ตอนที่ 51 เสียงเพลงที่ผมได้ยินไม่ใช่เพลงเศร้า ไม่ได้โดนใจเท่าไหร่ แต่ดนตรีที่ได้ยินกลับดูเศร้าจนทำให้หัวใจของผมจมลึกลงไป ผมไม่รู้สึกถึงใครที่นั่งรอบข้าง ราวกับทุกอย่างนั้นมืดดำไปหมด แก้วเหล้าที่ถือในมือไม่เหล้าอยู่อีกแล้ว ตอนได้ยินเสียงน้ำแข็งละลายกระทบกันก็เผลอคิดขึ้นได้ว่ากำลังเหม่อเกินไปแล้ว
" อีกแก้วมั้ย " ไอ้นิวถาม ตอนที่ผมวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะข้างหน้า ผมพยักหน้า
" ไม่ต้องผสมนะ "
" อื้ม " ไม่มีใครคุยอะไรกับผม เหมือนกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไร เลยไม่อยากจะถามไถ่อะไรกันอีก และนั่นก็ดีแล้ว เพราะถึงจะถามอะไรออกมาผมก็ไม่ตอบอยู่ดี " อะ เอาไป "
“ มันไปที่อื่นรึเปล่า " ไอ้โจ๊กว่า ผมที่เหลือบมองมัน อีกคนก็ขยายความ " กูหมายถึงไอ้ปิง มันไปที่อื่นรึเปล่า "
“ ไม่รู้สิ " ตอบออกไปเสียงเรียบๆก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่ม สายตามองไปรอบๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้ว ประตูมันปิดนิ่งอยู่อย่างงั้นนานแล้ว เว้นแต่คนภายในจะเปิดออกไปบ้าง จนผมตระหนักถึงเวลาปิดของผับที่กำลังใกล้เข้ามา ' ไม่อยากลุกเลย ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น อยากนั่งอยู่ตรงนี้ นั่งไปเรื่อยๆ '
“ มึงยังไม่กลับเหรอวะ " เท่ถาม ผมก็พยักหน้า " งั้นพวกกูกลับก่อนนะ "
“ อื้ม " ผมตอบ ไอ้โจ๊ก ไอ้นิว ไอ้เท่ก็ลุกขึ้นจากโซฟามันแยกย้ายกันกลับ ผู้คนรอบข้างผมก็เช่นกัน ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับออกไป เหลือเพียงแค่ผมที่ยังคงนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ " ไม่มาจริงๆสินะ "
น้ำตาไหลซึมออกมาช้าๆ ผมทำได้แค่หลับตาลง หวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆของเราตลอดเวลาที่ผ่านมา วันแรกที่เจอกันหรือแม้แต่ครั้งแรกที่ทะเลาะ เสียงอ้อนที่ชอบมานั่งข้างๆ น่ารำคาญแต่ก็มีความสุข
เผลอคิดภาพร่างบางที่จะมานั่งอยู่ข้างหน้า มันที่ชอบนอนหนุนตักของผม แม้จะบอกว่าหนัก จะบอกว่าไม่ชอบ แต่ตัวมันในทุกครั้งก็จะไม่ขยับไปไหน หนำซ้ำยังกอดผมไว้แน่นอีก ' ออกไปให้พ้นๆไป ' ตอนที่บอกแบบนั้นออกไปก็เพราะว่า เขิน ทั้งๆที่ชอบให้มันนอนอยู่ใกล้ๆ ทั้งๆที่ทุกครั้งพอเป็นเวลาแบบนั้นก็จะกอดมันไว้ แต่ปากก็ต้องขยับด่าออกไปก่อน คำด่าที่ปิงรู้ดีว่าก็แค่ทำไปเพราะเขิน มันเลยจะแค่เงยหน้าขึ้นมามองผมเท่านั้น ก่อนจะหลุดคำแซวแบบแรดๆของมัน แต่นั่นก็ไม่ได้จากไปไหน อย่างที่ผมบอกมันให้ออกไป
แต่ทว่าตอนนี้ กลับไม่มีอีกแล้ว ไม่มีปิงคนนั้นอีกแล้ว มันไม่มาที่นี่ ไม่เหมือนทุกครั้งที่แม้ผมจะด่า จะว่า มันแรงแค่ไหน มันก็ยังคงอยู่ตรงนี้ อยู่ใกล้ๆ อยู่ในสายตาแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีปิงคนที่คอยทำให้ผมโมโหเวลามันเข้าไปยั่วผู้ชายคนอื่นเพราะโกรธผม ไม่มีใครคนนั้นที่ทำไปเพราะแคร์ผมอีกแล้ว .. ไม่มีแล้ว
ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ผม คงจะจริงอย่างที่ใครบอก ' ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัด ' แล้วความอดทนของปิงคงมาถึงขีดสุดแล้ว
“ ขอโทษนะครับ ร้านจะปิดแล้ว "
“ อื้ม " ผมหันไปตอบพนักงานที่เดินมาบอก แต่ขาก็ยังไม่ขยับลุกไปไหน ผมยังนั่งอยู่แบบนั้น มันลุกไม่ขึ้น มันไม่อยากลุก ตอนนี้ไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น แม้จะเดิน นั่ง กิน หรือแม้แต่นอนผมก็ไม่อยากจะทำ ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น อยากจะนั่งอยู่อย่างงี้ แค่นั่งอยู่เฉยๆ
“ เฮ้ย ยังไม่กลับอีกเหรอวะ " ผมหันไปมองต้นเสียงที่เดินมาถามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย ตอนที่หันไปเห็นใบหน้าแบบนั้นตัวผมก็ถอนหายใจแล้วหันหน้ากลับมามองตรงจุดเดิม อีกคนก็หัวเราะ " ถอนหายใจแล้วหันไปทางอื่นตอนเจอกู หมายถึงเหี้ยอะไรวะ "
“ จะปิดร้านแล้วเหรอ "
“ เออดิ ตีสามแล้วมึงจะให้กูเปิดถึงเจ็ดโมงเช้าเลยรึไง " ไอ้พายเพื่อนสนิทของผมมันพูดก่อนจะยกยิ้ม พายเป็นเจ้าของผับที่นี่ " เป็นเหี้ยอะไร ร้องไห้ทำไมวะ " ผมเงียบไม่ได้ตอบมันออกไปแต่ก็เหมือนว่าทุกอย่างมันจะรู้ได้โดยที่ผมไม่ต้องบอก " ทะเลาะกับแฟนเหรอวะ “ ผมหันไปมอง มันก็ขยายความ " ผู้ชายคนสวยๆที่มึงชอบพามาบ่อยๆ "
“ อื้ม "
“ เรื่องอะไรวะ " พอมันถามผมก็เงียบอีก
“ กูไม่อยากพูดถึง " ไม่อยากจะพูดถึงไม่อยากจะคุยกับใคร อยากอยู่คนเดียวแบบนี้ อยู่เงียบๆ ผมลุกขึ้นยืนตอนที่เดินออกไปนอกร้าน ไอ้พายก็เดินมาส่ง
“ มึงโอเคเปล่าวะ ไอ้เสือ มึงเหมือนไม่ใช่เพื่อนกูคนที่กูรู้จักเลย มึงเคยแคร์ใครด้วยเหรอ คบๆเลิกๆมันเรื่องธรรมดา เพื่อนกูเป็นคนแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ " มือที่เอื้อมมาจับไหล่ อาจเพราะพายคบกับผมมานานมันเลยรู้ว่าตัวผมนิสัยเป็นยังไง ผมในความคิดมันก็คงเหมือนคนนิ่งๆที่ไม่แคร์กับอะไร อารมณ์ร้าย แล้วก็ไร้ความรู้สึก " มึงเหมือนไม่ใช่ไอ้เสือเพื่อนกูเลย จริงๆนะ เป็นคนที่แคร์คนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ "
“ ไม่รู้สิ " ผมตอบ " คงตั้งแต่ที่กูเจอมันมั้ง "
จากที่ไม่ชอบเอาใจใคร บางทีก็ต้องยอมเอาใจมัน รำคาญเวลาคนอื่นมายุ่งวุ่นวาย แต่ก็ชอบให้มันมาวุ่นวายอยู่ใกล้ๆ ชอบเวาลาที่มันยิ้ม เกลียดเวลาที่มันร้องไห้ เกลียดคนทำตัวแรดๆ แต่ก้็ยิ้มทุกคนที่มันพูดอ้อนด้วยคำพูดแบบนั้น เสียงที่พูดว่า ' น้องปิง ของพี่เสือ ' ครั้งแรกที่ได้ฟัง ผมเกลียด แต่ตอนนี้ กลับเป็นเสียงที่คิดถึงที่สุด
“ กูคิดถึงมึงวะ " ผมบอกตัวเองแบบนั้นตอนที่เคลื่อนรถออกไปจากหน้าผับ บนถนนที่ค่อนข้างโล่งในตอนกลางคืนรถของผมขับเคลื่อนไปตามถนนที่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดของตัวเอง แสงไฟสีส้มส่องผ่านตัวรถที่กำลังจอดติดไฟแดงแม้ไม่มีผู้คนเท่าไหร่ แล้วสุดท้ายใจของผมก็พามาที่นี่ ที่คอนโดของใครคนนึงที่กำลังคิดถึง
จอดรถที่หน้าคอนโดผมนั่งนิ่งอยู่ในนั้น ไม่ได้ขยับไปไหน ทั้งๆที่มาถึงแล้ว แต่ทุกอย่างกลับนิ่งอยู่แบบนั้น ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ แล้วหวนคิดถึงคำพูดของปิงที่พูดออกมาทั้งน้ำตา ' เชื่อกูนะเสือ กูรักมึงคนเดียว ' ตอนที่ผมต้องเชื่อใจมัน ผมกลับคิดถึงช่วงเวลาต่างๆที่ผ่านมาของเรา ตอนที่มันเข้าไปหาผู้ชายคนอื่นแบบง่ายๆ ตอนที่เราทะเลาะกัน ผมหวนคิดถึงภาพที่ผมเห็น ท่าทางของมันที่ออกมาจากภาพถ่าย คำพูดของผู้หญิงคนนั้นที่ด่าผม ผมไม่รู้อะไรคือสิ่งที่ผมต้องทำ ถ้ากอดมันไว้จะดูโง่มั้ย ถ้าเชื่อใจใครสักคนที่ทุกอย่างก็บอกอยู่แล้ว ภาพถ่ายถ่ายที่ออกมา หรือแม้แต่ความจริงที่ปิดบังผม
ผมกำมือของตัวเองแน่น เจ็บปวดที่ไม่มีทางไหน ทำให้ผมเชื่อมันได้เลย ถ้ามันบอกผมก่อน ถ้ามันแค่พูดว่า ตอนนี้มีใครที่มาสนใจมัน ถ้าผมรู้ มันคงไม่เป็นแบบนี้ ผมอยากเชื่อใจมัน อยากเถียงในสิ่งที่ตัวเองรู้ มันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ผมอยากจะบอกเธอคนนั้น แต่เพราะผมก็เพิ่งรู้จากเธอเหมือนกัน ผมเลยไม่รู้ ว่าต้องตอบเธอว่าอะไร
“ ทำไมมึงถึงไม่บอกกู " ทำไมถึงต้องให้กูรู้คนสุดท้าย
ผมนั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้นตอนที่คิดวกไปวนมาถึงเรื่องนี้ แล้วพอรู้ตัวอีกที ก็ตอนที่น้ำตามันไหลอาบสองแก้ม ผมมองไปข้างหน้าก่อนจะทุบพวงมาลัยรถอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ' ทำไมมึงถึงไม่บอกกู ทำไมมึงถึงไม่บอกกูวะ ทำไมต้องให้คนอื่นมาบอก ทำไมต้องให้คนอื่นมาพูดแบบนั้น ทำไมวะ ถ้ามึงบอกกูอะไรๆมันคงดีกว่า กูจะตอบเธอคนนั้นไปว่า ใช่ มึงบอกกูแล้ว กูจะบอกเค้าไปแบบนั้น กูจะไปจัดการไอ้เหี้ยนั่นให้ แต่มึงก็ไม่บอก ไม่เคยคิดที่จะบอกอะไรกูเลย '
ผมนั่งอยู่ในรถเหมือนปล่อยเวลาให้ผ่านไปช้าๆ ขาที่อยากจะเดินออกไปจากรถ แล้วเดินขึ้นไปหาใครอีกคนที่อยู่บนนั้น คนที่ตอนนี้ถ้าไม่ร้องไห้ ก็คงกำลังนอนหลับ ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างก็คงมีความสุขอยู่กับอะไรสักอย่างหรือใครสักคน ที่ถ้าเป็นอย่างงั้นผมอาจจะเป็นแค่คนโง่ที่คิดเชื่อใจมัน
นานราวชั่วโมงที่ตัดสินใจเดินลงจากรถ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงประตูห้องของมัน ผมลังเลที่จะก้าวเดินออกไป ทั้งกลัว แล้วก็สับสน ผมไม่รู้ว่าผมควรเดินไปมั้ย ถ้าเจอกันจะพูดอะไร หรือแม้แต่ถ้าเจออะไรที่ไม่อยากเจอจะทำหน้ายังไง คนที่ไม่เคยต้องมาใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ กำลังเดินหน้าไปหาคนที่คิดถึง โดยที่ไม่แน่ใจเลยว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้นกัน ในผลสุดท้าย ผมจะเป็นคนที่เข้าใจผิด หรือ คนที่โง่มาตลอดกันแน่
เอื้อมมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู แต่ก็หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจที่กำลังเต้นแรง สั่งให้ทุกอย่างหยุดนิ่งไว้แค่นั้น ผมไม่กล้าแม้จะเคาะประตู ไม่กล้าแม้จะเผชิญความจริง ที่อยู่ตรงหน้า ได้แต่หยุดทุกอย่างแล้วนิ่งค้างอยู่แบบนั้น
“ กูแพ้มึงแล้วเหรอวะ " ผมบอกตัวเอง " กูแพ้มึงแล้วจริงๆเหรอวะ " กูที่ไม่เคยแคร์ใคร กูที่ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากตัวเอง แต่วันนี้ กูเป็นคนเดียวกันกับคนที่ร้องไห้เพียงเพราะคิดถึงมึง ร้องไห้เพราะไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ทั้งๆที่ภาพทั้งหมดมันก็ฟ้องว่าทุกอย่างคืออะไร เหตุผลมีครบ จนไม่สามารถที่จะเถียงได้ แต่ผมก็เลือกที่จะลังเล มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ปิงอาจไม่ใช่คนแบบนั้น ทั้งๆที่ทั้งภาพ แล้วเรื่องที่มันปิดบัง ไม่ได้ชวนให้คิดได้แบบนั้นเลย แต่ใจก็ยังลังเล " เพราะกูรักมึงแล้วสินะ เพราะคนอย่างกูแพ้ให้กับความรักครั้งนี้ซะแล้ว มึงนี่มันโง่จริงๆเลยวะ " หันเราะออกมาทั้งน้ำตา " มึงแม่ง มึงนี่มัน มึงนี่จริงๆเลย " ใช้มือค้ำกับประตูห้องของมัน ผมเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนั้น มันทรมานกับการดึงให้อีกคนอยู่ทั้งๆเราลังเลในความบริสุทธิ์ใจของเค้า มันทรมานที่แม้จะเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ต้องทำเป็นลืมมันไป ไม่รู้ ไม่สนใจ เอาความรักที่มีบอกกับตัวเองว่า ไม่จริงหรอก เราต้องเชื่อใจกัน ทั้งๆที่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้น่าเชื่อใจอะไรเลยสักนิด แต่ใจก็สั่งให้เข้าข้างเค้าไปแบบนั้น " กูเกลียดที่สุดก็คือคนแรดๆแบบมึง เพราะกูรู้ว่า สุดท้ายมันก็ต้องเป็นอย่างวันนี้ แล้วตอนนี้กูก็คือไอ้คนน่าสมเพศคนนึง ที่กำลังหลอกตัวเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริง แล้วกูก็กำลังขอร้องคนในแบบที่ตัวเองเกลียด ให้กลับมาหา แล้วกูมอบความเชื่อใจให้อีกครั้ง ใครมันจะน่าสมเพศเท่ากูวะ คงไม่มีอีกแล้ว ไม่มี " ผมยิ้มออกมา หัวเราะออกมา ทั้งๆที่กำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องแสดงความรู้สึกอะไร ไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง มันถึงจะหายจากความทรมานนี้ ไม่รู้เลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมตัดสินใจเคาะประตู ตอนที่เอียงตัวหลบตาแมวที่มันอาจจะส่องดู ผมก็เคาะประตูอีกครั้ง ยืนรออยู่นาน ก่อนประตูจะเปิดออกแต่ก็ไม่หมดซะทีเดียว มันแค่แง้มออกมานิดหน่อยจะกลอนประตูที่ล็อคไว้ ผมมองหน้ามัน ปิงเม้มปากแรงตอนที่เห็นผม
“ เสือ " พูดแค่นั้นก่อนจะยืนนิ่ง รอบตาของมันแดงกล่ำในแววตาที่มองหน้าผมนั้น ก็มีแต่คราบน้ำตา " มีอะไร " มันถามก่อนจะหลบหน้า
“ อยากจะคุยด้วย " ผมบอกเสียงเรียบๆ ทั้งๆที่อยากทำมากกว่านั้น ใจที่อยากจะพังประตูที่กั้นนั้นแล้วดึงมันมากอดไว้ แต่ก็ทำไม่ได้ ปิงไม่ได้ให้สิทธินั้นกับผม
“ คุยเรื่องอะไรเหรอ เรื่องนั้นรึเปล่า " มันถาม " เรื่องที่กูนอกใจมึง "
“ ช่วยอธิบายให้กูฟังหน่อยได้มั้ย เปิดประตูหน่อยได้มั้ย "
“ พูดไปมึงจะเชื่อเหรอ ตอนที่กูขอให้มึงฟังกู มึงไม่ฟังกูเลยสักนิด แล้วตอนนี้มึงจะให้กูอธิบายอะไร อธิบายไปจะเชื่อเหรอ " ปิงถาม มันเป็นคำถามที่ทำให้ผมนึกย้อนไป ตอนที่ไม่ฟังอะไรมันทั้งนั้น มันที่เอาแต่ขอร้องขอให้ผมฟัง น้ำตาที่ไหลออกมามากมาย รั้งผมขอให้ฟังมันสักครั้ง คำพูดที่บอกว่า รักคนเดียวและรักมากแค่ไหน แต่ผมกลับไม่ฟังมันเลย
“ ปิง " ผมเรียกมันไว้ มือที่จับประตูไว้แน่น แต่สายตาที่จ้องมามอง สายตาเจ็บปวดของคนตรงหน้า
“ เราห่างกันสักพักเถอะมึง เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น มึงเองก็ไม่ได้เชื่อใจกู เพราะงั้นกูว่า เราห่างกันสักพักมั้ย เราจะได้รู้ไงว่าจริงๆ เราคิดยังไงต่อกันอยู่ เรายังรักกันอยู่มั้ย เรายังอยากอยู่ด้วยกัน หรือจริงๆ เราก็แค่มีกันและกันก็ ไม่มีก็ได้ "
มือของผมจับกลอนประตูนั่นเอาไว้แน่น ยามที่มันพยายามจะปิดลง และผมก็ดันทุรังเอาไว้ สายตาที่เอาแต่จ้องหน้ามัน ผมรู้ว่าถ้าปล่อยมือไป ผมอาจจะไม่เจอหน้ามันอีกก็ได้ ผมจึงไม่ยอม ยอมให้มันปิดประตูบานนั้นลง
“ เสือ กูก็แค่ขอเวลาบ้าง ให้กูได้พัก ได้คิด มึงเองก็ด้วย "
“ ไม่ได้เลิกกันใช่มั้ย " เพราะใครๆ ก็ชอบบอกว่า การห่างกันสักพัก ก็เหมือนการบอกเลิกกันในแบบที่ ให้เวลาอีกฝ่ายทำใจเสียก่อน " บอกกูสิ ว่าเราไม่ได้เลิกกันใช่มั้ย มึงจะกลับมา หลังจากที่พักจะหายเหนื่อยแล้ว มึงจะกลับมา " ประตูที่พยายามดันเอาไว้ทั้งๆที่มันกำลังจะปิด ผมมองหน้ามันใบหน้าที่ผมรัก " ถึงมึงจะโกหกกู กูก็ยังรักมึง ถึงมึงจะทำเรื่องั้นมั้ย หรือไม่ทำ ยังไงก็ยังรัก มันเป็นคำขอเหี้ยๆที่คนเหี้ยๆไม่ควรขอ กูพูดเหี้ยกับมึง กูไม่ดีกับมึง แต่กูก็อยากให้มึงรักกู รักคนเหี้ยๆอย่างกูนี่แหละ แต่ถ้าไม่รักแล้ว บอกกูมา อย่าบอกให้กูห่างกับ แค่บอกว่าไม่รัก เดี๋ยวกูไปเอง "
“ ไม่ใช่ไม่รัก กูรักมึง กูรู้ว่ากูเองก็ผิด ที่ปิดบัง เพราะงั้น กูเลยขอเวลา ขอโทษทีมึง ขอเวลากูสักหน่อยเถอะนะ อย่าดันทุรังคบกันไปทั้งๆที่สุดท้ายมันก็จบแบบเดิมๆเลยวะ ถ้าคิดว่าแค่เคลียร์แล้วจบ ไม่แก้ไข ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม สักวันก็ต้องกลับมาในจุดนี้เหมือนเดิม เราแค่ห่างกันเสือ เราไม่ได้เลิกกัน "
“ เราจะห่างกันแค่ไหน ถ้าห่างกันแบบมึงไปนอนคอนโดกูแล้วเราอยู่คนละห้อง ห่างกันแบบนั้นได้มั้ย "
“ ขอกูอยู่คนเดียวเถอะ กูอยากอยู่คนเดียว " มันปิดประตูลง ตอนที่มือของผมผ่อนลงจากกลอนประตูนั้น ขาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ประตูที่ปิดลงเสียงของมันเหมือนมีดที่ปักลงไปในหัวใจของผม อยากจะถามมันเป็นคำสุดท้าย แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสที่จะถามออกไปอีกแล้ว
“ จริงใช่มั้ย ที่เราจะไม่เลิกกัน " ผมก็แค่กลัว กลัวว่าเรื่องของเราจะเหมือนเรื่องของคนอื่นๆที่ผมเคยได้ยินมา
ห่างกันสักพัก ... ก็คือสถานะที่เราจะได้คิดทบทวนว่าความรักของเรา ควรหยุด หรือ จะไปต่อดี
.........................................................
ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าผมเผลอหลับไปตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอพลิกตัวใช้เท้ายันพื้นพรมก็พบว่ามันไม่นุ่มเหมือนเดิม ความเย็นกับเสียงของกระป๋องเหล็กที่ถูกเหยียบ ผมยกเท้าตัวเองขึ้นก่อนจะเขี่ยมันออกให้พ้นทาง คว้าโทรศัพท์ที่โต๊ะขึ้นมากด พร้อมมืออีกข้างที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ขมวดคิ้วกับข้อความไลน์ ที่ผมปิดเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ไอ้เท่กับไอ้เทมส่งข้อความสั้นๆ มาถามว่าทำไมไม่ไปเรียน
' ขี้เกียจ ' ตอบมันไปทั้งคู่แค่นั้นก่อนจะโยนมือถือไว้ที่เดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่สามครั้งก่อนเสียงกุญแจจะดังถัดมาเป็นเสียงต่อไป ผมเหลือบมองคนที่เข้ามา ยังคงเป็นป้าแม่บ้านคนเดิมที่เข้ามาทำความสะอาด
“ คุณเสืออยู่เหรอคะ ป้าคิดว่าไปเรียน " ผมไม่ตอบเธอก็มองไปรอบๆห้อง " แล้วคุณปิงล่ะคะ "
“ ห่างกันสักพักน่ะ " ผมตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเข้าไปในห้องเพื่อล้างหน้าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า
“ อ้าว ทำไมถึง เมื่อวานไม่ได้ไปง้อเธอหรอกเลยคะ "
“ ก็ไปไง เลยต้องห่างกันสักพัก ไปซื้ออะไรกินนะ " ไม่อยากจพนั่งอยู่ให้เธอถามไถ่ ผมเลยจำเป็นที่ต้องเป็นฝ่ายเดินออกมาข้างนอกเสียเอง
ลิฟท์ที่พาผมลงมาตรงชั้นล่างสุดของคอนโด ลานด้านหน้ากว้างๆที่พอเดินตรงไปข้างหน้า สายตากลับเห็นคู่รักคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา พี่ปิ่นกับไอ้เปอร์กำลังยิ้ม แล้วก็หัวเราะ มีความสุขเสียจนทำให้ผมยกยิ้มขึ้นมาเบาๆ มือที่กำหมัดแน่นยามที่เห็นภาพนั้น ตอนนั้น อยากจะหัวเราะออกมาดังๆเสียด้วยซ้ำ ' คนที่ทำความรักของคนอื่นย่อยยับ มันมีสิทธิ์มีความสุขขนาดนี้เหรอวะ ' ผมอยากถามแต่ก็ไม่รู้ว่าใครจะให้คำตอบนั้นได้
“ มีความสุขกันจังเลยนะ " ผมทัก ตอนที่มองไปทั้งคู่ก็หยุดยืนนิ่งก่อนจะหันมามองผม
“ เสือ " พี่ปิ่นทักผม เธอมองดูใบหน้าของผม จ้องเข้ามาลึก " ทำไมหน้าโทรมขนาดนั้นละ ไม่สบายเหรอ "
“ กูเกลียดมึงวะ " เสือลอดไรฟันที่ผมบอกตอนที่มองมันทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ เสือ "
“ อย่าไปใส่ใจเลย ก็แค่คนโดนทิ้งเท่านั้นแหละ " ไอ้เปอร์บอกคนข้างๆมันแบบนั้น เธอที่พยักหน้าก่อนจะพูดออกมา
“ แต่เลิกกันไปก็ดีแล้ว เสือหาคนใหม่ที่ดีกว่านั้นเถอะ คนแบบนั้นไม่เหมาะกับเสือหรอก "
“ มึงบอกตัวเองเถอะ "
“ เสือ " เธอยังคงเรียกผม
“ เรียกกูทำไม กูพูดอะไรผิดงั้นเหรอ " ผมถาม " มึงสองคนก็ควรเลิกกันไปได้แล้ว คนเหี้ยๆอย่างมันไม่เหมาะสมกับพี่หรอก แต่ไม่สิ บางทีมันอาจจะเหมาะสมกันสุดๆก็ได้ แบบว่า ผีเน่ากับโรงพุไงครับ "
“ หมายความว่าไง " ไอ้เปอร์ผม ผมก็ยกยิ้ม
“ โง่เหรอวะ ถึงไม่เข้าใจ "
“ เสือ นี่พี่หวังดีนะ อีกอย่างเปอร์เองก็บอกกับพี่เองว่าตลอดมาเค้าโดนปิงเข้ามายั่ว เค้าก็อดใจไม่ไหว พี่ว่าเสือโชคดีแล้วนะที่มาเจอพี่ ทำให้ได้เจอธาตุแท้ของปิงนะ ดีกว่ารักเค้าไปมากกว่านี้นะ อย่าตาบอดเพราะความรักสิ "
“ มึงบอกตัวเองเถอะ " ผมย้ำ " ทุกสิ่งที่มึงพูดมา มึงบอกตัวเอง เอาตรงๆเลยนะ เคยจับบนหัวตัวรึเปล่า ว่าตอนนี้มีอะไรงอกออกมาบ้าง เริ่มจะเป็นควายแล้วนะ เริ่มไม่ใช่คนแล้ว แต่ก็ยินดีด้วยแหมะกันดี แมงดาตัวผู้ กับควายตัวเมีย เข้ากันดีครับ "
“ เสือ มันจะมากไปแล้วนะ ที่พี่ทำไปเพราะหวังดีนะ "
“ ขอบคุณ แต่ทีหลังไม่ต้องเสือก "
“ มันรับที่แฟนมันเป็นแบบนั้นไม่ได้มากกว่า ไปเถอะครับปิ่น พูดไปก็เท่านั้นละ เราทำดีไปมันก็เท่านั้นละ " คำพูดที่ดูเหมือนดูดี ผมทำได้แต่ยกยิ้มกับสิ่งที่ได้ยินอยู่แบบนั้น ในใจมันเจ็บไปหมด เจ็บจนรู้สึกว่า ทำไมกูต้องมีความทุกข์แล้วให้คนเหี้ยๆแบบนั้นมีความสุขด้วยวะ เพราะมันแท้ๆ เรื่องนี้ถึงเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีมันสักคน เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แล้วดูสิ ว่าตอนนี้ผมเสียอะไรไป
“ เดี๋ยวก่อน "
“ อะไร " เปอร์หันมาพูดด้วยเสียงฉุนเฉียวใส่ผม
“ กูขอสักทีเถอะนะ "
ผลั๊ก!!! หมัดแรงๆฟาดลงบนหน้าของมัน ตัวที่ขึ้นไปค่อมทับตัวมันที่ล้มลงกับพื้น กระชากคอเสื้อขึ้นมาก่อนจะรัวหมัดลงไปบนหน้าของมัน
“ เสือ พอ พี่บอกให้หยุดไง " เสียงของพี่ปิ่นตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ " ช่วยด้วยค่ะ ช่วยได้ นี่ " ยามที่วิ่งมาผมรู้สึกถึงแรงกระชากที่เข้ามาตรงหลังแล้วดึงให้ออกห่างจากคนที่พยายามจะต่อสู้กับผม แต่เหมือนหลับตาแล้วต่อยลมเสียมากกว่า
แขนหนาสองแขนที่ดึงผมขึ้นแล้วมัดไว้กับตัว คนที่นอนอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นมา มันสบโอกาสที่ยามตึงแขนของผมไว้ ไอ้เปอร์ซัดหมัดลงมาบนหน้า ผมที่ยกยิ้มขึ้นให้มันกับหมัดเบาๆที่สวนมา ไม่ได้เจ็บอะไรเลย ไม่รู้สึกเจ็บสักนิด
" มึงยังมายิ้มอีกเหรอ "
" เปอร์พอแล้ว " เสียงห้ามของพี่ปิ่นตอนที่พยายามห้ามแฟนตัวเอง ไม่ให้ทำร้ายผม คนไม่แน่จริงที่พยายามต่อยหมัดหนักๆลงหน้าผม มันคงคิดว่าในเวลานี้คงเป็นเวลาเดียวที่สามารถทำได้ เพราะมือผมก็ถูกมัดอยู่
“ มึงมีแรงหมัดแค่นี้เองเหรอ ลองแรงตีนกูหน่อยมั้ย " ผมว่า ก่อนจะยกตีนขึ้นถีบลงไปบนท้องมัน แรงหนักๆที่อัดลงไป ทำให้ทั้งไอ้เปอร์แล้วพี่ปิ่นที่กำลังห้ามล้มลงไปนอน
“ นี่มึง "
“ พอแล้วครับ " ยากที่ออกปากว่า เปอร์ก็ลุกขึ้นจะหาเรื่องต่อ
“ จับมันส่งตำรวจเลยครับ ผมจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด "
“ โทรหาลุงผมที่เป็นผู้กำกับให้ด้วยนะ " หันบอกยามที่กำลังจับผม ก่อนจะหันไปยกยิ้มให้มัน สีหน้าที่กำลังเปลี่ยนสี " บอกด้วยนะว่า ให้เค้าลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นมาทำแทน "
“ เปอร์ อย่าให้มีเรื่องถึงขั้นนี้เลย " พี่ปิ่นกระซิบ มันก็ถอนหายใจ
“ ก็ได้ " มันพูดเหมือนเสียไม่ได้ ทั้งๆที่จริงตัวเองก็กลัวจนตัวสั่น " ก็ได้ คราวนี้กูทำเพราะปิ่นขอร้อง แต่คราวหน้ามึงไม่รอดแน่ "
“ คราวหน้า ถ้ามึงเจอกู แล้วไม่อยากโดนต่อย มึงวิ่งให้ไวก็แล้วกัน "
ผมว่าทิ้งท้ายก่อนมือที่ถูกจับกุมจะคลายออกช้าๆ พอมันเห็นว่าสองแขนของผมถูกปล่อยเป็นอิสระ ยามที่ขาของผมก้าวเข้าไปใกล้มันช้าๆ เปอร์ก็รีบหันหลังแล้วเดินหนีออกไปทันที เหลือทิ้งไว้แต่พี่ปิ่นที่ได้แต่มองผมนิ่งๆ
“ มึงทำชีวิตกูพังหมดแล้ว มึงรู้ตัวมั้ย "
“ เสือ "
“ เพราะมึงแล้วก็เพราะคนรักเหี้ยๆของมึง กูเกลียดมึง " ผมบอกก่อนจะเดินหันหลังจากเธอมา กูเกลียดมึง แล้วกูก็เกลียดตัวเองด้วย กูอยากจะบอกแบบนั้น อยากจะตะโกนบอกแบบนั้น
กูเกลียดที่ตัวกูเอง ไม่ฟังในสิ่งที่คนที่กูรักอยากจะพูด กูเกลียดที่กูเอาแต่มองอดีตของมัน โดยไม่มีคิดฟังอะไรทั้งนั้น เพราะมันมีภาพ เพราะมันไม่ยอมบอก เพราะคิดว่า เหตุผลของมัน ฟังไม่ขึ้น ก็เลยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ไม่แม้จะให้โอกาส ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็อยากจะฟังมันมากกว่านี้ ตอนที่มันบอกว่า ให้เชื่อ จะฟังแล้วเชื่อให้มากกว่านี้
หลายครั้งๆ ชีวิตก็มีช่วงเวลาที่เราอยากย้อนไป ย้อนไปเปลี่ยนแปลง ย้อนไปแก้ไข
แต่ทุกคนต่างรู้ ว่าเวลามักไม่เคย ย้อนกลับมา ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม
........................................................................
“ มึงก็เข้าไปสิ "
“ มึงนั่นแหละเข้าไป "
“ มึงนั่นแหละ มึงสนิทกับมันมากกว่ากู มึงไปเลย "
เสียงสองเสียงที่กำลังเถียงกัน ผมหันไปมองพวกมันที่ก็หยุดนิ่งทันทีแล้วยิ้มแห้งๆมาให้ ไอ้เท่ ไอ้นิว หันไปทางอื่น ผมก็นั่งนิ่งเหมือนเดิม บรรยากาศอึมครึมในโต๊ะของเรา คงมีเพียงผมที่นั่งนิ่งแต่ไม่สนใจเสียงสนทนาใดๆในกลุ่ม
“ มันยังไม่ดีกับเมัยมันเหรอวะ "
“ กูได้ข่าวว่าห่างกันสักพัก "
“ จริงเหรอ มันห่างกันได้เหรอ "
“ พวกมึงนี่หวังจะกินตีนไอ้เสือจริงๆ ใช่มั้ยวะ " ไอ้เทมหันไปถามไอ้สองคนนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมา " ก็เห็นว่ามันอารมณ์เสีย ก็กวนตีนมันอยู่ได้ "
“ ครับ คุณชาย เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่ง " ไอ้เท่ว่า คราวนี้พวกมันก็แยกย้ายกันออกไป โต๊ะที่มีแค่ผมกับเทม อีกคนก็ถามขึ้น
“ เป็นเหี้ยอะไรวะ "
“ มึงจะถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไม "
“ ถอดเขี้ยวถอดเล็บแล้วเหรอมึงน่ะ " เทมว่าผมก็หันไปมอง " สิ้นลายเลยนะ ไหนบอกว่าเกลียด "
“ ถ้ามึงจะพูดแบบนี้ มึงเลิกพูดเถอะ "
“ กูก็เคยเป็นนะ ความรู้สึกที่ว่า โกรธจนไม่อยากจะเจอหน้า เจ็บจนหายใจไม่ออก เจ็บจนกูต้องร้องไห้ออกมา เพราะรัก เพราะตอนนั้นรักมาก ทำใจไม่ได้จริงๆที่ต้องเป็นแบบนั้น แต่แทนที่กูจะให้ความโกรธของกู มาตัดความสัมพันธ์ของกูกับมันให้จาก แล้วหายกันไป กูเลือกที่จะดึงมันเอาไว้ ทั้งๆที่ใครก็บอกว่า โง่ แต่ตอนนี้ กูดีใจที่วันนั้นกูยอมโง่แบบนั้น "
“ จะพูดอะไรกันแน่วะ " ผมถาม ไม่ได้รู้เรื่องที่มันพูดหรอก แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ครั้งนึง มันเคยโดนเด็กผู้ชายคนนึงแทงด้วยมีด ผู้ชายที่แฟนของมันแอบคบด้วย จำได้ว่าตอนนั้นไอ้นิวไอ้โจ๊กหัวเสียกับเรื่องนี้มาก
“ กูแค่จะพูดว่า ถ้ามันสำคัญ มึงอย่าปล่อยมันไป เพราะของบางอย่างถ้าปล่อยไปแล้ว มันอาจจะไม่กลับมาหาเราอีกก็ได้ "
“ กูไม่ใช่คนในแบบที่มันชอบ " ไม่ใช่คนพูดเพราะ ไม่ใช่คนมีเหตุผล ไม่ใช่คนที่มีนิสัยเฟอร์เฟคเหมือนไอ้เทม เป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่เคยแคร์ใคร ไม่คิดถึงความรู้สึกใคร ทำทุกอย่างที่สมองสั่งทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้อยากทำ ผมรู้ตัว ว่าไม่ใช่คนในแบบที่มันชอบ แต่ก็ยังรั้งมันไว้อย่างนั้น รั้งให้มันอยู่กับคนอย่างผม คนที่มันไม่ชอบ คนอย่างผม
“ แล้วทำไม มึงไม่เปลี่ยนแปลงให้เป็นคนที่มันชอบ แบบจริงๆจังๆ ดูสักครั้งละ ทำไมไม่ลองทำอะไรในแบบนั้นบ้างวะ " ผมเงียบไม่ตอบอะไร เทมที่นั่งข้างๆมันถอนหายใจ อาจจะรู้ว่า พูดไปก็เท่านั้น ผมทิฐิสูงและไม่คยยอมลงให้ใครทั้งนั้น " กูไม่รู้หรอก แต่กูแค่พูดในสิ่งที่กูคิด เพราะถ้าเป็นกู ถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่กูรัก กูจะไม่มีวันยอมเสียเค้าไป ไม่ว่าจะต้องทำยังไง กูก็จะทำ ถึงมันจะเจ็บที่ต้องไม่เป็นตัวเอง ที่ต้องฝืนตัวเอง แต่มันก็น้อยกว่าตอนที่ไม่มีเค้าไม่ใช่เหรอวะ "
ใช่ อย่างน้อยก็คงเจ็บปวดน้อยกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
........................................................................
หนมมี่ขออยู่ #ทีมพี่เสือ หนึ่งตอน ฮ่าๆ
เราขอโทษที่อัพนิยายช้ามาก
พอดีวันนี้ ธุระนิดหน่อย
นิยายจึงยังไม่ได้เช็คคำผิด ไว้จะกลับมาเช็คให้อีกทีนะคะ
ยังไงก็
ฝากแท็ก #เสือปิง ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้ะ