บทที่10
“แน่นใจนะว่าเก็บคนเดียวไหว”ตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ที่โรงจอดรถข้างบ้านที่เมื่อคืนมีเพียงแค่แค็ปติวาแค่คนเดียวจอด แต่พอเช้ามากลับมี BMคันหรูจอดอยู่ข้างๆด้วยอีกคัน
“ไหวน่าของไม่เยอะอะไร ว่าแต่ของของคุณถูกส่งมาด้วยหรือยัง”ผมถามเพราะก่อนหน้านี้เห็นเขาบอกว่าเขาอยู่ที่บ้านอีกหลังที่เป็นของครอบครัวเขาแต่ไม่มีใครอยู่นอกจากเจ้าตัว ได้ยินว่าครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศหมด
“อืม น่าจะมาครบแล้ว แล้วก็ห้องของน้องจีผมให้คนจัดไว้ทั้งหมดแล้วเหลือก็แค่เอาข้าวของเข้าไปไว้”เขาว่าก่อนจะก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา น้องจีเองที่ไม่เคยเห็นคุณพ่อในมาดใส่สูทหรูหราเต็มที่ก็ดูจะถูกใจไม่น้อย เพราะเจ้าตัวเอาแต่ชมว่าคุณพ่อเทห์อย่างนั้นอย่างนี้ไม่ขาดปาก
“ห้องน้องจี?”ผมถามเพราะไม่ค่อยเข้าใจความหมาย
“อืม ลูกกำลังโตควรมีห้องส่วนตัวเองได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวจะติดแม่มากกว่านี้”เขาให้เหตุผล ความจริงผมก็คิดเรื่องห้องน้องจีไว้เหมือนกันนะ แต่เพราะที่บ้านที่เชียงใหม่มีแค่สองห้องนอนเท่านั้นซึ่งห้องหนึ่งก็คือห้องของพ่อแม่ผม และอีกห้องก็คือห้องที่ผมนอนกับน้องจี ตอนแรกก็กะไว้ว่าพอน้องจีอายุครบ5ขวบแล้วจะต่อเติมบ้านเพื่อให้มีห้องของน้องจี
“อืม แล้วห้องของผมล่ะ”ผมถามบ้างเพราะผมเห็นชั้นสองมีประตูห้องอยู่สามบานก็คิดว่าอีกห้องคงเป็นห้องของผม แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสเดินดูเท่าไหร่
“ก็ห้องที่เรานอนไง”เขาว่าก่อนจะหันไปหอมแก้มน้องจีอย่างหมั่นเขี้ยว
“คิคิๆ”เจ้าตัวเล็กกูดูจะชอบใจไม่น้อย
“แล้วห้องคุณล่ะ”ผมถามเพราะถ้าเมื่อคืนห้องนั้นเป็นของผมอีกห้องคงเป็นของเขา”เก็บกวาดหรือยังผมจะได้เอาไปทำให้ก่อน”ก็เกรงใจ เพราะยังไงเงินซื้อบ้านก็เป็นเงินเขา
“ก็ห้องเดียวกันกับเอฟแหละ มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องแยกห้องกัน?”เขาพูดอย่างประหลาดใจ
“ก็เรา..”
“เป็นผัวเมียกันนอนแยกห้องกัน คิดว่าลูกจะคิดยังไง อีกห้องของชั้นสองผมให้จัดเป็นห้องทำงานและห้องหนังสือ”พูดเวอร์ไปน้องจีเพิ่ง4ขวบจะไปคิดอะไร
“น้องจีมาหาแม่ครับ คุณพ่อหนูจะไปทำงานแล้วบ๊ายๆก่อน”
“พ่อจะกลับมาหาน้องจีใช่ไหมฮะ”เด็กน้อยทำเสียงเศร้าเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปด้วย เล่นเอาผมน้ำตาคลอเลย น้องจีคงกลัวว่าเขาจะไม่กลับ คงกลัวที่จะต้องอยู่โดยไม่มีคุณพ่ออีกครั้ง
“กลับซิครับ เดี๋ยวเที่ยวพ่อมารับไปกินข้าวนะ อยู่บ้านอย่าดื้อช่วยแม่เก็บของดูนะ”เขาเอาฝามือใหญ่วางไว้บนกลุ่มผมนุ่มของน้องจีพร้อมขยี้ไปมา
“ฮะ”เจ้าตัวยิ้มร่าอย่างชอบใจเมื่อได้ยินว่าพ่อจะมาหาอีกครั้ง
“ไม่ช่วยป่วนก็ดีแล้ว”ผมพูดอย่างหมั้นเขี้ยวก่อนจะฟัดแก้มน้องจีแรงๆ
“คิคิคิ”
“พี่ไปก่อนนะเดี๋ยวตอนเที่ยวมารับ”
จุฟ
พูดจบเขาก็ก้มลงมาจุฟเบาๆที่ริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ มารู้ตัวอีกที BMคันนั้นก็ขับออกเลยรั้วบ้านไปแล้ว
“บู้ๆ น้องจีอย่างให้พ่อจุฟบ้าง”เจ้าตัวเล็กแสนงอนดึงปากตัวเองไปมา
“555ไปเจ้าตัวยุ่งช่วยแม่เก็บของดีกว่า เดี๋ยวเที่ยงคุณพ่อมา เก็บของไม่เสร็จอดไปกับคุณพ่อนะ”
ผมใช้เวลาช่วงเช้าในการเก็บของเข้าที่ทั้งหมดโดยมีเจ้าตัวยุ่งช่วยวิ่งรอบๆให้กำลังใจแทนการช่วยเก็บ หลังจากวิ่งจนเหนื่อยเจ้าตัวก็หลับอย่างง่ายดายอีกครั้ง
ที่จริงบ้านหลังนี้ก็ดูจะสะอาดเรียบร้อยอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดอะไรอีกมากมาย
ผมปลุกน้องจีให้เตรียมตัวอาบน้ำเพื่อมารอคุณพ่อของเขาที่จะมารับในตอนเที่ยง
“เยเย่ๆ น้องจีอยากไปเที่ยวๆ”เจ้าตัวน้อยที่แต่งตัวเสร็จโดดเด้งไปมาอย่างดีใจบนโซฟาหน้าทีวีตัวใหญ่
“น้องจีนั่งดีๆครับ เดี๋ยวหล่น”ผมเตือนในขนาดที่ตัวผมเองก็กำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก
เราสองคนแม่ลูกนั่งรอเวลาเที่ยง เพราะเหมือนว่าผมเองจะตื่นเต้นตามลูกไปหน่อยก็เลยเตรียมตัวเร็วไปนิด
“แม่ฮะ เมื่อไหร่พ่อจะมา”ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยวครึ่งแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของคนเป็นพ่อที่สัญญาจะมารับ
“เดี๋ยวก็มาครับ หนูหิวไหม กินนมก่อนไหม”ผมถามพร้อมหันไปหยิบขวดนมของน้องจี(น้องจียังติดขวดนมอยู่)
น้องจีพยักหน้ารับก่อนที่จะดูดนม ตาก็จ้องมองไปแต่ประตูบ้านว่าคนเป็นพ่อจะมาตอนไหน เห็นแบบนั้นผมก็อดสงสารไม่ได้เลยคิดโทรหา
“ฮัลโหลครับ”
“ค่า? สวัสดีค่ะ พอดีคุณวายุ ติดประชุมอยู่ค่ะ มีธุระอะไรฝากไว้ได้ไหมค่ะ”เสียงผู้หญิงกลับรับโทรศัพท์ของเจ้าของเครื่องแทน
“หรอครับ แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่ครับ”ผมถามต่อ
“อีกหลายชั่วโมงเลยค่ะ พอดีท่านฝากมือถือไหวเพราะไม่สะดวกรับสายค่ะ มีธุระอะไรเร่งด่วนบอกดิฉันได้นะค่ะ”เธอยังคงทำหน้าที่เลขาของตัวเองได้ดี
“งั้นฝากบอกเขาที ว่าน้องจีรออยู่”ผมรู้สึกโมโหไม่น้อยเมื่อเขาลืมสัญญาที่ให้ไว้กับลูกทั้งๆที่เวลาเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
ถึงจะมองว่าติดประชุมอยู่ก็เถอะ ผมเข้าใจนะก็เขาเองไม่ได้ทำงานมาเป็นเดือนคงมีงานต่างๆให้ต้องทำมากมาย แต่เขาสัญญาไว้ แทนที่จะโทรมาบอกล่วงหน้าที่ตัวเองเข้าประชุมก็ไม่ทำ ปล่อยให้น้องจี นั่งหน้าซึมรอพ่อทั้งๆที่น้องจีเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ผมรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้มากๆเลย และคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่ไม่ปล่อยให้น้องจีมาอยู่กับพ่อคนเดียว ไม่งั้นป่านนี้ลูกของผมคงต้องนั่งทนหิวไปจนเย็น
“น้องจีไป เดี๋ยวคุณแม่พาไปเที่ยว”ผมดึงมือน้องจีขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ใบจิ๋วของน้องจี และ ในขนาดกลางของผมขึ้นสะพาย
“แต่พ่อยังไม่มา”น้องจีว่าเสียงสงสัย
“ช่างเขาเถอะ พ่อแบบนั้น”ผมว่าแค่นั้น น้องจีเองก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของผมสักเท่าไหร่ก็ทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมเดินตามมา
พวกเราเดินทางกันโดยใช้รถแท็กซี่เนื่องจากผมเองก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพหลายปีแล้ว คงจะไม่ค่อยชินทางเท่าไหร่หากจะขับรถไปไหนมาไหนเอง ผมพาน้องจีมายังห้างสรรพสินค้าในละแวกบ้านเมื่อหาอะไรทานแล้วก็ซื้อของสดเข้าบ้าน ร่วมถึงของใช้ต่างๆที่จำเป็นด้วย น้องจีเองเพราะเห็นสถานที่ที่ไม่คุ้นตาก็ตื่นเต้นลืมเรื่องคุณพ่อตัวเองไปเลย
“แม่ๆๆ แม่ฮะ”น้องจีร้องเรียกเสียงเด็กเมื่อเจอโซนเกมร์เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับฟูตคอสร์ของห้าง
“ครับๆ กินข้าวก่อนนะ ค่อยเล่น”ผมว่าก่อนที่จะเดินไปซื้อบัตรเพื่อใช้ในการรับประทานอาหาร
“น้องจีอยากกินไร ครับ”ผมถามพร้อมอุ้มน้องจีขึ้นเพื่อให้เจ้าตัวเลือกดูเมนูที่ถูกสร้างขึ้นเป็นโมเดลของแบบอาหาร
“อันนี้”น้องจีชี้ไปที่ข้างห่อไข่ที่มีซอสมะเขือเทศสีแดงลาดด้านบนเป็นรูปหน้าแมว ผมสั่งข้างของน้องจีและของผมก่อนจะพามานั่งยังมุมที่มีเกาอี้สำหรับเด็กให้ด้วย
หลังจากกินข้าวกันจนอิ่มน้องจีก็วิ่งตรงไปยังโซนเกมร์เซ็นเตอร์ผมเองก็ได้แต่พาเจ้าตัวไปเล่นโน้นนี่ แทนคำขอโทษที่ปล่อยให้น้องจีนั่งรอใครบางคนหลายชั่วโมง
ในขณะที่น้องจีกำลังนั่งเล่น เครื่องบินโยกเยกที่ต้องหยอดเหรียญถึงจะขยับ มือถือผมก็ดัง และโชว์เบอร์ของใครบางคนที่ผมแทบไม่ได้เห็นมาเป็นเดือน
“สวัสดีครับคุณหมอนนต์”ผมเอ่ยทักเมื่อรับสาย แต่ตาก็ยังคงมองไปที่น้องจีอยู่ เจ้าตัวหัวเราะชอบใจยกใหญ่ที่ผมหยอดเหรียญเจ้าเครื่องบินให้มันขยับโยกไปมาอีกครั้ง
“สวัสดีครับ ผมได้ข่าวว่าเอฟมากรุงเทพ ผมก็เลย..”คุณหมอเว้นช่วงเหมือนไม่กล้าพูด
“ครับ มาเมื่อวานตอนนี้อยู่ห้างMMM พาน้องจีมาทานข้าวครับ”ผมบอกเพราะเหมือนการคุยของเราจะเริ่มติดขัด
“แล้วคุณพ่อ”เหมือนคุณหมอจะถามถึงคุณพ่อของนี้จี
“คนแบบนั้นปล่อยให้ทำงานไปเถอะครับ ผมมากับน้องจีสองคน แล้วน้องกันต์เป็นไงมั้งครับ”
“ก็ซึมๆครับเห็นบ่นอยากเจอน้องจีอยู่หลายวันแล้ว”
“งั้นก็มาซิครับ น้องจีเองก็อยู่ที่เกมร์เซ็นเตอร์ของห้าง พอดีเห็นที่นี่มีสวนสนุกของเด็กอยู่ที่ชั้นบนด้วย พาน้องกันต์มาเที่ยวซิครับ”
“ได้หรอครับ”คุณหมอว่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ได้ซิครับ สำหรับผู้มีพระคุณจะมาตอนไหนก็ได้”ผมว่าอย่างให้เกียรติ์
“งั้นอีก20นาทีเจอกันครับ”คุณหมอว่าแค่นั้น ผมเองก็เดินไปบอกน้องจี เรื่องที่น้องกันต์เพื่อนคนสนิทของตัวเองจะมาหา เจ้าตัวก็ดูดีใจยกใหญ่ พูดไม่หยุด ก่อนจะชี้โน้นนี่เพื่อจะพาน้องกันต์ไปเล่นด้วยกัน
“รอนานไหมครับ”ผมนั่งมองโน้นนี่ไปเรื่อยคุณหมอก็มาถึงใช้เวลาแค่20นาทีจริง 1เดือนที่ไม่เจอกันคุณหมอดีเปลี่ยนไปค่อยข้างมาก ทรงผมที่ถูกเซ็ทอย่างดีกับชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเข้ากับกางเกงสเล็คขายาวสีดำ คุณหมอดูเหมือนคนกรุงเทพสุดๆ มากับน้องกันที่แต่งตัวน่ารักสมวัย ทำให้สาวๆหลายคนในบริเวณนั้นหันมามองคุณหมอกันจนคอเอียง
“ไม่นานครับมาไวจัง น้องกันต์สวัสดีครับ”ผมเอ่ยทักเด็กน้อยข้างตัวคุณหมอที่สายตาสอดส่องหาน้องจีอยู่เจ้าตัวเล็กของผมในบ้านบอลก็วิ่งออกมาหาเพื่อนหน้าตั้ง
“หวัดดีฮับ”น้องกันต์ยกมือเล็กขึ้นไหว้แล้วสลัดมือของคุณพ่อวิ่งไปหาน้องจี
“แหะๆ คงคิดถึงมากนะครับ”คุณหมอว่าอย่างเขินๆ
หลังจากที่เราจัดการค่าบัตรต่างๆของเจ้าตัวยุ่งเรียบร้อยในสวนสนุกขนาดย่อมของชั้น3ของห้างเรียบร้อยก็ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเล่นกันไป ส่วนผมกับคุณหมอก็มานั่งอยู่ที่บริเวณคาเฟ่ คอฟฟี่ของสวนสนุก ที่จัดไว้ในผู้ปกครองนั่งรอเด็กๆ
“เป็นไงมั้งครับ อาการดีขึ้นไหม”คุณเริ่มชวนผมคุย
“ครับ ก็เหมือนเดิม คุณหมอล่ะครับเป็นไงครับ”
“ตอนนี้ผมกลับมาช่วยที่บ้านน่ะครับ บ้านผมเปิดโรงพยาบาลเล็กๆไว้ที่หนึ่งครับก็เลยต้องกลับมาช่วยที่บ้านดูแลด้วย ผมว่าจะมาคุยเรื่องนี้พอดี ถ้าไม่รังเกียจขอผมเป็นเจ้าของไข้ของเอฟต่อได้ไหมครับ”
“ได้ซิครับ ไม่เห็นจะต้องรังเกียจผมตั้งหากที่ต้องขอบคุณคุณหมอ”
“ครับ ผมมีเพื่อนอยู่ด้วยคนหนึ่งเราเรียนทางด้านสูติแพทย์มาโดยตรงผมเล่นเรื่องราวของเอฟให้เขาฟังบ้างส่วน เขาเก่งนะครับจบจากอเมริกา พวกผมเลยอยากเริ่มวิจัยการรักษาอาการที่เอฟเป็นนะครับ หวังว่าคงไม่รังเกียจ”คุณหมอยังคงใช้คำพูดอย่างสุภาพเสมอ
“ครับ ผมเองก็ต้องขอรบกวนด้วยนะครับ แล้วน้องกันต์เรียนที่ไหนครับ”ผมเริ่มถามเพราะน้องกันต์เองก็เข้ามาในกรุงเทพเกือบเดือนแล้ว คงได้เข้าโรงเรียนแล้ว
“โรงเรียน นานาชาติbbครับ อยู่ใกล้ๆกับที่นี่เลย”คุณหมอเล่า
“เอ่อ แล้วการเข้าเรียน ต้องสอบหรืออะไรไหมครับ”ผมถามเพราะเดี๋ยวนี้ได้ยินมาว่าโรงเรียนดีๆในกรุงเทพแม้แต่เด็กชั้นเตรียมอนุบาลก็ยังต้องสอบเข้า สมัยผมเพิ่งจะมีการสอบเข้าก็ตอนเรียนมหาลัยนี่แหละครับ
“ก็มีให้ทดสอบทักษะความถนัดครับ แต่ไม่ใช่การสอบเข้าแค่เลือกแนวทางที่จะพัฒนาเด็กให้ตรงกับความถนัดของเขาน่ะครับ ผมได้ข่าวว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนดังพอควรครับ ความปลอดภัยก็ดีมากทีเดียว”คุณหมออธิบาย
“งั้นไว้ผมจะพาน้องจีไปเข้าเรียนที่นั้น แต่คงอีกสัก2สัปดาห์แหละครับ อยากให้แกเริ่มชินกับที่นี่ก่อน”
“ครับ ไว้เอฟจะไปสมัครก็โทรหาผมได้นะครับ”ไม่ว่าเมื่อไหร่คุณหมอก็เป็นคนดีเสมอ เราพูกคุยและเดินซื้อของด้วยกัน เกือบทั้งวันส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของน้องจีและน้องกันต์ คุณหมอที่เอารถมา ก็เลยอาสาขนของสดและของใช้ต่างๆมาส่งที่บ้าน มารู้ตัวอีกทีก็5โมงเย็นแล้ว
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”คุณหมอเลี้ยวรถเข้ามาในบ้านเพราะประตูบ้านเป็นแบบรีโมทคอนโทน
“ไม่เป็นไรครับ น้องกันต์เองก็ดูมีความสุข หลับไปแล้วด้วย”ผมหันไปมองด้านหลังที่เห็นน้องจีกับน้องกันต์นอนหลับเพราะความเหนื่อย
หลังจากที่ขนของต่างเข้าบ้านเสร็จผมก็เดินมาอุ้มน้องจีที่หลับสนิทไม่มีท่าทีว่าจะตื่นทั้งๆที่มาถึงบ้านแล้ว แต่ในขนาดที่ผมกำลังจะล่ำลาและขอบคุณคุณหมอ บีเอ็มสีดำก็เข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับปรากฏร่างของผู้ชายตัวสูงภายใต้สูทหรูหรอเรียบกริบที่ไม่ต่างจากตอนนอกไปนอกบ้านตอนเช้า
“สวัสดีครับ”คุณหมอเอ่ยทักอย่างเป็นมิตร แต่ดูเหมือนอีกคนที่ไม่มีมารยาทจะตรงเข้ามาเอาน้องจีไปอุ้มแล้วเดินเข้าบ้านไป
“ขอโทษนะครับ”ผมรีบขอโทษเพราะเห็นสีหน้าของคุณหมอที่เริ่มปั้นยาก
“ไม่เป็นไหร่ครับ งั้นผมกลับก่อนส่วนเรื่องโรงพยาบาลผมจะจัดการให้นะครับ”คุณหมอว่าก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูเพื่อเตรียมตัวกลับ
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ ผมยกมือไหว้คุณหมอเองก็ยิ้มๆแล้วขับรถออกไป หลังจากปิดประตูบ้านเสร็จผมก็กลับเข้ามาในบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ปิดประตูบ้านเรียบร้อย
“ไม่เจอมันแค่เดือนเดียว คิดถึงขนาดต้องรีบไปหามันเลยหรือไง !”ผู้ชายบ้าๆคนหนึ่งก็กระชากแขนผมเข้าหาตัวอย่างแรงกับคำพูดที่ดูยังไงเจ้าตัวก็ไม่เห็นจะสำนึกผิดในเรื่องที่ตัวเองทำในวันนี้เลยสักนิด
TBC.
เอาน่าครอบครัวก็ต้อมมีปัญหาบ้าง จะได้เข้าใจกันมากขึ้น
อย่าเพิ่งรีบด่าพระเอกของเรานะเอ่อ
ปล.น้องจีคงไม่โตไปเป็นเด็กมีปัญหานะ