___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]  (อ่าน 90416 ครั้ง)

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เขาง้อกันน่ารักเนอะ
 :-[ :-[
รอฟังเรื่องของป้อง

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อร๊ายยยยยยยยย ก๊อตซิป้องรุกเกียร์มันเลยจ้า  :hao7:
อร๊ายยยยยยยยย สู้เขาลูก!!! เราต้องเป็นเมะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รอฟัังความจริงตอนหน้าว่าป้องเป็นอะไร

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ว้ายๆๆๆ ป้องเขิน มีแทนชื่อตัวเองด้วย น่ารักจริง

ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อุ๊ย ป้องจะคุยอะไรหรอ เขินนะ  :-[

ปล. คนแต่งจะคอสจูออนหรอ ระวังมันไม่น่ากลัวนะ   :hao7:     (คนแต่งน่ารักเกินไป ฮิ้วววว)

จัดสวยอะ เห็นแล้วอยากเข้า  o13

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#20 แม่ ความกังวล และ ความรัก


คำพูดของไอ้ป้องสร้างความกดดันให้ผมเล็กๆ แต่หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

ช่วงบ่าย บรรยากาศของงานวันทานาบาตะยังคงคึกคักอยู่ เนื่องจากหน้าซุ้มงานยังคงมีกิจกรรมให้เล่นสนุกกันและรุ่นน้องหลายๆมาขอถ่ายรูปกับพี่ๆที่แต่งคอสเพลย์ แน่นอนว่าไอ้ป้องเองก็เป็นคนหนึ่งที่โดนดึงไปถ่ายรูปกับน้องๆ อาจจะเพราะไม่เคยเห็นเลขานร.เวอร์ชั่นนี้ล่ะมั่งครับ

ผมเองก็โดนคนนู้นดึงไปถ่ายคนนี้ดึงไปถ่ายเหมือนกัน จนกระทั้งรู้ตัวอีกที่ก็โดนดึงเข้าไปใกล้ๆไอ้ป้องแล้ว

ใบหน้าของมันดูอ่อนล้ากว่าตอนก่อนจะกินข้าวอีก ก็อย่างว่าแหละครับ ชุดก็อตซิล่ามันเด่นเกินไป อีกทั้งร้อนมากๆด้วยเพราข้างในชุดแทบจะไม่ค่อยระบายอากาศ พอเห็นผมมองมามันก็ชูสองนิ้วให้ผมเป็นอันบอกว่ามันยังไหว

“พี่เกียร์ขยับเข้าไปหาพี่ปกป้องหน่อยได้ไหมครับ ? อยากได้รูปนี้อ๊ะ เหมือนๆเจ้าชายมีสัตว์เลี้...เอ๊ย คู่หูนะครับ”
ถึงจะยังที่มันพูดไม่จบดี แต่ผมว่าไอ้น้องคนนี้มันคงดูการ์ตูนบ่อยเกินไปถึงขนาดมองเห็นไอ้ป้องเป็นสัตว์เลี้ยงของผม แต่ทำไงได้ล่ะครับ เพราะตกลงกันก่อนแล้วว่าถ้ามีน้องๆมาขอถ่ายรูปต้องยอมให้ถ่าย เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้า

ไอ้ป้องยกยิ้มมุมปากนิดๆ(นิดเดี่ยวจริงๆนะรอบนี้)ก่อนจะเดินเหมือนเพนกวินมาอยู่ด้านหลังผม

“โอเคครับ แล้วที่นี้พี่เกียร์เอามือไปช้อนคางพี่ปกป้องหน่อยครับ”

น้องคนที่ถือคอนนอลในมือพูดต่อ

ที่ถ้าไม่เห็นว่าอีกฝ่ายซื้อการ์ดขอพรไปร้อยใบผมคงโวยลั่นล่ะครับ....(สั่งให้กูทำท่าอะไรของมรึงงงงง  -  -*)

ผมยอมทำท่าที่น้องมันบอกแต่โดยดี ก่อนจะปลายนิ้วไปที่คางของไอ้ป้อง

ใบหน้าของไอ้ป้องดูอ่อนล้ามากเต็มที่ ผมสัมผัสได้ว่าหน้ามันซีดกว่าเดิมมาก จากหน้าสีน้ำผึ่งกลับกลายเป็นน้ำซาวเข้าเพราความเหนื่อยอ่อน

“ครับ...สวยดี”

ตากล้องเด็กบอกก่อนจะรัวชัตเตอร์ ใส่ผมกับไอ้ป้อง

“แล้วที่นี้ต่อไปก็...”

“พี่ว่าพอก่อนเถอะนะครับ พี่ป้องไม่ไหวแล้ว”

ถ้าจะถ่ายผมต่อผมไม่ว่าอะไร แต่ไอ้ป้องคงไม่ไหวแล้วจริงๆ

เจ้าของชื่อพอได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ตื่นขึ้นมา แต่ผมไม่สนใจหรอก

ผมเตรียมจะดึงแขนไอ้ป้องเดินหนี

“ขอตัวก่อนนะครับ ขอพี่ป้องกับพี่ไปพักผ่อน”

“แต่ผมซื้อการ์ดวันทานาบาตะมาแล้วนะครับ ไหนบอกว่าจะให้ถ่ายรูปไง ?”

ไอ้เด็กนั้นเถียงกลับ พลางชูการ์ดวันทานาบาตะให้ผมเห็น

“น้องครับ พี่ว่าในเมมของน้องมันมีภาพพี่กับพี่ป้องไปเยอะแล้วล่ะ น้องเห็นหน้าพี่ป้องไม่ครับเขาจะไม่ไหวแล้วนะ”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามพูดด้วยเหตุผลให้อีกฝ่ายเข้าใจ ด้วยความที่ว่าอีกฝ่ายยังเด็กกว่าและเป็นลูกค้า

....ร่วมทั้งมือเล็กๆที่กระตุกชายยูกาตะอยู่ด้านหลังผม

“ไม่ไหวก็ต้องไหวสิพี่ นี้ผมเป็นลูกค้านะ”

ความอดทนที่มีอยู่ในใจมลายหายไปในพริบตาเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น ผมเกือบจะปล่อยหมัดลุ้นๆไปกระแทกใบหน้าไอ้เด็กนี้แล้ว ถ้าใครอีกคนไม่ล็อกแขนผมไว้ก่อน

“ถ้าไม่พอใจก็คืนการ์ดแล้วเอาเงินของน้องคืนไปครับ”

ใครสักคนพูดขึ้นก่อนจะควักแบงค์ร้อยคืนให้อีกฝ่าย ก่อนไอ้เด็กนั้นจะเบะปากแล้วปาการ์ดลงพื้นเดินหนีออกไปจากภายในงาน
ผมหันไปมองหน้าคนที่เดินเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์แต่ทว่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ร่วมทั้งเสื้อนักเรียนที่อีกฝ่ายใสแสดงให้เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในโรงเรียงเดี่ยวกันกับผม

แต่เครื่อข่ายเดี่ยวกัน...

“มู่หลาน”

เสียงไอ้ป้องดังขึ้นจากด้านหลังของผม ที่แท้ก็มันนี้เองที่ล็อกแขนผมไว้

“ไงปลื้ม”

เจ้าของชื่อหันมายิ้มมีรับคำทัก ก่อนจะโบกมือให้ไอ้ป้องอย่างร่าเริง

“เห้ย ไปไงมาไงเนี้ย แล้วพี่ยา ?”

ไอ้ป้องก้าวเดินออกไปหาก่อนจะรัวคำถามใส่

“ก่อนจะถามถึงไอ้บ้านั้น ช่วยแนะนำตัวกูกับเพื่อนมึงหน่อยเถอะปลื้ม”

มู่หลานว่าก่อนจะยิ้มน้อยๆ สงสัยคงเห็นสีหน้าคำถามของผม

“แหะๆ กูขอโทษ เออ นี้เกียร์เพื่อนกูเอง แล้วก็เกียร์ นี้มู่หลาน เลขานร.เหมือนกันกับกูแต่อยู่ที่เพลินจิตเขตรังสิต”

ไอ้ป้องแนะนำตัวก่อนอีกฝ่ายจะยิ้มให้ผม

ที่แท้ก็โรงเรียนเดี่ยวกันแต่คนละสาขา

มู่หลานขมวดคิ้วนิดๆเหมือนเอ๊ะใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะทำตาโตๆแล้วร้อง’อ้อ’ออกมา

“เดี่ยวนะปลื้ม... นี้คือเกียร์...คนที่พี่เซียร์บอกว่ามึงชอ...”

“แล้วพี่ยาไม่มาเหรอ ?”

ไอ้ป้องขัดก่อนอีกฝ่ายก่อนจะพูดจบประโยค ผมเห็นมู่หลานร้องเชอะออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ

“ช่างหัวไอ้บ้านั้นเหอะ”

“แหม ยังไงๆฝ่ายนั้นก็ประธานนร.นะเว้ย”

ไอ้ป้องพูดขึ้น ผมเห็นมู่หลานขึ้นตาใส่ก่อนจะพูดต่อ

“เชอะ คนแบบนั้นนะเหรอ เหอะ... ขี้เก๊ก อวดดี บ้า แล้วก็กวนโอ๊ยที่สุด”

“เหรอครับ แล้วมีนิสัยอย่างอื่นอีกไหม ?”

มู่หลานทำแก้มป้องๆก่อนจะพูดต่อ

คือ...จริงๆผมกับไอ้ป้องอยากจะสะกิดแล้วล่ะครับ ว่าคนที่พูดประโยคคำถามด้านบน...ไม่ใช่ผมกับไอ้ป้อง

“มีสิ เพล์บอยที่สุด ชอบฟันสาวๆคอนแวนต์ ทำอะไรนะไม่เคยเห็นหัวคนอื่น คิดแต่เรื่องของตัวเองก่อนตลอดเวลา ทำตัวเป็นเด็ก
ไม่รู้จักโต ไม่มีความรับผิดชอบ”

“แย่ขนาดนั้นเลย  ?”

“ใช่ แย่มากๆ ถ้าอยู่ต่อหน้านะ จะ...เห๊ย!!!!”

เจ้าของชื่อ‘ยา’ปรากฏตัวออกมาจากด้านหลัง ผมเห็นไอ้ป้องรีบชิ่งมายืนข้างๆผม ในขณะที่มู่หลานมีสีหน้าตกใจเหมือนเห็นผี

“ว่าไงครับ จะทำอะไรเหรอ ถ้านาย ‘โอสถ’อยู่ต่อหน้านะ....หื้ม ?”

ผู้ชายตัวสูงๆผิวขาวจั๊วที่บ่งบองถึงสายเลือดให้ตัวพูดขึ้นกับมู่หลาน ผมเห็นอีกฝ่ายมีเข็ดกลัดติดตรงปกคอเหมือนพี่กาเซียร์ประธานนักเรียนของผม

“ก็จะ...จะ....”

“จะอะไรครับ ?”

“จะอะไรเหล่า ก็ไหนบอกจะไปหาพี่เซียร์ไง ก็ไปสิ”

มู่หลานแวดใส่รีบหันหน้าจะเดินหนีคนตัวสูงกว่า แต่อีกฝ่ายรีบดักไว้

“ผมคุยกับกาเซียร์เสร็จแล้วเลยมาเดินเล่นแถวนี้ แล้วก็มาได้ยินเด็กที่ไหนก็ไม่ทราบแอบนินทาผมลับหลัง”

“อะไร ใครนินทาคุณ ? ถ้าคิดว่าตัวเองดีจริงๆก็อย่าร้อนตัวสิ”

“ผมไม่เคยร้อนตัวหรอก แต่ชอบทำให้คนอื่นร้อนไปทุกส่วนมากกว่า....”

ใบหน้าแบบอาตี๋แท้พูดขึ้น ตาหยี้ๆของพี่มันแทบจะกลายเป็นรูปสระอิตอนพูดประโยคนั้น ผมเห็นคนถูกจาบจ้วงด้วยคำพูด
พยายามเดินหนีแต่ก็โดนล็อกแขนไว้

“สวัสดีครับน้องปลื้ม”

“สวัสดีครับพี่โอสถ”

ไอ้ป้องยกมือไหว้ ส่งผลให้ผมยกมือไหว้ตาม

“งานทานาบาตะปีนี้ก็ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีเลยนะ”

อีกฝ่ายว่า ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆงาน

“ไม่หรอกครับ แต่แค่ดีหน่อยตรงได้คนคุมงานดี”

ไอ้ป้องว่า ก่อนจะปรายตามองไปทางไอ้ปั๊กที่วันนี้ตลอดทั้งวันยังแทบไม่ได้นั่งพักเหนื่อยด้วยซ้ำ

“ดีจังเลยนะ เพลินจิตวิทยาสาขานี้มีคนที่ช่วยงานได้เยอะเลย ไม่เหมือนสาขาพี่ ได้แต่เด็กๆเข้าสภา”

“พี่ว่าใครเป็นเด็ก ?”

“ก็ถ้าไม่เด็กคงโดนชิมไปวันละหลายๆรอบแล้วล่ะ”   

คนถูกว่าตอบกลับพร้อมเลียริมฝีปาก

“ไอ้ทะลึ่ง!!!”

มู่หลานว่าก่อนจะสะบัดมือแล้วเดินหนี ไม่ทราบทำไมเหมือนกัน ผมเหมือนๆเห็นภาพน้องเพลงอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแทรกขึ้นมาดื้อๆ แต่เวอร์ชั่นนี้ดูซึนกว่ามากๆก็เท่านั้น - -“

“ฮ่าๆ พี่ขอตัวไปดูแลหลานก่อนนะ เดี่ยวเจอกันช่วงงานละครนะปลื้ม”

“บายบ๊ายครับพี่”

พี่โอสถยกมือบายๆผมกับไอ้ป้อง แกยิ้มจนตายี้พลางส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะวิ่งตามมู่หลานไป

“ประธานนักเรียนของเพลินจิตวิทยาทุกสาขานี้ต้องกินเด็กเหรอว่ะ ไอ้ป้อง ?”

ผมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ไอ้ป้องยักไหล่ไม่ตอบ นั้นเป็นคำถามที่แม้แต่เด็กอัจฉริยะแบบไอ้ป้องก็ตอบไม่ได้....




                                                       
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


“เอาโค๊กเพิ่มไหม ?”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับคำถามของไอ้ป้อง ก่อนเอนตัวลงนอนกับเสื่อ ไอ้ป้องทรุดตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนด้านข้างก่อนจะถามผม

“แล้วนึกไงชวนกูมาดูดาว”

“ก็มาดูดาวแล้วมาฟังความจริงจากปากมึงไง”

ตอนนี้ผมกับมันนอนกันอยู่บนชั้นสามของบ้านครับ เพราะบ้านผมเป็นทรงคล้ายๆบ้านทรงไทย เลยทำให้ระเบียงด้านบนของบ้านกว้างมากกกกกก จนพอให้เราสองคนมานอนดูดาวได้

ผมเห็นมันขยี้ปากจมูกหน่อยๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม

“เรื่องไหนก่อน ?”

“ทุกเรื่อง ที่คน’สำคัญ’ควรต้องรู้ไว้....”

ผมพูดเจาะจง ไอ้ป้องเบ้ปากนิดๆแต่ก็ยอมเล่นให้ผมฟังจนได้

“เรื่องแรก...อื้ม...กูชื่อปลื้ม....”

“แล้วทำไมแม่ลีลาวดีเรียกว่าป้อง ?”

ผมถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแม่ลีลาวดีก็เรียกไอ้ป้องว่าป้องไม่ใช่‘ปลื้ม’

ไอ้ป้องทำสีหน้าอึดอัดลำบากใจ แต่ก็ยอมเล่าโดยดี

"จริงๆแล้วกูกับแม่ลีลาวดี ไม่ใช่แม่ลูกกันแท้ๆ"

มันทรุดตัวลงไปนอน ก่อนจะยกแขนปิดตาไว้

“ถ้ามึงสังเกตดีๆ มึงจะเห็นว่านามสกุลของกูกับของแม่เป็นคนละนามสกุลกัน กูเป็นลูกของแม่นิ เพื่อนสนิทของแม่ลีลาวดี แต่แม่แท้ๆของกูเสียตั้งแต่กูยังเล็กๆ แม่ลีลาวดีเองไม่มีลูกเลยรับกูมาเลี้ยง”

ผมนิ่งเงียบไม่ได้ขัดอะไรตั้งใจฟังมันเล่าต่อ

“แม่ลีลาวดี ดีกับกูมากจริงๆ แม่ไม่เคยไม่รักกูเลย นั้นกูก็รู้ ....แต่ถึงยังไงๆก็ก็เกรงใจมากๆที่แม่ลีลาวดีต้องมาพะวงเรื่องของกู”

“เรื่องโรคประจำตัวมึงอ่ะนะ ?”

มันยกแขนออกจากตา ก่อนจะมองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“มึงรู้... ?”

“เออ รู้ แต่เรื่องนั้นไว้ค่อยถามที่หลัง ตอบกูมาก่อนว่า ที่ผ่านมาตลอดเวลาที่มึงไม่ยอมรับเสื้อผ้าใหม่ๆจากแม่ลีลาวดี เป็นเพราะมึงเกรงใจแม่มากๆ เพราะงี้ใช่ไหม ?”

“อะ..อื้ม จริงๆแม่ควรจะอยู่สุขสบาย ไม่ควรจะมาลำบากเพราะเด็กขี้โรคแบบกู”

ไอ้ป้องทำท่าอึกอัดไม่สบายใจ

‘แล้วปลื้มคิดว่าแม่สบายใจจริงๆเหรอที่หนูทำแบบนี้’

เสียงแม่ลีลาวดีดังออกมาจากไอโฟนที่ผมเปิดลำโพงเอาไว้ ไอ้ป้องกระเด้งตัวขึ้นก่อนจะอุทานเสียงหลง

“แม่ !!!!...ไอ้เกียร์นี้มึง...”

มึนถลึงตาใส่ผม

‘หยุดเลยนะ อย่าวีนเกียร์ ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้แล้วแม่จะรู้ไหมว่าหนูเป็นอะไร’

“แม่......”

ไอ้ป้องครางเสียงอ่อน  ผมยังคงเงียบเพราะไม่อยากเข้าไปแทรกระหว่างที่แม่กับลูกเข้าคุยกัน

‘แม่รู้ ‘ทุกเรื่อง’ที่เกิดขึ้นจากปากเกียร์แล้ว’

ไอ้ป้องเงียบกริบ รับฟังสิ่งที่แม่พูดต่อ

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ทุกเรื่อง’ที่แม่ลีลาวดีบอกรึเปล่า...

‘รู้ไหมปลื้ม ทำไมแม่ถึงเรียกหนูว่าป้อง’

“ไม่รู้ครับ...”

‘เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่คิดเสมอไง ว่าหนูคือลูกของแม่ แล้วแม่เองก็ไม่อยากให้หนูต้องคอยย้อนไปถึงอดีตที่เจ็บของตัวเองบ่อยๆการชื่อเล่น ที่ผ่านมานี้แม่รักหนูตลอดและไม่เคยมีสักครั้งเลยที่แม่จะเลิกคิดที่จะรักเรา’

“........”

‘มันก็จริงที่เราอาจจะไม่ใช่แม่ลูกกันตามตรงจากสายเลือด แต่แม่อยากจะบอกให้หนูรู้เอาไว้’

“.........”

‘ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่รักลูกมากๆ ป้องเป็นเด็กที่จริงจังกับชีวิต ฉลาด และใช้ชีวิตเป็น ลูกไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง ไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้แม่รู้สึกแย่กับเรา กลับกัน แม่กลับรู้สึกดีที่ได้มีลูกอย่างป้อง’

แม่ลีลาวดีเว้นวรรคไปก่อนจะพูดต่อ

‘ถ้าจะมีเรื่องเดี่ยวที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ ก็เรื่องความกังวลของป้องเนี้ยแหละ’

“...........”

‘แม่รู้ แม่เข้าใจ ว่าป้องคิดเสมอว่าตัวเองรบกวนแม่ แต่แม่อยากจะบอกให้รู้ ไม่มีแม่ที่ไหนหรอกที่อยากจะเห็นลูกตัวเองคิดมาก’

“แม่....”

’แม่รักลูกเสมอนะป้อง และแม่จะรักลูกตลอดไปด้วย’

ไอ้ป้องน้ำตาซึม นั่งมองไอโฟนในมือผม

“ป้องก็รักแม่ครับ รักมากๆด้วย”

ไอ้ป้อนสะอื้น ผมเลื่อนมือตัวเองไปบีบมือมันไว้เบาๆ

‘จ้าคนดี งั้นต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องเกรงใจแม่แล้วเนาะ เพราะเราเป็นแม่ลูกกันนิ’

“ครับแม่....”

ไอ้ป้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนจะรับปากหนักแน่น

ผมได้ยินเสียงลมหายใจเหมือนๆกับแม่ลีลาวดีเองคงโล่งอกที่ได้ยินเสียงมันรับปากแบบนั้น

ย้อนกลับไปวันอาทิตย์...

หลังจากผมพาไอ้ป้องไปฝึกบอร์ดที่สวนสาธารณะเสร็จก็กลับมาถึงบ้าน มันขอตัวไปอาบน้ำก่อนจะปล่อยผมไว้คนเดี่ยว เป็นจังหวะเดี่ยวกับที่ท้องของผมประท้วงหน่อยๆว่าหิวแล้วนะ หาข้าวกินได้แล้ว เพราะคิดได้แบบนั้นผมเลยเดินลงไปที่ห้องครัวด้านล่างก่อนจะพบว่า แม่ลีลาวดีทำนามบัตรใบหนึ่งตกไว้ที่หน้าตู้เย็น ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะอ่านแล้วประหลาดใจ....

‘นาง ลีลาวดี โกสนสุข’

ผมจำได้ว่าไอ้ป้องนามสกุล ‘เกียร์ติยานันท์’ ไม่ใช่ ‘โกสนสุข’

ความสงสัยหลายๆอย่างประกอบร่วมกันในหัว สมองของผมพยายามมองหาความเป็นไปได้ต่างๆนานา สุดท้ายแล้วก็ไม่แคล้ว
โทร.ไปถามกับแม่ลีลาวดีโดยตรง

และคำตอบที่ได้ ก็ทำให้ผมรู้สึกโกรธไอ้ป้อง

โกรธ...ที่มันรักผมจนไม่กล้าบอก

ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนี้....

‘อ้อป้อง...’

“ครับ ?”

เสียงแม่ลีลาวดีเงียบไปแปปหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

‘อันนี้แม่รู้นะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา แต่แม่อยากจะบอกป้องเอาไว้....’

“...................”

‘โกหกใครก็โกหกได้ แต่เราโกหกใจตัวเองไม่ได้นะป้อง อีกอย่าง แม่บอกแล้วไง เกียร์เล่าให้แม่ฟัง ‘ทุกเรื่อง’แล้ว’

ไอ้ป้องหันขวับมาหาผม ผมแกล้งผิวปากเสหน้าไปทางอื่น

“แต่.......”

‘ป้องเป็นคนที่ใช้แต่เหตุผล แม่ว่าเรื่องนี้ ลองใช้’หัวใจ’บ้าง ที่แม่อยากจะพูดก็คือ ไม่ว่าป้องจะเป็นเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว แม่ก็รับได้นะ อิอิ’

“แม่!!!”

ไอ้ป้องแว้ดใส่ไอโฟนผมเสียงสูง ก่อนจะตวัดค้อนประหล่ำประเหลือใส่ผม สวนทางกับเสียงหน้าลีลาวดีที่ยังคงหัวเราะร่วน

‘โอเคๆ แม่ไม่แกล้งเราแล้ว แต่ยังไงก็แล้วแต่...ไม่ลูกจะเป็นอะไรหรือเป็นแบบนั้น ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ...แม่รักป้องนะครับ’

“ครับแม่ ป้องก็รักแม่ครับ”

‘จ้าๆ งั้นก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าห่มนะ อุ๊ย ลืมไปเลย เดี่ยวนี้ลูกชายเรามีคนดูแลแล้วนิ จริงไหมครับเกียร์ อิอิ งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ รักลูกทั้งสองคนมากๆจ้า’

แม่ลีลาวดีพูด ก่อนจะวางสายไป

“ไอ้เกียร์บ้า”

ไอ้ป้องตะโกนใส่หน้าผม ก่อนจะทุบเข้ามาที่ต้นแขนผมแรงๆที่หนึ่ง เจ็บนะเว้ย!!

“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้มึงจะยอมเหรอว่ะ”

“ก็ไม่เห็นต้องบอกทุกเรื่องก็ได้”

“ก็กูจริงจังจริงใจนิหว่า เพื่อวันหน้าจะได้สู่ขอได้เลย”

หน้าไอ้ป้องแดงแปร๊ดขึ้นมาเหมือนมีใครเอาสีมาทาไว้

ตอนแรกที่รู้ว่ามันไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ลีลาวดีผมก็ตกใจเหมือนกันครับ แต่คิดอีกทางนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะแบบนี้เท่ากับว่าไอ้ป้องไม่ใช่พี่ท้องทางความสัมพันธ์กับผมแน่ๆ

“เกียร์...”

ไอ้ป้องครางเสียงอ่อนใจอีกรอบ ใบหน้าก็ฉายความกังวลชัดเจน

“อย่า หยุดเลยป้อง มึงยังไม่ได้เล่าอีกสองเรื่องที่กูต้องรู้”

ไอ้ป้องกรอกตาไปมาแบบคนถูกจับฟอร์มได้ คิดจะเล่นงี้แล้วชิ่งอ่ะดิ โด่ววว

“งั้นเรื่องไหนก่อน ?”

“เรื่องโรคประจำตัวของมึงก่อน”

รอบนี้ผมเริ่มซีเรียสขึ้นมาบ้าง เพราะถ้าขึ้นต้นว่าเป็นโรคประจำตัวแล้ว อะไรๆมันก็ไม่น่าพิสมัยสำหรับผมนักหรอก

“กูเป็น...ภาวะเสี่ยงโรคหัวใจนะ”

“ยังไง ?”

ผมเริ่มใจไม่ดีเพราะไอ้ชื่อโรงนี้มันร้ายแรงพอสมควร แม้จะบอกแค่ว่ามันแค่’เสี่ยง’ก็เถอะ

“คือ...กูก็อธิบายไม่ถูก แบบ.... ยังไงดี ถ้าเป็นภาษาบ้านๆก็คือกูเสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจตีบตันหรืออะไรแบบนั้น”

“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ?”

“หัวใจกูโตตั้งแต่เกิดนะ มันเลยเป็นภาวะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แล้วตอนเด็กๆกูเครียดบ่อย มันก็เองเสี่ยงอยากที่เห็น สุดท้ายกูเลยพยายามกินยาตามที่หมอสั่งแล้วก็ดูแลสุขภาพเท่าที่ทำได้”

“มันหายได้ใช่ไหม ?”

ผมบอก ก่อนจะบีบมือมันเบาๆเพื่อนยืนยันกับมัน

ไม่ว่าจะเกิดอะไร ผมจะอยู่ข้างๆมัน...

“หมอบอกว่าหายขาดได้ ถ้ากูเข้ารับการผ่าตัดแต่...”

“แต่อะไร”

มีที่ผมกุมไว้สั่นเล็กๆน้อย ผมเพิ่มแรงบีบเข้าไปนิดหน่อยจนกระทั้งมันค่อยๆหายสั่น

“มันมีความเสี่ยง50/50 ว่าง่ายๆ กูอาจจะตายได้ถ้าการผ่าตัดล้มเหลว....”

ผมบอกแล้วใช่ไหม ผมมันโง่...

คนแบบผม คิดคำพูดดีๆไม่เป็นหรอก   

ผมดึงไอ้ป้องมากอดไว้เต็มตัว คิดอยู่อย่างเดี่ยวอยากให้อีกฝ่ายได้ไออุ่นจากผมให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้มันคิดมาก คิดไปไกลเกินกว่าที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

“เกียร์”

“หื้ม ?”   

มันเงยหน้าออกจากอกผม ก่อนจะทำสีหน้าประมาณพูดดีหรือไม่พูดดีออกมา

“คือ...กูก็ซึ่ง แต่กูอึดอัด มึงมันอ้วน...”

มันจะไม่ซึ่งก็ไอ้ตรงมึงว่ากูอ้วนเนี้ยแหละ -  -*

ผมขึ้งตาใส่มันก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดอยู่ดี แต่ที่ไม่ยอมแน่ๆก็มือข้างหนึ่งเนี้ยแหละ ยังไงๆก็ต้องยอมให้ผมกุม

“เอาจริงๆนะป้อง นี้มันเรื่องใหญ่ แต่มึงไม่ยอมบอกกูเลย”

ผมนอนหันหน้าไปพูดกับมัน

“ก็กูกลัวว่ามึงจะคิดมากไง แค่นี้หน้าก็ย่นพอแรงอยู่แล้ว”

ไอ้ป้องพูดด้วยแววตาใสซื่อ

ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนที่ผมรัก ผมคงจะชกมันไปแล้วล่ะ เดี่ยวก็ว่ากูอ้วน เดี่ยวก็ว่ากูเหี่ยว ชักยั้วแล้วนะเว้ย...

“งั้นเรื่องนี้ผ่าน เป็นอันว่ากูเข้าใจ และจะดูแลมึงดีๆ...มึงต้องหาย เชื่อกู...”

“อื้ม...กูจะหาย เชื่อกูดิ่”

มือที่กุมกันไว้ ต่างบีบเบาๆให้กันและกัน ผมเห็นไอ้ป้องยิ้มออกมาได้ในที่สุด เป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าจะได้เห็นกี่ครั้งผมก็มีความสุขตาม






มีต่อนะครับ แตกต่าง.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2014 06:51:26 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline


“งั้นเรื่องสุดท้าย....”

“อะไรว่ะ...”

ผมสบตามันตรงๆ เลือนตัวเข้าไปใกล้ๆจนหน้าเราไม่ไกลกันแม้แต่น้อย

“มึงคิดยังไงกับกูว่ะ....”

“กูก็คิดว่ามึงเป็นเพื่...”

“อย่าโกหกกูนะ...ขอร้อง”

ผมวิงวอนอีกฝ่ายผ่านทางสายตา

ก็ขนาดลงทุนโทร.ไปบอกแม่เรื่องนี้ คิดไหมครับว่าผมต้องใช้ความกล้าซะขนาดไหน

ถ้าครั้งนี้มันยังปากแข็งอยู่ ผมเองก็อาจจะยอมแพ้ตัวเองแล้วก็ได้...

ไอ้ป้องยกมือข้างหนึ่งมาลูบตา ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

“กู...รู้สึกดีกับมึงมั่ง...”

“แล้วรู้สึกดีที่ว่านะ...’รัก’รึเปล่า ?”

ผมอาจจะปล่อยเลยไปมากมายในหลายๆเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วพอถึงเวลา ผมเองก็คงต้องการสถานะที่มันชัดเจนในความรู้สึกสักที่ จริงอยู่ว่าความคลุมเครือมันคลาสสิก แต่พอถึงเวลาจริงๆความชัดเจนที่ปรากฏออกมาก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี

“ถ้ากูพูดออกไป มึงจะคิดยังไงว่ะเกียร์ ....”

“ก็ถ้าไม่พูด กูจะรู้ไหมว่ามึงคิดอะไร...”




“กูรักมึง”




คำพูดสั้นๆแผ่วเบา แต่ก็ทำให้คนฟังแบบผมหัวใจพองโตจนแอบๆกลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจแบบมันไหมมีความสุข
สุขที่ได้รับ’รัก’กลับคืนมา....

“มึงโกรธกูรึเปล่าว่ะเกียร์ ที่กู...เออ..คิดกับมึงแบบนี้”

สีหน้าไอ้ป้องฉายแววกังวลชัดเจน อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาทั้งหมด...

“ที่มึงไม่กล้าบอกกู เพราะว่ากลัวกูโกรธ....”

“นั้นก็ใช่”

“แล้วทำไมกูถึงต้องโกรธด้วย...ในเมื่อก็คิดไม่ต่างกันทั้งคู่”

“มึงหมายความว่า.....”

ขอยืนยันอีกครั้ง ว่าผมมันโง่ จะให้ผมพูดซ้ำๆซากๆมันก็ไม่ใช่แนว

ใบหน้าของผมแนบชิดสนิทกับมัน ริมฝีปากชนกัน ผมคงไออุ่นจากริมฝีปากไว้เนินนาน และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สอดลิ้นเข้าไป เพราะไม่งั้น ‘ครั้งแรก’ ของผมกับมัน อาจจะเป็นสถานทีที่ไม่ดีเอาซะเลย....

“แบบนี้พอจะยืนยันคำตอบได้ชัดเจนไหม ?”

ผมถอนจูบออกมา นานแล้วนะครับเนี้ยที่แค่จูบเฉยๆแต่ไม่ได้สอดลิ้นเข้าไป

ใบหน้าสีน้ำผึ่งของไอ้ป้องยากยิ่งที่จะให้ผมจำแนกออกมาว่ามันคิดอะไร ชอบ ไม่ชอบ เขิน อาย ดีใจ หรือโกรธ เอาเป็นว่ามันคงชอบแล้วกันมั่งครับ(เมื่อเช้านี้ผมแปรงฟันแล้วนะเว้ย คงไม่มีกลิ่นปากหรอก -  -)

“กูดีใจที่ได้ตอบแบบนี้ แต่กูก็กลัว....”

“กลัวอะไรว่ะ ?....”

คนถูกถามละสายตาไปจากผม ก่อนจะอธิบายให้ฟัง

“สังคม หน้าที่การงาน หลายๆอย่าง ร่วมทั้งอนาคตของมึง”

“แต่กูว่านั้นไม่ใช่ปัญหา”

“มัน นั้นมันเป็นปัญหาข้อแรกสุดเลยเกียร์ แถมเป็นปัญหาที่กูแอบกังวลมาตั้งนานแล้วด้วย...”

ผมทำหน้ามุ้ยไม่เข้าใจที่มันพูด

“มึงกับกู...ต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เอาจริงๆนะเกียร์ ที่กูไม่เคยบอกอะไรมึงไปเลยก็เพราะแบบนี้ มึงเป็นคนที่หล่อและดูดีมากๆนะในสายตากู ร่วมทั้งมึงเป็นผู้ชายเต็มตัวด้วย กูไม่คิดว่าคนแบบมึงจะลดตัวลงมาชอบกู”

“ทำไมมึงคิดว่ากูต้องลดตัวลงไปด้วยว่ะ....”

“ก็กูเป็นแค่ดิน”

มันตอบกลับ


“แต่สำหรับกู มึงเป็นมากกว่าเดือนหรือดาว กูรักมึงเพราะมึงเป็นมึง ไม่ได้รักที่ตรงนี้”


ผมชี้ไปที่ใบหน้าของมัน

“ตรงนี้”

ผมเลือนมือไปจับช่วงลำตัวกับสะโพกของมัน ไล่ขึ้นไปที่แผ่นหลัง

“หรือว่าตรงนี้”

ผมเลือนมือไปที่หน้าอกแบนๆของอีกฝ่าย

“รัก ที่มึงเป็นมึง คำตอบของกูมีแค่นั้นจริงๆ....”

ผม..พูดสิ่งที่ผมอยากจะพูดหมดแล้ว

ที่เหลือจากนี้ ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายล้วนๆแล้วครับ..

“นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้กูดีใจ แต่ความดีใจมันก็แฝงมาถึงหลายๆอย่างที่ทำให้กูกังวล”

“มึงกังวลอะไรนักหนา ไหนลองพูดออกมาให้หมดดิ่”

ผมชักจะเหลืออดกับไอ้มนุษย์คนนี้แล้ว ปากก็บอกว่ารักผม แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อกังวลนู้นี้นั้นมากมาย

“เกียร์ไม่เคยอยากมีครอบครัวเหรอ ?..”

ผมชะงักไปกับคำถามนั้น แต่ก็ตอบไป

“ก็เคย”

“อื้ม...แล้วถ้ามึงอยากมีลูก กูก็มีให้มึงไม่ได้”

“แล้วยังไง”

มันชะงักไป ก่อนจะพูดต่อ

“มันไม่ยังไง แต่แบบนี้แล้วเกียร์จะมีครอบครัวได้ยังไง ?”

“ไม่หรอก....”

“.........”

“กูอาจจะมีลูกกับมึงไม่ได้ แต่กูเชื่อว่าถ้าเป็นคำว่า ‘ครอบครัว’ กูสร้างมันขึ้นมาได้”

“............”

สุดท้ายผมก็ต้องเปิดปาก เปิดใจไอ้บ้านี้อยู่ดี...เฮ้ออออออ

“รู้ไหมป้อง ก่อนจะรักมึงกูกังวลเรื่องอะไรมากที่สุด ?”

“อะไร ?”

ผมอมยิ้มก่อนจะตอบมัน

“กูกังวลว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา กูจะทำยังไงดีให้มึงหัวเราะ”

“.......”

“จะทำยังไงดีให้มึงหันมามองแค่กู รักกูบ้าง แม้แต่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของหัวใจก็ยังดี”

“.......”

“ถามว่าพวกเรื่องอนาคตกูคิดบ้างไหม จริงๆกูก็คิดนะ กูคิดว่าอยากอยู่กับมึงไปนานๆ คิดว่าอยากจะดูแลมึง คิดว่าถ้ามึงอยู่กับกูมึงจะมีความสุขไหม ? ทุกๆวันที่เราอยู่ด้วยกัน มึงจะหัวเราะได้รึเปล่า”

“.......”

“สายตากับคำคน มันเป็นสิ่งที่กูเดินผ่านมาแล้วปกป้อง เขาอยากมองเราก็ให้มองไปดิ รู้ไหมเวลาถูกมองเกียร์คิดว่ายังไง เกียร์คิดว่าเขามองก็คือมอง ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น”

“เกียร์.....”

“เชื่อใจผมได้ไหมครับ ? เชื่อใจได้ไหมว่าไอ้คนๆนี้จะไม่ทำให้ปกป้องเสียใจ และไอ้ลูกผู้ชายที่ชื่อเกียร์คนนี้รักปกป้องสุดหัวใจจริงๆ”

น้ำตามันไหลอาบสองแก้ม ผมเอื้อมมือไปเช็ดอย่างเบาแรงที่สุด

ความกังวลของอีกฝ่าย ผมสลายไม่ได้หรอกนะครับ เพราะมันคือความจริงที่ผมกับป้องต้องเจอ สังคมที่เราอยู่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไอ้คำว่าเปิดกว้างกว่าแต่ก่อน มันก็หมายถึงมันเปิดกว้างออกมาด้วยการมีคนแสดงตัวมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งสังคมจะยอมรับผมกับไอ้ป้อง มันยังมีคนอีกหลายๆคนที่ไม่ยอมรับแล้วคิดว่าความรักแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

สำหรับผม ความรักไม่มีคำว่าผิด

เพราะรัก....คือรัก....

แต่ผมว่าผมเลือกได้ ที่จะเติมให้อีกฝ่ายเจอแต่ความสุข...

......และปล่อยเรื่องที่ไม่ดีให้ออกไปจากใจ



“ผมรักปกป้องครับ”




ผมเลื่อนใบหน้าจูบลงอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปาก หวังเพียงให้ไออุ่นแทรกซึมเข้าไปหาอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ปลายลิ้นของผมสอดเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน และค่อยๆชิมความหวานจากโพรงปากนั้น จนกระทั้งรู้สึกว่าอีกฝ่ายถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆผมถึงได้ยอมถอนลิ้นออกมา ไอ้ป้องสูดเอาอากาศหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดเสียงพร่าออกมา....



“ปกป้องก็รักก้องเกียร์ติ์ครับ....”



TBC.


ในที่สุดก็คืนชีพจากวันทานาบาตะ กระซิกๆ  :hao5: ปีนี้คอสเพลย์เป็นจูออน บอกเลยว่าเพื่อนๆหลอนกันตรึ่ม

ไม่รู้ทำไม ยิ่งเขียนยิ่งเพลิน พอเพลินแล้วก็ยิ่งยาว

ตอนแรกตั้งเกณฑ์ตัวเองไว้ที่2000ตัวอักษร ไปๆมาๆกระเถิบไป2500 หลังๆเห้ยยังไม่จุใจซัดไป3000+

มาตอนนี้ด้วยความเพลิดเพลินสุดหัวใจ...ล่อไป4800

บร๊ะเจ้า นี้ตอนจบจะไมห้าพันเลยเหรอฟระ !!!

ปล. เรื่องของป้องกับเกียร์ยังไม่จบนะครับ นี้มันแค่'เริ่มต้น'ก็เท่านั้น   :z2:


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ขอบคุณทุกกำลังใจครับ จริงๆขาประจำหายไปหลายคนเลย เศร้า  :mew2:

















ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
อ่านแล้วจ้า

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เปิดใจคุยกันแล้ว
ได้รักกันหวานๆ
 :-[ :-[
อุปสรรครออยู่ข้างหน้า
ขอให้จับมือสู้ไปพร้อมกันนะ
 :n1:


ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
จะถามตั้งนานและ

สรุป ใคร รุก รับ คะ กร๊ากกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รักกัน ยอมรับกันและกัน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อร๊ายยยยยยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยย อร๊ายยยยยยย ฟินนาเล่เป็นที่สุด  :hao7:
สุดยอดเรื่องฟินของวัน  :heaven
ทั้งสองบอกรักกันแล้ว อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย

สุดท้ายยังไงก็ตาม ปกป้องต้องรุกนะ สัญญากับเกียร์เลย ว่าถ้าผ่าตัดแล้วเกียร์ต้องยอมเป็นเมีย  :hao6:
ยังไงก็ไม่ต้องกลัวการผ่าตัดหรอกนะ สมัยนี้มีทั้งบายพาส มีทั้งบอลลูน ไหนจะยิงคลื่นกระแทกเพื่อให้เกิดเส้นเลือดฝอยเป็น natural bypass อีก ยังไงก็หายแน่ๆ

ยังแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าป้องกินยาอะไรอยู่ เพราะมันมียาหลายตัวอยู่

โหวต เที่ยวไหนก็ได้ขอฟินๆเป็นพอ ตอนพิเศษเยอะๆนะ

ปอลิง: คำผิด: กูก็ซึ่ง, มันจะไม่ใช่ซึ่ง => ซึ้ง
“กู...รู้สึกดีกับมึงมั่ง...” => มั้ง
อดีตที่เจ็บของตัวเองบ่อยๆการชื่อเล่น? => ประโยคนี้ขาดอะไรไปป่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2014 23:25:18 โดย IsDeer »

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
กรี๊ดดดด (ดอเด็ก ล้านตัว)  เค้าบอกรักกันแล้ว เค้าจุ๊บๆกันด้วย  :-[

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เผยความในใจกันได้น่ารักมาก
ละมุนละไม ฟรุ้งฟริ้งๆ สรุปคือชอบ
คนเขียนใช้ภาษาสวยดี อ่านลื่นไหล
อ่านไปตื่นเต้นไป กังวลไม่แพ้ป้องเลย
คิดแต่ว่าอย่าเพิ่งหมดตอนนะ กลัวค้าง

ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! 


ตอนเช้าตรู่ของอีกวัน ผมตื่นขึ้นมาด้วยความเพลียสุดชีวิต

เปล่านะครับอย่าเพิ่งคิดลึก เมื่อคืนแค่นอนดึก ไม่ใช่เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกับไอ้ป้องแล้วเพลียหรอกครับ(แม้จะอยากก็เถอะ...)
ผมมองคนในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกยินดี ในที่สุดผมกับมันก็เข้าใจกันสักที่

ผมโน้มหน้าลงไปใกล้ๆหน้าไอ้ป้อง ก่อนจะฝังจมูกลงไปกับแก้มของมันเต็มรัก ไอ้ป้องสะดุ้งตื่น ตกใจกระเถิบตัวออกห่างจากผม

"มอนิ่ง...หรือต้องเติมคำว่าคิสด้วยดี?"

ผมถามก่อนจะยักคิ้วส่งจูบให้มัน

ไอ้ป้องไม่ตอบแต่โดดลงไปข้างล่างแทนก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป

เด็กน้อยเอย!!!!

เมื่อวานหลังปรับใจกันได้ ผมกับไอ้ป้องก็ชวนกันมาเข้านอน แน่นอนว่าผมอยากนอนกอดมันใจจะขาดแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่านอน
คนละเตียงก็ดีแล้ว ผมเบ้ปากงอนมันนิดๆ สุดท้ายมันเลยยอมขึ้นมาให้ผมกอดแต่โดยดี

คนเหรี้ยอะไร ตัวนุ่มๆแอบยังอบอุ่นไป 'ทุกส่วน' อีกต่างหาก (มือปลาหมึกของผมพิสูจน์แล้ว)

ผมส่ายหน้าอ่อนใจกับไอ้คนขี้เขิน พนันได้เลยว่า'ครั้งแรก'ของผมที่ฝันถึง คงอีกไกลแสนไกล แถมตัวผมเองยังไม่อยากฝืนใจอีกฝ่าย

รอไม่นานไอ้ป้องก็อาบน้ำเสร็จ มันเดินออกมาเช็ดตัวที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะไล่ผมไปอาบน้ำด้วยสายตา ผมทำตามที่มันบอก ก่อนเราทั้งคู่จะแต่งตัวไปเพลินจิตกัน

“วันนี้ต้องไปประชุมไหม ?”

ผมถามมัน ระหว่างเดินเข้าโรงเรียน

“ไปๆ วันวิชาการกำลังใกล้เข้ามาแล้วไง แถมปีนี้บัตรขายหมดเกลี้ยงอีกต่างหาก”

ไอ้ป้องตอบ ก่อนผมจะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน.....เหตุการณ์ที่ว่าอามัวจะมาร้องเพลงที่เพลินจิต

คลิปร้องสดที่แก๊งนางฟ้าหลายๆคนอัดเอาไว้ได้แพร่กระจายออกไปในโลกโซเซียลแคมราวกับไวรัส แถมพวกเพ่อนๆของนางๆทั้งหลายที่อยู่ต่างโรงเรียนยังแชร์กันให้ว่อนเนท บัตรเข้างานวันวิขาการที่จัดออกมาขายพันใบหมดเกลี้ยงในชั่วโมงแรกที่เปิดขายและมีเสียงเรียกร้องอีกหลายๆกลุ่มที่ประท้วง(เพราะซื้อไม่ทัน)ขอให้ขายบัตรเพิ่มเล่นเอาโรงเรียนผมปั่นป่วนไปพักหนึ่งเพราะต้องการตามหาตัวคนร้องหรือก็คืออามัว

แต่ขนาด‘เทพข่าวคนใหม่’ก็ยังคงยกมือยอมแพ้ด้วยการบายๆ พร้อมบอกเหตุผลสั้นๆที่เลิกตามหาแต่เพียงว่า...

‘ผมจับต้องสายลมไม่ได้...’

..... แทบไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าหลายๆคนอยากจะมาเพลินจิตในวันวิชาการเพื่ออะไร

“ป้อง”

“หื้ม ?”

“อามัวนี้...”

“นี้....?”

ผมชะงักคำพูด มองตาไอ้ป้องตรงๆ ก่อนจะดึงจาคอปที่อีกฝ่ายถือไว้ออกมา

“ช่างเถอะ กูจะรอดูวันวิชาการแล้วกัน”

ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดยัดใส่ลงไปข้างใน ก่อนจะยิ้มให้มัน

“อื้ม รอดูนะ....”

มันพูดกับผมแค่นั้น ก่อนจะโบกมือลากันตรงตึกเจ็ด

เอาเถอะ...

สิ่งที่ผมสงสัยจะจริงไม่จริง เดี่ยวก็รอดูวันวิชาการก็แล้วกัน

ผมถือกระเป๋าจาคอป(ใบใหม่ ผมซื้อให้มันแล้ว)ของไอ้ป้องกับของตัวเองวิ่งขึ้นตึกเรียนไป พลพรรคและเพื่อนในห้องต่างก็นั่งเล่นกันในห้องตามปกติ จะหายไปก็คงเป็นไอ้เฟรมที่ลงไปซ้อมบาสที่โรงยิม ไอ้อู๋ยังคงนั่งเล่นลูกมันเหมือนเคย

ผมยกมือโบกให้มันเป็นสัญญาณว่ามาถึงแล้ว มันพยักหน้ารับก่อนต่างคนจะต่างทำกิจกรรมของตัวเองต่อไป

ไอพอดในมือของผมแสดงตารางปฏิทินของเดือนนี้ พอผ่านพ้นวันวิชาการของโรงเรียนผมไปแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาค ผมมองไล่ไปเรื่อนๆจนไปสะดุ้งกับวันๆหนึ่งในตารางปฏิทิน...

วันที่20 กรกฏคม...

มันเป็นวันธรรมดาๆวันหนึ่งที่ตรงกับวันอาทิตย์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะคิดแค่ว่าเป็นวันพักผ่อนธรรมดาๆแต่หลังจากใครบางคนเข้ามาป่วนในชีวิตของผม วันๆนี้ก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป

วันเกิดไอ้ป้อง

ปกติแล้วถ้าเป็นวันเกิดของผมหรือเพื่อนๆในแก๊งมักจะชวนกันไปกินหมูกระทะแถวย่านโรงเรียนนี้ล่ะครับ แต่ผมเชื่อว่าไอ้ป้องมัน
คงไม่เคยมีงานสังคมอะไรแบบนี้ เพราะปกติแล้วมันไม่เคยมีเพื่อนหรือสนิทมักจี้กับใครๆในห้อง ถ้าจะมีก็คงเป็นงานแบบพวกที่คณะกรรมการนักเรียนจัดกัน

“อู๋”

ผมสะกิดเรียกมัน ก่อนไอ้อู๋จะถอดหูฟังออกมาฟังผมพูด

“20กรกฏาคม กินหมูกระทะกันไหม ? ”

“เนื่องในวัน ?”

“วันเกิดไอ้ป้อง”

“อ้อออออออออออออออ”

มันลากเสียงยาวเจ้าเล่ห์ ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจท่าที่ล้อเลียนของมัน

“ตกลงไปไหม ?”

“แล้วใครไปมั่งว่ะ”

ไอ้อู๋ถามต่อ ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตอบมัน

”กูยังไม่ได้ชวนใครเลย นอกจากมึงเนี้ย อยากพามันกินหมูกระทะ”

“กินบ้านใครว่ะ ?”

“บ้านกูเองดิ่”

“งั้นก็แดรกเหล้าได้”

“เออ”

เรื่องปกติของพวกผมล่ะครับ นั่งย่างหมูไป กินเหล้าเคล้ากันไป เพลินๆดี

พอได้ยินคำว่าเหล้า ไอ้อู๋ก็พยักหน้าตอบตกลงทันที่ ไอ้เพื่อนแสนดี ดีออกกกกก

สำหรับผมเรื่องเหล้าถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ผมเชื่อว่าถ้าเรากินแล้วดูแลตัวเองได้ไม่เป็นปัญหาของใครก็กินไปเถอะ กินเพื่อให้รู้ เพื่อให้รับมือถูก แต่ไม่ใช่ให้เหล้ากินเรานะครับ...

อีกหนึ่งสิ่งที่ผมคิดถึงก็คือ...

‘ของขวัญ’

อ่า...จะว่าไงดี ปกติแล้วผมไม่เคยสนใจจะซื้อพวกของขวัญหรืออะไรพวกนี้เลยนะครับ คิดแค่ว่ากินหมูกระทะก็จบแล้ว แต่ไอ้ป้องกับผมเป็นแฟน...อื้ม ใช้คำนี้ได้แล้วใช่ไหมครับเนี้ย ? เอาเป็นว่ามันเป็นแฟนผมก็แล้วกันเนาะ ฮ่าๆ เพราะงั้นในเมื่อมันเป็นแฟนผม ไอ้จะแค่กินหมูกระทะ มันก็คงไม่โอเท่าไหร่ล่ะมั่งครับ

คำถามต่อไป ....จะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้มันดี ? แล้วคนแบบมันนี้ชอบอะไรบ้างล่ะครับ...

หนังสือ...

ไม่เวิร์ค วันเกิดทั้งที่ ให้แค่หนังสือมันก็ไม่โอเท่าไหร่ล่ะมั่งครับ...

สร้อย แหวน นาฬิกา ของใช้ต่างๆ....

ไม่โอเคอยู่ดี ผมว่ามันธรรมดาไป จะให้พวกสร้อยพวกแหวนไอ้ป้องมันคงไม่ชอบ เพราะมันเป็นผู้ชายนี่ครับ ...
ผมนั่งคิดคิ้วขมวดก่อนจะมองไปรอบๆห้อง ตอนนี้ไอ้พวกทโมนทั้งหลายกำลังทำกิจกรรมของตัวเองกันอยู่ ผมไล่สายตามองไปเรื่อยๆจนกระทั้งไปสะดุดตากับเพื่อนคนหนึ่ง

“ไอ้ตี๋  ที่มึงใส่นั้นซื้อมาจากที่ไหนว่ะ ?”

ผมถาม ก่อนจะชี้ไปที่ริสแบนด์สีดำสนิทบนข้อมือของเพื่อนคนหนึ่งในห้อง

“ไม่ได้ซื้อว่ะ แฟนกูสั่งทำให้”

ไอ้ตี๋ยักคิ้วก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงกวนตรีนให้ผม

“สั่งทำที่ไหน เท่าไหร่ว่ะ ? กูขอดูหน่อย”

“เดี่ยวกูถามแฟนแปป”

มันยอมถอดริสแบนด์เส้นนั้นให้แต่โดยดี ก่อนจะไลน์ถามแฟนให้

ผมจะยกขึ้นมาพิจารณารอบๆ เส้นหนังพลาสติกเหนียวๆนี้ให้ความรู้สึกแปลกๆตอนสัมผัสครับ พอลองสวมดูก็นับว่าไม่เกะกะมากไปนัก ตัวอักษรบนริสแบนด์สลักตัวอักษรภาษาอังกฤษชื่อมันกับแฟนมันไว้คู่กัน

ถ้าเป็นริสแบนด์...

มันจะชอบไหมนะ ?

“เกียร์”

ไอ้ตี๋เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ของมัน ผมเห็นมันทำสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะตอบในสิ่งที่ผมถาม

“แฟนกูบอกว่าไปสั่งทำจากร้านที่ห้างทีพาร์คว่ะ...”

ผมกระเดือกน้ำลายลงคอ เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงทำสีหน้าแปลกๆแบบนั้น

ห้างทีพาร์คเป็นห้างใหม่ที่มาเปิดตัวแถวๆละแวกใกล้ๆโรงเรียนของผมเนี้ยแหละครับ ประเด็นคือไอ้ห้างเนี้ย เจือกเปิดแค่สาขาเดี่ยว แล้วไอ้สาขาที่ว่ามา...

มันตั้งอยู่หน้าโรงเรียนพยุหการ ถ้าจะขยายความหมายให้ลึกกว่านั้นคือโรงเรียนผมกับโรงเรียนนั้นไม่ค่อยถูกกัน หรือถ้าจะพูดให้ตรงประเด็นกว่านั้น เด็กโรงเรียนผมกับโรงเรียนนั้นมักจะมีเรื่องกันเป็นประจำ ผมเองก็เคยจะโดนชิ่งจาคอปเหมือนกันตอนที่ไปซ่าแถวนั้น ดีว่าหนีกันทันกับพวกไอ้อู๋ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกแมร่งจะอยากได้ไปทำไมกะอี้แค่กระเป๋าใบหนึ่ง

“เออๆ ขอบใจมึงมาก”

ไอ้ตี๋เดินกลับไปที่เดิมของมัน ก่อนจะปล่อยผมให้จมกับห้วงอารมณ์ความคิดของตัวเอง

หรือจะซื้อของอย่างอื่นให้มันดี... ?

ไม่อ๊ะ ผมว่าริสแบนด์นี้แหละ โอเคที่สุดแล้วในความรู้สึกของผม มันเป็นของที่เด็กผู้ชายใส่กันเยอะแยะ อีกทั้งไม่ผิดกฏโรงเรียน
ร่วมทั้งยัง...

...เป็นของแทนใจได้อีกต่างหาก

ถ้าไปคนเดี่ยวแบบไม่ค่อยเด่น รีบไปรีบกลับ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง...

ผมสรุปความคิดในหัวลวกๆ ก่อนจะหยุดทุกสิ่งลงเมื่อไอ้ป้องเดินเข้ามาในห้อง มันเดินมารับกุญแจตู้ล็อกเกอร์จากผมเหมือนเคย แล้วเดินไปไขล็อกเกอร์หยิบจาคอปไปนั่งที่ของตัวเอง มันหันมาชูมือเป็นรูปตัววีให้ผม ก่อนจะหันไปสนใจมิสอริสราที่เดินเข้ามาในห้องแทน

 ถึงแม้คาบนี้จะเป็นวิชาภาษาไทย แต่ใจผมกับกำลังนึกถึงตัวอักษรคาตากานะที่ได้เรียนมา ก่อนสมองจะเขียนคำบางคำลงไปในโพล-อิทเล็กๆสองคำ

‘ポックポン’  (ปกป้อง)

’コンキャット’ (ก้องเกียรติ์)

ผมเขียนแบบไม่มีคำว่ารักมาคั่นชื่อของกันและกัน

 มีแค่ชื่ออีกฝ่าย….

..... แค่นั้นผมว่ามันก็มีความหมายมากพอแล้วในหัวใจ



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




ตกเย็นวันนั้น ไอ้ป้องต้องเข้าประชุมกับพวกคณะกรรมการนักเรียนในฐานะเลขาสภา ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะไอ้ป้องจะได้ไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปไหน เชื่อเถอะครับถ้ามันรู้ มันต้องห้ามผมแน่ๆผมกล้าพนันได้เลย ผมโบกแท็กซี่ไปย่านห้างทีพาร์คทันที่ ตอนแรกกะจะกลับบ้านไปก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วค่อยไป แต่ผมคิดว่าแค่ทำธุระแล้วรีบกลับคงไม่น่าจะมีเรื่องอะไรหรอกมั่งครับ

ห้างทีพาร์คเป็นห้างที่เป็นศูนย์รวมวัยรุ่นที่หนึ่งเลยแหละครับ เสียอย่างเดี่ยวที่ยังรองรับความต้องการของผู้คนได้น้อยเกินไปเลยไม่ค่อยดังเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามาแรงในฐานะห้างน้องใหม่

ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนยาวไปถึงชั้นสามตามคำบอกของไอ้ตี๋ ก่อนจะวนซ้ายวนขวามองหาไอ้ร้านค้าที่ว่า แต่ในที่สุดผมก็หาเจอ ด้านนอกขังตัวร้านตกแต่งเรียบๆสไตล์วินเทจ ภายในมีตู้กระจกสีขาวที่บรรจุพวกริสแบนด์ที่ยังไม่ได้สลักตัวอักษรลงไป ส่วนพี่เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงคะแนจากสายตาแล้วอายุคงประมาณสามสิบต้นๆครับ ในร้านมีลูกค้าเป็นเด็กผู้หญิงโรงเรียนชื่อดังสองสามคนยืนจับกลุ่มเลือกแบบอยู่

“สวัสดีค่ะน้อง ต้องการริสแบนด์แบบไหนค่ะ ? สอบถามได้น่า”

พี่คนขายรีบเข้ามารับผมทันที่ทีขาข้างหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน

“อ่า ... สวัสดีครับ พี่ช่วยแนะนำริสแบนด์ให้หน่อยได้ไหมครับ ผมอยากซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดแฟน”

หล่อนทำหน้าเสียดายนิดๆ พอๆกับพวกเด็กผู้หญิงพวกนั้น แต่ก็ยิ้มแล้วพูดต่อ

“แล้วมีแบบอะไรในใจเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ ? แบบแฟนน้องชอบสีอะไร หรือว่าชอบลายอะไรเป็นพิเศษ ร้านพี่มีหลายแบบ ลองดูแบบก่อนได้นะ”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่ตู้กระจก พี่คนขายยื่นหนังสือแบบลายริสแบนด์ต่างๆให้เลือกอีกทาง

“แฟนน้องเป็นคนแบบไหนค่ะ ลองบอกพี่ได้นะ เพื่อพี่ช่วยเลือกได้”

หล่อนเสนอตัว

ผมย่นคิ้วนิดๆก่อนจะพูดถึงแฟนที่ว่า

“เป็นคนนิ่งๆครับ ขี้อาย ชอบกินปลาทุกชนิด เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ ชอบสีฟ้าอ่อนๆ ใจดี แล้วก็...น่ารัก”

ผมเห็นพี่คนขายหัวเราะชอบใจ ก่อนแกจะพลิกๆหน้าสมุดไปที่หน้าหนึ่ง

“ลายนี้เป็นไง”

ลายที่เจ๊แกเลือกมาคือลายปลาตัวเล็กๆครับ สีสันน่ารักสดใสอยู่พอสมควร ผมมองไปแล้วคิดตาม

“มีลายสเกตบอร์ดไหมครับ ?”

“คะ ?”

“คือ ลายสเกตบอร์ด ที่มันมีสี่ล้อนะครับ”

“อ้อ ฮ่าๆ ขอโทษที่ พอดีเห็นเราบอกหาของขวัญวันเกิดให้แฟน พีไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงจะชอบลายนี้เท่าไหร่นะจ้า พเราะส่วนใหญ่แล้วเขาจะชอ...”

“ตกลงมีไหมครับ ?”

ผมตัดบทฉับ เจ๊แกหน้าเจื่อนไปนิดๆก่อนจะพลิกให้ดู

“มีแบบนี้นะ”

ลายที่พี่เขาให้ดูรอบนี้ เป็นลายสเกตบอร์ดอันเล็กๆหลายๆอัน เรียงวางแบบไม่เป็นระเบียนปนๆกันไปอยู่บนริสแบนด์ 

สวยดีแหะ...

“อ่า ... ผมเอาสองลายนี้แหละครับ”

ผมบอก ก่อนจะชี้ไปที่ลายฝูงปลากับสเกตบอร์ด

“แล้วจะให้พี่เขียนสลักลงไปว่าอะไรรึเปล่า ?”

“ที่นี้สลักเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ไหมครับ ?”

ผมบอกความต้องการของตัวเอง ก่อนจะยื่นกระดาษเล็กๆที่เขียนชื่อผมกับมันไว้ให้พี่เขาไป เจ๊แกก้มมองก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

“ได้นะ สลักได้หมดจ้า ตัวคาตากานะแบบนี้พี่ก็สลักได้แต่ชื่อมัน...”

“ทำไม่เหรอครับ ?”

หล่อนทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะพูด

“คือ เราเขียนมาให้พี่ผิดรึเปล่า มันอ่านว่าปกป้องนิ ชื่อเราอันนี้ใช่ไหมที่อ่านว่าก้องเกียรติ์นะ”

พี่คนขายพูด ก่อนจะชี้ไปที่บรรทัดที่สองที่เขียนชื่อผมไว้ ก่อนผมจะพยักหน้าตอบ

“แล้วนี้ชื่อ...”

รอบนี้หล่อนเลื่อนมือขึ้นไปบรรทัดบน



“ครับ แฟนผมชื่อปกป้องครับ”



มันเป็นอีกก้าวที่ผมรู้ว่าตัวเองต้องเจอ…

สายตาที่มองมาจากพวกผู้หญิงในตอนแรกที่ยิ้มให้กลายเป็นทำหน้าแสลง ส่วนพี่คนขายมีสีหน้าปั้นยาก แต่เพราะผมยังเป็นลูกค้าทำให้หล่อนพยายามปั้นหน้ายิ้มหวานต้อนรับผม  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติกับแววตาดูแคลนที่ส่งผ่านออกมาจากสายตาหลายคู่ ย้ำกับตัวเองในใจว่าเพื่อไอ้ป้อง พอได้ของแล้วก็แค่ไป เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา

ถ้าแคร์คนทั้งโลก โลกของคุณมันก็คงจะไม่มีความสุข...

“แล้วเอาสีอะไรค่ะ ?”

หล่อนถามเสียงมะนาวไม่มีน้ำ ผมเลือกไม่สนใจก่อนจะตอบกลับไป

“ลายสเกตบอร์ดเอาสีเขียวอ่อน เขียนชื่อของผมกำกับไว้ ลายฝูงปลาเอาสีฟ้าอ่อน เขียนชื่อ’แฟนผม’ไว้ด้วยครับ”

“เอาแบบเรืองแสงหรือไม่เรืองแสงค่ะ ?”

ผมทำหน้าสงสัย ก่อนหล่อนจะยกริสแบนด์เส้นหนึ่งมาอังไว้ให้เห็นว่าถ้าอยู่ในความมืดมันจะเรืองแสงได้

“เอาแบบเรืองแสงครับ ทั้งสองเส้นเลย”

หล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกผมว่าต้องรอประมาณสักครึ่งชั่วโมงถึงจะได้ ผมเลยเลือกที่จะไปนั่งรอตรงโซฟาที่มุมร้าน ปล่อยให้พวกผู้หญิงดูไปนินทาผมทางสายตาไปด้วย พอผ่านไปสักพักหนุ่งริสแบนด์ที่สั่งทำก็เสร็จพอดี

“ลองสวมดูก่อนได้นะ”

ผมทำตามที่หล่อนว่า ก่อนจะสวมใส่ริสแบนด์สีฟ้าอ่อนรูปฝูงปลาที่สลักชื่อไอ้ป้องเอาไว้

“โอเคครับ ทั้งหมดเท่าไหร่ ?”

“300ค่ะ เส้นล่ะ150”

ผมควักแบงค์สีแดงส่งให้หล่อนไปสามใบ ก่อนจะหนีบจาคอปแล้วเดินออกนอกร้านไป กระนั้นก็ยังไม่พ้นเสียงคำติฉินนินทาที่ดังออกมากระแทกหู

“หล่อๆแบบนั้นไม่น่าเป็นเกย์เลยแหะ...”

ผม...เลือกที่จะหันหลังให้กับคำพูดพวกนั้น

ผมเป็นอะไร ผมว่าผมรู้ใจของผมดี

ตัวของผม กายของผม ใจของผม ยังเป็นผู้ขายเหมือนเดิม ผมยังเหล่ผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ ยังเข้าเวปอย่างว่า ยังมีแผ่นหนังซุกใต้เตียง(แน่นอนว่าไอ้ป้องไม่รู้ และผมแอบเปิดดูตอนมันหลับ - - ) บุหรี่แม้จะเว้นช่วงแต่ก็ยังสูบบ้างบางเวลาที่เครียดๆ ผมยังเข้าสังคมและทำอะไรแบบผู้ชายทั่วไป ผมไม่เห็นว่าผมจะ ‘ไม่ใช่’ ผู้ชายตรงไหน หรือเพียงแค่คนที่ผมรักเป็น’ผู้ชาย’ผมเลยต้องกลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพศเดิมของตัวเองงั้นเหรอครับ ?

ยอมรับว่ารู้สึกแย่ครับ แต่ก็ไม่เกินที่คาดไว้สักเท่าไหร่หรอก เพราะไอ้ผมมันเป็นคนตรงๆ ผมไม่คิดจะบิดบังใครด้วยซ้ำว่าผมเป็นแฟนกับมัน เพราะงั้นเลยเตรียมใจแล้วล่ะว่าไอ้คำพูดถากถางพวกนี้มันต้องมีมาแน่ๆ

ผมสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด มือข้างขวาที่เคยกุมไอ้บ้าคนหนึ่งเอาไว้เลื่อนไปลูบริสแบนด์ที่มือข้างซ้ายเบาๆ รอยบุ๋มที่ลึกลงไปจากการสลักชื่อของไอ้ป้อง พอลูบผ่านแล้วทำให้ผมอุ่นใจแปลกๆ...

ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล มันยังคงอบอุ่นเสมอในใจผม

เพียงแต่...ผมเองก็ต้องไม่ลืมเหมือนกันว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ไหน และกำลังจะเผชิญกับอะไร

ผมหนีบจาคอปคู่ใจ ก่อนจะรีบใส่เกียร์หมาโกยแน่บทันทีที่เห็นกลุ่มเด็กผู้ชายวัยเดี่ยวกันจำนวนสิบคนหรือมากกว่านั้นทำท่าจะกรูกันเข้ามาเยี่ยม ซึ่งผมว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้เจตนาดีขนาดแค่เข้ามาทักทายแน่ๆ

“เห้ย หยุดนะเว้ย”

หนึ่งในพวกมันพูด ก่อนทั้งหมดจะวิ่งไล่ตามผมจากบรรไดเลื่อน

ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกมึงจะพูดเหมือนพระเอกในละครทำไม คือพูดไปแล้วกูจะหยุดให้มึงเหรอ ?  ไอ้ควายยย สมองมีก็ใช้หน่อย

ผมด่าตัวเองในใจที่ไปคิดเรื่องไร้สาระตอนที่กำลังขับขัน สองขาเองก็กำลังจะรีบก้าวหนีไปให้ไวที่สุด ขอแค่โบกแท็กซี่ไปได้ทุกอย่างก็จบแล้ว ผมวิ่งออกไปหน้าห้าง ก่อนจะรีบวิ่งไปแถวแท็กซี่

แต่ผมคิดอะไรตื้นๆเกินไป...

ผมเองก็ลืมไปว่าผมมันไม่ใช่พระเอก ที่จะได้โชคดีตลอดทั้งเรื่อง หนีคนร้ายแล้วไม่โดนจับ หรือเจอแต่พวกตัวร้ายโง่ๆ ...

เพราะไอ้เวรพวกนี้แมร่งฉลาดเป็นกรด

“กูเห็นตั้งแต่ตอนมึงเข้าไปแล้ว คิดอยู่แล้วว่ามึงจะต้องหนีออกมาทางนี้”

หนึ่งในพวกมันที่ยืนดักด้านหน้าพูดขึ้น ตอนนี้ไอ้พวกข้างหลังเองก็เริ่มเดินเข้ามาล้อมผมแล้ว...แมร่งเอ๊ย กูยังไม่อยากลงข่าวหน้าหนึ่งว่าโดนกระทืบตายนะเว้ย

“พวกมึงต้องการอะไร ?”

ผมถามออกไป พยายามควบคุมน้ำเสียงเพื่อไม่ให้พวกมันรู้ว่ากำลังกลัว ไอ้เชรี้ย พวกมันล้อมไปสิบกว่าคนนะเว้ย ไม่กลัวไหวเหรอ

“จาคอปกับเข็มโรงเรียน”

ผมเม้มปากแน่น เตรียมตัวจะต่อรอง แต่จู่ๆทันเองก็มีวัตถุบางอย่างกลิ้งเข้ามาใกล้ๆกลุ่มพวกผมกับมัน ลักษณะเหมือนขวดโค๊กที่เห็นเมื่อเช้าในตู้เย็น รวมทั้งยังมีกระป๋องโค๊กอีกสองสามใบกลิ้งตามมา พวกมันยืนงงกันหน้าสะล่อน

อย่าว่าแต่พวกมันเลย ผมก็งงว่ามันมายังไง ?

เหมือนๆไอ้วัตถุพวกนี้จะรับรู้ความสงสัยของผมกับพวกมัน เมื่อสายตาผมสังเกตุเห็นว่าไอ้กระป๋องพวกนี้มันแปลกก็ตรงใส่ดอกไม้ไฟ วินาทีที่ไฟลามเลียไปถึงปากกระป๋อง ปฏิกิริยาเคมีที่ผมเคยได้เรียนมาก็แสดงผล

‘บึ้ม!!!’

เสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมๆกับควันที่พวยพุ่งออกมา แรงระเบิดไม่ได้ทำให้พวกมันบาดเจ็ด แต่ก็มากพอที่จะทำให้ขวัญหนีดีฟ่อและซื้อเวลาให้คนที่สร้างมันขึ้นมา

มือคู่เดิมที่เคยสัมผัสกันและกันเอื้อมมาจับมือผมไว้แน่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้สติของผมแทบจะไม่อยู่กับตัวแล้ว

ผมมองมันตาค้างก่อนจะอ้าปากตะโกนออกไปอย่างลืมตัว


 “ไอ้ป้อง!!!”




TBC.


ตัดจบฉับๆ ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า ตอนหน้าอย่าพลาดนะครับ

'We are family'   :)

แล้วจะรู้ว่าเด็กเพลินจิต เขา'รักกัน'ขนาดไหน....   :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2014 17:53:39 โดย ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ตอนนี้เกียร์ดูเท่ห์มาก แต่ยังไงชั้นก็เชียร์ให้ป้องกดแกอยู่ดี  :hao3:

ปกป้องทำระเบิดได้ด้วย?  o22

“อามัวนี้...” => ต้องเป็น 'นี่' ป่ะ
ตัวอักษรอาตากานะ => ไม่ใช่ คาตากานะ เหรอ หรือเราจำผิด  :ruready

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เกียร์อย่างเท่ห์ รักป้องมากเลยนะนั่น
ว่าแต่ป้องมาอยู่ที่นี่เวลานี้ได้ไงหว่า

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ป้องมาได้ไง

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มาทันพอดีเลย  นี่แอบตามใช่ไหมป้อง ตอบมานะ  :hao3:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
มาได้ไงหว่า????

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ๐แตกต่างเติมเต็ม๐

  • "ผมไม่ได้แค่รัก แต่ยังศรัทธาใน'เรา' #ก้องเกียรติ์
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • https://www.facebook.com/PokpongGonggend/timeline
#22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป....




"เออ กูรู้แล้วว่ากูชื่อป้อง แต่ตอนนี้วิ่ง!!!!"

มันสั่งก่อนจะลากผมไป พร้อมๆกันนั้นเองพวกมันก็เริ่มมีสติกลับมา ก่อนจะเริ่มวิ่งไล่กวดผมกับไอ้ป้องอย่างเอาเป็นเอาตาย

"มึงมาได้ไงว่ะ?"

รู้นะครับว่าไม่ใช่เวลา แต่มันสงสัยนี้ครับ

ไอ้ป้องไม่ตอบคำถามของผมแต่เร่งสปีดขึ้นแทนเมื่อพบว่าพวกมันยังไล่กวด ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังวิ่งไปทางไหนกัน รู้เพียง
แต่ว่า...

ผมเชื่อใจมัน

เชื่อว่ามื้อข้างนี้ที่กำลังพาผมวิ่ง จะต้องพาผมรอดไปได้อย่างปลอดภัย ผมเลยไม่ลังเลที่จะวิ่งไปพร้อมๆกันกับมัน
ไอ้ป้องบีบมือผมแน่น พาผมวิ่งลัดเลาะไปตามถนน มุ่งเข้าสู่ตัวตลาดสดแถวห้างทีพาร์ค แม้จะสงสัยก็เถอะว่าทำไมถึงพาผมวิ่งมาทางนี้

"เกียร์ ส่งไฟแช็กมา!! กูรู้ว่ามึงพกติดตัวไว้"

มันสั่งเสียงเย็น ผมอ่านสายตาของมันออกได้ว่า'กลับบ้านไปค่อยเคลียร์'

ไอ้ป้องหยุดกึก ก่อนมื่อมันจะหยิบกระป๋องโค๊กกับขวดน้ำอัดลมออกมาจุดไฟ แล้วขว้างไปทางกลุ่มพวกมัน

'บึ้ม!'

ทั้งเสียงและควันสีดำโชยออกมาพร้อมๆกัน ผมเห็นพวกมันรีบทรุดตัวลงหมอบกับพื้น ซื้อเวลาให้ผมกับไอ้ป้องได้วิ่งต่อ

"นั้นมันอะไรว่ะ? ระเบิด"

ผมถามเสียงหอบ ไอ้ป้องเองก็ใกล้หมดแรงพอๆกับผมแต่ก็ยังตอบกลับมา

"ของเล่นของเด็กผู้ชายไง ก็แค่ใส่พวกสารเคมีบางชนิดเช่นสารบางอย่างที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ จุดไฟ จากนั้นก็บึ่ม"

ไอ้ป้องพูดไป หอบไป แต่ก็ยังอุตส่าห์ยกมือขึ้นทำท่ากำมือแล้วกางออกให้ผมเห็นภาพ

ถ้ารอดกลับไปผมคงต้องศึกษาเคมีจริงๆจังๆแล้วแหะ...

ไอ้ป้องพาผมวิ่งหอบไปเรื้อยๆ จนผมกับมันหมดแรง พากันวิ่งไปหลบอยู่หลังตู้แช่ผัก ผมนั่งลงกับพื้นที่เลอะโคลนโดยไม่กลัวเสื้อหรือกางเกงเลอะ นาทีนี้ชีวิตสำคัญกว่าครับเพราะพวกมันยังคงวิ่งตามมาและวนเวียนอยู่รอบๆ

"เกียร์ พอหายเหนื่อยแล้ววิ่งไปทางโรงน้ำแข็ง"

ไอ้ป้องที่ทรุดตัวลงข้างๆผม ชี้นิ้วไปทางโรงน้ำแข็งเก่าตรงด้านหลัง ผมแทบไม่ได้สนใจคำพูดมันด้วยซ้ำเพราะใบหน้าสีน้ำผึ่งของมันซีดจนไม่มีสีเลือด ริมฝีปากแห้งจนเห็นเป็นสีม่วง ผมยกมือข้างหนึ่งของมันขึ้นมาดูเล็บมือก่อนจะรู้สึกเย็นสุดขั่วหัวใจ เพราะมันเริ่มกลายเป็นสีม่วง

ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน!!!!

หลังจากที่ผมรู้ว่ามันเป็นโรคอะไร ผมไม่ได้นิ่งนอนใจขนาดไม่ตรวจดูหรอกนะครับว่าอาการเบื้องต้นมีอะไรบ้าง ผมพยายามหาหนังสือมาอ่านอาการเบื้องต้นกับวิธีรับมือทุกชนิดด้วยซ้ำ อาการของไอ้ป้องตอนนี้ ณ ขณะนี้ถ้าผมเดาไม่ผิดเกิดจากการที่มันตกใจแล้ววิ่งหนักมากเกินไปจนหัวใจรับไม่ไหว

ผมตัวชาไปทั้งร่าง เพราะอาการของคนข้างๆเริ่มทรุดตัวลงเรื่อยๆ ไอ้ป้องหอบช้าลงแต่ใบหน้ากลับยิ่งซีดขึ้นเรื้อยๆ

"ไอ้เหรี้ยป้อง มึงอย่าทิ้งกูไปนะเว้ย!!"

ผมสถบด่ามัน ไม่เคยรู้สึกโกรธมันขนาดนี้มาก่อน ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองป่วยหนักแท้ๆ แต่ทุกครั้งที่ผมกำลังมีปัญหา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มือของมันจะไม่กุมมือของผมไว้ ไอ้ป้องหลับตาลงสนิท ผมเห็นมันหายใจช้าลงเรื่อยๆ ถึงผมจะโง่ แต่เหมือนสมองมันคอยย้ำผมซ้ำไปซ้ำมา ว่าถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง...

ไอ้ป้องได้ไปจากผมตลอดกาลแน่ๆ

ผมยันตัวขึ้น ก่อนจะแบกร่างของไอ้ป้องขึ้นหลัง ก่อนจะวิ่งไปทางที่มันชี้ เสียงเอะอะโวยวายของพวกมันที่ด้านหลังบ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันเห็นผมกับไอ้ป้องแล้ว

ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ได้กลัวตัวเองตายอีกแล้ว แต่กลัวคนที่อยู่บนหลังทิ้งผมไป สองขาของผมเหนื่อยล้าจนรู้สึกเหมือนมันจะแตกออกจากกันเป็นส่วนๆแต่ผมหยุดไม่ได้

เพราะถ้าผมหยุดแล้วไอ้ป้องเป็นอะไรไป

ผมคงไม่คิดจะให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต...

ไม่นานพวกมันคนใดคนหนึ่งก็วิ่งมาถึงตัวผมกับไอ้ป้อง

"โอ๊ย!!!!"

ผมร้องออกมา หลังพวกมันใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างจัง เลือดสีแดงสดไหลออกมาจนแสบตาไปหมด แต่สองข้างของ
ผมยังคงก้าวต่อไป

"ไอ้สัสนี้โดนไม้หน้าสามแล้วยังยืนไหวว่ะ"

พวกมันยังคงพูดออกมา ก่อนไม้หน้าสามอันเดิมจะฟาดซ้ำลงมาที่เก่า ผมหลับตานิ่งรอรับชะตากรรม

โถ่เว้ย...

อีกแค่สองก้าวก็จะออกไปถึงทางออกไปเรียกรถแล้วแท้ๆ

ปกป้อง...

กูขอโทษ...

'กร๊อบ...'

"อ้าก!!!!!!"

เสียงกระดูกหักดัง ขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงคนร้อง แต่นั้นไม่ใช่เสียงของผม

ผมลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นไอ้ชั่วที่ตีหัวผมทรุดลงไปกองกับพื้น ที่หัวไหล่อาบโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด

"เห้ย กระสุนบีบียิงมาจากไหนว่ะ?!?!"

พวกมันที่เหลือเริ่มลนลานมองหาที่มาของกระสุนปืน แม้จะไม่ถึงตายแต่ขึ้นชื่อว่าปืนใครก็กลัว

เสียง'กร๊อบ'ดังขึ้นเป็นคำรบที่สอง ก่อนพวกมันอีกคนจะทรุดตัวลงไปกองกับพื้น

"แมร่งเอ๊ย มาจากไหนก็ช่างมัน กระทืบไอ้สองตัวนี้แล้วไปเหอะ"

หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น อย่าว่าแต่แรงจะหนีเลยครับ ผมทำได้มากสุดก็แค่บังตัวไอ้ป้องเอาไว้ตีนข้างหนึ่งของพวกมันยกขึ้นเตรียมจะถีบลงบนท้องของผม

'กร๊อบ'

"อ้าก!!!!!"

เสียงร้องของพวกมันที่ดังออกมาอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าผมยังไม่ตาย ผมรู้สึกได้ถึงแรงหิ้วตัวจากด้านหลังจนยืนขึ้นมาได้

"เราไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม?"

น้ำเสียงสุภาพราบเรียบดังขึ้นตรงหน้าผม ก่อนตาซ้ายที่ยังไม่โดนเลือดของผมจะมองออกว่าเป็นใคร

"คุณกาเซียร์!!!!"

ประธานนักเรียนโรงเรียนเพลินจิตวิทยายืนอยู่ด้านหน้า ซ้ายขวามีผู้ชายอีกสองคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดี

"พี่สาทร ไอ้ตะวัน"

เจ้าของชื่อหลังหันมายิ้มให้ผมจางๆ มือสองข้างของมันใส่สนับมือสีดำสนิท

"ถุ้ย!!!มากันแค่สามคนทำเป็นเก่ง"

หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น พวกมันคงคิดแค่ว่าด้วยจำนวนคนที่มากกว่าย่อมทำให้พวกมันไม่ต้องเกรงกลัวอะไรพวกผม ผมสังเกตเห็นพี่กาเซียร์กระตุกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าสังเวช

"ไปกันเถอะเกียร์"

พี่กาเซียร์ที่หิ้วไหล่ผมกับไอ้ป้องพูดขึ้น

"แต่ พวกตะวัน..."

"นั้นนะ 'เจ้าของแหวนสีแดง'กับ'อดีตเจ้าของแหวนสีแดง'นะเกียร์ ไอ้แค่คน7-8คนนะ..."

"ไม่ครนามือพี่หรอกครับ"

พี่สาธรที่มัดผมเป็นทรงจุกน้ำพุพูดขึ้น ผมเห็นพวกมันหน้าเสียที่โดนดูแคลนก่อนหนึ่งในนั้นจะวิ่งเข้าหาสองคนที่อยู่ด้านหน้า พี่กาเซียร์ส่ายหน้าสงสาร ก่อนจะหิ้วปีกผมกับไอ้ป้องเดินจากมา

"มันก็จริงที่โรงเรียนเราบ้าอำนาจและชอบแข่นขันกันเอง..."

พี่กาเซียร์พูดขึ้น ผมสาบานได้ว่าขนานแค่เพิ่มเริ่มเดินห่างออกมาเสียงพวกมันก็ร้องกันละงมแล้วครับ

"แต่ถ้าครอบครัวคนใดคนหนึ่งของเราโดนทำร้าย เราไม่อยู่เฉยๆหรอกนะเกียร์"

ผมเบิกตากว้างนิดๆที่เห็นเด็กเพลินจิตยืนอยู่ข้างนอกเป็นกลุ่มใหญ่ๆประมาณ30กว่าคนในสภาชุดนร.บ้าง ชุดเล่นกีฬาบ้าง นั้นหมายความว่าทุกคนทิ้งทุกกิจกรรมที่กำลังทำแล้วมาที่นี้ ที่เห็นแล้วคุ้นก็เพื่อนห้องเดี่ยวกันแล้วก็เพื่อนสนิทผมในกลุ่มพอพวกมันเห็นผมกับไอ้ป้องก็กรูกันเข้ามาดีแค่พี่กาเซียร์ยกมือห้ามทัพไว้ก่อน

"อู๋ขับรถเป็นใช่ไหม? ขับรถพาป้องกับเกียร์ไปโรง'บาล บอกต้องตาให้แฮกสัญญาณไฟจราจรเป็นเขียวให้หมดตอนขาไป"

พี่กาเซียร์ปล่อยผมออก หลังไอ้อู๋ไอ้เฟรมวิ่งเข้ามาช่วยประครองแทน

"ที่เหลือแยกย้ายกันเก็บกวาด'ขยะ'เฉพาะที่วิ่งไล่ไอ้เกียร์ นอกนั้นปล่อยไป"

พี่กาเซียร์พูดเสียงเย็น ก่อนพวกเด็กโรงเรียนผมส่วนหนึ่งจะวิ่งไปทางโรงน้ำแข็ง

"เสร็จเรื่องแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน กล้องทุกตัวในละแวกนี้ใช้การไม่ได้สองชั่วโมง แยกย้ายได้!!!"

คำสั่งสุดท้ายดังขึ้น ก่อนพี่กาเซียร์จะยื่นกุญแจรถให้ไอ้อู๋พร้อมชี้ไปทางรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดไว้ตรงริมฟุตบาท

"เนี้ยแหละเด็กพ.ว. We are family"

ไอ้อู๋พูดยิ้มๆ

ตั้งแต่อยู่เพลินจิตมา นี้เป็นอีกครั้งที่ผมโครตภูมิใจในสถาบันของตัวเอง

ผมกับไอ้ป้องถูกหิ้วไปนั่งเบาะหลังก่อนไอ้อู๋ไอ้เฟรมจะวิ่งอ้อมไปนั่งเบาะหน้า มันส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมกดเลือดที่ไหลออกมา
จากหัว

“พวกมึงมากันได้ยังไงว่ะ ?”

“แหวนไง”

“ห๊ะ ?”

“ไอ้ป้องพอมันรู้มึงมาแถวย่านนี้มันก็รีบขี่มอไซร์กูมาเนี้ยแหละ มันกดสัญญาณขอความช่วยเหลื่อ...ประโยชน์ของแหวนนะ กูรู้สึกว่าที่มาก็จะมีพี่ไทน์มือสไนเปอร์ยิงมาจากดาดฟ้าห้างทีพาร์ค เจ้าของแหวนสีเทา ไอ้ต้องตาช่วยแฮกกล้องวงจรปิดของห้างจนเจอมึง ส่วนไอ้ตะวันมันผ่านมาแถวนี้พอดี นอกนั้นแต่ละคนก็มาเพราะเห็นประธานเรามาเนี้ยแหละ แต่ที่สำคัญที่สุด.... “

“................”

“ไอ้ป้องมันเป็นห่วงมึงมากนะเกียร์”

น้ำตาผมไหลมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ป้องต้องมาเจ็บตัวเพราะความดื้อรั้นของผม แค่เพียงเพราะคิดว่าคงไม่เป็นอะไร คงจะไหว คงจะผ่านไปได้ ผมไม่รู้จริงๆว่าจะขอโทษมันยังไงดีให้สาสมกับสิ่งทีเกิดขึ้น

"ไปโรง'บาลเกษรมนะ"

ไอ้อู๋พูดขึ้นเตรียมสตาร์ทรถ

"ช่วยพาไปโรง'บาลมอร์ ลินเทอร์ที่"

ผมพูดทั้งๆที่ยังหลับตาข้างหนึ่งจากความแสบของเลือดที่ไหลจากศีรษะเปื้อนลงกับตา สมองเองก็เริ่มเลื่อนลางจนแทบไม่รู้สึกตัว สิ่งสุดท้ายที่จิตใต้สำนึกของผมสั่งให้ทำ คือกอดไอ้ป้องให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขอร้องล่ะป้อง …

มันเป็นคำขอร้องที่โคตรขี้ขลาดจากคนอย่างกู

"อย่าตายนะป้อง"

น้ำตาผมไหลออกมาสัมผัสกับแก้มเย็นๆของมัน ผมจูบริมฝีปากหยาบกระด้างและเย็นขึ้นเรื้อยๆของไอ้ป้องก่อนสติที่มีทั้งหมดจะ
ดับวูบลงไป

ป้อง...

อย่าทิ้งกูนะ...

อย่าตายนะป้อง...





                     
---------------------------------------------------------------------------------------




ควันธูปสีเทาลอยโชยมาปะทะเข้ากับจมูก...ผมรู้สึกแสบจมูกไปหมดทุกครั้งที่ได้กลิ่นธูป

ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน…

“เตรียมไปส่งพี่ป้องเป็นครั้งสุดท้ายนะเกียร์”

พ่อผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขื่นขม ก่อนจะดันผมขึ้นไปตรงเมรุ รูปไอ้ป้องสีดำสนิทตั้งอยู่บริเวณหน้างาน ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกดึงมาตอนไหน รู้ตัวอีกที่ในมือก็ถือดอกไม้จันเอาไว้แล้ว แม่ลีลาวดีเองก็ขื่นขมเกินกว่าจะมาส่งไอ้ป้องเป็นครั้งสุดท้ายได้

“ดูหน้าพี่เขาเป็นครั้งสุดท้ายนะเกียร์”

พ่อผมพูดขึ้นแผ่วเบา หลังคนเปิดโลงศพของไอ้ป้องออกมา

ใบหน้าจืดๆยังคงนอนหลับตาสนิท ไอ้ป้องตอนนี้อยู่ในชุดนักเรียนครบเครื่องแบบ รอบๆกันนั้นเองก็มีเด็กเพลินจิตทุกคนมาช่วยกัน
ส่งมันเป็นครั้งสุดท้าย

การผ่าตัดเมื่อสามวันก่อนล้มเหลว...

ไอ้ป้องไปถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป

ผมยื่นนิ่งเงียบสนิทเมื่อถึงตาตัวเองต้องส่งดอกไม้จันเข้าไปในเปลวเพลิง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำว่าที่คือความจริง

เพราะผม...มันถึงตาย...

ไม่คิดเลยว่าต้องจากกันเร็วขนาดนี้.... ทั้งๆที่เพิ่งได้พูดความในใจ เพิ่งได้บอกว่ารักมันมากแค่ไหนด้วยซ้ำ

หัวใจของผมแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

ป้อง...





..



.

.




.


.


.


.



"ไอ้ป้อง!!!!!!!"

ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นยืน หัวใจข้างซ้ายเต้นระรัวจนรู้สึกเจ็บไปหมด รอบๆกายมีแต่ความมืดมิด สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ถึงความมีชีวิตคือมือของใครอีกคนที่กุมกันเอาไว้ทั้งยามหลับและยามตื่น

ผมน้ำตาไหลพรากหนักกว่าเก่ายกมือของไอ้ป้องมาแนบไว้กับหัวใจ



"ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย แค่คิดว่าขีวิตกูจะไม่มีมึงอยู่ข้างๆกันแล้ว... กูก็ทนไม่ไหวแล้วป้อง"



ผมเอ่ยอย่างแผ่วเบา ยกมือข้างนั้นของมันขึ้นมาจูบซับเอาไว้

"เกียร์..."

เสียงไอ้ป้องพูดขึ้นแผ่วเบา ผมวางมือของมันลงก่อนจะเห็นอีกฝ่ายได้สติขึ้นมาแล้ว

"ไม่ต้องลุก นอนลงไปเลย"

ผมเอ็ดมันก่อนจะเช็ดน้ำหูน้ำตาตัวเอง ไอ้ป้องยังคงยิ้มจางๆที่มุมปาก

"เจ็บไหม"

มันพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าแทบไม่มีสีเลือดด้วยซ้ำ

"....."

"เกียร์...ร้องทำไม...เจ็บแผลเหรอ?"

ผมสายหน้าน้ำตาไหลพรากเป็นเผาเต่า

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วป้อง..."

ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...

ไม่ต้องพูดแล้วจริงๆ....

ผมซุกหน้าลงกับอกมัน ไอ้ป้องลูบหลังให้แล้วก็เงียบไป แม้กระทั้งตัวเองป่วยหนักขนาดนี้แต่คนแรกที่มันห่วงตอนลืมตา...

..........ก็คือผม

ผมสะอื้นน้อยลงเรื่อยๆก่อนจะเงยหน้ามองมัน

"ป้อง ......สัญญากับกูนะ..."

"....."

"ห้ามตายก่อนกูเด็ดขาด"

ในหน้าจืดๆของมันส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบตกลง

"สัญญาชั่วชีวิตเลยครับ"

ผมช้อนศีรษะมันขึ้น ก่อนจะก้มลงจูบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น น้ำตายังคงไหลนองออกมาเลอะแก้มอีกฝ่าย ผมถอนจูบจากปากแล้วจูบซับทั้งใบหน้าของมัน ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไร มันยังคงส่งยิ้มให้ผม

สัญญาเลยป้อง...

กูจะอยู่เคียงข้างมึง...

...ตลอดไป


TBC.


"คนเราจะรักกันได้ มันไม่ได้มีแค่ช่วงเวลาที่มีความสุข แม้ยามเราทุกขฺ เราก็พร้อมแล้วที่จะแบ่งปันมันกับอีกฝ่าย"

อันนี้แม่แตกต่างกล่าว

แม่เป็นแม่ที่น่ารักมากกกกก ไม่เคยมีสักครั้งที่แม้จะพูดว่าเสียใจที่แตกต่างไม่ใช่เด็กผู้ชายทั่วไป ต่างคิดว่าตัวเองโชคดีมากนะที่เกิดมามีแม่ที่เข้าใจเรา

รักแม่ครับ  :กอด1:

รักคนอ่านด้วย  :L2:

ปล. ครั้งหนึ่งเคยไปค้างบ้านเพื่อนตอนทำรายงาน แม่บอกต่างว่า .... อย่าลืมกินยาคุมนะ  :m30:

ปลล. แตกต่างมีผลงานเรื่องที่สองแล้วนะครับ น้องน้ำมนต์กับพี่กวาง ใน

บุเพเพเร่____รัก

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42916.msg2758895#msg2758895 

ฝากน้องๆด้วยนะครับ  :mew1:




ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คนเขียนนนนนน ทำแบบนี้ไม่ดีนะ ใจหายหมดเลย ถ้าเค้าหัวใจวายจะทำไง ไม่เอาแล้วนะ  :z3:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดีนะเป็นแค่ฝัน
ขอให้ป้องกับเกียร์หายเร็วๆ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
น้ำตาเกือบไหลล

แหม่เอาให้ลุ้นนนน

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
เพื่อนพ้องน้องพี่  สุดยอด o13

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :hao5:
หัวใจฉันจะวายเอา เล่นเอาใจหายใจคว่ำเลยนะ

แข่นขัน=> แข่งขัน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น้ำตาซึมกับควันธูป

ออฟไลน์ army_van

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 อย่างแรกต้องขอบคุณนักเขียนก่อนเลยน้าาา ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน

คือดีมาก คือเลอค่า สนุกสุดๆๆๆๆๆ  อ่านแล้วรู้สึกสนิทสนมกับตัวละครมากก

ชอบบบบ สุดๆเลยย




ปอลอลิง . จะมีฉากอัศจรรย์ไหมน้าาา มีไหมน้าาาาาา -///////////-

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
โอ้ยยยยย อกอีแป้นจะแตก ตกใจมาก ร้องไห้ด้วย
คุณแตกต่างทำเราใจหายเลยนะคะ
นึกว่าป้องจะตายซะแล้ววว อ่านจบค่อยโล่งหน่อย

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ๊ยย นึกว่าป้องม่องจิง เกือบร้องไห้แล้ว T T

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด