{CH 21 depart}
รุ่งเช้าหลังจากที่ไปส่งน้องมาเรียบร้อย เจ้าจอมร้ายหมาตื่นก็พาผมไปสมัครเรียนที่โรงเรียนเอกชนที่มีโครงการสอนปรับพื้นฐานแพงมากกกกกกกกแต่ก็นั้นแหละ เรื่องเงินไอ้หล่อและรวยมากนี้ไม่เป็นปัญหา จะฆ่ากันตายอีกครั้งตอนที่คุยกันเมื่อเช้า แต่ก็นั้นแหละผมโดนเฮดช็อตด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ อ่า ผมหยุดเรียนไปตอน ม.5 แหนะ จะเรียนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ถ้าเรียนใหม่ตั้งแต่ ม.4 ก็ช้าไปอ่ะ เจ้าจอมเลยนำเสนอให้ผมไปเรียนปรับพื้นฐานระยะเวลาสามเดือนและสอบเข้ามหาลัยเลย บรรเจิดมากค๊าเพราะเดือนหน้าผมก็ 18 แล้วตามเกณฑ์พอดีเป๊ะ น้องฝ้ายเลยเห็นด้วยขอรับในที่สุด
“หิวข้าวแล้ว” ผมว่าหลังจากสมัครเสร็จ เจ้าจอมเลี้ยวรถมาเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นหรูซะก่อนที่ผมจะได้ออกความคิดเห็นอะไร พอโวยวายขึ้นก็ทำซึนไม่สนใจ ไม่ด่าด้วย ไอ้หมอนี้ต้องรู้จุดแล้วแน่ๆถ้าผมด่าให้เงียบและผมจะหุบปากเอง แสนรู้จังเจ้าหมาตัวยักษ์
“แพงอ่ะ ทำไมต้องพามากินบนห้างด้วย” ผมทำหน้ามุ้ย
“แล้วทำไมเอาใจยากนัก” นี้ตบเลย คิกๆ
ผมตบลงบนหน้าสากๆที่ยื่นเข้ามาใกล้ผมไม่อายฟ้าอายดินไปหนึ่งทีแค่เบาๆนะแต่ทำไมดังเพียะ ก็ไม่รู้ แต่เจ้าจอมกลับยิ้มออกมาเบาๆและจับมือผมเดินพาเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผมไม่เคยคิดจะเข้าถ้าลูกค้าไม่ออกตังค์แต่นี้มันต่างกัน ผมมากับเจ้าจอม คิกๆ
“รีบกิน วันนี้ฉันจะเข้าบริษัท”เจ้าจอมพูดหลังจากที่อาหารมาเต็มโต๊ะ … ว๊าวววว ปลาดิบน่ากินเว่อร์ แต่ก็แพงเว่อร์พอกัน คิกๆ ผมเหลือบมองเจ้าจอมที่กินชาร้อนจ้องผมที่กำลังคีบซูชิขึ้นมากิน ผมอมยิ้มก่อนจะเอาซูชิยัดปาก นี้แหนะ เก็กนักนะ ถึงว่าวันนี้ใส่สูทมาเชียว วันๆนี้เคยหยุดทำงานบ้างไหมเนี้ย ขยันเอาเงินไปใช้ชาติหน้าหรือไงพ่อคุณ
“งั้นไปก่อนเลยก็ได้เดี๋ยวผมกลับเอง”
“รีบกินไปเถอะน๊า พูดมาก” แล้วผมก็โดนเอาปลาดิบยัดปาก อร่อยจุงเย้ยยยยยยย
หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่นานนัก เจ้าจอมก็พาผมมาที่บริษัทเดิมที่เคยเป็นโรงงานนรกสำหรับผม แต่รอบนี้มาเหมือนเจ้าชาย ฮิฮิ ผมมานอนเล่นในห้องทำงานของเจ้าจอมบนโซฟาตัวเดิมที่เคยเกือบโดนสัตว์ร้ายอย่างเจ้าหมาตัวใหญ่นั้นข่มขื่น อร๊าย คิดถึงตอนนั้นแหละอยากจะวิ่งไปกัดหู ขี้เก็กชอบรังแกผม ทั้งขนมนมเนยมาเสริฟพร้อมจนผมเขิน ผมนั่งสลอนมองเจ้าจอมทำงานไม่กล้าไปกวนอ่ะ … อึดอัดเหมือนกันน๊า แต่ช่างเถอะ หลับดีกว่า ว่าแล้วก็ล้มตัวนอนทันที หวังว่าตื่นมาผมจะได้อยู่ข้างๆเจ้าจอมนะ …เฮ้อ นี้ผมไร้เดียงสารักหมอนี้เกินไปรึเปล่านะ ช่างเถอะ ก็รักไปแล้วนี้ ข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ผมควรจะปลงเนอะ เพราะสัมผัสรักเพศเดียวกัน ยังไงมันก็ไม่ยั่งยื่น ถ้าเกิดวันไหนเจ้าจอมอยากจะทิ้งผมไปแต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้หญิงดีๆสักคน … ก็ต้องยิ้มและบอกลากัน …นั้นคือคำอวยพรที่ดีที่สุดที่ผมจะให้เค้าได้
แต่ตอนนี้ เค้าเป็นของผม … เข้าใจตรงกันนะครับชะนีน้อย
“ฝ้าย ฝ้าย”
ฮืออออออ อย่าพึ่งมาปลุกสิ …
“ฝ้ายเด็กดื้อ” ไม่ดื้อสักหน่อย จิ๊ ยอมลืมตามองหน่อยก็ได้อ่ะ
ผมเหยียดยิ้มยื่นหน้าไปจุ๊บมุมปากซะเลยหนึ่งทีจุ๊บใหญ่ ยื่นหน้ามาซะใกล้ขนาดนี้ ตาปรือมองแทบไม่เห็นตาจอมร้าย เหนื่อยหรอจอมร้ายมาหากำลังใจหรือตัวเอง คิกๆ มาม๊ะ เจ้าหมาตัวใหญ่มาให้ฝ้ายกอดนะ โอ๋ๆ
“หลับสบายเลยนะ หึหึ ง่วงนักเหรอ”ผมพยักหน้าก่อนจะฮาวออกมายกใหญ่ ง่วงจังเลยยยยยย ผมจะฉุดตัวเองขึ้นนั่งแต่เจ้าจอมดันให้ผมนอนลงเหมือนเดิม ลูบปอยผมที่หล่นลงมาโปะหน้าอย่างอ่อนโยน
“นอนต่อเถอะ เดี๋ยวฉันไปประชุมก่อนสัก 2 ชั่วโมง เดี๋ยวจะมีคนเอาข้าวกลางวันมาให้กินซะล่ะ” ผมพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง … รีบๆกลับมานะเจ้าจอม
.
.
.
“คุณฝ้าย พี่เอาข้าวมาให้ค่ะ คุณฝ้ายค่ะ” เด็กน้อยลืมตาตื่นขึ้นนิดๆก่อนจะฮาววอดใหญ่ขยี้ตาจนแดงกล่ำ ฉุดตัวเองลุกนั่งมองอาหารตรงหน้าอย่างมึนๆ และเงยขึ้นมองพนักงานเลขาจอมร้ายที่กำลังยิ้มหวานให้เขาอยู่ตอนนี้
“เอ่อ … คุณจอมล่ะครับ”
“แหม ลืมตาขึ้นมาก็ถามหาเลยนะค่ะ คิกๆ คุณจอมไปประชุมค๊า ทานเยอะๆนะค่ะ พี่ไปทำงานก่อนล่ะ” ฝ้ายยิ้มแหยะๆก่อนจะโบกมือบ๊ายบายตาหลังหุ่นเชปบ๊ะไป พลางนั่งคิดทบทวน และก็ดีดนิ้วออกมาดังเป๊ะ เมื่อคิดได้ว่าเมื่อกี้เจ้าจอมก็มาบอกเค้าไปแล้วรอบนึง
หนูฝ้ายเป็นหนึ่งคนที่นอนหลับสนิทเป็นพิเศษ ถ้าใครมาปลุกกลางคันจะรู้สึกสติไม่อยู่กับล่องกับลอย ต้องนั่งทบทวนสักพักถึงจะนึกออก เหมือนตอนนี้ที่หน้าฝ้ายแดงกล่ำเมื่อนึกถึงตัวเองตอนจุ๊บจอมร้ายก่อน
“ขนลุกว่ะ ฮิฮิ” ฝ้ายหัวเราะกับตัวเองก่อนจะก้มลงกินอาหารชุดตรงหน้า รสชาติมันธรรมดาแต่ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มเลยอร่อยเป็นพิเศษ มากกว่ามื้อหรูเมื่อเช้านี้เสียอีก
ครืดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดด เสียงโทรศัพท์สมาทโฟนรุ่นเก่าของฝ้ายที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆดังขึ้นเจ้าตัวที่กำลังเคี้ยวข้างตุ้ยๆอยู่เหลือบไปมองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมากดรับอย่างไม่คิดอะไรมาก
“สวัสดีครับ”
“คุณฝ้ายหรือเปล่าครับ ที่ทำงานขายรักหรือเปล่าครับ” ฝ้ายขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีกเมื่อปลายสายรู้รายละเอียดภูมิหลังของตน
“อ่าครับ ขอโทษนะครับถ้าเกิดจะโทรมาติดต่องานตอนนี้ฝ้ายไม่รับแล้วครับ ขอโทษนะครับ”
“หึหึ ไม่หรอกครับ แต่มีบางคนอยากคุยกับคุณ” นั้นยิ่งทำให้เค้าสงสัยเข้าไปใหญ่ แต่มือน้อยก็ยังตั้งอกตั้งใจฟังปลายสายต่อ
“ฝ้ายยยยย/ฝ้ายยยยยยย ฮือออ ”
โครม! “ขุนพล ขุนทัพ!!!!”
ฝ้ายตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อปลายสายเป็นเสียงของน้องแฝดของตัวเองกำลังร้องไห้ เหงื่อกายไหลตาแดงกล่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่สนใจโต๊ะตรงหน้าที่ตัวเองเผลอลุกขึ้นยืนจนทำให้มันล้มลงไปพร้อมๆกับจานข้าวที่ยังกินไปไม่ถึงครึ่ง
“มาเจอกันที่หน้าอาคารและจะพาไปหาน้องรัก นะครับ อ๋อ และอย่าคิดบอกเรื่องนี้กับคุณจักรภัทร ไม่อย่างงั้น … คงรู้ใช่ไหมครับว่าไม่ดีกับน้องคุณแน่ๆ”
“ยะ ยะ อย่าทำอะไรแฝดนะ โอเคฉันจะรีบไป จะรีบไป” ฝ้ายล่นลานรีบวิ่งออกไปจากห้องไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ขอแค่ได้เห็นสองแฝดปลอดภัย ขอแค่นั้น ต่อให้ต้องตายก็ไม่เป็นไร
ฝ้ายวิ่งมารอหน้าตึกโดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องของพนักงานที่เคยเห็นเคยรู้จัก ก่อนที่ชายในชุดสูทสีดำสองคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วจะพามาขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ไกลมากนัก ฝ้ายขึ้นไปอย่างไม่มีทางเลือกและรถคันสีดำนั้นก็เคลื่อนออกมาอย่างที่ฝ้ายเองก็ไม่รู้จุดหมาย รู้เพียงถ้ามันทำให้แฝดไม่เป็นไร อะไรก็ได้ยอมทั้งหมดทั้งสิ้น …
.
.
.
“น้องกูปลอดภัยใช่ไหมไอ้บ้า” ผมถามคนในชุดสูทที่นั่งขนาบข้างซ้ายขวา มีด้านหน้าและคนขับอีก สรุปกูเนี้ยหนีไปไหนไม่ได้เลย เอาล่ะ กูไม่หนีไปไหนทั้งนั้นแหละ แต่ตอนนี้ที่อยากรู้คือสองแฝดปลอดภัยใช่ไหมและทำไมมันต้องมายุ่งกับน้องผมด้วย ฮึ้ย
“ว่าไงตอบมาสิว่ะ”
“เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้ครับคุณฝ้าย” ผมหันไปค้อนให้คนที่นั่งขนาบข้างด้านขวา หน้านิ่งโคตรขนาดในรถมึงยังใส่แว่นดำกันอีก ทำไมไม่ใส่ถุงดำครอบหัวให้ตายกันไปเลยล่ะ แม่ง กูหงุดหงิด ทำไมต้องมายุ่งกับน้องกูว่ะมีปัญหาอะไรนักหนา
“ก็บอกมาก่อนสิว่ะ!” ผมตะคอกเสียงดัง น้ำตาคลอเบ้า แม่งเอ้ยไอ้ฝ้ายน้องมึงยังอยู่กับมันอย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับมันดิว่ะ พยายามแล้ว ผมพยายามแล้วจริงๆ
“นั่งเงียบๆ และน้องคุณจะปลอดภัยแค่มีใครบางคนอยากทำข้อตกลงด้วยเฉยๆ” ผมหลับตากลั่นลมหายใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ … นิ่งไว้ไอ้ฝ้าย นิ่งไว้
ผมถูกพามาที่บ้านสวนหลังหนึ่งที่อยู่ย่านชานเมือง เนื้อที่ใหญ่โตพอๆกับบ้านใหญ่ ผมถูกพาเข้ามาในตัวบ้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์คล้ายๆกับบ้านใหญ่ที่ทั้งหรูและดูราคาแพง ต่างกันที่บ้านหลังนี้มีแต่ฝุ่นเกาะพราวไปทั้งหลัง สภาพเหมือนถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นเวลานาน ผมเดินผ่านผู้ชายที่แต่งตัวแบบเดียวกัน ไอ้สลัดกูนึกว่าอยู่ในหนังบู๋สักเรื่อง มึงคิดว่าอากาศเมืองไทยหนาวว่างั้น
“คุณราชา คุณฝ้ายมาแล้วครับ”
ผมมาหยุดที่ห้องรับแขกที่ตอนนี้มีไอ้แก่หน้าตาละไม้คล้าย… เอ่อ ไม่สิเหมือนโคตรๆ เหมือนเจ้าจอมอย่างกับอะไรดี!!!!!ติดตรงแค่ดูมีอายุกว่าเจ้าจอมและดูเตี้ยกว่าเท่านั้นเอง เขาตอนนี้ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีเลือดหมูบนโซฟาหรูจิบไวน์ที่ดูมีราคาแพงตาจ้องมองมาที่ผมอย่างเจ้าเล่ห์ หึ ! เจ้าจอมหล่อกว่า!!!!!
“เชิญเข้ามาสิ” เสียงแหบพร่านนั้นทำให้ผมนึกหมั่นไส้
“แฝดอยู่ไหน” ผมถามเสียงนิ่งเดินก้ามสามขุมเข้าไปยืนตรงหน้าไอ้แก่ราชา!!! ก่อนที่ไอ้แก่บ้านั้นจะยิ้มเยาะและพูดขึ้น
“ห้าวดีแท้ ฉันชื่อราชา นั่งก่อนสิ”
“ไม่ต้องมาญาติดี เอาน้องกูคือมา!” ผมตะคอกลั่น แต่ไอ้แก่บ้านี้กับหัวเราะสวนขึ้นมา โฮ้ยกวนตีนสะบัด!!!
“ฮาดีไอ้หนูนี้ สมแล้วๆ ที่ไอ้ลูกบ้าหลงหัวปักหัวปลำ”
“ลูก ???” … ยะ อย่าบอกนะว่า
“เออ ไอ้หนูนั้นน่ะลูกป๋าเองอีหนู หึหึ” ผมหน้าชา ก่อนจะแข็งใจเชิดหน้าขึ้นและยอมนั่งลงโซฟาด้านข้างอย่างขัดใจ คิดอยู่แล้วเชียวว่าจอมร้ายไม่ได้เกิดจาดกระบากไม้ไผ่แต่ใครจะนึกว่าป๋าไอ้เจ้าบ้านี้จะเป็นคนประเภทนี้ล่ะ
“หึหึ ป๋าไม่ได้อยากจะพรากใครหรอกนะ แต่ …ในเมื่ออะไรที่มันผิดๆ ป๋าก็ต้องทำให้มันถูก” ผมกลั่นหายใจ หลับตาแน่น วินาทีนี้ในที่สุดก็มาถึง ทำไมล่ะความสุขของผมมันถึงได้น้อยนัก
“เราเองก็เป็นคนฉลาดรู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไงถึงจะได้แฝดคืน” ผมก้มหน้าพยักขึ้นลงเบาๆ รู้สิ ผมต้องหายไป … ไปให้ไกล … ผมต้องเลือก
“ไม่ได้จริงๆหรอ … ผมอยู่ที่นี้ไม่ได้จริงๆหรอ” น้ำตาสายเล็กๆไหลลงข้างแก้มผมอย่างห้ามไม่ได้ ไอ้แก่ราชาเหยียดยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้าเบาๆและกระดกไวน์เข้าไปจนหมดแก้ว
“โลกของธุรกิจไม่ง่ายหรอกนะ ป๋าจะยกหนี้ให้ทั้งหมด และอีกสามเดือนไอ้จอมจะต้องแต่งงานกับมณีลูกสาวบริษัทธุรกิจคู่ที่ป๋าตามจีบมาเป็นลูกสะใภ้อยู่หลายปี แต่แหมน่ะ ใครจะคิดว่าไอ้จอมจะร้ายชิงมีเราซะก่อน แต่ก็นั้นแหละ … ไปซะ” ผมเม้มปากก้มหน้ากำมือแน่น … ทำไมล่ะ ผมทำไม … ผมไม่ดีใช่ไหม … คงงั้นล่ะ อย่างที่ผมเคยบอกความสัมผัสของเรามันเปราะบาง … แต่ไม่คิดว่ามันจะไวแบบนี้
“เป็นทางเดียวที่จะได้แฝดคืน” ผมปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะยอมพยักหน้า … ยอมแล้ว ยอมก็ได้ … ทั้งชีวิตนี้ผมให้แฝด ต่อจากนี้ก็จะให้แค่แฝด พอแล้ว … ผมพอแล้ว
“ตอนนี้เจ้าจอมคงหาตัวให้วุ่นแล้วล่ะ งั้นรีบไปที่สนามบินเลยแล้วกัน ไปเอาแฝดออกมา”
ตาแก่ลุกขึ้นยืนรับชุดสูทมาสวมช้าๆผิวปากอย่างรื่นรมผิดกับผมนั่งนิ่งก่อนที่ลูกน้องของราชาจะอุ้มแฝดที่หลับสนิทในมือกอดตุ๊กตาหมีแน่นมาให้ผมอุ้มต่อ ผมรับมาก่อนจะหอมขมับไปคนละทีอย่างรักใคร่ … ฝ้ายรักแฝดนะ ฝ้ายรักแฝด …
ผมเดินมาขึ้นรถที่จัดเตรียมไว้ให้ โดยแขนทั้งสองข้างอุ้มแฝดไว้ราวกับว่าแฝดคือของล้ำค่าที่สุดในชีวิต ผมยอมทุกอย่าง … เอาไปเลยแม้แต่ความสุขของผม … ถ้าอยากได้นักก็เอาไปเลย … ราชาที่นั่งอยู่เบาะหลังข้างๆผมยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ผมส่ายหน้าก่อนจะพูดพึมพำขึ้น ใบหน้าซุกกับไหล่ของสองแฝดที่เอียงขอหลับอยู่ที่ไหล่ของผม …
“ผมฝากบอกอะไรคุณจอมหน่อยได้ไหมครับ”
“หึ ได้อยู่แล้ว” เค้ายิ้มรับ
ทำไมล่ะ รอยยิ้มนั้นก็ดูเป็นคนใจดีแต่ทำไมใจร้ายกับผมนัก ทำไมล่ะ เพียงเพราะว่าผมเป็นผู้ชายหรือยังไง … หึหึ อานิจัง ความจริงที่ผมต้องยอมรับ แต่ผมน่ะ ฮึก ผมน่ะรู้นิสัยจอมร้ายดี เค้าจะไม่ยอมหยุด ถ้าหาก ฮึก ถ้าหาก ผมไม่พูดคำนี้
“ผม … ฮึก ไม่รักเค้าแล้ว ฮึก …” ผมก้มหน้าน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง… ไม่รับรู้ต่อไปแล้วว่าราชาจะตกลงหรือไม่ ไม่เป็นไร … ถ้าเค้าอยากให้เจ้าจอมหยุดจริงๆ เค้าต้องรู้ว่าควรทำยังไง …
แต่ล่ะคำมันช่างยากเหลือเกิน …
รถยนต์เคลื่อนตัวออกช้าๆ พร้อมกับใจของผมที่สลายและด้านชา … ลาก่อนนะเจ้าจอม … ลาก่อน ฮึก … ผมโกหกที่จริง ฮึก ที่จริง ผมรักคุณนะ …
.
.
.
อีกฝากหนึ่งเจ้าจอมเดินออกมาจากห้องประชุมตั้งใจที่จะกลับไปหาเด็กที่นอนรอเค้าอยู่ที่ห้องทำงานนึกตลกไม่ได้ที่ฝ้ายจุ๊บมุมปากเค้าอยากไม่รู้สึกตัว สะลืมสะลือน่ารัก แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อร่างสูงใหญ่ของลูกน้องคนสนิทวิ่งถลาเข้ามา
“คุณจอมแย่แล้วครับ”
“อะไร”ใจแกร่งกระตุกทันทีทันใดเค้าให้ลูกน้องคอยตามติดฝ้ายตลอดเวลาที่เค้าไม่อยู่ และที่ลูกน้องของตนวิ่งหน้าตาตื่นมาเช่นนี้ … หรือว่า
“คุณฝ้ายถูกพาขึ้นรถไปแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังติดตาม ล่าสุดคุณฝ้ายอยู่กับคุณราชาครับ”
จอมร้ายกัดฟันแน่น ตาลุกโชนด้วยความโกรธ ก่อนที่จะหันหลังวิ่งมาเหมือนคนบ้ามาขึ้นรถตัวเองที่จอดไว้ในลานจอดรถ เหยียดคันเร่งมิดโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น จะราชาหรือจักราที่ไหน อย่าหวังที่จะมาแย่งดวงใจของเค้าไปได้ ไม่ยอมยังไงก็ไม่ยอม!!!!
.
.
.
“ฝ้าย เราจะไปไหนกันเหรอ”
เสียงเล็กๆของเด็กแฝดขุนพลที่อยู่ในอ้อมกอดของฝ้ายที่นั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างเคลื่อนบินที่กำลังไถลอยู่ในรันเวย์เตรียมที่จะทะยานขึ้นฟ้าเมื่อแฝดพี่สงสัยแฝดน้องที่อยู่อีกข้างก็เริ่มสงสัยบ้าง ยิ้มแป้นเก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่ เพราะเคยขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก
สามพี่น้องถูกส่งขึ้นเครื่องบินโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง มีแต่คนนำทางที่นั่งเงียบๆมาตลอดอยู่ข้างๆ ฝ้ายพยายามอย่างหนักที่จะสะกดทุกอย่าวไว้เพียงคนเดียว ถึงแม้ในใจตอนนี้จะอยากร้องตะโกนเหมือนคนบ้าก็ตาม
“ไปเที่ยว ฝ้ายจะพาสองแฝดไปเที่ยว” ฝ้ายฝืนยิ้มทั้งๆที่น้ำตาไหลออกมาจากหางตา แต่สองแฝดที่กำลังดีใจไม่ได้สังเกตเห็น …
“แล้วลุงจอมกับคุณหญิงล่ะครับไม่มาด้วนเหรอ” ขุนทัพถามขึ้นอย่างสงสัย ฝ้ายปากกระตุกนิดๆก่อนจะแสร้งเหยียดยิ้มเล่นละครบทใหญ่ต่อไป
“เราจะไปกันแค่สามคนนะ”
สองแฝดไม่ถามอะไรอีก ฝ้ายเองก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่กระชับกอดสองแฝดแน่นเหมือนกลัวจะหายไป … ไม่เอาแล้วไม่อยากจะเสียอะไรแล้ว … พอสักที หยุดสักที … ฝ้ายได้แต่ ภาวนาในใจ … หวังเพียงปาฏิหาริย์เล็กๆจะเห็นใจกันบ้าง …
“ลาก่อนคุณจอม … ลาก่อนผมรักคุณ” ฝ้ายกระซิบเบาๆกับตัวเอง
ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้อีกต่อไป …
============================
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ขุ่นพ่อนึกว่าจะมาดี แหมมมมมมมมมมมมม 
เจอกันตอนหน้าค่ะ นี้ยังไม่ใช่บทสรุปของนิยาย
ขอบคุณที่ติดตามนะค่ะ
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
ฝากเพจจ้า
