แทนทัพ ตอนที่ 3
หงุดหงิดที่สุดแล้วครับการที่ผมไม่มีแขนที่สามของผมเนี่ย(โทรศัพท์) ให้ตายเถอะ ลุงเอี่ยมเพิ่งถอยให้เมื่อวานสดๆร้อนๆพร้อมเปิดซิมส์4Gให้ด้วยเบอร์เรียงสวยแบบใช้แล้วรวย แต่ตอนนี้...แม่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนที่ผมเรียนคาบแรกผมจำได้ว่ามันยังอยู่ในมือผมเพราะผมเอามาเล่นเกมส์และก็ยังจำได้อีกว่ายัดเก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มันจะไปหล่นตอนไหนได้อีกวะ
“ตอนมึงใช้ความคิดนี่ หน้าตาดูไม่ค่อยฉลาดเลยเนอะ”
คนที่ทำให้ผมหลุดออกมาจากความคิดในหัวตัวเองได้คือแทนคุณ มันนั่งอยู่ตรงข้ามผมในร้านอาหารหน้ามอที่คนเยอะอย่างกับอาหารตามสั่งเซลล์ห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“ไม่เสือกดิครับ”
ผมด่าสวน ถลึงตาใส่มันสองสามทีก่อนที่จะก้มหน้าลงมาสนใจผัดเผ็ดหมูกรอบที่ผมสั่งไป จำได้ว่าตอนเจ้เจ้าของร้านเอามาเสิร์ฟแม่นางจ้องไอ้คนตรงข้ามผมตาเป็นมันแบบไม่เก็บอาการ ดูก็รู้ว่าปลาบปลื้มไอ้แทนแค่ไหน
กูล่ะจะอ้วก ปากก็เสียแถมยังกวนตีน มีดีตรงไหนเนี่ย
“รีบแดก กูต้องรีบกลับไปทำงานกลุ่ม”
มันพูด
“ก็ไม่ได้อยากจะอยู่กับมึงนานเท่าไหร่นักหรอก”
“ตกลงมึงเป็นอะไร ช็อคที่วันนี้ซวยซ้ำซวยซ้อนหรือไง”
“เป็นมึงมึงไม่ช็อคเหรอครับ” ผมไม่ได้สุภาพกับมันครับ อย่าคิดแบบนั้น โนเวย์...เสียงผมนี่ประชดสัดๆ
“กูจะถือว่าเป็นคราวซวยของชีวิต” มันยักไหล่
มองโลกในแง่ดีแบบไม่เหมาะกับหนังหน้า ผมเบะปากใส่ไอ้แทนก่อนที่จะคิดในหัวตัวเองอีกรอบ แทนมันยังไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของผมหาย แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ผมควรบอกมันนี่ มันไม่ใช่ลุงเอี่ยม
“พี่สาวครับ เก็บตังค์”
การเรียกเก็บตังค์ของแทนคุณทำให้ผมต้องสำลักน้ำ ไอ้เชี่ย นี่ยังแดกได้ไม่ถึงครึ่งจาน
“อะไร...กูรีบ” มันพูด เจ้เดินมาพร้อมกับมองหน้าไอ้แทนอยากไปเก็บอาการ แทนจ่ายตังค์ไปแปดสิบบาทแล้วลุกขึ้นยืน ดูเหมือนมันจะรีบจริงๆ “คราวนี้ถ้ามึงซวยอะไรอีก กูไม่รับประกันนะว่ากูจะอยู่แถวนั้นรึเปล่า”
เป็นคำสุดท้ายที่มันพูดกับผม ผมชูกำปั้นใส่มันทำท่าไม่สนใจในสิ่งที่มันพูด แต่เชื่อมั้ยครับ...ผมเก็บเอามันมาคิดจนได้ตอนทานผัดเผ็ดหมูป่าที่เหลือ
มีใครสักคนที่ไว้ใจได้มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายไม่ใช่เหรอ
ผมกลัวชีวิตผมที่เหลือในคาบบ่ายนี่ชะมัด...ผมจะโดนอะไรอีกมั้ยนะ...
โชคดีแล้วครับ...คาบบ่ายโคตรปกติ และผมก็ได้เพื่อนใหม่ชื่อว่าไอ้เกี๊ยว
แม่งเฟรนด์ลี่ชิบหาย แต่เสือกจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เห็นผมโดนสาดน้ำใส่ นั่นก็ไม่แย่เสมอไปหรอกเพราะมันคือเหตุผลที่ทำให้ไอ้เกี๊ยวมาทักผมก่อน ผมก็คุยๆกับมันไปจนค่อนข้างสนิท มันดูเกรียนๆชิวๆบ้าเกมไม่ต่างอะไรจากผม
ตอนเลิกเรียนผมยืมโทรศัพท์เกี๊ยวโทรหาลุงเอี่ยม
“โทรศัพท์คุณหนูหาย!”
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ลุงอุตส่าห์ไปเป็นธุระให้”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับแต่ว่าผมจะติดต่อคุณหนูยังไง”
“นัดสถานที่มา...แล้วผมจะไปรอลุงตรงนั้น”
“ได้ครับ...บริเวณรั้วที่จอดส่งคุณหนูน่ะ”
“อ้อ” ผมพอจะนึกออก “โอเค รีบมานะลุง”
ผมส่งโทรศัพท์ส่งคืนเกี๊ยว พร้อมกับบอกแต๊งกิ้ว มันยักคิ้วจึกๆแล้วเดินจากไป(เพื่อนใหม่ที่ไม่มีบทพูดของผม) ผมถอนหายใจแล้วค่อยๆเดินไปยังสถานที่นัดหมาย ไม่มีโทรศัพท์ในยุคนี้แม่งรู้สึกคันคะเยอไปทั้งตัวเลยครับ ราวกับถูกญาติทิ้งและก็ตัดขาดจากโลกภายนอกยังไงยังงั้น...
ผมเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งผมเห็นไอ้เด็กผู้ชายปีหนึ่งเหมือนกันคนหนึ่งมันกำลังถือโทรศัพท์ ตอนแรกผมก็กะจะไม่สนใจอะไรหรอกครับ แต่ว่าเมื่อมองดูดีๆ...
ไอโฟนหกพลัสสีทองติดสติ๊กเกอร์ดาวเรืองแสงเสี่ยวๆที่ผมชอบ
เหมือนของผมทุกระเบียดนิ้วแบบนี้มันโทรศัพท์ผมชัดๆ!
เจอไอ้หัวขโมยแล้ว ผมนี่วิ่งใส่มันเลยครับ! ไอ้หัวขโมยดูจะรู้ตัว แม่งรีบวิ่งแจ้นหนีผมเหมือนกัน สรุปก็คือผมกับมันวิ่งไล่กันเหมือนเพื่อนปีหนึ่งเล่นกัน แต่เปล่าเลย ตำรวจกำลังจะจับโจร!
แม่งวิ่งไวไม่เห็นใจคนไม่ค่อยออกกำลังกายเลย...อย่างน้อยก็ควรจะคืนซิมส์ให้กูดิวะแม่ง!!!! ผมวิ่งเข้ามาในมหาลัยลึกมากจนเลยคณะบริหารมากลายเป็นคณะอะไรไม่รู้เยอะแยะ สาวขาสาวเดินสวนมาแบบเยอะโคตรๆ แต่ไอ้ทัพไม่มีเวลาส่องเพราะต้องวิ่งตามไอ้โจรห้าร้อย ว่าแต่เมื่อกี้ยังเห็นอยู่แล้วตอนนี้ไปไหนล่ะเนี่ย
พอละ...กูไม่ตามละ ผมหายใจหอบ เอามือแตะเข่าตัวเอง เหนื่อยแบบหายใจไม่ทันใกล้ช็อคตายคาที่ และตอนที่ผมกำลังพยายามขวนขวายหาออกซิเจนเข้าจมูกอยู่นั่นเอง
ไอโฟนดาวเสี่ยวของผมก็มาปรากฏตัวอยู่ในคลองสายตา
มันถูกวางบนพื้นและสภาพแม่งถูกรถเหยียบมาชัดๆ ราวกับว่าเอาโทรศัพท์ผมไปวางไว้แล้วเอาสิบล้อมาขับเหยียบน่ะครับ ประมาณนั้นเลย
…ผมว่า...เรื่องซวยที่ประเดประดังเข้ามา...มันไม่ใช่ความบังเอิญแล้วล่ะ...
ผมเก็บซากผลิตภัณฑ์สตีฟจ๊อบส์เข้ากระเป๋า ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซ็งๆก่อนที่จะมองไปรอบๆ ลืมนึกไปว่าตัวเองเป็นเด็กใหม่ของมอในชื่อตัวเอง...
นี่กูอยู่ที่ไหนบนโลกเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย...
ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยชิบหาย...ผมเกาหัวยิกหันไปรอบทิศไม่รู้ทิศทางที่จะเดิน ตอนนี้ลุงเอี่ยมคงงงว่าผมอยู่ตรงไหนทำไมยังไม่มา ผมต้องรีบหาโทรศัพท์โทรบอกลุงเอี่ยมก่อน
แล้วตู้โทรศัพท์อยู่ไหนวะ...หาไม่เจออีก...โง่อีก
จะยืมโทรศัพท์สาวๆแถวนี้โทรเดี๋ยวเขาก็หาว่าผมไปหลอกเอาเบอร์เขาอีก ผมควรทำไงดีเนี่ย
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับเดินหาทางกลับเองแม่งเลย เดินไปอารมณ์เสียไป พรุ่งนี้โคตรไม่อยากมาที่นี่ ผมเดินก้มหน้าก้มตาอย่างหัวเสียเป็นที่สุดจนกระทั่งหัวไปโขกเข้าไปอะไรบางอย่าง
ไม่ใช่ชนคนที่เดินสวนมา แล้วของในมือผมจะตก แลัวมันก้มหน้าก้มตาเก็บ มือผมกับมือมันจะประสาน แล้วจะเกิดการสบตาปิ๊งๆครับ นิยายเรื่องนี้ไม่โรแมนติกและบังเอิญขนาดนั้น
เสาครับ...เสานี่แหละ...เสาแข็งๆเลย ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย...หัวกูแตกมั้ยเนี่ย
“เอ๊าช์!”
“เสา มึงเป็นไรมากมั้ยวะ” ไอ้คนที่เห็นเหตุการณ์เดินไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเสา
มึงบ้าไปแล้วเหรอ “แทนคุณ มึงอย่ามากวนตีน!” แม้ว่าจะเหลือเชื่อที่บังเอิญเจอมัน แต่เรื่องที่มันไปถามเสาแทนที่จะถามคนเจ็บนี่มันปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ
“กูรู้ละ” แทนทำหน้าเหมือนบรรลุโสดาบันอะไรสักอย่าง “มึงโง่”
“มึงต้องตาย!” ผมกะจะวิ่งพุ่งเข้าไปชนมันอย่างแรง แต่เชี่ยแม่งหลบทัน ถ้าเบรกไม่ทันผมคงจะชนเสาอีกต้น
“โตแต่ตัวจริงๆ...แล้วนี่ทำไมไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องฮะ”
“อยากกลับมาก...แต่กูไม่มีโทรศัพท์ หาที่นัดกับลุงเอี่ยมไม่เจอ” ยอมโดนด่าว่าโง่อีกครั้งก็ได้อ่ะ...
“รวยอย่างมึงน่าจะซื้อได้เป็นล้านเครื่อง”
“กูทำหายโว้ย” ในที่สุดผมก็ต้องบอกมันในเรื่องนี้
“หาย? ที่นี่เนี่ยนะ...”
“อืม วิ่งตามจับขโมยจนมาถึงนี่ แต่แม่งก็...”
แปลกแต่จริงที่ไอ้แทนทำหน้าเครียดราวกับว่านี่เป็นเรื่องของตัวเอง
“จู่ๆกูก็มีธุระอีกแล้วสินะ”
เห็นมันบ่นงึมงำ...แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มันโทรหาลุงเอี่ยม ผมจะแย่งมันมาคุยแต่มันไม่ให้
“ตามกูมา” มันพูดตอนที่มันวางสาย
“ลุงเอี่ยมมารอแล้วใช่มั้ย” ผมถามอย่างดีใจ
“ใช่...และก็ไปแล้ว”
“ว่าไงนะ”
“มึงต้องกลับบ้านกับกู...ลุงเอี่ยมวานกูอีกแล้ว”
ไอ้แทนทำหน้าเหมือนไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ...โว้ยแม่ง...ชีวิตที่เลือกไม่ได้นี่แม่งเซ็งชิบหาย
ถ้าเป็นทัพฟ้า แก้วเนตรมันจะซวยขนาดนี้ล่ะก็ ผมขอมาเรียนในฐานะอนาคตผู้บริหารมหาลัยดีกว่า จ้างการ์ดมาเป็นสิบ เอาให้แม่งไม่มีใครทำอะไรผมได้เลย ให้ตายสิ
แต่ชีวิตก็คือชีวิตครับ มันเคยง่ายซะที่ไหนล่ะ...
หน้าบ้านผม...
“เออ ขอบใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มึงทำวันนี้มึงใช้หนี้ให้กูหมดแล้ว” ผมพูดเสียงเซ็ง เห็นบ้านตัวเองแล้วรู้สึกเหมือนเห็นสวรรค์ชั้นเจ็ด ไอ้แทนทำหน้ารับรู้ไม่ตอบอะไร ผมเปิดประตูลงจากรถ ในขณะที่มันเตรียมเลี้ยวเข้าบ้านมันที่อยู่ตรงข้าม บ้านที่เล็กกว่าบ้านผมหนึ่งในสิบ...แต่สะอาดร่มรื่นน่าอยู่มาก
และที่โผล่หัวไหวๆขึ้นมาจากแนวประตูรั้วนั่น
ไอ้เชี่ยยยยย...น่ารักชิบหาย
หมาพันธุ์ปั๊กวัยไม่ถึงปีกำลังมองรถที่ขับเข้าไปอย่างกระตือรือร้น และนั่นก็ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้แทนคุณมันถึงเป็นห่วงหมามันขนาดนี้ ก็ดูหมามันสิ
ผมเข้าไปเล่นด้วยทันทีด้วยไม่ขออนุญาตเจ้าของหมาและเจ้าของบ้าน รั้วถูกปิดอัตโนมัติ ไอ้แทนที่ลงจากรถยืนงงที่ผมเข้ามาเล่นกับหมามันโดยไม่ขอมันสักคำ
“เชี่ย ชื่อไรวะ”
“ไข่ต้ม”
“ไข่ต้ม?” ใช้ตรรกะอะไรในการตั้งชื่อเนี่ย เอาอย่างทัพไทยแบบพ่อกูนี่ดิ...แต่เอาชื่อทัพไทยไปเป็นชื่อหมา...อืม...ลืมสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปเถอะนะครับ
“เรื่องของกูมั้ยครับ หมาก็หมากู ไข่ต้มมานี่” แทนเรียกหมามัน ซึ่งไอ้หมาแม่งก็จงรักภักดีเหลือเกิน วิ่งไปหานายมันและก็ตะกุยๆตัวไอ้แทนที่นั่งยองๆราวกับว่าอยากจะเล่นด้วยชิบหาย “อยู่บ้านซนมั้ยเนี่ย...ไม่ได้ไปกัดอะไรใช่มั้ย...หืม”
เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้เจ้าของร้านผัดเผ็ดหมูป่าถึงหลง...
เข้าใจแล้วว่าทำไมเดินไปกับมันแล้วสาวเหลียวหลัง...มันหล่อ...และมันก็ดูมีเสน่ห์
แต่ก็น้อยกว่าผมว่ะ...
แทนลุกขึ้นและก็ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน ไอ้ไข่ต้มเดินเข้ามาเล่นกับรองเท้าผมและก็วนเวียนอยู่รอบๆเท้าผม
“แปลกแฮะ ปกติเห่าคนแปลกหน้าจะตาย” เจ้าของมันพูดว่างี้...
“อยู่บ้านคนเดียวเหรอ พ่อกับแม่ล่ะ” ผมถามเพราะผมเห็นรถยนต์ของมันคันเดียวกับเวสป้าสีเขียวอ่อนจอดอยู่เท่านั้น
“ไม่เคยมี มีแต่ป้า เสียปีก่อน”
ผมชะงัก ไอ้แทนที่ถอดรองเท้าถุงเท้าอยู่หน้าบ้านพูดเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ผมเข้าใจทุกอย่างได้โดยไม่ต้องถามอะไรอีก
รู้แล้วว่าทำไมสนิทกับลุงเอี่ยม รู้แล้วว่าทำไมไปบ้านผมตอนที่ผมอยู่เมืองนอกบ่อยจนสาวๆเมดเขาต้องหัวเราะกรี๊ดกร๊าดทุกครั้งที่พูดถึงแทนคุณ...
มันเป็นเด็กกำพร้าเหมือนผมนั่นแหละ...
และมันก็อยู่บ้านหลังนี้คนเดียว(กับไข่ต้ม) ในขณะที่ผมก็อยู่คนเดียว(กับบริวาร)
ไม่กล้าเกรียนใส่ไปประมาณห้าวิ...ผมคุกเข่าลงไปเล่นกับไข่ต้มอย่างเหม่อๆ...
“เป็นเชี่ยไร” แทนร้องถามมา
“ฮะ”
“ไม่ต้องสงสารกูก็ได้”
“กู...” จะบอกว่ากูไม่สงสารมึงหรอกเฟ้ย...ก็ไม่รู้ว่ามันใช่เวลาเล่นรึเปล่าผมก็เลยหาทางเปลี่ยนเรื่อง “ว่างๆก็เอาไข่ต้มไปวิ่งเล่นบ้านกูได้ ที่เยอะมันคงจะสนุก”
“กูเอาไปบ่อยละ ขวัญใจสาวๆเมดบ้านมึงเลยนะ ไข่ต้มอ่ะ”
ผมลูบหัวไข่ต้มอีกนิดหน่อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “กูกลับละ”
“อืม ไปให้ไวเลย”
แปลกที่ผมเห็นมันกวนตีนใส่ผมแล้วผมรู้สึกโอเค...ไม่รู้สิ...พอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวมันมากขึ้นแล้วผมรู้สึกว่าการที่มันกวนตีนบางครั้งก็เหมือนกับการที่ผมเกรียนนั่นแหละ
ผมกับมันปิดบังความรู้สึกที่อยู่ลึกที่สุดเอาไว้...ความรู้สึกที่ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ
“เดี๋ยว” แทนคุณเรียกผม “กูมีเรื่องจะคุยด้วย”
ในบ้านไอ้แทน
บ้านมันเรียบง่าย ข้าวของเครื่องใช้เป็นระเบียบและก็สะอาด ดูไม่ออกเลยว่าเป็นบ้านเด็กหนุ่มอยู่คนเดียว ผมสามารถมองเห็นรูปป้าของแทนคุณได้ทุกหนทุกแห่งที่นี่ แต่ไม่มีสักรูปที่เป็นของพ่อกับแม่มัน
ผมจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น...
“ทำไม เริ่มหลงรักขี้หน้ากูขึ้นมาแล้วงั้นสิ”
ขอยืมคำพูดของมันมาสวนคืนแป๊บ...
“กวนตีน” แทนด่าผม แล้วมันก็โยนโค้กกระป๋องมาให้ผมรับ “ตั้งใจฟัง”
“อืม ว่าไปดิ”
“เรื่องที่มึงโดนวันนี้...” แค่มันเกริ่นมันก็ทำให้ผมลืมโค้กกระป๋องที่อยู่ในมือแล้วครับ “...กูไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย แต่ถ้าใช่...มันก็คงใช่”
“ฮะ?” ผมเชื่อว่าใครหลายคนก็คงงงเหมือนผม “อะไรของมึงวะ แปลไทยเป็นไทยดิ๊”
“จำอิงได้มั้ย”
“อ่าฮะ สวยจะตาย จำไม่ได้ก็โง่”
“เขา...โรคจิตอ่อนๆ”
เอ่อ...ว่าไงนะ...
“ที่กูหลบหน้าเขา หลอกว่ามึงเป็นแฟนกูต่อหน้าเขากูมีเหตุผล” ไอ้แทนขมวดคิ้วอย่างซีเรียส “กูเคยคบกับเขาช่วงเวลาสั้นๆ...และพอเลิกไป หลังจากนั้นเขาก็แกล้งผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้กู”
เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...
“เขาชอบวางแผน ชอบทำตัวลึกลับ เป็นพวกบ้าซีรี่ส์แนวสืบสวนสอบสวนเข้าขั้นคลั่ง บางครั้งกูก็จับได้ บางครั้งก็จับไม่ได้ การที่มึงโดนแกล้ง กูว่าอิงอาจจะมีส่วน แต่กูไม่กล้ายืนยัน เพราะบางทีมึงอาจจะซวยหรืออาจจะโง่เองก็ได้”
กำลังจะดีแล้วเว้ย...แต่เหี้ยแม่งดันมาแย่ตอนจบ
“พ่องมึงดิแทน” ผมด่ามัน
“ถ้าเป็นฝีมืออิง กูเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้มึงโดนว่ะ...”
“สาด ไม่มีหลักฐานก็อย่าไปปรักปรำผู้หญิงเลย อีกอย่าง...” ผมยักไหล่ “กูอ่ะผู้ชายแมนๆ โดนแค่นี้สิวๆ แต่อย่าโดนอีกแล้วกัน แม่งโคตรไม่หนุกเลย” วันนี้รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตผ่านสงครามยังไงยังงั้น ผมซดโค้กขึ้นไปหนึ่งอึก จนกระทั่งผมได้ยินเสียงคนจากข้างนอก
ลุงเอี่ยมมาพร้อมกับอาหารชุดใหญ่โดยมีสาวเมดยกมาเสิร์ฟให้ เรียงแถวกันเข้ามาอย่างเป็นระบบ
“แทนคำขอบคุณที่ช่วยคุณหนูของเรา...”
“โหลุง อย่าลำบากขนาดนี้เลยครับ”
“คุณหนู...ที่บ้านตั้งอาหารไว้รออยู่” ลุงเอี่ยมพูดกับผม ก่อนจะหันมาหาไอ้แทน
ผมพยักหน้าใส่ไอ้แทนเป็นเชิงบอกลา...มันโบกมือไล่ผมให้ออกไปในแบบชิ่วๆ
ผมดีกับมันได้ไม่เกินห้านาทีหรอกครับ...ไอ้เวรนี่แม่งโคตรกวนประสาทชิบหาย...
“ส่วนแทนคุณ...ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเอ็ง...”
TBC*
TALK : ช่วงนี้หัวไปไวกับเรื่องนี้เหลือเกิน แฟนคลับเดือนมหาลัยทั้งหลายอย่าเพิ่งงอนน้าาา...ปล.ชอบน้องไข่ต้มเป็นการส่วนตัว 55555