ลอบยิงคุณอธิป"นี่คือสถานที่ที่เราจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ ผมตกลงกับทางคุณดริณไว้ว่าจะเริ่มสร้างตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ตอนนี้มันก็เริ่มเป็นเค้าเป็นโครงขึ้นมาเยอะแล้ว วานคุณเชอร์รี่ช่วยเก็บข้อมูลไปให้ครบถ้วนด้วยนะครับ" ผมพาคุณเชอร์รี่ดูงานไปพร้อมตรวจงานไปด้วย รีสอร์ตแห่งใหม่อยู่ลึกเข้ามาในป่าที่มีน้ำตก เราสามคนมีผมคุณแทนคุณเภาร่วมทุนกันสร้างรีสอร์ตขนาดใหญ่ที่สุดและครบวงจรที่สุดในที่ดินผม ตอนนี้งานคืบหน้าไปส่วนหนึ่ง ทางคุณแทนจะเป็นสื่อโฆษณาชั้นเยี่ยมให้กับรีสอร์ตเรา ส่วนคุณเภาจะเป็นคนติดต่อทัวร์ต่างๆให้ลงรีสอร์ตของเราไว้ในทริปการท่องเที่ยวด้วย ผมไม่ได้มากับคุณเชอร์รี่แค่สองคนนะครับ เด็กดื้อของผมก็มา สองสามวันที่แล้วผมเกือบทำให้สุดที่รักผมโกรธแล้วไหมล่ะ ใครจะไปรู้ว่าเชอร์รี่จะมารยาตัวแม่ขนาดนั้น แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมสักเท่าไหร่ คงเพราะมีคนคอยกันไว้ให้ล่ะมั้ง
"เป็นไงช่างใหญ่ ช่วงนี้ใกล้หน้าหนาวฝนไม่ตกคงทำงานกันง่ายขึ้นเนอะ" ผมเดินตรวจโครงสร้าง ช่างใหญ่เป็นหัวหน้าช่างคอยคุมที่นี่ให้ผม ตอนนี้สร้างโครงพื้นเรียบร้อยแล้ว คาดว่ากลางปีหน้าคงจะเสร็จสมบูรณ์
"สบายครับ แต่มันก็มีลำบากบ้าง ผมว่าจะจัดการถนนหนทางให้เรียบร้อยเสียก่อน เวลารถปูนมาจะได้ไม่ลำบาก" ช่างใหญ่บอกผม
"เอาสิ ถ้างั้นเดี๋ยวลาดยางไปก่อน ไว้เสร็จสมบูรณ์ค่อยสร้างถนน เพราะไม่งั้นคงเละก่อนเสร็จแน่" เพราะรถขนปูนขนของต้องเข้ามาอีกหลายรอบ ผมว่าค่อยสร้างถนนดีกว่าต้องมาแก้อีกรอบ
"เป้คะ รี่ขอตัวไปเดินดูตรงนู้นก่อนนะคะ" เธอพูด ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมเดินตรวจงานของผมต่อ มีบางจุดต้องเพิ่ม บางจุดต้องลดก็แก้ๆกันไป เดินตรวจสภาพสักพักก็นึกขึ้นได้ว่าวันไปเดินเล่นที่น้ำตกนานแล้ว ผมว่าอีกสักพักผมจะกลับเลยโทรเข้าเบอร์วันแต่เหมือนมันลึกเกินไม่ค่อยมีสัญญาณ ผมคงต้องเดินไปตามล่ะมั้ง
"จะรีบไปไหน แกกลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง"
"อย่ามางี่เง่านะคุณ ผมไม่อยากมีเรื่องกับคุณหรอกนะ!"
"แน่จริงกลับมาสิ กลับมา!"
เป็นเรื่องแล้ว ผมวิ่งตามเสียงไปเรื่อยๆจนเห็นคนสองคนยืนเถียงกันอยู่ วันเดินหนีออกมาแล้วแต่เชอร์รี่ก็ยังเดินตามมาหาเรื่อง จนวันต้องหยุดเดินอีก ผมรีบเร่งฝีเท้าให้ใกล้ขึ้นเพื่อจะได้หยุดการกระทำของเชอร์รี่
"วัน"
ปัง! เสียงปืนดังขึ้นจนผมต้องก้มลงหลบกระสุน แต่มันไม่ได้ยิงมาทางผม ผมขาสั่นตอนที่เห็นวันถูกยิงล้มลงไปกับพื้น มันไม่ได้มาจากเชอร์รี่หรือใครทั้งนั้น ผมรีบวิ่งเข้าไปหาวัน เชอร์รี่เองก็ดูตกใจมากเช่นกัน ตอนนี้ผมมือสั่นไปหมดเลย ใครที่มันมาลอบยิงวันวะ เหมือนจงใจจะยิงวันโดยตรง ไม่ใช่มาดักปล้นหรืออะไร
"รี่ไม่ได้ทำนะคะ ไม่ได้ทำ" เชอร์รี่รีบปฏิเสธเป็นการใหญ่ ผมพยักหน้าแล้วอุ้มวันออกมา เลือดไหลอาบจากต้นแขนลงมาถึงข้อมือ ตอนนั้นถ้าผมไม่เรียกวันไว้กระสุนอาจจะเจาะเข้าหัวใจเต็มๆก็ได้ นี่มันกะเอาให้ตายเลยใช่ไหม ผมวิ่งออกมาก็เจอช่างใหญ่วิ่งสวนมา
"นายครับ รีบพาคุณไปโรง'บาลเถอะ ทางนี้ผมจัดการเอง" ช่างใหญ่วอคุยกับลูกน้อง ส่วนผมตอนนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว รีบพาวันขึ้นรถแล้วบึ่งรถออกทันที ผมว่าเชอร์รี่คงกลัวมากจนลืมว่าตีกับวันอยู่ ตอนนี้เธอเป็นคนนั่งดูวันอยู่ด้านหลัง ผมบึ่งรถเร็วมากไม่ได้เพราะทางส่วนใหญ่เป็นเขาชันและทางโค้งเสียส่วนใหญ่ ผมยังไม่ได้โทรบอกแม่เวียงหรือพี่ปริมเลย ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงผมก็ถึงโรงพยาบาลในเมือง ผมอุ้มวันลงจากรถแล้ววางไว้บนเปลมีเจ้าหน้าที่เข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ผมภาวนาให้วันไม่เป็นไร สักพักเชอร์รี่ก็เดินเข้ามาพร้อมส่งกุญแจรถให้
"คุณทำใจดีๆนะคะ คือ คือรี่ขอโทษจริงๆ พอเจอเรื่องแบบนี้รี่ก็คิดได้ว่าทำผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้รี่ด้วยนะ" เธอพูดอย่างจริงใจ ผมว่าเธอน่าจะตกใจมากที่เจอเรื่องแบบนี้ ถ้าเธอทำได้อย่างที่พูด ผมก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร
"ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณ เก็บคำพูดไว้บอกวันเถอะ" ผมพูดแล้วกดโทรศัพท์หาพี่ปริม หวังว่าถ้าแม่เวียงรู้เรื่องนี้คงจะไม่เป็นลมกันเสียก่อนนะ
"ค่ะ ใช่ค่ะ ค่ะ เชอร์รี่ขอโทษนะคะแทน ค่ะ" เธอวางสายที่โทรไปแจ้งข่าวคุณแทน ส่วนผมได้แต่เดินวนอยู่หน้าห้อง เมื่อไหร่จะออกมาก็ไม่รู้
"คุณแทนจะรีบมาเยี่ยมพรุ่งนี้ค่ะ คุณใจเย็นๆนะคะ รี่เข้าใจค่ะ พี่ชายรี่ก็เคยถูกยิง" เธอบอกผมที่เดินงุ่นง่านอยู่ ผมไม่น่าปล่อยวันไปเดินเล่นแถวนั้นเลย คนที่ดักยิงมันน่าจะเป็นคนที่มีความแค้นกับวันซึ่งนั่นก็มีคนเดียวคือเสี่ย ถ้าเป็นเสี่ยจริงๆผมจะเอาให้ถึงตายเลยในคดีว่าจ้างฆ่า สงสัยคงไม่แค่อยากติดคุกตลอดชีวิตในข้อหายาเสพติดซะล่ะมั้ง
"ธิปน้องออกมาหรือยังลูก ฮือออ ใครมันช่างใจร้ายขนาดนี้" แม่วันมาแล้วครับ มาพร้อมกับพี่ปริมแล้วก็เปี๊ยก
"แม่ใจเย็นนะ น้องต้องปลอดภัย ตอนนี้รอหมอออกมาก่อนนะครับ" พี่ปริมเข้าไปกอดแม่วันไว้ ผมยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินแบบนี้ก็คิดไปถึงตอนที่ตัวเองพาวันมาส่งครั้งแรก ตอนนั้นผมก็กังวลเหมือนกันแต่ไม่ได้กังวลแบบนี้ เพราะตอนนี้รักเขาหมดใจแล้ว ผมเลยกังวลจนคิดว่าถ้าไม่มีวันผมจะอยู่อย่างไร
"หมอคะหมอ วันเป็นไงคะ ลูกฉันรอดใช่ไหมหมอ!" แม่เข้าไปดึงแขนหมอที่เพิ่งออกมาจากห้อง
"ใจเย็นนะครับ คนไข้ปลอดภัยแล้ว กระสุนยิงถากแขนขวาไปไม่ได้โดนกระดูกและส่วนสำคัญเพียงแต่เลือดออกเยอะและคนไข้ความดันต่ำมาก ตอนนี้เราคงต้องขอดูอาการก่อนนะครับ เดี๋ยวจะย้ายคนไข้ไปห้องพิเศษนะครับ ไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวก่อน ขอบคุณครับ" พวกผมขอบคุณหมอแล้วรอจนเขาย้ายคนไข้ขึ้นมาห้องพิเศษ ผมปล่อยให้แม่กับพี่ปริมดูน้องไป ส่วนผมก็ออกมาโทรศัพท์หาช่างใหญ่เพราะมีสายไม่ได้รับหลายสาย
(( คุณอธิปครับ ลูกน้องผมจับคนร้ายไว้ได้ ตอนนี้พาไปสถานีตำรวจแล้ว คุณจะเอาไงครับ เดี๋ยวจะมีตำรวจเข้าไปดูอาการคนถูกยิงนะครับ อาจจะต้องให้ปากคำกันที่นั่น ))
"เดี๋ยวผมรอละกันนะ ขอบใจมากนะช่างใหญ่" ผมวางสายแล้วเดินเข้าไปด้านใน
"คุณเชอร์รี่เดี๋ยวรบกวนอยู่ให้ปากคำกับตำรวจด้วยนะครับ" ผมบอก เดินไปดูวันที่ตอนนี้ยังนอนไม่รู้สึกตัว เธอพยักหน้ารับ
"เดี๋ยวตำรวจมาหรอเป้ .. แล้วจับตัวคนร้ายได้ยัง" พี่ปริมถาม
"จับได้แล้วครับ กำลังสอบสวน เดี๋ยวเขามาสอบพยานที่นี่ ส่วนวันคงต้องรอให้ฟื้นก่อน" โชคดีแค่ไหนที่กระสุนแค่ถากเนื้อไม่ได้ฝังหรือทะลุ เพราะขนาดแค่นี้วันยังสลบไปเลย ตอนแรกก็อยากจะจัดการคนที่ยิงวันด้วยตัวเองเหมือนกันนะแต่ให้ตำรวจเป็นคนจัดการน่าจะถูกต้องกว่า
ผมนั่งเฝ้าวันสักพักตำรวจสองนายก็มาสอบปากคำ ผมถูกสอบกันทีละคน คุณเชอร์รี่ถูกสอบคนแรกคนต่อไปก็เป็นผม ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดและแจ้งว่าน่าจะเป็นฝีมือใคร ทางตำรวจแจ้งว่าหากคนร้ายเผยความจริงว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าวันก็จะสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้ และถ้าหากคำสารภาพเป็นคนเดียวกับที่ผมแจ้งนั่นหมายถึงเสี่ยจะต้องถูกประหารชีวิตเพราะได้กระทำความผิดโทษติดคุกตลอดชีวิตในคดีเป็นผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่อยู่แล้ว บวกคดีจ้างวานฆ่าไปโทษก็มีอยู่สถานเดียว
"เย็นแล้ว กลับไปพักกันเถอะครับ ผมเฝ้าน้องเอง เปี๊ยกฝากเตรียมเสื้อผ้าให้ด้วยนะ" เรานั่งเฝ้าวันกันจนเย็นวันก็ยังไม่ฟื้น นี่ก็เย็นมากแล้วผมคงเป็นคนเฝ้าวันเอง กลัวมากครับ กลัวว่าเขาจะไม่ฟื้นมาหาผมอีกแล้ว
"แล้วเธอล่ะจะกลับด้วยไหม" พี่ปริมถามเชอร์รี่
"กลับเลยละกันค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ารี่คงกลับกรุงเทพเลย" เธอพูด ผมพยักหน้ารับ อันที่จริงเธอก็ดูไม่ร้ายเท่าไหร่นะ ผมว่าเธออยากเอาชนะให้ได้หรือเปล่า แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ผมขี้เกียจมานั่งปวดหัวเวลามีใครมาตาม โดนแฟนโกรธนี่มันไม่สนุกด้วยเลยนะ พอพวกเขากลับไปผมก็เดินเข้าไปหาวัน ลูบหัวบางก่อนจะกดจูบลงไปที่หน้าผาก
"ฟื้นเถอะนะ พี่รอเราอยู่นะครับคนดี" พูดจบก็กดจูบแช่ไปบนริมฝีปากแห้งผาด น้ำตาผมไหลออกมา เคยคิดไว้ว่าวันจะต้องไม่เจอสิ่งร้ายๆอีกแล้วเมื่ออยู่กับผม แต่ผมกลับปล่อยให้มันทำร้ายวันได้ ผมควรลงโทษตัวเองด้วยซ้ำที่ดูแลวันได้ไม่ดีพอ
ผมเฝ้าวันทั้งคืนมีงีบบ้างแต่แทบจะไม่ได้นอน พยาบาลก็เข้ามาเปลี่ยนสายน้ำเกลือสายฉี่วัดไข้วัดความดันอยู่ตลอด ตีสี่นั่นแหละกว่าวันจะรู้สึกตัว
"เจ็บไหมวัน ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ไม่เป็นไร" ผมที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆรีบกดกริ่งเรียกพยาบาล ผมลูบหัวน้องที่หอบเหมือนคนเพิ่งฝันร้าย
"เจ็บครับ .. วันไม่รู้สึกตัวอีกเลยหลังจากได้ยินเสียงปืน" น้องบอก ผมทั้งลูบหัวทั้งจูบหน้าผากให้กำลังใจ ดีใจมากจริงๆ ถ้าน้องไม่ตื่นผมคงเสียใจมากที่สุดในชีวิต
"ขอตรวจอาการคนไข้นะคะ" พอพยาบาลมาผมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขา ผมเตรียมน้ำอุ่นและผ้าชุบน้ำไว้ พอพยาบาลออกไปผมก็เช็ดหน้าเช็ดตาให้วัน ปรับเตียงให้เขาได้ดื่มน้ำ ดูวันจะเจ็บมาก ผมสงสารเขาเหลือเกิน
"จับตัวคนร้ายได้ไหมครับ" ผมเอามือลูบแก้มวันแผ่วเบา แก้มเนียนๆที่ผมเคยสัมผัสตอนนี้เริ่มมีคราบน้ำตาที่ไหลลงมาเพราะความเจ็บปวด
"ได้แล้ว ตำรวจกำลังบีบให้มันบอกความจริง" ผมบอกน้ำตาจะไหลตาม ทำไมอะไรๆก็ต้องมาเกิดแต่กับวัน ให้เป็นผมแทนบ้างไม่ได้หรอ
"ครับ วันอยากนอน" พอวันพูดผมก็ปรับเตียงให้เขานอน จูบราตรีสวัสดิ์อีกครั้งก่อนจะพาตัวเองไปนอนบ้าง
...
"เป็นไงบ้างลูก ขวัญเอ้ยขวัญมานะ" พี่ปริมพาแม่มาแต่เช้า พร้อมของเยี่ยมมากมาย ผมถึงได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอวันตื่นทุกคนก็ไปรุมกันอยู่ที่เตียง
"ยังเจ็บแผลอ่ะแม่ แล้วนี่หมอจะให้วันกลับเมื่อไหร่" วันนี้วันหน้าเริ่มมีสีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อวานนี่ซีดจนคิดว่าเลือดหมดตัว
"หมอให้ดูอาการอีกวันสองวัน ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนก็ยังไม่ให้กลับ" ผมพูดมองหน้าคนตัวเล็ก เวลาที่เราเห็นคนที่รักเจ็บปวดมันก็เจ็บไปด้วยจริงๆ ผมรักวัน รักมากถึงขั้นอยากแต่งงาน แต่ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างมากก็ไปฮันนีมูนเงียบๆแล้วขอเขาแต่งงาน เด็กคนนี้เป็นคนที่เก่งและน่านับถือคนนึง จากเด็กขายที่โดนข่มขืนรุมทำร้าย ตอนนี้วันโตจนสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้แล้ว ผมก็ยิ่งถูมิใจในตัวเขามากขึ้น หลังจากเสร็จการเยี่ยมในตอนเช้า พอตอนบ่ายเพื่อนๆวันก็มาเยี่ยม คุณเชอร์รี่เธอกลับไปแล้ว คุณแทนก็มาขอโทษกับผมใหญ่เพราะเธอทำงานดีแต่เรื่องผู้ชายเธอแรงไปหน่อย ดีที่มาเจอเรื่องแบบนี้เธอเลยยอมลามือ คุยกันสักพักผมก็ออกมาคุยกับตำรวจได้ความว่าคนร้ายสารภาพแล้ว เป็นไปตามคาดว่าเสี่ยเป็นคนสั่ง ที่จริงมันตามพวกเรามาระยะหนึ่งแต่ไม่มีโอกาสเพราะพวกผมเข้ากรุงเทพบ่อย แถมบางครั้งก็เข้ามาในรีสอร์ตไม่ได้ ตำรวจแจ้งว่ากำลังส่งเรื่องไปให้ศาลตัดสินคดีและคาดว่าเสี่ยจะต้องถูกประหารชีวิต
"ไปไหนมาครับ" วันดึงมือผมไปหาเอาแก้มซบมาที่มือผมอย่างออดอ้อน ไม่มีอายวาหรือคุณแทนสักนิด
"พี่ไปคุยกับตำรวจมา คนร้ายสารภาพแล้วนะว่าเสี่ยเป็นคนสั่งจริงๆ เขากำลังดำเนินการอยู่ คิดว่าโทษคงโดนประหารชีวิต" ผมบอกลูบแก้มเนียนซ้ำๆ นี่ถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องผมคงจะทำมากกว่านี้
"เสี่ยมันใช่คนป่ะวะ ทำไมมันเลวขนาดนี้ ตั้งแต่จับไปข่มขืน ตอนนี้ยังจะมาดักยิงอีก แม่งโคตรเลว" วาคงโกรธมากจริงๆ ผมก็โกรธครับ ถ้าฆ่ามันได้ผมก็จะทำ แต่ผมนึกถึงคนข้างหลัง ถ้าผมทำอะไรไปพวกเขาจะอยู่อย่างไร
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลแล้ว วันก็รีบๆหาย นอนโรงพยาบาลมันหดหู่นะ" คุณแทนพูด ผมก้มมองดูเด็กน้อยของผม ทำไมถึงได้อึดขนาดนี้นะ ถ้าเป็นคนที่ไม่มีความคิด ไม่มีกำลังใจ ไม่เข้มแข็งพอ ป่านนี้คงฆ่าตัวตายไปแล้ว
"ขอวัดไข้หน่อยค่ะ" พยาบาลเข้ามาอีกรอบ ผมเลยถอยให้คุณพยาบาลเข้ามา
"งั้นผมกับวาขอไปทานข้าวก่อน เดี๋ยวผมซื้อของมาให้นะครับ ใกล้เย็นแล้ว" ผมตอบรับคุณแทนกับวาออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือผมแค่สองคน
"หิวหรือยัง เจ็บแผลหรือเปล่า หมอบอกให้ขอยาแก้ปวดได้นะ"
"ไม่เป็นไรครับ แต่วันอยากออกจากโรง'บาลแล้ว เออใช่ คุณเชอร์รี่เธอไปไหนล่ะ ผมไม่เห็นเธอเลย"
"เธอกลับกรุงเทพไปแล้วแหละ เธอฝากขอโทษวันด้วยนะที่เคยเขม่นใส่ เธอบอกว่าเธอตกใจจริงๆและเสียใจกับเรื่องที่วันถูกยิงด้วย "
"จริงหรอครับ อืม ที่จริงเธอก็ไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอกเนอะ แต่คิดดูแล้วพี่ก็เกือบโดนเธอจับแล้วเหมือนกัน" พอพูดเรื่องนี้ก็หน้าง้ำหน้างออีกแล้ว
"ก็ดี พี่อยากเห็นใครบางคนหึงพี่หูตามัว หึหึ"
"อะไรเล่า โอ๊ย เจ็บฉิบ ! เป็นเพราะพี่เลย ฮือออ" วันร้องโอดโอยโทษว่าเป็นความผิดของผมจนผมต้องก้มลงไปฟัดแก้มขาวให้หายหมั่นเขี้ยว
"อุ้ย ขอโทษค่ะ มาเก็บปรอท แหะๆ" มาอีกแล้ว บางทีผมก็สงสัยนะครับว่าทำไมเวลาผมจะจู๋จี๋กับวัน พยาบาลต้องเข้ามาเจอเสียทุกที
"อายไหมเล่า พี่อ่ะ" วันเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ผมก้มไปฟัดแก้มหอมอีกหลายทีถึงได้หยุด เราคุยกันอีกหลายเรื่องจนคุณแทนกับวาเข้ามา ข้าวเย็นวันก็มาพอดี ผมทานข้าวไปคุยเรื่องรีสอร์ตกับคุณแทนไป ส่วนวาก็ไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกับวัน จนดึกๆล่ะครับถึงได้แยกย้าย คุณแทนจองโรงแรมในเมืองไว้เพราะจะได้มาโรงพยาบาลสะดวก ส่วนผมก็เฝ้าวันตามเดิม
....
ผมพาวันกลับบ้านมาได้สามวันแล้ว วันดีขึ้นสามารถเดินเหินใช้งานแขนได้ปกติ พอกลับมาผมก็เคลียร์งาน คุณเชอร์รี่เธอส่งเอกสารสรุปทั้งหมดมาให้และผมก็เห็นว่ามันครบถ้วนดี พอมองคนที่เข้ามาช่วยผมทำบัญชีทุกวัน ผมก็คิดว่าหลังจากนี้ผมคงต้องดูแลวันให้มากกว่านี้ เพราะชีวิตผมมีคนรักคนเดียวก็คือเขา ตอนนี้พนักงานที่นี่ต่างรู้สถานะของผมกับวันหมดแล้วและพวกเขาก็รับกันได้ผมก็ต้องขอบคุณทุกคน
"ปีใหม่อยากไปเที่ยวไหน" ผมถามคนในอ้อมกอดผม อีกไม่กี่เดือนก็ปีใหม่แล้วผมอยากจะพาเขาไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง
"วันไม่รู้หรอกครับ ปีใหม่ปกติก็อยู่บ้านกับแม่" วันพูดจนผมต้องกระชับอ้อมกอดขึ้น เขาไม่มีอะไรเลย ช่างต่างกับผมสิ้นเชิง
"อยากไปต่างประเทศไหม" ผมถามคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอหอม ลูบแผลที่พันไว้อย่างแผ่วเบา
"ก็อยากครับ แต่อยากฉลองที่ไทยมากกว่า" วันพูดพิงตัวมาหาผม ไม่ไปก็ไม่ไปครับ ไม่บังคับ
"ภูเขา น้ำตก หรือทะเล"
"วันอยากไปทะเล วันเคยไปทะเลแค่ครั้งเดียวเอง" ผมพยักหน้ารับ ผมกะจะพาเขาไปฮันนีมูนตามที่ตั้งใจไว้ ตอนแรกก็กะไปกันสองคน แต่ผมว่าตอนนี้ผมมีเซอร์ไพรส์ให้เขาแล้วครับ
"เข้าใจแล้ว ไหนมาจุ๊บที" ผมกระชับกอด วันหันมามองหน้าผมแบบอะไร หึ ก็ผมอยากจูบแฟนนี่ครับ ไม่ได้หรอ
"จูบจนปากจะเปื่อยแล้วนะคนบ้า อื้ออ" หันมาแว้ดใส่ผมเลยโดนผมปิดปากซะเลย ชีวิตนี้ผมไม่จออะไรแล้วครับ แค่เรามีกันและกันอย่างทุกวันนี้ ผมก็มีความสุขมากเหลือเกินจริงๆครับ
..
TBC.
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ
เราเขียนไม่ดีเท่าไหร่ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ขอบคุณที่มาอยู่ร่วมเวิ่นเว้อไปกับเค้าตั้งหลายเดือนนะคะ
รักและขอบคุณทุกคำติชมให้กำลังใจจริงๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ