Not Fat
{CH 32 เสือร้ายที่โหยหา}
ตื่นเต้นชะมัด
“วางตรงนี้เหรอตัวเล็ก”
“ใช่ๆ นี้เล็กเอากระดาษแผ่นนี้แปะเข้าไปก็พอแล้ว ผลจะประกาศช่วยบ่ายหลังประกวดหนุ่มหน้าใสเสร็จ” ตัวเล็กผมพยักหน้า
ก่อนจะค่อยๆวางโมเดลในกล่องสีใสขนาดพอดิบพอดีลงบนโต๊ะที่มีผลงานวางอยู่ ห้าหกชิ้น … สวยๆทั้งนั้นเลย เฮ้อ ผมแพ้แน่ๆ
ผมยืนมองตัวโมเดลทรงกลมสลับซับซ้อนไปมา มีวงกลมซ้อนวงกลมอยู่หลายชั้น เราทำมันด้วยวัสดุไม้ผสมกับพลาสติก สรรค์สร้างโมเดลที่ส่องประกายสะท้อนกับตัวตนของผมออกมามากที่สุด ... มันสลับซับซ้อนเหมือนกลมแต่กลับหักมุมได้ตลอดเวลา ... อันนี้ตัวเล็กมาบอกผมภายหลัง
“ไปเถอะปัง ของเราสวยแบบนี้ต้องชนะแน่ๆ และแน่นอน ในงานนี้ปังปังจะต้องเริ่ดสะแมนแตน อิอิ ปะไปแต่งตัวกันเถอะ” ตัวเล็กยิ้มหวานก่อนจะลากผมเดินไปมา ผมละนึกแปลกใจพี่ใหญ่จริงๆ ทุกทีจะห้ามโน้นห้ามนี้บ่นเป็นตาแก่ขี้บ่นแต่ทำไมไม่ห้ามให้ผมลงประกวดนะ … เข้าใจยากชะมัด อยากจะหัวเราะผมใช่ไหมล่ะ จอมปิศาจ
“เชิดหน้าขึ้นหน่อยสิปังจ๋า”
เจ๊ กีกี้สาวประเภทสองเค้าเป็นช่างแต่งหน้าที่ยืมคณะข้างๆมาฟรีไม่คิดเงิน ภาคเราคนน้อยเลยต้องใช้สอยอย่างประหยัดพวกผู้หญิงตอนนี้ไปขึ้นไม้บนเวทีกันหมดแล้วมั้ง เห็นตัวเล็กๆแบบนั้นถึกบึกบึนกันทุกคน แต่ผมนี้สิ เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับต้องมานั่งให้คนอื่นแต่งหน้าให้ เฮ้อ … ไม่ชอบเลยแบบนี้ ผมตื่นเต้นมากเลย ทำไงดี ผมไม่อยากขึ้น ผมไม่อยากแสดง ผมไม่อยากอะไรทั้งนั้นอ่ะ ฮืออออออออออออ
“โอ๊ะ … หึ …” ผมตาเหลือกมองพี่ใหญ่ที่มายืนมองหน้าผมผ่านทางกระจกบานใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ สรุปพี่เป็นปิศาจจริงๆใช่ไหม ทำไมต้องทำหน้าทำตาแบบนั้นด้วย
“ต๊ายยยยยยยยยย เลอะเทอะหมดเลย เจ๊ดีใจนะที่ใหญ่สุดหล่อมาหาพี่ แต่ถ้ามาแล้วทำงานศิลปะของเจ๊เลอะเทอะแบบนี้ ออกไปเลยจ๊ะพ่อหนุ่ม” เจ๊กี้ว่าและเชยคางที่ก้มต่ำของผมขึ้นแต่ผมฝืนไว้ ถ้ามุดดินได้ผมคงลงไปเป็นตุ่นใต้ดินแล้ว
“อย่าดื้อกับเจ๊สิค่ะ เดี๋ยวอีกชั่วโมงต้องขึ้นเวทีแล้ว ตัวเล็กยังไม่ดื้อไม่ซนแบบหนูเลยนะ” ก็ ก็ตัวเล็ก ฮืออออออออ ตัวเล็กมั่นใจอ่ะ ตัวเล็กน่ารัก ตัวเล็กเก่ง แต่ผมไม่มีสักอย่างป่านนี้เล็กคงแต่งตัวเสร็จและแอบไปหวานกับแฟนตัวเองที่ไหนแน่ๆ มีแต่ผม มีแต่ผมที่ตื่นเต้นแบบนี้อยู่คนเดียว พี่ใหญ่ก็มาแกล้งอีก ใจร้าย … ผมไม่อยากประกวดแล้ว !!!
“หึหึ เจ๊ออกไปก่อนดิ” ผมเหลือบมองพี่ใหญ่ที่มานั่งลงเก้าอี้ข้างๆผมและพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีต่างจากผมที่อยากจะ
หายไปซะเดี๋ยวนี้
“โอ้ย จะหวานอะไรกันตอนนี้ …โอเคๆไม่เห็นต้องทำหน้าดุใส่เจ๊เลยคะหนู เดี๋ยวเจ๊ไปรอด้านนอกนะค่ะ เสร็จแล้วก็เรียกแล้วกัน อย่าลืมนะค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงถึงเวลาประกวด อย่านานล่ะ ฮิฮิ”
“จะ เจ๊กี้” … ไม่ทันแล้วเจ๊โบกมือบ๊ายบายให้ผมปิดประตูออกไปแล้ว ฮึก ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ใหญ่สองต่อสองด้วยตาที่แต่งค้างไว้อยู่ข้างเดียวเจ๊เขียนซะดำปี๋เลย อย่างกับนกออกแหนะ เสียใจจริงๆ ไม่อยากให้ถึงเวลาประกวดเลย เฮ้อ …
“มองผมทำไม” ผมเหลือบมองพี่ใหญ่ก่อนจะหลบตาวูบลงจ้องมือตัวเองที่ไปหยิบแปรงปัดหน้ามาถือไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ … ถ้าไอ้นี้ทำหน้าที่เหมือนไม้กางเขนไล่ปิศาจได้ก็คงดี ปิศาจใจร้ายชอบรังแกผม
“หึหึ เป็นไรล่ะ” พี่นั้นแหละเป็นอะไร อารมณ์ดีจัง
“ทำไมพี่มาอยู่นี้”
“อ้าวแล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน แฟนอยู่นี้อ่ะ” อะ … อะ อะ อยู่ๆอยู่อะไรออกมา …
“… บ้าบอ”ผมบ่นมุบมิบก่อนจะหยิบเอาลิปตรงหน้ามาเปิดเข้าเปิดออก ทำอะไรอยู่ ตอนนี้ผมทำอะไรอยู่ คิดไม่ออก ฮืออออออออออออ
“หึหึ ตื่นเต้นอะไรเยอะแยะไอ้หมู แค่ขึ้นไปบนเวที เต้นแล้งเต้นกา และก็เดินลงมาเนี้ย ยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้ว ชิวๆไปเถอะ” ใช่สิ ใช่สิ ใช่สิ!!!! พี่พูดได้นี้ พี่ไม่ได้เป็นคนขึ้นไปยืนบนเวที เต้นแร้งเต้นกาเหมือนผมนี้ ไม่เคยให้กำลังใจกันหรอก หึ!
“โอ้โห โมโหใหญ่เลย หึหึ หน้าดำหน้าแดงเลยนะเนี้ย โอ้ๆ ไม่โมโหน๊า กิ้วๆ” ผมเบี่ยงตัวหลบมือพี่ใหญ่ที่ยื่นมาลูกเหนียงใต้คอผม ตลกมากสินะ!!!
“ขอจับเหนียงหน่อย”
“พี่ใหญ่!” ผมปัดมือปิศาจทิ้ง อย่างรำคาญใจหันไปค้อนวงใหญ่แต่หน้าคนทำก็ไม่สลดยังจะยื่นมือเข้ามาอีก จิ๊!
“น๊า ขอจังเหนียงหน่อย”
“อย่าแกล้งผมทำไมพี่ชอบแกล้งผมนัก” นี้แหนะเจอตวาดแว๊ดใหญ่เลยสม ชอบแกล้งกันดีนัก
“ก็อยากจับเหนียงอ่ะ” อ๊ากกกกกกกก เหนียงผมจะมาจับอะไรนักหนา แต่คราวนี้ผมหลบไม่ได้เพราะพี่ใหญ่เล่นรวบหัวผมไปแนบอกจากด้านหลังจับไว้แน่นไม่พอยังเอาขาขึ้นมาก่ายล็อกตัวผมไว้ และเอาอีกมือจั๊กจี้ตามคอตามเอวผมมั่วไปหมด อ๊ากกกกกกกกกกก โหดร้าย ทำไมถึงรู้ว่าผมบ้าจี้!!!!
“หยุดนะ ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ย มันจั๊กกะกี้ ไม่ไหว มะ ไหวแล้ว หยุด ฮ่าๆๆๆ อย่าจั๊กกะจี้ผม” เหมือนจะขาดใจแล้ว อ๊ากกกก พะ พี่ใหญ่ …
แก๊ก … “ป๊างงงงงงงงง อ่ะ เอ่อ… อิอิ ขอโทษครับ”
ปัง!
ดะ เดี๋ยวตัวเล็ก… ฮื่อ เพราะพี่ใหญ่เลยตัวเล็กต้องมาเห็นภาพประหลาดแบบนี้! ผมสะบัดตัวออกจากวงแขนใหญ่แต่ไม่สำเร็จเพราะพี่ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ
“ไหนบอกสิ เดี๋ยวนี้ไอ้หมูตัวไหนชอบมาแอบหอมแก้มคนอื่นเขาตอนหลับทุกที’ …. ทำไมเขารู้ล่ะ เขาน่าจะหลับไปแล้วนี้หน่า แย่แล้วปัง แย่แล้ว แกกำลังจนมุมด้วยหลักฐานนะ มีสถานการณ์ไหนแย่กว่านี้อีกไหม … ยกเว้นการประกวดเนี้ย วันนี้วันซวยของผมหรือไงนะ
“ไหนบอกสิ หมูตัวไหน”
“… ผมเปล่านะ ผมหลับก่อนพี่ตลอด มีแต่พี่นั้นแหละที่กินเหล้าตลอด”
“ผิดประเด็นล่ะ หึหึ ปากแข็งจังนะ ไม่ยอมอ่อนให้เลยจริงๆ ”
“มีแต่พี่ใหญ่นั้นแหละที่โมเม” ผมแลบลิ้นใส่พี่ใหญ่ ที่ยังกอดผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เมื่อยนะที่นั่งท่านี้และแอบคิดว่าพี่ใหญ่จะหนักแค่ไหน แต่ผมชักเปลี่ยนใจไม่อยากจะดีดตัวหนีแล้วสิ … มันอบอุ่นจัง …
“หึหึ เออๆ เอ๊า แต่งตัวต่อไปแล้วกันแล้วจะไปรอหน้าเวที ฟอดดดดดดด” ผมจับหัวตัวเองที่ถูกหอมลงกลางกระหม่อมพอดิบพอดี ดีนะที่ผมแอบสระผมมาเมื่อเช้าแล้ว ไม่งั้นล่ะ ได้มีคราบหัวมันๆอยู่ที่จมูกจอมปิศาจอย่างพี่ใหญ่แน่ๆ หึ คนบ้า …
“จ๊ะเอ๋ … ปังปังทำอะไรอยู่เหรอ”
“เล็ก เอ่อ ทำไมน่ารักแบบนี้ล่ะ” ผมแอบเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็จริง ตอนนี้ตัวเล็กน่ารักมาก หน้าก็แทบไม่ได้แต่งสักหน่อยแต่เหมือนผิวใสขึ้นมีประกายด้วย สงสัยทาครีมอะไรแน่ๆ ไหนจะชุดอีกเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางปกเล็กกับกางเกงขาสั้นด้านในไม่เคยรู้เลยว่าตัวเล็กขาสวยขนาดนี้ …
“มองอะไรขนาดนั้นล่ะปังปัง” ตัวเล็กเดินมานั่งที่ที่พี่ใหญ่นั่งอยู่เมื่อกี้ก่อนจะหยิบตลับอะไรสักอย่างขึ้นมาละเลงใส่หน้าผม … ทำเป็นเหรอเนี้ย หลับตาแทบไม่ทันเมื่อตัวเล็กเหมือนจะเอาแปรงมาจิ้มหน้าผม
“ตัวเล็ก”
“หือ”
“เอวเท่าไหร่หรือ”
“25 แหนะ”
“เล็กจัง ทำไมพี่ใหญ่ตัวโต”
“ฮ่าๆๆๆ เล็กจะไปรู้ไหมล่ะ ปังล่ะ”
“… 36” ผมตอบได้ไม่เต็มปากเต็มคำ …
นี้ลดลงมาแล้วนะ เมื่อก่อนเยอะกว่านี้อีก เมื่อก่อนผมมีความสุขที่ได้กิน แต่เดี๋ยวนื้ผมกลับมีความสุขที่ได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ๆ ที่ผมทยอยซื้อตามน้ำหนักที่เริ่มลดลง จากเงินที่เก็บออมจากการทำงานในหอสมุดหรือจากที่พ่อให้ผม … ถ้าวันนึงผมผอมเท่ากับตัวเล็ก พี่ใหญ่จะรักผมมากกว่านี้ไหมนะ
“แฮ่ คิดอะไรอยู่ เอาล่ะ เดี๋ยวเล็กให้เจ๊มาแต่งต่อนะ เล็กไปเอาชุดให้ปังก่อน เดี๋ยวมานะ ไม่ต้องคิดมากล่ะ ยังไงปังปังก็น่ารักเสมอ” ตัวเล็กหยิกแก้มผมไปหนึ่งทีอย่างหยอกล้อแต่แอบแรงจนผมต้องยู่หน้าและวิ่งออกไปสวนทางกับเจ๊กีกี้ที่เดินสวนเข้ามาหน้าตากรุ้มกริ่มๆ
พี่กับน้องมือหนักพอๆกันเลยนะเนี้ย ผมเม้มปากสูดหายใจเข้าลึกๆ หันมามองตัวเองที่หน้าตาเต็มไปด้วยเครื่องสำอางบางๆ แต่เน้นสีดำที่ขอบตาที่ยังแต่งไม่เสร็จ … จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้นะ … ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน จะทำให้ใครผิดหวังรึเปล่านะ อันนี้ผมก็ไม่รู้ จะอับอายแค่ไหนกันนะ … ผมก็ไม่รู้ เฮ้อ … ไม่รู้จนบอกกับตัวเองว่า ช่างมันเถอะ ทำให้ดีที่สุดก็พอ สู้ๆ
.
.
.
-ใหญ่-
งานมหาลัยครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 40 พอดิบพอดี ในงานถูกใช้ทั้งมหาลัยเพื่อเปิดบ้านต้อนรับมหาลัยอื่นและบุคคลภายนอกเยี่ยมชมคณะและภาคต่างๆ ในแต่ล่ะภาคจะมีโซนเป็นของตัวเองคือบริเวณตึกเรียนเพื่อโปรโมทคณะ ภาค และมหาลัย โดยทางมหาลัยได้ส่งเสริมให้นักศึกษาคิดทำเองทั้งหมดอย่างอิสระในการกิจกรรมเรียกเงินเข้าภาคของตัวเอง แต่ธีมนั้นต้องเป็นธีมเดียวกันทั้งมหาลัย ปีนี้แนวธรรมชาติ มหาลัยผมวันนี้เลยเต็มไปด้วยสีเขียว =_=’
“ไอ้ใหญ่มานั่งทำอะไรว่ะ ไม่ไปดูซุ้มเหรอว่ะ คนเยอะฉิบหายเลยนะ” ไอ้ซิ่งมาจากไหนไม่รู้นั่งแหมะลงข้างๆผมที่นั่งอยู่เกือบหลังสุดเวทีการแสดงตรงลานกว้างกิจกรรมของมหาลัยมองไอ้พิธีกรคณะนิเทศกำลังพูดไม่หยุดอยู่บนเวที ถามมากูมาทำอะไรตรงนี้เหรอไอ้ห่า … นี้มึงไม่รู้จริงๆหรือไง
“กูให้ไอ้โย่งกับพวกผู้หญิงดูแล้ว” ผมว่า
ไม่สนใจไอ้ซิ่งที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ เหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆอีกฝั่งอย่างนึกอึดอัดใจ นั่งมาจะ 10 นาทีและเจ้าหล่อนทั้งหลายยังไม่เล็กจ้องผมด้วยสายตาอ่อยเหยื่อเลย เมื่อก่อนผมอาจจะเล่นด้วยแต่เดี๋ยวนี่ต่อให้ผู้หญิงดาหน้ากันเข้ามา ผมก็ยังมองว่าไอ้หมูอ้วนดำน่ารักที่สุดอยู่ดี หึ เป็นเอามากนะกูเนี้ย ผิดอะไรแค่ยอมรับในความคิดของตัวเอง ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบแค่นั้นเอง
จริงอยู่ที่เมื่อก่อนกูอาจจะฉาบฉวยเรื่องความรักกับไอ้ปังมากไปหน่อย และตอนนั้นกูก็แค่อยากแกล้งลองดูสักตั้งว่าไอ้หมูตัวนี้จะดิ้นรนหนีผมได้แค่ไหน แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ มันน่ารักในแบบที่เป็นมันขึ้นทุกๆวัน จนผมไม่อยากที่จะให้ใครมองเห็นจุดนี้ของมัน ถ้ามันผอมขึ้นมาผมคงแย่ ฉะนั้นผมไม่มีทางให้มันผอมเด็ดขาด หึหึ
“พิลึกมากหน้าตามึง โอ้ย ไอ้ใหญ่มึงเป็นบ้าไปแล้วปกติเรื่องพวกนี้มึงไม่สนใจนี้หว่า”
“เสือก จะไปไหนก็ไปไอ้ห่า” ผมด่ามัน ไอ้ซิ่งทำหน้างงใส่ผม แต่ก็ไม่ยอมไปไหนนั่งเป็นไอ้หมาปักหลักอยู่ข้างๆผมเนี้ยแหละ
“อ่ะพี่” เบียร์กระป๋องถูกยื่นมาให้ผมตรงหน้า ไอ้เสาร์นั่งลงแหมะข้างๆผมอีกด้านอีกจะส่งเบียร์อีกกระป๋องข้ามหน้าข้ามตาส่งให้ไอ้ซิ่งที่หวานปากมันเพราะได้ของฟรี
มหาลัยผมไม่ค่อยเคร่งเรื่องพวกนี้ แต่ถ้ามึงเมาและมีเรื่องกันเมื่อไหร่นั้นแหละชีวิตนักศึกษามึงจบเมื่อนั้น ไอ้ออกไปพอแบล็กลิสกูอีกนั้นแหละถึงจะควบคุมพวกกูอยู่ ก็ดีนะผมว่าอิสระดี รับผิดชอบตัวเองกันไป ถ้ามึงผิด มึงก็ต้องยอมรับผิด แค่นั้นเองไม่มีอะไรมาก
“เบื่อพวกมาดูเมียจัง”
ไอ้ซิ่งมาก่อนจะกระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่ ผมกับไอ้เสาร์ไม่ได้สนใจเพราะใกล้เวลาแล้วที่จะถึงการประกวด หึหึ รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงไอ้ปังก็ไม่ชนะหรอก แต่เอาให้มันได้ชนะใจตัวเองดูสักครั้งเผื่อนิสัยขี้อายจนน่ารำคาญของมันจะหายไปซะบ้าง
“เอาล่ะครับถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยหรือที่สาวๆตั้งตารอ ขอต้อนรับเข้าสู่การประกวดหนุ่มหน้าสวย ปะทะ หนุ่มน้อยหน้าหวาน ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกของเราครับ!” เสียงกรี๊ดเสียงตบมือดังลั่นเมื่อพิธีกรกล่าวจบ ไอ้เสาร์นี้โห่ร้องเป็นหมาเห็นผีเลยนะมึง
“เอาล่ะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันที่คณะแรกกันเลย ไหนขอเสียงชาวนิเทศศาสตร์หน่อยค่า!!!!!” นั้น
แหละครับและเสียงวี๊ดร้องก็ดังขึ้นอีกรอบ ทันใดนั้นเสียงเพลงสากลก็ดังขึ้นในจังหวะตื่นเต้น พร้อมกับไอ้หน้าตี๋สองคนเดินออกมาพร้อมๆกันจากหลังเวที … เฉยๆอ่ะผมว่า หน้าเหมือนกันเดะ สงสัยออกมาจากหมอเดียวกัน
ผมนั่งมองเซ็งๆจนเกือบจะ 20 นาทีล่ะที่มองดูโชว์ปาหี่บนเวที ทั้งการแสดงมายากล ร้องเพลง เต้นบลาๆๆๆ ยังไม่มีถึงคณะผมสักที คือแบบว่าคนน้อยครับเลยเปรียบเสมือนลูกเมียน้อยที่ต้องอยู่หลังๆตลอด จนเบียร์หมดไปนานแล้วไอ้ปังก็ไม่ออกมาสักที
“และคณะสุดท้าย รับรองเลยว่าทุกคนต้องร้องว๊าว! ศิลปกรรมศาสตร์!!!!” ผมคอตั้งมองไปบนเวทีอีกครั้งหลังจากที่คอพับลงไปเล่นโทรศัพท์อยู่นาน ไอ้เสาร์ก็ไม่ต่างกัน
ส่วนไอ้ซิ่งมันไปหาสาวตั้งนานล่ะ ดนตรีบรรเลงขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะเร่งจังหวะขึ้น จากนั้นไอ้เล็กในชุดกางเกงขาสั้นก็ก้าวขึ้นมาบนเวที ท่ามกลางเสียงกรี๊ดดังระงมไอ้เสาร์ก็โห่ร้องเหมือนคนป่า คนที่ไอ้เล็กลากออกมาพร้อมๆกันทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ … เหมือนไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เสียงที่โห่ร้องอยู่เมื่อกี้ ดังขึ้นไปอีกจนอืออึงอยู่ในหูผมทำให้ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวนะ … ไอ้หน้าสวยนั้นเป็นใคร กางเกงขายาวเข้ารูปมีสายเอี๊ยมสีดำกับเสื้อบางเข้ารูปลายทางทำให้บดบังพลางหุ่นเป็นอย่างดี เรื่องหุ่นไม่ต้องไปสนใจ แต่หน้าตาใต้เครื่องสำอางบางๆเน้นคมเข้มที่ดวงตาคมกริบเข้ารูปสวยนั้นทำให้ผมแทบบ้าจมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากที่เม้มแน่นเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจ กลับสร้างเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ ทรงผมที่เริ่มยาวถูกเซ็ตเปิดหน้าจนทำให้เห็นดวงหน้าสวยชัดเจน
อยากจะวิ่งไปกระชากลงมาจากเวทีและพากลับห้องให้ไวที่สุด นั้นไอ้ปังจริงๆงั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ ขนาดมันยังไม่ผอมนะ พอแต่งตัวออกมาแล้วฟีโรโมนยังออกมาขนาดนี้ ถ้าผอมล่ะจะว่ายังไง กูไม่ต้องถือไม้หน้าสามตามเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยหรือไงว่ะ
“เปร่งประกายจริงๆ แถมแปลกตาอีกด้วยที่คนนึงตัวเล็กน่ารักนึกว่าเด็ก ป.6 ส่วนอีกคนน่ารักตุ้ยนุ้ยน่าสวยจนจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหนรึเปล่า ขอโทษนะครับศิลกรรมยืมตัวมาจากที่ไหนรึเปล่าครับ”
“คนในคณะค่า!!!!!” เสียงไอ้มายส์ผู้หญิงในภาคตะโกนตอบออกไปเสียงดังโดยมีเจ้กีกี้ยืนเต้นเชียร์ลีดเดอร์อยู่ข้างๆกลุ่มผู้หญิงที่แห่มาดูกัน … ใครเฝ้าซุ้มว่ะ =_=’
“ว่าแต่คุณน้องชื่ออะไรกันบ้างค่ะเนี้ย” พิธีกรสาวถามขึ้น ไอ้เล็กหยิบไมล์ไปถือเองก่อนจะส่งยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ไปทั่วตามสไตล์มัน บอกจะเงียบก็เงียบเข้าถึงยากจนเพื่อนไม่อยากจะคบมันเพราะนิสัยตรงๆและปากคอเลอะร้าย แต่ถ้าไอ้เล็กลองหว่านเสน่ห์ใส่ใครแล้วรายไหนรายนั้นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
“ตัวเล็กครับ เค้าชื่อตัวเล็ก อายุ 19 ปี คณะศิลปกรรมศาสตร์ ฝากตัวน้อยๆของเค้าไว้ในอ้อมอกด้วยนะ อิอิ” น้ำเสียงออดอ้อน
พร้อมจริตจะกร้านไอ้น้องกร้านโลกมาเต็ม มันชอบแทนตัวเองว่า ‘เค้า’ ตอนหวังผลประโยชน์ตอบแทนนี้แหละ
“แหมน่ารักจริงๆเลยนะค่ะ แล้วน้องคนนี้ล่ะชื่ออะไรเอ่ย”
“อะ เอ่อ … ปะ ปังครับ”
วี๊ดดดดดดดดดดด
เสียงไมล์วี๊ดขึ้นเมื่อไอ้หมูถือไมล์ไม่เป็น หึหึ เออ ตกรอบไปซะ อย่าให้คนให้ความสนใจไปมากกว่านี้ ผมเท่านั้นที่มองเห็นความเป็นมันได้แค่คนเดียว …
“ฮ่าๆๆ เอาล่ะครับเรามาเริ่มแสดงความสามารถพิเศษกันเลยดีกว่าน้องตัวเล็กกับน้องปัง วันนี้จะแสดงอะไรให้เพื่อนๆดูกันดีครับ”
“ดนตรีผสานครับ” ไอ้เล็กตอบทันที … ไอ้หมูมันเล่นอะไรเป็นงั้นเหรอทำไมผมไม่เคยรู้
พิธีกรพูดตัดบทก่อนที่เครื่องดนตรีสองชิ้นจะถูกขนย้ายขึ้นมาบนเวที ไวโอลีน กับขลุ่ย หึหึ ปกติเห็นแต่เป่าปี่ วันนี้ ไอ้หมูแดงจะมาเป่าขลุ่ยสินะ เอาเลยเป่าเลย พังเลย จะได้จบๆ
“ก่อนเริ่มแสดง เค้าขอพูดอะไรหน่อยนะ เค้ากับปังปังไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง ทั้งนิสัยและสรีระ แต่ปังปังเป็นคนดีมากๆ จะมีสักกี่คนที่มองผ่านเปลือกนอกของปังปังเข้าไปเห็นถึงความน่ารักของปังปังที่อยู่ด้านใน ต่างจากเค้าที่ทุกคนต่างมองว่าน่ารักอย่างนู้นอย่างงี้ แต่มีสักกี่คนที่มองผ่านความน่ารักของเค้าเข้าไปรู้จักตัวตนที่แท้จริง”
สิ้นเสียงไอ้ตัวเล็กทั้งเวทีเงียบสนิทเจ้าปังยืนค้างมองมาที่ผมเหมือนร้องขอกำลังใจ ผมยิ้มบางๆส่งไปให้ก่อนที่รอยยิ้มหวาดกลัวนั้นจะยิ้มตอบผมกลับมาจากนั้น ไอ้หมูก็เริ่มจรดริมฝีปากลงบนขลุ่ย นิ้มมือป้อมๆของไอ้หมูทำหน้าที่ของมันอย่างชำนาญ เสียงรอบข้างเงียบสนิทก่อนที่เสียงเพลงหวานซึ้งจะเริ่มบรรเลงขึ้นจากเครื่องดรตรีเพียงชิ้นเดียว เสียงไวโอลินสอดประสานกันอย่างลงตัว
ผมนั่งมองภาพบนเวทีที่ไม่มีการแสดงใดนอกจากคนสองคนยืนอยู่ข้างกัน ต่างคนต่างบรรเลงเครื่องดนตรีที่เกิดในยุคเดียวกันแต่คนละฝั่งประเทศสอดส่ายประสานทำนองกันในเพลงไทยประยุกต์ที่เอาเพลงโน้นมาใส่เพลงนี้จนกลายเป็นเพลงใหม่ที่มีทั้งความหวานละมุนและความซาบซ่านอยู่ในตัวของมัน ผมเชื่อว่าคนที่ได้ยินเพลงนี้กำลังรู้สึกยืนมองศิลปะชิ้นเอกอยู่ไม่ต่างจากผม …ทำดีมาก ทำดีมากจริงๆ …
ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเสียงตบมือดังขึ้น … จบแล้วเหรอ หึหึ เคลิ้มไปเลยสิกู บนเวทีตอนนี้ไอ้ตัวเล็กกระโดดกอดไอ้หมูอย่างรักใคร่ ก่อนที่พิธีกรจะพูดอะไรสักอย่างที่เสียงกรี๊ดร้องของผู้หญิงกลบไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ผ่านไปกว่าครึ่งนาทีกว่าทุกอย่างจะสงบลงอีกครั้ง
“มหัศจรรย์มากเลยนะครับสำหรับคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอาล่ะครับถึงเวลาตัดสินแล้ว”
“แต่ไม่ใช่เราค่ะที่จะตัดสิน พวกคุณต่างหาก เรามีดอกกุหลาบแจกให้คนล่ะหนึ่งดอก เอาไปให้ใครก็ได้ที่ชื่นชอบ และเราจะเริ่มแจกดอกไม้ ณ บัดนี้ มีเวลาในการให้คะแนน 10 นาทีเท่านั้นนะค่ะเพื่อนๆ!!!”
เหมือนซอมบี้บุกโลกเมื่อคนต่างกรูกันเข้าไปหาคนแจกดอกไม้อย่างไม่ทราบสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือไอ้เสาร์ที่พยายามแย่งชิงให้ได้มากกว่าหนึ่งดอก … เออ ดีอ่ะ
กูไม่สนใจ พวกมัน ลุกขึ้นยืนเดินไปหน้าเวที ที่มีผู้เข้าประกวดยืนอยู่บนเวทีหลายชีวิต พอมาถึงก็ควักมือเรียกไอ้ตัวอ้วนให้เข้ามาหาใกล้ๆ พอไอ้ตัวอ้วนก้มเข้าในระยะได้ กูก็ถือโอกาสกระชากคอมันมาจูบท่ามกลางความวุ่นวายรอบข้างอย่างไม่สนใจหน้าพระหน้าอินทร์ที่ไหน หมั่นไส้นักไอ้ปากเนี้ย …
“ไม่มีดอกไม้นะ”
“พี่ใหญ่บ้า” เสียงกระซิบเสียงเล็กเสียงน้อยดังขึ้นจากไอ้หมูที่ก้มหน้าหลบตาผมอยู่
“ไว้กลับถึงห้องจะจัดให้ดอกใหญ่ๆ”
ผมกระซิบข้างหูก่อนที่ไอ้ตัวอ้วนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นหน้าแดงหันหลังกลับไปยืนที่เดิม ผมหัวเราะก่อนจะหันกลับมานั่งที่เดิม และนึกขำความน่ารักของไอ้หมูแดง ไอ้คุณแฟนขี้งอแงของผม หึ หมั่นไส้นัก ทั้งหมดที่เป็นมัน
..
ต่อด้านล่างค่ะ
