Chapter 12ท้องฟ้ามืดลงอีกแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ศตคุณได้แต่รออยู่ในกระโจมแบบนั้น หากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่กลับมาสักที จนเด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกหิว
เสียงสวบสาบของฝีเท้าอูฐและม้านับร้อยตัวบนผืนทรายละเอียดสลับกับเสียงพูดคุยภาษาต่างชาติดังแว่วมาจากทางด้านนอก เด็กหนุ่มคิดว่าพวกกองคาราวานคงจะแวะพูดคุยกับทาริคอยู่แน่ๆ เขาจึงไม่กล้าโผล่หน้าออกไป เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหากพวกกองคาราวานไม่ชอบคนแปลกหน้าอย่างตน
สักพักผ้าคลุมทางเข้ากระโจมก็ถูกตลบเปิดออก “คุณ ออกมานี่สิ มาพบกับท่านโอมาน หัวหน้าคาราวานสักหน่อย”
ศตคุณสะดุ้งเฮือก ก็ทำไมจะต้องให้เขาไปพบหัวหน้ากองคาราวานด้วยล่ะ “...ผม...”
ชายหนุ่มหัวเราะ “ฉันไม่เอาเธอไปขายหรอกน่า ออกมาพบเขาตามมารยาทเท่านั้นล่ะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาก้าวออกจากกระโจมไปอย่างเสียไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้คนมากมายรายล้อม น่าจะเป็นร้อยคนได้ พวกเขากำลังตั้งกระโจมขนาดใหญ่หลายๆ กระโจมอยู่ไม่ไกลจากกระโจมขนาดเล็กของทั้งสองหนุ่ม
เสียงพูดคุยเป็นภาษาอาหรับดังลั่น ศตคุณจึงหันมองไปยังต้นเสียง เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายร่างท้วมในชุดรุ่มร่ามแบบชาวอาหรับพื้นบ้าน ใบหน้าสีคร้ามแดดและหนวดเฟิ้มดูสูงวัย ท่าทางเป็นมิตรและใจดี แต่ประสบการณ์ของเด็กหนุ่มบอกว่าให้ระวัง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่ได้เจอกับคนที่ไว้ใจได้มากนัก
ทาริคหันมาบอกกับร่างโปร่ง “นี่ท่านโอมาน พวกเขากำลังมองหาที่ตั้งกระโจมพักผ่อน เห็นพวกเราอยู่ตรงนี้พอดี เลยว่าจะพักอยู่แถวนี้ด้วยสักวัน”
ศตคุณพยักหน้า แล้ว...? เขาควรทักทายกับหัวหน้ากองคาราวานนี่อย่างไรกันล่ะ “เอ่อ... สวัสดีครับ”
โอมานหัวเราะลั่นอย่างอารมณ์ดี เขาดึงร่างโปร่งเข้าไปกอดแล้วแตะแก้มทีละข้างกับแก้มของเด็กหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยเป็นภาษาอาหรับรัวๆ
ศตคุณยืนตัวแข็ง เขาได้ยินทาริคพูดอะไรสักอย่างกับหัวหน้าของกองคาราวานคนนี้ แล้วชี้มาทางเขา นัยน์ตาใสไหวระริก ด้วยความรู้สึกหวั่นในอก
...กลัว... หวังว่าทาริคคงไม่ได้กำลังเจรจาขายเขาให้กับผู้ชายคนนี้หรอกนะ
“คุณ ท่านโอมานชวนพวกเรากินข้าวด้วยกัน พวกเขาเพิ่งออกมาจากเฟอร์โดส ยังมีอาหารและของสดมากมาย เดี๋ยวพวกเราจะไปนั่งในกระโจมใหญ่กระโจมนั้นด้วยกัน”
“เอ่อ ผม... ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ” ศตคุณกวาดสายตามองไปรอบตัว ซึ่งมีผู้หญิงมากมายอยู่ในชุดอาบาญ่าหลากสีสัน มีผ้าคลุมศีรษะและปิดบังใบหน้า พวกเธอยืนออกันอยู่ไม่ห่างจากตรงที่เขายืนอยู่นัก และสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมาทางเขา
ทาริคตอบคำถามอะไรบางอย่างที่พวกเธอเอ่ยถาม หลังจากนั้น จากท่าทีที่ดูลังเลที่จะเข้ามาหาเด็กหนุ่ม จึงเปลี่ยนเป็นโถมกันเข้ามาแทน
“ทาริค! คุณบอกอะไรพวกเธอ!?” ศตคุณร้องลั่นเมื่อเหล่าหญิงสาวพากันเข้ามารุมล้อม พวกเธอจับต้องเนื้อตัวเขาแล้วหัวเราะกันคิกคัก เสียงเหรียญเงินเหรียญทองที่ร้อยตามผ้าคลุมของพวกเธอดังกรุ๋งกริ๋ง
“ก็พวกเธอถามว่าเธอเป็นคนจริงๆ รึเปล่า ฉันก็เลยตอบว่า เธอเป็นคนไม่ใช่ตุ๊กตา ไม่เชื่อลองจับดูได้”
โอมานหัวเราะ พลางโอบไหล่ของทาริค แล้วชักชวนให้เข้าไปในกระโจมหลังใหญ่ที่เพิ่งตั้งเสร็จ พวกคนของคาราวานกำลังช่วยกันยกเบาะและขนแกะมาปูวางไว้สำหรับนั่ง
ร่างสูงนั่งลงบนเบาะที่นั่งซึ่งปูไว้ตรงกลางพอดี จากนั้น ชายผู้เป็นหัวหน้ากองคาราวานก็นั่งลงข้างๆ กัน ส่วนที่นั่งอื่นๆ ถูกจัดเรียงตั้งฉาก ชิดผนังกระโจมทั้งสองข้าง ชายหนุ่มปล่อยให้ศตคุณอยู่กับพวกผู้หญิงสาวๆ กลุ่มใหญ่
ศตคุณหันซ้ายขวาเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะพูดอะไร หรือทำตัวอย่างไรดีแล้ว เขามองค้อนคนที่นั่งสบายอยู่ในกระโจมกับผู้เป็นหัวหน้า ที่ต่างมองมาทางเขาแล้วหัวเราะกันสนุกสนาน
“เอ่อ จะพาผมไปไหนครับ” พวกเธอพูดอะไรบางอย่างกับร่างโปร่ง ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงให้เข้าไปในกระโจมใหญ่ หากพวกเธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งห่างจากทาริคและโอมานออกไป
ศตคุณเองก็ไม่เข้าใจ หญิงสาวกลุ่มที่นั่งรายล้อมเขาแต่งตัวแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ในกองคาราวาน อาจเป็นลูกสาวของท่านโอมานละมั้ง เพราะคนอื่นๆ ทำงานอยู่ด้านนอกกระโจมหลังใหญ่นี้กันทั้งนั้น แต่ว่าเป็นสิบคนเชียวหรือ? พอเขานั่งนิ่ง พวกเธอก็หยิบผ้าและเครื่องประดับมาวางเรียงให้เขาดู... ทำไม? เขาไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย
“เอ่อ...” หรือพวกเธอจะถามว่าชิ้นไหนสวย เขาเองก็ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องประดับของหญิงสาวซะด้วยซี ทว่าหญิงสาวนางหนึ่งในกลุ่มหยิบหินสีก้อนเล็กๆ มีรูเจาะอยู่ตรงกลางให้เขาดู เธออาจจะถามว่าให้ช่วยเลือกให้เธอหน่อยได้มั้ย? ศตคุณจึงพยักหน้าหงึกหงัก เขาชี้ไปที่หินสีออกน้ำตาลทอง เพราะดูเข้ากับดวงตาของเธอดี
“อ้าว... ไม่ใช่ให้ผมเลือกให้คุณหรอกเหรอ” เพียงแค่เขาชี้ พวกเธอก็หัวเราะคิกคัก รีบเอาเม็ดหินสีที่เขาเลือกร้อยเข้ากับเส้นผมของเขาทันที เมื่อร้อยเสร็จก็กระวีกระวาดเอากระจกมาให้ดู
“เอ่อ...” สายตาของพวกเธอดูจะคาดหวังเอาคำตอบจากเขามาก เด็กหนุ่มจึงพยักหน้าหงึกหงัก “ครับ สวยครับ”
หนึ่งในหญิงสาวยกกล่องเฮนน่าผงและกระดาษกรวยสำหรับวาดเมห์นดิมาให้ดู ศตคุณไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร เขาก็พยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่อง
พวกเธอร้องวี้ดว้ายดีใจ พลางช่วยกันปลดเสื้อคลุมของเขาออก แล้วถลกแขนเสื้อโต๊ปขึ้นสูง ต่างพากันชื่นชมผิวสีขาวผุดผ่องราวกับน้ำนม เนียนสวยลื่นมือกันไม่หยุดปาก
“อ๊ะ จะทำอะไรน่ะครับ” ศตคุณชักมือกลับเพราะรู้สึกกลัว ก็พวกเธอกำลังจะทำอะไรบนมือเขาก็ไม่รู้
“พวกเธอจะโชว์ฝีมือการวาดเมห์นดิโดยใช้เฮนน่าน่ะ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวค่อยไปล้างออก” ทาริคตะโกนบอก ทำให้ศตคุณพอโล่งใจ อย่างน้อยชายหนุ่มก็ยังสนใจเขาอยู่บ้างล่ะ
หญิงสาวจรดปลายกรวยกระดาษ แล้วบรรจงวาดลวดลายอ่อนช้อยอย่างคล่องแคล่ว โดยมีพวกหญิงสาวที่เหลือเป็นกองเชียร์ เมื่อเธอวาดเสร็จ ก็หยิบผงสีทองมาโรยเบาๆ ลายเส้นสีดำเป็นเงามีประกายเหลือบทองบนผิวขาว ดูงดงามอยู่ไม่น้อย
ศตคุณยกมือของเขาขึ้นดู อดทึ่งกับความสามารถในการวาดเมห์นดิจากกรวยกระดาษไม่ได้ “ว้าว ขนาดใช้กรวยกระดาษยังวาดได้ละเอียดสวยขนาดนี้ สุดยอดไปเลย... อ้าวๆ ทำอะไรกันอีกน่ะครับ”
ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าพอใจของเด็กหนุ่ม พวกเธอก็ยิ่งดีใจ พวกเธอจัดแจงถอดรองเท้าของเขาออก แล้วหยิบผ้ามาเช็ดฝุ่นออกให้ จากนั้นก็ลงมือวาดลวดลายเมห์นดิกันอย่างสนุกสนาน
ร่างโปร่งอดหัวเราะไปกับพวกเธอไม่ได้ เอาเถอะ... จะทำอะไรก็ทำ เขาก็ว่าสนุกดีเหมือนกัน
สักพักกลิ่นอาหารก็โชยเข้ามาเตะปลายจมูก ศตคุณท้องร้องโครกคราก ส่งผลให้สาวๆ รอบๆ ตัวเขาหัวเราะกันเสียงดังลั่น พวกเธอหันไปบอกกับโอมาน ขอให้เริ่มมื้ออาหารเย็นได้แล้ว
หัวหน้ากองคาราวานหัวเราะ เขาตะโกนสั่งเสียงดัง จากนั้นพวกคนในกองคาราวานก็ช่วยกันหอบอาหารมาตั้งบนโต๊ะตรงกลางกระโจมให้ ส่วนคนอื่นๆ นั้นนั่งล้อมวงอยู่ด้านนอก จนเมื่อโอมานลุกขึ้นกล่าวอะไรบางอย่าง ศตคุณคิดว่าคงเหมือนประธานกล่าวเปิดงาน พอชายสูงวัยนั่งลงและส่งอาหารให้กับทาริคแล้ว ทุกคนจึงเริ่มรับประทานอาหารร่วมกัน
หญิงสาวสองสามคนลุกไปยกอาหารมาตั้งบนโต๊ะเล็กข้างหน้าศตคุณ แต่เพราะมือและเท้าของเขายังถูกสาวๆ ตรึงไว้เพื่อวาดเมห์นดิ พวกเธอจึงคอยป้อนอาหารกับน้ำให้กับเขาแทน เมื่อหญิงคนใดใจดีป้อนให้ เขาก็จะตอบแทนน้ำใจด้วยการสบสายตาและยิ้มให้กับเธอแทนคำขอบคุณ
แขนและขาที่ต้องเกร็งตลอดเวลาเพื่อให้พวกผู้หญิงวาดลวดลายเมห์นดิ นานเข้าก็เริ่มปวดเมื่อย แต่ดูเหมือนพวกเธอจะเข้าใจ จึงหยุดพักกันชั่วครู่ แล้วเปลี่ยนมาช่วยนวดแขน ไหล่ และขาให้กับศตคุณแทน
“ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งยิ้มหวาน ก็พวกเธอใจดีกับเขาขนาดนี้
...ศตคุณเพลิดเพลินไปกับเหล่าหญิงสาว จนแวบหนึ่งเขาแอบลืมนึกถึงทาริคไป เด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากเขามีฮาเร็มเป็นของตัวเอง ก็คงจะเป็นแบบนี้ละมั้ง มาถึงตอนนี้ก็ชักจะเริ่มเข้าใจหัวอกพวกผู้ชายอาหรับซะแล้วซี
สักพักแขนขาของเขาก็เป็นอิสระ ลวดลายเมห์นดิที่พวกเธอบรรจงวาดให้ช่างดูอ่อนช้อยสวยงาม ร่างโปร่งเอ่ยปากขอบคุณพวกเธออย่างจริงใจ แต่เพราะไม่สามารถคุยกันรู้เรื่องได้ เขาจึงทำท่าทางเอ่ยชมพวกสาวๆ บ้าง มือขาวชี้ไปที่ดวงตาของพวกเธอ แล้วชูนิ้วโป้งขึ้นเป็นเชิงบอกว่า ดวงตาของพวกเธอช่างสวยงามมากเหลือเกิน
...เล่นเอาสาวๆ หน้าแดงก่ำ บิดตัวเขินอายกันเป็นแถบ
เสียงดนตรีจากวงดนตรีพื้นบ้านดังก้องเมื่อคนในกองคาราวานจัดการกับอาหารเสร็จ จากนั้นพวกหญิงสาวทรวดทรงสะคราญ มีเสื้อผ้าบางน้อยชิ้นก็กระโจนออกมาร่ายรำตรงหน้าที่หัวหน้ากองคาราวานนั่ง ดวงตากลมเบิกกว้าง เพราะไม่นึกว่าจะมีหญิงสาวชาวอาหรับที่กล้าแต่งตัวอย่างเปิดเผยถึงขนาดนี้
เด็กหนุ่มเหลือบมองร่างสูง ทาริคกำลังถูกล้อมไปด้วยสาวสวยเสื้อผ้าน้อยชิ้นเหล่านั้น พวกเธอกอดแขนแล้วเอาทรวงอกบดเบียด จากนั้นก็ใช้ผ้าผืนบางโน้มลำคอเขาให้เข้ามาใกล้
เสียงเชียร์จากผู้ชายในกองคาราวานดังลั่น เธอจับมือของทาริคให้โอบรอบเอวเล็กของเธอ แล้วจูบตรงมุมปากเขาเบาๆ
วินาทีนั้นร่างกายศตคุณชาวาบ สายตาของชายหนุ่มไม่มองมาทางเขาเลย หากเอาแต่ไล่ตามท่วงท่าการเคลื่อนย้ายสะโพกของหญิงสาวในเสื้อผ้าน้อยชิ้นเหล่านั้น
เมื่อเพลงแรกจบลง โอมานก็กล่าวอะไรสักอย่างที่ทำให้หญิงสาวนักเต้นรำสองสามคนนั้นกรี๊ดกร๊าดกันด้วยความดีใจ เขาโยนเงินในห่อผ้าให้กับพวกเธอ ก่อนที่พวกเธอจะปราดเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ กันอย่างแนบแน่น
...และทาริคก็ปล่อยให้พวกเธอกอดจูบ โดยไม่มีท่าทีปฏิเสธเลยเสียด้วย... แตกต่างจากที่แสดงออกกับเขาโดยสิ้นเชิง
ศตคุณชักสีหน้าไม่พอใจชั่วครู่ แล้วรีบปรับเปลี่ยนกลับเป็นปกติ เขาแตะมือลงบนแขนของหญิงสาวข้างตัวเขา แล้วคลึงขมับของตนเองเบาๆ “ผมขอโทษนะครับ แต่ผมปวดหัว ขอตัวไปพักก่อน” พลางลุกขึ้นยืน
พวกเธอทำหน้าสลด ทำท่าทางจะเข้าไปบอกกับโอมาน แต่เด็กหนุ่มห้ามไว้ เขาค้อมศีรษะอำลาพวกเธออย่างนอบน้อม พร้อมกับก้าวถอยหลังออกไปจากกระโจมช้าๆ ผ่านพวกกองคาราวานที่ทุกสายตายังจดจ่ออยู่กับเหล่านางรำ ไม่ต่างกับทาริคและโอมานเลยแม้แต่น้อย
ดวงตากลมโตร้อนผ่าว มือขาวยกขึ้นกุมแผ่นอก... ความรักทำให้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้เองหรือ เขาไม่พอใจ ไม่ชอบใจทาริคกับพวกผู้หญิงนั่นเลย ก็ไหนชายหนุ่มว่าอยากให้เขาเป็นเจ้าสาวยังไงกัน ทำไมคำพูดช่างสวนกับการกระทำแบบนี้ล่ะ
ขาเรียวพาเจ้าของก้าวเดินดุ่มๆ ไปบนผืนทรายเรื่อยเปื่อย ด้วยความโมโหจนไม่ทันนึกว่าตัวเองอาจจะออกมาไกล แล้วหลงทางในทะเลทรายเอาง่ายๆ
สายลมเย็นพัดวูบทำให้ศตคุณรู้สึกหนาว เขาออกมาโดยไม่ได้ใส่เสื้อคลุมและผ้าคลุมศีรษะ เพราะตอนแรกกะว่าจะกลับไปยังกระโจมเล็ก เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นทราย มือขาวกำเม็ดทรายขึ้นมาแล้วเขวี้ยงออกไปจนสุดแรงอย่างต้องการระบายอารมณ์ ก่อนจะชันเข่าขึ้นแล้วซบใบหน้าลงบนหัวเข่า
...เขาเองก็เป็นผู้ชาย ก็เข้าใจความรู้สึกของทาริคล่ะ ร่อนเร่ในทะเลทรายมานาน เมื่อได้พบกับหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อย เรือนร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นต่างจากเขา ก็ย่อมจะสนใจเป็นธรรมดา
แล้วทาริคเอง... ก็ไม่เคยบอกสักหน่อยว่ารักเขา ทีกับเขาทำท่าเหมือนไม่อยากให้แตะต้อง แต่กับผู้หญิงพวกนั้น ปล่อยให้พวกเธอกอดจูบได้ง่ายๆ
ระหว่างที่กำลังนั่งโมโห หงุดหงิดอยู่คนเดียวนั้น ศตคุณได้ยินเสียงซอกแซกคล้ายบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนเสียดสีกับเม็ดทรายไปช้าๆ เด็กหนุ่มได้สติกลับคืนมาทีละน้อย เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ซึ่งไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่ทรายกับเนินทรายเต็มไปหมด เขาเดินออกมาไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทิศทางของกระโจมอยู่ทางไหนกัน ร่างโปร่งพยายามสงบใจ ทว่ายังไม่ทันลุกขึ้นยืน เสียงซอกแซกก็ดังชัดเจนขึ้นทุกที เขาเพ่งมองไปบนพื้นทราย แล้วหัวใจเขาก็แทบจะหยุดเต้น เมื่อเห็นรอยตัว S บนพื้นทรายที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขานัก
...งูไวเปอร์มีเขา... แปลว่ามันอยู่แถวนี้งั้นหรือ
“ทะ... ทาริค...” ใบหน้าหวานซีดเผือด กลัวจนทำอะไรไม่ถูก เขาเอ่ยชื่อคนที่เขาคิดว่าตอนนี้ก็อาจจะยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาหายไป
แกว๊กกกก...
เสียงเหยี่ยวตัวเขื่องร้องลั่น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้ากุบกับของม้า ศตคุณอยากจะหันหน้าไปมองแต่ก็ไม่กล้าขยับเขยื้อน “ทาริค...”
“คุณ! อย่าขยับนะ!”
“อ๊ะ!” เด็กหนุ่มรู้สึกถึงแรงสะเทือนของฝีเท้าม้าที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนร่างกายจะถูกท่อนแขนแกร่งโอบรอบ แล้วดึงขึ้นไปนั่งบนหลังม้าที่ควบออกไปด้วยความเร็ว
“ทำไมออกมาไกลขนาดนี้ มันอันตรายนะ! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวตอนกลางคืน!”
เสียงทุ้มที่ตะคอกข้างใบหูทำให้เลือดในกายพลุ่งพล่าน ศตคุณตวัดสายตามองชายหนุ่ม มือขาวผลักตัวเองออกจากแผ่นอกกว้างอย่างรุนแรง จนแทบจะตกจากหลังม้า “ปล่อย! ผมจะไปไหนก็เรื่องของผม!”
“คุณ!” ทาริคดึงม้าให้หยุดก่อนที่เด็กหนุ่มจะร่วงลงมา เขาเหลือบมองฟาร์ฮาที่บินวนอยู่เบื้องบนโดยไม่ส่งเสียงอะไร นั่นหมายความว่าบริเวณนั้นปลอดภัยจากพวกสัตว์ที่กำลังออกหากินในยามค่ำคืน
เมื่อม้าหยุด เด็กหนุ่มก็กระโดดลงจากหลังม้าทันที หากร่างสูงที่กระโดดตามลงมาคว้าแขนเรียวเอาไว้ได้ทัน “จะไปไหน!”
“โอ๊ย! ผมเจ็บนะ!” ศตคุณสะบัดแขนอย่างแรง ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม “ตามผมมาทำไมกัน! มายุ่งกับผมทำไม!”
ร่างสูงถอนหายใจ พลางยื้อข้อมือเล็กไว้ “เป็นอะไรของเธอน่ะ กินอาหารผิดเข้าไปรึไง!”
“ปล่อยผมนะ! อย่ามาแตะต้องตัวผมอีก”
แขนแกร่งรวบร่างโปร่งเข้ามาแนบกาย “ไม่ปล่อย! เธอเป็นอะไรของเธอ ทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย”
ศตคุณมองค้อน ทั้งทุบทั้งดันตัวเองออก แต่ท่อนแขนของชายหนุ่มแข็งแรงราวกับโซ่เหล็ก เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้นสบสายตากับนัยน์ตาคมสีนิล “ใช่สิ! ผมมันไม่น่ารัก ถ้างั้นก็เชิญคุณไปหาพวกสาวๆ ที่น่ารักพวกนั้นสิครับ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก!”
ทาริคกระตุกยิ้ม แววตาของเขาเป็นประกาย “หึงหรือ”
“.....” ดวงตากลมฉายแววขุ่นเคือง เขาอยากจะหนีไปให้พ้นๆ จากคนตรงหน้าเหลือเกินแล้ว
“แย่ล่ะซี โดนว่าที่เจ้าสาวโกรธเอาซะแล้วสิ”
พอเห็นว่าชายหนุ่มทำเป็นไม่ทุกข์ร้อน หนำซ้ำน้ำเสียงยังฟังดูยั่วเย้าปนขบขัน ก็ราวกับราดน้ำมันลงไปบนกองไฟ ศตคุณผลักอีกฝ่ายออกอย่างแรง แล้ววิ่งหนี “ผมเกลียดคุณ เกลียดคนอย่างคุณ ใครจะเป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณกัน เมื่อไปถึงเฟอร์โดส ผมจะกลับเวียนนา!”
คำพูดที่เชือดเฉือนเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงตรงกลางหัวใจ ทาริควิ่งตามร่างโปร่งที่วิ่งหนีออกไปจากเขา อดสบถเบาๆ ไม่ได้ว่าศตคุณเวลาโกรธนี่ก็วิ่งไวอยู่เหมือนกัน ขายาวก้าวออกไปบนผืนทรายนุ่ม แล้วกระโดดตะครุบตัวเด็กหนุ่มไว้จนทั้งคู่ล้มลงกลิ้งหลุนๆ ไปตามเนินทรายที่ไม่สูงมากนัก
“ปล่อย! จะมารั้งผมไว้ทำไมกัน!” คนที่ล้มกลิ้งจนตกไปอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ดิ้นเร่า เนื้อตัวเปรอะเปื้อนฝุ่นและทรายเต็มไปหมด
“คุณ! ฟังก่อนได้มั้ย หยุดดิ้นเสียที”
“ไม่ฟัง ผมเกลียดคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว! อุ๊บ!”
ริมฝีปากนุ่มถูกจูบปิด จนต้องกลืนคำพูดคำจากลับลงคอไป เรียวปากหยักเบียดบดหนักหน่วง รุนแรงเสียจนเจ็บ เขาพยายามทุบและดันชายหนุ่มออก แต่มือใหญ่ก็รวบข้อมือเขาไปกดไว้เหนือศีรษะ
“อื้อ...” ศตคุณพยายามเบี่ยงใบหน้าหนี แต่ก็ไม่เป็นผล พอเขาเผยอริมฝีปากเพื่อหายใจ อีกฝ่ายก็รุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก ลิ้นสากกวาดต้อนไปทุกซอกมุมอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จนน้ำใสๆ ไหลล้นจากมุมตรงปาก
ร่างโปร่งหอบถี่ เขาจะขาดลมหายใจตายอยู่แล้ว ทาริคก็ยังคงบดริมฝีปากเข้ามาซ้ำๆ จนเขารับรู้รสชาติของเลือดที่ปะปนเข้ามาในปาก เจ็บจนน้ำตาไหล
“ฮือ... คนใจร้าย” ทันทีที่คนบนร่างผละออก ศตคุณก็ต่อว่าพลางสะอื้นฮัก
มือหยาบจับคางมนที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาให้หันกลับมาทางเขา “ใครกันแน่ที่ใจร้าย พอมีสาวๆ ห้อมล้อมเอาใจ ก็ไม่สนใจฉันเลยสักนิด”
น้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดนั่นทำให้เด็กหนุ่มชะงัก หยุดดิ้นไปชั่วครู่ ก่อนจะเถียงต่อ “แล้วคุณล่ะ ให้พวกสาวๆ ทั้งกอดทั้งจูบ ไม่แย่กว่าเหรอ”
“ก็เธอทำให้ฉันหึงก่อนทำไมล่ะ”
TBC~*งานนี้การทะเลาะกันนี่ จะทำให้ทาริคกับน้องคุณยิ่งใกล้ชิดกันขึ้นมั้ยน้า ทะเลทรายจะกลายเป็นทะเลน้ำตาลมั้ยยยย โปรดเตรียมบอระเพ็ดกันไว้สักลังค่ะ 5555 <-- สปอยล์ที่สุด 
ทาริคคุยอะไรกับโอมานกันหนอ 555 สำหรับนักอ่านที่ชอบอ่านนิยายแนวทะเลทราย น่าจะพอเดากันได้ใช่มั้ยคะ วรั้ย... ไม่สปอยล์แล้วววว
ตอนนี้เอามาลงให้เร็วแล้วก็ยาวขึ้นด้วยน้า ชมฮัสกี้หน่อยค่า กรีซซซ /เดี๋ยวตอนหน้าก็คงสั้นอีก กร๊ากก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ ขออภัยที่ฮัสกี้อาจจะลงได้ไม่เร็วนัก อย่าโกรธกันน้า 