แทนทัพ ตอนที่ 16
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อ...
แทนเอานั่งหน้าบึ้งตลอดทาง ผมถูกย้ายมานั่งรถคันของสีแดงและก็สีเหลืองแบบที่ไม่มีใครกล้าโวยวายใส่แม้กระทั่งประธานสีอย่างพี่กาย นอกจากจะนั่งหน้าบึ้งแล้วแทนยังจับมือผมเอาไว้แน่นอีกต่างหาก เขายกโทรโข่งให้พี่ต้นทำหน้าที่แทนตลอดบ่ายและก่อนที่เราจะถึงทะเลที่เป็นเป้าหมาย
เขาไม่ยอมยิ้มอีกเลยนับจากที่เราออกจากหมู่บ้านกันมา
“แทน...เป็นอะไร” ผมเขย่ามือเบาๆ ทำให้แทนหันหน้ามามองผม “ไม่เป็นไรแล้ว เลิกทำหน้าบึ้งได้แล้ว ไม่หล่อเลยว่ะ”
ผมพยายามพูดถึงจุดที่คิดว่ามันจะแคร์มากที่สุด แต่เปล่าเลยครับ มันไม่ได้แคร์อะไรเรื่องหน้าตาหล่อที่แสนจะบูดบึ้งของมันตอนนี้เลย
บอกเลยว่า...กูล่ะปวดหัว...ตอนนี้รู้สึกเหมือนว่าแทนมันกลับไปเป็นเด็กที่เอาแต่ใจและไม่ยอมฟังอะไรง่ายๆ
ผมแค่อยากเห็นมันอารมณ์ดีขึ้นก็เท่านั้นเองนะ
“แล้วต้องทำยังไงอ่ะ มึงถึงจะอารมณ์ดีขึ้น”
มันเงียบ...ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเขย่ามือให้มันปล่อยมือ มันไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยต้องใช้มืออีกข้างหยิบขนมขึ้นมาจากกระเป๋าเป้อย่างทุลักทุเล
“กินขนมป่ะ” ผมพูด “มันฝรั่ง...”
“ไม่...มันเป็นแฟต”
แฟตที่ว่านี่ใช่อะไรที่เกี่ยวกับความอ้วนหรือเปล่าวะ “งั้นจะกินอะไรล่ะ สาหร่ายทอด เอามั้ย”
“มันทอด...”
“นี่ไม่มีอะไรในกระเป๋าแล้วนะ เยลลี่มั้ยล่ะ”
แทนท่าทางชั่งใจ ในที่สุดมันก็พยักหน้าเบาๆ ให้ผม ผมแอบยิ้มขณะที่หยิบเยลลี่ขึ้นมาและก็จับยัดใส่ปากมัน
ขนมหวานอาจจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นก็ได้นะ...
“จริงๆ แล้วกูก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองหงุดหงิดนานขนาดนั้นหรอกเพียงแต่ว่า...” แทนตวัดสายตาหันมามองผม “...กูแค่สงสัย ถ้าไม่ใช่อิงแล้วใครจะทำ”
“ชาวบ้านอาจจะเข้าใจผิด เอารถเข็นมาเก็บไว้ที่เดิมก็ได้นะมึง” ผมพยายามมองโลกในแง่ดี “อีกอย่างกูก็เอาโทรศัพท์เข้าไปด้วยแล้ว...”
“นี่ แล้วถ้าไม่ใช่ชาวบ้านล่ะ...”
“พอเถอะ บอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง!” แทนเริ่มเสียงดังอีกแล้ว เสียงดังจนพี่ต้นที่ถือโทรโข่งอยู่หันมาเลยทีเดียว ทั้งรถเงียบกริบ...รอฟังเสียงไอ้แทนร้องต่อ แต่แทนเหมือนจะรู้ตัวก็เลยไม่พูดอะไรอีก
โอยยย...ผมจะอธิบายให้เขาฟังยังไงดี จริงๆ แล้วผมก็ซีเรียสแหละว่าใครมันเป็นคนทำ แต่ถ้าผมซีเรียสไปอีกคนการไปทะเลคราวนี้มันจะสนุกอะไรล่ะ
“ดูเหมือนตอนนี้พี่แทนของพวกน้องๆ จะอารมณ์บ่จอยมากเลยใช่มั้ยครับ” พี่ต้นยื่นไมค์ของโทรโข่งมาใส่ปากของไอ้แทนที่เงียบกริบ “ทำไงดีล่ะครับเนี่ย พี่แทนไม่ออกมาพูดแบบนี้ น้องๆ ผู้หญิงก็เซ็งแย่อ่ะดิ”
“ทัพ แกไปทำอะไรพี่เค้า!!!”
“ใช่ นึกว่าจะได้ยินเสียงหล่อๆ ของพี่แทนตลอดทางซะอีก!”
เสียงโวยวายตามหลังมาจากพวกที่นั่งอยู่ข้างหลังรถ ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงหรือตอบอะไรออกไปเลยทั้งสิ้น ทุกคนที่พูดคือพวกที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าแทนไปกินรังแตนที่ไหนมา
“จีบทัพช่วยสิ...จะพูดตลอดทางเลย”
กูอึ้งแป๊บ...แทนมันพูดใส่โทรโข่งเสียงเฉยหน้าตาเฉยเป็นอย่างมาก เสียงกรี๊ดดังระงมจนเหมือนรถจะยางแตกไปอีกรอบ...ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน ได้แต่ซุกมือข้างที่ว่างของตัวเองเงียบๆ
“โอเค!!!!”
“แทนต้องคู่กับทัพอยู่แล้วววว!!!”
“ทัพมึงรออะไรอยู่ เป็นกูป่านนี้กูถอดเสื้อรอพี่แทนในห้องแล้ว!!!”
สาบานดิ๊ว่าผู้หญิงเป็นคนพูด...หลังจากนั้นแทนก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันปล่อยมือผมและก็ไปยืนทำหน้าที่พูดคุยกับน้องๆ ต่อคู่กับพี่อ๊อฟหัวหน้าสีเหลือง ที่ข้างๆ ผมที่ว่างแทนไม่ยอมให้ใครมานั่งแถมยังไม่ยอมยืนห่างไปจากตรงนี้อีกต่างหาก ไม่รู้จะทำถึงขนาดนั้นทำไม...
ผมมองใบหน้าของแทนที่มองมาที่ผมเป็นระยะๆ อดรู้สึกอิ่มเอมปลอดภัยในใจไม่ได้ ตั้งแต่กลับไทยมายอมรับว่าชีวิตไปพัวพันกับอะไรที่ซวยๆ เยอะมาก (จนผมคิดว่าทั้งชีวิตก็ไม่น่าซวยขนาดนี้) แม้จะเป็นเรื่องแย่ ที่ผมกลับได้ใครคนหนึ่งมาอยู่ข้างๆ ผม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะคนที่พ่ออุปการะ คนข้างบ้าน รุ่นพี่ หรืออะไรก็ตาม...
ผมอบอุ่น อิ่มเอม และก็ปลอดภัยจริงๆ นะครับ...
ผมรู้สึกอย่างนั้นจนทำให้ผมคิดว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมก็ไม่กลัวอีกแล้วล่ะ
ในที่สุดก็ถึงรีสอร์ทริมทะเล
เวลาเกือบบ่ายสามโมงพอดิบพอดี ผมคืนผ้าสีแดงให้แทน และกำลังจะไปรวมตัวกับพวกสีชมพูของตัวเองเพราะแจงคนรอแย่แล้ว แต่คิดว่าผมจะได้ไปเหรอครับ
ไอ้แทนดึงผ้าพันคอสีชมพูของผมจนผมตัวปลิว
“จะไปไหน...”
“สีชมพูไง...”
“ไม่ต้อง” แทนดึงผ้าสีชมพูของผมออก (โยนทิ้งหน้าตาเฉยด้วย) หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าสีแดงของมันมัดคอของผมแทน
โอ้มายก้อด...ไม่เคยเห็นใครที่ทั้งดื้อทั้งไม่แคร์โลกขนาดนี้มาก่อน
“แทน” ผมร้องเสียงหลง “ได้ด้วยเหรอ”
“เมียประธานสีแเดง ก็สีแดงนั่นแหละ”
คำพูดของมันทำเอาผมหน้าแดงตามสีผ้าที่ผูกคอ “เชี่ยยย...เมียเหี้ยไรล่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ” แทนไม่สนใจ หันไปสนใจโทรโข่งและก็พูด “อ้าวน้องๆ สีแดงครับ ส่งเสียงต้อนรับสมาชิกสีแดงคนใหม่ ทัพฟ้า!!!”
“ฮิ้่ววววววววววววววววววววววววววววว”
“มีสตีลแบบรายการเดอะวอยซ์ด้วยเหรอคะพี่แทน”
“ใช่แล้ว ทีมพี่ทั้งสตีลทั้งสตรองเลยแหละ” แทนเอื้อมมือมาโอบบ่าผมให้ไปใกล้ชิดเขาต่อหน้าธารกำนัลคณะบริหารเอกการตลาด “มีทัพอยู่พี่ไม่แพ้ใครแน่”
“ตอนไม่มีทัพกะจะแพ้ใช่มั้ยพี่แทน”
“โหยยยย ไอ้พี่แทนคนสองมาตรฐาน”
“เอาล่ะครับ เลิกแหกปาก” บอกแล้วไงครับ ว่าแทนมันไม่สนใจใครหรือสนใจโลกอะไรทั้งสิ้น “ห้องพักจะเป็นห้องพักรวม เนื่องจากแต่ละสีมีชายห้าหญิงห้า ผู้หญิงพักด้วยกัน ผู้ชายอย่าเสือกที่จะไปพักกับเขา เข้าใจหรือเปล่า...พี่ต้นจะให้กุญแจห้อง ในห้องจะมีที่นอนอย่างละห้าพอดี”
“แล้วทัพนอนไหนครับพี่แทน” เพื่อนปีหนึ่งในเอกคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ไม่ได้นอนกับมึงก็แล้วกัน” แทนพูดออกโทรโข่ง “ไปได้แล้วไป เจอกันที่ลานรวมสี่โมงเย็น โอเคนะครับ!”
“ครับ/ค่ะ”
หลังจากสั่งให้สีแดงแยกกันเอาข้าวของไปเก็บ แทนก็ส่งโทรโข่งไปหาพี่ต้นและก็หันมาหาผม
ผมกระพริบตาปริบๆ ใส่ “กูนอนไหนทีนี้”
“นอนกับกูนี่ไง” แทนเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“เห้ย”
“อย่ามาทำเป็นตกใจเหมือนไม่เคยหน่อยเลยน่า”
“ไอ้เคยมันก็เคยอยู่หรอก” ผมรีบพูด “แต่มันจะไม่ดูแปลกๆ ไปหน่อยเหรอ รุ่นน้องนอนกับรุ่นพี่เนี่ยนะ”
“ไม่ต้องแคร์ใครที่ไหนหรอก”
“เผื่อคนอื่น...”
“นี่ เลิกสนใจคนอื่นสักที” แทนตัดบท “อย่างมึงน่ะทิ้งให้อยู่คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว ใครไม่เข้าใจก็ช่างแม่มัน โอเคมั้ย”
แทนกำลังแสดงออกให้ผมเห็นว่าสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแต่ผม แค่ผมจริงๆ ผมรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยที่ต้องไปเก็บกระเป๋าในห้องของรุ่นพี่สีแดง (นอนกันประมาณสี่ห้าคนเหมือนน้องเด๊ะๆ) แต่แทนมันไม่สนใจอะไรเลย...
…แล้วแต่มันก็แล้วกัน ผมควรจะอุ่นใจใช่มั้ยครับที่มีแทนคอยดูแลอยู่ไม่ห่างแบบนี้
“ไปทะเลกัน” หลังจากที่เก็บกระเป๋าเสร็จแทนก็ลากผมออกไปเดินริมทะเลที่มีคนอื่นๆ ออกไปถ่ายรูปกันเพียบ “เดี๋ยวถ่ายรูปให้” แทนหยิบกล้องขึ้นมา
“เห้ย ไม่เป็นไร”
“นานๆ ทีได้หยิบออกมาใช้” แทนพูดอย่างมีความตั้งใจแน่วแน่ “เชิญเลยครับคุณหนู เดี๋ยวกระผมถ่ายรูปให้คุณหนูเอง”
“คือ...”
“ไปเลย...ไปใกล้ๆ ทะเล”
มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หยิบกล้องสไตล์เรโทรของมันขึ้นมากดชัตเตอร์เสียงดังแชะๆ ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้โพสต์ท่าอะไรด้วยซ้ำ
มันกดเสร็จมันก็กดกล้องดูผลงานของมัน... “แหล่ม” พูดอยู่คนเดียวโดยไม่ให้ผมได้ยินด้วย “ขอถ่ายอีกสักร้อยรูปได้ป่ะครับ”
“ไม่เอาแล้ว”
“อะไร...ผู้หญิงหลายคนเขาก็อยากให้แฟนถ่ายรูปให้ทั้งนั้น”
“กูมีผู้หญิงหรือไงเล่า” ผมร้องตอบ
“หึหึ”
“แล้วกูเป็นแฟนมึงเมื่อไหร่ด้วย”
“เมียประธานสีแดง...อย่าพูดมากได้ป่ะ” แทนยกกล้องขึ้นมาถ่ายผมต่อ “ชูนิ้วโป้งหน่อย ยิ้มหน่อยดิ ยิ้มมากกว่านี้!!!”
“เชี่ยทัพ” แจงกระโดดมาจากไหนไม่รู้มากอดคอผม
“โอ้ย” ผมร้อง “แจง! ตัวมึงหนัก!”
“มึงหายไปเลยนะ หายไปอยู่กับพี่แทนมาใช่มั้ย”
แทนวางกล้องลง เห็นผมคุยกับแจงท่าทางสนิทสนม...ไม่นานนักมันก็เดินย่ำๆ มาหาพร้อมๆ กับหิ้วผมไปยืนหลบอยู่ด้านหลัง แจงถึงกับอ้าปากค้างไปเลย “โหย คุณพี่ ไปกินยาเพิ่มเลเวลความหวงมาแต่ไหนเนี่ย เกินหน้าเกินตาไปแล้ว นี่เพื่อนมันนะ!”
“ต่อจากนี้ไปห้ามแตะมันอีกแล้วนะแจง”
“อ้าว ทำไมอ่ะ”
“มันเป็นของพี่”
แจงอ้าปากค้าง ในขณะที่ผมหน้าแดงก่ำ “อะไรเล่า ทำไมโมเมเองอยู่เรื่อย”
“ถ้ามึงไม่ชอบกูล่ะก็...มึงไม่ยอมนั่งนิ่งๆ ให้กูจับมือมาตลอดทางหรอกทัพ” แทนพูด เอากล้องขึ้นมาและก็กดถ่ายรูปผมตอนนี้
ฟ๊าคคคคคคคคคค...
“เลิกถ่าย!” ผมร้อง วิ่งหนีไปทางอื่น
“หน้ามึงตอนนี้ตลกดี อยากเก็บไว้ดู” แม่งก็เสือกที่จะวิ่งตามผม...
“แจง ช่วยกูด้วย!!!”
“สาด พี่รหัสกูน่ากลัวจะตาย กูไปนะ มีอะไรมาหาละกัน” แจงมันเป็นแม่ยกแทนทัพอยู่แล้วมันคงไม่สนใจหรอกครับว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง แค่ผมได้อยู่กับแทนมันก็ฟินแล้ว...
กูขอให้คู่เจตน์พีทของมึงไม่ได้ชอบกัน!!!!
ผมวิ่งไม่ค่อยดูทางเท่าไหร่ จนกระทั่งผมชนเข้าอย่างจังกับผู้หญิงคนหนึ่ง...
กลิ่นน้ำหอมลอยเข้าจมูกผมทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มไปชั่วขณะ ผมช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน เธอสูงพอๆ กับผม ทำผมเป็นสีทองสว่างกว่าสีผมไอ้แทนตอนนี้ และใบหน้าของเธอก็ช่างสวยเกินกว่าที่ผมจะอธิบายออกมาได้
กูมาชนคนสวยแบบนี้ได้ยังไง...
“ขอโทษครับ!” ผมก้มหน้าขอโทษขอโพย แทนที่ตามมาทีหลังตามเหมือนตอนที่ผมอยู่กับแจงเด๊ะ จับตัวผมให้ออกห่างจากคนอื่น
เธอคนนั้นไม่ได้สนใจผม...แต่มองด้วยสายตาเย็นชาไปที่แทน
“จูน”
แทนรำพึงเสียงเบา ท่าทางของเขาตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ดูช็อคยิ่งกว่าตอนที่ผมหายไปซะอีก
“บังเอิญจังเลยนะแทน”
เธอเป็นใครเหรอ...
คำถามเต็มหัวของผมไปหมด หลังจากที่แทนเดินตามหลังผู้หญิงคนนั้นไปยังที่พักข้างๆ ที่หรูหรากว่าที่พักพวกเราประมาณสามสิบเท่า ผมมองตามและเดินพวกเขาไปอย่างงงๆ หลังจากที่เจอหน้ากัน ผู้หญิงคนนั้นก็ชวนแทนไปคุยด้วยที่ที่พักของตนเอง
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือแทนไม่ปฏิเสธอะไรด้วย
“ไม่เจอกันนาน...ก็เลยมีของเล่นใหม่แล้วงั้นสิ” จูนหย่อนก้นลงนั่งที่นั่งริมสระหรูหรา มีเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟเสร็จสรรพ
“ของเล่นอะไร” น้ำเสียงของแทนเฉยเมยที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยิน
“นี่ไง” จูนหันมามองผมแล้วยิ้มนิดๆ
“ไม่ใช่ของเล่น” แทนเถียง
“เหอะ...คราวนี้ไปหิ้วมาจากที่ไหนล่ะ คลับสวรรค์ชั้นฟ้าที่ไหนถึงได้มีเทวดาน้อยๆ น่ารักแบบนี้”
“อย่าพูดเรื่องนี้ได้มั้ยจูน”
ผมที่นั่งอยู่ยิ่งฟังก็ยิ่งงง...
“ฉันจะบอกอะไรให้นะหนุ่มน้อย” จูนนั่งไขว่ห้างอย่างมีจริตและจับจ้องมองผม “เธอคิดว่ารู้จักคนอย่างแทนดีแล้วอย่างนั้นเหรอ”
ผมไม่ได้พูดอะไร จูนหัวเราะออกมาเบาๆ และก็พูดต่อ... “คนเราไม่ได้มีแต่ด้านสว่างเสมอไป...บางครั้งก็มีด้านมืดเหมือนกัน แทนเองก็มี แต่เขาดันมีด้านสว่างมากเกินไปหน่อย”
“จูน เธอต้องการจะพูดอะไร” แทนคว้ามือผม เตรียมลุกขึ้นเดินหนี
“ก่อนหน้าที่จะเจอเธอ รู้มั้ยว่าแทนเขาผ่านใครต่อใครไม่รู้มาตั้งกี่คน”
“…จูน”
“เขาชอบเที่ยวพวกคลับที่มีเด็กนั่งดริ๊งค์เป็นหนุ่มน้อยด้วยนะ...”
“จูน ฉันบอกว่า...”
“อะไรอีกนะ...เด็กขายน้ำ”
“จูน!!!!” แทนทำท่าเหมือนจะล้มโต๊ะนั้น เขาลุกขึ้นยืนและมีใบหน้าโกรธจัด “อย่าพูดอะไรที่เธอคิดว่าใช่ต่อหน้าคนๆ นี้ เธอแค่ไม่รู้ความจริง”
“ฉันคิดว่าเป็นความจริงนะ” จูนยังคงพูดไม่เลิก... “มีแฟนเป็นผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนก็ยังมีกิ๊กเป็นเด็กผู้ชาย ยัยอิงนั่นถึงกับเป็นประสาทไปเลยล่ะสิใช่มั้ยเมื่อรู้ความจริง”
“หุบปากได้แล้ว...”
“แฟนเก่าเธอทุกคนเป็นบ้าก็เพราะเธอ...แทน”
“ทัพ ไปเหอะ” แทนดึงผมให้ลุกขึ้นยืน ผมรีบสาวเท้าก้าวตามแทนไปแบบงงงันกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แม้จะได้ยินได้ฟัง...แต่ผมก็ยังงงอยู่ดีว่านี่มันเรื่องอะไร
สิ่งที่ผู้หญิงที่ชื่อจูนพูด...มันเป็นเรื่องจริงเหรอ
แม้ว่าแทนจะเป็นผู้ชาย แต่ผมก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดีหากเขามีรสนิยมที่จะชอบเที่ยวที่อะไรแบบนั้นทั้งๆ ที่มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว
“ทัพ...สิ่งที่จูนพูด อย่าไปใส่ใจ” แทนก้าวเท้าออกไปเรื่อยๆ และก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“…”
“อย่าไปใส่ใจ...ได้ยินใช่มั้ยทัพ...”
“…”
แทนชะงัก...หยุดเดินและก็หันมามองหน้าผม... “บอกกูมาทีว่ามึงไม่ได้สนใจอะไรในสิ่งที่จูนพูด...”
“จริงเหรอ” ผมถามออกมาในที่สุด
“อะไรจริง?”
“เรื่องที่พี่ผู้หญิงคนนั้นเขาบอก...”
แทนอ้าปากเหมือนจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก...ให้ตายเถอะ ทำไมผมรู้สึกสับสนแบบนี้นะ...
“ก็จริงน่ะสิ” เจ๊อิงที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เดินมา เธอกอดอกและก็หันมาตอบในสิ่งที่ผมสงสัย “นอกจากทำให้ฉันเจ็บแล้ว แทนยังทำให้แฟนเก่าหลายๆ คนต้องเจ็บปวดก็เพราะเรื่องนี้...”
“…”
“บางคนเครียดถึงขนาดต้องกินยานอนหลับเกินขนาด”
“ให้ตายเหอะ!!!!” แทนหงุดหงิดถึงขีดสุด “วันเหี้ยอะไรของกู...และทำไมต้องมาชุมนุมอะไรกันวันนี้ด้วย”
“ยอมรับความจริงแล้วล่ะสิใช่มั้ย” เจ๊อิงไม่ยอมแพ้ เธอเดินเข้าไปหาแทนและก็ประจันหน้ากับเขา “แทนน่าจะใส่ใจความรู้สึกของผู้หญิงพวกนั้นนะ เพราะแทนเป็นคนหล่อ มีเสน่ห์ ใครได้คบก็รักมากหลงมาก แต่ก็ดันมีรสนิยมแปลกๆ ด้วยอีก ชอบมีกิ๊กเป็นผู้ชาย ผู้หญิงที่รักแทนมากๆ คนไหนรับได้ก็บ้าแล้ว...”
“เอาเลย ถ้ารู้ดีนักก็พูดออกมาเลย!” แทนร้อง “ทัพ...ก็แล้วแต่มึงนะว่ามึงจะเชื่อหรือเปล่า สิ่งที่กูแคร์ตอนนี้มีเพียงแค่มึง แค่มึงคนเดียว...ถ้ามึงพร้อมที่จะฟังคำพูดจากปากของกู มึงก็มาหากู”
แทนเดินจากไปอย่างหงุดหงิดและก็อารมณ์เสียเป็นที่สุด ในขณะที่อารมณ์ของผมนั้นตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิง ผมทั้งงุนงงและก็สับสน ยอมรับว่าผมรู้จักแทนน้อยไป
สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับแทนคนนี้คือมีแฟนเก่าที่ชื่ออิงแค่นั้น นอกนั้นผ่านใครหรือคบใครอะไรยังไงมาบ้างผมไม่รู้เลย...
ทำไมผมรู้สึกปวดแปลบๆ อย่างงี้วะ...
ถ้ารู้ว่าแทนมันซื่อสัตย์กับคนที่มันกำลังคบ...ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้ก็ได้...
เจ๊อิงยิ้มแสยะให้ผม เธอเดินสะบัดตูดจากไป อารมณ์ของผมดิ่งลงทันทีโดยที่ตัวผมเองก็ควบคุมไม่ได้ว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนั้น
อย่างน้อยผมก็ควรฟังจากปากของแทนใช่มั้ยครับ...
TBC*
หยอดอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ให้ 55555 #อะไร