- 2 -สนิมหายเข้าไปรักษาทรีทเม้นท์หน้า อาศัยเทคโนโลยีซึ่งล้ำสมัย พร้อมกับได้แพทย์เชี่ยวชาญมีชื่อเสียงทางด้านนี้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงสังคมไฮโซ
รับเป็นเจ้าของไข้ให้สนิมกรณีพิเศษ ตามที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหญิงมุกดา
ครั้งนี้ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเศษที่สนิมเข้าไปรักษาหน้า ก่อนกลับออกมาในสภาพที่ริ้วรอย
รวมถึงสะเก็ดแผลจากการทำเลเซอร์เลือนหายดูเกลี้ยงเกลาหมดจดอย่างน่าทึ่ง
ใบหน้าขาวใสขึ้นสีเรื่อเปล่งออร่าฟรุ้งฟริ้งไปเสียแล้ว ลูกตากลมโตซึ่งดูเด่นสุดกลายเป็นจุดดึงดูดทันที
หลังประดับอยู่บนหน้าขาวใส ก่อนหน้าแม้จะดูเด่นแต่ไม่ได้รับความสนใจ
เพราะมีรอยสิวทำให้ใบหน้าแลดูบ้านๆ ติดไปทางขี้เหร่นิดๆ เสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้สนิมคนเดิมกลับมีผิวหน้าเนียนใส สีชมพูอมฝาดน่ารักแล้ว
จมูกที่เคยคิดว่ามันใหญ่ลักษณะลูกชมพู่ผ่าซีก ดูเทอะทะจนคิดจะเสริมดั้งและตัดปีกจมูกออก
เวลานี้รับกับลูกตาโตดำขลับเหมือนแมวเปอร์เซียไปเสียแล้ว คนที่มารักษาความบกพร่อง
รวมถึงคนมาเป็นเพื่อน ต่างมองสนิม ยิ่งมีหนุ่มหล่อบุคลิกดูดีมีเสน่ห์
ลุกยืนรับเมื่อคนร่างเล็กเดินออกจากห้อง พวกเขาก็พลอยมองตามเป็นจุดเดียวไปแล้วเช่นกัน
สนิมรู้สึกขัดเขินสายตาผู้คนที่มองมา จนไม่กล้ามองตอบเอาแต่ก้มงุดเดินมายืนข้างคุณนิล
ระหว่างที่รอเวชสำอางไปบำรุง มีค่าใช้จ่ายอีกจำนวนหนึ่ง คุณนิลเป็นคนจัดการ
ใช้บัตรเครดิตจ่ายให้เรียบร้อย สนิมถึงได้รู้ตัวนึกขึ้นได้ว่า รบกวนคุณนิลอย่างไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
“หนิมมีบัตรเปลวให้ไว้ คุณนิลใช้ของหนิมก็ได้ครับ”
“เก็บไว้เถอะ พี่ให้ของพี่ไปแล้ว” คุณนิลตัดบท สายตาที่ใช้สำรวจใบหน้าสนิม
แสดงออกถึงความชื่นชมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลครั้งนี้
“แต่ว่า..” สนิมเตรียมจะค้าน
“ไม่มีแต่ครับ” พอโดนดักคอ พลอยพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
“เรียบร้อยแล้วไปเถอะ พี่หิวแล้วสิ..เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานก่อน”
สนิมหน้าแหย เลียบมองนาฬิกาแขวนผนัง บ่ายโมงกว่าจวนสองโมงเหลือไม่ถึงยี่สิบนาที
พลอยทำให้คุณนิลลำบากหิ้วท้องรอจนได้เรื่อง
“ขอโทษครับ ที่หนิมทำให้ลำบาก” สีหน้ารู้สึกผิด ซึ่งแสดงออกมา
ทำให้คุณนิลอดยื่นมือขยี้หัวทุย มัวแต่เกรงใจไปทุกเรื่องไม่ได้
เป็นกิริยาซึ่งผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กมักกระทำกัน กลับส่งผลให้ผู้คนที่รอตรวจ
อมยิ้มเขินตามกันเป็นแถว สนิมไม่ชินกับการมีใครมาทำแบบนี้ด้วย
หูแดงหน้าแดงลามไปทั่วจนเห็นชัดว่าสนิมกำลังเขินจัด หลบตาหลุบก้มมองเท้าไม่กล้าเงยแล้ว
“หึหึ!..มัวแต่มองเท้าเดี๋ยวก็เดินชนประตูหรอก” คุณนิลแหย่
มีหันมายักคิ้วอมยิ้มให้คู่เกย์ที่มองมาไม่วางตา จนพวกเขาที่จ้องอยู่ถึงกับอมยิ้มแล้วยกนิ้วให้คุณนิล
เป็นความหมายชื่นชมรู้กันเอง ก่อนคุณนิลจะคว้ามือสนิมจูงออกมาจากคลีนิกดัง ใบหน้ายังยิ้มไม่จางหาย
สนิมกลับเหวอไม่คิดว่าจะถูกคว้ามือจับจูง พาเดินออกมาแบบนี้
จะขืนหนีก็กลัวคนจับจ้องสนใจกันไปใหญ่ ได้แต่หุบปากไม่รู้ไม่ชี้เดินตามร่างสูงต้อยๆ
หน้าแดงแปร๊ด จนผู้คนอมยิ้มด้วยความเอ็นดู การแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง
ทำให้คนเราดูน่ารักมากกว่าใช้คำพูดเสียอีก เหมือนกับสนิมในเวลานี้ก็เช่นเดียวกัน
ยิ่งเขินหน้าแดงไม่หือไม่อือไม่ขัดขืนดื้อดึงหรือปฏิเสธคุณนิล
ยอมให้จูงมือเดินห้างดังสุดหรู พลอยทำให้ดูน่ารักอีกแบบ
“อ้าว..คุณนิล มาทำอะไรครับ” ขณะคุณนิลกับสนิมลงบันไดเลื่อน
จนมาถึงชั้นล่างเพื่อจะออกไปที่รถ ก็มีเสียงทักพร้อมการปรากฎตัวของคนที่สนิมคุ้นหน้าและรู้จักมาแล้วด้วย
“คุณเอก..ผมพาน้องมาพบหมอ” คุณนิลหันไปทักตอบ
“สวัสดีครับ” สนิมไหว้อย่างรู้มารยาท อีกฝ่ายอาวุโสกว่า ซ้ำเป็นราชนิกุลมีฐานันดรศักดิ์ไม่ต่างกับคุณนิล
“หวัดดีครับ..น้องหนิมนี่เอง โห..ดูแปลกตามาก มิน่าผมจำไม่ได้
ยังคิดอยู่ว่าคุณนิลเดินกับใคร จากครั้งที่ผ่านมาดูน้องหนิมเปลี่ยนไปมาก
ไปยกเครื่องทำหน้ามาหรือครับ” คำถามฟังให้ดีเหมือนแดกดัน ทำเอาสนิมอึ้งนึกหาคำพูดมาตอบไม่ได้
“ไม่ถึงขนาดนั้น น้องเขาหน้าตาดีอยู่แล้ว รักษาสิวนิดหน่อยก็พอ
ไม่ถึงกับต้องยกเครื่องตามกระแสนิยมมั้งครับ ว่าแต่คุณเอกนัดหมอตรวจหน้าที่เคยทำไว้หรือครับ”
เป็นคุณนิลชิงแทรกตอบเสียเอง แถมยังดูปกป้องสนิมเป็นพิเศษ เหมาเป็นน้องแล้วเรียบร้อย
คุณเอกเห็นความเปลี่ยนแปลงของคุณนิลครั้งนี้ สัญชาตญาณสัมผัสอะไรบางอย่าง
สนิมไม่ใช่เด็กในวังอีกต่อไป เพราะคุณนิลไม่เคยแสดงออกแบบนี้ให้เห็นมาก่อน
โดยเฉพาะกับคนที่เคยมีความสัมพันธ์กันมาด้วย จุดนี้คุณเอกรีบกลบเกลื่อนสีหน้า
ไม่เผยพิรุธกับความรู้สึกอิจฉาที่พุ่งขึ้นฉับพลัน กลับปั้นหน้ายิ้มตอบเนียนๆ
“ผมมารับเวชสำอางดูแลผิวหน้าครับ สะดวกรอผมสักครู่ได้ไหม
เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกันดีกว่า” คุณเอกรีบเปลี่ยนเรื่องไม่ค่อนแคะสนิม
เมื่อรู้โดยสัญชาตญาณว่า คนที่จะออกหน้าปกป้องเป็นคุณนิลแน่นอน
ในสายตาคุณเอกสนิมไม่ใช่คู่แข่ง ยิ่งหงอเจี๋ยมเจี้ยมแบบนี้อีกด้วย
ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจคุณเอกต้องการรู้ข้อเท็จจริง
ทำไมคุณนิลถึงออกหน้าปกป้องสนิม ให้ความใส่ใจเรียกขานเป็นน้องเต็มปากเต็มคำนั่นอีก
หรือคุณเอกตกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งนี้มากกว่าคุณเอกถึงขอให้คุณนิลอยู่รอ
ลองไปหาอะไรทานได้มีเวลาก็จะจับสังเกตไม่ยาก
“ผมไม่สะดวกครับ วันนี้ที่วังมีงาน..ผมกับหนิมต้องรีบกลับด้วยสิ”
คุณนิลปฏิเสธอย่างนุ่มนวล หลังคุณเอกไม่มีคำพูดเสียดสี ก็ไม่จำเป็นต้องปะทะวาจากัน
อย่างน้อยคุณเอกเคยเป็นคู่ขา เพียงแต่พยายามพัฒนาความสัมพันธ์ให้ไปไกลกว่านั้น
ซึ่งคุณนิลรู้ว่าคุณเอกยังไม่ใช่คนที่อยากคบด้วยในฐานะแฟน จึงไม่เปิดช่องให้ก้าวข้ามเส้น
ในจุดที่อีกฝ่ายปรารถนา ไม่ใช่คุณนิลไม่รู้คุณเอกต้องการอะไร
ที่ผ่านมาแค่จบลงเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่านั้น
“เสียดายจัง ผมนึกว่าคุณพอมีเวลา ยังไงคืนนี้ผมไปร่วมงานของวังมณีรมย์
พร้อมท่านพ่อกับหญิงแม่ด้วย เดี๋ยวเจอกันในงาน หวังว่าคืนนี้คุณนิลคงไม่ปฏิเสธผมนะครับ”
คุณเอกพูดยิ้มๆ สื่อความหมายลึกซึ้งชัด
“คงต้องดูก่อนครับ รับปากไม่ได้เพราะผมไม่รู้คุณเอกพูดถึงอะไรที่ห้ามไม่ให้ปฏิเสธ
ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็พอได้” คุณนิลฉลาด ไม่ได้ยอมตกหลุมพรางที่คุณเอกวางไว้แม้แต่น้อย
“เอาเถอะ ถึงเวลาผมคงต้องหาวิธีไม่ให้คุณปฏิเสธ อย่างน้อยคุณกับผมเราเคยสนิมสนมกันเป็นพิเศษนี่ครับ”
ประโยคนี้พูดพร้อมหันไปยิ้มให้สนิม เหมือนย้ำให้รู้ความหมาย..สิ่งที่พูดใจความลึกไปมากกว่านั้น
“ขอตัวครับ ผมมีธุระต่อ” คุณนิลไม่รอช้า ตัดบทชิงขอตัวทันควัน ก่อนคุณเอกจะเยอะมากกว่านี้
“ครับ..เจอกันคืนนี้” คุณเอกไม่คิดจะรั้ง แค่นี้ก็สะใจเห็นสนิมหน้าเสียไปแล้ว
เด็กคนนี้ไม่ได้โง่ถึงขนาดตีความไม่ออกเสียหน่อย
ทั้งสองแยกย้ายกันตรงนั้น สนิมดูซึมลงไปถนัด หน้าขาวจืดเจื่อนไม่พูดไม่จาตั้งแต่ขึ้นรถ
คุณนิลขับตรงดิ่งมายังร้านอาหารที่เคยมาประจำโดยคนนั่งข้างๆ ก็เงียบได้เงียบดี..เอาแต่เหม่อมองออกนอกรถ
“หนิม..เป็นอะไร” คุณนิลเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมาก่อน
“เปล่าครับ” สนิมเลือกตัดบทสั้นๆ
“พี่คิดว่าหนิมมีเรื่องไม่สบายใจ ก่อนหน้าไม่เห็นมีอาการแบบนี้”
คุณนิลไม่ยอมแพ้ รุกไล่ถามหาความจริงต่อ
“ไม่มีอะไรครับ” สนิมยังคงยืนกรานคำเดิม
“แน่ใจว่าไม่มี..หืม” คุณนิลไม่ลดละ
“ครับ” ยังคงขานรับย้ำสั้นๆ ไม่แม้กระทั่งชายตาแลมองด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ..พี่ว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกัน” คุณนิลนำรถเข้าจอดเสร็จ
ค่อยหันมาจ้องสนิมไม่ยอมปลดล็อกประตู ทั้งคู่มาถึงจุดหมายร้านอาหารขึ้นชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หันมาคุยกับพี่ครับ” คุณนิลยังคงรุกไล่ เมื่อสนิมไม่หือไม่อือนั่งนิ่งเป็นใบ้กำมือแน่นที่หน้าขา
บอกให้รู้เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในภาวะอารมณ์ปกติ ชนิดไม่ต้องคาดเดาให้ยุ่งยาก
“คุณนิลมีอะไรก็พูดมาสิครับ” ในที่สุดสนิมก็ยอมปริปาก
“เป็นอะไร ก่อนออกจากคลินิกเรายังดีๆ อยู่เลยนี่ครับ”
“ผมคงกังวลงานเลี้ยงมากไปหน่อย คุณนิลอย่าใส่ใจเลยครับ”
“ไม่ใช่แน่ หนิมอย่าโกหกพี่ ไม่สบายใจอะไรบอกพี่มา” สนิมเมื่อไม่เห็นทางที่คุณนิลจะรามือ
ไม่ว่าจะตัดบทยกอ้างอะไรคุณนิลก็ยังไล่บี้ไม่ยอมเชื่ออยู่อย่างเดิม ชักเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมีอารมณ์โมโหขึ้นบ้างแล้ว
“ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อสิครับ บอกแล้วอย่ามาใส่ใจ ทำแบบนี้คุณกำลังทำให้ผมสับสน
คุณไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ ผมรู้ว่าคุณรู้ผมเป็นอะไร ถ้าไม่รู้ก็จงไม่รู้ต่อไป
อย่ามาคาดคั้นเอาคำตอบจากผม ตัวผมเองยังไม่รู้ผมเป็นอะไรเลย คุณจะมาสนใจทำไมครับ”
สนิมเสียงเข้ม หันมาจ้องตาวาวโรจน์
“แน่ใจว่าไม่ให้ใส่ใจต้องการแบบนี้หืม ถ้าหนิมต้องการแบบนี้จริง
พี่จะไม่มาวุ่นวายให้รำคาญใจเป็นเด็ดขาด ไหนรบกวนช่วยย้ำกับพี่อีกทีสิ
ขอจากใจอย่ามาประชด” คุณนิลก็ชักฟิวส์ขาดแล้วเหมือนกัน ที่ถามเพราะแคร์ความรู้สึก
แต่ไม่ชอบให้มาพูดใส่หน้ากันแบบนี้
“ฮึก..ฮึก..คุณจะเอาอะไรกับผมอีก ต้องการอะไร” สนิมกลั้นไม่ให้หลุดสะอื้น
ทั้งที่ตอนนี้ตาแดงก่ำวาวรื้นไปด้วยน้ำ..จะหยดมิหยดแหล่
“พี่ขอโทษไม่เอาน่า คุยกันดีๆ อย่าใช้อารมณ์ได้ไหม ไม่สบายใจไม่พอใจอะไรพี่บอกมาสิครับ
เงียบแบบนี้พี่จะรู้ไหม” คุณนิลเมื่อเห็นสีหน้าแววตากลมกำลังแสดงความอ่อนแอ
ก็ใจอ่อนยวบทีเดียว แอบเคืองตัวเองที่เผลอใช้อารมณ์เช่นกัน
“อย่าทำแบบนี้ อย่าใจดีกับผม ยิ่งคุณทำแบบนี้ผมยิ่งเจ็บนะครับ คุณรู้ว่าผมคิดยังไง
ทำกับผมแบบนี้ยิ่งทำให้ตัดใจไม่ได้ ผมจะไม่เชื่อไม่ฟังใครอีกแล้ว
ไม่มีทางที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมรู้ตัว..ผมมันไม่เจียมตัวเอง
พอเถอะพูดขนาดนี้ถ้าคุณไม่เข้าใจอย่าใสใจดีกว่า พาผมกลับวังเถอะครับ”
สนิมสูดหายใจแววตาเศร้าสร้อย สิ่งที่หลุดปากคือความคิดความรู้สึกในใจ
สนิมหมดความเชื่อมั่นในตัวเองจนได้ เมื่อเจอคุณเอกที่เหนือกว่าหลายขุม
และยังย้ำคำพูดที่ใครฟังก็รู้ ระหว่างพวกเขาสองคนมันมากกว่าคำว่าเพื่อน
ขืนดิ้นรนสุดท้ายคนที่เจ็บปวดคงไม่พ้นเป็นสนิมอยู่ดี
“หนิม..อุ๊บ!!..อื้ออ” คุณนิลเรียกแค่นั้น ก่อนรั้งท้ายทอยคนนั่งข้างประกบจูบอย่างรวดเร็ว
เกิดจากความตั้งใจนึกอยากทำไม่ได้คิดจะทำเพื่อหวังปลอบใจ
แต่คุณนิลต้องการปิดปากปิดคำตัดพ้อ ขอตัดใจอย่างจริงจัง
พอฟังแล้วหัวใจพลันโหวงแปลกๆ กลัวสนิมจะทำอย่างที่พูดจริง
ทางเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายมั่นใจ คือจูบดื้อๆ ซะงั้น
“อ่ะ..ฮ้าาา” คุณนิลยอมถอนปาก ให้สนิมหายใจหลังทุบหน้าอกบอกให้รู้กำลังจะขาดอากาศ
“พี่จะไม่ขอโทษ และจะไม่ขอให้ลืมเหมือนคืนนั้นอีก ช่วยจำเอาไว้ด้วยนะครับ
อย่าลืมเป็นอันขาด ตอนนี้พี่ยังไม่กล้าขอให้เราเป็นอะไรกัน
เพราะพี่รับปากใครบางคนเอาไว้ รอให้ผ่านช่วงเวลานี้ พี่จะให้คำตอบเขา
ขอเวลาอีกนิดครับ อย่าเพิ่งด่วนถอดใจ พี่รู้ครับว่าหนิมคิดยังไง อย่าเพิ่งท้อ
ยังไม่ทันสู้ให้ถึงที่สุดจะถอยแล้วหรือครับ” คุณนิลเกลี่ยริมฝีปากแดงเจ่อ
ด้วยการใช้ปลายนิ้วโป้งสัมผัสอย่างอ่อนโยน พร้อมคำพูดที่สนิมเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยิน
แต่สายตาเข้มที่จ้องสบนั้น ไม่มีท่าทางล้อเล่นนี่สิ
“รับปากพี่หนิมจะให้เวลาพี่ ไม่นานครับ..ไม่นานหรอก” คุณนิลย้ำ
“พูดจริงใช่ไหม ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม”
สนิมน้ำตาร่วงเลยทีเดียวหลังได้ยินคำพูดขอร้องจากคนตรงหน้า
หัวใจที่ห่อเหี่ยวไปกลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อหนนี้เป็นการจูบแล้วกำชับไม่ให้ลืม
แตกต่างคืนนั้นที่ทำแล้วบอกไม่ต้องใส่ใจ มันไม่มีความหมายในการกระทำ ให้ลืมไปซะ
“พูดจริงครับ เลิกร้องขี้แยจริงเรา เช็ดหน้าเช็ดตาไปหาอะไรกินกัน พี่หิวแล้วนะเนี่ย”
คุณนิลยิ้มหล่อ สนิมพลอยหัวเราะทั้งน้ำตา
“ครับ” ขานรับ ยอมให้คุณนิลใช้ทิชชู่ไล่ซับหน้า สายตาสองคู่จ้องสบกันนิ่ง
บางอย่างเชื่อมหัวใจสองดวงไว้ด้วยกันเสียแล้ว แม้สนิมจะยังคงคลุมเครือติดที่ใจอยู่บ้าง
แต่คุณนิลได้เอ่ยปากขอเวลา เท่ากับว่าต้องให้โอกาสตัวเองและคุณนิล
จากที่มองไม่เห็นหนทางกระทั่งโอกาสมาก่อน เมื่อได้มาก็ต้องยอมรอ
ในเมื่ออย่างน้อยก็เห็นความหวังตรงปลายทางผุดขึ้นมาให้มีกำลังใจบ้างแล้วเวลานี้..
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ
สนใจอยากได้หนังสือเรื่องนี้ไปดูรายละเอียดที่หน้า 1 นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ