"เพล้งงง!"เสียงแก้วตกกระทบพื้นดังจนคนตัวใหญ่ชะงักงัน...ร่างสูงใหญ่ผละออกเงยหน้ามองต้นเสียง เช่นเดียวกับผมที่เหลือบตาขึ้นมอง...คุณเดือนที่กำลังยืนมือไม้สั่นด้วยความตกใจ...สีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด...ร่างแบบบางของเธอสั่นเทิ้ม...บนพื้นมีเศษชามกระเบื้องแตกกระจายเกลื่อนไปหมด
"คุณพี่..."เสียงหวานสั่นเครือหากแต่ผู้ถูกเรียกกลับดูไม่แยแสเท่าไหร่นัก...เขาเพียงปล่อยมือที่รั้งข้อมือของผมเอาไว้พลางลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา...หากแต่ผมคงไม่อยู่รอดูดราม่าฉากใหญ่ระหว่างผัวเมียเพราะทันทีที่เป็นอิสระผมก็รีบดันตัวลุกแล้ววิ่งออกจากเรือนแพหลังนั้นทันที...เหลือบไปเห็นท่าทางตกใจของลูกสมุนสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าประตู...แต่ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว...เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้สติของผมหลุดกระเจิง...ความกลัวที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักเกาะกุมอยู่ข้างในจนทำให้ร่างกายสั่นไปหมด...เสื้อผ้าและผมเผ้ายุ่งเหยิงหากแต่ผมไม่สนใจมันสักนิด เพียงแค่สองเท้าที่พยายามวิ่งออกไปให้ไกลเรือนแพนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"พ่อธีร์"เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังจนผมต้องชะงักฝีเท้า...ร่างกายยังคงสั่นเทิ้มแต่ยังพยายามสูดหายใจลึกทำตัวให้เป็นปกติ...แว่วเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาหากแต่ผมไม่กล้าหันกลับไป
"เรากำลังไปหาที่ศาลา พ่อธีร์รีบร้อนไปไหนรึ"น้ำเสียงของเขายังเป็นปกติขณะเดินเข้ามาใกล้
"ปะ เปล่าครับ"แม้แต่การพยายามสะกดเสียงที่เปล่งออกมาไม่ให้สั่นยังทำได้ยาก
"บ่าวเรือนนี้ประหลาดนัก ให้เราไปรอที่ท่าน้ำเสียนานมิเห็นแม่เดือนจะมา"หากเป็นเวลาปกติผมคงหันกลับไปบ่นเขายาวเหยียดที่ดันตกหลุมพรางของลูกชายเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์เอาง่ายๆ...แต่คงไม่ใช่เวลานี้เพราะสิ่งที่ผมทำได้มีเพียงการพยายามตั้งสติและอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ
"พ่อธีร์...เป็นอะไรหรือเปล่า"เมื่อเห็นว่าท่าทีของผมแปลกไปจึงก้าวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้าแทน...สายตาคมกริบจดจ้องก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อธีร์เป็นแบบนี้"หากแต่คำตอบที่ได้คือความเงียบ...ชั่วขณะหนึ่งของความคิด...คำพูดของหลวงเจษฎ์กลับลอยเข้ามา...ความสัมพันธ์ของเขากับลูกสะใภ้คนสวยของเจ้าพระยาเดโชที่ผมเคยคิดว่ามันไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย...ในเวลานี้มันกลับทำให้ผมหงุดหงิด...คำพูดของไอ้หลวงหื่นนั่นมีอิทธิพลต่อจิตใจในยามนี้ของผมมากนัก...เพียงเพราะชื่อของคุณเดือนเขาถึงยอมปล่อยผมไว้เพียงลำพัง...เพียงเพราะไปหาคุณเดือนผมถึงต้องเจออะไรแบบนี้...ผมรู้ว่าความคิดนี้มันงี่เง่าและเห็นแก่ตัว...แต่ในเวลานี้ผมกลับคิดอะไรนอกเหนือไปจากนี้ไม่ได้เลย
"พ่อธีร์"น้ำเสียงห้วนกว่าเก่าดังขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบใด...เขาเพียงยกมือขึ้นหมายจะแตะที่ข้างแก้มของผมเช่นที่เคยทำมาทว่าผมกลับปัดมันออก...มือที่ปัดผ่านปกเสื้อคอจีนจนเปิดออกเผยให้เห็นร่องรอยจากเหตุการณ์เมื่อครู่ที่แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้ตัว...ดวงตาคมเบิกกว้างพร้อมกับมือใหญ่คว้าเข้าที่ปกเสื้อ...มือของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยแดงบนไหล่ซ้าย
"ใครทำพ่อธีร์"คิ้วดกหนาขมวดมุ่น...มือใหญ่ยังคงคว้าปกเสื้อของผมเอาไว้แน่น
"พ่อธีร์! ใครทำกับพ่อเช่นนี้"น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มน่าฟังกลับแผดกร้าวดังลั่น...สองมือจับเข้าที่ไหล่ของผมพลางเขย่าเสียจนตัวโยน...หากเป็นเวลาปกติผมคงตกใจที่ได้เห็นหลวงพิสิษฐโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...หากแต่ไม่ใช่เวลานี้
...โดยไม่ต้องรอคำตอบ เขาเพียงผละมือออกแล้วสาวเท้ากลับไปยังทางที่ผมเพิ่งวิ่งจากมา...ร่างสูงโปร่งสาวเท้าเร็วขึ้นจนผมอดไม่ได้ที่จะเดินตามไปแม้ไม่อยากกลับไปเหยียบเรือนนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง...แว่วเสียงโวยวายของลูกสมุนทั้งสองด้านหน้าเรือนเมื่อเห็นผู้มาเยือน ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของเขาจะหายลับเข้าไปด้านใน
"หลวงแก้ว!"เสียงแหบต่ำของเจ้าของเรือนแพแผดลั่นจนแม้แต่ผมที่เพิ่งตามมาถึงยังตกใจ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของภรรยาคนสวย...ภาพแรกที่ผมได้เห็นเมื่อก้าวพ้นประตูเรือน คือร่างสูงใหญ่ของหลวงเจษฎารังสรรที่ลงไปนั่งแผ่อยู่บนพื้น...เลือดแดงสดซึมออกมาจากมุมปากจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นปาดมันออก แววตาแข็งกร้าวดุดันจ้องมองคนตัวสูงที่ยืนกำหมัดแน่นอยู่ตรงหน้า...ดวงตาคมจดจ้องอีกฝ่ายไม่วางตาเช่นเดียวกัน
"มันจะมากไปแล้วนะ ข้าจะเรียนเจ้าคุณพ่อ!"ร่างสูงทะมึนหยัดยืนประจันหน้าหากแต่อีกฝ่ายยังคงเฉย...ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจเพราะเพิ่งระเบิดอารมณ์ออกไปเมื่อครู่
"หากหลวงเจษฎ์ไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราจะเป็นฝ่ายเรียนเจ้าคุณท่านด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นหลวงเจษฎ์ก็หาข้อแก้ต่างกับเจ้าคุณท่านเองก็แล้วกัน"คำพูดดุดันที่ทำให้ลูกชายเจ้าของเรือนชะงักไปชั่วครู่...หากเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้าพระยาเดโช แม้เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเจ้าคุณท่านก็คงไม่อาจลำเอียงปกป้องได้
"มึง!"อารมณ์ที่ปะทุของอีกฝ่ายจนต้องปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของคนตัวสูง...มืออีกข้างง้างหมัดแน่นเตรียมเอาคืนที่เพิ่งโดนไปเมื่อครู่
"พอเถิดเจ้าค่ะ! อย่าให้เรื่องราวใหญ่โตไปมากกว่านี้เลย เท่านี้ก็อับอายกันมากพอแล้วนะเจ้าคะ"กลายเป็นคุณเดือนที่เข้ามายืนขวางเอาไว้ได้ทัน...ร่างแบบบางของเธอยังคงสั่นเทิ้มด้วยความตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...หลวงเจษฎารังสรรเพียงปรายตามองภรรยาคนสวยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ปกป้องกันถึงเพียงนี้ ยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่งั้นรึ!"นัยน์ตาหวานฉ่ำเบิกกว้างหากแต่จนด้วยคำพูด ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยืนขวางอยู่ตรงหน้าไม่หลบไปไหน...ภาพที่ผมเห็นยิ่งตอกย้ำความคิดที่มีต่อคุณเดือนและหลวงพิสิษฐ...ความคิดโง่ๆที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่ผมไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เดือน แต่เป็นสิ่งที่หลวงเจษฎ์กระทำต่อพ่อธีร์ต่างหาก"คนตัวสูงตอบกลับ...แววตาดุดันของหลวงเจษฎ์ปรายตามองผมเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปสบกับดวงตาคมของอีกฝ่าย
"ข้ายังมิได้ทำอะไรเสียหน่อย ถึงกับต้องวิ่งแจ้นไปฟ้องกันเชียวรึ"น้ำเสียงเย้ยหยันจนคนตัวสูงแทบปรี่เข้าไปประเคนหมัดให้อีกรอบถ้าไม่ติดที่คุณเดือนเธอยังยืนขวางเอาไว้
"พี่แก้ว พอเท่านี้เถิด"ดวงตากลมสวยช้อนมองอีกฝ่ายโดยไม่มีคำพูดใด...เขาเพียงลดมือลงพลางถอนหายใจยาว หากแต่สายตาคมกริบยังจดจ้องที่ตัวปัญหา ก่อนจะหันกลับฉวยข้อมือของผมให้เดินตามออกมา...แว่วเสียงเจ้าของเรือนตะโกนโหวกเหวกตามหลังไม่ขาดปากหากแต่ฝีเท้ายังคงก้าวต่อไม่หยุด...กลับกลายเป็นผมเองที่สะบัดมือนั้นออกจนอีกฝ่ายได้แต่หันมามองด้วยสีหน้าสงสัย
"เจ็บตรงไหนหรือไม่"น้ำเสียงดุดันเมื่อครู่กลับมาเป็นปกติพลางไล่สายตาสำรวจไปทั่ว...มือใหญ่ยื่นมาฉวยข้อมือของผมอีกรอบเมื่อเห็นว่ามันแดงจนช้ำ
"ผมไม่เป็นไร...เจ้าคุณท่านคุยงานเสร็จรึยังครับ ผมอยากกลับแล้ว"ตอบกลับเสียงเรียบทั้งที่ความรู้สึกข้างในนั้นตีกันวุ่นวายไปหมด...ผมนึกขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ผมรอดพ้นจากเรื่องบ้าๆเมื่อครู่มาได้ ในขณะเดียวกันความโกรธ เกลียดที่มีต่อลูกชายเจ้าของเรือนกลับเพิ่มทวีคูณ...รวมไปถึงความรู้สึกที่มีต่อเรื่องของคนตรงหน้ากับคุณเดือน
"เมื่อครู่ท่านให้บ่าวมาแจ้งว่าให้เรากับพ่อธีร์กลับไปก่อน ประเดี๋ยวเสร็จธุุระจะให้บ่าวเรือนนี้ไปส่ง"สีหน้าของเขายังเป็นกังวล...แม้ผมไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนแพนั้น เขาเองก็คงเดาได้ไม่ยากนัก
"งั้น...ไปส่งผมที่เรือนก่อนได้มั้ยครับ"เพราะสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้คือการได้อยู่กับตัวเองแล้วปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยไม่ต้องคิดอะไรอีกเลย
"ไปที่เรือนเราเถิด ให้เราแน่ใจว่าพ่อไม่เป็นอะไร"
"ผมไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากกลับเรือน"ตอบกลับเสียงแข็งจนอีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจำใจพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
...ทันทีที่เรือเข้าเทียบท่าน้ำหน้าเรือนเจ้าคุณจิตราผมก็แทบกระโดดขึ้นจากเรือทันที...หันกลับไปมองคนตัวสูงที่ยังคงนั่งนิ่ง...สีหน้าของเขาเรียบเฉยยากจะคาดเดาอารมณ์เพราะตลอดทางที่กลับมาจนถึงเรือนนี้ทั้งผมและเขาต่างนิ่งเงียบไม่มีแม้บทสนทนาใดๆ
"ขึ้นเรือนไปไหว้คุณหญิงท่านก่อนมั้ยครับ"เพียงแค่คำชักชวนตามมารยาทซึ่งเขาเองก็รู้ดีเพราะเขาเพียงส่ายหน้าตอบกลับเท่านั้น
"ถ้างั้นผมไปนะครับ"
"พ่อธีร์"หันกลับไปสบกับดวงตาคมสวยที่วูบไหวเพราะความไม่สบายใจ...ผมรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน...แต่ผมในตอนนี้คงไม่มีปัญญาไปดูแลความรู้สึกของใครได้...เพราะแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง...ผมยังดูแลไม่ได้เลย
"ไม่มีอะไร ขึ้นเรือนเถิดพ่อ"เสียงนุ่มเอ่ยตอบก่อนจะหันไปสั่งให้บ่าวพายเรือออก...ผมยืนมองเรือลำเดิมค่อยๆเคลื่อนตัวไกลออกไป...ก่อนจะหันหลังกลับเดินขึ้นเรือนบ้าง
"เฮ้ยยย! ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ"ยังไม่ทันก้าวขาพ้นบันไดเรือน ไอ้ตัวดีก็โพล่งขึ้นเสียงดัง...แชมป์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กลางเรือนเพียงลำพัง...สีหน้าของมันตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของผม
"เออ เกือบโดนหมามันฟัดเอา"ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าห้อง...โชคดีที่คุณหญิงสร้อยไม่อยู่แถวนั้นเพราะผมไม่พร้อมที่จะตอบคำถามยืดยาวที่แกต้องถามแน่นอนถ้าได้เห็นสภาพของผมแบบนี้
...ประตูห้องนอนปิดลงพร้อมกับร่างของผมที่ทรุดลงแทบทันที...ผมไม่รู้เลยว่าไปเอาเรี่ยวแรงและความเข้มแข็งมาจากไหนถึงได้ประคองตัวให้เป็นปกติอยู่ได้นานขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงแทบยืนไม่อยู่...ข้อมือแดงช้ำกับร่องรอยบนไหล่ซ้ายยิ่งตอกย้ำภาพเหตุการณ์ที่เรือนแพริมน้ำนั่น...ราวกับความรู้สึกที่ถูกสะกดกลั้นเอาไว้ระเบิดออกมาเป็นหยดน้ำตาใสรื้นไหลไม่หยุดหย่อน...ผมไม่ปฎิเสธเลยว่าเหตุการณ์ตอนนั้นทำให้ผมกลัวมากเพียงใด...ผมเกือบถูกข่มขืน...มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่ใครจะผ่านไปได้ง่าย...หากคุณเดือนไม่เข้ามาเห็น...ตอนนี้ผมจะเป็นอย่างไรบ้าง...ความคิดวนเวียนซ้ำซากที่ผมไม่สามารถไล่ออกไป ทำได้เพียงนั่งกอดตัวเองร้องไห้จนตัวโยน...ผมกลัว...ในขณะเดียวกันผมก็เกลียด...เกลียดคนที่มันทำให้ผมเป็นแบบนี้...เกลียดที่มันทำให้ผมกลายเป็นคนพาล...พาลโกรธใครต่อใครทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่น้อย...เกลียดตัวเองที่อ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้
"ธีร์! มึงเป็นอะไรป่าววะ"เสียงไอ้แชมป์ดังขึ้นอีกฝั่งของประตูจนผมสะดุ้งเฮือก...ได้แต่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเปรอะไปทั่วพลางสูดหายใจลึก
"กูไม่เป็นไร"พยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าเป็นปกติที่สุด...แชมป์ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่สิ่งที่แชมป์รู้...คือผมไม่ใช่ชลนธีร์คนเดิม
"มึงแน่ใจนะ"
"เออ"
"งั้นมึงเปิดประตูให้กูหน่อย"การโกหกด้วยเสียงย่อมง่ายกว่าการโกหกทางสีหน้าและผมยังไม่อยากให้มันได้เห็นสภาพของผมใน
ตอนนี้
"มึงมีไรป่าวแชมป์"
"ไม่มี แต่เปิดประตูให้กูหน่อย"อีกฝ่ายยังคงยืนยันคำเดิม
"ธีร์ ได้ยินกูมั้ยเนี่ย เปิดประตูหน่อยยยย"ลากเสียงยาวตามนิสัยของมันเวลาดึงดันจะเอาอะไรสักอย่างจนผมยอมแพ้...พยายามปั้นแต่งสีหน้าให้เป็นปกติแม้ไม่มากนักแต่ผมรู้นิสัยมันดี...แชมป์จะไม่ถามถ้าผมไม่เต็มใจเล่า...มือที่เอื้อมไปผลักบานประตูเผยให้เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับแชมป์เลยแม้แต่น้อย...ใบหน้าคมฉายแววกังวลเมื่อได้เห็นดวงตาที่บวมช้ำของผม
"ขอบใจมากนะพ่อแช่ม"ไอ้ตัวดีที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันมาสบตากับผม...สีหน้าของมันเป็นกังวลไม่ต่างกันแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามแค่นยิ้มส่งกลับมาราวกับเป็นการให้กำลังใจ
"ผมนึกว่าคุณหลวงกลับไปแล้ว ลืมอะไรเหรอครับ"เป็นอีกครั้งที่ต้องพยายามฝืนตัวเองให้เป็นปกติ...เขาเพียงก้าวเข้ามาด้านในพลางดันประตูไม้สักให้ปิดลง
"คุณ..."ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ร่างสูงโปร่งกลับโถมตัวเข้ามากอดเอาไว้แน่นในขณะที่ผมได้แต่ยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นเพราะความตกใจ
"รู้สึกอย่างไรทำไมไม่พูดกับเรา เอาแต่ร้องไห้อยู่คนเดียวพ่อรู้ไหมว่าเราเป็นห่วง"มือใหญ่ลูบผมเพียงแผ่วเบายิ่งทำให้ความพยายามของผมลดน้อยลงทุกที...การฝืนตัวเองในเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย...โดยเฉพาะเวลาที่ผมอยู่ต่อหน้าคนๆนี้...ความอ่อนแอเริ่มกลั่นตัวรวมกันเป็นก้อน ดวงตาของผมร้อนผ่าวอีกครั้ง...เพียงแค่เอื้อมมือที่สั่นเทิ้มออกไปกอดอีกฝ่าย กลับทำให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
"ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว"เสียงทุ้มนุ่มกระซิบเบาข้างหูยิ่งทำให้ผมสะอื้นจนตัวโยน...เขาเพียงกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น...ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดออกมา...ทั้งความเกลียด ความกลัว หรือแม้แต่ความสงสัยถูกระบายออกผ่านหยดน้ำตาที่รื้นไหลอาบสองแก้ม...ผมทรุดตัวลงกับพื้นเพราะความเหนื่อยอ่อน...แต่อ้อมแขนที่กระชับอยู่ยังคงตามประคองเอาไว้ไม่ห่าง
"พ่อธีร์"ได้แต่เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคู่สวยที่หมองลงอย่างเห็นได้ชัด...เขาเองก็ทุกข์ใจไม่แพ้กัน
"คืนนี้ไปอยู่กับพี่เถิด ให้พี่แน่ใจว่าพ่อธีร์ไม่เป็นอะไร"มือใหญ่เลื่อนมาเกลี่ยน้ำตาข้างแก้ม...ผมเพียงพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรต่อ...
...
มาแล้วเจ้าค่ะ...เลทไปนิดเลยลงให้ยาวหน่อยชดเชยนะเจ้าคะ

ฝากติดตามตอนนี้ด้วยนะคะ
ตอนต่อไปรออีกแว๊บเน๊อะ จะพยายามรีบมาลงค่า
ปล. ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตาม รักเสมอเจ้าค่ะ

ปล2. ตอนนี้ดราม่าเบาๆ แถมน้องธีร์โหมดดาร์คให้นะคะ
