วันที่สี่สิบสองในที่สุดก็เปิดเทอมแล้วล่ะครับ สำหรับผม หนึ่งเดือนที่หยุดไปเป็นอะไรที่วุ่นวายมากถึงมากที่สุดเลยล่ะครับ มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มั้งเรื่องที่บินไปหาปุ๊ก เป็นข่าวคึกโครมไปพักหนึ่งกับการขอถอนหมั้นสายฟ้าแลบของเมฆกับปุ๊ก หัวหมุนไปหลายวัน
ยังไม่พอ มีเรื่องพี่ทิวกับข้าวที่มาลงเอยกันอีก น้องมินเลยยิ้มออกมาได้หลังจากปรับความเข้าใจกันจนรู้เรื่อง ก็ดูมีความสุขกันดีนะครับ ก็แทนที่เรื่องป่วนๆ จะจบแค่นี้ แต่ไม่ไงครับ ยังมีหลานเทคโดนรถชนอีก
รอบตัวผมมันอะไร มีแต่น้องเทคที่มุดหัวจมกองหนังสือนิยายอยู่ที่บ้านที่ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากไม่มีเงินกินข้าว กระดาษบาด และหนังสือหล่นใส่หัวใส่เท้า
แต่... ที่ไม่ได้ข่าวคราวเท่าไหร่คือปันปัน... ตอนกลับมาจากญี่ปุ่นผมไปหาที่หอ คุณป้าเจ้าของหอก็บอกว่าปันปันย้ายออกไปแล้ว
ย้ายหอทำไม...
แล้วทำไมมันไม่บอกผมเลยล่ะครับ...
พอโทรหาก็ตอบเลี่ยงๆ ปัดๆ มีเสียงคนแทรกเข้ามาไม่ซ้ำน้ำเสียง ผมเลยต้องรอเปิดเทอมเพื่อที่จะคุยให้รู้เรื่องกันสักหน่อยล่ะครับ
ผมรู้ว่าปันปันกำลังมีปัญหา แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร... ถึงอย่างนั้นผมพร้อมจะช่วยเพื่อนเต็มที่
ถ้าผมช่วยได้
ผมเดินทอดน่องจากหอไปมหาลัย ระหว่างทางก็มีน้องหลายคนยกมือไหว้ เพื่อนต่างคณะยกมือทักทาย ก็เป็นเรื่องปกติดีล่ะครับ
หมับ
สัมผัสหนักๆ ที่ไหล่ มาพร้อมความอุ่นร้อน และร่างที่สูงกว่าผมเล็กน้อย...
"ลามปาม"ผมปัดมือของพายุออกจากไหล่แล้วเหล่มองคนที่เข้ามาทักทายผมอย่างถึงเนื้อถึงตัว "คุณมีธุระอะไรกับผม คุณพายุ"
“เปิดเทอมใหม่แล้วนะ ลมหนาว”พายุเหยียดยิ้มส่งมาให้ผม พร้อมกับส่งสายตาเป็นประกาย “พวกเราใกล้จะได้ตัดสินกันแล้ว”
“คุณยังหลงทางอยู่ในความคิดของคุณไม่เลิกหรือยังไง คุณพายุ”ผมเหลือบมองคนข้างตัวแล้วสาวเท้าเดินให้ไว้ขึ้นอีกหน่อยให้นำหน้าหมอนั่นแล้วหันตัวกลับไปหา “คณะผมไม่มีวันแพ้พวกคุณหรอก ระลึกไว้นะครับ”
ผมจิ้มไปที่หน้าผากเนียนของเดือนมหาลัยสามที แล้วหมุนตัวกลับจะเดินเข้ามหาลัย
แต่...
พายุมันดันมาดึงตัวผมไว้ก่อน มันกระชากตัวผมที่ไม่ได้ตั้งหลักไว้ให้เข้าไปใกล้ก่อนจะใช้แขนล็อคเอวผมไว้แน่น เลยกลายเป็นกว่าตอนนี้ผมตกอยู่ในอ้อมแขนของมัน...
การที่ผู้ชายสองคนกอดกันอยู่ใกล้กับประตูรั้วขอมหาวิทยาลัยในตอนเช้า มันไม่ได้ดูโสภาน่าชมอะไร... ยังดีที่ตอนนี้ยังเช้า คนยังมากันไม่เยอะ
“ปล่อย”ผมเอ่ยลอดไรฟันหลังจากที่ดึงเอาแขนของเฮดวิศวะออกจากตัวไม่ได้ “จะทำอะไร คิดก่อนด้วย คุณพายุ”
พายุหัวเราะในลำคอเบาๆ ทำเอาผมขนลุกชัน สัมผัสได้ถึงลางร้าย...
สัมผัสหนักๆ ที่ข้างแก้ม ก่อนที่จะถูกปล่อยเป็นอิสระทำเอาตัวผมแข็งทื่อ
ตอนอยู่ญี่ปุ่น ที่มันมาล้ำเส้นกับผม ผมยังพอจะทำลืมๆได้ ยังไงที่นั่นก็ไม่มีใครรู้จัก หรือสามารถติดต่ออะไรกับผมได้ แล้วก็ใช่ว่าจะได้เจอกันอีก
แต่นี่มันที่ไหน มันประเทศไทย ใกล้รั้วมหาลัย คนรู้จักของทั้งผมและมันก็มีเยอะ เพื่อน พี่ น้อง ป้าร้านข้าว ลุงร้านน้ำ และอีกมากมาย
ผมปล่อยหมัดไปที่ท้องของวินัยวิศวะไปทีนึงอย่างไม่ออมแรง อย่างน้อยก็ต้องเขียวล่ะครับ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในมอ.อย่างรวมเร็ว
มาทำให้หงุดหงิดแต่เช้าเลย คนอะไร
คงเพราะแววตาของผมสื่อถึงอารมณ์มากไป น้องหลายคนเลยยกมือไหว้ผมปลกๆ ทำให้ผมต้องหลบมุมไปปรับอารมณ์ตัวเองก่อน
ผมว่าผมเคยควบคุมตัวเองได้มากกว่านี้... หรือเพราะช่วงนี้เจอเรื่องต่างๆ มากเกินไปกัน...
พอเดินออกมาจากห้องน้ำ ตาผมก็เหลือบไปเห็นร่างอวบๆ ของน้องเทคของผมที่เดินเหี่ยมมาแต่ไกล ตาที่เล็กอยู่แล้วยิ่งดูเล็กลงเมื่อเจ้าตัวยังไม่ตื่นดี
“เกด... นี่มามหาลัยยังไงเนี่ย”ผมอดถามไม่ได้ ท่าทางที่สลึมสลือไม่ได้นอนนี่ เหมือนจะเป็นหนักกว่าเทอมที่แล้วอีกนะครับ...
ทั้งที่เพิ่งเปิดเรียน
“งืม... ขับรถมาไง พี่หนาว”ไม่ว่าเปล่า น้องผมหาวโชว์ด้วย “ง่วงมากเลยพี่... เกดอยากนอนขั้นรุนแรง”
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนเนี่ย”ผมว่าผมจำได้ว่าน้องเทคผมไม่ติดซีรี่ย์ แต่เหมือนจะติดนิยาย... อย่าบอกว่าอ่านนิยายจนไม่นอนนะ
ผมจะเขกให้
“ก็เพลงที่จะใช้บนแสตนด์มันยังไม่ลงล็อคนี่ จะเรียนซ้อมวันนี้แล้ว เกดเลยต้องจัดการให้เสร็จ”เสียงที่เจือความหงุดหงิดไว้อย่างเห็นได้ชัด “พวกหลีดแม่ง น่าเบื่อ เกดจะส่งพวงหรีดให้พวกมันละ เรื่องเยอะจริง”
“เอาน่า ใจเย็นๆ พี่เชื่อว่าเราทำได้”ผมคงได้แต่ในกำลังใจน้องเบาๆ อยู่ตรงนี้ ถ้ามันไม่มาขอความช่วยเหลือ ผมก็คงยื่นมือเข้าไปยุ่งไม่ได้
เราต้องให้เกียรติกับคนทำงาน จริงไหมล่ะครับ
ผมคุยกับน้องอีกพักนึง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ผมยังมีธุระสำคัญอยู่...
ปันปัน!
ผมตะกายตึกขึ้นไปที่ห้องเรียน ตอนนี้ยังค่อนข้างเช้า คนเลยยังมาไม่เยอะเท่าไหร่ครับ มีแต่เพื่อนที่มาจองที่ให้คนอื่น แล้วฟุบหลับรอเวลา
แต่ถึงอย่างนั้น... ปันปันก็มาแล้ว
ผมตรงดิ่งไปนั่งข้างเพื่อนสนิทที่นั่งเหม่ออยู่ พักหลังๆ มานี้มันดูแปลกไปเยอะเหมือนกันนะครับ ดูเหม่อลอยแปลกๆ ตั้งแต่ก่อนปิดเรียนแล้ว
พอเปิดมายิ่งเป็นหนัก...
“ปันปัน”ผมเอ่ยทักเพื่อนที่เหมือนจะไม่รับรู้ว่าผมมานั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็เหมือนว่ามันจะไม่ได้ยิน น่าแปลกนะครับ “ปันปัน เฮ้ ปันปัน”
ผมยื่นมือไปสะกิดเพื่อนเบาๆ ปันปันสะดุ้งแล้วหันมาหาผมด้วยท่าทางเหรอหรา
มันแปลกไปจริงๆ... นะครับ
“มีอะไรวะ หนาว”เสียงที่สั่นเล็กๆ ทำเอาผมต้องหรี่ตาลงมองคนข้างๆ อย่างไม่ไว้วางใจนัก “ทำไมมองด้วยสายตาแบบนั้นวะ”
“นาย... มีอะไรใช่ไหม?”ผมยิงคำถามไปตรงๆ ปันปันสะดุ้งน้อยๆ แต่ก็ยังไม่หลุดอะไรออกมา “ไม่ต้องมาปิดบังกันเลย นายต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”ปันปันบอกปัดผม พร้อมกับหลบตา นี่มันโกหกกันชัดๆ
แล้วผมควรจะเข้าไปยุ่งไหม?...
คำตอบมันก็มีอยู่แล้วล่ะครับ... คือไม่
“เอาเหอะ... ไว้นายพร้อม ค่อยบอกก็ได้”บอกเหตุผลที่มีรอยแดงๆ บนผิวดำๆที่คอนั่นน่ะ แต่ประโยคหลังผมไม่ได้พูดออกไปหรอกนะครับ
เดี๋ยวเพื่อนเขิน
หึหึ
แอบไปมีแฟนไม่บอกกันนะ ทิ้งให้เดือนคณะอย่างผมโสดสนิทอยู่คนเดียว
ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ เนื้อคู่ผมคงอาจจะยังไม่ถือกำเนิด ทำใจตั้งแต่ก้าวมาเป็นเสาหลักของวินัยแล้วล่ะครับ เวลาก็ไม่มี หน้าก็ตึงโดยไม่ต้องฉีดโบท็อกส์ ใครจะมาเอา
บ่นไปได้ ไม่เอาครับ ไม่ดี ผมเชื่อว่ามีคนโสดมากมายเป็นเพื่อนผม เนอะ
การเรียนเทอมสองนั้นวิชายากขึ้นกว่าเทอมหนึ่งเยอะ แค่วันแรกก็แทบจะกระอัก สมแล้วล่ะครับที่เขาบอกปีสามในตำนาน และการเรียนไม่จบตามหลักสูตรเป็นเรื่องปกติ
บางครั้งผมก็คิดนะครับ ว่าที่กองอยู่นี่ชีทเรียนหรือหมอนหนุนนอน
หืม... การเจอหน้าขอมผมกับคู่อริอย่างพายุน่ะเหรอครับ... ก็เจอกันทุกวันเช้าเย็น... ตอนเย็นมีไปดูน้องซ้อมกีฬาเลยเจอกันอันนี้ผมไม่แปลกใจ
แต่การเจอทุกเช้านี่... มันก็ยังไงๆ เหมือนกันล่ะครับ เลยกลายเป็นว่าผมจะโดนหมอนั่นลากไปกินข้าวเช้าด้วยกันทุกวัน จนมีคนมาถามว่าเทคนิคการแพทย์กับวิศวกรรมศาสตร์เลิกทะเลาะกันแล้วใช่ไหม...
ก็เหมือนจะใช่
หรือไม่ใช่?
เป็นคำถามที่ดี แต่ขอข้อคำถามถัดไปจะดีกว่าครับ
ที่สำคัญกว่าการเจอหน้ากันคือ การที่มันชอบหาเศษหาเลยกับผม... แย่ชะมัดเลยครับ มันรู้จังหวะที่ผมเผลอได้ยังไงกันนะ
ช่วงเย็นว่างๆ ผมก็ไปช่วยน้องเย็บขอบผ้าที่ใช้ติดหลังเวลาขึ้นแสตนด์ไปพลางๆ ระหว่างที่รอให้พวกเขาซ้อมกันไป ไว้ค่อยไปดูช่วงกลางๆ กับใกล้ๆ น่ะครับ
ไม่กดดันให้มากนัก จะดีเอง
ด้วยความที่มีเวลาแค่เดือนเดียว ก็ต้องขึ้นแสตนด์แล้ว และมีเวลาต่ออีกไม่นาน ก็ต้องไปมช. เพื่อร่วมงานเทคนิคการแพทย์สัมพันธ์ เกดมันเลยนัดน้องมาทั้งเช้าทั้งเย็น ถึงเช้าจะซ้อมได้น้อย แต่ก็เป็นการทวนท่า ส่วนเย็นเป็นการต่อเพลงล่ะครับ เท่าที่ฟังมา
ผมได้เห็นผ่านๆ กับได้ยินเสียงการซ้อมแสตนด์ของหลายคณะอยู่นะครับ แต่ไม่ยักจะได้ยินคณะวิศวะเลย ไม่รู้ว่ายังไม่เริ่มซ้แมกัน หรือว่าแอบไปซ้อมที่อื่น
แต่ส่วนตัวว่าคงเป็นอย่างหลัง
ก็ในเมื่อพายุมันคิดจะเอาชนะผม... ถ้ามัวแต่ชักช้า ผมว่ามันจะไม่ทันการณ์เอา
และแน่นอน... พวกผมจะชนะขาดลอย
ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ แต่ผมเชื่อในประสิทธิภาพของน้องๆ ทุกคนของผมนะ
(เกด)
Hi!! เฮลโล สวัสดีค่ะ เกดเองสตรีตัวกลมที่โดนใช้งานยิ่งกว่าทาส เป็นอีเย็นในเรือนเบี้ยที่ต้องตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน ยันไก่เลิกขันถึงได้นอน
ภารกิจคุมแสตนด์อันใหญ่หลวง ควบกับเลือดชุดสำหรับขบวนพาเรทมันหนักหนาเกินกว่าผู้หญิงที่มากกว่าคำว่าบอบบางอย่างน้องเกดคนนี้จะรับไหวแล้วนะ!
แต่!!!
เบื้องบนยังมีเจ้าคุณลมหนาวสั่งการ
ไม่พอ!!!!
เบื้องบนของเบื้องบนยังมีท่านจ้าวตังโออยู่อีกทอด
แล้วอีเย็นอย่างดิฉันจะทำไงได้ ก้มหน้างกๆ ทำต่อไปสิเจ้าคะ ขอซับน้ำหมาก เอ้ย น้ำตาที
อะไรคือการที่ไอ้คุณกิตมานั่งยิ้มแป้นแล้น ตาเยิ้มมืองมือฉาบดิฉันเนี่ย
แล้วอะไรคือการที่ไอ้ลิงโย่งถือฉาบมองกลับไปตาเยิ้มไม่แพ้กันฟะ
อิเดือนก๊องแก๊งสองตัวนี้นี่ ไม่เห็นแก่ชีนีตัวเมีย หาผัวไม่ได้ หาเมียไม่มีอย่างอีเย็นบ้างเลย คาถาอะไรก็เอาไม่อยู่ มาทำใจอิจฉาแรงมาก
คือไร!
ไม่ต้องบอกก็รู้ย่ะ ว่าคบกันแล้ว เล่นจ้องตากันจนจะท้องไปข้างแบบนี้
ไม่รู้เล๊ยยยย
เออ กินๆ กันไปให้หมดไอ้พวกตัวผู้ทั้งหลาย
“ล็อคแขนด้วยน้อง พี่พูดกี่รอบละ”ขอเท้าเอวหาเรื่องสักหน่อยล่ะค่ะ ซ้อมมาเป็นอาทิตย์ๆ ต้องให้ย้ำเรื่องพื้นฐานไม่เลิกจริงๆ
ไม่รู้ว่าโง่หรือทึบ
เหนื่อยใจจริง
“ทวนเพลงนี้ใหม่นะ กลอง ไม่ต้องเร่งมาก โอเคนะ”หันไปแยกเขี้ยวใส่มือกลองสักที ก่อนจะกลับมาจดจ่อที่แสตนด์เหมือนเดิม “ขิงก็รา ข่าก็แรงนะ เอ้า สาม... สี่!”
ไม่รู้ว่าโกรธเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติไหน
ถึงได้ตั้งใจแกล้งกัน ทุกทีที่เจอ
เธอชอบยียวนกวนใจ ทำเรื่องได้เสมอ
ไม่ชอบเธอไม่ถูกโชลก
“ค้างก่อนนะ ค้างก่อน”มันดูแปลกๆ... เกดว่ามันแปลก อืม... “”น้องที่อยู่ขอบทั้งหมด ยืนขึ้นหันหลังหน่อย”
น้องๆ พากันลุกขึ้นพรึบพรับ เออ แบบนี้สวยกว่ากันเลยเลยนะคะเนี่ย
“โอเค เอาแบบนี้นะ ต่อเลยๆ”
ทะเลตีกลองต่อจากเดิม ที่จริงเป็นหน้าที่ของน้องเทคของเกดเองล่ะค่ะ แต่ตอนนี้มันเจ็บอยู่ไง เลยได้แต่นั่งเคาะฉาบ ช่ายย ใช้ไม้กลองเคาะเอาล่ะค่ะ ถือยังไม่ได้ แขนมันยังไม่หาย
บอกให้ตีฉิ่ง ไม่เชื่อกันมั่ง
“เป็นไงบ้างแล้วเกด”เฮือก... คนที่รู้ว่าใครมา เอ้า พวกคุณไม่รู้เหรอคะ? บอกให้ก็ได้... พี่เหมันต์ไง ดูสิ หมอกลงเลยอ่ะ ลมหนาวพลันโชยเย็นยะเยือก...
เย็นในจิตใต้สำนึกของเกดนี่ล่ะค่ะ
“ก็โอเคนะพี่ ยังไม่ได้เรียงเพลง แต่ก็ได้เกือบหมดตามีที่หลีดส่งเพลงมาละ”จริงๆ เราควรจะซ้อมให้เรียงเพลงกันไปนะคะ ไม่งั้นจะงง แต่พอดีเป็นเทคนิคการแพทย์ต้อง strong และ concentrate ไง เลยไม่เรียงกัน...
แหะๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ หลีดมันยังไม่เรียงมาเป็นกิจจะลักษณะ เลยซ้อมไปก่อน ค่อยมาเรียงที่หลัง ไม่งั้นก็คงไม่ทันกิน ยังไงก็ไม่มีซาวน์มาแทรกระหว่างเพลงอยู่แล้วนี่
“เหรอ... แล้วดุริยาราชาวดี ได้ซ้อมยัง”นั่น... เพลงที่ต้องมี เพลงแรกที่ซ้อมเลย ทั้งที่ควรจะเป็นไปตามแพลน แต่ก็นะ เพลงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่เลิก ขอบ่นหน่อยเถอะค่ะ ชิชะ
“ซ้อมแล้วค้า ไม่พลาดหรอกเพลงนี้”ยิ้มแฉ่งส่งให้พี่แกหน่อย เสริมความมั่นใจ แต่อย่าถามถึงภายในหัวใจนะคะ จะกระเด็นไปนอกระบบสุริยะแล้ววว
“งั้นพี่ขอดู”นั่นไง! เอาแล้วไง! ว่าแล้วเชียว หวังว่าเด็กๆ จะยังจำกันแม่น ไม่ทำให้เกดหน้าแตกนะ ฮืออ ถ้าพลาดนี่... โดนคนแรกเลยนะเนี่ยย
“อ่า... ค่ะ”ได้แต่รับคำสิคะ ขืนปฏิเสธ ได้เข้าห้องดำแน่ ฮึกๆ
พี่หนาวเดินไปจากบันไดที่น้องนั่งติ๊ต่างว่าเป็นแสตนด์ มือทั้งสองข้างเก็บที่ข้างหลังด้วยท่าเตรียมพร้อม... เอ... มีใครบอกหรือยังอ่ะคะ ว่าพี่เทคเราเคยเป็นผู้นำเชียร์ด้วย
เก่งทุกเรื่องจริงๆน้าาา
เดี๋ยวนะ ใช่เวลาชมไหมเนี่ยยย
หมูจะขึ้นเขียงแล้ววววว
“อันเชิญบทเพลงประจำวิชาชีพ”พี่หนาวสะบัดแขนตั้งท่าสั่ง ขอเหล่มองน้องหน่อย... อ่า เกร็งกันเต็มที่เลย จะรอดกันไหมเนี่ย...
ตรูนี่แหละจะรอดไหม ฮืออออ
“ดุริยาราชาวดี”แขนเรียวสวยจากมัดกล้ามที่ลงตัวจนน้ำลายแทบหก ละบัดขึ้นอีกครั้งตั้งฉาก “สาม... สี่”
“สดับเพลง แผ่วพลิ้ว ปลิวว่ายฟ้า
กรุ่นกลิ่นรา- ชาวดี พร่างสีขาว
เสมือนหนึ่ง สัญลักษณ์ แห่งพวกเรา
จักเนิ่นเนา แน่ชัด ด้วยศรัทธา”เสียงของน้องๆ ร้องประสานกันดังก้องด้วยความตั้งใจ... แต่ตั้งใจเกินไปไหม... คือ... มัน... ผิดจังหวะง่ะ สโลวโมชั่นมาเลย...
ผิดจังหวะแล้วไง!!
โดนเก็บไงคะ!!!!! ท่อนเดียวจอด ขอทิชชู่กับยาดมด่วน
“นี่ซ้อมกันมากี่วันแล้วครับ”วิญญาณวินัยเข้าสถิตในร่างขึ้นมาทันที เสาจ๋า ขอเค้าสิงหน่อยได้ไหมตัวเอง “พวกคุณจะร้องช้าขนาดนี้กันไปทำไมครับ เพลงนี้เป็นเพลงของวิชาชีพพวกคุณในอนาคต แค่นี้ก็ยังไม่ได้เหรอครับ”
ซีดค่ะ น้องหน้าซีดกันไปหมดเลย เพลงนี้ซ้อมมาสองอาทิตย์แล้ว และใช้แค่ครึ่งเพลงด้วย มันไม่ได้ยากอะไร
“หรือพี่พวกคุณสอนไม่ดี”โดนละค่ะ... มาทางนี้แล้ว ไอ้เราก็ได้แต่ยืนก้มหน้า ไม่แก้ต่าง... เป็นพี่ที่ดีค่ะ ฮ่าๆ “เกด สอนน้องยังไงให้น้องร้องแบบนี้”
“เอ่อ... เกด...”จะตอบยังไงดี หนู่ไม่ได้สอนแบบนี้ พี่ก็รู้ ฮือออ แกล้งกันนี่
“ไม่ใช่เพราะพี่ครับ พวกเราผิดเอง”น้องต้นยกมือขึ้นพูด โอ้ย ซึ้งใจอ่ะ “พวกเราพลาดกันเองครับ”
“อีกไม่นานก็จะถึงวันแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้อยู่ พวกคุณจะทำยังไง”รังสีความกดดันสาดส่องไปทั่วบริเวณ... “หรือไม่ส่งแสตนด์ ดีไหม”
“ไม่ครับ/ค่ะน้องตอบกันอย่างพร้อมเพรียง
“พวกเราจะทำให้ดีกว่านี้ ไม่ให้พี่ผิดหวังครับ”น้องเลออกมาเป็นตัวแทนพูด พี่หนาวพยักหน้ารับ เป็นอันว่าวันนี้คุณเกด รอดค้าาา ได้ไปต่อ
“แล้วพี่จะรอ”
ประกาศิตก่อนจากไป...
ฮึก... ห้องดำยังรอเกดอยู่สินะ... น้องเอ๊ย ห้ามพลาดนะเฟร้ยยย
๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒
มาต่อแล้วค้าาา เย้(ตรงเวลานะจะบอกให้ช่วงนี้ ^^)
ตอนต่อไป... ถึงตอนแสตนด์แล้ววว พายุลมหนาวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้เลยค้าา ศุกร์หน้า 555