เดือนเกี้ยวเดือน...พิเศษหลังการประกวด [มิ่งคิท]
ในที่สุดไอ้เชี่ยมิ่งมันก็ได้เป็นเดือนสมดั่งคำที่เคยประกาศกร้าวเอาไว้
ตอนที่เขาประกาศผลผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ น้องวาโยได้รางวัลเยอะก็จริง แต่คนที่เหมาะที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้มหาวิทยาลัยเหมือนไอ้ป่าก็คือไอ้มิ่งนั่นแหละ ผู้ชมที่อยู่รอบข้างตัวพอใจกับคำตัดสินเอามากๆ ไอ้มิ่งไม่ได้ผิวสวย และคะแนนมิตรภาพก็คงจะติดลบเพราะกวนตีนชาวบ้านเขาไปทั่ว เพราะงั้นให้มันเป็นเดือนมหาลัยไปนี่แหละเหมาะสมแล้ว
แล้วผมจะมานั่งคิดหาเหตุผลที่มันได้เป็นเดือนในใจทำไมกัน...มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพ้ม(เสียงสูง) และพอมันได้ตำแหน่งปุ๊บ(แสดงท่าดีใจอย่างกับเป็นดาวซัลโว)ผมก็รู้เลยว่าผมต้องได้ไปกินข้าวกับมันอีกแน่ๆ
ไปวันไหนก็ได้ครับ ยกเว้นวันที่มันได้รับสายสะพานเดือนมหาลัยมาใหม่ๆเช่นวันนี้
แต่มันจะฟังผมมั้ย...นั่นแหละประเด็น
กูไม่อยากเด่นโว้ย...เคยมีประสบการณ์มาแล้ว นั่งแดกก๋วยเตี๋ยวข้างทางกับไอ้เชี่ยป่าตอนมันเพิ่งได้รับตำแหน่ง ไอ้ห่า...นึกว่าซุปตาร์ทำร้านก๋วยเตี๋ยวพัง มีอย่างที่ไหนคนมาขอถ่ายรูปให้รึ่ม...
ไม่อยากจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบวันนั้น เพราะงั้น...ไปวันไหนก็ได้ ยกเว้นวันนี้...
หลังจากที่ช่วยไอ้ป่าขนดอกกุหลาบของน้องโย(แม่ง กี่ดอกวะเนี่ย)ไปไว้หลังรถมัน ผมก็รีบบอกไอ้บีมให้ขับรถไปส่งผมแต่โดยไวที่สุด(หลบหนีไอ้มิ่ง) แต่ไอ้เชี่ยบีม(ผู้ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย)กลับสนุกสนานอยู่กับการเม้ามอยกับสาวๆหลังเวที แม่งเอ๊ย...ผมน่าจะเอารถมาว่ะ
“เชี่ยบีม...ไปเหอะ” ผมพูดคำนี้เป็นครั้งที่ล้าน มองไปรอบๆอย่างหวาดระแวงกลัวไอ้เจ้าของตำแหน่งสูงสุดปีนี้มันจะมาวนมาเวียนแถวนี้ ซึ่งมันคงติดถ่ายรูปกับคลื่นสาธารณชนอีกนานแสนนาน เพราะงั้นจังหวะนี้แหละเหมาะสุด
“แป๊บ” มันตบบ่าผมปุๆแล้วทำท่าเดินไปม่อหญิงต่อ
“เชี่ย”
“มึงจะรีบไปไหนวะ ไม่ได้ไปแดกข้าวกับไอ้ป่าสักหน่อย”
“มึงไม่หิวเหรอ”
“ก็...หิวว่ะ แต่รอแป๊บ”
ฟาย...เกลียดมันจริงๆก็วันนี้
“มึงรีบผิดปกตินะเนี่ย หนีใครอยู่เหรอวะ”
เกลียดสองเด้งเพราะแม่งเสือกรู้ทัน
“ไม่ได้หนีโว้ย กู...หิว”
“หนีไอ้มิ่งหรือไง”
“มึงหันไปม่อหญิงต่อเลยไป”
“พี่ๆคุยไรกันอยู่เหรอครับ” นั่นไง...เพราะไอ้เชี่ยบีมไม่พาผมไปจากที่นี่สักที่ ไอ้เดือนมหาลัยปีนี้มันเลยมายืนจังก้าอยู่ข้างๆผม พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันเท่าไหร่ มันก็ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวของมันให้ผมทันที “ผมเจ๋งป่ะ...”
เออมึงเจ๋ง...มึงต่อยมวยซะจนกูไม่กล้ากวนตีนมึงเลยสาด
“เออ ไอ้น้องมิ่ง ดีใจด้วยนะเว้ย” บีมพูดขึ้นมา “เด็กโรงเรียนเราแม่งคาบตำแหน่งเดือนมหาลัยมาสองปีซ้อนละ ปีหน้าถ้ามีหล่อๆมาอีกไม่ใช่กูจะได้กลายเป็นป๋าดันเหรอวะ”
“ก็เจ๋งนะพี่” ไอ้มิ่งเห็นด้วย ในมือมันหอบดอกไม้หอบรางวัลหอบของพะรุงพะรังเต็มไปหมด
“กูช่วยป่ะ” ผมอาสา...แหม่ ผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรขนาดนั้น
“ผมถือไหว” ไอ้มิ่งเบี่ยงตัวหลบ “...หิวแล้ว ป่ะ ไปกินข้าวตามที่สัญญากัน”
นั่นไง นั่นไงเล่า...ผมว่าแล้วว่ามันต้องเลือกวันนี้ วันที่มันหล่อชิบหายและเป็นวันที่มันได้แจ้งเกิดต่อหน้าธารกำนัลว่ามันจะเป็นคนที่ดังที่สุดของปีหนึ่งปีนี้
“ไม่ไปวันนี้ไม่ได้เหรอวะ”
“ทำไมอ่ะ” มันโวยเสียงเป็นเด็กๆ
“ก็แบบ...”
“เออมิ่ง มึงเอาเพื่อนกูไปเลย เกะกะการม่อสาวของกูชิบเป๋ง” เชี่ยบีมดันตัวผมไปหาไอ้มิ่ง อ้าวไอ้เหี้ยนี่ถ้ามีพานมึงคงใส่กูบนนั้นแล้วประเคนให้เชี่ยมิ่งได้เลยใช่ไหม ไอ้เพื่อนชั่ว...
“ยินดีครับ” ไอ้นี่ก็เล่นไปกับเขาด้วย
ผมไม่รู้จะบอกยังไง ถ้าไอ้บีมไม่ไปส่งก็คงจะมีแต่ไอ้มิ่งนี่แหละที่ไปส่งผมได้ แต่ก่อนหน้านั้น...ผมคงต้องไปกินข้าวกับมันก่อนสินะ
“มึงเลือกร้านไว้หรือยังล่ะ...”
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยตามน้ำไป
“ยัง” มิ่งยิ้ม “รอตามใจพี่อยู่”
“ให้กูเลือก?”
“อื้ม สามสี่ร้านเลยก็ได้ ผมไม่ต้องรักษาหุ่นแล้ว”
อืม...ตอนอยู่บนเวทีแม่งโชว์ซิกส์แพ็คด้วยครับ ตุ๊ดกับกระเทยนี่ส่งเสียงตายกันเป็นเบื่อ
ว่าแต่...จะว่าไปผมก็คิดถึงก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นอยู่แปลกๆนะ
“โคตรร้อนเลย” มิ่งที่จัดการเอาของเก็บหลังรถของมันเสร็จเดินเข้ามาในรถพร้อมๆกับดึงชายเสื้อนิสิตสีขาวออกให้หลุดๆลุ่ยๆ ปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด และดึงสายสะพายออกจากลำตัวของมัน
และผมจะมองมันทุกการกระทำทำไมล่ะเนี่ย
“อยากได้เหรอพี่” มิ่งถามทีเล่นทีจริงตอนที่มันจัดการกับสายสะพายเสร็จ
“อยากได้ไปทำเหี้ยไร”
“เห้ย ลองใส่ดู”
“ไอ้เชี่ย มึงไม่ต้อง” มิ่งดึงผมจะไปใส่สายสะพายให้
“ลองๆ นะๆๆ”
แม่ง...เจอมันพูดแบบนี้ใส่ทีไรผมยอมทุกที หรือเพราะผมขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกันแน่
ไม่นานนักไอ้สายสะพายที่เด็กบนเวทีมันแย่งกันชิบหายก็ตกลงมาอยู่บนตัวผม
“ทุเรศสัด...เอาออก”
“เห้ยพี่...เหมาะอ่ะ” มิ่งชูนิ้วโป้งกดไลค์ยิกๆ
“เหมาะเหี้ยไรล่ะ กูจะเอาออก”
มิ่งยิ้มและก็ช่วยผมเอาออก... “เหมาะเป็นแฟนเดือนไง”
กูไม่มีอะไรจะพูดเลย “มึงขับรถได้หรือยัง”
“ครับๆ” ไอ้มิ่งที่แม้จะเหนื่อยแต่มันก็ยังพอมีแรงที่จะกวนตีนผมต่อ
แฟนดงแฟนเดือนบ้าบอไรวะ...เมิงคิดว่าเมิงจะจีบกูติดหรือไง...
แม่ง...ทำหน้าไม่ถูกเลย
“ตอนอยู่บนเวทีนะพี่...เห็นผมมั่นใจแบบนั้นน่ะผมกลัวชิบหาย ผมกดดันตัวเองแค่ไหนพี่รู้ไหม”
จะไปรู้ได้ไงล่ะ...
“ถ้าไม่ได้เป็นเดือน ก็คงไม่ได้ขับรถให้พี่แบบตอนนี้” และมันก็งับคิทแคทที่มันรื้อออกมาจากเบาะหลังตอนไหนไม่รู้พลางขับรถไปด้วย
“ตกลงมึงอยากได้ตำแหน่งเพราะกูเหรอเนี่ย”
“อย่าไปบอกพวกที่เชียร์ผมนะครับ...ว่าใช่”
“เหี้ย”
“พูดจริงนะเนี่ย”
“มึงมัน...”
“เท่อ่ะดิ”
“เท่เหี้ยไรล่ะ”
“เวลาเขินทีไร...พี่ชอบพ่นคำหยาบทุกทีเลยเนอะ”
“เขินเหี้ยไรล่ะสัด! บ้านพ่องดิ!” “นั่นไง...”
“ไอ้เชี่ยมิ่ง”
“ผมพูดถูก ฮ่าๆๆ” โดนผมพ่นคำหยาบใส่(ไปเสียเยอะ)แต่ไม่ยักกะเห็นมันจะสะท้านสะเทือนอะไรมากมาย “เสียงพี่อ่ะ...มันไม่ได้เถื่อนไม่ได้ถ่อยอ่ะครับ มันก็เลยดูเหมือน...คนน่ารักชอบโวยวาย ประมาณนั้นอ่ะ”
“…เชี่ย”
“ผมพูดถูกอีกแล้วล่ะสิ”
ผมเสมองออกไปนอกหน้าต่างแทน รู้สึกแปลกๆกับคำพูดของมันเข้าไปทุกที ไอ้เชี่ยมิ่งมันแพรวพราวมาก มันรู้วิธีกวนตีนและดันรู้วิธีพูดให้คนอื่นเกิดอาการแปลกๆ
เสียงโทรศัพท์ของมันแผดดังลั่น...มิ่งเอื้อมมือไปกดรับแล้วก็เปิดสปีคเกอร์โฟนเพราะมันขับรถอยู่
“ครับ...”
“เตง...เตงได้ตำแหน่งเหรอ” เสียงผู้หญิง...น่ารักมากด้วย เหมือนผู้หญิงหวานๆแบ๊วๆน่ะครับ พูดกับไอ้มิ่งด้วยสรรพนามที่เขาแซวๆกันว่าพ่อมึงเป็นระนาดเหรอถึงจะได้เตร่งเตร๊งตลอดเวลา
ไม่ได้เผือกครับ แต่มันได้ยินเองเพราะไอ้มิ่งเปิดเสียงดังมาก
“เห้ย เตงรู้ได้ไงอ่ะ”
มันจะแปลกก็ตรงที่พ่อไอ้มิ่งก็เป็นระนาดเช่นเดียวกัน
“แววโทรมาบอก ดีใจกับเตงด้วยนะ เห็นซ้อมหนักเลยนี่”
“ขอบคุณครับ ทำไมไม่มาดูล่ะ”
…บทสนทนาช่างหวานแหววราวกับคนเป็นแฟนกันตามสรรพนามที่เรียกกัน
“แหม ก็มหาลัยเตงอยู่ชานเมืองซะขนาดนั้น”
“สาวเอกชนอย่างเตงเลยไม่อยากมาล่ะสิ”
“ก็แหม ตอนแรกก็ไม่ค่อยอยากไปหรอก แต่ดูรูปที่แววส่งมาให้แล้วอยากไปขี้นมาทันทีเลยอ่ะ”
“เสียดายล่ะสิ เค้าหล่อนะ” มีค้งมีเค้าด้วยแฮะไอ้มิ่ง...
“นั่นสิ...” เสียงผู้หญิงดูแผ่วๆไป พอๆกับเสียงลมหายใจของผมที่แผ่วเบาลง
“เออเตง เค้าขับรถอยู่ เดี๋ยวว่างแล้วเค้าจะโทรกลับนะ”
“อย่าลืมโทรมาน้า...เหงามากเลย เมทไม่อยู่อ่ะ”
“ครับผม” มิ่งหมุนพวงมาลัยหักหลบเลี้ยว “อย่าลืมทานข้าวเย็นเยอะๆนะครับ ยิ่งผอมๆอยู่”
“จ้า เตงก็เหมือนกันน้า”
“อื้ม”
“โทรมาด้วยนะ”
“ครับผม”
ปลายสายวางไปแล้ว...พร้อมๆกับความเงียบชวนอึดอัดแผ่เข้ามาปกคลุมเต็มที่
ไอ้เหี้ยนี่...ตกลงมึงยังไงกันแน่
“พี่อยากกินร้านไหนนะครับ”
“กูเริ่มไม่ค่อยหิวแล้ว”
“อ้าว ต้องกินนะ นี่มันก็เย็นมากแล้วด้วย”
“กูไม่หิวแล้วจริงๆ”
“งั้นร้านนี่...ข้างเซเว่นนี่เลยละกันครับ”
ไอ้มิ่งจอดรถ มันอยากกินชายสี่หมี่เกี๊ยวเหรอ ผมเดินลงจากรถตามหลังไอ้หน้าหล่อที่แต่งตัวเป๊ะชิบหาย(แบบหลุดๆลุ่ยๆ)มายังร้านข้างเซเว่นที่เซเว่นมีคนพลุกพล่านที่สุดในมอ
เด่นไปอีกสิ...
“กินไรดีครับ” มิ่งถามผมด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มนั้นถึงน่าหมั่นไส้ได้เพิ่มขึ้นไปอีกแบบคูณล้าน...
“เหมือนมึงละกัน”
แม่งหงุดหงิดว่ะ...ผมอยากกลับหอไปนอนอ่านหนังสือแล้วนะ
“โอเค...” มิ่งเดินไปสั่ง คนมองตามมันให้ควั่กพร้อมๆกับมีเสียงเซอราวน์รอบทิศทางว่า เดือนปีนี้ไงแก... แม้แต่ลูกสาวร้านชายสี่ก็ถึงกับต้องตะลึงเมื่อฟังไอ้มิ่งสั่งบะหมี่
หารู้ไม่ว่ามันหน้าม่อตอแหลแค่ไหน...
“น้ำครับ” มันเดินไปตักน้ำฟรีมาให้ผมด้วย “กลัวพี่เปลี่ยนใจ ผมเลยเลือกนั่งร้านนี้แม่งเลย”
ดูเหมือนมันจะคิดถูก...เรื่องที่ผมจะเปลี่ยนใจ
เพราะถ้ามันไม่จอดตรงนี้ ผมก็จะบอกให้มันไปส่งผมที่หอแทน
ก็มัน...หงุดหงิดน่ะครับ
“เป็นอะไรไปพี่”
“…”
“ทำหน้าแบบโคตรหงุดหงิดอ่ะ ผมใจไม่ดีนะ”
“มึงไม่มีอะไรจะพูดเลยเหรอ”
“ครับ?”
“ไม่มีจริงๆเหรอ”
มิ่งทำหน้างง... “อ๋ออออ” มันร้องซะดังเลย “เรื่องของหมูหวานใช่ม้า”
หมูหวานไหนวะ มีข้าวเหนียวด้วยมั้ย
“แฟนเก่าผมเองพี่”
ผมที่จับเครื่องปรุงเล่นอยู่หยุดมือกะทันหัน
“ที่ฟังๆดูไม่เก่าเลยนะ” ทำไมผมถึงได้พูดประโยคสุดจะงี่เง่าประโยคนี้ออกไปเสียได้
“เฮ้ย...แม่งเอ๊ย ผมลืมไป” จู่ๆไอ้มิ่งก็ยีหัวตัวเองซะจนเกือบเสียทรงที่เซ็ทมา “ผมชินเกินไปเรื่องคุยกับหมูหวาน เลยไม่ทันได้คิดว่าพี่จะคิดยังไง โอ๊ะ ขอบคุณครับ” มันรับชามบะหมี่ชามแรกมาแล้วก็เลื่อนมาให้ผม “คืองี้นะพี่...หมูหวานอ่ะเป็นคนที่คบกับผมได้นานที่สุดจากแฟนเก่าทั้งหมด...กี่คนวะ” มันนับนิ้ว ผมคิ้วขมวดโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังตั้งใจฟังมันมากแค่ไหน “สิบสาม”
พรู๊ด...น้ำที่ผมเพิ่งดูดเข้าไปเกือบพ่นไปใส่หน้าไอ้หล่อที่มีแฟนเก่าสิบสามคน
“เอ๊ะ...หรือสิบห้าวะ”
“เรื่องของมึงเหอะ”
“โทษครับไม่ได้นับดีๆอ่ะ” มิ่งหยิบทิชชูมาให้ผมเช็ดปาก “ผมคบกับหมูหวานได้ประมาณปีกว่าแล้วก็เลิกกันไป เธอเป็นแฟนคนล่าสุดของผม เราสองคนสนิทกันมากจนพอเลิกกันก็เปลี่ยนสรรพนามที่เรียกกันไม่ได้สักทีก็เลยไม่เปลี่ยนแม่ง หมูหวานยังชอบโทรมาหาผม ผมก็ยังคุยกับเธออยู่ แค่เป็นเพื่อนน่ะครับ”
“แล้วเลิกกันทำไมวะ...”
“เธอจับได้ว่าผม...ชอบคนอื่นอยู่”
“ทำไมมึงมันเหี้ยเงี้ย”
มิ่งยักไหล่... “ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ถึงกับชอบคนนั้นถึงขั้นจะจีบนะ แต่ผมก็ไม่ได้รักหมูหวานถึงขั้นขนาดจะคบกับเธอต่อแล้วเลิกทำตัวเหี้ย เพราะงั้น...โสดดีกว่า”
แม่งซับซ้อนชิบ...ไอ้เหี้ยป่าไม่เห็นจะซับซ้อนเหมือนมึงเลย...มันชอบวาโย...แต่ก็แอบนอนกับผู้หญิงที่เข้ามาเสนอของฟรีให้มันบ้างไรบ้างก็เท่านั้น...แต่ไอ้นี่มีแฟนอยู่แล้วดันไปชอบคนอื่นและก็ชอบแบบไม่มากพอเข้าขั้นจีบ อะไรของแม่งวะ
“อย่าทำหน้างั้นดิพี่ ตอนนี้ผมก็กำลังจีบเขาอยู่”
“…”
“คนที่กำลังกินบะหมี่อยู่เนี่ย”
แค่กๆๆๆ...ผมสำลักแบบที่ไม่สามารถควบคุมได้
“เห้ย พี่ไหวป่าว”
ตกลงเป็นผมเหรอที่เป็นสาเหตุทำให้ไอ้มิ่งกับน้องข้าวเหนียวหมูนี่ไม่ได้คบกันต่อ
“มึงโม้ป่าววะ”
“ไม่ได้โม้พี่...ผมเจ้าชู้ก็จริงแต่เวลาชอบจริงก็ชอบจริงๆนะ”
“พอเลย”
“พอไรล่ะ”
“เลิกพูด”
“พี่เลิกเข้าใจผิดหรือยังล่ะครับ”
“กูไม่ได้เข้าใจไรผิดสักหน่อย”
“แต่หงุดหงิดมากเลยนะ”
“หงุดหงิดเหี้ยไร...”
“กลัวผมยังคาราคาซังกับหมูหวานอ่ะดิ๊...”
ผมทิ่มตะเกียบลงในชามบะหมี่แทนคำตอบ...ละม้ายคล้ายคนหงุดหงิดไปซะฉิบ...
“เอางี้มั้ยครับ ผมจะเลิกคุยกับหมูหวาน”
“เห้ย” ผมตกใจ เงยหน้าขึ้นมามองไอ้มิ่ง
“เธอบอกจะลืมผมแต่เธอก็ยังไม่ลืมผมสักที...ผมจะเลิกคุยกับเธอแล้วนะ”
“เหี้ย...ผู้หญิงเขาจะเสียใจนะ...”
“แล้วความรู้สึกพี่ล่ะครับ”
ผมชะงัก
“ผมคุยกับหมูหวานต่อแล้วก็มาจีบพี่ พี่คิดว่าพี่จะรู้สึกยังไง”
มันอึ้งหลายเรื่องปนกันไปหมด ทั้งความตรงเกินไปของไอ้มิ่งและก็เรื่องของน้องข้าวเหนียวหมู นี่ผมทำตัวไม่ถูกละนะ
“อยากทำไรก็ทำเถอะ” บางสิ่งบางอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมโดยตรง ผมตัดสินใจพูดแบบนี้ออกไปพลางสนใจบะหมี่ข้างหน้าต่อ ไหนบอกว่าไม่หิวแล้ว แต่ผมอยากดับเบิ้ลชามที่สองอ่ะ...
“งั้น...”
มิ่งพูดเสียงเบา ผมก็เลยต้องเงยหน้ามองมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ควรทำเลยครับ สายตาไอ้เชี่ยมิ่งแม่งเจ้าชู้ที่สุดในสามโลก
“…จีบนะ”
มีการยักคิ้วสองครั้งและก็ยิ้มแฉ่งจนตาหยี...ผมกำหมัดแน่นแบบไม่รู้ตัวแล้วก็คลายเพื่อเอามือนั้นมาเกาหัวยิกๆ
“…อนุญาตป่ะ”
ผมเกาจนเหมือนผมของผมมีรังแค
“มึงไม่แดกวะ...เย็นหมดแล้วนะ”
“ก็ตอบมาก่อนดิ...”
“ไอ้เชี่ยมิ่ง แดกไม่แดก ไม่แดกกูริบ”
ไม่น่าพูดเลย ไอ้มิ่งดันชามของมันที่มันยังไม่ได้แตะมาให้ผมโดยไม่คิด
“ท่าทางจะกินจุแฮะ ไม่เป็นไรผมเลี้ยงไหว”
“เหี้ยนี่ มองการณ์ไกลไปถึงขนาดนั้นแล้ว”
“ก็พี่ไม่ตอบ ผมก็คิดไปเองดิว่าพี่อนุญาต”
ไม่รู้จะพูดอะไรกับมันต่อเลยครับ...ผมกินชามที่สองต่อโดยไม่สนใจมันอีกต่อไป...
เจอรุกใส่ตรงๆแบบนี้ ทำอะไรไม่ค่อยจะถูกเลยแฮะ
หรือการที่ผมบอกว่าชอบผู้หญิงปาวๆ มันจะสั่นคลอนก็เพราะไอ้เด็กคนนี้...
และเดท(ในความคิดของไอ้มิ่งคนเดียว)ก็จบลงด้วยประการฉะนี้
โอ๊ะ...ยังไม่จบตอนนี้ครับ
มิ่งขับรถมาส่งผมที่หอ มันก้มหน้าก้มตามองหอของผมแล้วก็บ่นงึมงำ “หอใกล้หอเชี่ยโยเลยอ่ะ ผมย้ายมาแถวนี้ดีมั้ยเนี่ย”
“มึงอยู่แถวไหน”
“ทำไมอ่ะ จะไปหาผมเหรอ”
พอเห็นหน้าดีใจแบบเด็กๆของมันแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าไม่น่าถามเลย
“ฮ่าๆ อยู่อีกฝั่งอ่ะพี่ แต่มาแถวนี้บ่อยเพราะต้องมารับไอ้โย แต่ต่อไปคงไม่ต้องแล้วล่ะ เพราะมันมีคนขับรถโคตรหล่อประจำตัวของมันละ” มันพูด “เห้ย ไม่ดิ ผมต้องมาบ่อยกว่าเดิม”
“อะไรของมึง”
“มารับพี่ไง”
“ไม่ต้อง กูมีรถ ข้างห้องกูคือไอ้เชี่ยบีม กูติดรถมันก็ได้”
“เดี๋ยวก็เปิดเทอมแล้วเรียนก็เรียนคนละฝั่ง...”
“แล้วไงวะ”
“ผมอยากเห็นหน้า...”
ไอ้เด็กนี่... “พูดอย่างกับว่าไม่เคยแอบไปดูกูที่คณะ”
“เห้ย คำพูดพี่อย่างกับไฟส่องทางผมอ่ะ!!!!”
“กูไปละ” ผมเปิดประตูจะลงจากรถ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่โทรศัพท์ไอ้มิ่งส่งเสียงดัง
หน้าจอโชว์รูปเด็กสาวสวยคนหนึ่งที่ไอ้บีมเห็นคงจะต้องน้ำลายไหล แม่งคนหรือตุ๊กตาวะ...
ผมรู้ว่าข้าวเหนียวหมูโทรมา ผมก็เลยจะรีบลงจากรถปล่อยให้มิ่งคุยกับข้าวเหนียวหมูต่อไป...
แต่มือยาวๆของไอ้มิ่งกลับจับมือผมเอาไว้ให้ผมนั่งต่อ...
มันกดเปิดลำโพง ยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่จะกรอกเสียงลงไป
“ไง...”
“ช้าจัง...ไม่ยอมโทรมาสักที...”
“กินข้าวกับแฟนอยู่น่ะ”
ไอ้เหี้ยยยยย...มึงไม่ต้องมาโมเมพาเพลินเอาเองว่ากูเป็นแฟนมึง ผมอ้าปากจะร้องด่า แต่มือของไอ้มิ่งเอื้อมมาปิดปากผมเอาไว้ แล้วแม่งตัวใหญ่ก็ผมหลายขุมแรงผมไม่สู้มันเลยสักติ๊ด...
“ฟะ แฟนเหรอ” ผู้หญิงเขาดูอึ้งไปเพราะคำพูดสุดจะมโนของไอ้มิ่ง
“อื้ม”
“โกหก”
“ไม่ได้โกหก”
“เตงโกหกเค้าทำไม...”
“ไม่ได้โกหกจริงๆ”
“ที่ผ่านมา...ที่คุยกัน...เค้านึกว่าเราสองคนจะกลับมาคืนดีกันได้ซะอีก”
มิ่งที่ยังปิดปากผมอยู่จ้องหน้าผม ก่อนที่จะพูดว่า...
“ตอนที่เราคบกับหวานอ่ะ...หวานจับได้ว่าเราชอบคนอื่นอยู่ใช่มั้ย...”
“คือ...ทำไม...”
“นั่นแหละ...แฟนเราตอนนี้”
ผมดิ้นพล่านอยากจะคว้าโทรศัพท์ไอ้มิ่งมาแล้วแก้ตัวกับข้าวเหนียวหมูเหลือเกินว่ามันไม่ใช่อย่างที่ไอ้มิ่งมันพูด แต่ดูเหมือนปลายสายจะสติหลุดไปแล้วครับ เธอกรี๊ด แล้วเธอก็ร้องด่าไอ้มิ่งต่างๆนานาว่ามาให้ความหวังเธอทำไม...
มันบอกมันเปล่า...ที่มันคุยกับเธออยู่ทุกวันเป็นเพราะเธอชอบมีปัญหามาปรึกษามันเท่านั้นเอง
ตอนแรกผมคิดว่ามันคงพูดเกินความจริง คนเคยคบกันมาแม่งก็น่าจะมีความผูกพันหลงเหลืออยู่บ้าง แต่สิ่งที่ไอ้มิ่งพูด ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง เพราะผู้หญิงเขากรี๊ดใหญ่จนฟังไม่รู้เรื่อง มิ่งเลยก็ขอวางสาย
มันปล่อยผม...และมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ผมนั่งกระพริบตาปริบๆ...นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรในสถานการณ์นี้
“ผู้หญิงเขาเสียใจนะ...”
“ผมก็เสียใจ...แต่ผมมองแต่พี่ จะให้ผมทำไง”
พูดไม่ออกเลย... “กูมีดีอะไรขนาดนั้นวะ”
“ไม่มีหรอก” อ้าวไอ้เหี้ยนี่... “แต่ผมชอบ...มันก็เท่านั้นเอง”
ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วรถ...จนในที่สุดผมก็ถึงเวลาต้องลงจากรถสักที
“ยินดีด้วยนะ” ผมบอกกับมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจาก...
“ยินดีเรื่อง?”
“ตำแหน่งไง”
“เออใช่” มิ่งเอื้อมมือแกะสายสะพายที่พาดอยู่พนักเบาะออกมาแล้วส่งให้ผม “...ของพี่”
“ของกูเหี้ยไรล่ะ ของมึง...”
“ของพี่ ผมทำเพื่อพี่”
“ไม่เอา...ไอ้บ้า มึงยังต้องใช้ถ่ายรูปถ่ายนั่นถ่ายนี่”
“ก็ถ้าใช้เมื่อไหร่จะได้มาเอากับพี่ไง...”
มันทำตาให้ดูน่าสงสาร
“ผมอยากเจอพี่อีก...ฝากไว้...ไม่ได้เหรอครับ”
ผมว่ามันเริ่มรู้แล้วล่ะว่าจุดอ่อนผมคืออะไร...
“รีบๆมาเอาแล้วกัน” สายสะพายสีแดงถูกแย่งมาจากมือไอ้มิ่งอย่างแรงก่อนที่ผมจะลงจากรถไป
มันไม่ลืมที่จะเลื่อนกระจกรถลงแล้วร้องบอกผม...
“คืนนี้ตอบไลน์ด้วยนะ!!!!”TBC*
TALK : บอกจะอัพหลังวันนั้นวันนี้...โกหกทั้งเพ T____T ขอโทษคนอ่านอีกครั้งค่ะ
