ผมอยู่เฝ้ามันที่โรงพยาบาลอีกเกือบๆ สองอาทิตย์..ก่อนจะพามันกลับมาพักฟื้นที่บ้านเมื่ออาการเริ่มดีแล้ว แม่มันยอมแต่ไม่ไว้ใจให้ผมอยู่ดูแลมันคนเดียว เลยเลือกจ้างพยาบาลตามมาเฝ้ามันที่บ้านด้วยอีกคน ผมไม่ได้แย้งอะไร..เพราะสังเกตอยู่แล้วว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่อยู่โรงพยาบาล แม่มันไม่เคยแม้แต่จะหันมามองหน้าผมเลย เพราะอย่างนั้นเลยไม่ไว้ใจที่จะให้ผมดูแลมันคนเดียวละมั้ง
.
.
“คุณพยาบาลนอนพักห้องรับแขกที่ชั้นล่างนี่ก็ได้นะครับ” ผมบอกเพราะรู้สึกว่าไม่อยากให้ใครรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเราเท่าไร “จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินขึ้นเดินลง..เพราะห้องข้างบนไม่มีห้องน้ำส่วนตัว”
“ให้ดิฉันพักห้องข้างบนก็ได้ค่ะ..เวลามีอะไรจะได้เรียกกันง่ายๆ”
“เอ่อ..” ผมอึกอัก
“ให้เขานอนห้องข้างบนนั่นแหละ..มึงจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก”
ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินมันตัดสินใจอย่างนั้น ไม่พูดอะไรทั้งที่อยากบอกว่าผมดูแลมันได้..และผมก็ไม่คิดกลัวความเหนื่อยเลยสักนิด
“งั้นเราช่วยกันพยุงคุณนัทขึ้นไปพักเลยนะคะ”
“ครับ..”
รับคำแบบหน่ายๆ ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงมันอีกข้าง..ผมเหลือบตามองมันที่ทำท่าเหนื่อยๆ เหมือนอยากพักเต็มที มันคงรำคาญที่ต้องมายืนรอฟังผมพล่ามเรื่องห้องพักของคุณพยาบาลที่แม่มันตั้งใจส่งมาจริงๆ เลยตัดบทออกมาแบบนั้น
.
.
“เตียงไม่กว้างเท่าไร..คุณทิวย้ายไปนอนตรงโซฟาชั่วคราวก่อนดีไหมคะ ดิฉันกลัวคุณพลาดไปโดนขาคุณนัท”
ผมหันหน้าไปมองเธอด้วยความไม่พอใจ..นึกอยากต่อว่าเรื่องความเจ้ากี้เจ้าการของเธอไม่น้อย แต่มันก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “มันไม่ใช่คนนอนดิ้น..อีกอย่างผมคงนอนไม่หลับถ้ามันอยู่ห่างตัว”
“เอ่อ..ค่ะ..ตามใจคนไข้แล้วกันนะคะ”
ผมเผลอยิ้มออกมาแบบเยาะเย้ย..ก่อนจะนึกได้ว่าไม่ควรทำกริยาแบบนั้น เลยพูดเปลี่ยนเรื่องไป..และพาเธอไปดูห้องรับแขกที่อยู่ติดกันแทน ก่อนจะรีบแยกออกมาดูแลมัน..แล้วให้เวลาเธอได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง
.
.
“ยิ้มได้แล้วหรือไง..” มันพูดขึ้นตอนผมกำลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
“ผมเปล่าครับ”
“หึๆ” ผมหลบตามัน..แกล้งทำไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอนั่น แล้วตั้งหน้าตั้งตาใส่เสื้อผ้าให้มันแทน “ดีใจที่ได้เห็นมึงเป็นอย่างนี้..”
“...”
“เพราะมันทำให้กูรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง”
“ยกแขนสิครับ..แต่งตัวเสร็จแล้วจะได้ทานข้าวทานยา”
“หึๆ”
.
.
ผมกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งพร้อมกับถ้วยข้าวต้มในมือ..เย็นๆ อย่างนี้ให้มันกินอะไรอ่อนๆ น่าจะดีกว่า ผมเลยเลือกจะต้มข้าวต้มกุ้งให้มัน แต่พอขึ้นมาถึงก็เจอคุณพยาบาลกำลังช่วยพยุงมันขึ้นมานั่งเอนหลังพิงหัวเตียงรออยู่..ก่อนจะพยายามแย่งข้าวต้มในมือผมไปป้อนมันเอง
“ให้มันป้อนแหละดีแล้ว..เธออยากจะไปทำอะไรก็ไปทำ” มันว่าเสียงเรียบ “แล้วถ้าไม่ได้เรียก..ก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้”
“แต่..” เธอทำท่าจะแย้ง
“บอกยังไงก็ทำอย่างนั้น..น่ารำคาญ !”
“คุณนัท..” ผมเรียกปราม..เมื่อเห็นเธอทำหน้าเจื่อนๆ
“ไม่ต้องพูดแล้ว..รีบๆ มาป้อนข้าวกูสักที หิว”
“ครับๆ”
ก็ไม่ได้อยากจะให้มันแสดงออกขนาดนี้..แต่ก็อดจะรู้สึกดีไม่ได้ที่เห็นมันทำให้ ผมยิ้มบางๆ ไปให้เธอก่อนจะรีบเดินมานั่งข้างๆ เพื่อป้อนข้าวมัน..ในหัวก็นึกๆ ไปว่าถ้ามันรำคาญเธอขนาดนี้แล้วจะรับปากแม่ให้มาดูแลทำไมตั้งแต่ทีแรก
“ก็ดีกว่าแม่กูมาดูเอง”
“ครับ ?”
“แบบนั้นมึงจะยิ่งอึดอัดมากกว่า..”
ผมยิ้มออกมาเมื่อได้รับรู้ว่ามันใส่ใจผมมากแค่ไหน “ขอบคุณนะครับ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นบ้างเหอะ”
ถึงมันจะพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจ..แต่ผมก็คิดว่ามันคงอยากได้อะไรอย่างอื่นจริงๆ อย่างที่บอก “รีบหายก่อนสิครับ..”
“...”
“แล้วผมจะบอก”
“กูไม่ใช่เด็ก !”
ผมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของมัน “ผมพูดจริงๆ นะ”
“พอเถอะ”
เมื่อโดนตัดบทอย่างนั้น..ผมเลยต้องเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่ถึงจะไม่ได้พูดอะไรกัน..ผมก็ยังรับรู้ความรู้สึกของมันได้ผ่านแววตาทั้งหมดนั่นอยู่ดี
“นอนพักเยอะๆ นะครับ” บอกเมื่อมันยื่นแก้วน้ำส่งคืนมาให้หลังกินยาเสร็จ “จะได้หายไวๆ”
.
.
หลังจากนั้นสองวัน..มันโทรกลับไปหาแม่เพื่อขอยกเลิกไม่ให้มีพยาบาลมาเฝ้ามันอีก ตอนแรกแม่มันก็ไม่ยอม..แต่มันยืนยันหนักแน่นว่าไม่เอาแล้วแม่มันเลยถียงอะไรไม่ได้ ต้องยอมตามใจมันเหมือนเคย ผมมองบ้านทั้งบ้านอย่างโล่งใจ..ไม่ต้องมีคนอื่นมาวุ่นวายเดินไปมาในบ้านอีกแล้ว เหลือแค่ผมกับมันเหมือนเดิมจริงๆ แล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นมากจริงๆ
.
.
“ไปเดินเล่นกันไหมครับ”
“อืม..”
ผมเข้าไปพยุงแขนมันข้างที่ไม่ได้ค้ำไม้ค้ำ..ก่อนจะค่อยๆ พากันเกินออกมารับลมไปตามชายหาด อาการมันดีขึ้นมา..เอาเฝือกออกแล้วด้วยตั้งแต่วันก่อน แต่หมอก็ยังไม่อยากให้ลงน้ำหนักที่ขามากเกินไปเลยยังให้ใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงอยู่ แรกๆ มันก็ไม่ยอม..แต่ผมทั้งขอร้องทั้งอ้อนมันเลยยอม
“ชอบที่นี่ไหม”
“ครับ ?”
“กูถามว่ามึงชอบที่นี่ไหม”
“ชอบ..ชอบสิครับ”
“เพราะทะเลนี่หรือเปล่า..ที่ช่วยรั้งมึงเอาไว้ไม่ให้ไปไหนได้” มันพูดแล้วถอนหายใจออกมา “บางทีกูก็คิดอย่างนั้นนะ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ล่ะครับ” ผมว่าแล้วช่วยพยุงมันนั่ง “ทำไมถึงคิดว่าทะเลแค่นี้จะรั้งผมเอาไว้ได้”
ผมยิ้มให้มัน..แต่มันกลับไม่คิดจะยิ้มตอบ “เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่มึงเคยพูดเพื่อแสดงความต้องการออกมา”
“ครับ ?”
“ตอนที่มึงบอกกูว่าคิดถึงทะเลที่นี่ไง”
ผมนั่งนึกอยู่นาน..กว่าจะนึกออกว่าเคยพูดกับมันแบบนั้นตอนไหน ตอนที่มันลากผมไปเที่ยวทะเลด้วยกันเมื่อมิวบ่นว่าอยากไปสินะ..ตอนนั้นผมแค่พูดไปโดยไม่คิดอะไรด้วยซ้ำ ทำไมมันยังนึกใส่ใจจะทำให้จนต้องทิ้งมิวเอาไว้แบบนั้นคนเดียวด้วยนะ
“จริงๆ ตอนนั้นกูอาจจะรักมึงมากไปแล้วก็ได้”
“...”
“รัก..ทั้งที่อยากจะเกลียดแทบตาย”
ผมหัวเราะออกมา..ก่อนจะเอ่ยปากแซวมัน “พูดเรื่องพวกนี้ไม่เขินบ้างเหรอครับ”
“เขินสิ..ทั้งเขินทั้งอาย..”
“...”
“แต่กูกลัวมึงจะไม่รับรู้มากกว่า..”
“ผมรู้ครับ..”
“...”
“ผมรับรู้ทุกอย่างแล้ว..”
“...”
“และสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะบอกเมื่อคุณหาย..”
“หมายความว่าไง..”
“ความพยายามของคุณไม่สูญเปล่าหรอกครับ..” ผมว่าแล้วยกมือขึ้นกอดเข่าเอาไว้ “อย่างน้อยๆ ตอนนี้มันก็ทำให้ผมขาดคุณไปไม่ได้แล้ว”
“...”
“รักหรือเปล่า..ผมเองก็ยังไม่รู้..”
“ไอ้ทิว..”
“ผมรู้แค่ว่า..นอกจากคุณ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้กับใคร”
“แล้วไอ้วีล่ะ..”
ผมฟุบหน้าลงกับเข่าตัวเอง “เขาเคยดีกับผมมากครับ..”
“...”
“ดีมากๆ และเป็นเพียงคนเดียวที่เคยยื่นมือเข้ามาให้ผมจับ..”
“...”
“ระหว่างผมกับเขา..มันอาจจะเป็นความรักจริงๆ ก็ได้”
“...”
“แต่มันก็เท่านั้น..เมื่อตอนนี้ในหัวผมมันมีแค่เรื่องของคุณ..”
“...”
“อย่าพูดถึงเขาอีกได้ไหม..” ผมหันไปสบตามัน “ให้มีแค่เรื่องของเรา..”
“...”
“ตลอดไป..”
“อืม..”
“ขอบคุณนะครับ” ผมบอกแล้วส่งยิ้มไปให้มัน “เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
.
.
ผมไม่ได้โง่ที่ยอมให้อภัยคนที่เคยทำร้ายตัวเองมาตลอดง่ายๆ แบบนี้..ผมแค่ฉลาดพอที่จะละทิ้งความโกรธและความเจ็บปวดเพื่อเดินเข้าหาความสุขต่างหาก และผมมั่นใจอย่างที่สุดเลยว่า..มันจะไม่วันทำร้ายผมอีก เพราะผมรู้ว่ามันได้รับบทเรียนจากเรื่องพวกนั้นมามากพอแล้ว..
Ma-NuD_LaW
จบ.. ดราม่าคงไม่ได้จบแค่นี้ เพราะคนเขียนชอบดราม่าแบบเรื้อรัง
รักเรื่องนี้ ไม่อยากให้จบ
ทิวรักนัทแล้วว
เดี๋ยวจัดตอนพิเศษเยอะๆ เลย อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนคนติดน้ำตาล ขาดไม่ได้ อยากกินทุกวัน แต่ติดตรงที่ว่า...ได้รับอนุญาตให้กินแค่วันละนิดละหน่อย
T T อ่านจนถึงตอนนี้แล้วมาเม้นท์ทีเดียว ต้องกราบขอโทษด้วยค่ะ (ปกติอ่านแล้วไม่ค่อยเม้นท์ให้ใคร=ชั่วนิดนุง)
ปกติไม่อ่านแนวนี้ค่ะ เป็นมนุษย์โลกสวยที่รับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้เลยพยายามหลีกเลี่ยง
เรื่องนี้ ยอมรัยว่า พลาด แงงงงง แต่.....เป็นความผิดพลาดที่ได้อะไรเยอะมาก
เป็นนิยายที่ทำให้ร้องไห้ได้โดยไม่ต้องได้รับการบิ้วอารมณ์
แบบอ่านๆอยู่ น้ำไหลออกจากตาเฉยเลย รับรู้ได้ถึงความอัดอั้นของตัวละคร
คนอ่านเอง (เก๊า เอง) ก็หน่วงไปด้วย ข้างในมันบีบ แบบ เอื้อก!!!! (เตือนตัวเองแปปว่านี่นิยายนะ)
ขอบคุณคนเขียนที่สร้างเรื่องราวแบบนี้มาให้เราๆ ได้อ่านแล้วก็จดจำเรื่องราวดีๆแบบนี้ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ปอลิง..... แต่ละตอนเก๊าว่ามันก็ไม่ได้สั้นนะ ที่แค่ ไม่รู้อ่ะ ก็โอเคนะ คัมซาฮัมนีดาาาาา
ตอนรับนักอ่านหน้าใหม่..ในวันที่ลงตอนจบครับ
.
.
.
สุดท้ายนี้..อยากบอกว่าขอบคุณที่ติดตามมาตลอด ไม่รู้ว่าตอนจบมันห้วนไป..ไม่ถูกใจใครไหม เอาไว้แก้ตัวในตอนพิเศษละกัน
แล้วๆๆๆๆๆๆ เราจะกลับไปอัพเรื่อง ผม 'รัก' พ่อ ก่อนนะครับ คิวต่อไปก็น้องเพียวนะ คุณ magic-moon
ผมรักพ่อเป็นเรื่องสั้น..อัพจบไวกว่าเพียว ขอลัดคิวก่อนเนอะ ^^
คิดถึงกันจิ้มไปเม้าในแฟนเพจได้น้า >> https://www.facebook.com/ma.nud.law.yaoi
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กันมา
ปล.ขอบคุณ คุณ ฉันเอง..ที่ทั้งเชียร์ทั้งดันนิยายเราบ๊อยบ่อย