บทที่ 13
ผมแทบสำลักกาแฟในมือทันทีที่นิสิตทั้งสี่คนเข้ามาในห้อง น้องยืนอยู่หลังสุดของเพื่อนๆ ผมเชิญทุกคนออกไปข้างนอกแล้วเรียกมาทีละคน แน่นอนว่าผมเก็บชื่อน้องไว้คนสุดท้าย
หลังจากผ่านนิสิตสามคนแรกไป ทราบความว่า นิสิตหญิงสองคนเรียนไม่ทันเพื่อนเพราะมาจากโรงเรียนประจำอำเภอเล็กๆได้ทุนเข้ามาเรียนตอนนี้พยายามอ่านหนังสือหนักเพื่อให้ทันเพื่อนอยู่ ส่วนนิสิตชายอีกคนไม่มีปัญหาครอบครัวและเรื่องการเรียนแต่ไม่ค่อยชอบเข้าเรียนเลยทำให้คะแนนน้อยก็มีการว่ากล่าวตักเตือนไป
ผมให้นิสิตทั้งสามคนกลับไปก่อนผมมีเรื่องต้องคุยกับน้อง
น้องเดินเข้ามาช้าๆ แล้วนั่งลงตรงหน้าผม เขาเบนหน้าไปมองทางอื่นไม่มองหน้าผม
“ชื่อจริง ธนาทิป เนตรไตรรัตน์ นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะแพทย์ศาสตร์ เกรดเฉลี่ย 2.21 อาศัยอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ปกครอง”ผมนั่งอ่านประวัติเขาคร่าวๆให้เขาฟัง
“หรือว่าผมอ่านผิด ต้องเป็น ชื่อต้อม เรียนมหาลัย...หรือเปล่าครับ”ผมเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม
ใบหน้าเล็กขมึงตึงเหมือนไม่พอใจ
“คุณชื่ออะไรกันแน่”ผมจ้องหน้าน้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพอๆกัน บรรยากาศในห้องตอนนี้มาคุมากๆ
ผมต้องการความจริงจากปากน้อง ตลอดเวลาสามสี่วันที่เจอกัน ผมได้ยินแต่เรื่องโกหกมาตลอดเพราะผมเป็นแค่คนซื้อบริการชั่วครั้งชั่วคราว ตอนนี้ผมอยู่ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาผมต้องการความจริงจากนิสิตของผม
“ชื่อธนาทิปครับ”น้องตอบเสียงดัง
“คุณอยู่คนเดียวใช่ไหม”เป็นคำถามที่ผมไม่ต้องการคำตอบเพราะผมรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วแต่ในสถานะอาจารย์ที่ปรึกษาผมต้องถาม
น้องชะงักไปสักพักเขาจ้องหน้าผม ประมาณว่ารู้แล้วจะถามทำไม แต่เขาก็พยักหน้าแล้วตอบ
“ครับ”
“ผลการเรียนของคุณแย่มาก”ผมติติงเขา
“ครับ”
“เทอมนี้ถ้าคุณทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้ จะมีผลต่อการศึกษาต่อของคุณ ทางมหาลัยอาจจะเชิญคุณออกได้”พอเริ่มพูดถึงผลการเรียนเขาก็ทำหน้าหงอยลงทันที
“ผมพยายามอยู่ครับ”กระต่ายตัวเล็กของผม หน้าถอดสีไปเลย
“ตั้งใจเรียนหน่อยนะ ถ้ามีปัญหาให้รีบบอกผมเลย ผมจะไปคุยกับอาจารย์ประจำวิชาให้”
“ครับ”
“ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว ผมพอทราบว่าคุณมีปัญหา ผมก็ช่วยคุณได้เหมือนกัน”น้องเงยขึ้นมองหน้าผมทันที
“ขอบคุณครับอาจารย์ ถ้าผมมีปัญหา ผมจะเรียนให้อาจารย์ทราบนะครับ ยังไงวันนี้ผมกลับได้แล้วใช่ไหม”ดวงตากลมระรื้นไปด้วยน้ำตา แววตาใสสั่นระริก ก่อนจะเชิดสูงขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
เหมือนกระต่ายตัวเล็กแสนซน ดื้อรั้น ชอบวิ่งออกไปเล่นในสนามไม่ฟังเจ้าของ
“ผมพูดจริงๆนะ ถ้าคุณมีปัญหาบอกผม ไม่ต้องบอกใน.ฐานะคนอื่น บอกในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา ผมพร้อมจะช่วยคุณ”ผมพูดอย่างจริงจัง ผมพร้อมช่วยเหลือเขา ถึงแม้ผมไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาผมก็พร้อมจะช่วย
แต่ต้องออกตัวไปก่อน เพราะผมกลัวว่าน้องจะคิดไปทางอื่น
“ผมเกรงใจมากเลยครับอาจารย์ เท่านี้อาจารย์ก็กรุณาผมมากพอแล้ว ทั้งเรียกมาอบรม ใส่ใจดูแลขนาดนี้ ไม่ต้องห่วงผมครับ ผมเลี้ยงดูตัวเองได้”เขาปฏิเสธผมทุกอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
“แล้วอาชีพนั้นเลิกซะ มันไม่เป็นผลดีกับการเรียนของคุณหรอกนะ”ผมยืนขึ้นตามน้องแล้วบอกออกไป
“ผมเลิกแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”น้องกระแทกเสียงใส่ แล้วหันหลังเพื่อกลับออกไป
“โกหก”ยังขายให้อาจารย์สุทธิพงษ์อยู่เลย
น้องหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ผมเดินไปใกล้เขาก่อนจะล็อกประตูแน่นแล้วจับน้องหันหน้ามาหาตัว
ผมเหลือบมองนาฬิกาบนพนังห้อง เลยเวลาเลิกงานไปแล้วผมไม่ได้เป็นอาจารย์แล้วตอนนี้
“คุณจะทำอะไร”น้องผลักผมแล้วดิ้นใหญ่พยายามเปิดประตูออก
“ทำไมถึงชอบโกหกนัก”ผมสลัดคราบอาจารย์ออกจากตัว จับไหล่น้องไม่ให้ขยับไปไหน
“ปล่อยผม”น้องดิ้นไม่หยุด
“ผมไม่ดีตรงไหน ให้เงินคุณน้อยหรอ หรือว่ารุนแรงเกินไป”
“อาจารย์พูดเรื่องอะไร”น้องถามผมเสียงสั่น
“ผมไม่ต้องบอกคุณก็น่าจะรู้ ว่าผมหมายความว่ายังไง”ผมจ้องเข้าไปในดวงตาใส ที่ตอนนี้เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“ทำไมต้องโกหกว่าชื่อต้อม เรียนที่… แล้วโกหกอีกว่าเลิกขายแล้วทั้งๆที่ยังรับงานอยู่ นี่เป็นวิธีการสลัดลูกค้าของคุณอย่างนั้น
หรอ”ผมตัดพ้อ
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมจะใช้ชื่ออะไรเรียนที่ไหน หรือทำอะไรก็ได้”ผมเจ็บกับคำพูดของเขา น้องปาดน้ำตาออกจากแก้มของ
ตัวเอง แล้วพยายามดึงตัวเองออกจากมือผม
“เกี่ยวแน่ เพราะถ้าทางมหาวิทยาลัยรู้ว่า นิสิตออกเที่ยวเร่ขายตัวแบบนี้ ผมคิดว่ามันมีผลต่อการเรียนของคุณหรอก คุณธนาทิป”ผมขู่เขา
“อาจารย์จะทำอะไร?”น้องหน้าเสีย เขาหยุดแข็งเป็นท่อนไม้
“ผมไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ผมไม่ให้คุณผ่านวิชาของผม แค่นั้นคุณก็ไม่มีสิทธิ์เรียนต่อที่นี่แล้ว ทำให้หมดสิทธิ์สอบดีไหม หรือ
ติดเอฟดีละ เกรดของคุณลงจะร่วงลงไปอีกมากแน่ๆ ถึงเวลานั้นคุณอาจจะได้ไปเรียนมหาลัยที่คุณบอกผม แล้วก็ทำงานนั้นแบบเต็มเวลาแล้วละ”ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆให้น้องได้ยิน น้ำตาใสไหลออกมาทันที
“อาจารย์ต้องการอะไรจากผมกันแน่? คุณจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”น้องกัดปากไม่ให้เสียงสะอื้นดังออกมา
“ผมต้องการให้คุณบอกความจริง พูดความจริงและจริงใจกับผม”
“ผมบอกไปแล้ว ผมไม่ได้โกหกจริงๆ เรื่องชื่อกับมหาลัยเพราะมันจำเป็นจริงๆ ผมไม่อยากบอกความจริง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าผม
เคยทำงานแบบนั้น”น้องปล่อยโฮ ผมอยากดึงเขาเข้ามากอดชะมัดให้ตายเถอะกระต่ายน้อยของผมร้องไห้
“แต่คุณยังขายให้อาจารย์สุทธิพงษ์อยู่เลย ผมได้ยินเต็มสองหู คุณยังจะโกหกอีกหรอ”ผมถามไม่ลดละ เพราะอยากรู้คำตอบ
“ผมไม่ได้ขาย ฮือ ฮือ ผมรับจ้างวาดรูปเรเบลงานให้อาจารย์เขา ฮึกๆ บอกแล้วไงผมไม่ขายแล้ว ฮือ ฮือ อย่าทำกับผมแบบนี้
นะ”ให้ตายเถอะ ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยหรอ
ผมดึงน้องเข้ามากอดแน่น
รู้สึกผิดชะมัด น้องร้องไห้ไม่หยุด ผมยืนกอดปลอบเขาอยู่อย่างนั้น ค่อยๆใช้มือเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มใสออกไป ยืนลูบหลังบางไปมา
“พี่ขอโทษพี่แค่ เอ่อะ โมโหไปหน่อย”ผมเริ่มเปลี่ยนสรรพนามกลับมาใช้กับเขาเหมือนเดิม
น้องคงงงๆ เขาใช้มือทุบอกผมหลายทีเพื่อระบายอารมณ์
“ปล่อยเลยนะ ปล่อยเลย”
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษ ไม่โกรธพี่นะครับ คนดี หื้มดูสิ ตาบวมหมดแล้ว”ผมจูบกระหม่อมเขาเบาๆอย่างปลอบโยน
“คุณจะทำให้ผมหมดสิทธิ์สอบ จะทำให้ผมติดเอฟ โดนไล่ออกจามหาลัย แล้วคุณจะมาพูดดีกับผมทำไม คนใจร้าย”น้องทุบผม
ไม่หยุด ผมจับสองแขนเล็ก แล้วดึงเข้ามาจนติดหน้าอก ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มบาง
“ไม่แล้วครับพี่ขอโทษ ทีหลังอย่าโกหกพี่แบบนี้อีกนะครับ”
“ทำไมผมต้องรับปากคุณด้วย”น้องขยับหน้าหนี
“พี่หลงเราจะแย่อยู่แล้ว เราไม่รู้หรอว่าพี่รู้สึกยังไง อยากเจอหน้า อยากกอดทุกวัน”ผมหยุดหอมแก้มน้องแล้วเงยคางน้องขึ้นเพื่อ
มองเข้าไปในดวงตาโต เพื่อบอกความในใจที่แท้จริง
“คุณเป็นอาจารย์ของผมนะ”น้องตัวสั่นระริก
“เลิกงานแล้วครับ ไม่ขอเป็นอาจารย์ขอเป็นพี่เมฆคนเดิมได้ไหม”น้องส่ายหน้าไปมา ใบหน้าแดงกล่ำ
“ทำไมจะไม่ได้ละ”ผมก้มลงจูบน้องอย่างเร็ว ค่อยๆไล้ลิ้นเข้าไปชิมความหวานด้านในที่ผมคิดถึงมาตลอดสองอาทิตยื อื้มหวาน
เหมือนเดิมเลย
น้องตัวอ่อน แขนขาไม่มีแรง ได้แต่เกาะไหล่ผมไว้
“อื้อ ย-อย่า”
“คิดถึง จะแย่แล้วรู้ไหม”น้องเกาะตัวผมแน่น ผมโน้มตัวลงไป ชิมความหวานจากตัวน้องอย่างหิวกระหาย
“ป-ปล่อย อื้ม อ-อย่านะ อื้ม”น้องพยายามเบี่ยงหน้าออกเพื่อสูดอากาศเข้าไปหายใจ
ก็อก ก็อก ก็อก
“ขออนุญาติค่ะ จากฝ่ายระเบียนค่ะ”
เฮือก!!!
ผมถอนจูบแทบไม่ทัน รีบปล่อยน้องออกแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเอง
“ครับ”ผมค่อยๆเปิดประตูออกไป หญิงสาวสวยเจ้าหน้าที่ระเบียน เอาประวัตินิสิตที่ผมดูแลมาให้ ผมลืมไปเลยว่าสั่งงานไว้
ผมขอบคุณเธอก่อนจะปิดประตูลงอีกครั้ง น้องถอยหลังไปอยู่มุมห้องอีกฝั่งเพราะไม่อยากให้พนักงานสาวเมื่อกี้เห็น
ผมวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะล็อกห้องอีกครั้งนึงแล้วเดินก้าวข้ามขุมไปหาน้องทันที
จัดการกระต่ายต้องต้อนให้จนมุม
“ทำอะไร ออกไปนะ”
“มาให้พี่ชื่นใจหน่อย”
“ไม่นะ อื้อ”
TBC
แทบหลับคาโน๊ตบุ๊ค ไปนอนแล้วนะคะ ><
มาให้พี่กอดหน่อยคิดถึงจะแย่ เก๊กขรึมไปงั้นแหละ ใจอ่อนตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว