ตอนที่ 15
ดวงตาคู่โตกวาดมองไปรอบๆบริเวณห้องรับรองแขกหรูหราที่จะใช้ในการจัดเลี้ยงงานแต่งลูกค้าระดับวีไอพีของ I promies Tower บ่อยครั้งที่ต้องก้มลงไปจดรายละเอียดความต้องการของลูกค้าในสมุดเล่มเล็ก และบางครั้งคราวยังเสนอไอเดียที่สามารถจูนเข้ากับธีมงานสุดอลังการของว่าที่เจ้าสาวไฮโซด้วย จงรักมองว่าเธอก็เหมือนกับหญิงสาวทั่วไปที่ต้องการให้งานแต่งงานของตัวเองออกมาดีที่สุด สวยที่สุด และสมบูรณ์แบบที่สุด แต่คุณเกษสุดาโชคดีหน่อยตรงที่เธอมีเม็ดเงินมากพอในการสนับสนุนความฝันของตนเองให้เป็นจริงได้ไม่ยาก ระหว่างที่กำลังตกลงเรื่องวีดีโอพรีเซนเทชั่นและกำหนดการถ่ายพรีเวดดิ้ง คุณไอบอสใหญ่ของบริษัทที่ลงทุนมาคุยงานด้วยตัวเองก็ถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งตั้งแต่เริ่มพูดคุยจนกระทั่งถึงตอนนี้ จงรักก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเขา
“คุณณธิปล่ะครับ”
“คุณเล็กติดงานน่ะค่ะ” เกษสุดาว่าไม่เต็มเสียงนัก ก่อนเหลือบมองณภัทรพี่ชายคนโตของคุณณธิป ที่วันนี้มาช่วยเกษสุดาคุยรายละเอียดแทนน้องชาย
“ในส่วนของงานก็เอาตามที่คุณเกษบอก แต่ถ้าหากตรงไหนที่มีปัญหา ต้องการจะปรับเปลี่ยนก็ติดต่อกับคุณเกษหรือไม่ก็ผมได้เลยครับ เจ้าเล็กมันยุ่งๆช่วงนี้”
“ครับ” ไอพยักหน้ารับ
“จัดการตามนั้นได้เลยค่ะ อันที่จริงแล้วคุณเล็กเขาคงไม่มีปัญหาอะไร” เกษสุดากล่าวสำทับอีกคำก่อนจะขอตัวกลับก่อน แต่ทางไอและทีมงาน รวมถึงจงรักยังอยู่ดูสถานที่ต่ออีกหน่อย
คล้อยหลังคุณเกษสุดากับคุณณภัทรสักพัก จงรักเห็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองถอนหายใจออกมาเบาๆ สีหน้าเหมือนกับหนักใจอะไรบางอย่าง รอจังหวะที่อยู่ตามลำพังเพราะคุณกลองกับทีมงานอีกคนขอแยกตัวไปดูจุดที่เป็นเวที จงรักอดไม่ได้จึงถามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองด้วยความเป็นห่วง
“พี่ไอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
“ก็นิดหน่อยน่ะรัก” เห็นไอทำหน้าม้านลงกว่าเดิม จงรักยิ่งเป็นห่วงจึงถามต่อ
“เรื่องงานของคุณเกษเหรอครับ”
“อืม.. เรื่องของคุณเกษนั่นแหละ แต่ไม่ใช่เรื่องงานหรอก” ไอถอนหายใจอีกรอบ นัยน์ตาใสเหมือนลูกแก้วหม่นลงเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “เรื่องงานพี่ไม่ได้หนักใจมากนัก ทาง I promies ของเราใช่ว่าจะไม่เคยจัดงานใหญ่ๆทำนองนี้ คุณเกษเธอลงดีเทลที่ต้องการมาครบถ้วน ดูๆแล้วไม่มีจุดไหนที่ไม่โอเค ถึงมีเราก็คุยได้ เธอมีเหตุผลพอ ทำงานด้วยง่ายไม่ได้เรื่องมากอะไรหรอกถ้าเทียบกับคนระดับเดียวกัน”
“แล้วพี่ไอเครียดเรื่องอะไรล่ะครับ” จงรักเห็นด้วยกันกับไอทุกอย่าง แม้ความต้องการของเกษสุดาจะหรูเลิศแค่ไหน ทว่ามันอยู่ในระดับที่รับได้ หนำซ้ำเจ้าหล่อนยังอัธยาศัยดีเอามากๆ ใบหน้าหวานลอบมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงก้มลงมากระซิบ
“เรื่องเจ้าบ่าวของคุณเกษน่ะสิ”
“หา? เรื่องคุณณธิปน่ะเหรอครับ” จงรักรู้สึกงงนิดหน่อยกับคำตอบของลูกพี่ลูกน้อง
“ใช่” หนุ่มหน้าสวยมุ่นคิ้วแล้วว่าต่อ “พี่รู้ว่าอาจดูจุ้นจ้านเกินไป แต่รักทำงานกับพี่มาสักพัก รักก็น่าจะรู้นิสัยพี่ดี พี่ไม่ชอบแบบนี้เลย รู้สึกว่าคุณณธิปเขาไม่ใส่ใจกับงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แทบทุกอย่างคุณเกษจัดการเองหมด ทุกครั้งที่นัดคุยงานเขามาสายตลอด ทำหน้าหงุดหงิด ไม่ช่วยออกความเห็น แถมบางครั้งยังพูดขัดคุณเกษหรือไม่ก็ตอบรับแบบส่งๆ ขนาดงานจัดที่โรงแรมของคุณณธิปเอง วันนี้เขายังไม่มา มีอย่างที่ไหนให้พี่ชายตัวเองมาแทน” ฟังจากที่ไอพูด จงรักก็เข้าใจทันที
ไอ กมล นอกจากจะเป็นบอสที่ลงมือทำงานภาคสนามเองแทบทุกงานแล้ว บอสหน้าหวานจาก I promies Tower ยังเป็นคนที่เชื่อและศรัทธาในเรื่องของความรักมากๆ จงรักมักจะได้ยินไอพูดบ่อยๆว่า
การแต่งงานที่ดีจะต้องย่อมเกิดขึ้นจากความรักของคนสองคน
ทุกครั้งที่ไอเห็นคู่บ่าวสาวยิ้มอย่างมีความสุขในวันงาน งานที่ตัวเองมีส่วนร่วมในการลงแรงสร้างสรรค์ ไอก็จะยิ้มอย่างมีความสุขมากๆเช่นกัน ตอนนี้จงรักรู้แล้วว่าทำไมไอถึงขัดใจในตัวคุณณธิปนัก ก็เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณณธิปแสดงให้เห็นว่าไม่ยินยอมพร้อมใจจะแต่งงานกับเจ้าสาวไฮโซอย่างคุณเกษสุดาเลยสักนิด
“พี่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงหรอกนะ แต่เห็นแบบนี้ก็อดสงสารคุณเกษไม่ได้ เธอดูมีความสุขขนาดนั้น แต่เจ้าบ่าวท่าทางไม่เต็มใจเลย แต่เอาเถอะ พวกเรามีหน้าที่จัดงาน ก็ดูแลในส่วนของเราให้ดี” ว่าจบไอก็ถอนหายใจอีกครั้งปิดท้าย
“ครับ แต่พี่ไอก็อย่าคิดมากนะ ผมเป็นห่วง” พอได้ยินจงรักพูดแบบนั้น ไอก็ยิ้มหวานตามแบบฉบับของเจ้าตัวส่งมาให้พร้อมขอบใจน้อง
“อืม ขอบใจนะรัก ว่าแต่เราไปทางโน้นกันเถอะ ไปดูว่ากลองถ่ายรูปได้เยอะไหม เดี๋ยวต้องไปคุยงานต่ออีกที่ ส่วนเรื่องอาหารของที่โรงแรมเขาจะจัดการเอง เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องจัดซุ้มอีกที”
“ครับ”
เมื่อปัดเรื่องส่วนตัวของลูกค้าให้พ้นสมองได้ คุณไอก็กลับมาเป็นบอสที่เอางานเอาการเหมือนเดิม จงรักเดินตามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองไปหาทีมงานอีกสองคนรวมถึงกลองด้วย ออกจากโรงแรมไปที่รถจงรักก็เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ลูกค้าอีกรายนัดพวกเขาไว้ที่ร้านกาแฟใกล้กับโรงแรมที่อยู่ตอนนี้พอดี ดังนั้นทุกคนจึงไม่ต้องกังวลปัญหาการจราจรติดขัดช่วงเลิกงาน
ทว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถของไอ โทรศัพท์ของจงรักก็ส่งสัญญาณสั่นครืดคราดในกระเป๋า เจ้าตัวล้วงมันออกมา เมื่อเห็นรูปของเมฆาก็กดรับสายและส่งเสียงทักทายตามความเคยชิน
“ครับพี่เมฆ”
‘รัก วันนี้กลับเองได้ไหม พี่กลัวว่าจะไปรับไม่ทัน’
“ได้สิครับ ว่าแต่พี่เมฆมีงานด่วนเหรอครับ อยู่ไหนครับเนี่ย เสียงคนเยอะแยะเชียว”
‘ไม่ใช่งานด่วนหรอก แต่เกิดอุบัติเหตุที่ไซด์นิดหน่อย ตอนนี้พี่อยู่โรงพยาบาล..’
“อยู่โรงพยาบาลไหนครับ!” ไม่ยอมให้เมฆาพูดจบ จงรักก็รีบแทรกทันที
“โรงพยาบาล---“ เมฆาเองก็ตอบน้องทันทีเหมือนกัน เนื่องจากตกใจเสียงที่จงรักใช้ถาม จากนั้นจึงพูดต่อ “รักกลับบ้านดีๆนะ เดี๋ยวพี่โทรหาใหม่มันวุ่นวายนิดหน่อย คุณหมอมาแล้วด้วย” ไม่รอให้น้องตอบเมฆาก็กดตัดสายไปก่อน
“เดี๋ยวครับ! พี่เมฆ พี่เมฆ!” ด้วยความร้อนใจจงรักจึงโทรไปอีกรอบ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ยอมรับสายเสียแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่ารัก” ไอที่ยืนรอน้องขึ้นรถรีบถามเมื่อเห็นจงรักวางสายไปแล้ว
“พี่เมฆเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลครับพี่ไอ”
“เป็นอะไรมากไหมรัก” ไอถามด้วยความตระหนกเมื่อได้ยินประโยคของจงรัก
“ไม่รู้เหมือนกันครับ คุยกันยังไม่ทันรู้เรื่องเลย เห็นว่าหมอเข้ามาพี่เมฆเลยวางไปก่อน” จงรักกำโทรศัพท์ในมือแน่น กระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก ไอจึงเสนอ
“อยู่โรงพยาบาลไหน รักไปดูเขาเถอะ ไม่ต้องห่วงนะที่จะไปคุยงานเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ขอบคุณครับ” จงรักยกมือไว้ไอ ก่อนเปิดประตูรถเข้าไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง เอาสมุดบันทึกงานใส่ในกระเป๋าเรียบร้อยก็รีบเร่งออกไปทันที
ถ้าเป็นปรกติจงรักคงลังเลใจอยู่บ้างเพราะไม่ชอบทำอะไรให้เสียงาน แต่พอเป็นเรื่องเมฆากลับยอมทิ้งทุกอย่าง สองขาก้าวเร็วๆสลับกับวิ่งมาหน้าโรงแรม ยืนอยู่ข้างฟุตบาทมองหารถแท็กซี่ โรงพยาบาลที่พี่เมฆว่าอยู่ไกลถึงฝั่งธนฯ แถมรถติดแบบนี้คงใช้เวลานาน แท็กซี่ก็ไม่มีเลยสักคัน คนตัวเล็กชะเง้อมองไปบนถนนด้วยความร้อนใจ แล้วจู่ๆก็มีมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์คันใหญ่มาจอดตรงหน้า คนขับคงเห็นจงรักทำหน้าเหรอหราจึงเปิดกระจกหน้าของหมวกกันน็อคขึ้น จงรักจึงจำได้ทันทีว่าคนขับคือใคร
“คุณกลอง!”
“ขึ้นมาสิครับ”
“หมายความว่าไงครับ?”
“รีบใช่ไหม ผมจะไปส่ง ขึ้นมาเร็วๆสิครับ โรงพยาบาลอยู่ตั้งฝั่งธนฯนะ”
“ครับ” ได้ยินดังนั้นจงรักก็กระโดดซ้อนท้ายทันทีโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำสอง ในเวลาที่ไม่มีโอกาสให้เลือกมาก ไม่ว่าจะเป็นใครที่หยิบยื่นน้ำใจมาให้ จงรักก็ยินดีรับหมด
“ขอโทษด้วยนะ ผมไม่มีหมวกกันน็อคอีกใบ แต่จะพยายามขับเลี่ยงๆตำรวจแล้วกัน” กลองหันมาพูดแค่นั้นก่อนหันกลับไปแล้วออกรถ ทว่ายังไม่วายเอื้อมมือมาด้านหลังเพื่อฉุดมือเล็กของคนซ้อนไปเกาะเอว ความคิดแวบแรกคืออยากเอามือออก ทว่าพอคนตัวสูงเร่งเครื่องจงรักจึงยกเลิกความคิดนั้นทันที
ใช้เวลาไม่นานกลองก็พาจงรักมาถึงโรงพยาบาลที่เมฆาบอก จงรักดีใจที่ถึงเร็ว แต่พอก้าวลงจะรถกลับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับไม่ให้ขาตัวเองสั่น เป็นเพราะกลองขับรถเร็วมากทั้งยังฉวัดเฉวียนไปมา เล่นเอาคนซ้อนใจหาใจคว่ำอยู่หลายตลบ รอให้กลองจอดรถเรียบร้อยทั้งคู่ก็เข้าไปในตัวอาคารพร้อมกัน แต่คนตัวสูงกว่าไม่วายหันมาเอ่ยสัพยอกท่าทางของคนตัวเล็กกว่า
“บอกแล้วให้เกาะแน่นๆ” จงรักไม่พูดอะไรแต่เหลือบมองนิดๆเท่านั้น
หนุ่มตัวเล็กปัดความไม่ชอบใจที่โดนล้อเลียนนั่นทิ้งไป ก่อนก้าวฉับนำหน้า ตอนนี้เขามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่ารออยู่ ความร้อนใจที่เบาบางลงถาโถมขึ้นมาในใจอีกครั้ง เมื่อถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์จงรักก็ออกปากสอบถามเจ้าหน้าที่ทันที
“ผู้ป่วยชื่อ นายเมฆา นาฏหิรัญ พักอยู่ห้องไหนครับ”
“รอสักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนบอกอย่างสุภาพ ไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์แล้วตอบ “ไม่มีผู้ป่วยชื่อนี้นะคะ”
“ไม่มีเหรอครับ พิมพ์นามสกุลถูกหรือเปล่าครับ ช่วยหาให้อีกครั้งได้ไหมครับ” จงรักแปลกใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ไม่ยอมละความพยายาม
“ไม่มีจริงๆค่ะ” เธอก้มลงไปพิมพ์หาอีกรอบตามคำบอกของหนุ่มตัวเล็ก แต่ก็ไม่พบเช่นเดิม
“จะเป็นไปได้ยังไง” จงรักพึมพำ ก่อนกล่าวขอบคุณเธอแล้วถอยออกมาเพราะมีคนจะใช้บริการต่อ
“เขาไม่ได้อยู่โรงพยาบาลนี้หรือเปล่า” กลองออกความเห็น
“แต่ผมว่าผมฟังไม่ผิดนะ”
“หรือจะกลับไปแล้ว ลองโทรหาอีกทีสิ”
“ครับ” จงรักเดินเลี่ยงมาโทรหาคนรัก แต่เมฆาก็ยังไม่รับสาย
“ติดต่อได้ไหม” เสียงใหญ่ทุ้มกระซิบเป่าชิดริมใบหู จงรักรีบหันกลับมาก็เห็นว่ากลองยื่นหน้าลงมาใกล้กับตัวเองมากแค่ไหน เพราะตกใจกับความใกล้ชิดนั้นทำให้คนตัวเล็กเผลอผงะถอยไปข้างหลัง ไวเท่าความคิดกลองคว้าต้นแขนจงรักเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัว
“..!..”
“ตกใจอะไรขนาดนั้น” ปากก็พูดเรื่อยๆ แต่ดวงตากลับพราวระยับจนจงรักสำนึกได้จึงค่อยๆแกะมือที่เกาะต้นแขนอย่างนุ่มนวล ทว่าระหว่างที่จงรักพยายามเบือนหน้าหลบ สายตาก็พลันเลื่อนไปสบกับสายตาคมดุวามวับอีกคู่ที่คะเนว่ามองพวกเขาทั้งสองอยู่ตรงนั้นสักครู่แล้ว หนุ่มตัวเล็กรีบรุดผละจากกลองแล้วตรงไปหาคนที่กำลังเป็นห่วงอยู่
“พี่เมฆ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บตรงไหนไหม ผมเป็นห่วงแทบแย่” จงรักเอื้อมมือไปจับแขนเมฆาแล้วสำรวจร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อไม่พบสิ่งผิดปรกติก็ผ่อนลมหายใจ ตอนนี้ดวงตาคู่ดุละจากหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังของจงรักเพื่อก้มลงมามองคนรักของตัวเอง
“รักมาทำอะไรที่นี่”
“พี่เมฆบอกว่าอยู่โรงพยาบาลเพราะเกิดอุบัติเหตุ ผมเป็นห่วงก็เลยรีบมา”
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร คนเจ็บเป็นคนงานที่ไซด์ เกิดอุบัติเหตุตอนทำงานนิดหน่อย พี่อยู่ที่นั่นพอดีเลยพาเขามาส่งโรงพยาบาล”
“อย่างนั้นเหรอครับ พี่เมฆไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” จงรักรับคำเก้อๆ
“แล้วนี่มายังไง”
“คุณกลองขับรถมาส่งครับ”
“อ้อ..” เมฆามองหน้ากลองอีกครั้ง พอเห็นตากล้องหนุ่มจุดยิ้มแฝงเลศนัยที่มุมปาก คนหน้าดุก็รู้สึกถึงอารมณ์คุกรุ่นที่ปะทุอยู่ในอก หากแต่เขาก็พยายามควบคุมตัวเองแล้วพูดกับคนรัก “พี่เสร็จธุระพอดี จะกลับพร้อมพี่ไหม หรือต้องไปทำงานต่อ”
“เอ่อ..เดี๋ยวผมโทรถามพี่ไอก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่ากลับไปตอนนี้จะทันไหม”
“กลับกับคุณเมฆเถอะครับจงรัก ทางคุณไอคงไม่มีเรื่องด่วนอะไรหรอก เดี๋ยวผมกลับแล้วจะบอกให้ว่าจงรักขอกลับบ้านเลย” ไม่ว่าเปล่า กลองยังยื่นมือมาแตะไหล่ของจงรักอย่างสนิทสนม จนเมฆาที่มองอยู่ตลอดถึงกับหน้าม้าน ดวงตาคู่ดุของเจ้าตัวยิ่งทวีความดุดันจนเหมือนกับมีประกายไฟลุกโชนในนั้น
“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่มาส่งด้วย” จงรักยิ้มบาง แต่ก็จับได้ถึงความรู้สึกแปลกๆรอบกายจึงถอยหลังอย่างแนบเนียนมายืนข้างเมฆ
“ไม่เป็นไร เจอกันที่ I promies Tower นะครับ” กลองยิ้มหวานกลับมาให้ ก่อนเดินกลับไปที่รถ
“พี่เมฆเสร็จธุระแล้วใช่ไหมครับ กลับกันเถอะครับ”
“อืม” เมฆารับคำแค่นั้นก็เดินนำไปที่รถเงียบๆ
พอขึ้นรถจงรักก็ถามถึงอาการของคนเจ็บแบบระเอียด แต่สรุปดูแล้วไม่น่าเป็นห่วงมากนัก หนุ่มตัวเล็กจึงละความสนใจไป นั่งรถฟังเพลงไปเรื่อยๆทั้งเมฆาทั้งจงรักไม่ได้คุยอะไรกัน จงรักรู้สึกว่าคนที่มักจะเงียบเวลาขับรถวันนี้ยิ่งเงียบหนักลงกว่าเดิม หน้าตาที่ปรกติไม่ได้ยิ้มแย้มก็ดูบึ้งตึงมากกว่าเก่า ไม่อยากคิดไปก่อนว่าพี่เมฆไม่พอใจเขาเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่พอลอบมองหน้าบึ้งๆมันก็อดคิดไม่ได้
จงรักนั่งคิด นั่งใคร่ควรเรียบเรียงพฤติกรรมของตัวเองเงียบๆก็พอคิดออกสองสามเรื่อง ทว่าอาจเป็นแอร์เย็นๆ เพลงเบาๆ เหนื่อยมาจากการทำงานและรถก็ยังติดนานเกินไป หลายอย่างรวมกันทำให้หนุ่มตัวเล็กเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ทิ้งให้สารถีส่วนตัวนั่งหน้าบึ้งขับรถอยู่คนเดียว
พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งสะลืมสะลือมองรอบกายจึงพบว่าพี่เมฆกำลังเลี้ยวเข้าหมู่บ้านที่รังสิต จงรักมองนาฬิกาบอกเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ทั้งที่พรุ่งนี้เป็นวันทำงานตามปรกติแต่ทำไมพี่เมฆจึงพาเขามาที่บ้าน บอกว่าเดี๋ยวค่อยไปส่งก็ออกจะดึกเกินไป ถ้าออกตอนเช้าตรู่แล้วแวะไปส่งเหมือนที่เคยก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่คืนนี้ต้องซักชุดที่ใส่ตอนนี้ตากเอาไว้ เช้าจะได้รีดแล้วใส่ซ้ำ ไม่เสียเวลาไปเปลี่ยนที่คอนโด จงรักคิดคำนวณเตรียมแผนไว้ในใจเสร็จสรรพ แต่ก็ไม่ลืมหันไปถามจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเมฆาเพื่อความแน่ใจ
“ทำไมพี่เมฆพารักมาบ้านล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่หรอก พอดีเหนื่อยๆไม่อยากขับเข้าเมืองก็เลยกลับบ้าน คืนนี้นอนนี่นะ เดี๋ยวเช้าพี่ไปส่งที่ร้าน” พูดจบพอดีกับที่รถมาถึงหน้าบ้าน จงรักหยิบกุญแจบ้านในลิ้นชักแล้วลงจากรถ วิ่งเหยาะๆไปเปิดประตูรั้วให้ตามความเคยชิน
พอเข้าบ้านเรียบร้อยเมฆาก็เดินดุ่มๆตรงขึ้นห้อง จงรักคิดว่าคนรักคงขึ้นไปอาบน้ำ ทีแรกว่าจะตามขึ้นไป ทว่าคิดอีกทีสองขากลับก้าวเข้าครัว เนื่องจากนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาทั้งคู่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย เปิดตู้เย็นเช็คดูว่ามีอะไรพอทำกินได้บ้าง ลองรื้อๆดูแล้วมีแต่ไข่กับหอมหัวใหญ่สองสามหัวที่ต้นอ่อนเริ่มงอกออกมาแล้ว เอาวัตถุดิบออกมาแล้วยืนคิดสักจึงตัดสินใจทำไข่น้ำแบบง่ายๆ ระหว่างทำก็ซาวข้าวเสียบหม้อหุงไปด้วย คะเนว่ากินกันแค่สองคนมื้อเดียวหุงไม่ต้องมาก เพราะเดี๋ยวข้าวจะเหลือ
ง่วนอยู่หน้าเตาสักพักอาหารง่ายๆก็เสร็จพอดีกับที่หม้อข้าวดีด หนุ่มตัวเล็กจัดการล้างอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยค่อยเดินขึ้นไปตามเมฆา เคาะห้องก่อนเปิดประตูเข้าไปพบว่าเจ้าของห้องแต่งตัวเสร็จแล้วแต่กำลังเช็ดผมอยู่ จงรักเดินไปหยุดตรงแผ่นหลังกว้าง เรียวมือเล็กกว่ายื้อผ้าขนหนูผืนบางมาถือไว้ ก่อนดึงให้คนหน้าดุมานั่งตรงขอบที่นอน ส่วนตัวเองนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“พี่เมฆตัวสูง ก้มหัวนิดนึงนะครับ”
เมฆาทำตามอย่างว่าง่าย หลับตาแล้วปล่อยให้จงรักซับความเปียกชื้นของเส้นผมให้ตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้องหยุดมือคนหน้าดุจึงลืมตาขึ้น แต่แทนที่จงรักจะถอยห่างไปเจ้าตัวกลับนั่งอยู่ในระยะใบหน้าประชิดเหมือนเดิม นัยน์ตาคมโตลูกเสี้ยวแขกจ้องมองตาคมดุที่อ่อนแสงลงกว่าเมื่อตอนเย็น จงรักคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่เขาจะเปิดปากพูดกันให้รู้เรื่อง
“พี่เมฆโกรธผมเหรอครับ”
“พี่ไม่ได้โกรธ”
“แต่วันนี้พี่เมฆหน้าบึ้งตลอดเลย ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจใช่ไหม” จงรักยังไม่ยอมแพ้ จากหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เมฆาพอสรุปได้ว่าจงรักเป็นคนที่ค่อนข้างตื้อเก่งพอสมควร
“ไม่ใช่เพราะเราหรอก” เมฆาตอบตามจริง
“แปลว่าพี่เมฆไม่พอใจจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผม ว่าแต่เพราะอะไรล่ะครับ”
“ไม่ใช่เพราะรัก แต่เป็นเพราะพี่เอง”
“เพราะพี่เมฆ?” คราวนี้จงรักยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พี่เมฆไม่พอใจตัวเองเนี่ยนะ
“ใช่” เมฆพยักหน้ารับ ก่อนจะรวบเอวน้องเข้ามากระชับที่ว่างให้ชิดมากกว่าที่เป็นอยู่ จงรักทำหน้าเหรอหรานิดหน่อยแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ คนหน้าดุผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆคล้ายตัดสินใจจากนั้นจึงว่าต่อ “
พี่หึง”
“พี่เมฆหึง!”
“อืม ไม่พอใจตัวเอง รำคาญตัวเองที่เอาแต่หึงไม่เข้าท่า พี่รู้ว่ารักเป็นห่วงเลยตามมา แต่พี่ไม่ชอบให้รักใกล้กับนายกลองอะไรนั่น ที่พี่ไม่พูดเพราะกลัวจะอารมณ์ไม่ดีแล้วพาลใส่เรา อยากระงับสติให้ได้ก่อนค่อยคุย”
“อย่างนี้นี่เอง” จงรักส่งเสียงทำความเข้าใจเบาๆ
“พี่รู้ว่าไอ้หึงไม่เข้าเรื่องมันเหมือนนิสัยของเด็ก แต่โรคขี้หวงขี้หึงมันแก้ไม่หายสักที” เมฆาเอ่ยออกมาตรงๆ เปิดใจเล่านิสัยเสียๆของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แม้เคยคิดว่าไม่อยากให้รู้เลยก็ตามที กับเรื่องแบบนี้มันน่าอายน้อยเสียที่ไหนกัน
“ไม่ต้องแก้หรอกครับ” จงรักฟังที่เมฆาพูดก่อนหน้านี้แล้วพบว่าตัวเองหุบยิ้มไม่ได้ แต่เมฆากลับเป็นฝ่ายมุ่นคิ้วกับประโยคของน้องแทน
“ไม่ต้องแก้งั้นเหรอ”
“ไม่ต้องแก้ครับ ผมชอบให้พี่เป็นแบบนี้” จงรักยืนยันอีกครั้งแล้วพูดต่อ “ความจริงแล้วพี่เมฆไม่ได้หึงเหมือนหนุ่มคลั่งรัก บ้าบอจนทำให้ใครเดือดร้อน พี่หึงของพี่เงียบๆ ไม่พอใจในส่วนที่มีคนมายุ่งกับผม ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดี รู้สึกว่าตัวเองสำคัญกับพี่”
เมฆามองจงรักด้วยสายตาเจือความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจะได้รับคำอธิบายเช่นนี้ เผลอคิดแวบหนึ่งว่าน้องเพี้ยนหรือเปล่าจะมีใครชอบให้แฟนหึงกันบ้าง แต่นึกๆดูแล้วเหตุผลมันก็เหมาะกับจงรักดีแถมยังน่ารักชอบกล
“คิดอะไรแปลกๆนะเรา” เมฆยกมือที่กอดเอวน้องข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วเคาะนิ้วชี้ไปบนจมูกรั้นเบาๆขณะพูด
“พี่เมฆยิ้มแล้ว หายอารมณ์ไม่ดีแล้วใช่ไหมครับ” จงรักเย้าเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนหน้าดุประดับบนใบหน้า
“หายแล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจอยู่บางเรื่อง”
“เรื่องอะไรครับ”
“นายกลอง” จงรักเห็นแววตาคมคุกรุ่นขึ้นมานิดๆยามเมื่อพูดชื่อบุคคลที่สาม
“คุณกลองเขาแค่มีน้ำใจ ไม่มีอะไรหรอกครับ” จงรักบอกปัดทั้งที่เสี้ยวหนึ่งในใจก็อดที่จะประหวั่นพรั่นพรึงสายตาเจ้าชู้ของคนที่ถูกเอ่ยถึงไม่ได้
“มีน้ำใจก็ดีอยู่หรอก แต่พี่ว่านายคนนั้นทำไปเพราะมีเจตนาแอบแฝงชัดๆ อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็นตอนที่เขาแอบแต๊ะอั๋งเรานะ” นึกไปถึงตอนที่กลองเข้าไปกระซิบข้างหูจงรักที่หันหลังอยู่เมฆาก็รู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
“ช่างเขาเถอะครับ ยังไงผมก็ไม่หวั่นไหวหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ก็มีพี่เมฆอยู่ทั้งคนแล้วนี่ครับ”
เมฆาพูดไม่ออก คำที่จงรักพูดให้ฟังมันอาจเป็นแค่ลมปาก แต่สายตาของจงรักไม่เคยโกหกเขา ถึงจะพูดหยอดเล่นไปอย่างนั้นหากความจริงใจมันก็ชัดเจนโดยไม่ต้องแฝงนัย มือหนาเคลื่อนมาเกลี่ยเบาๆบนกรอบหน้าน้อง นิ้วทั้งห้าค่อยๆเคลื่อนไปที่หน้าผากมน ใบหู ช้อนปลายคาง สุดท้ายจึงวางนิ้วโป้งบนริมฝีปาก ลากผ่านช้าๆไปยังมุมปากที่กำลังยกยิ้มแล้วก้มลงจูบ
ริมฝีปากอุ่นสัมผัสเนิบนาบอ้อยอิ่งแล้วค่อยทวีความร้อนเร่ามากยิ่งขึ้น จงรักเผยอกลีบปากให้คนตัวโตกว่าได้บดเบียดเรียวลิ้นเข้าไปครอบครอง ถูกพัวพันจนมึนงงไม่รับรู้ว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนมีฝ่ามือร้อนรุกร่ายเข้าไปลูบไล้แผ่นหลัง ทว่ามารู้สึกตัวเมื่อเมฆาละจากริมฝีปากแล้วพรมจูบตรงซอกคอ ร่างกายถูกบังคับให้พลิกกลับมาทิ้งตัวหลังแตะบนฟูก กระดุมเสื้อถูกปลดลงเม็ดแล้วเม็ดเล่าด้วยความชำนาญ เมื่อปลดไปสามเม็ดสาบเสื้อที่แบะออกก็เผยให้เห็นแผ่นอกสั่นสะท้านขึ้นลงยวนตา เมฆาก้มลงไปครอบริมฝีปากกับจุดสีเข้ม จงรักบิดกายเบี่ยงหลบแล้วเอ่ยประโยคออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆฟังแทบไม่เป็นคำ
“พ..พี่…เมฆ ยะ..หยุดก่อน พี่เมฆ…ได้โปรด” ได้ยินเสียงขอร้องน่าสงสารเมฆาจึงจำต้องหยุดค้างไว้
“ทำได้หรือเปล่า” ทั้งที่ถามไปแบบนั้นแต่น้ำตาคลอหน่วยของน้องชักทำให้เมฆาสงสารขึ้นมาจับใจ กำลังคิดว่าควรวางมือ หากแต่จงรักกลับ….
“ดะ..ได้” เงียบไปชั่วอึดใจจึงว่าต่อ “แต่ผมยัง….ยังไม่ได้เตรียมตัว ขออาบน้ำก่อนได้ไหมครับ”
แม้จะไม่เคยมีอะไรกับใครแต่จงรักก็เข้าใจว่าเป็นคนรักกันเรื่องเช่นนี้นั้นสามัญปรกตินัก เพราะรู้ตัวว่าชอบพี่เมฆที่เป็นผู้ชาย ดังนั้นเมื่อตอนที่ตกลงคบกันจึงได้ศึกษาอะไรๆมาบ้าง นั่นทำให้รู้ว่าทำตอนนี้ไม่ได้ เพราะอย่างน้อยเขาก็ควรจะเตรียมตัวก่อน เป็นอีกครั้งที่ประโยคตรงไปตรงมาของจงรักทำให้เมฆายกยิ้ม เขาพยุงหลังน้องขึ้นจากที่นอนบรรจงถอดเสื้อให้ ก่อนช้อนที่ใต้รักแร้กับข้อพับขาแล้วอุ้มคนรักร่างเล็กขึ้นตรงไปห้องน้ำ
“งั้นเดี๋ยวพี่จะอาบให้เอง”
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
มาแล้วจ้าาาา
คราวนี้มาเร็วกว่าเดิมหน่อยค่ะ พอดีไฟในการเขียนก็ลุกโชนขึ้นมา
เรานั่งแต่งไปแต่งมาจนตีสี่ แต่เสร็จแล้วยังไม่ได้ลงนะ
ง่วงๆก็เลยนอน วันนี้มาเกลาๆอีกหน่อยเป็นอันเรียบร้อย
คาดว่าตอนต่อไปก็น่าจะมาเร็วล่ะมั้ง 5555555
เอาเป็นว่าอดใจรอกันนิดนึงนะคะ
อยากเมาท์เรื่องนิยายเข้าไประบายที่เพจได้นะคะ
หรือจะติด #โปรดจงรัก ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่เราแผงตัวอยู่ในทวิตเตอร์ ><
แล้วพบกัหม่ตอนหน้านะคะ ^O^
pungjungza
[15/01/2558 ,12:00]