บทที่22 ครอบครัวที่แท้จริง
“อินเป็นอะไรลูกไม่อร่อยเหรอ”โต๊ะอาหารของครอบครัวไอยสวรรค์ดำเนินตามปกติ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นก้อนเมฆสีดำอึมครึมซึ่งรอยคลุ้งอยู่เหนือหัวของอินแม้แต่น้อย ข้าวในจานถูกเขี่ยไปเขี่ยมาด้วยความไม่สบายใจทำให้อาหารมือของแม่วันนี้ไม่อร่อยเหมือนเคย
ในละครหรือในนิยายก็มีให้เห็นออกบ่อย
ไอ้เรื่องที่ตัวเอกเป็นลูกที่พ่อแม่รับมาเลี้ยง...โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน พอความจริงเปิดเผยเข้าพ่อแม่ก็จะมากอดคอลูกร้องไห้แล้วก็บอกว่าไม่ได้อยากจะปิดบังแค่เห็นว่ายังเด็กเลยกะจะบอกตอนที่ลูกโตแล้ว
และตบท้ายด้วยคำพูดประมาณว่าถึงไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่พ่อแม่ก็รักลูกเหมือนแท้ๆนะ
“หึ...”อินแค่นหัวเราะกับความคิดไม่สร้างสรรค์ในหัว
ถ้าเขาไม่ใช่ลูกของบ้านนี้จริงๆแม่คงเฉดหัวส่งไปนานแล้ว ไม่ทนเลี้ยงมาจนโตแบบนี้หรอก
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง...การโดนปล่อยปะละเลยและอายุที่ห่างจากน้องจนเกินไปก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ขอตัวก่อนก่อนนะครับ” ร่างโปร่งยกมือขึ้นกุมหัวพอเป็นพิธีแล้วก็ปลีกตัวจากโต๊ะอาหารของครอบครัวที่แสนอบอุ่น อินเดินขึ้นบันไดได้สองสามก้าวก็มองลงมายังชั้นล่า เห็นพ่อ แม่ และน้องชายสองคนกินข้าวต่อด้วยรอยยิ้มมีความสุข ภาพของครอบครัวที่อบอุ่นขนาดนั้นทำเอาคนแอบมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
พอพ้นประตูก็กดล็อคยืนพิงประตูก่อนจะไหลลงไปนั่งกองอยู่ตรงนั้น ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาแต่ก็ไม่...
อายุที่ห่างกันมากของเขากับน้อง ท่าทางที่แม่แสดงออกกับเขาและน้องก็ต่างกัน แถมพรุ่งนี้ยังต้องไปบ้านอยุธยาอย่างไม่มีสาเหตุอีก
ฉับพลันเสียงเรียกเข้าของสายโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งคนที่กำลังเหม่อถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นมาดูสายเรียกเข้า
“พัด”เรียกออกแค่ชื่อเท่านั้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับความผิดปกติในน้ำเสียงได้
“อินเหรอ พรุ่งนี้ว่างไหม...อิน ได้ยินไหม” เสียงทุ้มกดหนักๆเพื่อเรียกสติของเจ้าของชื่อซึ่งสติแตกไปแล้วเรียบร้อย
“ไม่ว่าง แค่นี้นะ”
กึก เครื่องมือสื่อสารถูกปิดก่อนจะถูกโยนส่งๆไปบนเตียงพร้อมเจ้าของห้องซึ่งเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วก็หายลับออกจากห้องไป พออาบน้ำเสร็จก็กลับเข้ามานอนซึมอยู่บนเตียงพยายามหาข้อแก้ตัวต่างๆนาๆเพื่อปลอบใจตัวเอง ใบหน้าคมซบลงกับหมอนทั้งๆที่ผมยังเปียกอยู่
แล้วก็หลับไปอย่างง่ายดาย...
เกิดมาอินไม่เคยนอนไม่หลับ คนอื่นเวลามีเรื่องทุกข์ใจจะกระวนกระวายจนนอนไม่หลับซึ่งตรงข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ยิ่งหลับง่ายเท่านั้น
ชีวิตของคนอยู่ง่ายกินง่ายเดินตามเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆ...หนึ่งนาทีผ่านไป ลมหายใจสม่ำเสมอ
สิบนาทีผ่านไป...ร่างโปร่งพลิกตัวในท่าที่นอนสบายขึ้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...อินก็ยังคงหลับอยู่ท่าเดิม
หนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบนาทีผ่านไป...ประตูห้องของอินถูกเปิดดังผลัวะ ตามมาด้วยร่างสูงซึ่งมีสีหน้าร้อนใจ ก่อนผู้มาเยือนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่เขามาหากำลังหลับอย่างสบายใจอยู่บนเตียง
“อือ...ใครวะ”เสียงทุ้มถามงัวเงีย เขาตื่นเพราะเสียงเปิดประตูแล้วก็แสงไฟจากทางเดิน
อินยันตัวลุกนั่งผมเผ้ากระเซิงกระพริบตาถี่ๆก่อนจะสะดุ้งตกใจ”เห้ย!! พัด มึงมาได้ไง!””
เนตรคมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่ไม่น่ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้กำลังยืนหอบอยู่หน้าประตู
“ให้ตายเถอะ!!”มือหนาปิดประตูเปิดไฟแล้วก็เดินมานั่งขอบเตียง”ก็มึงอ่ะ กูโทรมาแล้วก็รับสายกูพูดงืมงำไม่รู้เรื่อง น้ำเสียงเหมือนโลกจะแตกกูก็เลยรีบมาที่นี่ทันทีเพราะคิดว่ามึงกำลังงอน”
“หะ งอนไร”
“ก็กูโทรมาชวนไปเที่ยวด้วยแล้วมึงก็บอกว่าไม่ว่างแล้วก็วางสายไปเลยกูก็เลยคิดว่ามึงหนีหน้ากูอยู่”
“ฮ่าๆๆๆ มึงคิดมากว่ะ จะว่าไปกูก็คิดมากเหมือนกัน ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เหอะๆ”ในทีแรกก็หัวเราะเยาะคนอื่นอยู่ดีๆแต่ท้ายเสียงชักจะเบาลงเรื่อยๆจนผู้มาเยือนขมวดคิ้วอย่างผิดสังเกต
“เข้าใจผิดเรื่องอะไร?”พูดจบก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของอินเขม็ง เล่นเอาคนโดนมองรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
“เออๆ กูยอมแพ้แล้ว”อินเสตาไปทางอื่นเพราะทนแรงกดดันจากพัดไม่ไหว...
“คือพรุ่งนี้กูต้องไปอยุธยา บ้านของเพื่อนพ่อ แต่ทีนี้เพื่อนพ่อคนนี้เขาตายไปแล้วพร้อมเมีย เหลือลูกเขาคนหนึ่ง อายุเท่ากู...”
“มึงที่ดูหนังมาเยอะก็เลยคิดว่าเด็กคนนั้นคือมึง?”
แทงใจดำเข้าเต็มๆ อินแทบจะกระอักเลือกกับนัยน์ตาพราวระยับเหมือนได้ยินเรื่องตลกก่อนบ่ายคลายเครียดของพัด
“เออ!! แต่กูเลิกคิดแล้ว”
.
.
ในรถยนต์ส่วนตัวของครอบครัวไอศวรรค์ ตำแหน่งคนขับเป็นของคุณพ่อ ที่นั่งซ้ายมือของคนขับเป็นของลูกชายคนตัวนามอิน...ส่วนเบาะหลังถูกจับจองโดยพัด(ว่าที่ลูกเขย)
เมื่อคืนนี้อินไล่แล้วไล่อีกร่างสูงก็ไม่ยอมกลับแถมยังเสนอตัวขอมาด้วยอีกต่างหากอินเลยหมดแรงจะไล่ผลัดไปตอนเช้าค่อยไล่กลับอีกที แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาพัดก็ไม่อยู่ในห้องเสียแล้ว เขาเลยเดินลงมาที่ชั้นล่างเพราะคิดว่าพัดจะกลับไปแล้วแต่ที่ไหนได้ ไอ้บ้านั่นนั่งหน้าสลอนจิบกาแฟคุยกับพ่อเฉิบ
แถมพ่อยังส่งสายตาปิ๊งปั๊งมาให้อีก แปลสารได้ว่า
...คนนี้ใช่ไหม...
เกลียดดดดด!!
ตอนนั้นเขาแทบจะเอาหัวโขกข้างฝา ยิ่งตอนที่มือดีเปิดประตูรถขึ้นมานั่งหน้าระรื่นยิ่งแล้วใหญ่ อินอยากจะกระโดดถีบมันแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันคุยถูกคอกับแม่ แม่ดูจะรักมันยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างเขาอีก
“พัด”
“หืม”
“หุบยิ้มหน่อย กูหมั่นไส้”
...
รู้สึกเหมือนตอนนี้มันสั้นๆ
แต่คงจะรู้สึกไปเอง 555555555555555555555555555555555555555555555555