37. ปาร์ตี้
ประตูห้องทำงานบานใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทพอดีตัวสีเข้ม ใบหน้าคมที่มักยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจยามนี้กลับนิ่งเฉย แต่ยังคงน่ามองอยู่เสมอ ข้างกายเขาปรากฏร่างหุ้นส่วนสาวสวยก้าวเดินออกมาพร้อมกับพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนใกล้ตัว ใบหน้าเรียวที่กำลังสนทนานั้นงดงามราวกับภาพวาด ท่วงท่าสง่างามราวเจ้าหญิง
เลขาหน้าห้องรองประธานมองภาพนั้นเหมือนความฝัน ทั้งคู่ดูเหมาะกันราวกับหลุดออกมาจากนิยายโรแมนติกสักเรื่อง
‘คงไม่นานหรอก เธออาจจะได้ยินข่าวดีละมั้ง’ รองประธานแวะคุยธุระกับเลขาสองสามคำแล้วก็ออกเดินตามหุ้นส่วนคนสวยที่เดินไปยืนรออยู่หน้าลิฟต์
เมื่อลิฟต์เปิดออก คนที่ยืนรอด้านนอกก็แปลกใจ
“อ้าว น้องพีท สวัสดีจ๊ะ” เฌอเบลล์ทักน้ำเสียงอ่อนหวาน แววตาหญิงสาวมีเลศนัยเมื่อมองหน้าหนุ่มน้อยแล้วก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของคนที่ยืนข้างกายเธอ
“พีทมาทำอะไรตรงนี้ บ่ายนี้ไม่ทำงานเหรอ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประชุมแล้วนะ” รองประธานตั้งคำถามกับน้องชายทันที ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด เพราะพีทไม่เคยเถลไถลเรื่องงานเลยสักครั้ง แล้วทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้
“พ่อบอกให้ผมไปกับพี่ฮั่นด้วย” เด็กฝึกงานบอก
“ทำไมลุงคริสจะให้พีทไปพบท่านรัฐมนตรีล่ะ แล้วทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง” คนเป็นพี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ยกมือแตะหลังเฌอเบลล์ให้ก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วยกัน
ตั้งแต่ลุงคริสยกงานทุกอย่างให้เขาบริหาร ลุงคริสก็ไม่เคยเข้ามาจัดการอะไรอีก ปล่อยให้เขามีอิสระทำทุกสิ่งตามที่เห็นสมควร
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ถ้าพี่สงสัย พี่ก็โทรหาพ่อเองแล้วกัน ผมแค่ทำตามที่พ่อสั่ง” พีทอ้างว่าเป็นคำสั่งพ่อเพราะรู้ว่าพี่ฮั่นไม่โทรไปถามแน่ พ่อกับพี่ฮั่นทำงานด้วยกันมานานตั้งแต่พี่ฮั่นยังเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำ จึงรู้ใจและไว้ใจกันมากกว่าเขาซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ เสียอีก
“แล้วงานของพีทล่ะ” พี่ฮั่นยังคงซักต่อ
คราวนี้พีทขมวดคิ้วบ้าง พี่ฮั่นถามเหมือนไม่อยากให้เขาไปด้วย ทั้งที่ตัวเองก็เคยลากเขาไปเที่ยวห้างตอนบ่าย ตอนนั้นพี่ฮั่นยังไม่เอ่ยถามเขาเรื่องงานสักคำ
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าอนุญาตแล้ว”
ความจริงแล้วหัวหน้าปฏิเสธไม่ได้ต่างหาก แค่เขาสั่งเลขาของพี่ฮั่นให้โทรไปบอกหัวหน้าแผนกของเขาเวลาพี่ฮั่นมีนัดข้างนอก อ้างว่ารองประธานสั่ง เท่านี้หัวหน้าก็ไม่กล้ามีปัญหา และถึงแม้เลขาของพี่ฮั่นจะไม่โทรไปอ้าง เขาแค่เดินไปบอกว่าจะไปดูงานกับรองประธาน หัวหน้าก็คงไม่กล้าปฏิเสธอยู่ดี เพียงแต่เขาไม่อยากทำให้ใครมาว่าได้ว่าเขาใช้สิทธิพิเศษ
“แหม พี่ฮั่น ถามอะไรซอกแซกคะ น้องพีทอยากจะทำหรือไม่ทำก็ได้อยู่แล้ว อีกอย่างการไปพบท่านรัฐมนตรีก็งานเหมือนกัน น้องพีทจะได้เรียนรู้การเข้าหาผู้ใหญ่ด้วย”
เฌอเบลล์เหมือนระฆังช่วยชีวิตไว้ ก่อนที่พี่ฮั่นจะซักอะไรเขาต่ออีกยืดยาว
ลิฟต์เลื่อนมาถึงข้างล่างพอดี คนเป็นพี่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็หาข้ออ้างอะไรไม่ได้จึงเดินออกไปที่หน้าล็อบบี้ ตรงไปที่ลีมูซีนที่จอดรอ พีทหันไปยิ้มให้เฌอเบลล์อย่างขอบคุณซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน จากนั้นจึงชักชวนให้รีบออกเดินตามรองประธานที่เดินลิ่วไปขึ้นรถก่อนแล้ว
----------------------------------
เสียงสัญญาณจากลิฟต์บอกให้รู้ว่าลิฟต์ได้เคลื่อนที่มาถึงชั้นสูงสุดของอาคารสำนักงานแล้ว ขายาวของรองประธานก้าวอย่างรวดเร็วตรงมาที่โต๊ะเลขาหน้าห้อง
“คุณเดซี่ ทำไมพีทถึงรู้ว่าผมมีนัดกับประธานจัสมินกรุ๊ปเช้าวันนี้แล้วเมื่อวานตอนที่ผมไปพบท่านรัฐมนตรีอีก นี่พีทโทรมาถามคุณรึเปล่า”
รองประธานเอ่ยถามเลขาส่วนตัวทันทีที่กลับจากการนัดพบข้างนอก หน้าตาไม่พอใจอย่างมาก เลขาที่ทำงานง่วนอยู่สะดุ้งที่ได้ยินคำถามนั้น เธอรีบลุกขึ้นยืนทันที
“เอ่อ เปล่านี่คะ คุณชายไม่ได้โทรมาถามอะไรเลยค่ะ” เดซี่ก้มหน้าก้มตาตอบ
“แล้วพีทจะรู้ได้ยังไง ก็คุณเป็นคนจัดตารางนัดหมายให้ผม คุณรู้ดีที่สุด”
รองประธานยังไม่คลายความสงสัย พีทเหมือนรู้เวลานัดหมายของเขาเป็นอย่างดี เวลาเขาออกไปพบลูกค้าหรือไปธุระข้างนอกพีทจะมาคอยอยู่ทุกครั้งโดยมีข้ออ้างว่าลุงคริสให้ตามไปด้วย เขาได้แต่แปลกใจที่ลุงคริสให้พีทไปดูงานกับเขา
“ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ว่าคุณชายทราบได้ยังไง”
เลขาเริ่มหน้าซีดลงทุกขณะเมื่อพยายามตอบคำถามของรองประธาน เวลานี้เธอกุมมือตัวเองแน่น กลัวเหลือเกินว่าถ้ารองประธานซักต่อ เธอจะต้องหลุดพูดความจริงออกมาแล้วถ้ารองประธานรู้เธอโดนไล่ออกแน่ ๆ ไม่ว่าจะจากฝ่ายรองประธานเองหรือจะเป็นฝ่ายคุณชาย มองไปทางไหนก็มีแต่ทางตัน
“เอาล่ะ ไม่รู้ก็แล้วไป” รองประธานเห็นอาการหน้าซีดปากสั่นของเลขาก็เข้าใจไปว่าเขาคงจะบีบคั้นเธอมากเกินไป จึงเลิกซักถามแล้วเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
“เฮ้อ” เดซี่ทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรงทีเดียว
แต่กลับต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์มือถือตัวเองสั่นอยู่บนโต๊ะ เดซี่เหลือบตามองไปที่ห้องทำงาน เห็นประตูห้องปิดเรียบร้อยดีแล้วจึงกดรับโทรศัพท์แล้วเริ่มต้นรายงานเวลานัดหมายของรองประธานให้ปลายสายฟัง
“ขอบคุณมากครับคุณเดซี่ สิ้นปีนี้คุณรอรับโบนัสชิ้นใหญ่ได้เลย”
--------------------------------
“พีท ช่วงนี้เป็นอะไร ทำไมตามพี่แบบนี้ล่ะ”
ฮั่นอดทนมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่พีทเริ่มตามประกบติดเขาแทบตลอดเวลา แม้ว่าน้องจะต้องฝึกงานแต่ก็ใช้เวลาพักเที่ยงขึ้นมาหาเขาที่ห้องทำงาน ตามออกไปข้างนอกด้วย ไม่ว่าเขาจะออกไปกับลูกค้าหรือผู้บริหารคนอื่น ไม่ว่าเขาจะออกไปไหนมาไหนกับใครพีทก็ตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
เขาอุตส่าห์พยายามดึงเฌอเบลล์ให้ออกห่างจากน้อง พยายามไม่ให้เฌอเบลล์มีโอกาสหว่านเสน่ห์ แต่พีทกลับมาตามติดเขาแบบนี้กลับยิ่งทำให้เฌอเบลล์มีโอกาสใกล้ชิดน้องชายมากขึ้น และตอนนี้เฌอเบลล์ก็ไปไหนมาไหนกับเขาตลอดเวลา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เฌอเบลล์มักจะออกไปหาเพื่อนหรือมีนัดกินข้าวกับเพื่อนชายบ้าง แต่สองสามวันที่ผ่านมาเฌอเบลล์ไม่ออกไปธุระกับเพื่อนที่ไหนอีกเลย
น้องก็รู้ว่าเขาไม่พอใจแต่พีทกลับทำไม่สนใจ กลับไปทำตัวสนิทสนมกับเฌอเบลล์แทน ยิ่งเขาหงุดหงิดไม่คุยกับน้องก็ยิ่งทำให้สองคนนั้นหันมาคุยกันมากขึ้น เขาต้องทนมองเห็นคนทั้งคู่หยอกล้อ หัวเราะให้กัน จนเขาอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีเขาขวางไว้เฌอเบลล์คงรวบหัวรวบหางน้องเขาไปแล้ว
“ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมก็ทำตามปกตินี่ พี่รำคาญผมเหรอ” คนน้องว่าเรียบเรื่อยเหมือนสิ่งที่เขาทำอยู่นี้เป็นเรื่องธรรมดา
“เปล่า แต่พี่ เอ่อ พี่อึดอัด”
พีทสะอึกไปเมื่อได้ยิน รู้สึกน้อยใจกับคำพูดของพี่ชาย เขากล้ำกลืนความรู้สึกนี้ลงไปและฝืนทำตัวปกติ
“เมื่อก่อนเราก็อยู่ด้วยกันตลอดนี่ ตอนโน้นพี่ก็ตามผมทุกฝีก้าวเลย ทำไมตอนนี้อึดอัดล่ะ”
พีทใช้น้ำเสียงนิ่งเหมือนเดิม แต่พี่ฮั่นคงไม่รับรู้กระแสความน้อยใจที่ไหลวนอยู่ลึกในใจของเขา พี่ฮั่นไปไหนมาไหนกับเฌอเบลล์แทบตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มงานจนกระทั่งเลิกงาน ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก พอเขาเริ่มตามพี่ฮั่นบ้างกลับบอกว่าอึดอัด
พี่ฮั่นจะรู้ไหมว่ามันไม่สนุกหรอกนะที่ต้องคอยมองดูพี่ฮั่นสนิทสนมกับเฌอเบลล์ต่อหน้าเขา
“ก็พี่อยากให้พีทมีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นบ้างไง” พี่ชายพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“ผมไม่อยากไปทำอะไรอย่างอื่นนี่” พีทยังยืนยันที่จะทำเหมือนเดิมต่อไป
“พีท! เราไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะมาคอยตามพี่ไปไหนมาไหนด้วยน่ะ” คราวนี้คนเป็นพี่เริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้างแล้ว
พีทแทบข่มความรู้สึกน้อยใจไว้ไม่อยู่กับประโยคตัดรอนนั้น เขารู้ดีทีเดียวว่าพี่ฮั่นไม่พอใจอย่างมาก แต่เขาทำตามที่พี่ฮั่นต้องการไม่ได้ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกพี่ฮั่นเป็นยังไงเมื่อถูกเขาต่อว่าแรง ๆ ตอนที่พี่ฮั่นเป็นฝ่ายตามดูแลความปลอดภัยให้เขา
“คราวก่อนพี่ยังไม่ให้ผมไปไหนมาไหนคนเดียวเลย คราวนี้ผมไปคนเดียวได้แล้วเหรอ พี่คงเบื่อผมแล้วใช่ไหม”
เสียงพูดเบาลงเพราะกำลังใจเสีย ตอนเขาแอบไปปรึกษาริท พี่ฮั่นยังเดือดร้อนที่เขาหายไป แต่ตอนนี้เขาคงไม่สำคัญอีกแล้ว
“พีท อย่าดื้อสิ” พี่ฮั่นพูดอย่างเหนื่อยใจ
“ยังไงผมก็จะทำแบบนี้ต่อไป” แรงฮึดในจิตใจสั่งให้เขาอดทนต่อไป
พี่ฮั่นถึงกับทำหน้าเซ็งไปเลยทีเดียว เขาก็ไม่อยากทำให้พี่ฮั่นอึดอัดหรอก เขาไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็นเวลาพี่ฮั่นเอาอกเอาใจเฌอเบลล์แม้แต่นิดเดียว แต่เขาต้องทำเพราะเขาไม่อยากเสี่ยงให้พี่ฮั่นถูกลอบทำร้ายอีก
พีททำตามที่พูดไว้ เขายังคงคอยติดตามพี่ฮั่นไปไหนมาไหนตลอด แม้ว่าพี่ฮั่นจะไม่พอใจเขาก็ตาม
----------------------------------------
สามวันก่อนการประชุมเป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิง เวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานสำคัญ ปัญหาใหม่เกิดขึ้นทุกวันให้คอยตามแก้ พีทเห็นพี่ฮั่นทำงานหนักตลอดเวลา พี่ฮั่นต้องติดต่อประสานงานกับหลายฝ่ายทั้งรัฐบาล นักข่าว นักธุรกิจหลายฝ่าย แทบไม่ห่างจากโทรศัพท์ เพราะทุกฝ่ายจะต้องมาเตรียมพร้อมสำหรับงานประชุมในอีกสามวันข้างหน้า
เขาได้แต่คอยติดตามพี่ฮั่นไปตลอดเวลา ทำได้เพียงแค่จับตามองแผ่นหลังของพี่ชายที่ไม่เคยหันกลับมามองเขาเลยสักครั้ง
ช่วงเวลาที่มีการประชุม ทั้งโรงแรมตกอยู่ในความดูแลของตำรวจสากลที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยของผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุม มีการตรวจตราอย่างเคร่งครัดทั้งสถานที่จัดประชุมและผู้คนที่เข้าออกโรงแรม ทำให้พีทคลายความกังวลเรื่องความปลอดภัยของพี่ฮั่นไปได้ชั่วคราว
พี่ฮั่นทำงานหนักตลอดช่วงที่มีการประชุมสำคัญ เขาก็เช่นกัน เขาก็ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง ทั้งหน้าที่ของเด็กฝึกงาน หน้าที่ที่ต้องช่วยงานพี่ฮั่นและเรียนรู้การทำงานใหญ่ระดับชาติไปด้วยพร้อมกัน พวกเขาอยู่แต่ในโรงแรมไม่มีเวลาออกไปไหนเลย ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่และกลับเข้าบ้านหลังเที่ยงคืนทุกวัน ไม่มีเวลาพูดคุยกันมากนัก กลับถึงบ้านก็แทบหมดแรงจะทำอะไร เวลานอนก็แทบจะไม่มี
ในที่สุดงานประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย ได้รับคำชื่นชมจากทุกฝ่ายอย่างล้นหลาม มีแต่เสียงชื่นชมเมื่อการจัดประชุมดำเนินไปได้ด้วยดี มีการตกลงเซ็นสัญญาความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างประเทศ ข่าวการประชุมมีแต่ด้านบวกทำให้รัฐบาลพอใจกับความสำเร็จนี้ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน และในฐานะหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลประโยชน์ด้านการค้าจากการทำสัญญาร่วมกัน
“พี่ฮั่น น้องพีท เจอพอดีเลย”
เฌอเบลล์เรียกพวกเขาไว้เมื่อทั้งคู่กำลังเดินเข้ามาในโรงแรมตรงไปยังลิฟต์ ขาเรียวที่สวมรองเท้าส้นสูงก้าวตรงมาด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าสวยหวาน รูปร่างสมส่วนในชุดสูทสีครีมช่วยขับผิวขาวของเฌอเบลล์ให้เด่นขึ้นดึงดูดสายตาคนที่อยู่บริเวณนั้นให้หันมาจ้องมองเธอ
หนุ่มหล่อสองคนที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก
คนพี่เห็นหุ้นส่วนสาวสวยเดินตรงมาก็ลอบถอนหายใจด้วยความหนักใจแต่ยังเก็บสีหน้าไว้ได้มิด เอ่ยทักทายเฌอเบลลตามปกติ
ส่วนคนน้องก็คิ้วขมวดเพราะไม่ค่อยชอบใจเช่นกันที่พี่ฮั่นหันไปให้ความสนใจกับหุ้นส่วนคนสวย เขาพยายามปรับสีหน้าให้ปกติเมื่อเห็นหญิงสาวเดินมาใกล้
ไม่เหมือนหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมา ใบหน้างดงามที่ตกแต่งอย่างดีนั้นยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มทั้งคู่
“เย็นนี้ว่างไหมคะทั้งสองคน เพื่อนเบลล์จัดปาร์ตี้ค่ะ เบลล์เลยมาชวน พี่ฮั่นจำไรอันได้ไหม คนที่เป็นเพื่อนแคนด้วยไงคะ”
“ไปด้วยกันนะคะ แคนก็ไปนะ คนกันเองทั้งนั้น”
ท้ายประโยค หุ้นส่วนสาวสวยหันไปหาหนุ่มน้อยเป็นเชิงเชิญชวนให้ไปปาร์ตี้ด้วยกัน
“ผมขอตัวได้ไหมเบลล์ งานประชุมเพิ่งเสร็จไปเมื่อวาน ยังมีอะไรให้ต้องเคลียร์อีกตั้งหลายเรื่อง คืนนี้อยากพักผ่อน คงไม่มีแรงไปปาร์ตี้ต่อ”
คนเป็นพี่เห็นดังนั้นก็ปฏิเสธทันที ถ้าเขาไปพีทก็ต้องตามไปด้วยแน่ ใครจะยอมล่ะ
“พี่ฮั่นไม่ควรพลาดงานนี้นะคะ พี่ฮั่นก็เห็นว่าลูกชายผู้นำประเทศตะวันออกกลางมาประชุมคราวนี้ด้วย รู้ไหมคะว่าเขาเป็นเพื่อนกับไรอัน แล้วเขาจะไปปาร์ตี้คืนนี้ด้วย ไรอันกระซิบมาว่าถ้าอยากลงทุนทำโรงแรมที่ประเทศนั้นก็ต้องใช้โอกาสนี้เท่านั้น”
“พี่ฮั่นก็รู้นี่คะว่าการจะลงทุนที่โน่นน่ะมันยากขนาดไหน ถ้าเราไม่รู้จักใครโอกาสก็คือศูนย์นี่เอง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วนะคะ ไปเถอะค่ะ” ใบหน้างามนั้นมีแววอ้อนวอน
เฌอเบลล์นั้นสนใจจะลงทุนในประเทศแถบตะวันออกกลางมานานแล้ว แต่เธอยังไม่มีเครดิตพอที่จะลงทุนด้วยตัวเอง แม้ว่าเธอจะมีเงินทุนหนาขนาดไหนก็ตาม เธอจำเป็นต้องร่วมทุนกับใครสักคนที่เป็นที่เชื่อมั่นในวงการนี้ และพี่ฮั่นคือความหวังของเธอ
รองประธานเงียบไปอย่างกำลังใช้ความคิด เฌอเบลล์พูดถูกทีเดียว นี่เป็นโอกาสที่ดีมากที่จะได้เจรจาธุรกิจ เขารู้ว่าเฌอเบลล์ต้องการโอกาสนี้มากแค่ไหน เขาเองก็เช่นกัน
ในที่สุดเฌอเบลล์ก็ยิ้มออกเมื่อพี่ฮั่นตกลงไปปาร์ตี้ และคนที่ไม่เคยห่างพี่ชายเลยในช่วงหลายวันที่ผ่านมาก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
-------------------------------------
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางเข้ามากระทบใบหน้าคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง พีทรู้สึกตัวตื่นเมื่อสายมากแล้ว เขาขยับตัวช้า ๆ เพราะปวดหัวจี๊ดทันทีที่ตื่นนอน เมื่อหันมองรอบกายก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนพี่ฮั่น เมื่อคืนเขากลับถึงบ้านเมื่อไรก็ไม่รู้ตัว จำได้แค่ว่าถูกพี่แคนบังคับให้ดื่มเป็นเพื่อน
พี่แคนยังคงกลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องคู่หมั้นตัวเอง เกรซเลิกหลบหน้าพี่แคนแล้ว เธอกลับไปทำตัวตามปกติ พูดคุยกับพี่แคนอย่างสุภาพ แต่กลับทำให้พี่แคนกลุ้มใจกว่าเดิมเพราะยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเกรซแค่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น
พีทก็ไม่อยากจะดื่มหนักเหมือนกัน แต่คนบางคนทำให้เขาหงุดหงิดจนเผลอดื่มไปหลายแก้ว
หลังจากเฌอเบลล์กับพี่ฮั่น ‘เจรจาธุรกิจ’ กันเรียบร้อยแล้ว สาวสวยกลุ่มใหญ่เพื่อนของเฌอเบลล์ก็เข้าไปรุมล้อมโต๊ะใหญ่ที่มีลูกชายของผู้นำประเทศตะวันออกกลาง ไรอันและเพื่อนอีกสองสามคนรวมทั้งพี่ฮั่นด้วย
พวกหนุ่ม ๆ และพี่ฮั่นนั่งอยู่ท่ามกลางสาวสวยเพื่อนของพี่เฌอเบลล์ตลอดคืน เขาได้แต่เฝ้ามองไปที่กลุ่มสาว ๆ ที่คลอเคลียพูดคุยกับพี่ฮั่นอยู่ไม่ห่าง หนุ่ม ๆ ในโต๊ะนั้นก็เฮฮาสนุกสนานกับสาวสวยในกลุ่ม
เพิ่งรู้ว่าพี่ฮั่นคุยเก่งขนาดนี้ สาวสวยที่ล้อมรอบพี่ชายของเขาหัวเราะร่าเริง แม้เขาจะรู้ว่าพี่ฮั่นเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่ายแต่ก็อดเคืองไม่ได้อยู่ดี
จากที่เฉย ๆ ทำให้เขาเฉยแทบไม่ไหว ตลอดทั้งคืนเขาเอาแต่รู้สึกไม่พอใจ ไม่อยากให้พี่ฮั่นอยู่กับใคร เขาคิดว่าเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพี่แคนเวลาเห็นเขากับเกรซอยู่ด้วยกันแล้ว มันไม่สนุกเลยที่ต้องเก็บความรู้สึกพวกนี้ไว้
พีทพยายามกดความไม่พอใจของตนเองไว้ พยายามไม่คิดมาก เขาไม่ได้อยากมางานแบบนี้เลยแต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้พี่ฮั่นมาคนเดียว เขารู้ว่าพี่ฮั่นไม่พอใจที่เขาตามติดตลอดเวลา แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาคิดออก คุณปู่คงจะลงมือได้ยากขึ้นถ้าเขายังคงวนเวียนอยู่ใกล้พี่ฮั่น
เขากับพี่แคนนั่งชนแก้วกันไปเงียบ ๆ เหมือนต่างคนก็ต่างจมอยู่กับความคิดของตน นานทีก็หันมาคุยกันสักประโยค
“แคน น้องพีท ขอนั่งด้วยคนนะคะ”
สาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำสั้น คว้านคอลึกโชว์เนินอกอวบอิ่ม เอ่ยขออนุญาตสองหนุ่มในโต๊ะ แคนเงยหน้าขึ้นทักเฌอเบลล์พลางเชื้อเชิญให้นั่ง แต่ร่างอวบอิ่มนั้นกลับเดินอ้อมมานั่งข้างเขา
“ทำไมมานั่งกันสองคนล่ะคะ ไม่ไปคุยกันตรงโน้น” เฌอเบลล์บุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะใหญ่ที่พี่ฮั่นนั่งอยู่ท่ามกลางสาวสวยมากหน้าหลายตาที่เฝ้าเอาอกเอาใจไม่ขาด
“พอดีพี่แคนกลุ้มใจนิดหน่อยครับ ผมเลยมานั่งเป็นเพื่อน”
พี่แคนเลิกคิ้วตัวเองเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น พีทบอกว่าพี่แคนกลุ้มใจ แต่ตัวเขาเองก็หน้าบูดไม่แพ้พี่แคนเหมือนกัน แล้วเขาก็รู้ว่าพี่แคนดูออกว่าเขาไม่พอใจที่พี่ฮั่นแยกไปนั่งกับสาว ๆ ด้านโน้น
เมื่อมีคนอื่นมาร่วมวงด้วยบทสนทนาจึงเปลี่ยนมาเป็นเรื่องทั่วไป เฌอเบลล์ทำให้พวกเขาสองคนร่าเริงขึ้นเพราะเธอเป็นคนคุยสนุกและมีอารมณ์ขัน ไม่นานสองหนุ่มก็ร่วมหัวเราะไปกับบทสนทนาเรื่องไร้สาระมากมายที่เฌอเบลล์สรรหามาคุย แคนเหมือนจะลืมเรื่องกลุ้มใจไปได้ชั่วคราวเมื่อเปลี่ยนมาเป็นคนเล่าเรื่องตลกบ้าง พีทก็ลืมความขุ่นใจจากคนบางคนไปได้เช่นกัน
ยิ่งพวกเขาคุยกันถูกคอมากเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งชนแก้วกันบ่อยขึ้น พีทไม่รู้เลยว่าเขาเมาตอนไหนและกลับบ้านมาได้อย่างไรหนุ่มน้อยดึงผ้าห่มออกจากตัว เห็นทีต้องลุกแล้ว
“เฮ้ย?!!”
“พี่ฮั่น พี่ฮั่น”
เสียงลงบันไดโครมครามทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่หน้าทีวีที่ชั้นล่างรู้ตัว มือใหญ่คว้ารีโมทมากดเปิดทีวีทันเวลาเมื่อพีทลงบันไดมาถึง
“เมื่อคืนผมมานอนได้ไงอ่ะ แล้วทำไมผมเหลือบ๊อกเซอร์ตัวเดียวล่ะ”
พีทที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลงมาตามหาพี่ฮั่น เขาตกใจที่ตื่นมา เขาเหลือบ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียว แล้วเมื่อคืนเขาจำอะไรแทบไม่ได้เลย
“พีทคงเดินมาเองมั้ง”
พี่ฮั่นว่า หน้าตานิ่งเฉยแต่ไม่มองที่เขาเลย พีทชะงักคำถามเรื่องเมื่อคืนเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น
“พี่ฮั่น โกรธอะไรผมเหรอ” ว่าแล้วก็ทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้นวมข้างพี่ชาย
“เปล่า” ปากว่าเปล่า แต่พี่ฮั่นกลับหันหน้าหนี
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ พี่ฮั่นกดรับโทรศัพท์แล้วเดินออกไปคุยด้านนอกทิ้งให้เขานั่งงงอยู่ที่เดิม เขานั่งรอพี่ฮั่นโทรศัพท์อยู่นานก็ไม่เห็นพี่ฮั่นกลับมา พีทออกเดินตามหาพี่ฮั่นจนทั่วบ้านก็ไม่เจอ
หนุ่มน้อยเดินไปทรุดตัวลงนั่งหย่อนเท้าแช่น้ำที่ชานหน้าบ้าน รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาแค่พี่ฮั่นทำท่าไม่สนใจ ทำเมินเฉยกับเขา แม้จะพยายามคิดทบทวนว่าคืนที่ผ่านมาเขาทำอะไรให้พี่ฮั่นไม่พอใจรึเปล่า แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก พี่ฮั่นต่างหากที่ทำให้เขาไม่ชอบใจ
‘ตัวเองทิ้งน้องไปนั่งกับคนอื่นแท้ ๆ ยังจะมาโกรธเขาได้ไง’เสียงโทรศัพท์เขาดังขึ้น พีทประหลาดใจไม่น้อยที่คนที่โทรมาคือเฌอเบลล์
“พี่เบลล์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เมื่อกี้พี่โทรหาพี่ฮั่นตั้งใจจะชวนน้องพีทกับพี่ฮั่นไปทานข้าวเย็นแต่พี่ฮั่นบอกว่าน้องพีทไม่สบาย พี่ก็เลยโทรมา ดีขึ้นรึยังจ๊ะ”
‘หือ? เขาไม่สบาย ตอนไหนกัน?’ แม้จะงุนงงแต่พีทก็เออออตามที่พี่ฮั่นว่า
เฌอเบลล์ชวนคุยอยู่สักครู่จึงวางสายไป
“สวีทกันจังนะ”
พีทสะดุ้งที่ได้ยินคำพูดนั้น เขาหันกลับไปรวดเร็วแต่พี่ฮั่นเดินเข้าบ้านไปแล้ว เห็นแค่แผ่นหลังกว้างของพี่ชายที่ลับหายไป เขารีบลุกขึ้นตามไปทันที
“พี่ฮั่น คุยกันหน่อย” พีทเดินตามไปทันพี่ฮั่นที่หน้าห้องนอน เขาคว้าไหล่พี่ฮั่นให้หันกลับมา
พี่ชายยอมหันหน้ามาสบตาเขาสักที แต่ดวงตากร้าวที่มองมาแสดงความไม่พอใจชัดเจน
“พีท พี่ขอเตือนให้อยู่ห่างเฌอเบลล์ไว้นะ”
“ทำไมครับ” เขาถามอย่างสงสัย มันเรื่องอะไรกัน ทั้งเรื่องที่พี่ฮั่นบอกเฌอเบลล์ว่าเขาป่วยและเรื่องที่ห้ามเขาอยู่ใกล้เฌอเบลล์
“ทำอะไรลงไปยังไม่รู้ตัวอีกรึไง!”
คนเป็นพี่สะบัดเสียงใส่แล้วดึงตัวเขาเข้าไปในห้อง แรงดึงนั้นทำให้คนน้องถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ พี่ฮั่นเดินไปหยิบเสื้อในตะกร้าโยนไปบนเตียงแล้วหันหน้าไปมองทางอื่น
“เอ้า ดูซะ!”
พีทจำเสื้อตัวนั้นได้ทันทีเพราะเป็นเสื้อที่เขาใส่เมื่อคืนนี้ เขาก้าวไปหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมา พลิกดูจนกระทั่งเห็นรอยสีแดงจาง ๆ เปื้อนบริเวณปกเสื้อเชิ้ตหลายจุด
รอยลิปสติก!
มีได้ยังไง เขาจำไม่ได้จริง ๆ
พีทพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อคืนเขานั่งอยู่กับพี่แคนและเฌอเบลล์ หรือว่า....
“พี่ฮั่น ผมจำไม่ได้จริง ๆ ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ” พีทหน้าเสียไปเพราะไม่รู้ว่ารอยพวกนี้มาอยู่ที่เสื้อเขาได้ยังไง
“นายจำไม่ได้แล้วรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้ทำ!” พี่ฮั่นย้อนกลับ หน้าตาน่ากลัว
“แต่...” เกิดความลังเลในน้ำเสียงเมื่อเขาหาคำแก้ตัวไม่ออก
“นายอย่ามาแก้ตัว แล้วพี่ขอเตือนให้อยู่ห่าง ๆ เฌอเบลล์ไว้ ถ้านายไม่อยากถูกปั่นหัว ไม่อยากเสียใจเหมือนผู้ชายทุกคนที่เฌอเบลล์คบแล้วทิ้ง” เสียงพี่ฮั่นเหมือนคนที่พยายามข่มความโกรธไว้แล้วแต่ก็ยังขุ่นเคือง
“ผมไม่มีทางคิดอะไรกับเฌอเบลล์หรอก” เขาย้ำ
พีทพยายามจะมองสบตาพี่ชายเพื่อยืนยันคำพูด แต่พี่ฮั่นไม่ยอมสบตาเขา ใบหน้าด้านข้างที่เขามองเห็นมีแต่ร่องรอยความโกรธ
“ไม่คิดงั้นเหรอ ไม่คิดแล้วรอยพวกนั้นมันมาได้ยังไงล่ะ!....”
“เด็กอย่างนายจะไปรู้ทันอะไรกับเล่ห์เหลี่ยมคนเสน่ห์แรงอย่างเฌอเบลล์ ยังไม่ทันไร.....”
“พี่อย่ามาว่าผมดีกว่า” พีทสวนกลับ เริ่มโกรธขึ้นมาบ้างเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด
“พี่ยังทำได้เลย พี่หวงเฌอเบลล์ใช่ไหมล่ะคน ‘คุ้นเคย’ กันนี่” เขาเน้นคำว่าคุ้นเคย ขณะเดียวกันก็เจ็บปวดเพราะคำนั้น
“พีท! พี่บอกว่าเบลล์เป็นเพื่อน” คนเป็นพี่เริ่มเสียงดังขึ้นบ้าง ยิ่งพีทย้อนเขา ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น
“เพื่อนเหรอ! เพื่อนที่ไหนเขาจูบกันในห้องทำงานล่ะ ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วทำไมพี่จะต้องโมโหด้วยล่ะ ถ้าผมกับเฌอเบลล์จะทำแบบนี้!!”
เขาชูเสื้อในมือประกอบคำพูดตัวเอง ใบหน้าท้าทาย
“พีท!!!...”
พี่ชายก้าวเข้ามารวดเร็วเหมือนคุมอารมณ์ไม่อยู่แต่ก็หยุดเท้าไว้ได้ทันตรงหน้าเขา พีทตกใจที่พี่ฮั่นก้าวพรวดเดียวมาอยู่ตรงหน้า เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งแต่ยังคงจ้องตาพี่ฮั่นอย่างท้าทาย ตาต่อตาจ้องมองกันด้วยแรงโทสะ เขาเห็นพี่ฮั่นกัดฟันแน่นจนเป็นสันนูน ราวกับต้องข่มอารมณ์อย่างมาก
“ได้!!! ถ้านายอยากรู้นัก พี่จะบอกก็ได้ว่าพี่กับเฌอเบลล์คบกันอยู่ ห้ามนายเข้าใกล้เฌอเบลล์อีก คราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม!”
-----------------------------------------
ดราม่านิดหน่อยนะคะ
ขอบคุณคุณมิน coffeeQbread คนแต่งเรื่อง ดอกฟ้ากับหมาวัดที่ช่วยแนะนำนิยายของเรานะคะ ยินดีมาก ๆ ค่ะ
ตอบคุณ blanchard
ตอนที่เขียนเริ่มต้น เรานึกไปถึงบรรยากาศคุณชายประมาณ F4 ค่ะ แบบคนรวยอ่ะ บ้านใหญ่ มีซูเปอร์คาร์ คนรับใช้ เสื้อผ้าแบรนด์เนมอะไรประมาณนี้ สถานที่ก็เลยไม่ระบุชัดเจนเลยสักที่ ชื่อตัวละครก็เลยออกแนวจีนปนฝรั่ง ประมาณฮ่องกง ใต้หวัน อะไรประมาณนี้ค่ะ
ก็ไม่รู้ว่าคนอ่านจะรู้สึกตามรึเปล่า หรืออ่านไปแล้วมันติดขัดตรงไหนก็บอกได้ค่ะ
ฝากให้ช่วยติดตามต่อไปนะคะ เฌอเบลล์จะทำอะไรหว่า...