วิญญาณเสน่หา
บทที่ ๘
ร่างไร้วิญญาณเงื้อมือขึ้นต่อยหน้าของอาวุธเต็มกำลังอาวุธล้มลงก้นจ้ำเบ้า ไฟรักและไฟโทสะเข้าบดบัง
ดวงตาของอาวุธจนขาดสติไปแล้ว เขารีบลุกขึ้นเหยียดกายแล้วชี้หน้าดินด้วยความอาฆาต
“กูจะปราบมึงให้ได้ไอ้ดิน”
มือล้วงลึกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคว้าขวดพลาสติกขวดเล็กบรรจุน้ำมนต์ที่ได้มาจากเกจิอาจารย์ขื่อดังแล้ว
เปิดฝาขวดสาดใส่อมนุษย์จนร่างเริ่มจางหาย
“ดิน ไม่นะ”
ทั้งที่มือทั้งสองยังถูกพันธนาการไว้แต่ไตรภูมิใช้พลังเฮือกสุดท้ายกระชากจนเชือกขาดแม้ว่ามันจะทำให้ข้อ
มือของเขาเกิดรอยบาดแผลจนเลือดไหลซึม เขาพุ่งตัวไปกระแทกอาวุธที่กำลังจะใช้ผ้ายันต์จัดการขั้นสุดท้ายกับดินจน
เซล้มไปกับพื้น
กลิ่นไฟติดผ้าลามไปที่ตัวบ้านเริ่มคละคลุ้ง เปลวเพลิงสีแดงฉานลามเลียเรือนไม้เก่าอย่างรวดเร็วด้วยแรงลมพายุ
ควันสีดำลูกใหญ่ลอยทะมึนไปบนท้องฟ้า เสียงไซเรนรถดับเพลิงดัวแว่วมาอยู่ไกลๆ
“ไอ้ไตร มึงรักมันมากใช่ไหม” อาวุธแค้นจนแทบกระอักเลือด “รักกันมากก็ตายไปพร้อมกับมันเถอะ”
อาวุธเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ไตรภูมิ มีดสปริงอันเล็กที่เหน็บอยู่ตรงเอวถูกดึงออกมาแล้วใช้ร่างกายที่ใหญ่โต
กว่าโถมเข้าหากดร่างบอบบางของไตรภูมิให้หงายหลังกระแทกพื้นก่อนที่อาวุธจะตามมาใช้ปลายมีดจ่อเข้ากับคอของ
ไตรภูมิ
แต่ยังไม่ทันจะกดน้ำหนักมือลงไปอาวุธก็ถูกเตะงัดเข้าตรงปลายคางพอดิบพอดีจนร่วงลงไปกองกับพื้นด้วย
หน้าแข้งของดินที่รวบรวมพลังงานขึ้นมาได้อีกครั้ง ดินก้าวไปนั่งคร่อมอยู่ที่หน้าอกของอาวุธแล้วใช้กำปั้นประเคนลงบน
ใบหน้าของอาวุธไม่ยั้งมือ
“ดิน ดิน พอเถอะ”
กลายเป็นไตรภูมิที่ต้องยั้งดินไว้ ท่อนแขนแกร่งของดินถูกไตรภูมิหยุดยั้งเมื่อเห็นอาวุธนอนหมอบกระแตไร้
ทางสู้
“แต่มันฆ่ากระผม มันทำให้กระผมกลายเป็นผีคุณพุ่มยังจะให้ผมไว้ชีวิตมันหรือขอรับ”
ดินตะโกนด้วยไฟแค้นที่สุมอยู่ในอก ดวงตาแดงจัดจนไตรภูมิต้องกอดไหล่กว้างนั้นไว้
“ถ้าดินฆ่ามัน บาปจะติดตัวดินไปอีก เชื่อผมเถอะนะอย่างจองเวรกันอีกเลย ตอนนี้ไฟลามมากขึ้นแล้ว ช่วยผม
หาทางออกไปจากที่นี่ดีกว่า”
ราวกับน้ำเย็นมาชโลมกาย ไอ้ดินได้สติเพราะคำเตือน เมื่อมันหันไปมองโดยรอบก็เห็นจริงตามคำกล่าวของ
ไตรภูมิ ตอนนี้เปลวไฟได้ลุกลามมาถึงเตียงนอนที่ยิ่งกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี ไอร้อนแผดมาถึงไตรภูมิกับเขาที่ยืนอยู่ตรง
ที่ว่างหน้าประตู
ดินคว้าท่อนแขนของไตรภูมิเตรียมจะนำทางให้ แต่ขณะที่กำลังจะก้าวเดินข้อเท้าของไตรภูมิก็ถูกกระชากไว้
ด้วยมือของอาวุธจนล้มลงไปกับพื้น
“คุณพุ่ม ระวัง”
“จะหนีกูไปไหน ไอ้ไตร”
มือเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกแม้ว่าไตรภูมิจะใช้ฝ่าเท้าอีกข้างถีบไม่ยั้ง อาวุธกระโจนเข้าทับไว้ไอ้ดินพยายามจะ
เข้าไปช่วยแต่พลังงานของมันใกล้จะหมดเต็มที ไตรภูมิสมองหมุนติ้วคิดหาทางรอด เขามองขึ้นไปบนเพดานให้คาน
บ้านไหม้ไฟใกล้จะตกลงมาทุกที เขาใช้มือทั้งสองจับหัวอาวุธไว้แน่นก่อนจะใช้หน้าผากตัวเองโขกใส่อาวุธจนตาลอย
ไตรภูมิผลักอาวุธด้วยแรงเท่าที่มีจนอาวุธกระเด็นออกไปจังหวะเดียวกับที่คานติดไฟร่วงลงมาทับร่างกายของ
อาวุธไว้จนขยับไม่ได้
“อ๊ากสสสสส”
“คุณพุ่ม หนีเร็ว”
ดินตะโกนเตือนสติ ไตรภูมิได้แต่มองอาวุธที่ถูกทับไว้ด้วยไม้คานท่อนใหญ่ เปลวไฟเผาไหมลามไปทั้งตัวจน
ดิ้นพล่านอย่างตัดใจแล้วจึงลุกขึ้นก้าวออกจากห้องด้วยการนำทางของดิน
ไตรภูมิมาหยุดยืนหอบอยู่ที่ริมคลองที่เขาเคยมาเล่นน้ำกับเพื่อนๆ ลมพายุพัดโหมจนแสงสีแดงของเปลว
ไฟฉายฉานกลางความมืดมิด เสียงไซเรนรถดับเพลิงกรีดร้องอยู่ในความรู้สึกมันทำให้เขาหมดแรงจนเข่าทรุดอยู่ใต้
ต้นไทรที่ช่วยบังละอองฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา
“คุณพุ่มเป็นกระไรมากหรือไม่ขอรับ โธ่ คุณพุ่มของไอ้ดิน”
ไอ้ดินทรุดตัวลงใกล้ๆ ใช้มือใหญ่ของมันลูบไล้ไปตามกรอบหน้างดงามนั้น ไตรภูมิส่ายหน้าพลางฝืนยิ้มให้ดิน
“ไม่เป็นไรแล้วครับดิน ผมปลอดภัยดี แต่ว่าบ้านถูกไฟไหม้ไปแล้วดินก็ไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าบ้านแล้วใช่
ไหม”
ใบหน้าคมเข้มอย่างชายไทยหน้าเศร้าลงฉับพลันจนไตรภูมิใจหาย
“ดิน มีอะไรปิดบังผมอีกงั้นหรือ”
“ที่กระผมยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ เพราะกระผมยังติดอยู่ในความสงสัยประการเดียว มีเพียงคุณพุ่มที่จะคลี่คลาย
ได้”
“อะไรหรือครับดิน”
ดินเงยหน้าสบตาไตรภูมิด้วยความสงสัยแกมเจ็บช้ำ
“ในคืนวันนั้น คุณพุ่มได้มาหากระผมที่นี่ ณ ริมแม่น้ำแห่งนี้ตามสัญญาของเราหรือไม่ขอรับ”
“โธ่ ดิน” ไตรภูมิน้ำตาไหลพราก เขาคว้ามือดินมากุมและเบียดกายเข้าหาร่างเย็นเยียบ
“แค่นี้เองหรือครับที่ทำให้ดินต้องติดอยู่ในภพแห่งวิญญาณ ต้นเหตุเป็นเพราะผมงั้นหรือ ผมขอโทษ”
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งตะวันก็แจ้งแก่ตาจนแดดจ้าแล้ว พุ่มผวาลุกขึ้นจึงได้รู้ว่าตนนั้นนอนอยู่บนเตียงในห้อง
หอโดยมีแม่ละมัยนั่งหน้าบึ้งอยู่บนตั่ง เขาทำท่าจะก้าวออกจากห้องหอนั้นแม่ละมัยรีบก้าวมาดึงแขนเขาไว้
“คุณพี่จะออกไปไหนหรือคะ นี่หนีงานเข้าหอแล้วยังจะหนีหน้าน้องอีกหรือ”
“แม่ละมัย” พุ่มหันกลับมาเผชิญหน้าดวงตาแดงก่ำ
“ฉันคงได้แต่ขอโทษแม่ละมัยที่ประพฤติตัวเลวทรามให้แม่ละมัยถูกติฉินนินทาตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่ฉัน
ขอกล่าวกับแม่ละมัยตรงๆว่าฉันมิได้คิดสมัครรักใคร่ในตัวแม่ละมัยแม้แต่น้อย”
“ไม่รักน้อง แต่เราแต่งงานกันแล้วนะคะ อยู่ๆกันไปคุณพี่ก็คงจะผูกพันรักในตัวน้องบ้าง”
พุ่มเองก็นึกสงสารแม่ละมัยไม่น้อย เหตุที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของแม่ละมัยเลย พุ่มได้แต่กุมมือแม่ละมัย
ภรรยาเพียงวันเดียวด้วยความเห็นใจ
“ถึงแม้เราอยู่กันไปก็คงหาความสุขมิได้ เพราะฉันมิใช่ชายทั่วไปที่จะให้ความสุขแก่ภรรยาดอกแม่ละมัย”
แม่ละมัยผงะหน้าซีดเผือด
“คุณพี่หมายความว่ากระไร น้องมิเข้าใจ”
พุ่มกัดฟันแน่น แต่เขาไม่อยากทำให้แม่ละมัยเสียใจไปมากกว่านี้ เสียใจเพียงครั้งเดียวก็คงจะเพียงพอ
“หมายความว่าฉันเป็นผู้ชายที่มีผัวแล้วน่ะสิ อภัยให้ฉันเถิดนะแม่ละมัย”
พุ่มไม่สนใจเสียงกรีดร้องโหยหวนของแม่ละมัยอีก เขามุ่งหน้าไปยังคุ้งน้ำโดยไม่มีใครกางกั้นได้อีก แต่
สิ่งที่พบกลับไม่มีแม้แต่เงาของดิน พุ่มทรุดตัวร้องไห้อยู่ตรงใต้ต้นไทร
“เจ้าพ่อต้นไทรเป็นพยาน ข้าจะไม่รักใครอีกแล้วนอกจากดิน”
ร่างบอบบางเดินโซซัดโซเซจนกระทั่งถึงยังวัดที่พุ่มทำงานเขียนลายอุโบสถไว้ เขาเข้าไปทรุดตัวหมอบกราบ
อยู่หน้าพระประธาน
“ลูกขอใช้ร่มพระพุทธคุณเป็นที่พึ่ง เพื่อให้จิตใจของลูกสงบร่มเย็นด้วยเทอญ”
“คุณพุ่มบวชเป็นพระหรือขอรับ”
ดินถามย้ำพลางกดกระหม่อมให้ไตรภูมิแนบอยู่กับอก
“บวชตลอดชีวิต ผมอุทิศตนให้กับศาสนาและศิลปะไม่สึกอีกเลย”
“คุณพุ่ม ช่างมีบุญนัก”
“ผมอยากจะให้บุญของผมส่งถึงดินบ้าง ทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าดินหายไปไหน”
ดินดึงไหล่ไตรภูมิออกแล้วเลื่อนมือมาประคองใบหน้าเปียกชื้นละอองฝนมาจูบแผ่วเบา ไตรภูมิเงยหน้ารับซ้ำ
ยังคล้องแขนไปรอบคอเหนี่ยวให้ร่างของดินล้มกายตามมาทาบทับเขาที่เอนกายไปบนพื้นดินเปียก ไตรภูมิเป็นฝ่าย
เปลื้องเสื้อผ้าตนเองออกจนหมด
“บอกรักกับผมอีกสักครั้งได้ไหมครับดิน ให้ความรักของเราได้ติดอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป”
ไม่มีคำปฏิเสธจากร่างไร้วิญญาณแต่เต็มไปด้วยความรัก เมื่อเขาปรนจูบไปทั่วร่างกายขาวโพลนที่นอนทอด
กายท่ามกลางดินโคลนและห่าฝนที่เทลงมาจนน้ำในคลองกระจายเป็นวงกว้าง มือเย็นลูบไล้หนักหน่วงกลับสร้างความ
ร้อนระอุอยู่ในอารมณ์แห่งรักของมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
“ดิน ดินของผม”
ไตรภูมิผวาเบียดกายเข้าหา เนื้อตัวของเขาถูกลูบไล้ไปทุกสัดส่วนด้วยปากด้วยลิ้นด้วยมือของดิน ที่ทั้ง
ทะนุถนอมแต่ก็ปรนเปรอสวาทแทบขาดใจ ไตรภูมิพาดขาไปบนไหล่กว้างเปิดทางให้ดินได้สัมผัสช่องทางรัก ดินโน้ม
กายลงไปดึงแก่นกายงดงามกลืนกินจนหมด นิ้วใหญ่สอดลึกเปิดทางไปพร้อมกันจนไตรภูมิแอ่นกายดิ้นพล่านไปกับดิน
โคลน
“คุณพุ่มของไอ้ดิน ไอ้ดินจะไม่รักใครอีกแล้ว”
“อ๊า ดิน”
ไตรภูมิผวาเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาปนเปื้อนไปกับสายฝน ไอ้ดินไม่รอช้ามันสวนกายอัดท่อนเนื้อเข้าหาจน
ไตรภูมิแทบสำลักความสุข
“ดิน ดินจ๋า ผมเองก็รักดิน”
ไตรภูมิยกตัวขึ้นกดแผ่นอกกำยำไว้แน่น เป็นฝ่ายใช้ปลายลิ้นกระดกรัวอยู่ที่ยอดอกสีคล้ำของดิน ร่างไร้
วิญญาณเงยหน้าครางลั่นก่อนจะกระแทกกายเข้าหาจนเสียงดัง
“ฮึก ฮึก อ๊า ดิน ผมจะไม่มีใครนอกจากดิน”
ไตรภูมิเด้งเอวรับ มือเรียวดึงไปหน้าคมเข้มเข้ามาจูบ ปลายลิ้นยิ่งเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
ไตรภูมิเกร็งกล้ามเนื้อเมื่อร่างกายของเขากำลังบีบคั้นครั้งสุดท้าย
“อ๊า ดินนนนนน”
“โอ คุณพุ่มมมมม”
ดินเกร็งกายแช่ค้าง เขามองสบตาไตรภูมิแล้วกดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากเกลี้ยง
“ลาก่อน คุณพุ่มของไอ้ดิน”
ร่างกายที่ไตรภูมิกอดก่ายไว้จางหายลงทีละน้อย ไตรภูมิที่ยังหอบหายใจถี่เร็วร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นร่างของ
ดินค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายก่อนเลือนหายไปในที่สุด
มีต่ออีกนิด...