ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ประกาศตีพิมพ์ (p.1) (2.7.60) รักต้องซ่อน ตอนที่30 เลิกซ่อน (ตอนจบ) [p.4]  (อ่าน 50731 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
กอล์ฟเอ๊ย

ป้าขอชมหนูนะว่า EQ ของหนูสูงจริงๆ
เรียนรู้ความผิดหวังในวันนี้มีนจะเป็นตัวที่ช่วยกล่อมเกลาให้กอล์ฟเป็นยอดคนนะ
ยังขอยืนยันว่ากอล์ฟมีคุณสมบัติที่ดี

ป้าจะรอวันที่หนูฉายออร่าความเป็นผู้ชายที่วิเศษออกมา
วันนี้กอล์ฟทำได้ดีมากเลย ป้ายกธงเป็นแม่ยกกอล์ฟเต็มที่
บอกตรงๆนะว่าไม่แคร์ความรักระหว่างโย-เป้เท่าไหร่หรอก
ยังไงก็อย่าซมซานมาขอให้กอล์ฟปลอบล่ะ
อายุห่างกัน รอปีที่โยสอบเจ้ามหาลัยได้ก่อนเถอะ
ห่างกันไปเรียนคนละที่ ถ้ายังรักกันดีก็โอเค

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่8
เพื่อน




               “ขอบใจนะก้อง ขนาดอยู่คนละห้องมึงยังต้องมาช่วยกูอีก”
   
               กอล์ฟพูดพลางลากโต๊ะนักเรียนสำรองออกจากใต้บันได ในขณะที่เพื่อนสนิทอย่างก้องก็ช่วยเขาเลือกเก้าอี้ตัวที่ยังใช้ได้ออกมา

               ทั้งๆ ที่เปิดเทอมมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่อยู่ๆ เมื่อวานหัวหน้าห้องอย่างเขาก็ถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกพบ

               “ออกจะกะทันหันไปหน่อยแต่ก็ฝากหน่อยนะกอล์ฟ เพื่อนยังเข้าเฝือกยังไงก็ฝากจัดการเรื่องโต๊ะกับเก้าอี้ให้ด้วยล่ะ”

               นักเรียนใหม่ตอนกลางเทอม ถ้าไม่เส้นใหญ่มาก ก็ต้องเส้นใหญ่มาก ภาวนาขอให้เด็กใหม่เข้ากับคนอื่นให้ได้ไม่งั้นหัวหน้าห้องแบบเขาปวดหัวตาย

               กอล์ฟกับก้องช่วยกันลากโต๊ะกับเก้าอี้ไปตามทางเดิน เหลือบมองจากระเบียงลงไปที่สนาม ผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว จากเป้ที่นั่งเฉยๆ อยู่ริมสนามเดี๋ยวนี้ก็เห็นมันพัฒนาลงเล่นกับเขาบางเหมือนกัน

               ทีเมื่อก่อนเขาชวนเล่นบอลล่ะไม่ยอม

               แอบบ่นกับตัวเองในใจไม่ได้ แต่คิดอีกแง่ก็ใช้ได้เหมือนกัน ออกไปเจอแดดเจอลมบ้าง จะได้แข็งแรง คิดนู้นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย ในที่สุดก็เดินมาถึงห้องจนได้

               “เป็นกูก็เอานะเว้ยไอ้เป้อ่ะ ไม่เคยเห็นเวลามันงุ้งงิ้งใส่ไอ้กอล์ฟเหรอ ผู้หญิงยังสู้ไม่ได้เลย”

               ประโยคสนทนาที่ดังออกมาจากในห้องทำเอาสติเขาหยุดชะงัก ไม่รู้ว่าตัวเองพุ่งเข้าไปในห้องเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่

               “กอล์ฟ!!!”

               หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องร้องอย่างตกใจ ในขณะที่ก้องเองก็รีบวิ่งตามเข้ามา แรงบีบที่หัวไหล่ทำให้กอล์ฟได้สติ

               ก้องกระตุกยิ้มเย็นชา

               “พวกมึงออกไปขนโต๊ะข้างนอกเข้ามาวางไป”

               เพราะเป็นคนที่สูงใหญ่อยู่แล้วเลยทำให้ใครๆ เกรงใจอยู่บ้าง ปาดตาเพียงครั้งเดียว กลุ่มก้อนที่ยืนอยู่ก็แตกฮือ

               “ในที่สุดคนอื่นก็รู้จนได้”

               ก้องบ่นออกมาดังๆ ส่วนคนที่สติหลุดไปชั่วขณะก็ได้แต่พยักหน้า เดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง เสียงครืดๆ ของโต๊ะที่เพื่อนลากเขามาเสียดกับพื้น แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจ

               ก้องนั่งลงตรงที่ของเป้ มองเพื่อนสนิทของคนตกเป็นข่าว ถึงว่าช่วงหลังมานี้กอล์ฟมันดูซึม ถึงจะทำเป็นปกติแต่เพื่อนที่คบกันมานานย่อมรู้ดีว่ามันหงอยลงไปแค่ไหน เพราะคบกันมานานถึงได้รู้กันดี กอล์ฟชอบเก็บอะไรไว้ในใจมากเกินไป เขากลัวว่าสุดท้าย พวกมันจะมองหน้ากันไม่ติด

               “กอล์ฟกูว่ามึงตัดใจ...”

               “กูไม่เป็นไร เชื่อดิ”

               กอล์ฟตัดบท เลือกที่จะยิ้มให้กับคนข้างตัว

               ...ไม่เป็นไร...

               ในเมื่อเพื่อนเขามีความสุข เขาเองก็ต้องมีความสุขเหมือนกัน




               พักกลางวันนี้มีความเปลี่ยนแปลง ปอนด์เดินมากินข้าวด้วยความแปลกใจ ก็ที่ว่างที่ปกติจะเป็นของเป้ที่ย้ายไปนั่งกับเด็กมอหกเรียบร้อยตอนนี้กลับมีใครคนนึงนั่งทำหน้าบูดอยู่

               ย้อนไปเมื่อตอนเช้า

               ตอนที่เจ้าของความสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรนิดๆ ยืนทำหน้าบูดสนิทอยู่หน้าห้อง ปากแตก ขาเข้าเฝือก แต่งตัวเรียบร้อยแต่สังขารจัดว่าดูไม่ได้แตกต่างจากชื่อพิสุทธิ์ที่เจ้าตัวแนะนำลิบลับ อดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเล็กๆ แค่นั้น ไปทำตัวล่อตาล่อตีนใครที่ไหนมา แต่พอสังเกตดีๆ ไอ้สายตาขวางโลกที่เจ้าตัวทำอยู่นั่นล่ะมั้งที่ต้นเหตุ

               เด็กใหม่ดูท่าทางจะประหยัดคำพูดน่าดูนอกจากชื่อจริงกับชื่อเล่นที่บอกให้เรียกว่า เพียวแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พยุงตัวเองไปนั่งตรงโต๊ะว่างตัวเดียวที่เหลืออยู่ ความไม่เป็นมิตรอย่างรุนแรงขนาดนี้ส่งผลให้หัวหน้าห้องอย่างกอล์ฟงานงอก เมื่ออยู่ๆ อาจารย์ก็ยกหน้าที่สำคัญให้

               “ไหนๆ เพื่อนก็ยังเจ็บอยู่ ยังไงก็ฝากกลุ่มกอล์ฟดูแลเพื่อนด้วยเนอะ”

               และดัวยคำสั่งนี้เองจึงเป็นสาเหตุที่เพียวมานั่งอยู่ตรงนี้ ปอนด์ทิ้งตัวลงนั่ง มองเพื่อนใหม่อย่างพิจรณาก่อนจะเอ่ยปากถามเรื่องเพียวพอเป็นพิธี แน่นอนว่าเจ้าตัวนั้นแทบจะไม่พูดอะไรเลย มีแต่หัวหน้าห้องที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเป็นคนตอบแทนให้

               “เอ่อ กอล์ฟ กูพึ่งรู้ไอ้เป้มันคบกับพี่โยเหรอวะ”

               ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าโยนออกนอกกลุ่ม เอาแต่ซ้อมวงโยจนไม่เคยรู้เรื่องอะไรกับเขาเลย

               “พูดมากปอนด์เก็บปากไว้แดก”

               เป็นก้องที่พูดขึ้นมา พร้อมกับคว้าปีกไก่ยัดใส่ปากปอนด์ แน่นอนปีกไก่นั่นต้องคว้ามาจากจานของปอนด์นั่นแหละ

               ปอนด์มองหน้าเพื่อนอย่างแค้นๆ แต่ก็พอเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เคี้ยวไก่เสร็จรีบหาทางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแบบเร็วพลัน

               “อ่า...วันนี้นี้กุไม่มีซ้อม ไปร้องเกะกันเหอะ กูไม่ได้เที่ยวกับพวกมึงนานแล้วเน๊อะๆ เอ่อ นายด้วยเพียว ไปด้วยกันๆ ร้องเกะคนเยอะๆ จะได้สนุก”

               หันไปยิ้มร่าใส่คนที่นั่งเงียบมาตลอด

               เด็กหนุ่มหน้าบูดวางช้อนส้อมลงก่อนปรายตามองอีกฝ่าย

               “ผมใส่เฝือกอยู่...”

               อย่าเผือกกับผม ประโยคหลังไม่ได้พูดแต่สายตาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี แต่เพราะคนชวนเป็นปอนด์ ผลที่ได้รับจึงเป็น

               “เฝือกที่ขา ไม่ใช่ที่ปาก พูดได้ก็ร้องเพลงได้”

               เหตุผลเป็นจริงแต่ก็ชวนให้ฟาดปากกันอย่างบอกไม่ถูก เพียวจ้องหน้าปอนด์อย่างเอาเรื่องแต่ยังไม่ทันมีอะไร กอล์ฟก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

               “ไปเหอะ ผ่อนคลายบ้าง เรื่องที่เครียดอยู่จะได้หายไปไง”

               พอมีหัวหน้าห้องช่วยย้ำอีกแรง เพียวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยักหน้ารับเนือยๆ

              ...ถึงจะดูน่ารำคาญไปบ้าง...

               ...แต่ออกไปปลดปล่อยบ้างก็ดีเหมือนกัน...





TBC......




TaLk

มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน๊อะ มาสั้นก็เช่นกัน ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ขอโทษด้วยค่ะ ติดขัดอะไรหลายอย่างเลย กลับมาแล้วนะคะ หายไปเกือบๆ สองเดือนได้ //กราบ
พอดีปรับพล็อตนิดหน่อย แล้วยังทำตัวให้ชินกันตัวละครไม่ได้ เลยไม่อยากปล่อยออกมา
ตอนนี้พอจะเข้าที่เข้าทางแล้ว ฝากน้องเพียวไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่ะ ฮา -อี้หลิง

ปล. น้องก้องในเรื่องนี้เป็นคนเดียวกับในเรื่องโสดให้รู้ว่ารักนะคะ เพียงแต่คนละปี ฮา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 17:13:23 โดย zvonek »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ความรักทำให้คนหน่อมแน้ม ปัญญาอ่อนเพิ่มขึ้นเท่าตัว

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ไม่รู้ว่า กล์อฟ คู่ เป้ ไหม แต่เขาเชียร์ กล์อฟ กับ เพียว อ่ะ :ling1: ดูนางน่าร๊ากกกกกก ห้าวๆ ดี หรือ เพียว จะคู่ ปอนด์ ก็อ่ะเคร เอากล์อฟ ให้ ก้อง ก็ได้ คือ กล์อฟ คู่ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่เป้ ได้ป่ะ ไม่ได้หมั่นไส้นางที่ไปชอบโยหรอกนะ นางไม่ได้ผิดเพราะนางไม่รู้และถึงรู้ นางก็อาจจะไม่ได้รักกล์อฟอย่างแฟน นางรักแบบเพื่อนมากกว่า และรู้สึกว่าเคมีไม่เข้ากันกับกล์อฟอ่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :hao5: สงสารกอล์ฟจังเลยตัดใจเถอะน่ะ

พี่โยบทน้อยเราเลยไม่เชียร์


ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่9
แฟนใหม่ (?)




               ด้วยคำชวนในตอนเที่ยงทำให้ทั้งสี่หนุ่มได้อัดตัวรวมกันอยู่ในห้องคาราโอเกะขนาดเล็กบนช้อปปิ้งมอลล์ที่ทาสีเหลืองทั้งตึกใกล้ๆ โรงเรียน

               คนจับไมค์หลักก็คงหนีไม่พ้นนายปอนด์คนชวนที่โชว์พลังเสียงอย่างอลังการ จนเพื่อนชักหมั่นไส้รีบส่งก้องที่ร้องเพี้ยนได้อย่างอลังการไปสร้างสมดุล(?) ให้กับบทเพลง

               กอล์ฟลอบมองเพื่อนใหม่ที่ปฏิเสธไมค์นั่งเงียบอยู่ริมโซฟาใกล้ประตู เห็นอีกฝ่ายนั่งสไลค์หน้าจอมือถือคล้ายไม่สนใจโลกรอบตัว แต่พอมองดีๆ กลับเห็นเพียวกระดิกขาตามจังหวะเพลง

               ...อยากมีส่วยร่วมแล้วนั่งเก็กทำซากอะไรฟร่ะ...

               กอล์ฟขำพรืดกับท่าทีที่เห็น ซึ่งดูเหมือนว่าเพียวเองจะรู้ตัวว่าโดนมองซะแล้ว

               เขาชักสีหน้าไม่พอใจใส่คนจ้องที่ไร้มารยาท ขนาดโดนจับได้แล้วยังจะยิ้มหัวเราะอยู่อีก ตัดสินใจลุกขึ้น ใช้ไม้ค้ำประคองตัวเองไปที่หน้าประตู

               “ไปไหน”

               กอล์ฟรีบลุกตามคิดว่าอีกฝ่ายจะชิ่งกลับบ้านแต่คำตอบที่ได้กลับเป็นห้องน้ำ

               ทั้งๆ ที่ใช้ไม้ค้ำ หมอนั่นกลับเดินได้เร็วเกินคาด แต่ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าคนที่ขาปกติหรอก

               แปปเดียวกอล์ฟก็เดินตามคนเจ็บจนทัน

               “ตามมาทำไม”

               น้ำเสียงโคตรไม่เป็นมิตรจนกอล์ฟเริ่มสงสัย อีกฝ่ายเข้าสังคมได้ยากหรือจริงๆ แค่เกลียดหน้าเขาเป็นการส่วนตัวกันแน่

               “เรามาเข้าห้องน้ำ”

               ซะที่ไหนกันล่ะ เขาตามเพียวมาจริงๆ นั่นแหละ เจ็บขาอยู่เกิดมีปัญหา ลื่นล้มในห้องน้ำหรืออะไรขึ้นมาจะได้ช่วยได้ทัน โดนอาจารย์ฝากฝังไว้แล้ว

               แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้ ไม่ใช่ว่ามีใครล้มหรืออะไรหรอกนะ ทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องน้ำได้ปกติดีเพียงแต่ในตอนเดินกลับห้องคาราโอเกะนั้นเอง อยู่ๆ เพียวที่เดินเร็วมาตลอดก็หยุดชะงัก

               กอล์ฟที่เดิมตามหลังอยู่สองก้าวดก็รีบสาวเท้าเข้ามาดู กำลังจะถามอยู่แล้วว่าเป็นอะไร จู่ๆ อีกฝ่ายก็ทิ้งตัวพิงอกเขาซะอย่างนั้น ดีที่สติเขาดี ไม่อย่างนั้นได้มีถอยหลังล้มไปกองที่พื้นทั้งคู่แน่
   
               “กอล์ฟ...เพียวเดินไม่ไหวแล้ว ประคองเพียวหน่อยนะ”

               กอล์ฟสติแทบหลุด ประคองน่ะได้แต่ทำไมต้องทำเสียงอ้อนขนาดนั้นวะ อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไปกะทันหันเล่นซะเปลี่ยนอารมณ์ตามไม่ทัน

               “เหนื่อยแล้ว แต่ยังไม่อยากกลับ อยากอยู่กับกอล์ฟแบบนี้ตลอดเลย”

               ชักจะไปกันใหญ่แล้ว วันนี้ทั้งวันคุยกันไม่ถึงสิบคำ อยู่ๆ มาพิศวาสอะไรกันตอนนี้ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ก็มีรู้สึกว่าพวกเขากำลังโดนสายตาของเด็กนักเรียนที่ยืนห่างไปไม่เกินสามก้าวจ้องมองอยู่

               ไม่ใช่มองแบบพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่เป็นสายตาอาฆาต เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ในใจกอล์ฟก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที เขาส่งยิ้มให้เพียวก่อนจะเอื้อมมือไปโอบเอวช่วยประคองอีกฝ่ายให้เดินต่อไป

               และทันที่ที่เดินผ่านเจ้าของสายตาคุกคามนั่น

               “ไม่กี่เดือนก็หาผัวใหม่ได้แล้วเก่งนี่ ระวังไว้ด้วยล่ะ ติดโรคขึ้นมาจะขำไม่ออก หมอนี่มันผ่านอะไรมามาก...เชรี่ย!!”

               ทั้งๆ ที่ขาเจ็บ ทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่า แต่อยู่ๆ คนพูดก็โลกหมุน ล้มคว่ำไปนอนบนพื้น กอล์ฟรีบคว้าเพียวที่ยังใส่เฝือกตัวเอาไว้ไม่ให้เข้าไปกระทืบซ้ำ

               เสียงร้องตกใจของคนแถวนั้นเรียกให้เด็กผู้หญิงชุดนักเรียนคอนแวนต์ที่อยู่ในบูธขายเสื้อออกมาดู ก่อนจะรีบทรุดตัวลงช่วยประคองคนบนพื้น

               “พอสเป็นอะไร”

               เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจคำถามของแฟนสาว สายตาจับจ้องไปที่คนตัวเล็กอย่างอาฆาตแค้น

               “พวกมึง!!!....”

               “พื้นมันลื่น ดอกยางนายไม่ดีนายเลยล้ม...ใช่ไหม...ครับ”

               กอล์ฟพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยมองไปยังคู่กรณีก่อนจะปราดตาไปทางเด็กผู้หญิงข้างๆ หลักการมโนศาสตร์บอกใบ้ให้กอล์ฟรู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องที่น่าเปิดเผยแน่

               คราวนี้ถึงจะยากเอาเรื่องก็เอาไม่ได้ พอสไม่อยากให้แฟนใหม่รู้เรื่อง เลยต้องยอมตามน้ำ

                  “เอ่อ”

               ตอบรับอย่างเสียไม่ได้

               พอเป็นแบบนี้กอล์ฟเลยพาเพียวเดินต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องสนใจคู่กรณีอีก



               เพราะเมื่อครู่ออกแรงมากไปตอนนี้เลยเจ็บจนน้ำตาแทบไหล กอล์ฟเห็นอีกฝ่ายกัดฟันแน่เลยแวะพักตรงม้านั่งหน้าคาราโอเกะก่อน

               “เจ็บอยู่ดันทำซ่า เป็นไงไหวไหมเนี่ย ต้องไปหาหมอไหม”

               กอล์ฟถามอย่างเป็นห่วง สภาพแบบนี้ยังจับคนทุ่มลงพื้นได้ พลังแห่งความโกรธนีมันจะมากเกินไปแล้ว

               เพียวปฏิเสธ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาต่อสาย

               “จะกลับแล้ว”

               พูดสั้นๆ ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง เขาถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ แล้วค่อยหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

               เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่พอรู้ตัวอีกทีก็ทำไปแบบนั้นแล้ว ถึงหมอนี่จะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รังเกียจ อยู่ๆ ก็มีผู้ชายมาเกาะแกะ แถมยังเป็นคนที่ผ่านมือใครมาตั้งมาก

               “ขอโทษที่ดึงมาเกี่ยวข้องนะ นายไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันแล้วก็ได้...”

               “พลั๊วะ”

               ไม่ต้องกลัวใครว่ารังแกคนเจ็บ กอล์ฟตบเกรียนคนดึงดราม่าไปเต็มรัก

               “เพื่อนกัน คิดเชรี้ยไร”

               คำพูดอาจจะโกหกได้ แต่แววตาโกหกไม่ได้ อีกฝ่ายเต็มใจช่วยเขาจริงๆ เหมือนเมื่อก่อน...

               “ขอบคุณ”

               แล้วรอยยิ้มครั้งแรกในรอบสามเดือนของเพียวก็เกิดขึ้น

               ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีผู้ชายตัวใหญ่ใส่เสื้อโปโลสีกรมฯมารับเพียว เจ้าตัวบอกว่าเป็นลูกน้องของพ่อ พอคิดว่าอีกฝ่ายเข้าโรงเรียนกลางคันได้แบบนี้จะมีลูกน้องพ่อหน้าตาเหมือนมาเฟียมารับก็ไม่แปลก

               รอส่งให้ ‘คุณหนู’ ของผู้ชายเสื้อกรมฯเดินไปสุดทางแล้วกอล์ฟเองก็ได้ฤกษ์กลับห้องเกะไปโชว์พลังเสียงสักที หารค่าห้องเท่ากันแท้ๆ ขอเขาร้องให้คุ้มบ้างเหอะ!!!




TBC......




TaLK

ดองย๊าวยาว ฮา สปีดช่วงนี้คงประมาณนี้แหละค่ะ ได้แค่นี้จริงๆ ยิ่งเรียนใกล้จบยิ่งใกล้บ้า ฮา
จริงๆ ตอนนี้เขียนไว้สักพักแล้ว แต่ว่าลังเลอะไรนิดหน่อยเลยเลื่อนวันลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงตอนนี้ล่ะค่ะ พอจะสังเกตเห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในบทสนทนาของเพียวกับกอล์ฟบ้างไหมคะ เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรคะ เดียวทุกคนก็จะค่อยๆ รู้เรื่องเอง ฮา
เจอกันอีกทีปลายๆ เดือนนะคะ ถ้าไม่โดนนิพนธ์ทับตายไปก่อน ฮา สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ รักคนอ่าน //กอด –อี้หลิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:01:51 โดย zvonek »

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รีบๆมาต่อนะรออ่านอยู่ๆ อยากให้กอฟคู่เป้ :hao5:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เชียร์ กอล์ฟ+เพียว

ถ้าให้เดาน่ะ พอกอล์ฟกะเพียวเริ่มมีใจให้กัน เป้เลิกกะพี่โยแล้วกลับมาหากอล์ฟ
พระเอก คือ กอล์ฟ
นายเอกเราว่ายังไงก็เป็นเป้อ่ะ

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอร้อรอ :hao5:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
พอส-เพียวแฟนเก่า
กอล์ฟ-เพียวก็ได้
ก้อง-กอล์ฟดีกว่ามั๊ง
จะกอล์ฟ-ก้องก็ได้
ปอนด์-เพียวก็โอเต
โย-เป้ เรื่องของเธอสองคน เจ้าป้าหาได้ใส่ใจไม่
คิดว่าไงกอล์ฟก็ตัดใจได้
ถ้าหากว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักควบคุมใจกอล์ฟก็คงไปเฉ่งเป้ตั้งนานแล้ว
จะตามดูว่ารักของใครที่ต้องซ่อน
แต่ค่อนช้างคิดว่ารักโยเป้น่าจะมีปัญหาทีหลัง
เราว่ากอล์ฟจะเป็น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 10
พัฒนาการ




               เวลาผ่านไปจนกระทั่งคนขาเจ็บถอดเฝือกออกได้ ไม่มีบาดแผลกับไม้ค้ำยันอีกแล้ว จะเหลือก็แต่อาการพูดน้อยที่ยังคงไม่เปลี่ยน

               “ข้อนี้มึงต้องถอดป็อกกี้ออกก่อนดิแล้วค่อยคูณกลับเข้าไป”

               ก็คงจะมีแต่เรื่องนี้ละมั้งที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง

               สมการสองตัวแปรที่พวกเขาช่วยกันถอด เป็นหนึ่งไม่กี่เรื่องที่เพียวยอมจะคุยกับเขาได้โดยไม่เกิดช่วงเด้ธแอร์ เอาจริงๆ หลังจากเหตุการณ์ที่คาราโอเกะ ก็ดูเหมือนว่าเพียวจะยอมเปิดใจให้เขามากขึ้น ไม่ทำหน้าบูดใส่ตลอดเวลาเหมือนตอนแรก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด ยิ่งเพียวเองก็ยิ่งแล้วใหญ่ เคยนั่งเงียบๆ อยู่ด้วยกันตอนพักกลางวันจนก้องเคยโวยใส่มาแล้ว
   
               แต่เขากลับชอบบรรยากาศแบบนี้ มันชวนให้สงบใจมากกว่า

               “เป้ อย่าลืมวันนี้ทำรายงานบ้านกูนะ”

               กอล์ฟละสายตาจากโจทย์เลขบนโต๊ะพูดเตือนเพื่อนสนิทที่กำลังจะเดินออกจากห้องเรียน

               “อื้มรู้แล้ว เดี๋ยวตามไป”

               คนตัวเล็กตอบก่อนเดินยิ้มหน้าบานไปทางชั้นเรียนม.หก
   
               และเมื่อคำตอบของโจทย์ข้อสุดท้ายที่ทำค้างต่อเนื่องมาจากในคาบเรียนถูกเขียนลง สมุดเล่มนั้นก็ถูกคว้าไปโดยเพื่อนมือไวในห้อง

               “มึงเสร็จแล้วกุขอเอาไปลอก”

               ไม่ได้รอให้กอล์ฟพูดอนุญาตด้วยซ้ำอีกฝ่ายก็เดินไปไกลแล้ว

               “ใจดีแบบนี้ระวังเพื่อนจะทำเองไม่เป็นนะมึง”

               เพียวว่าพลางเก็บสมุดของตัวเองที่มีคำตอบครบถ้วนแล้วเช่นกันลงกระเป๋า

               หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเห็นจนชิน และกอล์ฟสันนิฐานว่ามันคงกลายเป็นนิสัย
   
               “เดี๋ยวใกล้ๆ สอบกูก็ติว”

               คนฟังทำหน้าหน่ายๆ ใส่คุณหัวหน้าห้องผู้ใจดี ทำตัวเป็นพ่อพระจนน่าหมั่นไส้

               “แล้วนี่จะไปเลยหรือรอเป้ก่อน”

               “ไปเลยดิ”

               พูดถึงรายงานที่ต้องจะไปทำด้วยกัน เพราะเข้ามากลางคันแถมตอนแรกในห้องก็จับคู่ทำงานกันได้พอดีอยู่แล้ว เพียวเลยต้องกลายเป็นคนที่สามของคู่กอล์ฟเป้ไปโดยปริยาย




               “ล้อกูเล่นใช่ไหม มันไม่พังก่อนถึงบ้านมึงเหรอ”

               น้ำเสียงโวยวายที่น้อยครั้งจะได้ยินจากปากเพียว คนตัวเล็กเหยียดสายตามองจักรยานแม่บ้านสนิมเขรอะด้วยสายตาแบบเดียวกับที่เอาไว้ใช้มองแมลงสาบ

               “หยาบคาย สนิมสร้อย(?)แข็งแรงจะตาย ไอ้เป้กับมึงก็ไซส์ไม่ต่างกันเท่าไหร่ กุพามึงถึงบ้านหรอก”

               เจ้าของจักรยานรีบลูบปลอบใจสนิมสร้อยจักรยานคู่ใจเป็นการด่วน กลัวว่ามันจะน้อยใจบุบสลายไปตามคำแช่งของใครต่อใคร

               “ปกติเป้ซ้อนมาเหรอ”

               กอล์ฟชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว แต่เพียวพึ่งย้ายมาไม่นาน ยิ่งเป็นตอนที่เป้ห่างออกไปจะไม่รู้ก็คงไม่แปลก

               “เปล่าหรอก เดี๋ยวนี้มันไม่ต้องซ้อนแล้ว ถ้าเพียวไม่อยากซ้อนเหมือนกัน เอาอย่างนี้ไหม เดินไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวกูเข็นสนิมสร้อยกลับบ้าน”

               เพียวรู้สึกว่ารอยยิ้มของกอล์ฟดูเศร้า เขาเองแค่ถามไปเพราะความแปลกใจเท่านั้นที่กอล์ฟเอาขนาดตัวเขาไปเปรียบกับเป้ ไม่ได้ตั้งใจไปสะกิดต่อมความรู้สึกใคร หรือจริงๆ พวกนั้นจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกันอยู่

               “เอ่อๆ กูจะยอมซ้อนไปก็ได้ ห้ามทำกูเข้าเฝือกรอบสองละกัน”

               ยอมเสี่ยงปีนไปนั่งซ้อนอีกฝ่าย เห็นแก่ที่มันดูไม่มีความสุขจะไม่ทำตัวเรื่องมากก็ได้




               แม้จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของโซ่จักรยานดังคลอไปตลอดทาง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ไม่มีใครบุบสลายตามคำยืนยันของเจ้าของ

               “อ่ะถึงแล้วบ้านกู ตรงข้ามนั่นบ้านไอ้เป้”

               พูดพลางชี้ไปยังฝั่งตรงข้ามที่สร้างมาหน้าตาเหมือนกันแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว

               “อืม...รู้”

               ตอบเสียงเบาคล้ายกับพึมพำกับตัวเอง กอล์ฟเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก รีบพาอีกฝ่ายเข้าบ้าน ใบของต้นแก้วเกลื่อนเต็มพื้น คงเป็นเพราะช่วงนี้ลมฝนเข้าออกวันเว้นวัน คงต้องหาเวลามากวาดสักที

               พาเพื่อนไปทักทายคุณแม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว แนะนำตัวเสร็จสรรพ กำลังจะขอตัว ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วของใครคนนึงดังมาแต่ไกล

               “คุณแม่ขา วันนี้คุณแม่ทำปลาสามรสใช่ไหมคะ ห๊อมหอม อย่าให้พี่เป้แย่งกุ๊กไก่กินนะคะ”

               เด็กหญิงตัวเล็ก ใส่คอซองเสื้อปกกะลาสีวิ่งถลาเข้ามาในห้องครัว แทบชนกับแขกของบ้าน ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกใจก่อนที่ใบหน้าจะขึ้นสีแดงระเรื่อวิ่งหนีไปหลบหลังพี่ชาย

               “ม...ไม่ใช่พี่เป้นี่ ตัวเท่ากันเลย”

               เด็กหญิงอุบอิ๊บกับตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะลั่นของพี่ชาย กับใบหน้าเหวอๆ ของเพียว

               “เราสูงกว่าเป้ตั้งสองเซนติเมตรเหอะ”

               ทำไมใครต่อใครถึงได้ชอบเอาความสูงของเขาไปเปรียบกับเป้นักนะ ยัยกุ๊กไก่เองก็เถอะ สูงเท่าไหร่เอง

               “อู้หู ตั้งสองเซ็นฯเชียว”

               เพียวอยากจะต่อยหน้าเจ้าของบ้านแรงๆ สักทีให้หายแค้น ฟังดูยังไงก็รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งประชด แล้วยังเสียงหัวเราะนั่นอีก

               “หยุดหัวเราะเลยนะ”

               เพียวมองสองพี่น้องตาเขียวปัด

               เรื่องราวเริ่มไปกันใหญ่ จนคุณแม่ต้องหันมาปราม ก่อนจะไล่เด็กเล็ก(?)สองคนกับเด็กโข่งออกจากห้องครัว

               “โหย เพราะพี่กอล์ฟเอาแต่ขำนั่นแหละ กุ๊กไก่เลยอดชิมอาหารก่อนเลย”

               เด็กหญิงโวยวายขณะนั่งแหมะลงกับโซฟารับแขก

               เพียวเองก็ทิ้งตัวนั่งลงแต่ห่างออกไป ทำเมินสองพี่น้องไปอีกทางด้วยยังเคืองเรื่องในห้องครัวไม่หาย เลยไม่ได้เห็นสายตาที่กุ๊กไก่เริ่มจ้องมองตัวเอง

               “เห้ย จำได้แล้ว พี่เพียว!!!”

               อยู่ๆ เด็กหญิงก็ร้องขึ้นมา เพียวถอนหายใจหน่ายๆ ก่อนยักคิ้วให้คนพึ่งนึกออกหนึ่งที ผิดกับกอล์ฟที่งงเป็นไก่ตาแตก

               “รู้จักกันเหรอ”

               กุ๊กไก่หันมาจิกตาใส่พี่ชายที่นอกจากเรื่องเรียนกับเรื่องของพี่เป้แล้วก็ไม่เคยจำอะไรได้เลย

               “อย่าบอกนะว่าพี่จำเพื่อนข้างบ้านตัวเองไม่ได้”

               ยังคงสัมผัสได้ถึงความงงบนใบหน้าของพี่ชายตัวเอง เด็กหญิงรู้สึกสงสารพี่เพียวขึ้นมาจับใจ ทนคบตาบื้อนี่เป็นเพื่อนมาได้ยังไงกันนะ

               “พี่กอล์ฟ พี่เพียวที่บ้านติดกับเราที่ย้ายออกไปเมื่อห้าหกปีก่อนไง ขนาดตอนนั้นกุ๊กไก่อยู่ป.สามยังจำได้เลย”

               แอบเกทับไปนิดหน่อย จริงๆ ที่จำได้เพราะตอนนั้นเธอชอบพี่เพียวมากเลยต่างหาก เสียใจแทบตายที่พี่เพียวย้ายบ้านไป แต่เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้พี่กอล์ฟรู้หรอก

               “เห้ย!!! จริงดิ เห้ยยยยยย จำได้แล้วๆ ขอโทษ”

               ยกมือไหว้ท่วมหัว เขาเป็นพวกจำคนไม่เก่งอยู่แล้วด้วย ไม่เจอกันหลายๆ ปี ต่างคนก็ต่างโตขึ้นใครจะไปจำได้กันเล่า

               “นึกออกช้าไปไหมมึง เป้มันรู้ตั้งแต่วันที่สองที่กูไปโรงเรียนเลย”

               แต่ไหนแต่ไร หัวกอล์ฟก็มีไว้จำเรื่องเป้อยู่แล้ว เพียวรู้ดีเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อน

               “โหยแล้วทำไมมันไม่บอก”

               โวยเอง ก็แอบจุกเอง เอาจริงๆ นอกจากเรื่องเรียนเป้กับกอล์ฟก็แทบจะไม่มีเวลาคุยเล่นกันจริงๆ อีกเลย แถมไม่ค่อยมากินข้าวเย็นบ้านเขาแล้วด้วย ถ้าวันนี้ไม่มีเรื่องรายงาน เป้มันจะยอมแยกกับแฟนมากินข้าวบ้านเขาไหมนะ

               “เป้ จ่ายกุมาสองร้อย”

               กอล์ฟหันมองตามสายตาของเพียว บุคคลในความคิดเดินทำหน้ามุ่ยเข้ามาก่อนจะมองค้อนเขา

               สองสัปดาห์ก่อนตอนที่เพียวกลับมาใหม่ๆ พวกเขาพนันกันไว้ว่ากอล์ฟจะจำเพียวได้ด้วยวิธีไหน เป้ว่ายังไงกอล์ฟก็น่าจะนึกขึ้นได้เอง ส่วนเพียวว่ากอล์ฟต้องให้คนอื่นเตือน ข้อแม้ก็คือพวกเขาสองคนต้องไม่เป็นคนบอกกอล์ฟเองเด็ดขาด

               “กอล์ฟแม่ง สมองปลาทอง ทำกูเสียเงิน”

               เหวี่ยงกระเป๋าจาคอบลงข้างโซฟาก่อนหาที่ว่างทิ้งตัวนั่งลงแล้วล้วงเงินออกมาให้เพียว

               “ขอบใจ”

               กอล์ฟมองสองตัวแสบสลับไปมาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำไมวันนี้เขาถึงได้กลายเป็นหัวข้อพนันของพวกมันไปได้นะ




TBC......




TaLK

แฮะ //กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ขอโทษด้วยนะคะ ที่หายนานเลย ติดธีสิสค่ะ กว่าจะจบได้เลือดตาแทบกระเด็น นอนวันเว้นวันกันเลยทีเดียว ช่างเป็นเดือนที่โหดร้ายเหลือเกิน จริงๆ นี่ก็ยังไม่เสร็จดี เหลือแค่แก้รูปเล่มแล้ว เลยแวะมาแปะซะหน่อย ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนกันไปทวงถามนะคะ อี้เองก็อยากจะอัพใจจะขาด หลังจากนี้ก็จะพยายามไม่หายไปนานๆ แบบนี้อีกนะคะ (คุ้นๆ ไหมประโยคนี้) จะพยายามทำให้ได้คะ พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ -อี้หลิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:07:47 โดย zvonek »

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 11
สัญญา




               "หนึ่ง... สอง... สาม..."

               เสียงนับเลขดังไปทั่วลานเด็กเล่น เหล่าเด็กน้อยรีบกระจายตัวหาที่หลบซ่อน

               เด็กชายตัวเล็กผิวขาวซีดท่าทางอมโรคดูตื่นๆ วิ่งไปทางซ้ายที ขวาที แต่ก็ยังหาที่ซ่อนที่ไม่มีคนอื่นจับจองไม่ได้

               “ขึ้นมาบนนี้”

               เสียงกระซิบดังจากบนต้นไม้ พอเงยหน้ามองตามขึ้นไป ก็พบว่าคนพูดคือเด็กผู้ชายที่บ้านอยู่ติดกันนั่นเอง

               “ปีนไม่เป็น”

               จะว่าสูงต้นไม่ก็ไม่ได้สูงอะไร มีกิ่งก้านให้เหยียบแถมยังมีก้อนหินอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยซ้ำ แต่คนไม่กล้าก็คือไม่กล้า

               “งั้นช่วย”

               พูดจบ กอล์ฟก็กระโดดตุบลงมายืนข้างๆ ก็จะช่วยดันตัวเขาขึ้นต้นไม้

               เด็กชายเพียวตะเกียดตะกายปีนก่อนจะหาที่ยึดเกาะแน่น อีกไม่กี่วินาทีต่อมา กอล์ฟเองปีนขึ้นมาตาม

               "...สิบ...เอายางงงง"

               เด็กชายตัวเล็กที่หลับตาปี๋ตะโกนถาม ไร้เสียงตอบรับเป็นสัญญาณให้ออกคนหา

               "เราหาแล้วน้า..."

               เป้ตัวน้อยเดินหาไปทั่ว เริ่มจากหมูแฮมที่แอบไม่มิดเป็นคนแรก คนที่สองเป็นเด็กหญิงผมแกะที่เข้ามาเล่นด้วยเป็นครั้งแรก

               เพียวกลั้นหายใจไม่กล้าขยับตอนเป้เดินผ่านต้นไม้ ฝ่ามือกำชายเสื้อของกอล์ฟไว้แน่น เพราะกลัวจะตก และแล้วเป้ก็เดินผ่านไป

               ใช้เวลาไม่นานนัก สมาชิกทุกคนก็โดนจับเกือบหมดแล้ว เหลือก็แต่สองคนที่ยังแอบอยู่บนต้นไม้
   
               "เด็กๆ เย็นป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับกันอีก เดี๋ยวก็โดนดุหรอก"

               เสียงเตือนจากคุณแม่ของหมูแฮมที่มารับลูกกลับบ้านพาเอาเด็กๆ มองหน้ากับเลิกลัก หลายคนตัดสินใจตามหมูแฮมกลับบ้านไป

               “ลงกัน”

               เพียวพูดเสียงเบา อยู่บนที่สูงแบบนี้รู้สึกใจสั่นเหมือนจะเป็นลม

               "กอล์ฟๆ อยู่ไหน เลิกเล่นแล้วนะ"

               เสียงร้องตะโกนดังมาจากข้างล่าง เพียวทำท่าจะร้องตอบแต่กอล์ฟกลับรีบเอามือปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้

               “อย่าส่งเสียงนะ”

               รอยยิ้มขี้แกล้งของกอล์ฟทำเอาเพียวแอบสยองแทนเป้ ได้แต่นั่งเงียบๆ เกาะกิ่งไม้ไว้แน่น

               "กอล์ฟออกมา เราอยากกลับบ้านแล้ว"

               "กอล์ฟ"

               "กอล์ฟ"

               และ

               "ไม่ออกงั้นเรากลับนะ....โอ๊ย"

               ตั้งใจจะหมุนตัวกลับอย่างปากว่า แต่เพราะขาที่ไม่ค่อยแข็งแรง พอทำอะไรเร็วๆ ก็ดันทรงตัวไม่อยู่

               "เห้ย"

               กอล์ฟร้องอย่างตกใจ ทำท่าจะกระโดดลงไป แต่ก็หันมาสั่งอีกคนที่อยู่บนต้นไม้ไว้ก่อน

               “เดี๋ยวกลับมารับ”

               พูดก่อนที่จะกระโดดลงไปแล้ววิ่งไปดูเพื่อนที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้น

               เพียวนั่งดู เป้ขี่หลังกอล์ฟเดินกลับบ้านอยู่บนต้นไม้ กอล์ฟบอกว่าจะมารับ เพียวเลยนั่งนิ่งๆ รอ

               รอ

               รอ

               และรอ

               จนกระทั่งฟ้าก็มืดสนิท ไฟดวงเล็กๆ จากกลางลานเปิดสว่างขึ้น แต่สำหรับเพียวมันไม่ได้ช่วยเลย

               “ฮือๆ กอล์ฟอยู่ไหน เราลงไม่ได้ กอล์ฟๆๆๆ”

               เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนตนไม้ พยายามจะปีนลงจากต้นไม้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าลง กลายเป็นอาการค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น

               “ไหนว่าจะมารับไง กอล์ฟอยู่ไหน”

               เด็กน้อยร้องไห้ไม่หยุด จนเริ่มคิดว่าจะไม่มีใครมารับแล้วจริงๆ

               “เพียว!!!ลูก!!!”

               “คุณแม่!!!!!!”
   
               เด็กชายถูกช่วยลงมาได้ด้วยคุณพี่ยามประจำหมู่บ้าน เขาซุกตัวลงกับอ้อมกอดของแม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนถึงบ้าน และไม่ยอมลุกจากเตียงเลยในวันรุ่งขึ้น




               “ขอโทษ”

               “ออกไป ออกไปนะ”

               คำขอโทษถูกกลบด้วยเสียงตวาด พร้อมๆ กับตุ๊กตาคุณหมีตัวใหญ่ที่ลอยตามมาจากเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงก่ำด้วยอารมณ์โกรธ เมื่อวานเพียวกลัวมากจริงๆ ทั้งๆ ที่บอกว่าจะกลับมารับแล้วทำไมถึงไม่กลับมาล่ะ

               กอล์ฟเซไปตามแรงกระแทกของคุณหมี แต่เด็กชายก็ไม่ละความพยายามที่จะขอโทษ

               “ขอโทษจริงๆ นะ”

               “ก็บอกให้ออกไปยังไงเล่า เราเกลียดกอล์ฟแล้วออกไปนะ โป้ง”

               ชูนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย พร้อมกับสะบัดหน้าหนี

               “อย่าโกรธเราเลยนะ ดีกันเถอะ”

               กอล์ฟยื่นนิ้วก้อยหาอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าเพียวตัวน้อยจะไม่ยอมมองเลย

               “ไม่”

               “เราให้ขี่หลังก็ได้นะ”

               ลองใช้ข้อเสนอเดียวกับที่ใช้กับเป้เมื่อวาน

               “เพียวไม่ใช่เป้ ไม่ขี่หลังกอล์ฟหรอก”

               ดูเหมือนว่าไม่ได้ผล เลยลองเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบดู

               “งั้นจะพาไปปีนต้นไม้”

               “ไม่เอา!!!!”

               กลายเป็นว่าไปปลุกความกลัวของเพียวอีกจนได้ เด็กชายตัวเล็กทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว คนที่ตัวโตกว่าเกินเด็กอายุหกขวบอย่างกอล์ฟเลยดูเป็นไจแอ้นรังแกคนอื่นไปซะเฉยๆ

               “งื้อ อย่าร้องนะ ขอโทษจะไม่ทิ้งเพียวไว้คนเดียวอีกแล้วนะ เราสัญญา”

               ละลักละลำปลอบคนบนเตียงไม่ให้ร้องไห้อีก และก็ดูเหมือนว่าจะได้ผล เพียวสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ก่อนจะถามย้ำ

               “จริงๆ นะ ถ้าทิ้งเราอีก เราโป้งกอล์ฟจริงๆ ด้วย”

               “อื้อ สัญญาเลย”

               และแล้วทั้งคู่ก็เกี่ยวนิ้วก้อยกันเป็นการทำสัญญา



TBC......




TaLk

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ ในที่สุดก็พาเนื้อเรื่องมาถึงช่วงที่สองจนได้ ช่วงอดีตจะเป็นตัวขั้นเนื้อเรื่องในแต่ละส่วนค่ะ ถ้าจะเห็นได้เริ่มจากเล่นซ่อนหาในบทนำค่ะ หลังจากพักยกกันด้วยตอนเบาๆ กันมาหลายตอน เดี๋ยวเราก็จะกลับไปต้มมาม่ากันอีกครั้งแล้วค่ะ //หลบตีน สำหรับแพร์ริ่งหลักของเรื่องก็ยังเดากันได้ต่อไปนะคะ 5555 ถึงอี้จะมีบทสรุปแล้วแต่ก็ชอบเห็นทุกคนเดานะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ มีอะไรแนะนำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ ><  - อี้หลิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:12:12 โดย zvonek »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราเชียร์เพียวนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 12
คำชวน



   
               พึ่งจะเป็นเวลาหกโมงเช้าตอนที่เพียวตัดสินใจลุกจากเตียง เผลอสะดุ้งตื่นตอนตีห้าครึ่งพอคิดว่าจะหลับต่อก็ดันตาสว่างซะได้ อาจเพราะว่าแปลกที่ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจมาหลายวัน เลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำปล่อยให้เจ้าของบ้านตัวจริงนอนต่ออีกสักหน่อย

               เพราะห้องน้ำแยกกับห้องนอน เขาเลยได้กลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งจากในครัวที่ลอยมาเตะจมูกถึงชั้นบน เพียวเดินตามกลิ่นอาหารไปพร้อมกับท้องที่ร้องโครกคราก

               คุณแม่กอล์ฟตื่นมาทำอาหารตั้งแต่เช้า พอสอบถามถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีธุระเลยตื่นมาทำทิ้งไว้ก่อน เลยกลายเป็นจังหวะดีได้กินของอร่อยเป็นลาภปากแต่เช้า

               ตอนที่ลูกชายเจ้าของบ้านงัวเงียเดินลงมาจากชั้นบน คุณแม่ก็ออกจากบ้านไปแล้ว แถมเพียวก็กินข้าวต้มหมดไปสองถ้วยแล้วด้วย

               “ข้าวต้มอร่อยไหม”

               กอล์ฟเอ่ยถามคนที่กำลังจ้วงข้าวถ้วยที่สามเข้าปากอย่างจริงจัง ไม่ได้รับรู้จำนวนอาหารที่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย

               “ขืนมาบ้านนายบ่อยๆ น้ำหนักต้องขึ้นแน่”

               เพียวตอบพร้อมพยักหน้ารัวๆ ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วที่เขาเพิ่มข้าวไปตั้งหลายต่อหลายจาน

               “เสียดายเน๊อะ กินข้าวมันไม่เพิ่มความสูง”

               คนฟังแทบสำลักข้าว ร้องด่าคนแซวแทบไม่ทัน

               “เลว”

               “พูดจริงๆ นะ ไม่งั้นไอ้เป้สูงตายไปแล้ว”

               เป้อีกแล้ว เพียวอยากจะถามกอล์ฟเหลือเกินว่าเขารู้ตัวไหมว่าในหนึ่งวัน เขาพูดถึงชื่อเป้กี่ครั้ง  พาลให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน

               ...”อย่าไปนะเป้ อย่าไป”...

               ตอนที่หมอนี่ละเมอออกมาแบบนั้น มันฟังดูเศร้าจนน่าสงสาร ได้ยินมาบ้างว่าเป้กำลังคบกับรุ่นพี่ และก็มีได้ยินมาบ้าง ว่ากอล์ฟกับเป้เคยโดนจับคู่กัน หรือบางทีเรื่องที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง

               ...กอล์ฟชอบเป้..

               เป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่านะ

               “เห้ย คิดไรอยู่นิ่งเชียว”

               กอล์ฟที่ตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถามเมื่อเห็นเพื่อนตกอยู่ในภวังค์

               “กำลังคิดว่ากอล์ฟชอบเป้”

               สิ้นคำ กอล์ฟก็ไอพรืดสำลักข้าวต้มขึ้นมาทันที

               “แค๊ก แคก ใครบอกมึง”

               ยกน้ำขึ้นมากระดกดื่มก่อนจะรีบถาม

               ไม่ใช่คำปฏิเสธ แต่ถามว่าใครบอก แปลว่าใช่จริงๆ สินะ เพียวสรุปในใจ

               “เดาเอา”

               กอล์ฟอยากร้องกรี้ดในใจ ทำไมใครต่อใครก็ดูออกว่าเขาชอบเป้ ทำไมมีแต่เป้ที่ดูไม่รู้ ปล่อยให้เขาเจ็บใจอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอดกันนะ

               “ทำไมเดางั้นวะ”

               “แล้วทำไมมึงไม่บอกมันไปวะ”

               พูดเหมือนก้องไม่มีผิด ถ้าคนเราจะบอกรักกันง่ายขนาดนั้น เขาไม่รอให้ไอ้พี่โยมันตัดหน้าเขาแบบนั้นหรอก

               “เชรี่ยเป้ชอบพี่โย จะให้กุบอกไปทำไม อีกอย่างนะ กูตัดใจแล้วด้วย อย่ามายุ”

               “หมายถึงจะไม่รักเป้อีกแล้ว”

               ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

               “เอ่อ...ก็ประมาณนั้นมั้ง” คนที่แพ้ก็ต้องตัดใจแบบเขา ไม่มีสิทธิมาคร่ำครวญ

               “งั้นคบกับกู”

               “ห๊ะ”

               บางทีนี่ก็เป็นการร้องเสียงดังที่สุดของกอล์ฟก็เป็นได้




               “เชรี่ยกอล์ฟ ตามึงไปโดนอะไรมา”

               ทำทักทายแรกที่ก้องมีให้ ไม่ได้ต่างจากของเป้ และปอนด์ที่มาถึงก่อนเลยแม้แต่น้อย เพราะ บัดนี้เจ้าของบ้านมีวงช้ำวงเบ้อเร้ออยู่ที่เบ้าตา นี่ยังไม่นับร้อยเขียวๆ ที่มีอยู่ในร่มผ้าอีกสองสามจุด เห็นตัวเล็กแบบนี้ ทำไมมือเท้าหนักนักนะ

               “โดนหมามันฟัด”

               พูดพลางปรายตาไปมอง ‘หมา’ ตัวเล็กที่นั่งมองตาขวางอยู่ไม่ไกล

               “คนปากหมาก็เหมาะให้หมามันกัดอยู่หรอก”

               เขาผิดเองที่ไปขอให้มันช่วย งี่เง่าเป็นบ้า

               “งี้ก็ยอมรับแล้วสิว่าตัวเองเป็นหมาอ่ะ”

               หวิดจะวางมวยกันอีกรอบถ้าอยู่ๆ เป้ก็ไม่ลุกพรวดขึ้นมา เล่นเอาตกอกตกใจกันหมด

               “เดี๋ยวมานะ”

               พูดจบก็ทำท่าจะวิ่งออกจากห้องไป

               โชคยังดีที่ก้องมีสติตะโกนถามออกไป

               “มึงจะไปไหน”

               และคำตอบที่ได้ ก็ทำให้คนๆ นึงไม่มีสติ

               “พี่โยจะมาติวด้วย”

               ...เป้มันกำลังจะเอาหนามยอกอกเข้าบ้านเขา...




TBC......




TaLk

สวัสดีตอนที่สิบสองค่ะ ไม่รู้จะทอล์คอะไร เอาเป็นว่า เรามาดูกันตอนหน้าเนอะ ว่าพี่โยมาแล้วจะมีอะไร แล้วก็ ทำไมเพียวถึงได้ตีกับกอล์ฟขึ้นมาได้ มีอะไรติชมกันได้นะคะ ฝากเด็กๆด้วยค่ะ -อี้หลิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:17:00 โดย zvonek »

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เราชอบเนื้อเรื่องที่พระเอกนายเอกเคยมีความผูกพันตอนเป็นเด็กมาก่อน ทำให้เรื่องโรแมนติกมากๆค่ะ

เราอยากให้เพียวเป็นนายเอก  เพราะเรารู้สึกว่าเป้รักและผูกพันกับกอล์ฟแบบเพื่อนรักจริงๆ เราว่าเป็นเพื่อนรักที่น่ารักมากๆ

ตอนนี้เพียวเหมือนยังไม่รักกอล์ฟหรือว่าซ่อนรักอยู่ แต่เราว่าคงอีกไม่นานต้องเปิดเผยว่ารักบ้างล่ะ เพราะกอล์ฟออกจะแสนดีเนอะ

รอลุ้นตอนต่อไปค่ะว่าทำไมถึงเกิดเรื่องชกต่อยกันได้ นายเอกแมนๆก็น่ารักไปอีกแบบ555

เรื่องนี้สมกับชื่อเรื่องจริงๆค่ะ
กอล์ฟซ่อนความรักที่มีต่อเป้ โดยที่เป้ไม่เคยรู้ตัวเลย
และถ้าเพียวเป็นนายเอก ก็ซ่อนตัวได้เก่งมาก กว่าจะออกมามีบทบาท555

รอลุ้นมากๆค่ะว่าใครจะเป็นนายเอก ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ เรื่องนี้สนุกมากๆค่ะ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2015 10:25:09 โดย Lovetree »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
จากความเข้าใจของเรากอล์ฟต้องซ่อนความรู้สึกที่มีให้เป้ พยายามตัดใจจากเป้โดยทำกับเป้แบบเป็นเพื่อน แต่ความฝังใจยังไงมันก็ฝังอยู่ลึกยิ่งกอล์ฟมีแต่เป้มาตั้งนานแล้วด้วย      เชียร์กอล์ฟ-เพียวนะ เพราะสำหรับเราเป้หมดสภาพความเป็นไปได้ที่จะมาเป็นแฟนของกอล์ฟไปแล้วค่ะ       เรื่องอาจจะมันส์พิลึกถ้าหากว่าพี่โยโผล่มาแล้วปรากฏว่านางแอบชอบกอล์ฟมานานมากๆ

หวังว่าการเข้ามาใกล้ชิดของโยจะไม่ทำให้กอล์ฟเจ็บมากเกินไปไหนๆก็ตัดอกตัดใจไปแล้ว

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 13
พิจารณา

               หน้าที่ของหนามยอกอกคือการทิ่มแทงหัวใจ ซึ่งกอล์ฟก็คิดว่าพี่โยเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่ายกโล่ประกาศกิตติคุณให้

               บางทีเขาก็อยากตะโกนถาม มานั่งติวหนังสือทำไมต้องกุมมือ แล้วทำไมต้องหัวเราะคิกคักกันด้วย ได้ฟังที่เขากำลังพูดอยู่บ้างหรือเปล่า ที่สอนไปเข้าหัวบ้างไหม ยิ่งเรียนแย่ๆ อยู่ แล้วเขาที่มัวแต่สนใจมันนี่เสียสมาธิไหม

               “กอล์ฟ มึงเฉลยผิดข้อ”

               นั่นไง เสียจริงๆ ด้วย เสียงท้วงของคนที่ถนัดวิชานี้พอๆ กับเขาดังขึ้น ในที่สุดเพียวก็ยอมเปิดปากพูดกับเขาหลังจากที่ตีกันไปเมื่อเช้า แต่ก็ไม่วายเป็นคำท้วงติงอยู่ดี

               “ห่า กูอุตส่าห์จด สองรอบแล้วนะมึงวันนี้”

               ปอนด์ที่น่าสงสารทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ดูท่าทางอยากจะทึ้งหัวเขาแทนแน่ๆ

               “ไม่มีสติไปนอนไหมมึง ให้เพียวติวแทน”

               ขนาดก้องยังจิกเขา มีแต่สองคนนั่นล่ะมั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร

               “เป้ กูเฉลยผิดข้อ”

               เป้หันหน้ามาตามเสียงเรียกพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปคุยต่อ เขาอุตส่าห์จงใจบอกมัน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหนังสือที่เปิดค้างอยู่มันเป็นโจทย์ตั้งแต่สามข้อก่อนหน้าแล้ว

               “เป้!!”

               “อะไร ก็รู้แล้วไงว่ามึงเฉลยผิดข้อ”

               พอโดนท้วงบ่อยๆ เป้ก็ชักจะหงุดหงิด มองเพื่อนรักตาขวาง แต่กอล์ฟเองก็อารมณ์ขึ้นแล้วเหมือนกัน

               “ฟังกูสอน”

               “อื้อ รู้แล้วน่า”

               “รู้ก็ทำดิ แล้วพี่โยก็หยุดชวนมันคุยได้แล้วครับ”

               สาบานว่าเขาไม่ได้พาล แต่เขาเกลียดที่สุดเวลาเขาพูดแล้วไม่ฟัง ยิ่งกับคนที่จำเป็นต้องฟังด้วยแล้ว เขายิ่งหงุดหงิด

               “ตั้งใจตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่พอตกแล้วค่อยมาโวยวาย คนที่กุมมือมึงอยู่ก็ช่วยมึงไม่ได้”

               “เห้ย ที่พูดมันจะเกินไปหน่อยไหมวะ”

               เป็นพี่โยที่ทนไม่ไหวก่อน ลุกพรวดจากเก้าอี้ โชคยังดีที่เป้คว้ามืออีกฝ่ายยึดไว้ก่อน

               “พอแล้วๆ กอล์ฟมึงมานั่งให้ไอ้เพียวติวแทน”

               ก้องรีบห้ามทัพกลัวว่าจะมีเรื่องกันซะก่อน

               “กูว่าพักกันก่อนไหม”

               เพียวเสนอ ไหนๆ พวกเขาก็ติวมาราธอนกันมาสามชั่วโมงรวดแล้ว และพอได้รับความเห็นชอบจากทุกคนจึงได้พูดต่อ

               “งั้นกูไปซื้อขนมร้านป้าแว่นนะ”

               “เอ่อดีๆ กอล์ฟมึงไปเป็นเพื่อนเพียวเลย”

               ก้องผลักไสไล่ส่งให้เพื่อนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศโดยลืมไปซะสนิทว่า รอยช้ำบนตาเพื่อนนั้นมาจากใคร

               แต่ในเมื่อเพียวไม่โวยวายอะไร กอล์ฟก็จำใจต้องเดินไปเอาสนิมสร้อยลูกรักออกมาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ไปพ้นๆ หน้าไอ้ตัวสูงโย่งท่าทางกวนบาทานั่นสักแปปก็ยังดี

               เพียวขึ้นนั่งซ้อนโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากเรียกให้เสียเวลา อันที่จริง ตลอดทางนอกจากเสียงเอี๊ยด     อ๊าดของโซ่จักรยานก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ก็เมื่อเช้าเขาพึ่งทะเลาะกันพอออกมาแบบนี้ก็อึดอัดนะสิ

               “ขอโทษ เมื่อเช้าเราปากเสียเองแหละ”

               เป็นคนตัวโตที่ตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน

               “ช่างเหอะ เราเองก็ใจร้อนไปหน่อยแหละ ขอโทษเหมือนกันนะ”

               เพียวเองก็ขาดสติ รู้ตัวอีกทีก็ซัดอีกฝ่ายไปหลายหมัดแล้ว

               “แล้วเรื่องที่ถามนั่น จริงหรือเปล่า” 

               นึกย้อนไปถึงคำขอประหลาดของอีกฝ่ายแล้วก็สงสัย ขอให้เขาคบด้วย หรือเพียวมันจะเป็นบ้าไปแล้ว

               “ไม่ได้ล้อเล่น”

               “กู...”

               “ไม่ต้องรีบตอบ ไปคิดดูดีๆ”

               “เอางั้นก็ได้ เอ๊า ถึงแล้ว ลงๆ”

               ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกลางหมู่บ้าน ร้านป้าแว่นเป็นร้านขายของชำประจำหมู่บ้าน ลดระยะเวลาปั่นจั๊กไปเซเว่นหน้าปากซอยได้โข




               “เห้ย ชาเขียวของใครตั้งห้าขวด”

               เขาจะไม่โวยเลยสักนิดถ้าห้าขวดนั้นมันไม่ใช่ขวดลิตร จำได้ว่าในใบรายการที่เพื่อนฝากซื้อมันไม่มี

               “ของกูไง กุกินเอง”

               กอล์ฟมองเพียวพี่ทำหน้าฟินใส่ขวดชาเขียวด้วยความรู้สึกขนลุก ก่อนจะหยิบออกจากตะกร้าไปสามขวด

               “เยอะไป”

               รีบพูดย้ำเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของอีกฝ่าย แต่เพียวเองก็ไม่ยอมแพ้ รีบยื้อกลับมาหาตัว

               “พรุ่งนี้ก็หมดแล้ว เผลอๆ แบ่งคนอื่นกินวันนี้ก็หมด”

               นี่มันคือชีวิตของเขาเลยนะ กินเพื่ออยู่ ไม่มีไอ้พวกนี้เขาต้องตายแน่ๆ

               “มันน้ำตาลเยอะ คาเฟอีนก็เยอะ”

               “เอ่อ กุชอบ”

               อาศัยจังหวะที่กอล์ฟทำตัวเป็นคุณพ่อขี้บ่นแอบหยิบขวดชาเขียวกลับลงตะกร้าอีกครั้ง

               “มันไม่ดีต่อสุขภาพมึง”

               พูดพร้อมกลับหยิบออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้กอล์ฟเอาออกไปทั้งหมด

               “เห้ยยย เผด็จการสัส เอาคืนมา เอามาขวดเดียวก็ได้ คืนมา”

               เพียวรีบเอาขวดชาเขียวซุกเขาหาตัว กอดไว้ประหนึ่งเป็นลูกรักก็ไม่ปาน

               “นี่ก็ช่วยให้มึงไม่ตายอยู่นะ ยังจะด่ากุอีก ไม่ต้องกิน”

               “โอเว่อร์ชิบหาย ขวดเดียว ขอขวดเดียวนะ”

               เปลี่ยนคำด่าเป็นคำอ้อนทันควัน ด้วยกลัวว่าถ้าเถียงกันต่อสงสัยว่าจะไม่ได้เอากลับไปสักขวดจริงๆ

               คอยดูเถอะกลับบ้านไปจะกินให้หมดเป็นลังเลย พอคิดได้แบบนั้นอารมณ์ก็เริ่มดีขึ้นนิดหน่อย เดินลิ้วไปจ่ายเงินก่อนที่กอล์ฟจะเห็นว่าเขาแอบคว้ามาอีกขวด




               พอกลับถึงบ้าน เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ไม่มีใครหงุดหงิดใส่ใครอีก อาจเพราะเปลี่ยนคนติวเป็นเพียวตามที่ตกลงกันในตอนแรก หรืออาจจะเป็นเพราะพี่โยได้เดินหนีไปอ่านหนังสือเงียบๆ แถวๆ มุมห้องแล้วก็เป็นได้

               และแม้ว่าเพียวจะติวงงๆ ไปหน่อย แต่เมื่อมีกอล์ฟคอยช่วยเสริมทุกอย่างก็ผ่านไปได้สะดวกมากขึ้น

               “โหย ถ้าเพียวย้ายมาเร็วกว่านี้ก็ดีดิ ติวก็ดี แถมยังไม่ดุแบบไอ้กอล์ฟอีก”

               ปอนด์พูดพร้อมคล้องแขนเจ้าของชื่อด้วยท่าทางออดอ้อนน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด เรียกฝ่าเท้าจากคนที่โดยกัดว่าดุไป 1 ea

               “เห็นไหมเพียว กอล์ฟใจร้ายขนาดไหน เพียวต้องอยู่พิทักษ์เค้าน้า”

               ขนาดลงไปนอนกองที่พื้นก็ยังไม่เลิก เพียวย่อตัวลงไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนเอ่ยคำสัญญา

               “เพียวจะปกป้องปอนด์เองนะ จากนี้ปอนด์ก็ต้องเฝ้าบ้านดีๆ พอมีโจรขโมยมาก็ต้องเห่าเรียกเข้าใจไหม”

               “รับทราบโฮ่ง ถุย คนไม่ใช่หมาครับ”

               “อ้าว กุก็คิดว่ามึงว่าสปีชี่ส์เดียวกับมันสะอีก”

               เพียวพูดพร้อมกับปรายตามองไปยังกอล์ฟที่ยืนขำอยู่ไม่ไกล

               “อ้าวเห้ย จะกลับบ้านก็กลับกันไป ไม่ต้องมาปาดยาวแขวะกู”

               เจ้าของบ้านที่อยู่ๆ โดนหางเลขรีบส่งแขก เป็นจังหวะเดียวกับที่ก้องวิ่งกลับเข้ามาในบ้านพอดี

               “เพียวรถมึงมาแล้ว”

               “อ้อ งั้นไปกัน”

               เพราะเพียวมีคนขับรถมารับ เพื่อนๆ เลยได้อานิสงติดรถไปลงหน้าปากซอยกันถ้วนหน้าจะยกเว้นก็แค่

               “พี่จะไม่ออกไปด้วยกันจริงๆ เหรอครับ”

               เขาหันไปถามพี่โยเป็นรอบสุดท้าย อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง จึงถึงเวลาแยกย้าย

               หายไปสามเหลืออีกสาม แถมเป็นสามที่กลับมาสร้างบรรยากาศขึ้นอีกครั้ง แค่มองหน้าก็ให้ความรู้สึกชวนทะเลาะขึ้นมาแล้ว

               “แล้วนี้จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเหรอครับ”

               น้ำเสียงของเจ้าบ้านไม่ได้ให้ความรู้สึกเชื้อเชิญเลยสักนิด ติดไปในทางประชดหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ มีหรือว่าคนฟังจะไม่รู้

               โยยิ้มกว้าง คว้ามือคนข้างๆ ขึ้นมากุม เป้หน้าแดงอดที่จะเขินไม่ได้เมื่อมีพยานรู้เห็นชัดเจนขนาดนี้

               “ไม่ได้กินกับนายหรอก กินกับเป้น่ะ เน๊อะ”

               ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่กอล์ฟรู้สึกว่าสายตาของพี่โยมันตั้งใจจะเย้ยกันอย่างบอกไม่ถูก

               “อื้อครับ เราไลน์บอกป้ากานต์แล้วล่ะ วันนี้กลับไปกินบ้านนะ”

               “อ้าว แต่แม่บอกจะทำของโปรดเป้นะ”

               แม่ไม่ได้บอก แต่ทุกครั้งที่คิดว่าเป้จะมานั่งกินข้าวที่บ้านแม่ก็จะเตรียมของโปรดมันไว้ทุกครั้ง

                  “ง่า ฝากขอโทษแม่ด้วยนะ”

               หมดหนทางจะรั้งไว้ แต่ว่าเขาจะรั้งมันไว้เพื่ออะไรล่ะ

               “กอล์ฟ กุไปก่อนนะ ไปครับพี่โย”

               เป็นอีกครั้งที่กอล์ฟต้องปลอบใจตัวเองว่า ไอ้พี่โยไม่ได้หันมายิ้มเยาะเขาตอนที่จูงมือเป้ออกไป




               บางทีกอล์ฟก็คิดว่าตัวเองโรคจิต เขานั่งมองออกนอกหน้าต่างไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน ไปยังบ้านของเพื่อนสนิท

               เขานั่งมองมาตั้งแต่หลังข้าวเย็นจนกระทั่งตอนนี้ เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

               ...ไอ้พี่โยยังไม่กลับบ้าน...

               ไม่รู้ว่าบ้านช่องไม่มีหรือยังไง ถึงได้มานอนบ้านคนอื่น

               คนอื่นที่ไหน พวกนั้นเป็นแฟนกัน

               วูบหนึ่งในความคิดตอบเขา

               และเมื่อไฟบ้านฝั่งตรงข้ามดับลง เขาก็ได้ยินคำถามของเพียวเมื่อเช้าดังขึ้นอีกครั้ง

               “คบกับกูนะ”

               บางทีเขาคงต้องลองพิจรณาข้อเสนอนี้อย่างจริงจังสักที




TBC......




TalK

จบตอนจนได้ 55555 เป็นตอนใช้เวลาแต่งนานเหลือเกินทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีอะไร ขอโทษค่ะ //กราบ งานยังคงรัดตัวอย่างจริงจัง ในที่สุดก็เข้าเล่มโปรเจ็กษ์จบได้จริงๆ สักทีหลังจากค้างกันมาเป็นเดือนเลยค่ะ หลังจากนี้ก็จะไม่ใช่นศ.อีกแล้ว ใจหายสุดๆ 5555
อาจเพราะว่าเราเอาคนใกล้ตัวเป็นต้นแบบของน้องเพียว เพราะงั้นนิสัยกินชาเขียวก็เลยตามมาด้วย ใครติดชาเขียวขวดๆ ที่ขายที่ 7-11 กินทีแทนน้ำแบบน้องเพียวก็ระวังนะคะ คนใกล้ตัวเราพึ่งเข้ารพ.เพราะเรื่องนี้เลยค่ะ
ยังไงก็พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ เหตุผลและการตัดสินใจของน้องกอล์ฟกำลังมาค่ะ //กอดรัดคนอ่าน -อี้หลิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:24:48 โดย zvonek »

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
กอล์ฟคบกับเพียวเถอะน่ะ

ถ้าวันไหนเป้โดนโยหักอกเราจะหัวเราะดังๆเลย  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ดีใจมากๆมาลงตอนใหม่ให้แล้ว 
นักเขียนลงมาหลายวันแล้ว  ขอโทษด้วยค่ะเพิ่งได้อ่านวันนี้

ยิ่งอ่านยิ่งชอบเพียวค่ะ  ถ้ากอล์ฟยอมตกลงคบกับเพียวคงน่ารักไปอีกแบบ  คงเป็นคู่รักที่แตกต่างจากคู่ของโยเป้มากๆ555
เชียร์ให้กอล์ฟคู่เพียวค่ะ แม้ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเพียวขอให้กอล์ฟมาคบเป็นแฟนกัน แต่คิดว่าเพียวปรารถนาดีต่อกอล์ฟจริงๆ
เหมือนที่กลอ์ฟปรารถนาดีต่อเพียวเรื่องนำ้ขวดชาเขียวค่ะ

ถ้ากอล์ฟตกลงที่จะคบเพียวแล้ว อย่าทำให้เพียวเสียใจเหมือนตอนเด็กๆนะ  ห้ามทิ้ง ห้ามลืม แล้วก็ไปกับเป้เพียงสองคนอีกนะ
ยิ่งรู้สึกว่าพี่โยเริ่มออกลายนิสัยไม่น่ารักแล้ว  และความรู้สึกเราว่ากอล์ฟกับเป้เหมาะที่จะเป็นเพื่อนสนิทเท่านั้นค่ะ

ถึงแต่ละตอนจะมาช้า แต่เราก็รอคอยอ่านเรื่องนี้เสมอนะคะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลยค่ะ :L2:

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 14
คำตอบ




                  “รักเพียวนะ รัก รักมากที่สุด”

               ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำนั้นมันก็ยังอยู่ ภาพทุกอย่างยังคงชัดเจน ทั้งคำบอกรัก ทั้งรสจูบ และความรู้สึกยามหัวใจแตกสลาย

              ‘พอสคิดถึงเพียว’

               ข้อความจากเบอร์ไม่คุ้นเคย อาจเพราะเขาตัดการติดต่อสื่อสารจากอีกฝ่ายทุกช่องทาง และนี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่เขาจะบล็อกเบอร์ใหม่ของอีกฝ่าย

               เขาตัดวงจรอุบาทว์นั่นออกจากชีวิตได้แล้ว เขาจะไม่มีทางยอมกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก

               ล้มตัวลงนอนด้วยใจที่ห่อเหี่ยว อาศัยนอนพักมากๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็คงหายไป

               “งั้นคบกับกู”

               คำตอบของคำถามนั้น กอล์ฟยังไม่มีให้ อาจจะเหมือนเห็นแก่ตัว ที่จะดึงคนไม่เกี่ยวข้องเขามาพัวพัน เพียงเพราะเขาต้องการจะลืมเช่นกัน

               แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้อีกฝ่ายมันก็มากพอให้เขาลอง หมอนั่นที่เขาเคยชอบในตอนเด็ก ก็ยังเป็นคนเดิมที่ช่วยเขาไว้ในตอนที่เขาอ่อนแอ

               ไม่รู้ว่ากอล์ฟจะตอบรับหรือปฏิเสธ พอเดาได้ว่าคำตอบอาจจะเป็นข้อหลัง ยิ่งนึกถึงบทสนทนาตอนเช้าที่ทำให้เกิดเรื่องชกต่อย ยิ่งคิดว่าแนวโน้มที่จะโดนปฏิเสธนั้นมีมากกว่า

               “อย่ามาอำเล่น ที่เราชอบคือเป้ ไม่ใช่นาย”

               “ก็ลองคบกันดูไง เผื่อนายจะลืมเป้ได้ เป็นตัวแทน อะไรแบบนั้น”

               รู้สึกเจ็บพิลึก เผลอประชดออกไป

               “มันไม่ใช่เรื่องของตัวแทนเพียว ใครก็มาแทนที่ใครไม่ได้”

               หมอนั่นดูโกรธมากตอนที่ฟังข้อเสนอนั่น

               “ก็เห็นนายชอบเอาฉันไปเปรียบกับเป้อยู่เรื่อย ไม่ใช่หรือไง ฉันอาจจะทำอะไรที่เป้ทำให้นายไม่ได้ก็ได้”

               และเขาเองก็โกรธไม่แพ้กัน

               “ทำแบบที่ไอ้หน้าจืดที่ห้างพูดใช่ไหม ประสบการณ์เยอะไม่ใช่เหรอ”

               เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากปากคนตรงหน้า ยอมรับว่าพอฟังประโยคนั้น สติเขาหายไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่ายแล้วระดมออกหมัดแล้ว

               กล้าดียังไงมาพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่รู้เรื่องเลย กล้าดียังไงถึงได้พูดถึงมันอีก เขาต้องใช้พลังแค่ไหนในการทำใจ ในการที่จะลืมเรื่องบ้าๆ นั่น

               น่าแปลกที่กอล์ฟตัวโตกว่าเขามาก แต่กลับไม่โต้ตอบ แทบจะไม่กันด้วยซ้ำ

               โชคดีที่ออดหน้าบ้านดังขึ้นซะก่อนเหมือนระฆังหมดยก พวกเขาถึงได้สติแล้วพละออกจากกันได้

               “พูดจาหมาๆ ”

               เขาตะโกนก่อนทุบมันไปแรงๆ เป็นการปิดท้าย กอล์ฟลุกเงียบๆ จนจะพ้นห้องออกไปแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงมันตอบกลับมา

               “เวลาโดนคนสะกิดแผลน่ะ มันเจ็บใช่ไหมเพียว”

               บางทีเขาเองก็ลืมคิดไป ว่าเป้ก็เป็นแผลใหญ่ของมันเหมือนกัน

               คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ และอธิฐานกับโคมไฟหัวเตียง ให้เขาได้รับคำตอบที่ถูกใจด้วยเถอะ




               กอล์ฟทิ้งตัวนอนลงกับเตียง นึกย้อนถึงช่วงเช้าของวันที่ผ่านมา คำพูดที่เป็นจุดเริ่มต้นของรอยช้ำบนในหน้าของเขา

               “ทำแบบที่ไอ้หน้าจืดที่ห้างพูดใช่ไหม ประสบการณ์เยอะไม่ใช่เหรอ”

               ตอนนั้นเขาโมโหที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะตั้งใจเล่นกับความรู้สึกของเขา โกรธมากกว่าจะยับยังชั่งใจไม่ให้พูดคำแรงๆ ออกไป

               สุดท้ายเลยต้องยอมให้อีกฝ่ายต่อยไปแบบนั้น และพอมาคิดดูดีๆ คนที่เริ่มเอา เป้มาเปรียบ มันเป็นเขาก่อนจริงๆ

               ไม่ผิดถ้าเพียวจะนึกโกรธแล้วพูดจาชวนโมโหแบบนั้น หมอนั่นจริงจัง เขารู้สึกได้

               และยิ่งเพียวบอกเขาว่าคำชวนนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ก็เป็นการยืนยันในสิ่งที่เขาคิด

               ตัดสินใจคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชั่นไลน์ ไล่มองหาชื่อคนในความคิด เขายังมีเรื่องคาใจที่จะต้องถามอีกฝ่าย

               ‘หลับหรือยัง’

               หลังจากกดส่ง ในใจยังนับหนึ่งไม่ถึงสิบ เครื่องหมายรี้ดก็ปรากฏขึ้นเป็นคำตอบว่าอีกฝ่ายยังคงไม่นอนแม้ว่าตอนนี้เข็มนาฬิกาจะบอกเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตาม

               ‘ยัง’

               ‘มีเรื่องจะถาม’

               ‘ว่า’

               ‘ทำไมถึงเป็นกู’


               ทุกอย่างนิ่งไปหลายนาที ทั้งๆ ที่ขึ้นว่าเพียวอ่านแล้ว จนคิดว่าจะโทรไปถามให้รู้เรื่องนั่นแหละ ตัวหนังสือถึงได้เด้งขึ้นมา

              ‘ถามทำไม’

               แม่งเอ้ย แทบจะตะโกนออกมาดังๆ เงียบไปตั้งนาน แต่ดันไม่มีคำตอบดีๆ ให้ ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคงด่า

               กอล์ฟใช้เวลาสงบใจสองวินาทีก่อนจะพิมพ์ตอบไปดีๆ จะได้ไม่ต้องตีกันอีก

               ‘กำลังพิจารณาคำตอบ’

               คราวนี้เพียวเงียบไปนานอีกครั้ง เขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะตอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมา

              ‘ไม่รู้ดิ รู้ตัวอีกทีก็ถามมึงไปแล้ว’

               ‘ทั้งๆ ที่รู้ว่ากุไม่ได้ชอบมึงอยู่น่ะเหรอ’

               ‘ก็ดีกว่าไม่ได้พูดไม่ใช่เหรอ’


               กอล์ฟไปไม่ถูก อย่างน้อยเพียวก็มีความกล้ากว่าเขามากมายนัก อย่างน้อยอีกฝ่ายก็กล้าที่จะเริ่ม กล้าที่จะบอก และตัวเขาเอง ก็ไม่ควรขี้ขลาดกับคนที่กล้าแบบนี้

               เขากดโทรไลน์หาอีกฝ่าย และเพียงอึดใจเดียว ปลายสายก็กดรับ

               “อยากฟังคำตอบหรือเปล่า”

               “อื้ม”

               ปลายสายดูลังเล กอล์ฟแอบคิดว่าเพียวกำลังกลัวคำตอบ เขาเองก็กลัวเช่นกัน

               “เราคิดว่าการคบกับใครสักคนเพื่อลืมใครสักคน มันไม่ใช่ทางออกที่ดี เพียวเขาใจนะ”

               “เข้าใจ...”

               “เพราะงั้น...เรามาลองคบกันดูนะ”

               “ห๊ะ”

               “ตกใจอะไรล่ะ”

               “ก็...ก็มึงพึ่งบอกว่าจะไม่คบเพื่อลืม”

               “ก็ใช่ไง กูไม่ได้คบกับมึงเพื่อลืม แต่จะคบเพื่อเริ่มต้นใหม่ต่างหาก”

               ใช่แล้ว คำตอบของเขาคือตกลง เพราะเขาก็ไม่คิดว่าการปิดกั้นโอกาสของตัวเองจะเป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน

               และคงต้องอธิฐานกับโปรแกรมไลน์ว่าคำตอบของเขาครั้งนี้จะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง




TBC......




TaLk

สวัสดีตอนที่ 14 ค่ะ ในที่สุดก็ได้คำตอบกันสักทีเนอะ เวลาเขียนความรู้สึกผ่านกอล์ฟเราเครียดทุกทีเลยค่ะ เพราะน้องกอล์ฟเป็นเด็กคิดเยอะ แต่เราเป็นพวกคิดน้อย 5555
ยังไงก็ช่วยส่งแรงใจให้คำตอบของน้องกอล์ฟเป็นการตัดสินใจทำที่ถูกต้องด้วยนะคะ
ยินดีกับแม่ยกกอล์ฟเพียวในตอนนี้ด้วยค่ะ (ตอนต่อไปก็ไม่แน่ 555555)
มีอะไรติชมกันได้เหมือนเดิม ถึงคนอ่านจะน้อย แต่ก็ดีใจทุกครั้งที่แวะเวียนกันมาค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:32:58 โดย zvonek »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ดีใจนักเขียนมาเร็ว  เหมือนได้ของขวัญพิเศษเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

และขอกรี๊ดกับคำตอบของกอล์ฟค่ะ ทั้งกอล์ฟและเพียวเป็นคนฉลาดทั้งคู่เลย ดูจากความคิดและคำพูด
เราว่าทั้งคู่มีความเหมาะสมกันมากๆ ลงตัว น่ารักมากๆ อยากเห็นแล้วว่าพอตกลงเป็นแฟนกันแล้วจะเป็นอย่างไร
ขอให้โยเป้และพอสอิจฉาไปเลย555 ขอให้เราได้กรี๊ดหลายๆตอนนะคะ

แม้มีแววว่าเรื่องจะต้องมีหน่วงแน่ๆ กอล์ฟคบไม่ใช่เพราะต้องการลืม  ดังนั้นกอล์ฟก็ไม่คิดที่จะเอาเป้ออกไปจากหัวใจใช่ไหม
แล้วยิ่งนักเขียนบอกอีก เหมือนคู่กอล์ฟเพียวไม่แน่ หรือยังคงเป็นคู่กอล์ฟเป้  เราเริ่มเครียดแล้วค่ะ555

แต่เราทีมเพียวไปแล้วค่ะ  ไม่อยากอกหักเลย นักเขียนช่วยบอกหน่อยนะคะ  กอล์ฟคู่ใครแน่ค่ะ เราจะได้ทำใจค่ะ :mew2:
เรื่องสนุกแบบนี้มีคนอ่านมากมายแน่นอนค่ะ แต่อาจยังไม่พร้อมคอมเม้นท์
นักเขียนแต่งให้จบนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ :L2:
กอล์ฟเพียว  กอล์ฟเพียว  กอล์ฟเพียว  กอล์ฟเพียว (สะกดจิตนักเขียน555)

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 15
มัน




               “กุไม่ได้คบกับมึงเพื่อลืม แต่เพื่อเริ่มต้นใหม่ต่างหาก”

               มันเป็นประโยคที่โคตรจะเสี่ยว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะเลือกประโยคได้เสี่ยวขนาดนี้มาใช้ แต่ว่า...ก็เป็นเพราะไอ้ประโยคเสี่ยวๆ เนี่ยแหละที่ทำให้เขาต้องมานั่งเลือกเสื้อผ้าอยู่แบบนี้

               ทำตัวเป็นสาวน้อยแรกรักไปได้

               อดที่จะค่อนแคะตัวเองในใจไม่ได้ ขณะที่หยิบเสื้อในตู้มาทาบกับตัว อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ใช่ แค่ไปติวหนังสือ ทำไมเขาถึงได้เลือกเสื้อนานขนาดนี้นะ

               ‘อื้อ อรุณสวัสดิ์ เดี๋ยวเจอกัน’

               อาจเพราะข้อความไลน์เมื่อตอนเช้าก็ได้ ก็เดี๋ยวจะได้เจอกันแล้วนี่หน่า

               ก๊อก ก๊อก ก๊อก

               เสียงเคาะประตูดังจากหน้าห้อง จึงออกปากบอกด้านนอกไปว่าไม่ได้ล็อค

               คุณป้าร่างท้วมเปิดประตูเข้ามา มองหาเด็กหนุ่มอยู่สักครู่เมื่อเห็นประตูห้องแต่งตัวเปิดอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปแล้วรายงาน

               “คุณหนูคะ มีแขกมารอพบค่ะ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของคุณหนู”

               เพียวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะพยักหน้ารับ

               “บอกให้เขารอแปปนึงนะครับ เพียวใกล้เสร็จแล้ว”

               พูดกับพี่เลี้ยงของตัวเองเสร็จก็รีบสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเป็นรอบสุดท้าย

               ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีโปรโมชั่นดีขนาดนี้ ขอคบเมื่อคืน เช้านี้มารับ บางทีเขาคงต้องมองกอล์ฟใหม่ซะแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานให้กับตัวเองในกระจก

               มีความสุขเป็นบ้า




               วันนี้กอล์ฟตื่นตั้งแต่เช้า เดินลงมาในครัวก็เจอคุณแม่กำลังเตรียมกับข้าวใส่บาตรอยู่ กับคุณพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะ

               “อรุณสวัสดิ์ครับ”

               เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นพิเศษ ขณะแอบเหล่พาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ในมือคุณพ่อ

               “อ้าว จะไปไหนแต่เช้ากอล์ฟแต่งซะหล่อเชียว”

               คุณแม่เอ่ยแซว ขณะที่ยกแก้วกาแฟมาวางไว้หน้าคุณพ่อ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายสัปหงกไปแล้ว แต่เนียนเอาหนังสือพิมพ์มาบัง

               พอเห็นแบบนั้น กอล์ฟปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น

               “อย่าพึ่งหลับนะ อยู่ใส่บาตรกับฉันก่อน”

               คุณแม่โวยพลางตีแขนสามีเบาๆ แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการหาวแบบไม่เกรงใจ โถ่ ก็เมื่อคืนคุณพ่อโดนตามตัวไปผ่าตัดฉุกเฉิน กว่าจะกลับบ้านมาก็เช้า มาเจอคุณแม่รั้งเอาไว้ ตาจะปิดอยู่แล้ว

               “คุณแม่ปล่อยคุณพ่อไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวกอล์ฟใส่บาตรเป็นเพื่อนเองนะ” รีบคล้องแขนอีกฝ่ายประจบประแจงเอาใจ เปิดโอกาสให้คุณหมอศัลยแพทย์มือดีที่ควบตำแหน่งคุณพ่อบ้านได้โอกาสรีบย่องไปนอน

               ปกติแล้วทุกวันพระ คุณพ่อคุณแม่จะตื่นมาใส่บาตรด้วยกัน บางครั้ง กอล์ฟกับกุ๊กไก่เองก็จะทำด้วยถ้าตื่นมาทัน

               วันนี้กอล์ฟเองก็ตั้งใจตื่นมาให้ทัน การจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ มันต้องเอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อย

               หลังจากหยิบโต๊ะแบบพับได้ไปตั้งหน้าบ้าน พร้อมกับย้ายของทุกอย่างเสร็จแล้ว เสียงเตือนแจ้งข้อความก็ดังขึ้น

              ‘อรุณสวัสดิ์’

               ‘อื้ม อรุณสวัสดิ์ เดี๋ยวเจอกัน’


               อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีจนคุณแม่ยังเอ่ยแซว พอตัดสินใจอะไรได้มันทำให้มีความสุขจริงๆ นั่นแหละ

               รอจนกระทั้งใส่บาตรเสร็จสบายใจ เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง กอล์ฟที่กำลังอารมณ์ดีสุดๆ รีบเปิดอ่านข้อความ ก่อนจะร้องบอกคุณแม่

               “ผมออกไปข้างนอกแปปนะครับ”




               เพียวเดินลงบันไดคฤหาสน์พลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี แวะหอมแก้มคุณป้าพี่เลี้ยงด้วยความรู้สึกสดใส

               เดินอ้อมเข้าห้องครัว เทชาเขียวรสข้าวญี่ปุ่นดื่มไปแก้วโตๆ หนึ่งแก้ว เพราะคิดว่าวันนี้คงไมได้กินอีก ก่อนจะเดิน เข้าห้องรับแขกไปตามที่คุณพี่เลี้ยงได้บอกเอาไว้

               เพื่อพบกับคนที่เขารอ

               หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้รอ

               “ไง ไม่เจอกันนานเลยครับเพียว”

               ไม่จริง เพียวร้องในใจ ร่างกายผงะถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อสมองประมวลผลว่าคนที่ตนได้พบเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ

               “ใครก็ได้มาเอามันออกไป”

               คำสั่งของคุณหนูเจ้าของบ้านทำให้สาวใช้หลายคนแตกตื่น คนงานคนสวนถูกตามตัวกันให้วุ่น ในขณะที่ ‘แขกผู้ไม่ได้รับการต้อนรับ’ กลับยิ้มแย้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนขณะลุกเดินเข้าประชิดอีกฝ่าย

               “พอสมันคิดถึงเพียวมากนะ ผมก็คิดถึง”

               เพียวขนลุกชันทั้งร่างกาย น้ำเสียงเย็นๆ ที่เหมือนจะฟังดูดีของอีกฝ่ายทำให้เขาอยากอาเจียน

               “กุเกลียดมึง”

               “อ่า...ฟังแล้วเสียใจจัง”

               ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้เสียใจจริงๆ ยังไม่ทันที่เพียวจะคว้าของใกล้มือมาเขวี้ยงใส่อีกฝ่าย ผู้สองคนในชุดเครื่งแบบก็วิ่งหน้าตื่นเขามา

               “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

               ทั้งสองมองหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน ก่อนจะมองหน้าผู้มาเยือนอย่างไม่เป็นมิตร

               “เอามันออกไป”

               เพียวร้องบอก

               “ไม่ต้องส่งครับ ผมแค่จะแวะมาฝากความคิดถึงเท่านั้น แล้วเจอกันใหม่นะครับ เพียว”

               มันเดินออกไปแล้ว เขาถึงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา

               “เขาออกไปแล้วครับ”

               ลูกน้องคนนึงของพ่อรายงาน เพียวถึงได้หายใจได้เต็มปอด

               “สั่งทุกคนอย่าให้มันเขามาในบ้านนี้อีก ไม่สิ อย่าให้มันเขาใกล้เพียวได้อีก”

               ถึงเพียวจะไม่ชอบใช้อำนาจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เขาคงต้องพึ่งอิทธิพลพ่อสักที




TBC......




TaLk

อ่า...ตัวละครยังโผล่ออกมาเรื่อยๆ เหมือนไหร่จะหมดกันนะ 5555 สวัสดีตอนที่ 15 นะคะ แวะมาแปะดึกๆ นอนกันหรือยังเอ่ย ยังคงติชมกันได้เช่นเคย คิดยังไงกับเรื่องนี้ก็บอกกันได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการอ่านนะคะ  คิดว่า ตอนหน้าจะลองปล่อยอะไรหวานๆ ออกมาสักตอน 55555 เอ็นดูน้องเพียวเป็นการส่วนตัวค่ะ อยากให้น้องเพียวมีความสุข ต้มมาม่ากันมาเยอะเกิน รักคนอ่าน -อี้หลิง
      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:37:11 โดย zvonek »

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตอนล่าสุด อ่านช่วงแรกก็ทำให้เรายิ้มไปกับเพียวแล้ว
เพียวดูน่ารักขึ้น หวานขึ้นคงเพราะมีความสุข มีแฟนดีแบบกอล์ฟ  เขินแทนเลยค่ะ

แต่ไม่ใช่กอล์ฟที่มาหาเพียว เป็นใครกันค่ะ  แต่ที่แน่ๆน่าจะเป็นคนไม่ดี ดูเพียวหวาดกลัว เกลียด
แล้วกอล์ฟจะมารับเพียวไหม มาช้า หรือออกไปหาใครกันค่ะ เหมือนมีแววดราม่า
แต่นักเขียนบอกว่าตอนหน้าจะหวาน หวานแบบไหนค่ะ หวานแบบที่เราคิดหรือเปล่า อิอิ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว555

เพียวเป็นแฟนที่น่ารักจังค่ะ ทั้งส่งข้อความไปหาก่อน  แต่งตัวดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส  คงอยากให้กอล์ฟประทับใจ กอล์ฟผู้โชคดีจริงๆ
แบบนี้แล้วกอล์ฟอย่าทำให้เพียวเสียใจนะ  ที่ผ่านมาเพียวคงเจอแต่แฟนที่ทำให้ผิดหวังมา
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 16
ความหวัง
   



              มีคนเคยเตือนเขาว่าความรักทำให้คนตาบอด เขาไม่เชื่อ
   
              “เพียวรักพอส”

              ถ้อยคำบอกรักฟังรื้นหูยามเมื่อรัก รสจูบ รองรอยการสัมผัสทำให้เขาหลงใหล ผิวกายของอีกฝ่ายทำให้เขาตามืดบอก
   
              “รักมากแค่ไหน”

              “มาก...มากที่สุด”


              มากพอให้คนเราทำเรื่องงี่เง่าได้มากมาย มากเกินกว่าที่ตัวเองจะจินตนาการได้ หรือบางครั้งอาจเป็นเรื่องที่ไม่มีวันคิดจินตนาการ

              “มากพอที่จะทำเพื่อพอสได้หรือเปล่า”

              “เพื่อพอสแล้วเพียวทำได้ทุกอย่าง”

              ถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างมันจะจบแบบนั้น เขาจะไม่มีวันพูดแบบนั้นออกไปเป็นอันขาด เขาจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นลงไป

              “เป็นอะไรหรือเปล่าเพียว”

              กอล์ฟสะกิดเรียกคนตัวเล็กที่นั่งเหม่ออยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่สีเสื้อที่ใสในวันนี้จะเป็นสีฟ้าสดใส แต่ใบหน้าของ อีกฝ่ายกลับดูหม่นหมองกว่าทุกที ทั้งๆ ที่ตอนคุยกันเมื่อคืนก็ยังดูอารมณ์ดี

              อันที่จริง กอล์ฟว่ามันแปลกตั้งแต่ตอนที่เพียวส่งข้อความมาหาเขาเมื่อเช้าแล้ว

              ‘มาหาได้ไหม ไม่อยากอยู่คนเดียว’

              เขาเป็นกังวลมากตอนที่ได้รับข้อความนั่น กดโทรศัพท์หา แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับ คิดไปต่างๆ นานา ว่ามีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งไปถึงบ้านเพียว ที่เจ้าตัวส่งแผนที่มาให้

              ยามหน้าบ้านตรวจบัตรประชาชนเขาอย่างเคร่งครัด คล้ายว่าพึ่งจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มีแม่บ้านมารับตัวเขาขึ้นไปที่ห้องของลูกชายเจ้าของบ้าน

              คิดมาตลอดว่าเพียวรวย พึ่งจะรู้ก็วันนี้แหละว่าไอ้ตัวเล็กไม่ได้แค่รวย แต่เป็นมหาเศรษฐีเลยต่างหาก

              และจากที่สังเกต ที่บ้านกำลังมีการตกแต่งใหม่ เพราะตอนที่เขาเดินเข้าไป โซฟาในห้องรับแขกกำลังถูกขนออกไป

              เขาถูกพาตัวขึ้นไปที่ชั้นสองของตัวบ้านหรือที่จะเรียกให้ถูกคือ คฤหาสน์  ประตูห้องหรูหราแบบในโทรทัศน์ถูกแม่บ้านที่นำทางเคาะอยู่สองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

              เธอดูลังเลใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายเมื่อลองขยับลูกบิดประตู ก็พบว่าประตูห้องไม่ได้ถูกล็อคอยู่ จึงได้นำเขาเข้าไปส่งตามคำสั่งของคุณหนูเจ้าของห้องที่บอกไว้ตั้งแต่ก่อนเขาจะมาถึง

              จำได้ว่าหลายปีก่อนเขาก็เคยเดินเข้าห้องนอนของเพียวในลักษณะนี้ จะต่างกันก็ตรงที่ช่วงเวลา และสถานที่ ตอนนั้นเพียวยังอยู่ห้องหลังเก่า ไม่ใช่คุณหนูที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลังแบบนี้

              แต่สิ่งหนึ่งที่กอล์ฟคิดว่าไม่ได้ต่างออกไปเลย ก็คงเป็นสีหน้าของคนบนเตียง เด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าเหม่อมองไปที่กำแพงห้อง

              แม้แต่ตอนที่เขาเดินเข้าใกล้ เพียวก็ยังไม่รู้สึกตัว

              “เป็นอะไรหรือเปล่าเพียว”

              ทั้งๆ ที่เขาแค่แตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แต่เพียวกลับสะดุ้ง จนตัวโยน และเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใครก็รีบละลักละลำตอบคำถาม ที่เขาดูรู้ว่ามันเป็นคำโกหก

              “มะ...ไม่เป็นไร”

              ถ้าไม่เป็นไรจะส่งข้อความแบบนั้น หรือจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ได้ยังไง แล้วจะทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แบบนี้ทำไม

              เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่ตามตัวเขามา แต่บอกว่าตัวเองไม่เป็นไร ก่อนจะดึงตัวคนตัวเล็กมากอดเอาไว้

              และเมื่อแม่บ้านที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางรีบเดินออกจากห้องไป เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นจากคนในอ้อมกอด

              ตอนนี้ยังไม่เล่าก็ไม่เป็นไร เขาจะรอฟังอยู่ตรงนี้เอง




              เพียวเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง ทั้งสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ทั้งร่างกายที่เปราะบาง เพื่อเอาชนะสิ่งเหล่านี้ เขาจึงพยายาม เรียนศิลปะการต่อสู้ทุกชนิด ทำตัวให้เข้มแข็งสมกับการเป็นลูกของรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล เพียวอยากให้พ่อภูมิใจ

              หลีกหนีการถูกเด็กคนอื่นรังแกด้วย ความสามารถที่เหนือกว่า ทั้งการเรียน และความสามารถทางด้านกีฬา ถึงตัวเล็ก แต่ก็ไม่เคยแพ้ใคร โดยเฉพาะมวยไทยและยูโด สองสิ่งที่เขาถนัดมากที่สุด

              ความจริงแล้วเพียวไม่ได้ชอบทำตัวเป็นฮีโร่หรืออย่างไร แต่เพราะความบังเอิญวันนั้น เขาดันลืมสมุดการบ้านไว้บนตึก ถึงตอนย้อนกลับมาเอาในตอนเย็น ต้นฉบับอย่างเขา ไม่เอาไปทำก็คงแย่

              และนั่นเอง ทำให้เขาได้เจอกับ พอส เพื่อนนักเรียนห้องข้างๆ ที่กำลังนอนจมกองเท้าอยู่

              หมาหมู่ไม่ใช่ปัญหาของเพียว การช่วยคนที่ถูกรีดไถเงินเป็นสิ่งที่เพื่อนมนุษย์พึงกระทำ แต่ปัญหาอย่างเดียวของเขาคือหลังจากนั้น นายคนที่ชื่อพอสอะไรนั่นก็ตามติดเขาแจไม่ยอมห่าง

              และเมื่อรู้ตัวอีกที สถานะแฟน ก็กลายเป็นสิ่งที่ผูกเขาทั้งคู่ไว้ด้วยกัน

              แต่ที่มากกว่านั้นคือสถานะลูกหนี้กับเจ้าหนี้

              “ให้พอสยืมเถอะนะเพียว พอสจำเป็นจริงๆ”

              ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม จำนวนเงินที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนครั้ง

              “ไม่ไหวแล้วพอส พ่อเพียวเริ่มสงสัยแล้ว พอสก็รู้ว่าพ่อเราเป็นตำรวจ พ่อต้องฆ่าเพียวแน่ถ้ารู้ว่าเพียวเอาเงินให้พอสไปใช้พนันบอล”

              ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาเงินไปทำอะไร เผลอๆ การที่อีกฝ่ายโดนกระทืบในครั้งแรกที่เจออาจจะเป็นเจ้าหนี้โต๊ะบอลด้วยซ้ำ

              แต่เขารักอีกฝ่ายไปแล้ว
   
              รักเกินกว่าจะทนเห็นอีกฝ่ายโดนกระทืบทุกครั้งที่เป็นหนี้ไม่ได้

              “เพียวรักพอสหรือเปล่า”

              มันเป็นคำถามที่มักจะได้ยินเป็นประจำเวลาอีกฝ่ายจะอ้อนอะไรสักอย่าง เพียวซุกตัวลงในอ้อมกอดของคนรัก

              “รักสิ เพียวรักพอส”
   
                 “รักมากแค่ไหน”

                 “มาก...มากที่สุด”
   
              “มากพอที่จะทำเพื่อพอสได้หรือเปล่า”

              “เพื่อพอสแล้วเพียวทำได้ทุกอย่าง”

              ตอนนั้นเพียวคิดว่าพอสแค่ถามคำถามวัดใจแบบปกติ อันที่จริงในวันรุ่งขึ้นเพียวก็ลืมเรื่องคำถามนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ ลืมไปจนกระทั่งพอสพาเขาไปหาคนๆ หนึ่ง

              ทันทีที่ได้พบเพียวก็รู้สึกเกลียดรอยยิ้มของอีกฝ่าย มันเป็นรอยยิ้มที่เพียวรู้สึกได้ถึงการคุกคาม รู้สึกได้ถึงความปปรารถนาของอีกฝ่าย

              และทันทีที่อีกฝ่ายเปิดปาก เพียวก็รู้ว่าสัญชาติญาณของตัวเองแม่นขนาดไหน

              “พอสจำเป็นจริงๆ นะเพียว มันบังคับเรา เราขอโทษ”

              เขาได้ยินคำขอโทษของคนรักเป็นคำว่า หักหลัง

              คิดจะเดินจากบ้านตึกแถวในซอยลึกนี้ไป อยากจะทิ้งคนทรยศเอาไว้ จนกระทั้งอีกฝ่ายโดนปากกระบอกปืนจ่อหัว

              “ถ้านายไม่ทำผมจะยิง หนี้ของเขาผมจะให้เขาใช้ด้วยชีวิต”

              ทั้งๆ ที่ใจหนึ่งก็คิดว่ามันถูกแล้ว หนี้ของใคร คนนั้นก็ต้องเป็นคนชดใช้ แต่พอคิดว่าพอสจะต้องโดนฆ่า หัวใจก็สั่งให้เขายอมทำตามเงื่อนไข

              ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อชายคนรัก

              เพียวจำไม่ได้ ว่าวันนั้นเพียวนอนกับใครไปกี่คน ไอ้พวกนั้นมันจับเขากรอกยาอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาไม่รู้สติ

              อย่างเดียวที่เพียวจำได้ในตอนที่กำลังซะลึมซะลือก็คือคำพูดที่แว่วเขามาในหัว

              “ผมยกเพียวให้พี่ตามสัญญาแล้ว หนี้ของเราหมดกันแล้วใช่ไหมครับ”

              “ยัง”

              “ไหนพี่สัญญากับผมแล้วไงครับ”

              “ก็...ต้องรอส่งสินค้าก่อน ถ้าเสี่ยแกพอใจในแฟนแก ฉันก็จะยกหนี้ให้ถือว่าหายกัน”

              อยากจะหัวเราะให้ดังๆ สุดท้าย คนที่เขาช่วยชีวิตก็หักหลังเขาจริงๆ

              เขารวบรวมสติ พุ่งตัวไปตั้นหน้าคนทรยศเป็นอย่างแรก ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเขาจำแทบไม่ได้ รู้แต่ว่า เขาใช้พลังทุกเฮือกที่เขามี หาทางออกจากที่นั่น เตะต่อยกับพวกของอีกฝ่ายไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าหนีพ้นไหม

              รู้สึกได้ว่าร่างกายโดน ท่อนเหล็กและไม้หน้าสามฟาดเอาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็กระเสือกกระสนออกไปในซอยได้

              กึ่งวิ่งกึ่งคลาน ออกจากที่นั่นอย่างยากลำบาก

              และมาสุดที่หน้าปากซอย เขาก็จำอะไรไม่ได้อีก
   
              ตอนที่ตื่นมาอีกครั้งแล้วเจอว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล กระดูกซี่โครงหักสามท่อน กระดูกแขนร้าว ขาหัว ม้ามฉีก แถมด้วยแผลที่ถูกยิงเฉียดๆ  เพียวไม่แปลกใจเลย แปลกใจตรงที่เขายังมีชีวิตอยู่นั่นแหละ

              และที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ ตอนที่พ่อพยายามถามว่าเพียวไปเจออะไรมา เขากลับไม่ปริปากบอกพ่อสักคำ ความจริงเพียวไม่เอ่ยปากพูดอะไรกับใครเลย

              ตอนนั้นเพียวคิดว่าตัวเองควรตาย ในเมื่อคนที่รักเขามากมายยังทำกับเขาได้ถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร

              แม่ที่รักเพียวก็ไม่ได้อยู่กับเพียวแล้ว

              ผู้ชายที่เพียวรักก็หักหลัง

              เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

              ในคืนนั้นที่โรงพยาบาล ตอนที่เพียวกำลังหลับฝันเพียวฝันถึงแม่ที่ตายไป ในฝันแม่กอดเพียวไว้ แม่บอกกับเพียวว่าเพียวจะไม่เป็นไร มีคนรักเพียวมากมาย และเมื่อแม่เดินออกไป

              ในความฝัน เพียวเห็นตัวเองในตอนเด็กร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด เพียวฝันว่ามีใครคนนึงพยายามมาง้อ จำได้ว่าตัวเองปาหมอนในมือใส่อีกฝ่าย และเมื่อตื่นนอนเพียวก็จำคำพูดของคนในฝันได้ดี

              “จะไม่ทิ้งให้อยู่คนเดียว สัญญา”

              เพียวมองพ่อที่นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงทั้งๆ ที่มีงานมากมาย เพียวทำให้พ่อเป็นห่วง

              คำพูดแรกในรอบสัปดาห์ของเพียวจึงเป็นคำขอโทษ เขาขอโทษพ่อซ้ำแล้วซ้ำล้ำ อ้อนวอนให้พ่อไม่ถามถึงเรื่องที่ผ่านมา และสุดท้าย เพียวก็ขอพ่อ
   
              ขอให้พ่อย้ายเพียวกลับไปเรียนโรงเรียนที่เคยเรียนตอนประถม ก่อนที่จะย้ายบ้านทั้งๆ ที่โรงเรียนมันจะอยู่อีกฝากหนึ่งของเมืองก็ตาม

              ก็แค่อยากจะเชื่อคำพูดแม่ในความฝันเท่านั้นแหละ ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว




TBC......




TaLK
สวัสดีท่านผู้อ่านค่ะ ก่อนอื่นต้องกราบงามๆ ก่อน ตอนแรกบอกจะเขียนฉากหวานของสองคนนี้แท้ๆ อะไรดนใจให้เขียนประวัติของน้องเพียวออกมาก่อนก็ไม่รู้ ยกความมุ้งมิ้งไปตอนหน้านะคะ ขอโทษด้วยค่ะ แง๊

พูดถึงเนื้อเรื่องหน่อย ทั้งๆ ที่เพียวหวังไว้ว่าจะไม่โดนทิ้งขนาดนั้น แต่พอเจอกอล์ฟจริงๆ ดันโดนอีกฝ่ายจำไม่ได้ เลยโดนเหวี่ยงใสตั้งแต่เริ่มแรกเลยค่ะ 5555 พ่อสมองปลาทอง

ยังไงก็ฝากตอนต่อๆ ไปด้วยนะคะ สำหรับตอนนี้ มีอะไรควรแก้ไข หรือรู้สึกยังไงก็บอกกันได้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ -อี้หลิง   

 

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อยากเข้าไปโอบกอดเพียวด้วยคน
พอรู้ถึงความรักที่เลวร้ายของเพียวแล้วรู้สึกว่าความรักที่ผิดหวังของกอล์ฟเป็นเรื่องเล็กไปเลยค่ะ

เพียวเข้มแข็งมากๆที่ผ่านมาได้ ดีที่เพียวนึกถึงความรักในวัยเด็ก แม้จะเป็นความรักแบบเพื่อน
แต่กอล์ฟก็ไม่ทิ้ง นึกขึ้นได้ก็รีบไปง้อที่บ้านเพียวเลย  ยังไงเพียวยังมีกอล์ฟ และตอนนี้ก็มีกอล์ฟอยู่ข้างๆให้กำลังใจแล้วนะ
ความทรงจำที่เลวร้ายก็ลืมให้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้นะเพียว

ดีใจที่เพียวกลับมายิ้มและมีความสุขอีกครั้ง ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะกอล์ฟนะ  รู้ไหมกอล์ฟ อย่าทำให้ผิดหวังนะ555
กอล์ฟเพียวๆๆๆ

ลุ้นความมุ้งมิ้งของกอล์ฟเพียวมากๆค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตอนแรกคนเขียนเอาเป้มาหลอกเรา
สงสารกอล์ฟมากเลยนะ ที่ต้องซ่อนความรักไว้
พอเพียวโผล่มา ก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารอีกคน
กลัวความสัมพันธ์กอล์ฟเพียวจะสั่นคลอน
หากว่าเป้จะกลับมาสนิทกับกอล์ฟเหมือนเดิม
มีความรู้สึกว่าพี่โยเป็นคนนิสันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
หรือเราจะคิดมากไปเองหว่า รอลุ้นต่อแล้วกันค่ะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
กอดเพียวแรงๆแน่นๆอีกคน    กอดกอล์ฟด้วย

คนที่มาท่าจะเป็นพอสหรือไม่ก็คนที่พอสพาเพียวไปเจอ
คนอย่างพอสไปคบกับใครก็ไม่วายที่จะพาคนนั้นลงเหว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเพียวมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆที่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันจะทำกัน อย่าว่าแต่เป็นแฟนกันหรอก
หวังว่ากอล์ฟจะรับได้และสามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้เพียวได้
กอล์ฟมีความมั่นคงทางอารมณ์อยู่มาก ดูได้จากการเลี้ยงดู
คู่โย-เป้นี่ไม่รู้สิ ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรอยู่นะ
โยนี่ท่าจะรักง่าย เพ้อง่าย  แถมมีการมาเยอะเย้ยกอล์ฟด้วย(หรือว่ากอล์ฟอคติซึ่งก็ำม่แน่ใจเพราะว่าปกติกอล์ฟก้ไม่อคตินะ)

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 17
พักใจ




               “จะพาเราไปไหน”

               ทั้งๆ ที่ถามออกไปแบบนั้น แต่สองขาก็ยังคงก้าวตามคนที่เดินจูงมือเขาไป กอล์ฟหันมายิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบทุกซี่ก่อนจะให้คำตอบที่ไม่ได้ขยายความใดๆ เลยสักนิด

               “เป็นความลับ”

               ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปตกลงกับคนขับรถของเขาตอนไหน เพราะหลังจากที่ร้องไห้จนหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนบ่าย ก็โดนกอล์ฟลากพาเดินออกจากห้องมาแบบงงๆ

               และโดนลากขึ้นรถไปแบบงงๆ เช่นกัน

               รถตู้ห้าประตูป้ายแดงที่กอล์ฟพึ่งจะเห็นโฆษณาในทีวีไม่นาน ออกตัว ไปในเส้นทางที่เพียวเหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้น

               เขารู้ว่าเส้นทางที่ผ่านมานั้นเป็นในเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปหยุดที่ไหน

               กอล์ฟเองก็เงียบกริบ ทำหน้าเหมือนคิดอะไรตลอดเวลา และพอรู้ว่าเขามองหน้า ก็จะหันมายิ้มให้ และมีบ้างกับการจะทำให้เขาใจเต้น ด้วยการลูบหัวเขาเบาๆ

               พึ่งรู้ว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายอุ่นขนาดนี้ พอๆ กับที่พึ่งรู้ว่าอ้อมกอดของกอล์ฟอบอุ่นขนาดไหน มันมั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ

               “ถึงแล้ว”

               เพียวยังคงสงสัยตอนที่กอล์ฟพาเขาลงเดิน มันเป็นคล้ายๆ วิลล่าที่ตกแต่งคล้ายบ้านตุ๊กตา มีสวนเล็กๆ และแทบร้างผู้คน กอล์ฟลากเขาเข้าไป ยังใจกลางของตึกก่อนจะพาขึ้นไปยังชั้นสองของตัวอาคาร

               และในที่สุดเพียวก็รู้คำตอบ

               “คาเฟ่แมว น่ารักใช่ไหมล่ะ”




               ออกจะเป็นสภาพที่รู้สึกขัดเขินนิดหน่อยกับการที่เด็กผู้ชายสองคนจะมานั่งจิบชาละเลียดเค้กอยู่ในคาเฟ่แมว แต่พอเห็นตากลมแป๋วของอีกฝ่ายทอประกายอย่างมีความสุขตอนนั่งจ้องตากับ ‘เจ้าวิปครีม’ แมวเปอร์เซียสีขาวดาวเด่นของร้าน เขาก็คิดว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด

               ก็เล่นออกไปวิ่งรอบถามแม่บ้าน กับคนรถทั้งคฤหาสน์ ว่าจะทำยังไงให้คุณหนูของบ้านยิ้มกว้างๆ ได้ กว่าจะได้คำตอบที่คิดว่า พอจะทำได้ ก็เล่นเอาเหนื่อย ดีที่ตอนกลับไปหาคนขี้แยอีกฝ่ายยังหลับสนิท

               “กอล์ฟดูดิ มันหาวด้วยอ่ะ”

               อดที่จะขำไม่ได้ จะตื่นเต้นอะไรแม้กระทั่งแมวหาว
 
               “ถ่ายรูปป่ะล่ะ”

               พูดพลางเปิดกระเป๋าเป้ก่อนจะยื่นกล้อง DSLR ที่คว้าติดมือมาด้วยให้อีกฝ่าย

               “ไม่ต้องทำหน้างง ของเพียวนั่นแหละ เราหยิบมาจากในห้อง”

               “โอเว่อร์ว่ะ กล้องมือถือก็ถ่ายได้แล้ว”

               และถึงจะตอบไปแบบนั้น แต่ก็รับกล้องมาถือไว้อยู่ดี

               เมื่อวิญญาณตากล้องเข้าสิง คราวนี้เพียวเลยยิงยาว ตั้งแต่ของกินบนโต๊ะ น้องแมว พนักงาน ยันแฟน ก็ต้องมาเข้าเฟรมให้หมด

               โดยเฉพาะเจ้าวิปครีม กับเจ้าตูบสก๊อตติสโฟลด์สีดำเทา ที่ดูเพียวจะปลื้มเป็นพิเศษ

               “กินอะไรบ้าง”

               กอล์ฟร้องท้วง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจแมว จนของในจานไม่พร่องไปเลยสักนิด ดูท่าเอาเข้าเถอะ จะลงไปนอนย้วยแข่งกับแมวแล้ว

               “ป้อนดิ”

               พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบ้าจี้ทำจริง ลาวาเค้กถูกตักยื่นมาจอที่ปาก จนคนขอให้ป้อนเองเนี่ยแหละต้องเป็นฝ่ายหน้าแดง ก่อนจะแย่งช้อนมาถือไว้ซะเอง

               “ทำบ้าอะไร อายเค้า”

               แอบเหล่ไปเห็นพี่พนักงานที่เคาเตอร์ทำเป็นเสมองไปที่อื่นด้วย ดูยังไงก็รู้ว่าเห็นแน่ ต้นเหตุอย่างกอล์ฟนี่ก็อีกคน หัวเราะร่าจนน่าหมั่นไส้

               “โอ้ย”

               เลยจัดหมัดอัดเข้าท้องไปที แก้เขิน

               “ใจร้าย”

               “สมน้ำหน้า”

               กอล์ฟบ่นงึมงำอะไรกับตัวเองอีกสองสามคำ ก่อนจะชะงักเมื่อโดนเพียวถามคำถาม

               “แล้วพาออกมานี่ไม่ต้องติวสอบแล้วอ่อ”

               “สมมติให้นั่งอ่านหนังสือกันที่บ้าน เพียวอ่านได้ป่ะล่ะ”

               กลายเป็นเพียวเองที่เงียบไป เมื่อเช้าจิตตกขนาดนั้นอย่าว่าแต่อ่านหนังสือเลย พูดเล่นกันแบบนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำได้ไหม

               “เห็นไหม ออกมาเที่ยวดีกว่า”

               ถึงกอล์ฟจะว่าแบบนั้น แต่ก็ยังอดที่จะสงสัยไม่ได้อยู่ดี

               “เราอ่านไม่ได้แต่กอล์ฟก็อ่านได้นี่”

               “สอบได้ที่สองบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

               คนฟังอึ้งสนิท ไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่รู้จักมานานจนเปลี่ยนสถานะแล้วจะเป็นคนแบบนี้

               “อี๋ หมั่นไส้ว่ะ”

               “ล้อเล่นๆ อ่านไปสองรอบแล้ว”

               “เกลียดดดดดดด”

               เพียวมองคนตอบคำถามที่ตอนนี้หัวเราะร่วนด้วยสายตาเกลียดชัง ที่มันพูดแบบนี้หมายความว่า ถึงไม่อ่านที่หนึ่งในชั้นก็ต้องเป็นของมัน ไม่มีทาง ไม่ว่าจะ ฟิสิกส์ เคมี ขีวะ สังคม ภาษาไทย เลข ยันพละ เพียวคนนี้จะต้องเป็นที่หนึ่งแทนมันให้ได้ หมั่นไส้โว้ย จะหน้าด้านเกินไปแล้ว เห็นแบบนี้ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเขาก็ท็อปห้าทุกวิชา

               “เห้ย จะลุกไปไหน”

               กอล์ฟร้องทักเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ เพียวก็ลุกพรวดทำท่าจะเดินออกจากร้าน

               “จะกลับไปอ่านหนังสือ เดี๋ยวคนบางคนจะได้ใจเกินไป”

               กอล์ฟรีบฉุดอีกฝ่ายลงนั่งเรียกสติ เขาก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ไม่ได้ได้ใจสักหน่อย

               “โหยๆ อย่าน้อยใจไป เดี๋ยวเก็บเลขเสริมไว้ให้ดีป่ะ”

               สิ้นคำ กอล์ฟก็ได้อีกหนึ่งหมัดเป็นคำตอบ

               “โอ้ย มือหนักขนาดนี้ แถมวิชาพละให้ด้วยอีกหนึ่งวิชาเลย”

               “พูดแบบนี้จะเอาช่ะ”

               “พอแล้วครับๆ เอานี่ไปกินอร่อยนะ”

               ว่าแล้วก็ยื่นชาเขียวนมแก้วโต ที่สั่งมากินเองให้อีกฝ่าย ไม่ขมไม่หวานจนเกินไปหอมชากำลังดี ถือเป็นการเปลี่ยนเรื่องแบบไม่เนียนแต่ก็พอใช้ได้ล่ะน่า

               ลองชิมๆ ดูแล้วพอเห็นว่าอร่อยจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าคราวนี้เลยคว้ามาดูเองอีกหลายอึก

               “ใช่ไหม เราชอบมากเลย”

               พอคิดว่าแก้วที่กำลังกินอยู่นี้เป็นของคนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงข้าม ภาพในละครที่เคยเห็นพวกป้าแม่บ้านนั่งดูในละครก็ดันผุดขึ้นมา

               ‘...เหมือนจูบทางอ้อมเลยอ่ะ...’

               “แอบคิดว่าเป็นจูบทางอ้อมอยู่อ่ะดิ”

               แล้วทำไมไอ้นี่ต้องพูดเหมือนพระเอกในละครที่เคยเห็นด้วย

               “บ้าเอ้ย”

               ส่งแก้วชาเขียวคืนไปอย่างคนหัวเสีย วันนี้ทำไมไอ้บ้านี่มันมาแปลกผิดทุกทีนะ

               “ปกติไม่เห็นเสี่ยวขนาดนี้เลยนี่หว่า นอนไม่พอเหรอกอล์ฟ”

               "ทำไม เพียวจะมากล่อมนอนเหรอ"

               "ไปตายซะไอ้บ้า"

               และแล้วสนามมวย ไม่สิ โรงฝึกที่มีนักชกกับกระสอบทรายหัวเราะได้ก็บังเกิดขึ้น กอล์ฟที่คอยหลบหมัดไปมองเพียวที่ตีอกชกลมรวมถึงตีเขาไปด้วยอย่างมีความสุข เป็นเหมือนเดิมแล้ว ขี้หงุดหงิดเหมือนเดิมแล้วจริงๆ




TBC……




TaLK

สวัสดีค่ะทุกคน จริงๆ จะอัพตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้ได้แต่นั่งตามข่าวแบบจิตตกอยู่หน้าคอมเลยค่ะ ขอให้ประเทศไทยพ้นจากเรื่องร้ายๆ ไปโดยไวด้วยเถิดค่ะ

มาเข้าเรื่องนิยายสักนิด ถึงจะบอกว่าเป็นตอนที่ 17 แต่ใจนึงก็ลังเลว่าเป็น 16.5 หรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื้องเล๊ย เอาเป็นว่าเป็นตอนเบาๆ พักสมองเน๊อะ ช้าบ้างอะไรบ้าง ตามประสาคน(หาเรื่องให้ตัวเอง)งานยุ่งนะคะ ยังไงก็พูดคุยทักทายติชมได้เช่นเคยค่ะ รักคนอ่าน -อี้หลิง





 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2015 15:24:32 โดย zvonek »

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เป็นตอนที่น่ารัก ดูเค้าจีบกันแล้วน่ารักดีค่ะ ชอบมากค่ะ
เป็นคู่ที่แปลกไม่เหมือนใครดีค่ะ เป็นแฟนกันแล้วค่อยมาจีบกัน ก็น่ารักไปอีกแบบค่ะ

ลุ้นให้หวานใส่กันมากๆตลอดไป แต่คาดว่ากอล์ฟจะเจ็บตัวทุกครั้งที่ทำให้เพียวเขินค่ะ555

กอล์ฟน่ารักมากๆ ยอมและทำทุกอย่างเพื่อให้เพียวกลับมาสดใสอีกครั้ง
เอาใจช่วยเพียวให้ลืมเรื่องร้ายๆให้ได้ค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ รอติดตามตอนต่อไปเสมอนะคะ :L2:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
มาติดตามด้วยคน อ่านรวดเดียว 17 ตอนเลย
ดูหน่วงๆ ดีอ่ะ

ตอนสุดท้ายน่ารักดี จีบกันด้วย 5555+

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด