ความเจ็บปวดเย็นวันศุกร์ผมรีบกลับบ้านไปเก็บกระเป๋า ผมออกมาจากบ้านโดยนั่งรถแท็กซี่มาลงที่คอนโดทาย ผมไม่ได้บอกพี่ขุน ไม่ได้บอกใครทั้งสิ้น ผมอยากไปกับทายแค่สองคน อยากผ่อนคลายหัวสมองและคิดอะไรเงียบๆโดยที่ไม่มีเขาอยู่ ผมรู้ว่ามันดูขี้ขลาดแต่ผมไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ผมไม่ใช่คนโผงผาง ผมอ่อนแอ แต่ผมก็อยากรู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น หากวันนั้นเขากล้าพูดกับผมว่าเขาไปทำอะไรมา ผมอาจจะยอมรับได้บ้าง แต่นี่เขาโกหกผมว่าไปนอนกับพี่เลย์ ทั้งๆที่เพื่อนเขาเป็นคนบอกผมเองว่าไม่ได้เจอกับพี่ขุน ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงต้องโกหกผม ผมเคยคิดว่าเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมได้รับรู้การกระทำลับหลังที่เขาทำกับผม มันเหมือนถูกแทงด้วยมีดเล่มใหญ่เล่มเดียวแล้วนอนจมกองเลือดตาย มีหลายคนสงสัยว่าทำไมผมไม่พูดไม่ถาม จริงๆผมก็อยากถามครับ แต่พอเจอคำโกหกของเขาเข้าไปผมถึงกับไปไม่ถูก ไอ้คำถามที่พร่างพรูถูกกลืนเข้าคอจนจุกอยู่ที่ลิ้นปี่ แม้แต่หน้าเขาตอนนี้ผมยังไม่อยากมอง
ทายออกรถตอนหกโมงครึ่ง ดูเหมือนตัวทายเองก็กำลังมีปัญหากับพี่วาร์ฟเหมือนกัน ตอนนี้ผมเลยไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนปลอบใคร ผมนั่งมองสองข้างทาง ชวนทายคุยบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเอาเสียเลย จนกระทั่งเราขับตาม gps มาถึงชายหาดที่มีรีสอร์ทตามบัตรที่คุณติณภัทรให้มา เราเช็คอินเข้าพักกันได้ก็พากันเข้าห้อง ห้องนอนอยู่ด้านนอก เดินไปนิดเดียวก็เป็นทะเล ออกแนวหรูหราราคาน่าจะแพงใช้ได้ ส่วนที่คุณติณภัทรให้ผมมาพักฟรีอันนี้เขาให้เป็นของขอบคุณที่ผมทำงานให้เขาออกมาดีครับ พอเขาพูดแบบนี้ผมเลยไม่อยากปฏิเสธ ส่วนเรื่องที่เขาตามจีบผมนั้น ผมทราบ แต่ผมก็เฉยๆเนื่องจากเขาก็ไม่ได้ออกนอกหน้าอะไรขนาดนั้น คงเพราะทราบว่าผมกับพี่ขุนเราแต่งงานกันแล้ว แต่หากวันไหนเขารุกจีบผมเต็มรูปแบบ ผมคงต้องพูดกับเขาให้เข้าใจว่าผมไม่สามารถรักใครได้อีก แม้พี่ขุนจะหักหลังผมจริงๆ แต่ผมคงไม่สามารถจะคบใครได้อีก
"แก้วจ๋าหิวหรือเปล่า ทายเห็นร้านอาหารด้านหน้า เดินเลียบชายทะเลไป เราไปกินร้านนั้นกันนะ" ทายพูดขึ้นแล้วยื่นมือมาดึงผมที่นอนแผ่อยู่บนที่นอนให้ลุกขึ้นตามไป เราสั่งอาหารเสร็จก็ลงมือทาน อิ่มข้าวก็ตามด้วยไอศกรีมเบาๆ ก่อนจะออกไปเดินเล่นที่ชายหาดเพื่อผ่อนคลายจิตใจที่อ่อนล้าเต็มทน
"ทำไมถึงอยากมาทะเลกะทันหันขนาดนี้ แก้วมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า" เราเดินเล่นจากต้นหาด เดินเรียบทะเลไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ลมทะเลและดวงดาวเป็นเพื่อนคอยปลอบ
"ทาย .. เราเหนื่อย" ผมพูดออกมา ทายหยุดเดินแล้วจับมือผมไว้
"มีอะไรอีกแล้ว" ทายถามผม ตอนนี้พอได้มายืนหน้าทายผมกล้าพูดความในใจ ผมรู้ว่าทายจะเป็นผู้รับฟังที่ดีและให้คำแนะนำผมได้
"พี่ขุน .. เขาแอบไปหาคุณรตีลับหลังเรา .. เธอส่งคลิปมาให้ .. มันเป็นคลิปพี่ขุนกับคุณรตีในโรงแรม .. เราเจ็บทาย .. เรานึกว่าเขาเปลี่ยนตัวเองได้แล้ว .. แต่มันไม่ใช่เลย" ผมพูด น้ำตาที่เคยเหือดแห้งตอนนี้มันไหลออกมาโดยธรรมชาติ
"แก้วคุยกับเขาหรือยัง เอาคลิปยื่นให้ดูไปเลยสิ เขาทำแบบนี้ไม่ถูกนะ แก้วเป็นเมียเขา ไม่ใช่ยัยรตีนั่น แล้วทำไมถึงยังเจ้าชู้อีก เรานึกว่าเขาเปลี่ยนตัวเองได้แล้ว" ทายพูดเช็ดน้ำตาให้ผม
"เราไม่อยากทนแล้ว ทายว่าเราอ่อนแอเกินไปไหม" ผมถาม ทำไมผมถึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้
"แก้วรู้ไหม .. ตอนนี้เราก็ทะเลาะกับพี่วาร์ฟเหมือนกัน .. เขาหวงเราเกินไปแต่เขาไม่ชอบให้เราไปทำตัวหึงหวงเขา .. เราทะเลาะกันตอนนี้ยังไม่คุยกันเลย .. แก้วไม่ผิดหรอกเพราะเราก็อ่อนแอเหมือนกันถ้าเป็นเรื่องความรัก " ทายพูดจูงมือผมเดินไปเรื่อยๆ พอได้ยินแบบนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าที่ทายดูไม่ค่อยร่าเริงเป็นเพราะอะไร
"แต่ในกรณีแก้ว ทายว่าแก้วน่าจะคุยกับพี่ขุนให้รู้เรื่องนะ แล้วนี่ที่มาคือไม่ได้บอกเขาใช่ไหม" ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
"ถ้าเขาทำแบบนั้นจริง แก้วจะเลิกกับเขาไหม แล้วที่แต่งงานไปล่ะ แก้วต้องการพี่เขาจริงๆหรือแค่อยากแก้แค้น" แก้แค้นหรอ ไม่ใช่หรอก มันเป็นการเอาความเชื่อมั่นเข้าเล่นมากกว่า ผมนึกว่าเขาจะหยุดได้แล้ว แต่ถ้าเจอแบบนี้ผมว่าผมไม่ไหว
"ไม่เป็นไรแก้ว ค่อยคิดหลังจากนี้ก็ได้ เราเข้าห้องกันเถอะ มันชักเริ่มหนาวแล้ว" พอผมไม่ตอบทายก็พาผมกลับเข้าห้อง เรานอนคุยกันอีกสักพักถึงได้นอนพักผ่อน ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อาจเป็นเพราะบรรยากาศสบายๆ ทำให้ผมรู้สึกสมองปลอดโปร่งกว่าเมื่อวานขึ้นมาก
...............
วันเสาร์เรารีบตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อไปตลาด พอดีได้ยินคนแถวนี้เขาพูดว่าตลาดข้างๆมีพระมาบิณฑบาต เราเลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำบุญ พอตักบาตรเสร็จเราก็เข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเดินตลาดตอนเช้ากัน ทายได้ของฝากติดไม้ติดมือมาบ้าง ส่วนผมได้แค่ของกินเล็กน้อยกับของเล่นเอาไปฝากเจ้าตัวเล็ก ว่าแล้วก็โทรไปหาเสียหน่อย วันนั้นออกมาไม่ได้บอกใครเลย พอมาวันนี้เริ่มรู้สึกผิดแล้วที่มาโดยทำตัว
เปิดเครื่องมาก็พบหมายเลขที่ไม่ได้รับเกือบร้อยสาย มีทั้งของป๋าและของพี่ขุน ผมรีบโทรกลับหาป๋า บอกท่านว่ามาเที่ยวพักผ่อนเฉยๆ ไม่ได้เล่าว่าสาเหตุอะไรถึงต้องมา ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ให้ผมโทรไปหาพี่ขุนซะจะได้ไม่มีปัญหา วางจากป๋าผมก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย กำลังจะกดโทรหาพี่ขุนแต่มีสายโทรเข้ามาเสียก่อน
"สวัสดีครับพี่ติณ" เป็นคุณติณภัทรครับที่โทรเข้ามา
(( พี่ถึงนู่นตอนบ่ายๆนะครับ เป็นไงบ้างแก้ว พักกันสบายดีไหม มีอะไรบกพร่องหรือเปล่า )) พี่เขาถาม เสียงจากปลายสายดูเป็นห่วงเป็นใย
"ชอบมากครับ ขอบคุณพี่ติณจริงๆครับ"
(( ดีใจที่เราชอบ เดี๋ยวพี่ถึงแล้วจะโทรหานะครับ อยู่นั่นก็พักผ่อนไป ))
"ขอบคุณครับ" พี่เขาวางโทรศัพท์ไปแล้ว เรานั่งทานอาหารที่ซื้อมาก่อนจะพากันเดินเล่นรอบชายหาดหนึ่งรอบ หลังจากนั้นก็กลับมาพักผ่อนที่ห้อง
.......
"พี่ขอโทษที่มาสายไปนิดนะ ไม่สินี่ก็เย็นแล้ว ฮ่าๆ" พอพี่ติณมาถึงเขาก็รีบโทรมาเลยครับ ส่วนพี่ขุนผมไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะตั้งแต่ที่ผมเปิดเครื่อง เขาก็ไม่โทรมาหาผมเลย
"สวัสดีครับพี่ติณ . ไม่ต้องขอโทษหรอกครับไม่เป็นไรอะไรเลย .. แล้วก็นี่ทายเพื่อนผมครับ .. ทายนี่พี่ติณภัทร .. ลูกค้ารายใหญ่ของเรา" ผมแนะนำให้สองคนนี้รู้จักกัน
"ครับ .. ทำตัวเป็นกันเองเลยเนอะทั้งทายแล้วก็แก้ว .. เดี๋ยวพี่เก็บของแปป .. แล้วหกโมงออกมาเจอกันด้านหน้า .. พี่จะพาไปทานอาหารทะเล" พวกผมยิ้มรับความใจดีของพี่ติณ ก่อนเราจะแยกย้ายเข้าห้อง ผมกับทายผลัดกันอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้เหนียวตัวมาก เราเลยอาบกันอีกสักรอบ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ใกล้ห้าโมงพอดี เราเตรียมกระเป๋าตัง โทรศัพท์เสร็จก็ออกมารอพี่ติณด้านหน้ารีสอร์ท รอไม่นานพี่เขาก็มา คราวนี้เราจะไปทานร้านดังครับ อยู่ปลายอ่าว พี่ติณอาสาขับให้ พวกผมก็ยินดี
"ร้านนี้พวกกุ้งกับหอยสดมากๆ พี่มาทานบ่อยจนเด็กเสิร์ฟจำหน้าได้แล้ว ฮ่าๆ" พี่ติณเล่าไปหัวเราะไป
"แต่ผมว่าที่เขาจำได้อาจเป็นเพราะพี่ติณหล่อมากกว่ามั้งครับ" ทายส่งมุกเสี่ยวไปหนึ่งดอกเบาๆ
"ไม่จริงหรอกครับ .. พี่ไม่หล่อสักนิด" เขาอมยิ้มพูดถ่อมตน แต่สายตานี่จ้องมาทางผมจนผมต้องหลบตา
"อาหารมาแล้วทานกันเถอะ" ผมเปลี่ยนเรื่องคุย อาหารมาวางบนโต๊ะอย่างพร้อมเพรียง จานเด็ดที่ผมอนากแนะนำคือต้มยำปลากระพงโป๊ะแตก อร่อยมากจนต้องซดน้ำซะเกือบหมดหม้อ
"เป็นไงบ้าง พี่บอกแล้วร้านนี้เด็ด" พี่ติณพูดเพราะเห็นผมกับทายตักข้าวจานที่สามแล้ว พอดีช่วงบ่ายนอนพักสายตากันครับ ตื่นมาเลยท้องไส้กิ่วแล้วก็ซัดแหลกอย่างที่เห็น
"อร่อยมากครับ คราวหน้าถ้ามีโอกาสผมจะมาทานที่นี่อีก" ผมบอกพร้อมกับตักกุ้งชุบแป้งทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปาก น้ำจิ้มบ๊วยรสหวานช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินของผมได้จริงๆ
"เห็นเราเจริญอาหารขนาดนี้ไม่ยักกะอ้วน" พี่ติณทักสีหน้าดูทะเล้นๆ
"ไม่รู้สิครับ มันไม่อ้วนเองอ่ะ" ผมพูดหน้าซื่อเลยโดนพี่เขาหัวเราะแซว ทายก็อีกคนขำผมจนผมต้องอายอ่ะ
ทานกันจนเสร็จก็เช็คบิลกลับ ราคาก็แพงพอสมควรครับแต่ก็คุ้มกับค่าอาหาร มื้อนี้พี่ติณก็เลี้ยงอีกตามเคย เขาให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนแนะนำครั้งนี้เลยต้องยอมเขาไป เช็คบิลเสร็จก็เตรียมตัวกลับ ตอนที่เรากำลังลุกจากเก้าอี้จะเดินไปที่รถ ผมหันไปชนกับผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนขวางอยู่ก่อนแล้ว เซเลยครับ แต่ประคองตัวอยู่
"ขอโทษครับ .. " ผมพูดเงยหน้ามองคนตรงหน้า ความรู้สึกและลมหายใจเหมือนหยุดไปชั่วขณะ เขาตามผมมาจนได้ เขารู้ว่าผมอยู่ที่ไหน
"เห็นหน้าผัวถึงกับอึ้งแดกเลยหรอ" เขาพูดวาจาถ่อยจับแขนผมไว้แล้วบีบ แรงบีบเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนราวกับว่าถ้าผมพูดไม่ดีหรือทำให้เขาโกรธเขาจะบีบกระดูกผมจนแตกเสียอย่างนั้น
"ผมขอตัว" ผมดึงแขนออกพยายามจะเดินไปหาทายที่ยืนรออยู่ พี่ขุนบีบแขนผมเพิ่มอย่างไม่ยอม เขาทำให้ผมเจ็บและผมกำลังจะหมดความอดทน ในเมื่อผมไม่ใช่คนผิด ครั้งนี้ผมจะไม่ยอม ผมอุตส่าห์หนีออกมาเอง เป็นฝ่ายเดินออกมาพักใจ แต่เป็นเขาที่ทำให้มันยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม เขาไม่แม้แต่จะบอกความจริงหรือสำนึกผิดด้วยซ้ำ
"มากับไอ้เหี้ยนั่นมันดีแล้วหรอแก้วสำหรับคนมีผัวแล้วน่ะ" เขายังคงตอกย้ำพูดจาเฉือนหัวใจผม แม้ใบหน้าของเขาจะดูซีดเซียว ขอบตาคล้ำจนดูไม่ได้แต่นิสัยเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขายังคงเอาแต่ใจ ชอบบังคับ และเหยียดหยามผมอยู่ตลอดเวลา
"ก็ดีกว่าคนที่มีเมียแล้วแต่กลับไปยุ่งกับคนอื่นแหละครับ .. กรุณาปล่อยมือผมด้วย .. เพื่อนผมรออยู่" ผมพูดเสียงเเข็งจ้องตาเขาที่ตอนนี้แดงก่ำเหมือนจะลุกเป็นไฟ
"มึงมีเหี้ยอะไรในใจมึงพูดมาสิวะ! มึงไม่พูดกูจะรู้ไหม" เขาตะหวาดเสียงดังจนคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว พี่ติณทำท่าจะเดินเข้ามาหลายรอบแต่โดนทายดึงไว้
"พี่คงรู้อยู่แก่ใจ .. พอเถอะครับ .. แค่นี้ผมก็ผิดหวังในตัวพี่จะแย่" ผมบอกสะบัดข้อมือออกอย่างแรง พี่ขุนตกใจที่ผมทำแบบนั้นใส่แต่เขาไม่ยอมหยุดวิ่งเข้ามากระชากตัวผมอย่างแรงจนผมเสียหลักไปชนกับชั้นวางขวดน้ำเป๊ปซี่ที่วางเรียงเป็นทรงสูง ขวดเป๊ปซี่หลายขวดตกลงมาใส่เท้าผมและกระแทกพื้นแตกกระจาย เท้าผมชาไปชั่วขณะก่อนที่เลือดสีแดงจะไหลออกมาตามรอยบาด มันไหลออกมาเยอะจนผมสายตาพล่าเลือน หายใจติดขัด รู้เพียงแต่ว่าพี่ขุนไม่รอช้าก้มลงไปกำเศษแก้วที่เท้าผมออก เลือดที่ไหลจากเท้าผมและเลือดที่มือพี่ขุนตอนนี้เท่าๆกัน ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ แม้ตอนนี้เขาจะทำดีกับผมแค่ไหนแต่มันก็ลบการที่เขาหักหลังผมไม่ได้เลย
"พอแล้วคุณขุน .. เลือดคุณออกเต็มเลย .. แก้ว . ไปโรงพยาบาลเถอะนะ" ทายเดินมาหา ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาถึงต้นขาและผมไม่สามารถยืนอยู่ได้แล้ว มันทรมานเหมือนโดนมีดกรีดซ้ำๆที่รอยเดิม
"ผมอุ้มเอง" พี่ติณทำท่าจะเข้ามาอุ้มผม แต่โดนพี่ขุนผลักออกไป
"มึงขับรถ . กูจะอุ้มมันเอง" อยู่ดีๆน้ำตาผมก็ไหล มันเป็นความรู้สึกทับซ้อนแล้วซ้อนอีก ภาพที่เขาเคยรังเกียจผม ภาพที่เขาดูแลห่วงใยผม ภาพที่เขาจูบผม ภาพล่าสุดที่เขาก้มลงไปหยิบเศษแก้วออกให้ผมมันพร่างพรูเข้ามาจนไม่อาจรู้ได้ว่าในใจตอนนี้รู้สึกอย่างไรกันแน่ พี่ติณไม่ได้ชวนทะเลาะต่อทำเพียงแค่วิ่งไปเปิดประตูหลังให้ ผมถูกร่างแกร่งอุ้มด้วยสองแขนมายังรถ ทายกับพี่ติณขึ้นประจำด้านหน้า ส่วนผมตอนนี้ถูกวางไว้บนเบาะอย่างเบามือ
"เจ็บมากไหม .. ทนหน่อยนะเดี๋ยวก็ถึงแล้ว" เสียงพี่ติณดังขึ้น ผมหลับตาร้องไห้ด้วยความเจ็บ ทั้งเจ็บที่เกิดจากบาดแผลและเจ็บจากการกระทำของคนข้างๆ พี่ขุนไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่ลูบหัวผมและพรมจูบผมอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงหอบหนักทำให้ผมรู้ว่าเขากลัวและกังวล พี่ขุนมักเป็นแบบนี้เสมอถ้ามีอะไรมากระทบจิตใจ
ไม่นานก็ถึงโรงพยาบาล ผมถูกอุ้มขึ้นเตียงคนไข้แล้วเข็นเข้าห้องฉุกเฉินทันที เขาให้ญาติรออยู่ข้างนอก พยาบาลเอายาแก้ปวดให้ผมทานก่อนจะคีบเศษแก้วออกจากเท้าผม หลังเท้าเต็มไปด้วยเลือด พยาบาลบอกว่าเศษแก้วปักลงไปหลายที่ มีสามจุดที่ลึกจนต้องเย็บ นอกนั้นก็เป็นเพียงแผลบางๆ แต่ก็ทิ้งร่องรอยไว้เยอะพอควร ทำแผลเสร็จผมถูกพาออกมาโดยที่เท้าทั้งสองถูกพันไว้เรียบร้อย พอออกมาจากห้องฉุกเฉิน คนแรกที่ผมเห็นคือพี่ขุน ส่วนอีกสองคนผมไม่เห็น
"เจ็บไหม .. กูขอโทษ" เขาพูด ตาเขาแดงก่ำ บวกกับสภาพเหมือนคนไม่ได้นอนทำให้ดูหมดหล่อ ผมมองที่ฝ่ามือหนา เลือดที่ยังไหลอยู่ทำให้ผมตกใจ ทำไมไม่ไปทำแผล ทำไมถึงต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวด
"พี่ไปทำแผลเถอะ" ผมบอกเสียงห้วน ทำเป็นไม่ใส่ใจมาก ทั้งๆที่ตอนนี้ผมเจ็บพอๆกับเขา อยากพูดว่าผมเป็นห่วงแต่ก็พูดไม่ออก
"ไม่เป็นไร .. ให้มันเป็นเครื่องเตือนกู .. ว่ากูทำอะไรกับมึงลงไป" เขาพูดกำมือแน่นแล้วคลายออก เศษแก้วที่ยังหลงเหลือร่วงหล่นลงบนพื้นและมันทำให้ผมทนเห็นไม่ได้อีกต่อไป
"ถ้าพี่ไม่ทำแผล .. ผมจะไม่คุยกับพี่อีก" ผมบอกน้ำเสียงแข็งกร้าว เขามองหน้าผมเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ ก่อนจะเดินเข้าห้องฉุกเฉินไป ผมถอนหายใจนั่งรออยู่นอกห้อง สักพักพี่ติณกับทายก็มา
"พี่ไปเขียนประวัติให้ .. ทายเอายามาแล้วนะ .. เดี๋ยวก็กลับได้" พี่ติณพูด ผมไหว้พี่ติณเพื่อขอบคุณ
"เจ็บมากไหมแก้ว .. สงสารจัง" ทายพูดลูบมือผมไปมา เจ็บครับ แต่ไม่เจ็บเท่าตอนโดนพี่ขุนหักหลัง
"กินยาแก้ปวดไป ไม่เท่าไหร่แล้วล่ะทาย" ผมบอกยิ้มน้อยให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วง รอสักพักพี่ขุนก็เดินออกมา มือทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลอยู่ เขาน่าจะเจ็บมาก เขาไม่น่าทำถึงเพียงนี้
"แล้วจะขับรถกลับได้หรอครับเนี่ย" ทายพูดมองมือพี่ขุน
"น่าจะได้ .. แก้ว .. กลับกะพี่เลยไหม" พี่ขุนถาม เขาแทนตัวเองว่าพี่แล้ว สงสัยคงจะเริ่มอารมณ์เบาขึ้นแล้ว
"พี่กลับไปเถอะครับ .. แก้วขออยู่นี่สักพัก" ผมพูด ยังไม่อยากกลับตอนนี้
"ผมว่าคุณไปนอนที่รีสอร์ทผมก่อนดีกว่านะ .. มือเจ็บแบบนี้อย่าขับกลับเลย" พี่ติณพูดห้ามไว้ ผมเองก็ห่วงนะครับ มือเจ็บแบบนั้นถ้าขับรถไปชนแบบคราวที่แล้วอีกจะทำอย่างไร
"ไม่เป็นไร .. ถ้าแก้วไม่กลับ .. ผมกลับเองก็ได้ .. พี่ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรผิด .. แต่พี่อยากบอกว่าพี่ขอโทษที่ทำให้แก้วโกรธพี่ขนาดนี้ .. พี่เสียใจที่พี่ดูแลแก้วไม่ได้ .. ทายครับ .. พี่ฝากดูแลแก้วด้วยนะ" พี่ขุนพูดจบก็เดินหันหลังออกไป ผมไม่รู้ว่าเขาจะไปเอารถอย่างไร ไม่รู้ว่าเขาจะขับได้ไหม แต่ตอนนี้ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เจ็บเหลือเกิน ผมควรวิ่งตามไปดีไหม บอกให้เขากลับมา พี่แค่บอกความจริงกับแก้ว แล้วแก้วจะให้อภัย กลับมาได้ไหม กลับมารับแก้ว แล้วเราไปด้วยกัน
แต่ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่ผมคิด เขาออกไปแล้ว และผมยังนั่งอยู่ตรงนี้ ทายกอดผมที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ส่วนพี่ติณทำได้เพียงยืนเป็นกำลังใจ ผมร้องไห้จนคิดว่ามากพอแล้วถึงได้บอกให้พี่ติณพากลับ ระหว่างทางที่นั่งรถกลับรีสอร์ตผมคิดถึงแต่พี่ขุน ตอนนี้เขาจะเป็นไงบ้าง เขาถึงไหนแล้ว จะมีอัตรายไหม ผมไม่รู้ ผมมองสองข้างทางถึงรู้ว่าพี่ติณไม่ได้เลี้ยวลงรีสอร์ต พี่เขาคงอยากให้ผมแน่ใจ ว่าตอนนี้พี่ขุนเป็นอย่างไรบ้าง
"เขาไม่อยู่แล้ว" ทายพูด ผมมองรถที่เคยจอดอยู่หน้าร้านข้าวตอนนี้มันไม่มีอยู่แล้ว พี่ติณวิ่งลงไปจ่ายค่าเสียหายแต่เขาบอกว่าผู้ชายอีกคนมาจ่ายไปแล้วและถามหาที่พักใกล้ๆแถวนี้ ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น อย่างน้อยเขาก็ยังรู้จักรักตัวเอง
...................
"อย่าลืมทานยาแก้ปวดนะ .. แล้วก็รีบๆนอนเข้าใจไหม" พี่ติณพูดตอนเดินมาส่งผมที่ห้อง ดีที่ผมอาบน้ำไปก่อนแล้ว เดี๋ยวเช็ดตัวสักนิดก็นอนได้
"ขอบคุณมากๆครับพี่ติณ" ผมไหว้พี่เขาอีกครั้งก่อนที่พี่เขาจะออกไป
"เฮ้อ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ .. แก้วคิดดีแล้วหรอที่ปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้" ทายถามเอาผ้าชุบน้ำมาให้ผม
"ตอนนี้เราคิดอะไรไม่ออก .. แต่เรายังไม่อยากเห็นหน้าเขา" ผมพูดเสียงเบาในคำท้าย ไม่ใช่หรอก ผมรู้ดีว่าผมอยากให้เขาอยู่ด้วยแค่ไหน แต่ความเจ็บมันก็มาหักล้างจนหมด ตอนนี้ขออยู่คนเดียวจะดีกว่า
"บางทีเขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าเขาทำอะไรผิด .. แก้วเชื่อยัยรตีนั่นมากกว่าพี่ขุนหรอ" ทายถามเหมือนย้ำว่าพี่ขุนอาจจะไม่ได้ทำ
"เขาไม่กลับมานอนบ้าน .. โกหกว่าไปกับพี่เลย์ทั้งๆที่พี่เลย์บอกแก้วว่าเขาไม่ได้ไป .. มีคลิปจูบถูกส่งเข้ามาพร้อมกับการเอาเบอร์พี่ขุนโทรมาเพื่อการรันตี .. เช้าอีกวันเขากลับมาตอนสิบโมง .. และโกหกอย่างหน้าตาย .. ทายว่าเราควรเชื่อใครดี" ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า น้ำตามันจะไหลออกมาอีกรอบอย่างหยุดไม่ได้
"เข้าใจแล้วแก้ว .. ทายเข้าใจแล้ว .. อย่าร้องนะ .. เอาไว้วันไหนอยากรู้จริงๆทายจะพาแก้วไปถามพี่ขุนเอง .. เงียบซะ .. ชู่ว" ทายกอดผมไว้แน่น ปลอบผมที่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ใครไม่มาเป็นผม ไม่เข้าใจหรอกว่าผมเจ็บแค่ไหนตอนที่คุณรตีใช้เบอร์ของพี่ขุนโทรมา มันเจ็บมากจนผมแทบจะกระอักเลือดตาย เหมือนคนถูกหักหลังด้วยการเล่นชู้ แม้แต่ก่อนพี่เขาจะเจ้าชู้แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้แต่งงานกับพี่เขา พอมาตอนนี้ เขาทำแบบนี้มันเลยตอกย้ำว่าทะเบียนสมรสไม่ได้ช่วยอะไร
"เราอยากนอน" ผมบอก ทายพยุงผมไปแปรงฟันล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็เดินกลับมานอน นอนไปได้สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์เข้า น่าจะเป็นของผม
"พี่ขุนโทรมา เรารับให้นะ" ทายทำท่าจะรับ แต่ผมอยากรู้ว่าเขาโทรมาทำไม เลยกดรับสายเสียเอง
(( .............. )) ผมรับสายแต่ไม่ได้พูดอะไปออกไป ส่วนปลายสายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกัน เราต่างคนต่างเงียบ เรานอนฟังเสียงหายใจของกันและกัน ทายปิดไฟแล้วตอนนี้เรานอนกันอยู่
"ผมวางนะ" ผมบอกเพราะต่างคนต่างเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร
(( อย่าวาง .. พี่แค่อยากฟังเสียงหายใจของเรา )) เขาพูดเสียงอ่อนคล้ายอ้อนวอน ผมไม่ได้ตอบอะไร พยายามข่มตาให้หลับแต่มันช่างยากเหลือเกิน ผมสะอื้นเบาๆออกมา
(( อย่าร้อง .. ได้โปรด .. อย่าร้อง )) พี่ขุนพูดเสียงสั่น ผมแน่ใจว่าตอนนี้เขาเองก็ร้องไห้เหมือนกัน ผมร้องหนักมากจนทายยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ สุดท้ายผมก็อ่อนแอ สุดท้ายผมก็เป็นแค่แก้วคนเดิม
(( รัก .. รัก .. รัก )) เสียงสะอื้นพร้อมคำบอกรักไม่ว่างเว้น เขาแต่พูดเพื่อให้ผมหายโกรธใช่ไหม แค่พูดเพื่อให้ผมใจอ่อน แค่นั้นใช่ไหม
ผมปล่อยให้เขาพูดไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ปลายเสียงเงียบไปอีกครา โทรศัพท์ที่หูผมเริ่มร้อน หรือบางทีเขาอาจจะนอนไปแล้วผมไม่รู้ รู้เพียงอย่างเดียวคือผมก็อยากฟังเสียงหายใจของเขาเหมือนกัน
ติ๊ด
เสียงโทรศัพท์ผมเตือนว่าแบตกำลังจะหมด ผมไม่ได้สนใจข่มตานอน ปล่อยให้แบตหมดไปเอง
(( ฝันดีนะครับที่รักของพี่ .. พี่ขอโทษที่ทำให้แก้วมีน้ำตา .. ติ๊ด )) โทรศัพท์ดับไปพร้อมเสียงหัวใจผมที่เต้นแรง พี่ขุนรู้จักขอโทษคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่รักของพี่อย่างนั้นหรอ ถ้าผมเป็นที่รักของพี่ แล้วพี่ทำแบบนี้กับผมทำไม พี่รักผมแล้วจริงๆหรอครับพี่ขุน
- ♛ ขุนแผน ปะทะ แก้วหน้าม้าเดอะซีรีย์ ♞ -
มาเร็วหน่อย สั้นนิดนะคะ
ตอนหน้าคงกระจ่างค่ะ ตอนนี้รันทดไปก่อนเน่อ
ถ้าเขาเขียนได้ไม่ดีพอต้องขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะที่เมนท์เป็นกำลังใจ