DOLLFIE
ตุ๊กตาต้องสาป
9
ผมนี่เคยวาดฝันเอาไว้ว่าครั้งแรกของผมที่เสียหนุ่มให้กับสาวๆหรือไม่ก็แฟนที่รัก หลังจากตื่นเช้าขึ้นมาผมจะจุดซิกการ์แล้วคาบเอาไว้เท่ๆ เวลาที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาผมจะบอกอรุณสวัสดิ์ จะกระซิบแผ่วเบาแล้วบอกกับเธอว่า "อรุณสวัสดิ์ที่รัก" หลังจากนั้นเธอก็จะยิ้มหวานแล้วกระเถิบดูมๆมาที่หน้าอกของผม ซบใบหน้าเนียนๆอยู่ตรงหัวใจ แล้วผมก็จะโอบกอดเธอเอาไว้พร้อมๆกับยิ้มร้ายกาจเหมือนมาเฟียในหนัง...
แม๊! มันเป็นอะไรที่เท่โคตรๆเลยล่ะถ้าสิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริงขึ้นมา อย่างน้อยไอ้การที่ผมเกิดเป็นชายนี่ก็ยังเคยได้ใช้ลำกล้องที่แสดงความเป็นผู้ชายแมนๆละวะ หรือว่าคุณไม่เคยคิด ไม่เคยคิดงั้นหรอ? อย่ามาโกหกหน้าตาย! ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักอยากจะได้แอ้มสาวกันทั้งนั้น ยิ่งขาวๆสวยๆหุ่นบางๆ หน้าอกดูมๆด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความฟินเป็นสิบเท่า แค่คิดนี่ผมก็เคลิ้มไปถึงดาวอังคารแล้วล่ะครับ!
แต่...
มันต้องไม่ใช่แบบนี้...
ไม่ใช่เอาหุ่นหมี ไม่เอาหล่อเท่จนกรูรู้สึกอิจฉา ไม่เอาหน้าอกแบนราบเป็นไม้กระดานแบบนี้...
ฮอล์ลลลลลลลล.....!!!!! นี่ผมทำอะรายลงปายยยยยยยยย!!!!
พ่ออยากจะร้องว๊ากให้ลั่นห้องแต่ด้วยเกรงใจไอ้ห้องข้างๆเลยไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องออกมาสักแอะ นั่งอึน มึน งง ด้วยใบหน้าของคนที่เพิ่งจะตื่นนอนแล้วยังไม่แคะขี้ตาออกมาสักเม็ด หัวฟูๆกับอาการงงงวยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จำได้ว่านั่งคุยกับคริส แล้วไอ้บ้านั่นก็บอกว่าหิว...
ฉ่า....
ย๊ากกกกกกก!!!! ทำไมต้องเห็นภาพตัวเองตอนที่โดนไอ้ตุ๊กตาปีศาจนั่นขย่มด้วยวะ! รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น! แน่นอนว่ามันจะไม่มีวันเปิดเผยออกไปอย่างแน่นอน! คิดแล้วก็เจ็บใจตัวเองไม่น่าโง่หลงไปกับคำพูดที่ดูน่าสงสารนั่นเลยให้ตายสิ! น้ำตาจะไหลขอกระดาษทิชชูด้วยครับ!
มองซ้ายมองขวามองหาไอ้ตัวปัญหาที่ทำลายความแมนของผมให้ย่อยยับป่นปี้ไม่มีเหลือ ประตูหลังถูกศัตรูบุกทะลวงจนแตกพ่ายภายในคืนที่สอง ความเวอร์จิ้นที่เก็บสะสมมานานถูกคาบไปด้วยตุ๊กตาดอลฟี่ของตัวเอง โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ผมนี่แทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีเลยครับ!
ย่นคิ้วชักสีหน้าไม่พอใจตุ๊กตาดอลฟี่ที่นอนนิ่งพิงอยู่บนหมอนนุ่มเคียงข้างผม ราวกับว่าค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้มีกิจกรรมจังหวะร็อกที่โยกซะเตียงเกือบจะพัง เห็นแล้วมันหงุดหงิดเว้ย! กินอิ่มแล้วหลับสบายแบบนี้มันน่าอุ้มขึ้นมาแล้วจับฟัดอีกซักรอบ...
ม๊วฟฟฟฟ!!! "อรุณสวัสดิ์คริส"
สบตาสีครามทะเลของดอลฟี่คริสที่ไม่หือไม่อืออีกเช่นเคยตาปริบๆ
"..."
มันต้องไม่ใช่แบบนี้เซ่! ยังจะมีหน้ามาทักทายกันอีกนะ ผมควรที่จะโกรธเค้าไม่ใช่หรอไหงใจอ่อนกับดอลฟี่อีกแล้ววะ! ไอ้นิสัยเห็นความน่ารักแล้วใจอ่อนนี่มันแก้ไม่หายเลยจริงๆ มองคริสที่แน่นิ่งแล้วถอนลมหายใจอย่างปลงๆ
เฮ้อ! นี่กรูกำลังทำบ้าอะไรตอนเช้าๆแบบนี้วะ เพราะไอ้ดอลฟี่ตัวนี้แท้ๆที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป จากที่เคยนอนตื่นสายตูดโด่งแล้วตะลีตะลานไปมหาลัยกลับกลายมาเป็นว่าผมต้องมานั่งจูจุ๊บอรุณสวัสดิ์ หรือไม่ก็มานั่งคิดบ้าบออยู่คนเดียว...
แต่ปกติก็ทำแบบนี้กับพวกลูลู่อยู่แล้วประจำนี่หว่า...
มองคริสตาปริบๆอีกครั้งหวังว่ามันจะพูดอะไรสักอย่างแม้ว่าจะรู้ดีว่ามันคงไม่มีประโยชน์ในเมื่อไอ้บ้านี่คิดจะเป็นมนุษย์ก็เป็น คิดจะอยู่ในร่างตุ๊กตาก็อย่างหวังว่ากูจะตอบมึง ตกลงมันเป็นตุ๊กตาผีสิง จินนี่ หรือว่าเป็นปีศาจซาตานกันแน่วะ? ผมนี่เดาอารมณ์เขาไม่ถูกเลย แต่ดูเหมือนว่าตัวเองจะโดนหลอกยังไงชอบกล... หรือผมคิดไปเองวะ?
เอ้อ! ช่างเถอะผมว่าผมควรที่จะหยุดคิดเรื่องพวกนี้ซะ แล้วพาร่างกายที่เมื่อยล้า และเหนียวเหนอะหนะเข้าไปอาบน้ำได้แล้ว รู้สึกท้องร้องโครกครากจนต้องคลำท้องป้อยๆ เมื่อวานเย็นแทบจะไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยด้วยมั้ง พอเช้าขึ้นมาน้ำย้อยมันเลยร้องประท้วงอย่างที่เห็น
"เฮ้อ! นิสัยแย่ชะมัดกินอิ่มอยู่คนเดียวแต่ปล่อยให้เจ้านายหิว..." ผมวางคริสเอาไว้บนที่นอนตามเดิมแล้วค่อยๆกระเถิบก้นที่สะโพกรู้สึกปวดระบมลงจากเตียง นิ่วหน้าด้วยความปวดแล้วคล้ำป้อยๆ
ไหงเช้านี้มันเจ็บกว่ารอบที่แล้ววะ! แต่ช่างมันก่อนตอนนี้หิวมากควรอาบน้ำแล้วรีบไปมหาลัยเพื่อหาอะไรกิน แต่เช้าๆแบบนี้ได้นมร้อนๆกับขนมปังปิ้งทาเนยร้านหน้าปากซอยก็ยังดี
"อยากกินขนมปังกับโอวันตินร้อนๆว่ะ แต่ขี้เกียจชิปหาย" บ่นกับตัวเองงึมงำก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระคราบเหงื่อไคลที่เหนียวหนึบ
เพียงเวลาไม่นานผมออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกโล่งสบาย และเบาตัวขึ้นมาก แต่พอเปิดประตูห้องออกมาเท่านั้นผมกลับได้กลิ่นโกโก้ที่อบอวลไปทั้งห้อง ได้กลิ่นขนมปังจนเผลอกลืนน้ำลายอึก รีบเดินไปที่หน้าจอทีวี ที่ๆผมมักใช้เป็นที่ส่วนสำหรับกินข้าวของผมนั่นล่ะครับ ปรากฏเห็นถาดขนมปังปิ้งที่ถูกทาด้วยเนย และแยมหน้าต่างๆ มีเหยือกลายสวยวางไว้ข้างๆ และแก้วโกโก้ที่มีควันขึ้นหอมกรุ่น รู้สึกงงว่ามันมาอยู่นี่ได้ยังไง แต่เมื่อหันไปทางคริสผมนี่แทบไม่ต้องเดา
ยิ้มออกมาบางๆ "ก็เป็นเด็กดีเหมือนกันนี่" ผมชมเขาเบาๆ และรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และกลับมาจัดการกับขนมปังฝีมือของคริสที่เตรียมเอาไว้ ครั้งแรกที่กินเข้าไปผมรับรสที่หอมอร่อยจนซัดไปจนหมด เป็นครั้งแรกที่เคยกินขนมปังที่กรอบแต่ก็นุ่มในแบบนี้มันไม่เหมือนกับขนมปังที่ขายอยู่ตามข้างทาง ไม่คิดว่าคริสจะทำขนมปังพวกนี้เป็น...
จริงสินะแค่ใช้เวทย์มนต์อย่างที่โม้เอาไว้ก็สามารถเสกขนมปังอร่อยๆนี่ได้แล้ว...
ขอพรอย่างนั้นหรอ?
ผมจิบโกโก้อุ่นๆอย่างใช้ความคิด
ที่บอกว่าให้ขอพรแล้วจะทำตามคำขอนี่มันจะเป็นจริงได้อย่างนั้นหรอ? แล้วมันไม่มีข้อแม้หรือกฎเกณฑ์อะไรเลยหรือไง ขนาดจินนี่ยังขอได้แค่สามข้อ แต่คริสกลับคะยั้นคะยอโดยที่ไม่บอกรายละเอียดอะไรเลยแบบนี้มันน่าสงสัยจริงๆ...
แต่ถึงจะสงสัยไปก็คงเปล่าประโยชน์ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนทำให้รู้ว่ามีชีวิตจริงๆ มองอย่างไรก็เป็นแค่ดอลฟี่ธรรมดาเท่านั้น ผมถอนลมหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อย และคิดว่าเย็นนี้อาจจะกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง แต่... ถ้าเกิดถามไปแล้วไอ้บ้าคริสเกิดเล่นลิ้นขึ้นมาอีกล่ะไม่เท่ากับเสียตัวเหมือนเมื่อคืนหรอวะ? แค่ได้ยินคำว่าฉันหิวนี่ก็ขนลุกเกรียวแล้วเว้ย! ไม่เอาดีกว่าคืนนี้จะกลับค่ำๆพอถึงห้องก็แกล้งหลับมันซะเลยถ้าขืนมีอะไรกันติดๆกันนานๆไอ้เต๋าคงเดี้ยงซะก่อน
แล้ว...
ทำไมผมต้องมานั่งคิดกังวลกับเรื่องคืนนี้อีกวะ! ถึงจะบอกว่าหิวนี่ก็จะไม่ให้กินอีกแล้ว ในเมื่อเป็นเจ้านายก็ต้องเชื่อฟังดิ่!
พอๆเลิกๆนั่งอยู่ในห้องนานแล้วฟุ้งซ่าน ลุกขึ้นคว้ากระเป๋า และกุญแจห้องเพื่อเตรียมจะเข้ามหาลัย ไม่วายต้องล่ำลาลูกๆสามตัวที่นั่งอยู่ ช่วงนี้ไม่ได้จูจุ๊บกันเลยเดี๋ยวเด็กๆน้อยใจแย่ ส่วนคริสน่ะหรอ...
ปล่อยให้มันนอนอืดตรงนั้นไปเหอะผมโกรธมัน!
"หน้ามึงโทรมๆนะยังไม่ฟื้นไข้อีกหรอวะ?" ผมปัดมือของไอ้ไก่ที่ชี้นิ้วมาที่หน้าของผม ไอ้ห่า! เสียมารยาทจริงๆมาว่าเต๋าสุดหล่อคนนี้ว่าหน้าโทรมได้ไงวะ
"โทรมตรงไหนวะก็หล่อเหมือนเดิม" ผมว่าพลางรีบๆเดินไปที่ซุ้มหลังจากที่เรียนมาทั้งวันจนหมดคาบเรียนช่วงบ่ายสามกว่าๆ รู้สึกง่วงมากจนอยากจะหลับสักงีบ กะว่าถึงซุ้มแล้วจะปูเสื่อนอนพักสักหน่อย
"ถุ้ย! เออไอ้หล่อ หล่อลากเลยล่ะมึงอ่ะ" น้ำเสียงประชดแถมทับถมด้วยน้ำลาย
"ไอ้สัดไก่!" ผมโบกมันไปทีแต่ดูเหมือนวิทยายุทธ์ของมันจะล้ำหน้าไปอีกก้าวผมเลยโบกเอาลมซะเต็มเหนี่ยว ไอ้เพื่อนเวงมันยังมีหน้ามาหัวเราะ
"อ้าว รับตัวเองไม่ได้อีก โถ ไอ้หล่อลงเบื้อย"
"คะ คุ!" ผมยกนิ้วกลางให้มันด้วยความกวนตรีนที่อยากจะยันก้นปอดๆของมันสักป้าบให้หายโมโห ไอ้ไก่มันลอยหน้าลอยตาแล้วรีบเดินไปที่ซุ้ม ผมซึ่งเห็นกลุ่มคนอยู่ไกลๆคงไม่พ้นเตรียมก๊งเหล้ากันอีกแน่ๆ
"พี่เต๋า!" เสียงไอ้ส้มร้องลั่น แล้วกวักมือเรียกผม สีหน้าระรี้ระริกยกมือไหว้ผมกับไอ้ไก่ก่อนจะทักผมอีกครั้ง "ดีขึ้นเยอะแล้วใช่ไหมพี่"
ผมพยักหน้า "อืมหายแล้วไม่ต้องห่วงพี่หรอก" แล้วก็ยกมือยีหัวมันเบาๆ
"โหยๆๆๆ ไรวะไปเฝ้าไข้คืนเดียวนี่พวกมึงสนิทกันขนาดนี้เลย เห็นทุกทีมึงมาไอ้เป็ดมันจะนั่งเงียบไหงกระดิกหางเหมือนหมาเจอเจ้าของวะ"
"พี่แบคอ่ะ เป็ดเป็นคนนะไม่ใช่หมา" น้ำเสียงงอนใส่ไอ้แบคที่แซวก่อนจะกวักมือเรียกผมให้ไปนั่งข้างๆมันผมเลยเดินเข้าไปหามันสักหน่อย
"อ้าวไอ้เต๋า มึงทิ้งเมียจ๋าอย่างนี้เลยหรอ?" เสียงอีแคทแซวผมจากวงไพ่ที่พวกมันหลายคนกำลังนั่งหน้าเครียดทำสมาธิกันเงียบกริบทั้งวง
"เมียจ๋าบ้านมึงสิอีแคท!" ไอ้ไก่แหวเสียงลั่น ส่วนผมนี่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆใสใส กูซื่อนะบอกตามตรงหันไปทางไอ้ไก่
"เอ้า! เมียจ๋าผัวขอโทษ รีบๆมานั่งข้างๆกูสิไอ้ห่า" ให้มันแซวอยู่ได้เดี๋ยวได้เกิดมวย
"เอ้าฮี้ววววว!" แล้วไอ้พวกวงไพ่ก็เสือกบ้าจี้กวนตีนใส่พวกผมอีก เห็นแล้วมันปวดสมองจริงๆถ้าเป็นเวลาปกติผมอาจจะเดินเข้าไปเตะก้นพวกมันคนละที แต่วันนี้ขอบายครับไม่ไหว ปล่อยให้ไอ้ไก่จัดการ รายนั้นมันเข้าไปโบกไอ้คนที่แซวคนละทีก่อนที่ตัวมันเองนั่นล่ะจนโดนยำด้วยวงไพ่ แต่เล่นกันเอาขำๆครึกครื้นครับไม่ได้เจ็บตัวอะไร ก็แค่โดนจี้เอวให้ขำก๊ากกันทั้งซุ้ม
แม้แต่ผมยังอดขำไม่ได้ครับนั่งมองพวกมันที่เล่นกันอยู่ และหัวเราะแบบสะใจจนพอใจนั่นล่ะถึงจะหันกลับไปทางไอ้ส้มที่สะกิดให้ผมดูอะไรบางอย่างในมือถือ
"หืม เลย์?" ผมหันไปมองไอ้ส้มที่ยิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้าจนเสียวคอจะหลุดแทนมัน
"น่ารักไหม?" ผมส่ายหน้า
"พี่ว่าหล่อมากกว่านะ"
"โหยพี่อ่ะออกจะน่ารัก" ไอ้ส้มมันยู่ปากแล้วสไลด์รูปอื่นให้ดูอีก
"เออใส่เสื้อตัวนี้แล้วน่ารัก" ผมชี้ให้มันดูด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นดอลฟี่ของไอ้ส้มที่ใส่ชุดเหมือนนักเรียนม.ปลายของพวกญี่ปุ่นนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ไอ้ส้มมันเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มตาหยี
"เห็นมะบอกแล้ว อิอิ"
ไอ้อิอิทำไมมันมุ้งมิ้งอย่างนี้วะไอ้ส้มเอ้ย! แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกพี่คิดว่าเอ็งเป็น... ผมขำครืนออกมาเสียงเบาแล้วโยกหัวไอ้ส้มเบาๆก่อนจะตกใจสะดุ้งเฮือก
"ฮรึก! ผัวขาช่วยกูด้วยกูโดนรังแก" ไอ้ห่าไก่มันพุ่งเข้ามากอดผมไว้แล้วแกล้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเจ็บปวด ผมนี่รีบดันหัวมันออกไปด้วยอาการขนลุก
"ไอ้เชี่ยออกไปเลยมึง" ทั้งถีบทั้งยันแม่งยังกวนตีนไม่เลิก ผมเลยประเคนส้นตีนหนักๆไปที่ก้นจนมันร้องอัก! แล้วคลำก้นมันป้อยๆ ไม่พอ ไอ้เพื่อนที่สนับสนุนให้ผมใช้กำลังนี่ยังหัวเราะเยาะไม่เลิก ไอ้ไก่มันก็ยังบ้าจี้ทำหน้างอนใส่ผมแล้วสะบัดตูดไปเล่นเกมเศรษฐีกับพวกพี่ชินกับพี่เดียร์ที่นั่งดวนกันอยู่ แต่อย่าไปสนใจคับมันบ้า!
ผมป้องปากหาววอด และมองหาที่นอนเหมาะๆสักที่ บอกไอ้ส้ม "เดี๋ยวพี่ขอนอนสักงีบก่อนนะเพลียๆ"
"อื้ม! เดี๋ยวส้มปลุกพี่ตอนพี่โอกลับมาจากซื้อข้าวเย็นก็แล้วกัน"
"กินกันอีกละ" ผมบ่น
"แล้วมึงจะแดกไหมล่ะครับ?" ไอ้ห่าแบคที่หูไวรีบหันมาถามผมแบบกวนตรีนในทันที
"แดกสิครับ แต่เดี๋ยวกูขอนอนเอาแรงก่อน" ยักคิ้วกวนมันไปที
ผมเดินอ้อมไปทางวงไพ่แล้วหยิบเสื่อที่ชั้นลงมาปูอยู่ทางด้านหลังของพวกมันนั่นล่ะ ทนเสียงดังเอาหน่อยแต่ก็พอชินดีกว่ากลับไปห้องแล้วนอนไม่หลับเพราะฟุ้งซ่านเรื่องคริส ดีไม่ดีผมอาจจะบ้าตายถ้าเกิดมันกลายร่างเป็นคนอีกครั้ง แค่คิดว่าจะมองหน้ามันยังไงดี หน้าเหน้อผมนี่ก็พาลจะร้อนวาบขึ้นมาเสียทุกครั้ง ทำไมผมต้องทำตัวเป็นสาวน้อยที่เสียสาวด้วยวะไม่เข้าใจเลยให้ตาย!
ผมทิ้งตัวลงนอนบนหมอนอิงที่เมื่อก่อนมันเคยเป็นสีขาวแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีดำพร้อมด้วยกลิ่นสีน้ำมัน น้ำมันสน หรือแม้แต่กลิ่นขี้ฝุ่นก็ตามที่จับอยู่ตามหมอน แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกลับเข้าสู่ในโลกของตัวเองก่อนจะหลับเปลือกตาอันหนักอึ้งลง หวนนึกถึงคริสที่คร่อมร่างผมอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ
โลกนี้มันยังมีสิ่งที่ประหลาดอย่างนั้นอยู่จริงๆน่ะหรอ? ถึงแม้จะเห็นกับตา และเคยคิดว่ามันอาจจะมีอยู่จริงๆ แต่อีกใจก็ยังค้านว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่เฟคขึ้น แต่ด้วย3Dแฟนตาซีทะลุจอออกมาแบบนั้นถ้าไม่เชื่อนี่ก็บ้าเกินไปแล้วล่ะ!
ครั้นเมื่อเปลือกตาที่หนักอึ้งถูกปิดสนิทมีเพียงแค่เสียงป็อกเก้าป็อกแปดเป็นสิ่งที่ขับกล่อม และท่องตัวเลขตามพวกมันไปด้วย พลันจิตภาพของผมกลับเห็นใบหน้าหล่อเหลาของดอลฟี่จอมกวนที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีครามทะเลออกเขียวมรกตนั่นที่จ้องสบตาพาลให้หัวใจเต้นระรัว
ไม่ว่าจะพยายามลบมันออกไปแต่ก็ไม่สามารถที่จะลบมันออกไปได้ เหมือนมันติดตรึงหัวใจเข้าให้แล้ว ไม่เข้าใจทำไมผมถึงได้ติดใจกับคริสนัก นี่ถ้าเป็นคนปรกติอาจจะช็อกตายไม่ก็เป็นบ้าไปแล้ว แต่อย่างว่า... ผมไม่ใช่เจ้านายคนแรกที่เขารับใช้เช่นกัน...
นี่ผมจะถูกกินชีวิตแล้ววิญญาณจะถูกส่งไปหาซาตานที่ว่านั่นหรือเปล่านะ...
'ขอร้องล่ะ... อย่าทำให้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นเพราะเราไม่อยากทำร้ายเจ้านาย'
กระแสเสียงที่ดูเศร้านั่นดูเหมือนเขาไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้าย มิหนำซ้ำยังเคยเป็นบาทหลวงแน่นอนว่าเขาอาจจะเป็นคนที่เคยเมตตาต่อสัตว์โลกที่สุด...
'เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่'
ชิ๊! แต่ผมว่าไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นนิสัยกวนประสาทมากกว่า ขอลบความคิดที่ว่าน่าสงสารเป็นโคตะระกวนทีนดีกว่าไหม?
พอๆเลิกๆ ทำไมต้องมาคิดถึงมันด้วยไม่เข้าใจ ผมควรที่จะพักผ่อนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมคิดว่าผมอาจจะน็อคคารถแล้วกลิ้งลงจากรถเมล์เป็นลูกขนุน...
สายลมเอื่อยๆของฤดูหนาวที่เข้ากระทบร่างทำให้ผมค่อนข้างที่จะหนาวสั่นเล็กน้อย จนต้องขยับวงแขนกอดตัวเองเอาไว้แน่น ยิ่งตกเย็นบรรยากาศก็ยิ่งเป็นใจพร้อมด้วยวงไพ่ที่เริ่มจะดัง และเฮฮาขึ้น
บอกตามตรง...
"ป็อกแปดว่ะสัด!"
ผมนี่ป็อกแปดว่ะสัดเลยว่ะ....
เย้ย! ไม่ใช่ ผมนี่โครตรำคาญเลยว่ะ! ฮ่วย! นี่ก็ยังอุตส่าห์เล่นมุก คิดถูกคิดผิดวะที่มานอนตรงนี้ เมื่อกี้ยังโม้ว่าชินอยู่เลย เอ้อ!
ถอนลมหายใจอย่างปลงๆพยายามข่มใจให้หลับลงให้ได้ ได้ยินเสียงรถมอไซน์ของไอ้พี่เอกที่เข้ามาจอดตรงลานจอดรถ พร้อมด้วยเสียงเหมือนวงไพ่กำลังจะแตก...
เออดี เลิกๆกันมั่งวันๆไม่ทำห่าไร ไม่เล่นไพ่ก็ก๊งเหล้า ไม่ก๊งเหล้าก็คลุกสี ไม่คลุกสีก็หลีสาว ไม่หลีสาวก็....
พอๆ ไอ้เต๋าไอ้บ้า! นี่มึงจะได้หลับสักทีไหม๊ ยิ่งโตสติเริ่มไป ผมนี่เริ่มบ้าก็ตั้งแต่วันที่เจอคริสนั่นล่ะ!
แล้วทำไมต้องโทษมันอีกละวะ!? ว๊ากกกกกกก!!!! ออกไปจากหัวกรูววววววว!!!
ผมนี่นึกถึงเพลงคุกเข่าเลยล่ะครับ...
แต่ไม่ร้องจะดีกว่าผมกลัวรองเท้าหลากเบอร์จะลอยมากระทับใบหน้าของผมเสียมากกว่า เล่นมุกเพลงไปนี่ก็ไม่ดีคับ เดี๋ยวได้เพลงใหม่ที่เข้ากับอารมณ์เดี๋ยวผมค่อยร้องให้พวกคุณฟัง ไม่อยากจะโม้ว่านี่เสียงดีนะครัช! แต่ต้องหลับก่อนนะเดี๋ยวเต๋าจะร้องให้ฟัง เกรงว่าจะเป็นห่วงสุขภาพหูของทุกท่านถ้วนหน้า...
"เต๋าล่ะ ยังไม่หายอีกหรอ?" ได้ยินเสียงพี่โอแว่วๆ
"มันบอกว่าหายแล้ว แต่หน้ามันยังโทรมๆดูเหนื่อยๆอยู่เลย" ไอ้ไก่รายงาน
"เป็ดต้องปลุกพี่เขาไหมอ่ะ"
"ไม่ต้องไม่ให้ดื่มเดี๋ยวเป็นไข้หนัก แค่นี้ก็หยุดเป็นว่าเล่นแล้ว" เสียงพี่โอดูเคืองๆชอบกล แต่ผมไม่สนใจเท่าไรหรอกครับ ตอนนี้คืออยากนอนอย่างเดียวถึงจะเรียกให้ไปก๊งเหล้านี่ก็ไม่ไหวแล้วล่ะ แต่ก็ซึ้งใจว่ะมีรุ่นพี่เป็นห่วงด้วย พี่โอเขาก็ดูเอ็นดูผมดีจริงๆ แต่ไม่ไหวจะลุกขึ้นมาไหว้พี่เขาแล้วล่ะครับ...
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดลงข้างหลังซึ่งผมนอนกอดตัวเอง และตะแคงข้าง เสียงของพวกไอ้แบคกำลังครึกครื้นได้ที่เลยสงสัยกำลังก๊งกันอยู่ ได้กลิ่นหอมๆของเนื้อหมูด้วย โอ้ยยยยยย.... หิวข้าว...
"เป็นยังไงบ้างเต๋า?"
"อืม" ผมครางในลำคอเบาๆเมื่อได้ยินเสียงของพี่โอที่ถามอยู่ใกล้ๆ สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นๆที่จับไปตามเนื้อตัวผมเหมือนสำรวจ แต่ผมไม่มีแรงพอที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นหรอกครับ มันรู้สึกหนัก และง่วงมากจริงๆ
"ตัวร้อนอีกแล้วนะไข้ขึ้นหรือเปล่า?"
ผมเปล่าเป็นอะไร ผมจะนอนค้าบบบบบบ ปล่อยให้ผมนอนเถอะ
รู้สึกเหมือนมีผ้าอุ่นๆห่มไปตามร่างกายทำให้ผมคลายอ้อมกอดได้นิดหน่อยหลังจากที่ทนนอนหนาวมาสักพัก ฝ่ามือใหญ่ๆลูบไปตามกลุ่มผมของผม และได้ยินเสียงลมหายใจที่ทอดถอนยาวๆ
พี่โอบ่นอะไรงึมงำสักอย่าง "ทำไมชอบให้พี่เป็นห่วง พอพี่อยากจะดูแลเราก็ปฏิเสธตลอด รู้ไหมว่ามันเจ็บ..."
พี่เขาบ่นอะไรวะ?
ฝ่ามือหนาที่ผละออกไปพร้อมๆกับได้ยินเสียงพี่โอที่เดินออกไปแล้ว ได้ยินเสียงพี่เขาอีกทีก็ตอนที่คุยกับพวกไอ้ไก่
"พี่ว่าเต๋าไข้ขึ้นอีกแล้วล่ะเดี๋ยวพี่ไปเอารถมารับน้องไปโรงพยาบาลนะ"
"อ้าว! จริงอ่ะพี่ มิน่าล่ะทำไมมันดูซึมๆ"
"เฝ้าเต๋าก่อนก็แล้วกัน แล้วอย่าเพิ่งไปกวนล่ะเดี๋ยวพี่เอารถมารับ"
"ได้ๆๆๆพี่ เดี๋ยวผมดูเอง"
"...."
หลังจากที่ได้ยินเสียงบ่นระงมของไอ้พวกบรรดาเพื่อนๆพร้อมด้วยเสียงรถของพี่โอที่ขับออกไป ดูเหมือนว่าไข้ผมจะกลับมาจริงๆอีกแล้วสินะ... เฮ้อ! นึกว่าจะหายป่วยแล้วแท้ๆดันไข้กลับซะได้ จะหยุดเรียนนี่ก็ไม่ไหวแล้วนะ ผมนี่ก็กลัวว่าจะได้ด็อกหรือไม่ก็เอฟตัวโตมากินจนพุงกางเหมือนกัน ไม่ได้ตะกละขนาดนั้น อย่างน้อยก็ขอซีขึ้นให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ
ได้ยินเสียงไอ้ไก่ที่บ่นไอ้ส้มไม่เลิก "ไอ้เป็ดไหนเอ็งบอกว่าดูแลคนเก่งไง ไหงเพื่อนพี่มันนอนซมอีกล่ะ"
"ก็ส้มเห็นว่าพี่เขาแข็งแรงแล้วจริงๆนี่ เมื่อวานยังไปทำบุญกันมาเลย"
"แล้วทำไมมันเป็นไข้อีกแล้ววะ?"
"เมื่อคืนมันแอบดูหนังโป๊แล้วแฟบหนักป่าววะ?"
แฟบพ่อมึงสิไอ้แบค!
จะด่านี่ก็ไม่มีแรงจะด่ากลับ ได้แต่นอนหลับตาด่ามันอยู่ในใจแบบนี้ เสียงวงเหล้าที่เต็มไปด้วยคำบ่น และคำห่วงใยในตัวผมที่นอนหนาวอยู่ตรงนี้ เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นที่พวกมันกำลังบ่นผม อยู่ๆในซุ้มก็เงียบกริบขึ้นมาเสียดื้อๆเหมือนไม่มีใคร ได้ยินแต่เสียงของถ่านไฟที่ใช้ย่างหมูดังเปรี๊ยะๆ
อะไรวะ? มันเป็นอะไรกันวะ?
กำลังพยายามปรือดวงตาเพื่อที่จะหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น พลันมีเสียงที่คุ้นดังก้องเสียงทุ้มนุ่มหูทำลายบรรยากาศที่เงียบกริบ ผมนี่รีบลืมตาขึ้นพรึบ! ทั้งๆที่ก่อนหน้าแทบจะเปิดเปลือกตาไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ พร้อมๆกับหัวใจที่เต้นระรัว เมื่อได้ยินคำๆหนึ่งที่เอ่ยถามเพื่อนๆผม
"ขอโทษนะครับ พี่เต๋าอยู่ไหมเขาโทรให้ผมมารับกลับห้อง..."
นี่จำได้ว่าไม่มีน้องชาย แถมเป็นลูกคนเดียว แล้ว... ใครกันวะที่แอบอ้าง? แต่ทว่าเสียงนั่นมันไม่ผิดไปจากที่คิดแน่นอน...
"พี่เต๋าผมมารับพี่..."
เฮ้! ผมมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไรหรอครับ!?
............
ช่วงนี้อัพช้าหน่อยนะคะเนื่องจากมหาลัยเปิดเรียนเเล้วจึงไม่มีเวลาขลุกอยูที่หน้าจอ