไปอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ผมไม่ได้เป็นแบบที่คุณกล่าวหามาแน่ๆ คงมีการเข้าใจผิด ปล่อยผมก่อนนะครับ แล้วมาคุยกันดีๆ” วาเลนไทน์พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเกลี้ยกล่อม อย่างไรเสียในความคิดเขา คนอย่างภีมพริษฐ์ย่อมเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผลพอ แต่ร่างโปร่งบางลืมนึกไปว่าความแค้นนั้นสามารถกระชากสติให้ขาดสะบั้นลงได้ไม่ยากต่อให้คนๆนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มากด้วยวัยก็ตาม
“คุยแบบนี้นี่ล่ะดีแล้ว จะได้รู้สถานะตัวเอง เกาะส่วนตัวของฉันห่างไกลจากชายฝั่งเยอะ ต่อให้ว่ายน้ำแข็งก็หนีไม่รอด หมดแรงตายก่อน เพราะฉะนั้นอย่าคิดหนี เผื่อบางทีนายอาจจะมีชีวิตรอดกลับไปหาพี่สาว” เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบไม่ต่างจากแววตา
“คุณเป็นอะไรไป ผมงงไปหมดแล้ว อยู่ๆคุณก็จับผมมาล็อกกุญแจมือไว้อย่างนี้ แล้วยังพูดเรื่องชู้ของเมียคุณอะไรนั่นอีก ผมไปรู้จักกับเมียคุณตอนไหน ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันครั...”
พรึ่บ!
วาเลนไทน์พูดไม่ทันจบ รูปหลายสิบใบก็ปลิวหวือกระแทกใบหน้าอย่างจัง ชายหนุ่มงุนงง มือบางหยิบรูปใกล้มือขึ้นมาดูด้วยความฉงนใจพร้อมอุทานเบาๆ
“พริม...”
“หึ ทีนี้คงไม่ปฏิเสธแล้วสินะ ว่าไม่รู้จัก ท่าทางนายกับเมียฉันจะสนิทสนมกันน่าดู ถึงขั้นเรียกชื่อเล่นกันได้” เขาเยาะ
“ผมกับพริมเป็นแค่เพื่อนกัน”
“หึ ตอบเป็นดาราไปได้” เขาแค่นยิ้มเยาะ
“เพื่อนกันเนื้อแนบเนื้อล่ะสิไม่ว่า มันถึงได้ป่องออกมาประจานความเลวระยำของแกสองคนตอนนี้ไง! ไอ้เด็กสารเลว!” หมัดลุ่นๆกระแทกผลัวะเสยเข้าข้างแก้มอย่างจัง วาเลนไทน์ไม่ทันตั้งตัวถึงกับหน้าหัน เจ็บจนชาหนึบ ได้รสเค็มปะแล่มในปากก่อนที่หยาดเลือดสีแดงสดจะไหลย้อยออกมาทางมุมปากข้างที่ถูกชก ชายหนุ่มหันหน้ามาสบกับแววตาดุดันเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะพุ่งเข้ากระหน่ำหมัดหนักหน่วงยังเขา
“อึก! ผมเปล่า ผมกับพริมไม่เคยเกินเลยต่อกัน คุณกล่าวหากันแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติแฟนตัวเองเลย” วาเลนไทน์ยืนยันความบริสุทธิ์พร้อมกล่าวตำหนิอีกฝ่าย พริมรตาไม่เคยพูดเรื่องท้องให้เขารู้เลยด้วยซ้ำ ร่างสูงชะงักกึกเมื่อถูกย้อนก่อนแววตาคมจะวาวโรจน์
“บัดซบ! ไอ้พวกลักกินขโมยกินอย่างแกอย่ามาทำเป็นสุภาพบุรุษหน่อยเลย ไอ้สารเลว!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวตวาด ดวงตาแข็งกร้าว
อุก!
หมัดหนักไม่ออมแรงซัดเข้าอีกทีที่ท้อง วาเลนไทน์จุกจนตัวงอ มือกุมท้องร้องไม่ออก มือหนาบีบสันกรามกระชากร่างบางกว่าหันกลับมาเผชิญหน้าใบหน้าแข็งกร้าวที่ยื่นเข้าใกล้
“นี่แค่เรียกน้ำย่อยที่เด็กสามหาวอย่างแกสมควรจะได้รับ โทษฐานที่ริยุ่งกับของๆฉัน”
“แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องให้อดีตเมียฉันมาดูการทรมานชู้รักของตัวเองด้วยกัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก” เขาแค่นเสียงเหี้ยมลอดไรฟันชนิดคนฟังขนลุกซู่ ใบหน้าใสหันมามองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
“ยังไงผมก็ยืนยันคำเดิมว่า ผมกับพริมเป็นแค่เพื่อนกัน”
“เพื่อนกันสนุกมันกันบนเตียงน่ะหรือ หึ เซ็กส์เฟรนด์สินะ พูดง่ายดีนี่ ถามสามีโดยพฤตินัยของหล่อนแล้วหรือว่าตกลงยอมให้พวกแกเล่นชู้กันแล้วหรือยัง” ภีมพริษฐ์มองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ วาเลนไทน์หลุบเปลือกตาลงนึกย้อนถึงเรื่องราวคืนนั้น
พรึ่บ!
แสงสว่างวาบอย่างกะทันหันทำให้ทั้งคู่ตกใจผละออกจากกัน วาเลนไทน์ได้สติรีบลุกขึ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมทันที เสน่ห์เหลือร้ายของผู้หญิงคนนี้เผลอเมื่อไหร่เป็นตบะจะแตกอยู่เรื่อย แต่ก็ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะลุ่มหลงมัวเมากับบ่วงเสน่หาที่รัดรึงกายจนลืมหัวใจตัวเองโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว เขาไม่อยากทำผิดต่อใครและต่อตัวเอง
เขาไม่ได้รักหล่อน
ชายหนุ่มรู้ตัวอยู่เสมอ
เขาเพียงแต่พาหล่อนท่องเที่ยวไปทั่วเพราะสัมผัสได้ถึงความเหงาในใจหล่อน ชายหนุ่มมองเห็นความทุรนทุรายไขว่คว้าซุกซ่อนอย่างอ่อนไหวภายในดวงตาคู่สวยที่เสมือนว่าเข้มแข็งอยู่ตลอด เสน่ห์มากมายที่หล่อนใช้โปรยหลอกล่อผู้คนมันก็แค่ความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนคนหิวกระหายน้ำอยู่ตลอด ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ หล่อนโหยหาอย่างคนขาดความรักความอบอุ่นทั้งที่ก็มีคนรักอยู่แล้ว หรือคนรักจะเติมให้หล่อนได้ไม่เต็มอย่างนั้นหรือ? ผู้หญิงสาวสวยคนนี้ถึงได้มีท่าทีเหมือนคนต้องการความรัก
วาเลนไทน์สัมผัสได้และเคยนึกสงสัยมาตลอด
“ไฟมาแล้ว ผมคงต้องไปแล้วล่ะ” เขาบอกเสียงเรียบพลางตรงดิ่งไปที่ประตูไม่เหลียวหลัง
“จะกลับแล้วจริงๆหรือ” เสียงหวานเอ่ยถามขณะร่างสูงโปร่งกำลังสวมรองเท้า วาเลนไทน์ชะงักหันมามอง
“ครับ หมดเวลาของผมแล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางจับลูกบิดหมุนออกไป
ปัง...
นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ในห้องกับหล่อนเพียงลำพังสองต่อสอง
ในที่สุดก็ได้มาลงที่นี่ เริ่มรีไรท์ตั้งแต่ตอนที่9 นะคะ ตอนอื่นๆต่อจากต่อจะลบออกหมด
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ