ความลับที่สิบเอ็ด
"พี่เพลิง..."
"พี่คิดว่าลมทำหน้าที่น้องดีพอรึยัง" ผมหลุบตาลงมองพื้น จริงๆแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้หรอกครับ ผมก็แค่กลัวตัวเองแล้วก็เบี่ยงประเด็นไปเรื่อย
"ดีแล้วล่ะครับ" พี่เพลิงยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาแต่ความรู้สึกดีๆมันเอ่อล้นออกมาชัดเจนจนผมแทบบ้า ผมปัดมือพี่เพลิงออกทันทีแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผมปัดแรงมากครับจนเสียงดังเลย พี่เพลิงก็ตกใจไปไม่แพ้กันผมลนลานขอโทษพี่เพลิงซ้ำๆ
"พี่รู้สึกแปลกๆเวลาอยู่กับน้องลม น้องลมรู้ตัวมั้ยครับว่าทำตัวให้น่าเป็นห่วงแค่ไหน" เหอะ ผมก็เป็นแบบนี้ของผมอยู่แล้วจะมาห่วงผมทำไม แต่น่าแปลกที่ตัวผมมีปฏิกิริยาต่อคำว่าห่วงของพี่เพลิง
"ห่วงแพรก่อนเถอะ ลมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
"นั่นสิครับ... น้องลม" ผมร้องออกมาเบาๆเพราะพี่เพลิงเรียกชื่อผม แล้วอยู่ๆพี่เพลิงก็กางแขนออกทั้งสองข้าง ผมได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ
"กอดหน่อย" ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแต่ขาสองข้างไม่ได้ไปตามสีหน้าผมเลยสักนิดมันกำลังพาร่างของผมเข้าไปใกล้จนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากตัวพี่เพลิง ผมหลับตาแน่นทันทีที่พี่เพลิงกอด พร้อมพูดเสียงอู้อี้ออกมาอย่างยากลำบาก
"กอดลมก็เหมือนกอดแพร" ผมหลับตาแน่นไม่ยอมให้แสงอะไรก็ตามมันลอดเข้ามา อ้อมกอดที่รัดแน่นของพี่เพลิงมันแน่นมากแต่ก็ไม่ได้อึดอัด ไม่ได้ร้อนแต่กลับอบอุ่น ผมรู้สึกเหมือนมีคนกำลังบีบหัวใจผมไว้จนแน่น ผมรู้ดีว่าผมสามารถทำตัวปกติกับพี่เพลิงได้จริงๆ
ผมอยากให้พี่เพลิงออกไปจากกชีวิตผม แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะพี่เพลิงเป็นคนรักของแพร แต่ผมขอ ขอรับกอดนี้ไว้ก่อนได้มั้ย…?
ตึกตัก ตึกตัก
……………………………………………………………………
วันนี้เป็นวันที่พี่เพลิงจะพาแพรไปแนะนำกับพ่อแม่พี่เพลิงครับ แพรออกจากโรงพยาบาลได้หลายวันแล้วครับผมก็ใช้ชีวิตปกติกันเหมือนทุกวัน ตั้งแต่วันนั้นมาผมไม่ได้คุยกับพี่เพลิงอีกเลยครับ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง ผมทำถูกแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย แต่เวลาอยู่กับแพรผมก็คุยปกตินะครับไม่อยากให้แพรสงสัยอะไร แต่เมื่อวานนี้พี่เพลิงก็อาศัยช่วงที่แพรไม่อยู่ถามผมว่าเป็นอะไร ผมเดินหนีออกมาเลยครับดูพี่เพลิงจะหงุดหงิดไม่น้อย
“ดูซิแพรเจออะไร” ผมกับไอ้พัดที่นั่งอยู่บนโซฟามองแพรที่เดินลงมาจากชั้นบนทันทีครับ ที่อยู่ในมือแพรคือวิกผมสีน้ำตาลเข้มผมร้องอ๋อเบาๆ แพรเคยซื้อมาให้ผมใส่เล่นตั้งแต่ม.ไหนก็ไม่รู้ครับ ใส่แล้วตลกดีเวลามองกระจก มองด้านไหนตีลังกามองนอนมองยืนมองมันก็แพรชัดๆ
“ลมใส่หน่อย คิดถึงอ่ะ” แพรเอามายัดบนหัวผมครับ ผมไม่ค่อยชอบเพราะมันคันหัวคันตัวยังไงก็ไม่รู้แต่ก็ยอมแพรครับทำอะไรทำเลย แพรดูพอใจในผลงานตัวเองมากครับ
“พี่ลมสวยว่ะสวยกว่าพี่แพรอีก มีหน้าม้าด้วย” ไอ้พัดอ้าปากหมาๆของมันพูดขึ้น มันมีหน้าม้าเพราะมันเป็นทรงแบบแพรเมื่อก่อนครับแต่ตอนนี้แพรไว้ยาวแล้ว แพรลูบจัดทรงให้เสร็จศัพท์เลยครับผมกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย
“ลมคันหัวมากเลยแพรเอาออก…เฮ้ย!” แพรยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปผมครับ ผมกำลังงอแงให้เอาออกอยู่ถึงกับชะงัก โดนเล่นทีเผลออีกแล้วววววว
“เหมือนมองรูปตัวเองโดนแอบถ่ายเลยว่ะ” แพรเกาหัวพร้อมกดลบรูปไปด้วย ผมหัวเราะออกมาอย่างนึกสนุกแต่เสียงรถที่ดังเข้ามาในบ้านทำให้ผมหุบยิ้มทันที
“พี่เพลิงงงงงง” แพรร้องเรียกพี่เพลิงทันทีที่มีเสียงเปิดประตูและเสียงเหมือนคนกำลังเดินเข้ามา ผมก็แค่ต้องนิ่งเฉยเหมือนทุกที
“ไปเลยรึเปล่าครับ” แพรส่ายหน้าดิ๊กๆพร้อมยิ้มออกมา
“แพรขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” ผมมองตามแพรที่เดินดุ่มๆขึ้นบันไดไป ดูแพรก็ตื่นเต้นไม่น้อยครับ แต่พ่อแม่พี่เพลิงเนี่ยน่ารักทั้งคู่เลยครับ พี่เพลิงคงอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นน่าดูเลยครับ ทั้งชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่แล้วมั้งครับ
“หน้าหวานมากเลยครับน้องลม” ดราม่าจนลืมไปว่ายังไม่ได้ถอดวิกครับ ผมดึงออกจากหัวผมทันทีแล้วโยนใส่หัวไอ้พัดแทน มันบ่นด่าผมแล้วก็เดินถือวิกไปที่อื่น สงสัยจะไปคืนแพรครับ
“น้องลมเป็นอะไรรึเปล่าครับ” พี่เพลิงทิ้งตัวลงนั่งโซฟาด้านเล็กที่อยู่ข้างๆผม ผมหันไปมองแล้วก็หันกลับมามองทีวีต่อ
“เป็นอะไรคืออะไร”
“อย่ากวนพี่ได้มั้ย ช่วงนี้ทำไมไม่คุยกับพี่เลยครับ” ผมตวัดหางตามองพิ่เพลิงแบบรำคาญ
“ลมมีเหตุผลของลมน่า พี่เพลิงอยู่เฉยๆเหอะ”
“ก็แล้วทำไมต้องเมินพี่ล่ะครับ”
“ลมไม่ได้เมิน!” พี่เพลิงก็เป็นแบบนี้ เวลาที่อยู่กับสองคนก็ชอบถามประโยคเดิมๆจนผมเบื่อ ทำไมไม่ดูสถาการณ์เอาบ้างล่ะ
“ลม.. พี่เพลิง.. มีอะไรกันหรอ?” ผมสะบัดหน้าหนีทันทีครับ อู้หู้ววว แพรแต่งตัวได้น่ารักมากเลยครับ จริงๆแล้วปกติแพรใส่อะไรก็สวยนะครับ แต่พอลุกขึ้นมาแต่งจริงจังเนี่ยนางฟ้าชัดๆ แพรแต่งตัวเก่งรู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไรมันทำให้แพรดูดีในแบบของแพรครับ
“เปล่าครับ” พี่เพลิงส่ายหน้าปฏิเสธ ผมก็ยักไหล่ตาม
“สองคนนี้ชอบมีความลับกับแพรอ่ะ” แพรพูดแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมกับพี่เพลิง ผมลอบมองท่าทางพี่เพลิงทันทีแต่มันกลับปกติทุกอย่าง
“ไปกันแพรเดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกินด้วย” พี่เพลิงยันตัวลุกขึ้นแล้วเอามือปัดไรผมแพรออกเบาๆ ผมมองตาแป๋วเลยครับพอแพรเห็นสาตาผมก็เขินหน้าแดงเลย
“ลมกินอะไรมั้ย”
“ไม่ต้องซื้อมาเผื่อนะลมไปนอนบ้านพีท” ใช่ครับ ผมเลือกที่จะหนีโดยการไปอยู่กับเพื่อนสุดที่รักอย่างไอ้พีทครับแต่ผมไม่ได้บอกมันเลยว่าผมจะไปนอนด้วยสักพัก แต่บอกไม่บอกมันก็นอนได้อยู่ดี เอาเป็นว่าผมไปเซอร์ไพรซ์มันดีกว่าครับ
“ไม่เห็นบอกแพรเลย” แพรทำหน้าดุใส่ผมอีกแล้วครับ ผมก็ยิ้มแป้นใส่พร้อมโบกมือไล่แพรออกไปจนแพรส่ายหน้าอย่างเอือมระอาครับ
“พี่เพลิงดูแลแพรดีๆด้วย แพรมันตื่นเต้น” ผมยิ้มตาปิดเลยครับที่ได้ทำให้แพรอาย โธ่ แพรตื่นเต้นจริงๆนะครับคงกลัวจากอะไรหลายๆอย่าง
“ลม!!” แพรตะโกนชื่อผมเสียงดังพร้อมโบกมือบนอากาศเหมือนจะตีผม ผมก็โบกมือไล่จนพี่เพลิงจับมือแพรเดินออกไป ผมยิ้มออกมาอย่างว่างเปล่า
…………………………………………………………………………….
“แม่ครับ พีทอยู่มั้ย”
ผมยืนชะโงกหน้าอยู่บ้านรั้วบ้านอยู่นานสองนานครับ ไม่กล้าตะโกนเรียกแม่พีท จนในที่สุดแม่มันก็เห็นผมครับผมเลยได้เข้ามาในบ้านสักที แม่น่ารักมากนะครับพอรู้ว่าพ่อกับแม่ผมเลิกกันและไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วแม่พีทก็คะยั้นคะยอให้ผมเรียกท่านว่าแม่อยู่เสมอ
“พีทอยู่ข้างบนน่ะลูก เป็นไงบ้างสบายดีมั้ย” แม่จับผมพลิกไปมาซ้ายทีขวาที พร้อมยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูผม ท่านเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากๆครับ ทั้งใจดีทั้งอบอุ่น ผมอยากจะแย่งแม่มาจากไอ้พีทจริงๆนะครับเนี่ย
“สบายดีครับ แม่สบายดีมั้ย วันนี้ลมขอฝากท้องกับแม่ด้วยน้า” ผมเข้าไปกอดอ้อนแทบจะเลียแข้งเลียขาแล้วครับแม่เลยหัวเราะออกมาพร้อมดึงตัวผมออก
“แม่ต้องไปซื้อของมาจัดหนักมื้อเย็นแล้วนะเนี่ย” แม่พูดไปหัวเราะไปครับ
“แล้วพ่อล่ะครับ” ปกติพ่อมันจะนั่งดูทีวีอยู่ด้านนอกไม่ก็นั่งทำงานอยู่ตรงสวนแต่วันนี้ผมไม่เห็นเลยครับ
“พ่อไปสิงคโปร์ลูก แม่อยู่กับเจ้าพีทเหงาแย่แล้ว อ้อ เดี๋ยวแม่ออกไปซื้อของมาเตรียมกับข้าวดีกว่า อย่าเพิ่งหนีไปนะลูก” แม่เดินดุ๊กดิ๊กออกไปขี่รถมอเตอร์ไซค์คันเล็กคู่ใจ คราวนี้ผมไปเซอร์ไพรซ์ไอ้พีทดีกว่าครับ
ผมค่อยๆแง้มประตูห้องมันเพื่อมองข้างใน ห้องมันรกมากครับสภาพเหมือนมีระเบิดข้อสอบลง กองชีทกองกระดาษวาดและโมเดลเกลื่อนไปหมด ผมค่อยๆใช้เท้าเขี่ยบรรดากองขยะออกแล้วย่องเข้าไปเงียบๆ มันนอนอยู่บนเตียงครับ ผมยืนนึกแผนปลุกมันแต่นึกไม่ออกเลยโดดขึ้นไปนอนกอดมันบนเตียงจนแน่น
“พี่พีทขาาาา น้องลมมาแล้วค่า” ผมกอดมันทั้งตัวเลยครับขาก็ยังยกก่ายเอวมัน มันเริ่มกระดิกตัวแล้วครับนั่นทำให้ผมรัดแน่นกว่าเดิม
แล้วผมก็ต้องตกใจแทบช็อคครับเพราะมันม้วนตัวอีท่าไหนไม่รู้จนคร่อมผมไว้ทั้งตัว ตามันยังไม่ลืมเลยด้วยซ้ำครับแม่งยังมีแรงดันตัวไม่ให้หน้าชิดกันอีก ถ้าคนที่เข้ามาไม่ใช่ผมจะทำยังไงวะเนี่ยน่ากลัวชิบหายเลยครับ ผมแกะแขนมันออกข้างนึงแล้วผลักมันให้นอนไปด้านหลัง ตัวแม่งหนักยังกับช้างครับ
“มึงปลุกกูดีๆก็ได้มั้ง” มันขยี้ตาไปมา ผมพลิกตัวนอนตะแคงหามันทันทีแล้วมองมันด้วยตาใสปิ๊ง
“กูตกใจหมดไอ้ห่า” ประโยคนี้ผมสมควรเป็นคนพูดมากกว่ารึเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันเนี่ยผมคงคิดว่ามันจะปล้ำผมแล้วครับ ให้ตายสิ คนเมาว่าไร้สติแล้วคนเพิ่งตื่นน่ะไม่มีสติยิ่งกว่าครับ
“กูตกใจกว่ามึงอีกอยู่ดีๆมาทับกู” ผมบ่นอุบอิบพร้อมก้มลงเก็บเศษขยะข้างเตียงขึ้นมา
“ทำไมห้องรกแบบนี้วะ” ผมลุกขึ้นยืนเก็บของและชีทที่หล่นอยู่เต็มห้องขึ้นมาทีละใบ เป็นเพื่อนที่ประเสริฐมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ อิอิ เห็นกระดาษวาดบางใบก็ต้องหยุดดูหลายครั้งครับ มันสวยดี เด็กบริหารอย่างผมไม่มีทางออกแบบได้หรอกครับ
“มึงไม่ต้องเดี๋ยวกูเก็บเอง” มันดึงชีทออกจากมือผมแล้วก็ผลักผมให้นั่งลงบนเตียงก่อนจะรวบชีทขึ้นมามั่วๆ ยัดไว้ในเก๊ะและชั้นหนังสือครับ ซกมกจริงๆเพื่อนใครวะ
ผมนั่งมองมันเก็บของส่งๆแล้วเอือมครับถ้าผมเป็นแม่มันนี่ด่าตายแน่ แต่แม่มันใจดีครับ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ พี่เอิร์ธน่ารักดีครับ อ้อ ผมได้บอกไปรึยังครับว่าพี่เอิร์ธเขาทักไลน์ผมมาน่ะ แรกๆไม่กล้าตอบอะไรมากครับพอไม่กี่วันมานี้ทำเอาผมติดโทรศัพท์หนักกว่าเดิมเยอะเลยครับ ผมดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่เสียคนที่รักผมไป
“ยิ้มอะไรวะ” มันนั่งลงข้างผมแล้วดึงโทรศัพท์ผมไปอ่านเฉยเลยครับ แต่ผมไม่ได้หวงหรือซีเรียสอะไร มันหรือใครจะอ่านก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
“พี่เอิร์ธตลกดี ลองอ่านดูดิ” มันเงยหน้ามองผมทันที งงล่ะสิ
“คุยกับพี่เอิร์ธตั้งแต่เมื่อไหร่?” กะแล้วครับว่ามันต้องดุผม มันทำสีหน้ายังกับจะกินผมเลยครับ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมมันไม่ชอบพี่เอิร์ธแต่คงเห็นผมไม่ชอบเลยไม่ชอบตามมั้งครับเดี๋ยวมันก็คงหายไปเอง
“ไม่นานแหละ” ผมยิ้มออกมาบางเบา
“จะคบกันรึไง” แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเพราะเสียงไม่สบอารมณ์ของมัน ทำไมต้องมาอารมณ์เสียใส่ผมด้วยเนี่ย มันชอบพี่เอิร์ธรึไงวะทำมาหวง เอ๊ะ รึมันชอบผม ขนลุกเลยครับให้ตายสิ
“เปล่า คุยเฉยๆ” ผมใช้น้ำเสียงปกติครับเพราะผมยังอารมณ์ดีอยู่แม้ว่ามันจะมองผมตาขวาง บ้าน่า นี่มันชอบพี่เอิร์ธจริงๆรึไงวะ
“มึงชอบให้ความหวังไปเรื่อย” ผมทำหน้ายู่ใส่มัน พี่เอิร์ธกับผมตกลงกันแล้วครับว่าผมจะคุยด้วยก็ต่อเมื่อพี่เอิร์ธไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ก็อย่างว่าล่ะครับตกลงแค่ในไลน์ ตัวจริงผมก็แค่ไม่คุยด้วยเท่านั้นเอง ง่ายจะตายไป
“พีท ลมลูก กินข้าวกันเร็ว มาลูกมา” แม่เปิดประตูห้องเข้ามาขัดครับ ผมยิ้มตาหยีเลยครับคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่มากเลยครับไม่ได้มาเล่นบ้านมันตั้งแต่ขึ้นมหาลัยมาแล้ว นานเหมือนกันนะเนี่ย
………………………………………………………………………………
หงุดหงิดครับ พอผมลงไปกินข้าวเสร็จแล้วแพรก็โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ให้ผมกลับบ้านด้วยเพราะแม่จะมาหา เหอะ แม่ไม่ได้สนใจอะไรผมอยู่แล้วครับ แม่รักแค่แพรจริงๆถึงผมไปก็ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากเดิม แม่ก็มาให้เงินเหมือนเดิม พาไปซื้อของแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีพวกผม ก็ยังดีที่แม่ยังไม่ลืมว่ามีลูก ส่วนพ่อน่ะหรอครับ เป็นตายร้ายดียังไงผมก็ไม่รู้หรอก แต่เงินในบัญชีที่เพิ่มทุกๆเดือนทำให้รู้ว่าพ่อผมยังอยู่บนโลกใบนี้
แต่เอาเถอะ จริงๆแล้วครอบครัวผมเหมือนจะสมบูรณ์แบบนะครับ ผมรู้แค่ว่าพวกเขามีหน้าที่การงานดีกันทั้งคู่แต่ด้วยหน้าที่การงานนี่แหละครับทำให้คนสองคนที่เคยรักกันต้องห่างกัน และทิ้งพวกผมให้อยู่กันเองโดยที่หาทุกสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้ ดีจริงๆครับดีเหลือเกิน
“เป็นอะไรวะมึง” พีทพูดพร้อมโยนผ้าเช็ดตัวให้ผม ผมเงยหน้าขึ้นมองมันทันที มันอยู่ในชุดนอนแล้วครับ จะว่าไปมันก็มืดแล้วด้วย ผมนั่งมึนมานานเหมือนกันนะเนี่ย
“พรุ่งนี้แม่มา มึงไปบ้านกูเป็นเพื่อนหน่อยดิ” มันทำหน้าลังเลแว๊บนึงแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจครับ
“ไปสิ แต่ตอนนี้มึงไปอาบน้ำก่อน” ผมพยักหน้ายิ้มๆให้มันแล้วเดินไปรื้อหาเสื้อผ้าในกระเป๋าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำแบบมึนๆ แม่เตรียมแปรงเตรียมครีมอาบน้ำอะไรไว้ให้ผมพร้อมเลยครับ อิจฉามันจริงๆที่มีแม่น่ารักแบบนี้ ครีมอาบน้ำหอมมากๆด้วยครับ แต่จริงๆแล้วผมใช้สบู่ธรรมดาก็ได้นะ แต่ไหนแม่เตรียมให้แล้วก็ใช้สักหน่อย
…………………………………………………………………….
ผมนอนไม่หลับครับ ดิ้นยุกยิกไปมาบนเตียงจนตอนนี้คงเที่ยงคืนกว่าแล้ว มั้งครับ ผมก็มองไม่เห็นหรอก แต่ตาผมเนี่ยแป๋วเลยครับ นอนกระพริบตาปริบๆมองมันที่นอนตะแคงหันหลังอยู่เห็นแล้วหมั่นไส้ครับเลยเอานิ้วลากบนหลังมันอย่างแผ่วเบา เป็นคำว่าอะไรน่ะหรอครับไม่บอกหรอก เป็นคำหยาบคายครับเยาวชนไม่ควรรับรู้ ผมหัวเราะให้กับคำที่ผมเขียนแล้วก็ต้องสะดุ้งครับอยู่ๆไอ้พีทแม่งจับมือผม รู้สึกเหมือนเจอผีเลยแม่งเอ๊ย มันพลิกตัวหันมาตะแคงหันหน้าเข้าหาผม
“ทำไมไม่นอน”
“กลิ่นมันไม่ใช่” มันส่งเสียงคำว่าอะไรนะออกมาเบาๆผมเลยพูดทวนประโยคอีกครั้ง มันคือเรื่องจริงครับผมเชื่อว่าทุกคนก็เป็นห้องนอนหรือเตียงนอนแต่ละคนเนี่ยมันมีกลิ่นเฉพาะนะครับ แต่มันไม่เชิงกลิ่นเหม็นหรือหอมหรอกมันเป็นกลิ่นที่คุ้นชินทำให้หลับสบายน่ะครับ หรือว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนเดียวเนี่ย
“นอนได้แล้ว”
“มึงเพิ่งนอนจะง่วงอะไรนักหนา” ผมพูดตามความจริงครับ เมื่อเย็นมันเพิ่งนอนไปแท้ๆ
“เมื่อคืนกูไม่ได้นอนเลย”
“มึง..กูรู้สึกดีกับคนๆนึงอยู่ กูไม่รู้ว่ากูคิดไปเองรึเปล่า… แต่กูว่าเขาก็รู้สึกดีกับกูเหมือนกัน” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ มันยิ้มออกมาทันทีที่ผมเริ่มพูด
“แต่กูจะเลิกชอบเขาว่ะ”
“ถ้ามันเลิกง่ายขนาดนั้นกูคงไม่ทรมานแบบนี้หรอก” ผมยักคิ้วทำหน้ากวนตีนใส่มันมันก็ผลักหัวผมจนหงายราบไปกับเตียงเลยครับ
“ร้องเพลงให้ฟังหน่อย” ผมยิ้มเพราะนึกอะไรขึ้นได้ เห็นอย่างนี้ไอ้พีทมันเคยเป็นนักร้องนำตอนม.ปลายนะครับเพื่อนผมธรรมดาที่ไหน
“ไม่เอา กูง่วง” มันทำท่าจะหลับไปอีกครั้ง ผมก็งอแงครางอิ้งๆเหมือนหมาพร้อมตะกุยหน้ามันครับ มันส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วค่อยๆฮัมเพลงออกมาเบาๆผมหลับตาลงเพราะเสียงนุ่มของมันแต่พอรับรู้ถึงเนื้อเพลงก็ต้องลืมตาขึ้นมามองมันอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อไหร่จะมองตรงนี้…. คนที่อยู่ข้างเธอ”
“เขาก็แค่เพิ่งเจอ รักฉันนะเธอได้ไหม….”
“มึง..” ผมพูดได้แค่นี้แล้วมันก็หันหน้าหนีไปอีกทาง มันทิ้งให้ผมสับสนว่ามันก็แค่ร้องเพลงที่มันเคยร้องในงานโรงเรียนครั้งนั้น หรือว่าจริงๆแล้วมันมีความหมายมากกว่านั้น ผมไม่เข้าใจจริงๆไม่ได้โกหก ผมทั้งกลัวและตกใจ หวังว่ามันคงไม่ใช่ที่ผมคิดหรอก ผมก็คิดมั่วไปเรื่อย
“นอนได้แล้ว” มันพูดเสียงอู้อี้ใส่ผมเลยหัวเราะออกมา ผมพลิกตัวนอนหันหลังจนหลังผมแนบกับหลังมัน
“แต่ก็รู้ว่าฉัน… คงถามได้แค่ในใจ”
“เพราะไม่กล้าเสี่ยง และไม่พร้อมที่จะเสี่ยง กลัวเธอ…. จะเปลี่ยนไป”
ผมร้องจนจบท่อนแล้วหลับตาลงฝืนนอนในที่ๆไม่คุ้น ผมไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด เหมือนจะรู้อะไรแต่ก็ทำเป็นไม่รู้ คิดแล้วปวดหัวครับนอนดีกว่า
…………………………………………………………………………
“ลมมาหาแม่หน่อยลูก” ผมกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย ก็ไอ้พีทน่ะสิครับสุดท้ายเพื่อนมันก็นัดไปทำงาน ผมก็ต้องมาคนเดียวเพียวๆเลยครับ ไอ้พัดก็หนีไปเรียนพิเศษกับตัวหอม ในบ้านนี้ก็เหลือแม่ แพร และพี่เพลิง
“หวัดดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้แบบขอไปทีแล้วเดินหนีขึ้นห้องมาเลยครับ
“ลูกคนนี้หนิใช้ไม่ได้เลย”
“เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ”
“น้องลม” ผมผงกหัวขึ้นมองแล้วก็ล้มตัวนอนเหมือนเดิมครับ ต้องบ่นให้พี่เอิร์ธฟังครับ เผาเพื่อนเลยทีเดียว แล้วเนี่ย.. พี่เพลิงจะมาวุ่นวายอะไรกับผมนักหนาก็ไม่รู้
“ครับ?” ผมตอบด้วยน้ำเสียงปกติแต่ไม่ได้มองหน้าพี่เพลิง
“ทำไมไม่ไปหาคุณแม่” ผมถอนหายใจออกมาทันทีที่พี่เพลิงพูดจบ
“เบื่อ” เบื่อจริงๆนะครับ เชื่อเถอะเดี๋ยวแม่ก็จะชวนแพรไปซื้อของกันและไม่ทันจะได้กินข้าวเย็นก็คงกลับไปเหมือนเดิม เหมือนทุกๆครั้ง ผมไม่เคยไปซื้อของกับแม่เลยสักครั้งแล้วก็ไม่อยากไปด้วยครับ
“เออ แล้วที่พาแพรไปแนะนำเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับ พ่อแม่พี่รับรู้แล้ว”
“ลงไปหาแม่เถอะครับน้องลม”
“ไม่”
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้ครับ” พี่เพลิงพูดพร้อมส่ายหน้าไปมา ผมดีดตัวขึ้นนั่งมองพี่เพลิงทันที
“ไม่ได้โดนหาว่าเป็นเด็กแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย” ผมฉีกยิ้มออกมาให้เหมือนว่าผมดีใจ
“พ่อแม่เขารักลูกเท่ากันอยู่แล้วครับน้องลม” ผมเกลียด เกลียดที่พี่เพลิงชอบทำเหมือนเดาใจผมออกอยู่เสมอ ทำไมต้องทำเหมือนรู้ไปหมดทุกเรื่อง ผมคงแสดงออกมาเกินไปจริงๆล่ะมั้ง
“ไม่ใช่กับแม่แล้วกัน”
“อย่าไปคิดแบบนั้นสิครับ” พี่เพลิงยกมือขึ้นลูบหัวผม ผมช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่เพลิงแล้วเบี่ยงสายตาหลบทันที พี่เพลิงไม่เคยเข้าใจสถานการณ์เลยจริงๆให้ตายสิ
“ลม…. พี่เพลิง?” แพรเปิดประตูเข้ามาพี่เพลิงก็รีบดึงมือออกทันทีครับ ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามให้แพร
“แพรจะไปซื้อของกับแม่ลมไปมั้ย?” กะแล้วว่าต้องไปซื้อของผมส่ายหน้าพรืดเลยครับ แพรก็เงยหน้ามองพี่เพลิงนิ่งผมไม่รู้ว่าแพรคิดอะไรอยู่หรอก
“พี่ขับรถให้มั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากไปกับแม่ แต่…ลมไม่ไปจริงๆหรอ?” ผมส่ายหน้าซ้ำอีกครั้งแพรก็ทำหน้าดุใส่ผมกลัวซะทีไหนครับ ก็เหมือนมันตัวเองทำหน้าดุแค่นั้นแหละ ตลกจะตาย
“งั้นแพรไปนะคะ พี่เพลิง” แพรโบกมือไปมาอยู่หน้าประตู
“ไม่ให้พี่ไปส่งจริงๆหรอ”
“ไม่เป็นไรค่า ซื้อของแบบผู้หญิงๆพี่เพลิงจะไม่สนุกนะคะ”
“ขับรถดีๆนะครับ” แพรตอบรับแล้วก็ปิดประตูเสียงดัง สักพักก็มีเสียงสตาร์ทรถจากข้างล่างทำให้ผมรับรู้ว่าทั้งบ้านเหลือแค่ผมกับพี่เพลิงแล้วจริงๆ
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปข้างล่างดีกว่าครับ” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีที่พี่เพลิงออกไป ล้มตัวนอนกายหน้าผากบนเตียงอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก แย่ ผมกำลังอาการแย่ขึ้นทุกวัน
……………………………………………………………..
“ไม่เอา! พี่เพลิงอย่ามายุ่ง!” ผมดีดดิ้นทันทีที่พี่เพลิงลากผมเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างแผลครับ
ทำไมอยู่ในสภาพนี้น่ะหรอครับ? มีแมวที่ไหนไม่รู้มันเข้ามาในบ้าน น่ารักมากๆเลยครับแต่มันวิ่งหนีผมเร็วมากและด้วยความที่ผมตอบไลน์พี่เอิร์ธไปวิ่งไปความควายจึงบังเกิดครับ ผมสะดุดขาตัวเองโค้งแบบพาลาโบล่ามือยังคงไม่ยอมให้โทรศัพท์ตกพื้นเข่าเลยถลอกเละเลยครับ มันท่าจับกบชัดๆ และจากความตกใจกลัวไอโฟนสุดที่รักจะลงไปคลุกดินบนพื้นเลยร้องออกมาเสียงดัง พี่เพลิงเลยลากผมมาล้างแผลแบบนี้แหละครับ
“แสบนิดเดียวเองครับ โตขนาดนี้แล้วจะกลัวอะไร” พี่เพลิงแม่งจับข้อเท้าผมแน่นเลยครับ แถมยังก้มลงปัดเศษดินข้างๆแผลออกด้วยครับ ผมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว กลัวจะโดนแผลครับ ฮือ
“มาลองเป็นมั้ยล่ะ” ทันทีที่น้ำเย็นๆโดนเข่าผมมันชาไปทั้งตัวเลยครับ ผมเม้มปากเน้นกลั้นเสียง มันปวดหนึบแล้วก็ตึงมากเลยครับ
“แผลแค่นี้พี่ไม่เจ็บหรอกครับ” พี่เพลิงใช้ผ้าขนหนูซับเบาๆตรงแผล ผมมองด้วยสีหน้าเหยเก เลือดยังออกอยู่เลยครับให้ตายสิ แมวบ้าทีหลังอย่าให้เห็นมาอีกนะจะเมินใส่ให้ดูเลย
“ไปไหนอีก!” พี่เพลิงดึงตัวผมให้ไปตามแรง ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจที่ความรู้สึกแสบๆตึงๆยังไม่หายทำให้ผมเดินอย่างยากลำบากตามแรงดึง พี่เพลิงพาผมมานั่งอยู่ตรงโซฟาผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วก็ต้องร้องยี้ออกมาเพราะกล่องพยาบาลที่วางตรงหน้า
“ยาครับ จะทาเองรึให้พี่ทาให้”
“ลมทาเอง” ผมไม่เคยทำยาแบบนี้เลยให้ตายสิครับ แพรยังไม่เคยมาบังคับผมด้วยสายตาขนาดนี้เลย ผมค่อยๆเหยาะไอ้น้ำสีน้ำตาลเหมือนเหยาะแม็กกี้
“ไม่ใช่ครับ..” พี่เพลิงลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นทำให้ผมตกใจไปนิดหน่อยนั่งเกร็งเองอัตโนมัติเลยครับ รู้สึกแปลกๆขึ้นมาเมื่อได้มองพี่เพลิงที่กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยนแบบที่ชอบทำกับแพร…
“เอาแอลกอฮอล์เช็ดรอบแผลก่อนนะ” พี่เพลิงเทแอลกอฮอล์ลงบนสำลี กลิ่นมันทำให้ผมกลัวครับไม่ชอบเลย ผมยกมือขึ้นกัดเล็บระบายความเสียว เสียวในที่นี้คือแสบครับ กลัวมันโดนแผล จริงๆแล้วพี่เพลิงควรให้ผมทำเองมากกว่านะ แต่เห็นหน้าพี่เพลิงที่ค่อยๆบรรจงเช็ดแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนักหรอก
“โอ้ย! แสบ!” นั่งดูเพลินจนไม่รู้ว่าพี่เพลิงเปลี่ยนเป็นไอ้สีน้ำตาลๆนั่นแล้วครับ ไอ้เบตาดีนน่ะ แสบมากเลยครับ เลือดผมยังซิบๆอยู่ด้วยซ้ำ พี่เพลิงหลุดหัวเราะออกมาทันทีครับ ผมมองหน้ามุ่ยดึงมือพี่เพลิงออกพี่เพลิงก็เลิกคิ้วมองผม
“เดี๋ยวลมทาเองพี่เพลิงไปไหนก็ไปไป๊” ผมหลับตาข้างนึงเม้มปากแล้วทาอย่างกล้าๆกลัวๆ ตึงมากเลยครับ
“แล้วจะให้พี่ไปไหนครับ”
“ไปนู้น ไปไหนก็ได้ กลับบ้านไปเลยยยยย” ผมพยักเพยิดไปทางประตูบ้าน
“พี่ไม่ไปหรอก พี่รู้สึกเหมือนไม่ได้คุยกับน้องลมคนนี้มานานแล้ว” ผมวางสำลีลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้ามองพี่เพลิงที่ขึ้นมานั่งอยู่ข้างผม
“นานตรงไหน”
“น้องลมก็รู้ดีครับ”
ผมจิ๊ปากออกมาทันที จะทำให้ผมเกลียดไปถึงไหน เกลียด… ผมเกลียดพี่เพลิงจริงๆนะครับ แต่ความเกลียดมันน่าหวั่นไหวขนาดนี้เลยหรอวะ ผมมองหน้าพี่เพลิงนิ่ง แย่ ผมนี่มันแย่ที่สุดเลยไม่เคยทำอะไรให้มันดีขึ้นได้เลย
ถามว่าผมรู้ตัวไหมว่าผมกำลังทำเรื่องแย่ๆอยู่ จริงๆผมรู้ แต่ผมมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่ทำตามใจตัวเองแค่นั้นเอง…
แล้วผมควรทำยังไงต่อดีครับ
ผมควรคุยกับพี่เพลิงไปตรงๆเลยหรือเปล่า...
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปั่นยิกค่าาาา สูบพลังงานไปแทบจะหมดเลยค่ะตอนนี้
ขอบคุณทุกๆข้อความทุกๆกำลังใจที่มีให้กันนะคะ รักทุกคนเลยน้าาา มาหอมแก้มทีเร๊วว