ความลับที่สิบสอง
“น้องลม แพรจะกลับกี่โมงรู้มั้ยครับ” ผมที่ลอบมองพี่เพลิงอยู่นิ่งๆก็ต้องสะดุ้งเพราะอยู่ๆพี่เพลิงหันมาถามผม ผมทำหน้าเอ๋อออกไปพี่เพลิงเลยถามผมขึ้นอีกครั้ง ผมเลยมองนาฬิกา ตอนนี้สี่โมงครึ่งได้แล้วครับ
“เดี๋ยวก็มาแล้วแหละ” แพรน่ะเดี๋ยวก็มา แต่ไอ้พัดมันหายเนียนเลยครับเรียนพิเศษบ้านมันเรียนทั้งวันเลยรึไงวะ ผมนั่งยุกยิกกดโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย กดไปก็ลอบมองพี่เพลิงไป ยิ่งมองยิ่งหวั่นไหว รู้ว่าไม่ควรก็ยังอยากจะทำต่อ ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วเรียกพี่เพลิงเบาๆเหมือนลองเชิงแต่พี่เพลิงกลับหันมาทันที
“ครับ?” พี่เพลิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ผมเรียกสติตัวเองโดยการหายใจเข้าอีกรอบ
“ลมไม่เข้าใจ ทำไมพี่เพลิงต้องมายุ่งกับลมด้วย” พี่เพลิงนิ่งไปเหมือนเปิดช่องให้ผมพูดต่อ ผมมองหน้าพี่เพลิงอย่างลังเลแล้วจึงตัดสินใจพูดออกมา
“พี่เพลิงก็รู้ว่าลมชอบพี่”
“พี่ก็มายุ่งกับลมอยู่ได้ พี่อะแฟนแพรแล้วลมก็รู้ดีว่ามันไม่ควร แต่พอลมอยากจะออกห่างพี่ก็วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถ้าพี่ไม่เห็นแก่ลมเลยก็เห็นแก่แพรหน่อย อย่าเพิ่งคุยกับลมเลยปล่อยลมบ้าไปคนเดียวเหอะ” ผมกำมือที่วางผมตักตัวเองจนแน่น ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่พูดออกไป ไม่ได้เตรียมใจ ไม่ได้เตรียมคำพูด มันมาจากข้างในที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าว ไม่ได้ ผมจะร้องไห้ไม่ได้นะ
“ใครว่าน้องลมบ้าไปคนเดียวครับ พี่ก็แทบบ้าเหมือนกัน” ผมเงยหน้ามองพี่เพลิงทันที มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ทำไมล่ะ
“ตอนแรกก็คิดว่าแค่สับสนเพราะน้องลมหน้าเหมือนแพร แต่ไม่รู้ทำไมพี่ถึงรู้สึกกับแพรน้อยลงทุกวัน ทั้งทีพี่ยิ่งห่วงน้องลมมากขึ้น”
“พอแล้วลมไม่อยากฟัง” ผมลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันที ผมอยากออกห่างเพราะรู้สึกผิดต่อแพร ไม่ได้อยากมารับฟังอะไรแบบนี้หรอกนะครับ แต่พี่เพลิงจับมือผมไว้ผมถอนหายใจออกมายาวๆ
“ปล่อย” แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พี่เพลิงยังคงจับแขนผมไว้แน่น มันต้องขึ้นเป็นรอยแดงอีกแน่ ผมชักแขนกลับแรงๆแล้วก็ไม่เป็นผลอยู่ดี น้ำใสๆเริ่มเอ่อคลอพร้อมจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อ
“ถ้าพี่บอกว่า พี่จะไม่ยอมปล่อยน้องลมล่ะครับ” ผมหันกลับไปมองค้อนพี่เพลิงทันที แต่พี่เพลิงกลับยิ้มอย่างน่าสมเพช
“แล้วพี่จะปล่อยแพรรึไง!!” ผมหลุดปากขึ้นเสียงใส่ไปพี่เพลิงผงะไปเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยพี่เพลิงก็กลับมาทำสีหน้าแบบเดิม
“ก็ถ้ามัน..”
“ทำไมพี่เห็นแก่ตัวแบบนี้วะ!!” ผมสะบัดแขนอย่างแรงจนมันหลุดจากการเกาะกุมของพี่เพลิง
“แล้วคิดว่าพี่อยากทำมากหรือไงครับ อะไรที่มันฝืนความรู้สึกสักวันมันก็ต้องทำตามความรู้สึกอยู่ดี”พี่เพลิงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอยู่ตรงหน้าผม ฝืนหรอ? ผมเหยียดยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก พูดเหมือนดีนะครับ เหอะ
“แต่ลมไม่ทำแน่ เพราะความรู้สึกของลมคือจะไม่ทำให้แพรเสียใจ” ผมเดินหนีออกมาแต่คำพูดของพี่เพลิงทำให้ผมสะอึกและหยุดเดิน
“แล้วคิดว่าที่น้องลมทำอยู่มันดีมากหรือไง” สีหน้าพี่เพลิงดูจริงจังมากขึ้น ผมเม้มปากแน่นที่โดนจี้จุดไปเต็มๆ ใช่ครับสิ่งที่ผมทำอยู่ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด ผมกำลังโกหกและปิดบังความรู้สึกทั้งหมดที่มีไม่ให้แพรรู้ แต่ถ้าโกหกแล้วทำให้แพรสบายใจมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรสักหน่อย
“พี่เพลิงต้องการอะไรจากลมวะ”
“อย่างน้อยพี่ก็ไม่โกหกตัวเองแล้วกันครับ” ผมกัดฟันแน่นถามก็ไม่ตอบแถมยังพูดเหมือนกับจิกกัดผมอีก เสียงรถที่เข้ามาทำให้ผมจิ๊ปากแล้วเดินหนีขึ้นห้อง ผมไม่น่าพูดอะไรออกไปเลยครับ เสียความรู้สึกมากทุกอย่างมันไม่ง่ายและไม่เป็นไปตามที่ผมคิดเลยสักนิด ผมเดินกระทืบเท้าเสียงดังขึ้นบันไดพอเข้าในห้องได้เท่านั้นแหละครับผมปัดกองหนังสือลงกับพื้นอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์
“แม่งเอ๊ย!!”
………………………………………………………………………………………
ผมนั่งทำหน้านิ่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีแม่ แพร พัด และพี่เพลิง ผมโกรธและเกลียดตัวเองที่ไม่กล้าสบตาพี่เพลิง บรรยากาศบนโต๊ะดูจะมาคุอยู่ไม่น้อย
“เพลิงกับลมเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะเนี่ยทำหน้าเครียดเชียว” แม่ทักขึ้นทำให้ผมละสายตาจากการเขี่ยข้าวบนจานอาหารขึ้นมองหน้าพี่เพลิง พี่เพลิงหันไปส่ายหน้ากับแม่
“น้องดื้อนิดหน่อยครับ พูดกันไม่รู้เรื่อง” ประโยคแรกพูดกับแม่แต่ประโยคหลังหันมาพูดกับผม พูดไม่รู้เรื่องอะไรวะอย่างพี่เพลิงจะไปทำอะไรได้ แบบนั้นมันร่วมมือกันหักหลังแพรโดยใช้ความรู้สึกที่มันไม่ควรเกิดมาเป็นข้ออ้างชัดๆ
“ลมอิ่มแล้ว” ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากโต๊ะอาหารทันที ไอ้พัดแม่งก็เดินตามผมมาครับ
“เมาหน่อยมั้ยวันนี้” ไอ้พัดมันตบบ่าผมแล้วเดินขึ้นบันไดแซงหน้าไป
“ก็ดีว่ะ”
แล้วผมก็นั่งกระดกเบียร์กระป๋องอยู่กับมันสองคนบนห้อง ครั้งแรกที่พัดมันจะชวนผมก่อนนะครับ มันวิ่งขึ้นไปหยิบตังแล้วก็เดินไปซื้อมาจากร้านใกล้ๆบ้าน มันขนมาซะเยอะเลยครับ แต่เวลานี้ผมคิดว่ากินหมดแน่นอน ผมมองลอดผ่านกระป๋องเห็นไอ้พัดแม่งกระดกเอาๆเลยครับพรุ่งนี้มันก็มีเรียนเหมือนผมไม่ใช่หรือไง แต่ตอนนี้ผมก็ใช่ย่อยครับหลายกระป๋องอยู่เหมือนกันรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างเมากับไม่เมาครับ มันมึนๆงงๆ
ผมรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาเลยลุกขึ้นยืนแล้วเดินดุ่มๆออกมานอกห้อง พอผมปิดประตูห้องเท่านั้นแหละนึกได้เลยครับ ห้องน้ำในห้องก็มี!!! จะออกมาทำไม!!! ผมยืนเกาหัวแกรกๆอยู่หน้าห้องด้วยความมึน
“ลม แพรคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
“แต่ลมปวดฉี่อ่ะแป็บนึงนะแพร” ผมวิ่งเข้าไปจนหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ เพราะผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
แพรจะคุยอะไรกับผม?
เอาเถอะตอนนี้ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า เมื่อผมเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็เจอแพรยืนอยู่หน้าห้องพอดีครับผมเลิกคิ้วอย่างสงสัยแพรก็ยื่นหน้าไปทางเก้าอี้ผมก็เลยเดินไปนั่ง มึนหัวอยากจะอ้วกครับ ผมกินครั้งล่าสุดก็ตอนพี่เอิร์ธเลยนะครับ นานอยู่เหมือนกัน
“ลม ฟังแพรนะ” แพรทำหน้าเคร่งเครียดจริงจังทันทีที่นั่งลงข้างผมทำเอาหัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ
“แม่จะกลับมาอยู่บ้านนี้” ผมระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งพร้อมมองไปยังห้องที่เคยว่างแต่ในตอนนี้มีแสงไฟลอดออกมาจากช่องด้านล่างประตู
“มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ”
“แม่แค่อยากกลับมาหาเราเฉยๆ ทำไมลมต้องทำใจร้ายแบบนี้ล่ะ” กลับมาตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยหรอครับ หายไปจนไอ้พัดมันโตเป็นควายแล้วเนี่ย
“แล้วแต่แพรแล้วกัน” ผมขมวดคิ้วแน่นด้วยความหงุดหงิดแต่ยังพยายามควบคุมเสียงไม่ให้อารมณ์ไม่ดีใส่แพร
“จริงๆแพรอยากถามอีกเรื่องแต่แพรไม่รู้จะเริ่มยังไง” แพนก้มหน้าลงมองมือตัวเองแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผม เหงื่อผมผุดขึ้นมาบนกรอบหน้าอย่างช่วยไม่ได้ผมเริ่มอยู่ไม่นิ่งใช้ความพยายามอย่างมากที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้
“พี่เพลิงกับลมทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า แพรถามพี่เพลิงพี่เพลิงก็ไม่พูดอะไรเลย”
“เปล่า ลมดื้อเองไม่มีอะไรหรอก”
“แผลนี้หรือเปล่า ไปทำอะไรมา”
“ล้มอยู่หน้าบ้านเนี่ย” ผมส่งยิ้มแหยะๆไปให้แพรอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“ลมรู้มั้ย เดี๋ยวนี้พี่เพลิงเปลี่ยนไปมากเลย ถามว่ายังดูแลแพรเหมือนเดิมไหม ก็เหมือนเดิมนะ แต่แพรรู้สึกเหมือนเป็นได้แค่น้องสาวมากกว่า แพรต้องเตรียมใจไหมเนี่ย” ผมนั่งนิ่งรับฟังสิ่งที่แพรพูด แพรหันมายิ้มให้ผมแต่แววตาไม่ได้ยิ้มตามเลยสักนิด ผมเม้มปากแน่น
“คิดไปเองมั้ง อย่าไปคิดมาก” ผมกลั้นใจพูดออกไปแพรกลับส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจพร้อมยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ไม่หรอก แพรรู้สึกเหมือนพี่เพลิงกำลังลังเลกับอะไรสักอย่าง” ผมก้มหน้าลงมองขาตัวเองอย่างไม่รู้จะตอบอะไร ผมรู้ครับว่าแพรแค่อยากจะพูดเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมหรอก
“พี่เพลิงได้พูดอะไรกับลมบ้างไหม” ผมส่ายหน้าพรืดทันทีที่แพรถาม
“ไม่ได้พูด จะให้พูดอะไร”
“ตอบเหมือนกันเลยเนอะ” ตอบเหมือนกัน? แพรหมายถึงผมกับพี่เพลิงหรอครับ? แพรต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ยิ่งมึนอยู่นิดๆยิ่งคิดอะไรไม่ออกใหญ่เลยครับรู้แต่ว่าแพรต้องรู้อะไรมาแน่ ไม่ได้การแล้ว ผมลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แล้วก็ต้องเซไปเล็กน้อยเพราะความมึน แพรเลยลุกขึ้นช่วยพยุงผมไว้พร้อมส่ายหน้าอย่างระอา
“ลมไปนอนดีกว่า” ผมดันแพรออกเบาๆแล้วแสร้งเดินเซเข้ามาในห้องแพรก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่บอกฝันดีกับผมเหมือนทุกครั้ง
“พี่ลมจะนอนเลย ไม่อาบน้ำหน่อยหรอ” ไอ้พัดเงยหน้าถามผมที่กำลังมุดตัวอยู่ในผ้าห่มบนเตียง
“อือ ขี้เกียจ มึงก็รีบปิดไฟนอน” ผมพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นแล้วก็ซุกตัวกับผ้าห่ม ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ผมหลับทั้งที่ในหัวยังคงมีแต่เรื่องมากมายที่ยังไม่ถูกเรียบเรียง
...
ตอนนี้ผมเรียนเสร็จแล้วครับ นั่งเป็นหมาหงอยอยู่คนเดียวใต้ตึกเพราะถึงออกไปตอนนี้ก็ไม่มีรถเมล์ผ่านมาอยู่ดี แล้วก็ก่อนเข้าบ้านผมกะว่าจะไปซื้อหนังสือมาอ่านเล่นสักเล่ม ถึงอาทิตย์หน้าจะสอบแล้วก็เถอะครับขอผมอู้นิดนึงนะ ผมอยากจะหลุดเข้าไปในโลกของหนังสือและทิ้งโลกที่น่าเบื่อเอาไว้ ผมไม่อยากจะคิดอะไรให้มันปวดหัว เรื่องพี่เพลิงเรื่องแพรเป็นเรื่องที่ทำให้ผมลำบากใจจริงๆ ความรู้สึกข้างในมันห้ามไม่ได้หรอกครับ ผมไม่อยากจะคิดถึงมากเท่าไหร่มันก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวผมเสมอ
เมื่อเช้าผมลงมาจากห้องก็เจอแม่ที่กำลังนั่งทานอาหาร ดูจากการแต่งตัวของแม่ทำให้ผมนึกออกว่าแม่เป็นเลขาให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่รักแม่หมดหัวใจ และแน่นอนว่าไม่ใช่พ่อของผม ผมไม่อยากนั่งกับแม่เลยเดินหนีออกมาเลยแต่แม่ก็ยังเห็นผมอยู่ดี แม่ยิ้มให้แล้วถามว่าให้ไปส่งหรือเปล่าแต่ผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรหรอกครับ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แค่ผมไม่ได้สนิทกับท่านถึงขนาดจะอ้อนหรือพูดคุยด้วยแค่นั้นเอง
ทำอะไรอยู่ครับ
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่โทรศัพท์ผมสั่นครืดอยู่ในมือเลยหยิบออกมาดูก็เห็นข้อความของพี่เอิร์ธผมยิ้มแล้วพิมพ์ตอบไป
นั่งเฉยๆ
พี่เอิร์ธอ่ะ?
ยังอยู่ในมอหรอ ไปหาอะไรกินกันป่าว
พี่เลี้ยงครับ
ผมเม้มปากอย่างชั่งใจเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรต่อดี ผมจะเชื่อใจพี่เอิร์ธได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้มันยังไม่มืดค่ำอะไรสักหน่อยแล้วผมก็อยากได้หนังสือมาอ่านเล่นแล้วก็อยากกินฟรีด้วยครับเลยพิมพ์ตอบไปทันที
อือ ลมอยากไปซื้อหนังสือด้วย
แล้วตอนนี้เราอยู่ไหน
ใต้ตึกคณะครับเพ่
ผมนั่งรอไม่นานพี่เอิร์ธก็เดินมาในชุดเสื้อช็อปเลยครับ ผมยิ้มให้พี่เอิร์ธก็ยิ้มตอบกลับมา รู้สึกได้ครับว่าบรรยากาศรอบตัวพี่เอิร์ธไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนนั้นแล้วนั่นทำให้ผมพอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ผมกำลังเดินตามพี่เอิร์ธต้อยๆเพื่อไปที่รถ พอเข้ามานั่งได้ผมก็หลุกหลิกจนพี่เอิร์ธคงสังเกตเห็นเลยหัวเราะออกมา ผมก้มหน้างุดแทบจะซุกกับขากางเกงเพราะเสียงหัวเราะของพี่เอิร์ธ
“นี่ไปซื้อหนังสือก่อนหรือเปล่า” เราเข้ามาเดินในห้างสักพักแล้วครับเพื่อวนหาอะไรกินแต่คนก็แน่นมันแทบทุกร้านเลยครับ เดินวนจากชั้นล่างขึ้นชั้นหกจนเริ่มปวดขาหน่วงๆแผลที่หกล้ม
“พี่เอิร์ธหิวไหมล่ะ ตามใจคนเลี้ยงนะ” ผมฉีกยิ้มออกมาพี่เอิร์ธก็ขยี้หัวผม ให้ตายเถอะผู้ชายสองคนมาเดินขยี้หัวกันคนนอกเขาไม่มองว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันหรอกนะ ผมทำหน้ายู่แสร้งไม่พอใจ
“งั้นพี่เอาร้านนี้”
“ขอชิมหน่อยดิ” ผมพูดขึ้นหลังจากอาหารที่สั่งมาวางบนโต๊ะได้สักพักครับแล้วเคยเป็นไหมครับพอสั่งมาแล้วของตัวเองมันดูไม่น่าอร่อยเท่าของคนอื่นน่ะครับ
“เอาเลย” พี่เอิร์ธวางช้อนและส้อมลงผมยิ้มเผล้ออกมาทันทีครับ ผมจึงหยิบส้อมลงไปม้วนเส้นในจานของพี่เอิร์ธเข้าปาก นั่นไงบอกแล้วว่าของผมสู้ไม่ได้เลยเหอะ
“เป็นไง”
“ไม่รู้รสอ่ะ ขออีกคำ” พี่เอิร์ธหลุดยิ้มออกมาเลยครับ ผมม้วนเส้นขึ้นเอาเข้าปากอีกรอบแล้วยิ้มทะเล้นออกไป แต่พอเหลือบไปเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะผมก็หุบยิ้มลงทันที ค่อนข้างจะไกลครับแต่ผมเหลือบไปเห็นพอดีด้วยสิ อยู่แถวข้างๆผมแต่อยู่โต๊ะริมข้างในร้าน ส่วนผมค่อนมาทางหน้าร้าน ที่ผมหุบยิ้มก็เพราะคนที่ผมเห็นน่ะพี่เพลิง!
คนที่นั่งหันหลังอยู่เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวดีคนหนึ่งและผมคิดว่าไม่ใช่แพร แต่พี่เพลิงอยู่ในชุดสูททำงานผมเดาว่าอาจจะคุยงานกันก็ได้ ผมมองปฏิกิริยาของทั้งคู่จนสบตากับพี่เพลิง ตกใจครับผมตกใจลนลานเบี่ยงตัวหนีทคุยงานกันก็ได้ ผมมองปฏิกิริยาของทั้งคู่จนสบตากับพี่เพลิง ตกใจครับผมตกใจลนลานเบี่ยงสายตาหนีทันที ไม่รู้ว่าพี่เพลิงมองเห็นผมหรือเปล่าแต่ผมอยากออกไปจากร้านนี้แล้วครับ
“เป็นอะไร” พี่เอิร์ธทำหน้าสงสัยใส่ผมแล้วก็ทำท่าเหมือนจะหันไปมองด้านหลังผมเลยพูดขัดขึ้นมาก่อน
“เปล่าาา อย่าลืมเลี้ยงนะพี่เอิร์ธ” ผมพูดออกมาเสียงแผ่ว แล้วอมยิ้มออกมา
“คร้าบบบเอ้ากิน”
……………………………………………………………..
“ฮะ? พี่เอิร์ธกลับมออีกหรอ?” ผมถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปร้านหนังสือ
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ผมส่ายหน้าพรืดครับเพราะพี่เอิร์ธบอกว่าจะกลับไปทำงานที่ค้างไว้อีกเลยคิดว่าไม่รบกวนจะดีกว่า
“พี่กลับไปทำงานเหอะ ลมเลือกหนังสือนานนะเดี๋ยวทำงานไปทันห้ามมาโทษลมด้วย” พี่เอิร์ธยกมือเกาหัวแกรกๆผมยิ้มออกมาแล้วเดินดักข้างหน้า
“ไว้วันหลังก็ได้ครับ เดี๋ยวงานไม่เสร็จนะ”
“โอเคครับ กลับบ้านดีๆนะ” ผมพยักหน้างึกงักตอบรับ พี่เอิร์ธลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมเดินออกไป ทีนี้ผมจะได้ไปเลือกซื้อหนังสือเงียบๆคนเดียวสักทีเนอะ
“ร่ำลากันพอหรือยังครับ” ผมหันหลังกลับไปทันทีที่มีเสียงอยู่ด้านหลัง แล้วผมก็รู้ว่าใคร
“สวัสดีครับพี่เพลิง” ผมแสร้งยิ้มออกไปด้วยสีหน้าที่พยายามทำให้ปกติที่สุด
“เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านไหมครับ? จะได้ไม่ต้องมาแรดแถวนี้” ผมขมวดคิ้วแน่นกับคำพูดของพี่เพลิงอีกครั้งแล้วนะที่พูดคำที่มันไม่น่าออกมาจากปากคนอย่างเขา จะบอกว่าพี่เพลิงหึงผมที่อยู่กับพี่เอิร์ธพี่เพลิงก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าผมแบบนี้อยู่ดี ด่าผมทั้งแรดทั้งง่ายมันน่าต่อยให้เลือดกบปาก
“แล้วลมจะไปแรดที่บ้านทำไมล่ะ?อยู่มอดีกว่าผู้ชายเยอะดี ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ผมฉีกยิ้มออกมาบางเบาพร้อมเลิกคิ้วขึ้นให้ดูเหนือกว่าทั้งที่คำพูดมันทำให้ผมดูแย่ลงแท้ๆ แต่ก็นะ สะใจดีเหมือนกัน
“พี่ไม่คิดเลยว่าน้องลมจะเป็นแบบนี้”
“ลมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่จะเป็นแบบนี้!” ผมตะโกนตอกกลับไปอย่างรวดเร็ว พี่เพลิงยกมือขึ้นกดตรงหว่างคิ้วพร้อมถอนหายใจออกมาแรงๆ
“โอเค ขอโทษครับพี่โมโหไปหน่อย เดี๋ยวพี่พาไปส่งบ้านดีกว่า” ผมพรั่งพรูผมหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“ลมจะซื้อหนังสือ”
“แต่พี่จะคุยอะไรด้วยหน่อย…เรื่องแพร” ผมลังเลนิดหน่อยกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมเดินตามพี่เพลิงเหมือนเดิม
“แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่” ผมถามขึ้นหลังจากที่อยู่ในรถแล้ว
“คุยงานครับ” ผมแสร้งทำเป็นพยักหน้ารับรู้ไปงั้นแหละ จริงๆผมแค่หาอะไรคุยกันเงียบเฉยๆ
“แล้วที่บอกจะคุยกับลม?”ผมถามต่อพี่เพลิงก็หันกลับมามองหน้าผม
“แพรเหมือนจะรู้ว่าเราเป็นยังไงกัน แต่แพรไม่พูดอะไรออกมาเลย พี่อึดอัด” แน่นอนว่าผมเข้าใจครับเพราะผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าแพรก็รู้อะไรบางอย่างอยู่แต่กลับเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาตรงๆ แต่กำลังรวบรวมเรื่องราวผ่านการถามจากผมหรือพี่เพลิง หรือจริงๆแล้วแพรไม่อยากโวยวายขึ้นมาเพราะกลัวว่าจะต้องเลิกกับพี่เพลิง? ผมก็คิดไกลจริงจริ๊ง
“แล้วพี่เพลิงจะทำยังไง” ผมเลิกคิ้วถาม
“แล้วแพรต้องการเรื่องจริงจากพี่หรืออะไรล่ะครับ” ผมขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่สบอารมณ์กับคำตอบ
“ถ้าแพรรู้เรื่องทุกอย่างแล้วรับไม่ได้ขึ้นมาลมจะมองหน้าแพรติดหรอ”
“พี่ก็ไม่คิดว่าพี่จะกล้ามองหน้าแพรเหมือนทุกวันนี้หรอกครับ”
“พี่ว่าพี่จะบอกกับแพรตรงๆเพราะเหมือนแพรกำลังให้เวลาพี่ตัดสินใจอยู่” ผมจิ๊ปากออกมาอย่างขัดใจ แพรอยากฟังความจริงจากปากพวกผมก็จริง แต่ความจริงที่มันไม่น่าฟังแบบนี้มันควรบอกแพรจริงๆหรอ
“ลมเป็นแฝดแพรนะ ลมไม่อยากทำให้แพรเสียใจ”
“ถ้าไม่มีเรื่องของเราพี่ก็อาจจะไปกับแพรไม่รอดอยู่แล้วก็ได้” ผมขมวดคิ้วเงยหน้ามองพี่เพลิงด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมพี่เพลิงพูดแบบนี้วะ”
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแล้วล่ะ”
“ลมว่าเรื่องมันไม่ควรมาถึงขั้นนี้เลย พี่กลับไปเป็นคนเดิมให้ลมบ้าไปเองไม่ได้หรอ” ผมพูดเสียงแผ่วแล้วก็ต้องตกใจเพราะพี่เพลิงปาดรถเข้าข้างทางอย่างรวดเร็วแล้วหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น
ผมกะจะหันไปด่าแต่ใบหน้าที่เข้ามาใกล้ทำให้ผมหยุด ผมอยากจะขัดขืนแต่มันยากเหลือเกิน ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแต่กลับทำให้ผมอ่อนยวบเหมือนเวทมนตร์ ผมยกมือขึ้นคล้องคอพี่เพลิงเพื่อให้หน้าของเราแนบชิดกันมากขึ้น ไม่รู้ว่าพี่เพลิงปรับเบาะให้นอนลงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็โดนจูบนานจนพี่เพลิงแทบจะคร่อมผมไว้ทั้งตัว
“อื้อ..” ผมส่งเสียงประท้วงออกมาแผ่วเบาเพราะจังหวะจูบที่รุนแรงแทบจะไม่ปล่อยให้ผมหายใจ เมื่อพี่เพลิงผละออกไปผมเลยใช้โอกาสนั้นกอบโกยอากาศอย่างหมดแรง แต่กลายเป็นว่าผมเปิดโอกาสให้พี่เพลิงรุกล้ำลำคอของผมจนได้ พี่เพลิงเลื่อนใบหน้าคมเข้ามาใกล้หูผม จมูกเป็นสันไล่เกลี่ยไปทั่วแก้มอย่างได้ใจ สุดท้ายก็กระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาแต่กลับดังในหัวผม
“น้องลมทำให้พี่หลงเองนะครับ คนเดิมอะไรพี่เป็นไม่ได้หรอก”
“แต่เชื่อที่พี่พูดแล้วทุกอย่างจะดีเอง เชื่อพี่นะครับ เด็กดื้อ”
____________________________________________________________
เชื่อพี่แล้วจะดีเองงงงงงงงง

มีแต่เรื่องวุ่นเป็นอุปสรรคในการอัพค่ะ ปวดใจ555555
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ ทุกๆข้อความคือกำลังใจของเราเสมอเลยค่ะ รักทุกคนเยยย
