ตอนที่ 8
..........................
“มึงนี่ซวยตลอดเลยนะวีร์”
“นั่นสิ แขนยังไม่หายก็ต้องมานอนป่วยไข้ขึ้นในโรงพยาบาลอีก”
“แต่ก็ดีนะที่เจ้านายของมึงใจดี ออกค่ารักษาให้โดยไม่ตัดเงินเดือน”
“ว่าแต่มึงไปทำอีท่าไหนถึงได้ถูกแจกันตกแตกใส่ข้อมือได้วะเนี่ย” ไอ้เกมถามพลางมองข้อมือผมที่ตอนนี้ถูกพันด้วยผ้าพันแผลครับ ส่วนแขนข้างที่เจ็บก็ต้องใส่เฝือกอีกครั้ง “แม่งซวยแบบนี้กูว่ามึงไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ล้างซวยก่อนดีไหม อะไรๆจะได้ดีขึ้น”
เรื่องที่ผมโดนไป่เต๋าลักพาตัวไปนั้นผมไม่ได้บอกพวกเสกหรอกครับ เพราะกลัวมันจะเป็นห่วงเอา ส่วนเรื่องที่ผมเป็นทายาทของตระกูลมังกรที่หายสาบสูญนั้น ยิ่งบอกไม่ได้ใหญ่เลยครับ
“เอ่อ ว่าแต่…” ไอ้เสกพูดเสียงกระซิบพลางเหลือบตามองอีกคนที่อยู่ในชุดสูทสีเทากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้โซฟาในห้องคนป่วยอย่างเงียบๆ “…นั่นคุณสิงห์ไม่ใช่หรือวะ ทำไมเขาถึงมานั่งเฝ้ามึง ทำไมไม่ยอมไปทำงาน”
“กูจะไปรู้ได้ไงวะ มึงก็ลองถามเองดูสิไอ้เสก” ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสิงห์ถึงมานั่งเฝ้าผมที่โรงพยาบาล เพราะหลังจากวิ่งหนีออกมาพร้อมกับลูกชายแล้ว ผมก็จำอะไรแทบไม่ได้เลย คาดว่าคงจะสลบไป พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็มานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว
“ไม่ล่ะ กูไม่กล้า ขืนถามเกิดเขาเอาปืนขึ้นมายิง กูก็ตายดิ”
“เขาจะยิงมึงทำเพื่ออะไรวะ? แม่งอย่ามัวพูดมากวะไอ้เสก รีบปอกผลไม้ให้กูเดี๋ยวนี้ กูอยากกิน” ผมเขกหัวมันเบาๆ ก่อนจะสั่งให้มันปอกผลไม้ที่วางอยู่ในตะกร้า ทำเอาคนโดนเขกหัวเบ้ปากเล็กน้อยหันไปหยิบแอปเปิ้ลมาหนึ่งลูกแล้วทำท่าจะลุกขึ้นไปปอกจริงๆ แต่ก็ไม่ทันร่างสูงที่เข้ามาแย่งคว้าแอปเปิ้ลไปเสียก่อน
“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว กลับไปซะ” ไอ้เสกกับไอ้เกมถึงกับหน้าซีดเมื่ออีกฝ่ายพูด
“ครับคุณสิงห์” ไอ้เสกก้มหัวปะหลกๆพูด ก่อนจะหันมาลาผมอย่างไว “เฮ้ยวีร์ พวกกูกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่ตอน…”
“ถ้าคิดจะโดดเรียนมาเยี่ยมเพื่อนล่ะก็ ไม่จำเป็น ทางนี้มีคนเฝ้าอยู่แล้ว”
ไอ้โหด!หลังจากพวกไอ้เสกกลับไปแล้ว ร่างสูงก็หยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาปอกแอปเปิ้ลได้อย่างหน้าตาเฉย ทีแรกผมถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปอกผลไม้ให้ผมกินด้วยครับ พอสิงห์ปอกผลไม้เสร็จ ก็จิ้มแอปเปิ้ลด้วยส้อมก่อนจะยื่นมาทางผม
“อะไรครับคุณสิงห์?” ผมถามพลางหรี่ตามองแอปเปิ้ลด้วยความสงสัย
อย่าบอกนะว่า...“ป้อนไง” นั่นไงว่าแล้วเชียว ทำไมเวลาเล่นหวยถึงไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ ว่าแต่ทำไมสิงห์ต้องป้อนแอปเปิ้ลให้ผมด้วยเนี่ย ที่จริงผมก็ทานเองได้ แค่เจ็บแขน มือก็ยังใช้งานได้อยู่ ไม่ได้เป็นง่อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการป้อน ผมก็ไม่ปฏิเสธ สบายดีด้วยแหละ “จะยอมอ้าปากกินดีๆหรือจะให้ง้างปากถึงจะยอมกิน”
พูดดีๆก็ได้ ทำไมต้องดุด้วยล่ะไอ้เจ้าหลานคนนี้เนี่ย!ในขณะที่ผมกำลังเตรียมอ้าปากอยู่นั้น ประตูห้องคนป่วยก็ถูกเปิดออก ทำเอาผมชะงักอ้าปากค้างเหลือบไปมองคนเข้ามาใหม่ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจาก...
“วีร์ ฉันมาเยี่ยม ซื้อของบำรุงร่างกายมา...”
“ที่นี่ไม่ต้อนรับคนเยี่ยม...” สิงห์หันไปพูดกับคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “...โดยเฉพาะแกไอ้พยัคฆ์”
!!!!!!
“ถ้าที่นี่ไม่ต้อนรับคนเยี่ยม งั้นคุณก็ควรจะออกไปจากที่นี่ด้วยสิใช่ไหมวีร์” เสือหันมาถามความเห็นจากผม ซึ่งผมไม่รู้จะพูดตอบกลับไปยังไงดี จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนตอบกลับไปแทน
แก๊ง!
ยกที่หนึ่ง
สิงห์ VS. เสือ
รอบแรกเสือเป็นผู้ชนะ! .........................
ยังดีที่วินลูกชายผมเข้ามายุติการแข่งขันประลองคารมของเสือกับสิงห์ ก็เลยทำให้ทั้งคู่ตอนนี้แยกย้ายกันไปทำงาน เหลือแต่ผมกับวินที่ยังอยู่ในห้องคนป่วย ขืนทั้งคู่ยังอยู่ผมก็คงพูดอะไรไม่ออกแน่ครับ เพราะสองคนนั้นเอาแต่จ้องหน้าเตรียมจะกัดกันอยู่นั่นแหละ
“คุณพ่อยังจะไปเรียนหนังสือต่ออยู่อีกหรือครับ ผมว่าคุณพ่อนอนพักผ่อนให้มากๆจะดีกว่า” นี่ก็อีกคน ตั้งแต่ได้รู้ความจริงจากปากผม ก็เอาแต่เป็นห่วงผมเหมือนสมัยที่ยังเป็นวีรวัฒน์ไม่มีผิด “เรื่องไป่เต๋าปล่อยให้ผม พยัคฆ์ และก็เฟยจิ้งเป็นคนจัดการเองเถอะ”
“บ๊ะไอ้เจ้าลูกคนนี้ พ่อไม่ใช่คนแก่หรือไอ้ง่อยที่แกจะต้องมาเป็นห่วงเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ” ลึกๆผมก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกันที่ลูกชายยังคงเป็นห่วงผมอยู่ แต่ถ้ามัวเอาแต่หนีแล้วเมื่อไหร่จะจัดการพวกไป่เต๋าได้กันล่ะ จริงไหมครับ “เชื่อพ่อ ทำตัวเหมือนปกติ อย่าทำตัวมีพิรุธ โดยเฉพาะอิฐคนใกล้ตัวลูก ตอนนี้เริ่มสงสัยกับไม่พอใจพ่อแล้วว่าทำไมลูกถึงเข้ามาทำตัวสนิทชิดเชื้อมากกว่าเดิม”
ผมเตือนด้วยความหวังดี เพราะตอนที่วินไล่ให้อิฐออกไปข้างนอก สีหน้าอิฐแสดงถึงความไม่พอใจที่ตัวเองไม่ได้อยู่ร่วมฟังด้วย ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะอิฐเป็นคนหนึ่งที่ผมเลือกมา และตั้งใจจะให้เป็นมือขวาของวิน ถ้าหากเกิดผิดใจกันตอนนี้มีหวังงานได้ล่มกลางคันแน่
“ทำไมเราถึงไม่บอกเรื่องนี้กับอิฐไปเลยล่ะครับ”
“ก็อยากจะบอกนะแต่พ่อกลัวเขาจะไม่เชื่อน่ะสิ” ผมพูดพลางถอนหายใจเฮือกแรงๆ อยากจะบอกอิฐเหมือนกันครับ แต่กลัวอีกฝ่ายจะหาว่าพวกผมเป็นบ้าเอาได้ “แต่ถ้าลูกมั่นใจว่าเขาจะไม่คิดว่าพวกเราเป็นบ้า ก็บอกเขาไปได้เลย เดี๋ยวพ่อจะนั่งรอตรงนี้แหละ ออกไปตามอิฐให้เข้ามาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย”
“ครับ แต่…”
“แต่? แต่อะไรวิน” ผมถามกลับด้วยความสงสัย ซึ่งลูกชายหน้าแดงเกาหัวตัวเอง
อะไรของมันอีกล่ะ?“คุณพ่อคงไม่ว่านะครับถ้าผมกับอิฐรักกัน”
อ้อ นึกว่าอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง“พ่อว่าพ่อเคยบอกลูกไปแล้วนะ” ผมยิ้มตอบพลางเอามือลูบหัวลูกชายด้วยความรักของคนเป็นพ่อ “พ่อไม่ได้รังเกียจหรอกหากลูกจะรักใคร ที่จริงพ่อเองก็มีเรื่องจะสารภาพลูกด้วยล่ะ”
วินถึงกับเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยความแปลกใจทันที
“สารภาพอะไรเหรอครับคุณพ่อ” ผมยิ้มรับก่อนจะพูดกลับไปว่า
“พ่อเคยมีคนรักเป็นผู้ชาย”
!!!!!!
“และผู้ชายคนนั้นก็คืออัคคี หรือไฟ ผู้นำตระกูลเสือรุ่นที่สองน่ะ”
!!!!!!
.........................................
ปล.ไฟอยู่ตระกูลเสือน่ะถูกแล้วจ้า ทางนี้มึนเอง ฮะๆ