วันพ่อ ครึ่งหลัง
“อากาศหนาวๆ แบบนี้ต้องเสื้อกันหนาวสิครับ มัมมีแต่แบบเดิมๆ ไม่ยอมซื้อของใหม่ ต้องให้ป๊ากับพ่อเลือกให้ตลอดเลย ธารากับวาโยไปเลือกให้มัมเลยลูก” อัคนีบอกกับเด็กๆ เมื่อมาถึงร้านขายเสื้อผ้าแบรน์ดหนึ่งของห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด
“ไม่เอาอ่ะค่ะ ธาจะซื้อผ้าพันคอให้มัมจะได้ใส่คู่กับเสื้อกันหนาว”
“โอเคครับ ผ้าพันคอก็ผ้าพันคอ งั้นเดี๋ยวป๊าไปกับหนู ส่วนมึงไปกับวาโยนะ” ประโยคสุดท้ายหันมาพูดบอกปฐพีเสียงเรียบ ซึ่งคนเป็นพี่ก็พยักหน้ารับเบาๆ
“อือ...ไปครับลูก ไปเลือกเสื้อกันหนาวให้มัมกัน”
“ไปกันเล้ย เย้ๆ พ่อฮะ พากินไอติมด้วยน้า” วาโยจับมือปฐพีขึ้นมากูแก้มอย่างออดอ้อน จนคนเป็นพ่ออดที่จะหอมแก้มไม่ไหว
“ฟอด! ได้สิครับ แต่เราไปซื้อของก่อนนะ”
“คร้าบบบบ”
เมื่อทั้งสี่คนเดินเลือกซื้อของขวัญให้หับปลายฝันคนเก่งที่เป็นที่รักของสี่หัวใจแล้ว ก็มารวมตัวกันในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง ก่อนจะสั่งมาทานสองอย่าง
“วาจะกินสตรอเบอร์รี่”
“ธาจะกินช็อกโกแลต”
“ก็ตามที่เด็กๆ บอกครับ” อัคนีหันไปบอกพนักงานสาวที่ยืนรับออเดอร์อยู่ด้วยใบหน้าที่ติดจะประหม่าเล็กน้อยเพราะกลัวจะทำอะไรให้ไม่พอใจ
แม้ว่าจะเป็นลูกค้าประจำก็ตาม แต่ไม่มีคนหน้าหวานคนนั้นแล้ว คนพวกนี้ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
ปฐพีกับอัคนีพูดคุยกับเด็กๆ อย่างมีความสุข แม้ว่าจะฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็ยังนั่งคุยกับลูกๆ จนเกิดภาพที่อบอุ่นขึ้นมาของความเป็นครอบครัว
“อยากให้มัมมาด้วยจัง”
“นั่นสิคะ ธาคิดถึงมัมอ่ะค่ะ”
“เดี๋ยวเราก็จะกลับไปหาแล้วครับ” ปฐพีบอก
“ใช่ครับเด็กๆ ถ้าอยากกลับไปหามัมเร็วๆ ก็ต้องกินให้เสร็จก่อนนะครับ”
“ได้เลยค่า/ฮะ”
…
…
…
“สวัสดีฮะคุณแม่”
“อ้าว? มาคนเดียวหรือคะ” คุณหญิงอัญมณีที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องนั่งเล่นถามขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งบางของลูกสะใภ้หนุ่ม ปลายฝันยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ กับคุณหญิง
“ใช่แล้วครับ พอดีว่าพี่ดินพี่เพลิงพาเด็กๆ ไปเที่ยว ตามประสาพ่อลูกน่ะฮะ”
“แล้วทำไมไม่พาหนูดรีมไปด้วยล่ะเนี่ย คงเหงาล่ะสิถึงได้มาหาแม่วันนี้”
“ไม่ได้เหงาหรอกครับ แต่อยู่ห้องคนเดียวไม่รู้จะทำอะไร แล้วนี่คุณพ่อไม่อยู่หรือฮะ” ถามหาผู้มีพระคุณอีกคนของเขาทันที
“อยู่ที่สวนน่ะลูก เดี๋ยวนี้คุณพ่อเขาชอบปลูกต้นไม้ ก็เลยใช้เวลาอยู่นั่นทั้งวันเลย”
“ว้า...แล้วแบบนี้คุณแม่ไม่เหงาหรือฮะ”
“ไม่เหงาหรอกจ้า มีเด็กๆ อยู่ด้วย วันนี้หลานแม่จะนอนไหนคะ” คุณหญิงถามยิ้มๆ
“ดรีมว่าคงนอนที่นี่แหละฮะ เพราะยังไงก็ต้องไปเรียนเหมือนเดิม”
“คงไม่งอแงหรอกนะ” ถามยิ้มๆ
“ไม่งอแงหรอกครับ แล้วนอร์ทไปไหนฮะ” ถามหาน้องชายของตนที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เพราะจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกับธารา วาโย
“ไปช่วยลุงสมล้างรถน่ะ”
“ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ จริงๆ” ปลายฝันพึมพำเบาๆ
“ดีแล้วนะแม่ว่า เป็นเด็กที่ขยัน และเป็นคนดีด้วย”
“ดรีมดีใจที่คุณแม่ชอบนอร์ท”
“แม่รักนอร์ทเหมือนลูกแท้ๆ เหมือนกับหนูดรีมนั่นแหละลูก และนอร์ทก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลูกหลงของแม่กับคุณพ่อเขาแหละ”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
ทำไมถึงได้โชคดีแบบนี้นะดรีม...
“ดรีมขอตัวไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ พอดีวันนี้วันพ่อ ดรีมไม่เคยมีพ่อเลยไม่รู้จะกราบใครดี คิดถึงคุณพ่อเป็นคนแรกเลยมาที่นี่”
“ไปเลยสิจ้ะ พ่อเขาต้องดีใจแน่ๆ”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวดรีมมาคุยด้วยใหม่นะฮะ”
“จ้า”
ร่างบางเดินออกจากตรงนั้นมาแล้วตรงไปยังสวนใหม่ที่อิสระปลูกและจัดขึ้นมาใหม่อย่างสวยงาม เห็นชายสูงวัยที่เขาเคารพนั่งอ่านหนังสือธรรมมะอยู่ตรงนั้นอย่างมีความสุข
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“ดรีม...คิดยังไงมาเนี่ยลูก” คุณอิสระละจากหนังสือมามองหน้าลูกสะใภ้ของเขาทันที แววตาฉายแววดีใจที่ได้เห็นปลายฝันเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข
“มาหาคุณพ่อนั่นแหละฮะ คุณพ่อครับ...” ปลายฝันนั่งลงบนพื้นหญ้าตรงเท้าของอิสระจนเจ้าตัวตกใจ
“ทำอะไรน่ะหนูดรีม ลุกขึ้นมาลูก มันเปื้อน”
ปลายฝันส่ายหน้ายิ้มๆ ยกมือพนมกันที่กลางอก เงยหน้ามองใบหน้าของคนที่เขาเคารพรักเหมือนพ่อแท้ๆ ด้วยสายตาแห่งการขอบคุณ
“ดรีมไม่เคยรู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร ดรีมโตมาแบบไม่รู้ว่าความรู้สึกของการมีพ่อเป็นยังไง จนกระทั่งได้มาเจอกับคุณพ่อที่กำลังจะโดนรถชน ดรีมรู้ได้ทันทีว่าถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไปในตอนนั้น ลูกของคุณพ่อจะเดียวดายเหมือนกับดรีมไหม ไม่ว่ายังไงดรีมก็ไม่อยากให้ลูกของคุณพ่อรู้สึกขาด รู้สึกตัวอีกที ดรีมก็ไปยืนตรงนั้นแล้วช่วยคุณพ่อเอาไว้แล้ว ไม่คิดเลยว่า ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มีพ่อกับเขา แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ดรีมก็รักคุณพ่อมากนะฮะ ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้ ขอบคุณโอกาสที่ได้ให้กับผม และขอบคุณที่ให้ดรีมได้รักกับพี่ดิน พี่เพลิง ขอบคุณจริงๆ ฮะ” สิ้นคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจอย่างที่ตั้งใจแล้ว เขาก็ค่อยๆ ก้มกราบเท้าของอิสระทันที ก่อนจะรู้สึกอบอุ่นที่ศีรษะเมื่อคนสูงวัยกำลังลูบกลุ่มผมเขาเบาๆ
“พ่อทำเพราะรู้สึกขอบคุณ แต่ยิ่งได้รู้จัก มันก็กลายเป็นความเอ็นดู จนอยากได้มาเป็นลูก ไม่ว่าจะลูกสะใภ้หรือว่าลูกบุญธรรม ดรีมก็คือลูกของพ่อนะ จำไว้นะลูก ไม่มีดรีม ไม่มีพ่อในวันนี้”
ปลายฝันที่เคยสูญสิ้นทุกอย่าง กำพร้าพ่อ และสูญเสียมารดา บัดนี้ เขาได้กลับมาคืนแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่อย่างเดิม แต่ความรักที่ได้รับ ความอบอุ่นที่รู้สึกได้ มันไม่ต่างกัน ที่สำคัญ เขาได้ของขวัญพิเศษที่ลำค้าเพิ่มมาถึงสองอย่าง นั่นก็คือ...
คนรักและลูก...
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบคุณครับ”
“ร้องไห้ทำไมว่าที่คุณหมอ”
“ผมดีใจ”
“พ่อก็ดีใจ ไปกันดีกว่าหนูดรีม ข้างนอกมันร้อน” อิสระชวนปลายฝันเข้าไปในบ้าน
“ดรีมว่าอากาศอุ่นกำลังดี”
“ไปข้างในดีกว่าลูก จะได้คุยกับแม่เขาด้วย”
“งั้นก็ได้ครับ”
ปลายฝันกับอิสระย้ายเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งร่างบางก็เดาได้เลยว่าปฐพีกับอัคนีคงจะพาเด็กๆ มาที่นี่แล้ว
ไม่ต้องส่งข้อความไปบอก ไม่ต้องโทรไป แต่คนรักของเขาก็รู้เสมอว่าเวลาแบบไหนปลายฝันจะทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน
“มัม!!!” ร่างเล็กทั้งสองวิ่งกอดร่างบางแน่น
“ว่าไงครับ ไปเที่ยวไหนกันมา”
“ไปกินไอติมฮะ”
“แล้วก็ไปซื้อของให้มัมด้วยค่า”
“หือ? ซื้อให้มัมทำไมครับ” คิ้วเล็กขมวดหน่อยๆ
“พ่อกับป๊าบอกว่าอากาศมันหนาว แล้วมัมไม่ค่อยมีเสื้อแขนยาว เลยให้ธากับวาไปช่วยเลือกค่ะ” เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉานจนปลายฝันต้องระบายยิ้มอ่อนโยน
“วาซื้อเสื้อกันหนาวมาให้ ส่วนธาซื้อ...”
“ผ้าพันคอค่ะ” แย่งคนน้องพูดทันทีจนวาโยโวยวาย
“อ๊า...ทำไมต้องแย่งวาพูดด้วยล่ะ”
“ก็ธาเป็นคนเลือก ธาก็ต้องเป็นคนบอกเองสิ” วาโยแก้มพองปากยื่นด้วยความไม่พอใจในระดับของเด็ก แต่สำหรับผู้ใหญ่มองแล้วน่ารักที่สุด
“ไม่เอาสิครับ เป็นพี่น้องกันไม่ควรทะเลาะกัน” ปลายฝันสอน ส่วนเด็กๆ ก็มองหน้ากันน้อยๆ ความรักของพี่สาวมากกว่าอยู่แล้ว เลยเป็นฝ่ายง้อเสมอ
“ธาขอโทษนะ ไม่โกรธ ไม่งอนนะ”
“อื้อ...วาไม่งอนก็ได้”
“ดีมากครับ ไหนๆ เอาของขวัญมาให้มัมดูหน่อยเร้ว” เด็กๆ รีบวิ่งไปหาพ่อกับป๊าที่ถือของให้อย่างรวดเร็วก่อนที่วาโยจะเป็นคนมาถึงปลายฝันก่อน มือเล็กๆ นั่นยื่นกล่องของขวัญให้กับร่างบาง ดวงตามีความหวังอย่างที่สุด
“ของวากับพ่อฮะ”
“ไหนดูหน่อยซิ จะถูกใจมัมหรือเปล่า”
เสื้อแขนยาวไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนคาดด้วยดำประจักษ์สู่สายตา มือขาวลูบที่เนื้อผ้า ใบหน้าแย้มยิ้มอย่างชอบใจกับเสื้อที่วาโยเป็นคนเลือกให้
“มัมชอบมากเลยครับ ฟอด...ขอบคุณมากนะครับลูก มัมรักวาโยนะครับ” ปลายฝันนั่งลงบนพื้นก่อนจะหอมแก้มใสของลูกชายเบาๆ
“ฟอด รักมัมมากๆ เลยฮะ” วาโยเองก็หอมคืนก่อนจะหลีกทางให้ธารายื่นของขวัญบ้าง
“นี่ของที่ธากับป๊าช่วยกันเลือกค่ะ”
“มัมชอบมากเลยลูก แล้วจะใส่นะคะ ทั้งสองเลย” ปลายฝันเปิดกล่องดูก็พูดออกมาอย่างดีใจที่ได้รับของขวัญแบบนี้จากลูกชายลูกสาว ผ้าพันคอไหมพรมที่เข้ากับเสื้อของวาโยสุดๆ เนื้อผ้าอุ่นนุ่ม เหมาะแก่การใส่ในฤดูหนาว หอมแก้มลูกสาวไปเบาๆ
“รักหนูนะลูก”
“รักมัมเหมือนกันค่ะ”
ปลายฝันเอากล่องผ้าพันคอวางไว้บนโต๊ะข้างๆ กับเสื้อตัวใหม่ จับแขนเล็กๆ ของเด็กๆ ไว้แล้วลุกขึ้นยืน
“ไปทำอาหารกันดีกว่าเด็กๆ”
“เย้!! วาจะช่วยมัมทำอาหาร” เด็กชายวาโยร้องดีใจ ส่วนธาราน่ะหรือ
“ไม่ช่วยไม่ได้หรือคะ”
“ไปลูก ย่าไปด้วย”
ปลายฝัน คุณหญิงและเด็กๆ ออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่สามพ่อลูกที่ยังคงนั่งเงียบกันอยู่ แต่บรรยากาศอบอวนไปด้วยความอบอุ่นและความสุข
“พ่อสบายดีนะครับ” ปฐพีทำลายความเงียบ
“พ่อสบายดี พวกแกล่ะ”
“ก็ตามที่พอเห็นครับ เรามีความสุขมาก” อัคนีตอบยิ้มๆ
รอยยิ้มของลูก ความสุขของลูก ทำให้อิสระมีความสุขเสมอ
“ฉันดีใจที่พวกแกเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครสักคนได้ขนาดนี้ ฉันภูมิใจที่พวกแกทำงานแทนฉันได้ดีกว่าทุกๆ ด้าน ฉันดีใจที่แกสองคนทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดี”
“ทุกอย่างที่พ่อเห็น มันเริ่มมาจากโอกาสที่พ่อสร้างให้ทั้งนั้นแหละครับ”
“พูดดีนี่นาตาดิน”
“ผมโตขึ้นเยอะแล้วครับ เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว คงทำตัวอย่างแต่ก่อนไม่ได้”
“ถ้าพวกเราทำตัวแบบที่ผ่านมา มันจะทำให้ดรีมเสียใจ เสียน้ำตาก็ไม่อยากทำแล้วครับ ที่สำคัญ ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ผิดหวัง” อัคนีเอ่ยขึ้นมา
“ดีใจที่แกก็ใจเย็นมากขึ้น ไม่ใช้อารมณ์เหมือนแต่ก่อน” อิสระพูดกับอัคนียิ้มๆ
“นั่นเพราะพ่อกับแม่ครับ ที่ส่งดรีมมาให้กับพวกเรา”
“รู้ไหม ทุกวันนี้ที่ฉันได้รับจากพวกแก มันทำให้ฉันนอนตายตาหลับแล้วล่ะ”
ปฐพีกับอัคนีเพียงยิ้มรับเท่านั้น รู้ว่าวันหนึ่งต้องมาถึง สักวันหนึ่งผู้มีพระคุณของพวกเขาก็ต้องจากไป กลับคืนสู่เถ้าถ่าน
ระหว่างนี้ เขาสองคนจะทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ใครสักคนต้องผิดหวังเด็ดขาด
พรึ่บ!!
สองร่างใหญ่นั่งลงที่พื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน คนเป็นพ่อรู้ว่าลูกชายทั้งสองของตนกำลังจะทำอะไรก็ได้แต่นั่งนิ่งอย่างตื้นตันใจ
นี่มันเป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีนะ ที่ลูกชายที่โตขึ้นทุกๆ วันสองคนนี้กราบพ่อ
“ขอบคุณครับพ่อ” ทั้งสองเอ่ยเบาๆ ขณะที่ค้างท่ากราบไว้กับพื้นอยู่แบบนั้น
“อย่าเพิ่งเงยนะ” เสียงเรียบของบิดาสั่ง ร่างสูงเลยค้างท่ากราบไว้อยู่แบบนั้น แต่ทำไมจะไม่รู้ว่าพ่อของพวกเขา กำลัง...ร้องไห้อยู่
คนเป็นพ่อไม่ต้องการให้ลูกเห็นน้ำตา ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม...
ฝ่ามือแห้งเหี่ยวตามกาลเวลา ลูบศีรษะของบุตรชายของเขาเบาๆ น้ำตาก็ไหลลงเรื่อยๆ ด้วยความปิติอันเปี่ยมล้น ปฐพีกับอัคนีรู้ว่าฝ่ามือนี้หมดแรงที่จะทำงานเพื่อพวกเขาแล้ว มือที่หยาบกร้านที่มักจะคอยโอบอุ้มประคับประคองพวกเขา ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดู ส่งเสีย ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกเมียสบาย
มือของคนที่ทำงานอย่างหนัก ไม่เนียน ไม่นุ่ม แต่อบอุ่นสุดหัวใจ
“พ่อ...รักพวกแกนะ” เสียงทุ้มสั่นของอิสระเปล่งออกมาเบาๆ หัวใจของลูกชายอุ่นวาบ ทั้งที่คิดว่าจะไม่มีน้ำตา แต่ก็ห้ามออกมาไม่ได้
นาน...นานกว่าสิบปี ที่ไม่ได้ยินคำบอกรักออกจากปากเสาหลักคนนี้
“ผมก็รักพ่อ”
ขอบคุณที่ให้กำเนิด
ขอบคุณที่ทำงานหนัก
ขอบคุณที่เลี้ยงดู
ขอบคุณที่สอนสั่ง
ขอบคุณที่ให้กำลังใจ
ขอบคุณที่ประคับประคอง
ขอบคุณที่ห่วงใย
ขอบคุณที่เป็นแบบอย่าง
ขอบคุณที่ให้อภัย
ขอบคุณความเอาใจใส่
ขอบคุณที่เป็นฮีโร่คอยปกป้อง
ขอบคุณทุกๆ อย่าง ทุกความรัก ทุกการสนับสนุนที่ผู้เป็น ‘พ่อ’ มี
100%

อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ก็ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ไม่เข้าใจชีวิตตัวเองสุดๆ ใครอยากติชมก็โพสได้ จะเก็บไปพัฒนาตัวเองค่ะ เพราะก็ยังเป็นมือสมัครเล่นคนหนึ่งที่เขียนเพราะใจรัก ให้กำลังใจยูกิด้วยนะคะ
ใครอยากจะคุย (มีเหรอ) กับยูกิก็ไปที่แฟนเพจน้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki/