(ห้าเดือนหลังจากงานแสดงประจำปีของพระราชวังเชินบรุนน์ ภายในห้องพักในคอนโดมิเนียมของศตคุณ)แตร๊งงงงง... มือขาวกระแทกลงบนคีย์เปียโนอย่างแรงจนเสียงแปร่งดังก้อง
“เฮ้อ... จะเอายังไงดีหนอ” ร่างโปร่งโอดครวญ แล้วเหวี่ยงกระดาษเขียนตัวโน้ตในมือลงบนโต๊ะ นั่นคือโพรเจกต์สุดท้ายที่เขาต้องทำส่งโรงเรียนดนตรี นักเรียนทุกคนจะต้องแต่งเพลงเพื่อเป็นผลงานเริ่มต้นให้กับตนเอง
เด็กหนุ่มเดินไปเอนตัวพิงกับกรอบหน้าต่าง พร้อมกับทอดสายตามองออกไปด้านนอกซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน เพลงสำหรับฤดูหนาวงั้นหรือ เขาไม่ชอบฤดูหนาว มันดูเงียบเหงา เศร้าสร้อยและว้าเหว่ ถ้าแต่งเป็นเพลงก็คงจะเป็นเพลงช้าๆ เศร้าๆ ฟังดูน่าเบื่อหน่าย
มือขาวดึงผ้าม่านปิดบานหน้าต่าง “เฮ้อ...” เขาคิดว่าตัวเองช่างเป็นคนที่ไร้ซึ่งความฝันและจินตนาการเอาเสียจริง
ร่างโปร่งบางเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องหลายรอบ ดวงตากลมเหลือบมองไปยังปฏิทิน อีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดที่เขาจะต้องเขียนจดหมายหาอับบาอีกแล้ว... คราวนี้เขาจะเขียนเรื่องอะไรดีละนี่
“อ๊ะ... จริงด้วย” ศตคุณร้องลั่นเหมือนคิดอะไรออก ขาเรียวก้าวยาวๆ ไปยังโต๊ะหนังสือ ก่อนเด็กหนุ่มจะนั่งลงเพื่อเริ่มต้นเขียนจดหมาย
ผมจะแต่งเพลงเกี่ยวกับอะไรดีครับ อับบา... ช่วยผมคิดหน่อยได้มั้ย
หลังจากร่างโปร่งได้ฝากจดหมายให้กับอาเหม็ดไปตามปกติ ไม่กี่วันถัดมาเขาก็ได้รับแผ่นดีวีดีมาหนึ่งแผ่น เด็กหนุ่มจึงเอาไปใส่เครื่องเล่นเพื่อดูเนื้อหาข้างใน
ภาพทะเลทรายเวิ้งว้าง กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์ เนินทรายสีทองเป็นลอนราวกับเกลียวคลื่นในทะเล ดูลึกลับน่าพิศวง เขาเห็นเงาของคนที่ถือกล้องถ่ายวิดีโอนั่งอยู่บนหลังอูฐซึ่งเดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ และที่ปลายฟ้าไกลลิบๆ นั่น... เขาเห็นกลุ่มของสีเขียวรำไร ในคราวแรกเด็กหนุ่มก็นึกว่าตาฝาดไป แต่เมื่อกล้องวิดีโอเดินต่อไป สีเขียวที่เขาเห็นก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นทีละน้อย จนกลายเป็นโอเอซิสสีเขียวชอุ่มขนาดใหญ่ในที่สุด ภายในโอเอซิสมีทะเลสาบกว้าง ท้องน้ำสีฟ้ามองเห็นทรายขาวละเอียดเบื้องล่าง ภาพบนจอยังคงเคลื่อนต่อไป เข้าสู่ตัวเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางโอเอซิส ซึ่งหนาแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่องทรงสี่เหลี่ยมสีหม่นๆ มีตลาดที่ขายของแบบวางกับพื้นดิน ซึ่งดูเผินๆ คล้ายกับตลาดนัดขายของเก่าในเวียนนา นอกจากนั้นก็ยังมีร้านค้าและเพิงขายอาหารอีกมากมาย เจ้าอูฐยังคงพาเจ้านายของมันเดินต่อไป ผ่านผู้ชายในชุดโต๊ปแขนยาวที่กำลังเลี้ยงสัตว์ ส่วนพวกผู้หญิงในชุดอาบาญ่าสวมผ้าคลุมศีรษะและปกปิดใบหน้าจนเหลือแต่ดวงตากำลังนั่งถักทอผ้าจากขนแกะกองใหญ่
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม เด็กหนุ่มจ้องมองภาพบนทีวีไปอย่างเพลิดเพลิน หัวใจเต้นระส่ำกับบ้านเมืองที่ดูแปลกตา ทั้งยังรู้สึกอัศจรรย์ใจกับสิ่งก่อสร้างและวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป... ณ สถานที่ไกลโพ้นที่คุณลุงของเขาหลงใหล... สถานที่ที่เป็นบ้านเกิดของอับบา
ใจย้อนนึกไปถึงอดีตที่เขาเคยได้ไปสัมผัสบ้านเมืองแบบอาหรับพร้อมกับครอบครัว พ่อแม่และคุณลุงจีรุฒน์อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ช่วงเวลาที่มีแต่ความสุข เวลาที่เขาอยากย้อนกลับไป
กล้องวิดีโอยังคงถ่ายต่อไปเรื่อย กระทั่งไปหยุดอยู่ที่วังสีขาวสะอาดตาเป็นแห่งสุดท้าย ก่อนหน้าจอจะกลายเป็นสีดำสนิท
ร่างโปร่งอ้าปากค้าง มือขาวกดรีโมตให้เล่นคลิปอีกครั้งแล้วสั่งให้หยุดอยู่ที่ภาพสุดท้าย วังขนาดใหญ่ในเมืองโอเอซิสที่เขาเห็นนั้นสวยงามราวกับกุหลาบขาวที่เบ่งบานอยู่กลางทะเลทราย สะกดสายตาจนทำให้เด็กหนุ่มเผลอเพ่งพิศอยู่เป็นเวลานานราวกับต้องมนตร์
หลังจากศตคุณได้ซึมซับความงดงามของภาพในทะเลทรายจนพอใจแล้ว เขาก็ลุกเดินกลับไปที่เปียโนของตนอย่างสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจของเขาล่องลอยไปยังดินแดนไกลแสนไกล ข้ามมหาสมุทรและทะเลทรายกว้างใหญ่ ปลายนิ้วเรียวที่วางลงบนคีย์ไม้เริ่มขยับไปเอง เป็นเสียงทุ้มต่ำที่มีท่วงทำนองเชื่องช้าแบบ Adagio คล้ายจังหวะการเดินของอูฐ วังเวงราวกับสายลมที่พัดผ่านเม็ดทรายสีทองละเอียด ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็น Andante ที่เร็วขึ้นอีกนิด เมื่อย้อนนึกไปถึงตอนที่มองเห็นเมืองใหญ่ท่ามกลางโอเอซิสสีเขียวสดใส ยิ่งใกล้ตัวเมืองเข้าไป ภาพผู้คนและบ้านเมืองที่แตกต่างออกไปก็ปรากฏแจ่มชัดขึ้นในความทรงจำ ส่งผลให้ปลายนิ้วเรียวเร่งกระแทกลงบนคีย์ไม้ระรัว เป็นทำนองแบบ Presto รวดเร็วเช่นเดียวกับอัตราการเต้นของหัวใจที่กำลังเต้นระส่ำ จนสายตาของเขาไปหยุดที่วังสีขาวเด่นสง่าชวนให้หลงใหล ดึงดูดทั้งความสนใจและตราตรึงจิตวิญญาณของร่างโปร่งไว้ ซึ่งเขาส่งผ่านความรู้สึกนั้นออกมาเป็นเสียงโน้ตสดใส ในท่วงทำนองแบบ Allegro เฉกเช่นความรู้สึกเบิกบานที่ผุดขึ้นในหัวใจ
มือขาวละออกจากคีย์เปียโน แล้วคว้าสมุดโน้ตขึ้นเขียนมาอย่างว่องไว ริมฝีปากสีแดงสดพึมพำ “ขอบคุณครับ อับบา” เขาจรดปลายปากกาเขียนชื่อเพลงไว้ตรงมุมกระดาษ
...Paradiseเดือนสุดท้ายของปีมาถึงในที่สุด ปกติศตคุณจะเกลียดเดือนธันวาคมมาก ทำไมน่ะหรือ... ก็เพราะเทศกาลคริสต์มาส คือเทศกาลที่ทุกคนจะได้ใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัวอย่างมีความสุขยังไงล่ะ... ยกเว้นตัวเขา ที่ผ่านมาทุกปีเขาใช้เวลาในช่วงคริสต์มาสกับอาเหม็ด และวันหยุดที่ว่างก็รับอาสาไปเล่นเปียโนตามโบสถ์ แต่ปีนี้จะไม่เหมือนปีก่อนๆ และจะไม่เหมือนปีไหนๆ ต่อจากนี้ไปอีกแล้ว
วันที่ 24 ธันวาคม เป็นวันที่เขาจะได้ขึ้นแสดงเปียโนด้วยเพลงที่เป็นผลงานการประพันธ์ของตนเองบนเวทีโรงละครโอเปร่าของเวียนนา เป็นการแสดงครั้งสุดท้ายก่อนจบการศึกษา ซึ่งเขามั่นใจว่า อับบาจะเดินทางมาพบและรอรับคำตอบจากเขา
เด็กหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ริมหน้าต่างในร้านฟาสต์ฟู้ดย่านใจกลางเมือง พร้อมกับอมยิ้มและฮัมเพลงอย่างมีความสุข ภาพของทะเลทรายเวิ้งว้าง โอเอซิสสีเขียวชอุ่ม และวังสีขาวนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เขาอยากไปที่นั่น อยากเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตาของตนเองจนแทบจะอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว
“อารมณ์ดีจริงนะ” เพื่อนร่างหนาที่ถือถาดซึ่งมีอาหารวางจนพูนล้นพูดขึ้น
“อือ... ใกล้จะได้พบอับบาแล้ว จะได้ไปทะเลทรายแล้ว” ใบหน้าน่ารักฉายแววเปี่ยมสุขจนใครๆ ก็สังเกตเห็นได้ “...ถ้ามีโอกาส ฉันอยากจะไปเที่ยวในทะเลทราย จะได้เห็นพระจันทร์เต็มดวง ดวงใหญ่ๆ ในทะเลทรายจริงๆ สักที ที่นั่นมันต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”
“แน่ใจเร้อ ว่าอับบาของนายจะมาแน่” เควินแกล้งกระเซ้า
ศตคุณพยักหน้า “ฉันถามคุณอาเหม็ดแล้ว! คุณอาเหม็ดบอกว่าอับบาจะมาพบฉัน และถ้าฉันต้องการจะไปอยู่ดัมมัม ก็ให้เก็บของรอไว้เลย”
“แหม จะไปไม่ห่วงกันเลยนะ”
“......” เด็กหนุ่มชะงัก
มือใหญ่ขยี้เส้นผมสีน้ำตาลบนศีรษะเล็กแรงๆ “เฮ้ย! ฉันล้อเล่นน่า ไอ้ลูกหมา... แค่นายจะไปดัมมัม ไม่ได้ตายไปจากฉันซะหน่อย เดี๋ยวเรียนจบจะบินไปของานทำนะ”
“เควิน.. ฉัน... จะต้องคิดถึงนายมากแน่ๆ”
เควินนั่งลงข้างๆ ร่างโปร่ง พลางโอบไหล่เล็กไว้หลวมๆ “อีเมล สไกป์ โปรแกรมในอินเทอร์เน็ตกับมือถือมีตั้งมากมาย นายอยากโทรมาเมื่อไหร่ก็โทรมาได้ ฉันอยากโทรไปเมื่อไหร่ก็จะโทรไป แต่ฉันว่า ขี้คร้านพอได้ไปที่เมืองนั่น นายคงจะสนุกจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว”
“บ้าเรอะไง ฉันไม่มีทางลืมเพื่อนรักคนเดียวในชีวิตของฉันไปได้หรอกเว้ย”
เควินยิ้ม เขามองเห็นน้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาสีน้ำตาลอ่อน จึงรีบชวนเปลี่ยนเรื่องคุย “ฉันดีใจ... ไม่เคยได้เห็นนายยิ้มหน้าบานแบบนี้... อ้อ แล้วก้อ อาหารมื้อนี้ ดูๆ ฉันเลี้ยงเอง ฉลองให้กับความสำเร็จของเพลงที่นายแต่ง ได้ข่าวว่าเป็นที่ฮือฮามากเลยนี่”
“ฮึ รู้ได้ไง”
“ไอด้ากับเกรซบอก เอ้า กินๆ”
ศตคุณรับแฮมเบอร์เกอร์อุ่นๆ อันโตไว้ในมือ “อ้อ... จริงสิ นี่ใกล้วันเกิดไอด้าด้วยนี่นะ งั้นเดี๋ยวขากลับแวะซื้อของหน่อยดีกว่า นายช่วยฉันเลือกของขวัญที สัญญาไว้ว่าจะให้เป็นของขวัญวันเกิด”
เควินพยักหน้าหงึกหงักพร้อมตอบเสียงอู้อี้เพราะในปากเขาเต็มไปด้วยไก่ทอด “อือ ไอ้ เอย” (อือ ได้เลย)
To be continued
เอาตอนแรกของนิสรีนมาลงแว้วววว เรื่องนี้ฮัสกี้เขียนจบไปนานแล้วค่ะ แต่มีการแก้ไขจากฉบับเดิมเล็กน้อย ตอนนี้ก็กำลังทยอยแก้ไขอยู่ มีทั้งการแก้ไขตัวละคร คำที่เขียนผิดแล้วยังใช้คำผิดมากมาย โดยเฉพาะการเรียงลำดับญาติ T^T ฮัสกี้มั่วมาก ต้องขออภัย แถมภาษาก็ไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่จะพยายามให้มากที่สุดนะคะ มีอะไรจะติติงหรือบอกกล่าว บอกกันได้เสมอค่ะ ฮัสกี้จะพยายามปรับปรุงนะคะ
คำว่า Nisreen นั้นแปลว่ากุหลาบสีขาวค่ะ ฮัสกี้ก็เลยตั้งชื่อเรื่องว่ากุหลาบขาวแห่งทะเลทราย แต่ที่หมายถึงกุหลาบขาวนั้นไม่ได้มีเพียงแค่วัง แต่หมายถึงตัวนายเอกของเราด้วยค่ะ
เรื่องนี้หวานและน้ำเน่ามาก 555555555555555555 แต่ก็หวังว่าทุกคนที่ผ่านมาอ่านจะชอบนะคะ
สำหรับสองตอนแรกยังไม่ออกทะเลทรายค่ะ เป้นการกล่าวถึงนายเอกของเราก่อน ส่วนพระเอกนั้น ขออุบไว้จนกว่าจะถึงเวลานะคะ ขอกำลังใจจากชาวเล้าด้วยนะค้าาา เยิฟๆ <3 husky's page