เดือนเกี้ยวเดือน #32 พาร์ทของคิท
มันหายไปจากสารระบบในชีวิตผมมากี่วันแล้วนะ
ไม่สิ ผมไม่ควรจะคิดถึง เอ๊ย นึกถึงมัน ไอ้คนเจ้าชู้มีสาวมาหาในวันนั้น ผมไม่ควรจะนึกถึงอะไรเกี่ยวกับมันทั้งนั้น มันควรเป็นคนที่ผมลืม เป็นคนที่ผมไม่สนใจว่าตอนนี้มันอยู่ไหน มันทำอะไร และทำไมมันไม่ทักไลน์มาหาผมเลย
เอ๊ะ...การที่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้นึกถึง มันก็คือการนึกถึงป่าววะ! แล้วใครใช้ให้มันขโมยจูบผมแล้วหายเงียบไปแบบนี้ล่ะ
ถึงแม้ว่าจะชวนมันมากินขนมที่มันเลี้ยงผม แต่หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ยอมทักอะไรผมเลยแม้แต่น้อย
เจอหน้าจะซัดซักเปรี้ยงโทษฐานที่มาขโมยจูบคนอย่างผม แม่ง แค่คิดเรื่องนี้ผมก็หงุดหงิดแล้ว ความรู้สึกที่ริมฝีปากของผมมันยังมีอยู่เลย ไม่ว่าผมจะกินข้าว แปรงฟัน ทาลิปมัน มันก็ไม่สามารถลบความรู้สึกตอนที่ไอ้มิ่งขยับปากของมันเข้ามาสัมผัสปากของผมได้
“เฮ้ออออออออ”
ผมถอนหายใจยาวคากองชีทขนาดมหึมา เพื่อนทั้งสองของผม ไม่สิ เพื่อนหนึ่งคนของผมหันมามองด้วยความงงงันว่าผมเป็นอะไร
ทำไมต้องบอกว่าหนึ่งคน ทั้งๆที่มีเพื่อนซี้อยู่สองคน
ก็อีกคนแบบกระหนุงกระหนิงอยู่กับเมียมันบนเตียงน้องเค้าโน่น
คือเรื่องมันเป็นอย่างงี้ ผมกับไอ้บีมเสียมารยาทเองที่มานั่งอ่านหนังสือห้องน้องโยเค้า ก่อนเวลาสอบหนึ่งคืนแบบนี้ส่วนใหญ่ผมกับบีมจะมาสิงห้องท่านเทพป่าเพื่อให้มันช่วยติวในเรื่องที่พวกผมไม่เข้าใจ(ไอ้เชี่ยนี่ก็เทพเกิน ก่อนสอบหนึ่งวันแม่งนั่งตีฮอน) และพอท่านเทพเขามีแฟน เขาก็ไม่สนใจจะตีแล้วล่ะครับเกมส์ฮอนน่ะ เขาสนใจที่จะมาตีสนิทแฟนเขาแทน พวกผมก็เลยต้องย้ายตัวเองมาอ่านใกล้ท่านเทพไม่ว่าท่านเทพเขาจะไปที่แห่งหนใด มันเทพจริงๆไงครับ ผมอยากรู้เรื่องไหนถามมันปุ๊บมันตอบปั๊บแบบรู้เรื่องเอามากๆด้วย เพราะงั้นมันก็ยังเป็นตัวหลักในการสอบของพวกผมอยู่ดีไม่ว่าจะยังไง
“เป็นห่าไรเนี่ย อิจฉาไอ้ป่ามันหรือไง” บีมที่ก้มหน้าลงไปอ่านต่อพูดทั้งๆที่ตามันอยู่กับชีท
“อิจฉาเหี้ยไรล่ะ” ผมสวน
แม้ว่าไอ้ป่ากับน้องโยจะน่าอิจฉามาก คือโยมันนอนคว่ำอ่านการ์ตูนเงียบๆของมันไปเพราะไม่อยากกวนพวกผม (พวกพี่ผิดเองที่มาสิงห้องน้อง น้องโยเอ๊ย พวกขอโทษ) แต่ดันมีคนไปกวนน้องเขาแทนนั่นก็คือไอ้เทพป่านั่นแหละครับ
ถ้าไม่มีผมกับบีมอ่านอยู่ในห้องป่านนี้แม่งนอนทับน้องโยที่นอนคว่ำอยู่แน่ๆ เพราะมีพวกผมมันเลยเกรงใจนั่งบนหัวเตียงเรียกร้องความสนใจโยไปเรื่อยๆแบบนี้ไง จิ้มนั่นจิ้มนี่ของโยบ้าง น้องมันไล่ไปอ่านหนังสือมันก็ไม่ไป
ไอ้ป่านี่ดูมันก็รักของมันจริงๆอ่ะนะ...
นึกถึงตอนที่มันยังจำน้องเขาไม่ได้ ถ้ามันยังง่าวอยู่ ผมก็อยากจะรู้จริงๆว่าตอนนี้ชีวิตมันจะเป็นยังไง
ว่าแต่...เอาชีวิตตัวเองให้รอดในวันพรุ่งนี้ก่อนดีมั้ยคิท?
“นี่...”
“พี่ป่า ไปอ่านหนังสือได้แล้ว”
“อ้อนอีกหน่อยสิ...ชอบอ่ะ”
จริงๆแล้วมันคุยกันแค่ไหนก็อ่านหนังสือได้ครับไม่มีปัญหา แต่บางครั้งก็น่าเผือกมากไรมาก ปกติเห็นไอ้ป่ามันยอมคนอื่นแบบนี้ที่ไหน
ว่าแล้วก็เงี่ยหูฟังแม่ง...
“อ้อนอะไร เคยอ้อนด้วย?”
“พยานรู้เห็นมีหลายคนนะครับ จะให้โทรเรียกมายืนยันป่ะ”
“…”
“นะ อ้อนอีกหน่อย ชอบจริงๆ”
ไม่ชอบก็บ้าแล้ว วันนั้นที่ผมเห็นผมยังจะวิ่งไปกระชากตัวน้องโยให้มานั่งตักผมแทนเลย(แต่ผมจะรับน้ำหนักน้องเขาไม่ไหวน่ะสิ เขาตัวใหญ่กว่าผม TT)
แค่อ้อนไปห้องน้ำยังน่าปล้ำขนาดนั้น นี่ถ้าไปอ้อนขอรถไม่ใช่จะได้เรือยอร์ชเลยเหรอครับโย
“ไม่เคยอ้อน บอกแล้ว จะให้ย้ำอีกกี่ครั้ง” เสียงโยอู้อี้มาก สงสัยอยากจะโวยวายเสียงดังแต่ทำไม่ได้เพราะมีกองขี้ควายอยู่สองกองแอบฟังอยู่(กขค) แต่มันฟังดูน่ารักชิบหาย
เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้เทพพนามันถึงรักเมียหลงเมียขนาดนั้น...
“อ้อนสิ เดี๋ยวนี้เลย...”
“ไม่เอา”
“ครั้งเดียว อ้อนเสร็จปุ๊บ พี่จะไปติวให้ไอ้พวกที่แอบฟังอยู่ตอนนี้เลยเอ้า”
สะดุ้งเลยสินะกู...ผมกับบีมทำเป็นปรึกษาเรื่องเรียนกันสองสามคำ หลังจากนั้นก็เงียบฟังสองคนนี้หวานใส่กันต่อ
“อ้อนเรื่องอะไรล่ะ” นี่ก็ยอมมันง่ายเกิน
“อ้อนให้พี่ไปอ่านหนังสือไง” ไอ้ป่านี่ก็...
“ไปอ่านหนังสือ”
อยากจะขำ นี่ไม่ใช่ประโยคขอร้องอ้อนๆนะครับ นี่มันประโยคคำสั่ง
“อยากไปนะ...แต่มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข”
ผมนี่ #ทีมพนา เลยครับ...อยากเห็นอยากฟังคนน่ารักเขาอ้อนอีกสักครั้งในชีวิต...เพราะมีแนวโน้มสูงมากที่ไอ้ป่าจะเก็บไว้เบิ่งไว้แยงคนเดียวไม่ให้ผู้ใดมากร้ำมากราย
เป็นผมผมก็ทำ...
“โอ้ย เรื่องมาก” โยยีผมตัวเองในขณะที่ไอ้ป่ารอดูอย่างลุ้นๆ “ไม่ต้องมามองเลย”
“เอ้าเร็วสิ...พวกแอบฟังมารอดูอยู่นะ”
ไอ้สัดป่า...
ท่าทางโยเหมือนจะฆ่าแฟนมันอยู่รอมร่อ...สงสารน้องมันจริงๆที่ต้องมาเป็นแฟนกับไอ้ขี้บงการอย่างไอ้ป่า
แต่ดูเหมือนน้องมันก็ดูดีมีความสุขนะ
เคล็ดลับของโยไม่ใช่เสียงครับแต่เป็นท่าทาง...น้องลุกขึ้นนั่ง เอื้อมสองแขนไปโอบรอบคอไอ้ป่าเหมือนที่ทำอยู่บนตักไอ้ป่าในห้องติวใหญ่วันนั้น(เอื้อออ #เสียงโดนยิง นี่คือท่าไม้ตายสินะ...ไอ้ป่ากำลังจะโดนคิล ผมเห็นมันจ้องมองน้องอย่างตื่นๆ)
“พี่ป่า...”
ไอ้เชี่ยยยยป่า...มึงไม่ต้องอยู่แล้ว มึงตายไปเลย มึงฟินตายห่าไปเลยยย หวานโคตร น้ำเสียงน่าฟังสุดๆ โอ้โหหหหหหหหห
ผมนี่ย้ายทีมถาวรเลยครับ #ทีมวาโย
“ไปอ่านหนังสือนะ...เพื่ออนาคตของเราสองคน”
ทรุดเลยตู...นี่ขนาดไม่ใช่คนที่น้องมาอ้อนนะ...ไหนบอกอ้อนไม่เป็นไงไอ้โย นี่ฆ่าพวกพี่ทุกคนตายเรียบเลยนะ
โดยเฉพาะหัวหน้า...
มันทำหน้าเหมือนอยากจะกินโยไปทั้งตัวแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีกองขี้ควายอยู่ ผมกับไอ้บีมกระแอมและหันมาสนใจชีทข้างหน้า(อ่านถึงไหนแล้ววะ) หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงมาจากบนเตียง น้องโยกำลังทุบตีไอ้ป่าอย่างไม่ยั้งที่ตัวมัน ในขณะที่มันยิ้มกริ่ม
เกิดอะไรขึ้น (เผือกอีกแล้วสินะ)
ดูจากรูปการณ์ ไอ้ป่าคงจะเอาหมอนแถวนั้นมาปิดหน้ามันกับโยเอาไว้แล้วทำการหอมแก้มน้อง(หรืออาจจะจูบก็ได้ใครจะรู้เพราะน้องหน้าแดงมาก)เพื่อไม่ให้พวกผมเห็น
ตอนนี้กองขี้ควายคนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในที่ๆผิดที่ผิดเวลา
“เห้ย พวกมึง ตั้งใจอ่านหนังสือกันหน่อยดิวะ” ไอ้ป่าเปลี่ยนโหมดจากเล่นกับแฟนมาเป็นไอ้เทพโหดลงจากเตียงมานั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นอีกฝั่ง “ให้สมกับที่โยเอื้อเฟื้อพื้นที่หน่อย...”
บอกตัวเองก่อนมั้ย มาโยในห้องโยชั่วโมงครึ่ง ชั่วโมงสิบห้านาทีมึงก็อยู่แค่กับวาโย...ไอ้พระเอกเอ๊ย
เห็นเพื่อนมีความสุขผมก็แฮปปี้...แม้ว่าเรื่องตัวเองจะยังคลุมเครืออยู่มากก็ตามที...ไอ้ป่าเริ่มติวอีกรอบ ในขณะที่น้องโยอ่านการ์ตูนบนเตียงต่อ เลี่ยงที่จะสบตาพวกผม(สงสัยอาย) ไม่นานนักน้องเขาก็ผล็อยหลับไป(ไอ้ป่าลุกขึ้นไปห่มผ้าห่มให้ พร้อมกับบอกว่าใกล้เวลาที่พวกผมควรจะแยกย้ายกันไปนอนที่ห้องใครห้องมันได้แล้ว)
ติวไปได้อีกสักพัก...เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นของโย โยที่อยู่บนเตียงงัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์
“อืม ว่าไงเชี่ยมิ่ง”
ปากกาที่อยู่ในมือขวาของผมหยุดเขียนไปในทันที...เพื่อนอีกสองคนไม่ได้สนใจว่าผมสติกำลังหลุด
กลับมาสิมึง...มึงจะหลุดทำไมล่ะ...ไอ้เชี่ยสติ แค่ชื่อคนๆหนึ่งเท่านั้นเอง
คนที่ขโมยจูบผมไปและแม่งไม่ยอมติดต่อมาเลย
“พรุ่งนี้เหรอ ว่างนะ กี่โมงล่ะ”
ว่าจะไม่สนใจ แต่ทำไมผมต้องฟังที่โยพูดกับมันทุกคำด้วย
“ไอ้สัด ว่างนักก็ไปเตะบอล เล่นบาสไป หาไรทำดิ”
ปากกาในมือขวาผมเริ่มสั่นนิดๆ...โยบอกว่าไอ้มิ่งว่าง...ว่าง...ว่าง...ว่าง
แล้วทำไมมึงไม่ติดต่อกูเลยวะ!
“ดูหนัง? อ๋อ เรื่องไอ้ฟายอ่ะนะ เอ่อ...พวกนางฟ้ามันชวนกูแล้วว่ะ ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
โอเค...ผมยอมรับตรงๆว่าผมฟังทุกคำ
“ไม่ไป? อะไรของมึง มึงก็เข้ากับนางฟ้าได้ดีนี่ ทำไม ดูเสร็จอยากแดกต่อ...ไม่รู้ ต้องขอพี่ป่าก่อน อืมๆ ฮะ...เอ่อ...” โยพลิกตัวกลับมา เจอผมที่กำลังสบตาเขาอยู่พอดี ผมสะดุ้ง และก็แกล้งทำเป็นอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว “...จะไปอยู่ที่หอนั้นได้ไง ในเมื่อเขาอยู่หอกู...มาสิ”
คำพูดที่ไอ้ป่าติวให้ไอ้บีมกลายเป็นเสียงหึ่งๆเหมือนเสียงแมลงวัน ในขณะที่เสียงที่โยพูดโทรศัพท์กลายเป็นเสียงที่ดังก้องกังวานที่สุดในหูของผม
“ไม่เหรอ...เฮ้อ...ไอ้สัด...อืม ตกลงไม่ไปดูกับกูและก็นางฟ้าแล้วใช่ป่ะ กูขอโทษนะเว้ย อืมๆ รีบนอนได้แล้วสัด เพ้อเจ้อนะมึง”
โยวางสายไปแล้ว...แต่สติของผมก็ยังไม่กลับมา
ในที่สุดไอ้ป่าก็ประกาศิตให้พวกผมกลับหอ...โยเดินลงมาส่งผมกับบีมที่หน้าหอ(พระเอกของเรื่องยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เย็น นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว มันเลยขอตัวไปอาบน้ำที่ห้องเพื่อที่จะมานอนกกแฟนตัวเองก่อนสอบ...ไอ้บ้า) ผมกับบีมเอารถมาคนละคัน มันง่วงๆมันเลยขอตัวกลับไปนอนก่อน เหลือผมกับโยอยู่หน้าหอน้องกันสองคน
“พี่คิท” โยเอ่ย ผมหันมาหาน้องมัน
“ว่าไง...”
“ไอ้เชี่ยมิ่ง...เอ่อ...” โยไม่กล้าพูดอะไรต่อเมื่อเห็นสีหน้าของผม “...ช่วงนี้มันเป็นบ้าอ่ะ...”
ผมเลิกคิ้ว “บ้า?”
“ใช่...มันไม่เคยจีบใครจริงจังเลยครับตั้งแต่ผมคบเป็นเพื่อนกับมันมา...พอมันจะจีบพี่ มันก็เลยกังวลโน่นนี่นั่นไปหมด ยิ่งตอนนี้มันบอกผมว่ามันทำเรื่องไม่ดีกับพี่เอาไว้ มันก็เลยกลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า เพราะงั้น...มันก็เลยใกล้เป็นบ้าน่ะครับ”
ผมรู้สึกว่าผมกำสายกระเป๋าตัวเองแน่นจนเกินไป...
“ผมขออะไรพี่อย่างได้ป่ะ”
“อะไร”
“ทักมันหน่อยสิครับ...ไอ้สัดนั่นมันป๊อดเรื่องของพี่อย่างจริงจัง...”
ผมกลืนน่้ำลาย ก่อนที่จะตอบโยไป... “เรื่องมันป๊อดก็เรื่องของมันดิ กูเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
“เออว่ะ...นั่นสิเนอะ...ขอโทษนะพี่ กลับดีๆนะครับ”
“ขอโทษนะมากวนเวลามึงอยู่กับไอ้ป่าอ่ะ”
“ไม่เลยครับมาได้ตลอด ดีที่พวกพี่อยู่ ไม่งั้นผมคงโดนมากกว่านี้อ่ะ” โยเกาหัวแล้วทำหน้าน่ารักๆก่อนที่จะโบกมือให้ผม
ผมขับรถกลับมาหอ...โดยที่คิดไม่ตกเรื่องไอ้มิ่งตลอดทาง...
แม่ง...ถ้ามึงป๊อดนักมึงก็ป๊อดไปตลอดเหอะ ผมโดนขโมยจูบมานะ...จะให้ผมไปทักมันก่อนได้ไง...นั่นก็เหมือนผมเห็นดีเห็นงามกับจูบที่มันขโมยผมอ่ะดิ
เดือนมหาลัยปีที่แล้วผมเฉยๆเพราะมันเป็นเพื่อนผม
แต่เดือนมหาลัยปีนี้ทำไมมารบกวนใจของผมจัง...ให้ตาย
เอี๊ยดดดดดดดด ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆผมก็เกือบชนเข้ากับร่างสูงๆที่กำลังจะเดินข้ามถนนแถวหน้าหอผม ดึกๆแบบนี้กูกลัวนะเว้ย ผีหรือไงวะ...
ราวกับว่าหลุดออกมาจากความคิดในหัวผม ไอ้มิ่งขวัญนั่นเอง ในมือมันถือไอติมจากเซเว่นและกำลังกินอยู่ ดูเหมือนจะเพิ่งเดินไปซื้อเมื่อกี้ด้วย
ผมนึกคิดว่าควรจะเอาไง...จนกระทั่งมันเดินเข้ามาเคาะกระจกฝั่งคนขับของผม ตอนแรกผมไม่เปิด มันเคาะอีกครั้งจนผมต้องเปิด
ผมมองหน้ามัน ไม่พูดอะไร...ไม่ได้เห็นหน้ามันมาหลายวัน หน้าตามันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมายนักหรอก แต่ทำไมผมกลับมีความรู้สึกแปลกๆด้วยล่ะ
เหมือนหัวใจมันสูบฉีดมากขึ้นอะไรทำนองนั้น
ในมือไอ้มิ่งถือไอติมแม็กนั่มที่ถูกกัดไปหลายคำ มันมองผมด้วยสายตาปรือๆนิดหน่อย
“กลับดึกอ่ะ” มันพูดกับผมว่างั้น
“ว่าไงนะ”
“พี่กลับดึก เมื่อวานไม่เห็นดึกแบบนี้”
“ให้ไอ้ป่าติวให้อยู่ห้องโย แต่เดี๋ยวนะ เมื่อวานมึงรู้ได้ไงว่ากูกลับไม่ดึก”
“ก็ผม...” ไอ้มิ่งกำลังจะพูด แต่แล้วมันก็เปลี่ยนใจที่จะไม่พูด “...เอาเถอะ มาถึงหอแล้วก็รีบไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ”
มึงนั่นแหละที่จะทำให้กูนอนไม่หลับ...
ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าหอ...เดินออกจากรถและก็หันมามองตรงมที่ๆผมเห็นไอ้มิ่ง และผมก็ยังเห็นมันอยู่ แต่ตอนนี้มันเลือกที่จะนั่งข้างฟุตบาธและมองผมอยู่ไกลๆแทน
ถ้าผมไม่ไปพูดกับมัน ผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ
ผมเดินไปหยุดยืนตรงหน้ามัน รอบๆตัวผมกับมิ่งผู้คนบางตาเอามากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กจากหอในละแวกนี้ที่ออกมาหาอะไรกินในตอนดึก และส่วนใหญ่ที่ว่าเหล่านั้นจะมองมาที่ไอ้มิ่งอย่างประหลาดใจแทบทุกคนที่เดินผ่าน
เดือนมหาลัยมานั่งกินไอติมทำซากอะไรแถวนี้
“แล้วทำไมมึงยังไม่กลับ” ผมถาม ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมัน ไอ้มิ่งดูตกใจทำตาโตใส่ผม กลืนน้ำลายอย่างทำอะไรไม่ถูก
“…ก็...ผมยังไม่เห็นพี่เข้าหอเลย”
“มึงบอกเองว่าดึกแล้ว แต่มึงก็ยังเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้”
“ใครจะมาทำอะไรผมได้”
“แล้วใครจะมาทำอะไรกูได้”
“ตัวเล็กๆอย่างพี่สะกิดนิดเดียวก็ปลิวแล้ว”
“มึงว่าไงนะ” ผมให้โอกาสมันพูดอีกครั้ง
“ไอติมนี่อร่อยดีนะพี่” มิ่งเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย
“มึง...” ผมค่อยๆพูด มองใบหน้าด้านข้างของไอ้มิ่งที่สนอกสนใจกับการกินไอติมในมือของมัน เอาไงดีวะ...ถามออกไปตรงๆมันจะดูเกินไปมั้ย...
ก็ผมอยากรู้อ่ะ...
“...มึงหายไปไหนมา”
“หา” ไอ้มิ่งหันมาหาผม
“มึงหายไปไหนมา...เงียบแบบนี้มัน...ไม่ใช่สไตล์มึง” ผมแกล้งทำเป็นตบยุง(มียุงที่ไหนกันล่ะ) ผมได้ยินเสียงมิ่งถอนหายใจดังพรืด
“ผม...เอ่อ..กลัว...มั้ง”
“หา”
“ไม่รู้โว้ย มันกลัวไปหมด จะว่าผมป๊อดผมไม่แมนอะไรก็ได้อ่ะ เพราะผมรู้สึกกับพี่มาก จริงจังมาก และก็...” มันหลุบสายตาต่ำมามองที่ปากผม ผมหน้าแดงขึ้นมาเป็นปื้น “...ทำผิดกับพี่ไว้มาก ถ้าหน้าด้านทักไป ก็กลัวจะรำคาญ ทั้งๆที่ผมบอกออกไปว่าผมสู้ไม่ถอย แต่เหมือนผมอยู่ในช่วงตั้งหลักมากกว่า ผม...”
นี่ผมมาถามอะไรมันวะ...ผมเกาหัวตัวเอง...ไม่ได้อยากที่จะฟังคำพูดของมันต่อ แต่ทว่า...
“เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว...” มันพูดต่อ และก็สนใจไอติมในมือของมันต่อไป
ผมมองไปที่ข้างหน้า...คนหลายคนเดินผ่านไปมา...จ้องไอ้มิ่ง...ซุบซิบ...แต่ไอ้มิ่งไม่ได้สนใจในสิ่งเหล่านั้น ใบหน้าของมันติดจะหม่นหมอง แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าเศร้ามากมายอะไร
“กูไปนอนดีกว่า” ผมลุกขึ้น ไอ้มิ่งลุกขึ้นยืนตาม “พรุ่งนี้สอบเช้า”
“โชคดีครับ ผมรู้พี่ทำได้” มิ่งยกนิ้วโป้งให้
“กูจะเข้าหอแล้ว มึงก็ไปสิ”
“ไม่ได้ ต้องเห็นพี่ปิดประตูหน้าหอหลังจากเข้าไปก่อน”
“อะไรจะขนาดนั้นวะ”
“มันเป็นตรรกะของผม...ไปได้แล้ว” ไอ้มิ่งดันตัวผมให้เดินไปข้างหน้า ผมทำท่าต่อต้านนิดนึงแต่แล้วผมก็ไหลไปตามแรงผลักของมันอยู่ดี
ทำไมรู้สึกว่าเรื่องที่ติดอยู่ในหัวมันเริ่มหลุดออกมาอย่างผ่อนคลาย ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...
…เอาวะ...พูดขนาดนี้ถ้ามึงยังป๊อดอีก...กูจะไม่อะไรอีกแล้วนะโว้ย
“อย่าถอยไปตั้งหลักนานนักดิวะ!”
พูดจบผมก็วิ่งจู๊ดกลับเข้าหอตัวเองทันที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามิ่งทำหน้ายังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันได้ยินชัดมั้ย...
ผมทำอะไรลงไป...อะไรสั่งให้ผมทำ...
สมอง...หรือว่า...ไอ้ส่วนที่สูบฉีดเลือดได้บริเวณอกซ้ายของผม
ช่างหัวมันแล้ว!
โทรศัพท์ของผมสั่น ไลน์เขียวๆส่งสัญญาณบอกว่าไอ้เดือนปีนี้มันกลับมาติดต่อผมอีกครั้ง...ถ้ากูไม่ทำไรเลย...มึงก็คงจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากเลี้ยงฮันนี่โทสกูสินะ...
MOONGMING : ฝันดีนะครับ ผมยิ้ม...ก่อนที่จะยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แต่แล้ว มันก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง
MOONGMING : พรุ่งนี้สอบเสร็จผมพาไปดูหนังได้มั้ย... KIT KAT : ขอดูก่อน นั่นคือสิ่งที่ผมตอบมันไป...ตลอดช่วงเช้าของวันนี้ผมเอาแต่เคร่งเครียดกับข้อสอบในห้องสอบซะจนใบหน้ายับยู่ยี่ไปหมด รู้ตัวอีกทีก็หมดแรงอยู่หน้าห้องสอบหลังสอบเสร็จซะแล้ว
“บีม...เชี่ยบีม อยู่นี่เอง” ไอ้ป่าที่เดินผิวปากท่าทางสบายใจเดินมาคว้าคอไอ้บีมที่ยืนอยู่ข้างๆผม “อาจารย์มีเรื่องคุยด้วย ไปกับกูนะ” แล้วมันก็ลากคอไอ้บีมไปไกลโดยที่ไม่ถามผมเลยสักคำว่าผมจะไปด้วยมั้ย
ไอ้เพื่อนชั่ว...ทิ้งกู...
พอร่างสูงๆของไอ้ป่าผ่านเลยไป ผมจึงได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ตรงข้างหน้าคณะ...
มิ่งขวัญในชุดไปรเวท เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ และแว่นซุปเปอร์ที่เข้ากับหน้ามันชิบหาย...
มันทำผู้หญิงคณะผมหายเครียดจากการสอบไปในบัดดล...เอาแต่มองมันอยู่นั่นพร้อมๆกับการแสดงอาการปลื้มอย่างเห็นได้ชัด
ผมยืนตัวชา...เกิดมาไม่เคยแต่งแบบนี้แล้วหล่อเท่ามัน...ปกติผมเห็นใครหล่อกว่าผม(อย่างเช่นไอ้ป่า)ผมจะรู้สึกเฉยๆเพราะคิดว่าผมนั้นหน้าตาดีในแบบของผมอยู่แล้ว(เสียงใครอ้วก) ไม่มีการอิจฉาใดๆทั้งสิ้นเกิดขึ้นครับก็เพราะผมน่ะผู้ชายแมนๆอยู่แล้ว แต่ว่า...ไอ้หน้าหล่อที่ยืนพิงเสาเขี่ยพื้นอยู่ตรงนั้นทำไมทำผมกระอักกระอ่วนในใจแปลกๆได้
มันไม่ใช่ความรู้สึกอิจฉา...แต่ว่า...อายน่ะครับ
เขินเลยแหละ...
ไอ้เชี่ยมิ่ง...มึงทำอะไรของมึง...
รู้ตัวอีกทีมันก็เดินมาหยุดตรงหน้าผมแล้ว
“เป็นไงบ้าง” รอยยิ้มพิมพ์ใจของมันถูกส่งออกมาพร้อมๆกับการถอดแว่นให้ผมเห็นดวงตาที่มันยิ้มจนตาหยี... “ทำได้มั้ยครับ”
“เอ่อ คือ...เอ่อ ก็โอเคนะ” ผมตอบ “มึงมาทำอะไรที่นี่”
“มารับพี่ไง ไปดูหนังกัน”
“กูบอกตอนไหนว่าจะไปกับมึง...”
“งั้นถ้าไม่ดูหนัง ก็กินข้าวเนอะ” ไอ้มิ่งพูดเองเออเอง “ไปกันเถอะ”
“เห้ย” ผมร้องเมื่อผมถูกโอบไหล่แล้วก็เดินไปข้างหน้า “เดี๋ยวสิ”
“อะไร”
“เพื่อน เพื่อนกูล่ะ”
“พี่บีมเหรอ” เสียงไอ้มิ่งดูสลดลงไปนิดนึง...มันยังไม่รู้ความจริงสินะ
“คือว่า...”
“ไปเถอะ ก่อนที่พี่เขาจะมา” ไอ้มิ่งคว้ามือผมแล้วพาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เห้ย...”
“ขโมยหัวใจคนอื่นมันผิดมั้ยอ่ะ”
“ไอ้มิ่ง...ไอ้เชี่ยมิ่ง!”
“แต่ผมก็กำลังขโมยหัวใจของผมอยู่นะ งั้นคงไม่ผิดมั้ง”
“มึงก้าวไปข้างหน้าเร็วไปมั้ย ไหนบอกตั้งหลักไง”
“ตั้งหลักนานแล้วไงครับ ก็เลยจะไม่ยอมเสียเวลาอีกแล้ว”
“ไอ้มิ่ง...”
“หน้าตาคนสอบเสร็จทำไมน่ารักงี้เนี่ย” มันพูดจบมันก็เอาแต่ลาก ลาก และก็ลาก...
ผมไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยปล่อยให้มันลากไปแบบนั้น
ไม่น่าพูดให้มันย่ามใจเลย...ให้ตาย
วันนั้นหนังไอ้ฟายก็สนุกดีนะครับ...แถมผมยังดูฟรีอีกต่างหาก...มีคนเลี้ยงผมด้วยล่ะTBC*
TALK : มิ่งคิทยังไม่ถึงบทสรุป...ป่าโยจะหวานไปไหน... >///<
ถ้าเนื้อเรื่องช้าเนิบนาบไปต้องขออภัยด้วยนะคะ
คนเขียนอยากจะชี้แจงโมเม้นท์โดยละเอียดไม่เอาพอสังเขปค่ะ 55555
แต่จะพยายามไม่ให้น่าเบื่อแน่นอน หวังว่าคนอ่านจะเมตตา