การใช้หนี้ครั้งที่ 14 # Mistake…ความผิดที่รอการให้อภัย
Punnut's Talk
หลังจากที่เรื่องคุณกิตติจบลง ด้วยการที่เขานำเงินสดมาใช้คืนทั้งต้นทั้งดอก แถมยังออกปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผมตลอดกาล ผมก็ยังมีอีกเรื่องที่ต้องสะสาง
เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทวงหนี้ แต่เกี่ยวกับลูกหนี้
' สวัสดีครับคุณปุณณัตต์ ผมจำได้ว่าเพิ่งจะส่งดอกเบี้ยให้คุณไปเมื่อวานนี้ ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ถึงขั้นต้องมาพบผมที่โรงเรียน '
' ผมได้ข่าวว่าคุณเอ็นดูยศภัทรมากกว่านักเรียนคนอื่นๆ '
' คือผม.. '
' ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดี ถ้าขืนคุณยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว หนี้สินของคุณจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าทั้งต้นทั้งดอก '
' และในเทอมหน้า โรงเรียนนี้คงไม่จำเป็นต้องมีครูชื่อชาริลอีกต่อไป '
" พี่ปูน พี่ปูน " ปัณณ์ณิชเข้ามาในห้องผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงใสเรียกผมให้กลับมาอยู่ในโลกปัจจุบัน
" เข้ามาซนอะไร หื้ม? " พูดพลางลูบหัวคนตัวเล็กที่ขึ้นมานั่งบนตักอย่างเอ็นดู
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้กอดแบบนี้ นานแค่ไหนแล้ว
" ใครจะกล้าล่ะ ขืนซนก็โดนพี่ปูนเอ็ดใส่พอดี "
ผมหัวเราะร่วนพลางหอมแก้มขาวนุ่มฟอดใหญ่จนอีกฝ่ายหันมามองค้อนอย่างเอาเรื่อง
" พี่สัญญาเลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก 6 ปีเลยนะ กว่าจะง้อสำเร็จ เด็กอะไรโกรธนานชะมัด "
" ขี้ตู่ พี่ปูนไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อย "
" ยังไงก็ขอบใจนะที่ยอมคุยกับพี่ "
" ไปขอบคุณพี่บอสโน่น ถ้าวันนั้นพี่ปูนไม่พาพี่บอสมา วันนี้ปันก็ไม่คุยด้วยหรอก แบร่ "
น้องปันแลบลิ้นปลิ้นตาก่อนจะส่งรอยยิ้มสดใสที่ผมเฝ้าคอยมาให้ แล้วก็โน้มคอผมไปฟัดแก้มอย่างหมันเขี้ยว ก่อนจะผละออกเพราะดวงตาคู่นั้นไปเจออะไรดีๆ เข้า
อะไรที่จะเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
" โอ๊ะ รูปพี่บอสมาอยู่ที่นี่ได้ไง "
ผมมองตามสายตาคู่นั้นไปอย่างงงๆ รูปเดียวของมันที่ผมมีคือรูปนังซินที่ถูกแอบถ่ายแล้วส่งเข้ามาในมือถือ แล้วที่น้องปันพูดถึงมันคืออะไร
คนตัวเล็กกระโดลงจากตักก่อนเดินไปหยิบรูปภาพที่อยู่ในลิ้นชักออกมาโชว์ให้ผมดู
" นี่ไงรูปพี่บอส "
" ปันแน่ใจหรอว่าคนในรูป.. "
" ล้านเปอร์เซ็น "
" อย่าบอกนะว่าพี่ปูนคิดว่าเป็นบรีส "
End Talk
---------------------------
ในหนึ่งปีของคนทั่วไปมีกี่วัน 365 วันงั้นหรอ?
แต่สำหรับคนโสดอย่างผมมันมีแค่ 364 เท่านั้นแหละ
14 กุมภา ไม่นับ เพราะมันไม่อยู่ในสาระบบของผมตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว อย่าถามหาเหตุผลเลย ผมไม่อยากจะพูดถึงมันอีก
อดีตที่เคยมีค่า เมื่อเวลาผ่านพ้น ใจคนก็เปลี่ยนแปลง
ก็อกๆๆ
" พี่บอส ไปเล่นกัน " น้องสาวตัวดีเคาะห้องเรียกผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ทีเวลาไปเรียนปลุกแทบตายยังไม่ตื่น ไม่รู้วันนี้อะไรเข้าสิง เอ๊ะ หรือโดนศรรักของคิวปิดเฉียดขั้วหัวใจ
" วันนี้พี่ว่าหิมะคงตกแน่ๆ น้องปันตื่นเช้าได้ " หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเสร็จ ยัยตัวแสบก็ลากผมมานั่งเล่นกับปีใหม่ที่สวนหน้าบ้าน
" โห พี่บอสก็เว่อร์ ปันตื่นแบบนี้ของปันทุกวัน เน๊าะปีใหม่เน๊าะ "
" บ๊อก " เหอะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างนี้ เถียงไปก็มีแต่โดนหมาหมู่
เราเล่นกันไปพักใหญ่ก่อนที่น้องปันจะถามบางอย่างขึ้นมา
" พี่บอสว่าเดี๋ยวนี้พี่ปูนดูแปลกๆ มั้ย "
" แปลกยังไงคะ " ถึงจะรู้สึกเหมือนกันก็เถอะ แต่ถามเพื่อความชัวร์ดีกว่า ไม่อยากคิดไปเองคนเดียว
" ก็ไม่เหวี่ยงใส่พี่บอสเหมือนก่อน "
ผมพยักหน้าเห็นด้วย เดี๋ยวนี้คุณปูนไม่ตะคอกผมแล้ว มีบ้างแต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนถือว่าลดลงไปเกือบ 90%
“ ไม่เย็นชาเหมือนก่อน”
...ใช่เลย แวบแรกที่เห็นนึกว่าเจ้าชายน้ำแข็ง
" พูดมากขึ้น "
...อันนี้ก็จริง เมื่อก่อนนึกว่าเป็นใบ้ พูดไม่เป็น ด่าเป็นอย่างเดียว
" ที่สำคัญมองพี่บอสมากขึ้น "
ห๊ะ ผมหันขวับมองหน้าปัณณ์ณิช " พี่ว่าอันนี้ไม่ใช่ละ "
" ไม่ใช่หรือว่าไม่เห็นกันแน่”
“ น้องปันหมายความว่าไงคะ”
“ ก็.. ”
Sugar , yes please
Won't you come and put it down on me
“ ครับ คุณปูน ”
( เข้าไปที่ห้องกูที กูว่ากูลืมซองสีน้ำตาลไว้ )
“ ได้ครับงั้นเดี๋ยวผมไปหาให้แล้วจะโทรไปบอก ”
( หาแค่ที่โต๊ะเท่านั้นนะ )
ตื้ด
ผมมองหน้าน้องปันเป็นเชิงขอตัว น้องปันพยักหน้าพลางส่งยิ้มมาให้ แอบเสียดายคำตอบที่ค้างอยู่ แต่ช่างเหอะ ไว้ค่อยถามทีหลังละกัน
เมื่อเท้าก้าวมาหยุดที่โต๊ะทำงานของผู้เป็นนาย สิ่งแรกที่เห็นคือแฟ้มเอกสารมากมายกองอยู่บนโต๊ะ ผมเลยจัดการรื้อค้นอย่างถือวิสาสะ ในที่สุดก็พบ ซองสีน้ำตาลที่ว่า อยู่ใต้แฟ้มเอกสารบางๆ สีเลือดหมู
“ ฮัลโหล คุณปูน ผมเจอแล้วนะ จะให้ผมเอาไปให้ที่ไหนครับ ”
( ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูกลับไปเอา )
ติ๊ด
ดูท่าทางจะเป็นเอกสารสำคัญถึงได้รีบบึ่งมาเอาด้วยตัวเองขนาดนี้ ถ้าผมเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นผมคงเปิดออกดูแล้ว แต่อย่างว่าแหละ ผมเป็นคนดี ว่าแต่ในลิ้นชักนั้นมีอะไร
' หาแค่ที่โต๊ะเท่านั้นนะ '
เสียงคุณปูนลอยเข้ามาในโสตประสาท
เคยได้ยินมั้ยว่าคนฉลาดมักขี้สงสัย ถึงผมจะเป็นคนดีแต่บังเอิญผมเป็นคนฉลาดด้วย ดังนั้น มือข้างที่ไม่ได้ถือซองเลยเอื้อมไปเปิดลิ้นชักที่ปิดไม่สนิทออกดู ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตก็ตาม
ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าในลิ้นชักนั้นน่ะมัน..
ว่างเปล่า!!
สายตาของนักสำรวจยังไม่หยุด คิดว่าผมจะยอมแพ้แค่นี้หรอ ไหนนานๆ ทีก็ได้มีโอกาสเข้ามาในห้องนี้ตอนที่คุณปูนไม่อยู่แล้วขอหน่อยเถอะ
หลังจากเปิดลิ้นชักแล้วไม่เจออะไร ผมเลยเดินไปมองที่ชั้นวางหนังสือ มีหนังสือหน้าตาประหลาดหลายเล่มวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และทั้งหมดเป็นบทความภาษาอังกฤษตั้งแต่ทฤษฎีการทวงหนี้เบื้องต้น หลักการเป็นเจ้าหนี้ที่ดี จนไปถึงการทวงหนี้ขั้นแอดว๊านซ์ อ่านชื่อหัวข้อไปแล้วก็ขำ อยากรู้เหมือนกันนะว่าด้านในมันจะเขียนยังไง
ผมวางซองสีน้ำตาลไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มที่หนาที่สุดสันปกสีแดงออกมาอ่าน
‘ ทฤษฏีการทวงหนี้ขั้นสูงสุด’
เนื้อหาในหน้าแรกกล่าวไว้ว่า
‘ มาตรการขั้นเด็ดขาดในกรณีที่ลูกหนี้ไม่มาชำระหนี้ตามกำหนด คือ อ่านหน้าถัดไป ’
เชรดดดด หนังสืออะไรวะ ผมนี่ปิดหนังสือหาสำนักพิมพ์ทันที แต่ก็ไม่พบ จะมีก็แต่กระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กๆ ที่ร่วงลงมา
เห้ย นี่มัน รูปผม!!
รูปที่ถูกถ่ายไว้เมื่อ 4 ปีก่อนตอนผมเรียนมอ 2 วันนั้นที่โรงเรียนจัดงานโฮเพ้นเฮ้าส์ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ โดยมีน้องๆ ชั้นประถมจากโรงเรียนอื่นๆ เข้ามาชมการแสดง ละครฉากนั้นเป็นฉากตอนจบหลังจากที่เจ้าชายจับได้ว่าเจ้าหญิงที่ปลอมตัวมาเป็นเจ้าชายของเมืองคู่อริ เจ้าชายเลยแค้นมากจนอยากจะฆ่าทิ้ง แต่ก็ทำไม่ได้ในเมื่อรักไปแล้ว สุดท้ายเลยสารภาพรักกันและให้อภัยในการหลอกลวง
ส่วนคนข้างๆ ในรูปที่แสดงเป็นเจ้าชายก็ไม่ใช่ใคร คนที่ทำให้วันวาเลนไทน์มันหมดความหมายเมื่อ 2 ปีก่อนนั่นแหละ
ผมไม่รู้ว่าคุณปูนเอารูปนี้มาจากไหน แล้วทำไมต้องเอามาสอดไว้ในหนังสือเหมือนจะซ่อนด้วย
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขัดห้วงความคิด ผมรีบยัดรูปใส่ในหนังสือแล้วเก็บที่ตามเดิม แต่ด้วยความร้อนรน ผมเผลอทำหนังสือเล่มบางในชั้นตก กระดาษที่ถูกสอดในนั้นปลิวออกมาอยู่บนพื้น
" คุณบอส คุณปูนกลับมาแล้วนะคะ " เสียงน้าอุ่นเตือนถึงการมาของเจ้าของห้อง ทำเอาผมรวนหนักกว่าเดิม ผมรีบก้มตัวหยิบกระดาษแผ่นนั้นหวังจะสอดกลับเข้าในหนังสือ แต่สายตาผมดันไปสะดุดกับข้อความในนั้นเข้าซะก่อน
" หาเจอตั้งนานแล้วทำไมไม่ออกไป " เสียงคนมาใหม่หงุดหงิดทันทีที่เห็นผมยังยืนอยู่ในห้อง
" คุณปูนปิดบังอะไรไว้ แล้วกลัวผมไปเจอเข้าหรอครับ "
คนฟังนิ่งอึ้งไป ไม่ตอบโต้ เลยเป็นโอกาสให้ผมสาดอารมณ์ใส่ทันที
" ไหนคุณอธิบายมาซิ ว่าเอกสารนี้มันหมายความว่ายังไง " ผมพูดพร้อมกับชูกระดาษในมือให้อยู่ในระดับสายตาคนตัวสูงที่ยังคงนิ่งงัน
" พูดสิคุณปูน ! เงียบทำไม หรือโดนผมจับได้แค่นี้ถึงกับไปไม่เป็น ไม่สมกับที่เป็นคุณเลย คุณปุณณัตต์ "
ผมพูดผมยกยิ้มอย่างเยาะเย้ย อีกฝ่ายมองมาด้วยความรู้สึกผิด แต่ยังคงไร้คำพูดใดๆ ผมเลยพูดต่อ
" หนี้สินของป๊าถูกชดใช้จนหมดตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ทำไมถึงไม่บอกผม คุณจะเก็บผมไว้ทำไมอีก ทั้งๆ คนที่คุณต้องการก็ไม่ใช่ผมตั้งแต่แรก "
" ก..กู " เสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบกลืนหายไปในลำคอ เมื่อผมขึ้นเสียงใส่อีกครั้ง
" ได้ ในเมื่อคุณไม่มีเหตุผลอะไรให้ผม ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป "
" ลาก่อน "
ผมพูดพลางเดินชนไหล่เจ้าหนี้ไปที่ประตู แต่ทำได้แค่เอื้อมมือจับลูกบิดเท่านั้น เพราะเสียงที่ดังจากด้านหลังเหมือนโซ่ตรวนที่รั้งขาผมไว้
" เมื่อก่อนเคยคิดว่าทั้งหัวใจฉันมันคงเป็นของเขา "
หื้อ? เสียงคุณปูน? ร้องเพลง? ผมค่อยๆ หันหลังช้าๆ เห็นเจ้าหนี้ยืนมองผมนิ่ง ในขณะที่เสียงเพลงไร้ทำนองที่ดังมาจากโทรศัพท์ในมือคนตรงหน้ายังคงดำเนินต่อไป
" ได้แต่คิดว่าเรื่องของเราเป็นเพียงความหวั่นไหว
จนวันนึงที่เธอนั้นเริ่มมีใคร
ถึงได้เริ่มสงสัยว่าจริงๆ ฉันคิดยังไงกับเธอ
เพิ่งมาคิดว่าเรื่องของเราฉันนั้นผิดเองใช่มั้ย
ลองทบทวนข้างในจิตใจมีเพียงความพลั้งเผลอ
สรุปว่าฉันคิดเองว่าไม่ใช่เธอ
เลยอยากขอให้เธอฟังฉันสักนิดก่อนที่จะไป
*ว่าคนๆ นั้นที่ต้องการ
คือเธอคนนี้คนเดียวที่ฉันเฝ้ารอ
เลยอยากขอให้อยู่ข้างกัน ตราบนานแสนนาน
**บอกเธอวันนี้ ฉันรักเธอ
เป็นเธอเสมอคนเดียวไม่เคยให้ใคร
และจะรักเพียงเธออย่างนี้ ตลอดไป "
เสียงเพลงจบลง แต่เสียงในโทรศัพท์ยังไม่จบ
" สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ บอส "
สมองเหมือนได้รับการกระกระเทือนอย่างรุนแรง ร่างกายชาวาบไม่อาจขยับเขยื้อน มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นแรงบอกว่ายังมีชีวิตอยู่่
เจ้าหนี้ผมร้องเพลงเมื่อกี้ให้ผมงั้นหรอ?
หมายความว่ายังไง
เขาต้องการอะไรจากผมกันแน่
" อย่าไปได้ไหม "
เสียงจริงไม่อิงซาวน์ดังมาจากเรียวปากอิ่มนั่น ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับใช้สองแขนแกร่งโอบรอบกายผมไว้ ริมฝีปากสีเชอร์รี่อยู่ชิดเกือบติดใบหู ก่อนจะเอยคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน
" ขอโทษ "
ปุณณัตต์ อภิมหาธนวัชร เจ้าพ่อเงินกู้ผู้สูงศักดิ์กำลังขอโทษอดีตลูกหนี้อย่างผมงั้นหรอ เหอะ น่าขันสิ้นดี
( มีต่อ may be ย้ำ may be today >< )