ตอนที่ 30 เลิกซ่อน
เพียวเชื่อในศิลปะการป้องกันตัวของตัวเอง แต่ก็รู้ดีว่าตัวเขาไม่ได้มีเหล็กไหลวิ่งอยู่ในตัว ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายชักปืนขึ้นมาเตรียมตอบโต้หมัดที่เขาปล่อยออกไปเขาหน้ามันเต็มๆ เขาถึงต้องหยุด
“เธอคงไม่คิดว่าผมจะเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่ได้มีไอ้นี่อยู่ในมือหรอกใช่ไหม”
อีกฝ่ายเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะแสยะยิ้มที่เขานึกรังเกียจ
แต่คนอย่างเพียวพลาดแล้วจำ จนวันตาย
“แกก็คงไม่คิดว่าหลังจากเรื่องวันนั้น กูจะปล่อยให้คุณหนูไปไหนมาไหนคนเดียวหรอกใช่ไหม”
เสียงพูดพร้อมกับกระบอกปืนเข้าประชิดคนไม่ระวังตัวจากด้านหลัง พี่จงนายตำรวจกล้ามโตที่ปกติรับงานพาทไทม์เป็นคนขับรถของคุณหนูเพียว ขู่เสียงเหี้ยม ในขณะที่ไม่ไกลจากนั้น บอดี้การ์ดอีกหลายนายก็เดินตรงเข้ามา
โชคดีที่นายรอบครอบสั่งให้พวกเขาติดตามคุณหนูตลอดเวลา ที่นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ และใต้รองเท้าของเพียวล้วนมีเครื่องติดตามตัวทั้งนั้น
“พวกมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก”
ถึงคุณหนูจะไม่เปิดปากพูด แต่เกือบครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ทำงานอย่างเต็มที่ สืบหาเบาะแสทุกอย่าง ต่อให้เส้นมันจะใหญ่แค่ไหน ทางฝั่งเขาก็ต้องใหญ่กว่าแน่นอน
“ไม่ต้องห่วงงานนี้รัฐมนตรีพ่อของมึงก็ต้องตามมึงไปนอนในคุกด้วยแน่นอน”
“พ่อทำแบบนี้มันเกินไปนะ”
เด็กหนุ่มโวยลั่น แบบที่ใครก็คงไม่กล้าทำกับผู้ชายคนนี้แบบนี้
“ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้แล้วเพียวจะรอดไหม เวลาเกิดอะไรขึ้นกับแกจะให้พ่อทำยังไง ให้เป็นแบบคราวที่แล้วฉันรับไม่ไหวหรอกนะ”
“แต่เครื่องติดตามกับบอร์ดี้การ์ดครบเซ็ตแบบนี้มันเกินไปนะ ความเป็นส่วนตัวของผมอยู่ตรงไหน”
“ก็อยู่มากพอให้แกทะเลาะกับแฟนแล้วเดินโดดเรียนเป็นพระเอกเอ็มวีนั่นแหละ”
“แฟน!!! นี่พ่อรู้อะไรบ้างเนี่ย”
“ก็นิดหน่อย”
ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นแต่ข้อมูลในไอแพทที่พ่อส่งมา มันพอที่จะสร้างกอล์ฟตัวก็อปปี้ออกมาได้ร้อยคนเลยทีเดียว
“คือพ่อ...ผม...”
“อะไร ไม่โวยแล้วเหรอ”
“รู้นานแค่ไหนแล้ว”
“ตั้งแต่แกม.ต้น”
“แล้วไม่ห้ามหน่อยเหรอ”
“แล้วพ่อห้ามอะไรแกได้ไหม”
“แต่แบบ....”
“เอ่อ ไอ้ลูกคนนี้ อยากให้พ่อเจ้ากี้เจ้าการยุ่งกับเรื่องของแกนักหรือไง ฉันไม่ยุ่งเพราะถ้าแม่แกยังอยู่ เขาก็คงไม่ยุ่งกับความสุขของแก และถ้าพ่อไปยุ่งกับความสุขของแก ตอนตายพ่อจะเอาหน้าที่ไหนไปมองแม่แกบนสวรรค์ได้ห๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วไอ้โทรศัพท์ที่สั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋านั่นจะไม่รับเหรอ”
“ช่างมันเถอะพ่อ มันผ่านไปแล้ว”
“คุณหนูครับ คุณกอล์ฟโทรเข้าเครื่องผม ให้รับไหมครับ”
“ไม่ต้อง...”
“ฉันรับเอง”
“สวัสดีครับพี่จง พี่อยู่กับเพียวหรือเปล่าครับ ผมโทรหาเพียวไม่รับเลย”
“คุณหนูถูกโจรเรียกค่าไถ่จับตัวไปครับ ตอนนี้ยุ่งมากไม่ว่างคุยแค่นี้ก่อนนะครับ”
เพียวเบิกตากว้างมองพ่อตัวเองที่ปลอมเสียงพี่จงได้โคตรจะไม่เนียนก่อนจะกดตัดสายทิ้ง
“มองอะไร พ่อก็แค่อยากรู้จักนายคนนี้มากอีกสักหน่อยก็เท่านั้นเอง”
และนี่เองก็เป็นเหตุให้นายกอล์ฟต้องรีบบึ่งแท็กซี่มายังบ้านของอีกฝ่าย
กอล์ฟกล่าวขอบคุณคุณป้าแม่บ้านที่หากุญแจมาให้เขาไขบุกเข้าห้องคุณหนูของบ้าน ก่อเรื่องไว้ให้เขาปวดหัวตั้งมากมาย อยู่ๆ จะมาตีเนียนแอบอยู่ในห้องสบายใจได้ยังไง เขาไม่ยอม
“เชรี่ย ป้าดาแม่งทรยศ”
เจ้าของห้องร้องโวยลั่น แถมยังปาหมอนบนเตียงที่นั่งเล่นอยู่มาทางเขาอีกต่างหาก
กอล์ฟหลบระยะโจมตีของหมอนได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปประชิดเตียงลูกชายเจ้าของบ้าน
“ออกไปนะโว้ย”
เจ้าของห้องร้องพร้อมกับกระโดดลงจากเตียง วิ่งหนีไปทางโต๊ะเขียนหนังสือ อันมีอุปกรณ์มากมายพร้อมปา
“อย่าทำอย่างที่คิดเลยนะ”
เด็กหนุ่มรีบพูดห้ามอีกฝ่ายที่คว้าสมุดมาถือไว้ในท่าเตรียมพร้อม
“ใครให้เขามาไม่ทราบ”
เจ้าของห้องทำตาขวางชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง
“พ่อนาย”
“อย่ามามั่วไม่เห็นมีคำไหนที่พอบอกให้ในขึ้นมาหาเราบนห้องเลย”
“ถ้าได้ยินขนาดนั้นก็ต้องรู้แล้วสิว่าพ่อบอกมีอะไรให้ไปถามกับเพียวเอง แล้วก็ต้องรู้ด้วยว่าเราพูดอะไรกับพ่อเพียวไป”
เพียวหน้าร้อนวูบเผลอพูดออกไปจนได้ว่าไปแอบฟังเขา น่าขายหน้าชะมัด และจังหวะนี้เองที่กอล์ฟเดินเข้าประชิดตัว
“กอล์ฟเคยบอกเราเองว่าไม่มีใครแทนใครได้”
เพียวยกมือขึ้นกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ไปมากกว่านี้
“ก็ใช่ไงล่ะ”
“แล้วเราจะแทนเป้ได้ยังไง”
“แล้วเป้จะมาแทนเพียวได้ยังไง”
วูบหนึ่งหัวใจเพียวกระตุก แต่เมื่อคิดถึงตอนที่เขาดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ
“แต่กอล์ฟผละออก”
ความเสียใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มออกมา
“ก็เรายังไม่อยากโดนเรียกผู้ปกครอง”
“เกี่ยวไรวะ”
“รู้ป่ะว่าตรงที่ยืนมีกล้องวงจรปิด ต่อไปห้องปกครองกันนักเรียนสูบบุหรี่”
เชรี่ย เกือบได้เล่นหนังสด
“มึงล้อกูเล่น”
ร้องอุทานไปด้วยความตกใจ แต่ก็ตกใจยิ่งกว่าเมื่ออีกฝ่ายฝืนแรงมือเขาเข้ามาใกล้
“ตอนนี้ไม่มีกล้องแล้ว”
ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ
“แล้วยังไงล่ะ”
“ตอนข้างล่างก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือไง”
ใกล้จนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ
“ไม่รู้โว้ย”
“รัก....”
อีกฝ่ายพูดเสียงเบาหวิว ระยะห่างของพวกเขาหมดไปเมื่อสันจมูกเข้าชนกับหน้าผาก และค่อยๆ เลื่อนลงมาจนถึงปลายจมูก
“เรารักเพียว...แล้วเพียวล่ะรักเราไหม”
มองเข้าไปในตาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
“ถ้าไม่แล้วจะทำขนาดนี้เหรอ”
เพียวเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเดียวกันที่เขามี
“ก็รู้แล้วไง”
“รักเพียวนะ”
สิ้นคำ สิ่งที่พวกเขาได้ทำค้างไว้ตอนพักกลางวันก็ได้เกิดขึ้น
จูบแรกที่ไม่มีข้อกังขา จูบแรกของพวกเขาที่ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีกต่อไป
ในเมื่อหลังจากนี้พวกเขาไม่ต้องเล่นซ่อนหากับความรู้สึกของตัวเองกันอีกแล้ว เพราะกอล์ฟได้เรียนรู้แล้วว่าความรักนั้นไม่ใช่เกมซ่อนหา หากแต่ต้องพูดออกมาให้เขาใจกัน
THE END
TaLK
แฮ่ จบแล้วค่ะ //จุดผลุฉลอง
เกิดมาพึ่งเคยเขียนนิยายเรื่องยาวจบ ฮือ
สำหรับเรื่องรักต้องซ่อนนี้ อี้ได้มีการตกลงรวมเล่มกับทาง Rainy Night Publishing
สามารถติดตามรายละเอียดข่าวสารได้ทางหน้าเพจสำนักพิมพ์เลยนะคะ
https://www.facebook.com/rainynightpublishingกราบขอบพระคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอด กำลังใจที่ทุกท่านมีให้ยอดวิวที่แสดงให้เห็นทำให้อี้มีกำลังใจที่จะแต่งให้จบ ขอบคุณมากๆ นะคะ
การได้ดูเด็กๆ เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับทุกคน มันทำให้มีความสุขจริงๆ ค่ะ รักคนอ่านค่ะ
พบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ -อี้หลิง