- 2 -“ผมวิเคราะห์ตามหลักการครับ คนเราอยู่ดีๆ จะมาไล่จับใครเขาต้องมีจุดประสงค์ในการกระทำ ที่ถามเพราะคิดว่าคุณน่าจะรู้ ท่าทางคุณวิ่งหนีพวกเขาโดยไม่ห่วงตัวเองจะถูกรถชนแบบนั้น
เหมือนหนีเอาตัวรอดโดยไม่คิดถึงชีวิต ถ้าผมเบรกไม่ทันคงกลายเป็นฆาตกรทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเลย
ส่วนคุณวิ่งหนีคนกลุ่มนั้น กลับต้องมาจบชีวิตด้วยน้ำมือผมแทน มันคุ้มกันไหมครับ คุณคิดว่าผมพูดถูกหรือเปล่า”
พอฟังเหตุผลคุณชายเปลวรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ประเด็นนี้ยอมรับไม่ทันคิดมองข้ามไปเสียถนัด
เปลวรู้คุณชายไม่มีเจตนาจะพูดให้ตนรู้สึกแย่ เพียงแค่ต้องการเตือนสติ ให้รู้จักยั้งคิดไตร่ตรองผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วย
“ฉันขอโทษ ความจริงฉันเข้าใจเป็นรถพี่ที่มาด้วยกัน จึงวิ่งไปขวาง มัวแต่พะวงกลัวพวกมันจะตามทัน
คุณชายพูดถูกที่ฉันประมาททำเรื่องไม่เข้าท่าแบบนั้น” เปลวรู้สึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ
“ผมไม่ได้จะตำหนิคุณ แค่อยากให้คุณมีสติมากกว่านี้ ผมพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้
คุณคงตกใจต้องการหนีให้พ้นคนกลุ่มนั้นเป็นสิ่งแรก ในทางกลับกันถ้าหนีพวกนั้นได้
แต่มาจบชีวิตลงเพราะถูกรถชนตาย ผมไม่เห็นด้วยจริงๆ สู้คุณยอมถูกจับแต่ยังมีลมหายใจอยู่
คนที่เขารับรู้ปัญหายังพอจะหาทางช่วยคุณออกมาได้ แบบนี้มันดีกว่าไหม”
เปลวเถียงไม่ออกไม่รู้จะแย้งยังไง สิ่งที่คุณชายยกตัวอย่างมานั้น มีเหตุผลนึกภาพตามได้ด้วย
ถ้าถูกจับพี่แจ่มรู้ก็คงหาทางแจ้งตำรวจช่วยเปลวเพราะรู้เรื่องตั้งแต่ต้น แต่ถ้าโดนรถชนดับนี่สิ
ไม่มีโอกาสย้อนไปแก้ไขอะไรได้เลย นึกแล้วต้องขอบคุณคุณชาย ที่มีสติควบคุมรถเบรกได้ฉิวเฉียด
นับว่าเป็นคนใจเย็นสุขุมมากเป็นพิเศษ จู่ๆ มีใครไม่รู้วิ่งเข้ามาขวางหน้ารถอย่างกะทันหัน
เป็นคนสติไม่มั่นคงล่ะก็..คงชนโครมเข้าให้เรียบร้อยไปแล้ว
“ฉันจะจำไว้” คำตอบเปลวทำเอาคุณชายจุดยิ้มมุมปาก โดยไม่คิดจะเก็บอาการ
เปลวเองก็ไม่เข้าใจทำไมคุณชายถึงยิ้มขึ้นมาเฉย
“ผมรู้สึกดีที่คุณพูดแบบนี้ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนต้องนึกถึงความปลอดภัยตัวเราก่อน
การหนีเอาชีวิตรอดเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงผลที่ตามมา บางทีมันอาจเลวร้ายกว่าจนแก้ไขอะไรไม่ได้เลยก็มี
แค่คุณรับปากผมก็ดีใจแล้ว” เปลวถึงกลับหัวใจกระดอนไม่เป็นจังหวะไปเลยทีเดียว
บทคุณชายจะพูดให้คนรู้สึกเข้าข้างตัวเอง ก็ทำได้ไม่ขัดหูขัดตา หรือรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างที่เคยเจอมา
กลับแสดงความห่วงใยจริงใจทั้งน้ำเสียงและแววตา มีหรือเปลวจะควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำให้มันเต้นตามปกติได้
แค่ห้ามไม่ให้หน้าเห่อแดงหูแดงเปลวยังทำไม่สำเร็จ
จะบร้าตาย!..ไม่คิดว่าจะต้องมาเขินเป็นบ้าเป็นหลังกับคนที่เพิ่งพบหน้าสองครั้ง
แต่เปลวก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย เกิดอาการแบบนี้แล้วจริงๆ
“เลี้ยวข้างหน้าเลยค่ะ คอนโดนี่แหละ” เปลวผ่อนลมหายใจยาว หลังรู้สึกแปลกๆ โดยไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
ทั้งที่ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากคนที่ร่วมประสบเหตุยื่นมือช่วยเหลือกันปกติ
แต่เปลวกลับไม่อาจควบคุมอาการใจสั่นที่เกิดกับตัวเองตอนนี้ได้
“ขอให้คุณโชคดี ครั้งหน้าหากมีโอกาสเจอกันอีก ผมขอเป็นแบบปกติบ้างคงจะดี
สองครั้งที่เราเจอกันเหนือความคาดหมายผมพอสมควร คือผมหมายความว่าคุณเป็นคนแรก
ที่มีเรื่องให้ต้องแปลกใจเสียทุกครั้งที่เจอกันนะครับ..หึหึ!” คุณชายจอดรถเสร็จค่อยหันมาพูดกับเปลว
ส่งผลให้เปลวหน้าเห่อร้อนเป็นมันเผาแล้ว ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ในทางกลับกันพาอายอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไงนี่สิ
“ฉันรับปากไม่ได้ค่ะ จะได้เจอคุณชายหรือไม่ ถ้าเจอกันอีกจะอยู่ในสภาพไหน
บางทีอาจเป็นพรหมลิขิตทำให้เราเจอกันลักษณะนี้ ขอบคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือ
นี่ค่ะเสื้อฉันคืนให้ อ้อ! ที่จริงฉันไม่ได้รู้สึกหนาวแอร์หรอก ฉันเกร็งที่ต้องนั่งรถคุณชายต่างหาก..โชคดีเช่นกันค่ะ”
เปลวยิ้มหวานพร้อมส่งสายตาอ้อยอิ่งให้ ไม่เคยคิดว่าจะทำกับใครแบบนี้มาก่อน
ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนดลใจให้เปลวอยากเห็นคุณชายสุดหล่อหน้าสุกจนเกรียม เหมือนที่เธอกำลังเป็นอยู่ตอนนี้
การกระทำที่แสดงออกจึงเป็นการจงใจล้วนๆ เปลวมั่นใจรูปร่างหน้าตาตัวเองระดับหนึ่ง
โดยเฉพาะตอนคืนสูทให้คุณชายที่เจ้าของหวังดีให้เธอเอาปิดขาอ่อนไว้ เพราะชุดแซกที่ใส่แหกจนถึงโคนขา
ล่อแหลมชวนเสียวไส้นั่นแหละ เปลวลงทุนยอมอายถึงขนาดเปิดสูทโชว์ขาขาวแถมยิ้มยั่วทิ้งหางตาอย่างมีความหมาย
แล้วค่อยก้าวขาซึ่งเจตนาโชว์สุดฤทธิ์ลงจากรถด้วยมาดนางพญาคลีโอพัตรา เพิ่งอัญเชิญองค์ลงหมาดๆ
ได้ผลเกินคาด คุณชายเพชรรัตน์อึ้งตาค้าง หน้าแดงก่ำเหมือนคนเมาสุราแล้วแพ้แอลกอฮอล์
ที่บอกแบบนั้นเพราะคุณชายสุดหล่อแดงสุกไปทั้งตัว หัวเหอหูคอขนาดมือที่จับพวงมาลัยอยู่ยังแดงเถือก
สะใจเปลวที่ได้เอาคืนในวินาทีสุดท้าย แม้จะรู้สึกอายจนตัวเองก็แดงแปร๊ดไม่น้อยไปกว่าคุณชายเลยด้วยซ้ำ
ไม่คิดว่าจะใจกล้าบ้าบิ่นทำกิริยายั่วใส่คุณชายมาก่อน
พอลงรถได้ก็ไม่กล้าหันมองเจ้าของรถเบนซ์คันหรูอีกเลย รีบก้าวขาฉับๆ ตรงดิ่งไปยังคอนโด
ไม่แม้กระทั่งจะสำรวจสายตาผู้คนที่มองตามน้ำลายสอไปแล้วเช่นกัน ไม่คิดจะมีสาวสวยหยาดฟ้ามาดิน
เดินโชว์ขาขาวผ่านหน้าให้เห็นเป็นบุญตา หลายคนกลืนน้ำลายฝืดคอกันเลยทีเดียว
คุณชายเพชรรัตน์กว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้ ก็ต้องส่ายหัวสลัดภาพติดตาสาวสวยที่เก็บตก
จับพลัดจับผลูช่วยเธอจากชายแปลกหน้าไว้ โดยที่ไม่รู้สาเหตุของเรื่องราวสักนิด
รอยยิ้มละไมระบายบนหน้าหล่อก่อนจะขยายเป็นยิ้มกว้าง แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะร่าจนมองเห็นฟันสวยเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำออกอาการตลกขบขันดังภายในรถเบนซ์สุดหรู หากใครมาเห็นคุณชายเวลานี้
คงคิดว่าหนุ่มหล่อคงสติไม่ดี เพราะดันหัวเราะขบขันอยู่เพียงลำพัง
“ฮะฮ่าๆ..ร้ายใช่เล่นยัยตัวแสบ” คำพูดเปรยจากปากคุณชาย หลังหัวเราะเสียงดังอยู่ในรถ
คุณชายจำไม่ได้ด้วยซ้ำเคยมีอาการบ้าจี้หัวเราะขำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
เท่าที่จำได้ไม่เคยหัวเราะเสียงดังเหมือนคนเสียสติแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ทำไมถึงได้ขำท้องแข็งกับภาพยั่วยวนของเปลว
ที่จงใจส่งสายตาเชิญชวนมาให้ แถมโชว์ขาขาวพาอึ้งก่อนลงจากรถอีกต่างหาก
คุณชายยอมรับเปลวสวยทำเอาใจเต้นทุกครั้งที่สบตาด้วย ยิ่งพิศใบหน้างามดุจปฏิมากรรมของจิตรกรฝีมือเอก
ยิ่งยอมรับสวยบาดจิตบาดใจจริงๆ แต่นั่นไม่ได้ทำคุณชายประทับใจเท่าสิ่งที่เปลวแสดงออก
มีผู้หญิงสักกี่คนที่คิดยั่วผู้ชาย สุดท้ายอายเองจนหูแดงหน้าแดงแปร๊ดเหมือนเปลว
คิดยั่วเค้าแต่ดันอายจนเดินขาแทบขวิดก็มีด้วย สิ่งนี้ต่างหากพฤติกรรมอย่างเป็นธรรมชาติ
ทำคุณชายขำเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนคนเสียสติไปแล้ว
หม่อมราชวงศ์เพชรรัตน์ มณีรมย์ ศึกษาจบจากประเทศอังกฤษ ไปเรียนตั้งแต่เตรียมอุดมยันมหาวิทยาลัย
ทำไมจะไม่มีสาวสวยเข้ามาในชีวิต ระดับนางแบบดารามีมามากมาย พวกที่ยั่วยวนอ่อยเสน่ห์เจอมานักต่อนักแล้ว
แต่พวกที่ทำให้ขำท้องแตกไม่เคยมี ยั่วแล้วดันอายเหมือนเปลวไม่เคยเจอมาก่อน อายชนิดลงรถไม่มีเหลียวหลัง
ลืมกระทั่งมารยาทของเจ้าบ้านที่ดีต้องให้เกียรติส่งแขก ค่อยหันหลังกลับเข้าคอนโด
แต่เปลวกลับไม่สนฟ้าลงจากรถเดินหนีดุ่มๆ ไม่มองซ้ายมองขวา
หนำซ้ำหน้าแดงก่ำจนคุณชายต้องระเบิดฮา..หัวเราะขำท้องกิ่วอยู่คนเดียวอย่างที่เห็น
“บ้าชะมัด โอย..อยากเอาหัวโขกกำแพง” เปลวบ่นตัวเอง หลังรู้ตัวทำอะไรลงไป นึกแล้วไม่กล้าเจอหน้าคุณชายอีกแล้ว
อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ ตอนทำไม่ทันคิดว่าจะออกมาแบบนี้ ทำไปแล้วถึงรู้ว่าไม่น่าเลยจริงๆ
“ป่านนี้เขาจะคิดยังไง ช่างเหอะแก้ไขไม่ได้แล้ว” มาถึงห้องเปลวทึ้งผมตัวเองอย่างนึกโมโห
ไอ้ตอนทำไม่ทันนึกถึงผลลัพธ์ว่าเขาจะดูถูกหรือมองตนยังไง แค่อยากเอาชนะที่คุณชายจ้องสำรวจเปลวแล้วตีมึนก็เท่านั้น
หรือบางทีเป็นเปลวเองที่มีปัญหา คิดเองเออเองจนทำเรื่องขายหน้าไปได้
“ทำไมเป็นเราทุกทีที่หน้าแตกกับคุณชายเพชรนะ โอยจะบ้าตาย คราวที่แล้วก็หน้าแตก
คราวนี้ก็อีกแล้ว..มันอะไรกันนักหนาวะนี่” ถามไปก็ไม่มีคำตอบให้ตัวเอง เพราะเปลวก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
โชคชะตาพาเปลวกับคุณชายพบกันในสถานการณ์ที่เปลวต้องกลายเป็นตัวตลกเสียทุกครั้ง
คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ตัดสินใจลุกจัดการชุดแซกที่แหวกจนเห็นในกระจกแล้วขนลุก
มันโชว์วิวได้หวาดเสียวจริงๆ หยิบใส่ไปในตะกร้าผ้า คิดว่าซักแล้วค่อยส่งซ่อม จะทิ้งก็เสียดายเผื่อได้ใช้อีก
คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ขออาบน้ำให้สดชื่นก่อน รูปร่างสูงเพรียวสมส่วนไม่มีไขมันส่วนเกินหรือกล้ามเนื้อน่าเกลียดให้เห็น
ตรงข้ามรูปทรงระหงขาวผ่อง แม้จะไม่มีหน้าอกนูน แต่ก็งามพอแล้วสำหรับอกแบนราบโดยเฉพาะจุดแต่งแต้ม
ของเม็ดทับทิมสีหวานอมชมพู เอวคอดรับกับสะโพกหนั่นนูนและช่วงขาเรียวยาวขาวนวลไร้ขนรุงรัง
ร้อยทั้งร้อยหากผู้ชายมาเห็นสรีระของเปลวแบบนี้ ถึงจะรู้ว่าเป็นผู้ชายก็คงห้ามไม่ให้เกิดอารมณ์ปรารถนาได้ยากยิ่ง
เพราะใบหน้าสวยสดกับผมยาวสลวยถึงกลางแผ่นหลัง มันกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาไปแล้วเกินกว่าครึ่ง
ยิ่งผิวพรรณขาวผุดผาดไม่มีส่วนไหนดูแล้วขัดตาแบบนี้ล่ะก็ ทำไมพวกเขาจะมองข้ามสิ่งบ่งชี้ของสัญลักษณ์ทางเพศ
ที่แสดงหลักฐานว่าเปลวคือผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้หญิง ร่างเปลือยภายใต้ฝักบัวซึ่งสาดกระเซ็นสายน้ำจนเปียกชุ่มโชก
ดูเซ็กซี่ยั่วยวนโดยเจ้าของร่างแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่เส้นผมดำขลับเปียกลู่บนผิวขาว ก็เกินพอแล้วที่จะเซ็กซี่..
มาอัพตามนัดแล้วนะคะ เจอกันอีกทีวันศุกร์ค่ะ
ขอบคุณที่แฟนนิยายติดตามและให้กำลังใจกันนะคะ
ตอนหน้าเจอน้องเปลวทำคุณชายอึ้งอีกครั้งแล้ว..อิอิ
ปล.หนังสือป๊อป&ร็อค ส่งพรุ่งนี้เช้านะคะ ขอบคุณที่รอคอยด้วยดีเสมอมา
คาดว่าถึงมือคนอ่านแฟนนิยายน้องป๊อป ไม่เกินวันเสาร์นี้แน่นอนค่ะ