ตอนที่ 11
ผมลืมตาตื่นขึ้นในเช้าตรู่วันต่อมา อาจจะไม่เรียกว่าเช้าตรู่เท่าไหร่ เพราะมันปาเข้าไปเจ็ดโมงกว่าแล้ว ดีนะที่วันนี้มีเรียนบ่าย แล้วแทนล่ะ มันเรียนกี่โมงวะ ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังหลับอยู่
โว้ย หลับก็ยังหล่อ ลืมตาก็ยังหล่อ เบื่อพวกหล่อทุกกาลเทศะ
“แทน เช้าแล้ว” ผมเขย่าตัวมัน
“อืมมม”
“เช้าแล้วโว้ย”
“อืมมม แล้วงาย”
“ไม่มีเรียนเหรอ”
ฉับพลันทันที เครื่องจักรที่ชื่อว่าแทนคุณก็เริ่มทำงานเหมือนแบตตารี่เต็ม ผมเห็นมันลืมตาและมันก็ลุกขึ้นนั่งราวกับมีสปริงติดที่อยู่ที่หลังของมัน
“แบบนี้คือมีเรียนใช่ไหม”
“ใช่ เก้าโมงด้วย” มันรีบกุลีกุจอลุกขึ้นจัดการกับตัวเองทันที “ขอโทษนะ แต่ถ้าคุณหนูหิวข้าวเช้าล่ะก็ เชิญเสด็จไปที่วังก่อน กูไม่มีเวลาทำให้อ่ะ”
“ไม่เป็นไร”
แทนกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ หัวมันยุ่งไปหมด ตลกดีครับ ตอนแรกผมก็คิดว่ามันจะเข้าไปอาบน้ำแหละ แต่จู่ๆ มันก็หันมาซะงั้น
“งอนป่ะเนี่ย” มันมองผมอย่างจับผิด
“งอนอะไร บ้าเหรอ” กูก็แค่นั่งปรับสภาพตัวเองให้หายมึนหลังจากที่ตื่นต่างหาก
“แน่ใจนะ”
“เออดิ พูดเหมือนกูเป็นผู้หญิงไปได้”
“หน้าก็เหมือนอยู่นะ”
ฮ่วย...แบบนี้มันหาเรื่องกันแต่เช้าชัดๆ
“ไป อาบ น้ำ โว้ย”
“หึ อย่าเพิ่งงอนนะ เดี๋ยวตอนบ่ายมารับ”
แทนพูด ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความไวแสง ทำไมจู่ๆ ผมกับมันก็พูดจาดีต่อกันขึ้นมาล่ะเนี่ย(แถมยังดูสนิทสนมมากขึ้นด้วย) อาจเป็นเพราะคืนแห่งการนอนเป็นเพื่อนนี่แหละมั้งครับ
ผมเดินลงมาชั้นล่างมาอุ้มไข่ต้มเดินเล่นไปทั่วบ้าน ยังไม่มีความคิดที่จะกลับไปที่บ้านตัวเองเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าคนที่บ้านส่วนใหญ่จะตื่นกันแล้วเพื่อรอผมก็ตาม ผมก็เอาแต่ขลุกอยู่ที่บ้านไอ้แทน
มองซ้ายมองขวา บ้านแทนเล็กน่ารักดีครับ เดินสองสามก้าวไปก็จะกลายเป็นอีกห้องแล้ว ไม่เหมือนบ้านผม กว่าจะถึงห้องนั้นห้องนี่ เล่นเอาเหนื่อยแทบตาย
บางทีมีบ้านเล็กๆ ก็ดีเหมือนกัน...
ผมจะทุบแล้วสร้างใหม่!
ผมล้อเล่นน่ะ...บ้านตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ ขืนทำแบบนั้นคงโดนสาปแช่งตายห่า ผมหัวเราะหึหึกับความคิดของตัวเอง เล่นหน้าย่นๆ ของไข่ต้มไปเรื่อย จนกระทั่งผมได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกจากห้องข้างบน
มันจะมีเวลาทานอาหารเช้ามั้ยล่ะนั่น ยังไงก็ดูไม่มีเวลาโคตรๆ ผมวางไข่ต้มลง ไปดูห้องครัวว่าพอจะมีอะไรให้แทนมันทานได้หรือเปล่า ตอนเปิดตู้เย็นออกผมถึงกับอึ้ง นี่บ้านคนหรือท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ตวะ ทำไมดูมีครบไปหมดเสียทุกอย่าง หมดอายุหรือยังวะเนี่ย
ผมหยิบนั่นหยิบนี่ออกมาจากตู้เย็น กำลังจะทำแซนวิชทูน่าอย่างง่ายให้แทนคุณ โชคดีที่ตอนอยู่นอกผมตื่นสายบ่อย(?)ผมก็เลยสามารถทำอาหารอย่างง่ายๆ ในเวลาอันสั้นได้ ไม่ต้องเน้นความสวยงามเท่าไหร่ แดกได้ก็พอ
ตอนที่จะทำเสร็จแทนมันก็ยังไม่ลงมา ผมเข้าใจครับ ไอ้หล่อทุกกาลเทศะมันก็คงอยากจะหล่อตอนที่มันไปเรียนสินะ คงจะทาครีมเซ็ทผมอยู่แน่ๆ ถึงยังไม่ยอมลงมาเสียที
“ทำไรวะ!”
“เห้ยยย!” ผมร้องเสียงหลง “เห็นมีดมั้ย เห็นมีดป่าว ถอยออกไป”
เชี่ยอะไรจู่ๆ ก็มาเกาะไหล่ผม ไอ้นี่!
มันเกือบจะกอดแล้วมั้ง ถ้าผมไม่ถือมีดขึ้นมาขู่มันก่อน
“เล่นมีดเลยเหรอ เอาลงไปเลย ยังไม่อยากตาย” แทนตกใจ ปัดๆ มือผมออกไปจากตรงหน้าอย่างเบาๆ
“ก็โผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงนี่หว่า” ไม่ทำให้แม่งกินซะเลยดีมั้ย “อ้าวนี่แซนวิช” ผมยื่นจานแซนวิชไปให้มัน ในขณะที่มันทำตาโต
“คุณหนูทัพทำให้กระผมหรือขอรับ ไม่อยากจะเชื่อ” น้ำเสียงมันบ่งบอกว่ามันไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
“จะทานมั้ยครับ”
“ทานดิ แบบนี้ยอมไปสายเลยเนี่ย”
เหอะ...ผมมองตามหลังสูงๆ ในชุดนักศึกษามอผม(แบบไม่ถูกระเบียบด้วยเพราะไม่มีเนคไท เดี๋ยวแม่งเซ็นไล่ออกเสียนี่...) เวลาแต่งตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมหล่อเฟี้ยวขนาดนั้นล่ะวะ ทั้งๆ ที่ผมก็เซ็ทนิดเดียว น้ำหอมก็ฉีดมานิดหน่อย
ช่วงนี้ผมเป็นอะไรรึเปล่า มองไอ้แทนหล่อเป็นพิเศษ สงสัยผมไม่ค่อยได้นอนบ้านตัวเองล่ะมั้งครับ เลยทำให้มองอะไรผิดไป...
“กลับแล้วนะ” ผมบอกแทนที่กำลังทานอาหารเช้าที่ผมทำให้อยู่
“กลับแล้วเหรอ เดี๋ยวไปส่ง” แทนพูด ทำท่าจะลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องๆ รีบทานรีบไปได้แล้ว”
“แน่ใจเหรอ เดี๋ยวรถจะชนเอานะ”
“มึงกวนตีนป่ะเนี่ย หน้าบ้านมึงกับกูห่างกันไม่ถึงสิบเมตร”
“หึหึ เดี๋ยวตอนบ่ายมารับ”
“อย่าสายนะมึง”
…ผมชะงัก
กูพูดอะไรออกไป สรุปก็คือผมตกลงให้มันมารับแล้ว จริงๆ ผมก็ขัดมันไม่ค่อยได้หรอกครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยืนยันจากคำพูดแถมยังตอกย้ำแรงๆ ให้มันรีบมา
เกิดอะไรขึ้นกับกูเนี่ยย...กลับบ้าน กลับบ้าน กลับบ้านด่วน!
“ครับ จะมาไวๆ”
ยังมีการทิ้งท้ายมากวนตีนผมอีกแน่ะ...ผมรีบเดินออกจากบ้านมันทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่ในชุดนอน ไม่อายการ์ดหน้าบ้านที่อยู่ในชุดสูทเลยสักกะติ๊ด
จริงๆ แล้ว...การที่สนิทกับแทนคุณขึ้นไปอีกระยะ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยสักนิดเลยครับ...
เวลาเกือบสิบเอ็ดโมง
“โอ้โห คุณหนูแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอครับ” ลุงเอี่ยมทักเมื่อผมนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนโซฟาทอง “มีเรียนตอนบ่ายไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็...ไม่มีอะไรทำอ่ะลุงเอี่ยม”
“ก็นอนสิครับ”
“…”
“ปกติเวลานี้คุณหนูยังไม่ตื่นเลยนะครับ”
เป็นการแซะที่หน้าตาใสซื่อสุดๆ ผมพ่นลมออกมาจนทำให้ลุงเอี่ยมไม่พูดอะไรอีก
“ท่าทางเหมือนรอใครบางคน...รอแทนคุณรึเปล่าครับ”
“เปล่า!!!” พูดอะไรอย่างนั้นกัน ใครจะไปรอคนที่จะมาเกือบบ่ายละครับลุงเอี่ยม ไม่ได้รอสักหน่อย
ลุงเอี่ยมเลิกคิ้ว “เหรอครับ”
“จริงๆ ครับ” ผมทำท่าหันไปเล่นโทรศัพท์ “ผมไม่มีอะไรให้ลุงเอี่ยมช่วยครับ ลุงเอี่ยมไปเล่นตรงนู้นนะครับ...” ผมชี้มือไปที่อื่น
ท่าทางพ่อบ้านของผมดูงงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำตามคำสั่งเป็นอย่างดี เขาเดินห่างออกไป รวมไปถึงสั่งให้ทุกคนในบ้านให้อยู่ห่างๆ ผมด้วย
ก็บอกแล้วว่าไม่ได้รอ...ว่าแต่เมื่อไหร่จะเที่ยงกว่าล่ะ ตอนนั้นแทนคุณมันน่าจะมาแล้วนี่...
เชอะ เล่นเกมส์ก็ได้
ตอนที่ผมเล่นเกมส์อย่างเมามัน มีคนทักมาหาผมในไลน์ เป็นคนที่แอดมาใหม่
พี่กายนั่นเอง
Guy : ฮัลโหล ทำไรอยู่ไอ้น้อง?
ผมจิ้มจึกๆ ตอบข้อความพี่เขาไป
Tup : นอนเล่นครับ
Guy : ยังอยู่บนเตียง?
Tup : เปล่าพี่ อยู่ข้างล่างบ้าน
ตอบเสร็จผมก็เล่นเกมส์ต่อ แต่พี่เขาก็ยังทักมาอีก จริงๆ ก็ไม่ได้รำคาญอะไรนะครับ ติดจะเฉยๆ มากกว่า
Guy : จริงเหรอ อิจฉาจัง ไม่มีเรียนใช่ป่ะ
Tup : มีตอนบ่ายครับ
Guy : ให้ไปรับป่ะ
เว้ย...บทจะมีคนมารับก็มีมากกว่าหนึ่ง ผมรีบส่ายหน้าทันทีจนลืมไปว่าพี่เขาไม่เห็นผมสักหน่อย
Tup : ไม่เป็นไรครับ
ผมตอบ ก่อนจะพาลนึกไปถึงชั้นเรียนของพี่กาย ชั้นเรียนนั้นต้องมีไอ้แทนกับสามหนุ่มโหน่งเท่งหม่ำเป็นแน่แท้เพราะเรียนคณะเดียวกันเอกเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าจะถามอะไรสักหน่อย
Tup : เรียนหนักมั้ยครับพี่
Guy : ไม่อ่ะ น่าเบื่อมากกว่า อาจารย์พูดมาก
ผมหัวเราะเบาๆ พี่เจตน์กับพี่พีทคงแย่งกันสลบ พี่ต้นคงเล่นโทรศัพท์ ส่วนไอ้แทนก็คงนั่งเท่ๆ ฟังบ้างไม่ฟังบ้างแต่เชื่อเถอะว่าคำพูดของอาจารย์คงเข้าหูมันทุกคำ
Guy : ว่างป่ะ คุยกับพี่แก้เบื่อหน่อยสิ
คุยอะไรล่ะ...ผมเกาหัวแกรกๆ ขณะที่จะเปลี่ยนหน้าจอไปเป็นเกมส์ แต่พี่แกก็ยังทักมาอยู่ดี ท้ายที่สุดผมก็เลยต้องคุยกับพี่แกไปตามระเบียบ พี่เขาถามอะไรมาผมก็ตอบ บางครั้งก็พูดเสริมให้ดูมีมารยาทบ้างจะได้ไม่ห้วนจนเกินไป
ว่าแต่...ทำไมบางคนไม่ยอมทักผมมาสักทีล่ะ
วันก่อนๆ ยังทักมาอยู่เลย แต่นี่อะไร ทำไมเงียบ...
เอาน่า มันอาจจะเรียน นี่กำลังส่งเสริมให้มันไม่ตั้งใจเรียนทางอ้อมอยู่นะ ทัพไทย ช่วยตั้งสตินิดนึง...
จนในที่สุด...
Tankhun : กำลังจะออกจากมหาลัย
Tankhun : นี่รีบที่สุดแล้วนะ
ผมยิ้ม จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งจนแม่บ้านแถวนั้นสะดุ้งโหยงเพราะจู่ๆ ผมก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คุณหนูทัพจะทานอาหารเที่ยงมั้ยคะ”
“ไม่ครับ เดี๋ยวแทนมารับแล้ว...”
กิดิ๊ง กิดิ๊ง กิดิ๊ง กิดิ๊ง
เสียงไลน์ดังไม่หยุดไม่หย่อน แทนที่ขับรถอยู่หันมามองดูโทรศัพท์ที่ดังทะลุกระเป๋าของผม
“เพื่อนส่งเกมส์มาหรือยังไง”
ผมล้วงไปหยิบมันขึ้นมาแล้วก็เช็คดู
“พี่กายอ่ะ”
แทนหันขวับมาที่ผมทันที “ไอ้กาย?”
“ใช่”
“ไปรู้จักมักจี่อะไรกันตอนไหน”
ผมต้องช่วยจูนสติอะไรให้มันหรือเปล่า “เตะบอล...เมื่อวานไง”
“แล้วมันเอาเบอร์มึงไปได้ยังไง มึงให้เหรอ”
“กูเปล่า” แม่งซักยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าอีก อะไรของมันน่ะครับ “พี่เขาบอกจิ๊กมาจากเครื่องมึงอ่ะ”
“แม่งชั่ว” แทนบ่นอุบ
“มึงไม่ชอบขี้หน้าพี่เขาเหรอวะ” ผมลองเผือกเล่นๆ
“ไม่ได้ไม่ชอบ เหม็นขี้หน้า”
มันต่างจากไม่ชอบตรงไหนวะ...แทนเงียบไป และผมก็ได้โอกาสตอบพี่เขาพอดี พี่เขาถามว่าเที่ยงนี้จะทานอะไร พี่เขาจะได้ทานตาม เออ ตลกดี
“ทำไมต้องยิ้มด้วยวะ กายมันเป็นคนตลกเหรอ”
“อะไรของมึงเนี่ย มองกูทำไม ขับรถไปดิ”
“ทำไมต้องยิ้ม”
“พี่เขาบอกจะกินข้าวเที่ยงเหมือนกูอ่ะ ตลกป่ะ”
“ตลกตรงไหน” แทนหน้าหงิก จากนั้นก็เหยียบซะมิดจนหลังผมติดเบาะ
“เฮ้ยยย ยังรักชีวิตอยู่ ยังไม่อยากไปเฝ้ายมบาลลลลล” ผมโอดครวญ “กูไม่ได้รีบ เข้าคลาสเลทได้ ใจเย็นครับพี่”
“ข้าวเที่ยงของมึงอยู่ไกลต้องรีบไป”
“ที่ไหนวะ”
“ตอบมันไป...อาหารเที่ยงมึงคือคีช แรททาทุย และก็ตบท้ายด้วยซูเฟล”
…
เกิดคำถามขึ้นเต็มหัวของผม อาหารที่แม่งว่าคืออาหารประเทศไหนผมยังไม่รู้เลย
“ร้านอยู่ไกล เร็วๆ รีบบอกมันไป”
ผมเกาหัวแกรกๆ และก็ตอบพี่กายไปตามที่พี่ท่านบอกมา พี่กายบ่นนิดนึงว่ากินตามยาก ผมเลยหัวเราะ 555 กลับไป
ตลอดทางไปร้านอาหารไอ้แทนเอาแต่ยิ้มเบาๆ แถมยังบอกให้ผมถ่ายรูปไปอวดพี่กายด้วยนะว่ากินจริงๆ ไม่ได้โม้
แทนมันมีมุมเด็กๆ แบบนี้ด้วยเหรอครับ
“นังทัพพพพพพพ” แจงกระโดดกอดคอผม ทันทีที่ไอ้แทนมาส่งผมถึงหน้าห้อง
“น้อยๆ หน่อย” ไอ้แทนสะกิดหลังเพื่อนผม
“เหมือนไม่ได้เจอมันนานอ่ะพี่ ส่งต่อมันเสร็จก็กลับไปได้แล้ว” แจงไล่พี่รหัสมัน
“จะเอามั้ยเนี่ย ของฝาก”
“ของฝาก!” แจงทำตาโตหันซ้ายหันขวารอบตัวไอ้แทนใหญ่ว่าถุงของฝากของมันอยู่ไหน เป็นผู้หญิงที่จริงใจดีนะครับ “ไหนอ่ะ ไม่เห็นมี”
“เหอะ” แทนโยนถุงขนมที่ผมกับมันไปซื้อด้วยกันก่อนเข้ามอให้ ตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะซื้อไปฝากพี่โหน่งเท่งหม่ำ ที่ไหนได้ซื้อมาฝากน้องนี่เอง
ขนมจากร้านดีนแอนด์เดลูก้า...ใครเป็นน้องมันนี่โชคดีจริงๆ
ว่าแต่...พี่รหัสผมเป็นใครเหรอครับเนี่ย...เห็นคนอื่นได้ของกินแล้วรู้สึกหิวขึ้นมาเลย
“อย่าลืมที่บอกนะ” แทนคุณลูบหัวผมสองสามทีอย่างแรง ก่อนที่จะเดินหนีไป
“รู้แล้ว” แจงรับคำ มองดูถุงขนมในมืออย่างตื่นตาตื่นใจ
“มันบอกอะไรแกวะ” ผมถามเพื่อน
“ก็จะอะไรซะอีก ก็เรื่องดูแลแกนั่นแหละ” แจงรีบพูด “เข้าไปในห้องเถอะ มีอะไรจะเม้าท์ด้วย”
ผมเม้าท์กับแจงตั้งแต่คลาสเริ่มยันคลาสจบ เรื่องที่แจงเม้าท์มีอยู่สองประเด็นใหญ่ๆ คือ 1. เรื่องงูที่ถูกปล่อยในห้องน้ำเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน มันสงสัยว่าเป็นฝีมือของเกี๊ยว บอกให้ผมอยู่ห่างๆ จากเพื่อนคนนี้เอาไว้ ตอนแรกมันก็ไม่คิดสงสัยอะไร แต่พอประติดประต่อเรื่องดีๆ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ๊อิง เพราะสองคนนั้นเป็นน้องรหัสกัน
อื้อหือ...ถึงกับอึ้ง นี่มันเชอร์ล็อคโฮล์มเวอร์ชั่นผู้หญิงชัดๆ
เรื่องที่ 2 เต็มไปด้วยสาระล้วนๆ เรื่อง ‘JP’
“จริงดิ พี่เจตน์ถามเรื่องกิ๊กพี่พีทเหรอ กรี๊ดดดด มันต้องเป็นการหึงอย่างหนึ่งแน่ๆเลย แกกกก ไปฟังมาอีกนะ ชอบอ่ะ กรี๊ดดดดดดดดด”
“เบาๆ หน่อย อาจารย์มองแล้ว”
“อยากสิงร่างแกอ่ะ ผู้ของแกก็หล่อ เพื่อนผู้ของแกก็น่าจิ้น”
“ผู้?”
“ผู้ชายนั่นแหละ”
“ผู้ของฉันเชี่ยอะไรวะ”
“พี่แทนไม่ใช่ผู้ชายหรอกเหรอ”
“ก็ใช่ แต่แบบนั้นฉันก็เป็นตัวเมียดิ”
“กับพี่แทนแกมีสิทธิ์เป็นตัวผู้ด้วยเหรอ”
แม่ง...งอนมันดีกว่า...ตลอดเวลาที่เหลือผมไม่คุยอะไรกับแจงอีก จนมันต้องเอาขนมที่แทนซื้อมามาง้อผม ผมก็แกล้งงอนไปอย่างนั้นนั่นแหละ คุยกับมันแล้วสบายใจดีนะครับ กวนตีนไม่ได้ต่างอะไรจากพี่รหัสมันเลย
“เออ แกพอจะรู้มั้ยว่าใครเป็นพี่รหัสฉันวะ”
“แกรหัสอะไรล่ะ”
ผมส่งรหัสไปให้มันดู(แปะอยู่หน้าหนังสือแถมยังพิมพ์เรียบร้อยพร้อมชื่อทัพฟ้า แก้วเนตรอย่างกับเด็กอนุบาล....ฝีมือลุงเอี่ยมครับ) มันมองแป๊บหนึ่งก่อนจะคิด
“พี่กายนี่”
“หือ”
“พี่กาย พี่รหัสแก 094 เด๊ะๆ เลย”
ผมได้ยินดังนั้นก็เงียบไป...พี่กายอาจจะยังไม่รู้ไม่เป็นไร แต่ถ้าใครบางคนรู้ ผมไม่รู้ว่ามันจะทำนิสัยเด็กๆ แบบที่ทำไปเมื่อตอนเที่ยงหรือเปล่า...
คงไม่อะไรหรอกมั้ง...
ตอนเย็น
ไอ้แทนไม่ได้บอกอะไรกับผมว่าจะมาหาหรือเปล่าเพราะเขามีประชุมเอกการตลาดกัน พี่ปีสามเรียกน้องปีหนึ่งไปพบ(แล้วปีสองไปไหนวะ?) เกี่ยวกับเรื่องกฎระเบียบการวางตัวอะไรประมาณนี้น่ะครับ ได้ยินจากปากแจง มีเพื่อนผู้หญิงใส่กระโปรงสั้นไม่ถึงคืบ(สั้นกว่าพวกปีสามอีก) ก็เลยเรียกประชุมกันทั้งเอก
เหมือนขัดใจกันเองระหว่างพี่ผู้หญิงปีสามคนนั้นกับเพื่อนผู้หญิงปีหนึ่งคนนั้น พวกผมได้แต่เงียบและก็มองดูเขาทะเลาะกันสั่งสองกันอย่างเดียว ผมกับแจงกระซิบกระซาบคุยกันเรื่องมีสาระอีกแล้วครับ
“แกดูสิ เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน พี่เจตน์สูงขาวหน้าฝรั่ง พี่พีทขาวหมวยเอเชี้ยเอเชีย” ผมฟังเรื่องนี้มาทั้งวันแล้วจริงๆ ครับ จะจิ้นตามมันแล้วเนี่ย ให้ตายเหอะ “ดูดิแกๆๆ กรี๊ดดด จับคอกันด้วยอ่ะ”
ในสายตาของผมคือโคตรปกติ...ผู้ชายคุยกันเฉยๆ มั้ง แต่อย่าไปขัดมันครับ เดี๋ยวแม่งจะแพ่นกบาลเอา
เขาดราม่ากันแต่พวกเราดันไม่ดราม่าไปกับเขา...มีคนมาเคาะหัวผม ตอนแรกผมคิดว่าเป็นรุ่นพี่ที่อยากสั่งสอนให้ฟังที่เขาคุยกัน แต่เปล่า...เป็นพี่กายนั่นเอง
“รหัส 094 เหรอ” พี่กายพูดยิ้ม ๆ “โทษทีนะ อาทิตย์ที่แล้วพี่ไม่อยู่ ไปเนเธอร์แลนด์มา เลยไม่ได้ดูแลเลย”
พี่รหัสน้องรหัสคู่นี้เพิ่งจะรู้จักกันนี่เอง
“เซอร์ไพรส์นะเนี่ย” พี่กายเอาแต่ยิ้ม...ทำเอาไอ้แจงที่นั่งข้างๆ ผมถึงกับเคลิ้ม ไม่นานนักพี่กายก็เดินเลี่ยงไป แจงเอามือมาสะกิดผมใหญ่เลย
“ชอบแกแน่ๆ” มันฟันธงฉับ “แบบนี้พี่แทนจะว่าไง”
“ว่าอะไรล่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเว้ย”
“เหรอ ไม่เกี่ยวบ้าไรวะ ไปรับไปส่งตั้งแต่เช้ายันเย็น” แจงเบ้ปากใส่ผม “สำหรับแกน่ะฉันไม่รู้ แต่ที่รู้สำหรับฉันคือพี่แทนน่ะชัดมาก พี่เขาชอบแก”
ผมกลืนน้ำลาย...
รู้สึกหัวใจวูบไหวแปลกๆ
“มั่วแล้ว”
“หึ พี่กายก็ชอบแก...ตายแล้ว นี่มันศึกชิงนายเห็นๆ สนุกแน่ล่ะงานนี้” แจงเอาแต่พูดเพื่อความบันเทิงไปเรื่อย
“คุยไรกัน”
“แทนทัพและก็พี่กายค่ะ” แจงหันไปหาคนถามแล้วสะดุ้งสุดตัว “พี่แทน...แหะ”
“นินทาจนคนที่อยู่พระรามเก้ายังได้ยิน” ไอ้แทนเอ่ยเสียงเย็น ก่อนที่จะหันมาหาผม “กลับกัน”
“กลับ?”
“ใช่”
คนเขายังดราม่ากันอยู่ทั้งหอประชุม แล้วนี่จะให้เดินออกไปเฉยเลยใช้ได้ที่ไหนกัน
“ออกทางประตูหลัง ไม่มีใครเห็นหรอก” แทนดึงมือผมเบาๆ ผมมองไอ้แจงอย่างขอความเห็น มันยักไหล่คล้ายกับจะบอกว่าพี่รหัสมันก็งี้ ผมก็เลยต้องตามมันออกไปอย่างไม่มีสิทธิ์ตัดสินอกตัดสินใจ
จริงๆ แล้วก็ดีเหมือนกัน
ประชุมเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองนี่มันน่าเบื่อจริงๆ ครับ
“รหัส 094” แทนรำพึง “หึ”
“อะไรเหรอ”
“อยากไปไหน จะพาไปทุกที่” แทนพูด
“ไม่ได้อยากไปไหน” ผมยังคงมองมันด้วยความงงงัน ตอนนี้ผมกับมันกำลังจะเดินไปที่ลานจอดรถ
“แทน”
เสียงผู้หญิงเรียกไอ้แทน เป็นเสียงแรกที่ผมได้ยินตั้งแต่เจอแทนจนถึงวันนี้ผมก็ยังได้ยิน เสียงของเจ๊อิง
“คุยกันหน่อยได้มั้ย”
แทนมองหน้าผมกับเจ๊อิงสลับกัน
“คือว่า...ไม่สะดวกมั้ง”
“เรื่องซีเรียสนะ” พี่อิงทำหน้าตาน่าสงสาร “พยายามจะคุยที่ห้องเรียนแล้ว แทนไม่ยอมคุยกับอิงเลย”
“ก็อิงทำอะไรไว้บ้างล่ะ”
“มาคุยเรื่องนี้เถอะนะ มาคุยกัน”
แทนมองหน้าผม...ผมไม่รู้จะพูดอะไรจึงก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว
“คุยตรงนี้ได้มั้ยล่ะ” แทนเอ่ยเสียงเข้ม
“แม่พาอิงไปหาหมอมั้ยแล้ว...ที่ผ่านมา...อิงขอโทษนะ อิงจริงจังมากเกินไป”
มันน่าเชื่อหรือเปล่าวะ...ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็อย่ามายุ่งกับผมอีกแล้วกัน ผมขอร้องล่ะ
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าต่อหน้าผม ผมสะดุ้งสุดตัว ขยับถอยหลังไปสามก้าว พี่อิงคุกเข่าต่อหน้าผม นี่มันอะไรกัน
“น้องทัพ พี่ขอโทษ”
เวร เวร เวร...ผมทำหน้าไม่ถูกเลย ผมมองไปที่ไอ้แทน แทนเองก็ดูจะตกใจเหมือนกัน ผมรีบพาตัวพี่อิงให้ลุกขึ้นยืนตามเดิม
“ไม่เป็นไรครับพี่...” ผมละล่ำละลักพูด “...อย่าทำอีกก็พอ”
ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร อีกอย่างฝั่งตรงข้ามก็เป็นผู้หญิง ผมก็เลยทำอะไรไม่ถูกเท่าไหร่ พี่เขาขอโทษแล้ว บางทีเรื่องนี้มันก็ควรจะจบได้แล้ว ที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้ติดใจถือสาเอาความอะไรเธอนี่ครับ
“ขอบคุณนะ” เธอร้องไห้ ตอนนั้นผมไม่กล้าจะสบตาเธอเลยแม้แต่น้อย คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคงจะหาว่าผมกับแทนรังแกผู้หญิง เจ๊อิงปาดน้ำตาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหันไปหาแทน
ใบหน้าของเธอน่ารัก ถ้าตัดเรื่องจิตๆ ที่เธอเคยทำล่ะก็...ผมก็เข้าใจนะครับว่าทำไมตอนแรกไอ้แทนมันถึงคบกับเธอ เธอดูสวยหวานแถมยังแสนดี ผมคิดว่าปัญหาทางจิตหากถูกแก้ไขก็ไม่ผิดอะไรที่จะให้โอกาสเธอได้แก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง
“เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้แหละ...” เธอเอ่ย “...อิงจะทำตัวดีขึ้นมั้ย ต่อไปอิงจะทำให้แทนเห็นเอง”
พูดจบเธอก็เดินหนีไป...ทิ้งให้แทนถอนหายใจตามหลัง มันเดินมาหาผมแล้วมาจับไหล่ผม พลางถามว่าผมเป็นไรหรือเปล่า
“ไม่เป็นไร ตกใจน้ำตาผู้หญิงเฉยๆ” ผมพูดตามตรง
“อืม...ไปกันได้แล้ว” แทนจับไหล่ผมให้เดินนำหน้า
“เหมือนเจ๊แกจะมาขอมึงคืนดีเลย”
“…”
“มึงจะว่าไง”
แทนไม่พูดอะไร เปิดประตูรถให้ผม จากนั้นก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ
“กูจะว่าอะไรได้ล่ะ”
“…”
“ก็กูมีมึงแล้วนี่หว่า”
TBC*