Not Fat
{CH 37 การกลับมา}
“ไร้สาระ” ผมพูดพลางเหลือบมองไอ้ปังที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
สภาพตอนนี้สแล็คสีดำเชยๆตัวที่มันไม่เคยหยิบมาใส่เสียนาน กับเสือโปโลสีดำ ใส่หมวกอีกต่างหากนี้สรุปจะไปทำpart time หรือจะไปสมัครงานบริษัทเอาให้แน่ ตัวก็ตันๆแบบนั้นและ ยังไปทำงานเหนื่อยๆอีก ไอ้ปังหันมาถอนหายใจและยิ้มอ่อนๆใส่ผม แหนะ ทำมาเป็นยิ้ม เดี๋ยวพ่อก็จับกดไม่ต้องไปทำงานทำการกันพอดี
เราสองคนกลับมาจากเที่ยวได้สัปดาห์กว่าๆ ไอ้หมูปังก็ได้ที่ทำงานเป็นเด็กเสริฟในร้านบาร์ผสมหมูกะทะห่างจากซอยหอพักไปสองซอย ไอ้หัวค่ำไม่เท่าไหร่เพราะเด็กนักศึกษาไปกินฉลองกันเยอะ แต่ดึกๆนี้สิไอ้พวกนี้เหล้าเวรทั้งหลายเยอะจะตายห่า ยิ่งช่วงนี้มีแมทบอลสำคัญบ่อยๆ ยิ่งเสี่ยงต่ออันตราย ผมเองก็ไม่ว่างจะตามไปดูตลอด เพราะต้องเตรียมตัวฝึกงานในอีก สองวันข้างหน้า คราวนี้แหละยิ่งห่างกันไปกันใหญ่ ผมทำเช้าไอ้ปังทำกลางคืน จะเจอกันไหมละ แต่ยังไงผมก็ไปรับมันอยู่ดีตอนเลิกงาน และก็เสือกเลิกซะดึก ตี 3 งี้ เฮ้อ กว่าจะได้หลับได้นอนกันตื่นมาผมคงไปทำงานแล้ว
ผมได้ที่ฝึกงานเป็นบริษัทออกแบบภายในและบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้มากนัก เลยขับรถไปได้ยังโชคดีที่ไม่ต้องไปหาที่พักหรือหอใหม่ชั่วคราวระหว่างฝึก 3 เดือนอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นคงได้มีเฉียดหมูและเอาซากไปนอนกอดนั้นแหละเพราะมันต้องดื้อๆๆๆๆ ไม่ยอมฟังผมเหมือนเคยแน่ๆ ไม่รู้หรือไงว่าเป็นห่วง ถึงจะไม่น่ารักเหมือนใคร แต่ไอ้ปังก็น่ารักในแบบของมัน แถมพอยิ่งทำงานเวลากินไม่ค่อยมี คราวนี้แหละ ลดไปอีก … อุตส่าห์ขุนให้เพิ่มมาตั้งเยอะแล้วเชียวตอนไปเที่ยว น่ารำคาญชะมัด
“ไม่อยากให้ทำงานที่นี้ ร้านกาแฟที่รู้จักก็มีทำไมไม่ไปทำ” ช่วยทำอะไรที่ดูโลกสวยเหมือนคนอื่นเขาได้ไหม =_=’
“ร้านพี่บุ๊กคนเต็มแล้วครับ เขาไม่รับพนักงาน ที่ฟิตเนสก็ยังไม่เปิดรับสมัคร อีกอย่างผมอ้วนขนาดนี้จะไปเทรนใครเขาได้ งานก็หายากเพราะช่วงนี้มหาลัยปิดเทอม ไม่ค่อยมีคนเขาร้านอาหาร ห้างก็อยู่ไกล ที่นี้เหมาะสุดแล้วครับ ไม่มีอะไรต้องห่วงนะ ผมดูแลตัวเองได้”
ทำมาเป็นพูดดี! ยังไม่เข็ดกับไอ้โรคจิตสินะ ตอนไปเที่ยวก็ทีนึงละ มัวแต่ใจดีเห็นใจคนอื่น รู้ทั้งรู้ว่าไอ้ห่าโรคจิตที่เที่ยงติดกล้องห้องคิดอื่นไปทั่วมันยังไม่สำนึกผมจะแววตาสุดท้ายที่มองไอ้ปังได้ น่าหมั้นไส้จนหยุดกระติกตีนไม่ได้เลยต้องกลับไปสนองมัน
พอกลับมาได้วันเดียว ผมก็กลับไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อย โดยบอกไอ้ปังว่าไปเที่ยวกับพวกไอ้โย่ง ที่ไหนได้ไอ้โย่งมันนอนตีพุงอยู่บ้านมันโน้น บุกเดี่ยวไปกระทืบก่อนส่งเข้าซังเตหน้าเขียวหน้าปูด ไม่สนหน้าใครทั้งสิ้น เรียกค่าเสียหายมาอีก 5 หมื่น ถ้าไม่ยอมให้ก็เจอกันในศาลเพราะผมเก็บหลักฐานไว้หมดสิ้นและมันเองก็จะเสียมากกว่านี้ ที่พักก็จะเสียชื่อเครดิตอีกมากมาย ผมเลยพลอยสบายได้ค่าเที่ยวที่หมดไปกลับมาเป็นเงินเก็บ คงจะเข็ดกันไปบ้างแล้วละ
ผมไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับไอ้ปังหรอก เดี๋ยวมันมาแง๊วๆ อย่างโน้นอย่างงี้อีก รู้แค่ว่าผมไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบไอ้ปังได้หรอก เพราะรู้ไงว่าไอ้หมูมันนิสัยยังไง ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง แต่มันก็ดีที่เรานิสัยไม่เหมือนกัน มันทำให้ทุกอย่างลงตัว หึ ยังไงผมก็ไม่ชอบให้มันทำงานเลยให้ตายสิ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาผมจะทำยังไงละ คิดบ้างไหมละ!!!!
“ไม่อนุญาตให้ทำ”
“พี่ใหญ่ … ไม่เอาน่ะครับ แค่ไปทำงานเองอย่าคิดมากสิ” ไอ้ปังเอื้อมมาจับมือผม … ชิ ขยันเอาอกเอาใจซะจริงนะเดี๋ยวนี้
“มันคุ้มไหม ทำงานหนักแต่ได้เงินนิดเดียว ถ้าอยากทำงานจะฝากเข้าบริษัทแม่ให้”
“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ เอาล่ะ ผมไปทำงานแล้วนะ พี่ใหญ่ง่วงก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ” ผมถอนหายใจก่อนจะลุกไปใส่กางเกงยีนต์ที่วางเน่าอยู่บนราวหน้าห้องน้ำอย่ารวดเร็ว ก่อนจะเดินไปคว้ามือของไอ้หมูเดินออกมาจากหอ โยนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ตัวเองสวมหมวกกันน็อกให้และขับไปส่งที่ร้าน ห้ามไม่ได้ก็ต้องปล่อยไปก่อน
“เลิกกี่โมงก็โทรมา โทรนะห้ามไลน์ ” ผมย้ำในขณะที่ไอ้ปังก้าวลงจากรถไปยืนถอดหมวกกันน็อกอยู่ข้างๆ เดี๋ยวจะมีข้ออ้างกลับเองมาไลน์มาแล้วไม่เห็นเองอีก
ไอ้ปังไม่ต่อล้อต่อเถียงโบกมือบ๊ายบายผมและเดินเข้าไปในร้าน ผมมองจนสุดสายตา ก่อนจะเหลือบมองโครงสร้างของร้านว่าตรงไหนบ้างพอที่จะเป็นจุดเสี่ยงให้ไอ้หมูไม่ได้เรื่องติดกับ ร้านนี้ผมเคยมาหลายครั้งแล้วกับพวกไอ้ซิ่ง ไอ้โย่ง ไอ้แน็ค เป็นร้านที่มีทั้งอินดอร์ที่เป็นโซนผับและเอาท์ดอร์ ลานกว้างมีจอผืนผ้าใหญ่ไว้ดูบอล บ่ายๆแก่ๆแบบนี้เด็กเสริฟที่มีเหมือนมดในร้านก็เริ่มออกมาทำงาน ดูหน้าแต่ละคนก็เถื่อนซะเหมือนโจรใต้ … เฮ้อ จะรอดไหมว่ะ …
-ปัง- พี่ใหญ่ก็กับวนเกินไป ผมมาทำงานที่นี้ก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นสักหน่อย แค่มาถึงปุ๊บพี่เขาก็ให้ช่วยยกลังเบียร์จากรถที่มาส่งไปไว้หลังร้าน พอเสร็จก็ให้เข้าไปเช็คสต๊อกและออกมาเสริฟลูกค้า ผมเกือบทำเหยือกเหล้าปั่นที่สูงๆตกแตก แต่โชคดีที่ไม่แตก มีพี่ชายที่ใจดีแต่หน้าแอบโหดมาช่วยผมไว้ซะก่อน โดนดุนิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไร
ผมไม่สนใจ รีบไปทำงานต่อ รอบที่สองในขณะที่ผมกำลังเอาถ่านเตาไฟยกไปจุดที่โต๊ะลูกค้าเพราะลูกค้าสั่งหมูกระทะด้วยเป็นจังหวะที่บอลเข้าประตูพอดี ผมก็ตกใจเกือบทำเตาถ่านตก ยังคงโชคดีอีกที่ผมประคับประคองเอาไว้ได้ คราวนี้ไม่โดนดุเพราะไม่มีใครสนใจ พอถึงกลางดึกที่หัวหน้าก็ไล่ผมให้ไปทำงานในโซนอินดอร์ พอเข้าไปได้ ผมก็แทบอยากจะเอาสำลีมาอุดหู ก็เสียงของในมันดังมาก แถมอึดอัดมากเพราะคนเต้นกันเหมือนกุ้ง ผมพยายามหาทางไปหลังร้านให้ได้ กว่าจะมาได้ก็เกือบตาย และรู้ที่หลังว่ามีทางเข้าด้านหลังไม่ต้องไปเข้าด้านหน้าอย่างที่ผมทำอีก เฮ้อ ผมนี้มันโง่จริงๆ
“เฮ้ยมึง มึงนั้นแหละยืนเอ๋ออยู่ได้” ผมที่ยืนทำใจอยู่ รีบวิ่งเข้าไปหาพี่ชายอีกคนที่ใส่ชุดบาร์เทนเดอร์ แต่มาทำอะไรหลังร้านก็ไม่รู้
“เรียกผมเหรอครับ”
“เออสิ เด็กใหม่หรือไง ทำไมแต่งตัวแบบนี้” ผมงง =_=’ ก็ตอนที่มาสมัครบอกแต่งตัวให้เรียบร้อยไง ผมก็เรียบร้อยแล้วนี้ ผมผิดตรงไหน แง่ม!
“ขอโทษครับ …”
“เชยสะบัด เอาไปจะได้เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา ไซส์ใหญ่สุดละหวังว่าจะใส่ได้ ใส่ไม่ได้ก็ต้องเสียตังค์ซื้อชุดใหม่เองละนะ” พี่คนนั้นโยนถุงมาผ้าที่ใส่ชุดมาให้ผม ก่อนจะเดินออกไป … อะไรละเนี้ย
รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในหนังยังไงก็ไม่รู้ ผมยืนมองดูตัวเองในกระจกมีแบล็คกราวน์เป็นคนเขานั่งอ้วกอยู่ สภาพของผมตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำ กางกางแสลกเข้ารู้ รองเท้าผ้าใสของผมคงเดิม โชคดีที่ผมใส่มันได้พอดีเป๊ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ อ่ะ ถ้าเอาแว่นมาใส่ด้วยละจะเป็นยังไง คิดได้แบบนั้นก็หันมาล้วงเอาแว่นในกระเป๋าสะพายที่เอาไว้ใส่อ่านหนังสือมาใส่ … อุ๊บ ลุคคุณชายสุดๆ คิกๆ
“เสร็จหรือยัง จะเป็นเด็กสับหลังคนเมาอยู่ในห้องน้ำใช่ไหม” ผมสะดุ้งรีบหันไปขอโทษพี่บาร์เทนเดอร์คนเดิมที่ยืนกอดอกทำหน้าโหดอยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนจะเดินเขาลงมาเกือบๆ เฮ้อ ดุชะมัดเลย แต่ผมเจอพี่ใหญ่มาแล้วคงไม่มีใครดุเท่าพี่ใหญ่แล้วละ
“กูชื่อสอง เป็นหัวหน้าคุมส่วนนี้ มึงชื่ออะไรไอ้เด็กใหม่”
“ชื่อปังครับ”
“ขนมปังเหรอ”
“ปังเฉยๆครับ”
“ขนมปังสินะ” คนๆนี้ … ซึนมาก =_=’
ผมไม่ต่อล้อต่อเถียงกับพี่สองต่อ เขาพาผมไปไปอธิบายงานว่าผมต้องทำอะไรบ้าง สรุปผมก็ต้องทำหน้าร้านจนหลังร้านนั้นแหละ ตั้งแต่เสริฟเหล้าเสริฟเบียร์ เป็นบาร์เทนเดอร์คู่กับพี่สอง และก็ต้องดูแลลูกค้าด้วย ตอนจบไม่วายทิ้งท้ายให้ผมไปทิ้งขยะเก็บร้านส่วนในอีก … พี่ครับด้านนอกคนช่วยเยอะมาก ทำไมข้างในมีแค่ไม่กี่คนละครับ ผมละสงสัยจัง
ผมอยู่ร้านทำโน้นทำนี้ ที่สำคัญผมสนุกมากที่พี่สองสอนผมชงเหล้า ถึงจะชงไปโดนดุไปก็เถอะ แต่ภูมิต้านทานผมดี ผมไม่หงอหรอกเพราะมีคนที่ดุได้น่ากลัวกว่าพี่สองเยอะ อิอิ จะว่าไปตอนนี้พี่ใหญ่ทำอะไรอยู่นะ เล่นเกม กินเหล้า ทำงาน หรือเป็นห่วงผมอยู่ ก่อนมายิ่งคิดมากอยู่ด้วย
“เหม่ออยู่นั้นแหละ เอาเหล้าไปเสริฟตะ 12 ได้แล้ว” ผมนี้รีบเลย … ก่อนจะโดนพี่สองกินหัว แง่ม
ตุบ ! ถุงขยะสุดท้ายถูกวางลงที่ลาดขยะ ก่อนที่ผมจะแทบคลานไปนั่งที่ม้าหินข้างๆ เฮ้อ เสร็จสักที วันแรกของผมพรุ่งนี้ก็คงต้องมาทำแบบนี้อีก จะว่าไป ก็สนุกดีนะ ได้เจอคนหลายๆแบบ แถมยังได้ออกกำลังไปในตัวด้วย ผมยกมือถือขึ้นมาดูเวลา ตี 2 จะ ตี 3 แล้ว ป่านนี้พี่ใหญ่คงนอนแล้วแน่ๆ แต่เอาเถอะลองโทรไปก่อน ขื่นไม่โทรไปต้องโดนด่าแน่ๆ
“เอาหน่อยไหม” ผมตกใจหันไปมองพี่สองที่มายืนสูบบุหรี่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขายื่นบุหรี่ยี่ห้อที่พี่ใหญ่เคยสูบมาทางผม
“ไม่ครับขอบคุณ”
“อะไรวะ ไม่ดูดหรอ เชยตลอด เอาเถอะ แล้วกลับยังไงไอ้ขนมปัง” ผมชื่อ ปัง เฉยๆ =_=’
“คงมีคนมารับครับ”
“แฟนเหรอวะ”
“เอ่อ …”
“ฮ่าๆๆๆๆ จริงๆด้วย แหม ร้ายวะร้าย แล้วจะนั่งดมขยะอีกนานไหม” ผมหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเดินตามพี่สองไปในร้าน ช่วยพี่ๆเขาเก็บร้านอีกสักพัก ก็เข้าไปเก็บข้าวเก็บของเดินออกมาหน้าร้าน และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพี่ใหญ่ยืนมองผมอยู่ข้างๆมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่มาส่งผม … นี้มารอผมงั้นเหรอ คิก น่ารักจริงๆเสือร้ายของปัง
“ชักช้า”
“ขอโทษครับ”
“ครับได้แล้วใช่ไหม” ผมพยักหน้าก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อพี่ใหญ่เอาหมวกมาใส่ให้เหมือนเคย และผมก็กระโดดเกาะรถพี่ใหญ่ จนไปถึงหอ พี่ใหญ่ที่จะไม่ลืมแวะซื้อของกินเพื่อนทนแทนพลังงานที่ผมเสียไป กว่าจะได้นอนก็ตี 4 กว่านั้นแหละ เฮ้อ … นี้สินะ รสชาติของการทำงานหนัก ที่พ่อผดุงทำมาตลอด
.
.
.
“เป็นอะไรวะ”
“เปล่าครับ” ผมหันไปตอบพี่สอง หึ ไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ
ผ่านมาแปปเดียว ผมก็ทำงานมีเดือนนึงแล้ว พี่ใหญ่เองก็ไปฝึกงานแล้ว ทุกอย่างมันเหมือนจะดี แต่มันก็กลับไม่ดี ซะอย่างงั้น พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ ไม่กลับหอมาสามวันแล้ว โทรไปก็ปิดเครื่องบ้างพอรับสายก็ถามคำตอบคำผมเข้าใจนะว่าพี่ใหญ่ต้องทำงาน และต้องทำให้ที่ทำงานยอมรับในหลายๆเรื่องเพื่อผลประโยชน์ข้างหน้า แต่ … ผมคิดถึง …
“เฮ้ย! วิญญาณออกจากร่างไปหรือยังวะเนี้ย” ผมสะดุ้งอีกรอบเพราะเสียงพี่แหม่มพนักงานหญิงอาวุโส แก้วที่ถืออยู่เกือบตกแตก เฮ้อ สติๆๆๆ ทำงานก่อนค่อยคิดเรื่องอื่น
จนแล้วจนรอดผมก็ต้องกลับห้องเอง ผมถอนหายใจถือน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลเดินขึ้นหอในช่วงตีสามกว่าๆ เหนื่อยเหมือนกันแหะวันนี้แต่รู้สึกว่าจะเหนื่อยกับความคิดของตัวเองนี้แหละเป็นหลัก มันไม่เหมือนกับทุกที ที่พี่หญ่หายไปไม่นานก็มา แต่รอบนี้ … หายไปจริงๆ คิดถึงจังเลย
ผมไขประตูเข้ามาในห้องอย่างเหม่อลอย เปิดไฟและทำภารกิจเหมือนทุกๆวันล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เอาแก้วมาใส่น้ำเต้าหู้ …
“โทรไปทำไมไม่รับ”
เคร้ง!!!! “ปั๊ดโธ่ ชีวิตนี้ทำอะไรให้มันดีได้บ้างวะ!” พะ พี่ใหญ่ … มาไงเนี้ย ผมมองพี่ใหญ่ที่พุ่งเข้ามาลากผมเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ จะว่าไป … ร้อนจังเลย !!!!
พอล้างตัวเสร็จผมก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของพี่ใหญ่มองเขาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากที่เก็บกวาดซากที่ผมทำเสร็จ เขาถอนหายใจเมื่อเห็นหน้าผม และเดินไปลากเก้าอี้ใกล้ๆมานั่งฝั่งตรงข้ามผม งื้อ ผมไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อยู่ในห้องนี้หน่า คนเหม่ออยู่ เลยลืมคิดไปว่า ทำไมไขประตูแค่ลูกบิดแต่ไม่มีแม่กุญแจ ใครจะรู้ว่าพี่ใหญ่นอนอยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้ว อย่าดุผมเลยผมโง่เอง T^T
“เงยหน้าขึ้น” ผมทำตาม เชิดหน้าขึ้นสูง หลับตาปี๋ จะทำอะไรผมอ่ะ ลงโทษอะไรก็ได้แต่อย่าดึงเหนียงดึงแก้มนะผมเจ็บ
“ก้มหน้าลง!” ผมก้มสุดคอ … แง๊ม จะเขกหัวผมเหรอ … เบาๆนะ มือพี่ใหญ่หนักยิ่งกว่าค้อนอีก
“มีความพอดีบ้างไหม” พี่ใหญ่พูดอย่างอ่อนใจ ก่อนจะจับที่หูผมให้เงยหน้าขึ้นมาเสมอหน้าพี่ใหญ่ … หล่อจังเลย
“ถามว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์บอกแล้วใช่ไหมว่าเลิกงานให้โทรหา”
“กะ ก็ … คิดว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่ เลยไม่ได้สนใจโทรศัพท์เลย … อยู่ในกระเป๋าเป้” ผมบอกเสียงอ่อย พี่ใหญ่ถอนหายใจเฮือกอีกรอบและเดินไปที่กระเป่าที่ผมโยนไว้บนเตียงหยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู้สองสามทีและเดินเอามาจ่อตรงหน้าผม โอ๊ะ … 30 สาย ไม่ได้รับ ตอนตี 1 กว่าๆ
“พอโทรไปไม่รับก็เลยคิดว่าจะนอนต่อสักพักและออกไปรับ ที่ไหนได้ดันหลับซะนี้ เอาเป็นว่ารอบนี้ผิดทั้งคู่แล้วนี้เป็นอะไร”
ผมส่ายหัวไปมา ก่อนที่มือใหญ่ๆจะยีหัวผมเล่นและไล่ผมไปอาบน้ำอาบท่าใหม่ ดีจังเลยที่พี่ใหญ่ยังเหมือนเดิม ดีจังเลยที่หลับมา แต่พรุ่งนี้พอผมลืมตาขึ้นมา พี่ใหญ่คงไปทำงานแล้ว จากนั้นก็คงได้เจอกันแค่ตอนเช้ามืดแบบนี้ … ใช่ไหม … เอ๊าน๊า ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่ออนาคตของเราสองคนด้วย … อย่างน้อยพี่ใหญ่ก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ล่ะนะ เฮ้อ … อ้วนจังเลย ผมเนี้ย
“พรุ่งนี้ลางานซะนะ จะพาไปที่ทำงาน” พอออกมาได้พี่ใหญ่ที่ทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ก็พูดเสียงงัวเงียขึ้น ผมขมวดคิ้วยืนเช็ดผมอยู่ปลายเตียง
“เอ๋ … ลาไม่ได้หรอกครับ ไม่มีคนเลย แล้วอีกอย่าง ที่ทำงานของพี่ใหญ่น่ะ …พี่ใหญ่ … เฮ้อ” หลับไปซะแล้ว คงเหนื่อยมากเลยสินะ ช่างเถอะ
หวังว่าป่านนี้พี่สองยังไม่นอนนะ ผมลังเลอยู่สักพัก ก็กดโทรออกเบอร์พี่สอง เสียงงัวเงียรับสายหลังต่อสายได้ไม่นาน พอคุยกันสักพัก พี่สองก็ยอมให้ผมลา จากนั้นผมก็มานั่งทาครีมซักพักก็พุ่งลงเตียง กระเถิบไปนอนข้างๆใหญ่เอาหน้าซุกกับแขนแกร่งของเขาที่กรนนิดๆอยู่ ก่อนจะหลับไปในเวลาไม่นาน … ผมยังไม่มีชุดเลย ตัวเล็กก็ไม่อยู่ด้วยสิ คิดถึงน้องวัวจังเลย อยากกลับไปเล่นด้วย …ไม่รู้ป่านนี้น้องวัวกับเนียร์และก็บ๊อบจะสนิทกันได้ไหม … อยากพักจังเลย …
.
.
.
“ไอ้ปังตื่นได้แล้ว” ผมสะดุ้งขึ้นมานั่งกี่โมงแล้วเนี่ย
พี่ใหญ่ละ พี่ใหญ่ไปทำงานหรือยัง เอ๋ เดี๋ยวสิ พี่ใหญ่บอกจะพาผมไปทำงานด้วยนี้หน่า พอเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกา เท่านั้นแหละ ผมแทบช็อก บ่ายโมงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ตะ ตายๆๆๆๆๆๆ สาย พี่ใหญ่สายแล้ว
“ขอโทษครับขอโทษสายแล้วๆๆๆ” ผมรีบลุกจากเตียงขอโทษพี่ใหญ่ที่นั่งมองผมและหัวเราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนดูตลกอยู่ในชุดสูทสีน้ำตาลออกงาน หล่อเชียว … เอ๋ … เดี๋ยวนะ ทำไมพี่ใหญ่แต่งชุดแบบนี้ละ
“เอ๋อตลอด วันนี้มีงานฉลองบริษัทครบ 10 ปีที่โรงแรม XXX เขาหยุดกัน ฉันก็เลยตื่นสายได้ ตอนนี้ไปอาบน้ำซะจะพาไปซื้อชุด” โธ่ แล้วก็ไม่บอก ทำให้ผมกลายเป็นหมูตื่นไฟไปได้ ที่ใหญ่นิสัยไม่ดีเหมือนเดิม ฮึ้ย …
เอาเถอะขอเช็คเงืนในแบงค์ก่อนว่ามีพอซื้อชุดใหม่ไหม ของพี่ใหญ่ดูหรูและแพงมากเลย ส่วนของผมจากทรงคงต้องเช่าเอานั้นแหละ เฮ้อ … ทำไมผมไม่หุ่นดีนะจะได้ขอยืมพี่ใหญ่ได้ ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง
จนแล้วจนรอดผมก็ต้องมาซื้อสูทใหม่ที่ห้างดัง โดยมีพี่ใหญ่กำกับดูแลทุกอย่าง โดยเสื้อสูทที่ผมใส่เป็นสูทสีดำด้านในเป็นเสื้อเชิ๊ตสีน้ำตาลแดง กับกางเกงยีนต์พอดีตัวสีดำยาวเหนือตาตุ่มขึ้นมาเล็กน้อยรองเท้าผ้าใบสีดำตัดขาวอีกหนึ่งคู่พี่ใหญ่บอกเหมือนขาดอะไรก็เลยหยิบหมวกแบบนิวส์บอยสีน้ำตาลอ่อนใส่โครมลงมาที่หัวผมอีกหนึ่งดอก พอเลือกชุดเสร็จเบ็ตเสร็จหมดไปเยอะ =-=’ ยืมก่อนแล้วกันเงินผมไม่พอเดี๋ยวค่อยๆใช้คืน
เสร็จก็พาผมมาขุนอีกตามเคย บุปเฟ่อีกตามเคย คราวนี้เป็นบุฟเฟ่ซูชิ … เด็ดเวอร์ งานเริ่ม 5 โมงครึ่งแต่พอกินเสร็จก็เหลือเวลาอีกเยอะ เลยลากผมไปซื้อของเข้าห้องอีกด้วย ช็อกโกแลตเยอะมาก ตัวเล็กมาเห็นต้องไม่พอใจและกระโดดกัดคอพี่ใหญ่แน่ๆ
“พี่ใหญ่เอาไว้บนรถเดี๋ยวละลายนะครับ” ผมบอกเผื่อจะเป็นข้ออ้างได้บ้าง
“เย็นแล้วไม่ร้อนหรอก อีกอย่างบนรถมีลังใส่น้ำแข็งอยู่หลังรถ เดี๋ยวซื้อน้ำแข็งไปใส่และเอาแช่ก็ได้ถ้าห่วงนัก”
“ทำไมมีของแบบนั้นในรถได้ละครับ” ผมถามอย่างงงๆ ลังใส่น้ำแข็งใครเขามีกันอยู่ท้ายรถบ้าง คิดว่าถ้าเผลอจะเอาขนมออกซะบ้าง คิดว่าจะมาซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มหรืออะไรที่จำเป็นนี้มุ่งจะขุนผมอย่างเดียวเลยนี้หน่า …
“เอาไว้เวลาไปไหน จะได้กินเหล้าสะดวกๆ” ผมไม่ถามอะไรต่อ ชิ คนขี้เหล้า ย่นหน้าล้อเลียนอยู่ข้างหลัง จนพี่ใหญ่หันมามองผมหลบผลุบ ถ้าหากเห็นก็โดนบีบแก้มแตกนะสิ
.
.
.
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด น้องใหญ่ น้องใหญ่ของเจ้มาแล้ว” ผมตาค้างมองตู๊มๆ เอ้ย พี่สาวใส่ชุดรัดติ้วที่วิ่งถือค็อกเทลสีสวยมาแต่ไกลกอดแขนพี่ใหญ่ที่ยืนนิ่งเป็นเสาอยู่ข้างๆผม
โรงแรมที่พี่ใหญ่พาผมมาค่อนข้างใหญ่ บริษัทของพี่เค้าเหมาจองห้องโถงใหญ่อลังการจัดงานในธีมออกแบบชุดเอง แต่ละคนนี้ครีเอทีฟมากๆ ผมแอบเห็นมีคนใส่ชุดที่ทำจากกระดาษเอกสารไม่ใช่แล้วกับชุดที่มีแต่ซิปเต็มไปหมด แต่ละคนเปรี้ยวปี๊ดสุดๆ ยิ่งผู้หญิงยิ่งเข็ดฟัน ส่วนผู้ชายส่วนมากก็ใส่ชุดสูทมาเหมือนผมกับพี่ใหญ่นี้แหละ ภายในถูกตกแต่งด้วยสายรุ้งและแสงสีที่ดูสนุกสนานถึงจะไม่ดิ้นกันเป็นกุ้งเต้นเหมือนในผับที่ผมทำงานแต่ก็ดูมันในระดับนึงเลยแหละ แถมยังแอบเห็นโต๊ะบุฟเฟด้วย ดูมีแต่อาหารดีๆอีกต่างหาก
“ปังนี้สา หัวหน้าฉัน ส่วนนี้ปัง ฟะ …”
“เพื่อนครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผมยิ้มให้พี่สาในขณะที่พี่ใหญ่กำลังจ้องมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนี้ย ช่วยไม่ได้ ผมไม่อยากให้พี่ใหญ่ดูไม่สมควรในที่ทำงานแบบนี้
“โอ้ ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะหนุ่มน้อย น่ารักนะเนี้ย ขอหยิกแก้มหนึ่งทีได้ไหม” ผมหัวเราะแห้งๆ ที่พี่สาพยายามเป็นมิตรด้วย
พี่ใหญ่พาผมเดินเข้ามาในงานก่อนจะพูดจาขู่เข็ญสารพัดว่ากลับไปผมอาจจะโดนเขกหัวโทษฐานไม่ให้แนะนำว่าผมอยู่ในฐานะอะไร จะเขกหัวผมก็ได้ แต่ยืนยันคำเดิมว่าอยากหยิกแก้มผมก็พอ ผมหนักเกินคนอะไร พี่ใหญ่ชอบไม่มีลิมิตในการหยอกล้อผม =_=’
พี่ใหญ่พาผมมาปล่อยเกาะในงานก่อนที่ตัวเองจะเดินไปเข้าสังคมกับพี่ที่ทำงาน ผมเลยเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่เอาไว้รับแขกด้านหน้างาน เวลานี้เหมือนพี่ใหญ่อยู่คนละโลกกับผมเลย เขาดูเท่ มีสังคม แต่ดูผมสิ ทั้งๆที่อยู่ในที่คนเยอะ แต่เหมือนก็ยังเป็นผมคนเดิม ที่ไม่มีใครอยากที่จะเข้าใกล้เป็นเพื่อนด้วย ไม่รู้ว่าผมยังดูหดหู่อยู่ไหม และผมก็ไม่ได้เหงาหรอก … ไม่เหงาจริงๆนะ
ไลน์! เสียงไลน์ในกระเป๋าดังขึ้น ผมรีบหยิบมันขึ้นมาเปิดเช็ค และก็ต้องเหยียดยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นตัวเล็กที่ทักผมมา ตัวเล็กส่งรูปลานน้ำพุกว้าง มีตัวของตัวเล็กยืนขี่คอเสาร์อยู่ตรงกลาง … ตัวเล็กกับเสาร์ไปไหนเนี้ย!!!!
ตัวเล็กนะจ๊ะ : สวัสดีสิงคโปววววววววววววววววววววววววววววววววววว
BREAD : ไง๊ไปโผล่โน้นอ่ะ (สติกเกอร์หมีสงสัย)
ตัวเล็กนะจ๊ะ : เล็กเบื่อเลยลากเสาร์มาด้วยกัน อีกสองสัปดาห์เจอกันนะปังปัง ฮิฮิ (สติกเกอร์แมวหัวเราะ)
ผมกลั้นยิ้มอีกเมื่อเล็กส่งรูปหน้าเสาร์ที่มู่ทู่เหมือนโกรธอะไรตัวเล็กอยู่ที่สำคัญเสาร์ใส่โค้ดตัวใหญ่มาก ดูหนาวยิ่งกว่าตัวเล็กนะ ฮ่าๆๆๆ คุยกับเล็กอยู่พักใหญ่ตัวเล็กก็ขอตัวไปกินข้าวก่อนและสัญญาว่าจะส่งรูปมาอวดเรื่อยๆ หึหึ ตัวเล็กก็ยังคงเป็นตัวเล็ก ห่วงผมและคิดถึงกันอยู่ตลอด เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เห็นว่าพ่อผมกับพวกพี่ป้าน้าอาที่บ้านช่วยกันดูแลเจ้าสามตัวป่วนกันสนุกสนาน ว่าวันหยุดนี้ผมจะกลับไปเล่นกับพวกสามทหารเสือซะหน่อยคิดถึงสุดๆเลย
“น้องปังใช่ไหมคะ” ผมเงยหน้ามองพี่สาวคนที่เดินเข้ามาทักผม เธออยู่ใส่ชุดน่ารักเรียบร้อย แถมหน้าตาเหมือนตุ๊กตาด้วย ผมลอนเกรียวยิ่งทำให้เหมือนเข้าไปใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างงงๆ เขารู้จักผมได้ยังไงอ่ะ
“ว่าแล้วเชียว แต่ดูต่างจากรูปในโน้ตบุ๊กของใหญ่มากเลยนะ พี่ชื่อแพตยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ขอนั่งด้วยได้ไหม”
“ได้ครับ เชิญเลยครับ” ผมลุกขึ้นและพ่ายมือให้พี่แพตนั่ง ความจริงก็ยังไม่เข้าใจว่าพี่แพตไปเห็นรูปผมในโน๊ตบุ๊กพี่ใหญ่ได้ยังไง แต่ดูเหมือนจะเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไรละนะ
“พี่กับใหญ่ สนิทกันมากเลยนะคะ เวลาอยู่ที่ทำงาน น้องปังเองก็สนิทกับใหญ่มากเลยใช่ไหมละ” ผมหัวเราะและพยักหน้าแบบเขินๆ คิดถึงที่พี่ใหญ่คอยดุ คอยเอาใจ ก็เขินกันไปใหญ่
“ที่ทำงาน ใหญ่ฮอตมากเลยนะ มีผู้หญิงเข้าหาตลอด ก็อย่างว่าแหละนะหล่ออกขนาดนี้ น้องปังรู้ไหมว่าใหญ่มีแฟนหรือยัง” แหม เข้าประเด็นจนได้
ให้เดาพี่แพตก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบพี่ใหญ่ใช่ไหมเนี้ย … เฮ้อ เอายังไงดีนะ จะบอกว่ามีดีแล้วไหม ถ้าบอกไป คนที่เคยช่วยอุปถัมภ์จะยังคอยให้ความช่วยเหลือพี่ใหญ่อยู่ไหม เหมือนบริษัทนี้มีผู้หญิงในสัดส่วนมากกว่าผู้ชายด้วย อีกอย่างผมก็ไว้ใจพี่ใหญ่ด้วยว่าจะไม่เจ้าชู้และเล่นกับพวกเธอ … แต่ผมจะใจร้ายไหมที่โกหกไปว่าไม่มี …
“ว่ายังไงจ๊ะ มีไหม ?”
“มะ มะ ไม่มีครับ”
“จริงหรือจ๊ะ ขอบใจน้องปังมากนะคะ พี่เข้างานก่อนนะ แล้วเจอกันจ๊ะ” แล้วพี่แพตก็จากผมไป …
แค่นี้ที่เขาต้องการ ฮ่าๆๆๆๆ จนได้สินะ พี่ใหญ่นี้ฮอตได้ทุกสถานการณ์จริงๆ แต่ก็เอาเถอะ .. ผมเชื่อใจพี่ใหญ่ เพราะไม่มีใครแล้วที่เอ็นดูผมได้เท่าเขา … เฮ้อ ร่าเริง ร่าเริงเข้าไว้สิปังปัง ไม่มีอะไรหรอกน๊า เชื่อใจพี่ใหญ่ได้อยู่แล้ว … ไม่มีอะไรหรอก …
.
.
.
-สนามบินสุวรรณภูมิ- กลางดึกของกรุงเทพมหานคร ชายร่างสูงยืนรอสัมภาระในจุดรับ ใบหน้านั้นขาวใสและดูอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา หูฟังสีขาวที่เสียบอยู่ทำให้เท้าของเขาอยู่ไม่นิ่ง คอยให้จังหวะชีวิตอยู่ตลอดเวลา ในจังหวะที่เขาหลับตาฟังเพลงอยู่นั้นเองก็รู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง จึงหันหลังไปมองและก็ต้องเหยียดยิ้มโชว์ฟันขาวกว้างเหมือนเด็กๆ เมื่อเห็นผู้หญิงร่างโปร่งในชุดเสื้อคอปเข้ารูปกับกางเกงผ้าเอวสูงดูสง่า ใบหน้าที่แต่งเติมด้วยสีอันจัดจ้าน ทำให้บดบังความสวยที่อยู่เบื้องหลังเรื่องสำอางอันหนาเต๊อะ
“อ้าว สวัสดี ไม่คิดเลยนะว่าคนที่มารับฉันคนแรกคือเธอ สุชาดา ฮ่าๆๆๆๆ”
“ชิ ก็ไม่อยากมารับคนกะล่อนอย่างนายนักหรอก นายกาจพล” น้ำเสียงอันหยิ่งผยอง บอกถึงตัวตน ทำให้กาจพลหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเหลือบเห็นว่าสัมภาระของตัวเองกำลังออกมาพอดิบพอดี จึงเอื้อมไปหยิบและพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อใส่เพื่อนสาวคนเคยสนิท
“ยังตามง้อไอ้ใหญ่อยู่หรือไง”
“ก็ใช่นะสิ แต่ตอนนี้มันไม่ง่ายแล้ว มีไอ้ตุ๊ดอ้วนที่ไหนไม่รู้มาคาบใหญ่ไปแล้ว” สุชาดาพูดออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงที่เธอโดนอดีตคนรักตบสั่งสอนและทำให้อับอายต่อหน้าคนอื่น อย่างไรก็ตาม … เธอจะต้องเอาใหญ่กลับมาเป็นของเธอให้ได้ !!!!
“ห๊า! คนอย่างไอ้ใหญ่เนี้ยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ้ยไม่อยากจะเชื่อ … อยากเห็นชะมัด หึหึ”
========================
ดูสิใครกลับมา 
เจอกันตอนหน้าค๊า ปังปังไปทำงานจะมีคนจีบไหมมีแต่พี่ใหญ่ที่มีสาวๆรุมล้อม ชิ! 
ฝากเพจน๊า
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
