{ปิดพรีออเดอร์}º●Not Fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้!!!●º 13/08/59 P.63 END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ถ้าหากจัดพิมพ์นิยายเรื่อง Not fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้ (ฉบับรีไรท์+ตอนพิเศษ)

อุดหนุนแน่นอน
19 (26.8%)
ขอดูราคาก่อน
51 (71.8%)
ไม่อุดหนุน
1 (1.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 71

ผู้เขียน หัวข้อ: {ปิดพรีออเดอร์}º●Not Fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้!!!●º 13/08/59 P.63 END  (อ่าน 524859 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mamoru

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เดา ว่าจบแบบปังไม่ผอมละมีคำประมาณว่าเป็นแบบนี้แหละ แค่นี้ก้รักตายแล้ว เป็นปังๆที่นิสัยแบบนี้ ไรงีมั่ง
หมดความตื่นเต้นนานแล้วจริงๆอะ ไม่ค่อยแปลกใหม่เลย กับ41ตอน สู้ๆน่ะ

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
หมูปังนี่คิดมากตลอดเลยน๊า

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แอร๊ย น้องปัง พี่ใหญ่น่ารัก  :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Ryu_Chise

  • You love me?
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
มีความสุข  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

พี่ใหญ่กับปังรักกันดี เล็กเสาร์ก็ อย่าตีกันนะ หรือที่เสียงเงียบไปเพราะเสาร์จัดการแล้ว?  :ruready :ruready :ruready

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ชินโดหนูดูดีๆ นะลูก อย่าตกหลุมไอ้พี่กาจพลง่ายนักนะ

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
คิดถึงหมูปังกับพี่ใหญ่มาต่อเถอะพรีสสสสสสสสสสสสส  :hao5:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
นับวันชักจะน่ารักขึ้นนะ น้องปัง

เราว่า ชินโด โดนจีบแน่นอน

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
* ขออนุญาตทำสารบัญมาฝากนะคะ :-[

สารบัญ

º● Not Fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้!!!●º

CH 0     Intro
CH 1     ปังอ้วนๆ
CH 2     ปังอ้วนมาเรียน
CH 3     ปังกับเพื่อนใหม่
CH 4     หอพักของปังปัง
CH 5     ปังปังกับงานภาค
CH 6     ปังปัง & พี่เลี้ยงจิ๋ว
CH 7     ปังต้องรับผิดชอบ
CH 8     ปังปังโดนดุ
CH 9     ปังปังกับบันไดนรก
CH 10   ปังปังเสียใจ
CH 11   ตัวเล็ก...?
CH 12   ปังปัง...งง
CH 13   ตัวเล็กฟิน
CH 14   พี่ใหญ่กับนายเสาร์
CH 15   หมูแดงปังปัง
CH 16   ปกป้องปังได้ไหม?
CH 17   ปังปังเปลี่ยน?
CH 18   ผิดใจ
CH 19   ทะเลาะ
CH 20   เรื่องหมาแมว
CH 21   เรื่องนี้ปังงอน
CH 22   กอดนะ
CH 23   พิเศษ Merry
CH 24   ดีหรือร้าย?
CH 25   อย่าโกรธปังปังเลย
CH 26   ปังปังแปลกใจ
CH 27   เพื่อนกันปังไม่ทิ้ง
CH 28   ปังปังโดนทำร้าย
CH 29   ฉากละครรัก
CH 30   รักษาดวงใจพี่ใหญ่
CH 31   แง่งอนคนบ้า
CH 32   เสือร้ายที่โหยหา
CH 33   พิเศษใส่ไข่หมากับแมว
CH 34   ในวันที่เสือร้ายหายไป
CH 35   ออกเดินทางของเจ้าหมู
CH 36   เสือใหญ่พาเที่ยว
CH 37   การกลับมา
CH 38   ความชัดเจนของเจ้าหมู
CH 39   หัวใจดวงเก่าของเด็กอ้วน
CH 40   ที่สุดของปังปัง
CH 41   ความเปลี่ยนแปลง
CH 42   อดีตของครอบครัวปัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2015 10:31:43 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
สวัสดีค่า คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆ  :katai5:

เค้าเรียน ปี 4 งานเยอะมากยิ่งเทอมนี้ทำโทรเจคจบแล้วก็วิชาภาคด้วยเลยหนัก

พยายามจะหาเวลามาต่อให้ได้เยอะที่สุดนะฮับ


ปังปังจะมาต่อในช่วงสัปดาห์หน้าน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :hao7:

เรื่องครึ่งหลังต่อจากนี้ของปังปัง ค่อนข้างจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ไม่ได้ดราม่าจนปวดอก ไม่ได้หวานหยดหยอยเหมือนเดิม ไม่ได้น่ารักฟรุ้งฟริ้งอะไร แต่สุดท้ายเรื่องมันก็จะเดินไปตามทางของมัน

อดใจรอการเปลี่ยนแปลงสักนิด และจะหลงรักตัวละครทุกตัว จุ๊บๆ ปังปังก็ยังเป็นปังปัง พี่ใหญ่ก็ยังเป็นพี่ใหญ่ ฮิฮิ

ส่วนจากนั้นที่ทุกคนรอคอย ... รออีกนิด อดเปรี้ยวไว้กินหวานเด้อ  :mew1:


ปล ขอบคุณ คุณ Mouse2U สำหรับสารบัญนะคะ


ฝากเพจน๊า

ห้องเก็บนิยาย pa_pa


 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2015 18:50:56 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ว๊าว มีสารบัญด้วย น่ารักจริง ๆ คนทำให้น่ะ เราเข้าใจจ้ะ เรารอได้เสมอน่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากเลยอ่า น้องปังอย่างน่ารัก พี่ใหญ่ก็อึดถึกทน น้องเล็กก็น่ารัก อิเสาร์ก็ปากมอม รอน๊า มาต่อไวๆเค้าคิดถึง :-[

ออฟไลน์ aommaboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมูปังเกือบโดนกินแหนะ555

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4


{CH 42 อดีตของครอบครัวปัง}




   หิวข้าวจังเลย … อาจารย์จะได้ยินเสียงท้องร้องของผมไหมนะว่าตอนนี้มันครวญครางหนักแค่ไหน ผมเคยสงสัยนะว่าตอนที่ผมหิวทำไมน้ำย่อยมันไม่กินไขมันผมไปบ้างจะได้อิ่มๆนี้พอหิวผมก็กิน กินเสร็จก็พองอยู่แบบนั้นละเฮ้อ … เมื่อเช้าผมตื่นสายไปหน่อยจะไม่สายถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่คนขี้เซ้าไม่ยอมตื่นสักที บอกแล้วว่าผมมีเรียนเช้าก็รั้นจะมาด้วย พอจะมาก็ตื่นสาย จะมาก่อนก็ไม่ได้ คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด ไม่อย่างงั้นผมก็ไม่ต้องอดข้าวเช้ามื้อหลักมื้อสำคัญแบบนี้หรอก … หิวจังเลย


   “ปังเสร็จแล้วไปห้องปั้นกันนะ ชินโดจะสอนปั้นขึ้นรูป เห็นปังบ่นมายาก นี้ใกล้สอบปั้นแล้วด้วย”


ชินโดที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของผมกระซิบบอกมา ทำให้ตัวเล็กที่นั่งขนาบอยู่ด้านขวาพลอยเอียงคอฟังไปด้วย นายเสาร์เองก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนทฤษฎีตรงหน้าแม้แต่น้อยเอาหูฟังเสียบและฟุบหลับไป จริงอยู่ที่วิชานี้เน้นทฤษฎีและอาจารย์ไม่ดุเลยแต่เวลาสอบทีนรกก็มีเยือนเหมือนกัน เพราะไม่มีคะแนนเข้าห้อง ไม่มีคะแนนงาน มีแต่สอบล้วนๆ ภาษาชาวคณะเรียกวิชาประมานนี้ว่า ฉิบหาย …


   “อือ … แต่ปังขอกินข้าวก่อนนะ หิวมากกกกก”


ผมลากเสียงทำให้ตัวเล็กหัวเราะคิกออกมาซุกแก้มเย็นๆลงกับแขนข้างนั้นของผม ก่อนที่เราสามคนจะสงบลงอีกครั้ง พยายามข่มสติอารมณ์หิวของตัวเองฟังและจดตามอาจารย์ให้เข้าใจ ผมไม่ใช่คนเก่งหรอก ออกไปทางโง่ด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้ผมจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่นยังไงละ


แกร๊ก ปัง!


   ผมสะดุ้งเสียงประตูกระจกของห้องกระทบกันเสียงดังลั่นจนเหมือนประตูจะหลุดออกมาก่อนจะหันไปมองจากด้านหลังเห็นผู้หญิงคนนึงถือของพะรุงพะรังเต็มสองไม้สองมือ มันเป็นจำพวกหนังสือเล่มหน้าๆ กับชีทกระดาษอีกถุงใหญ่ๆ หน้าตาเธอไม่คุ้นแต่ผมว่าผิวของเธอสวยมากเลยนะ อมชมพูขาวเหมือนลูกครึ่ง ตากลมโตนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวด้วย จมูกโด่งแต่พองามรับกับปากที่เป็นกระจับ ผมยาวสีฟางข้าวถูกมัดรวบเอาไว้ลวกๆ กับการแต่งตัวที่ชุดกระโปรงยีนต์สั้นเหนือเข่ากับรองเท้าผ้าใบ ดูโดยรวมแล้วเธอเป็นคนเรียบร้อยน่ารักเลยทีเดียว ผมไม่รู้จักเธอและไม่เคยเห็นเธอในคณะมาก่อน


   “ขะ ขอโทษคะ พะ พอดีมิ้นต์เป็นนักศึกษาใหม่เพิ่งเข้ามากลางเทอมอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์คะ”  มิ้นต์ก้มหน้าผงกๆ ถ้ามือว่างคงยกไหว้ไปแล้ว หน้าตาเหมือนต่างชาติ แต่พูดไทยชัดแจ๋วเลย 


   “วิ้ววว …โอ้ย!”  นายเสาร์โดนเล็กตบหัวทิ่มเพราะบังอาจไปผิวปากใส่มิ้นต์ซะอย่างงั้น ดีเหมือนกันคนอะไรหยาบคายและได้ข่าวว่าเมื่อกี้หลับอยู่ไม่ใช่เหรอ เรด้ากับของสวยงามนี้แม่นจังนะ


   “เชิญๆ” อาจารย์โบกมือให้ มิ้นต์ ก่อนที่เธอจะก้มหัวลงเชิงรับและเดินก้าวเข้ามาวางของลงข้างๆชินโดแทรกตัวเข้ามานั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ และยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรให้พวกผม


   “มิ้นต์ชื่อมิ้นต์นะ ย้ายมาจากฝรั่งเศส เรียนเอกภาษาไทยมาเลยทำให้พูดคล่องแล้วอีกอย่างมิ้นต์ก็เป็นลูกครึ่งคุณพ่อมิ้นต์เป็นคนไทย ไม่ต้องแปลกใจนะ” มิ้นต์พูดเป็นต่อยหอย ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ ชินโด แนะนำตัวเองและพวกเราทีละคนอย่างเป็นกันเอง มิ้นต์ยิ้มแป้นจนแก้มแดงและเอียงคอมองหน้าพวกเราสี่คนยิ้มๆ


   “หน้าตาดีกันทุกคนเลย แต่ขนมปังหุ่นแบบนี้กำลังฮิตที่ฝรั่งเศสนะ รับรองไปที่โน้น ฮอตๆเลย” จากยิ้มๆอยู่ผมหุบยิ้มอย่างไม่รู้ตัว … เอ่อ …


   “ใช่ไหมละ เล็กก็ว่างั้น” ตัวเล็กรีบพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่เขินอยู่แล้วแทบมุดแผ่นดินหนี ทำไมพุ่งมาที่ผมคนเดียวละ ทั้งชินโดทั้งตัวเล็กก็ต่างหน้าตาดีกว่าผมตั้งเยอะนี้


   “ใช่ๆตัวเล็ก มิ้นต์มีเพื่อนที่โน้นหุ่นแบบนี้เลยแต่เป็นผู้หญิง มีแฟนหล่อมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”  ดูเหมือนเล็กกับมิ้นต์จะสนิทกันอย่างรวดเร็วทันทีที่มีเรื่องของผมเป็นตัวสื่อ ชินโดเองก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย


   “ปังปังก็มีแฟนหล่อไม่แพ้ใครนะ”


   “ตัวเล็ก!” ผมเอ็ดตัวเล็กขึ้นเจ้าตัวหันมามองหน้าผมอ้าปากหวอแบบทึ้งๆและหัวเราะแห้งๆใส่ผมเอาหัวถูกับแขนเหมือนเจ้าแมวที่คอยเอาใจ ตัวเล็กนะตัวเล็กเป็นแบบนี้ตลอดเลย อยากจะโกรธจะงอนก็ทำไม่ลง ผมเคยงอนใครที่ไหนละนอกจากพี่ใหญ่ที่งอนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็แกล้งบังคับจนผมต้องหายงอนเองโดยอัตโนมัติ


   “จริงเหรอ เล่าให้มิ้นต์ฟังบ้างสิ”


มิ้นต์ลืมตาโตสีเขียวอมฟ้านั้นจ้องมองมาที่ผมอย่างหมายหมั่นและอยากรู้ราวกับว่าสนิทกันว่านับ 10 ปี ความจริงแล้วเราเพิ่งรู้จักกันเมื่อ 10 นาทีที่แล้วเอง แต่ผมก็มองเธออย่างเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธเคืองอะไร คิดว่ามิ้นต์คงเป็นคนที่เฟรนลี่ขี้เล่นมากๆเท่านั้นเอง


“ไม่มีอะไรหรอก ตัวเล็กก็พูดไปงั้นแหละ ว่าแต่หนังสือกองโตนี้อะไรเหรอ”


“อ่อ วรรณกรรมประวัติศาสตร์น่ะ มิ้นต์ชอบอ่าน ส่วนชีทกระดาษที่เห็นเป็นชีทวิชาทฤษฎีการสร้างผลงานศิลป์น่ะ” เธอพูดไปพร้อมกับวางมือขาวลงบนหนังสือกองโตเคาะเสียงดังปุ๊บๆ และหันมายิ้มแก้มใสให้พวกเราอีกครั้ง ดูท่าเธอจะเป็นคนชอบอ่านอยู่นะ


“โห … แล้วทำไมย้ายมากลางเทอมละ”


“ฮิฮิ … มิ้นต์โอนหน่วยกิตมาและ ….อย่าไปบอกใครนะ พ่อมิ้นต์ก็อธิบดีมหาลัยนี้แหละ” เธอกระซิบตอบชินโดพอให้เราได้ยิน จากนั้นผมก็ไม่คิดสงสัยอะไรอีกเลย


จากนั้นไม่นานคาบเรียนก็จบลง ผม 4 คน บวกกับมิ้นต์เพื่อนใหม่ฝรั่งเศสก็พากันมาที่โรงอาหารที่ใกล้ที่สุดผมยังไม่ทันวางกระเป๋าได้ก็พุ่งเข้าหาร้านข้าวมันไก่ แต่ไม่สั่งข้าวมันไก่หรอกนะ เพราะถ้าผมสั่งตัวเล็กตีผมตายแน่ๆ รอเพียงไม่นานผมก็ถือจานข้างกล้องกับอกไก่ไม่ติดมันเดินไปซื้อน้ำเปล่ามา 1 ขวด ก่อนจะมานั่งที่โต๊ะที่มีมิ้นต์นั่งอยู่ แกะกล้องข้าวที่อัดแน่นไปด้วยแซนวิชขนาดจิ๋วอยู่และนมกล่องโตอีกกล่องที่เอาออกมาจากกระเป๋าผ้าใบโตของเธอ


“เค้ายังปรับตัวไม่ค่อยได้น่ะ อยู่ฝรั่งเศสมาจะครึ่งชีวิตนี้เนอะ แต่แซนวิชนี้มิ้นต์ทำเองนะกินไหมๆ” มิ้นต์พูดขึ้นเมื่อเห็นผมเอียงคอมองเธออยู่อย่างยิ้มๆ ผมไม่ว่าอะไรหรอก แค่เห็นว่ามันน่ารักดี เธอดูเรียบร้อยไร้เดียงสา ออกแนวโก๊ะๆหน่อยด้วย



พรึบ


   ผมตกใจเมื่ออยู่ๆร่างสูงใหญ่ของคนที่ผมรู้จักและใกล้ชิดอยู่ทุกวันก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผมอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ย มาจากไหนไม่รู้ด้วย เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นตาเย็นชาเซมองไปที่มิ้นต์เพื่อนใหม่ของผม และก้มลงมามองผมสลับกัน จากนั้นเสียงเฮฮะโลของพวก พี่โย่ง พี่ซิ่ง พี่แน็ต พี่แนน  เดอะแก็งค์พี่ใหญ่ก็ดังขึ้นตามมาติดๆและความสงบก็จบสิ้นลงในทันที



   “น้องป๊างงงงงงงงงงง เจ้คิดถึง อ่ะ ใครจ้ะเนี้ยกิ๊กเหรออออออออ ไอ้ใหญ่ดูแลเมียยังไงให้เมียมีกิ๊กเนี้ย !”


พี่แนนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพุ่งเข้ามาหาผมได้ก็หยิกแก้มผมหมับใหญ่และหยอกผมเล่นเป็นการทักทายมิ้นต์ไปในตัวด้วยป่วนจนพี่ใหญ่ต้องเดือดร้อนแกะพี่แนนออกจากผมเพราะเขากอดผมซะเหมือนผมเป็นตุ๊กตายัดนุ่นเลย ไม่มีนุ่นฮะน้องมีแต่ไขมันนุ่มนิ่มไม่แพ้กันอีกด้วย


    “ โห แย่งที่เล็กทำไมอ่ะ”ตัวเล็กโวยวายนิดๆ และก็ไม่ยอมเสียสิทธิ หาที่แทรกจนตัวเองเข้ามานั่งข้างๆผมได้โดยมีมิ้นต์นั่งงับแซนวิชมองตาแป๋ว



ส่วนเสาร์กับชินโดดูเหมือนจะยอมแพ้ ไปนั่งโต๊ะข้างๆ แต่กินอย่างเงียบๆไม่มีปากมีเสียงอะไร นายเสาร์เป็นคนดีได้เพราะเล็บของตัวเล็กสินะ คราวก่อนที่ได้ยินเสียงตัวเล็กด่าลั่นห้อง สรุปผมก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องเป็นไงมาไง แต่เช้าขึ้นมาหลังจากนั้นก็เห็นเสาร์อยู่ในโอวาทตามปกติและหลังจากนั้นเสาร์ก็ลดละเลิกเหล้าไปได้เยอะ ให้เวลาตัวเล็กและการเรียนมากขึ้น สงสัยจะเคลียกันลงตัวแล้วละ ดีแล้วละ ที่คนนึงล้มอีกคนช่วยพยุง ไม่อย่างงั้นคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกเนอะ


“คนนี้ใคร” เสียงพี่ใหญ่ตามขึ้นท่ามกลางเสียงคุยกันของพี่ๆ ที่กำลังให้ความสนใจกับเพื่อนตานัยน์ตาเขียวของผมและดูท่ามิ้นต์เองก็เข้ากันได้ดีซะด้วยดีอาจจะเป็นเพราะว่ามิ้นต์เป็นคนที่ค่อนข้างหัวนอกก็เป็นได้ละ


“มิ้นต์ครับ เพื่อนใหม่โอนหน่วยกิตมาจากฝรั่งเศส เพิ่งรู้จักกันวันนี้” พี่ใหญ่ไม่ได้มีท่าทีสนใจนัก แต่พยักหน้ารับและหันมาจ้องกับอาหารตรงหน้าของผมมากกว่า พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่และเดินไปซื้อข้าวมานั่งกินข้างๆผมบ้าง แต่ของพี่ใหญ่เป็นผัดกระเพราไข่เจียวน้ำมันเยิ้มๆ ไม่วายตักไข่เจียวมาไว้ในจานผมอีก จะไม่กินก็ไม่ได้ เสียดายของ


“มิ้นต์รู้จักทุกคนแล้ว คนนี้มิ้นต์ยังไม่รู้จักเลย พี่ชายปังปังเหรอ”


“ดูยังไงพี่ชายปังละมิ้นต์ นี้พี่ใหญ่แฟนปังเค้าละ รู้แล้วก็ห้ามส่งสายตาแบบนั้นให้พี่ใหญ่อีก ไม่งั้นอย่าหาว่าเล็กไม่เตือนนะ”


ตัวเล็กพูดน้ำเสียงนิ่งแกมดุ จนผมชะงักหันไปมองตาโตได้ยินเสียงพี่แนนอุทานออกมาเสียงดังหันไปจ้องมิ้นต์ตาเขม็งๆ ต่างจากพี่พวกพี่ๆผู้ชายที่นิ่งเงียบและหัวเราะออกมาอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนัก อะไรกันเมื่อกี้เล็กทำท่าจะเป็นมิตรกับมิ้นต์อยู่แท้ๆ อยู่ๆทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ



“ตัวเล็กกกกกกกกกก”


ผมเอ็ดตัวเล็กขื้นอีกครั้งแต่รอบนี้ตัวเล็กยักไหล่และยกจานข้าวตัวเองไปกินกับเสาร์และชินโดอีกโต๊ะ ผมมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั้นไปก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับมิ้นต์ที่ทำหน้าเหว่ออยู่พูดออกมาให้น้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด เพราะยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง


“อย่าคิดมากเลยนะ ไม่มีอะไรหรอก”


“ไม่ๆมิ้นต์ไม่เป็นไร ดีแล้วละที่เล็กพูดแบบนั้น มิ้นต์จะได้รู้เอาไว้และไม่ยุ่งกับพี่ใหญ่ของปังปัง”


“เอ๊ะ! นี้สรุปน้องเป็นคนยังไงกันแน่คะ” พี่แนนขึ้นเสียงแว๊ดขึ้น จนผมที่อยู่ใกล้ๆสะดุ้งพี่ซิ่งแตะแขนพี่แนนแต่เขาก็สะบัดออก ผมเลยต้องกุลิวกุจอหาทางออกสุดท้ายก็คว้าเอาชีทที่อยู่ข้างๆขึ้นหายื่นไปให้พี่แนนทันที



“พี่แนนครับ ปังสงสัยเรื่องออกแบบโครงสร้างหุ่นขี้ผึ้งจังเลย พี่แนน อธิบายให้ปังฟังหน่อยสิฮะ”


“ยังไม่ใช่เวลานี้คะลูก”


พี่แนนหันมาพูดกับผมก่อนจะหันไปจ้องมิ้นต์ที่ยกมือขึ้นทั้งสองข้างอย่างยอมแพ้แต่ใบหน้ายิ้มๆเหมือนเห็นเป็นเรื่องตลก ผมว่าไม่ตลกนะ ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มผู้ชายล้วนได้ ต้องแมนพอตัวเลยละ ถึงผมจะไม่ค่อยรู้ความสัมผัสมากนักเพราะผมเคยถาม ผมก็พอมองออกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างพี่แนน แมนกว่าผู้ชายบางคนซะอีกอย่างน้อยก็คงเข้มแข็งมากกว่าผมละ แหง่ละ ผมน่ะใหญ่แต่ตัวใจเล็กจี๊ดเดียว


“แต่ว่าปัง … ไม่เข้าใจจริงๆนี้ฮะ”


ผมรั้นขึ้นมาอีกด้วยน้ำเสียงที่ชอบใช้กับพี่ใหญ่เวลาอยากให้ตามใจ พี่แนนเลยยอมอ่อนลงละสายตามาจ้องผมอย่างอ่อนใจและหยิบเอาชีทในมือผมไปมอง จากนั้นผมก็กินข้าวไปนั่งฟังพี่แนนสอนไป ท่ามกลางความอึดอัดของบรรยากาศ ดีหน่อยที่พวกพี่โย่งพอจะผ่อนคลายบรรยากาศได้บ้าง ผมไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่อยากให้มีเรื่องเพราะเรื่องไร้สาระ ยังไงมิ้นต์ก็พูดไม่ได้คิดอยู่แล้ว เล็กกับพี่แนนก็ใจร้อนเกินไป คนที่ซวยเป็นผมเองเพราะพี่ใหญ่ย่อมไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี้นะ


จนแล้วจนรอด ผมก็สามารถนำพาทุกคนออกมาจากความเครียดได้ เพราะหลังจากที่ผมกินข้าวกันเสร็จ มิ้นต์ก็ขอตัวไปหาคุณพ่อที่ห้องอธิการก่อนเพราะเห็นว่ามีธุระต้องคุยกัน ส่วนผมกับเพื่อนก็แยกมาที่ห้องปั้นเพื่อทำงานและชินโดก็ติวเข้มเรื่องการปั้นให้ผมด้วย ส่วนพวกพี่ใหญ่ เขาก็เลยไปหลังช็อปเพื่อทำชิ้นงานโปรเจคจบกันต่อไป ต่างคนต่างแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง โดยที่ผมไม่ทันได้คุยอะไรกับพี่ใหญ่มากนัก เอาไว้กลับไปห้องค่อยคุยก็ได้ เป็นแบบนี้ผมชินแล้วละ ก็ดีนะ จะได้มีช่องว่างต่อกันบ้างพี่ใหญ่จะได้ไม่เบื่อผม ที่ผมงี่เง่าแบบนี้  ดีแล้วละที่ความรักของเราเดินไปในทางเรียบๆง่ายๆไม่หวือหวา เพราะผมกลัวเหลือเกินที่จะต้องมานั่งตกอกตกใจกับความเปลี่ยนแปลงและสูญเสีย


แต่ถ้าหากวันนั้นมาถึงจริงๆผมก็คงต้องยอมรับมันให้ได้ ถึงจะยากไปหน่อย ผมก็คงต้องทำให้ได้ … ถึงรู้ตัวว่าคงไม่มีวันนั้นเพราะไม่ใช่ผมแน่ที่เป็นคนบอกเลิก และพี่ใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่บอกเลิกใครได้ง่ายๆ แต่ก็แค่คิดเผื่อเอาไว้ถ้าวันนึงพี่ใหญ่เจอคนที่ใช่กว่า ผมก็คงต้องถอยไปเอง เพราะอะไรไม่แน่นอนแบบนี้ไง ผมถึงอยากให้พ่อผมออกมาอยู่ที่อื่น เผื่อวันนั้นมาถึง พวกเขาจะได้ไม่ลำบากใจ … แค่เผื่อใจเอาไว้บ้าง แค่นั้นเอง


“คิดอะไรนักหนา คิ้วขมวดเชียว”  ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆภวังค์ก็ถูกมือสากอบอุ่นของพี่ใหญ่ที่มาจากไหนไม่รู้ ทำไมเขาชอบมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงนะ แต่จากมืออุ่นๆที่ละไปตามหน้าผากผมเขาก็ยังอุ่นอยู่นะ ยังไม่ใช่ผีหรอก แว่!


“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”


“เห็นมีคนคิดมาเลยอยากมาเห็น ชินโดสอนนี้เข้าใจบ้างไหม หรือต้องให้สอนเอง”


“ผมพี่ใหญ่ยาวแล้ว” ผมชิงเปลี่ยนเรื่องซะก่อนที่พี่ใหญ่จะแกล้งผม มองไปรอบๆก็ไม่เห็นใครแล้ว ทั้งห้องปั่นมีแค่ผมกับพี่ใหญ่
หายไปไหนกันนะ ผมเผลอนั่งพักเหม่อแปปเดียวเอง


“ตัดดีไหม” ผมหันมาจ้องตาคมนั้นก่อนจะยิ้มและมองไปที่ผมของเขาที่ผมหาเรื่องเฉไฉไป แต่ตอนนี้จริงๆมันก็ยาวขึ้นเยอะแล้วนะ ผมว่าพี่ใหญ่ดูสุภาพขึ้น ไม่รู้สิ สกินเฮดก็หล่อดี แต่ออกแนวเถื่อนๆ ทรงผมสูงของเขาตอนนี้ก็น่ารักดีนะ


“ไถ่ข้างเลยสิครับ ผมเคยเห็นคนในมหาลัยทำกันเยอะเลย” ผมพูดและผละออกมายืนที่เคาเตอร์สี ก่อนจะเลือกหยิบสีทองขึ้นมาเดินไปที่ภาพวาดที่วาดค้างเอาไว้ และเริ่มผสมสีแต่งแต้มมันเพิ่มเติมลงไปตามจินตนาการทีวาดเอาไว้ตั้งแต่ต้น


“ชอบงั้นดิทรงนั้นอ่ะ ไปเห็นใครมาละถึงบอกว่าหล่อ” คนป่วนเดินถือถาดสีตามมาและจรดปลายพู่กันกับแผ่นกระดาษว่างเปล่าข้างๆผม


“ผมพูดคำว่าหล่อสักคำแล้วเหรอ” ผมพูดกลับไปยิ้มๆ ก่อนที่พู่กันเปื้อนสีแทนที่จะระบายลงบนกระดาษจะมาระบายผมหน้าผมซะเอง


“พี่ใหญ่ มันไม่ใช่ของเล่นนะ” ผมดุพี่ใหญ่แต่ดูหน้าคนที่เอาสีมาระบายหน้าผมจะไม่สะทกสะท้านแถมทำท่าจะรังแกผมอีกรอบ ผมเลยเอียงตัวหลบและวางกระบอกสีลงวิ่งหนีคนขี้แกล้งออกมาหวังจะไปเข้าห้องน้ำล้างสีออก ฮึ้ย ถ้าสิวผมขึ้นขึ้นมาจะทำยังไงนะ


“อ่ะ ปังจะไปไหนเหรอ” ในระหว่างที่วิ่งสวนออกไปจากห้องมิ้นต์ก็เดินสวนเข้ามาในห้องปั้น ผมเอามือกุมแก้มข้างที่ถูกวาดเอาไว้แล้วตอบส่งๆก่อนจะเดินจ้ำไปที่ห้องน้ำทันที


   พอมาเจอกระจกในห้องน้ำได้ ก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อที่แก้มข้างขวาที่พี่ใหญ่วาดเอาไว้มันน่ารักมากกว่าน่าโกรธ เพราะสีดำที่วาดเกิดเป็นรูปหัวใจ  วาดซะจุ๊งจิ๊งน่ารักเชียวนะ แต่ยังไงก็ต้องลบออกละนะ ผมจะออกไปทำงานโดยมีหัวใจแปะอยู่ที่แก้มแบบนี้ไม่ได้หรอก จะว่าไปพวกตัวเล็กไปอยู่ซะที่ไหนนะ    


   ผมเดินกลับมาที่ห้องปั้นอีกครั้งหลังจากที่ล้างสีออกจนหน้าแดงเป็นปื้นปรากฏว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่แล้วอยู่แต่เพื่อนตาสีเขียวของผมที่เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองผมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผมยิ้มตอบแต่ไม่พูดอะไรเดินไปหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเป้เพื่อที่จะโทรหาตัวเล็ก


   “ปังคบกับพี่ใหญ่มานานหรือยัง”


   “เอ่อ … จะ 2 ปีแล้วละ” ผมตอบมิ้นต์ที่อยู่ๆก็ถามขึ้นเสียงเบา และหยิบโทรศัพท์ออกมาจะกดเบอร์โทรหาเพื่อนสนิทที่พากันหายออกไปไหนกันหมดไม่รู้พี่ใหญ่ก็เหมือนกันอยู่ๆก็หายไป ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดเนี้ย 


   “คบกันได้ยังไงเหรอ พี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นคนที่จีบคนเป็นเลยนะ”


   “… ก็ไม่รู้สิ” ผมพูดไปหัวเราะไป


ยกโทรศัพท์ขึ้นทาบหู จากนั้นห้องก็เงียบไปอีก ผมมองไปทางมิ้นต์ก็เห็นเธอลุกขึ้นและเดินมายืนข้างๆผมเอามือท้าวคางเอียงคอมองยิ้มๆอยู่ในที บางทีผมก็เริ่มไม่เข้าใจว่ามิ้นต์คิดอะไรอยู่แต่ก็คงไม่มีพิษที่ภัยอะไรกับใครหรอก ผมเชื่อแบบนั้นนะ


“ว่ายังไงปังปัง” เสียงเล็กตอบกลับมาใสก้องเหมือนเดิม ผมเลยหมดห่วงกังวนไปว่าพวกเขาจะโกรธผม


“ตัวเล็กอยู่ไหน”


“หน้า มหาลัยน่ะ พอดีดินปั้นหมด เลยให้เสาร์พาออกมาซื้อ ชินโดไปส่งงานที่ห้องคณะน่ะ พวกเราเห็นปังกำลังตั้งใจทำงานปั้นอยู่เลยไม่อยากรบกวนน่ะ เดี๋ยวสักพักเล็กก็กลับเข้าไปแล้ว เดี๋ยวซื้อผลไม้ไปฝากนะ”


“อื้อ รีบๆมานะ” ตัวเล็กรับคำก่อนจะวางสายไป ผมหันมาเจอกันสายตาของมิ้นต์ที่ยังจ้องอยู่อย่างยิ้มๆ และก็ต้องเซหลบเพราะเริ่มไม่ชอบดวงตาสีเขียวที่จับจ้องอยู่ตลอดเวลาคู่กัน เดินไปที่รูปปั้นดินของตัวเองเอามือจุ่มน้ำและเริ่มปั้นขึ้นรูปต่อ


“ปังรู้ไหม พี่ใหญ่มีเสน่ห์มากเลยนะ นายไม่คิดเหรอว่าเขาจะมีกิ๊กน่ะ”


“เอ่อ … ก็ไม่รู้สิ เราเคยสัญญากันเอาไว้ว่าจะพูดความจริงต่อกัน”


“แล้วถ้าพี่ใหญ่ของปังผิดสัญญาละ”


“ไม่หรอก พี่ใหญ่ไม่ทำแบบนั้นหรอก”


“แล้วถ้าทำละ พูดถึงในกรณีที่พี่ใหญ่ทำน่ะนะ”


“ก็คงต้องแล้วแต่พี่ใหญ่…ละมั้ง”


 ผมตอบหน้าไม่ค่อยจะเต็มปากนัก เพราะเหมือนมิ้นต์จะรู้ในความคิดมากอยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไง ผมก็ไม่เชื่อมั่นใครทำพี่ใหญ่หรอกนะ เพราะสิ่งที่พวกเราสร้างกันมาผมว่ามันเยอะและเหนียวแน่นพอสมควร แต่ถ้าหากถึงวันนั้นจริงๆ ก็คงต้องปล่อยไปตามโชคชะตากำหนด และผมยังคงเชื่อในสิ่งที่พี่ใหญ่พรำบอกว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น


“ซื่อจังเลย เพื่อนๆมิ้นต์ที่ฝรั่งเศสไม่เห็นซื่อแบบนี้เลย ซนกันสุดๆ พวกเขาน่ะแลกแฟนเมคเลิฟกันก็มีนะ”


“ที่นี้ไม่ทำแบบนั้นหรอก” ผมว่าและเริ่มไม่ถือสากับคำพูดของมิ้นต์ เพราะเริ่มเข้าใจว่าเธอคงเป็นเด็กหัวนอกอยู่เมืองนอกเมืองนาที่มีเสรีภาพมามาก พอมาอยู่เมืองไทยที่มีประเพณีเป็นที่ตั้ง เลยอึดอัดไปบ้างละนะ


“ว่าแต่มีเรื่องอะไรถึงย้ายมาที่ไทยเหรอ?”  ผมเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมาคุไปมากกว่านี้


“มีปัญหานิดหน่อยน่ะ เอ้อ มิ้นต์ชอบปังนะอยากรู้จักมากกว่านี้หวังว่าปังจะไม่เกลียดมิ้นต์นะ”


“ไม่หรอก ปังไม่เกลียดใครเลย”


ผมว่าและหันไปยิ้มให้เพื่อนตาสีเขียวที่กำลังยิ้มจนแก้มแทบปริหลังจากที่พอใจในคำตอบของผม หลังจากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายกันทำงานกันไปคุยกันไปในเรื่องต่างๆ ส่วนมากมิ้นต์จะเล่าให้ฟังซะส่วนใหญ่ สักพักเดียวตัวเล็กกับเสาร์ก็กลับมา พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆในคณะทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องก็ทยอยกันเข้ามาทำงานของตัวเอง ถึงเราจะมีกันน้อย แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อบอุ่นและรู้จักกันทั่วถึง ทำให้บรรยากาศการทำงานไม่น่าเบื่อมีเรื่องให้ตลกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเพิ่มมิ้นต์มาอีกคน ก็ทำให้ครึกครื้นขึ้นเป็นเท่าตัว แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เจอพี่ใหญ่อีกเลยคงจะไปทำงานที่หลังชอปละมั้ง


“ปังกลับกันเถอะเล็กง่วงแล้ว”


เสียงแมลงง๊องแง๊งเอาหัวมาถูไถกับแขนของผมหลังจากที่เวลาล่วงเลยไป 3 ทุ่มกว่าๆ เพื่อนคนอื่นก็ทยอยกลับกันหมดเหลือแต่ผม ตัวเล็ก ชินโด นายเสาร์ เบียร์กับคิวเพื่อนขาเหล้านายเสาร์ แล้วก็มิ้นต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆมุมนึง พอเห็นว่าผมมองไปเธอก็ผงกหัวขึ้นมายิ้มรับ เก็บของใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่ทันที


“งั้นเก็บของก่อน เล็กเห็นพี่ใหญ่บ้างไหม ปังไม่เห็นตั้งแต่บ่ายแล้ว” อยากจะบอกว่าโทรไปก็ไม่รับแล้วก็ไม่โทรกลับด้วย เป็นอะไรของเขานะชักเริ่มจะเป็นห่วงแล้วสิ ปกติต้องมาป่วยชั่วโมงละ 10 นาที แต่นี้ไม่เห็นมาเลย โกรธอะไรผมหรือเปล่านะ


“ไม่เห็นเลย สงสัยจะทำงานอยู่หลังชอป ปังไปหาไหมเดี๋ยวเล็กไปเป็นเพื่อน”


“เดี๋ยวปังไปเองก็ได้ ตัวเล็กเก็บของไปก่อนนะ”


“มิ้นต์ไปด้วย”


“ไม่ต้องหรอกอยู่กับเล็กเก็บของไปก่อน เดี๋ยวไปกินข้าวกันนะ”


“ก็ได้” มิ้นต์พยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาตัวเล็กยิ้มให้


แต่ตัวเล็กเมินเดินไปหาเสาร์ซะก่อน ผมมองก่อนจะส่ายหน้าไปมา และจูงแขนมิ้นต์ที่ทำหน้าเสียเดินออกมาด้วยกัน ตัวเล็กเป็นอะไรนะ ผมไม่ชอบให้เล็กเป็นแบบนี้เลย มิ้นต์เองก็ไม่ใช่คนแย่ขนาดนั้นไปพาลโกรธกันทำไม ทำไมไม่พูดกันดีๆ


ผมพามิ้นต์เดินมาที่หลังชอปได้ยินเสียงเครื่องตะไบไม้เสียงตอกตำปูดังอยู่อย่างต่อเนื่อง แสดงว่าพวกพี่เขาทำงานอยู่ที่นี้จริงๆ ผมเดินเข้าไปเงียบๆ ก่อนที่พี่โย่งจะหันมาเห็นและสะกิดให้พี่ใหญ่ที่นั่งทาสีอยู่ข้างๆหันมามอง เขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบก่อนจะคล้อยหลังหันมามองผมที่ยืนอยู่กับมิ้นต์เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้ว่าผมของเขาสามารถใช้ที่คาดผมได้แล้ว แสดงว่ายาวขึ้นจริงๆ ก่อนที่พี่ใหญ่จะพยักหน้าให้เข้าไปหาได้ กินเหล้าย้อมใจทำงานแบบนี้แสดงว่าทั้งคืนแน่ๆ


“มีอะไร” เขาหันมาถามผมหลังจากที่ผมเข้าไปนั่งแทนที่พี่โย่งที่เขยิบให้ผมและมิ้นต์นั่ง พี่แนนที่กำลังเหลาไม้อยู่กันมามองผมยิ้มๆ 


“เปล่าครับแค่มาบอกว่าผมจะกลับแล้ว”


“กลับไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้งานเยอะต้องทำให้เสร็จ” พูดไม่พูดเปล่ายกเหล้าขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่มองผมตาเยิ้มอีกต่างหาก ขี้เมามากคนๆนี้


“แล้วพี่ใหญ่จะกลับกี่โมง” ผมถามต่อ


“เช้ามั้ง ไม่รู้สิ” เป็นอันเข้าใจและผมก็เลิกเซ้าซี้เพราะรู้ดีว่าแผลที่หลังของพี่ใหญ่ดีขึ้นมากแล้วและเขาก็ดีแลตัวเองได้ ถ้าผมเซ้าซี้มากๆพี่ใหญ่คงไม่ชอบ เลยเลือกที่จะพยักหน้ารับและยกมือไหว้พี่ๆทุกคนก่อนจะพามิ้นต์เดินกลับออกมา


“ปังรักพี่ใหญ่มากไหม” อยู่ๆมิ้นต์ที่เดินอยู่ข้างๆผมก็ถามขึ้น ผมหันไปมองแล้วก็ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร


“ถ้าวันไหนพี่ใหญ่มีคนอื่นปังจะเสียใจไหม” ผมหยุดเดินและหันมาสบตาตรงกับมิ้นต์ที่จ้องมาที่ผมนิ่งเหมือนต้องการคำตอบที่มากกว่านี้


“เสียใจน่ะคงเสียใจแน่ แต่ปังจะไม่รั้งหรอก ถ้าพี่ใหญ่ไม่รักปังแล้วปังก็จะไปเอง แต่พี่ใหญ่ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก”


“ทำไมละ” ตาสีเขียวนั้นมีแววหยอกล้อผมขึ้นทันทีที่ผมพูดออกไป แต่พยายามจะไม่สนใจมันมองข้ามไปและยิ้มออกมาพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดที่ตัวเองเป็น


“ก็เพราะปังรักพี่ใหญ่ไง”




.
.
.

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

“โรแมนติกจังเลย” เธอทำถ้าเคลิ้ม จนผมหัวเราะและพากันเดินจนมาเจอกับตัวเล็กที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วพร้อมเพื่อนๆ



จากนั้นเราก็พากันมากินข้าวที่ร้านส้มตำข้างซอยหอพักนอกจากตัวเล็กที่บึ้งตึกแล้ว คนอื่นก็ปกติกับมิ้นต์คุยเล่นกันปกติ จนเวลาล่วงเลยถึง 5 ทุ่มจึงแยกย้ายกันไป มิ้นต์อยู่หอพักที่ไกลออกไปจากมหาลัยชินโดก็กลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลมากนัก โดยที่ผมย้ำว่าให้โทรบอกทันทีที่ถึงบ้าน ส่วนผมก็เดินขึ้นมาบนหอพักพร้อมกับตัวเล็กและเสาร์ พอถึงห้องได้ก็ล้มตัวนอนอย่างหมดแรง พักใหญ่แล้วที่ชินโดโทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว แต่พี่ใหญ่ก็ไม่เห็นกลับมาสักที ไม่อยากโทรไปรบกวนเพราะรู้ว่าพี่ใหญ่ทำงานอยู่ ก็ได้แต่ลุกขึ้นไปอาบน้ำ และออกมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ จนเผลอหลับคาโต๊ะไปเมื่อเวลา ตี 3 กว่าๆ 



ตื่นขึ้นมาในช่วง 10 โมง มองไปข้างๆเห็นพี่ใหญ่นอนอยู่ผมก็อุ่นใจ อ้อมกอดของพี่ใหญ่ก็ยังอุ่นเหมือนเดิมต่างกันที่ตัวมีแต่กลิ่นเหล้าบุหรี่กลิ่นสีกลิ่นไม้เต็มตัวไปหมด ดูเอาเถอะ น้ำไม่ยอมอาบและมานอนกอดคนอื่นเขาแบบนี้ใช่ได้ที่ไหนแต่ผมก็ยิ้มนะไม่รู้ทำไม รู้สึกโล่งใจที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้ากัน บางทีผมอาจจะติดพี่ใหญ่มากกว่าที่ตัวเองคิดก็ได้ มันก็ไม่แปลกใช่ไหม เพราะเราเป็นแฟนกันนี้หน่า อีกอย่างพักนี้พี่ใหญ่ก็ทำตัวน่ารัก ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาให้กันหรือตัวติดกันเหมือนแฟนคนอื่น แต่ผมก็รู้สึกโชคดีที่มีสิทธิได้รักพี่ใหญ่และได้ความเห็นมุมอบอุ่นของผู้ชายคนนี้



“ผมต้องไปเรียนนะ”


ผมพูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มสากไปด้วยเคราอ่อนๆนั้นเบาๆ และแทรกตัวออกมาจากวงแขนของคนที่หลับสนิท ไม่ลืมที่จะอ้อมไปด้านหลังของคนที่นอนตะแคงถลกเสื้อของเขาขึ้นนิดนึงก้มลงไปมองแปลกลางหลังที่ปิดพาสเตอร์กันน้ำเอาไว้ เห็นว่ามันยังอยู่ดีตอนเย็นค่อยกลับมาล้างแผลให้แล้วกัน


ผมออกมาจากห้องในเวลา 11 โมงกว่าเพื่อเป็นเรียนในคลาส 12.00 น. โดยที่ไม่ได้เรียกตัวเล็กเพราะตัวที่ผมลงเรียนวันนี้เป็นวิชาเสรีเพิ่มเติมที่ตัวเล็กลงไม่ทันผมเลยต้องเรียนคนเดียว แต่ไม่เป็นไรเพราะวิชานี้เน้นทฤษฎีเข้าเรียนทำงานเดียวผมเลยไม่จำเป็นต้องเข้าสังคมมากนัก แต่ก็มีเพื่อนต่างคณะแวะเวียนเข้ามาคุยอยู่เหมือนกัน   


มีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ผมแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อขนมปังมารองท้องกับอีก 2 ชั่วโมงกว่าๆในคลาสเรียนเสรี แต่ในระหว่างที่ผมกำลังจะหยิบเดินไปคิดเงินเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเป้ด้านหลังก็ดังขึ้น สงสัยพี่ใหญ่จะตื่นแล้วละมั้ง แต่พอหยิบออกมาดูก็ต้องขมวดคิ้วเพราะคนที่โทรมาไม่ใช่พี่ใหญ่ แต่เป็นพ่อผดุงของผม ที่น้อยครั้งเขาจะโทรหาผม ถ้าไม่มีธุระจริง


“สวัสดีจ้ะพ่อ”


“วันนี้เอ็งมีเรียนหรือเปล่าเจ้าปัง”


“มีจ้ะ หนูกำลังจะเข้าเรียนจ้ะ”


“เย็นนี้เอ็งว่างไหม มาหาพ่อที่ร้าน XXX หน่อย”


“เอ้ … ร้านดังขนาดนั้นเราจะไปกันทำไมจ้ะ”


“มีคนเขาอยากพบเอ็งน่ะสิ”


“ใครจ้ะพ่อ”


“ป้าของเอ็งเขามาจากออดเตเลียนะสิ ” ออดเตเลียของพ่อคงหมายถึงออสเตรเลียสินะ ว่าแต่ผมมีญาติคนอื่นนอกจากพ่อผมอีกหรอ ทำไมผมไม่เห็นรู้เลย


“ป้าเหรอครับ … พี่สาวของแม่หรอครับ” 


“เออ … เค้าเป็นพี่สาวแม่ของเอ็ง”


 วินาทีนั้นความรู้สึกของผมมันอธิบายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือแปลกประหลาดใจได้มากกว่ากัน ไม่เห็นเคยรู้เลย ตอนงานศพของแม่ก็ไม่เห็นญาติฝั่งแม่จะมา หรือเพราะว่าตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่รู้เรื่องอะไรแต่ไม่รู้สิ … ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆถึงตัวสั่น … เหมือนกับกำลังอยากจะร้องไห้


“เจ้าปัง”


“คะ ครับ” ผมพยายามระงับเสียงสั่นเอาไว้ในลำคอ เพื่อไม่ให้พ่อสงสัยในความรู้สึกของผมกลางร้านสะดวกซื้อ ที่มีคนเยอะเหมือนมด แต่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก … ผมไม่อยากไปเจอเลย ไม่รู้สิ แค่ไม่อยากไปเจอ ลางสังหรณ์มันบอกแบบนั้น 


“ไม่มีอะไรหรอก แค่ป้าเค้ามาเยี่ยม”


“จ้ะพ่อ”


“งั้นเอ็งเลิกเรียนกี่โมงข้าจะได้โทรไปบอกเวลาป้าเค้า”


“หนูเลิกบ่าย 2 จ้ะ พ่อจะให้หนูไปรับที่บ้านคุณแม่พี่ใหญ่ไหมครับ”


“ป้าเค้าอยากเจอแค่เอ็งเค้าไม่อยากเจอข้าหรอก” เสียงของพ่ออ่อนลง เหมือนหัวเราะอยู่ในที แต่เสียงของพ่อกลับแหบพรานไม่สดใจแม้แต่นิดเดียว


“ตะ แต่ผม พ่อครับ ให้ผมไปคนเดียว ผะ ผม”


“เอาเจ้าใหญ่ไปด้วยแล้วกัน ไปหาป้าเค้าหน่อยเค้ามาแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นละ มีอะไรก็โทรมาหาข้าแล้วกันนะ” 


“จะ จ้ะ … ไปก็ไป” ผมพูดเสียงอ่อย พ่อหัวเราะก่อนจะวางสายไป



เพราะเรื่องของผ้า ทำให้ผมไม่เป็นอันเรียน … จะเหมือนแม่ไหมนะ เหมือนผู้หญิงคนที่ท้วมๆ ไม่ถึงกับอ้วนและไม่ได้ผอมหน้าตาจิ๋มลิ่มน่ารัก ผิวขาวสะอาด ท่าทางใจดี ในชุดออกสีเหลือง ลายดอกไม้ ในวงแขนที่แสนอบอุ่นนั้นมีเด็กชายในชุดอนุบาล ตัวใหญ่เหมือนลูกหมีกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ ถ้าจะไม่ผิด ชุดนี้เป็นชุดที่แม่ใส่ไปงานวัดแม่ตอนที่ผมอยู่อนุบาล 2และตอนนี้ผู้หญิงคนที่น่ารักที่สุดสำหรับผม กำลังส่งยิ้มตาหยีมาให้ผม ผ่านทางรูปถ่ายแห่งความทรงจำ ที่เหลือเพียงใบเดียวให้ดูต่างหน้า … แม่จ๋า นานแค่ไหนแล้วที่ปังไม่ได้ไปไหว้แม่ที่วัด คิดถึงปังไหม … ปังคิดถึงแม่นะ …   จริงสิ ผมลืมไปเลยว่าต้องโทรหาพี่ใหญ่ด้วย หวังว่าเค้าจะว่างไปหาป้ากับผมนะ


“ไม่รับ … ยังไม่ตื่นเหรอ” ผมพูดกับตัวเอง เมื่อพี่ใหญ่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลย ปกติต้องไม่เป็นแบบนี้สิ … เป็นอะไรหรือเปล่านะ แผลฉีกหรือเปล่า  หรือเกิดอันตรายขึ้นกับพี่ใหญ่ …



“เดี๋ยวปัง จะไปไหน อาจารย์ยังไม่ได้เช็คชื่อเลย” เพื่อนชายแว่นหนาร่างแกร่นชื่อวินคณะจัดการที่รู้จักกันในวิชาเสรี เรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะผลุนพลันออกจากห้อง เพราะความเป็นห่วงและไม่สบายใจ จนกว่าจะได้เห็นกับตาว่าพี่ใหญ่ไม่เป็นอะไร ถึงเขาจะแข็งแรง และฉลาด แต่ … แต่ว่า …


“ขอโทษนะครับอาจารย์ ผมมีธุระ”


ผมโบกมือลาวินก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้อง ทั้งๆที่ของยังเก็บได้ไม่เรียบร้อยดี มือข้างนึงเก็บของลงกระเป๋า อีกมือก็พยายามโทรหาพี่ใหญ่ไปด้วย อย่าว่าแต่พี่ใหญ่เลย ตัวเล็กก็ปิดเครื่อง นายเสาร์แต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่เคยมีเบอร์อยู่แล้ว เฮ้อ  หวังนะว่าจะไม่เกิดอันตรายอะไรกับพี่ใหญ่ … ผมแค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง 



“นี้ครับ” ลงจากวินมอเตอร์ไซค์จากหน้าปากซอยมาได้ ก็รีบยื่นเงินให้ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นหอพัก รู้สึกรอลิฟรอบนี้มันนานเหลือเกิน … นานมากจริงๆ


ติ๊ง!


   ประตูลิฟต์เปิดออกผมทำท่าจะพุ่งเข้าไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ๆคนที่ผมเพิ่งได้รู้จักเมื่อวานดวงตาสีเขียวคู่นั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าผม … มิ้นต์มองหน้าผมอึ้งๆ เพียงเสี้ยววินาทีก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร่าเริงปกติ … มิ้นต์มาทำอะไรที่หอพักของผม … รู้จักใครที่นี้งั้นเหรอ ?


   “Hi ปัง”


   “มาทำอะไรที่นี้เหรอมิ้นต์?”


   “อ่อ พอดีมิ้นต์จะมาหาปังน่ะ แต่พี่ใหญ่บอกปังไม่อยู่เลยกำลังจะกลับ โชคดีจังที่เจอ” มิ้นต์ไม่พูดเปล่าเดินหัวเราะเข้ามาจับแขนผมโยกไปมา


   “แล้วมีอะไรกับปังหรอ?” ผมถามขึ้นเบาๆ กล้ำกลืนความรู้สึกบางส่วนที่ยังถกเถียงกับตัวเองในใจ ผมพยายามคิดว่าตัวเองคิดมากไปเองเหมือนทุกๆครั้งนั้นละ



   “มิ้นต์อยากเจอปังเฉยๆ แต่ดูปังไม่ค่อยสบาย เอาไว้พรุ่งนี้เราเจอกันที่ ม. ก็ได้นะ ปังไม่โกรธมิ้นต์ใช่ไหมที่มาหาที่นี้”


   “อือ ไม่โกรธหรอก เอาไว้คุยกันนะ ปัง … ปังขอขึ้นห้องก่อน รู้สึกไม่สบายเลย”


   “โอเคจ้า งั้นมิ้นต์ไปก่อนนะ” มิ้นต์เขย่งตัวมาหอมแก้มผม ก่อนจะผลักตัวออกและเดินห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ผมเม้มปากไม่ได้หันไปมอง แต่ยื่นมือสั่นๆไปกดลิฟต์ก่อนจะก้าวเข้ามาด้านในเหมือนคนที่ไร้กำลัง … ไม่มีอะไรหรอกน่า ผมคงคิดมากไปเอง



   ความรู้สึกเหมือนหน้าลิฟต์กับห้องมันไกลและเหนื่อยเหมือนเดินขึ้นบันไดมา 10 ชั้น จนในที่สุดก็มายืนหน้าห้องของตัวเอง และพยายามกล้ำกลืนทุกสิ่งลงไปในหลอดลม ปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไร ผมคิดว่าผมคงคิดมากเกินไป เป็นห่วงมากเกินไป หึงมากเกินไป แล้วก็รักพี่ใหญ่มากเกินไป มิ้นต์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น เขาเพิ่งเจอกันแค่วันเดียวเอง ทำให้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นผมควรที่จะเลิกคิดมากและเปิดประตูเข้าไปหาพี่ใหญ่ได้แล้ว


แก๊ก


   ผมบรรจงเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่ผมเห็นคือร่างสูงของพี่ใหญ่นั่งมัดจุกอยู่หน้าคอมเปลือยท่อนบนใส่บ๊อกเซอร์อยู่ห้อง ตามปกติ เขามองมาที่ผม ก่อนจะขมวดคิ้วและหันไปมองนาฬิกา และเอ่ยถามขึ้นเสียงเบาหวิว


   “ทำไมกลับมาเร็วละวันนี้”


   “ผมโทรหาพี่ใหญ่ … แต่ไม่ติด”


   “อ่อ สงสัยเมื่อคืนลืมเอาไว้ที่หลังชอปละมั้ง … เป็นอะไร” เค้าตอบคำถามผมเหมือนปกติ ก่อนจะหันมามองผมที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่ปลายเตียง


ผมหัวเราะขึ้นนิดๆอย่างสังเวชในตัวเองและเงยหน้าขึ้นส่ายหน้าไปมา ยิ้มให้พี่ใหญ่อย่างที่เป็นปกติที่สุดไม่เอาความในใจมาเป็นข้อบาดหมางให้เกิดรอยร้าว เพราะยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นจริง พี่ใหญ่ขมวดคิ้วมองผมกระตุกมุมปากขึ้นอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จะเอี้ยวตัวกลับไปทำงานต่อ แต่ผมเอื้อมมือไปรั้งแขนของเขาเอาไว้ก่อนพี่ใหญ่หันมาก่อนจะถอนหายใจนิดๆแต่ริมฝีปากยิ้ม กระเถิบเก้าอี้พร้อมตัวเข้ามาใกล้ผมจนริมฝีปากสามารถสัมผัสกับหน้าผากผมได้หนึ่งที เจ็บนะ เค้าไม่เรียกว่าหอมหรอก เค้าเรียกว่ามะเหงกต่างหาก


แต่ผมก็ไม่โกรธ ยกมือขึ้นลูบเหม่งตัวเองที่ถูกกระแทกเมื่อกี้ก่อนจะโน้มหน้าผากไปวางเกยกับไหล่หนา ไม่ต้องพูดจาอะไรอีก แขนแกร่งก็โอบรัดร่างของผมเข้าไปกอดโดยมีพนักพิงเก้าอี้กั้นกลางระหว่างเราเอาไว้


“อ้อนเอาอะไร”


“พ่อผมโทรมาบอกว่าให้ไปหาป้า …วันนี้บ่ายสอง ที่ XXX”  ผมบอกไปตามตรง กับความรู้สึกที่อัดแน่นแทบจะทะลุเป็นโผล่งอยู่ในใจ



“ป้า ?”



“…ป้าพี่สาวของแม่ผม ที่ผมไม่เคยรู้จักแม้แต่ชื่อเลย เขาเป็นญาติอีกคนของผม ที่ผมเพิ่งรู้วันนี้ พ่อบอกว่าเค้ามาจากออสเตรเลีย … เค้าอยากเจอผม แต่ไม่อยากเจอพ่อ”


“แล้วอยากไปไหม” เค้ากระซิบถามผม มือหนาก็ลูบไปตามหัวของผมอย่างอ่อนโยนและปลอบประโลมเหมือนผู้ใหญ่ที่กล่อมเด็กน้อย


“… อยาก แต่ก็ไม่อยาก … ผมไม่รู้จักเขา”


“ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป” เขาผละหน้าออกจากผม และพูดน้ำเสียงจริงจัง แต่ผมเบ้ปากและเอาคางวางเกยที่ไหล่อุ่นๆเขาเหมือนเดิม


“แต่ถ้าผมไม่ไป ป้าก็จะโกรธ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะ และน้ำเสียงทีเล่นทีจริงของพี่ใหญ่ก็ดังขึ้นข้างหูทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย แบบสุดๆ


“งั้นก็ไป … เรื่องของผู้ใหญ่ บางทีก็ไม่ต้องไปสนใจก็ได้มันผ่านมาแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าเขาให้ความกรุณาเอ็นดูต่อเรา เด็กก็ควรจะเคารพผู้ใหญ่นะ แล้วยังไงจะให้ไปเป็นเพื่อนหรือไง”


“ได้ไหมครับ?”


“ไม่ได้ได้ไหมละ”


“ไม่เอาหรอก” ผมหน้ามุ่ยแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก


ก่อนที่พี่ใหญ่จะดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ผมวาดมือไปกอดตอบวางแก้มลงบนหัวไหล่นั้นมองออกไปที่หน้าประตูอย่างไร้จุดหมายแคลนยิ้มออกมานิดๆ เห็นไหม พี่ใหญ่ยังเหมือนเดิม … ผมน่ะคิดมากไปเอง


   เวลาบ่ายโมงครึ่งเราสองคนมาจอดรถเทียบท่าอยู่ที่ลาดจอดของร้าน XXX ที่ดูจากภายนอกเป็นร้านอาหารระดับภัตตาคานเลยละแอบทึ้งๆนิดๆเพราะไม่เคยมาแบบนี้เลยหรูที่สุดของผมและพี่ใหญ่ก็เห็นจะเป็นร้านอาหารระดับกลางที่ไม่แพงจนเกินไปนักเพราะถึงบ้านพี่ใหญ่จะรวยแต่พี่ใหญ่ก็มักจะเก็บออมและหาเงินใช้เองซะเป็นส่วนใหญ่


เราสองคนอยู่ในชุดสูทสุภาพที่สุดเท่าที่จะหาได้ พี่ใหญ่สวมเสื้อเชิ๊ตสีดำกับกางเกงยีนต์เก็บชายเสื้อดูสง่าบวกกับทรงผมที่ผมเซตขึ้นให้เรียบแป้ยิ่งดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ผมนี้สิ อยู่ในเสื้อเชิ๊ดสีขาวกับกางเกงยีนต์โทนดำพอดีตัว ทรงผมก็กระเซอะกระเซิงอีกต่างหาก ต่างกันกับพี่ใหญ่มาก บางทีผมก็หมั่นไส้เหมือนกันคนอะไรหล่อได้หล่อดี หล่อจนผมระแวงไปหมด ทั้งๆที่ผมไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเลย อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้ากลัวพี่ใหญ่หาว่างี่เง่า


“มองอะไร”

“เปล่าสักหน่อย”


“ลงได้ละ เป็นเด็กไม่ควรให้ผู้ใหญ่รอนะ” พี่ใหญ่ว่าและเปิดประตูเดินลงไปรอผมก่อนแล้ว ผมไม่รอช้าตามลงไปด้วยก่อนที่เราสองคนจะพากันเดินเข้าไปในร้านอาการภัตตาคานหรู



ด้านในบรรยากาศดูอึมครึมไม่ปลอดโปร่งมากนัก แต่อากาศกลับปลอดโปร่งหอมกลิ่นดอกไม้อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกดี โทนของร้านตกแต่งด้วยสีแดง สีทอง และสีดำสลับกันไปดูสง่าและน่าชื่นชมในคนออกแบบที่ทำทุกอย่างได้ลงตัวและมีระดับชั้น คนในร้านไม่ค่อยเยอะมากนัก มีเพียง 2-3 โต๊ะส่วนมากเป็นนักธุรกิจที่มาคุยงานหรือพวกคนมีตังที่มาทานข้าวมื้อหรูกับเพื่อนคนสนิท
บริกรหนุ่มในเสื้อกั๊กสีกำผูกหูกระต่ายสีแดงตามสีของร้าน พาเราสองคนมานั่งที่โต๊ะเกือบด้านในสุดก่อนที่พี่ใหญ่จะให้ผมเข้าไปนั่งด้านใน ส่วนตัวเองนั่งข้างๆผมโดยเว้นที่ว่างตรงข้ามเอาไว้ให้คุณป้าของผมที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยความตื่นเต้น แต่ผมก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเพราะตอนนี้มีมืออบอุ่นกอบกุมมือของผมเอาไว้ใต้โต๊ะอยู่ตลอดเวลาเหมือนจะรู้ว่าในใจตอนนี้ของผมเป็นกังวนแค่ไหน


“ไม่ทราบว่าลูกค้าจะรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีครับ”


“เอาน้ำเปล่ามา 2 แก้วครับ พอดีเรารอคน” พี่ใหญ่ตอบก่อนที่บริกรหนุ่มจะโค้งให้หนึ่งทีและเดินออกไปอย่างสุภาพ ผมค่อนข้างเกร็งเมื่อมีคนมาทำแบบนี้ใส่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ว่าบีบมือสากของพี่ใหญ่กลับเบาๆ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก



   เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากที่บริกรคล้อยหลังไป เสียงส้นสูงก็กระทบดังกับพื้นสีดำขัดเป็นเงานั้นดังไปทั่วร้าน ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมาจากการที่มองมือของพี่ใหญ่กับมือผมที่ผสานกันเอาไว้ ก่อนที่บริกรสาวอีกคนที่แต่งตัวคล้ายๆกันกับผู้ชายเพียงต่างกันแค่บริกรสาวคนนี้ใส่กระโปรง ผมมองเธอที่ผายมือให้คนด้านหลังก่อนจะละสายตามองตามไป ผู้หญิงร่างสูงโปร่ง สวยสง่า ดูมีอายุ แต่ไม่ดูแก่ อยู่ในชุดเสื้อจั๊มสูทเกาะอกขายาวผ้าพลิ้วเมื่อออกแรงเดิน สีดำทั้งชุดรับกับรองเท้าส้นสูงสีแดง  ผมของผู้หญิงคนตรงหน้าของผม ออกสีออกน้ำตาลแดงจากการย้อมม้วนลอนเหมือนตุ๊กตา แว่นสีชาบดบังใบหน้านวลนั้นไปกว่าครึ่ง


   “ปัง ลูกยัยแก้วกับผดุงใช่ไหม” เสียงแหบเสน่ห์เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีแดงเลือดหมูนั้น ทำให้ผมอยากจะหลบไปอยู่ข้างหลังพี่ใหญ่ไม่อยากรับรู้ความจริง คนนี้หรือป้าของผม … ผมไม่อยากเจอแล้ว ผมคิดถึงแม่ เสียงของเขาเหมือนของแม่ …


   “พูดกับเขาสิ” พี่ใหญ่กระซิบเหมือนกำลังชักจูงเด็กตัวเล็กๆ


   “ผะ ผม …” ผมหันไปมองพี่ใหญ่ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือที่ผสานกันไว้แน่นเม้มปากกลั้นน้ำตาเอาไว้จนแน่นอก ก่อนจะลุกขึ้นมืออุ่นๆนั้นค่อยๆปล่อยมือผมออกอย่างอ้อยอิง ก่อนที่ผมจะพนมมือขึ้นเสมออกและยกมือไหว้สวัสดีคุณป้าของผมตรงหน้า พี่ใหญ่เองก็ทำแบบเดียวกันกับผม


   “สวัสดีครับ … ผมปัง ส่วนนี้พี่ใหญ่ … พี่ในคณะของผมครับ”


   “เหมือนแม่เธอไม่มีผิด” เธอพูดไปทีหัวเราะไปที ก่อนจะเยื้องกายนั่งลงและถอดแว่นออก ผมถึงกับต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้อีกรอบเพราะดวงตาของป้า ช่างเหมือนกับดวงตาที่ผมไม่มีวันลืมได้ แม้ตอนนั้นผมจะยังเด็กอยู่มากก็ตาม


   “แม่ของเธอก็แนะนำพ่อของเธอแบบนี้ตอนนี้เจอกันครั้งแรก หึหึ ฉันชื่อ การณ์ พี่สาวของแม่แก้วเธอ” ป้าการณ์ไม่ได้ถือสาอะไรผมกับพี่ใหญ่แม้กระทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าผม … เป็นแฟนกับพี่ใหญ่ เธอทำเหมือนเป็นเรื่องปกติและไม่คิดจะถือสาเอาความอะไร กลับเรียกบริกรมารับออเดอร์อาหาร


   “ว่ายังไง เธอสองคนเรียนอะไรกันอยู่ตอนนี้”


   “ศิลปกรรมศาสตร์ครับผม เจ้าปังอยู่ปี 2 ส่วนผมอยู่ ปี 4” พี่ใหญ่ตอบแทนผมก่อนจะยิ้มให้ท่านอย่างเป็นมิตร คุณป้ายิ้มรับตอบไม่พูดอะไร ก่อนจะหันมาทางผม ยกมือสองข้างขึ้นท้าวคางและจ้องมองอยู่อย่างงั้นจนในที่สุดท่านก็พูดขึ้นเบาๆ


   “แม่ของเธอ … ไร้เดียงสาเกินกว่าที่ฉันหรือพ่อของเราจะจำกัดขอบเขตได้ หลังจากที่แม่ของเธอเลือกหนทางความรักมากกว่าความสุขสบายส่วนตัว พ่อของเราทั้งคู่หรือตาของเธอโกรธเป็นอย่างมากจนยอมที่จะตัดขาดลูกสาวสุดที่รักไป ฉันได้แต่เฝ้าดูแม่เธออยู่ห่างๆ เห็นการเจริญเติบโตของเธอที่เข้มแข็งต่อสู้ชีวิตด้วยตนเองและคู่ชีวิตที่ยากแคล้น สุดท้ายก็มีเธอ … จนกระทั้งแม่ของเธอจากไป … เฮ้อ ตอนที่ได้รู้ข่าว มันเหมือนโศกนาฏกรรมของฉันและพ่อ … แต่ด้วยทิฐิมานะ พ่อของเราได้เก็บเอาความรู้สึกนั้นเอาไว้ไม่ยอมแม้กระทั้งไปดูศพหรือเก็บกระดูก … จากนั้นท่านก็พาฉันเดินทางไปออสเตรเลีย เพื่อลืมลูกสาวคนเล็กให้ได้ หวังที่จะเริ่มต้นชีวินบันปลายใหม่โดยมีลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ไม่เคยทำได้เลย นานนับกว่า 20 กว่าปี จนลมหายใจสุดท้าย ท่านถึงจะยอมให้อภัยแก่แม่ของเธอ … เพียงเสียงกระซิบก่อนสิ้นลม ...ฉันอยู่ตรงนั้นจับมือท่านเอา...จนวินาทีสุดท้าย ”


ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ย … ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม  เพียงแต่ว่าในใจมันหนัก จนไม่มีที่ระบายสุดท้ายก็ต้องร้องไห้ออกมาเพื่อชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้น … แม่ของผม เลือกเส้นทางความรักโดยไม่สนว่าผลสรุปสุดท้ายจะเป็นยังไง และจบด้วยโศกนาฏกรรมความรักโดยมีผมเป็นผลตรงนั้น … แต่แม่รักผม … แม่ปกป้องผม … แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว ตาของผมที่ไม่เคยเห็นหน้าด้วย ท่านเจ็บปวด … เจ็บปวดกับทุกสิ่ง … ผมเองก็เจ็บ ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว …


“ฉันกลับมาไม่ได้ต้องการอะไร … แค่ต้องการพบเธอ หลานชายของฉัน … และหวังเพียงว่าเราจะกลับไปออสเตรเลียพร้อมกันเพื่อไหว้หลุมศพของตาของเธอพร้อมกับฉันด้วย”


 ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่กระชับมือกับมือของพี่ใหญ่แน่น น้ำตาไหลออกมาเป็นทางไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่รู้จะรู้สึกยังไง ทุกอย่างมันรวดเร็ว … จนผมไม่อยากจะเชื่อว่านี้คือชีวิตจริงไม่ใช่ละครหลังข่าว … ผมยังเป็นไอ้ปังอยู่ใช่ไหม …


“ไปเพียงแค่วีคเดียว ให้ตาได้เห็นหลานสักครั้งแม้เพียงแค่หน้าหลุมศพก็ยังดี จากนั้นฉันจะไม่ขออะไรเธออีกเลย” ผมเงยหน้ามองพี่ใหญ่ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนส่งกลับมาให้ผมพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการเห็นด้วยกับสิ่งที่ป้าการณ์บอก … 


“ครับ ผมจะไป ฮึก ผมจะไป ผมจะเอา อัฐิของแม่กับพ่อของผมไปด้วยให้แม่ได้เจอกันตา ฮึก ผมขอโทษ ขอโทษนะครับคุณป้า ผม … ผม … ”


จากนั้นสิ่งที่ผมอยากจะพูดก็ถูกมือเรียวของป้าการณ์แตะริมฝีปากเอาไว้เบาๆ และลูบไปตามแก้มของผมอย่างอ่อนโยนไม่มีคำพูดอะไรมีเพียงรอยยิ้มและอาการส่ายศีรษะช้าๆ ของป้าการณ์ … ตาครับ … อภัยให้พวกเรานะครับ …






=======================

มีตัวละครเพิ่มมาอีก 2 ใครเดาถูกบ้างว่าจะมาร้ายมาดียังไง

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคร้าบบบบบ

คิดถึงหมูปังกับพี่ใหญ่ปะ อิอิ ขอโทษที่ช้านะคะ ติดภารกิจกู้ชีวิตนักศึกษาปี 4 คะ  :a5:

เจอกันตอนหน้าน่าาา ฝากเพจแปป

ห้องเก็บนิยาย pa_pa

 :bye2:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2015 18:49:05 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ป้าน่าจะมาดีแต่ยัยมิ้นนี่ไม่น่าจะดีนะลองได้เปรยว่าเพื่อนที่ฝรั่งเศสยังเปลี่ยนแฟนกันได้ละก็

ปล.พ่อของแม่เรีกว่าตาไม่ใช่หรอ ไมป้าเรียกปู่ล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เบะปาก นังมินต์นี่ยังไงกันนะ
เหมือนอยากได้พี่ใหญ่มากๆ
คุณป้าก็ท่าทางอยากจะเอาหลานไปแล้วจะไม่ให้กลับมาหรือเปล่า

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
มีชะนีเพิ่มมาแบบนี้น่าสงสัย
ไม่ค่อยสบายใจเลย
รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เตรียมถ้วยมารอใส่มาม่า

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
หมูปังจะไปออสเตรเลีย 1 อาทิตย์ ทางนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ถ้ามิ้นต์ไม่มีอะไรจริงๆ ตัวเล็กก็คงจะไม่เขม่นขนาดนั้นหรอกนะคะปังปัง หนูต้องเชื่อใจสัมผัสของตัวเล็กเข้าไว้นะค้า~ :sad4:

ออฟไลน์ nunuchhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
 :angry2: ยัยมินต์เป็นใครชักไม่ชอบแล้วว

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ยัยมินต์เนี่ยแอ๊บใสป่ะเนี่ย
กลัวใจจริงๆปังปังยิ่งซื่อๆอยู่

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เราว่ามิ้นต์เหมือนจะแปลก ๆ น่ะ เราว่าท่าทางจะร้ายแน่ ๆ เผลอ ๆ อาจจะไปแย่งแฟนชาวบ้านมารึเปล่าเลยมีปัญหากับทางนั้นเลยย้ายมาที่ไทย แต่อาจจะไม่ได้ร้ายจากนิสัยก้อได้ เพราะดูเหมือนจะทำไปโดยอยากทดสอบมากกว่ารึเปล่า อ้าวแล้วปังจะไปออสเตรเลียเป็นอาทิตย์งานนี้ต้องทดสอบพี่ใหญ่แหละ แต่เราว่าพี่ใหญ่ไม่หวั่นไหวหรอก เพราะขนาดแฟนเก่าสวยเริ่ดแล้วมีอดีตกันมายังไม่อยู่ในสายตาเลย พี่ใหญ่ออกจะหลงปังขนาดนั้น มีแต่ปังแหละชอบคิดมาก  :katai1: ดีใจกับปังน่ะได้เจออดีตตัวเองสักทีนึง ยังไงก้อขอให้รักกันมั่นคงน่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: º● Not Fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ไ
«ตอบ #1619 เมื่อ20-09-2015 14:24:21 »

มิ้นต์แปลกๆนะ ต้องมีอะไรแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด