วันที่ 30 และเหตุการณ์หลังจากนั้น
ทุกอย่างนั้นจบสิ้นแล้ว
สามสิบวันที่ผ่านมาเปรียบเสมือนความฝัน
ฝันร้ายที่ต้นกล้ายังไม่อยากตื่นเลย
สามสิบวันอาจดูสั้นเหลือเกิน หากเทียบกับเวลาทั้งชีวิต
แต่สามสิบวันของต้นกล้ามันมีความหมายมากกว่านั้น
ทุกสิ่งที่เขาทำ
เรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผู้คนมากมายที่ร่วมแสดงในฉากโศกนาฏกรรมเรื่องนี้
คุณน้า
ไอ้แม็ค
ไอ้ปุ่น
ไอ้เสือ
แม่
ไอ้ชด
และคนอื่น ๆ
ตัวเขา...
ลูกเต๋า...
กับมัน...
ไอ้โจ๊ก
“กล้าไปจากที่นี่กันเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว มันจบแล้ว” คนที่เขาควรจะแคร์มากที่สุด และเป็นคนเดียวที่ยังคงยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขาเป็นคนสุดท้ายกำลังพูดกับเขา ฉุดดึงร่างของเขาให้ลุกขึ้นจากพื้น แต่ทว่าในหัวของต้นกล้า เขากลับคิดถึงแต่มัน
รักโจ๊กนะ....รักเยอะ....เยอะ
กูรักมึงไม่ได้ไอ้โจ๊ก.....รักไม่ได้
มันเป็นแค่สัตว์ประหลาด
และเขาก็รู้จักมันได้เพียงแค่สามสิบวัน
แต่ทำไมหัวใจของเขามันเจ็บปวดเหลือเกิน.....
เจ็บปวดและรู้สึกสูญเสีย
คงเพราะเขาไม่เคยคิดว่ามันจะตายเร็วแบบนี้....และมันตายเพราะช่วยคนที่เขารัก
มันเร็วจนยากจะทำใจ
ทำไมต้องเป็นเขาที่ได้กล่องใบนั้น???
เหมือนกับที่....ทำไมต้องเป็นน้ากุหลาบ....นั่นสิ....ทำไมเล่า....หรือแค่ใครก็ได้ที่บังเอิญอยู่ผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น
พวกเขาตัดสินใจจากมาโดยที่ไม่แจ้งตำรวจ ไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น ในเมื่อพวกเขาเองก็มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นองเลือด และสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาบัดนี้เหลือเพียงแค่ก้อนหินก้อนเล็กๆ ไม่มีใครเชื่อหรือหากแม้นคนเหล่านั้นเชื่อ เศษซากมนุษย์ที่กระจัดกระจายไม่มีดีก็คงต้องมีคนรับผิดชอบอยู่ดี ในประเทศแห่งนี้ การหาคำตอบในการไขคดีอันซับซ้อนยังไม่ใช่เรื่องที่ควรคาดหวังในตอนนี้ ประเทศที่ผู้บริสุทธิ์ยังคงทนทุกข์ทรมานในคดีที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อ ขณะที่คนทำผิดนั้น ช่วงเวลาแห่งการชดใช้มันช่างแสนสั้นเหลือเกิน
แต่สำหรับต้นกล้าแล้ว ไม่ใช่อะไรต้องเป็นกังวลอีกต่อไป เด็กหนุ่มเริ่มทำใจและพร้อมจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น เขาเพียงแค่รอว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะโทรตามตัวเขาไปสอบสวนเสียที
แต่ก็ไม่มี
ไม่มีใครคิดตามหาเขา
ไม่มีใครสนใจเหมือนอย่างเคย
ข่าวเดียวที่เขาได้รับคือทางโรงพยาบาลจิตเวชได้พยายามติดต่อเขาผ่านทางโรงเรียน เพื่อแจ้งเรื่องแม่ของเขาเท่านั้น
ช่วงเวลาพักฟื้นจิตใจ ต้นกล้าตัดสินใจย้ายมาอยู่กับลูกเต๋าจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เขาไม่อาจทนอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังซึ่งมีแต่เรื่องร้ายๆ บางทีเมื่อเขาโตขึ้น และบรรลุนิติภาวะ เขาอาจจะขายมันเพื่อส่งเสียตัวเองเรียน
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ผู้คนยังให้ความสนใจกับคลิปวิดีโอที่มีคนถ่ายเอาไว้ได้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกสัตว์ประหลาดโฉบหายขึ้นไปบนฟ้า ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต เด็กหนุ่มคนนั้นดูธรรมดาประกอบกับความมืดและความละเอียดของกล้องที่ถ่าย ทำให้ยากจะดูออกว่าเป็นใคร หลายคนเชื่อ และมีไม่น้อยที่คิดว่าเป็นการจงใจทำขึ้นเพื่อสร้างกระแส ข่าววัวควายถูกฆ่าตายอย่างน่าสยองถูกจับมาโยงทั้งที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผล บ้างก็ว่าเป็นผีสาง บ้างก็ว่าเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่เชื่อเถอะ....ว่าต่อจากนี้ไป ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเช่นที่มันเคยเป็น และเรื่องสัตว์ประหลาดก็จะค่อยๆถูกลืม
สองอาทิตย์ผ่านไป ทุกคนในโรงเรียนต่างก็ได้ยินข่าวของไอ้เสือที่รอดชีวิตมาอย่างไม่สวยนัก มันกลายเป็นคนพิกลพิการและวิกลจริตไม่ยอมพูดจากับใคร จนพ่อของมันต้องพาตัวไปฝากเอาไว้ที่โรงพยาบาลบ้า คดีของพ่อแม่ไอ้เบนซ์ถูกปิดลงแล้ว คดีอื่นๆก็เช่นกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของไอ้เสือ และตอนนี้มันก็อยู่ในสถานะที่ไม่อาจจะรับโทษทางกฎหมายได้
แล้วเขาล่ะ....
เรื่องทั้งหมดที่เขาก่อขึ้น เขากำลังชดใช้มันอยู่ใช่ไหม
ต้นกล้าได้แต่ถามคำถามที่ไม่อาจตอบตัวเองได้ เขาควรจะมีความสุขแต่กลับไม่มี เขากับลูกเต๋านอนกอดกัน ร่วมรักกัน แต่มันก็ดูฝืดฝืนและทรมานอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว.....ว่าต้องคอยหาอาหารให้ ‘มัน’
ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่ซ่อน หรือกลัวว่าใครจะมาเห็น
ทุกอย่างจบแล้ว
ทำไมถึงไม่ใช้ชีวิตให้เหมือนคนปกติเสียที
.
.
.
.
.
หลายปีผ่านไป
ต้นกล้าไม่ได้เรียนจบมัธยมปลายพร้อมกับคนอื่นๆ เนื่องจากขาดเรียนเป็นเวลานาน และสมองของเขาไม่ค่อยจะรับอะไรเท่าไหร่นัก นั่นทำให้เขากับลูกเต๋าต้องจากกันไปไกลแสนไกล
เขากลับมาอยู่บ้านตัวเอง และเลือกเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเล็กๆในจังหวัด ด้วยเงินของพ่อที่ยังคงพอมีเหลืออยู่ ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะสุดท้ายแล้ว เขามันก็แค่มนุษย์คนหนึ่งที่ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ มันก็เท่านั้น
เขาติดต่อกับลูกเต๋าอยู่ในช่วงแรกๆ ก่อนที่จะขาดการติดต่อจากกันเป็นเวลานาน อยู่ๆลูกเต๋าก็หายไปจากชีวิตของเขา เบอร์โทรหรือทุกอย่างในโลกออนไลน์ที่เคยใช้คุยกันถูกลบหายไม่มีเหลือ ราวกับว่าไม่เคยมีลูกเต๋าอยู่บนโลกใบนี้ แม้แต่บ้านของลูกเต๋าก็กลายเป็นของคนอื่น ครอบครัวที่ซื้อมันไปเป็นครอบครัวธรรมดาที่มีลูกเล็ก ๆ สองคน และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันกับคนรักของเขา
ยังใช้คำว่าคนรักได้อีกไหมนะ
เด็กหนุ่มควรจะเสียใจ แต่หัวใจของเขาด้านชาเหลือเกิน บางทีมันอาจจะดีแล้วก็ได้ ที่ปล่อยให้ลูกเต๋าได้ไปมีชีวิตใหม่ เริ่มต้นใหม่โดยลืมเรื่องบัดซบที่เคยเกิดขึ้นในเมืองนี้ ลืมไปเสียว่าเคยมาข้องเกี่ยวกับคนอย่างเขา
ต้นกล้าพยายามออกตามหาชายแก่คนนั้นเป็นครั้งคราว แต่มันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร ไม่มีใครรู้สึกหรือเคยเห็นชายแก่คนนั้น เด็กหนุ่มฝังก้อนหินสีเนื้อที่เคยเป็นไอ้โจ๊กตรงสวนหน้าบ้านพร้อมกับทำป้ายชื่อให้มัน
แมวตาเดียวไม่เคยกลับมาที่นี่อีก มันคงย้ายไปที่อื่นตามประสาแมวจร หรืออาจถูกรถทับตายไปแล้วก็เป็นได้ ต้นกล้าพยายามไปเยี่ยมแม่ของเขาให้บ่อยเท่าที่จะบ่อยได้ หญิงสาววัยกลางคนยังคงปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ผมเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างถาวร ต้นกล้าได้ยินมาว่าไอ้เสือเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ แต่เขากลับไม่เคยเห็นมัน
บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องนอนของแม่ เด็กหนุ่มก็พบจดหมายฉบับหนึ่งโดยบังเอิญในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า เนื้อความในจดหมายกล่าวว่า
‘............พร ถึงแม้ว่าคุณกับผมจะแต่งงานกัน โดยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ แต่เราทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ อยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนคู่คิด จนกระทั่งเรามีเจ้ากล้าเป็นโซ่ทองคล้องใจ ระหว่างคุณกับผมมันอาจไม่ใช่ความรัก แต่มันเป็นความผูกพันที่ยากจะหาคำพูดใดมาอธิบายได้
มาวันนี้ ผมมีเหตุจำเป็น ที่จะต้องลาจากคุณกับลูกไปสักพัก มันไม่ใช่เพราะความรักหรอกที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรเสียคุณก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียแต่ง และผมทำใจยากเหลือเกินที่ต้องจากตาหนูไป ผมกับก้อย เรารักกันมานาน คุณก็พอรู้ แต่เรื่องของเรื่องก็คือผมดันเผลอไปมีความสัมพันธ์กับเธอจนตั้งท้อง ทั้งที่ผมเองก็มีคุณ และเธอเองก็มีสามีแล้ว เสี่ยรู้เรื่องนี้มาตลอด รู้และคิดหาทางกำจัดเราทั้งคู่เสีย เสี่ยเพิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นหมัน ก็ตอนที่เจ้าเสือนั้นโตจนหัดพูดได้แล้ว ผมกับก้อยจึงจำเป็นต้องหายตัวไปจากเมืองนี้ พร้อมกับลูกของผมกับก้อยด้วย คงไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยแกเอาไว้ ผมอยากให้คุณเอาเรื่องที่ผมมีชู้และหนีคุณไป เอาไปบอกกับใครต่อใคร เพื่อให้คุณเป็นผู้ถูกกระทำย่ำยีในสายตาชาวบ้าน เพื่อให้คุณกับเจ้ากล้านั้นปลอดภัยจากเงื้อมมือของเสี่ย ผมจำต้องเลือกหนีตายกับเจ้าเสือ แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินนะ เงินทั้งหมดที่ผมมี ผมยกให้คุณกับลูก ผมขอจากไปแต่ตัว หากฟ้าเมตตา คงพอมีหนทางให้เราสามคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอีกครั้ง
ห่วงหาและอาลัยคุณเสมอ’
(ตรงส่วนที่เป็นชื่อและวันที่นั้นถูกแมลงกัดแทะจนแหว่งหายไป)
เขากับไอ้เสือเป็นพี่น้องกัน มันช่างน่าขำสิ้นดี เด็กหนุ่มพับจดหมายและเก็บคืนกลับที่เดิมของมัน
ยังมีเรื่องไหนที่เขาควรจะรู้อีก ถ้าจะมีอะไรร้ายๆก็ขอให้เข้ามาตอนนี้เลยเถิด ชีวิตของเขามันชาชินกับเรื่องพวกนี้ไปเสียแล้ว หากเป็นแต่ก่อน เขาคงร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง หรืออาจจะเป็นเขาเองก็ได้ ที่ถูกจับสวมชุดคนบ้า และขังในห้องสำหรับผู้ป่วยโรคจิตที่เป็นอันตราย ขณะที่นึกอย่างขำขัน ดวงตาของเขากลับฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว
ไอ้โจ๊ก
ถ้ามึงอยู่กับกูตอนนี้.....มึงคงหาว่ากูทุเรศแน่ ๆ
กูก็จะหัวเราะ แล้วก็กอดมึงแรงๆ จนมึงต้องร้อง...กิ๊.....ฮ่าฮ่าฮ่า
กูไม่เคยลืมมึงนะโจ๊ก
ไม่เคยลืมสามสิบวันที่มีมึงเข้ามาในชีวิต
ถ้ามึงไม่ตายไปเสียก่อน คนที่อยู่ข้างๆกูในตอนนี้ก็อาจจะเป็นมึง
.
.
.
.
.
เขาเผลอนอนหลับไปในห้องนอนของแม่ และตกใจตื่นขึ้นมาในกลางดึก บ้านทั้งหลังตกอยู่ในความมืด ต้นกล้าไม่กล้าที่จะกดสวิทซ์ไฟ เนื่องจากมีบางอย่างกำลังส่งเสียงกุกกักอยู่ด้านล่าง
เด็กหนุ่มค่อยๆก้าวลงบันไดพร้อมกับแท่งเหล็กที่ใช้เกี่ยวบันไดทางขึ้นห้องใต้หลังคาในมือ ข้างเอวนั้นเหน็บไฟฉายเอาไว้เผื่อต้องใช้ เสียงบางอย่างนั้นดังมาจากห้องครัว เป็นเสียงคล้ายใครกำลังรื้อค้นอะไร เท้าเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มสัมผัสกับความสากซึ่งน่าจะเป็นคราบดินที่ติดรองเท้ามันคนนั้นเข้ามา มีแสงไฟสว่างออกมาจากห้องครัวของเขา ที่มาของแสงซึ่งเป็นไปได้ในตอนนี้ก็คือตู้เย็นที่ถูกเปิดออก
กรุ๊บๆๆ....แจ่บๆๆๆ.....กร้วม.....กิ๊
“เฮ้ยยยยยย”
“กิ๊....กิ๊”
“ไอ้โจ๊ก.....”
“แฮ่”
ไอ้โจ๊ก....หรืออาจเป็นสิ่งที่ดูคล้ายไอ้โจ๊กทิ้งชิ้นเนื้อในมือและพุ่งเข้าใส่เขา เด็กหนุ่มฝาดมันเต็มแรงด้วยท่อนเหล็กในมือจนมันสลบไป
.
.
.
.
.
.
“หิวสินะ”
“กิ๊”
“ให้กินอีกชิ้นเดียวพอนะ....แดกเยอะเกินเดี๋ยวตัวโตเว่อร์อีก คราวนี้คงต้องจำกัดอาหารกันหน่อยล่ะมั้ง”
ไอ้ตัวประหลาดทำหน้าเหมือนเสียดาย มันส่งสายตาออดอ้อน ทั้งที่ปากกำลังเคี้ยว ชิ้นเนื้อดิบๆติดตามซอกฟัน ทำให้ต้นกล้านึกถึงวันแรกที่เจอกัน ไอ้โจ๊กกลับมาแล้ว ยังไงไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย
มันสะดุ้งเมื่อเขาลูบหัวมัน เจ้าตัวประหลาดจัดการเนื้อจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ยังดีที่คราวนี้มันมีขางอกออกมาแล้ว ไม่เหมือนวันแรกบนห้องใต้หลังคา ที่มีเพียงแค่มือสองข้าง และรูปร่างนั้นเละเป็นโจ๊ก
“มึงอ่ะ....ชื่อโจ๊ก”
“โจ๊....ก......ก..............กิ๊”
“คืนนี้มึงนอนในกล่องใบเดิมนะ กูเตรียมผ้าห่มไว้ให้มึงแล้ว.....ถ้าปวดฉี่หรืออยากอึก็เรียกกู เข้าใจที่พูดไหมเนี่ย ไม่ปล่อยให้เรี่ยราดแบบเมื่อก่อนแล้วนะ”
“เค้าไจ่”
“เออ....เค้าไจ่ก็เค้าไจ่”
และคืนนั้นก็ผ่านพ้นมาได้ โดยที่เขาไม่ถูกมันแทะกินขณะที่นอนหลับ ตอนเช้าตรู่มันปลุกเขาด้วยเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมื่อต้นกล้าตื่นขึ้นมา กลางห้องของเขาก็มีอึก้อนโตกองอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ไอ้ห่า....บอกให้เรียกก็เรียกจริงๆด้วย ทีหลังบอกก่อนจะขี้ออกมานะ เหม็นชิบ”
“กิ๊”
“หิวใช่ไหม....แต่อย่าเพิ่งกิน.....บอกแล้วไงว่าไม่ตามใจแล้ว ควบคุมอาหาร จะได้ไม่ต้องโตเร็ว อยู่แบบนี้แหละน่ารักดี”
“น่ารากกกกกกกก”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“กิ๊ซซซซ....กา...ก่า.....ฮาฮ่าฮ่า”
เด็กหนุ่มใช้เวลาตลอดปิดเทอมเลี้ยงดูมันให้ดีเท่าสุดเท่าที่จะทำได้ ไอ้โจ๊กค่อยๆเติบโตอย่างช้า ๆ และเรียนรู้ที่จะระงับความหิว มันกินเป็นเวลา ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง จนกระทั่งมันสูงพอๆกับเด็กอนุบาล ต้นกล้าก็หัดให้มันแปรงฟัน แม้จะเลอะเทอะในช่วงแรก ๆ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่กลืนยาสีฟันลงไป มันเลือกที่จะพ่นใส่หน้าของเขาแทน
“ยิงฟันให้กูดูซิ....โอ้โห.....ขาววับ”
“โจ๊กเก่ง....กิ๊”
“ใช่....มึงเก่ง.....เก่งที่สุด”
“รักโจ๊กนะ....รักโจ๊ก”
“รักสิ....คราวนี้รักจริงๆ กูรักมึงนะโจ๊ก”
ไม่ว่าไอ้ตัวนี้จะเป็นไอ้โจ๊กหรือไม่ แต่เด็กหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าชีวิตของเขานับแต่นี้ จะเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้ดีที่สุด เลี้ยงด้วยหัวใจของเขาที่ต้องการจะเลี้ยง หาใช่ด้วยความแค้นอย่างคราวก่อนไม่ เขากับมันใช้เวลาทั้งวันดูโทรทัศน์ เล่นเกมส์ วาดรูป หรือแม้แต่ฟังเพลง เขาสอนมันเต้นทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนชอบเต้น และเต้นได้น่าตลกเสียด้วยซ้ำไป สองคนพ่อลูกเล่นกันจนเหนื่อย จนกระทั่งฟ้ามืด เขาจึงพามันอาบน้ำและเข้านอนพร้อมๆกัน
“กล้า....นิทาน....เล่า....เล่า”
“ได้สิ.....เรื่องไหนดีล่ะคืนนี้”
“เจ้าชายยยยอาสูนนนนน”
“หึหึหึ”
เขาอ่านนิทานให้มันฟัง ไอ้โจ๊กจ้องมองสมุดภาพตาแป๋วอย่างตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งและพยายามจะเรียนรู้ที่จะฝึกอ่านตาม ต้นกล้าเกาหัวให้มันไปด้วย มันร้องครางอย่างสบายตัว ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
เด็กหนุ่มดึงผ้าขึ้นห่มให้มัน เจ้าสัตว์ประหลาดนอนนิ่งเหมือนเด็ก ๆ
มาแล้ว
มาถึงตอนจบจนได้แล้วสินะ
น้ำตาของเขาค่อยๆไหลออกมาอย่างสุดกลั้น นี่มันคงเป็นผลกรรมของเขาเองที่เขาต้องอยู่กับมันให้ได้ อย่างน้อยเขากับมันก็ยังได้เจอกัน แม้แต่ต้องจากกันทุกเวลาที่ดวงตะวันโผล่ขึ้นขอบฟ้า
เด็กหนุ่มแตะแก้มของไอ้โจ๊กอย่างแผ่วเบา ไม่กี่อึดใจ ร่างของมันก็สลายกลายเป็นฝุ่นผงสีเรืองรอง
.
.
.
.
.
ต้นกล้าตื่นขึ้นจากฝัน
ฝันที่ไม่ใช่ฝันดี และไม่ใช่ฝันร้าย
น้ำตาของเขายังคงไหลแม้ว่าจะตื่นขึ้นจากฝันแล้วก็ตาม
ซ้ำไป-ซ้ำมา
เป็นอยู่อย่างนี้แทบทุกวัน
เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว จากเด็กหนุ่มกลายเป็นชายหนุ่ม และเขายังฝันถึงมันทุกคืน ฝันอย่างเต็มใจ ไม่ใช่แค่ชดใช้ แต่ในฝันนั้นเขาได้แก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำพลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้วในชีวิตจริงที่เหลืออยู่
หน้าบ้านของเขา ตรงหลุมศพของไอ้โจ๊ก ต้นไม้ประหลาดที่มีผิวตะปุ่มตะป่ำน่าเกลียด เปลือกของมันเป็นสีเนื้อ ไร้ซึ่งใบ ดอก และผล ต้นไม้ที่ดูเหมือนกับต้นไม้ตายซากนั้นใครจะรู้ว่ามันโตขึ้นทุกปี...ทุกปี จนกระทั่งสูงเกือบจะเท่าหลังคาบ้าน ต้นกล้าโอบกอดมันเอาไม้เหมือนกำลังกอดใครสักคน และพรมจูบเปลือกไม้แข็งๆนั้น เหมือนกำลังจูบคนๆหนึ่ง หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เขานึกถึงมันอยู่เสมอ
“กูจะอยู่ที่นี่กับมึง.....จะไม่ทิ้งมึงไปไหนอีก กูขอให้สัญญา และคราวนี้กูจะทำให้ได้จริง ๆ.......ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน....จะเป็นต้นไม้หรือในฝัน....กูก็จะไม่ทอดทิ้งมึงอีก......”
สามสิบวัน = หนึ่งเดือน
หนึ่งเดือนของคุณอาจจะไม่มีความสำคัญอะไร
หนึ่งเดือนของคุณอาจเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่คุณต้องไปเรียนหรือทำงานที่คุณเกลียด
หนึ่งเดือนของคุณอาจเป็นเดือนที่สำคัญ นั่นเพราะวันหนึ่งในนั้นเป็นวันเกิด....วันตาย.....วันครบรอบ....วันที่คุณได้เลื่อนตำแหน่ง....วันที่คุณเรียนจบ....มีแฟนครั้งแรก.....แต่งงาน....มีลูก
แต่สำหรับต้นกล้า
หนึ่งเดือน = ตราบเท่าชีวิต
ชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยมีสัตว์ประหลาดดวงตาบ้องแบ๊วที่กินเก่งเป็นบ้า
สัตว์ประหลาดที่รักเขาหมดหัวใจ....อย่างไม่มีเงื่อนไข
End
.
.
.
.
.
เด็กชายตัวผอมกำลังเดินกลับบ้านในสภาพมอมแมม
วันนี้ถูกไอ้เลวพวกนั้นไถเงินจนไม่เหลือ ถูกรุมชกเพียงเพราะวันนี้เขาขอให้มันละเว้น....
‘พวกนาย...อ...อย่าเอาไปหมดได้ไหม....เราต้องซื้อยาให้แม่’
พ่อคงทุบตีอีกตามเคย.....และคงไม่ถามถึงร่องรอยฟกช้ำบนตัวเขา แต่ถ้าพ่อเมา เขาอาจโชคดี วันนี้เขาเจ็บตัวมามากพอแล้ว
เด็กชายก้าวขาอย่างช้าเชื่อง
ยังไม่อยากถึงบ้านในตอนนี้ ช่วงเวลาระหว่างทาง คือความสุขความสงบเดียวที่เขาได้รับ จากโลกที่บูดเบี้ยวใบนี้
บ้านที่มีพ่ออารมณ์ร้าย
มีแม่ที่นอนเจ็บปางตาย
น้องสาวที่ถูกพ่อแท้ๆข่มขืน
สามชีวิตที่ถูกกระทำย่ำยีไม่ต่างจากสัตว์ ยามที่ยานรกออกฤทธิ์ ผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีและพ่อ ก็แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
“ไอ้หนู”
เสียงแหบพร่าร้องเรียกเด็กชาย เสียงนั้นดังมาจากซอกตึก พ่อหนูค่อยๆหันไปมอง ชายชราในชุดสีดำกำลังส่งยิ้มให้เขา ฟันของชายแก่นั้นดูน่าเกลียดเหมือนกับหินงอกหินย้อย น่าแปลกที่แม้ว่าจะหวาดกลัวมากเพียงใด ขาทั้งสองกลับถูกตรึงเอาไว้จนไม่อาจขยับไปไหน ชายแก่ค่อยๆสาวเท้าออกมาจากมุมมืดในซอกตึกเก่า พร้อมกับกล่องไม้ใบใหญ่ในมือ
“รับมันไปสิ.....มันเป็นของเธอแล้ว”
เด็กชายจ้องมองราวกับถูกสะกดจิต กล่องไม้มีรอยแตกเล็ก ๆ บางสิ่งที่ดูคล้ายกับขาของแมลงยื่นออกมาจากรอยแตกนั้น ราวกับต้องการจะทักทายเจ้านายคนใหม่
*************************************************
จบแล้วน๊า
แต่เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกสองตอนพิเศษ ใครที่บอกว่าไม่เคลียร์ หรือใครที่รับตอนจบไม่ได้แล้วไม่ยอมอ่านต่อ ขอบอกว่าจะต้องเสียใจแน่ ๆ กิ๊ 55555+