___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]  (อ่าน 90104 ครั้ง)

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :heaven อร๊าย ประโยคสุดท้ายทำเอาขึ้นสวรรค์เลยล่ะ มโนว่าพูดพร้อมรอยยิ้มอันเปล่งประกาย

เขียนยังงี้ คู่ เซียร์เพลงก็น่าอ่านนะ อยากรู้เหมือนกันว่าไปรักกันได้ยังไง

คำผิด ซื่อ=>ซื้อ

ขอให้น้องๆม.4กับม.4จับคู่พี่รหัสน้องรหัสกันค่า => อันนี้ต้อง ม.4 กับม.5 ป่ะ

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ....


"หมายความว่าไงว่ะ"

ผมกำลังจะถามต่อ แต่ไอ้ป้องเดินหนีผมไปเล่นเกมรับน้องด่านอื่นก่อนแล้ว สมองโง่ๆของผมมันประมวลไม่ออกหรอกว่าที่มันบอกว่ามองหมายความว่ายังไง

มองผมแบบที่ผมมองมัน...

'เหมือนๆกัน'เหรอครับ... ?

ผมอยากจะลากคอมันมาถามให้ชัดๆ แต่เพราะติดว่าผมกับน้องต้องตายังไม่ผ่านด้านถังน้ำแข็งนี้สิครับ

แล้วทำไม..... น้องรหัสผมถึงได้ยิ้มกรุ้มกริมใส่ไอ้อู๋แบบนั้นล่ะครับ

"รู้จักกันเหรอ?"

ผมนั่งลงข้างๆไอ้ต้องตาก่อนจะถามมัน ไอ้อู๋หันหน้าเมินไปอีกทาง น้องต้องยิ้มเจ้าเลห์

อะไรของพวกมันว่ะ???

นอกจากจะไม่ได้คำตอบ ยังมีคำถามแถมมาให้ผมอีกต่างหาก ผมหันไปสกิดไอ้เฟรม รายนั้นเองก็ยักไหล่เป็นเชิงว่างงเช่นเดี่ยวกับผม

ความรู้สึกบางอย่างสะกิดใจผมเล็กๆ

ผมมองสำรวจไปที่ตัวเพื่อนสนิทตัวเอง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าของรักของหวงของมันหายไป ทั้งๆที่เจ้าตัวใส่ประจำและไม่มีทางลืม ของที่มันใส่ประดับมาตลอดหนึ่งปีนี้

แหวนแห่งเทพ...

"อู๋...แหวนมึง...?!?!"

ไอ้อู๋คอตกไปกับคำทักของผม ก่อนมันจะถอนหายใจเฮือกพูดออกมา

"คลื่นลูกใหม่ ไล่คลื่นลูกเก่าเสมอ กูดวลแพ้..."

ผมตกใจกับคำพูดของเพื่อนสนิทตัวเอง พอๆกับไอ้เฟรมที่สำลักน้ำโออิชิ

ถึงมันจะเป็นคนบ้าๆบอๆเสือผู้หญิง เพล์บอยไปทั่ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มันยืนหยัดอยู่ในเพลินจิตวิทยาได้ ก็คือความสามารถในการแฮกของมัน สิ่งที่ยืนยันคือแหวนสีดำสนิทที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนักหนาทุกครั้งที่ใครเห็นมัน

"พี่'เก่ง'จริงๆครับ ผมขอยอมรับ ไวรัสของพี่เองก็ทำผมแทบเดี้ยงเหมือนกัน ถ้าผมไม่โกงคงเอาชนะไม่ได้จริงๆ"

ต้องตาพูดขึ้น มือขาวสองข้างล้วงเอาสร้อยคอสีเงินสนิทที่มีแหวนสีดำเมื้อมคล้องอยู่ตรงกลางออกมา

ไอ้ต้องตาเป็นแฮกเกอร์!!!!!

ผมกับไอ้เฟรมนั่งอึ่ง ไม่คิดเลยจริงๆว่าเด็กอย่างไอ้ต้องจะเป็นแฮกเกอร์ได้ ไอ้อู๋โบกมือเป็นเชิงให้พวกผมเงียบก่อนจะพูด

"สงครามไม่หน่ายอุบาย ปีที่แล้วกูก็วางยาพี่กรนั้นแหละถึงได้ชนะ ชักเข้าใจพี่มันนิดๆแล้วแหะ"

มันตัดพ้อ ผมกับไอ้เฟรมยังนั่งอึ่ง

"ไม่คิดเลยว่าน้องรหัสกูจะเป็นแฮกเกอร์"

"ใช่...ดูแค่ข้างนอกนี้ไม่ให้เลยว่ะ"

ไอ้เฟรมพูดเสริม มองน้องมันตั้งแต่หัวจรดเท้า

ต้องตาฉีกยิ้มตามสไตล์ของมัน ก่อนจะพูดต่อ

"จริงๆผมใบ้ไปแล้วนะ"

"ใบ้?"

"ครับ ก็ตามกฏที่คุณกาเซียร์ เซซิลตั้งไว้นั้นแหละครับ ว่าต้องมีการใบ้บอกตัวตนของคนที่คิดจะชิงแหวน"

ประเพณีชิงแหวนเป็นแบบนั้นจริงๆครับ คนชิงต้องบอกใบ้ ยืนยัน หรือแสดงตัวตนว่าตัวเองคือคู่ต่อสู้ส่วนจะใบ้ขนาดไหนก็ตามดุลพินิจของพี่กาเซียร์

"พี่จำข้อความทิ้งท้ายได้ไหมครับ?"

ข้อความทิ้งท้าย….

ผมกัลป์ไอ้อู๋ทำหน้านึก ก่อนจะนึกได้ถึงข้อความที่ได้ต้องทิ้งไว้ตอนโจมตีเพจไอ้อู๋ครั้งแรก...

..........Enchanted Dream 

..........(ฝัน’ต้อง’มนต์)

ผมตาลุกวาว ไอ้เฟรมตบมือชอบใจ ส่วนไอ้อู๋กัดฟันกรอด ก็ถ้าสังเกตดีๆน้องมันก็ยืนยันตัวตนของตัวเองแบบชัดเจนจริงๆนั้นแหละครับเพียงแต่เรามองข้ามจุดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไป

เพราะงั้นแหวนสีดำเมื้อมจึงถูกเปลี่ยนเจ้าของในลักษณะนี้นั้นเอง....

“คู่ต่อไปลุกเลยค่า”

พี่ม.หกตกมือเรียกผมกับไอ้ต้องตาลุก น้องมันเก็บแหวนเข้าไปในเสื่อตามเดิมก่อนจะเดินไปยืนข้างๆผม

“มึงไปวางยามันตอนไหนว่ะ ?”

ผมถามด้วยความสงสัย ก็โน๊คบุ๊คไอ้อู๋อ๊ะแถบไม่เคยห่างจากตัวมันด้วยซ้ำ

ต้องตาทำหน้าเจ้าเลห์ก่อนมันจะย้อนถามผม

“พี่ก็สนิทกับพี่อู๋นิครับ แล้วตอนไหนบ้างล่ะที่พี่อู๋ยอมปล่อยมือจากโน๊คบุ๊ค”

ตอนที่ไอ้อู๋วางมือจากโน๊คบุ๊ค...

เข้าห้องน้ำ....ไม่ใช่ มันเอาเข้าไปด้วย

กินข้าว....ไม่ใช่ มันกินหน้าคอมมันนั้นแหละ

แล้วงั้นตอนไหนว่ะ ?....

ผมวนลูปความคิดตัวเองเกี่ยวกับความทรงจำตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา จนสุดท้ายก็ร้องอ้อออกมาเบาๆเมื่อคิดถึงตอนที่มันไม่มีโน๊คบุ๊คในมือออก

“รู้จักกับเชอรี่ด้วยเหรอ ?”

“ไม่เชิงรู้จักครับ แค่พอไหว้วานให้เสียบแฟตไดร์กับเปิดเนตทิ้งไว้ก็เท่านั้น”

ผมไม่รู้จะปลอบไอ้เพื่อนสนิทยังไงเพราะมันดันโดนวางยาตอนมีsexกับสาว จะโทษใครก็ไม่ได้ได้แต่โทษที่ตัวเองเจือกไม่รอบครอบพอนั้นแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะโดนชิงแหวน ยังจะมีหน้าไปเล่นอะไรแบบนั้นอีก

ต้องตากับผมช่วยกันกระโจนมือควานหาเหรียญห้าสิบสตางค์ประมาณเกือบๆ3-4รอบก็เจอเหรียญครับ แมร่งดันไปอยู่ตรงมุมๆถังน้ำแข็งเลยเนี้ยดิ

เกมด่านต่อๆไปก็มีเรื่อยเปื่อยครับ กินขนมแข่งกันบ้าง ปิดตาแต่งหน้าน้องรหัสบ้าง แต่พวกผมก็รู้นะว่าพี่ๆตั้งใจกันจัดกิจกรรมนี้จริงๆ เพราะขนาดเนรมิตรห้องข้างๆให้กลายเป็นบ้านผีสิงได้เนี้ย

ให้คะแนนความพยายามสิบเต็มสิบเลยครับ....

ผมกับน้องรหัสชวนกันไปเล่นนู้น เล่นนี้บ้าง จนกระทั้งวนครบทุกด่าน ในขณะที่ผมกำลังยืนๆอยู่นั้นเอง....

“โอ๊ย ไอ้เชรี้ย ใครเอาน้ำแข็งใส่หลังกูว่ะ”

ผมสถบสะดุ้งตัวรีบควักน้ำแข็งออกจากหลังเสื่อ เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตอนนี้มีมือมืดกำลังระดมเอาน้ำแข็งใส่หลังเพื่อน นี้พวก
มึงคิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่าเหรอว่ะ!!!

ไอ้พวกเอลซ่าปลอมยังไม่เลิกเล่นครับ วิ่งพล่านไปทั่วจับคนนู้นที่คนนี้ที่ใส่น้ำแข็ง พอเป็นแบบนั้นสงครามก็บังเกิดครับตอนนี้น้องๆม.4หลายๆคนกลับบ้านแล้วล่ะครับ กลัวโดนรุ่นพี่(บ้าๆ)แบบพวกผมแกล้ง

“โอ๊ย!!!”

เสียงไอ้อู๋ร้องครางก่อนจะล้วงน้ำแข็งออกจากหลังเสื่อ อันนี้ฝีมือผมเองครับ

ในขณะที่กำลังทำกรรมกับเพื่อนสนิทตัวเองอยู่นั้นเอง เวรกรรมก็ย้อนเข้ามาเต็มหน้าผม ไอ้เวรคนใดสักคนนี้แหละครับ ปาน้ำแข็งมาโบ๊ะเต็มๆหน้า!!!ผมปาดน้ำแข็งก่อนจะวิ่งไปคุ้ยๆหยิบน้ำแข็งในถังมาใส่มือตัวเอง

แล้วมหกรรมปาน้ำแข็งก็เริ่มต้นขึ้น...

“ไอ้เกียร์ มึงนี้เองปากู”

“มึงปากูก่อนว่ะเพื่อน .....โอ๊ย!!!! ไอ้เฟรม กล้ารอบทำร้ายกูเหรอ”

“เออ ทำไมกูต้องไม่กล้าว่ะ”

ไม่ใช่มีแค่พวกผมหรอกนะ ตอนนี้ไอ้พวกม.5หลายๆคนเริ่มๆจะปาใส่พวกเดี่ยวกันเองแล้วครับ มีรุ่นพี่ม.6บางคนมาแจมด้วย แน่นอนว่าพวกผมจัดแจงรับพี่ๆด้วยน้ำแข็ง แน่ละใครมันจะยื่นเป็นเป้านิ่งให้ปาน้ำแข็งใส่ครับ

ตอนนี้รอบตัวผมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พอมองออกไปนอกห้องประชุมก็เห็นไอ้ป้องยื่นเท้าแขนตรงสุดขอบริมระเบียงมองพระอาทิตย์กำลังใกล้ตกอยู่

ความคิดเหรี้ยๆวาปเข้ามาในหัว ก่อนผมจะค่อยๆเดินย่องไปอยู่ด้านหลังมัน วงแขนของผมโอบรัดรอบเอวมันไว้ พอรู้ตัวแล้วมันก็หันมาโวยวายกับผมตาเหลือก

“ไอ้เกียร์ ปล่อย!!!”

ปล่อยก็โง่ดิว่ะ!!!

ผมไม่สนใจเสียงร้องของมัน ปกติแรงไอ้ป้องก็น้อยกว่าผมมากๆอยู่แล้ว แม้จะมีส่วนสูงไล่เลี่ยกันก็เถอะ แต่มันผอมกว่าผมครับ(ย้ำอีกครั้งด้วยความสัตย์จริงว่าผมไม่ได้อ้วนนะ มันแค่ตัวบางกว่าเฉยๆ-3- ) ทำให้ไม่มีแรงพละกำลังจะมาต่อกรได้หรอก
ไอ้ปกป้องดิ้นสู้ผมเท่าที่กำลังมันจะเอื้ออำนวย แต่ยังไงๆก็แพ้อยู่ดี

ผมรวบแขนรวบขามันแบบท่าอุ้มท่าเจ้าหญิงก่อนจะรีบๆเดินไปทางถังน้ำแข็ง พอเห็นแบบนั้นไอ้ปกป้องยิ่งตาเหลือกโพลง ร้องแหกปากส่งเสียงโวยวายด่าทอผม แต่เสียใจด้วยครับไม่มีใครช่วยเหลือมึงได้หรอกเว้ย!!!

“มีอะไรจะสั่งเสียไหมไอ้ป้อง”

“เชรี้ย อย่าเกียร์ กูไม่สบาย”

“ไม่เป็นไร ถ้าป่วยเดี่ยวกูดูแลเอง ฮ่าๆ”

มันสถบก่อนจะพยายามดิ้น แต่เพราะตัวมันเองก็กลัวผมทำตกกระแทกใส่พื่นเหมือนกันเลยดิ้นได้ไม่เท่าไหร่

ผมจัดการให้ไอ้เฟรมไอ้อู๋มาปลดทรัพย์สินมีค่าออกจากกระเป๋ากางเกงมันพอเหลือแค่ตัวเปล่าๆแล้ว ผมกับเพื่อนในห้องก็มายื่นล้อมวง

“สาม สอง หนึ่ง !!! เฮ”

‘ตู้ม’

เสียงเฮของผมกับเพื่อนๆดังขึ้นพร้อมๆกับไอ้ป้องที่โดนโยนเข้าไปในถังน้ำแข็ง มันกระโจนตัวออกมาข้างนอกก่อนจะวิ่งวนไปทั่วระบายความเย็น

“ไอ้...เชรี้ย....เกียร์”

มันด่าผมไปปากสั่นไป ผมกลั่วหัวเราะคนถูกอุ้มลงถังน้ำแข็งไอ้เจ็บนะไม่เจ็บหรอกนะครับ แต่มันหนาว

ใบหน้าจืดๆที่เลอะอยู่แล้วยิ่งเปื้อนหนักกว่าเก่า เพราะน้ำผสมกับแป้งยิ่งกระจายให้หน้ามันเลอะกว่าเดิม ริมฝีปากเรียวเม้าปากไม่ให้สั่นแต่ดูเหมือนจะทนไม่ไหวเท่าไหร่ ใบหน้ามันซีดเซียวเล็กน้อย แววตามันค้อนสะบัดใส่ผม ก่อนจะรีบออกไปอังแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร

“เห้ย จับไอ้เกียร์ไว้”

เวรละครับ!!!

ผมวิ่งหนีไปพวกทโมนนี้ไปรอบๆห้อง เมื่อพวกมันเล็งผมเป็นเป้าหมายต่อจากเพื่อนๆคนอื่นๆที่เริ่มทยอยกันโดนจับลงถังน้ำแข็ง ฮาสุดก็คงจะเป็นพวกแก๊งนางฟ้าที่โดนอุ้มลงพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดแปดสิบเดซิเบล

แต่ต่อให้ผมวิ่งเร็วขนาดไหนก็แพ้พวกมันทั้งห้องอยู่ดีครับ.. T T

“ล็อคขามันไว้”

ไอ้อู๋สั่งการ มันล็อคแขนทั้งสองข้างของผมพร้อมๆกับความช่วยเหลือของเพื่อนๆในห้อง

ตอนนี้ร่างกายผมไร้อิสระ ถูกปลดของมีค่าที่จะพังได้ถ้าเปียกน้ำออกจากตัวก่อนจะถูกยกมายังหน้าถังน้ำแข็ง

“มีอะไรจะสั่งเสียไหมน้องเกียร์”

ไอ้อู๋พูดล้อเลียนผม

“ไอ้กาก แพ้เด็ก”

ไอ้อู๋กัดฟันกรอดคาดโทษผมไว้ ก่อนจะจะทุ่มตัวผมใส่ลงถังน้ำแข็ง

วินาที่แรกที่น้ำเย็นๆเข้ามาในเสื่อ ผมก็ทำแบบเดี่ยวกับไอ้ป้องนั้นแหละครับ คือแทบจะกระโจนคลานสี่ขาออกมาเลยด้วยซ้ำ ในหัวมีแต่ความรู้สึกที่ว่าเย็น หนาว และโคตรจะหนาววววววววและเย็นนนนนนนน

ผมกอดอกตัวเองก่อนจะวิ่งออกนอกห้องไปยื่นข้างๆไอ้ป้องที่ยังดูเหมือนจะหนาวไม่เลิก

“เป็นไงล่ะสัส ต้นคิดดีนัก”

มันสถบใส่ผม ยืนกัดฟันกรอด

“เออ รู้แล้วว่าหนาว”

“เห้ย อย่าเบียดกูดิ”

มันว่าเพราะผมขยับเข้าไปยืนเบียดๆมัน ไอ้เชรี้ย ก็แสงพระอาทิตย์มันส่องอยู่แค่นี้นี่หว่า

“กูก็หนาวนี้หว่า”

“ก็เล่นพิเรนท์เอง...โอ๊ย บอกว่าอย่าเบียด ตัวมึงมันเย็นนะเว้ย”

“ก็มึงตากแดดมานานแล้วมันก็อุ่นนี้หว่า”

มันกรอกตามองผมด้วยความรำคาญก่อนจะยื่นมือมาจับมือผมไว้ แน่ละว่าผมไม่ขัดศรัทธาหรอกเพราะหนาวไปทั้งตัวแล้วจริงๆ มือ
ทั้งสองข้างนี้แทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำ เย็นจนชาอ่ะครับ

“อุ่นยัง ?”

“เออ...ก็...อุ่นดี”

“ให้จับสองข้างเลยไหมล่ะ ?”

ผมตอบมันด้วยการยื่นมือไปกุมมือมันแน่นๆแทน ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ทอดสายตามองไปทางพระอาทิตย์

“อุ่นเนาะ....”

“ก็อุ่นดิ นั้นพระอาทิตย์นี้หว่า”

“ไม่ใช่....”

ใบหน้าจืดๆของไอ้ป้องแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมาชัดเจน ผมยิ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือสองข้างที่ข้างหนึ่งมันกุมผมไว้ ข้างหนึ่งผมกุมมันไว้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาตรงกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาพอดี

...

.

.

.




“กูหมายถึงมึงนะ....โคตรอบอุ่นเลย......”



ไม่มีคำตอบจากปากมัน ก็อย่างว่าแหละ ปกติมันก็ไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้วนิครับ

ผมกับไอ้ป้องยืนอังไอแดดจากพระอาทิตย์ที่จวนเจียนจะลับขอบฟ้า จนกระทั้งแสงสว่างสุดท้ายจางหายไป

“ป้อง...”

“ห๊ะ... ?”

“พระอาทิตย์นี้ สวยขนาดนี้เลยเนาะ”

ผมพูดลอยๆ มองพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตกลงไป

“ธรรมชาติสวยงามเสมอ”

นั้นคงเป็นคำพูดสุดท้ายของมันที่ตอบผมกลับมา

ไม่มีคำพูดใดๆอีก ผมทอดสายตามองวิวไปเรื่อยๆมือทั้งสองข้างก็ยังกุมมันไว้และยอมให้มันกุม ผมเห็นเด็กๆในสนามกีฬาด้านล่างเหลือน้อยเต็มที่ นกน้อยเริ่มบินกลับรัง อาจารย์บางท่านเริ่มทยอยกลับบ้าน เสียงดังจากในหอประชุมเล็กยังเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินบ้างในบางจังหวะผมได้ยินเสียงไอ้อู๋กรี๊ดด้วยแหละ คาดว่ามันคงจะโดนกรรมตามทันแล้วแน่ๆ(สาบานว่านี้คือเด็กม.ห้าที่เตรียมตัวแอดในปีหน้าและจะบรรลุนิติภาวะกันแล้ว...อาเมน)

แม้ทุกสิ่งจะเคลื่อนไหวไป แต่ผมกับมันเลือกที่จะหยุดนิ่ง.....

แค่หยุดอยู่นิ่งๆมองทุกสิ่งไปเรื่อยๆ

ผมเพิ่งรู้วันนี้แหละครับว่ามือของคนเรา

มันอบอุ่นขนาดนี้เลยแหะ.....


"Nature is as complex as it need to be…. and no more." #ก้องเกียรติ์


TBC.


เราพยายามมาเรื่อยๆ เท่าที่เวลาและโอกาสจะเอื้ออำนวย อยากลงน้องๆให้จบก่อนสอบกลางภาค  :mew2: เก๊ากลัวไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เพราะงั้นจะพยายามมาไวๆนะ  :z2:


ปล.ประเด็นที่ว่าป้องหรือเกียร์ ใครกดใคร.....

..

.
.

.
.



ไม่บอก  แบร่ :laugh5:


-fuku

หนทางยังอีกยาวไกลงับบบ   :mc2:

-hoshinokoe

จะมีเยอะขนาดไหน ติดตามชมตอนต่อไป  :laugh3:

-B52

เราพยายามให้น้องๆค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะเออ   :katai5:

-dekzappp

รับประกันว่าน้องป้อง ได้ 'ปกป้อง'แน่ๆงับ  :a1:

-praewp

แตกต่างชอบแกล้งคนอ่าน ตัดจบดื้อๆ :oni1:

-snowboxs

จัดไปอย่าได้เสีย!!!!

-เสน่ห์นางนวล

หึหึหึ  :interest:

-Inwoสูs

มองไปเรื้อยๆ เบื่อก็รัก...

เอ๊ะ ยังไงๆ  :o9:

-IsDeer

คู่พี่เซียร์กับน้องเพลงนี้ เราวางแพลนอยากจะแต่งตอนที่เรื่องนี้จบแล้วจ้า แต่คิดพล็อตคร่าวๆไว้แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ให้นายเซซิลเป็นตัวประกอบที่โคตรจะสำคัญไปก่อนนะ อิอิ :m4:


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ด้วยความหวังดีเป็นอย่างยิ่ง เราอยากเตือนว่า...

อย่าพลาดตอนหน้านะเออ !!!!!!!!!!!!!!!

เราเตือนคุณแล้วนะ :m26:

ปลปล. กรุณาเตรียมผ้าเช็ดเลือด :m29: ก่อนกดเข้ามาอ่านนะแจ๊ะ หึหึหึ.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 06:42:59 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
แอบอ่านมาหลายตอนแล้ว

ความสัมพันธ์พัฒนาขั้นเยอะเลยนะเกียร์ป้อง
อ่านแล้วฟิน ยิ้มตามได้

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ป้องจ๋าาาา  :hao7:  ผู้ชายอบอุ่นเค้าชอบ มามะๆ  :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยฟิน พอจะเดาออกแล้วว่าใครจะโดนกด(เดา)

ว่าแต่คู่ศึกแหวนสีดำเมื่อม ก็น่าลุ้นอยู่นะ

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
น้องป้อง น้องเกียร์มีเพจแล้วนะครับบบบบบบ

https://www.facebook.com/PokpongGonggend?skip_nax_wizard=true&ref_type=logout_gear

เข้ามาป่วนกันได้จ้า   :really2:

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โอ้ววว
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆเลยคะ ♥
แอบเชียร์ให้ป้องเมะนะเนี่ย แต่คงไม่ขึ้น ฮรึก

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ค้างต่อ ค้างทันที
อูวววมุมหวานๆ ชอบบบบ

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
อ่านๆำป รุ้สึกว่า ปกป้อง จะโดนกด เข้าทุกวัน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พวกเอลซ่าเล่นอะไรกัน

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย  :jul1:
ช่วงท้ายทำเอาฟินนาเล่อีกแล้ว  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เห็นเล่นสนุกแบบนี้แอบคิดถึงบรรยากาศช่วงเรียนม.ปลายของตัวเอง นึกๆแล้วมันมีความสุขดีนะ

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์

แสงอาทิตย์ที่รอดผ่านม่านเป็นสิ่งที่ปลุกผมจากการหลับไหล...

เมื่อวานนี้หลังจบรับน้อง ผมกับไอ้ป้องก็กลับบ้านกัน มือเย็นของผมกับมันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ไข่เจียวคนละแผ่น(แน่นอนว่าผมเบิ้ล) แล้วก็ขึ้นนอนกันเลย

ผมขยับตัว บิดๆก่อนจะมองนาฬิการิมผนังห้อง

7.45น.!!!!

ผมตาโตเท่าไข่ห่านก่อนจะตะโกนแหกปากเรียกไอ้ป้อง เพราะเมื่อคืนนี้เพลียพอๆกันทั้งคู่สินะ ผมกับมันถึงได้หลับเป็นตายแบบนี้
น่าแปลกที่ทั้งๆผมตะโกนปลุกมันแล้วแต่เจ้าของร่างนั้นยังไม่ตื่น

"ป้อง ไอ้ป้อง ตื่นๆ สายแล้ว"

พอตะโกนไม่ได้ผลผมเลยปีนลงไปหามันด้านล่าง พอเรียกมันใกล้ๆเจ้าของชื่อถึงได้ยอมยันกายลุกขึ้นมาสักที่

"เจ็ดโมง...แล้ว...เหรอ"

มันพูดเสียงขาดห้วงแหบๆเป็นระยะๆใบหน้าจืดๆก็ดูอ่อนเพลียกว่าปกติ ในขณะที่มันกำลังจะเดินผ่านผมไปห้องน้ำ ร่างทั้งร่างของไอ้ป้องก็ล้มลงทั้งยืน ดีแต่ว่าผมรับร่างของมันทัน

"เห้ย!!! ไหวไหมมึง?!?"

ผมประครองมันนั่ง ไอ้ป้องพยายามพยักหน้าว่ามันไหว มันยันตัวจะลุกแต่ก็ล้มฟุบกับเตียง ผมเห็นแบบนั้นเลยเอามือไปอังที่หน้าผาก

ร้อน!!!!

ตัวมันร้อนมากเหมือนเตาไฟที่เพิ่งเปิดใหม่ๆเลยครับ

"พอเลย ไอ้ห่า มึงเป็นหนักขนาดนี้ยังจะเสือกหวงเรียนอีก หยุดพักเหอะ"

ผมจับมันนอนดีๆ ใบหน้าจืดๆนั้นส่งเสียงประท้วงผม

"ไม่...ได้...วัน...นี้..ประชุม..."

"จะปลาชุมปลาน้อยกูไม่สนหรอก แต่แค่จะลุกขึ้นมึงยังทำไม่ได้เลย"

คนป่วยยังคงดื้อเสมอต้นเสมอปลาย มันพยายามยันตัวลุกขึ้นจนเหงื่อไหลไคล้ย้อยไปทั้งตัว ผมกดปิดแอร์ก่อนจะยกพัดลมตัวเล็กมาเปิดให้มัน แต่ดูเหมือนคนป่วยยังดื้อไม่เลิก

ผมไม่พูดอะไรเพราะเริ่มรู้จักนิสัยมันดีขึ้นเรื่อยๆเลยยืนกอดอกมองดูมัน ปกป้องเป็นคนที่อยากจะทำอะไรก็จะพยายามที่จะทำ มันดื้อและหัวแข็งมากถึงมากที่สุดที่ผมปล่อยไม่ใช่อะไรนะครับ แต่เดี่ยวมันก็เลิกเอง และดูจากสภาพตอนนี้แล้วไม่นานนักหรอกครับ
หลังพยายามมานับสิบนาที ในที่สุดคนป่วยก็หายบ้ายอมนอนสงบๆจนได้แต่กระนั้น ปากก็ยังพะงาบๆ ใบหน้าจืดๆซีดกว่าทุกวันมากริมฝีปากก่องจางมองเห็นเป็นสีคล้ำๆจนผมเริ่มเป็นห่วงอาการ

"กูว่าไปหาหมอดีกว่า"

ผมพูดขึ้นหลังดูอาการมัน แน่นอนว่าคนป่วยค้านหัวชนฝา

"ไม่...เอา เดี่ยวนอนพักก็หาย"

มันพูดขึ้นอย่างยากลำบาก ตาเองก็ปรื้อๆเต็มแก่

ผมเกาหัวระคนหงุดหงิดไอ้ดื้อนี้แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะห่มผ้าห่มผืนบางๆให้มัน

"นอนซะ"

ผมสั่ง มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะปิดเปลือกตา

ตาปิด.... แต่ปากก็ยังพะงาบออกมาอยู่ดี

"เกียร์"

"ก็บอกให้นอน"

ผมจุ๊ปากดุมัน ไอ้ป้องยกมุมปากเป็นเชิงขำผมนิดๆก่อนจะพูดกระท่อนกระแท่นต่อ

"ช่วยกูหน่อย"

"ช่วย?"

มันพยักหน้ายืนยันคำพูดก่อนจะพูดต่อ

"เอาผังงานไปส่งพี่กาเซียร์ให้หน่อย"

"แค่เนี้ยเหรอ ที่มึงพยายามลุกขึ้นตั้งหลายรอบ?"

ผมพูดเสียงเครียด นี้เองสินะที่ทำให้มันจะไปโรงเรียนให้ได้

"ในผังงาน...มันมีกำหนดการวันทานาบาตะ"

มันพูดกระท่อนกระแท่นต่อก่อนจะยกแขนปิดตาตัวเอง

“แล้ว....?”

"กูอยากเห็นมึงใส่ชุดยูกาตะ..."

ผมนิ่งเงียบ สมองประมวลผลข้อมูลไม่ทันเสร็จมันก็พูดต่อเพียงแต่พูดเบามากจนหูผมแทบจะไม่ได้ยิน

..........แต่ใจผม กลับฟังได้อย่างชัดเจน...

..

.

.

"ก็ถ้ามึงใส่...กูคงละสายตาไม่ได้"


คนป่วยพูด เสหน้าไปทางอื่น ใบหน้าซีดๆนั้นก็ดูจะแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งๆที่ป่วยแต่ก็ยังอยากจะเอาผังงานไปส่ง เพื่อที่แค่จะได้เห็นผมใส่ชุดยูกาตะ...

คิดแค่นั้นความรู้สึกของผม เหมือนมีผีเสือเป็นพันๆตัวกระพือปีกในท้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเดินไปใส่เสื่อกับสะพายกระบอกผังงานตั้งแต่ตอนไหน

"นอนพักไป เดี่ยวจะรีบกลับมา"

"มึงจะไปส่งให้กูเหรอ?"

คนป่วยลืมตาขึ้นมองผมด้วยแววตาประหลาดใจ

"รักษาคำพูดตัวเองด้วยแล้วกัน"

มันทำหน้าไม่เข้าใจคำพูดของผมเห็นแบบนั้น ผมเลยอมยิ้มก่อนจะพูดเจ้าเล่ห์เลียนแบบมัน

...

.

.

"ก็ถ้าวันทานาบาตะ มึงไม่'มอง'กูตลอดเวลา...น่าดู"

ไอ้ป้องดึงผ้าห่มปิดหน้า บ่นผมเสียงอู้อี้ว่าแกล้งมัน พอผมจะเดินออกจากห้องมือมันก็กระตุกรั้งผมไว้ก่อน

"เอานี้ไปด้วย จะได้สะดวกๆ"

มันยื่นวัตถุบางอย่างลงบนฝ่ามือของผม วัตถุที่คล้ายกันกับของๆเพื่อนสนิทที่ถูกชิงไปเมื่อวาน เพียงแต่ของป้องมันเป็นสีขาว

แหวนแห่งเทพปัญญา...

ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในอก

แหวนวงนี้สำคัญสำหรับมันมาก แต่กลับเลือกที่จะให้ผมถือโดยไม่กลัวว่าผมจะยึดแหวนมันไว้....การที่ไอ้ป้องถอดแหวนให้ผมแบบไม่ลังเลเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า

มันเชื่อใจผม...

ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องพอปิดประตูสนิทก็อดไม่ได้ที่จะเปรยออกมา

"ถ้ามึงทำแบบนั้นตั้งหากถึงจะเรียกเสมอ เพราะตลอดเวลากูมองแค่มึงนี้หว่า"

ผมสาวเท้ายาวๆก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้าย รู้สึกแปลกๆนิดๆเวลาจับแฮนด์Carเพราะนิ้วมือไม่เคยชินกับเครื่องประดับแต่ก็เลือกที่จะใส่ตามเดิม ปกติแล้วผมมันจะรำคาญพวกแหวนพวกนี้นะครับ มันทำให้ผมจับแฮนด์ไม่ถนัด

แต่สำหรับวงที่กำลังใส่อยู่วงนี้...

...ถือซะว่าเป็นข้อยกเว้นแล้วกัน

ผมบิดมากพอสมควรเพราะใจอยากรีบกลับไปดูแลไอ้คนป่วยแสนดื้อต่อประกอบกับวันนี้ถนนโล่งเป็นพิเศษใช้เวลาไม่นานก็ถึงหน้าโรงเรียน

ผมยกมือข้างซ้ายโชว์แหวนสีขาวให้น้ายามหน้าโรงเรียนเห็น ก่อนแกจะเปิดที่กั่นรถให้ผมขับเข้าไป ผมขับรถไปจอดบริเวณของพวกคณะกรรมการนักเรียนก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไป...ไม่ค่อยแปลกใจนักหรอกครับที่คนในโรงเรียนจะมองเพราะผมใส่แค่ชุดไปรเวทมานิ

ผมพยายามเดินลัดเลาะไปเส้นทางที่คนน้อยๆเพราะเริ่มรำคานสายตาและอยากรีบกลับเต็มแก่แล้ว

ห้องคณะกรรมการนักเรียนอยู่ที่ชั้นเจ็ดตึกเจ็ด ผมกดลิฟต์เฉพาะของพวกกรรมการนักเรียน พอเข้าไปก็เจอกับพวกรุ่นพี่คณะกรรมการ ผมยกมือไหว้ตามมารยาท พวกรุ่นพี่เองก็ยกมือรับไหว้งงๆที่เห็นผมเปิดลิฟต์ตัวนี้ได้และยิ่งประหลาดใจที่เห็นผมสวมแหวนสีขาว แน่นอนว่าผมไม่คิดจะอธิบาย ใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่สนใจคือเลขชั้นที่ระบุว่าผมมาถึงแล้ว

ประธานนักเรียนของโรงเรียนเพลินจิตวิทยาล้วนแล้วแต่มีห้องส่วนตัวของตัวเองร่วมทั้งประธานคนปัจจุบันกาเซียร์ เซซิล
ผมเดินไปที่หน้าห้องที่เขียนไว้ว่า’กาเซียร์ เซซิล’ พอยกแหวนตรงกับระดับเลเซอร์ตรวจตราประตูก็ค่อยๆเปิดออก

ผมก้าวเข้าไปด้านใน สภาพภายในห้องนี้ไม่ได้คล้ายห้องทำงานสักเท่าไหร่หรอกนะครับผมรู้สึกเหมือนคอนโดหรูสักยูนิตหนึ่งซะมากกว่า

"ส..สวัสดีครับ มาหาพี่เซียร์เหรอครับ? "

ผมยกมือรับไหว้เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง ไม่รู้จักชื่อหรอกนะครับ แต่ถ้าดูจากลักษณะแล้วคงเป็นแฟนของพี่กาเซียร์ น่ารักพอๆกับไอ้ต้องตาแต่ดูใสซื่อและไม่เจ้าเล่ห์เท่าไอ้นั้น

นิ้วมือเล็กๆชี้ไปทางซ้ายมือ ก่อนปากจะพูดโชว์เขี้ยวข้างเดี่ยวให้ผมดูอีกรอบ

"เดินเข้าไปหาได้เลยครับพี่เซียร์อบแพนเค้กอยู่ในครัว "

"อื้ม ขอบใจนะ"

"ครับ"

ความจริงๆก็อยากจะคุยต่อนะครับ แต่รีบจริงๆ

ผมก้าวไปทางซ้ายก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน

ผู้ชายคนนั้นยืนฮัมเพลงในภาษาที่ผมไม่รู้จัก พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันมามองผม เขาไม่ได้พูดอะไรไม่มีกระทั้งสีหน้าแปลกใจหรือว่าสงสัยใดๆด้วยซ้ำ

"สวัสดีครับ คุณกาเซียร์ เซซิล"

"ดีจ้า ไม่ต้องเรียกเต็มยศก็ได้นะ นั่งก่อนสิ"

อีกฝ่ายทักทายกลับด้วยท่าที่สนิทสนมก่อนจะปิดแก๊สไฟฟ้าแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม

"ปลื้มคุงไม่สบายเหรอ?"

“ปลื้ม ?”

ผมทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนพี่เซียร์จะคลี่ยิ้มลึกลับออกมา

“เราหมายถึง ปกป้องนะ หรือจะเรียกว่าป้องคุงก็ได้”

ผมพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ

"ครับ เขาวานผมนำมาให้นะครับ"

พี่กาเซียร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะยกส้อมจิ้มลงบนแพนเค้กแล้วเคี้ยวตุ้ยๆเต็มสองแก้ม

ถ้าไม่ติดว่าคนๆนี้เป็นประธานนักเรียน ผมคงหัวเราะขำไปแล้วละครับกับสภาะพี่มันในตอนนี้

"คนเรามีหลากด้านเสมอเกียร์คุงนายอาจเห็นแต่ด้านที่เราดูน่าหวาดกลัว แต่ด้านแบบนี้ที่นายไม่เห็นก็มีใช่ไหมล่ะ?"

"ครับ"

ไม่ค่อยเข้าใจที่พูดหรอกนะครับ ผมแค่ต้องการรีบกลับ

"ก้อนกรวด...น่าสนใจตอนไหนเหรอเกียร์คุง?"

เขาพูดช้าๆ ส้อมในมือซ้ายยังคงถือจิ้มลงไปที่แพนเค้ก

"ผมไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดครับ"

"อ่า...เราพูดเข้าใจยากไปสินะ เอางี้ เกียร์คุง...คิดไงกับป้องอ่า"

คำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะโดนถามดังตอบมา ผมขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะตอบคำถามนี้ไป

"แล้ว...มันเกี่ยวอะไรกับพี่เหรอครับ?"

พี่กาเซียร์ไม่ได้แสดงสีหน้าโมโหที่โดนย้อนแม้แต่น้อย กลับกัน แกหัวเราะร่วน

"ก็เปล่าหรอก ก็แค่สงสัยว่าเกียร์คุงจะ'รับ'ไหวรึเปล่า ถ้าสิ่งที่เลือกมันหนักอึ่ง ทั้งๆที่เป็นแค่ก้อนกรวด"

"ไม่ใช่หรอกครับ"

"...."

"จะก้อนกรวด เศษหิน หรือดินปูน ผมก็ไม่สนใจนักหรอกครับ ขอแค่เป็นป้องก็พอ"

"งั้นเหรอ..."

แกหลับตาพยักหน้ารับตอบกลับ ผมลุกขึ้นวางกระบอกผังงานเอาไว้ก่อนจะยกมือไหว้

"ผมขอตัวก่อนนะครับ...อ้อ ถ้าเป็นปกป้อง เขาไม่ใช่ก้อนกรวดหรอกครับ คนๆนี้คือ'ครอบครัว'ของผม มีค่ามากกว่าดาวหรือเดือน"
"...."

"ผมหวังว่าคุณกาเซียร์คงเข้าใจและไม่พูดแบบนั้นกับคนในครอบครัวผมอีก เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นแบบไอ้ป้อง"

ผมพูดเสียงแข็งขึ้น รู้สึกไม่ชอบคนๆนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แค่พูดถึงไอ้ป้องในทางที่ไม่ดี

ผมก็ไม่ชอบแล้วล่ะ....

"จ้าๆ ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดเลย ก็ปลื้..เอ๊ยป้องคุงเขาชอบบอกว่าตัวเองเป็นก้อนกรวดนิหน่า... ฝากบอกป้องคุงด้วยว่าหายไวๆนะ อ้อ ๆส่วน'เรื่องนั้น'บอกไปด้วยว่าพี่อนุญาต"

พี่กาเซียร์พูดเสียงหวานก่อนจะขยิบตาให้ผม

"เรื่องนั้น?"

"อื้ม 'เรื่องนั้น'นั้นแหละ"

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะขยายความผมจึงก้าวเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงคำถามที่อยู่ในใจ

เรื่องนั้นเรื่องไหน...

กลับไปค่อยถาม(เคลียร์)กับไอ้ป้องและกัน

ผมเดินออกมาจากนอกห้องครัว เห็นน้องเพลงนั่งดูหนังอยู่ เด็กคนนั้นพอเห็นผมเดินออกมาก็ส่งยิ้มซื่อๆให้

“อย่าไปถือสาพี่เซียร์เองนะครับ แกชอบหยอกเล่นไปงั้นแหละ”

น้องมันพูดเบาๆก่อนจะโบกมือให้ผม อาจจะเพราะระยะห่างที่ไม่ไกลกันมากน้องเพลงเลยได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับพี่เซียร์

“ครับ พี่กลับก่อนนะ”

“โชคดีครับพี่”

น้องเพลงยกมือไหว้ผม ก่อนจะหันไปสนใจหนังการ์ตูนที่ฉายอยู่ตอนนี้ต่อ

ผมเดินลงมาจากตึกด้วยเวลาที่ไม่นานนัก ระหว่างทางขากลับก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ผู้ชายหน้าจืดๆคนหนึ่ง โลกส่วนตัวสูงสัสๆ ไม่ค่อยพูดจาอะไรกับใครมากมาย โกรธคนยาก จุดเดือดสูง และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ชอบอยู่เงียบๆรักสงบ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ชีวิตไม่หวือหวา....

ก้อนกรวดงั้นเหรอ....

ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีสิครับเป็นแค่ก้อนกรวดธรรมดาและไร้ค่า...

ผมคงจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วง...........

ว่าจะมีใคร....สนใจมัน



ผมบิดCbrเร็วขึ้นกว่าเก่านิดหน่อย แวะตลาดยามสายหาซื่อข้ามต้มเนื้อปลาให้มันพร้อมๆกับแวะร้านยา ซื่อพวกยาลดไข้แผ่นเจลแปะหน้าผากอะไรพวกนี้ไปเพื่อๆก่อนจะขับกลับบ้าน

ไอ้ป้องยังนอนอยู่ที่เดิม เพียงแต่ตัวมันร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

“ป้อง”

ผมสะกิดเรียกมันเบาๆ เจ้าตัวพยักหน้าน้อยๆเป็นสัญญาณว่ารับรู้การกลับมาถึงบ้านของผม

“กินข้าวก่อนไหม ? กูซื้อข้าวต้มมาฝาก”

รอบนี้มันส่ายหน้าแทน เหงื่อยังผุดขึ้นมาตามใบหน้า

ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะเดินไปวางถุงข้าวต้มไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแทน สมองก็คิดถึงวิชาสุขศึกษาที่ได้เรียกมาสมัยเด็กๆ ในมือของผมถือกะละมังน้ำที่ผสมกับน้ำอุ่นไว้นิดหน่อยกับน้ำเย็นในห้องน้ำ ผ้าขนหนูพื้นเล็กถูกซับให้หมาดๆก่อนจะเดินกลับมาหาคนป่วยที่เตียง

ข้อแรก เขาบอกกันว่าให้ลดความร้อนในร่างกายของคนเราเวลาป่วยด้วยการเช็ดตัว

ผมนั่งลงข้างๆมัน ก่อนจะดึงเสื่อกล้ามสีขาวมันขึ้น คนป่วยสะดุ้งตัวลืมตามองผม

“ทำ...ไร”

“จะเช็ดตัวให้ ตัวมึงมันร้อนมาก เข้าใจ๋”

ไอ้ป้องยอมให้ผมถอดเสื่อดีๆแต่พริบตานั้นมันก็ลืมตาอีกรอบ

“เกียร์”

“อะไร”

มันถลึงตามองผมก่อนจะพูด

“เสื่อไม่ว่า แต่บ็อกเซอร์กู...ไม่ต้องถอดก็ได้มั่ง”

“จะเช็ดก็เช็ดทั้งตัวไง มึงจะอายอะไร ถอดโชว์กูมาแล้วก็ยังเคย”

ไอ้ป้องสะอึก มันพยายามจะแย้งแต่ผมไม่รอมันพูดต่อหรอก

ขนาดเวลาสบายดีๆปกติไอ้ป้องมันยังสู้แรงผมไม่ได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวเลยว่าเวลาป่วยนี้จะขัดขืนไหว สุดท้ายไม่เกินสามนาที่มันก็ลอกคราบเหลือแต่ตัวเปล่าๆ

ไอ้ป้องพยายามยกแขนสองข้างของมันมากุมป้องน้อยไว้  แต่เพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปเลยปิดไม่มิดเท่าไหร่ ผมเห็นแบบนั้นเลยผิวปากแกล้งมัน

“จะเช็ดก็รีบๆเช็ดดิว่ะ”

มันสถบพูดออกมารั่วๆ แต่มือทั้งสองข้างยังกุมป้องน้อยไว้

“มึง”

“อะไร...”

“ไม่ได้มาสเตอร์เบสมากี่วันแล้ว”

หน้าไอ้ป้องที่ตอนแรกแดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำ มันค้อนผมตาจะหลุดก่อนจะพูดเสียงต่ำ

“ทะลึ่ง”

“เอ้า ด่ากูอีก กูพูดเรื่องธรรมชาติ”

ผมค่อยๆบิดผ้าขนหนูก่อนจะเช็ดใบหน้าซีดๆนั้น มันหลับตาปี๋เพราะไม่คุ้นชินกับสัมผัสแบบนี้ ก่อนมือของผมจะไล่ไปตามเนื้อตัวมัน

ใบหน้า...

ลำคอ....

หน้าอก....

หน้าท้อง....

ไล่ลงมาถึงช่วงล่าง….

ผมรู้ว่าพูดไปคงมันคงไม่ยอมผมแน่ๆ เห็นแบบนั้นผมเลยไขว้แขนของมันทั้งสองข้างเอาไว้

“เห้ย เกียร์ เล่นเหรี้ยไร ???”

มันร้องเสียงหลง ตาโตมองการกระทำอุจอาจของผมที่ทำกับมัน ผมไม่สนใจคำประท้วงนั้นโยนผ้าไปข้างๆเตียงก่อนปลายนิ้วจะไล่วนแถวๆหน้าท้อง

ไอ้ป้องสะดุ้งตัวนิดๆ พยายามจะดึงแขนออกจากมือผม แต่เพราะแรงที่เหลือน้อยยิ่งกว่าน้อยเลยทำให้ดิ้นไปมา สุดท้ายกลายเป็นมันดันตัวลุกขึ้นมานั่งได้แต่ก็ขัดขื่นผมไม่ได้อยู่ดี

“อยู่นิ่งๆดิ”

“เกียร์...อย่าเล่นแบบนี้”

พริบตาเดี่ยวที่ผมคลาดสายตา มือสองข้างที่ผมคิดว่ามีแรงน้อยกว่าผมก็ผลักผมลงไปนอนกับพื้นเตียง ก่อนไอ้ป้องจะขึ้นมาคร่อมผมไว้

ดวงตาสีดำสนิทมองผมในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเอนหน้าลงมากระซิบเสียงเย็นข้างหู

“ที่บอกว่าอย่าเล่นแบบนี้นะ...กูบอกเพราะเป็นห่วงมึงหรอกนะ...เกียร์”

“................”

“ระวังเหอะ เล่นมากๆ ถ้ากู’อยากเล่น’เมื่อไหร่...มึงอย่าโวยนะ”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งสีหน้า แววตาและคำพูดของมันที่พูดออกมาไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย ร่วมทั้งไอ้แรงที่ผลักผมนั้น...มันคืออะไร

ผมนิ่งเงียบ ไม่กล้าขยับตัวเพราะมันนอนทับแบบนั้นอยู่ ไอ้ป้องเงียบไปนานมากจนกระทั้งผมได้ยินเสียงลมหายใจเข้า-ออกเป็นช่วงๆ...

หลับไปแล้ว....

ผมถอนหายใจ ดันคนที่หลับไปแล้วให้ลงจากร่างของตัวเอง ก่อนพลิกตัวให้มันนอนหงาย แล้วห่มผ้าห่มให้ดีๆ

ใบหน้าของมันยังคงหลับตาสนิท หายใจเข้าออกอย่างสงบ สวยทางกับใจของผมที่ยังเต้นแรงจากเหตุการณ์เมื้อกี้...

ผมว่าผมเองก็ควรจะเล่นพิเรนท์ๆกับอีกฝ่ายให้น้อยลงแล้วล่ะเพราะกลัวจริงๆว่าถ้ามัน’อยากเล่นจริงๆ’

ผมจะโดนอะไรบ้าง....

ผมสองมือผมเกาหัวตัวเองหน่อยๆก่อนจะนึกถึงขั้นตอนดูแลคนป่วย

ก็ข้อสองเขาบอกว่าให้ทำให้คนป่วยมีความสุขนิครับ

ผมทำผิดตรงไหน..... ?

ก็เวลาผมทำแบบนี้ที่ไหร่ผมก็มีความสุขทุกที่....



TBC.

ปรับเปลี่ยนฉากนิดหน่อย ตัดเอาส่วนที่คิดว่าไม่โอเคออกเน้อ  :bye2:








 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 06:43:26 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เฮ้ยยยย  :m25:  เผลอแปปเดียวเกียร์ อย่าทำอีกนะ เค้าไม่ยอมมม  :z3:  ต้องให้ป้องทำให้สิ  :impress2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โหเกียร์ ข้อสองนี่สงสัยจะมีแต่นายที่คิดแบบนี้
แต่ว่าเจอตอนนี้เล่นเอาเงิบเลย จากที่เดา น่ากลัวจะพลาด

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบเวลาป้องรุกอ่ะฟิน :hao7:

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
 : อ่านไปอ่านมาแล้วรู้สึกไม่โอเค พรุ่งนี้เดี่ยวต่างจะรีไรท์นะครับ รู้สึกไม่โอเคแหะ พอไม่สบายแ :เฮ้อ: ล้วเขียนไม่โอเคเลย Y Y

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่า ให้ลุ้นสะเหนื่อย หลับสะงั้น

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ระวังคดีจะพลิกนะเกียร์ แฮ่ก ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
"สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้าย "  นี่ในใจเกียร์มันยอมรับว่ารักป้องแล้วใช่มั้ย :heaven

ว๊ายยยยยยยย  :jul1: อยู่ๆเอ็นซีก็มา
เชียร์ป้องกดเกียร์เต็มที่  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก

ตกเย็นของวันนี้ ไอ้ป้องสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก่อนมันจะโซ้ยข้าวต้มเอาเป็นเอาตาย ก็สมควรอยู่หรอกครับ คุณชายป้องแกไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้านิ ผมนึกขำนั่งมองคนป่วยเคี้ยวข้าวต้มตุ้ยๆ แก้มย้วยๆพอเห็นผมมองก็ค้อนสะบัด

"สัญญา ไม่แกล้งแล้วจริงๆ"

มันทำเป็นเมิน หันหน้าหนีผมไปทางอื่น

"จะให้'ช่วย'อีกรอบไหมล่ะ?"

รอบนี้คนถูกจี้จุดสะอึก ก่อนมันจะโชว์นิ้วกลางใส่ผม

"ถ้าอยากนักก็ไปทำคนเดี่ยวเหอะ"

มันด่าไปกินไป

"ถามจริง มึงจะอายทำไมว่ะ ถ้ากูเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง"

มันชะงักช้อนที่เตรียมจะใส่เข้าปากมองผมนิ่งๆ

ที่ผมพูดนี้คือเรื่องจริงนะครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าสังคมอื่นเป็นแบบไหน แต่กับพวกทโมนอย่างพวกผม การช่วยเหลือตัวเองหรือการมีsexไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่ารังเกลียด เพียงแค่ต้องรู้จักการป้องกันตัวเอง รักสนุกได้แต่ต้องดูแลตัวเองเป็น ไม่ใช่รักสนุกแต่เจือกป้องกันไม่เป็น อย่างผมเงี้ย ถุงยางซื่อใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ทุกเดือน สำหรับผมเป็นเรื่องธรรมดานะ

แต่ผมเองก็ลืมไปว่า ไอ้ป้องมัน'ต่าง'จากผม

"หรือว่ามึงยังไม่เคยมีอะไรกับใคร? "

ผมพูดแหย่มันเล่น แต่คนโดนแหย่กับสะดุ้งตัวไปกับคำพูดของผม

ไอ้ป้องหน้าแดงก่ำ ไม่ตอบผมแต่ตักข้าวเข้าปากรัวๆแทน(นี้มึงแก้เขินหรือมึงหิว ?)

นี้ตกลง... มันยัง'บริสุทธิ์'อยู่จริงๆเหรอครับ???

ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นักหรอกครับ ว่าเด็กรุ่นๆพวกผมสมัยนี้ยังมีคนที่ไม่เคยอยู่ คือผมพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนให้มีอะไรกันนะครับ แต่เชื่อผมเหอะทุกสิ่งมันมีความหมายในตัวมันเองทั้งนั้น

"เอาไหมละมึง เดี่ยวกูหาหญิงให้สักคน ฮ่าๆ เดี่ยวพอถึงเวลาแล้วไม่เป็นงานนี้แย่นะ"

ผมพูดหยอกเล่นแต่คนถูกหยอกไม่ขำไปกับผม

ไอ้ป้องวางช้อนลงกับชามก่อนจะมองหน้าผมจริงจัง

แววตาสีดำสนิทมองผมด้วยความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจ คิ้วของมันขมวดเข้าหากันเป็นปม สุดท้ายมันก็เลือกที่จะเงียบ วางช้อนลง
แล้วเดินหนีผมไป...

เป็นอีกครั้งที่ผมได้แต่สงสัยว่าผมพูดอะไรผิด?

เป็นเพื่อนกับไอ้ป้องนี้ลำบากจริงๆครับ ผมเดาอารมณ์มันไม่ถูก ก็บางวันมันก็ทำตัวง่ายๆให้ผมอ่านออก บางวันมันก็'ซ่อนตัวตน'จนผมสับสน

ต้องรู้จักกันขนาดไหนเหรอครับ ถึงจะเข้าใจมันได้

นี้คือคำถามที่ผมตอบไม่ได้จริงๆ....




   
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




วันเวลายังคงหมุนต่อ ตอนนี้ย่างเข้าเดือนเจ็ดแล้วครับ

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม......

ผมกับมันยังไปโรงเรียนด้วยกัน วันไหนที่มันมีประชุมตอนเช้ามันก็ฝากจาคอปไปเก็บกับผม ตกเย็นก็กลับบ้านด้วยกันบางครั้ง มันยังคงสอนการบ้านในเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ผมยังคงแกล้งมัน กวนมันเป็นระยะๆ

สิ่งเดี่ยวที่ขาดหายไปคือรอยยิ้ม...

จะว่าไปก็ลืมถามมันเลยเกี่ยวกับเรื่องจาคอปเก่าๆนี้กับเรื่องใบตารางนั้นอีก ตั้งแต่วันรับน้องก็ว่าจะถามแล้วดันลืมไปซะก่อน
ไอ้ป้องเริ่มมีพัฒนาการด้านสังคมมากขึ้นตามลำดับ จากเดิมที่ไม่ค่อยมีใครยุ่งกับมัน แต่นับจากวันที่ผมปามันลงถังน้ำแข็ง เพื่อนๆหลายคนก็เริ่มกล้ากวนตรีนมันมากขึ้น(ตกลงมันดีหรือไม่ดีว่ะ555)ไอ้ป้องเองก็ตอบสนองด้วยการกวนตรีนกลับหน้าตาย มันเล่นกับทุกคน...

ยกเว้นผม

ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่เชื่อเหอะ ผมอยู่กับมันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่ตั้งแต่วันที่มันป่วย ถ้าไม่นับการพูดคุยกันปกติ ตอนสอนการบ้าน หรือเรื่องสัพเพเหระทั่วไป

ไอ้ป้องไม่คุยกับผมเลย...

"เป็นเหรี้ยไรของมึงเนี้ย ทำหน้าเหมือนหมาแดรกแฟ้บ"

คำทักทายแสนสุภาพดังออกมาจากปากเพื่อนสนิทของผม มันคงเห็นว่าผมทำหน้ามุ้ย

ไอ้อู๋นั่งรัวนิ้วเล่นคอมพ์ไปด้วย สายตาก็มองผมไปด้วย

"ไอ้อู๋ ถ้ามึงมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง และอยู่ๆเขาก็เงียบไม่คุยกับมึง คือ แบบ ไอ้คุยก็คุย แต่เหมือนกับเขาไม่หยอกล้อเล่นกับมึง...ว่า
ง่ายๆนะ ถ้ามึงรู้สึกว่า มันไม่เหมือนเดิม มึงจะทำไงว่ะ?"

ผมพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในหัว

"กูก็คงจะถาม 'มึงเป็นเหรี้ยไร' ก็ถามตรงๆนั้นแหละ"

"แล้วถ้ามันไม่ตอบ? "

"ก็ช่างแมร่งดิ ผู้ชายเวลาโกรธกันแปบๆก็หายเองนี้หว่า"

จะว่าไปมันก็จริง อย่างผมกับไอ้อู๋งี้ ทะเลาะกันอย่าว่าแต่ขอโทษเลยครับ วันสองวันก็ลืมแล้วด้วยซ้ำ ว่าไอ้ที่ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเนี้ย เพราะอะไร

ผมทรุดตัวลงไปนอนฟุบกับพื้นโต๊ะตามเดิม เมื่อคำตอบของไอ้อู๋ดูไม่ช่วยอะไรผมเลย พอเห็นแบบนั้นไอ้เพื่อนตัวดีเลยโบกหัวผม

"โอ๊ย เจ็บ ไอ้หอก!!!"

ผมชูนิ้วกลางใส่มัน ก่อนไอ้อู๋จะพูด

"กูรู้สึกว่ามึงกำลังคิดมาก จริงไหม?"

ผมพยักหน้า มันดีดนิ้วก่อนจะพูดต่อ

"แล้วเรื่องที่คิด ก็เกี่ยวข้องกับคนๆนั้น"

ผมยังคงพยักหน้าให้ข้อสัญนิฐานของมัน

"มึงว้าวุ้นกับคนๆนั้น เพียงแค่เพราะเขาไม่สนใจ"

ผมทำแบบเดิม สีหน้าไอ้อู๋จริงจังขึ้นก่อนจะพูดต่อ

"ข้อนี้มึงไม่ต้องตอบกู ตอบตัวเองก็พอ"

"เออ"




"มึงคิดกับคนๆนั้น'แค่เพื่อน'จริงๆเหรอ?"


จบคำของไอ้อู๋ ผมแทบร่วงไปกองกับพื้น

"มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้ชอ..."

"ตอนกูโกรธ มึงเคยง้อกูเหรอว่ะ? "

ไอ้อู๋พูดสวน ผมสะอึกเงียบไป

"ก็...ก็..."

ผมพูดไม่ถูก ไปต่อไม่เป็น

มันพูดถูกแล้ว

ผมไม่เคยง้อใครแม้แต่เพื่อนสนิท

ผมไม่เคยสนใจว่าใครจะโกรธ งอน ไม่ยุ่งกับผม

ทุกสิ่งที่ทำลงไป ผมให้คำอธิบายกับตัวเองว่า เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทและเป็นคนในครอบครัว ผมเลยแคร์และใส่ใจมัน
มันก็แค่นั้นจริงๆไม่ใช่เหรอครับ?

"ไอ้ป้องมันอาจเข้าใจยาก แต่ไม่ยากเกินเข้าใจหรอกเว้ย"

"แต่กูไมเข้...เห้ย ไม่ใช่มัน!!!"

ผมเผลอพูดตามก่อนจะสะดุดกึกกับคำพูดของมัน

ไอ้อู๋ส่ายหน้าเอื้อมระอา

"พวกมึงสองคนนี้ปากแข็งพอๆกัน ต้องให้ตายจากกันรึไงว่ะ ถึงจะพูดจากันให้เคลียร์"

น้ำเสียงของมันปนไปด้วยความรู้สึกจริงจังบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ ร่วมทั้งแววตาที่มองมา

เหมือนจะสมน้ำหน้าผมกลายๆ....

"ก็มึงพูดบ้าๆ ไอ้ป้องมันเป็นผู้ชาย แถมมันยังแมนทั้งแท่ง"

"ผู้ชายแล้วไงว่ะ"

"มันจะแล้วไง ก็ผู้ชายกับผู้ชาย มันก็เกย์อ่ะดิ"

รอบนี้มันพับหน้าจอลง ก่อนจะหันเก้าอี้มาทางผม

"แล้วผู้ชายกับผู้ชาย ไม่มีหัวใจเหรอว่ะ?"

"..."

"กูจะพูดกับมึงตรงๆนะเกียร์ กูเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญนักหรอกเรื่องความรัก แต่กูมี'ความกล้า'มากพอจะไขว้คว้าความสุขใส่ตัวเอง
ไอ้สังคมที่ต้องเจอ กูขอพูดตรงๆว่ากูเกลียดมาก เกลียดตรงที่ชอบมานิยาม มาจำกัดความเหรี้ยอะไรก็ไม่รู้มากมาย วุ่นวาย ไอ้สัส ผู้ชายแล้วไงว่ะ? จะผู้ชาย ผู้หญิง หรืออะไร สุดท้ายความรัก มันก็คือความรัก มันต้องมีเหรี้ยไรมากน้อยไปกว่านั้นเหรอว่ะ???"

"..."

"เก็บไปคิดดีๆนะเกียร์ มึงจะตัดสินใจยังไงก็แล้วเแต่เลย แต่จำไว้ด้วย วันไหนที่ใครสักคนเลือกที่จะปล่อยมึงไป..."

"..."

"มึงจะไม่มีโอกาสอีกเลยนะ"

ไอ้อู๋พูดก่อนจะเปิดหน้าจอขึ้นมา มันไม่ได้กวนใจผมอีกแต่ยอมปล่อยให้ผมนั่งเงียบๆคนเดี่ยว

ไม่หรอก...

ผมไม่มีความกล้าขนาดนั้นหรอก

มันคงไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความผูกพันของเพื่อนที่เป็นทั้งครอบครัว เป็นทั้งพี่ชาย อาจเพราะความดีของไอ้ป้องเลยทำให้ผมรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ

มันต้องเป็นแบบนั้นสิ...

"เวรละ"

ไอ้อู๋สถบสีหน้าซีเรียส

"อะไรว่..."

ผมยังไม่ทันได้ถามเสียงใสๆขนาดใหญ่ก็ดังผ่านออกมาจากลำโพงประจำชั้น

'โย่วๆ สวัสดีพี่น้องเพลินจิต นี้ก็ยังเช้าอยู่ ตื่นกันรึยังครับ'

เสียงไอ้ต้องตาพูดออกมาคล้ายมันร้องเพลงแร๊ปก่อนจะร้อง

'วันนี้มีเรื่องราวดีๆ ผมจึงอยากนำมา ให้คุณๆได้ฟังกัน'

'ฟังแล้วคุณจะต้องตกใจ คุณจะต้องตื่นตัว คุณจะต้องตาผม'

'อย่ารอช้า ลีลา เสียเวลา ฟังเลยกันดีกว่า กับพี่อามัว'

ชื่อสุดท้ายสะกิดผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียง

'ร้องสดครั้งแรกของผม ช่วยฟังกันด้วยนะครับบบ'

น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูขี้เล่นดังขึ้น ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เพราะเสียงนี้เป็นเสียงที่ตัวผมเองได้ยินติดหูมาตั้งแต่ไหนแต่ไหร่
เสียงกีต้าร์โปร่งดังขึ้นเปิดตัว แค่ความอลังการนี้ก็ทำเอาแก๊งนางฟ้าที่รู้จักเจ้าของเสียงนี้ผ่านงานCoverพากันกรี๊ดไม่ลืมหูลืมตาหลายๆคนพากันหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองหรือของเพื่อนเพื่ออัดเสียงปริศนานี้เก็บไว้

ยกเว้นผม...

'มีใครบางคนให้คำนิยาม ว่ารักคือความทุกข์
แตกต่างกับฉันที่มองว่ารักคือความสุข'


หลังท่อนเพลงท่อนแรกดังขึ้น ขาของผมเปลี่ยนจากก้าวยาวๆเป็นวิ่งแทน

ไปไหน?

บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามนุษย์เรามันงี้เง้าสิ้นดี ที่สำคัญคือผมเป็นคนที่ชอบใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล

เพราะงั้นที่ว่า'ไปไหน'ก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่า'ต้องไป'ก็เท่านั้นจริงๆ

บางอย่างในความรู้สึกของผม ประกอบกับสิ่งที่ได้คุยกับเพื่อนสนิทของตัวเองมา บอกผมให้วิ่งไป...

'อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เป็นไร'


เนื้อเพลงท่อนต่อไปถูกร้องออกมาด้วยคีย์เสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังมากพอที่จะทำให้คนฟังเนื้อเต้น ตื่นตัวไปกับมันได้

อยู่ที่ไหน?

สมองโง่ๆของผมประมวลผลความเป็นไปได้ต่างๆนานา ห้องส่งไม่ใช่แน่นอนเพราะไอ้ต้องมันคงไม่โง่ให้ใครไปขัดขวางมัน

ตึกคณะกรรมการนักเรียน?

คิดว่าไม่ใช่ พี่กาเซียร์อาจจะยอมให้เล่นแบบนี้เพื่อสร้างสีสรรค์ แต่คงไม่ยอมให้ใช้ตึก

ด่านฟ้าคือคำตอบสุดท้าย...

ผมวิ่งสุดกำลังไปที่ตึกสามพร้อมๆกับวิ่งขึ้นบันไดตอนนั้นเองที่ท่อนฮุคของเพลงดังขึ้น

'อย่างน้อยฉันเคยได้รักเธอ
รักด้วยการไม่หวังอะไร
ก็รู้ฉันเองก็ยังไม่ใช่
ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น '

น้ำเสียงที่เปล่งออกมา สัมผัสได้ถึงความรู้สึกน้อยใจของคนร้อง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ก็ยังเพราะมากอยู่ดี

ผมวิ่งเลี้ยวไปทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ตรงนั้นมีบันไดหนีไฟเล็กๆที่วิ่งไปถึงด่านฟ้าได้

อีกแค่ชั้นเดี่ยวเท่านั้น!!!

‘อย่างน้อยฉันได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ
ทุกนาทีที่ฉันมีเธอ รักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่
และมีความหมายมากมายจริงๆ

อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เสียใจ’


เสียงเพลงท่อนสุดท้ายดังขึ้นผมเปิดประตูชั้นด่านฟ้าออก

สิ่งแรกที่ปะทะกับร่างกาย คือสายลมแรงๆของดาดฟ้าชั้นเจ็ด ภาพที่เห็นคือโต๊ะนักเรียนเก่าๆตั้งไว้กลางด่านฟ้า บนโต๊ะมีโน๊คบุ๊คสีขาว มีลำโพงสองข้างเสียบต่อกัน ด้านหน้ามีเครื่องวิทยุเล็กๆที่เป็นตัวกระบอกเสียงคอยเป็นตัวเชื่อมโยง

พวกนั้นไม่ได้อยู่บนนี้...

ผมมองไปรอบๆด่านฟ้า เศษก้านธูปสีแดงเลือดหมูตกอยู่เต็มพื้นไปหมด

เสียงเพลงเงียบหายไป ก่อนเสียงเจื้อยแจ้วของไอ้ต้องตาจะดังขึ้นอีกครั้ง

'เจ้าขาเอยเจ้าข้า 16กรกฎคมนี้ขอเชิญพ่อแม่พี่ป้าน้าอา ลูกหลานเหลนลื้อ เพลินจิตวิทยา ร่วมกันมาวันวิชาการที่เพลินจิตวิทยา
พบกับการเล่นสดครั้งแรกเต็มรูปแบบของอามัวพร้อมการประกวดแข่งขันวงดนตรี อย่าพลาดเด็ดขาด
ปลาลิงๆ สำรองที่นั่งร่วมทั้งซื่อบัตรเข้างานได้แล้ววันนี้ ที่ประชาสัมพันธ์หรือเวปเพจP.W.'

เสียงไอ้ต้องตาพูดจบประโยค

หน้าจอของโน๊คบุ๊คสีขาวก็ดับไป พร้อมๆกับที่ลำโพงตัวเล็กๆสองตัวหน้าเกิดการลัดวงจร ไอไหม้ลอยคลุ้งออกมาเป็นควันย่อมๆ สายตาผมมองเห็นกระดาษสีขาวเล็กๆเสียบไว้ตรงใต้โต๊ะ ผมเดินไปหยิบก่อนจะอ่านข้อความ

'มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น... เหมือนดังสายลมที่จับต้องได้เพียงภาพลวงตา...'

ผมมองพาดไปถึงขอบฟ้ายามเช้าที่เพิ่งมีแสงแดดอ่อนๆ รู้สึกขำตัวเองนิดหน่อยๆที่วิ่งมาตั้งไกลเพื่อกระดาษแผ่นเดี่ยว

แต่ผมบอกไปแล้วใช่ไหม?

ผมมันไม่มีเหตุผล...

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวิ่งมาทำไม วิ่งมาเพื่ออะไร เพราะเสียงร้องของใครบางคนที่เพราะมากๆ

หรือเพราะแค่กำลังสับสนกับตัวเองจนอยากระบาย...

ผมกับไอ้ป้อง ดูเหมือนจะเป็นกระจกที่สะท้อนด้านตรงข้ามของกันและกัน

คนหนึ่ง อยู่ได้ด้วยเหตุและผล ทำตามสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีแล้วสำหรับทุกคน

ส่วนผม อยู่ได้ด้วยความรู้สึก ผมแทบไม่เคยใช้ ‘เหตุผล’ในการตัดสินใจด้วยซ้ำ

ผมรู้สึกว่า ผมกับมัน....

แตกต่างกันมากจริงๆ....

ผมเปิดโทรศัพท์มือถือชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดเบอร์ที่เขียนไว้ว่า ‘ไอ้เวร’ เจ้าของเบอร์ปล่อยให้ผมรอประมาณสองสามนาทีก่อนปลายสายจะกดรับเบอร์โทรศัพท์

‘มีไรว่ะ กูประชุมอยู่’

มันตอบกลับมาแบบนั้น น้ำเสียงหอบเล็กน้อย

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดบอกมันไป

“ป้อง เสาร์-อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกัน”

‘ไปไหน ?’

มันถามกลับมา ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะบอกไป

“โลก”

‘กูไม่เข้าใจที่มึงพูด’

รอบนี้ผมหัวเราะออกมากว้างๆ นึกออกเลยว่าตอนนี้ไอ้ป้องมันคงกำลังทำหน้างงๆ มึนๆอยู่แหง่ๆ

“โลกของกู  ....“

ความแตกต่างหมายถึง การที่คุณกับใครสักคนหนึ่งไม่เหมือนกัน

แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า ความต่างนั้นจะทำให้พวกคุณเข้ากันไม่ได้นิครับ....

ไอ้ป้องเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา

ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ แต่ผมว่าน้ำเสียงมันดูตื่นๆนิดๆ

‘ก็ยังไม่เข้าใจที่มึงพูดหรอกนะ แต่ไปก็ไป’

ผมกดวางสาย เดินลงจากดาดฟ้า ก่อนไอพอดในมือจะเปิดหน้าเวปงานบางอย่าง

‘GO SKATEBOARDING  DAY 2014’


The supreme happpiness of life is the conviction that we are loved. #ปกป้อง



TBC.

สาระเล็กน้อย

จริงๆแล้ววันจัดงานคือเดือนมิถุนายน วันที่21นะครับ ซึ่งเป็นวันSKATEBOARโลกที่ผ่านมานะครับ แต่ต่างเอามาเขียนใหม่เป็นเดือนกรกฏแทน ฮ่าๆ

ให้เวลาเกียร์หน่อยนะครับ ^^


ปล. ตอนไหนถ้าลงไวทันเดี่ยวจะมีตอนพิเศษแถมมาจ้า ชื่อตอน  'เรื่องที่ไอ้เกียร์ไม่เคยรู้' เล่าโดย อู๋ บอกเลยว่าสั้นมาก สั้นมากถึงมากที่สุด ฮ่าๆ   :hao7:


แต่ไอ้สั้นๆนะกุมความลับเกือบหมดเรื่องเชี่ยวนะเออ   :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 06:43:58 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อู๋พูดดีมากเอาไปยี่สิบ :katai2-1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
 :m4: :m4: ปรบมือให้อู๋เลย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เรื่องเริ่มกระจ่างทีล่ะน้อยๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ผู้ช่วยชั้นยอด

logic.pt

  • บุคคลทั่วไป
จะเอาปกป้องเป็นเมะๆๆๆๆๆๆ :ling1:

เกียร์ต้องเคะเอาไว้นะลูก55555

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ป้องเปิดตัว  กรี๊ดดดดด *ยกป้าย*  ****ปกป้อง FC****  :impress2:

ออฟไลน์ stickieeZz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปรบมือให้กับอู๋ :katai2-1: :katai2-1:

ชอบๆๆๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
มีจุดนึง...

ผมเปิดไอพอด ชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดเบอร์ที่เขียนไว้ว่า ‘ไอ้เวร’ เจ้าของเบอร์ปล่อยให้ผมรอประมาณสองสามนาทีก่อนปลายสายจะกดรับเบอร์โทรศัพท์

ไอพอดโทรศัพท์ไม่ได้นะคะ ไอโฟนรึเปล่าค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อร๊ายยยยยย  :hao7: ระวังเจอป้องในเวอร์ชันนักร้องสุดเท่ แกจะหลงเสน่ห์เต็มเปา

ปอลิง : ด่านฟ้า=>ดาดฟ้า
ไอพอด โทรไม่ได้นี่ ไอโฟนรึเปล่า
แต่ตอนแรกๆเกียร์ใช้ไอพอดถ่ายรูป แต่ก็มีมือถือด้วยนี่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด