พิมพ์หน้านี้ - ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: zvonek ที่ 13-10-2014 23:01:05

หัวข้อ: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 13-10-2014 23:01:05
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน บทนำ [13.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 13-10-2014 23:04:58
ประกาศ


สวัสดีค่ะ

วันนี้อี้หลิงแวะมาอัพเดตข่าวสารค่า

ตอนนี้นิยายเรื่อง รักต้องซ่อน ได้ทำการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์ Rainy Night เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ กำลังจะเปิดพรี เร็วนี้ค่ะ สามารถติดตามข่าวสารได้ทางเพจสำนักพิมพ์เลยค่ะ https://www.facebook.com/rainynightpublishing/


ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อยู่ด้วยกันมานะคะ

ขอบคุณค่ะ
ระฆังหยกอ้วนกลม  อี้หลิง

หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน บทนำ [13.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 13-10-2014 23:09:25
Hide-and-Love รักต้องซ่อน




บทนำ





               "หนึ่ง... สอง... สาม..."

               เสียงนับเลขดังไปทั่วลานเด็กเล่น เหล่าเด็กน้อยรีบกระจายตัวหาที่หลบซ่อน

               "...สิบ...เอายางงงง"

               เด็กชายตัวเล็กหลับตาปี๋ตะโกนถาม ไร้เสียงตอบรับเป็นสัญญาณให้ออกคนหา

               "เราหาแล้วน้า..."

               ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อพบเป้าหมายแรก เจ้าอ้วนที่ซ่อนอยู่หลังกระดานเลื่อนตัวยื่นออกมาเกินครึ่งแต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่อง

               “โป้งแฮม" เด็กชายร้องพร้อมกับกระโดดไปจับเพื่อน เจ้าของชื่อสะดุ้งร้องโวยวายตามประสาก่อนจะแอบกระซิบบอกที่ซ่อนเพื่อนอีกคน ไม่ยอมโดนจับคนเดียวหรอกน่า

               ตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปหาคนที่เหลือ

               ใช้เวลาไม่นานนัก ก็จับได้เกือบหมดทุกคน เหลือก็แต่เด็กผู้ชายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มที่ยังหาไม่เจอ

               "เด็กๆ เย็นป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับกันอีก เดี๋ยวก็โดนดุหรอก"

               เสียงเตือนจากคุณแม่ของหมูแฮมที่มารับลูกกลับบ้านพาเอาเด็กๆ มองหน้ากับเลิกลัก หลายคนตัดสินใจตามหมูแฮมกลับบ้านไป

               "เป้กลับบ้าน"

               เด็กหญิงตัวเล็กตะโกนเรียก เพื่อนที่เมื่อครู่เป็นคนหา น้องเป้ส่ายหน้าดิก

               "ไม่กลับ ยังไม่เจอกอล์ฟเลย"

               เด็กหญิงลังเล แต่ก็กลัวจะโดนดุมากกว่าเลยวิ่งตามคนอื่นกลับบ้านไป 

               "กอล์ฟๆ อยู่ไหน เลิกเล่นแล้วนะ"

               เสียงเล็กร้องเรียก แต่ก็ไร้การตอบรับ

               "กอล์ฟออกมา เราอยากกลับบ้านแล้ว"

               "กอล์ฟ"

               "กอล์ฟ"

               และ

               "ไม่ออกงั้นเรากลับนะ....โอ๊ย"

               ตั้งใจจะหมุนตัวกลับอย่างปากว่า แต่เพราะขาที่ไม่ค่อยแข็งแรง พอทำอะไรเร็วๆ ก็ดันทรงตัวไม่อยู่


               "เห้ย"

               เสียงร้องตกใจดังมาจากบนต้นไม้ใกล้ๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะกระโดดลงมา เขาวิ่งไปดูเพื่อนที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้น

               "ซี้ด เลือดออกเลยอ่ะ"

               กอล์ฟเห็นแล้วเจ็บแทนเข้าไปประคองเพื่อนแต่กลับถูกผลักจนตัวเซ

               "ฮึก...กอล์ฟบ้า...ไม่ต้องมายุ่งเลย"

               คนเจ็บน้ำตาคลอเบ้า ดูน่าสงสารจนคนขี้แกล้งเริ่มใจไม่ดี

               "อย่าร้องนะ เราขอโทษ"

               "เราเจ็บก็ต้องร้องสิ"

               เด็กน้อยจ้องอีกคนตาขวาง แต่คนมองกลับรู้สึกน่ารักซะได้ ตาโตๆ แก้มแดงๆ อย่างกับตุ๊กตาที่น้องสาวเขาชอบเล่น รู้ตัวอีกที ก็เผลอยื่นมือไปดึงแก้มอีกฝ่ายแบบที่ชอบทำกับน้องสาวตัวเองซะแล้ว

               "นี่ ยังจะแกล้งอีก"

               คราวนี้เป้ปัดมือเพื่อนไปเต็มแรง โกรธจนควันจะออกหูอยู่แล้วนะ

               "โอ๋ๆ ไม่แกล้งแล้ว กลับบ้านกัน เดี๋ยววันนี้ให้ขี่หลังเลยเอาไหม"

               พูดเหมือนพระเอกในซีรีส์เกาหลีที่แม่ชอบดู เวลานางเอกเจ็บขาต้องทำแบบนี้นี่หน่า

               "ได้เหรอ"

               เป้ลังเล เด็กชายชอบขี่หลังพ่อมาก แต่กอล์ฟตัวเล็กกว่าพ่อตั้งเยอะ จะแบกเขาไหวเหรอ

               "ได้สิ"

               ก็เป้ตัวเล็กนิดเดียว ตัวเล็กกว่ากุ๊กไก่น้องสาวของเขาซะอีก

               เด็กน้อยเดินไปตามทางด้วยความคุ้นเคย บ้านสองคนอยู่ตรงข้ามกัน ไม่ต้องเลี้ยวไปทางอื่นให้เสียเวลา

               "ทำไมกอล์ฟซ่อนเก่งจัง"

               เป้เดินหาตั้งนานไม่เห็นเจอตัวเลย

               "เป็นความลับ"

               คนถามจิปากขัดใจ

               "บอกมา"

               "ไม่บอกหรอก"

               "งั้นโกรธแล้วนะ"

               "ตามใจ"

               "กอล์ฟอ่า!!"

               เสียงร้องโวยมาพร้อมกับฝามือเล็กที่ทุกลงกลางหลัง แต่คนโดนกลับไม่โกรธ แถมยังหัวเราะใส่เสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าบ้านของเป้นั่นแหละ

               คนตัวเล็กปีนลงจากหลังอีกฝ่ายก่อนจะเบ้หน้างอนตุ๊บป่องเข้าบ้านไป ทิ้งให้คนเพื่อนสนิทยืนยิ้มอยู่หน้าบ้านเพียงลำพัง

               “...ไว้สักวันจะบอกละกันนะ...ตัวเล็ก”




TBC......




TaLk
สวัสดีค่ะ อี้หลิงค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านนะคะ วันนี้ก็จบไปสั้นกับบทนำค่ะ เรื่องนี้อยากจะลองเขียนอะไรดราม่าดูค่ะ ยังไงก็ฝากน้องสองคนด้วยนะคะ อ่านแล้วเป็นยังไงก็บอกกันได้เน้อ - อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน บทที่1 เปิดเทอมใหม่ [19.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 19-10-2014 01:25:56

ตอนที่ 1
เปิดเทอมใหม่




               ‘พี่มอปลาย’ ในที่สุดวันที่เขาจะได้ใช้คำนี้ก็มาถึง กอล์ฟตื่นแต่เช้าต้อนรับวันเปิดเทอมวันแรก

               เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำเดินออกจากบ้านด้วยหน้าตาแจ่มใส ก่อนจะตรงดิ่งไปยังรั้วบ้านฝั่งตรงข้าม

               กริ่งไม่จำเป็นต้องกดเพราะรู้ดีว่ากดไปก็ไม่มีประโยชน์ พ่อแม่ของเป้ไม่อยู่ไปดูแลรีสอร์ทที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับมาก็สุดสัปดาห์หน้า ส่วนเจ้าตัวนั้นก็คงไม่พ้นยังนอนอยู่บนเตียง

               กอล์ฟหยิบกุญแจสำรองที่ห้อยไว้พวงเดียวกับกุญแจบ้านตัวเองก่อนที่จะไขเข้าไป

               เขาเดินเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่จำความได้จนบางครั้งก็คิดว่าเป็นบ้านของตัวเองอีกหลังไปแล้ว

               เด็กหนุ่มเดินตรงขึ้นชั้นสองของบ้าน ตำแหน่งเดียวกับบ้านของเขาในฝั่งตรงข้ามก็คือห้องนอนของเป้

               และเป็นไปตามคาด ไอ้เปี๊ยกเจ้าของความสูงเกือบๆ ร้อยเจ็ดสิบยังคงนอนคุมโปงอยู่บนเตียง

               ไม่ต้องส่งเสียงเรียกให้มากความ ไม่ต้องออกแรงถีบให้ตกเตียง หลังจากทุ่มเทหาวิธปลุกอยู่หลายปี เขาก็ค้นพบ

               กอล์ฟทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะที่เจ้าตัวดึงผ้าห่มทิ้งไปอีกทาง ก่อนที่สองมือจะค่อยๆ ถกเสื้อนอนลายการ์ตูนของเพื่อนขึ้นอย่างช้าๆ คนหลับเริ่มขยับตัวยุกยิกพยายามดึงเสื้อกลับลงไป แต่คนปลุกไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เขาฝืนมือดึงขึ้นไปอีกจนแทบจะพ้นอกเพื่อนนั่นแหละ เป้ถึงได้รู้สึกตัวจริงๆ

               “เชรี่ยนี่”

               เป้ดีดตัวขึ้นนั่งอัตโนมัติพร้อมสบถแทนคำกล่าวทักทายยามเช้า ตากลมโตจ้องแขกไม่ได้รับเชิญอย่างหงุดหงิดแบบคนโดนรบกวนเวลานอน

               “อรุณสวัสดิ์นะ”

               คนปลุกพูดด้วยสีหน้าที่ดูยังไงก็รู้ว่ากลั้นขำอยู่

               “ไอ้โรคจิต เมื่อไหร่มึงจะเลิกปลุกกูด้วยวิธีนี้วะ”

               วันนี้ถือว่ายังน้อย บางวันเป้ตื่นขึ้นมาก็ไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นแล้ว อดคิดไม่ได้ ว่าจริงๆ แล้วเพื่อนสนิทเขาเป็นพวกแอบจิตหรือเปล่า

               แต่โวยไปก็เท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจยักไหล่ส่งยิ้มกวนๆ กลับมา

               “ตื่นเองให้ได้ดิ จะได้ไม่ลำบากเรามาปลุก”

               มองจากสีหน้ากอล์ฟแล้วดูยังไงมันก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอย่างปากว่าเลยสักนิด เป้ได้แต่หงุดหงิดกับตัวเองก่อนจะปาหมอนอัดเพื่อนไปที

               “เกะกะ กูจะไปอาบน้ำ”

               สุดท้ายก็จบด้วยผลักอีกฝ่ายให้พ้นทางฮึดฮัดลงจากเตียงไป เหมือนทุกวันที่ผ่านมาก




               “เร็ว ขึ้นมาๆ”

               กอล์ฟที่นั่งคร่อมจักรยานรอร้องบอกอีกคนที่กระหืดกระหอบหิ้วกระเป๋านักเรียนออกมาจากบ้าน

               “จริงๆ เราเดินไปเองก็ได้นะ แค่นี้เอง”

               เป้มองจักรยานแม่บ้านของเพื่อนอย่างลังเล ตั้งแต่ขึ้นมัธยมก็ไม่เคยซ้อนท้ายมันอีกเลย รู้สึกอายแปลกๆ

               “ตื่นก็สาย อาบน้ำก็ช้า ยังจะกล้าบอกจะเดินไปอีก ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ กูไม่อยากสายตั้งแต่วันเปิดเทอม”

               พอโดนพูดใส่แบบนั้นจากที่ลังเลเลยกลายเป็นจำยอม ปกติเป้ก็มีจักรยานเป็นของตัวเองแหละ ดีกว่าจักรยานแม่บ้านของกอล์ฟด้วย แต่วันก่อนออกไปตลาดแล้วลืมเอาตัวล็อคไปด้วย เสร็จโจรไปตามระเบียบ หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ลำบากต้องเดินกลับบ้านขาลาก เหนื่อยแทบตาย

               เสียงเอี๊ยดอ๊าดของจักรยานแม่บ้านอายุมากดังไปตลอดทางทำท่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่มาตั้งหลายปี แต่ก็เห็นมันยังใช้ได้มาตลอด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจักรยานอึดหรือเจ้าของงกกันแน่

               แต่จริงๆ โรงเรียนก็ใกล้แค่นี้ไม่ได้ถูกใช้งานหนักอะไรมากมายนัก ปั่นไปสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว ต่อให้ตื่นก่อนเข้าแถวยี่สิบนาทียังไปทันได้เลย

               แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเป้ก็มักจะถูกปลุกแต่เช้าตลอด จะด้วยเหตุผลอยากไปเตะบอล รีบไปเป็นต้นฉบับ หรือแม้กระทั่งเปิดเทอมวันแรก ยังไงก็ต้องตื่น

               เคยโวยว่าให้กอล์ฟไปคนเดียวก็กลายเป็นว่าโดนโกรธเสียตั้งหลายวัน สุดท้ายก็ได้แต่ทำใจ ยอมตื่นเช้า (ที่ยังไงก็โดนด่าว่าสาย) ไปซะทุกครั้ง




              “ปีนี้ก็ได้อยู่ห้องเดียวกันล่ะ”

               คนตัวสูงฝ่าดงผู้คนออกมาจากหน้าบอร์ดประกาศห้องเรียน เพื่อมาหาเพื่อนสนิทตัวเล็กที่ยืนลุ้นอยู่ข้างนอก

               “ห้องเดียวกันอีกแล้ว!!!”

               เป้ร้อง เริ่มรู้สึกว่าระบบจัดห้องโรงเรียนนี้ชักจะมีปัญหา คนบ้าอะไรอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่อนุบาลยันมอสี่ จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น สายวิทย์มีตั้งห้ห้องมันจะไม่ไปโดนห้องอื่นบ้างเลยหรือไง

               “อะไร ไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับกูขนาดนั้น”

               “เปล่านะ”

               เป้รีบแก้ตัว

               จริงๆ กอล์ฟก็แกล้งแซวไปอย่างนั้นเอง แค่ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกปีก็ดีใจมากแล้ว

               “ไงดีใจไหมครับ ปีนี้คู่ผัวเมียก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”

               เสียงพูดกวนประสาทมาพร้อมกับเด็กหนุ่มตัวสูงโย่ง ที่มีรอยยิ้มกว้างจนตาหยีเป็นเอกลักษณ์

               “ผัวเมียพ่อง เพื่อนบ้านกันโว้ยสัสปอนด์”

               กอล์ฟพูดพร้อมปะเคนฝ่าเท้าให้เพื่อนรัก แน่นอนคนที่กล้ามาท้าตายย่อมเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ปอนด์จึงสามารถกระโดดหนีได้อย่างฉิวเฉียด

               “แหม๋ กูก็นึกว่าพวกมึงอยู่บ้านเดียวกัน เมื่อเข้าเห็นซ้อนจักรยานกันมากะหนุงกะหนิง”

               “ประสาท” เป้ด่าเบาๆ ตามนิสัยก่อนหันไม่มองตัวต้นเรื่องตาขวาง

               บอกแล้วว่าไม่อยากซ้อนมันก็ไม่เชื่อ โดนแซวตั้งแต่มอต้นนึกว่าพอมอปลายแล้วคนจะลืมๆ ไปแล้วซะอีก

               “พวกมึงเนี่ยน้า ไม่มีอารมณ์ขันกันเลย มาๆ ปิดเทอมไปหลายเดือน ไอ้พวกห่างไกลโซเชียลอย่างพวกมึงต้องอัพเดตข่าวหน่อย...”

               แล้วข้อมูลที่หายไปในช่วงปิดเทอมก็ถูกเติมเต็ม




                  เป็นธรรมดาที่พอพักเที่ยงเสียงพูดคุยในโรงอาหารก็จะเจี๊ยวจ๊าวเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นวันแรกของการเปิดเทอม คนที่ยังไม่เจอกันในตอนเช้าก็จะได้มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน หรือแม้กระทั่งพวกที่เจอไปแล้วแต่มีข้อมูลที่ไปแลกกับคนในห้องอัพเดตเพิ่ม เสียงดังกระหึ่มระดับแยงกันตะโกนยังแทบไม่ได้ยินเลยทีเดียว

               “เชรี่ยจารย์ใหม่แม่งฟิตสอนตั้งแต่วันแรก เซงชิบหาย”

               กอล์ฟบ่นพลางจ้วงข้าวกระเพราหมูสับในจานไปพลางราวกับหิวโหยมาเป็นสิบปี โดยมีเป้พยักหน้ายืนยัน ก็ส่วนใหญ่แล้ววันเปิดเทอมวันแรกอาจารย์มักจะชิวๆ ปล่อยให้เป็นคาบว่างแท้ๆ

               “ห้องกูเหมือนจะเจอตอนบ่ายวะ”

               ปอนด์ที่ปีนี้หลุดไปอยู่ห้องข้างๆ เริ่มเล็งเห็นถึงอนาคตของตัวเอง

               “ว่าแต่สอนดีป่ะ”

               ไหนๆ แล้วก็ถามเผื่อไว้เลย จะได้วางแผนถูก ถ้าสอนไม่ดีจะได้รีบกินให้อิ่มแล้วเตรียมหลับให้สบาย

               “ก็โอเค พูดรู้เรื่องดี”

               “ไม่แค่โอเคแล้วมั้ง เห็นกอล์ฟจดทุกตัวอักษรเลยนี่ แค่นี้ก็เรียนเก่งจะแย่แล้วทำเป็นบ่นไปได้”

               เป้บ่นอุบ ว่าจะชวนคุยเรื่องแผ่นเกมที่ซื้อมาใหม่ซะหน่อย เล่นตั้งใจเรียนซะไม่กล้ากวนเลย

               “เอ่อดี เรียนไปไม่ได้เอาไว้ติวมึงหรือไง ปีนี้จะไม่ช่วยแล้ว”

               พอได้ยินพูดแบบนี้เป้ถึงกับหน้าเหวอ ปอนด์รีบออกตัวว่าไม่เกี่ยว เกรดทุกตัวในสมุดพบของเป้ได้มาเพราะกอล์ฟติวแท้ๆ เลยนะ

               “เห้ยไม่เอาดิ ล้อเล่นใช่เปล่า”

               คนกำลังจะซวยรีบทำหน้าหงอยเป็นท่าไม้ตาย แค่นี้ปอนด์ก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้คนที่สปอยร์เพื่อนแต่เด็กอย่างกอล์ฟไม่มีทางรอด

               “ก็ล้อเล่นน่ะสิ กูขี้เกียจมาติวมึงตอนซ่อม”

               พูดก่อนจะดันหัวคนที่นั่งตรงข้ามไปแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้

               “โหย ดันซะแรงแค่นี้ก็โง่จะตายแล้ว”

               “ไม่หรอก มึงไม่โง่ไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะเป้”

               “เชรี่ยกอล์ฟ!!!”

               เท่านั้นแหละ เจ้าของชื่อถึงได้ระเบิดเสียงหัวเราะดันลั่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้องเสียงหลงเพราะต้องหลบขวดน้ำที่อีกฝ่ายปามา

               “อย่าอยู่เลยมึง”

               เสียงอาคาตประกาศกร้าวเป็นสัญญาณเริ่มสงคราม ปอนด์มองเค้ารางวุ่นวายอยู่วงนอกอย่างเงียบๆ ก่อนจะเฟตตัวเองออกไป

               ชิ่งก่อนเป็นยอดคน เขาต้องไปประชุมวงโย ไอ้พวกไม่รู้จักโตนี่เล่นกันอีกนาน




                  ออดเข้าเรียนดังแล้ว แต่เด็กหนุ่มยังคงอยู่กลางโรงอาหาร เป้สาวเท้าไปตามทางจนเกือบจะวิ่ง ในใจก็ได้แต่สาปแช่งกอล์ฟ ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาช้าอยู่แบบนี้ ก็เล่นแกล้งกันจนไม่ได้กินข้าว แถมพอใกล้หมดเวลาเจ้าตัวก็ชิ่งไปเข้าห้องน้ำซะได้ ทิ้งให้เขานั่งจ้วงข้าวแล้วเก็บจานคนเดียว

               หลังจากเดินข้ามฟากขากโรงอาหารด้านหนึ่งไปยังสุดอีกด้านหนึ่งด้วยความสงสัยที่ว่ามันจะทำที่เก็บจานสองด้านไม่ได้หรือยังไง ในที่สุดเป้ก็มรถึง เขาตั้งใจจะเทเศษอาหารที่เหลือลงในถังให้เรียบร้อย แต่อนิจจาดันมีคนตัดหน้า

               “เห้ย”

               เสียงร้องผสานขณะที่เส้นบะหมี่และน้ำซุบต้มยำครึ่งชามที่เหลืออยู่เทลงไปบนตัวคนแซงคิวเต็มๆ

               “ขอโทษครับ”

               เป้หน้าซีด มองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ ดาวบนอกบอกว่าอีกฝ่ายอยู่มอหก แถมตัวสูงกว่ากันตั้งเยอะ เผลอๆ จะสูงกว่ากอล์ฟที่สูงร้อยแปดสิบห้าซะอีก

               นี่จะโดนต่อยไหม ราดเขาไปเต็มๆ เลย

               “ไม่ต้องขอโทษก็ได้ พี่ผิดเองแหละ เดินมาตัดหน้าเรา ขอโทษนะ”

               ผิดคาดคู่กรณีใจดีกว่าที่คิด เป้พยักหน้ารับแบบงงๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้

               “ผมช่วยเช็ดนะพี่”

               แดงฉานด้วยพริกเต็มเสื้อ ดีนะมีแค่ชามเขาที่เหลือ ขืนมีกระเพราไอ้กอล์ฟรวมด้วยเป้ไม่อยากจะคิด

               “ออดแล้วไปเรียนเหอะ เดี๋ยวพี่ไปล้างเอง”

               “แต่...”

               “เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”

               ถึงจะพูดด้วยรอยยิ้มใจดี แต่ก็เหมือนจะไม่เปิดโอกาสให้พูดตอบเลย เป้พยักหน้ารับอย่างจำยอม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้าง เมื่ออยู่ๆ คนที่พึ่งจะเคยเจอหน้ากลับยื่นมือมาลูบหัวเขาซะได้

               “เด็กดี ไว้เจอกันไหมนะ”

               ว่าแล้วพี่มอหกก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ก็คงมีแต่เป้นั้นแหละที่ยังคงยืนงง

                     ...ตะกี้มันอะไรนะ...




TBC......




TaLk
สวัสดีค่ะ งงกันไหม เปิดมาด้วยผู้ชายคนนึงจบตอนด้วยผู้ชายอีกคน ฮา ชอบคนไหนมากว่ากันคะ ระหว่างน้องกอล์ฟเพื่อนตรงข้ามบ้านกับพี่มอหกปริศนาคนนั้น ฮา ดีไม่ดี คำผิดแค่ไหนก็บอกกันได้เลยนะคะ อี้เวลาว่างน้อย แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ ตอนหน้าเจอกันไหมน้า –อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน บทที่1 เปิดเทอมใหม่ [19.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 19-10-2014 12:29:46
อยากรู้จังใครพระเอก
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน บทที่1 เปิดเทอมใหม่ [19.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 19-10-2014 12:58:14
พี่ปริศนาลูบหัวตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2 ความบังเอิญเกิดได้หลายครั้ง [26.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 26-10-2014 02:22:02

ตอนที่2
ความบังเอิญเกิดได้หลายครั้ง




               คาบว่างคือสิ่งที่มีน้อยที่สุดในตารางสอน แต่ก็เป็นช่องที่เด็กชอบที่สุด วันนี้ชั้นม.6/1 มีคาบว่าง แถมเป็นคาบว่างหลังพักเที่ยงซะด้วย ทำให้ใครหลายคนยังคงไม่ขึ้นห้อง

               โยเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ยังอยู่นอกห้องเหล่านั้น เพียงแต่เหตุผลของโยออกจะมีเครดิตกว่าคนอื่นอยู่หน่อย

               ก็อุบัติเหตุเล็กๆ ที่โรงอาหารนั่นทำให้เสื้อนักเรียนเขาเปื้อนแทบจะทั้งตัว แดงฉานแบบถ้าไม่หิ้วกลับบ้านลงเครื่องซักคงไม่รอด

               ยังดีที่โยเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน จึงมักมีเสื้อพละติดล็อคเกอร์ชมรมไว้เสมอ แถมมีตุนไว้หลายตัวอีกด้วย

               “เล่นบาสจนลืมเวลาเหรอมึง”

               เสียงทักของโจ้ดังขึ้นทันทีที่เขาทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ โยส่ายหน้าก่อนจะยกเสื้อนักเรียนที่เปียกชุ่มจากการซักให้เพื่อนดู

               “อุบัติเหตุนิดหน่อย”

               ทั้งๆ ที่มันดูเป็นเรื่องแย่แต่คนพูดกลับยิ้มไม่หุบ

               “ชนแรงเหรอ มึงดูเอ๋อๆ”

               ทักเพื่อนออกไปด้วยความเป็นห่วง คนโดนชนที่ไหนจะยิ้มหน้าบานได้ขนาดนี้กันนะ ลองโบกมือไปมาเช็กดูอีกที หรือจริงๆ เพื่อนเขากำลังตาลอย

               “เอ๋อบ้านป้ามึง ผมมีความสุขต่างหากครับ”

               โยปัดมืออีกฝ่ายทิ้งแรงๆ ก่อนจะอธิบายต่อ

               “โจ้ มึงจำน้องที่เก็บกระเป๋าเงินกูเมื่อปีก่อนได้เปล่า”

               พอคิดถึงคนตัวเล็กก็อดที่จะยิ้มอีกไม่ได้ ท่าทางตื่นๆ กับหน้าโก๊ะๆ นั่น

               โจ้มองเพื่อนงงๆ แต่พอนึกย้อนอยู่สักพักก็พอจะนึกออกว่าปีก่อน ไอ้โยเคยเพ้ออะไรประมาณนี้อยู่

               “เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ ที่มึงบอกมึงรู้จักแต่น้องเขาจำมึงไม่ได้ ชื่ออะไรนะ เป้ป่ะ”

               “เอ่อคนนั้นแหละ”

               “เขาจำมึงได้แล้ว?”

               “เปล่า”

               “อ้าว แล้วมึงยิ้มเพื่อ...”

               “พรหมลิขิต” 

               “หะ...”

               ไม่มีคำอธิบายต่อ ออดเปลี่ยนคาบดังแล้ว โยหันไปหน้าชั้นเรียนเพราะอาจารย์ที่เดินเข้ามาตรงเวลาเป๊ะๆ บรรยากาศล่องลอยในความฝันแผ่กระจายออกมาจากเพื่อนจนโจ้หนักใจ

               ...แม่งเอาอีกแล้ว...




               “ช้าจังวะเป้”

               เสียงกระซิบๆ จากคนข้างตัวดังขึ้น เป้เหลือบมองอาจารย์หน้าห้องเรียนเห็นว่าทางสะดวกจึงกระซิบตอบ

               “ก็มึงแหละ กูเลยเกือบซวย”

               “ซวย? มีอะไรเปล่า”

               เขาแค่ไปเขาส้วม เป้ถึงกับซวยเลยเหรอ

               “ช่างเหอะ ไม่มีอะไรมากหรอก”

               เป้มองตรงไปยังกระดานหน้าห้อง แต่ภาพที่เห็นยังคงเป็นพี่คนเมื่อกลางวัน รอยยิ้มนั่นดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก               

               “เด็กดี ไว้เจอกันใหม่นะ”

                ...ทำไมคุ้นจังวะ...




               “เดี๋ยวกูเดินไปเอาแผ่นหนังกับพวกไอ้แก๊ปก่อน เป้มึงไปเอาจักรยานนะ”

               กอล์ฟพูดพลางโยนกุญแจตัวล็อคส่งให้อีกฝ่ายแล้ววิ่งไปอีกทาง

               เป้คว้ากุญแจกลางอากาศก่อนหันหลังเดินไปอีกทาง ผ่านแป้นบาสที่เริ่มมีนักเรียนเข้ามาจับจอง และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่เขาพึ่งจะเจอกันตอนกลางวัน

               บรรยากาศตอนถือลูกกับตอนกลางวันช่างต่างกันลิบลับ แอบคิดว่าพี่คนนั้นเหมาะกับเสื้อพละมากว่าเสื้อนักเรียนอยู่มาก ถึงเป้จะไม่เก่งกีฬา แต่เขาก็รู้ว่าพี่คนนั้นเล่นเก่งมากจริงๆ จังหวะการส่งลูก หรือต้องเลี้ยงไว้ ทุกอย่างดูเหมาะเจาะไปซะหมด

               ฉับพลันจู่ๆ คนแอบมองก็ต้องสะดุ้งเพราะเหมือนว่าคนที่เป็นเป้าสายตาอยู่เมื่อครู่จะรู้ตัว

               โยส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนมองเขาอยู่ข้างสนามก่อนจะเดินเข้าไปหา

               “มายืนนานหรือยัง มีอะไรหรือเปล่าครับ”

                  ...นั่นดิ มายืนทำอะไรวะ...

               ได้แต่คิดในใจ ก่อนฉีกยิ้มกว้างแก้ขัดไปก่อน ลองทบทวนดีๆ หาทางออก พอเห็นเสื้อพละของอีกฝ่ายก็ได้ข้ออ้าง

               “เสื้อพี่ ผมขอโทษครับ”

               “ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร พี่เป็นคนตัดหน้าเราเอง”

               บรรยากาศสบายๆ ของอีกฝ่ายแบบเมื่อกลางกลับมาอีกครั้ง ชวนให้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

               “ยังไงก็รู้สึกผิดอยู่ดีให้ผมเอาไปซักให้นะ”

               ลองเสนอออกไปดู ทั้งๆ ที่เขาเองก็ซักผ้าไม่เป็นด้วยซ้ำ แค่อยากจะลองต่อบทสนทนาดูก็เท่านั้น

               โยพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเปิดกระเป๋าหยิบเสื้อมาส่งให้อีกฝ่าย

               “แบบนั้นก็ได้ เสร็จแล้วค่อยเอามาคืนพี่ละกัน”

               เป้รับมาถือไว้ ก่อนจะนึกได้เมื่อเห็นกุญแจที่ถืออยู่ในมือ

                  ...ชิบหายลืมไปปลดล็อครถ...

               “ผม..ผมไปนะครับพี่ ไว้เสร็จแล้วจะเอามาคืน”

               พูดจบก็รีบหันตัวกลับ ขืนไปช้ากว่ากอล์ฟ โดนด่าหูชาแน่ๆ

               สองเท้ารีบก้าวไปตามทางอย่างรวดเร็ว มือก็ยัดเสื้อที่รับมาลงกระเป๋าไปด้วย เดินไปยัดไปจนกระทั่งมาถึงที่จอดจักรยานหน้าโรงเรียนนั่นแหละ เขาถึงได้พึ่งนึกเรื่องสำคัญออก

                  ...เสื้อนี่ ถ้าเสร็จแล้วจะไปคืนที่ไหนวะ...

               ใช่แล้ว ไม่ว่าจะชื่อ หรือ ห้องของเจ้าของเสื้อเขาเองไม่รู้จักเลยสักนิด เป้อยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ สักที พอคิดว่าจะกลับไปถามก็ไม่ทันแล้ว

               “กลับบ้านกันเป้”

               ก็เจ้าของจักรยานแม่บ้านเดินมาถึงแล้วนี่

                  “อื้ม กลับบ้านๆ”

               ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากบอกกอล์ฟ แต่คิดว่าถ้าบอกคงต้องโดนด่าว่าปัญญาอ่อนแน่ๆ เป้กอดกระเป๋าแนบกับอกก่อนขึ้นซ้อนจักรยานคันเดิมที่ขึ้นมาในตอนเช้า

               อันที่จริงวันนี้ยังบังเอิญเจอกันตั้งสองรอบ ถ้าได้เจอกันอีกคราวหน้าเดี๋ยวค่อยถามก็ได้มั้ง




TBC......




TaLk

26.10.57 02.08น. ไม่รู้ทำไมสองตอนแล้ว เขียนได้สักพักก็ดันรู้สึกว่าอยากจะตัดจบตอนเอาซะตรงนั้นทุกที สั้นไปมากๆ ขอโทษด้วยนะคะ มาเฉลยแล้วว่าพี่คนนั้นเป็นใคร หลังจากนี้ก็คงจะได้เห็นนายคนนี้เรื่อยๆ ค่ะ ชอบหรือเปล่าคะ เจอคำผิดหรือมีอะไรแนะนำบอกกันได้เลยนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ-อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2 ความบังเอิญเกิดได้หลายครั้ง [26.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 26-10-2014 06:04:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2 ความบังเอิญเกิดได้หลายครั้ง [26.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 26-10-2014 11:39:07
เสื้อพี่เขาไม่ปักรหัสนักเรียนหรอลูกน้องเป้
ใจจริงเชียร์กอล์ฟนะ รู้สึกปิ๊งตั้งแต่สมัยเด็กละ พี่โยมาทีหลังง  :mew2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2 ความบังเอิญเกิดได้หลายครั้ง [26.10.57]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-10-2014 11:53:43
คนไหนกันนะ ที่ต้องให้เป้ตามหา
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่3 สนามบาสหรือสนามบอล [17.11.57]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 17-11-2014 13:35:51

ตอนที่03
สนามบาสหรือสนามบอล



 
               เปิดเทอมได้สี่วันแล้วแน่นอนว่าคนชอบนอนก็ยังคงชอบนอนเป้ยังคงต้องใช้กอล์ฟเป็นนาฬิกาปลุกเพื่อนั่งซ้อนจักรยานไปโรงเรียนให้ทันเวลาเช่นสามวันที่ผ่านมา

               เป็นอีกวันที่เป้บอกปฏิเสธการไปนั่งดูกอล์ฟเตะบอลข้างสนามเพียงเพราะจะได้ไปเดินเฉียดสนามบาสแทน

               เมื่อวานมาลองดูทีหนึ่งแล้วแต่ก็หาไม่เจอแอบกังวลเล็กๆว่าที่วิเคราะห์ไว้จะผิดพลาดก็พี่คนนั้นเล่นบาสเก่งคนเล่นเก่งก็ต้องมาสนามบาสบ่อยๆสิ

               มโนไปเองล้วนๆซื่อยังไม่รู้จักจะคืนถูกได้ยังไงยิ่งเสื้อนักเรียนไม่ได้มีชื่อหรือรหัสนักเรียนปักไว้แล้วด้วย

               ลองคิดเล่นๆว่าคาบว่างพรุ่งนี้จะไปลองเดินหาที่ตึกมอหกดู

               คิดนู่นคิดนี่อยู่นานรู้ตัวอีกทีก็จะเดินเลยสนามแล้วในจังหวะที่กำลังจะหันตัวกลับนั้นเองก็บังเกิดแรงกระแทกอย่างหนักหน่วงที่ศีรษะด้านหลังเล่นเอาซะหน้าทิ่มพื้นแต่เห็นดาว

               “โอ้ย”

               “เห้ย”

               เสียงร้องกับเสียงอุทานแทบจะดังขึ้นพร้อมกัน

               เป้ทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยความมึนงงได้ยินเสียงรองเท้ากีฬาเสียดพื้นใกล้เข้ามาก่่อนจะหยุดลงข้างๆ

               “โทษทีเป็นอะไรไหม”

               เป้หันมองตามเสียงก่อนจะพบว่าคนที่ปาบอลอัดหัวเขาก็คือเจ้าของเสื้อที่กำลังตามหานั่นเอง




              “หายมึนยัง”

               โยถามขณะที่มือยังถือขวดน้ำแช่เย็นประคบหัวรุ่นน้องเป้จึงพยักหน้ารับ

               “ดีขึ้นแล้วครับ”

               เสียงวิ้งๆในหัวเหมือนจะหายไปแล้วพอทำให้สติเริ่มกลับมาบ้างจุดประสงค์ในการมาสนามบาสจึงปรากฏ

               น้องเป้เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อนักเรียนที่แพ็คใส่ถงมาอย่างเรียบร้อยยื่นให้รุ่นพี่

               “คืนครับจริงๆเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ผมหาพี่ไม่เจอ”

               โยหัวเราะเบาๆกับคำบอกเล่านั้นก่อนจะรับเสื้อมาถือไว้

               “พี่ยังคิดอยู่เลยว่าเราจะหาพี่เจอได้ยังไงชื่อก็ไม่ถามห้องก็ไม่รู้วันนั้นตอนเราเดินไปพี่ก็ตะโกนเรียกแล้วนะแต่เราไม่ได้ยิน”

               เป้อ้าปากค้างกับคำตอบนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนมองได้อีกรอบ

               …นี่โง่เองสินะ…

               “เอาน่านี่ก็คืนได้แล้วเน๊อะอย่าซีเรียส”

               “อ่า…ครับ”

               โดนลูบหัวอีกแล้วเป้ชักสงสัยว่ามันเป็นนิสัยติดตัวของอีกฝ่ายหรือเปล่าที่ทำตัวสนิทสนมกับคนไม่รู้จักแบบนี้

               “พี่ชื่อโยนะ”

               “ค…ครับ?”

               “พี่บอกว่าพี่ชื่อโยคราวหน้าเจอกันจะได้ทักถูก”

               “อ้อ…ผมชื่อเป้นะครับ”

               รีบตอบกลับก่อนจะแอบท่องชื่ออีกฝ่ายในใจเขาเป็นคนขี้ลืมถ้าโโนทักคราวหน้าเรียกไม่ถูกคงแย่

               “น้องเป้ชอบดูบาสไหม”

               “ก็นิดหน่อยครับ” จริงๆถ้าจะให้ดูก็ดูได้หมดขอแค่ไม่ต้องเล่นก็โอเค

               “งั้นพรุ่งนี้มาเชียร์พี่นะมีแข่งกระชับมิตรกับคริสเตียนฝั่งตรงข้ามอ่ะชวนเพื่อนมาด้วยก็ได้นะ”

               “ครับผม”

               “ดีมากพรุ่งนี้เจอกัน”

               เป้นั่งมองอีกฝ่ายเดินกลับไปเล่นกับเพื่อนๆในสนามด้วยสายตาชื่นขม

               …พรุ่งนี้คงต้องลากกอล์ฟมาดูด้วยกัน…ก็พี่โยน่ะเท่ห์เป็นบ้า…กอล์ฟก็คงชอบมั้ง…




              “ไม่ไป”

               คำตอบที่ได้รับไม่เป็นไปตามคาด น้ำเสียงเย็นชาไร้เยื่อใยสุดๆ จนคนชวนถึงกับหน้าเสีย

               “โหยกอล์ฟเป็นเพื่อนหน่อยดิไม่เชียร์โรงเรียนตัวเองแล้วจะให้ไปเชียร์ใครอ่า”

               เอาโรงเรียนมาอ้างให้อีกฝ่ายตามใจ

               “ไหนว่าพรุ่งนี้เลิกเรียนจะไปซื้อของกับกู”

               ลืมสนิท แต่เป้รับปากพี่โยไว้แล้ว ไปซื้อของไว้ค่อยไปก็ได้นี่

               “แค่คาบกิจกรรมเอง”

               “เดี๋ยวแม่งก็เกินเวลา”

               รู้ทันไปหมด เป้ชักหงุดหงิด ทำไมกอล์ฟถึงได้ชอบขัดขนาดนี้นะ

               “เอ้อ กูไปดูคนเดียวก็ได้”

               ตัดบทจบดื้อๆ ไม่ไปก็ไม่ไปตัวไม่ได้ติดกันซะหน่อย

               พอกลายเป็นแบบนี้กอล์ฟก็อดจะจิปากไม่ได้ พูดแบบนี้มันก็บังคับกันชัดๆ เขาชวนมันก่อนแท้ๆ แล้วทำไมถึงได้มาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้

               “เย็นนี้มึงไปเชียร์กูเตะบอล พรุ่งนี้กูไปดูบาสเป็นเพื่อนมึง”

               ในที่สุดคนแพ้ก็ยังคงเป็นเขาอยู่ดี เพราะข้อเสนอนี้เป้ไม่ต้องทำอะไรเลยสักนิด ก็การแข่งขันระดับสายชั้นมันเป็นอะไรที่ทุกคนในห้องต้องไปเชียร์ห้องตัวเองอยู่แล้ว ต่อให้กอล์ฟไม่ยื่นข้อเสนอยังไงเป้ก็ต้องไป

               “พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”

               “กูเคยโกหกมึงตอนไหนครับ”

              ...ไม่เคย...

               เท่านั้นแหละ คนชวนก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียม




               แม้ว่าโรงเรียนนี้จะไม่ได้เน้นฟุตบอลเป็นหลัก แต่กีฬาที่เด็กชายไทยเล่นได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นฟุตบอลอยู่ดี

               เป็นประจำในทุกภาคการศึกษาที่เหล่าเด็กชายจะฟอร์มทีมห้องแข่งกันในระดับชั้น และตัวเต็งก็คงหนีไม่พ้นทีมที่กอล์ฟอยู่

               เด็กหนุ่มจัดว่าเป็นตัวยิงอันดับต้นๆ ของโรงเรียนเลยทีเดียว ขนาดว่าตอนยังอยู่มอ.ต้น ก็มีพี่มอ.ปลายมายืมตัวไปลงอยู่บ่อยๆ

               วันนี้เขาก็ยังคงไม่ทำให้เพื่อนผิดหวัง โอกาสครองบอลในสนามของห้องม.4/1 ที่กอล์ฟสถิตอยู่นั้นเอง

               แถมวันนี้ดูเหมือนเจ้าตัวจะคึกเป็นพิเศษอีกด้วย

               “เชี่ยกอล์ฟวิ่งเร็วดิ!!”

               ก็กำลังใจของเขามานั่งเชียร์อยู่ข้างสนามนี่
         
               เสียงร้องแสดงความดีใจของเด็กห้องหนึ่งดังขึ้นเป็นรอบที่สามหลังจากที่กอล์ฟส่งลูกเข้าประตูเก็บคะแนน 3-0 ปิดโอกาสตีตื่นของฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงในห้านาทีสุดท้าย

               สัญญาณหมดเวลาดังขึ้น เพื่อนๆ ก็กรูลงสนามแสดงความยินดี พาให้พระเองของทีมในวันนี้แทบตัวลอย แต่ก็ยังแทรกเดินไปหาอีกคนที่เขาอยากได้ฟังคำชมที่สุด

               “เป็นไง กูเก่งกว่าบาสที่มึงอยากไปดูเปล่า”

               เป้เบะปากใส่คนหลงตัวเอง

               “ก็เหมือนทุกทีนั่นแหละ”

               ชมกอล์ฟมากๆ เดี๋ยวมันก็ลอยขึ้นฟ้ากันพอดี

               “เหมือนทุกวันแล้วทุกวันกูเก่งป่ะล่ะ”

               “มึงเก่งที่สุดแหละครับ”

               “ก็แค่นั้น”

               คนบ้าคำชมยิ้มหน้าบานก่อนยื่นมือไปรับกระเป๋าที่อีกฝ่ายส่งให้ แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจิ้มดูข้อความที่แจ้งเตือนอยู่สองสามทีก่อนจะร้องบอกอีกฝ่าย

               “ป่ะกลับบ้าน แม่ไลน์มาบอกว่าวันนี้ทำปลาเปรี้ยวหวานของโปรดมึง วันนี้กินที่บ้านกูเน๊อะ”

               “พูดเหมือนปกติกูกินที่อื่น”

               “ทีหลังก็ย้ายมานอนบ้านกูเลยดิ แม่กูรักมึงจะตายอยากได้เป็นลูกอีกคน”
               
               “หึ แค่นี้มึงก็หมาหัวเน่าแล้วกอล์ฟ”

               คนตัวเล็กพูดพร้อมกับยิ้มเหนือกว่าใส่อีกฝ่าย แม่กอล์ฟรักเขาจะตาย เอาใจเขายิ่งกว่าลุกชายตัวจริงซะอีก

               “เหรอไอ้เปี๊ยก”

               พูดพลางกดหัวอีกฝ่ายด้วยความรัก เป้รีบปัดมือออกทันควัน

               “เอ่อ ไอ้หมาหัวเน่า”

               “มาดูกันว่ากูกับมึงใครเป็นหมาหัวเน่า”

               พูดจบกอล์ฟก็กระโดดขึ้นจักรยานปั่นหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เป้ยืนโวยอยู่หน้าโรงเรียน

               “ไอ้บ้ากอล์ฟ มึงกลับมารับกูก่อน”

               “แน่จริงก็ใช้ขาสั้นๆ ก็มึงวิ่งมาสิ”

               ถึงจะตะโกนตอบไปแบบนั้น แต่สุดท้ายคนที่วนรถไปรับก็คงเป็นกอล์ฟอยู่ดี



TBC......




TaLk

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ติดงานเป็นอย่างมาก เข้าขั้นวิกฤต วันนี้มีเวลานิดหน่อย เลยแวะมาแปะค่ะ สั้นไปมากโข //กราบ
สำหรับตอนนี้เปล่อยน้องกอล์ฟโชว์เมพมัดใจหนุ่มไปแล้ว ตอนหน้าขอพื้นที่ให้พี่โยแสดงอภินิหารด้วยนะคะ ฮา ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่4 เค้ารางที่ปรากฏ [09.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 09-01-2015 01:47:53

ตอนที่04
เค้ารางที่ปรากฏ   




               ทันทีที่หมดเวลาเสียงเฮแสดงความยินดีก็ดังสนั่นด้วยแต้มของฝั่งเจ้าบ้านที่มากกว่า

               ทั้งๆ ที่โรงเรียนเขาเป็นฝ่ายชนะแต่กอล์ฟกลับรู้สึกหงุดหงิด

               “ชนะแล้ว สุดยอดไปเลยเน๊อะ โดยเฉพาะพี่โย ชู้ตแม่นมาก เท่ห์มากเลยอ่ะ”

               ‘พี่โยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’ ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันกอล์ฟได้ยินคำนี้จากปากเพื่อนตัวเล็กจนนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าเป้ไปรู้จักไอ้พี่โยนี่ตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่อง

               “ขอบใจมากนะเป้ มาเชียร์พี่จริงๆ ด้วย ได้กำลังใจเยอะแยะเลย”

               ยิ่งเจ้าของชื่อเข้ามาใกล้กอล์ฟยิ่งหงุดหงิด แต่เหมือนว่าเพื่อนสนิทของเขาจะไม่ได้คิดอย่างนั้น ถ้าเป็นหมาตอนนี้คงส่ายหางพึบพับน้ำลายหกแน่ๆ

               “ไม่หรอกครับ เพราะพี่โยเล่นเก่งต่างหาก”

               “เขาก็มาเชียร์ทีมโรงเรียนกันทั้งสนาม กำลังใจไม่เยอะก็บ้าแล้ว”

               กอล์ฟพูดลอยๆ แต่จงใจเหน็บอีกฝ่าย ซึ่งรุ่นพี่เองก็รู้ตัว

               “ของแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเชียร์เป็นใคร เน๊อะเป้เน๊อะ”

               ประโยคแรกตั้งใจตอบตัวแถมที่น้องเป้หิ้วมาด้วย

               โยยืนฟังเป้แนะนำเพื่อนสนิทให้รู้จัก พลางประเมินหมาหวงก้างไปด้วย สายตาหมอนี่ดูไม่พอใจสุดๆ ที่เขามายุ่งกับเพื่อนสนิทของมัน แต่ใครจะสน เขาสนแค่คนตัวเล็กตรงหน้าต่างหาก

               “ผมชอบพี่เวลาอยู่ในสนามที่สุดเลย เท่ห์โคตรๆ”

               เป้พูดตาเป็นประกาย ประทับใจลีลาการเล่นของอีกฝ่ายจนเข้าขั้นเพ้อ

               “ถ้าชอบก็มาดูพี่ซ้อมตอนเช้าสิ”

               “ได้เหรอครับ”

               ดีใจจนแทบกระโดดตัวลอย พี่โยใจดีชะมัด ไม่กลัวว่าเขาจะเกะกะด้วย

               “เป้!!!! กูจะไปซื้อของแล้ว มึงเสร็จหรือยัง”

               กอล์ฟตวาดดังลั่น เขาเรียกเป้ตั้งหลายครั้งหมอนั่นมัวแต่เพ้อบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่สนใจเขาสักนิด

               “อ้อ อื่มเอาสิ พี่โยผมไปก่อนนะครับ เจอกันวันจันทร์นะครับ”

               เป้โบกมือลารุ่นพี่ขณะที่ขาก็ต้องพยายามก้าวตามเพื่อนสนิทที่ลากเขาไปยังที่จอดจักรยานให้ทัน

               ‘หึ ดูซ้อมเข้าเหรอ ไม่มีทาง ท่าเขาไม่ปลุกเป้มันไม่มีทางตื่น’

               กอล์ฟแอบวางแผนในใจ จะยอมสละเวลาเล่นบอลของตัวเองหน่อยก็ได้ พอคิดได้แบบนั้น เด็กหนุ่มก็ผิวปากปั่นจักรยานไปยังจุดหมายอย่างมีความสุข




               แต่อนิจจา กว่าจะถึงวันจันทร์แผนที่วางไว้ก็ลืมมันไปหมดแล้ว

               “กอล์ฟตื่นๆ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”

               เสียงนาฬิกาปลุกที่ไม่คุ้นดังขึ้นข้างตัว

               “ฝันประหลาดแท้”

               กอล์ฟลืมตาขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้มคนในฝันเล่น จนอีกฝ่ายโวยวาย

               “ฝันบ้าอะไร นี่ความจริงต่างหาก”

               คราวนี้กอล์ฟถึงกับตื่นเต็มตา ร้อยวันพันปี ถ้าเขาไม่ปลุกมันไม่เคยตื่น แล้วนี่คืออะไร!!!

               ‘บ้าไปแล้ว หิมะต้องตกในกรุงเทพแน่’

               เด็กหนุ่มมองหน้าเพื่อนสนิทเหมือนคนเห็นผี

               “งี่เง่า ไม่คิดจะให้มึงปลุกตลอดไปหรอกน่า”

               เป้พูดพลางปัดมืออีกคนออก ก่อนจะโวยต่อ

               “ยังนั่งงงอยู่อีก ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปหาข้าวเช้ากินกัน”

               แล้วจะได้ไปดูพี่โยซ้อมบาส

               ประโยคหลังไม่พูดออกไปเพราะดูเหมือนกอล์ฟจะไม่ชอบรุ่นพี่คนนี้เท่าไหร่ เห็นคนเท่ห์กว่าตัวเองไม่ได้ ไอ้คนขี้อิจฉา

               กว่ากอล์ฟจะได้คำตอบว่าเพราะอะไรเป้ถึงได้ตื่นเช้าได้ก็เมื่อไปถึงโรงเรียนแล้วอีกฝ่ายแยกตัวไปดูพี่โยซ้อมบาสนั่นแหละ




               “เห้ย กอล์ฟมึงเล่นเชรี้ยอะไรชองมึง มีสมาธิเปล่าเนี่ย”

               เสียงด่าของเพื่อนร่วมทีมดังมาแต่ไกล กอล์ฟถึงได้รู้ตัวว่าเขากำลังเลี้ยงลูกไปทางประตูทีมตัวเอง

               “โทษทีกูนอนน้อยไปหน่อย กูพักนะ”

               พอเขาเลิกเล่น ก็มีคนเลิกเล่นตาม ก็คนที่เป็นคนตะโกนด่านั่นแหละ ก้องทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่วันนี้สมองรวนเต็มที่ ก่อนจะเอ่ยถาม

               “เป็นห่าอะไร”

               กอล์ฟสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมัวแต่สนใจเรื่องที่ติดในหัวตัวเองตั้งแต่เช้า จนเพื่อนต้องถามย้ำอีกครั้งถึงได้คำตอบ

               “ไม่รู้ดิ มึงว่าบาสแม่งเท่ห์กว่าบอลเหรอวะ”

               “ถามไรของมึง”

               “เปล่าก็แค่....”

               “แค่วันนี้เมียมึงไม่มานั่งข้างสนาม”

               เขาเห็นเป้นั่งอยู่ข้างสนามบาสตั้งแต่ตอนที่เดินเข้าโรงเรียน ใครๆ ก็ล้อมันสองคนมาตั้งแต่ประถมยันมัธยม สรุปว่าตอนนี้ไอ้กอล์ฟหวงไอ้เป้ขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ

               “ไอ้เป้ไม่ใช่เมียกู”

               “กูก็ไม่ได้บอกว่าเป็นไอ้เป้ กูบอกว่าเมียมึง ทำไมมึงคิดว่าเป็นไอ้เป้ล่ะ”

               คนถามยิ้มมุมปาก ทำเอาอีกฝ่ายหัวเสียเพราะรู้ตัวว่าหลงกลจนได้

               “สัด กูไม่คุยกับมึงแล้ว”

               “เห้ยๆ กูล้อเล่น ทุกอย่างมันมีดีของมันเว้ย เพียงแต่คนมองมันจะคิดว่าแบบไหนดึงดูดใจมากกว่า”

               “แล้วอย่างกู....”

               ไม่ต้องรอให้กอล์ฟพูดจบเขาก็ตอบได้ทันที

               “มึงมันน่าขยะแขยง”

               “ไอ้เชรี้ยก้อง”

               คนโดนด่าหัวเราะร่วน ก่อนจะลุกหนีระยะมือเท้า

               “มึงก็ไปถามไอ้เป้เองสิโว้ย”

               “ไม่เกี่ยวกับเป้โว้ย ไอ้เวรนี่วันนี้มึงต้องเจอตีนกู”

               สิ้นคำ สงสารฝ่าเท้าก็เริ่มขึ้นด้วยเสียงเชียร์จากเพื่อนในสนามที่เลิกเล่นบอลมาดูคนตีกันแทน




              เสียงออดเลิกเรียนคาบสุดท้ายดังขึ้นพร้อมๆ กับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของคนข้างตัว กอล์ฟมองตางหลังคนที่วิ่งออกจากห้องไปโดยไม่บอกไม่กล่าว หรือว่ามันจะปวดขี้ แต่คาบก่อนมันก็ขอไปเข้าห้องน้ำแล้วนี่ วิเคราะห์ไปก็เท่านั้น กอล์ฟลงมือเก็บของลงกระเป๋าตัวเอง ก่อนจะเลือกสมุดการบ้านจากใต้โต๊ะยัดลงกระเป๋าเพื่อน

               หลังจากนั่งโม้กับกลุ่มข้างๆ อีกสิบนาที เสียงเรียกเข้ามอถือก็ดังขึ้น เป็นเป้ที่โทรมาตามไปห้องสมุด

               “ไปทำอะไรห้องสมุด”

               “ก็รายงานสังคมไง เอากระเป๋ามาให้ด้วยน้า”

               เป้พูดเสียงอ้อนๆ ตามสไตล์เวลามีเรื่องจะใช้งานก่อนจะกดวางสาย

               กอล์ฟขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เน็ตก็มีให้ใช้จะไปห้องสมุดเพื่อ บ่นไปงั้น เพราะยังไงเขาเองก็ต้องคว้ากระเป๋าสองใบแล้วเดินตามไปห้องสมุดอยู่ดี




               เสียงจอแจที่อยู่ในระดับพอรับได้เป็นเอกลักษณ์ที่พบได้ทุกครั้งที่มา มองซ้ายมองขวาปาดตาหาคนตัวเล็กอยู่สักพักก็เห็นเป้นั่งทำตาเคลิ้มอยู่ตรงโต๊ะแถวๆ ชั้นหนังสือ

               เขาเดินไปโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง เป้มองเขาแบบตื่นๆ ตอนโดนกระเป๋าเฉียดหน้า

               “ไม่เอาฟาดหน้ากูเลยล่ะ”

               “ก็กะอยู่”

               เป้มองค้อนเพื่อนอย่างหงุดหงิด ก่อนจะดันหนังสือกองใหญ่ไปตรงหน้าอีกฝ่าย

               “เลือกเอาว่าเล่มไหนใช้ได้”

               สั่งเขาเสร็จไอ้ตัวเล็กก็นั่งเหม่อ กอล์ฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลิกหนังสือดูแค่สองสามเล่มก็รู้ว่า ‘ไอ้นี่มันไปหอบมาทั้งตั้งแบบไม่ได้เลือกเลยนี่หว่า’

               หันมองเพื่อนที่ไม่ได้มีสมาธิอยู่รอบตัวเลยแล้วมองตามสายตาอีกฝ่าย

                  ...ทำไมไอ้พี่โยมาอยู่ตรงนี้ได้...แล้วไอ้เป้ตั้งใจมางั้นเหรอ..

               “เป้....ไอ้เป้!!!”

               เสียงตวาดและแรงฉุดที่แขนทำให้เป้รู้สึกตัว หันมือเพื่อนที่ตอนนี้เหมือนจะโกรธจนควันออกหูอย่างประหลาดใจ

               “กูจะกลับบ้าน”

               สีหน้ากอล์ฟดูไม่พอใจมากจนคนตัวเล็กไม่กล้าเถียง เพราะคบกันมานานถึงรู้ว่าเวลาไหนมันโกรธแบบกวนต่อได้ แบบไหนห้ามกวนประสาทต่อ ได้แต่เดินตามเพื่อนสนิทออกจากห้องสมุดไปด้วยใจเสียดาย อุตส่าห์ได้มุมดีๆ ส่องพี่โยแล้วเชียว

               “เป้ กอล์ฟ เจอพอดีเลย ยืมยี่สิบดิ หิวน้ำแต่ลืมกระเป๋าเงินไว้ห้องโย”

               ปอนด์วิ่งโล่เข้าหาสองเพื่อนรักอย่างหาที่พึ่งพิง ทั้งกอล์ฟและเป้ต่างล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนที่กอล์ฟจะเป็นฝ่ายส่งเงินให้เพื่อน

               “ขอบใจมาก พรุ่งนี้คืน”

               พูดจบปอนด์ก็วิ่งหายไปอีกครั้ง ยังไม่ทันที่กอล์ฟจะออกเดินต่อ ก็โดนเป้ฉุดแขนไว้ก่อน

               “มึง กูลืมกระเป๋าเงินไว้ห้องสมุดว่ะ มึงไปรอที่รถเลย เดี๋ยวกูกลับไปเอาแป๊ปเดียว”

               ไม่รอให้โดนซัก เป้รีบวิ่งกลับไปยังทิศที่จากมา เดี๋ยวใครมาหยิบไปซวยกันพอดีเงินทั้งเดือนเขายังไม่เอาเข้าธนาคารเลย

               วิ่งไปสุดแรงเกิด ในที่สุดก็กลับมาถึงห้องสมุดจนได้ แทบจะพุ่งตัวไปที่โต๊ะที่นั่งอยู่ตอนแรก

               “เชรี้ย หายไปไหนวะ”

               เป้อยากจะร้อง ก้มมองพื้น มองบนโต๊ะ พลิกหนังสือดู ยังไงก็หาไม่เจอ ตายแน่ๆ กว่าพ่อแม่จะกลับมาก็อีกสองสัปดาห์ ถ้าโทรไปขอต้องโดนว่าแน่ๆ เอาไงดี เด็กหนุ่มคิดหาทางออกให้วุ่น

               “หานี่อยู่เหรอ”

               ราวกับเสียงสวรรค์ เมื่อมีคนยื่นกระเป๋าเงินที่หาไม่เจอมาตรงหน้า เป้รีบยื่นมือออกไปรับ แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสกับกระเป๋ามือนั้นก็ชักของกลับไปเสียก่อน

               เป้มองเงยหน้าส่งสายตาไม่พอใจใส่อีกฝ่าย ทำท่าจะโวยเต็มที่ ก่อนจะพบกับรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่าย

                  ...พี่โย...

               “ไง เมื่อกี้เห็นรีบเดินออกไป นึกว่าไม่เอาแล้วซะอีก”

               “เอาสิพี่”

               พอเห็นว่าคนเก็บไว้เป็นใคร เป้ก็ยิ้มตอบ วันนี้ถือว่าโชคยังเข้าข้างเขาจริงๆ ด้วย ทั้งได้กระเป๋าคืน ทั้งได้คุยกับพี่โย

               “แล้วถ้าพี่ไม่ให้คืน”

               “โถ่พี่อย่าแกล้งผมเลยครับ”

               “งั้น เอาไลน์มาแลกไป”

               “ห๊ะ”

               มองสีหน้าตื่นๆ ของรุ่นน้องแล้วโยก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เป้ชอบทำหน้าตาตลกๆ อยู่เรื่อย รู้สึกชอบมากขึ้นอีกแล้วสิ

               “พี่ล้อเล่น เอาคืนไปเถอะ”

               พูดพลางยัดกระเป๋าเงินใส่มือรุ่นน้องที่ยังคงทำหน้าเหวอ

               “ข...ขอบคุณมากครับ”

               มัวแต่งจ้องหน้ารุ่นพี่จนการรับรู้ดีเลย์ เป้อยากจะตีหัวตัวเองแรงๆ ซะจริง ทำไมพอมองหน้าพี่โยใกล้ๆ แล้วตามันพร่าๆ นะ

               “อื้ม ไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ”

               บอกลารุ่นน้องตรงหน้า แอบเสียดายนิดหน่อย แต่ก็กลัวว่าถ้ารุกเร็วเกินไปเด็กตรงหน้าจะตกใจหรือเปล่า เอาไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสขอก็ไม่สาย

               “เดี๋ยวครับ”

               คนตัวเล็กรีบเรียกอีกฝ่ายที่กำลังจะหันไปรวมกับกลุ่มเพื่อนเอาไว้ ก่อนจะต่อด้วยประโยคที่ทำให้โยยิ้มจนแก้มปริ

               “เรื่องไอดีไลน์จะแลกก็ได้นะครับ”



TBC......




TaLk

 หายหน้าไปนานมากค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ //กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
สำหรับตอนนี้ก็อยากให้อะไรๆ มันชัดเจนขึ้น และหลังจากนี้ก็จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ฝากติตตามกันต่อไปด้วยค่ะ //กราบ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่4 เค้ารางที่ปรากฏ [09.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 09-01-2015 05:27:56

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ น่ารักปนหน่วง

เหมือนเป้จะมีใจให้พี่โยซะแร้ววว

สงสารกอล์ฟ  :o12:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่5 ข้อสงสัย [20.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 20-01-2015 00:02:15

ตอนที่5 ข้อสงสัย




               ช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ที่มีลมเย็นพัดผ่าน สองเพื่อนซี้ต่างไซส์นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเสื่อใต้ต้นมะม่วงที่ช่วยบังแดดจ้า เพราะเห็นว่าวันนี้อากาศค่อนข้างดี กอล์ฟเลยชวนเป้ออกมานอนทำการบ้านในสวน
   
               แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น คนที่สนใจจริงๆ ก็มีแค่คนเดียว สมุดคณิตศาสตร์พร้อมหนังสือเรียนกางแผ่ ในขณะที่นักเรียนดีเด่นพยายามอธิบาย ส่วนอีกคนกลับให้ความสนใจไปที่หน้าจอมือถือที่ซ่อนไว้ใต้หนังสือ เป้พิมพ์ตอบกับอีกฝ่ายที่ส่งขอความผ่านโปรแกรมแชทสีเขียวอย่างต่อเนื่อง รอยยิ้มสดใสปรากกฎบนใบหน้า ปล่อยให้เสียงพูดของคนสอนลอยผ่านหูไปด้วยความเผลอตัว แทบลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ากำลังให้เพื่อนสนิทสอนการบ้านอยู่

               “...พอแทน x กลับลงไปในสมการ....แม่งเล่นมือถืออีกแล้ว!!!”

               กอล์ฟโวยลั่นพร้อมกับคว้าหนังสือที่เพื่อนใช้บังขึ้นมาแล้วเอาสันปกเขกหัวอีกฝ่ายแรงๆ

               “เชรี้ยกอล์ฟ เจ็บนะ” เป้ร้อง มองเพื่อนตาขวาง กำลังคุยเพลินๆ ตีมาได้

               “คุยกับใครนักหนา คนสอนก็สอนไปดิ พูดจนปากจะถึงรูหู เล่นไปด้วยแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเข้าสมอง”

               ครั้งที่ห้าแล้วสำหรับวันนี้ที่พูดๆ อยู่ไอ้ตัวเล็กก็คว้ามือถือขึ้นมากด ถึงจะไม่ชอบเลขอย่างน้อยก็เกรงใจคนสอนอย่างเขานิดนึงเหอะ น้อยใจเป็นนะโว้ย

               พอเป้เห็นเพื่อรักเริ่มสติแตก ชักเริ่มรู้สึกถึงรางร้าย รีบส่งยิ้มขัดตาทัพไปก่อนจะโดนงอนแบบสามวันง้อไม่หาย

               “พอดีคุยติดพันไง จะเสร็จแล้ว กอล์ฟคนดีอย่าโกรธเลยนะ”

               มันเกิดไม่สอนขึ้นมาคนซวยจะเป็นเขา

               “ไม่ต้องมายิ้มประจบ ก่อนการบ้านจะเสร็จกูจะยืดมือถือมึงไว้ก่อน”

               พูดพลางแย่งมือถือในมืออีกฝ่ายมา

               “เห้ย เอาคืนมานะโว้ย”

               คนตัวเล็กไม่ยอมง่ายๆ รีบดึงกลับแต่กอล์ฟแรงเยอะกว่า ที่ทำนี่ก็เพื่อตัวมันเลยนะ

               “เป้ปล่อย”

               “กอล์ฟแหละปล่อย”

               ยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามยื้อยุทธเต็มที่ ฉุดกันไปฉุดกันมา จากที่นั่งๆ อยู่ก็ล้มไปนอนกับพื้นจนได้ เห็นแบบนี้เป้ยิ่งไม่ละความพยายามขึ้นไปทับเพื่อนไว้เต็มตัว กอล์ฟชักเริ่มเสียเปรียบ เขารีบออกแรงดันคนตัวเล็กพลิกไปด้านล่าง

               “ปกติก็ไม่เห็นจะติดขนาดนี้ นี่คุยกับใครกันแน่”

               จากตอนแรกที่แค่รำคาญตอนนี้เริ่มสงสัย

               “จะให้ใครก็เรื่องของกูป่ะ ไม่เกี่ยวกับมึงเลย เอาคืนมา”

               “ตอบมาก่อนว่าคุยกับใคร”

               “ไม่ตอบ ไม่ใช่เรื่องอย่างี่เง่า”

               “ใครกันแน่ที่งี่เง่า แค่ตอบมันยากนักเหรอ”

               ตวาดเสียงดังลั่น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เป็นเพื่อนกันมาเท่าอายุ ไม่เคยเลยที่ไอ้ตัวเล็กทำอะไรแล้วเขาจะไม่รู้

               “กอล์ฟแกล้งอะไรเพื่อนอีกแล้ว เสียงดังไปถึงในบ้านเชียว”

               เสียงทักที่ดังไม่แพ้กันดังจากหญิงวัยกลางคนที่เดินออกมาจากบ้านสองคนบนเสื่อจึงหยุดชะงัก ก่อนที่เป้จะผลักอีกฝ่ายออกแรงๆ

               “แม่ กอล์ฟขโมยมือถือเป้ฮะ”

               ได้ทีรีบลุกขึ้นมาฟ้องเจ้าของบ้านตัวจริง

               กอล์ฟดันตัวขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะรีบแก้ต่างให้ตัวเอง

               “ก็เป้มันเอาแต่เล่นมือถือไม่สนใจที่ผมสอนอ่ะแม่”

               “ก็คนมีธุระคุยนี่ ไม่ได้ไม่มีคนคบแบบกอล์ฟ”

               “พูดให้มันดีๆ นะ ใครไม่มีคนคบ”

               “ก็กอล์ฟไง ไอ้งี่เง่า”

               “พูดแบบนี้จะไฝว้ใช่ป่ะ”

               “พอแล้ว!! หยุดทั้งคู่เลย” คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตวาดดังลั่น เด็กสองคนถึงกับเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่

               ...ชิบหาย ลืมสนิทว่าแม่ยังยืนอยู่...

               “กอล์ฟเอามือถือคืนเป้ไป...”

               “แต่...”

               “ไม่มีแต่ คืนเป้ไป เป้ก็ไม่ต้องยิ้มได้มาแล้วปิดเครื่องตั้งใจทำการบ้านไป ถ้าแม่ได้ยินเสียงใครทะเลาะกันอีก จะโดนทั้งคู่เข้าใจไหม”

               คำสั่งเฉียบขาด ทำให้คนฟังทั้งสองได้แต่ตอบรับ

               “เข้าใจแล้วครับ”

               พอได้รับคำตอบที่พอใจ เธอก็เดินกลับเข้าบ้านไปปล่อยให้เด็กอารมณ์บูดสองคนเคลียร์กันต่อ กอล์ฟรีบยัดมือถือใส่มือเป้ ในขณะที่คนรับมาก็รับปิดเครื่องแทบจะในทันที

               ทั้งคู่มองหน้ากันแบบคนที่เคยรับรู้ถึงความสยดสยอง ก่อนที่จะเผลอยิ้มออกมา

               “ขอโทษนะ กอล์ฟอุตส่าห์ตั้งใจสอน”

               เป็นเขาเองที่ผิด เป้รู้ดี แต่ตอนโดนขัดอารมณ์มันก็ขึ้นจริงๆ

               “รู้ตัวก็ดี”

               “เอ่อน่า ว่าแต่ไม่คิดจะขอโทษกูบ้างเหรอ”

               “เรื่อง?”

               “เรื่องที่มึงก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวกูไง”

               คนฟังถึงกับชะงัก คำว่าก้าวก่ายดังก้องอยู่ในหู เมื่อไหร่กันที่เป้มีเรื่องส่วนตัวกับเขา อารมณ์ที่พึ่งดับเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ได้แต่สะกดมันไว้ข้างใน

               ...เย็นไว้กอล์ฟเป้อาจจะไม่ได้ตั้งใจ...

               พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งแย่เป็นแค่เพื่อนสนิทไม่มีสิทธิก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ความรู้สึกน้อยใจแผ่กระจายเต็มอก ทั้งๆ ที่เคยมีกันอยู่แค่เรา ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ทุกเรื่อง ทำไมอยู่ๆ เขาก็ถูกกีดกันออกมาได้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

               “กอล์ฟ เป็นอะไร หายโกรธได้แล้ว”

               คนตัวเล็กเห็นเพื่อนนิ่งไปนานลองถามดูด้วยความสงสัย เมื่อกี้ยังยิ้มให้เขาอยู่เลย

               “เอ่อโทษที มาทำต่อกันเหอะ”

               พูดพลางก้มหน้าพลิกหนังสือเรียนไปด้วยใจที่ไม่ได้สงบลงเลยแม้แต่น้อย




               ปกติแล้วกิจวัตรประจำวันของกอล์ฟในตอนเช้าคือการเดินไปปลุกเป้ แต่เพราะเมื่อวานตอนเย็นพ่อแม่ของคนตัวเล็กกลับมาบ้าน ทำให้วันนี้เขาว่างงาน

               เด็กหนุ่มใช้สายยางพ่นไปตามต้นไม้ในสวนอย่างเหม่อลอย ขอบตาดำคล้ำ คล้ายคนไม่ได้นอน ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดเรื่องเพื่อนสนิททั้งคืนจนนอนไม่หลับ ลางสังหรณ์บอกเขาว่าไอ้เจ้าของไลน์ปริศนากำลังจะเป็นตัวปัญหาในชีวิตเขา

               อยากจะสืบให้รู้ แต่ดูจากที่เป้โกรธเมื่อวาน ก็รู้ได้เลยว่าหมอนั่นกำลังติดอย่างหนัก ปกติแล้วเป้จะไม่เถียงเขา ถ้ามันผิดจริง แต่เมื่อวาน หมอนั่นมันลืมตัว ถึงตอนหลังจะยอมให้เหมือนทุกที แต่หมอนั่นลืมตัว ถ้าถามไปอีกยังไงก็คงไม่ได้คำตอบแน่ จะทำยังไงดีนะ

               ยังไม่ได้คำตอบ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคย เดินออกจากบ้าน รีบเดินตามไปริมรั้วเตรียมเอ่ยทักเพื่อนตัวเล็ก แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มให้กับเครื่องมือสื่อสารในมือ เดินไปกดไป อย่างมีความสุข คำทักทายกลืนหายไปในลำคอ วันนี้เป้แต่งตัวน่ารัก เห็นใส่เชื้อเชิร์ตสีชมพูหวานกางเกงตัวโปรดเต็มยศ ปกติถ้าหมอนั่นจะออกไปเที่ยวข้างนอกมันจะเรียกเขา ถ้ามีเพื่อนนัดเพื่อนทุกคนที่มันคบก็เป็นเพื่อนเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้ คิดจะตะโกนถาม แต่อะไรบางอยากบอกเขาว่าอย่า คิดจะลองตาม แต่ในวูบหนึ่งก็รู้สึกกลัว

               ...กลัวว่าถ้ารู้เขาจะไม่ใช่คนสำคัญที่สุดในชีวิตมันอีก...

               จึงได้แต่ปล่อยให้เป้ทิ้งระยะห่างออกไปทุกที




TBC......




TaLK

เป็นตอนสั้นๆ ที่เขียนแล้วเขียนไม่ออก รู้สึกหน่วง สงสารน้องกอล์ฟฟฟฟฟฟฟ แทบอยากจะปาพล็อตในมือทิ้ง แง๊ ฉันทำอารายยยยยยยย
และหลังจากนี้ก็จะหนักไปกว่านี้อีกค่ะ //อ้าวอีนี่
เปิดเทอมได้สามสัปดาห์แล้ว งานการยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที เจอหน้าอ.ทีก็ฮึ่มแฮ่ ยัยอี้ทำไมยังไม่ส่งโปรเจ็กษ์บทที่สองให้ผมดู โฮร่วววววว กลัวไม่จบเหลือเกิน :katai1:
พอเริ่มปสด.ก็มีไฟเขียนนิยายขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ฮา
ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ทั้งคนที่พึ่งเข้ามาเจอ ทั้งคนที่อ่านอยู่แล้ว ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่หลงเขามา อย่าพึ่งหนีกันไปไหนนะคะ –อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่5 ข้อสงสัย [20.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 20-01-2015 01:17:33
ดันนนน
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่5 ข้อสงสัย [20.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-01-2015 01:35:59
สงสารกอล์ฟ แต่นะคนมันเป็นเพื่อนกันมานาน เคยเป็นคนที่สำคัญที่สุดของอีกฝ่ายแล้วอยู่ๆก็โดนอีกคนทิ้งไปแบบนี้ก็เจ็บ ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของกอล์ฟเป็นความรักเพื่อนฉันใด

ความรู้สึกของโยกับเป้ก็เหมือนกัน แต่ติดใจที่เพื่อนของโยบอกว่า.....อีกแล้ว

กอล์ฟมีท่าทีว่าจะเด่นได้ เรียนดี เก่งฟุตบอล เอาใจช่วยกอล์ฟนะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่5 ข้อสงสัย [20.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 20-01-2015 12:25:57
หน่วงมาก อ่านแล้วภาพออกมาเป็นฉากๆ น้ำตามันคลอ อินมากกก :hao5:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่5 ข้อสงสัย [20.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kumiko yamashita ที่ 20-01-2015 14:50:29
อู้ววว น่าติดตามมากๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 26-01-2015 15:07:22

ตอนที่6
สารภาพ




               เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับม้าหินข้างสนามฟุตบอล บอกปฏิเสธคำชวนของเดอะแก็งค์ในสนามก่อนจะคว้าหนังสือหนังสือสรุปเคมีม.ปลายขึ้นมาอ่าน

               “ขยันอะไรแต่เช้ามึง”

               สายตาของกอล์ฟยังคงจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือตอนก้องเดินเข้ามาถาม

               “กูแค่เบื่อฟุตบอล”

               ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อเช้าเขาบังเอิญเดินไปเจอเป้นั่งอยู่ข้างสนามบาส ก้องคงต้องคิดว่าอีกฝ่ายป่วยหรือไม่ก็เป็นบ้าแน่ๆ เพราะนอกจากไอ้เป้แล้วฟุตบอลเนี่ยแหละที่เป็นหนึ่งในใจของกอล์ฟมากที่สุด

               เขาเลือกที่จะนั่งตรงข้ามกับเพื่อนสนิท เลือกที่จะนั่งจ้องหน้าเพื่อนที่คบกันมานานอย่างสังเกตการณ์ ไม่ใช่ว่ากอล์ฟจะไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่คิดเปิดปากให้อีกฝ่ายสืบหาความจริงใดๆ

               “เป้มันก็แค่เห่อของใหม่ ยังไงมึงก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว”

               ในที่สุดกอล์ฟก็ยอมเงยหน้าออกจากหนังสือ ที่อ่านไม่ได้เข้าหัวเลยแม้แต่นิดเดียว

               “เกี่ยวอะไรกับเป้”

               ยังคงปากหนักเสมอต้นเสมอปลาย บางทีก้องก็อยากจะด่า เพราะเป็นแบบนี้ไงถึงต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์อยู่แบบนี้

               “เมื่อกี้กูเห็นเป้นั่งอยู่ข้างสนามบาส”

               “กูรู้”

               กอล์ฟตอบ ทำไมเขาจะไม่รู้ ก็ในเมื่อพอไอ้ตัวเล็กจอดจักรยานที่ถอยมาใหม่เสร็จก็รีบวิ่งแจ้นไปสนามบาส

               “อยากลองเล่นบาสดูน่ะ”

               แทบไม่เชื่อหูตัวเองตอนได้ยิน เป้ที่เซ้นต์กีฬาต่ำยิ่งกว่าแกนใต้เปลือกโลกบอกอยากจะเล่นกีฬา แถมเป็นบาสไม่ใช่ฟุตบอลที่เคยนั่งดูมาตลอดด้วย

               “ถามจริงจังนะ มึงไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเลยเหรอ”

               คำถามของก้องทำให้เขาหลุดออกจากความคิดตัวเอง บางทีก้องก็เป็นพวกรู้ดีจนน่ากลัว

               “เป้มันก็แค่อยากจะลองเล่นบาส กูต้องทำอะไรเหรอ”

               เป็นแค่เพื่อนน่ะจะมีสิทธิทำอะไรได้ล่ะ จะให้เหตุผลว่าอะไร อย่าเล่นเลย เดี๋ยวหอบขึ้น เดี๋ยวเหงื่อออก แบบนั้นเหรอ ยังไงเป้ก็เลือกที่จะเล่นเอง มันจะเลิกไปดูบาสแล้วมานั่งดูเขาข้างสนามเหมือนเดิมหรือยังไง

               แค่ว่า ‘เขาหวง’ มันไม่ใช่เหตุผลสำคัญอะไรเลย




               เวลาล่วงเลยมาถึงกลางสัปดาห์ เป้ก็ยังคงไปนั่งสนามบาสทุกวัน และแม้กระทั้งตอนกลางวัน ก็ยังหายไปกับพวกนักบาส

               “กอล์ฟไอ้เป้ไปไหนวะ กูพึ่งรู้ว่าแม่งถอยจักรยานใหม่มา โคตรสวยอ่ะ”

               ปอนด์ที่ช่วงนี้ยุ่งกับการซ้อมวงโยฯจนไม่มีเวลามาเจอหน้าเพื่อนๆ เอ่ยถามพร้อมๆ จ้วงข้าวกระเพราในจานไปด้วย

               “ไปกับพวกเด็กบาสม.ห้า”

               ไม่ใช่กอล์ฟที่ตอบ แต่เป็นก้องที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นฝ่ายแก้ข้อสงสัย

               “อ้าวไม่เห็นจะรู้ว่ามันสนิทกับรุ่นพี่”

               “กูก็ไม่รู้”

               สี่คำสั้นๆ จากเพื่อนที่สนิทที่สุดของคนในบทสนทนาทำเอาปอนด์ต้องรีบมองหน้าก้องเพื่อนขอคำอธิบาย

               ก้องส่ายหน้าพลางส่งสายตาให้อัพเดตกันนอกรอบ ไม่งั้นอาจมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นกลางโรงอาหารก็เป็นได้ ปอนด์เข้าใจดี จึงได้รีบเปลี่ยนเรื่องพูด รอจนกระทั้งกอล์ฟเดินไปหาน้ำดื่ม

               “เชรี่ยแม่งทะเลาะกันเหรอวะ”

               แทบจะตะโกนถามทันทีที่เพื่อนเดินพ้นโต๊ะไป

               “ตะโกนหาพ่อง มันไม่ได้ทะเลาะกัน”

               “แล้ว...”

               “มคปด.ไงมึง”

               มคปด.= หมา-คาบ-ไป-แดก เป็นคำตอบที่ได้ใจความดีมาก ปอนด์คิดอยู่แล้วว่าสักวันจะต้องมีวันนี้ เป็นโชคร้ายของกอล์ฟเองที่ดันเกิดมาปากหนัก ในขณะที่เป้เองความรู้สึกช้า ช้าขนาดที่เพื่อนรอบๆ ตัวรู้กันหมดแล้ว เจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้สึก

               ปอนด์กับก้องจึงได้แต่ถอนหายใจมองคนที่เดินถือขวดน้ำเปล่ากลับมาที่โต๊ะ

               ...พวกกูควรจะช่วยมึงยังไงดีวะ...



               วันนี้พี่โยชวนเป้ไปดูหนังร้อยบาทวันพุธ ช่วงนี้มีหนังเพลงแนวแฟนตาซีเรื่องหนึ่งน่าสนใจอยู่ ถึงจริงๆ แล้วสิ่งที่เป้สนใจมากกว่าจะเป็นพี่โยก็เถอะ

               เขาเดินตามรุ่นพี่ที่สูงกว่าเขาเกือบยี่สิบเซ็นต์เข้าไปในโรงหนัง มือนึงถือป็อปคอนรสเค็มที่อีกฝ่ายชื่นชอบ เห็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันอีกหลายคนเข้าโรงมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้จักเลยไม่ได้ทักทายอะไร แอบกังวลนิดหน่อยว่าจะถูกจับไปนินทาแปลกๆ หรือเปล่าที่มากับพี่โยแค่สองคน อีกฝ่ายยิ่งเป็นคนดังในโรงเรียนอยู่ด้วย

               หนังเริ่มแล้ว เสียงเพลงของนักแสดงนำทำให้คนดูจมดิ่งไปกับเนื้อหาที่ต้องการจะเล่า เป้แอบอ่านซับไม่ทันนิดหน่อย แต่ก็พอเข้าใจเนื้อหาได้ไม่ติดขัด

               ทั้งคู่ส่งเสียงหัวเราะพร้อมๆ กับคนอื่นๆ ในโรงเพราะมุขตลกของตัวละคร หรืออาจจะเป็นแค่เป้คนเดียวเพราะรุ่นพี่นั้นเอาแต่แอบมองใบหน้าตอนหัวเราะของอีกฝ่ายเสียมากกว่า

               ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกโยก็รู้สึกว่าเป้น่ารัก เจอกันครั้งที่สองก็ยิ่งชอบ พอครั้งที่สามที่สี่ที่ห้าความรู้สึกก็ยิ่งทวีคูณ ด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม แล้วก็ความเอาแต่ใจนิดๆ ของอีกฝ่าย

               ภายใต้ความมืดของโรงหนัง เขายังเห็นประกายใสแจ๋วในตาของอีกฝ่าย มันคงเป็นเหตุผลให้เขาเอื้อมมือไปกุมมือของคนตัวเล็กที่วางไว้บนตัก

               เป้หน้าร้อนวูบ ลมให้ใจสะดุด ภาพบนหน้าจอหยุดค้างไปชั่วขณะ ไม่กล้าขยับเขยื้อน เหล่มองคนข้างๆ อีกฝ่ายมองตรงไปที่จอภาพ เห็นรอยยิ้มจางๆ ในความมืด เป้ไม่แน่ใจว่าพี่โยยิ้มให้กับหนังหรืออะไรกันแน่ แต่ตัวเขาเองที่กำลังยิ้มไม่หุบตอนนี้เป็นเพราะ ฝ่ามือที่กุมมือเขาอยู่อย่างแน่นอน

                  ...ชอบ...เป้ชอบพี่โย...

                  ...ชอบ...จนอยากอยู่ใกล้ๆ...


               “ชอบ...”

               เสียงกระซิบเบาๆ จากคนข้างๆ ทำหัวใจของคนตัวเล็กเต้นรัว ยิ่งอีกฝ่ายดึงมือเขาไปสัมผัสกับหน้าอกของตัวเอง

               “พี่ชอบเป้”

               เสียงหัวใจเต้นรัวดังของทั้งสองคนแทบกลบคำพูดนั้น หากแต่สำหรับคนฟังมันดังก้องอยู่ตลอดเวลา จนกระทั้งหมดเวลาสองชั่วโมงของหนังที่เขามีสมาธิดูแค่ครึ่งเรื่องแรก

               จนกระทั่งอีกฝ่ายจูงมือเขาออกจากโรงหนัง

               เขาก็รู้ว่าสถานะของพวกเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป




TBC......




Talk

อ่า...เป็นตอนที่สั้นและเขียนยากอีกแล้ว (ไม่ว่าฉากแบบไหนก็ยากไปหมดนั่นแหละ) โดยส่วนตัวรู้สึกว่าตั้งแต่เขียนมา ตอนนี้เขียนยากที่สุดเลยค่ะ //และตอนหน้าก็ยังคงจะพูดคำนี้อยู่ ฮา
เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ลองแก้พล็อตเรื่องนี้ดู ปรากกฎว่าตอนมันเพิ่มคูณสองซะงั้น เห็นทีงานนี้จะได้อยู่กันไปยาวๆ ซะแล้วละคะ อย่าพึ่งเบื่อแล้วหนีกันไปไหนนะคะ ถ้าไม่โดนโปรเจ็กษ์ทับตายจันทร์หน้าจะหาเวลามาอัพต่อค่ะ
แดดกทม.เริ่มกลับมาร้อนแล้ว อย่าลืมทากันแดดออกจากบ้านกันนะคะ รักทุกคนที่หลงเขามาอ่านค่ะ //กอด :กอด1: –อี้หลิง
ปล.ตอนต่อไปก็มาสงสารน้องกอล์ฟไปด้วยกันอีกนะคะ ฮา
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-01-2015 00:51:09
ดราม่ามาเลย
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-01-2015 01:45:48
สงสารกอล์ฟ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆเพราะว่าเป้ไม่ได้มองกอล์ฟแบบแฟน
ชื่นชมกอล์ฟนะที่อดทน ไม่เข้าไปยื้อแย่งหรือก่อกวนเพราะว่าหวง
ตอนนี้เป้มีความสุขเพราะว่าได้รับความรักตอบกลับจากโย
เป้มีความสุข เพื่อนก็เป็นสิ่งอื่นที่อยู่ไกลออกไปจากความคิด ณ ตอนนี้
แต่คล้ายกับมีความรู้สึกว่าวันใดที่ความรักของเป้มีปัญหา
เมื่อนั้นเป้จะเห็นความสำคัญของความว่าเพื่อนอีกครั้ง ตามครรลองของชีวิตมนุษย์

อยากให้กอล์ฟเก็บความรู้สึกและคงการเป็นเพื่อนที่ดีของเป้ไว้
เราเชื่อว่าห่างกันไปสักพัก กอล์ฟมีคุณสมบัติที่เยี่ยมพอที่จะกลายเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมได้
ไม่แน่ว่าเป้อาจจะหันมามองกอล์ฟด้วยสายตาใหม่ก็ได้ ยามที่มีคนเริ่มชื่นชมกอล์ฟ
ตอนนี้พี่โยเท่ห์ แต่รออีกนิดรุ่นน้องก็โตมากลบรัศมีได้ไม่ยาก

เป็นแม่ยกน้องกอล์ฟค่ะ สู้เเขานะลูก
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-01-2015 02:17:06
สงสารกอล์ฟ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 27-01-2015 03:00:28
ดราม่ามาเลยยยย สงสารอ่าพี่เค้าจะรักจริงมั้ยนะ นี่ก้อยังไม่รู้ว่าใครพระเอก หน่วงจัง :mew4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 29-01-2015 06:38:23

แอร๊ยยยย หน่วงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 29-01-2015 15:50:45
กอลฟ์โคตรน่าสงสาร ทำใจให้ได้นะกลอฟ แล่อยเป้ไปเถอะ คนไม่รักทำไงก็ไม่รัก ฮือออ สงสาร
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่6 สารภาพ [26.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 29-01-2015 20:05:48
สงสารน้องว่ะ เหมือนได้ของเล่นใหม่แล้วเห่อ ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าสนใจเรื่องเรียนรึเปล่า หรือว่าพี่โยจะมาสอนให้ ถ้าสอนก็สนับสนุน

แต่ถ้ามาทำให้น้องไม่สนใจเรียนจะทำไง จะให้ของตายอย่างกอล์ฟช่วยอีกสินะ สงสารกอล์ฟ แต่ก็อย่างที่น้องเป็น ความเป็นเพื่อนมีมากเกินไป จนกลายเป็นไม่รู้ใจตัวเอง แต่ถึงกอล์ฟบอกไป เป้เองก็คงจะปฏิเสธ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่ึ7คำตอบของข้อสงสัย [31.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 31-01-2015 03:01:32

ตอนที่7
คำตอบของข้อสงสัย


               เป้ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน ถ้าไม่นับการชงมาม่าหมูสับกินตอนดึก นี่ก็ถือเป็นการเข้าครัวครั้งแรกของเขา แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น สิ่งที่เขาลงมือทำในวันนี้ก็เป็นแค่แซนวิชอย่างง่ายเท่านั้นแหละ

               กล่องพลาสติกสำหรับเก็บอาหารสามใบวางเรียงกันบนโต๊ะ ภายในบรรจุแซนวิชหน้าตาพอใช้ได้กล่องละสามชิ้นโต

               พ่อครัวจำเป็นยืนยิ้มให้กับผลงานของตัวเอง ดูๆ ไปก็หน้าตาน่ากินอยู่เหมือนกัน เขาที่โดนคนรอบตัวแซวอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นคุณหนูลงทุนทำด้วยตัวเองเลยนะ เมื่อวานก็แอบถามป้ากานต์แม่บ้านที่คุณแม่จ้างมาดูแลบ้านไว้แล้วด้วย รับรองว่าไม่มีอะไรผิดพลาด

               “จะกินได้เร้อ”

               เล่นเอาความภาคภูมิใจหายเกลี้ยง เป้หันมองคนแซวที่ตอนนี้กำลังคว้ากล่องแซนวิชเขาไปพลิกหน้าพลิกหลังดูเล่นอย่างสนุกมือจนของข้างในจะปนกันเป็นสลัดอยู่แล้ว

               “โหย ทำแบบนั้นก็เละหมดดิ”

               เขาโวยวาย พยายามจะแย่งกล่องในมือของเพื่อนสนิทตั้งแต่เกิดออกมา กอล์ฟบ้าถ้ารู้ว่าจะทำแบบนี้เขาไม่ทำเผื่อหรอก

               “นี่ทำสลัดเหรอ” เป้แทบอยากจะทึ้งหัวตัวเอง ก็เขย่าซะขนาดนั้นมันจะอยู่เป็นก้อนให้แกเร๊อะ

               “แซนวิชโว้ย แซนวิช สูตรโรงแรมกูเลยนะโว้ย”

               แน่นอนว่าไม่ใช่ มันเป็นสูตรของป้ากานต์ที่ถามไว้เมื่อวานชัดๆ แต่พอใส่ชื่อโรงแรมพ่อเข้าไปเกรดมันดูดีกว่าอ่ะ

               “กูละเป็นห่วงชื่อเสียงโรงแรมพ่อมึงจริงๆ”

               “แม่ง บ่นมากไม่ต้องแดก”

               “เห้ยกินๆ”

               กอล์ฟรีบยกกล่องตัวเองออกให้พ้นมือคนตัวเล็กตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าตอนโกรธจริงๆ ซะแล้ว

               เป้ทำปากยื่นเป็นตูดเป็ด ขมวดคิ้วแน่นเหมือนทุกทีที่โดนขัดใจ ก่อนจะตัดสินใจต่อยท้องเพื่อนไปเต็มแรงแล้วรีบคว้าอีกสองกล่องที่เหลือบนโต๊ะวิ่งหนีออกจากบ้าน

               อยู่รอให้กอล์ฟตีคืนเหรอ โง่กันพอดี

               เดินบ่นงึมงำกับตัวเองไปตลอดทาง เป้โกรธกอล์ฟจริงๆ นะ อุตส่าห์ทำเผื่อ ถึงจะตั้งใจทำให้พี่โยอยู่แล้ว แต่ก็ทำเผื่อกอล์ฟด้วยแทนที่จะได้คำชมทำไมกลายเป็นโดนแกล้งซะได้ เป้เดินลงส้นแรงๆ ไปจนจะพ้นบ้านที่สามอยู่แล้วจักรยานแม่บ้านที่จะพังแหล่มิพังแหล่ก็มาปาดหน้า

               “เอารีบจัด บ้านไม่ปิดกระเป๋านักเรียนไม่เอาเลยนะมึง รีบขนาดนี้กระโดดขึ้นมาเลยมึง ขาสั้นๆ นี่ใช้เวลาถึงพรุ่งนี้ก็เดินไม่ถึงโรงเรียน”

               เป้โกรธจนไม่อยากจะพูดกับกอล์ฟแล้ว เลยทำแค่ถลึงตาใส่อย่างโกรธแค้นก่อนกระชากกระเป๋าจากมือกอล์ฟแรงๆ แน่นอนว่าต้องปีนขึ้นไปบนจักรยานตามคำชวนแน่ๆ ไม่ใช่เพราะขาสั้น แต่เขาจะไม่ปล่อยให้มันปั่นจักรยานอย่างสบายๆ หรอก

               คิดแล้วก็เสียดายเมื่อวานดันทิ้งจักรยานของตัวเองไว้ที่โรงเรียน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องง้อกอล์ฟให้เสียหมา แต่ถ้าไม่ทิ้งจักรยานไว้ก็ไม่ได้ไปกับพี่โยน่ะสิ พอคิดถึงแฟนหมาดๆ ของตัวเองก็อดที่จะเขินไม่ได้ เมื่อวานพี่โยนั่งแท็กซี่มาส่งที่บ้าน  เป้ชอบเวลาพี่โยยิ้มให้แล้วลูบหัวที่สุด พอคิดถึงสัมผัสนั้นก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา กลัวคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะว่าเขาเป็นบ้า สุดท้ายก็ตัดสินใจก้มหน้าลงกับหลังของกอล์ฟ

               ดีที่เป้มัวแต่เขิน เลยไม่รู้สึกว่าจักรยานที่นั่งอยู่เซออกนอกเส้นทางไปสองวินาที กอล์ฟถึงกับขากระตุกใจเต้นรัว อยู่ๆ ก็ซุกลงมาได้ เดี๋ยวเขาก็หัวใจวายกันพอดี

               รู้สึกชอบเช้านี้ขึ้นมาซะเฉยๆ มันดีต่างจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเหลือเกิน อยากให้เป้จักรยานหายบ่อยๆ จอดไว้โรงเรียนบ้างก็ได้ มาคิดๆ ดูเขาไม่ได้คุยเล่นกับเป้แบบนี้มาเกือบๆ สองสัปดาห์แล้ว สุขจนมองข้ามกล่องแซนวิชที่เกินมา หรือคำถามที่ว่าเมื่อวานเป้หายไปไหนอย่างสนิทใจ อยากให้ทางไปโรงเรียนไกลออกไปอีกมากๆ ถ้ามันจะทำให้เขาอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้ตลอดไป

               แต่คำขอของกอล์ฟคงไม่เป็นจริง เพราะเมื่อถึงโรงเรียน คนตัวเล็กก็วิ่งหายไปกับกล่องสองใบซะแล้ว

                  ...เมื่อกี้มันความฝันหรือไงนะ...





               ถ้าเป็นความฝันบางทีกอล์ฟก็อยากจะฝันตลอดไป เพราะพอตื่นทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เป้ยังคงอยู่ที่สนามบาส ที่นั่งตรงข้ามเขาตอนพักกลางวันก็ยังคงเป็นไอ้ก้อง และเป้ที่นั่งข้างๆ เขาในห้องเรียนก็ยังคงเล่นโทรศัพท์ ไม่เปิดโอกาสให้เขาชมเรื่องรสชาติของแซนวิชด้วยซ้ำ

               “เดี๋ยวก็โดนยึดหรอก”

               เขากระซิบเตือนในคาบภาษาไทยตอนบ่าย อีกฝ่ายเหลือบมองเขานิดหน่อย ก่อนจะซ่อนมือถือไว้ใต้หนังสือเรียน เหมือนตอนเรียนคาบเช้าไม่มีผิด คิดเหรอว่าถ้าเขาไม่ช่วยบัง จะไม่มีอาจารย์มองเห็น

               ติดมือถือ ไม่สนใจเพื่อนฝูง แถมยังยิ้มคนเดียวบ่อยๆ อาการแบบนี้ไม่ใช่ว่ากอล์ฟจะดูไม่ออก บางทีเขาก็ควรฟังจากปากอีกฝ่ายไว้ให้รู้

                  ...รู้ไว้เผื่อเตรียมใจ...

               “เป้ ถามจริง มีแฟนเหรอ”

               กระซิบถามออกไปแบบนั้น แล้วก็เป็นไปตามคาด อีกฝ่ายดูตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

               “ทำไมคิดงั้นอ่ะ”

               คนตัวเล็กถามกลับเสียงเบาหวิว ดูลังเลที่จะพูดออกมา

               “เซ้นต์กูดี”

               ก็ว่าไปนั่น อีกฝ่ายเปลี่ยนไปขนาดนี้เขาไม่รู้สึกก็บ้าแล้ว เหมือนจะได้ยินคนตัวเล็กพึมพำว่าเขาเซ้นต์เกินไป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับคำพูดต่อมาของมัน

               “กลับบ้านค่อยคุยกันนะกอล์ฟ”

               ทำไมต้องรอกลับบ้านแล้วค่อยพูด เขาไม่เข้าใจ แต่เห็นสีหน้าอีกฝ่ายดูเป็นกังวลกอล์ฟเองก็ไม่อยากคาดคั้น ที่มันพูดออกมาขนาดนี้เขาก็รู้ได้อยู่แล้วยังแปลกใจตัวเองอยู่เลยที่รับได้มากกว่าที่คิด




               กว่าจะเลิกเรียนเวลาช่างผ่านไปเชื่องช้า พอออดดังเป้ก็หายตัวไปคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่นานสองนาน ขากลับบ้านนี้ไม่ได้มีการซ้อนท้ายกันแบบตอนเช้า ก็ในเมื่อเป้ก็มีจักรยานเป็นของตัวเอง เบาะเสริมด้านหลังก็ไร้ความจำเป็น

               เป้เลือกจะคุยที่บ้านของตัวเอง เด็กสองคนเอ่ยทักทายป้าแม่บ้านที่กำลังรดน้ำต้นไม้ในสวน ก่อนที่กอล์ฟจะเดินตามเป้ขึ้นไปบนห้องนอน

               ทั้งๆ ที่เข้าห้องนี้มาเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กอล์ฟรู้สึกอึดอัด ไม่อยากฟัง เริ่มโกรธตัวเองนิดๆ ที่เลือกจะถามออกไป ได้ยินกับหูแล้วมีประโยชน์อะไรกัน

               เป้ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงในขณะที่ตัวกอล์ฟเองเลือกที่จะเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะคอมพิวเตอร์มานั่ง

                  “กอล์ฟ....”

               เขาสะดุ้งกับเสียงเรียกของเจ้าของห้อง ก่อนจะพยักหน้าให้เป้เล่าเรื่องของตัวเอง

               “กอล์ฟกูอยากให้มึงสัญญากับกูก่อน”

               เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยสักนิด กะอีแค่บอกเพื่อนว่าตัวเองมีแฟนมันจะยากขนาดไหนกัน

               “สัญญาอะไร”

               “สัญญาว่าจะไม่เกลียดกู”

               นี่มันงี่เง่า กอล์ฟอยากจะร้องแค่นี้เขาก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว เป้มันจะบิ้วอะไรนักหนา

                  “เอ่อ กูสัญญา แค่จะมีแฟนมึงจะซีเรียสอะไรขนาดนั้น”

               คนที่ซีเรียสมันควรจะเป็นเขาต่างหาก มันควรจะเป็นเขาที่เสียเพื่อนไม่ใช่มันที่ได้แฟน

                  “กอล์ฟ กูก็รู้ว่ามึงแมนเต็มร้อย ถึงมึงจะไม่เคยแสดงว่ารังเกียจตุ๊ดรังเกียจเกย์อะไรแต่บางทีก็ก็กลัว...กลัวว่ามึงจะรังเกียจกู”

               ถ้าเป้บอกออกไปว่าตัวเองกำลังคบกับพี่โย กอล์ฟจะเกลียดเป้หรือเปล่า ยังไงเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกยอมรับในสังคมไม่ใช่เหรอ

               “เลิกอ้อมค้อมแล้วพูดออกมา”

               กอล์ฟชักจะหมดความอดทน บอกออกมาสักทีว่ากำลังคบกับใคร ใช่ไอ้หน้าจืดที่อยู่ชมรมบาสหรือเปล่า

               “กูคบกับพี่โย กอล์ฟ กูคบกับพี่โย พี่โยที่เป็นนักบาสโรงเรียน พี่โยที่โรงเรียน พี่โยที่เป็นผู้ชายอ่ะมึง”

               เขาพูดมันออกไปแล้ว เป้พูดมันออกไปแล้ว กอล์ฟยังคงนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆ บางทีเขาควรส่งสัญญาณบอกเพื่อนก่อน เขาไม่ควร...

               “ติงต๊อง”

               “ห๊า...”

               “กูบอกว่ามึงติงต๊อง ตัวก็เตี้ย เอาแต่ใจ งี่เง่า แถมยังโง่อีก มึงแย่ขนาดนี้กูยังคบมึงได้ แล้วแค่เพิ่มว่ามึงชอบผู้ชายมาอีกอย่างมันจะมีอะไรวะ”

               เป้พุ่งตัวเข้ากอดอีกฝ่าย เขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต กอล์ฟเข้าใจเขา พี่โยก็ชอบเขา เป้ควรจะไปกราบไหว้เทวดาฟ้าดินที่ไหนที่ทำให้เขาได้พบกับคนพวกนี้

               “แม่งกอล์ฟมึงเป็นเพื่อนที่ดีชิบหาย”

               “พึ่งรู้หรือไง”

               กอล์ฟพูดเสียงเบา พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษารอยยิ้มบนหน้าเอาไว้

               เป้ผละออกไปแล้ว อีกฝ่ายกำลังยิ้มอย่างมีความสุข คนตัวเล็กที่เขาดูแลมาตลอดกำลังมีความสุข เพื่อนที่เขา ‘รัก’ กำลังมีความสุข เขาควรจะดีใจ เขาควรจะดีใจมาก

               กอล์ฟรู้สึกเหมือนมีก้อนขมๆ ขึ้นมาจุกที่อก เขาเรียกเป้ไปกินข้าวที่บ้าน เขาบอกให้มันอาบน้ำอาบท่าก่อนไปกินข้าว เขาบอกมันว่าเขารู้สึกไม่สบาย ไม่ต้องรอ เขาจะกินยานอน

               ...เขาไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องได้ยังไง...

               ...เขายังแปลกใจที่ตัวเองยิ้มให้อีกฝ่ายได้มากมายขนาดนั้น...

               ...เขาแปลกใจว่าทั้งๆ ที่ยังเดินไปไม่พ้นบ้านอีกฝ่ายดีแล้วทำไมหน้าเขาถึงได้เปียกน้ำฝน...

               ...เขายิ่งแปลกใจว่าทำไมน้ำฝนถึงได้ตามมาถึงห้องนอน...

               ...เขายังคงแปลกใจว่าทั้งๆ ที่เดาทุกอย่างไว้ล่วงหน้าได้ขนาดนี้...

               ...ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะฟังจากปากให้ได้ยิน...

               ...ทั้งๆ ที่ทำใจไว้ล่วงหน้ามากมาย...

               ...ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันไม่ผิดไปจากที่คิด...

               ...ทำไมเขายังรู้สึกเจ็บได้ขนาดนี้...

               ...ก็แค่ได้รับคำยืนยันจากปาก...

               ...บางทีเขาไม่ควรอยากรู้...

               ...บางทีเขาไม่ควรเอ่ยถาม...

               ...บางทีเขาก็ไม่ควรจะ ‘รัก’...

               ...เพราะบางทีเขาเองก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีที่สุด...

               ...เพราะบางทีเขาเองก็ไม่อยากที่จะร้องไห้มากมายขนาดนี้...





TBC......




TaLK

ขอถอนคำพูดที่ว่าตอนที่แล้วเขียนยากค่ะ ตอนนี้เขียนยากกว่า โฮร่วววววววววววววว
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
กอล์ฟลูกแม่  :o12:
ไม่รู้ว่าอี้เขียนอารมณ์ได้ถึงไหม แต่อี้หน่วงจนแก้ไม่ไหวแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ
อัพเร็วไปกว่าที่คิดหลายวัน เพราะคิดว่าจะเอาเวลาที่เหลือไปปั่นโปรเจ็กษ์ที่เหมือนจะเร่งเหลือเกิน
แอบตกใจกับคอมเม้นต์ตอนที่แล้วนิดหน่อย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ขออย่าพึ่งหนีกันไปไหนเลยนะคะ มาหน่วงไปด้วยกันเรื่อยๆ เถอะคะ (//อ้าวอีนี่)
เห็นพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตกปอยๆ ระวังเรื่องสุขภาพกันด้วยนะคะ รักทุกคนค่ะ –อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่7 คำตอบของข้อสงสัย [31.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 31-01-2015 05:54:41

ฮรืออออ....ลูกกอล์ฟของป้าาาา  :o12:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่7 คำตอบของข้อสงสัย [31.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 31-01-2015 09:03:37
เนี่ยแหละ เค้าเรียกว่าใกล้ชิดเกินไป กอล์ฟเองก็ลองมีเส้นทางของตัวเองบ้างนะ จะได้ไม่ยึดติดกับเป้นัก

คนอ่านแบบเราก็ได้ไม่ยึดติดกับที่เป้ต้องคู่กับกอล์ฟเสมอไป

#ปลอบใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่7 คำตอบของข้อสงสัย [31.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 31-01-2015 09:23:15
โอ้ยมันเครียดมาก




ทำไมนะเพราะคำว่าเพื่อนมันค้ำคอเลยไม่กล้าซินะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่7 คำตอบของข้อสงสัย [31.01.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-01-2015 09:28:29
กอล์ฟเอ๊ย

ป้าขอชมหนูนะว่า EQ ของหนูสูงจริงๆ
เรียนรู้ความผิดหวังในวันนี้มีนจะเป็นตัวที่ช่วยกล่อมเกลาให้กอล์ฟเป็นยอดคนนะ
ยังขอยืนยันว่ากอล์ฟมีคุณสมบัติที่ดี

ป้าจะรอวันที่หนูฉายออร่าความเป็นผู้ชายที่วิเศษออกมา
วันนี้กอล์ฟทำได้ดีมากเลย ป้ายกธงเป็นแม่ยกกอล์ฟเต็มที่
บอกตรงๆนะว่าไม่แคร์ความรักระหว่างโย-เป้เท่าไหร่หรอก
ยังไงก็อย่าซมซานมาขอให้กอล์ฟปลอบล่ะ
อายุห่างกัน รอปีที่โยสอบเจ้ามหาลัยได้ก่อนเถอะ
ห่างกันไปเรียนคนละที่ ถ้ายังรักกันดีก็โอเค
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่8 เพื่อน [p.2] [27.03.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 27-03-2015 00:51:52

ตอนที่8
เพื่อน




               “ขอบใจนะก้อง ขนาดอยู่คนละห้องมึงยังต้องมาช่วยกูอีก”
   
               กอล์ฟพูดพลางลากโต๊ะนักเรียนสำรองออกจากใต้บันได ในขณะที่เพื่อนสนิทอย่างก้องก็ช่วยเขาเลือกเก้าอี้ตัวที่ยังใช้ได้ออกมา

               ทั้งๆ ที่เปิดเทอมมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่อยู่ๆ เมื่อวานหัวหน้าห้องอย่างเขาก็ถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกพบ

               “ออกจะกะทันหันไปหน่อยแต่ก็ฝากหน่อยนะกอล์ฟ เพื่อนยังเข้าเฝือกยังไงก็ฝากจัดการเรื่องโต๊ะกับเก้าอี้ให้ด้วยล่ะ”

               นักเรียนใหม่ตอนกลางเทอม ถ้าไม่เส้นใหญ่มาก ก็ต้องเส้นใหญ่มาก ภาวนาขอให้เด็กใหม่เข้ากับคนอื่นให้ได้ไม่งั้นหัวหน้าห้องแบบเขาปวดหัวตาย

               กอล์ฟกับก้องช่วยกันลากโต๊ะกับเก้าอี้ไปตามทางเดิน เหลือบมองจากระเบียงลงไปที่สนาม ผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว จากเป้ที่นั่งเฉยๆ อยู่ริมสนามเดี๋ยวนี้ก็เห็นมันพัฒนาลงเล่นกับเขาบางเหมือนกัน

               ทีเมื่อก่อนเขาชวนเล่นบอลล่ะไม่ยอม

               แอบบ่นกับตัวเองในใจไม่ได้ แต่คิดอีกแง่ก็ใช้ได้เหมือนกัน ออกไปเจอแดดเจอลมบ้าง จะได้แข็งแรง คิดนู้นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย ในที่สุดก็เดินมาถึงห้องจนได้

               “เป็นกูก็เอานะเว้ยไอ้เป้อ่ะ ไม่เคยเห็นเวลามันงุ้งงิ้งใส่ไอ้กอล์ฟเหรอ ผู้หญิงยังสู้ไม่ได้เลย”

               ประโยคสนทนาที่ดังออกมาจากในห้องทำเอาสติเขาหยุดชะงัก ไม่รู้ว่าตัวเองพุ่งเข้าไปในห้องเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่

               “กอล์ฟ!!!”

               หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องร้องอย่างตกใจ ในขณะที่ก้องเองก็รีบวิ่งตามเข้ามา แรงบีบที่หัวไหล่ทำให้กอล์ฟได้สติ

               ก้องกระตุกยิ้มเย็นชา

               “พวกมึงออกไปขนโต๊ะข้างนอกเข้ามาวางไป”

               เพราะเป็นคนที่สูงใหญ่อยู่แล้วเลยทำให้ใครๆ เกรงใจอยู่บ้าง ปาดตาเพียงครั้งเดียว กลุ่มก้อนที่ยืนอยู่ก็แตกฮือ

               “ในที่สุดคนอื่นก็รู้จนได้”

               ก้องบ่นออกมาดังๆ ส่วนคนที่สติหลุดไปชั่วขณะก็ได้แต่พยักหน้า เดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง เสียงครืดๆ ของโต๊ะที่เพื่อนลากเขามาเสียดกับพื้น แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจ

               ก้องนั่งลงตรงที่ของเป้ มองเพื่อนสนิทของคนตกเป็นข่าว ถึงว่าช่วงหลังมานี้กอล์ฟมันดูซึม ถึงจะทำเป็นปกติแต่เพื่อนที่คบกันมานานย่อมรู้ดีว่ามันหงอยลงไปแค่ไหน เพราะคบกันมานานถึงได้รู้กันดี กอล์ฟชอบเก็บอะไรไว้ในใจมากเกินไป เขากลัวว่าสุดท้าย พวกมันจะมองหน้ากันไม่ติด

               “กอล์ฟกูว่ามึงตัดใจ...”

               “กูไม่เป็นไร เชื่อดิ”

               กอล์ฟตัดบท เลือกที่จะยิ้มให้กับคนข้างตัว

               ...ไม่เป็นไร...

               ในเมื่อเพื่อนเขามีความสุข เขาเองก็ต้องมีความสุขเหมือนกัน




               พักกลางวันนี้มีความเปลี่ยนแปลง ปอนด์เดินมากินข้าวด้วยความแปลกใจ ก็ที่ว่างที่ปกติจะเป็นของเป้ที่ย้ายไปนั่งกับเด็กมอหกเรียบร้อยตอนนี้กลับมีใครคนนึงนั่งทำหน้าบูดอยู่

               ย้อนไปเมื่อตอนเช้า

               ตอนที่เจ้าของความสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรนิดๆ ยืนทำหน้าบูดสนิทอยู่หน้าห้อง ปากแตก ขาเข้าเฝือก แต่งตัวเรียบร้อยแต่สังขารจัดว่าดูไม่ได้แตกต่างจากชื่อพิสุทธิ์ที่เจ้าตัวแนะนำลิบลับ อดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเล็กๆ แค่นั้น ไปทำตัวล่อตาล่อตีนใครที่ไหนมา แต่พอสังเกตดีๆ ไอ้สายตาขวางโลกที่เจ้าตัวทำอยู่นั่นล่ะมั้งที่ต้นเหตุ

               เด็กใหม่ดูท่าทางจะประหยัดคำพูดน่าดูนอกจากชื่อจริงกับชื่อเล่นที่บอกให้เรียกว่า เพียวแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พยุงตัวเองไปนั่งตรงโต๊ะว่างตัวเดียวที่เหลืออยู่ ความไม่เป็นมิตรอย่างรุนแรงขนาดนี้ส่งผลให้หัวหน้าห้องอย่างกอล์ฟงานงอก เมื่ออยู่ๆ อาจารย์ก็ยกหน้าที่สำคัญให้

               “ไหนๆ เพื่อนก็ยังเจ็บอยู่ ยังไงก็ฝากกลุ่มกอล์ฟดูแลเพื่อนด้วยเนอะ”

               และดัวยคำสั่งนี้เองจึงเป็นสาเหตุที่เพียวมานั่งอยู่ตรงนี้ ปอนด์ทิ้งตัวลงนั่ง มองเพื่อนใหม่อย่างพิจรณาก่อนจะเอ่ยปากถามเรื่องเพียวพอเป็นพิธี แน่นอนว่าเจ้าตัวนั้นแทบจะไม่พูดอะไรเลย มีแต่หัวหน้าห้องที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเป็นคนตอบแทนให้

               “เอ่อ กอล์ฟ กูพึ่งรู้ไอ้เป้มันคบกับพี่โยเหรอวะ”

               ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าโยนออกนอกกลุ่ม เอาแต่ซ้อมวงโยจนไม่เคยรู้เรื่องอะไรกับเขาเลย

               “พูดมากปอนด์เก็บปากไว้แดก”

               เป็นก้องที่พูดขึ้นมา พร้อมกับคว้าปีกไก่ยัดใส่ปากปอนด์ แน่นอนปีกไก่นั่นต้องคว้ามาจากจานของปอนด์นั่นแหละ

               ปอนด์มองหน้าเพื่อนอย่างแค้นๆ แต่ก็พอเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เคี้ยวไก่เสร็จรีบหาทางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแบบเร็วพลัน

               “อ่า...วันนี้นี้กุไม่มีซ้อม ไปร้องเกะกันเหอะ กูไม่ได้เที่ยวกับพวกมึงนานแล้วเน๊อะๆ เอ่อ นายด้วยเพียว ไปด้วยกันๆ ร้องเกะคนเยอะๆ จะได้สนุก”

               หันไปยิ้มร่าใส่คนที่นั่งเงียบมาตลอด

               เด็กหนุ่มหน้าบูดวางช้อนส้อมลงก่อนปรายตามองอีกฝ่าย

               “ผมใส่เฝือกอยู่...”

               อย่าเผือกกับผม ประโยคหลังไม่ได้พูดแต่สายตาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี แต่เพราะคนชวนเป็นปอนด์ ผลที่ได้รับจึงเป็น

               “เฝือกที่ขา ไม่ใช่ที่ปาก พูดได้ก็ร้องเพลงได้”

               เหตุผลเป็นจริงแต่ก็ชวนให้ฟาดปากกันอย่างบอกไม่ถูก เพียวจ้องหน้าปอนด์อย่างเอาเรื่องแต่ยังไม่ทันมีอะไร กอล์ฟก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

               “ไปเหอะ ผ่อนคลายบ้าง เรื่องที่เครียดอยู่จะได้หายไปไง”

               พอมีหัวหน้าห้องช่วยย้ำอีกแรง เพียวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยักหน้ารับเนือยๆ

              ...ถึงจะดูน่ารำคาญไปบ้าง...

               ...แต่ออกไปปลดปล่อยบ้างก็ดีเหมือนกัน...





TBC......




TaLk

มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน๊อะ มาสั้นก็เช่นกัน ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ขอโทษด้วยค่ะ ติดขัดอะไรหลายอย่างเลย กลับมาแล้วนะคะ หายไปเกือบๆ สองเดือนได้ //กราบ
พอดีปรับพล็อตนิดหน่อย แล้วยังทำตัวให้ชินกันตัวละครไม่ได้ เลยไม่อยากปล่อยออกมา
ตอนนี้พอจะเข้าที่เข้าทางแล้ว ฝากน้องเพียวไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่ะ ฮา -อี้หลิง

ปล. น้องก้องในเรื่องนี้เป็นคนเดียวกับในเรื่องโสดให้รู้ว่ารักนะคะ เพียงแต่คนละปี ฮา
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่8 เพื่อน [p.2] [27.03.58]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-03-2015 11:11:32
ความรักทำให้คนหน่อมแน้ม ปัญญาอ่อนเพิ่มขึ้นเท่าตัว
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่8 เพื่อน [p.2] [27.03.58]
เริ่มหัวข้อโดย: manutty ที่ 27-03-2015 13:25:12
ไม่รู้ว่า กล์อฟ คู่ เป้ ไหม แต่เขาเชียร์ กล์อฟ กับ เพียว อ่ะ :ling1: ดูนางน่าร๊ากกกกกก ห้าวๆ ดี หรือ เพียว จะคู่ ปอนด์ ก็อ่ะเคร เอากล์อฟ ให้ ก้อง ก็ได้ คือ กล์อฟ คู่ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่เป้ ได้ป่ะ ไม่ได้หมั่นไส้นางที่ไปชอบโยหรอกนะ นางไม่ได้ผิดเพราะนางไม่รู้และถึงรู้ นางก็อาจจะไม่ได้รักกล์อฟอย่างแฟน นางรักแบบเพื่อนมากกว่า และรู้สึกว่าเคมีไม่เข้ากันกับกล์อฟอ่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่8 เพื่อน [p.2] [27.03.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 29-03-2015 13:01:55
 :hao5: สงสารกอล์ฟจังเลยตัดใจเถอะน่ะ

พี่โยบทน้อยเราเลยไม่เชียร์

หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่9 แฟนใหม่ (?) [p.2] [15.04.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 15-04-2015 02:03:47

ตอนที่9
แฟนใหม่ (?)




               ด้วยคำชวนในตอนเที่ยงทำให้ทั้งสี่หนุ่มได้อัดตัวรวมกันอยู่ในห้องคาราโอเกะขนาดเล็กบนช้อปปิ้งมอลล์ที่ทาสีเหลืองทั้งตึกใกล้ๆ โรงเรียน

               คนจับไมค์หลักก็คงหนีไม่พ้นนายปอนด์คนชวนที่โชว์พลังเสียงอย่างอลังการ จนเพื่อนชักหมั่นไส้รีบส่งก้องที่ร้องเพี้ยนได้อย่างอลังการไปสร้างสมดุล(?) ให้กับบทเพลง

               กอล์ฟลอบมองเพื่อนใหม่ที่ปฏิเสธไมค์นั่งเงียบอยู่ริมโซฟาใกล้ประตู เห็นอีกฝ่ายนั่งสไลค์หน้าจอมือถือคล้ายไม่สนใจโลกรอบตัว แต่พอมองดีๆ กลับเห็นเพียวกระดิกขาตามจังหวะเพลง

               ...อยากมีส่วยร่วมแล้วนั่งเก็กทำซากอะไรฟร่ะ...

               กอล์ฟขำพรืดกับท่าทีที่เห็น ซึ่งดูเหมือนว่าเพียวเองจะรู้ตัวว่าโดนมองซะแล้ว

               เขาชักสีหน้าไม่พอใจใส่คนจ้องที่ไร้มารยาท ขนาดโดนจับได้แล้วยังจะยิ้มหัวเราะอยู่อีก ตัดสินใจลุกขึ้น ใช้ไม้ค้ำประคองตัวเองไปที่หน้าประตู

               “ไปไหน”

               กอล์ฟรีบลุกตามคิดว่าอีกฝ่ายจะชิ่งกลับบ้านแต่คำตอบที่ได้กลับเป็นห้องน้ำ

               ทั้งๆ ที่ใช้ไม้ค้ำ หมอนั่นกลับเดินได้เร็วเกินคาด แต่ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าคนที่ขาปกติหรอก

               แปปเดียวกอล์ฟก็เดินตามคนเจ็บจนทัน

               “ตามมาทำไม”

               น้ำเสียงโคตรไม่เป็นมิตรจนกอล์ฟเริ่มสงสัย อีกฝ่ายเข้าสังคมได้ยากหรือจริงๆ แค่เกลียดหน้าเขาเป็นการส่วนตัวกันแน่

               “เรามาเข้าห้องน้ำ”

               ซะที่ไหนกันล่ะ เขาตามเพียวมาจริงๆ นั่นแหละ เจ็บขาอยู่เกิดมีปัญหา ลื่นล้มในห้องน้ำหรืออะไรขึ้นมาจะได้ช่วยได้ทัน โดนอาจารย์ฝากฝังไว้แล้ว

               แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้ ไม่ใช่ว่ามีใครล้มหรืออะไรหรอกนะ ทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องน้ำได้ปกติดีเพียงแต่ในตอนเดินกลับห้องคาราโอเกะนั้นเอง อยู่ๆ เพียวที่เดินเร็วมาตลอดก็หยุดชะงัก

               กอล์ฟที่เดิมตามหลังอยู่สองก้าวดก็รีบสาวเท้าเข้ามาดู กำลังจะถามอยู่แล้วว่าเป็นอะไร จู่ๆ อีกฝ่ายก็ทิ้งตัวพิงอกเขาซะอย่างนั้น ดีที่สติเขาดี ไม่อย่างนั้นได้มีถอยหลังล้มไปกองที่พื้นทั้งคู่แน่
   
               “กอล์ฟ...เพียวเดินไม่ไหวแล้ว ประคองเพียวหน่อยนะ”

               กอล์ฟสติแทบหลุด ประคองน่ะได้แต่ทำไมต้องทำเสียงอ้อนขนาดนั้นวะ อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไปกะทันหันเล่นซะเปลี่ยนอารมณ์ตามไม่ทัน

               “เหนื่อยแล้ว แต่ยังไม่อยากกลับ อยากอยู่กับกอล์ฟแบบนี้ตลอดเลย”

               ชักจะไปกันใหญ่แล้ว วันนี้ทั้งวันคุยกันไม่ถึงสิบคำ อยู่ๆ มาพิศวาสอะไรกันตอนนี้ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ก็มีรู้สึกว่าพวกเขากำลังโดนสายตาของเด็กนักเรียนที่ยืนห่างไปไม่เกินสามก้าวจ้องมองอยู่

               ไม่ใช่มองแบบพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่เป็นสายตาอาฆาต เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ในใจกอล์ฟก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที เขาส่งยิ้มให้เพียวก่อนจะเอื้อมมือไปโอบเอวช่วยประคองอีกฝ่ายให้เดินต่อไป

               และทันที่ที่เดินผ่านเจ้าของสายตาคุกคามนั่น

               “ไม่กี่เดือนก็หาผัวใหม่ได้แล้วเก่งนี่ ระวังไว้ด้วยล่ะ ติดโรคขึ้นมาจะขำไม่ออก หมอนี่มันผ่านอะไรมามาก...เชรี่ย!!”

               ทั้งๆ ที่ขาเจ็บ ทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่า แต่อยู่ๆ คนพูดก็โลกหมุน ล้มคว่ำไปนอนบนพื้น กอล์ฟรีบคว้าเพียวที่ยังใส่เฝือกตัวเอาไว้ไม่ให้เข้าไปกระทืบซ้ำ

               เสียงร้องตกใจของคนแถวนั้นเรียกให้เด็กผู้หญิงชุดนักเรียนคอนแวนต์ที่อยู่ในบูธขายเสื้อออกมาดู ก่อนจะรีบทรุดตัวลงช่วยประคองคนบนพื้น

               “พอสเป็นอะไร”

               เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจคำถามของแฟนสาว สายตาจับจ้องไปที่คนตัวเล็กอย่างอาฆาตแค้น

               “พวกมึง!!!....”

               “พื้นมันลื่น ดอกยางนายไม่ดีนายเลยล้ม...ใช่ไหม...ครับ”

               กอล์ฟพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยมองไปยังคู่กรณีก่อนจะปราดตาไปทางเด็กผู้หญิงข้างๆ หลักการมโนศาสตร์บอกใบ้ให้กอล์ฟรู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องที่น่าเปิดเผยแน่

               คราวนี้ถึงจะยากเอาเรื่องก็เอาไม่ได้ พอสไม่อยากให้แฟนใหม่รู้เรื่อง เลยต้องยอมตามน้ำ

                  “เอ่อ”

               ตอบรับอย่างเสียไม่ได้

               พอเป็นแบบนี้กอล์ฟเลยพาเพียวเดินต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องสนใจคู่กรณีอีก



               เพราะเมื่อครู่ออกแรงมากไปตอนนี้เลยเจ็บจนน้ำตาแทบไหล กอล์ฟเห็นอีกฝ่ายกัดฟันแน่เลยแวะพักตรงม้านั่งหน้าคาราโอเกะก่อน

               “เจ็บอยู่ดันทำซ่า เป็นไงไหวไหมเนี่ย ต้องไปหาหมอไหม”

               กอล์ฟถามอย่างเป็นห่วง สภาพแบบนี้ยังจับคนทุ่มลงพื้นได้ พลังแห่งความโกรธนีมันจะมากเกินไปแล้ว

               เพียวปฏิเสธ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาต่อสาย

               “จะกลับแล้ว”

               พูดสั้นๆ ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง เขาถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ แล้วค่อยหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

               เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่พอรู้ตัวอีกทีก็ทำไปแบบนั้นแล้ว ถึงหมอนี่จะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รังเกียจ อยู่ๆ ก็มีผู้ชายมาเกาะแกะ แถมยังเป็นคนที่ผ่านมือใครมาตั้งมาก

               “ขอโทษที่ดึงมาเกี่ยวข้องนะ นายไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันแล้วก็ได้...”

               “พลั๊วะ”

               ไม่ต้องกลัวใครว่ารังแกคนเจ็บ กอล์ฟตบเกรียนคนดึงดราม่าไปเต็มรัก

               “เพื่อนกัน คิดเชรี้ยไร”

               คำพูดอาจจะโกหกได้ แต่แววตาโกหกไม่ได้ อีกฝ่ายเต็มใจช่วยเขาจริงๆ เหมือนเมื่อก่อน...

               “ขอบคุณ”

               แล้วรอยยิ้มครั้งแรกในรอบสามเดือนของเพียวก็เกิดขึ้น

               ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีผู้ชายตัวใหญ่ใส่เสื้อโปโลสีกรมฯมารับเพียว เจ้าตัวบอกว่าเป็นลูกน้องของพ่อ พอคิดว่าอีกฝ่ายเข้าโรงเรียนกลางคันได้แบบนี้จะมีลูกน้องพ่อหน้าตาเหมือนมาเฟียมารับก็ไม่แปลก

               รอส่งให้ ‘คุณหนู’ ของผู้ชายเสื้อกรมฯเดินไปสุดทางแล้วกอล์ฟเองก็ได้ฤกษ์กลับห้องเกะไปโชว์พลังเสียงสักที หารค่าห้องเท่ากันแท้ๆ ขอเขาร้องให้คุ้มบ้างเหอะ!!!




TBC......




TaLK

ดองย๊าวยาว ฮา สปีดช่วงนี้คงประมาณนี้แหละค่ะ ได้แค่นี้จริงๆ ยิ่งเรียนใกล้จบยิ่งใกล้บ้า ฮา
จริงๆ ตอนนี้เขียนไว้สักพักแล้ว แต่ว่าลังเลอะไรนิดหน่อยเลยเลื่อนวันลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงตอนนี้ล่ะค่ะ พอจะสังเกตเห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในบทสนทนาของเพียวกับกอล์ฟบ้างไหมคะ เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรคะ เดียวทุกคนก็จะค่อยๆ รู้เรื่องเอง ฮา
เจอกันอีกทีปลายๆ เดือนนะคะ ถ้าไม่โดนนิพนธ์ทับตายไปก่อน ฮา สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ รักคนอ่าน //กอด –อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่9 แฟนใหม่ (?) [p.2] [15.04.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 21-04-2015 01:13:06
รีบๆมาต่อนะรออ่านอยู่ๆ อยากให้กอฟคู่เป้ :hao5:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่9 แฟนใหม่ (?) [p.2] [15.04.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 23-04-2015 10:11:25
เชียร์ กอล์ฟ+เพียว

ถ้าให้เดาน่ะ พอกอล์ฟกะเพียวเริ่มมีใจให้กัน เป้เลิกกะพี่โยแล้วกลับมาหากอล์ฟ
พระเอก คือ กอล์ฟ
นายเอกเราว่ายังไงก็เป็นเป้อ่ะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่9 แฟนใหม่ (?) [p.2] [15.04.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 24-04-2015 01:03:17
รอร้อรอ :hao5:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่9 แฟนใหม่ (?) [p.2] [15.04.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-04-2015 02:14:54
พอส-เพียวแฟนเก่า
กอล์ฟ-เพียวก็ได้
ก้อง-กอล์ฟดีกว่ามั๊ง
จะกอล์ฟ-ก้องก็ได้
ปอนด์-เพียวก็โอเต
โย-เป้ เรื่องของเธอสองคน เจ้าป้าหาได้ใส่ใจไม่
คิดว่าไงกอล์ฟก็ตัดใจได้
ถ้าหากว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักควบคุมใจกอล์ฟก็คงไปเฉ่งเป้ตั้งนานแล้ว
จะตามดูว่ารักของใครที่ต้องซ่อน
แต่ค่อนช้างคิดว่ารักโยเป้น่าจะมีปัญหาทีหลัง
เราว่ากอล์ฟจะเป็น
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่10 พัฒนาการ [p.2] [06.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 06-06-2015 03:14:05

ตอนที่ 10
พัฒนาการ




               เวลาผ่านไปจนกระทั่งคนขาเจ็บถอดเฝือกออกได้ ไม่มีบาดแผลกับไม้ค้ำยันอีกแล้ว จะเหลือก็แต่อาการพูดน้อยที่ยังคงไม่เปลี่ยน

               “ข้อนี้มึงต้องถอดป็อกกี้ออกก่อนดิแล้วค่อยคูณกลับเข้าไป”

               ก็คงจะมีแต่เรื่องนี้ละมั้งที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง

               สมการสองตัวแปรที่พวกเขาช่วยกันถอด เป็นหนึ่งไม่กี่เรื่องที่เพียวยอมจะคุยกับเขาได้โดยไม่เกิดช่วงเด้ธแอร์ เอาจริงๆ หลังจากเหตุการณ์ที่คาราโอเกะ ก็ดูเหมือนว่าเพียวจะยอมเปิดใจให้เขามากขึ้น ไม่ทำหน้าบูดใส่ตลอดเวลาเหมือนตอนแรก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด ยิ่งเพียวเองก็ยิ่งแล้วใหญ่ เคยนั่งเงียบๆ อยู่ด้วยกันตอนพักกลางวันจนก้องเคยโวยใส่มาแล้ว
   
               แต่เขากลับชอบบรรยากาศแบบนี้ มันชวนให้สงบใจมากกว่า

               “เป้ อย่าลืมวันนี้ทำรายงานบ้านกูนะ”

               กอล์ฟละสายตาจากโจทย์เลขบนโต๊ะพูดเตือนเพื่อนสนิทที่กำลังจะเดินออกจากห้องเรียน

               “อื้มรู้แล้ว เดี๋ยวตามไป”

               คนตัวเล็กตอบก่อนเดินยิ้มหน้าบานไปทางชั้นเรียนม.หก
   
               และเมื่อคำตอบของโจทย์ข้อสุดท้ายที่ทำค้างต่อเนื่องมาจากในคาบเรียนถูกเขียนลง สมุดเล่มนั้นก็ถูกคว้าไปโดยเพื่อนมือไวในห้อง

               “มึงเสร็จแล้วกุขอเอาไปลอก”

               ไม่ได้รอให้กอล์ฟพูดอนุญาตด้วยซ้ำอีกฝ่ายก็เดินไปไกลแล้ว

               “ใจดีแบบนี้ระวังเพื่อนจะทำเองไม่เป็นนะมึง”

               เพียวว่าพลางเก็บสมุดของตัวเองที่มีคำตอบครบถ้วนแล้วเช่นกันลงกระเป๋า

               หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเห็นจนชิน และกอล์ฟสันนิฐานว่ามันคงกลายเป็นนิสัย
   
               “เดี๋ยวใกล้ๆ สอบกูก็ติว”

               คนฟังทำหน้าหน่ายๆ ใส่คุณหัวหน้าห้องผู้ใจดี ทำตัวเป็นพ่อพระจนน่าหมั่นไส้

               “แล้วนี่จะไปเลยหรือรอเป้ก่อน”

               “ไปเลยดิ”

               พูดถึงรายงานที่ต้องจะไปทำด้วยกัน เพราะเข้ามากลางคันแถมตอนแรกในห้องก็จับคู่ทำงานกันได้พอดีอยู่แล้ว เพียวเลยต้องกลายเป็นคนที่สามของคู่กอล์ฟเป้ไปโดยปริยาย




               “ล้อกูเล่นใช่ไหม มันไม่พังก่อนถึงบ้านมึงเหรอ”

               น้ำเสียงโวยวายที่น้อยครั้งจะได้ยินจากปากเพียว คนตัวเล็กเหยียดสายตามองจักรยานแม่บ้านสนิมเขรอะด้วยสายตาแบบเดียวกับที่เอาไว้ใช้มองแมลงสาบ

               “หยาบคาย สนิมสร้อย(?)แข็งแรงจะตาย ไอ้เป้กับมึงก็ไซส์ไม่ต่างกันเท่าไหร่ กุพามึงถึงบ้านหรอก”

               เจ้าของจักรยานรีบลูบปลอบใจสนิมสร้อยจักรยานคู่ใจเป็นการด่วน กลัวว่ามันจะน้อยใจบุบสลายไปตามคำแช่งของใครต่อใคร

               “ปกติเป้ซ้อนมาเหรอ”

               กอล์ฟชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว แต่เพียวพึ่งย้ายมาไม่นาน ยิ่งเป็นตอนที่เป้ห่างออกไปจะไม่รู้ก็คงไม่แปลก

               “เปล่าหรอก เดี๋ยวนี้มันไม่ต้องซ้อนแล้ว ถ้าเพียวไม่อยากซ้อนเหมือนกัน เอาอย่างนี้ไหม เดินไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวกูเข็นสนิมสร้อยกลับบ้าน”

               เพียวรู้สึกว่ารอยยิ้มของกอล์ฟดูเศร้า เขาเองแค่ถามไปเพราะความแปลกใจเท่านั้นที่กอล์ฟเอาขนาดตัวเขาไปเปรียบกับเป้ ไม่ได้ตั้งใจไปสะกิดต่อมความรู้สึกใคร หรือจริงๆ พวกนั้นจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกันอยู่

               “เอ่อๆ กูจะยอมซ้อนไปก็ได้ ห้ามทำกูเข้าเฝือกรอบสองละกัน”

               ยอมเสี่ยงปีนไปนั่งซ้อนอีกฝ่าย เห็นแก่ที่มันดูไม่มีความสุขจะไม่ทำตัวเรื่องมากก็ได้




               แม้จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของโซ่จักรยานดังคลอไปตลอดทาง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ไม่มีใครบุบสลายตามคำยืนยันของเจ้าของ

               “อ่ะถึงแล้วบ้านกู ตรงข้ามนั่นบ้านไอ้เป้”

               พูดพลางชี้ไปยังฝั่งตรงข้ามที่สร้างมาหน้าตาเหมือนกันแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว

               “อืม...รู้”

               ตอบเสียงเบาคล้ายกับพึมพำกับตัวเอง กอล์ฟเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก รีบพาอีกฝ่ายเข้าบ้าน ใบของต้นแก้วเกลื่อนเต็มพื้น คงเป็นเพราะช่วงนี้ลมฝนเข้าออกวันเว้นวัน คงต้องหาเวลามากวาดสักที

               พาเพื่อนไปทักทายคุณแม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว แนะนำตัวเสร็จสรรพ กำลังจะขอตัว ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วของใครคนนึงดังมาแต่ไกล

               “คุณแม่ขา วันนี้คุณแม่ทำปลาสามรสใช่ไหมคะ ห๊อมหอม อย่าให้พี่เป้แย่งกุ๊กไก่กินนะคะ”

               เด็กหญิงตัวเล็ก ใส่คอซองเสื้อปกกะลาสีวิ่งถลาเข้ามาในห้องครัว แทบชนกับแขกของบ้าน ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกใจก่อนที่ใบหน้าจะขึ้นสีแดงระเรื่อวิ่งหนีไปหลบหลังพี่ชาย

               “ม...ไม่ใช่พี่เป้นี่ ตัวเท่ากันเลย”

               เด็กหญิงอุบอิ๊บกับตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะลั่นของพี่ชาย กับใบหน้าเหวอๆ ของเพียว

               “เราสูงกว่าเป้ตั้งสองเซนติเมตรเหอะ”

               ทำไมใครต่อใครถึงได้ชอบเอาความสูงของเขาไปเปรียบกับเป้นักนะ ยัยกุ๊กไก่เองก็เถอะ สูงเท่าไหร่เอง

               “อู้หู ตั้งสองเซ็นฯเชียว”

               เพียวอยากจะต่อยหน้าเจ้าของบ้านแรงๆ สักทีให้หายแค้น ฟังดูยังไงก็รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งประชด แล้วยังเสียงหัวเราะนั่นอีก

               “หยุดหัวเราะเลยนะ”

               เพียวมองสองพี่น้องตาเขียวปัด

               เรื่องราวเริ่มไปกันใหญ่ จนคุณแม่ต้องหันมาปราม ก่อนจะไล่เด็กเล็ก(?)สองคนกับเด็กโข่งออกจากห้องครัว

               “โหย เพราะพี่กอล์ฟเอาแต่ขำนั่นแหละ กุ๊กไก่เลยอดชิมอาหารก่อนเลย”

               เด็กหญิงโวยวายขณะนั่งแหมะลงกับโซฟารับแขก

               เพียวเองก็ทิ้งตัวนั่งลงแต่ห่างออกไป ทำเมินสองพี่น้องไปอีกทางด้วยยังเคืองเรื่องในห้องครัวไม่หาย เลยไม่ได้เห็นสายตาที่กุ๊กไก่เริ่มจ้องมองตัวเอง

               “เห้ย จำได้แล้ว พี่เพียว!!!”

               อยู่ๆ เด็กหญิงก็ร้องขึ้นมา เพียวถอนหายใจหน่ายๆ ก่อนยักคิ้วให้คนพึ่งนึกออกหนึ่งที ผิดกับกอล์ฟที่งงเป็นไก่ตาแตก

               “รู้จักกันเหรอ”

               กุ๊กไก่หันมาจิกตาใส่พี่ชายที่นอกจากเรื่องเรียนกับเรื่องของพี่เป้แล้วก็ไม่เคยจำอะไรได้เลย

               “อย่าบอกนะว่าพี่จำเพื่อนข้างบ้านตัวเองไม่ได้”

               ยังคงสัมผัสได้ถึงความงงบนใบหน้าของพี่ชายตัวเอง เด็กหญิงรู้สึกสงสารพี่เพียวขึ้นมาจับใจ ทนคบตาบื้อนี่เป็นเพื่อนมาได้ยังไงกันนะ

               “พี่กอล์ฟ พี่เพียวที่บ้านติดกับเราที่ย้ายออกไปเมื่อห้าหกปีก่อนไง ขนาดตอนนั้นกุ๊กไก่อยู่ป.สามยังจำได้เลย”

               แอบเกทับไปนิดหน่อย จริงๆ ที่จำได้เพราะตอนนั้นเธอชอบพี่เพียวมากเลยต่างหาก เสียใจแทบตายที่พี่เพียวย้ายบ้านไป แต่เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้พี่กอล์ฟรู้หรอก

               “เห้ย!!! จริงดิ เห้ยยยยยย จำได้แล้วๆ ขอโทษ”

               ยกมือไหว้ท่วมหัว เขาเป็นพวกจำคนไม่เก่งอยู่แล้วด้วย ไม่เจอกันหลายๆ ปี ต่างคนก็ต่างโตขึ้นใครจะไปจำได้กันเล่า

               “นึกออกช้าไปไหมมึง เป้มันรู้ตั้งแต่วันที่สองที่กูไปโรงเรียนเลย”

               แต่ไหนแต่ไร หัวกอล์ฟก็มีไว้จำเรื่องเป้อยู่แล้ว เพียวรู้ดีเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อน

               “โหยแล้วทำไมมันไม่บอก”

               โวยเอง ก็แอบจุกเอง เอาจริงๆ นอกจากเรื่องเรียนเป้กับกอล์ฟก็แทบจะไม่มีเวลาคุยเล่นกันจริงๆ อีกเลย แถมไม่ค่อยมากินข้าวเย็นบ้านเขาแล้วด้วย ถ้าวันนี้ไม่มีเรื่องรายงาน เป้มันจะยอมแยกกับแฟนมากินข้าวบ้านเขาไหมนะ

               “เป้ จ่ายกุมาสองร้อย”

               กอล์ฟหันมองตามสายตาของเพียว บุคคลในความคิดเดินทำหน้ามุ่ยเข้ามาก่อนจะมองค้อนเขา

               สองสัปดาห์ก่อนตอนที่เพียวกลับมาใหม่ๆ พวกเขาพนันกันไว้ว่ากอล์ฟจะจำเพียวได้ด้วยวิธีไหน เป้ว่ายังไงกอล์ฟก็น่าจะนึกขึ้นได้เอง ส่วนเพียวว่ากอล์ฟต้องให้คนอื่นเตือน ข้อแม้ก็คือพวกเขาสองคนต้องไม่เป็นคนบอกกอล์ฟเองเด็ดขาด

               “กอล์ฟแม่ง สมองปลาทอง ทำกูเสียเงิน”

               เหวี่ยงกระเป๋าจาคอบลงข้างโซฟาก่อนหาที่ว่างทิ้งตัวนั่งลงแล้วล้วงเงินออกมาให้เพียว

               “ขอบใจ”

               กอล์ฟมองสองตัวแสบสลับไปมาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำไมวันนี้เขาถึงได้กลายเป็นหัวข้อพนันของพวกมันไปได้นะ




TBC......




TaLK

แฮะ //กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ขอโทษด้วยนะคะ ที่หายนานเลย ติดธีสิสค่ะ กว่าจะจบได้เลือดตาแทบกระเด็น นอนวันเว้นวันกันเลยทีเดียว ช่างเป็นเดือนที่โหดร้ายเหลือเกิน จริงๆ นี่ก็ยังไม่เสร็จดี เหลือแค่แก้รูปเล่มแล้ว เลยแวะมาแปะซะหน่อย ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนกันไปทวงถามนะคะ อี้เองก็อยากจะอัพใจจะขาด หลังจากนี้ก็จะพยายามไม่หายไปนานๆ แบบนี้อีกนะคะ (คุ้นๆ ไหมประโยคนี้) จะพยายามทำให้ได้คะ พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่11 สัญญา [p.2] [15.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 15-06-2015 01:38:48

ตอนที่ 11
สัญญา




               "หนึ่ง... สอง... สาม..."

               เสียงนับเลขดังไปทั่วลานเด็กเล่น เหล่าเด็กน้อยรีบกระจายตัวหาที่หลบซ่อน

               เด็กชายตัวเล็กผิวขาวซีดท่าทางอมโรคดูตื่นๆ วิ่งไปทางซ้ายที ขวาที แต่ก็ยังหาที่ซ่อนที่ไม่มีคนอื่นจับจองไม่ได้

               “ขึ้นมาบนนี้”

               เสียงกระซิบดังจากบนต้นไม้ พอเงยหน้ามองตามขึ้นไป ก็พบว่าคนพูดคือเด็กผู้ชายที่บ้านอยู่ติดกันนั่นเอง

               “ปีนไม่เป็น”

               จะว่าสูงต้นไม่ก็ไม่ได้สูงอะไร มีกิ่งก้านให้เหยียบแถมยังมีก้อนหินอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยซ้ำ แต่คนไม่กล้าก็คือไม่กล้า

               “งั้นช่วย”

               พูดจบ กอล์ฟก็กระโดดตุบลงมายืนข้างๆ ก็จะช่วยดันตัวเขาขึ้นต้นไม้

               เด็กชายเพียวตะเกียดตะกายปีนก่อนจะหาที่ยึดเกาะแน่น อีกไม่กี่วินาทีต่อมา กอล์ฟเองปีนขึ้นมาตาม

               "...สิบ...เอายางงงง"

               เด็กชายตัวเล็กที่หลับตาปี๋ตะโกนถาม ไร้เสียงตอบรับเป็นสัญญาณให้ออกคนหา

               "เราหาแล้วน้า..."

               เป้ตัวน้อยเดินหาไปทั่ว เริ่มจากหมูแฮมที่แอบไม่มิดเป็นคนแรก คนที่สองเป็นเด็กหญิงผมแกะที่เข้ามาเล่นด้วยเป็นครั้งแรก

               เพียวกลั้นหายใจไม่กล้าขยับตอนเป้เดินผ่านต้นไม้ ฝ่ามือกำชายเสื้อของกอล์ฟไว้แน่น เพราะกลัวจะตก และแล้วเป้ก็เดินผ่านไป

               ใช้เวลาไม่นานนัก สมาชิกทุกคนก็โดนจับเกือบหมดแล้ว เหลือก็แต่สองคนที่ยังแอบอยู่บนต้นไม้
   
               "เด็กๆ เย็นป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับกันอีก เดี๋ยวก็โดนดุหรอก"

               เสียงเตือนจากคุณแม่ของหมูแฮมที่มารับลูกกลับบ้านพาเอาเด็กๆ มองหน้ากับเลิกลัก หลายคนตัดสินใจตามหมูแฮมกลับบ้านไป

               “ลงกัน”

               เพียวพูดเสียงเบา อยู่บนที่สูงแบบนี้รู้สึกใจสั่นเหมือนจะเป็นลม

               "กอล์ฟๆ อยู่ไหน เลิกเล่นแล้วนะ"

               เสียงร้องตะโกนดังมาจากข้างล่าง เพียวทำท่าจะร้องตอบแต่กอล์ฟกลับรีบเอามือปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้

               “อย่าส่งเสียงนะ”

               รอยยิ้มขี้แกล้งของกอล์ฟทำเอาเพียวแอบสยองแทนเป้ ได้แต่นั่งเงียบๆ เกาะกิ่งไม้ไว้แน่น

               "กอล์ฟออกมา เราอยากกลับบ้านแล้ว"

               "กอล์ฟ"

               "กอล์ฟ"

               และ

               "ไม่ออกงั้นเรากลับนะ....โอ๊ย"

               ตั้งใจจะหมุนตัวกลับอย่างปากว่า แต่เพราะขาที่ไม่ค่อยแข็งแรง พอทำอะไรเร็วๆ ก็ดันทรงตัวไม่อยู่

               "เห้ย"

               กอล์ฟร้องอย่างตกใจ ทำท่าจะกระโดดลงไป แต่ก็หันมาสั่งอีกคนที่อยู่บนต้นไม้ไว้ก่อน

               “เดี๋ยวกลับมารับ”

               พูดก่อนที่จะกระโดดลงไปแล้ววิ่งไปดูเพื่อนที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้น

               เพียวนั่งดู เป้ขี่หลังกอล์ฟเดินกลับบ้านอยู่บนต้นไม้ กอล์ฟบอกว่าจะมารับ เพียวเลยนั่งนิ่งๆ รอ

               รอ

               รอ

               และรอ

               จนกระทั่งฟ้าก็มืดสนิท ไฟดวงเล็กๆ จากกลางลานเปิดสว่างขึ้น แต่สำหรับเพียวมันไม่ได้ช่วยเลย

               “ฮือๆ กอล์ฟอยู่ไหน เราลงไม่ได้ กอล์ฟๆๆๆ”

               เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนตนไม้ พยายามจะปีนลงจากต้นไม้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าลง กลายเป็นอาการค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น

               “ไหนว่าจะมารับไง กอล์ฟอยู่ไหน”

               เด็กน้อยร้องไห้ไม่หยุด จนเริ่มคิดว่าจะไม่มีใครมารับแล้วจริงๆ

               “เพียว!!!ลูก!!!”

               “คุณแม่!!!!!!”
   
               เด็กชายถูกช่วยลงมาได้ด้วยคุณพี่ยามประจำหมู่บ้าน เขาซุกตัวลงกับอ้อมกอดของแม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนถึงบ้าน และไม่ยอมลุกจากเตียงเลยในวันรุ่งขึ้น




               “ขอโทษ”

               “ออกไป ออกไปนะ”

               คำขอโทษถูกกลบด้วยเสียงตวาด พร้อมๆ กับตุ๊กตาคุณหมีตัวใหญ่ที่ลอยตามมาจากเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงก่ำด้วยอารมณ์โกรธ เมื่อวานเพียวกลัวมากจริงๆ ทั้งๆ ที่บอกว่าจะกลับมารับแล้วทำไมถึงไม่กลับมาล่ะ

               กอล์ฟเซไปตามแรงกระแทกของคุณหมี แต่เด็กชายก็ไม่ละความพยายามที่จะขอโทษ

               “ขอโทษจริงๆ นะ”

               “ก็บอกให้ออกไปยังไงเล่า เราเกลียดกอล์ฟแล้วออกไปนะ โป้ง”

               ชูนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย พร้อมกับสะบัดหน้าหนี

               “อย่าโกรธเราเลยนะ ดีกันเถอะ”

               กอล์ฟยื่นนิ้วก้อยหาอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าเพียวตัวน้อยจะไม่ยอมมองเลย

               “ไม่”

               “เราให้ขี่หลังก็ได้นะ”

               ลองใช้ข้อเสนอเดียวกับที่ใช้กับเป้เมื่อวาน

               “เพียวไม่ใช่เป้ ไม่ขี่หลังกอล์ฟหรอก”

               ดูเหมือนว่าไม่ได้ผล เลยลองเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบดู

               “งั้นจะพาไปปีนต้นไม้”

               “ไม่เอา!!!!”

               กลายเป็นว่าไปปลุกความกลัวของเพียวอีกจนได้ เด็กชายตัวเล็กทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว คนที่ตัวโตกว่าเกินเด็กอายุหกขวบอย่างกอล์ฟเลยดูเป็นไจแอ้นรังแกคนอื่นไปซะเฉยๆ

               “งื้อ อย่าร้องนะ ขอโทษจะไม่ทิ้งเพียวไว้คนเดียวอีกแล้วนะ เราสัญญา”

               ละลักละลำปลอบคนบนเตียงไม่ให้ร้องไห้อีก และก็ดูเหมือนว่าจะได้ผล เพียวสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ก่อนจะถามย้ำ

               “จริงๆ นะ ถ้าทิ้งเราอีก เราโป้งกอล์ฟจริงๆ ด้วย”

               “อื้อ สัญญาเลย”

               และแล้วทั้งคู่ก็เกี่ยวนิ้วก้อยกันเป็นการทำสัญญา



TBC......




TaLk

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ ในที่สุดก็พาเนื้อเรื่องมาถึงช่วงที่สองจนได้ ช่วงอดีตจะเป็นตัวขั้นเนื้อเรื่องในแต่ละส่วนค่ะ ถ้าจะเห็นได้เริ่มจากเล่นซ่อนหาในบทนำค่ะ หลังจากพักยกกันด้วยตอนเบาๆ กันมาหลายตอน เดี๋ยวเราก็จะกลับไปต้มมาม่ากันอีกครั้งแล้วค่ะ //หลบตีน สำหรับแพร์ริ่งหลักของเรื่องก็ยังเดากันได้ต่อไปนะคะ 5555 ถึงอี้จะมีบทสรุปแล้วแต่ก็ชอบเห็นทุกคนเดานะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ มีอะไรแนะนำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ ><  - อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่11 สัญญา [p.2] [15.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-06-2015 06:40:24
เราเชียร์เพียวนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่12 คำชวน [p.2] [27.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 27-06-2015 02:27:59

ตอนที่ 12
คำชวน



   
               พึ่งจะเป็นเวลาหกโมงเช้าตอนที่เพียวตัดสินใจลุกจากเตียง เผลอสะดุ้งตื่นตอนตีห้าครึ่งพอคิดว่าจะหลับต่อก็ดันตาสว่างซะได้ อาจเพราะว่าแปลกที่ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจมาหลายวัน เลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำปล่อยให้เจ้าของบ้านตัวจริงนอนต่ออีกสักหน่อย

               เพราะห้องน้ำแยกกับห้องนอน เขาเลยได้กลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งจากในครัวที่ลอยมาเตะจมูกถึงชั้นบน เพียวเดินตามกลิ่นอาหารไปพร้อมกับท้องที่ร้องโครกคราก

               คุณแม่กอล์ฟตื่นมาทำอาหารตั้งแต่เช้า พอสอบถามถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีธุระเลยตื่นมาทำทิ้งไว้ก่อน เลยกลายเป็นจังหวะดีได้กินของอร่อยเป็นลาภปากแต่เช้า

               ตอนที่ลูกชายเจ้าของบ้านงัวเงียเดินลงมาจากชั้นบน คุณแม่ก็ออกจากบ้านไปแล้ว แถมเพียวก็กินข้าวต้มหมดไปสองถ้วยแล้วด้วย

               “ข้าวต้มอร่อยไหม”

               กอล์ฟเอ่ยถามคนที่กำลังจ้วงข้าวถ้วยที่สามเข้าปากอย่างจริงจัง ไม่ได้รับรู้จำนวนอาหารที่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย

               “ขืนมาบ้านนายบ่อยๆ น้ำหนักต้องขึ้นแน่”

               เพียวตอบพร้อมพยักหน้ารัวๆ ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วที่เขาเพิ่มข้าวไปตั้งหลายต่อหลายจาน

               “เสียดายเน๊อะ กินข้าวมันไม่เพิ่มความสูง”

               คนฟังแทบสำลักข้าว ร้องด่าคนแซวแทบไม่ทัน

               “เลว”

               “พูดจริงๆ นะ ไม่งั้นไอ้เป้สูงตายไปแล้ว”

               เป้อีกแล้ว เพียวอยากจะถามกอล์ฟเหลือเกินว่าเขารู้ตัวไหมว่าในหนึ่งวัน เขาพูดถึงชื่อเป้กี่ครั้ง  พาลให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน

               ...”อย่าไปนะเป้ อย่าไป”...

               ตอนที่หมอนี่ละเมอออกมาแบบนั้น มันฟังดูเศร้าจนน่าสงสาร ได้ยินมาบ้างว่าเป้กำลังคบกับรุ่นพี่ และก็มีได้ยินมาบ้าง ว่ากอล์ฟกับเป้เคยโดนจับคู่กัน หรือบางทีเรื่องที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง

               ...กอล์ฟชอบเป้..

               เป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่านะ

               “เห้ย คิดไรอยู่นิ่งเชียว”

               กอล์ฟที่ตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถามเมื่อเห็นเพื่อนตกอยู่ในภวังค์

               “กำลังคิดว่ากอล์ฟชอบเป้”

               สิ้นคำ กอล์ฟก็ไอพรืดสำลักข้าวต้มขึ้นมาทันที

               “แค๊ก แคก ใครบอกมึง”

               ยกน้ำขึ้นมากระดกดื่มก่อนจะรีบถาม

               ไม่ใช่คำปฏิเสธ แต่ถามว่าใครบอก แปลว่าใช่จริงๆ สินะ เพียวสรุปในใจ

               “เดาเอา”

               กอล์ฟอยากร้องกรี้ดในใจ ทำไมใครต่อใครก็ดูออกว่าเขาชอบเป้ ทำไมมีแต่เป้ที่ดูไม่รู้ ปล่อยให้เขาเจ็บใจอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอดกันนะ

               “ทำไมเดางั้นวะ”

               “แล้วทำไมมึงไม่บอกมันไปวะ”

               พูดเหมือนก้องไม่มีผิด ถ้าคนเราจะบอกรักกันง่ายขนาดนั้น เขาไม่รอให้ไอ้พี่โยมันตัดหน้าเขาแบบนั้นหรอก

               “เชรี่ยเป้ชอบพี่โย จะให้กุบอกไปทำไม อีกอย่างนะ กูตัดใจแล้วด้วย อย่ามายุ”

               “หมายถึงจะไม่รักเป้อีกแล้ว”

               ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

               “เอ่อ...ก็ประมาณนั้นมั้ง” คนที่แพ้ก็ต้องตัดใจแบบเขา ไม่มีสิทธิมาคร่ำครวญ

               “งั้นคบกับกู”

               “ห๊ะ”

               บางทีนี่ก็เป็นการร้องเสียงดังที่สุดของกอล์ฟก็เป็นได้




               “เชรี่ยกอล์ฟ ตามึงไปโดนอะไรมา”

               ทำทักทายแรกที่ก้องมีให้ ไม่ได้ต่างจากของเป้ และปอนด์ที่มาถึงก่อนเลยแม้แต่น้อย เพราะ บัดนี้เจ้าของบ้านมีวงช้ำวงเบ้อเร้ออยู่ที่เบ้าตา นี่ยังไม่นับร้อยเขียวๆ ที่มีอยู่ในร่มผ้าอีกสองสามจุด เห็นตัวเล็กแบบนี้ ทำไมมือเท้าหนักนักนะ

               “โดนหมามันฟัด”

               พูดพลางปรายตาไปมอง ‘หมา’ ตัวเล็กที่นั่งมองตาขวางอยู่ไม่ไกล

               “คนปากหมาก็เหมาะให้หมามันกัดอยู่หรอก”

               เขาผิดเองที่ไปขอให้มันช่วย งี่เง่าเป็นบ้า

               “งี้ก็ยอมรับแล้วสิว่าตัวเองเป็นหมาอ่ะ”

               หวิดจะวางมวยกันอีกรอบถ้าอยู่ๆ เป้ก็ไม่ลุกพรวดขึ้นมา เล่นเอาตกอกตกใจกันหมด

               “เดี๋ยวมานะ”

               พูดจบก็ทำท่าจะวิ่งออกจากห้องไป

               โชคยังดีที่ก้องมีสติตะโกนถามออกไป

               “มึงจะไปไหน”

               และคำตอบที่ได้ ก็ทำให้คนๆ นึงไม่มีสติ

               “พี่โยจะมาติวด้วย”

               ...เป้มันกำลังจะเอาหนามยอกอกเข้าบ้านเขา...




TBC......




TaLk

สวัสดีตอนที่สิบสองค่ะ ไม่รู้จะทอล์คอะไร เอาเป็นว่า เรามาดูกันตอนหน้าเนอะ ว่าพี่โยมาแล้วจะมีอะไร แล้วก็ ทำไมเพียวถึงได้ตีกับกอล์ฟขึ้นมาได้ มีอะไรติชมกันได้นะคะ ฝากเด็กๆด้วยค่ะ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่12 คำชวน [p.2] [27.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 28-06-2015 10:03:53
เราชอบเนื้อเรื่องที่พระเอกนายเอกเคยมีความผูกพันตอนเป็นเด็กมาก่อน ทำให้เรื่องโรแมนติกมากๆค่ะ

เราอยากให้เพียวเป็นนายเอก  เพราะเรารู้สึกว่าเป้รักและผูกพันกับกอล์ฟแบบเพื่อนรักจริงๆ เราว่าเป็นเพื่อนรักที่น่ารักมากๆ

ตอนนี้เพียวเหมือนยังไม่รักกอล์ฟหรือว่าซ่อนรักอยู่ แต่เราว่าคงอีกไม่นานต้องเปิดเผยว่ารักบ้างล่ะ เพราะกอล์ฟออกจะแสนดีเนอะ

รอลุ้นตอนต่อไปค่ะว่าทำไมถึงเกิดเรื่องชกต่อยกันได้ นายเอกแมนๆก็น่ารักไปอีกแบบ555

เรื่องนี้สมกับชื่อเรื่องจริงๆค่ะ
กอล์ฟซ่อนความรักที่มีต่อเป้ โดยที่เป้ไม่เคยรู้ตัวเลย
และถ้าเพียวเป็นนายเอก ก็ซ่อนตัวได้เก่งมาก กว่าจะออกมามีบทบาท555

รอลุ้นมากๆค่ะว่าใครจะเป็นนายเอก ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ เรื่องนี้สนุกมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่12 คำชวน [p.2] [27.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 28-06-2015 10:41:27
จากความเข้าใจของเรากอล์ฟต้องซ่อนความรู้สึกที่มีให้เป้ พยายามตัดใจจากเป้โดยทำกับเป้แบบเป็นเพื่อน แต่ความฝังใจยังไงมันก็ฝังอยู่ลึกยิ่งกอล์ฟมีแต่เป้มาตั้งนานแล้วด้วย      เชียร์กอล์ฟ-เพียวนะ เพราะสำหรับเราเป้หมดสภาพความเป็นไปได้ที่จะมาเป็นแฟนของกอล์ฟไปแล้วค่ะ       เรื่องอาจจะมันส์พิลึกถ้าหากว่าพี่โยโผล่มาแล้วปรากฏว่านางแอบชอบกอล์ฟมานานมากๆ

หวังว่าการเข้ามาใกล้ชิดของโยจะไม่ทำให้กอล์ฟเจ็บมากเกินไปไหนๆก็ตัดอกตัดใจไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่13 พิจารณา [p.2] [17.07.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 17-07-2015 00:31:44

ตอนที่ 13
พิจารณา

               หน้าที่ของหนามยอกอกคือการทิ่มแทงหัวใจ ซึ่งกอล์ฟก็คิดว่าพี่โยเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่ายกโล่ประกาศกิตติคุณให้

               บางทีเขาก็อยากตะโกนถาม มานั่งติวหนังสือทำไมต้องกุมมือ แล้วทำไมต้องหัวเราะคิกคักกันด้วย ได้ฟังที่เขากำลังพูดอยู่บ้างหรือเปล่า ที่สอนไปเข้าหัวบ้างไหม ยิ่งเรียนแย่ๆ อยู่ แล้วเขาที่มัวแต่สนใจมันนี่เสียสมาธิไหม

               “กอล์ฟ มึงเฉลยผิดข้อ”

               นั่นไง เสียจริงๆ ด้วย เสียงท้วงของคนที่ถนัดวิชานี้พอๆ กับเขาดังขึ้น ในที่สุดเพียวก็ยอมเปิดปากพูดกับเขาหลังจากที่ตีกันไปเมื่อเช้า แต่ก็ไม่วายเป็นคำท้วงติงอยู่ดี

               “ห่า กูอุตส่าห์จด สองรอบแล้วนะมึงวันนี้”

               ปอนด์ที่น่าสงสารทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ดูท่าทางอยากจะทึ้งหัวเขาแทนแน่ๆ

               “ไม่มีสติไปนอนไหมมึง ให้เพียวติวแทน”

               ขนาดก้องยังจิกเขา มีแต่สองคนนั่นล่ะมั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร

               “เป้ กูเฉลยผิดข้อ”

               เป้หันหน้ามาตามเสียงเรียกพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปคุยต่อ เขาอุตส่าห์จงใจบอกมัน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหนังสือที่เปิดค้างอยู่มันเป็นโจทย์ตั้งแต่สามข้อก่อนหน้าแล้ว

               “เป้!!”

               “อะไร ก็รู้แล้วไงว่ามึงเฉลยผิดข้อ”

               พอโดนท้วงบ่อยๆ เป้ก็ชักจะหงุดหงิด มองเพื่อนรักตาขวาง แต่กอล์ฟเองก็อารมณ์ขึ้นแล้วเหมือนกัน

               “ฟังกูสอน”

               “อื้อ รู้แล้วน่า”

               “รู้ก็ทำดิ แล้วพี่โยก็หยุดชวนมันคุยได้แล้วครับ”

               สาบานว่าเขาไม่ได้พาล แต่เขาเกลียดที่สุดเวลาเขาพูดแล้วไม่ฟัง ยิ่งกับคนที่จำเป็นต้องฟังด้วยแล้ว เขายิ่งหงุดหงิด

               “ตั้งใจตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่พอตกแล้วค่อยมาโวยวาย คนที่กุมมือมึงอยู่ก็ช่วยมึงไม่ได้”

               “เห้ย ที่พูดมันจะเกินไปหน่อยไหมวะ”

               เป็นพี่โยที่ทนไม่ไหวก่อน ลุกพรวดจากเก้าอี้ โชคยังดีที่เป้คว้ามืออีกฝ่ายยึดไว้ก่อน

               “พอแล้วๆ กอล์ฟมึงมานั่งให้ไอ้เพียวติวแทน”

               ก้องรีบห้ามทัพกลัวว่าจะมีเรื่องกันซะก่อน

               “กูว่าพักกันก่อนไหม”

               เพียวเสนอ ไหนๆ พวกเขาก็ติวมาราธอนกันมาสามชั่วโมงรวดแล้ว และพอได้รับความเห็นชอบจากทุกคนจึงได้พูดต่อ

               “งั้นกูไปซื้อขนมร้านป้าแว่นนะ”

               “เอ่อดีๆ กอล์ฟมึงไปเป็นเพื่อนเพียวเลย”

               ก้องผลักไสไล่ส่งให้เพื่อนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศโดยลืมไปซะสนิทว่า รอยช้ำบนตาเพื่อนนั้นมาจากใคร

               แต่ในเมื่อเพียวไม่โวยวายอะไร กอล์ฟก็จำใจต้องเดินไปเอาสนิมสร้อยลูกรักออกมาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ไปพ้นๆ หน้าไอ้ตัวสูงโย่งท่าทางกวนบาทานั่นสักแปปก็ยังดี

               เพียวขึ้นนั่งซ้อนโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากเรียกให้เสียเวลา อันที่จริง ตลอดทางนอกจากเสียงเอี๊ยด     อ๊าดของโซ่จักรยานก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ก็เมื่อเช้าเขาพึ่งทะเลาะกันพอออกมาแบบนี้ก็อึดอัดนะสิ

               “ขอโทษ เมื่อเช้าเราปากเสียเองแหละ”

               เป็นคนตัวโตที่ตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน

               “ช่างเหอะ เราเองก็ใจร้อนไปหน่อยแหละ ขอโทษเหมือนกันนะ”

               เพียวเองก็ขาดสติ รู้ตัวอีกทีก็ซัดอีกฝ่ายไปหลายหมัดแล้ว

               “แล้วเรื่องที่ถามนั่น จริงหรือเปล่า” 

               นึกย้อนไปถึงคำขอประหลาดของอีกฝ่ายแล้วก็สงสัย ขอให้เขาคบด้วย หรือเพียวมันจะเป็นบ้าไปแล้ว

               “ไม่ได้ล้อเล่น”

               “กู...”

               “ไม่ต้องรีบตอบ ไปคิดดูดีๆ”

               “เอางั้นก็ได้ เอ๊า ถึงแล้ว ลงๆ”

               ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกลางหมู่บ้าน ร้านป้าแว่นเป็นร้านขายของชำประจำหมู่บ้าน ลดระยะเวลาปั่นจั๊กไปเซเว่นหน้าปากซอยได้โข




               “เห้ย ชาเขียวของใครตั้งห้าขวด”

               เขาจะไม่โวยเลยสักนิดถ้าห้าขวดนั้นมันไม่ใช่ขวดลิตร จำได้ว่าในใบรายการที่เพื่อนฝากซื้อมันไม่มี

               “ของกูไง กุกินเอง”

               กอล์ฟมองเพียวพี่ทำหน้าฟินใส่ขวดชาเขียวด้วยความรู้สึกขนลุก ก่อนจะหยิบออกจากตะกร้าไปสามขวด

               “เยอะไป”

               รีบพูดย้ำเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของอีกฝ่าย แต่เพียวเองก็ไม่ยอมแพ้ รีบยื้อกลับมาหาตัว

               “พรุ่งนี้ก็หมดแล้ว เผลอๆ แบ่งคนอื่นกินวันนี้ก็หมด”

               นี่มันคือชีวิตของเขาเลยนะ กินเพื่ออยู่ ไม่มีไอ้พวกนี้เขาต้องตายแน่ๆ

               “มันน้ำตาลเยอะ คาเฟอีนก็เยอะ”

               “เอ่อ กุชอบ”

               อาศัยจังหวะที่กอล์ฟทำตัวเป็นคุณพ่อขี้บ่นแอบหยิบขวดชาเขียวกลับลงตะกร้าอีกครั้ง

               “มันไม่ดีต่อสุขภาพมึง”

               พูดพร้อมกลับหยิบออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้กอล์ฟเอาออกไปทั้งหมด

               “เห้ยยย เผด็จการสัส เอาคืนมา เอามาขวดเดียวก็ได้ คืนมา”

               เพียวรีบเอาขวดชาเขียวซุกเขาหาตัว กอดไว้ประหนึ่งเป็นลูกรักก็ไม่ปาน

               “นี่ก็ช่วยให้มึงไม่ตายอยู่นะ ยังจะด่ากุอีก ไม่ต้องกิน”

               “โอเว่อร์ชิบหาย ขวดเดียว ขอขวดเดียวนะ”

               เปลี่ยนคำด่าเป็นคำอ้อนทันควัน ด้วยกลัวว่าถ้าเถียงกันต่อสงสัยว่าจะไม่ได้เอากลับไปสักขวดจริงๆ

               คอยดูเถอะกลับบ้านไปจะกินให้หมดเป็นลังเลย พอคิดได้แบบนั้นอารมณ์ก็เริ่มดีขึ้นนิดหน่อย เดินลิ้วไปจ่ายเงินก่อนที่กอล์ฟจะเห็นว่าเขาแอบคว้ามาอีกขวด




               พอกลับถึงบ้าน เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ไม่มีใครหงุดหงิดใส่ใครอีก อาจเพราะเปลี่ยนคนติวเป็นเพียวตามที่ตกลงกันในตอนแรก หรืออาจจะเป็นเพราะพี่โยได้เดินหนีไปอ่านหนังสือเงียบๆ แถวๆ มุมห้องแล้วก็เป็นได้

               และแม้ว่าเพียวจะติวงงๆ ไปหน่อย แต่เมื่อมีกอล์ฟคอยช่วยเสริมทุกอย่างก็ผ่านไปได้สะดวกมากขึ้น

               “โหย ถ้าเพียวย้ายมาเร็วกว่านี้ก็ดีดิ ติวก็ดี แถมยังไม่ดุแบบไอ้กอล์ฟอีก”

               ปอนด์พูดพร้อมคล้องแขนเจ้าของชื่อด้วยท่าทางออดอ้อนน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด เรียกฝ่าเท้าจากคนที่โดยกัดว่าดุไป 1 ea

               “เห็นไหมเพียว กอล์ฟใจร้ายขนาดไหน เพียวต้องอยู่พิทักษ์เค้าน้า”

               ขนาดลงไปนอนกองที่พื้นก็ยังไม่เลิก เพียวย่อตัวลงไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนเอ่ยคำสัญญา

               “เพียวจะปกป้องปอนด์เองนะ จากนี้ปอนด์ก็ต้องเฝ้าบ้านดีๆ พอมีโจรขโมยมาก็ต้องเห่าเรียกเข้าใจไหม”

               “รับทราบโฮ่ง ถุย คนไม่ใช่หมาครับ”

               “อ้าว กุก็คิดว่ามึงว่าสปีชี่ส์เดียวกับมันสะอีก”

               เพียวพูดพร้อมกับปรายตามองไปยังกอล์ฟที่ยืนขำอยู่ไม่ไกล

               “อ้าวเห้ย จะกลับบ้านก็กลับกันไป ไม่ต้องมาปาดยาวแขวะกู”

               เจ้าของบ้านที่อยู่ๆ โดนหางเลขรีบส่งแขก เป็นจังหวะเดียวกับที่ก้องวิ่งกลับเข้ามาในบ้านพอดี

               “เพียวรถมึงมาแล้ว”

               “อ้อ งั้นไปกัน”

               เพราะเพียวมีคนขับรถมารับ เพื่อนๆ เลยได้อานิสงติดรถไปลงหน้าปากซอยกันถ้วนหน้าจะยกเว้นก็แค่

               “พี่จะไม่ออกไปด้วยกันจริงๆ เหรอครับ”

               เขาหันไปถามพี่โยเป็นรอบสุดท้าย อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง จึงถึงเวลาแยกย้าย

               หายไปสามเหลืออีกสาม แถมเป็นสามที่กลับมาสร้างบรรยากาศขึ้นอีกครั้ง แค่มองหน้าก็ให้ความรู้สึกชวนทะเลาะขึ้นมาแล้ว

               “แล้วนี้จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเหรอครับ”

               น้ำเสียงของเจ้าบ้านไม่ได้ให้ความรู้สึกเชื้อเชิญเลยสักนิด ติดไปในทางประชดหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ มีหรือว่าคนฟังจะไม่รู้

               โยยิ้มกว้าง คว้ามือคนข้างๆ ขึ้นมากุม เป้หน้าแดงอดที่จะเขินไม่ได้เมื่อมีพยานรู้เห็นชัดเจนขนาดนี้

               “ไม่ได้กินกับนายหรอก กินกับเป้น่ะ เน๊อะ”

               ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่กอล์ฟรู้สึกว่าสายตาของพี่โยมันตั้งใจจะเย้ยกันอย่างบอกไม่ถูก

               “อื้อครับ เราไลน์บอกป้ากานต์แล้วล่ะ วันนี้กลับไปกินบ้านนะ”

               “อ้าว แต่แม่บอกจะทำของโปรดเป้นะ”

               แม่ไม่ได้บอก แต่ทุกครั้งที่คิดว่าเป้จะมานั่งกินข้าวที่บ้านแม่ก็จะเตรียมของโปรดมันไว้ทุกครั้ง

                  “ง่า ฝากขอโทษแม่ด้วยนะ”

               หมดหนทางจะรั้งไว้ แต่ว่าเขาจะรั้งมันไว้เพื่ออะไรล่ะ

               “กอล์ฟ กุไปก่อนนะ ไปครับพี่โย”

               เป็นอีกครั้งที่กอล์ฟต้องปลอบใจตัวเองว่า ไอ้พี่โยไม่ได้หันมายิ้มเยาะเขาตอนที่จูงมือเป้ออกไป




               บางทีกอล์ฟก็คิดว่าตัวเองโรคจิต เขานั่งมองออกนอกหน้าต่างไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน ไปยังบ้านของเพื่อนสนิท

               เขานั่งมองมาตั้งแต่หลังข้าวเย็นจนกระทั่งตอนนี้ เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

               ...ไอ้พี่โยยังไม่กลับบ้าน...

               ไม่รู้ว่าบ้านช่องไม่มีหรือยังไง ถึงได้มานอนบ้านคนอื่น

               คนอื่นที่ไหน พวกนั้นเป็นแฟนกัน

               วูบหนึ่งในความคิดตอบเขา

               และเมื่อไฟบ้านฝั่งตรงข้ามดับลง เขาก็ได้ยินคำถามของเพียวเมื่อเช้าดังขึ้นอีกครั้ง

               “คบกับกูนะ”

               บางทีเขาคงต้องลองพิจรณาข้อเสนอนี้อย่างจริงจังสักที




TBC......




TalK

จบตอนจนได้ 55555 เป็นตอนใช้เวลาแต่งนานเหลือเกินทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีอะไร ขอโทษค่ะ //กราบ งานยังคงรัดตัวอย่างจริงจัง ในที่สุดก็เข้าเล่มโปรเจ็กษ์จบได้จริงๆ สักทีหลังจากค้างกันมาเป็นเดือนเลยค่ะ หลังจากนี้ก็จะไม่ใช่นศ.อีกแล้ว ใจหายสุดๆ 5555
อาจเพราะว่าเราเอาคนใกล้ตัวเป็นต้นแบบของน้องเพียว เพราะงั้นนิสัยกินชาเขียวก็เลยตามมาด้วย ใครติดชาเขียวขวดๆ ที่ขายที่ 7-11 กินทีแทนน้ำแบบน้องเพียวก็ระวังนะคะ คนใกล้ตัวเราพึ่งเข้ารพ.เพราะเรื่องนี้เลยค่ะ
ยังไงก็พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ เหตุผลและการตัดสินใจของน้องกอล์ฟกำลังมาค่ะ //กอดรัดคนอ่าน -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่13 พิจารณา [p.2] [17.07.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 22-07-2015 01:11:23
กอล์ฟคบกับเพียวเถอะน่ะ

ถ้าวันไหนเป้โดนโยหักอกเราจะหัวเราะดังๆเลย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่13 พิจารณา [p.2] [17.07.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 22-07-2015 20:24:35
ดีใจมากๆมาลงตอนใหม่ให้แล้ว 
นักเขียนลงมาหลายวันแล้ว  ขอโทษด้วยค่ะเพิ่งได้อ่านวันนี้

ยิ่งอ่านยิ่งชอบเพียวค่ะ  ถ้ากอล์ฟยอมตกลงคบกับเพียวคงน่ารักไปอีกแบบ  คงเป็นคู่รักที่แตกต่างจากคู่ของโยเป้มากๆ555
เชียร์ให้กอล์ฟคู่เพียวค่ะ แม้ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเพียวขอให้กอล์ฟมาคบเป็นแฟนกัน แต่คิดว่าเพียวปรารถนาดีต่อกอล์ฟจริงๆ
เหมือนที่กลอ์ฟปรารถนาดีต่อเพียวเรื่องนำ้ขวดชาเขียวค่ะ

ถ้ากอล์ฟตกลงที่จะคบเพียวแล้ว อย่าทำให้เพียวเสียใจเหมือนตอนเด็กๆนะ  ห้ามทิ้ง ห้ามลืม แล้วก็ไปกับเป้เพียงสองคนอีกนะ
ยิ่งรู้สึกว่าพี่โยเริ่มออกลายนิสัยไม่น่ารักแล้ว  และความรู้สึกเราว่ากอล์ฟกับเป้เหมาะที่จะเป็นเพื่อนสนิทเท่านั้นค่ะ

ถึงแต่ละตอนจะมาช้า แต่เราก็รอคอยอ่านเรื่องนี้เสมอนะคะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลยค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่14 คำตอบ [p.2] [24.07.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 24-07-2015 02:41:54

ตอนที่ 14
คำตอบ




                  “รักเพียวนะ รัก รักมากที่สุด”

               ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำนั้นมันก็ยังอยู่ ภาพทุกอย่างยังคงชัดเจน ทั้งคำบอกรัก ทั้งรสจูบ และความรู้สึกยามหัวใจแตกสลาย

              ‘พอสคิดถึงเพียว’

               ข้อความจากเบอร์ไม่คุ้นเคย อาจเพราะเขาตัดการติดต่อสื่อสารจากอีกฝ่ายทุกช่องทาง และนี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่เขาจะบล็อกเบอร์ใหม่ของอีกฝ่าย

               เขาตัดวงจรอุบาทว์นั่นออกจากชีวิตได้แล้ว เขาจะไม่มีทางยอมกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก

               ล้มตัวลงนอนด้วยใจที่ห่อเหี่ยว อาศัยนอนพักมากๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็คงหายไป

               “งั้นคบกับกู”

               คำตอบของคำถามนั้น กอล์ฟยังไม่มีให้ อาจจะเหมือนเห็นแก่ตัว ที่จะดึงคนไม่เกี่ยวข้องเขามาพัวพัน เพียงเพราะเขาต้องการจะลืมเช่นกัน

               แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้อีกฝ่ายมันก็มากพอให้เขาลอง หมอนั่นที่เขาเคยชอบในตอนเด็ก ก็ยังเป็นคนเดิมที่ช่วยเขาไว้ในตอนที่เขาอ่อนแอ

               ไม่รู้ว่ากอล์ฟจะตอบรับหรือปฏิเสธ พอเดาได้ว่าคำตอบอาจจะเป็นข้อหลัง ยิ่งนึกถึงบทสนทนาตอนเช้าที่ทำให้เกิดเรื่องชกต่อย ยิ่งคิดว่าแนวโน้มที่จะโดนปฏิเสธนั้นมีมากกว่า

               “อย่ามาอำเล่น ที่เราชอบคือเป้ ไม่ใช่นาย”

               “ก็ลองคบกันดูไง เผื่อนายจะลืมเป้ได้ เป็นตัวแทน อะไรแบบนั้น”

               รู้สึกเจ็บพิลึก เผลอประชดออกไป

               “มันไม่ใช่เรื่องของตัวแทนเพียว ใครก็มาแทนที่ใครไม่ได้”

               หมอนั่นดูโกรธมากตอนที่ฟังข้อเสนอนั่น

               “ก็เห็นนายชอบเอาฉันไปเปรียบกับเป้อยู่เรื่อย ไม่ใช่หรือไง ฉันอาจจะทำอะไรที่เป้ทำให้นายไม่ได้ก็ได้”

               และเขาเองก็โกรธไม่แพ้กัน

               “ทำแบบที่ไอ้หน้าจืดที่ห้างพูดใช่ไหม ประสบการณ์เยอะไม่ใช่เหรอ”

               เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากปากคนตรงหน้า ยอมรับว่าพอฟังประโยคนั้น สติเขาหายไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่ายแล้วระดมออกหมัดแล้ว

               กล้าดียังไงมาพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่รู้เรื่องเลย กล้าดียังไงถึงได้พูดถึงมันอีก เขาต้องใช้พลังแค่ไหนในการทำใจ ในการที่จะลืมเรื่องบ้าๆ นั่น

               น่าแปลกที่กอล์ฟตัวโตกว่าเขามาก แต่กลับไม่โต้ตอบ แทบจะไม่กันด้วยซ้ำ

               โชคดีที่ออดหน้าบ้านดังขึ้นซะก่อนเหมือนระฆังหมดยก พวกเขาถึงได้สติแล้วพละออกจากกันได้

               “พูดจาหมาๆ ”

               เขาตะโกนก่อนทุบมันไปแรงๆ เป็นการปิดท้าย กอล์ฟลุกเงียบๆ จนจะพ้นห้องออกไปแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงมันตอบกลับมา

               “เวลาโดนคนสะกิดแผลน่ะ มันเจ็บใช่ไหมเพียว”

               บางทีเขาเองก็ลืมคิดไป ว่าเป้ก็เป็นแผลใหญ่ของมันเหมือนกัน

               คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ และอธิฐานกับโคมไฟหัวเตียง ให้เขาได้รับคำตอบที่ถูกใจด้วยเถอะ




               กอล์ฟทิ้งตัวนอนลงกับเตียง นึกย้อนถึงช่วงเช้าของวันที่ผ่านมา คำพูดที่เป็นจุดเริ่มต้นของรอยช้ำบนในหน้าของเขา

               “ทำแบบที่ไอ้หน้าจืดที่ห้างพูดใช่ไหม ประสบการณ์เยอะไม่ใช่เหรอ”

               ตอนนั้นเขาโมโหที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะตั้งใจเล่นกับความรู้สึกของเขา โกรธมากกว่าจะยับยังชั่งใจไม่ให้พูดคำแรงๆ ออกไป

               สุดท้ายเลยต้องยอมให้อีกฝ่ายต่อยไปแบบนั้น และพอมาคิดดูดีๆ คนที่เริ่มเอา เป้มาเปรียบ มันเป็นเขาก่อนจริงๆ

               ไม่ผิดถ้าเพียวจะนึกโกรธแล้วพูดจาชวนโมโหแบบนั้น หมอนั่นจริงจัง เขารู้สึกได้

               และยิ่งเพียวบอกเขาว่าคำชวนนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ก็เป็นการยืนยันในสิ่งที่เขาคิด

               ตัดสินใจคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชั่นไลน์ ไล่มองหาชื่อคนในความคิด เขายังมีเรื่องคาใจที่จะต้องถามอีกฝ่าย

               ‘หลับหรือยัง’

               หลังจากกดส่ง ในใจยังนับหนึ่งไม่ถึงสิบ เครื่องหมายรี้ดก็ปรากฏขึ้นเป็นคำตอบว่าอีกฝ่ายยังคงไม่นอนแม้ว่าตอนนี้เข็มนาฬิกาจะบอกเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตาม

               ‘ยัง’

               ‘มีเรื่องจะถาม’

               ‘ว่า’

               ‘ทำไมถึงเป็นกู’


               ทุกอย่างนิ่งไปหลายนาที ทั้งๆ ที่ขึ้นว่าเพียวอ่านแล้ว จนคิดว่าจะโทรไปถามให้รู้เรื่องนั่นแหละ ตัวหนังสือถึงได้เด้งขึ้นมา

              ‘ถามทำไม’

               แม่งเอ้ย แทบจะตะโกนออกมาดังๆ เงียบไปตั้งนาน แต่ดันไม่มีคำตอบดีๆ ให้ ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคงด่า

               กอล์ฟใช้เวลาสงบใจสองวินาทีก่อนจะพิมพ์ตอบไปดีๆ จะได้ไม่ต้องตีกันอีก

               ‘กำลังพิจารณาคำตอบ’

               คราวนี้เพียวเงียบไปนานอีกครั้ง เขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะตอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมา

              ‘ไม่รู้ดิ รู้ตัวอีกทีก็ถามมึงไปแล้ว’

               ‘ทั้งๆ ที่รู้ว่ากุไม่ได้ชอบมึงอยู่น่ะเหรอ’

               ‘ก็ดีกว่าไม่ได้พูดไม่ใช่เหรอ’


               กอล์ฟไปไม่ถูก อย่างน้อยเพียวก็มีความกล้ากว่าเขามากมายนัก อย่างน้อยอีกฝ่ายก็กล้าที่จะเริ่ม กล้าที่จะบอก และตัวเขาเอง ก็ไม่ควรขี้ขลาดกับคนที่กล้าแบบนี้

               เขากดโทรไลน์หาอีกฝ่าย และเพียงอึดใจเดียว ปลายสายก็กดรับ

               “อยากฟังคำตอบหรือเปล่า”

               “อื้ม”

               ปลายสายดูลังเล กอล์ฟแอบคิดว่าเพียวกำลังกลัวคำตอบ เขาเองก็กลัวเช่นกัน

               “เราคิดว่าการคบกับใครสักคนเพื่อลืมใครสักคน มันไม่ใช่ทางออกที่ดี เพียวเขาใจนะ”

               “เข้าใจ...”

               “เพราะงั้น...เรามาลองคบกันดูนะ”

               “ห๊ะ”

               “ตกใจอะไรล่ะ”

               “ก็...ก็มึงพึ่งบอกว่าจะไม่คบเพื่อลืม”

               “ก็ใช่ไง กูไม่ได้คบกับมึงเพื่อลืม แต่จะคบเพื่อเริ่มต้นใหม่ต่างหาก”

               ใช่แล้ว คำตอบของเขาคือตกลง เพราะเขาก็ไม่คิดว่าการปิดกั้นโอกาสของตัวเองจะเป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน

               และคงต้องอธิฐานกับโปรแกรมไลน์ว่าคำตอบของเขาครั้งนี้จะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง




TBC......




TaLk

สวัสดีตอนที่ 14 ค่ะ ในที่สุดก็ได้คำตอบกันสักทีเนอะ เวลาเขียนความรู้สึกผ่านกอล์ฟเราเครียดทุกทีเลยค่ะ เพราะน้องกอล์ฟเป็นเด็กคิดเยอะ แต่เราเป็นพวกคิดน้อย 5555
ยังไงก็ช่วยส่งแรงใจให้คำตอบของน้องกอล์ฟเป็นการตัดสินใจทำที่ถูกต้องด้วยนะคะ
ยินดีกับแม่ยกกอล์ฟเพียวในตอนนี้ด้วยค่ะ (ตอนต่อไปก็ไม่แน่ 555555)
มีอะไรติชมกันได้เหมือนเดิม ถึงคนอ่านจะน้อย แต่ก็ดีใจทุกครั้งที่แวะเวียนกันมาค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่14 คำตอบ [p.2] [24.07.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 24-07-2015 21:01:52
ดีใจนักเขียนมาเร็ว  เหมือนได้ของขวัญพิเศษเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

และขอกรี๊ดกับคำตอบของกอล์ฟค่ะ ทั้งกอล์ฟและเพียวเป็นคนฉลาดทั้งคู่เลย ดูจากความคิดและคำพูด
เราว่าทั้งคู่มีความเหมาะสมกันมากๆ ลงตัว น่ารักมากๆ อยากเห็นแล้วว่าพอตกลงเป็นแฟนกันแล้วจะเป็นอย่างไร
ขอให้โยเป้และพอสอิจฉาไปเลย555 ขอให้เราได้กรี๊ดหลายๆตอนนะคะ

แม้มีแววว่าเรื่องจะต้องมีหน่วงแน่ๆ กอล์ฟคบไม่ใช่เพราะต้องการลืม  ดังนั้นกอล์ฟก็ไม่คิดที่จะเอาเป้ออกไปจากหัวใจใช่ไหม
แล้วยิ่งนักเขียนบอกอีก เหมือนคู่กอล์ฟเพียวไม่แน่ หรือยังคงเป็นคู่กอล์ฟเป้  เราเริ่มเครียดแล้วค่ะ555

แต่เราทีมเพียวไปแล้วค่ะ  ไม่อยากอกหักเลย นักเขียนช่วยบอกหน่อยนะคะ  กอล์ฟคู่ใครแน่ค่ะ เราจะได้ทำใจค่ะ :mew2:
เรื่องสนุกแบบนี้มีคนอ่านมากมายแน่นอนค่ะ แต่อาจยังไม่พร้อมคอมเม้นท์
นักเขียนแต่งให้จบนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ :L2:
กอล์ฟเพียว  กอล์ฟเพียว  กอล์ฟเพียว  กอล์ฟเพียว (สะกดจิตนักเขียน555)
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่15 มัน [p.2] [01.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 01-08-2015 02:52:02

ตอนที่ 15
มัน




               “กุไม่ได้คบกับมึงเพื่อลืม แต่เพื่อเริ่มต้นใหม่ต่างหาก”

               มันเป็นประโยคที่โคตรจะเสี่ยว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะเลือกประโยคได้เสี่ยวขนาดนี้มาใช้ แต่ว่า...ก็เป็นเพราะไอ้ประโยคเสี่ยวๆ เนี่ยแหละที่ทำให้เขาต้องมานั่งเลือกเสื้อผ้าอยู่แบบนี้

               ทำตัวเป็นสาวน้อยแรกรักไปได้

               อดที่จะค่อนแคะตัวเองในใจไม่ได้ ขณะที่หยิบเสื้อในตู้มาทาบกับตัว อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ใช่ แค่ไปติวหนังสือ ทำไมเขาถึงได้เลือกเสื้อนานขนาดนี้นะ

               ‘อื้อ อรุณสวัสดิ์ เดี๋ยวเจอกัน’

               อาจเพราะข้อความไลน์เมื่อตอนเช้าก็ได้ ก็เดี๋ยวจะได้เจอกันแล้วนี่หน่า

               ก๊อก ก๊อก ก๊อก

               เสียงเคาะประตูดังจากหน้าห้อง จึงออกปากบอกด้านนอกไปว่าไม่ได้ล็อค

               คุณป้าร่างท้วมเปิดประตูเข้ามา มองหาเด็กหนุ่มอยู่สักครู่เมื่อเห็นประตูห้องแต่งตัวเปิดอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปแล้วรายงาน

               “คุณหนูคะ มีแขกมารอพบค่ะ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของคุณหนู”

               เพียวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะพยักหน้ารับ

               “บอกให้เขารอแปปนึงนะครับ เพียวใกล้เสร็จแล้ว”

               พูดกับพี่เลี้ยงของตัวเองเสร็จก็รีบสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเป็นรอบสุดท้าย

               ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีโปรโมชั่นดีขนาดนี้ ขอคบเมื่อคืน เช้านี้มารับ บางทีเขาคงต้องมองกอล์ฟใหม่ซะแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานให้กับตัวเองในกระจก

               มีความสุขเป็นบ้า




               วันนี้กอล์ฟตื่นตั้งแต่เช้า เดินลงมาในครัวก็เจอคุณแม่กำลังเตรียมกับข้าวใส่บาตรอยู่ กับคุณพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะ

               “อรุณสวัสดิ์ครับ”

               เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นพิเศษ ขณะแอบเหล่พาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ในมือคุณพ่อ

               “อ้าว จะไปไหนแต่เช้ากอล์ฟแต่งซะหล่อเชียว”

               คุณแม่เอ่ยแซว ขณะที่ยกแก้วกาแฟมาวางไว้หน้าคุณพ่อ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายสัปหงกไปแล้ว แต่เนียนเอาหนังสือพิมพ์มาบัง

               พอเห็นแบบนั้น กอล์ฟปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น

               “อย่าพึ่งหลับนะ อยู่ใส่บาตรกับฉันก่อน”

               คุณแม่โวยพลางตีแขนสามีเบาๆ แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการหาวแบบไม่เกรงใจ โถ่ ก็เมื่อคืนคุณพ่อโดนตามตัวไปผ่าตัดฉุกเฉิน กว่าจะกลับบ้านมาก็เช้า มาเจอคุณแม่รั้งเอาไว้ ตาจะปิดอยู่แล้ว

               “คุณแม่ปล่อยคุณพ่อไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวกอล์ฟใส่บาตรเป็นเพื่อนเองนะ” รีบคล้องแขนอีกฝ่ายประจบประแจงเอาใจ เปิดโอกาสให้คุณหมอศัลยแพทย์มือดีที่ควบตำแหน่งคุณพ่อบ้านได้โอกาสรีบย่องไปนอน

               ปกติแล้วทุกวันพระ คุณพ่อคุณแม่จะตื่นมาใส่บาตรด้วยกัน บางครั้ง กอล์ฟกับกุ๊กไก่เองก็จะทำด้วยถ้าตื่นมาทัน

               วันนี้กอล์ฟเองก็ตั้งใจตื่นมาให้ทัน การจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ มันต้องเอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อย

               หลังจากหยิบโต๊ะแบบพับได้ไปตั้งหน้าบ้าน พร้อมกับย้ายของทุกอย่างเสร็จแล้ว เสียงเตือนแจ้งข้อความก็ดังขึ้น

              ‘อรุณสวัสดิ์’

               ‘อื้ม อรุณสวัสดิ์ เดี๋ยวเจอกัน’


               อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีจนคุณแม่ยังเอ่ยแซว พอตัดสินใจอะไรได้มันทำให้มีความสุขจริงๆ นั่นแหละ

               รอจนกระทั้งใส่บาตรเสร็จสบายใจ เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง กอล์ฟที่กำลังอารมณ์ดีสุดๆ รีบเปิดอ่านข้อความ ก่อนจะร้องบอกคุณแม่

               “ผมออกไปข้างนอกแปปนะครับ”




               เพียวเดินลงบันไดคฤหาสน์พลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี แวะหอมแก้มคุณป้าพี่เลี้ยงด้วยความรู้สึกสดใส

               เดินอ้อมเข้าห้องครัว เทชาเขียวรสข้าวญี่ปุ่นดื่มไปแก้วโตๆ หนึ่งแก้ว เพราะคิดว่าวันนี้คงไมได้กินอีก ก่อนจะเดิน เข้าห้องรับแขกไปตามที่คุณพี่เลี้ยงได้บอกเอาไว้

               เพื่อพบกับคนที่เขารอ

               หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้รอ

               “ไง ไม่เจอกันนานเลยครับเพียว”

               ไม่จริง เพียวร้องในใจ ร่างกายผงะถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อสมองประมวลผลว่าคนที่ตนได้พบเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ

               “ใครก็ได้มาเอามันออกไป”

               คำสั่งของคุณหนูเจ้าของบ้านทำให้สาวใช้หลายคนแตกตื่น คนงานคนสวนถูกตามตัวกันให้วุ่น ในขณะที่ ‘แขกผู้ไม่ได้รับการต้อนรับ’ กลับยิ้มแย้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนขณะลุกเดินเข้าประชิดอีกฝ่าย

               “พอสมันคิดถึงเพียวมากนะ ผมก็คิดถึง”

               เพียวขนลุกชันทั้งร่างกาย น้ำเสียงเย็นๆ ที่เหมือนจะฟังดูดีของอีกฝ่ายทำให้เขาอยากอาเจียน

               “กุเกลียดมึง”

               “อ่า...ฟังแล้วเสียใจจัง”

               ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้เสียใจจริงๆ ยังไม่ทันที่เพียวจะคว้าของใกล้มือมาเขวี้ยงใส่อีกฝ่าย ผู้สองคนในชุดเครื่งแบบก็วิ่งหน้าตื่นเขามา

               “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

               ทั้งสองมองหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน ก่อนจะมองหน้าผู้มาเยือนอย่างไม่เป็นมิตร

               “เอามันออกไป”

               เพียวร้องบอก

               “ไม่ต้องส่งครับ ผมแค่จะแวะมาฝากความคิดถึงเท่านั้น แล้วเจอกันใหม่นะครับ เพียว”

               มันเดินออกไปแล้ว เขาถึงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา

               “เขาออกไปแล้วครับ”

               ลูกน้องคนนึงของพ่อรายงาน เพียวถึงได้หายใจได้เต็มปอด

               “สั่งทุกคนอย่าให้มันเขามาในบ้านนี้อีก ไม่สิ อย่าให้มันเขาใกล้เพียวได้อีก”

               ถึงเพียวจะไม่ชอบใช้อำนาจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เขาคงต้องพึ่งอิทธิพลพ่อสักที




TBC......




TaLk

อ่า...ตัวละครยังโผล่ออกมาเรื่อยๆ เหมือนไหร่จะหมดกันนะ 5555 สวัสดีตอนที่ 15 นะคะ แวะมาแปะดึกๆ นอนกันหรือยังเอ่ย ยังคงติชมกันได้เช่นเคย คิดยังไงกับเรื่องนี้ก็บอกกันได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการอ่านนะคะ  คิดว่า ตอนหน้าจะลองปล่อยอะไรหวานๆ ออกมาสักตอน 55555 เอ็นดูน้องเพียวเป็นการส่วนตัวค่ะ อยากให้น้องเพียวมีความสุข ต้มมาม่ากันมาเยอะเกิน รักคนอ่าน -อี้หลิง
      
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่15 มัน [p.2] [01.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 01-08-2015 15:56:15
ตอนล่าสุด อ่านช่วงแรกก็ทำให้เรายิ้มไปกับเพียวแล้ว
เพียวดูน่ารักขึ้น หวานขึ้นคงเพราะมีความสุข มีแฟนดีแบบกอล์ฟ  เขินแทนเลยค่ะ

แต่ไม่ใช่กอล์ฟที่มาหาเพียว เป็นใครกันค่ะ  แต่ที่แน่ๆน่าจะเป็นคนไม่ดี ดูเพียวหวาดกลัว เกลียด
แล้วกอล์ฟจะมารับเพียวไหม มาช้า หรือออกไปหาใครกันค่ะ เหมือนมีแววดราม่า
แต่นักเขียนบอกว่าตอนหน้าจะหวาน หวานแบบไหนค่ะ หวานแบบที่เราคิดหรือเปล่า อิอิ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว555

เพียวเป็นแฟนที่น่ารักจังค่ะ ทั้งส่งข้อความไปหาก่อน  แต่งตัวดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส  คงอยากให้กอล์ฟประทับใจ กอล์ฟผู้โชคดีจริงๆ
แบบนี้แล้วกอล์ฟอย่าทำให้เพียวเสียใจนะ  ที่ผ่านมาเพียวคงเจอแต่แฟนที่ทำให้ผิดหวังมา
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่16 ความหวัง [p.2] [08.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 08-08-2015 17:24:52

ตอนที่ 16
ความหวัง
   



              มีคนเคยเตือนเขาว่าความรักทำให้คนตาบอด เขาไม่เชื่อ
   
              “เพียวรักพอส”

              ถ้อยคำบอกรักฟังรื้นหูยามเมื่อรัก รสจูบ รองรอยการสัมผัสทำให้เขาหลงใหล ผิวกายของอีกฝ่ายทำให้เขาตามืดบอก
   
              “รักมากแค่ไหน”

              “มาก...มากที่สุด”


              มากพอให้คนเราทำเรื่องงี่เง่าได้มากมาย มากเกินกว่าที่ตัวเองจะจินตนาการได้ หรือบางครั้งอาจเป็นเรื่องที่ไม่มีวันคิดจินตนาการ

              “มากพอที่จะทำเพื่อพอสได้หรือเปล่า”

              “เพื่อพอสแล้วเพียวทำได้ทุกอย่าง”

              ถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างมันจะจบแบบนั้น เขาจะไม่มีวันพูดแบบนั้นออกไปเป็นอันขาด เขาจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นลงไป

              “เป็นอะไรหรือเปล่าเพียว”

              กอล์ฟสะกิดเรียกคนตัวเล็กที่นั่งเหม่ออยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่สีเสื้อที่ใสในวันนี้จะเป็นสีฟ้าสดใส แต่ใบหน้าของ อีกฝ่ายกลับดูหม่นหมองกว่าทุกที ทั้งๆ ที่ตอนคุยกันเมื่อคืนก็ยังดูอารมณ์ดี

              อันที่จริง กอล์ฟว่ามันแปลกตั้งแต่ตอนที่เพียวส่งข้อความมาหาเขาเมื่อเช้าแล้ว

              ‘มาหาได้ไหม ไม่อยากอยู่คนเดียว’

              เขาเป็นกังวลมากตอนที่ได้รับข้อความนั่น กดโทรศัพท์หา แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับ คิดไปต่างๆ นานา ว่ามีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งไปถึงบ้านเพียว ที่เจ้าตัวส่งแผนที่มาให้

              ยามหน้าบ้านตรวจบัตรประชาชนเขาอย่างเคร่งครัด คล้ายว่าพึ่งจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มีแม่บ้านมารับตัวเขาขึ้นไปที่ห้องของลูกชายเจ้าของบ้าน

              คิดมาตลอดว่าเพียวรวย พึ่งจะรู้ก็วันนี้แหละว่าไอ้ตัวเล็กไม่ได้แค่รวย แต่เป็นมหาเศรษฐีเลยต่างหาก

              และจากที่สังเกต ที่บ้านกำลังมีการตกแต่งใหม่ เพราะตอนที่เขาเดินเข้าไป โซฟาในห้องรับแขกกำลังถูกขนออกไป

              เขาถูกพาตัวขึ้นไปที่ชั้นสองของตัวบ้านหรือที่จะเรียกให้ถูกคือ คฤหาสน์  ประตูห้องหรูหราแบบในโทรทัศน์ถูกแม่บ้านที่นำทางเคาะอยู่สองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

              เธอดูลังเลใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายเมื่อลองขยับลูกบิดประตู ก็พบว่าประตูห้องไม่ได้ถูกล็อคอยู่ จึงได้นำเขาเข้าไปส่งตามคำสั่งของคุณหนูเจ้าของห้องที่บอกไว้ตั้งแต่ก่อนเขาจะมาถึง

              จำได้ว่าหลายปีก่อนเขาก็เคยเดินเข้าห้องนอนของเพียวในลักษณะนี้ จะต่างกันก็ตรงที่ช่วงเวลา และสถานที่ ตอนนั้นเพียวยังอยู่ห้องหลังเก่า ไม่ใช่คุณหนูที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลังแบบนี้

              แต่สิ่งหนึ่งที่กอล์ฟคิดว่าไม่ได้ต่างออกไปเลย ก็คงเป็นสีหน้าของคนบนเตียง เด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าเหม่อมองไปที่กำแพงห้อง

              แม้แต่ตอนที่เขาเดินเข้าใกล้ เพียวก็ยังไม่รู้สึกตัว

              “เป็นอะไรหรือเปล่าเพียว”

              ทั้งๆ ที่เขาแค่แตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แต่เพียวกลับสะดุ้ง จนตัวโยน และเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใครก็รีบละลักละลำตอบคำถาม ที่เขาดูรู้ว่ามันเป็นคำโกหก

              “มะ...ไม่เป็นไร”

              ถ้าไม่เป็นไรจะส่งข้อความแบบนั้น หรือจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ได้ยังไง แล้วจะทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แบบนี้ทำไม

              เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่ตามตัวเขามา แต่บอกว่าตัวเองไม่เป็นไร ก่อนจะดึงตัวคนตัวเล็กมากอดเอาไว้

              และเมื่อแม่บ้านที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางรีบเดินออกจากห้องไป เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นจากคนในอ้อมกอด

              ตอนนี้ยังไม่เล่าก็ไม่เป็นไร เขาจะรอฟังอยู่ตรงนี้เอง




              เพียวเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง ทั้งสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ทั้งร่างกายที่เปราะบาง เพื่อเอาชนะสิ่งเหล่านี้ เขาจึงพยายาม เรียนศิลปะการต่อสู้ทุกชนิด ทำตัวให้เข้มแข็งสมกับการเป็นลูกของรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล เพียวอยากให้พ่อภูมิใจ

              หลีกหนีการถูกเด็กคนอื่นรังแกด้วย ความสามารถที่เหนือกว่า ทั้งการเรียน และความสามารถทางด้านกีฬา ถึงตัวเล็ก แต่ก็ไม่เคยแพ้ใคร โดยเฉพาะมวยไทยและยูโด สองสิ่งที่เขาถนัดมากที่สุด

              ความจริงแล้วเพียวไม่ได้ชอบทำตัวเป็นฮีโร่หรืออย่างไร แต่เพราะความบังเอิญวันนั้น เขาดันลืมสมุดการบ้านไว้บนตึก ถึงตอนย้อนกลับมาเอาในตอนเย็น ต้นฉบับอย่างเขา ไม่เอาไปทำก็คงแย่

              และนั่นเอง ทำให้เขาได้เจอกับ พอส เพื่อนนักเรียนห้องข้างๆ ที่กำลังนอนจมกองเท้าอยู่

              หมาหมู่ไม่ใช่ปัญหาของเพียว การช่วยคนที่ถูกรีดไถเงินเป็นสิ่งที่เพื่อนมนุษย์พึงกระทำ แต่ปัญหาอย่างเดียวของเขาคือหลังจากนั้น นายคนที่ชื่อพอสอะไรนั่นก็ตามติดเขาแจไม่ยอมห่าง

              และเมื่อรู้ตัวอีกที สถานะแฟน ก็กลายเป็นสิ่งที่ผูกเขาทั้งคู่ไว้ด้วยกัน

              แต่ที่มากกว่านั้นคือสถานะลูกหนี้กับเจ้าหนี้

              “ให้พอสยืมเถอะนะเพียว พอสจำเป็นจริงๆ”

              ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม จำนวนเงินที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนครั้ง

              “ไม่ไหวแล้วพอส พ่อเพียวเริ่มสงสัยแล้ว พอสก็รู้ว่าพ่อเราเป็นตำรวจ พ่อต้องฆ่าเพียวแน่ถ้ารู้ว่าเพียวเอาเงินให้พอสไปใช้พนันบอล”

              ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาเงินไปทำอะไร เผลอๆ การที่อีกฝ่ายโดนกระทืบในครั้งแรกที่เจออาจจะเป็นเจ้าหนี้โต๊ะบอลด้วยซ้ำ

              แต่เขารักอีกฝ่ายไปแล้ว
   
              รักเกินกว่าจะทนเห็นอีกฝ่ายโดนกระทืบทุกครั้งที่เป็นหนี้ไม่ได้

              “เพียวรักพอสหรือเปล่า”

              มันเป็นคำถามที่มักจะได้ยินเป็นประจำเวลาอีกฝ่ายจะอ้อนอะไรสักอย่าง เพียวซุกตัวลงในอ้อมกอดของคนรัก

              “รักสิ เพียวรักพอส”
   
                 “รักมากแค่ไหน”

                 “มาก...มากที่สุด”
   
              “มากพอที่จะทำเพื่อพอสได้หรือเปล่า”

              “เพื่อพอสแล้วเพียวทำได้ทุกอย่าง”

              ตอนนั้นเพียวคิดว่าพอสแค่ถามคำถามวัดใจแบบปกติ อันที่จริงในวันรุ่งขึ้นเพียวก็ลืมเรื่องคำถามนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ ลืมไปจนกระทั่งพอสพาเขาไปหาคนๆ หนึ่ง

              ทันทีที่ได้พบเพียวก็รู้สึกเกลียดรอยยิ้มของอีกฝ่าย มันเป็นรอยยิ้มที่เพียวรู้สึกได้ถึงการคุกคาม รู้สึกได้ถึงความปปรารถนาของอีกฝ่าย

              และทันทีที่อีกฝ่ายเปิดปาก เพียวก็รู้ว่าสัญชาติญาณของตัวเองแม่นขนาดไหน

              “พอสจำเป็นจริงๆ นะเพียว มันบังคับเรา เราขอโทษ”

              เขาได้ยินคำขอโทษของคนรักเป็นคำว่า หักหลัง

              คิดจะเดินจากบ้านตึกแถวในซอยลึกนี้ไป อยากจะทิ้งคนทรยศเอาไว้ จนกระทั้งอีกฝ่ายโดนปากกระบอกปืนจ่อหัว

              “ถ้านายไม่ทำผมจะยิง หนี้ของเขาผมจะให้เขาใช้ด้วยชีวิต”

              ทั้งๆ ที่ใจหนึ่งก็คิดว่ามันถูกแล้ว หนี้ของใคร คนนั้นก็ต้องเป็นคนชดใช้ แต่พอคิดว่าพอสจะต้องโดนฆ่า หัวใจก็สั่งให้เขายอมทำตามเงื่อนไข

              ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อชายคนรัก

              เพียวจำไม่ได้ ว่าวันนั้นเพียวนอนกับใครไปกี่คน ไอ้พวกนั้นมันจับเขากรอกยาอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาไม่รู้สติ

              อย่างเดียวที่เพียวจำได้ในตอนที่กำลังซะลึมซะลือก็คือคำพูดที่แว่วเขามาในหัว

              “ผมยกเพียวให้พี่ตามสัญญาแล้ว หนี้ของเราหมดกันแล้วใช่ไหมครับ”

              “ยัง”

              “ไหนพี่สัญญากับผมแล้วไงครับ”

              “ก็...ต้องรอส่งสินค้าก่อน ถ้าเสี่ยแกพอใจในแฟนแก ฉันก็จะยกหนี้ให้ถือว่าหายกัน”

              อยากจะหัวเราะให้ดังๆ สุดท้าย คนที่เขาช่วยชีวิตก็หักหลังเขาจริงๆ

              เขารวบรวมสติ พุ่งตัวไปตั้นหน้าคนทรยศเป็นอย่างแรก ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเขาจำแทบไม่ได้ รู้แต่ว่า เขาใช้พลังทุกเฮือกที่เขามี หาทางออกจากที่นั่น เตะต่อยกับพวกของอีกฝ่ายไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าหนีพ้นไหม

              รู้สึกได้ว่าร่างกายโดน ท่อนเหล็กและไม้หน้าสามฟาดเอาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็กระเสือกกระสนออกไปในซอยได้

              กึ่งวิ่งกึ่งคลาน ออกจากที่นั่นอย่างยากลำบาก

              และมาสุดที่หน้าปากซอย เขาก็จำอะไรไม่ได้อีก
   
              ตอนที่ตื่นมาอีกครั้งแล้วเจอว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล กระดูกซี่โครงหักสามท่อน กระดูกแขนร้าว ขาหัว ม้ามฉีก แถมด้วยแผลที่ถูกยิงเฉียดๆ  เพียวไม่แปลกใจเลย แปลกใจตรงที่เขายังมีชีวิตอยู่นั่นแหละ

              และที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ ตอนที่พ่อพยายามถามว่าเพียวไปเจออะไรมา เขากลับไม่ปริปากบอกพ่อสักคำ ความจริงเพียวไม่เอ่ยปากพูดอะไรกับใครเลย

              ตอนนั้นเพียวคิดว่าตัวเองควรตาย ในเมื่อคนที่รักเขามากมายยังทำกับเขาได้ถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร

              แม่ที่รักเพียวก็ไม่ได้อยู่กับเพียวแล้ว

              ผู้ชายที่เพียวรักก็หักหลัง

              เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

              ในคืนนั้นที่โรงพยาบาล ตอนที่เพียวกำลังหลับฝันเพียวฝันถึงแม่ที่ตายไป ในฝันแม่กอดเพียวไว้ แม่บอกกับเพียวว่าเพียวจะไม่เป็นไร มีคนรักเพียวมากมาย และเมื่อแม่เดินออกไป

              ในความฝัน เพียวเห็นตัวเองในตอนเด็กร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด เพียวฝันว่ามีใครคนนึงพยายามมาง้อ จำได้ว่าตัวเองปาหมอนในมือใส่อีกฝ่าย และเมื่อตื่นนอนเพียวก็จำคำพูดของคนในฝันได้ดี

              “จะไม่ทิ้งให้อยู่คนเดียว สัญญา”

              เพียวมองพ่อที่นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงทั้งๆ ที่มีงานมากมาย เพียวทำให้พ่อเป็นห่วง

              คำพูดแรกในรอบสัปดาห์ของเพียวจึงเป็นคำขอโทษ เขาขอโทษพ่อซ้ำแล้วซ้ำล้ำ อ้อนวอนให้พ่อไม่ถามถึงเรื่องที่ผ่านมา และสุดท้าย เพียวก็ขอพ่อ
   
              ขอให้พ่อย้ายเพียวกลับไปเรียนโรงเรียนที่เคยเรียนตอนประถม ก่อนที่จะย้ายบ้านทั้งๆ ที่โรงเรียนมันจะอยู่อีกฝากหนึ่งของเมืองก็ตาม

              ก็แค่อยากจะเชื่อคำพูดแม่ในความฝันเท่านั้นแหละ ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว




TBC......




TaLK
สวัสดีท่านผู้อ่านค่ะ ก่อนอื่นต้องกราบงามๆ ก่อน ตอนแรกบอกจะเขียนฉากหวานของสองคนนี้แท้ๆ อะไรดนใจให้เขียนประวัติของน้องเพียวออกมาก่อนก็ไม่รู้ ยกความมุ้งมิ้งไปตอนหน้านะคะ ขอโทษด้วยค่ะ แง๊

พูดถึงเนื้อเรื่องหน่อย ทั้งๆ ที่เพียวหวังไว้ว่าจะไม่โดนทิ้งขนาดนั้น แต่พอเจอกอล์ฟจริงๆ ดันโดนอีกฝ่ายจำไม่ได้ เลยโดนเหวี่ยงใสตั้งแต่เริ่มแรกเลยค่ะ 5555 พ่อสมองปลาทอง

ยังไงก็ฝากตอนต่อๆ ไปด้วยนะคะ สำหรับตอนนี้ มีอะไรควรแก้ไข หรือรู้สึกยังไงก็บอกกันได้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ -อี้หลิง   

 
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่16 ความหวัง [p.2] [08.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 09-08-2015 09:07:53
อยากเข้าไปโอบกอดเพียวด้วยคน
พอรู้ถึงความรักที่เลวร้ายของเพียวแล้วรู้สึกว่าความรักที่ผิดหวังของกอล์ฟเป็นเรื่องเล็กไปเลยค่ะ

เพียวเข้มแข็งมากๆที่ผ่านมาได้ ดีที่เพียวนึกถึงความรักในวัยเด็ก แม้จะเป็นความรักแบบเพื่อน
แต่กอล์ฟก็ไม่ทิ้ง นึกขึ้นได้ก็รีบไปง้อที่บ้านเพียวเลย  ยังไงเพียวยังมีกอล์ฟ และตอนนี้ก็มีกอล์ฟอยู่ข้างๆให้กำลังใจแล้วนะ
ความทรงจำที่เลวร้ายก็ลืมให้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้นะเพียว

ดีใจที่เพียวกลับมายิ้มและมีความสุขอีกครั้ง ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะกอล์ฟนะ  รู้ไหมกอล์ฟ อย่าทำให้ผิดหวังนะ555
กอล์ฟเพียวๆๆๆ

ลุ้นความมุ้งมิ้งของกอล์ฟเพียวมากๆค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่16 ความหวัง [p.2] [08.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-08-2015 10:29:27
ตอนแรกคนเขียนเอาเป้มาหลอกเรา
สงสารกอล์ฟมากเลยนะ ที่ต้องซ่อนความรักไว้
พอเพียวโผล่มา ก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารอีกคน
กลัวความสัมพันธ์กอล์ฟเพียวจะสั่นคลอน
หากว่าเป้จะกลับมาสนิทกับกอล์ฟเหมือนเดิม
มีความรู้สึกว่าพี่โยเป็นคนนิสันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
หรือเราจะคิดมากไปเองหว่า รอลุ้นต่อแล้วกันค่ะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่16 ความหวัง [p.2] [08.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-08-2015 17:16:52
กอดเพียวแรงๆแน่นๆอีกคน    กอดกอล์ฟด้วย

คนที่มาท่าจะเป็นพอสหรือไม่ก็คนที่พอสพาเพียวไปเจอ
คนอย่างพอสไปคบกับใครก็ไม่วายที่จะพาคนนั้นลงเหว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเพียวมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆที่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันจะทำกัน อย่าว่าแต่เป็นแฟนกันหรอก
หวังว่ากอล์ฟจะรับได้และสามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้เพียวได้
กอล์ฟมีความมั่นคงทางอารมณ์อยู่มาก ดูได้จากการเลี้ยงดู
คู่โย-เป้นี่ไม่รู้สิ ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรอยู่นะ
โยนี่ท่าจะรักง่าย เพ้อง่าย  แถมมีการมาเยอะเย้ยกอล์ฟด้วย(หรือว่ากอล์ฟอคติซึ่งก็ำม่แน่ใจเพราะว่าปกติกอล์ฟก้ไม่อคตินะ)
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่17 พักใจ [p.2] [18.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 18-08-2015 15:19:12
ตอนที่ 17
พักใจ




               “จะพาเราไปไหน”

               ทั้งๆ ที่ถามออกไปแบบนั้น แต่สองขาก็ยังคงก้าวตามคนที่เดินจูงมือเขาไป กอล์ฟหันมายิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบทุกซี่ก่อนจะให้คำตอบที่ไม่ได้ขยายความใดๆ เลยสักนิด

               “เป็นความลับ”

               ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปตกลงกับคนขับรถของเขาตอนไหน เพราะหลังจากที่ร้องไห้จนหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนบ่าย ก็โดนกอล์ฟลากพาเดินออกจากห้องมาแบบงงๆ

               และโดนลากขึ้นรถไปแบบงงๆ เช่นกัน

               รถตู้ห้าประตูป้ายแดงที่กอล์ฟพึ่งจะเห็นโฆษณาในทีวีไม่นาน ออกตัว ไปในเส้นทางที่เพียวเหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้น

               เขารู้ว่าเส้นทางที่ผ่านมานั้นเป็นในเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปหยุดที่ไหน

               กอล์ฟเองก็เงียบกริบ ทำหน้าเหมือนคิดอะไรตลอดเวลา และพอรู้ว่าเขามองหน้า ก็จะหันมายิ้มให้ และมีบ้างกับการจะทำให้เขาใจเต้น ด้วยการลูบหัวเขาเบาๆ

               พึ่งรู้ว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายอุ่นขนาดนี้ พอๆ กับที่พึ่งรู้ว่าอ้อมกอดของกอล์ฟอบอุ่นขนาดไหน มันมั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ

               “ถึงแล้ว”

               เพียวยังคงสงสัยตอนที่กอล์ฟพาเขาลงเดิน มันเป็นคล้ายๆ วิลล่าที่ตกแต่งคล้ายบ้านตุ๊กตา มีสวนเล็กๆ และแทบร้างผู้คน กอล์ฟลากเขาเข้าไป ยังใจกลางของตึกก่อนจะพาขึ้นไปยังชั้นสองของตัวอาคาร

               และในที่สุดเพียวก็รู้คำตอบ

               “คาเฟ่แมว น่ารักใช่ไหมล่ะ”




               ออกจะเป็นสภาพที่รู้สึกขัดเขินนิดหน่อยกับการที่เด็กผู้ชายสองคนจะมานั่งจิบชาละเลียดเค้กอยู่ในคาเฟ่แมว แต่พอเห็นตากลมแป๋วของอีกฝ่ายทอประกายอย่างมีความสุขตอนนั่งจ้องตากับ ‘เจ้าวิปครีม’ แมวเปอร์เซียสีขาวดาวเด่นของร้าน เขาก็คิดว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด

               ก็เล่นออกไปวิ่งรอบถามแม่บ้าน กับคนรถทั้งคฤหาสน์ ว่าจะทำยังไงให้คุณหนูของบ้านยิ้มกว้างๆ ได้ กว่าจะได้คำตอบที่คิดว่า พอจะทำได้ ก็เล่นเอาเหนื่อย ดีที่ตอนกลับไปหาคนขี้แยอีกฝ่ายยังหลับสนิท

               “กอล์ฟดูดิ มันหาวด้วยอ่ะ”

               อดที่จะขำไม่ได้ จะตื่นเต้นอะไรแม้กระทั่งแมวหาว
 
               “ถ่ายรูปป่ะล่ะ”

               พูดพลางเปิดกระเป๋าเป้ก่อนจะยื่นกล้อง DSLR ที่คว้าติดมือมาด้วยให้อีกฝ่าย

               “ไม่ต้องทำหน้างง ของเพียวนั่นแหละ เราหยิบมาจากในห้อง”

               “โอเว่อร์ว่ะ กล้องมือถือก็ถ่ายได้แล้ว”

               และถึงจะตอบไปแบบนั้น แต่ก็รับกล้องมาถือไว้อยู่ดี

               เมื่อวิญญาณตากล้องเข้าสิง คราวนี้เพียวเลยยิงยาว ตั้งแต่ของกินบนโต๊ะ น้องแมว พนักงาน ยันแฟน ก็ต้องมาเข้าเฟรมให้หมด

               โดยเฉพาะเจ้าวิปครีม กับเจ้าตูบสก๊อตติสโฟลด์สีดำเทา ที่ดูเพียวจะปลื้มเป็นพิเศษ

               “กินอะไรบ้าง”

               กอล์ฟร้องท้วง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจแมว จนของในจานไม่พร่องไปเลยสักนิด ดูท่าเอาเข้าเถอะ จะลงไปนอนย้วยแข่งกับแมวแล้ว

               “ป้อนดิ”

               พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบ้าจี้ทำจริง ลาวาเค้กถูกตักยื่นมาจอที่ปาก จนคนขอให้ป้อนเองเนี่ยแหละต้องเป็นฝ่ายหน้าแดง ก่อนจะแย่งช้อนมาถือไว้ซะเอง

               “ทำบ้าอะไร อายเค้า”

               แอบเหล่ไปเห็นพี่พนักงานที่เคาเตอร์ทำเป็นเสมองไปที่อื่นด้วย ดูยังไงก็รู้ว่าเห็นแน่ ต้นเหตุอย่างกอล์ฟนี่ก็อีกคน หัวเราะร่าจนน่าหมั่นไส้

               “โอ้ย”

               เลยจัดหมัดอัดเข้าท้องไปที แก้เขิน

               “ใจร้าย”

               “สมน้ำหน้า”

               กอล์ฟบ่นงึมงำอะไรกับตัวเองอีกสองสามคำ ก่อนจะชะงักเมื่อโดนเพียวถามคำถาม

               “แล้วพาออกมานี่ไม่ต้องติวสอบแล้วอ่อ”

               “สมมติให้นั่งอ่านหนังสือกันที่บ้าน เพียวอ่านได้ป่ะล่ะ”

               กลายเป็นเพียวเองที่เงียบไป เมื่อเช้าจิตตกขนาดนั้นอย่าว่าแต่อ่านหนังสือเลย พูดเล่นกันแบบนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำได้ไหม

               “เห็นไหม ออกมาเที่ยวดีกว่า”

               ถึงกอล์ฟจะว่าแบบนั้น แต่ก็ยังอดที่จะสงสัยไม่ได้อยู่ดี

               “เราอ่านไม่ได้แต่กอล์ฟก็อ่านได้นี่”

               “สอบได้ที่สองบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

               คนฟังอึ้งสนิท ไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่รู้จักมานานจนเปลี่ยนสถานะแล้วจะเป็นคนแบบนี้

               “อี๋ หมั่นไส้ว่ะ”

               “ล้อเล่นๆ อ่านไปสองรอบแล้ว”

               “เกลียดดดดดดด”

               เพียวมองคนตอบคำถามที่ตอนนี้หัวเราะร่วนด้วยสายตาเกลียดชัง ที่มันพูดแบบนี้หมายความว่า ถึงไม่อ่านที่หนึ่งในชั้นก็ต้องเป็นของมัน ไม่มีทาง ไม่ว่าจะ ฟิสิกส์ เคมี ขีวะ สังคม ภาษาไทย เลข ยันพละ เพียวคนนี้จะต้องเป็นที่หนึ่งแทนมันให้ได้ หมั่นไส้โว้ย จะหน้าด้านเกินไปแล้ว เห็นแบบนี้ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเขาก็ท็อปห้าทุกวิชา

               “เห้ย จะลุกไปไหน”

               กอล์ฟร้องทักเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ เพียวก็ลุกพรวดทำท่าจะเดินออกจากร้าน

               “จะกลับไปอ่านหนังสือ เดี๋ยวคนบางคนจะได้ใจเกินไป”

               กอล์ฟรีบฉุดอีกฝ่ายลงนั่งเรียกสติ เขาก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ไม่ได้ได้ใจสักหน่อย

               “โหยๆ อย่าน้อยใจไป เดี๋ยวเก็บเลขเสริมไว้ให้ดีป่ะ”

               สิ้นคำ กอล์ฟก็ได้อีกหนึ่งหมัดเป็นคำตอบ

               “โอ้ย มือหนักขนาดนี้ แถมวิชาพละให้ด้วยอีกหนึ่งวิชาเลย”

               “พูดแบบนี้จะเอาช่ะ”

               “พอแล้วครับๆ เอานี่ไปกินอร่อยนะ”

               ว่าแล้วก็ยื่นชาเขียวนมแก้วโต ที่สั่งมากินเองให้อีกฝ่าย ไม่ขมไม่หวานจนเกินไปหอมชากำลังดี ถือเป็นการเปลี่ยนเรื่องแบบไม่เนียนแต่ก็พอใช้ได้ล่ะน่า

               ลองชิมๆ ดูแล้วพอเห็นว่าอร่อยจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าคราวนี้เลยคว้ามาดูเองอีกหลายอึก

               “ใช่ไหม เราชอบมากเลย”

               พอคิดว่าแก้วที่กำลังกินอยู่นี้เป็นของคนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงข้าม ภาพในละครที่เคยเห็นพวกป้าแม่บ้านนั่งดูในละครก็ดันผุดขึ้นมา

               ‘...เหมือนจูบทางอ้อมเลยอ่ะ...’

               “แอบคิดว่าเป็นจูบทางอ้อมอยู่อ่ะดิ”

               แล้วทำไมไอ้นี่ต้องพูดเหมือนพระเอกในละครที่เคยเห็นด้วย

               “บ้าเอ้ย”

               ส่งแก้วชาเขียวคืนไปอย่างคนหัวเสีย วันนี้ทำไมไอ้บ้านี่มันมาแปลกผิดทุกทีนะ

               “ปกติไม่เห็นเสี่ยวขนาดนี้เลยนี่หว่า นอนไม่พอเหรอกอล์ฟ”

               "ทำไม เพียวจะมากล่อมนอนเหรอ"

               "ไปตายซะไอ้บ้า"

               และแล้วสนามมวย ไม่สิ โรงฝึกที่มีนักชกกับกระสอบทรายหัวเราะได้ก็บังเกิดขึ้น กอล์ฟที่คอยหลบหมัดไปมองเพียวที่ตีอกชกลมรวมถึงตีเขาไปด้วยอย่างมีความสุข เป็นเหมือนเดิมแล้ว ขี้หงุดหงิดเหมือนเดิมแล้วจริงๆ




TBC……




TaLK

สวัสดีค่ะทุกคน จริงๆ จะอัพตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้ได้แต่นั่งตามข่าวแบบจิตตกอยู่หน้าคอมเลยค่ะ ขอให้ประเทศไทยพ้นจากเรื่องร้ายๆ ไปโดยไวด้วยเถิดค่ะ

มาเข้าเรื่องนิยายสักนิด ถึงจะบอกว่าเป็นตอนที่ 17 แต่ใจนึงก็ลังเลว่าเป็น 16.5 หรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื้องเล๊ย เอาเป็นว่าเป็นตอนเบาๆ พักสมองเน๊อะ ช้าบ้างอะไรบ้าง ตามประสาคน(หาเรื่องให้ตัวเอง)งานยุ่งนะคะ ยังไงก็พูดคุยทักทายติชมได้เช่นเคยค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง





 
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่17 พักใจ [p.2] [18.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 19-08-2015 21:51:46
เป็นตอนที่น่ารัก ดูเค้าจีบกันแล้วน่ารักดีค่ะ ชอบมากค่ะ
เป็นคู่ที่แปลกไม่เหมือนใครดีค่ะ เป็นแฟนกันแล้วค่อยมาจีบกัน ก็น่ารักไปอีกแบบค่ะ

ลุ้นให้หวานใส่กันมากๆตลอดไป แต่คาดว่ากอล์ฟจะเจ็บตัวทุกครั้งที่ทำให้เพียวเขินค่ะ555

กอล์ฟน่ารักมากๆ ยอมและทำทุกอย่างเพื่อให้เพียวกลับมาสดใสอีกครั้ง
เอาใจช่วยเพียวให้ลืมเรื่องร้ายๆให้ได้ค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ รอติดตามตอนต่อไปเสมอนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่17 พักใจ [p.2] [18.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 19-08-2015 23:44:24
มาติดตามด้วยคน อ่านรวดเดียว 17 ตอนเลย
ดูหน่วงๆ ดีอ่ะ

ตอนสุดท้ายน่ารักดี จีบกันด้วย 5555+
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่17 พักใจ [p.2] [18.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-08-2015 00:23:55
กอดเพียวแน่น ๆ
กอล์ฟกับเพียวเป็นไปด้วยดี
เป้กะพี่โนรักกันนานๆนะ จะได้ไม่วนกลับมาให้กอล์ฟลังเลใจ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่17 พักใจ [p.2] [18.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-08-2015 03:09:20
กอล์ฟตั้งใจทำให้เพียวเหมือนเดิม
แต่ตัวเองก็ยิ้มกว้างได้แล้วเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่18 เรื่องเล่า [p.3] [24.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 24-08-2015 01:27:42
ตอนที่18
เรื่องเล่า




               พักกลางวันของช่วงสอบ นั้นมีข้อแตกต่างกับพักกลางวันทั่วไปอยู่สักหน่อย เพราะนอกจากจะเป็นช่วงเวลาของการกินข้าวแล้ว มันยังเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการอ่านหนังสือ หรือทำโพยใดๆ สำหรับการเข้าห้องสอบในช่วงบ่ายอีกด้วย

               ซึ่งปอนด์เองก็เช่นกัน

               “เลิกอ่านแล้วกินข้าวเหอะมึง หน้าจะทิ่มลงหนังสืออยู่แล้ว”

               ก้องที่พึ่งเดินมาถึงโต๊ะ วางจานมาม่าผัดในมือก่อนจะพูดกับเพื่อนที่แทบจะเอาชีทเรียนวางบนชามก๊วยเตี๋ยวแล้วเคี้ยวเป็นอาหารเที่ยงอยู่แล้ว

               “ก็กุไม่ใช่พวกแม่งสองคนนี่หว่า จะได้ชิวๆ เช็กอินคาเฟ่แมว”

               หูฟัง สมองประมวลผล ตาอ่านหนังสือ แต่ปากก็ไม่วายมาแซะเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้

               “ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ไปติวด้วย”

               ติวเตอร์ประจำกลุ่มอย่างกอล์ฟได้แต่กุมขมับ ขอโทษขอโพยเป็นรอบที่ร้อย เมื่อวานเขาลืมเพื่อนคนอื่นไปสนิทใจจริงๆ

               “สอบเสร็จแล้วไปกันใหม่ก็ได้ คราวนี้ไปด้วยกันหมดเลยดีไหม”

               เพียวพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกับที่ครูอนุบาลใช้ล่อเด็กน้อย แต่ที่เด็กกว่าก็คงเป็นปอนด์ที่พยักหน้ารับรัวๆ

               บางครั้งกอล์ฟก็รู้สึกว่าปอนด์ชอบอวยเพียวจนออกนอกหน้า ทั้งๆ ที่ปกติออกจากปากเสีย ทำไมพอเป็นเพียวแล้วถึงได้ยอมทุกที

               “ไปๆ กอล์ฟมึงต้องเลี้ยงด้วย”

               “อ้าวไหงเป็นกูวะ”

               ครั้งนี้ก็เช่นกัน

               “ไม่รู้กุหมั่นไส้มึง”

               “เห้ยแล้วเพียวอ่ะ เมื่อวานคนเช็กอินมันเพียวนะ”

               กอล์ฟเริ่มโวยวาย

               “ไม่รู้ กูไม่สน”

               ความยุติธรรมของโลกนี้อยู่ตรงไหน กอล์ฟอยากถาม หันไปหมายจะขอความช่วยเหลือจากเพียว แต่อีกฝ่ายดันรวบช้อนแล้วลุกขึ้นยืนซะเฉยๆ

               “เดี๋ยวไปซื้อน้ำแปปนะ ใครเอาไรไหม”

               ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนพร้อมใจกันควักเงินและบอกในสิ่งที่ต้องการกันแบบไม่เกรงใจ จนลืมเรื่องที่พูดค้างกันเอาไว้ซะสนิท

               และเมื่อเพียวเดินออกไปตามรายของแล้วนั่นเอง ปอนด์ถึงได้เริ่มบทสนทนาของจริง

               “เมื่อวานตอนที่มึงไลน์มาบอกว่าไม่ว่างติวแล้วกุเลยไปกับพวกไอ้ไจ๋ห้องหก”

               “แล้ว”

               “แล้วกุก็ไปได้ยินอะไรไม่ค่อยน่าฟังมา”

               ทั้งกอล์ฟทั้งก้องรีบขยับตัวเข้าหาคนพูดให้ใกล้ขึ้นด้วยความสนใจและป้องกันการแอบฟังของโต๊ะข้างๆ ก่อนที่จะพร้อมใจกันโบกหัวอีกฝ่ายจนเกือบทิ่มจานเมื่อได้ยินประโยคต่อมา

               “แต่แบบลังเลที่จะเล่าว่ะ”

               “สัส ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเกริ่น”

               ก้องแทบจะเอาเท้ายันคนท่ามากอยู่แล้ว หลอกให้ตื่นเต้นอยู่ได้ตั้งนาน

               “คือจะเล่าไง แต่แบบคิดอยู่ เป็นเรื่องของไอ้เป้”

               “เป้มีอะไร”

               คราวนี้เป็นกอล์ฟที่ถามออกมา ยังคงต้องยอมรับ ว่าพอเป็นเรื่องของเป้ เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ทุกที

               "ไม่เชิง เป็นไอ้พี่โยแหละที่มี”

               “เลิกอมพะนำแล้วเล่าเหอะมึง”

               และเมื่อปอนด์สัมผัสได้ว่ากำลังจะถูกก้องถีบจริงๆ จึงได้ยอมพูดออกมา

               “ก็...กุได้ยินมาว่าไอ้พี่โยชอบฟันแล้วทิ้ง”

               อึ้งสนิท คล้ายสมองหยุดประมวลผลไปชั่วครู่ และเป็นก้องที่คิดได้เร็วกว่า ลุกพรวดเต็มความสูงท่าทางจะมีเรื่องได้ในทันที จนกอล์ฟต้องรีบฉุดอีกฝ่ายเอาไว้

               “เห้ยก้องใจเย็น”

               “กุยังเล่าไม่จบ”

               ปอนด์เองก็รีบเสริม เพราะรู้ว่าก้องที่ขำๆ ไปวันๆ นั้น มีเลือดรักเพื่อนแรงแค่ไหน

               “คือที่มันเกี่ยวกับเป้ เพราะว่า แบบ ปกติไอ้พี่โยจะไม่ค่อยคบกับใครยาวๆ ไง แบบวันไนท์อ่ะ แต่ทีนี้ ไอ้เป้นี่เป็นกรณีพิเศษ มันคบเป้เป็นแฟนไง กุเลยลังเล ว่าเรื่องที่ฟังกับเรื่องจริงๆ มันเป็นยังไง”

               “ไปบอกเป้”

               เป็นก้องที่พูดออกมา

               “อย่า”

               และเป็นกอล์ฟที่ร้องห้าม

               “ทำไม”

               “ดูไปก่อน พี่โยอาจจะชอบเป้จริงๆ ก็ได้ ไอ้ปอนด์พึ่งพูดเองว่าเป้มันเป็นกรณีพิเศษ”

               เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าเป็นเรื่องจริง เป้จะต้องรู้ และเขาจะไม่ปล่อยให้มันโดนหลอกเฉยๆ แน่ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องไม่จริง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เป้จะต้องรับรู้ จะกลายเป็นไม่สบายใจไปซะเปล่าๆ

               “กุกลัวไม่ทัน”

               อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ทันแล้ว เพราะเมื่อเช้าตอนที่เขาเจอเป้หน้าบ้าน เขาได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นด้วย รอยแบบนั้น แล้วคืนนั้นไอ้พี่โยก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ต้องทำเป็นโลกสวยก็จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

               และเมื่อเช้าเขาก็ยังเห็นพี่โยกับเป้เดินจับมือกันดี

               “ดูไปก่อนเถอะ เรื่องของคนสองคน คนที่สามสี่ห้าเข้าไปยุ่ง มันจะเรื่องใหญ่ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้”

              ...เขาหวังให้มันเป็นแบบนั้น

               “กุไปซื้อน้ำแปปเดียว พวกมึงทำห่าอะไรกันหน้าเครียดชิบ”

               เพียวที่หอบของมาเต็มมือ รีบถามเมื่อเห็นแต่ละคนทำหน้าเหมือนกำลังจะไปฆ่าคนกันหมด

               “ไม่มีอะไรหรอก แล้วนี่ซื้อมากินอีกแล้วไอ้ชาเขียวเนี่ย เมื่อเช้าสองขวดแล้วเกินโคต้าวันนี้แล้วนะ เอามาเรากินเอง”

               ไม่ว่าเปล่า คว้าขวดชาเขียวในมือเพียวมาเปิดกระดกเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย ไม่เชิงเป็นการเปลี่ยนเรื่อง แต่ไหนเมื่อวานตกลงกันไว้แล้ว ว่าจะไม่กินเยอะเกินพอดียังไงล่ะ

               “แม่งเผด็จการว่ะ”

               “กลัวเพียวตายก่อนวัยหรอก”

               พอได้ยินแบบนั้น ก็กลายเป็นว่าเถียงไม่ออก ค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งจิบน้ำเปล่าที่อีกฝ่ายฝากซื้อแทน

               ทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมานะ

               “มึงสองคนเดียวนี้สนิทกันดีเน๊อะ”

               ชั่วจังหวะหนึ่งที่ได้ยินแบบนั้นก็เผลอหันไปมองหน้าอีกฝ่ายซะเฉยๆ ก่อนจะรีบหันมองไปถามอื่น

               “ก็ดีแล้วไง”

               ทั้งคู่แทบจะตะโกนออกไปพร้อมกัน แทบอยากจะกัดปากตัวเอง แบบนี้ก็ยิ่งแปลกๆ เข้าไปใหญ่

               “กุว่ากุขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนดีกว่า เพียวไปขึ้นห้องสอบกัน”

               รีบพูด รีบคว้า รีบวิ่งกันไปทั้งคู่ ไม่รอให้เพื่อนได้มีโอกาสถามอะไรต่อ

               และถึงจะเนียนไปแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ตอนที่เผลอ สบตากับอีกฝ่าย หน้าเขาร้อนขนาดไหน




TBC……




TaLK

ขึ้นตอนเหมือนจะดราม่าแต่ทำไมจบแล้วเขิน 55555
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงตอนที่ 18 แล้ว ปกติไม่เคยเขียนอะไรได้ยาวขนาดนี้เลยค่ะ /ตกใจ เพราะเป็นพวกขี้เบื่อล่ะมั้งเลยไม่เคยเขียนอะไรยาวๆ ได้เลย แต่พอเป็นเรื่องนี้ กลับหยุดเขียนไม่ได้เลยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมา และยินดีต้อนรับคนที่แวะเวียนเข้ามาใหม่นะคะ จากนี้ก็เป็นกำลังใจกันต่อไปด้วยนะคะ
เป็นกำลังใจให้เด็กๆ ด้วยค่ะ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พวกเขาจะต้องผ่านมันไป เดินไปด้วยกันนะคะทุกคน รักคนอ่านค่ะ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่18 เรื่องเล่า [p.3] [24.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 24-08-2015 21:03:35
เรื่องเล่านี้ เพียวอดฟังด้วยเลย เราก็เลยอดเห็นปฏิกิริยาของกอล์ฟกับเพียวเลย

เรื่องก็เหมือนจะเริ่มดราม่าแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเรื่องเล่าเป็นเรื่องจริง  กอล์ฟก็คงต้องคอยอยู่เคียงข้างปลอบเป้แน่ๆ
กอล์ฟยังทำอะไรๆเพื่อเป้เสมอ  แม้จะไม่สมหวัง  ก็ยังเป็นห่วง อยากให้เป้มีความสุข  ชอบความคิดของกอล์ฟจังค่ะ แสนดีจริงๆ
ตอนนี้ได้เห็นความน่ารักที่กอล์ฟมีต่อเพียวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  คล้ายๆยอมตายแทนได้ใช่ไหมกอล์ฟ  กรี๊ดดด เขินไปด้วยเลย :-[

ขอบคุณนักเขียนที่ยังไม่เบื่อที่จะแต่งนะคะ เรื่องนี้ยิ่งอ่านยิ่งสนุก รักกอล์ฟเพียว  ชอบมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่18 เรื่องเล่า [p.3] [24.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 25-08-2015 09:46:38
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีอะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่19 หวง [p.3] [31.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 31-08-2015 02:30:53
ตอนที่ 19
ห่วง




               เจ้าชู้

               ใครๆ ก็ชอบพูดกับโยแบบนั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เขาหน้าตาดี รูปร่างดี เรียนก็อยู่ในขั้นดี การที่เขาจะ ‘เลือก’ ในสิ่งที่เขาชอบ เขาไม่ถือว่ามันเป็นความผิด

               และการที่จะรู้ว่าสิ่งนั้นเหมาะไหม มันก็ต้องมีการทดลองใช้

               ใช่แล้ว สำหรับเขา การเลือก คนควง ก็เป็นแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อปีก่อน

               โยที่ย้ายมาเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนใหม่ตามโจ้เพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมต้องพบกับคำว่าตกหลุมรักเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

               “ของพี่ทำตกไว้หรือเปล่าฮะ”

               ทั้งน้ำเสียง แววตา และรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขา นึกถึง เพื่อนเล่นวัยเด็กที่เขา เคยหลงรักในวัยเด็ก

               เขาชอบผู้ชาย

               และรุ่นน้องคนนี้ก็ตรงตามภาพสมมติในใจเขาทุกอย่าง

               ภาพที่เขาสร้างขึ้นตามเด็กคนนั้น

               “เป้ กูจะกลับแล้ว มาเร็ว”

               เสียงตะโกนเรียนดังมาจากลานจอดจักรยานที่อยู่ไม่ไกล ‘เป้’ ทำท่าลุกลี้ลุกลนก่อนจะยัดกระเป๋าเงินใส่มือเขาแล้ววิ่งไป

               เขาไม่เคยเชื่อพรหมลิขิตมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ เพราะแม้แต่ชื่อของเด็กคนนั้น ก็ยังเหมือนกัน ‘น้องเป้’ เด็กน้อยคนนั้น ได้เจอกันอีกแล้ว




               “มีแฟนแล้ว!!!”

               ข่าวที่โจ้คาบมาบอก ช่างทำร้ายจิตใจ ทั้งๆ ที่ได้เจอ แต่กลับมีเจ้าของแล้ว เขาควรสาปแช่งใคร มันถึงจะสาสมกับเรื่องที่เกิดขึ้น

               “เอ่อ น้องเขามีแฟนแล้ว เห็นว่าเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ที่เป็นหัวหน้าห้องอ่ะ ชื่ออะไรสักอย่างขึ้นต้นด้วย ก.ไก่”

               เรือรักของเขาล่มตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม คิดแล้วก็เจ็บใจนิดๆ

               “เศร้าขนาดนั้น ไม่เห็นมึงเคยสนใจใครแบบนี้”

               “เปล่าซะหน่อย กูรูปหล่อขนาดนี้ จะควงใครก็ได้ทั้งนั้น ทำไมต้องสนคนมีแฟนแล้วด้วย”

               ไม่ว่าเปล่า เด็กหนุ่มยังหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกเบอร์ที่โทรเขามาล่าสุด
   
               “เตครับ คืนนี้ว่างไหม โยอยากเจอ”

               คนในสตอร์กเขามีเป็นสิบไม่จำเป็นต้องง้อ คนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงจะเป็นคนที่เขาติดค้างอยู่ในใจมาตลอดก็เถอะ

               ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย




               ซะที่ไหนกันล่ะ

               ผ่านไปเป็นปี เขาก็ยังสน แม้ว่าเขาจะคบคนอื่นไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่สน ไม่รู้ว่าทำไม ความรักของอีกฝ่ายถึงได้ดูยั่งยืนนัก

               เมื่อไหร่จะเลิกกันวะ

               เป็นคำถามที่ดูทุเรศแต่เขาก็หวังลึกๆ ให้สองคนนั้นเลิกกัน

               แล้วทำไมไม่ทำเองล่ะ....

               ความคิดวูบนึงบอกเขาแบบนั้น

               และเมื่อเขาลงมือ เขาก็พบว่าทุกอย่างมันง่ายกว่าที่คิด

               ก็ในเมื่อ ความจริงแล้ว อีกฝ่าย ไม่ได้คบกับใคร มีแต่หมาหวงก้างเท่านั้นที่คอยขวาง ทั้งๆ ที่เจ้าของไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด

               “น้องเป้”

               เขาส่งเสียงเรียก ‘แฟน’ ที่นั่งคุยกับ ‘หมา’ อยู่ที่หน้าห้องสอบ เด็กหนุ่มหันมาส่งยิ้มหวานให้เขาเหมือนทุกที

               “ไปนะกอล์ฟ”

               ถึงจะมีช่วงเวลาที่สนใจคนอื่นบ้าง

               แต่สุดท้าย คนที่ได้เดินคู่กับเป้ก็จะเป็นเขาคนเดียว




               กอล์ฟตรวจทานข้อสอบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคว่ำหน้ากระดาษคำตอบลง แล้วเดินออกจากห้องสอบ เพื่อมาพบกับเพื่อนสนิทที่พึ่งจะเดินออกมาได้ไม่นาน

               “วิชาสุดท้ายแล้ว ทำไมออกเร็วจังวะ ทำได้เปล่าเนี่ย”

               พูดพลางทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

               “ทำได้...ก็เหี้ยละ”

               เป้ตอบหน้ายู่ จัดที่นั่งสอบวันนี้ไม่ดีเลย ไปนั่งเอาซะมุมหน้าห้อง อย่าว่าแต่เล็งข้อสอบกอล์ฟเลย ของเพื่อนข้างๆ ก็ยังมองไม่เห็น

               “เอาน่าพึ่งมิดเทอม ฮึดๆ หน่อย เดี๋ยวปลายภาคก็ดีเอง”

               “อ่อ”

               เป้ตอบรับ ก่อนที่ความเงียบ จะกินพื้นที่อีกครั้ง พักนี้เขาสองคนไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดเล่นกันแบบเมื่อก่อนสักเท่าไหร่

               กอล์ฟมองอีกฝ่ายที่พึ่งกดเปิดมือถือ ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่คุยกับไอ้ก้องไอ้ปอนด์เมื่อต้นสัปดาห์ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถาม

               “พี่โย...”

               “หืม”

               “พี่โยกับมึงไปกันได้ดีไหม”

               ทำให้เหมือนการไต่ถามปกติ แต่เขารู้ดีแก่ใจ ว่ามันเป็นการหยั่งเชิง

               “ก็ดีนะ พี่เขารักกู เอาใจใส่กูดี กูเองก็รักเขา มีอะไรเปล่า”

               “เปล่าหรอก แค่ถามดู”

               สีหน้าเป้ตอนพูดยังมีความสุขดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องพูดออกไปให้เป้ไม่สบายใจ

               “มึงได้ยินเรื่องพี่เขาเจ้าชู้ใช่ไหมล่ะ”

               กอล์ฟมองหน้าเป้อย่างแปลกใจ ที่อีกฝ่ายก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน ปกติ เป้กับเขา จะเป็นพวกไม่ค่อยทันข่าวสารนินทาวงในกันเท่าไหร่

               อาจเป็นเพราะ ความจริง เมื่อก่อนเรื่องเดียวที่เขาสนใจคือเรื่องของคนตรงหน้าก็ได้

               “มึงรู้”

               “อื้อ ได้ยินมาเหมือนกัน”

               “แล้ว”

               “ก็ไม่ยังไง มันก็จริง”

               “เห้ย แล้วมึงยอม”

               “ไม่เชิง แต่พี่เขาบอกว่าเลิกแล้ว กูเชื่อเขานะ”

               แววตาของเป้ไม่มีความลังเลเลยสักนิด บงบอกชัดเจนว่ามันเชื่อใจพี่โยขนาดไหน

               แล้วเขาล่ะเชื่อการตัดสินใจของเป้ขนาดไหน

               “น้องเป้”

               เสียงเรียกที่ไม่ต้องบอกกอล์ฟก็รู้ว่าเป็นใคร

                  ...แม่งตายยาก...

               เป้หันไปยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยคำลา

               “ไปนะกอล์ฟ”

               “อ่อ ไว้เจอกัน”

               เขาโบกมือลามันก่อนจะหันมาเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเอง

               “เห้ย ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

               แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อพบว่า คนที่ยืนอยู่ข้างๆ กระเป๋าของเขาเป็นใคร

               เพียวหลี่ตามอง คนออกมาก่อนอย่างรู้ทันก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง

               “ก็ออกมานานพอให้เจอถ่านไฟเก่าที่กำลังครุกรุ่น”

               น้ำเสียงและสีหน้าของอีกฝ่ายทำให้คนฟังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก

               “เพื่อนกัน”

               ทั้งๆ ที่เพียวก็รู้สถานะของเขากับเป้ดี แต่ใจก็สั่งให้ย้ำออกไปแบบนั้น

               “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

               “เพียวโกรธ?”

               ฟังจากน้ำเสียง เพียวโกรธเขาขัดๆ แบบไม่ต้องคิดให้มากความ

               “ก็ใช่”

               แถมเจ้าตัวก็ยังยอมรับออกมาง่ายๆ แบบนั้น

               “ตอนนี้กอล์ฟคบกับเพียวอยู่...”

               “กอล์ฟก็ควรพูดความจริงกับเพียว”

               พอโดนแทรกขึ้นมาแบบนั้น เขาก็ถึงบางอ้อ มันไม่ใช่เรื่องหึงหวงอย่างที่เขาใจในตอนแรก แต่มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้บอก

               “ก็กลัวเพียวคิดมาก”

               “เป้ก็เพื่อนเรา เป็นมานานพอๆ กับที่เรารู้จักกัน ถึงจะไม่ได้เจอกันนาน แต่ก็ยังเป็นเพื่อน เราเองก็ห่วงเป้เหมือนกัน ไม่ใช่กอล์ฟคนเดียว”

               เขาผิดไปแล้ว ที่ไม่เล่าก็เพราะกลัวว่าเพียวจะคิดว่าเขาตัดใจจากเป้ไม่ได้ กลายเป็นว่า เขาดูถูกน้ำใจของอีกฝ่าย

               “ขอโทษครับ”

               ลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องกล้าขอโทษ

               และเพียวเองก็แมนพอ

               “อั๊ก”

               ที่จะต่อยอีกฝ่ายพอเป็นพิธี

               “หายกันนะ”

               กอล์ฟทำหน้าเบ้ โดนต่อยอีกแล้ว ทำไม เพียวถึงได้มือหนักขนาดนี้นะ เอะอะตี เอะอ่ะต่อย แต่ก็ต้องกัดฟันตอบไป

               “อื้อ”

               “งั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะรอ”

               สุดท้าย คนตัวเล็กก็หันมายิ้มร่า ก่อนคว้ากระเป๋าเดินนำลิ่วลงบัดไดไปสบายใจเฉิบ ปล่อยให้เขาที่จุกจนพูดไม่ออกค่อยๆ ลากสังขารตัวเองตามลงไป

               เห็นทีหลังจากนี้เขาคงไม่ต้องห่วงเป้เท่าไหร่

               เป็นห่วงให้ตัวเองไม่โดนต่อยจนตายคงจะดีกว่า




TBC…..




TaLk

สวัสดีตอนที่ 19 ค่ะ สำหรับตอนนี้เราลองมามองโลกกันด้วย อีกหนึ่งตัวละครที่โดนสาปแช่งเอาบ่อยๆ ดูละกันนะคะ 55555
หายเกลียดนายโยกันบ้างหรือเปล่าคะ อย่าพึ่งรีบตัดสินใจค่ะ มีเรื่องให้เกลียดกันอีกมาก #เดี๋ยวนะ

สำหรับตอนนี้ อยากให้ความสัมพันธ์ของตัวละครของเราพัฒนาขึ้นไปอีกในระดับหนึ่ง (ไม่แน่ใจว่าระดับไหน 5555)

ยินดีต้อนรับทุกคนที่ผ่านเข้ามาใหม่ และขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ จากนี้ไป มาม่าชามนี้ก็จะขอใส่ผงปรุงรสที่หอใหญ่ขึ้น ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ รักคนอ่านค่ะ –อี้หลิง

ปล.บทจะไม่ว่างเขียนก็ไม่ว่างเลย พอว่างเขียนเท่านั้นแหละ สองชั่วโมงรวดออกมาทั้งตอน 55555
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่19 หวง [p.3] [31.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 31-08-2015 20:33:24
พี่โยเจ้าชู้และชอบแย่งอีก  แถมนักเขียนก็รับรองความเกลียดด้วยแบบนี้ ก็ขอเตรียมชามไว้รอค่ะ ชอบมาม่า555

น้องเป้ก็เชื่อใจแฟนจัง ขนาดพี่โยมีประวัติ คนดีน่ารักจริงๆ ซึ่งยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นนายเอกเรื่องนี้อยู่เลย

เพียวถ้าได้เป็นนายเอกเรื่องนี้ ก็เป็นนางเอกที่แมนๆ ไม่งี่เง่า ตรงไปตรงมาดี เราชอบมากๆยังเชียร์เพียวเป็นนายเอกอยู่ค่ะ

กอล์ฟแสนดีไปถึงไหน รู้ว่าผิดก็ขอโทษ ห่วงความรู้สึกแฟน  กลัวแฟนแบบนี้รับรองชีวิตมีแต่สิ่งดีๆค่ะ555

ยิ้มไปกับความมุ้งมิ้งแบบฉบับของกอล์ฟเพียวมากๆค่ะ ชอบมากๆ ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่19 หวง [p.3] [31.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-08-2015 22:20:32
ใจแกว่งๆเรื่องเป้จัง
คือเป้ไม่รักกอล์ฟ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด
และเป้จะหลงแฟนไปบ้างก็ไม่ผิด
ก็เป้เพิ่งจะมีแฟนคนแรกนี่นา
ส่ส่วนกอล์ฟเพียวไม่น่าห่วง
เเอ๊ะ หรือต้องห่วงกันนะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่19 หวง [p.3] [31.08.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-08-2015 23:02:13
เชียร์เพียว กอล์ฟ สุดใจขาดดิ้น
น้องเป้มั่นใจพี่โยมากเลย เผื่อใจไว้บ้างก็ดี อ่านแล้วรู้สึกว่าเป้รักพี่โยมากกว่าตัวเองยังไงไม่รู้ น่าจะจัดสรรเวลาให้เพื่อนบ้างนะ ไว้ใจคนรักก็ดีแต่หยุดคิดและเผื่อไว้บ้างจะได้ไม่โง่ ถ้าพี่โยหยุดแล้วจริง ๆ ก็โอเค
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่20 กอด [p.3] [15.09.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 15-09-2015 01:18:52
ตอนที่ 20
กอด




               “เจอกันวันจันทร์”

               บอกลากันสั้นๆ ก่อนเด๊อะแก็งค์จะแยกย้าย จากตอนแรกที่เล็งคาเฟ่แมวไว้กลายเป็นห้องคาราโอเกะเจ้าเดิมที่เหมาเข้าไปปลดปล่อยสี่ชั่วโมงเต็ม

               ...ปอนด์แม่งบ้าพลัง...

               คนจ่ายเงินอย่างกอล์ฟอดที่จะด่าเพื่อนในใจไม่ได้ พอกลายเป็นเขาที่เป็นคนเลี้ยงตามสัญญาเข้าหน่อยก็กดต่อเวลากันเป็นว่าเล่น

               “ตัวเบาเลยดิ”

               เพียวพูดด้วยน้ำเสียงกลั้นหัวเราะแววตาที่ส่งมาดูสมน้ำหน้ามากกว่ารู้สึกสงสาร กอล์ฟได้แต่พยักหน้าปลงๆ ให้อีกฝ่าย

               “สงสัยต้องให้เพียวเลี้ยงไปตลอดชีวิตแล้ว”

               ทำหน้าตาหน้าสงสารเรียกคะแนนสุดๆ จนเพียวเบ้ปากใส่

               “เห็นที่บ้านกำลังจะรับสมัครคนสวนเพิ่ม ตัดแต่งหญ้าเป็นไหมล่ะ จะใช้เส้นให้”

               พูดจาใจร้ายสมเป็นอีกฝ่าย แต่กอล์ฟยังไม่ทันได้โต้แย้งใดๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นของบางอย่าง

               “เห้ย นั่นใช่หมวกแบบที่บ่นว่าอยากได้ป่ะ”

               “ใช่ๆ ดูกันๆ”

               สุดท้ายก็ลากกันไปดูของตามระเบียบ เสียทรัพย์คนละไม่นิดไม่หน่อย ทั้งๆ ที่พึ่งบ่นเรื่องเงินกันไปนั่นแหละ

               “อ้าวเพียว”

               เป็นเสียงเรียกของเพื่อนสมัยม.ต้นที่บังเอิญเข้าร้านเดียวกัน กอล์ฟแอบเห็นเพียวทำหน้าตกใจ ก่อนที่จะยิ้มตอบอีกฝ่ายไป

               “ไม่เจอกันนานเลยต้น”

               “เอ่อดิ ก็อยู่ๆ มึงก็ย้ายโรงเรียนกะทันหัน ทำเอาพวกกูงงกันไปหมด เฟสบุ๊กก็ปิด เบอร์โทรก็เปลี่ยน ไลน์ก็หายไปเลย ขนาดไอ้พอสยังตอบพวกกุไม่ได้เลยว่ามึงหายไปไหน”

               สีหน้าคนฟังเริ่มซีดลงทุกทีตามข้อความที่เพื่อนเก่าถ่ายทอดมา กอล์ฟบีบไหล่ให้กำลังใจคนรักเบาๆ แม้กำลังสงสัยเรื่องที่คนตรงหน้าพูดก็ตาม

               “พอดีหนีพวกโรคจิตอ่ะ กุโดนพวกโรคจิตตามเลย เปลี่ยนทิ้งหมดเลย ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อพวกมึงเลย”

               “เห้ย แรงมากเลยเหรอ แม่งน่ากลัวว่ะ”

               “ใช่ไง พ่อกุเลยสั่งย้าย”

               เพื่อนเก่าถามไถ่กันอีกประโยคสองประโยค ก่อนแยกย้าย เพราะต้นเองก็มากับคนรัก

               “โทรเรียกพี่จงแล้วใช่ไหม”

               “อื้อ”

               ทั้งๆ ที่กอล์ฟก็ถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่อะไรบางอย่างบอกเพียวว่าคนข้างตัวกำลังอารมณ์ไม่ดี และสาเหตุจะต้องหนีไม่พ้นเหตุการณ์เมื่อครู่แน่นอน

               เพียวลองจับเสื้อกอล์ฟให้เดินช้าลงก่อนจะลองหยั่งเชิง

               “ห้างนี้มันยังไงนะ ทั้งๆ ที่อยู่คนละฟากเมืองดันเจอคนรู้จักเรื่อยเลย”

               นอกจากการผ่อนฝีเท้าลงแล้ว กอล์ฟก็ไร้ปฏิกิริยาใดๆ จนคนข้างๆ เริ่มใจไม่ดี

               “คิดอะไรอยู่”

               พอถามออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายกลับหยุดเดินเอาซะดื้อๆ

               “คืนนี้ไปค้างบ้านเรานะ”

               มันไม่ใช่ประโยคคำถาม เพียวรู้ดี เพราะสายตาที่อีกฝ่ายมองมา มันบอกว่า เขาไม่มีสิทธิปฏิเสธ

               “อื้ม...เอาแบบนั้นก็ได้”




   
               คิดตลอดว่าไม่อยากถาม

               คิดมาตลอดว่าจะไม่ถาม

               อยากจะให้เพียวพร้อมและพูดมันออกมาด้วยตัวเอง

               แต่หลังจากได้ยินบทสนทนาในวันนี้ เราก็รู้ว่าตัวเองรอไม่ไหว

               อะไรที่ทำให้เพียวต้องหนีขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ไอ้หน้าจืดที่เพียวล้มได้แม้กระทั่งตอนขาหักแน่

               อะไรที่ทำให้เพียวร้องไห้ได้ขนาดนั้น

               “มาแล้ว”

               เพียวเปิดประตูห้องนอนเข้ามาชุดนักเรียนยังอยู่ครบในขณะที่เขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

               หลังจากพี่จงคนขับรถของเพียวพามาส่งที่บ้าน หลังจากทานอาหารเย็นกับครอบครัว หลังจากนั่งฟังกุ๊กไก่ชวนเพียวจ้อไม่หยุดอีกเกือบชั่วโมง ในที่สุด เขาก็มีโอกาสได้อยู่กับเพียวสองคนสักที

               เขานั่งมองเพียวที่เดินเข้ามาจะหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่เขาวางไว้ให้ที่ปลายเตียง วูบหนึ่งในใจก็เกินความลังเลว่าควรจะถามออกไปดีหรือรอก่อนดี

               “กอล์ฟ...”

               “ครับ”

               กลายเป็นเพียวที่พูดออกมาก่อน

               “พร้อมฟังหรือเปล่า”

               เขาพอจะเดาได้ว่าท่าทางอึมครึมของกอล์ฟคืออะไร อีกฝ่ายคงอยากรู้เรื่องทั้งหมดเต็มทน เพียงแต่ ถ้ารู้แล้ว กอล์ฟจะรับมันได้หรือเปล่า

               ถึงแม้กอล์ฟจะเคยยอมรับแบบงงๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง

               แต่ที่เขาต้องการคือการยอมรับที่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน แต่เป็นการยอมรับในสถานะที่พวกกำลังเป็นอยู่ตอนนี้

               “พร้อมตั้งแต่ที่บ้านเพียววันนั้นแล้ว”

               และคำตอบที่ได้ทำให้ตัดสินใจพูดมันออกไป




               “ฟังแล้วอยากให้เรากลับไปนอนบ้านวันนี้ไหม จะได้โทรหาพี่จงเลย”

               เพียวไม่กล้ามองหน้ากอล์ฟตรงๆ เขากลัว กลัวสายตาของอีกฝ่าย กลัวความรู้สึกรังเกียจ ผิดหวัง หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะส่งมาหลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมด

               และอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะกอล์ฟไม่พูดอะไรออกมาเลย

               “งั้นเราออกไปดีกว่าเนอะเดี๋ยวไปรอรถข้างล่างก็ได้”

               เขาต้องรีบออกไป ก่อนที่เขาจะร้องไห้ กอล์ฟไม่ผิดหรอกเขารู้ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเขาที่เริ่มขึ้นมาเอง

               ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เพียวเดินออกไปในระดับที่แทบจะเรียกว่าวิ่ง บรรไดอยู่ตรงหน้าแล้วตอนที่ฝ่ามือที่คิดว่าอาจจะไม่จะจับอีกจะเข้าฉุดที่หัวไหล่

               “เพียว”

               และน้ำเสียงที่สั่นเครือของอีกฝ่าย ที่ดังออกมาคล้ายคนจะร้องไห้

               และเมื่อเพียวหันกลับมา

               “ไม่เป็นไรแล้วนะเพียว”

               อ้อมกอดของอีกฝ่ายก็รอเขาอยู่



TBC……




TaLK

มาต่อแล้วค่ะ สัปดาห์ก่อนงดไปเพราะเราสะดุดปัญหาในชีวิตนิดหน่อย ตอนนี้น่าจะโอเคแล้ว เหมือนกับน้องเพียว ที่จะต้องโอเคแน่นอน ยังก็ฝากเรื่องนี้ต่อๆ ไปด้วยนะคะ

ฝนตกบ่อยเหลือเกิน รักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง

ปล.ตอนแรกว่าจะตัดจบตอนที่เพียวเดินออกจากห้องมา แต่ตัดแบบนี้กว่าเน๊อะ 55555
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่20 กอด [p.3] [15.09.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-09-2015 07:59:12
สงสารเพรียวจัง  ต่อไปนี้ก็เริ่มใหม่กะกล์อฟเน๊อะ   คนเจ็บสองคนมาเจอกัน  ช่วยกันดูแลกันนะ  ใครที่ทำเราเจ็บก็ปล่อยไปอย่ายึดติดกับมันเลย
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่20 กอด [p.3] [15.09.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 17-09-2015 20:05:55
ลืมเรื่องราวความรักครั้งก่อนให้ได้นะเพียว  ตอนนี้เพียวก็โชคดีแล้วนะที่มีกอล์ฟเป็นแฟน
เราเข้าใจเพียวที่ยังคงไม่มั่นใจกับความรักครั้งนี้  คงคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ

ส่วนกอล์ฟคงรู้สึกเจ็บปวดแทนเพียวมากๆเมื่อรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว 
กอดเพียวแน่นๆและดูแลกันและกันไปตลอดเลยนะ
เชียร์คู่นี้สุดใจเลย ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่20 กอด [p.3] [15.09.58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-09-2015 15:58:07
โล่งไปสักทีนะเพียว
คราวนี้กอล์ฟจะได้ปกป้องเพียว
พร้อมๆกับเนียวยาจากเรื่องร้ายในใจสักที
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่21 คนหา [p.3] [02.10.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 02-10-2015 01:43:57
ตอนที่ 21
คนหา




             "หนึ่ง... สอง... สาม..."

             เสียงนับเลขดังไปทั่วลานเด็กเล่น เหล่าเด็กน้อยรีบกระจายตัวหาที่หลบซ่อน

             "...สิบ...เอายางงงง"

             เด็กชายตัวเล็กหลับตาปี๋ตะโกนถาม ไร้เสียงตอบรับเป็นสัญญาณให้ออกคนหา

             ไม่ไกลจากคนหานัก เด็กชายที่ตัวสูงกว่า แอบมองออกมาจากที่ซ่อน รอคอยให้คนหา เดินผ่านตัวเอง

             และ

             “โป้งพี่โย”

             แทรงทำเป็นว่าเสียดายนิดหน่อยตอนเจ้าตัวเล็กหาเขาเจอ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองจงใจยื่นขาออกไปหาอีกฝ่ายหาเจอ

             เพียงเพื่อ ตลอดการค้นหา เขาจะได้เดินคู่ไปกับอีกฝ่าย

             แม้ว่าสุดท้ายตอนจบเกมคนที่ได้เดินคู่กับเด็กคนนั้นจะเป็นคนอื่นก็ตาม




             พอเมื่อโตขึ้นโยกลับชอบเป็นคนหา

             เขาชอบสถานะนี้มากกว่า เพราะมันน่าตื่นเต้น ได้ลุ้นทุกครั้งว่าคนที่เขากำลังจะเจอนั้นใช่คนที่เขาต้องการหรือเปล่า



             คนที่หนึ่ง




             คนที่สอง




             คนที่สาม




             จะผ่านไปกี่คนเขาก็ยังคงหาไม่เจอ




             จนกระทั่ง

             “พี่โย”

             “เป้รักพี่โยครับ”

             ในที่สุดเขาก็ได้พบเด็กคนนั้นอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็หาจนเจอ

             แต่ดูเหมือนว่าเขาอาจจะชอบความรู้สึกของการค้นหามากจนเกินไป

             “เป้”




             “เป้”




             “เป้”




             “อยู่กับผมอย่าเรียกชื่อแฟนสิครับ”


             เพราะสุดท้ายเขาก็หยุดตามหาไม่ได้อยู่ดี




TBC…




TaLK

สวัสดีค่ะ สำหรับตอนนี้จะเรียกว่าเป็นตอนก็คงไม่ถูกนัก มันเป็น บทนำของช่วงที่สามค่ะ ซึ่งจะเป็นช่วงสุดท้ายของเนื้อเรื่องแล้ว (บทนำของช่วงแรกคือตอนที่กอล์ฟกับเป้เล่นซ่อนแอบ บทนำของช่วงที่สองคือตอนที่เพียวกับกอล์ฟซ่อนแอบด้วยกันบนต้นไม้) หลังจากนี้เนื้อหาของเราก็จะเข้าสู่เฟสมาม่าชามโตแล้วล่ะคะ ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ –อี้หลิง

ปล.สองสามเดือนนี้เราเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษาค่ะ ไม่ได้มีเวลาว่างมาเขียนมากเท่าเดิม ขอโทษด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่21 คนหา [p.3] [02.10.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 03-10-2015 09:31:45
พี่โยก็อยู่เล่นซ่อนหาในช่วงวัยเด็กด้วย  เซอร์ไพรส์เลยค่ะ

เป็นความผูกพันกันตั้งแต่เด็กๆทั้งสี่คนเลย  และก็มีช่วงผิดหวังกันทุกคนแล้วตอนนี้ ช่วงแรกเป็นพี่โยและเพียว  ต่อมาเป็นกอล์ฟ  แล้วตอนนี้ก็คงเป็นเป้แล้วสินะ

พี่โยก็เหมือนยังรักเป้อยู่ แต่แค่ไม่รู้จักพอหรือเปล่า สงสารเป้ถ้ารู้ความจริงว่าพี่โยไม่ได้มีเป้คนเดียว

เรื่องเริ่มดราม่าอีกแล้ว กลัวใจกอล์ฟด้วย  ยังเชียร์เพียวให้คู่กับกอล์ฟ  แม้จะสงสารเป้ก็ตาม
ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ ที่มาแต่งให้อ่านเสมอ เป็นกำลังใจให้ในทุกเรื่องเลยนะคะ :L2:



หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่22 เฝ้าระวัง [p.3] [11.10.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 11-10-2015 16:28:05
ตอนที่ 22
เฝ้าระวัง




               “สัส กอล์ฟ มึงทำข้อสอบคนละชุดกับพวกกูใช่ไหมตอบบบบบ”

               เสียงโวยวายของปอนด์กลางโรงอาหาร เรียกอาการพยักหน้าจากเพื่อนทุกคนที่รู้จักกอล์ฟได้เป็นอย่างดี ในเมื่ออีกฝ่ายกวาดคะแนนท๊อปของเกือบทุกวิชาได้หมด ตั้งแต่วิทย์ คณิต ภาษา ยันวิชาที่ต้องใช้แรงอย่างพละหมอนี่ก็ยังได้คะแนนรองท็อป

               “เห้ย ปีนี่กูดร็อปลงแล้วเหอะ เลขเสริมกับพละมีคนได้มากกว่ากู”

               เด็กหนุ่มพูดพลางเหล่มองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งตักสุกี้น้ำไก่เข้าปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน เพียวเองก็ใช่ย่อยสะที่ไหน ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นช่วงจิตตก แต่คะแนนแทบไม่ได้ต่างจากเขาเลยสักนิดเดียว เรียกว่ากวาดที่หนึ่งร่วมกันไปหลายรายการ

               และยังไม่ทันที่ปอนด์จะได้หาถ้อยคำใดๆ มาตอบเขา เป้ก็เดินเข้ามา เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงเบียดกับปอนด์ที่ทำหน้าตาราวกับคนเห็นผี

               หิมะตกในไทย หรือ พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกกันแน่

               เป้ถือจานข้าวมานั่งกินข้าวกับพวกเขา ครั้งแรกตั้งแต่คบกับพี่โย

   น่าแปลกทั้งๆ ที่เป้มีท่าทีปกติ แต่คนทั้งโต๊ะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยแซวเลยแม้แต่คำเดียว และเป็นปอนด์ที่ตัดสินใจต่อบทสนทนาก่อนหน้า ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

               “โลกแม่งไม่ยุติธรรม ทำไมไอ้คนหนีไปเที่ยวช่วงใกล้สอบแบบพวกมึงถึงได้คะแนนดีนักวะ”

               ปอนด์ยังคงบ่นไปเรื่อยตามภาษา (อาจจะรวมๆ กับการแถไปนิดหน่อย) ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นฮึกเฮิมเมื่อ อยู่ๆ คนที่นั่งกินสุกี้ไก่ก็พูดขึ้นมา

               “ครั้งหน้าพยายามใหม่นะปอนด์”

               พลังใจมาเต็มร้อย ปอนด์ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียม รู้สึกว่าข้าวในจานรสชาติดีขึ้นมากกว่าปกติหลายต่อหลายเท่า

               ผิดกับอีกคนลิบลับ

               “สอบไฟนอลกอล์ฟก็จะพยายามขึ้นไปอีกนะ”

               สาสน์นี้จากปากกอล์ฟส่งถึงเพียวโดยตรง คนภายนอกอาจจะคิดว่านี่คือการประกาศศึกของคนที่ได้ที่หนึ่งและที่สองในชั้น แต่สำหรับเพียว นี่คือสัญญาณดี

               ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป

               กอล์ฟพูดเพราะหึงเขากับปอนด์ใช่ไหมนะ

               “เราเองก็จะไม่แพ้กอล์ฟหรอก”

               ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องของ ‘เรา’ ด้วย




               เพียวสไลค์ลูกอมสีๆ ในโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจ ในขณะที่ใช้ตักเจ้าของห้องต่างหมอน เสียงกรอบแกรบของกระดาษหนังสือสืบสวนสอบสวนชื่อดังของญี่ปุ่นดังประกอบทุกครั้งที่กอล์ฟพลิกหน้ากระดาษ

               ความเงียบสงบที่พวกเขาชื่นชอบ

               นั่งอ่านหนังสือเพลินๆ จนเกือบจะผล็อยหลับอยู่แล้วตอนที่หัวใจในเกมของเพียวหมด เด็กหนุ่มจึงเริ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

               “กอล์ฟว่าเป้มันแปลกๆ ป่ะ”

               คำถามของเพียวทำให้กอล์ฟต้องละสายตาจากหนังสือในมือ ก่อนจะตอบแบบไม่ใส่ใจนัก

               “อื้ม”

               “แล้ว...”

               “แล้วอะไรล่ะ”

               “ก็ไม่อะไร ปกติกอล์ฟต้องรีบทำตัวเป็นฮีโร่พิทักษ์เป้แล้วไม่ใช่เหรอ”

               “ก็ไม่ขนาดนั้นเปล่า”

               “ขนาดนั้นแหละ”

               คนโดนกล่าวหาว่าเป็นฮีโร่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปิดปากตอบ

               “อาจจะทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ ถ้าเรื่องใหญ่เพียวมันก็คงเล่าแล้วแหละ”

               “ไม่รู้ดิ สังหรณ์ใจ เป็นห่วงมันยังไงก็ไม่รู้”

               “วันนี้ดูจะห่วงคนนู้นคนนี้ไปทั่วเลยนะ”

               แน่นอนว่าเขาหมายถึงเรื่องปอนด์เมื่อเที่ยง หลังๆ ปอนด์ไม่รู้ยังไง ชอบมองเพียวแปลกๆ จนน่าหงุดหงิด

               แต่งานนี้คนที่หงุดหงิดไม่ได้มีแค่คนเดียว โดนต่อยอีกจนได้ ผลของการพูดจาไม่เข้าหู

               เพียวต่อยแขนอีกฝ่ายไปพอเขียว

               “พูดบ้าๆ ก็เพื่อนเปล่าวะ เราก็รู้จักเพียวพร้อมๆ กับรู้จักกอล์ฟนั่นแหละ”

               “ล้อเล่นนิดเดียวมือหนักว่ะครับ”

               “สมน้ำหน้า”

               “ใจร้าย”

               “แน่นอนอยู่แล้ว”

               “เดี๋ยวรอดูออีกสองสามวันถ้ายังไงแล้วค่อยถาม พวกไอ้ปอนด์ไอ้ก้องก็คิดแบบนั้น”

               จริงๆ พวกเขาก็ห่วงไอ้เป้จริงๆ นั่นแหละ หวิดจะไปถามเป้ไปรอบนึงแล้ว กว่าจะได้ข้อสรุปออกมา

               “โอเคแบบนั้นก็ได้”

               พอได้ข้อสรุปเป็นที่น่าพอใจแล้ว เพียวก็ทิ้งตัวนอนลงตามเดิม ก่อนจะหลับตาลงปล่อยให้คนลามปามลูบหัวเกรียนเล่น

               หิวข้าวอ่ะ เพียวลงไปช่วยแม่กอล์ฟตั้งโต๊ะนะ”

               “เอาดิ ลงไปก่อนเลย เดี๋ยวเราตามไป”

               เพียวเดินออกไปแล้ว ตอนที่กอล์ฟถอนหายใจเฮือกใหญ่แรงๆ คิดถึงเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ บางครั้งเรื่องของคนสองคน คนนอกก็ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งโดยไม่จำเป็น และเป้เองก็ยังนิ่งมากพอที่ตอนนี้ยังไม่ใช่สถานการณ์จำเป็น

               ที่ทำได้ตอนนี้ก็คงเป็นการอยู่ไม่ไกล และหวังว่าเขาจะยังไม่จำเป็นสำหรับมันก็เท่านั้นเอง
   



               สามวันแล้วนับจากที่เป้เดินเข้ามานั่งในวันนั้น และยังคงเดินมานั่งด้วยกันจนวันนี้ ทุกคนยังไม่มีใครกล้าเปิดปากถาม เพราะคนตัวเล็กที่มีสีหน้ายิ้มแย้มปกตินั้นมีรังสีบางอย่าง เป็นเกราะป้องกันภัย เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนรู้ดีว่าเรื่องอะไรที่ไม่ควรพูดขึ้นมา

               ยกเว้นวันนี้

               เพราะเป้ ร้องไห้

               เพื่อนๆ ได้แต่ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ให้ตายยังไง เป้ก็เงียบไม่ตอบคำถามและเอาแต่ร้องไห้ท่าเดียว

               “ถ้ามึงไม่พูดออกมา กูจะไปถามพี่โย”

               คำพูดนี้ออกจากปากคนที่ตัวเล็กที่สุดอย่างเพียว ทำเอาคนร้องไห้หายใจสะดุด

               “อย่า”

               พูดพลางรีบยึดแขนอีกฝ่ายไว้แน่น

               “งั้นก็บอกพวกกูมาสิว่าพี่โยมันทำอะไรให้มึงเป็นแบบนี้”

               ถึงจะโดนพูดแบบนี้ใส่ สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นเสียงสะอื้นอยู่ดี

               “ได้ งั้นกูไปถามเอง”

               กลายเป็นกอล์ฟเองที่ทนไม่ไหวก่อน ประกาศเสียงดังลั่นก่อนเดินตรงดิ่งไปทางสนามบาส อันเป็นที่อยู่ประจำของคู่กรณี

               ในเมื่อเป้ไม่พูดคนพูดก็ต้องเป็นมันแล้วล่ะ




TBC……




TaLK

มันมาแล้วๆ เค้ารางอันน่าปวดหัวของเรา ฝากเป็นกำลังใจให้เด็กๆ กันด้วยนะคะ ช่วงนี้ฝนตก ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ -อี้หลิง
   
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่22 เฝ้าระวัง [p.3] [11.10.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 11-10-2015 21:50:22
กำลังสนุกเลย สงสัยเราจะชอบดราม่ามาก ลุ้นตอนต่อไปค่ะ

รู้สึกว่ากอล์ฟกับเพียวนอกจากจะเป็นคู่รักที่ดีแล้วยังเป็นเพื่อนที่ดีด้วย
ห่วงใยเพื่อนเสมอ ไม่ใช่โลกใบนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น  เป็นคู่รักที่แสนดีจริงๆ

กอล์ฟหึงแต่ไม่โวยวาย  ไม่น้อยใจ  แต่จะพัฒนาตัวเองให้ได้  กอล์ฟเป็นแฟนตัวอย่างที่ดีจริงๆ
กอล์ฟเพียวเหมาะสมกันมากๆ555 นอนหนุนตัก ลูบหัว น่ารักกันจัง ชอบๆ

ส่วนเป้ก็น่าสงสาร  รักอย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ  เป้เข้มแข็งนะเพื่อนๆเป็นห่วง
รอลุ้นมากๆ ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่22 เฝ้าระวัง [p.3] [11.10.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-10-2015 22:07:52
ตอนรักก็ทุ่มให้จนหมดลืมเพื้อนลืมฝูง พอมีปัญหาสุดท้ายก็ไม่พ้นกล้บมาหาเพื่อนนี่ล่ะ  จำไว้เป็นบทเรียนบ้างน่ะเป้  มีอะไรก็บอกก็เล่าเพื่อนน่ะถึงมันจะไม่พูด แต่ไม่ใช่ไม่รู้...
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่23 แตกหัก [p.3] [02.11.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 02-11-2015 01:21:51
ตอนที่ 23
แตกหัก



   เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึง ไม่เคยจินตนาการถึงการที่จะต้องมายืนต่อหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแบบนี้

   ตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา พวกเขาทะเลาะกันก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งมักจะจบด้วยการยอมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ

   หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือกอล์ฟมักจะยอมเขาเสมอ

   ไม่ว่าเขาจะเอาแต่ใจแค่ไหน ไม่ว่าจะเถียงกันเรื่องอะไร

   กอล์ฟก็ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน

   สายตาที่บอกว่าอีกฝ่ายกำลังผิดหวังในตัวเขา

   .

   .

   ช่วงบ่ายกอล์ฟไม่ขึ้นเรียน ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายไปไหน รู้แค่ว่าตอนที่อาจารย์ถาม เพียวแก้ตัวให้ไปว่าอีกฝ่ายปวดหัวขอไปนอนห้องพยาบาล

   ต้องขอบคุณผลการเรียนของทั้งเพียวและกอล์ฟเพราะคำโกหกครั้งนี้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาทันที

   “เพียว”

   เป้เรียกเพื่อนร่วมกลุ่มด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะนอกจากกอล์ฟที่หายไปแล้ว เพียวเองก็ไม่ยอมคุยกับเขา

   อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ

   ส่วนสาเหตุนั้น มันเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากตอนพักกลางวัน



   
   
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนที่กอล์ฟพุ่งเข้าไปขวางเกมในสนามบาส เสียงเอะอะโวยวายของพวกนักกีฬา และการยืนประจันหน้ากันของกอล์ฟและพี่โย

เขาเองก็วิ่งตามไปติดๆ แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปขวาง ก็ถูกปอนด์ดึงเอาไว้ โดยมีก้องยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ส่วนเพียว เดินไปยืนอยู่ข้างๆ กอล์ฟแล้ว

   “มึงถามตัวเองดีกว่าไหม ว่าไปทำเชรี่ยอะไรให้เป้ไม่ยอมคุยกับกู”

   เรื่องกลับตาลปัด น้ำเสียงคู่กรณีดูเอาเรื่องพอกัน คนที่จะมาหาคำตอบกับโดนตอบกลับด้วยคำถาม

   ความหงุดหงิดของกอล์ฟดูพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

   “จริงๆ มึงก็ได้ของของมึงคืนแล้วจะมาเอาเหี้ยอะไรกับกูอีก หรือว่าของเหลือจากกูมันไม่อร่อยอย่างที่คิด”

   เส้นสติของกอล์ฟขาดผึ่ง ส่งหมัดไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย

   คู่กรณีลงไปนอนเลือดกบปากอยู่ที่พื้นแต่ไม่ได้ด้วยฝีมือของกอล์ฟ แต่เป็นหมัดของเพียว ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ไอ้สัส เพื่อนกูไม่ใช่สิ่งของนะโว้ย พูดหมาๆ ไม่ควรมีปากไว้พูด”

   กลายเป็นคนที่ถูกส่งมายืนคุมเชิงเป็นฝ่ายสติแตกก่อนซะเอง กอล์ฟได้สติรีบยึดตัวเพียวไว้ไม่ให้กระทืบคนบนพื้นซ้ำไปมามากกว่านี้ ปอนด์กับก้องเองก็รีบวิ่งเข้ามากันเผชิญหน้ากับกลุ่มนักกีฬาที่ยืนล้อมรอบ ตาต่อตา ถ้าส่งหมัดมาก็พร้อมรบ

 เป้ถลาเข้าไปหาคนที่กองอยู่ที่พื้นแล้ว

   “ไม่เห็นต้องลงไม่ลงมือกันเลยพวกมึงเป็นเหี้ยอะไร”

   เพียวที่ดิ้นอยู่ถึงกับชะงัก มองเป้อย่างตกใจ กอล์ฟเองก็เผลอผ่อนแรงที่ยืดอีกฝ่ายไว้ด้วยความอื้งสนิท

   ทุกคนไม่ได้วิ่งมาที่นี่เพราะ ว่ามันมีปัญหาเหรอ ไม่ได้ทำเพราะกำลังปกป้องคนถามอยู่เหรอ

   “มึงไม่ได้ยินที่มันพูดเหรอ”

   เพียวถามแบบคนหมดแรง นี่มันบ้าอะไรกัน

   “พี่โยพูดก็เพราะเข้าใจผิด ส่วนเรื่องของกู กูจัดการเอง คนอื่นไม่ต้องยุ่ง”
   
   “แน่ใจนะว่าจะเอาแบบนี้”

   มันเป็นคำถามจากคนที่วิ่งมาเป็นคนแรกอย่างกอล์ฟ น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูนิ่งจนวูบนึงเป้แอบหวั่นใจ แต่ก็ยังตอบออกไป

   “ใช่”

   และเมื่อคำตอบสุดท้ายถูกยืนยัน เป็ก็รู้ว่าหลังจากนี้ เกราะป้องกันของเขาจะไม่มีอีกแล้ว ด้วยสายตาของคนที่เดินจากไป



   
   ทั้งๆ ที่เป็นแบบนี้สุดท้ายเป้ก็ยังเข้าข้างมัน

   กอล์ฟฟุบหน้านิ่งกับหมอน หลับตาฟังสรรพเสียงรอบตัว เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่ตีกันสับสน

   แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันมากจากความรู้สึกในใจเขา

   ตัดใจได้ไม่ได้หมายความว่าหมดความรู้สึก เขารู้จักมันมานานเกินกว่าที่จะเดินออกมาเฉยๆ แล้วไม่รู้สึกอะไรได้

   นานเท่าไหร่ไม่รู้ตอนที่เจ้าของห้องตัวจริงจะเปิดประตูเข้ามา เสียงโยนกระเป๋านักเรียนลงกับพื้น ก่อนที่ฟูกเตียงจะยุบตัวลงเบาๆ

   “สัสกอล์ฟ มึงนอนท่านี้คือกะอ่อยกูเป็นผัวเลยใช่ป่ะ”

   ไม่ว่าเปล่า ก้องยังขยำก้นเพื่อนที่นอนคว่ำหน้าบนเตียงเป็นการยืนยันอีกด้วย

   กอล์ฟสะดุ้งตัวหันมาเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิท ที่มักจะเป็นที่ปรึกษาด้านหัวใจเขามานานแสนนาน
   
   “กุว่าแล้วว่ามึงต้องมาอยู่ที่นี่ รู้ไหมช่วงบ่ายเขาตามหามึงกันให้ทั่ว”

   “เขาไหนล่ะ”

   “ก็ทุกคนนั่นแหละ”

“อ้อ”

   “อ้อ อะไรของมึง ช่วงนี้กุเห็นมึงไม่มานั่งนอยแดรกอยู่ที่บ้านกุ กุก็คิดว่ามึงหายเฮิร์ทเรื่องไอ้เป้แล้วซะอีก”

   “หายแล้ว”

   “แต่...”

   “กูโกรธ วูบนึงกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตลอดมากกุเป็นเพื่อนมันหรือเปล่า ทำไมมันไม่อยู่ข้างกูบ้าง ทั้งๆ ที่กูก็อยู่ข้างมันมาตลอด”

   พูดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมา คบกันมาเป็นสิบปี ทำไมพอมีปัญหาถึงได้เข้าข้างคนอื่น เขาไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยจริงๆ

   ทั้งๆ ที่ไอ้บ้านั่นก็ไม่ได้ดีอะไรไปกว่าเพื่อนรอบๆ ตัวเป้เลย

   “เอ่อ กุก็โกรธ แต่ช็อคมากกว่า”

   “ทำไม”

   “ไอ้เพียวแม่งเร็วชิบหาย พุ่งเร็วจนกุมีสติเลย”

   “ใช่มะ กุก็เป็น ตอนแรกกุจะต่อยไอ้เชรี้ยโยแล้ว แต่พอเห็นไอ้เพียวสติกุมาเลย”

   “พูดถึงเพียว มึงโทรหามันหน่อยไหม มันดูลนๆ นะตอนที่มึงหายไป”

   “มึงโทรบอกเพียวให้หน่อยว่าอย่าคิดมาก”

   “แล้วมึงไม่โทรบอกเอง”

   นั่นสิทำไมเขาไม่โทรบอกเอง

อาจเพราะในใจเขารู้สึกผิดต่อเพียวก็ได้ เพราะวูบนึงเขาก็ไม่แน่ใจว่าที่เขาโกรธเป้เป็นเพราะเขาผิดหวังในตัวเพื่อน หรือเพราะอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเป้กันแน่

และถ้าเป็นอย่างหลัง นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเลย

   ....เขาไม่อยากให้เพียวต้องมาคิดมากเรื่องนี้

   “เอ๊าเงียบไปอีก เอ่อๆ เดี๋ยวกุโทรเอง”

   ก้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้กดหาเบอร์คนที่ว่า ก็มีสายเข้ามาซะก่อน ชื่อขึ้นไว้ว่าน้องกุ๊กไก่ จึงรีบกดรับสาย

   และอีกไม่กี่นาทีต่อมากอล์ฟก็ต้องรีบพุ่งตัวกลับบ้าน ด้วยคำพูดที่ก้องถ่ายทอดมาว่า

   “กอล์ฟ น้องกุ๊กโทรมาบอกว่า เพียวนั่งรอมึงอยู่ที่บ้าน และถ้ามึงไม่กลับไปให้เห็นหน้าในห้านาทีมึงเจอปัญหาใหญ่แน่”

   


TaLK
สวัสดีค่ะ ตอนนี้เลทไปมากเลย แฮะๆ
พอใกล้รับปริญญาก็พบว่า เดี๋ยวนี้มันเป็นธุรกิจที่ดูดเงินออกจากกระเป๋าไปมากทีเดียว เห็นพ่อเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนไม่มีอะไรจุ๊กจิกขนาดนี้ แต่มันก็สนุกดีนะคะ ยิ่งใกล้วันยิ่งตื่นเต้นๆ 5555
ฝากเป็นกำลังใจให้น้องกอล์ฟต่อไปกันด้วยค่ะ ตอนหน้าสปอร์ยเป็นมุมกอล์ฟเพียวอีกสักตอนละกันเน๊อะ
รักคนอ่านค่ะ //กอด
-อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่23 แตกหัก [p.3] [02.11.58]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 02-11-2015 05:22:18
รีบกลับบ้านซะกอล์ฟ อย่าให้เพียวรอนาน เดี๋ยวงานเข้านะ
ส่วนเป้ แอบผิดหวังหน่อยนึง ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ ด่าเพื่อนที่คอยปกป้องตัวเอง เพื่อปกป้องผู้ชายอีกคนนี่นะ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่23 แตกหัก [p.3] [02.11.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 02-11-2015 21:02:04
ผิดหวังกับเป้มากๆค่ะ ความรักทำให้คนตาบอดจริงๆ ก็เห็นอยู่ว่าเพื่อนๆทำเพราะเป็นห่วงและปกป้องเป้อยู่ ยังไปด่าว่าเพื่อนอีก

ไม่รู้ว่าจะต้องผิดหวังกับกอล์ฟอีกหรือเปล่า ยิ่งหนีไม่พบหน้ากับเพียว เราคิดว่าเพียวยิ่งคิดมากไปอีกนะ
รีบกลับบ้านไปหาเพียวเร็วๆเลย  แล้วที่กำลังสับสนไม่แน่ใจอยู่ รีบเคลียร์ให้ชัดเจนจริงๆ  สงสารเพียวบ้างเถอะ
เพียวคงรู้ตัวดีว่ามาทีหลังยังไงก็สู้ความรักที่กอล์ฟมีให้เป้ไม่ได้แม้จะเป็นในสถานะไหนก็ตาม
คนรักกันเป็นแฟนกันก็ต้องอยู่เคียงข้างกันเพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกันสิ  กอล์ฟไม่น่าทำแบบนี้เลย สงสารเพียว

ดราม่ามากๆค่ะ เราอินมากๆ ตอนนี้เราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเรื่องนี้เป็นกอล์ฟเพียวหรือกอล์ฟเป้ แต่เรายังเชียร์กอล์ฟเพียวอยู่ค่ะ
เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเลย ขอบคุณมากๆค่ะ  และแสดงความยินดีที่จบการศึกษาด้วยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่23 แตกหัก [p.3] [02.11.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-11-2015 21:15:00
ไม่ไหวกะเป้เลยจริงๆ  คือตอนมีแฟนก็จิจ๊ะจนไม่เคยสนใจเเพื่อน พอตอนมีปัญหาถึงค่อยกลับมาหา แต่พอเพื่อนแค่ยื่นมือเข้าไปแตะต้องแฟนมันหน่อยมันก็ดันเข้าข้างแฟนจนเพื่อนกลายเป็นตัวเสือก เพื่อนคืออะไรสำหรับมันว่ะ เพื่อนไม่สำคัญเท่าแฟนมันเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่23 แตกหัก [p.3] [02.11.58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-11-2015 09:51:32
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่24 ขอโทษ [p.3] [09.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 09-12-2015 01:28:19
ตอนที่ 24
ขอโทษ




               ทั้งๆ ที่ฟ้ายังไม่มืด แต่เขากลับเห็นดาว ไม่มีการอารัมภาบทใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทันทีที่เขาเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน วูบเดียวเท่านั้น เขาก็ลงไปกองกับพื้น ในหูได้ยินเสียงวิ้งพร้อมๆ กับรสเค็มฝาดลิ้นของเลือดในปาก
   
               แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่แย่ที่สุดก็คือสีหน้าเจ็บปวดของคนที่เป็นคนประเคนหมัดมาให้เขาต่างหาก

               กอล์ฟใช้เวลาอีกหลายวินาทีกว่าจะหายมึนจากแรงหมัด

               และใช้เวลาอีกหลายวินาทีกว่าจะมีสติมากพอที่จะร้องบอกกุ๊กไก่ที่ยืนทำหน้าเหวออยู่หน้าบ้านว่าคืนนี้เขาจะไปนอนบ้านเพื่อน ก่อนจะวิ่งตามรถของเพียวที่ออกตัวไปไม่นานหลังจากที่เจ้าตัวต่อยเขาเสร็จ

   


               เพียวใจดีกว่าที่เขาคิด เพราะอีกฝ่ายปล่อยให้เขาวิ่งตามรถไปถึงแค่กลางซอยเท่านั้นก็ยอมหยุดให้เขาขึ้นไปแล้ว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่มีเสียงพูดใดๆ หลุดออกจากปากอีกฝ่ายสักคำเดียว จนกระทั่งถึงบ้าน

               กอล์ฟนั่งมองคนที่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะหนังสือข้างเตียง หลังจากมองจนไม่รู้จะมองยังไงแล้วในที่สุดกอล์ฟก็ตัดสินใจเดินไปทรุดตัวนั่งลงที่พื้นข้างๆ เก้าอี้ที่เจ้าของห้องนั่งอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะข้อศอกของอีกฝ่ายเบาๆ

               “เพียว....”

               “ไอ้งี่เง่า”

               ในที่สุดเพียวก็ยอมเปิดปากพร้อมกับคำด่า และเขาเองก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน

               “อื้มรู้แล้ว”

               แม้ว่าจะยังเสมองไปทางอื่นแต่กอล์ฟก็เห็น สายตาที่บอกว่าโมโหของเพียว สายตาที่ช่วยเรียกสติที่หายไปหลายชั่วโมงให้กลับมา

               “ไอ้ปัญญาอ่อน”

               “โอเคยอมรับ”

               “รู้ไหมว่างี่เง่าขนาดไหนห๊ะ ที่อยู่ๆ ก็เดินหายไปอ่ะ”

               “ผิดไปแล้ว”

               กอล์ฟยอมรับความงี่เง่าของตัวเองแต่โดยดี และรู้ด้วยว่าเหตุการณ์ต่อไปในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น

               “แม่ง”
   
               คำสบถสุดท้ายมาพร้อมกับหมัดที่ทุบลงบนไหล่ของเขา ว่าแล้วว่าเพียวจะต้องไม่พลาด

               “มือหนัก”

               “สมน้ำหน้าแล้ว ทำคนอื่นเป็นห่วงจนเรียนไม่ได้เลยแม่ง”

               “ขอโทษ”

               น่าแปลกที่มันไม่ใช่เรื่องดี แต่ตอนที่ได้ยินว่าเป็นห่วง เขากลับมีความสุขเล็กๆ จนกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้

               “นี่ถ้าไม่มาดักที่บ้าน ก็จะหลบหน้ากันแบบนี้ใช่ป่ะ ใจร้ายมากเลยรู้ไหมไอ้บ้า”

               “ขอโทษจริงๆ นะครับ”

               และอดไม่ได้ที่จะเลื่อนตัวเข้ากอดเอวของอีกฝ่ายเอาไว้ ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กยังคงฮึดฮัดอยู่ก็ตาม ก็อีกฝ่ายดันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นซะขนาดนี้

               ใบหูที่แนบอยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ ทำให้กอล์ฟได้ยินเสียงอย่างชัดเจน หนักแน่นและมั่นคง

               “อย่าทำแบบนี้อีก”

               อย่าเดินหนีไปแบบนี้อีก เพราะเพียวกลัวเหลือเกิน กลัวว่าวันนึง อ้อมกอดนี้จะกลับไปหาเจ้าของเดิม กลัวว่าเสียงเรียกของเขาจะไปไม่ถึงกอล์ฟอีก

               “อื้อ ไม่ทำแล้ว”

               “เรารู้ว่ากอล์ฟเสียใจ แต่เราก็เสียใจนะ”

               “ขอโทษ”

               “ไม่ต้องขอโทษแล้ว”

               “ผมเหนื่อยจังเลยเพียว”

               คนตัวเล็กรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ซึมผ่านเสื้อ น้ำตาของอีกฝ่ายที่ไหลรดหัวใจของเขา ต้องแคร์กันมากแค่ไหนกอล์ฟถึงได้ร้องไห้

               “เรารู้ จากนี้กอล์ฟจะไม่ต้องเหนื่อยอีกแล้วนะ”

               เพียวกระซิบคำปลอบ สั้นจมูกจรดกับเส้นผมของอีกฝ่าย คล้ายประทับตราสัญญาในสิ่งที่เขาตัดสินใจจะทำต่อจากนี้





TaLK

สวัสดีค่ะ อี้หลิงกลับมาแล้วค่ะ ในหนึ่งเดือนที่หายไปมีเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นทำให้แวะเข้ามาต่อไม่ได้ ต้องกราบขออภัยด้วยค่ะ

 โดยส่วนตัวคิดว่าตอนนี้เป็นตอนที่เหมือนจะหวานและเป็นจุดที่กำลังจะเปลี่ยนเส้นของเรื่องอีกครั้งค่ะ เด็กๆ ยังต้องเผชิญอะไรอีกมากมาย ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

พอคิดว่าอยู่กับนิยายเรื่องนี้มาปีกว่าๆ แล้ว ก็รู้สึกตกใจเลยค่ะ บวกกับ นี่ก็เป็นเดือนสุดท้ายของปีแล้ว เลยคิดเล่นๆ ค่ะ ว่าอยากจะตอบแทนคนอ่านสักหน่อย

อี้จะให้คนอ่านเควสตอนพิเศษค่ะ อยากได้คู่ไหนในเรื่อง หรือใคร ทำอะไร (ไม่เอาเรทนะคะ 55555) แล้วแต่เลยค่ะ จะคู่แปลกๆ ก็ไม่ว่ากันค่ะ อี้จะเลือกอันที่ชอบหนึ่งอันมาเขียนค่ะ เขียนทิ้งไว้ในนี้หรือในเพจ หรือจะทวิตบอกก็ได้ค่ะ ตามสะดวกเลย

ช่วงนี้ลมหนาวเริ่มมาแล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รักคนอ่านค่ะ -อี้หลิง

   


   


   
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่24 ขอโทษ [p.3] [09.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 09-12-2015 21:00:19
ค้าง :katai1: :katai1: :katai1:  เพียวจะตัดสินใจทำอะไร  ลุ้นมากๆเลย :ling1:

กอล์ฟก็สมควรโดนต่อย555 ทำให้เพียวเป็นห่วงมากๆ เพียวก็ทรมานใจนะรู้ไหม
แต่พอกอล์ฟเห็นว่าเพียวโกรธก็ลืมเรื่องเป้ไปได้ ตามง้อเพียวมาที่บ้าน
แล้วพอเพียวน่าจะหายโกรธแล้วก็มาคิดถึงเรื่องของเป้อีก ยังร้องไห้ให้เพียวเห็นอีก
ไม่เข้าใจว่าตอนนี้ใครที่สำคัญกับกอล์ฟมากที่สุด  เราก็เหนื่อยแทนเพียว เพราะเราเชียร์เพียวค่ะ  :mew2:

ขอตอนพิเศษคู่กอล์ฟเพียวค่ะ คู่นี้รุนแรงต่อยกันตลอด555 ขอเพียวเป็นฝ่ายทำอะไรหวานๆให้กอล์ฟบ้าง
ไปเที่ยวทะเลหรือขุนเขากับกลุ่มเพื่อนๆ  แล้วเพื่อนๆก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคู่กอล์ฟเพียวค่ะ :-[
นักเขียนหายไปนาน  พอมาต่อดีใจมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 26-12-2015 00:40:25
ตอนที่ 25
ข้อตกลง






              “ขอโทษ”


              สองพยางค์สั้นๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆ แต่มกจะได้ผลทุกครั้งที่ใช้ แต่ทว่าในครั้งนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ


              เป้รู้ตัวด๊ว่าเขาทำผิดมากแค่ไหน


              ผิดต่อเพื่อนๆ ที่ห่วงใยเขา


              เขารู้ดีว่าความผิดของเขาคงไม่ได้รับการให้อภัยง่ายๆ ด้วยคำแค่คำเดียวแน่นอน แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ลองพยายามทำมัน


              คาบเรียนเริ่มขึ้นแล้ว วันนี้กอล์ฟไม่พูดกับเขาตั้งแต่เช้า พอเข้าวิชาเรียนเด็กเนิร์ดอย่างกอล์ฟยิ่งเมินเฉยต่อเขาเข้าไปใหญ่


              สมน้ำหน้าตัวเอง สิ่งที่ทำได้คงมีเท่านี้


              “ไอ้เจ้าเป้ เหม่ออะไรนักหน้า มาถอดกลอนบทที่ฉันพึ่งอ่านไปให้ฟังซิ”


              ซวยสุด


              อย่าว่าแต่เรื่องเหม่อเลย หนังสือเรียนเขาไม่ได้หยิบมาด้วยซ้ำ


              มองซ้ายมองขวาหาตัวช่วย จะสะกิดถามคนข้างๆ แบบทุกทีก็ทำไม่ได้


              เกือบจะบอกอาจารย์ไปแล้วเขาตอบไม่ได้ แต่แล้วหนังสือเรียนที่วงบทกลอนที่ต้องตอบพร้อมกับคำแปลที่เขียนกำกับไว้เสร้จก็เลื่อนมาตรงหน้า


              ...กอล์ฟรักมึงมากนะเป้...


              อยู่ๆ ตำพูดของเพียวเมื่อเข้าก็ดังขึ้นในความคิด


              เข้ารู้ตัวว่าตอนอ่านคำแปลของบทกลอนเสียงของเขาสั่นขนาดไหน


              “เพื่อนดีก็รอดไปนะ นายเป้”


              เขายิ้มไม่ออกด้วยซ้ำตอนที่โดนอาจารย์แซว และหมดแรงไปจริงๆ หลังจากที่เลื่อนหนังสือคืนเจ้าของไปแล้ว


              แค่หนังสือเรียนก็ทำให้เขาร้องไห้ได้แล้ว


              เป้ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ความรู้สึกอุ่นวาบในใจทำให้เขาหมดแรง เขางี่เง่าขนาดนี้มันก็ยังช่วยเขา เขาทำแย่ขนาดนี้มันก็ยัง...


              แม่งบ้าชะมัด


              เมื่อวานกว่าเขาจะแยกกับพี่โยได้ก็มืดแล้ว แต่สายตาของกอล์ฟในตอนกลางวันนั้นมันยังติดอยู่ในใจไม่หาย จึงตัดสินใจเดินไปกดออดบ้านฝั่งตรงข้ามเพื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ และไม่ว่าเขาจะเพียรพยายามโทรหากอล์ฟมากแค่ไหน ปลายสายก็ไม่มีการตอบรับใดๆ


              และเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ไลน์ของเขาก็แจ้งเตือนว่ามีอีกหนึ่งข้อความยังไม่ได้อ่าน


              เพียว : เจอกัน 7โมงหลังตึกวิทย์


              แน่นอนว่าเขาไปสาย เพราะตอนที่เขาตื่นมาเห็นข้อความนั่นก็เกือบจะเจ็ดโมงอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนรอเขาอยู่ อันที่จริง ต้องบอกว่าเกือบทุกคนยังยืนรอเขาอยู่


              อีกหลายๆ คนที่เขาต้องขอโทษ ทั้งเพียว ทั้งก้อง และปอนด์


              “สติมาแล้วเหรอมึง”


              เขาพยักหน้ารับคำทำเหน็บของก้องอันที่จริง พอแยกจากพี่โยเมื่อวาน ถือว่าเขาแทบจะตื่นเต็มตาเลยทีเดียว


              “กูขอโทษ”


              พูดย้ำอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดจากใจ


              “พวกกูจะไม่ให้อภัยมึง”


              เป็นปอนด์ที่พูดขึ้นมา


              เขาเข้าใจดีว่าทุกอย่างมันคงจะไม่ง่ายเหมือนทุกที


              “จนกว่าไอ้กอล์ฟจะยกโทษให้มึง”


              เงื่อนไขของก้องทำให้เป้หวั่นใจ เพื่อนๆ ทุกคนยืนอยู่ตรงนี้ ยกเว้นคนๆ เดียว กอล์ฟโกรธเขาที่สุด สายตาเมื่อวานมันบอกเขาได้


              และในขณะที่เขากลัวอยู่นั้นเอง


              “กอล์ฟรักมึงมากนะเป้ รักมึงกว่าใครๆ”


              เพียวก็พูดขึ้นมา เป้มองหน้าอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาอย่างมีความหมาย


              “เพราะงั้นหลังจากนี้มึงอย่าดูถูกความรักของกอล์ฟอีก”


              มันเป็นประโยคคำสั่ง เป้รู้สึกได้ น้ำเสียงและท่าทางของเพียวแสดงออกอย่างชัดเจน


              และเป้เองก็คิดว่าจะทำตามเช่นกัน






 
              TBC……





              TaLK

ขออนุญาตมาสั้นๆ นะคะ น้องเพียวของเราเริ่มต้นสิ่งที่คิดแล้ว และกำลังจะดำเนินต่อไปค่ะ ส่วนเป้ก็รับรู้ถึงพลังนั้นด้วยเช่นกัน เรื่องของเป้กับพี่โยเป็นยังไง และเพียวจะทำอะไรต่อไป กอล์ฟจะใจอ่อนเร็วขนาดไหน ติดตามในตอนหน้านะคะ ฮา

สำหรับรีเควสตอนพิเศษที่ถามทิ้งไว้ในตอนที่แล้ว เนื่องจากมีคุณ lovetree คนเดียวที่เควสมา ดังนั้นเราจะขอนุญาติใช้อันนี้เลยนะคะ คาดว่าจะมาลงให้ช่วงหลังปีใหม่ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ รักคนอ่านค่ะ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2015 06:36:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 26-12-2015 14:10:46
 ไม่นะเพียว  เพียวกำลังจะทำเพื่อกอล์ฟสินะ จะทำให้กอล์ฟสมหวังในรัก  ไม่ต้องซ่อนรักที่มีให้เป้อีกแล้วใช่มั๊ย
เพียวรักกอล์ฟมากสินะ ถึงทำแบบนี้  เราเชียร์คู่กอล์ฟเพียวคงต้องทำใจแล้วใช่ไหมค่ะ :mew6:
ลุ้นมากๆว่ากอล์ฟจะตัดสินใจยังไง  เลือกใคร  บอกมาเดี๋ยวนี้เลยกอล์ฟ555 :katai1:

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับตอนพิเศษนะคะ  รออ่านเรื่องนี้เสมอค่ะ :mew1:

เรื่องนี้เราอ่านแล้วอิน  ชอบความสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเด็ก  ลุ้นตลอดว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก  ชอบเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกเรื่องค่ะ  ขอบคุณมากๆค่ะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 29-12-2015 09:30:48
ก็คบกันสามคนเลยดิ ตัดปัญหารักหลายเศร้า  :hao5:
อ่านไปเชียร์เป้  :o12:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-12-2015 09:43:32
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 01-01-2016 07:12:44
กอล์ฟจะทำยังไงน๊าาาาาาา :hao7: :hao7:

ใจนึงก็เชียร์ กอล์ฟเพียว อีกใจก็เชียร์ กอล์ฟเป้  :serius2: :serius2:

จะเชียร์ใครดีว่ะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่25 ข้อตกลง [p.3] [26.12.58]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-01-2016 09:01:54
เป้นี่สำนึกแล้วใช่ป่าว
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ6 การพิสูจน์ [p.4] [16.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 16-01-2016 16:10:17
ตอนที่26
การพิสูจน์





              “กินข้าว กินข้าว กินข้าว!!!”

              คำพูดที่มาพร้อมเสียงตบโต๊ะดังลั่น ทำเอาเป้สะดุ้งตื่น ในขณะที่คนทำอย่างเพียวยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่หน้าโต๊ะของเขากับกอล์ฟ

              เด็กหนุ่มรีบเก็บสมุดที่เอาขึ้นมาบังนอนลงใต้ลิ้นชักก่อนจะรีบวิ่งตามกอล์ฟกับเพียวที่เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องแล้ว

              ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก เป้รู้สึกได้ว่ากอล์ฟชะลอฝีเท้าลงให้เขาเดินตามคนทั้งสองทัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ชั่ววูบหนึ่งเขาก็รู้สึกได้ว่าช่วงที่เขาห่างหายไป เพื่อนเขาสนิทกันมากขึ้นแค่ไหน และในวูบหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกันส่วนเกิน

              ที่ข้างๆ กอล์ฟตลอดมามันเป็นของเขาไม่ใช่เหรอ

   
   

              แม้กระทั่งตอนกินข้าวที่นั่งตรงข้ามของกอล์ฟก็กลายเป็นเพียว ทำไมนะหลายวันมานี้เขาถึงไม่สังเกตเห็น

              และมีหลายอย่างที่เขาไม่สังเกตเห็น

              กอล์ฟหารชาเขียวสำเร็จรูปกับเพียวคนละครึ่งขวดทั้งๆ ที่ปกติ เจ้าตัวเป็นคนที่แทบจะไม่แตะน้ำหวาน

              “เราต้องคุยกันเป้”

              ยังไม่ทันที่เป้จะได้เอ่ยทักถึงความเปลี่ยนแปลง คนที่เขาคิดว่าได้คุยกันจนจบแล้วก็ก้าวเข้ามา พี่โยเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง

              “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับพี่อีกแล้ว”

              เป้พยายามบังคับไม่ให้น้ำเสียงของตัวเองสั่น ช้อนส้อมในมือถูกกำจนแน่น ขณะที่เขาพยายามจะจ้องตาอีกฝ่ายกลับ

              เพื่อนๆ ในกลุ่มหันไปมองหน้าพี่โยเป็นทางเดียวจะยกเว้นก็แต่กอล์ฟ ไม่เพียงไม่สนใจ กอล์ฟยังคงตักข้าวเข้าปากราวกับไม่ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ

              “ไม่มีอะไรจะพูดหรือเพราะมึงมีไอ้เชรี้ยนั่นอยู่แล้ว”

             

              โยพูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่องขณะที่ชี้ไปยังกอล์ฟ

              “สกปรก ใครกันแน่ที่นอกใจกัน”

              ในขณะที่เป้เองก็เย็นไม่ไหว ลุกพรวดปาจานข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวของตัวเองใส่คนที่ยืนจังก้าหัวโต๊ะเต็มๆ ก่อนจะเดินหนีออกไป

              เพียวที่นั่งอยู่ไม่ห่างรีบลุกวิ่งตาม

              และก่อนที่นักกีฬาบาสอย่างพี่โยจะออกตัววิ่งตาม คนที่ไม่สนใจอะไรในตอนแรกก็คว้าแขนพี่โยเอาไว้

              กอล์ฟมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ในขณะที่ก้องเองก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กดตามองอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง

              “ผมว่าพี่ถอยออกไปให้ห่างจากโต๊ะพวกผมด้วยกว่า”

              ปอนด์ที่ไม่ถนัดต่อยตีกับใครพูดเตือนด้วยรอยยิ้ม

              “พวกผมไม่ชอบรังแกสัตว์”

   

   
              เป้ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นหลังตึกวิทย์

              ทำเสื้อพี่โยเลอะครั้งแรกนั้นถือเป็นพรหมลิขิต แต่ทำเสื้ออีกฝ่ายเลอะครั้งที่สองนี่ เขาถือว่ามันเป็นความโชคดีที่เขาจะได้หายโง่สักที

              “ไม่คิดว่านายนะจะเลือกใช้วิธีนี้”

              เสียงติดหอบเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหนักของคนที่ออกกำลังกายบ่อยเรียกให้เป้ต้องหันไปมองอย่างตกใจ

              ทั้งๆ ที่ตัวไล่ๆ กัน แต่เพียวดูแข็งแรงกว่าเขามากทีเดียว

              “นายตามมา”

              “ไม่ได้ตามมั้ง นายจินตนาการอยู่”

              แอบสบถด่าอีกฝ่ายในใจเงียบๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนตรงหน้า ก็ช่วยเขาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว

              “แล้วคนอื่น....”

              “นายคงไม่คิดว่านายจะวิ่งหนีนักกีฬาโรงเรียนอย่างไอ้โยทันทั้งๆ ที่ไม่มีคนช่วยขวางหรอกใช่ไหม”

              นั่นสินะ ตัวเขาที่แทบไม่เคยออกแรงทำอะไร จะวิ่งหนีคนๆ นั้นทันได้ยังไง

              “แล้วนาย”

              “ปล่อยให้พวกสามทหารเสือเขาทำหน้าที่ของตัวเองไป เราว่าเรื่องของเป้น่าสนใจกว่า”

              เพียวทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เป้ที่ทำหน้างง

              “น่าสนใจ?”

              “ก็เมื่อวานยังออกตัวปกป้องซะขนาดนั้น แต่วันนี้กลับเดินหลีกออกมาง่ายๆ”

              ที่แท้ก็อยากรู้เรื่องของพี่โย เป้พยักหน้ากับตัวเองเบาๆ ก่อนจะตอบ พยายามพูดด้วยเสียงที่ไม่สั่น พยายามกลั้นน้ำตาของความเสียใจเอาไว้

              “เลิกกันแล้ว แม่งนอกใจว่ะ น่าสมเพชเนอะ ทั้งๆ ที่ถูกปกป้องขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ถูกช่วยมากขนาดนี้ ก็ยังโง่ให้มันหลอกอยู่ได้”

              “อื้อ มึงผิด”

              “รู้แล้วกูโง่เอง”

              “โง่ไม่ได้ผิด แต่มึงผิดที่ไม่สนใจคนรอบๆ ตัวมึงต่างหาก มึงคิดว่าการที่มึงเจ็บคราวนี้จะมีคนร้องไห้แค่คนเดียวเหรอ”

              เพียวคิดถึงน้ำตาของกอล์ฟเมื่อวาน มันทำให้เขาปวดใจ

              “มึงหมายความว่าไง”

              เป้มองหน้าเพียวอย่างแปลกใจ

              “กูบอกแล้วว่ากอล์ฟรักมึงมาก”

              “คำว่ารักของมึงมันฟังดูแปลกๆ”

              “เป้ ถามจริงเหอะ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่มึงดูไม่ออกเลยเหรอ”

              ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกเลย แต่เขาพยายามที่จะไม่รู้สึกต่างหาก คิดว่าที่ผ่านมาเขาเข้าใจผิดไปเองมาตลอด ก็แค่เพื่อนที่สนิทกันมากๆ ก็เท่านั้น

              “ก็...ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ช่วงนี้กอล์ฟก็สนิทกับมึงแทนกูแล้วไม่ใช่เหรอ”

              ก็ตอนนี้ที่ข้างๆ กอล์ฟ เขาเห็นมีเพียวเดินแทนแล้วไม่ใช่เหรอ

              “มันไม่มีใครแทนใครได้หรอกเป้ กูจะทำให้มึงเห็นเอง”

              เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นก่อนจะกดโทรออกไปยังคนที่ต้องเป็นอีกส่วนหนึ่งของเรื่องราวในครั้งนี้




TBC.....




TaLK

สวัสดีค่ะทุกคน เผลอแปปเดียวก็ผ่านปีใหม่มาได้สิบห้าวันแล้ว น่าใจหายเหลือเกิน
ตอนนี้ลังเลอยู่นานมากเลยค่ะว่าจะตัดจบตรงไหน ระหว่างตรงนี้กับเลยไปอีกนิด แต่ถ้าให้เลยไปอีกนิด กลัวว่าจะไม่ได้ลงกันพอดี เพราะฉะนั้น ค้างกันไปอีกนิดนะคะ 55555

ทนกันไปอีกหน่อย ไม่เกินสิบตอนก็จะปิดเรื่องนี้ได้แล้วค่ะ

ช่วงนี้อี้เองก็ป่วยอีกแล้วล่ะค่ะ ป่วยรับปีใหม่เลย ยังไงทุกคนก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ อากาศมันแปรปรวนแปลกๆ เน้อ รักคนอ่านค่ะ– อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ6 การพิสูจน์ [p.4] [16.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 17-01-2016 09:28:31
เป้เพิ่งจะมารู้สึกเนอะ 

กอล์ฟยังไงก็ยังคงรัก ปกป้อง  และช่วยเหลือเป้เสมอเลย

เพียวตัดสินใจจะทำอะไรอีกนะ  คิดถึงตัวเองบ้าง  ให้กอล์ฟเป็นคนตัดสินใจเอง  ยังไงเราก็ยังเชียร์นายนะเพียว

อินมากๆ ยิ่งใกล้จบยิ่งลุ้นมากๆว่ากอล์ฟจะเลือกใคร

ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ สวัสดีปีใหม่ มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ6 การพิสูจน์ [p.4] [16.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-01-2016 01:49:16
สนุกมากๆคับ เพิ่งมาอ่าน อ่านคืนเดียวรวด 26 ตอนเลย อ่านค้างไม่ได้ต้องอ่านติดๆกัน
   เห็นใจกอลฟนะคับ รักเป้มาเป็นปีๆแต่เป้ก็ไม่รู้ตัว แล้วเพียวจะทำไง ตอนแรกๆก็เชียร์กอลฟ์ เป้นะคับ แต่พออ่านๆไปเพียวก็รักกอฟเหมือนกันจริงรึป่าว กอลฟ์จะตัดใจจากเป้ได้จริงเหรอ แอบรักเป้มาเป็นปีๆ
    รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ6 การพิสูจน์ [p.4] [16.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-01-2016 03:42:45
ตามมาตั้งนานแล้วมาลืมจนต้องกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ

เราหวังว่าที่เพียวจะทำนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาดทำนะ
ทำให้เป้รู้ว่ากอล์ฟรักเป้
เราว่าที่จริงน่าจะบอกว่าเคยรักมากกว่า
อาจจะยังรักอยู่แต่ไม่มากเท่าเดิม
้เพราะว่ามีเพียวเข้ามาเติมเต็มแล้ว

ยอมรับว่าผิดหวังกับเป้มากๆ
อดคิดไม่ได้ว่าคนแบบเป้
เดี๋ยวพอโยมาขอโทษจริงๆจังๆก็น่าจะอดไม่ได้ที่จะกลับไปหา

ความรู้สึกของโยนั้นทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง
ชื่อ into the woods  ที่เอานิทานหลายๆเรื่องมาผูกเข้าด้วยกันแล้วตีความใหม่
ฉากหนึ่งเจ้าชายตอบซินเดอเรลล่าที่ถามว่าทำไมถึงนอกใจ
ว่า เขานึกว่าพอได้แต่งกับหญิงที่ตัวเองปรารถนาแล้วจะไม่ต้องการอะไรในโลกนอกเหนือไปจากนางอีกแต่ก็ปรากฏว่าไม่เป็นไปตามนั้น
เราว่าโยก็คงรู้สึกประมาณนั้นแหละ

ยังไงก็เชียร์กอล์ฟ-เพียวค่ะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ6 การพิสูจน์ [p.4] [16.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-01-2016 18:55:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ7 จูบลา [p.4] [23.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 23-01-2016 01:55:00
ตอนที่ 27
จูบลา
   


               บางทีกอล์ฟก็อยากจับเพียวมาเขย่าแรงๆ แล้วตะโกนถามว่า กำลังทำเรื่องงี่เง่าอะไรอยู่

               ไอ้การที่ให้เขาวิ่งข้ามฟากโรงเรียนจากโรงอาหารมาหลังตึกวิทย์ ด้วยคำว่า “กูต้องการตัวมึงเดี๋ยวนี้” เพื่อให้มาพบกับเหตุการณ์ตรงหน้าเพียวต้องการอะไรกันแน่

               ทันทีที่เขาเดินมาถึง เขาก็ต้องพบกับสายตาที่อ่านได้ยากของคนที่เขาเรียกว่าแฟน พร้อมๆ กับท่าทางตื่นๆ ปนสับสนของเพื่อนที่เขากำลังอยู่ในช่วงโกรธมันอยู่

               “รักก็บอกว่ารัก อมพะนำอะไรนักหนากูรำคาญ”

               เพียวพูดพร้อมกับผลักเป้ออกมายืนตรงหน้าเขาที่ยังตั้งสติกับเรื่องตรงหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

               “เพียวบอกว่ามึงแอบรักกูมาหลายปีแล้ว จริงหรือเปล่า”

               เป้พูดเสียงแผ่ว

               เป็นสองประโยคจากสองคนที่ทำเอาเขาไปไม่ถูก เขามองผ่านเป้ไปยังเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง มองไปยังแววตาที่เด็ดเดี่ยวนั้น

               “พวกมึงกำลังทำอะไรกันอยู่”

               คำถามนี้เขาตั้งใจถามเพียว อารมณ์ขุ่นมัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

               “มึงตอบคำถามเป้ดิ”

               “มึงก็ตอบคำถามกูดิ”

               “กูก็แค่จะทำให้ทุกอย่างมันจบ”

               “แต่กูเป็นแฟนมึง”

               “แต่มึงรักเป้ มึงพูดดิว่ามึงไม่รักมัน มึงพูดออกมาดิ ว่ามึงได้คิดอะไรกับมัน”

               “คนละเรื่องแล้วเปล่าวะเพียว”

               “เรื่องเดียวกันดิ มึงเคยพูดกับกูว่าไม่มีใครแทนใครได้ แล้วกูก็แทนเป้ให้มึงไม่ได้”

               เพียวตะโกนลั่น ก่อนจะก้าวเข้ามากระชากคอกอล์ฟลงมาจูบ เพียงเสี้ยววินาทีที่กอล์ฟผงะด้วยความตกใจ เพียวก็ถอยตัวออก

               “เห็นไหม ไม่มีใครแทนใครได้"

               เพียวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขานอนคิดมาทั้งคืน

               "เราเลิกกันนะกอล์ฟ”

               แล้วเพียวก็เดินออกไป ทิ้งบรรยากาศที่ยากจะอธิบายให้กับสองคนที่เหลือก่อนที่ออดเข้าเรียนจะดังขึ้น

               “กอล์ฟ....”

               เป้ยื่นมือเข้าไปหาเพื่อน แต่กอล์ฟกลับถอยหลังหลบมือนั้น

               “ออดดังแล้ว ขึ้นเรียนเหอะ”

               คนตัวสูงกว่าพูดน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเดินนำออกไป เพื่อพบว่าบนห้องเรียน คนที่พึ่งบอกเลิกเขาไปนั้น มันไม่กลับมา

               เป้แอบมองกอล์ฟที่นั่งนิ่งเงียบตลอดคาบบ่าย ปกติกอล์ฟเป็นคนตั้งใจเรียนอยู่แล้ว แต่วันนี้เป้ดูออกว่าความเงียบนั้นมันไม่ได้เพราะสมาธิในการเรียนเลย

               คาบสุดท้ายจบลงไปแล้ว เป้ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะทำยังไงต่อไปดี แต่กอล์ฟก็หาคำตอบให้เขาได้

               “ว่างไหม วันนี้ไปเดินเล่นกับกูหน่อย”

   


               ไม่ใช่กอล์ฟคนเดียวที่โดดเรียนเป็นตอนคิดอะไรไม่ตก เพียวเองก็ไม่ต่างกัน เด็กหนุ่มเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าสนามเด็กเล่นที่เมื่อก่อนเด็กๆ มักจะเล่นด้วยกันเสมอ เดี๋ยวนี้อะไรก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา สีสันหลุดลอกกลายเป็นสีสนิม ชิงช้าที่เคยห้อยโหนก็กองอยู่ที่พื้น คงมีแต่ต้นไม้ต้นนั้นที่เขาเคยปีนละมั้งที่ไม่เปลี่ยน

               ไม่สิ มันดูเล็กลง หรืออาจเพราะเขาโตขึ้นก็ได้ เพียวทาบมือลงกับต้นไม้เบาๆ หลับตาหวนคิดถึงความหลังในอดีต ต้นไม้ที่ทำให้เขาร้องไห้โยเยที่ลงไม่ได้ ต้นไม้ที่ทำให้เขาได้รับคำสัญญาว่าจะไม่ถูกทิ้งไปไหนอีก

               สุดท้ายเขาก็คงเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นแห่งนี้ มีช่วงเวลาหนึ่งที่ทุกคนมีความสุขร่วมกัน มีความทุกข์ร่วมกัน และสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป เด็กๆ ก็แยกย้ายไปสนใจในสิ่งอื่น

               “จะเล่นเอ็มวีอีกนานไม่ครับ เพียว”

               เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ลมหายใจของเขาสะดุด มวลอากาศในท้องตีขึ้นจนจุกอกและอยากอาเจียน

               เขากำหมัดแน่ก่อนจะหันหน้ากลับไป เผชิญกับคนที่ทำให้เขาสั่งเปลี่ยนโซฟารับแขกทั้งชุด
   
               “เรามาระลึกความหลังกันหน่อยไหมครับ”
   
               คนที่เขาไม่เคยรู้แม้กระทั้งชื่อ แต่น้ำเสียงและความเลวของมันทั้งหมดยังคงฝังลึกอยู่ในใจ ความกลัวในจิตใจที่เขาไม่มีวันลืม



TBC....



TaLK
สวัสดีค่ะทุกคน จบค้างดีไหมเอ่ย 555555
แฟนๆ น้องเพียวอย่าพึ่งตีอกชกลมกันไปนะคะ
สำหรับตอนหน้าเด็กๆ ทุกคนจะได้เผชิญกับผลของการตัดสินใจของตัวเอง และเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปค่ะ
ยังไงก็ขอให้เอาใจช่วยเด็กๆ กันต่อไปนะคะ สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร

ได้ยินพยากรณ์อากาศมาว่าต้นสัปดาห์นี้จะมีลมหนาวพัดมาด้วยค่ะ ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ กอดรัดคนอ่าน -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ7 จูบลา [p.4] [23.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-01-2016 02:05:35
อ้าวว กอล์ฟก็ไม่ได้เปิดซิงเป้กับเพียวนะสิ กลายเป็นรักสามเส้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ7 จูบลา [p.4] [23.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 23-01-2016 11:39:29
ค้าง :katai1:
เพียวอย่าไปกลัวคนเลวนะ  ยิ่งเห็นเราอ่อนแอก็ยิ่งจะทำร้ายเรา 
ไม่อยากเห็นเพียวร้องไห้อีกแล้ว  เรื่องร้ายๆในอดีตไม่อยากให้จำเลย

ตอนนี้เห็นใจทั้งกอล์ฟ เพียว และเป้  เรื่องของหัวใจเข้าใจยากจริงๆค่ะ  เราก็ได้แต่เอาใจช่วยเท่านั้น

คิดว่าเพียวขอเลิกเพื่อให้กอล์ฟตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริง โดยที่ไม่มีอะไรมาผูกมัด เพียวทำเพื่อกอล์ฟนะ

เราอยากเห็นเพียวมีความสุข  อย่าได้เจอเรื่องร้ายๆอีกเลย
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ7 จูบลา [p.4] [23.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-01-2016 13:15:04
เพียวอย่ากลัวลูก ชกหน้ามันให้คว่ำเลย
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ7 จูบลา [p.4] [23.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-01-2016 15:40:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ8 พูดคุย [p.4] [30.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 30-01-2016 09:47:35
ตอนที่ 28
พูดคุย




               เป้ปั่นจักรยานตามหลังคนที่ออกปากชวนเขาออกมาเดินเล่นไปโดยทิ้งระยะห่างไม่ไกลนัก สถานที่เดินเล่นของกอล์ฟออกจะผิดจากที่คาดอยู่สักหน่อยเพราะมันไม่ใช่ตลาดต้นไม้วันพุธหรือห้างร้านค้าเหมือนทุกครั้ง

               สนามเด็กเล่นเก่าของหมู่บ้าน กาลเวลาทำให้ที่นี่ดูทรุดโทรมลงไปมาก แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจ เพราะตอนนี้หมู่บ้านได้มีสปอร์ตคลับแห่งใหม่ ตั้งขึ้นแทนอยู่ไม่ไกลแล้ว

               กอล์ฟพิงสนิมสร้อยไว้ข้างๆ ต้นไม้ที่ชอบปีนขึ้นไปในตอนเด็ก ทิ้งตัวนั่งลงไม่ไกลภายใต้เงาของร่มไม้ที่เมื่อก่อนเคยรู้สึกว่ามันใหญ่โตกว่านี้มากมาย และเมื่อเป้เดินมานั่งข้างๆ เขาก็หันไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาแอบรักมานานกว่าสิบปี

               “นอกจากบ้านกับโรงเรียนแล้ว ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่เรามีความทรงจำร่วมกับเป้มากที่สุด”

               กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงชวนฟังเหมือนทุกครั้งที่ใช้ติวหนังสือสายตาจับจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างมั่นคงและจริงใจ

               “ก็อย่างที่เป้ได้ยินมาจากปากเพียว เราแอบรักเป้มานานแล้ว รัก รักมากซะจนแทบทำใจไม่ได้ตอนที่เป้บอกว่าคบกับพี่โย”

               ทั้งๆ ที่พอจะรู้บ้างแล้วพอได้ยินจากปากอีกฝ่ายจริงๆ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่

               “กูขอโทษ”

               “ไม่ต้องขอโทษ ไม่ใช่ความผิดของเป้ ทุกมันเริ่มที่เราเอง เราเป็นคนชอบเป้เอง อยากดูแลเป้เอง และก็เป็นคนที่ปากหนักไม่ยอมพูดออกไปเอง

               “ตลกเน๊อะ พึ่งจะมารู้สึกผิดกับตัวเองก็ตอนที่เป้คบกับคนอื่นไปแล้ว เจ็บใจที่ไม่ได้สู้กันซึ่งๆ หน้า เจ็บใจที่ไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงคนที่ตัวเองรักมาให้ได้”

               ทุกอย่างมันเป็นความผิดของคนใจไม่สู้อย่างเขาเอง

               “กูไม่รู้จริงๆ กอล์ฟ กูไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจิตใจมึงนะ”

               “อื้ม กูรู้ว่ามึงเห็นกูเป็นแค่เพื่อน และจะเป็นเพื่อนไปตลอด”

               และเขาก็ยอมรับความเป็นจริงนั้นได้

               “กอล์ฟ...”

               เป้คิดไม่ออกว่าจะปลอบคนตรงหน้ายังไง เพราะเขาเองก็ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นให้เพื่อนได้ เขาเห็นกอล์ฟเป็นเพื่อนมาตลอด แล้วทำไมเขาถึงได้ทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าขนาดนี้

               “สัส ไม่ต้องทำหน้าเศร้า กูไม่ได้จะตาย มันผ่านเวลานั้นไปแล้วเว้ย”

               “แต่มึง...”

               “เป้ ความสัมพันธ์ของกูกับมึงอ่ะ มันเป็นได้แค่เพื่อนสนิทเท่านั้นแหละ มึงเองก็รู้”

               “อื้ม กูรู้ กูแค่ไม่รู้จะช่วยมึงยังไง”

               “มึงช่วยอยู่เป็นไอ้เป้ ไอ้เปี๊ยกซื่อบื้อของเพื่อนๆ เหมือนทุกทีก็พอแล้ว”

               รอยยิ้มที่มีให้เขาของอีกฝ่ายยังคงอบอุ่นและห่วงใยเหมือนเดิม ที่เพิ่มเขามาคือความรู้สึกโล่งใจของอีกฝ่าย กอล์ฟกำลังโล่งใจ

               “เชรี่ยแม่งหลอกด่ากูเรื่อย”

               “ก็แม่งจริงนี่หว่า มึงนะ ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนเขาห่วงมึงกันขนาดไหน ไม่เคยสนใจเลยว่าพวกกูพยายามปกป้องมึงขนาดไหน”

               “รู้แล้ว เมื่อเช้ากูก็โดนพวกแม่งสามคนสวดไปแล้ว กูสำนึกผิดแล้วครับ ยกโทษให้กูด้วยนะ”

               “อื้ม ก็อย่างที่ไอ้ก้องไอ้ปอนด์ชอบพูด ว่ากูชอบสปอร์ยมึงตั้งแต่เล็กจนโต เพราะฉะนั้น ความผิดครั้งนี้จะหลับหูหลับตาปล่อยผ่านไปอีกสักหนก็ได้”

               เป้ยิ้มกว้าง ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้ากอดอีกฝ่าย

               “มึงแม่งเป็นเพื่อนที่ดีชิบหาย”

               “รู้ขนาดนี้แล้วก็อย่าทำให้กูเสียใจอีก”

               “เอ่อ กอล์ฟ แล้วเรื่องตอนกลางวันที่เพียวมันพูดอ่ะ คืออะไร”

               เรื่องที่พวกมันพูดเหมือนว่าเป็นแฟนกัน กำลังบอกเลิกกัน

               “เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่กูจะไปเคลียร์กับมันเอง”

               กอล์ฟถอนหายใจให้ตัวเองเฮือกใหญ่

               ก็อย่างที่ชอบพูดเสมอ ไม่มีใครมาแทนใครได้ เป้ก็คือเป้ เพื่อนสนิทที่เขาจะรักและดูแลมันตลอดไป ส่วนเพียวก็คือเพียว แฟนที่เขากำลังคบและอยู่ๆ มันจะยัดเป้มาแทนที่ตัวเองไม่ได้ เด็ดขาด




               ความรู้สึกโกรธจนควันแทบออกหูเมื่อตอนกลางวันของกอล์ฟหายไปจนไม่เหลือหลังจากที่เขาพยายามโทรหาเพียวถึงห้าครั้ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจโทรหาพี่จง คนขับรถของเพียวแทน

               และทันทีที่รู้ข่าว แท็กซี่คันที่ใกล้ที่สุดก็ถูกเขากระโดดขวาง ก่อนจะมุ่งตรงไปยังบ้านหลังใหญ่อีกฟากหนึ่งของเมือง

               “คุณหนูถูกโจรเรียกค่าไถ่จับตัวไปครับ”

               “เร็วอีกนิดได้ไหมพี่”

               แทบจะตะโกนบอกคนขับรถแท็กซี่ ท่ามกลางการจารจรที่ติดขัด มันทำให้เขาจะขาดใจ ทำไมเมื่อตอนกลางวันเขาไม่จับตัวอีกฝ่ายเอาไว้ ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้เพียวคลาดสายตาไปได้

               “สติๆๆๆๆๆๆ”

               ท่องกับตัวเองเหมือนบทสวด สมองพยายามประมวลผลหาทางออก เด็กม.ปลายอย่างเขาจะมีปัญญาไปแก้อะไรเรื่องโจรเรียกค่าไถ่วะ

               แล้วถ้าเป็นกลุ่มเดียวกับที่เพียวเคยเจอก่อนหน้านี้ล่ะ

               ยิ่งคิดกอล์ฟก็ยิ่งใกล้บ้า

               จนแท็กซี่มาจอดอยู่หน้ารั้วคฤหาสน์หลังใหญ่

               “เข้าไม่ได้ครับ”

               พี่ยามหน้าบ้านพูดเสียงเครียดในขณะที่เด็กหนุ่มเองก็มีสีหน้าจริงจังไม่ต่างกัน

               “ผมอยากรู้ข่าวเพียว ให้ผมเข้าไป”

               “นายท่านสั่งไม่ให้ใครเข้าไปทั้งนั้น พี่ว่าน้องกลับไปดีกว่า”

               “กูบอกว่ากูจะเข้า กูอยากจะรู้ข่าวแฟนกู เพียวอยู่ไหน เพียวเป็นยังไง”

               พูดพร้อมกับพยายามพุ่งตัวเตรียมปีนประตูรั้วบ้านอีกฝ่าย

               พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนรีบตรงเข้ามายึดตัวกอล์ฟ ที่ทำท่าจะใช้กำลังบุกเดี่ยวเข้าบ้านนายตำรวจใหญ่ผ่านรั้วเหล็กดัด การ์ดอีกคนรีบโทรแจ้งเข้าไปในตัวบ้าน

               ก่อนที่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วินาที คำสั่งจากเจ้าของบ้านจะถูกส่งออกมา

               “นายบอกให้เข้าไปได้”
   
   

TBC…..



TaLk
บทต่อไป พ่อตาปะทะลูกเขยค่ะ เอ้ย

.ในที่สุดเราก็ได้เฉลยแล้วว่าแพริ่งหลักของเรื่องนี้คือคู่ไหน เย้ อึดอัดมานาน จุดพลุฉลอง ยินดีกับทีมน้องเพียวด้วยนะคะ 55555

ทีมน้องเป้ก็อย่าขวัญเสียไปค่ะ บทบาทของน้องยังคงมีอยู่ ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

จริงๆ เขียนตอนนี้เสร็จได้หลายวันแล้ว แต่ยังลังเลที่จะลง อ่านวนอยู่หลายวันเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าให้ความสัมพันธ์ของกอล์ฟกับเป้ที่ไม่เคยเริ่มมันจบลงไปแบบนี้ดีกว่าค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง
   
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ8 พูดคุย [p.4] [30.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-01-2016 10:45:00
แบบนี้ดีแล้วค่ะ  ถ้าเป้เปลี่ยนใจมาคบกับกอล์ฟ  คงรู้สึกเซ็งนิด ๆ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ8 พูดคุย [p.4] [30.01.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 30-01-2016 21:21:49
ดีใจเป็นที่สุด  ที่รู้แล้วว่าตอนนี้กอล์ฟคิดกับเป้เป็นเพื่อนรักเท่านั้น :mew1:
ขอให้ช่วยเพียวเร็วๆ อยากให้เพียวรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของกอล์ฟสักที  อย่าเข้าใจผิดคิดไปเองเหมือนคนอ่าน555
ขอบคุณเป้  ที่เข้าใจเพื่อนและยังคงเป็นเพื่อนรักของกอล์ฟอยู่ตลอดไป o13

ลุ้นกับการพบเจอของคุณพ่อเพียวกับกอล์ฟมากๆ
ขอให้ร่วมกันช่วยเพียวออกมาจากเรื่องร้ายๆก่อน  เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังนะคะคุณพ่อ
ใกล้จบแล้วยิ่งลุ้นหลายเรื่องเลยค่ะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ9 คุณพ่อ [p.4] [06.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 06-02-2016 19:17:39
ตอนที่29
คุณพ่อ



   
   หลังจากคำสั่งอนุญาตกอล์ฟก็เดินตามคุณพี่รปภ.หน้าบ้านเข้ามายังห้องโถงใหญ่ ห้องที่ปกติเขามักจะเดินผ่านขึ้นไปโดยไม่ต้องแวะพัก

   มีโอกาสได้มานอนห้องเพียวก็หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยที่จะเจอผู้ชายในเครื่องแบบเต็มยศที่ทุ่มเททุกวินาทีให้กับงานคนนี้มาก่อน

   อีกฝ่ายนั่งมองเขาด้วยสายตานิ่งเรียบดุดัน แต่ก็ยกมือรับไหว้ตอนที่เขาประนมมือทำความเคารพ

   “วันนี้บ้านเราไม่รับแขก”

   ไล่ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เด็กหนุ่มหน้าชานิดๆ แต่ความกังวลในจิตใจมันมีมากกว่าทำให้ยังคงยืนอยู่ได้

   “ผมทราบข่าวแล้วครับ พวกที่มันจับเพียวไปเป็นใครครับ ใช่พวกเดียวกับคราวที่แล้วหรือเปล่า แล้วพวกมันติดต่อกลับมาหรือยัง คุณอาทราบข่าวอะไรบ้างหรือยังครับ”

   “มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”

   กอล์ฟคิดมาตลอดว่าเพียวหน้าตาเหมือนแม่ แต่พึ่งจะรู้ว่าลักษณะท่าทางทั้งวิธีการพูด การเดิน การมอง นั้นอีกฝ่ายรับมาจากพ่อ แม้กระทั่งความเย็นชา

   “ขอโทษจริงๆ ครับที่มารบกวน แต่ผมกังวลใจ อยากทราบข่าวของเพียวจริงๆ ครับ”

   “รู้ไปแล้วช่วยอะไรได้งั้นเหรอ เด็กม.สี่อย่างเธอ มีปัญญาอะไรช่วยอะไรลูกชายฉันได้เหรอ”

   มันเป็นความผิดของเขาที่ปล่อยให้เพียวทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นในตอนกลางวัน ถ้าเขาไม่มัวแต่โมโห ถ้าเขาดึงตัวอีกฝ่ายเอาไว้ ถ้าเขาไม่ตกใจจนผงะออก เพียวก็อาจจะไม่โดนจับตัวไป

   สาเหตุส่วนหนึ่งมันเกิดจากเขา

   “ผมขอโทษครับที่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ผมก็อยากจะช่วย ผมอยากจะแก้ไขมัน ผมอยากจะช่วยคนที่ผมรักให้ได้ ผมอยากรู้ว่าเพียวจะต้องปลอดภัย”

   “คนที่เธอรัก พูดอะไรไร้สาระ ”

   “ผมเป็นแฟนลูกชายคุณอาครับ ผมรักลูกชายคุณอา แล้วมันผิดตรงไหนที่ผมจะเป็นห่วงเพียว คุณอาซะอีก ลูกชายคุณโดนจับตัวเรียกค่าไถ่นะโว้ย คุณเป็นพ่อแบบไหนวะแทนที่จะเอาเวลามาสักฟอกผม ทำไมไม่ช่วยกันคิดวิธีช่วยเพียว”

   ทั้งๆ ที่เขาระเบิดออกไปแบบนั้น พูดจาล่วงเกิน นายตำรวจยศสูงแถมเป็นพ่อของแฟนไปตั้งหลายคำ แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะใส่เขาลั่น

   “วัยรุ่นเดี๋ยวนี้เลือดร้อนกันดีเนอะ ที่เธอถามว่าฉันเป็นพ่อแบบไหน ฉันก็จะตอบให้ ฉันเป็นพ่อแบบที่จะจัดการไอ้ทุกคนที่มันทำร้ายลูกฉันให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัด ให้มันรู้ว่ามันกำลังยุ่งกับอะไรที่มันไม่ควรแตะต้อง”

   สายตาของเขาทำให้กอล์ฟทรุดนั่งลงกับพื้น หอบหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาด้วยความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

   “ปลอดภัยแล้วสินะครับ”

   คำตอบคือการพยักหน้า พร้อมกับรอยยิ้มที่ของคนเจ้าแผนการ

   “เธอจะไม่เห็นฉันอยู่ตรงนี้ ถ้าเพียวยังไม่ปลอดภัย”

   “แล้วตอนนี้....”

   “ก็คงยืนแอบฟังอยู่แถวๆ นี้ละมั้ง”

   สิ้นคำ เสียงโครมครามจากชั้นสองของตัวบ้านก็ดังขึ้นก่อนที่จะมีเสียงปิดประตูดังโคร่ม เป็นการยืนยัน คำพูดของอีกฝ่าย

   “ขอโทษนะครับที่เมื่อกี้....”

   “ช่างมันเถอะ ฉันแค่อยากรู้ว่าคนที่ลูกชายฉันคบอยู่เป็นคนแบบไหน”

   “คุณอาไม่โกรธเหรอครับ”

   “เรื่องไหนล่ะ ถ้าเรื่องรสนิยมของลูกฉัน ฉันทำใจได้มาสองสามปีแล้ว แต่ถ้าเรื่องที่เธอทำให้ลูกชายฉันโดดเรียนจนโดนจับนี่ก็เคืองๆ อยู่นิดหน่อย”

   “ขอโทษจริงๆ ครับ”

   ยกมือไหว้ขอขมาอีกครั้ง เพื่อความสบายใจ โชคดีที่ผู้ใหญ่เองก็ไม่ถือสา

   “ฉันต้องไปจัดการไอ้พวกสารเลวนั่นต่อแล้ว อยากรู้อะไรก็ไปถามไอ้เจ้าเพียวเองละกันนะ”

   แน่นอนว่าคนพ่อเคลียร์กับเขาจบก็สบายใจ เดินออกไปข้างนอกทำการทำงาน แต่เขานี่สิ จะต้องขึ้นไปเคลียร์กับคนลูกที่ชั้นสอง

   เครียดจนปวดท้องไปหมด

   ทำให้ปวดหัวทั้งพ่อทั้งลูกให้ตายเหอะ

   แต่ก็โล่งใจ แค่เพียวปลอดภัยก็ดีแล้ว




TaLk
เอาล่ะคะ ตอนหน้าจะมาเฉลยนะคะว่าคุณพ่อช่วยน้องเพียวได้ยังไง

นิสัยน้องเพียวก็ก๊อปมาจากคุณพ่อเนี่ยแหละค่ะ ทำอะไรซับซ้อนตลอด 

ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ พบกันใหม่ตอนจบค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่2ุ9 คุณพ่อ [p.4] [06.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 07-02-2016 11:44:07
คุณพ่อของเพียวน่ารักจัง  เพียวก็คงคุยกับคุณพ่อแล้วและบอกทุกเรื่องเลย  คุณพ่อก็เลยจัดการให้เลยเนอะ :katai2-1:

กอล์ฟก็กล้าสารภาพ ไม่กลัวคุณพ่อเลยนั้นคงเป็นเพราะห่วงเพียวมากๆ เพียวกับคุณพ่อก็คงเห็นแล้วว่ากอล์ฟรักเพียวมากแค่ไหน
กอล์ฟพิสูจน์ให้เห็นแล้วนะว่ารักใครและเลือกใคร  ต่อไปเป็นเพียวแล้วนะว่าจะตัดสินใจยังไง อิอิ

ตอนต่อไปจะจบแล้ว :mew6: 
รู้สึกผูกพันกับตัวละคร  เห็นมาตั้งแต่เป็นเด็กๆเล่นซ่อนหากัน 
ทำให้อยากเห็นความสัมพันธ์ไปถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัยหรือจนไปถึงวัยทำงานกันเลย555
แต่ไม่เป็นไรค่ะ  ขอบคุณมากๆที่ไม่ทิ้งเรื่องนี้แต่งจนจบ  ขอบคุณนักเขียนมากจริงๆ :L2: :กอด1: o13

หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 13-02-2016 00:17:17
ตอนที่ 30 เลิกซ่อน



   
   เพียวเชื่อในศิลปะการป้องกันตัวของตัวเอง แต่ก็รู้ดีว่าตัวเขาไม่ได้มีเหล็กไหลวิ่งอยู่ในตัว ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายชักปืนขึ้นมาเตรียมตอบโต้หมัดที่เขาปล่อยออกไปเขาหน้ามันเต็มๆ เขาถึงต้องหยุด

   “เธอคงไม่คิดว่าผมจะเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่ได้มีไอ้นี่อยู่ในมือหรอกใช่ไหม”

   อีกฝ่ายเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะแสยะยิ้มที่เขานึกรังเกียจ

   แต่คนอย่างเพียวพลาดแล้วจำ จนวันตาย

   “แกก็คงไม่คิดว่าหลังจากเรื่องวันนั้น กูจะปล่อยให้คุณหนูไปไหนมาไหนคนเดียวหรอกใช่ไหม”

   เสียงพูดพร้อมกับกระบอกปืนเข้าประชิดคนไม่ระวังตัวจากด้านหลัง พี่จงนายตำรวจกล้ามโตที่ปกติรับงานพาทไทม์เป็นคนขับรถของคุณหนูเพียว ขู่เสียงเหี้ยม ในขณะที่ไม่ไกลจากนั้น บอดี้การ์ดอีกหลายนายก็เดินตรงเข้ามา

   โชคดีที่นายรอบครอบสั่งให้พวกเขาติดตามคุณหนูตลอดเวลา ที่นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ และใต้รองเท้าของเพียวล้วนมีเครื่องติดตามตัวทั้งนั้น

   “พวกมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก”

   ถึงคุณหนูจะไม่เปิดปากพูด แต่เกือบครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ทำงานอย่างเต็มที่ สืบหาเบาะแสทุกอย่าง ต่อให้เส้นมันจะใหญ่แค่ไหน ทางฝั่งเขาก็ต้องใหญ่กว่าแน่นอน

   “ไม่ต้องห่วงงานนี้รัฐมนตรีพ่อของมึงก็ต้องตามมึงไปนอนในคุกด้วยแน่นอน”





   “พ่อทำแบบนี้มันเกินไปนะ”

   เด็กหนุ่มโวยลั่น แบบที่ใครก็คงไม่กล้าทำกับผู้ชายคนนี้แบบนี้

   “ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้แล้วเพียวจะรอดไหม เวลาเกิดอะไรขึ้นกับแกจะให้พ่อทำยังไง ให้เป็นแบบคราวที่แล้วฉันรับไม่ไหวหรอกนะ”

   “แต่เครื่องติดตามกับบอร์ดี้การ์ดครบเซ็ตแบบนี้มันเกินไปนะ ความเป็นส่วนตัวของผมอยู่ตรงไหน”

   “ก็อยู่มากพอให้แกทะเลาะกับแฟนแล้วเดินโดดเรียนเป็นพระเอกเอ็มวีนั่นแหละ”

   “แฟน!!! นี่พ่อรู้อะไรบ้างเนี่ย”

   “ก็นิดหน่อย”

   ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นแต่ข้อมูลในไอแพทที่พ่อส่งมา มันพอที่จะสร้างกอล์ฟตัวก็อปปี้ออกมาได้ร้อยคนเลยทีเดียว

   “คือพ่อ...ผม...”

   “อะไร ไม่โวยแล้วเหรอ”

   “รู้นานแค่ไหนแล้ว”

   “ตั้งแต่แกม.ต้น”

   “แล้วไม่ห้ามหน่อยเหรอ”

   “แล้วพ่อห้ามอะไรแกได้ไหม”

   “แต่แบบ....”

   “เอ่อ ไอ้ลูกคนนี้ อยากให้พ่อเจ้ากี้เจ้าการยุ่งกับเรื่องของแกนักหรือไง ฉันไม่ยุ่งเพราะถ้าแม่แกยังอยู่ เขาก็คงไม่ยุ่งกับความสุขของแก และถ้าพ่อไปยุ่งกับความสุขของแก ตอนตายพ่อจะเอาหน้าที่ไหนไปมองแม่แกบนสวรรค์ได้ห๊ะ”

   “ขอบคุณครับ”

   “แล้วไอ้โทรศัพท์ที่สั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋านั่นจะไม่รับเหรอ”

   “ช่างมันเถอะพ่อ มันผ่านไปแล้ว”

   “คุณหนูครับ คุณกอล์ฟโทรเข้าเครื่องผม ให้รับไหมครับ”

   “ไม่ต้อง...”

   “ฉันรับเอง”

   “สวัสดีครับพี่จง พี่อยู่กับเพียวหรือเปล่าครับ ผมโทรหาเพียวไม่รับเลย”

   “คุณหนูถูกโจรเรียกค่าไถ่จับตัวไปครับ ตอนนี้ยุ่งมากไม่ว่างคุยแค่นี้ก่อนนะครับ”

   เพียวเบิกตากว้างมองพ่อตัวเองที่ปลอมเสียงพี่จงได้โคตรจะไม่เนียนก่อนจะกดตัดสายทิ้ง

   “มองอะไร พ่อก็แค่อยากรู้จักนายคนนี้มากอีกสักหน่อยก็เท่านั้นเอง”

   และนี่เองก็เป็นเหตุให้นายกอล์ฟต้องรีบบึ่งแท็กซี่มายังบ้านของอีกฝ่าย






   กอล์ฟกล่าวขอบคุณคุณป้าแม่บ้านที่หากุญแจมาให้เขาไขบุกเข้าห้องคุณหนูของบ้าน ก่อเรื่องไว้ให้เขาปวดหัวตั้งมากมาย อยู่ๆ จะมาตีเนียนแอบอยู่ในห้องสบายใจได้ยังไง เขาไม่ยอม

   “เชรี่ย ป้าดาแม่งทรยศ”

   เจ้าของห้องร้องโวยลั่น แถมยังปาหมอนบนเตียงที่นั่งเล่นอยู่มาทางเขาอีกต่างหาก

   กอล์ฟหลบระยะโจมตีของหมอนได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปประชิดเตียงลูกชายเจ้าของบ้าน

   “ออกไปนะโว้ย”

   เจ้าของห้องร้องพร้อมกับกระโดดลงจากเตียง วิ่งหนีไปทางโต๊ะเขียนหนังสือ อันมีอุปกรณ์มากมายพร้อมปา

   “อย่าทำอย่างที่คิดเลยนะ”

   เด็กหนุ่มรีบพูดห้ามอีกฝ่ายที่คว้าสมุดมาถือไว้ในท่าเตรียมพร้อม

   “ใครให้เขามาไม่ทราบ”

   เจ้าของห้องทำตาขวางชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง

   “พ่อนาย”

   “อย่ามามั่วไม่เห็นมีคำไหนที่พอบอกให้ในขึ้นมาหาเราบนห้องเลย”

   “ถ้าได้ยินขนาดนั้นก็ต้องรู้แล้วสิว่าพ่อบอกมีอะไรให้ไปถามกับเพียวเอง แล้วก็ต้องรู้ด้วยว่าเราพูดอะไรกับพ่อเพียวไป”
เพียวหน้าร้อนวูบเผลอพูดออกไปจนได้ว่าไปแอบฟังเขา น่าขายหน้าชะมัด และจังหวะนี้เองที่กอล์ฟเดินเข้าประชิดตัว

   “กอล์ฟเคยบอกเราเองว่าไม่มีใครแทนใครได้”

   เพียวยกมือขึ้นกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ไปมากกว่านี้

   “ก็ใช่ไงล่ะ”

   “แล้วเราจะแทนเป้ได้ยังไง”

   “แล้วเป้จะมาแทนเพียวได้ยังไง”

   วูบหนึ่งหัวใจเพียวกระตุก แต่เมื่อคิดถึงตอนที่เขาดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ

   “แต่กอล์ฟผละออก”

   ความเสียใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มออกมา

   “ก็เรายังไม่อยากโดนเรียกผู้ปกครอง”

   “เกี่ยวไรวะ”

   “รู้ป่ะว่าตรงที่ยืนมีกล้องวงจรปิด ต่อไปห้องปกครองกันนักเรียนสูบบุหรี่”

   เชรี่ย เกือบได้เล่นหนังสด

   “มึงล้อกูเล่น”

   ร้องอุทานไปด้วยความตกใจ แต่ก็ตกใจยิ่งกว่าเมื่ออีกฝ่ายฝืนแรงมือเขาเข้ามาใกล้

   “ตอนนี้ไม่มีกล้องแล้ว”

   ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ

   “แล้วยังไงล่ะ”

   “ตอนข้างล่างก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือไง”

   ใกล้จนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ

   “ไม่รู้โว้ย”

   “รัก....”

   อีกฝ่ายพูดเสียงเบาหวิว ระยะห่างของพวกเขาหมดไปเมื่อสันจมูกเข้าชนกับหน้าผาก และค่อยๆ เลื่อนลงมาจนถึงปลายจมูก

   “เรารักเพียว...แล้วเพียวล่ะรักเราไหม”

   มองเข้าไปในตาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

   “ถ้าไม่แล้วจะทำขนาดนี้เหรอ”

   เพียวเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเดียวกันที่เขามี

   “ก็รู้แล้วไง”

   “รักเพียวนะ”

   สิ้นคำ สิ่งที่พวกเขาได้ทำค้างไว้ตอนพักกลางวันก็ได้เกิดขึ้น

   จูบแรกที่ไม่มีข้อกังขา จูบแรกของพวกเขาที่ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีกต่อไป

   ในเมื่อหลังจากนี้พวกเขาไม่ต้องเล่นซ่อนหากับความรู้สึกของตัวเองกันอีกแล้ว เพราะกอล์ฟได้เรียนรู้แล้วว่าความรักนั้นไม่ใช่เกมซ่อนหา หากแต่ต้องพูดออกมาให้เขาใจกัน







   THE END






TaLK
แฮ่ จบแล้วค่ะ //จุดผลุฉลอง
เกิดมาพึ่งเคยเขียนนิยายเรื่องยาวจบ ฮือ

สำหรับเรื่องรักต้องซ่อนนี้ อี้ได้มีการตกลงรวมเล่มกับทาง Rainy Night Publishing
สามารถติดตามรายละเอียดข่าวสารได้ทางหน้าเพจสำนักพิมพ์เลยนะคะ
https://www.facebook.com/rainynightpublishing

กราบขอบพระคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอด กำลังใจที่ทุกท่านมีให้ยอดวิวที่แสดงให้เห็นทำให้อี้มีกำลังใจที่จะแต่งให้จบ ขอบคุณมากๆ นะคะ

การได้ดูเด็กๆ เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับทุกคน มันทำให้มีความสุขจริงๆ ค่ะ รักคนอ่านค่ะ

พบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ -อี้หลิง
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-02-2016 00:33:33
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-02-2016 02:52:59
อยากรู้ความในใจของเป้กับโยมากกว่านี้ค่ะ
ที่คุณอี้เขียนมานิดหนึ่งจากมุมมองของโยนั้นน่าสนใจมากๆค่ะ
รักมากทำไมถึงไม่หยุด

คู่หลักจบลงด้วยดี  เพียวสตรองมากๆค่ะ  คุณพ่อเพียวก็สุดยอดคนที่เข้าใจความรู้สึกที่ว่าการสูญเสียสิ่งที่รักเป็นอย่างไรอย่างแท้จริง

ยินดีด้วยที่เขียนนิยายได้จบนะคะ  สมควรฉลองค่ะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 13-02-2016 08:04:24
จบได้แบบน่ารักอ่ะ ยินดีด้วยกับทั้งคู่

แต่อย่างให้เครย์ของเป้ด้วยว่าจะได้คู่กับใครอิอิ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 13-02-2016 13:35:57
ดีใจและยินดีมากๆที่คู่นี้รักกันและเข้าใจกันแล้ว  โดยที่มีผู้ใหญ่รับรู้ด้วย ดีจัง
เป็นคู่รักที่ยังเด็กอยู่  วันข้างหน้ายังมีอะไรให้ได้พิสูจน์ถึงความรักอีกมากมายเลย 
มีอะไรก็พูดคุยกันแบบนี้นะ  ไม่คิดไปเอง  ไม่ต้องซ่อนความรู้สึกอะไรกันอีกแล้ว  และบอกรักกันบ่อยๆเลยนะ :o8:

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ  จะติดตามผลงานของนักเขียนต่อไปค่ะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-02-2016 14:56:07
มคปด แด่ เป้
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-02-2016 17:08:45
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-02-2016 14:21:56
เรื่องวัยเรียนใสๆ แต่แอบซ่อนความดาร์คไว้นิดๆ
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-02-2016 12:12:55
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เรื่องนี้สนุกดีนะ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-04-2016 19:40:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Rosnest ที่ 14-04-2016 02:13:18
ฟินนนนนน  :hao6: หลังจากที่มาราธอนอ่านรวดเดียวจบ ทั่งที่ พ.น. มีสอบ (ม่าย  :sad4: ) แต่อย่าได้หวั่น  :z2:
.
.
อันที่จริงเราแอบเชียร์เป้นะ แต่จบแบบนี้ก็ดีน้า
ขอบคุณสำหรับนิยายเน้อ  o13   
จะติดตามต่อๆไปน้า      :bye2:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 14-04-2016 10:27:06
ตอบจบคุณพ่อเท่ห์มาก 555 เรน่าสงสัยบ่อยๆว่า พวกบ้านรวย ออกแนวผู้มีอิทธิพล ทำไม๊ทำไมปล่อยให้ลูกลอยไปลอยมาโดยไม่มีคนตามดูแลคุ้มกัน เรื่องนี้ค่อยสมเหตุสมผลหน่อย  o13

กอล์ฟเป็นตัวละครที่อ่านสนุก มีความคิดที่น่าสนใจ ใช้ได้ๆ
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 21-05-2016 16:04:00
เป็นเราเราจะไม่ให้อภัยเป้หรอก พวกมีผัวแล้วลืมเพื่อนแบบนี้ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย จริงๆเราอยากให้เป้เจอบทเรียนที่เจ็บแสบกว่านี้อีก หมั่นไส้ เบะปากใส่แม่ง

 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4] [13.02.59]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 19-02-2017 11:28:26
น่ารักมาก ๆ ครับ ........................... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: zvonek ที่ 02-07-2017 16:27:54

สวัสดีค่ะ

วันนี้อี้หลิงแวะมาอัพเดตข่าวสารค่า

ตอนนี้นิยายเรื่อง รักต้องซ่อน ได้ทำการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์ Rainy Night เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ กำลังจะเปิดพรี เร็วนี้ค่ะ สามารถติดตามข่าวสารได้ทางเพจสำนักพิมพ์เลยค่ะ https://www.facebook.com/rainynightpublishing/


ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อยู่ด้วยกันมานะคะ

ขอบคุณค่ะ
ระฆังหยกอ้วนกลม  อี้หลิง

หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 02-07-2017 21:25:20
โอย อ่านจบแล้วโล่งเลย นึกว่าเป้เป็นนายเอก เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 03-07-2017 17:13:06
เพียวน่ารักนะ
คบกันนานๆเด้อ
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 05-07-2017 00:47:30
อ่านรวดเดียวจบเลย
อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมพี่โยถึงนอกใจ
คือเรื่องเป้กับกอล์ฟ ตอนแรกเศร้ามาก
แต่ตอนนี้รู้สึกดี ที่เป้หนักแน่น เพื่อนคือเพื่อน
และกอล์ฟก็ตัดใจได้จริงๆ
สงสารเพียวกับอดีตของเพียวอ่ะ
มันหดหู่มากเลย คนเป็นพ่อจะขนาดไหนอ่ะ
คือพลอตเขียนมาไม่กี่บรรทัด แต่แบบ ฮือออออ เศร้าา
จากนี้ก็ขอให้แฮปปี้ๆนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 05-07-2017 18:44:15
เดี๋ยวนะ จบแล้วหรอ โอเค กอล์ฟกับเพียวก็หายคาใจ
แต่โยกับเป้คือยังไง มันคาใจมาก โอเค รู้ว่าโยนอกใจ
แต่สรุปมันยังไงแน่!!
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 06-07-2017 08:40:53
ดีใจที่สุดท้ายแล้วกอล์ฟได้คู่กับเพียวนะ
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 06-07-2017 11:53:40
เป็นเรื่องที่หน่วงนิดๆ ซึ่งเราไม่ค่อยชอบเลย เหมือนทรมานใจตัวเองไปด้วย แต่กับเรื่องนี้เราอ่านต่อแบบหยุดไม่ได้และคาดหวังว่าตอนจบจะเป็นอย่างที่คิด ซึ่งเป็นเรื่องจริง ดีใจ รู้สึกมาตั้งแต่แรกแล้วว่ากอล์ฟกับเป้ยังไงก็ลงเอยกันไม่ได้หรอก แต่เป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ใครก็แทรกไม่ได้มากกว่า และโดยส่วนตัวชอบเคมีระหว่างกอล์ฟกับเพียวมากกว่าด้วย อีกส่วนนึงที่ชอบมากคือใช้ภาษาได้สวย ชอบมากค่ะ จะเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-08-2017 03:35:07
 :mew1: :mew1: :mew1:แปะก่อนเดียวมาตามอ่านเดี๋ยวลืมค่ะ
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 05-10-2017 13:48:27
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 05-10-2017 13:53:15
โอ้ยละลายยยยยยยยยยยยยยยยยยย :sad4:
หัวข้อ: Re: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 18-03-2024 19:26:39
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)