พิมพ์หน้านี้ - ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 10-06-2014 21:27:02

หัวข้อ: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 10-06-2014 21:27:02
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

-------------------------------------------------------------------------





ลดราคาหนังสือนะครับ จากชุดล่ะ 660บาทเหลือเพียง 600บาทเท่านั้น !!!!   จัดส่ง 'ฟรี' ครับ (แบบลงทะเบียน)



TBL-566-110



TBL-566-110


<img src="http://เวปมีไวรัส/images/2014/09/20/159rG7Eu.jpg" alt="159rG7Eu.jpg" border="0" />


เปิดจองแล้วจ้า !!!!

เก็บรัก 

รายละเอียดหนังสือ

เนื้อหา 32 ตอนจบ [รวมตอนจุดห้าทุกตอน]

ขนาด A5
จำนวน 1เล่ม  ราคาต่อชุด 600บาท [รวมค่าจัดส่งแล้ว]

มีจำนวนหน้า 550หน้า[อาจจะเพิ่มหรือลดได้นะครับ]
 
ของแถม

     1. ที่คั่นหนังสือ

     2. ตอนพิเศษ



 – ทางที่ต้องเลือกเดินต่อไป [ไม่ลงในเวป]

   ผมน่าจะรู้....ว่าสักวันหนึ่งเรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้ อาชีพที่เป็นคนของประชาชน.....จะทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ยังไง

ไอ้ป้องนั่งเงียบไมได้มองหน้าผม แต่กลับก้มลงต่ำแทน หน้าจอทีวีเองก็ยังคงฉายข่าวที่ทำให้เราทั้งคูต้องมานั่งก้มหน้าแต่ไม่กล้าคุยกันแบบนี้ จนกระทั้งเป็นผมเองที่อดทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

   “ป้อง.......”

“.............”

   “เราเลิกกัน....ดีไหม......”
             


– บ้านของเรา [ไม่ลงในเวป]

“เปิดตาได้รึยังเกียร์”

ไอ้ป้องถาม ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่ดันหลังมันเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆหยุดเดินแล้วแกะผ้าที่ผูกตามันออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้มันอ้าปากค้างไป ก่อนจะค่อยๆหันมามองหน้าผม

“ป้องครับ.....”

“..................”

“นี้บ้านของเรานะ.....”


–  เติมให้เต็มครั้งสุดท้าย [ไม่ลงในเวป]


   ทุกๆครั้งเวลามีอะไรพิเศษ ผมมักจะตื่นเต้นเสมอๆ

   ..........แต่ครั้งนี้มันคงจะยิ่งกว่าครั้งไหนๆของชีวิต

   ผมเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารในมือ ก่อนจะมองคนที่ออกมาจากห้องลองชุดเจ้าบ่าว มันเดินมาหาผมด้วยท่าที่แปลกๆ ใบหน้าจืดๆดูประหม่าที่เห็นผมในชุดแบบเดียวกันแต่คนละสีนั่งรออยู่

   “กู...โอเคไหม...”

   ไอ้ป้องถามเก้ๆกังๆ ก่อนจะหมุนรอบตัวเองให้ผมดูครั้งหนึ่ง

   ตอนนี้ไอ้ป้องใส่ชุดสีขาว กางเกงแบบไทยๆที่ผมเองก็ไม่รู้จักชื่อของมัน ใบหน้าจืดๆนั้นก็โดนแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางจนดูดี
กว่าปกติ(ทั้งๆที่ปกติก็น่ารักอยู่แล้ว) ผมทรงรากไทรที่เจ้าตัวตั้งใจไว้ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยก็ดูเข้ากับหน้าได้เป็นอย่างดี

   ผมพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดสิ่งที่รู้สึกออกมาเบาๆ

   “ป้อง......”

“............”

“เข้าหอคืนนี้...ไม่ต้องนอนหรอกเนาะ.......”



และตอนพิเศษที่จะลงในเวปเร็วๆนี้อีกสามตอน !!!! อ่านยาวๆไปเลย ตอนพิเศษ100หน้ากระดาษA5+ พิเศษกว่านั้นของแถมเฉพาะรอบจอง โอน20คนแรก!!!! รับไปเลย พวกกุญแจไข่ปลาน้องป้องน้องเกียร์ !!!!

 วิธีการสั่งซื้อ

1)   ส่งเมลในหัวข้อ “สั่งจองหนังสือ เก็บรัก [love keep]” เพื่อขอทราบหมายเลขบัญชีมาที่ love99_jame99
แอทhotmail.com  หรือ แอดไอดีไลน์  jamelaugh  PM. ในแฟนเพจ หรืออื่นๆได้หมดเลยนะครับ ^ ^


ชื่อที่ใช้สั่งจอง :

ชื่อจริง นามสกุลจริง :

ที่อยู่ :

เบอร์โทรที่ติดต่อได้(ใช้แจ้งเหตุทั้งหลายงับ:___;") :

ลำดับคิวจอง : [อันนี้เดี่ยวต่างใส่ให้เองครับ]

ช่องทางติดต่อ :

อินบ็อกแฟนเพจ ข้อความลับเด็กดี  pm.เล้าเป็ด   ไลน์ [id-jamelaugh]  0947875256

Ps.2 ส่งแบบลงทะเบียนจ้า เพื่อเชคหนังสือได้ครับ :)

2)   ภายใน 1 วันจะส่งอีเมลแจ้งรายละเอียดการโอนเงิน หรือตอบกลับในไลน์

3)   สามารถโอนเงินได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2557 โดยหนังสือจะจัดส่งหลังจากปิดการโอนเงินไม่เกิน2อาทิตย์[หรืออาจจะเร็วกกว่านั้น อันนี้เป็นการพูดเพื่อมีเหตุขัดข้องนะครับ]

4) เช็ดรายชื่อคนจอง-โอน ได้ที่กระทู้นี้นะขอรับ !!!! :katai5:


สนใจลองอ่านก่อนได้นะครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42444.0



ผมเคยสงสัย เหตุใดผู้คนจึงแตกต่างมาวันนี้จึงได้เข้าใจ
คนบางคน....
.....แตกต่างกัน
แตกต่าง....
เพื่อ......
.....เติมเต็ม
 




ขอบคุณทุกการสนับสนุนครับ
แตกต่างเติมเต็ม!!!!!   :L2:



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:








"มึง"

"อะไร ?"

ผมเงยหน้ามองมันจากการนอนหนุนตัก ใบหน้านิ่งๆมองตอบแล้วหยุดฟังผมพูด

"กูนึกชื่อเรื่องไม่ออก"

ผมพูดพร้อมชี้ไปที่สมุดเล่มสีเทาในมือ มันหัวเราะเบาๆตามประสาคนแสดงความรู้สึกไม่เก่ง(กูไม่ได้ด้านแบบมึงนิ : ปกป้อง)

"ความรักนี้มันต้องมีชื่อด้วยเหรอวะ ?"

"อะไรนะ ?"

เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะครับ  ? ผมได้ยินไม่ชัด มันพูดเบาเกิ้น

คนถูกถามไม่ตอบแต่เสหน้านิ่งๆไปทางอื่นแทน ไอ้ปากแข็งเอ๊ย

"รัก"

"พูดบ่อยๆไม่เบื่อเหรอ ?"

"รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก"

ใบหน้าสีแทนเริ่มออกสีเลือดฝาดๆก่อนมันจะลุกขึ้นหนีผมไปดื้อๆ

"เชรี้ยป้อง รอกูด้วย"

ผมตะโกนก่อนจะวางสมุดสีเทาในมือแล้วเดินตามมันลงไปข้างล่าง....

นึกถึงวันนั้น


เราที่เรา....


พบกัน....







 

                      #01 นิยามของผมกับไอ้เด็กอัจฉริยะ

                                             


                                       



                                                                 



'แม่ครับ อย่าไป'

ผมยืนมองเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งตะโกนเรียกแม่ของตัวเอง หล่อนไม่เพียงแต่ไม่สนใจ ซ้ำยังสลัดมือน้อยๆของเด็กคนนั้นทิ้ง

'ฉันเบื่อพ่อแกเต็มทนแล้ว วันๆทำแต่งานแต่การ ไม่เคยสนใจฉัน'

หล่อนพูดตวาดก่อนจะก้าวขึ้นรถเก๋งที่มารอรับไป

จากตอนนั้น ผ่านมาแล้วหกปีสินะ...

แม่...

"แม่!!!!!!"

ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นมา แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงความฝันแต่เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้นานมากแล้วทำให้อดไม่ได้ที่จะตกใจ

เหงือไคลผุดขึ้นตัวทั้งตัว โอเคผมเชื่อแล้วแหละ ต่อให้แอร์ในห้องแค่20องศาก็ยังเหงือออกได้อยู่ดี

ผมลุกขึ้นจากเตียงสองชั้น ก่อนจะใช้บาทาเขี่ยๆผ้าปูที่นอนไปขยุ่มๆกับผ้าห่ม แล้วไต่บรรไดลงมาจากเตียงด้านบน(ผมนอนกับพี่สาว แต่หล่อนย้ายไปอยู่กับสามีแล้ว)

ชุดนร.ถูกรีดแบบลวกๆเพราะเข็มสั้นของนาฬิกาที่ชี้ไปเลขเจ็ดแล้วก่อนผมจะรูดบ็อกเซอร์ออกจากตัว กองไว้กับพืนแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป เป็นผู้ชายก็ดีตรงนี้แหละ ตักน้ำจวกๆ ถูสบู่ ราดน้ำอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี(หน้าค่อยไปล้างที่โรงเรียนเอา ตอนนี้รีบ โอเค๊)

ผมแต่งตัวลวกๆเหมือนตอนรีด คว้ากระเป๋านร.ได้ก็ตรงดิ่งออกไปนอกบ้าน มีสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือ ต่อให้เสื่อผ้าของผมจะยับยู่ยี้ขนาดไหน ไงๆก็มีคนยับกว่า

ภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว มันชื่อปกป้อง ชื่อเล่นมันผมไม่ทราบ(และไม่อยากรู้) มันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงพอๆกับเปรตวัดสุทัศน์ชอบทำอะไรคนเดี่ยว

โดยร่วมคือมันสกปรกครับ(ในสายตาของผมกับคนอื่นๆในห้อง) เสื่อผ้าเหมือนไม่เคยผ่านเตารีด ไหนจะรูปร่างหน้าตาอีก(จะว่ายังไงดี คือแบบ ... เอาเป็นว่าหน้าตามันไม่สามารถดึงดูดใครๆได้อ๊ะครับ) แถมนิสัยก็กระเดี๊ยดไปทางพวกตุ๊ดเกย์ซะเหลือเกิน(นิ่ง เงียบ ดูหยิ่งๆ ฟุตบอลก็ไม่เคยเล่น) ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเสวนาสักเท่าไหร่หรอก ร่วมทั้งเพื่อนในห้องด้วย มันเลยดูเหมือนพวกผมแบนมันนะ แต่จริงๆคือก็แค่เฉยๆอ๊ะครับ

ไม่เกลียด แต่ก็ไม่อยากยุ่ง...

นี้คงเป็นนิยามส่วนตัวของผม ที่มีต่อเพื่อนร่วมห้องคนนี้

"ไปโรงเรียนเพลินจิตวิทยาครับ"

ผมบอกพี่วินมอไซร์ก่อนจะโดดซ้อนท้าย

คุณๆก็คงรู้ดี พี่วินไทยขับไวไม่แพ้ชาติใดในโลกไม่ถึงสิบห้านาทีเศษผมก็มาถึงเพลินจิตฯ

ผมใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าประตูเล็กทันก่อนลุงยามจะปิด เยสซุปเปอร์เซฟ!!!! ถ้าช้ากว่านั้นนันหมายถึงตูดของคุณจะได้รับการทักทายจากบราเทนเดอร์หัวหน้าระดับ ที่เด็ดสุดคือโดนตีกลางห้องประชุมโชว์เพื่อมร่วมชั้น(เพราะงั้น วันไหนที่สายจริงๆผมจะยอมหยุด ดีกว่ามาสายแล้วโดนตีตูดประจานเพื่อน)



..


.


.


.


.

"มิสเตอร์ ก้องเกียรติ"

"มาครับ"

ผมขานรับก่อนยกมือให้มิสปราณีเห็นแล้วฟุบตัวลงไปนอนกับโต๊ะไม้ต่อ คาบนี้เรียนอังกฤษครับ บอกเลยว่าโครตง่วง

"คาบนี้ครูจะประกาศคะแนนสอบกลางภาคที่ผ่านมานะค่ะ สำหรับคนที่ตกขอให้คัดบทกวีของบุคคลในประวัติศาสตร์ท่านใดก็ได้มา 50จบ อ้อ ตัวเขียนเท่านั้นนะ!!!"

"เชรี้ยเอ๊ย ตัวเขียนห้าสิบจบ"

ไอ้เบล เพื่อนซี้ตัวกลมที่นั่งข้างๆกันกับผมสถบ มันรู้ตัวดีอยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่ผ่านส่วนผม50/50เพราะในคาบหลับอาศัยเลคเชอร์เอาเลยทำได้บ้างไม่ได้บ้าง มั่วก็มี

"มิสเตอร์ ก้องเกียรติ"

"ครับ"

ผมตุ้มๆต้อมๆนั่งฟังคำตัดสินชะตาชีวิต ส่วนไอ้เบลเริ่มเสิร์จหาบทกวีแล้วเพราะมันได้6เต็ม20

"9.5ปัดเป็น10"

"โหไอ้เวร"

ไอ้เบลหันมาสถบใส่ผมเบาๆที่ไม่ยอมตกเป็นเพื่อนมัน ผมยักคิ้วกวนตรีนกลับ

"มิสเตอร์ปกป้อง"

"....."

"มิสเตอร์ปกป้อง absence ? "

เพิ่งรู้สึกตัวเหมือนกับครับว่าที่นั่งเดี่ยวๆริมประตูวันนี้ ไร้เงาของมัน มิสปราณีทำหน้าตกใจ ก็อย่างว่าครับ ไอ้ปกป้องมันเป็นเด็ก
เรียน ผมจำได้ว่าขนาดวันหลังกีฬาสีมันยังมาเรียน ทั้งๆที่เพื่อนหยุดกันเกือบยกห้องเพราะงั้น การที่มันไม่มาเลยผิดปกติไป

"ฝากบอกด้วยว่าเขาได้20วิชาครู"

มิสปราณีแจ้งไว้กับไอ้ป็อก หัวหน้าห้องคนปัจจุบัน

ที่เขาบอกว่าคนบ้ากับอัจฉริยะมีเส้นบางๆกั่นไว้อยู่ถ้าจะจริง เพราะผมเห็นมันหลับๆตื่นๆแต่ก็ยังสอบผ่านเสมอ ต่ำสุดของมันคือ14ไม่เคยน้อยกว่านั้น

ทำไมผมไม่เกิดมาหัวไวแบบมันมั่งนะ?

ผมส่ายหน้าไล่ความคิดในหัว ทำไมผมต้องเปรียบเทียบด้วยเนี้ย

มันก็คือมัน ผมก็คือผม

ไม่เกี่ยวข้องกันเลย

ผมฟุบตัวลงไปกับโต๊ะอีกรอบ ตำแหน่งที่ผมนั่งคือหลังห้องขวามือ เพราะงั้นเวลาฟุบลงไปก็จะมองเห็นตำแหน่งตรงกันข้ามก็คือ
ซ้ายมือหน้าห้องนั้นเอง

ที่ๆวันนี้ ผมเห็นเพียงโต๊ะสีชาแต่ไร้เงาเจ้าของโต๊ะ...

..

..

.

.


"พรุ่งนี้อย่าลืม เรามีนัดสอบเทสย่อยกันเรื่องกัณฑ์พระนางมัทรี อย่าลืมไปอ่านกันนะ"

"นักเรียนทั้งหมด ทำความเคารพ"

"ขอบคุณครับ"

ไอ้พวกลิงทโมนในห้องประสานเสียงขอบคุณมิสอริสราก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกัน บ้างก็ไปเรียนพิเศษ บ้างก็ไปเตะบอล ส่วน
ผม...


"ไอ้เหรี้ยเกียร์ ไปกันๆ สาวๆรออยู่"

ไอ้อู๋ เพื่อนซี้ผมอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปตะโกนเรียก ผมพยักหน้ายิ้มให้มัน

เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมแก้เบื่อของผมเลยก็ได้ครับ นัดบอร์ดกับสาวคอนแว่นโรงเรียนฝั่งตรงข้ามเนี้ย(ใครใช้ให้ผมติดชายล้วนล๊ะ?หึหึ)ผม ไอ้อู๋ ไอ้เฟรม สามคน พวกผมถูกเรียกว่าสามทหารเสือที่มีสาวๆหลายคนอยากลองของซึ่งผมก็จัดการสนองถึงพริกถึงขิง อยากได้ท่าไหนก็จัดไป

วันนี้เองก็เป็นเหมือนเช่นทุกวัน

มีสาวๆอยาก'ลองของ'เช่นเคย

"มึงนัดไว้กี่คนว่ะ?"

ผมถามมันระหว่างนั่งรอ

"4คน"

"อ้าว พวกเรามีกันสาม"

ไอ้เฟรมแย้ง ไอ้อู๋ยิ้มก่อนจะอธิบาย

"กูขอสองเอง"

"สัส นี้ก้าวหน้าไง"

ผมแซวมันคืนก่อนจะปาทิชชู่ใส่หน้ามัน

"มึงไม่ลองมั่งว่ะ มันส์นะมึงทั้งหน้าทั้งหลัง"

"ไม่อ๊ะ กูไม่ถนัด"

"เห้ยๆ นั้นไงๆ มาแล้วๆ"

ไอ้เฟรมว่าก่อนพวกสาว ๆจะมาถึงพอดี

"รอนานมั้ยค่ะ?"

เสียงใสๆของคนที่เดินนำหน้าทักมา พวกผมส่ายหัวกันเป็นทิวแถว จากนั้นก็เหมือนเดิม โอโจ้ด้วย เอ๊ย ไม่ใช่!!! พวกเราก็นั่งกินไอศกรีมกันไป คุยเรื่องสัมเพเหระก่อนที่จะค่อยๆต้อนหมากเข้ามุม

"เดี่ยวไปอ่านหนังสือกันที่ห้องผมนะ"

ไอ้เฟรมพูด สาวๆเองก็พยักหน้าน้อยๆตอบรับพวกหล่อนเองก็เดินเกมอย่างฉลาดแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าพวกผมชวนไปต่อที่ห้องคืออะไร(ชวนไปตีปังย่ามั่งแสรดดด)

นั่งรถแท็กซี่ไปไม่ถึงสิบหน้าที่ก็ถึงบ้านไอ้อู๋ พอถึงที่หมายแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายครับ อู๋ควงน้องเปิ้ลน้องโอขึ้นห้องไป ไอ้เฟรมก็ชวนน้องปิงไปอ่านหนังสือในห้อง ส่วนผมก็ปั้นหน้ายิ้มให้น้องเหมี่ยว

"ขึ้นไปนั่งเล่นข้างบนกัน"

ผมพูดเสียงใสอารมณ์ดี ก่อนเธอจะยอมเดิมตามเกมของผมขึ้นไปบนห้อง ผมนั่งคุยสักพักก่อนจะค่อยๆลูบแผ่นหลังขอเธอ

"บ้า เกียร์จะทำอะไรอ๊ะ"

หล่อนตีหน้าซื่อไร้เดียงสา ผมยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆดันหล่อนลง เสื้อนร.ตัวนอกที่หลุดร่วงลงพื่นห้อง เป็นสัญญาณให้ผมเริ่มต้นเกม...


..


.

.

.

สองยกผ่านพ้นไป ผมยืนตัวเปล่าอัดนิโคตินเข้าปอดอยู่ริมหน้าต่างฟังเสียงหล่อนสะอื้น

ก็ไม่เข้าใจว่าหล่อนจะร้องทำไม?ในเมื่อก็รู้ตั้งแต่แรกว่านัดมาเพื่ออะไร เพราะงั้นเวลาเจอแบบนี้ผมจะหงุดหงิดนิดหน่อยผมมันพวกขี้รำคาญ

พออัดนิโคตินเข้าปอดจนหนำใจ ผมขยี้ดับไฟบุหรี่เข้าที่ริมหน้าต่างก่อนจะถอดถุงยางออกจากตัว

บอกตรงๆว่าหมด'รมณ์อีกอย่าง ผมหิวข้าวแล้วด้วย กลับบ้านคงดีกว่า

ผมใส่เสื้อผ้าลวกๆปล่อยหล่อนไว้บนเตียง เดี้ยวพวกไอ้อู๋ก็จัดการพากลับบ้านกลับช่องเองครับมันมีรถยนต์นะน่ะ ส่วนผมมันจนมี
แค่cbrแต่ขับเฉพาะวันหยุดนะครับ โรงเรียนผมนอกจากพวกเด็กเส้นกับพวกกรรมการนร.แล้วหมดสิทธิ์ครับ

ผมเดินไปเคาะห้องบอกพวกมันก่อนจะบุ้ยปากเป็นเชิงว่าฝากจัดการด้วย จากนั้น ก็โบกแท็กซีเอา

"ไปซอยอรุณ16ครับ"

คนขับวัยกลางคนพยักหน้าเข้าใจก่อนรถจะเคลื่อนที่ออกไป

โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า อะไรบ้างอย่างกำลังรอผมอยู่

แสงไฟที่สาดส่องจากในตัวบ้านบอกผมว่าวันนี้พ่อกลับบ้านปกติพ่อชอบค้างที่บริษัทหรือไม่ก็สัมนาที่ต่างจัดหวัดแต่สิ่งที่สกิดใจ
ของผม คือรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง

ของใคร ?

ผมสาวเท้าเดินผ่านไปถึงห้องนั่งเล่น พ่อของผมนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง หล่อนยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เพียงแต่ ผมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

"อ้าว เจ้าเกียร์มาพอดี คุณครับนี้ลูกชายของผมชื่อเกียร์"

ผมยกมือไหว้หล่อนตามมารยาท หล่อนยกมือรับไหว้ก่อนจะหันไปมองพ่อผม

"แกดูน่ารักดีนะค่ะ คงเข้ากันได้กับตาป้อง"

หล่อนปิดปากหัวเราะเบาๆกับพ่อผม

นี้ตกลงคืออะไรครับ?

"มัวแต่หัวเราะเพลิน ผมลืมแนะนำตัวให้คุณเลย เกียร์นี้คุณลีลาวดี....

...

..

..







...แม่ใหม่ของลูก"


ผมนั่งนิ่งเงียบช็อก เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน แต่เหมือนฟ้าผ่าซ้ำอีกครั้งเมื่อพ่อผมพูดต่อ

"นับตั้งแต่วันนี้ คุณลีลาวดีเข้าจะมาอยู่กับเรา พร้อมกับ..."

"แม่ครับ ผมจัดห้องเสร็จแล้วน...เกียร์!!!!"

"ปก...ป้อง"

ผมนั่งค้างกลางอากาศ ช็อกพอๆกับมันที่เห็นหน้าผม

"อ้าว รู้จักกันเหรอ งั้นก็ดีกันไว้นะ เราสองคนก็นอนห้องเดี่ยวกันไปนะ"

"ไม่!!!! ผมไม่ยอม ผมไม่อยากมีแม่ใหม่ พ่อลืมแม่ของเราไปแล้วเหรอครับ พ่อทำแบบนี้ได้ไง"

ผมตวาดลั่นปัดแก้วน้ำตกลงแตกกับพื่น พ่อมีสีหน้าตกใจกับการกระทำของผม

ผมหนีปัญหาด้วยการเดินหนีออกไปผลักร่างของไอ้ปกป้องที่ยังทำหน้างงๆออกไปก่อนจะวิ่งขึ้นชั้นบนล็อกห้องนอนตัวเองไว้

ถ้านิยามของเมื่อตอนเช้าที่ผมมีให้มัน คือเฉยๆและไม่อยากยุ่ง คำนิยามของผมที่มีต่อมันตอนนี้คงต้องเปลี่ยนไป

ผมเกลียดมัน

ผมเกลียดทุกคน เกลียดทุกสิ่ง เกลียดทุกอย่างที่คิดจะมาพรากความรักที่มีต่อแม่ของพ่อผมไป

ตราบใดที่พวกมันยังคิดจะอยู่ในบ้านของผมอย่าหวังเลยว่าจะมีความสุข




              " I feel like  I can be anything with you.  "  #ปกป้อง



                                                                                                       
                                                                                                                                             
                                                                                                                                         

                                                                                                                                         
 
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #01นิยามของผมกับไอ้เด็กอัจฉริยะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-06-2014 22:51:19
อ๋าว!! กลายเป็นเกลียดสะงั้น
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #01นิยามของผมกับไอ้เด็กอัจฉริยะ
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-06-2014 02:25:53
น่าสนุกดีอ่ะ
คราวนี้ปกป้องโดนแกล้งแน่เลย อยู่ห้องเดียวกันด้วยนี่นา

ตอนที่ป้องไม่อยู่ คนเขียนหมายถึง absence รึเปล่า
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #01นิยามของผมกับไอ้เด็กอัจฉริยะ
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 11-06-2014 10:20:27
อ้าวว งานใหญ่เลยนะเนี้ย แม่เลี้ยงกับลูกติด  :katai2-1:

รอจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 11-06-2014 13:48:20
                                              #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?

เข็มนาฬิกายังคงเดินต่อ

แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่

วันนี้ผมตื่นเร็วเป็นพิเศษ อาจเพราะเมื่อคืนอะไรหลายๆอย่างทำให้ผมเลือกที่จะข่มใจ แล้วหนีทุกสิ่งด้วยการ'หลับไปดื้อๆ'ผมภาวนาให้เมื่อคืนเป็นแค่ฝัน

แต่ร่างของเด็กผู้ชายรุ่นเดี่ยวกันที่นอนอยู่เตียงชั้นร่างเป็นหลักฐานว่านี้คือความเป็นจริง

ใบหน้าของมันนอนหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกยังคงสม้ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าของลมหายใจยังคงหลับอยู่

"จะจ้องกูอีกนานไหม?"

โอเค มันตื่นแล้วล่ะ

ผมสะบัดหน้าหนีมันที่พูดทั้งๆที่ยังหลับตา

แมร่งรู้ได้ไงว่ากูมอง?

"แม่กับคุณอาไปสัมนากลับวันเสำร์"

มันลุกขึ้นบิดขี้เกลียดพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพับผ้าห่มสอดไว้ใต้หมอน

"หน้าด้าน"

"..."

"พวกมึงสองคนแม่ลูกนี้โครตหน้าด้านเลย นี้คิดจะเกาะพ่อกูกินสินะ"

ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ผมคิดว่ามันจะฟิวล์ขาดและพุ่งเข้ามาชกผมซะอีก(นั้นแหละที่รอ มึงพุ่งกูสวน)

ปกป้องมองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมดูไม่ออกว่าคิดอะไร ก่อนมันจะเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัว

ผมกัดฟันกรอด ที้งตัวลงกับเตียง ความรู้สึกเกลียดชังมากมายถาโถมเข้าสู่จิตใจ ทำไมพ่อของเขาถึงต้องพาใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้า
บ้าน ทำไมถึงไม่ตามแม่จริงๆของเขากลับมาและทำไม มันถึงได้นิ่งได้ขนาดนี้? เชื่อเถอะ ว่ายังไงๆผมก็ต้องหาทางไล่พวกมันสองแม่ลูกออกจากบ้านนี้ให้ได้!!! ขั้นแรกคงต้องทำให้พวกมันใช้ชีวิตลำบากในการอยู่ในบ้านหลังนี้

ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำลาย"บ้าน"ของผมหรอก

ไม่มีวัน...

เสียงฟักบัวถูกปิดก่อนมันจะออกมาจากห้องน้ำ ผมจ้องมันด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ อีกฝ่ายรับรู้ แต่ก็นิ่งเหมือนเคย

"เอาผ้าเช็ดตัวมา"

ผมพูดเสียงกร้าว มองหน้าจิก คนตรงหน้ายังแสดงสีหน้านิ่งเสมอต้นเสมอปลาย มันดึงปลายผ้าขนหนูที่พันหลวมไว้กับช่วงเอว

ออกมาก่อนจะปาใส่บ้านผม


"ก็เอาไปดิ่........





อยากได้ของ'ใช้แล้ว'จากกูก็บอก"  
ถ้อยคำเสียดสีครั้งแรกปรากฏออกจากปาก ผมแทบจะถลาตัวเข้าไปซัดไอ้คนปากดีตรงหน้าสักหมัดสองหมัด แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะปาผ้าขนหนูทิ้งแล้วเดินเข้าห้องน้ำแทน

ตุ๊ดเหรี้ยไรยืนห่มลมห่มฟ้าได้แบบมัน แทบยังไม่มีที่ท่าอายแม้แต่น้อย

แมร่งเอ๊ย ยิ่งขึ้นถึงฉากเมื้อกี้ยิ่งหงุดหงิด!!!

ใหญ่กว่ากูได้ไงว่ะ!?!?


..


.


.

.



"อย่าลืมตรวจเช็ครหัสฝนดีๆ ข้อไหนลบก็จัดการให้มันสะอาดๆ"

มิสอริสราพูดย้ำในระหว่างสอบเทสย่อยกันฑ์พระนางมัทรี ผมขยี้หัวหน่อยๆเพราะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง

เหลือบมองไปหามุมประตูแบบไม่ได้ตั้งใจ ผมเห็นมันนอนฟุบกับโต๊ะไปแล้ว จะว่าไปผมยังไม่เคยเห็นมันทำข้อสอบพวกนี้เกินสิบหน้าที่ด้วยซ้ำ

ไอ้พวกอัจฉริยะที่น่าหมั้นไส้

เมื่อเช้าหลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกับมันต่างคนต่างไม่พูดอะไร พอแต่งตัวเสร็จผมก็จ้ำอ้าวออกจากบ้านทิ้งมันไว้คนเดี่ยว พออยู่บนรถเมล์สายตาของผมก็เสือกหันไปเจอมันอยู่ในรถแท็กซี่ มันเห็นผม ผมเห็นมัน

สุดท้ายก็ผมเองนั้นแหละที่เลือกจะหลบสายตาออกจากจุดๆนั้น

"หมดเวลาทดสอบแล้ว มิสเตอร์ปกป้อง ครูรบกวนช่วยเก็บกระดาษคำตอบกับกระดาษคำถามที่"

มันเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะลุกไล่เก็บกระดาษของเพื่อนๆ ผมเหลืออีก5-6ข้อ เหรี้ยเอ๊ยกาข้อไหนดีว่ะ

"ก ก ค ง ข ค"

เสียงที่เบาเหมือนกระซิบพูดขึ้น มันแกล้งทำที่เป็นจัดกระดาษเรียงให้สวยงาม ผมกาลวกๆตามที่มันบอกไปก่อนดีกว่าไม่กาซึ่งนั้น
หมายถึงศูนย์

พอยื่นกระดาษคำตอบ คนเก็บก็ตีหน้านิ่งก่อนจะเดินเก็บต่อไป

เหมือนเมื้อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

ผมมองตามแผ่นหลังของมันด้วยความไม่เข้าใจ

ก็ในเมื่อผมแสดงออกชัดเจนว่าเกลียดมันกับแม่ของมัน

แล้วทำไมมันถึงยังช่วยผม?

ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ



..


.


.


.


.


"ไอ้เกียร์ วันนี้ไปอีกป่าว?"


เสียงไอ้อู๋ทักผม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบเพราะอยากไปจัดการอะไรบางอย่าง

พอหมดคาบสุดท้าย'เหยื่อ'ก็เดินออกจากห้องเรียนไป ผมรีบยัดของใส่กระเป๋าลวกๆก่อนจะรีบวิ่งตามมันไป

'เหยื่อ'ของผมใส่หูฟังก่อนจะเดินไปชิลๆ โดยที่มันก็ไม่รู้หรอกว่ากำลังจะโดนอะไร...

จุดหมายปลายทางคือห้องสมุดหน้าโรงเรียน เพราะเป็นคาบที่เลิกเรียนแล้วในหลายๆระดับ เด็กๆเลยเดินขวักไคว้ยืนออกันไปมาบริเวณหน้าห้องสมุด ผมเห็นมันวางกระเป๋าไว้กับโรงเท้าที่ชั้นวางของ ก่อนจะเดินเข้าห้องสมุดไป

ผมอาศัยช่วงชุลมุนเดินปะปนไปกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดกัน ก่อนจะเดินเบียดๆให้รองเท้าคู่เก่าของมันตกลงมากับพื่น
ขั้นตอนต่อจากนั้นก็ง่ายแล้วครับ แค่เตะให้รองเท้าของมันกระเด็นไปไกลเกินรัศมีของกล้องวงจรปิดก็พอ หลังจากนั้นก็เดินสะเปะ
สะปะแยกไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะวิ่งอ้อมไปอีกด้านหลบมุมกล้องวงจรปิด

เพียงแค่เท่านี้ ผมก็ขโมยรองเท้ามาได้อย่างไม่อยากเย็นอะไรเลย

ผมคีบรองเท้าคู่เก่าของมันไปทิ้งลงถังขยะหลังโรงเรียนอยากจะเห็นสีหน้าของมันตอนมันรู้ว่าโรงเท้าตัวเองหายจริงๆ

ว่าไงละครับพ่ออัจฉริยะ มึงจะแก้ปัญหานี้ยังไง?

ผมนั่งอยู่ตรงศาลาเล็กที่อยู่ห่างเยื้องๆกันออกไป นั่งเล่นฆ่าเวลาด้วยการนั่งจิ้มไอพอดรอประมาณสี่โมงเย็นมันก็เดินออกมาจากห้องสมุด

ผมเปลี่ยนไอพอดในมือเป็นโหมดวีดีโอระยะไกล ซูมจนเห็นใบหน้าของมันกำลังยืนนิ่งๆอยู่ตรงกระเป๋า ไอ้ปกป้องยืนเกาหัวแกรกๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุดอีกรอบ

ประมาณห้านาที่ต่อมา มันเดินออกมาพร้อมป้าไก่ บรรณธิการห้องสมุดก่อนทั้งคู่จะชี้ไปที่มุมกล้องตัวหนึ่งแล้วป้าไก่ก็เดินเข้าห้องสมุดไป ผมเห็นมันยืนนิ่งๆตรงนั้น ก่อนจะหมุนตัวมองไปรอบๆแล้วหยุดตรงเลนส์กล้องไอแพดของผม

แววตาที่มองผ่านกล้องของมันเหมือนจะหยุดนิ่งไปดื้อๆก่อนจะค่อยๆขยับปาก

‘แอบมองเหรอ ?’

ผมชักรู้สึกเกลียดไอพอดของตัวเองที่เห็นชัดจนเกินไป และรู้สึกเกลียดตัวเองที่เสือกอ่านปากของมันออก แต่จะหลบหน้าตอนนี้ก็
ไม่ได้เพราะถ้าทำแบบนั้นมันจะจับได้นะสิว่าผมเป็นคนแกล้งมัน สุดท้ายผมเลยต้องทนจ้องไอ้พอดที่ซูมหน้ามันต่อไปแม้จะอยากกดปิดแค่ไหนแต่เพื่อบางสิ่งที่ผมคิดว่ามันจะทำ ทำให้ผมเลือกที่จะกดอัดวิดีโอต่อไป

ประมาณห้านาทีเศษเห็นจะได้ มันส่ายหัวเบาๆก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง ผมกำลังลุ้นในใจขอให้มันทำอะไร’บางอย่าง’ตามที่ผมคิด

ปกติแล้วเวลาคนเราทำรองเท้าหายคุณจะทำยังไงต่อครับ ?

มันเป็นสัญชาติทะยานการเอาตัวรอดของมนุษย์ สิ่งที่ทำให้คนเราดูน่ารังเกลียด นั้นคือการ’เห็นแก่ตัว’ขอเพียงแค่ตัวเองปลอดภัย
ก็ไม่สนแล้วว่าใครจะเป็นยังไงหรือจะรู้สึกยังไง

และผมคิดว่าคนในวีดีโอที่กำลังอัดตอนนี้ ก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์ทั่วๆไปสักเท่าไหร่หรอก

จะอัจฉริยะยังไง ก็เป็นแค่’มนุษย์’ที่ยังคงมีซึ่งความบาปอยู่ดี...

ไอ้ปกป้องเดินไปที่ชั้นวางของก่อนพิจารณาอะไรบางอย่างของมันเองอยู่เงียบๆ ผมนั่งลุ้นจนตัวเกร็งหวังเพียงให้มันขโมยรองเท้า
คู่ใดคู่หนึ่งไป

ห๊ะ.... อย่าบอกนะว่าถ้าเป็นคุณที่ทำรองเท้าหายไป จะเดินกลับแบบนั้น ผมไม่คิดว่าใครมันจะดีได้ขนาดนั้นหรอก

เพียงแต่ก็อย่างที่บอกไป ปกป้องมัน’แปลกคน’ ไอ้เรื่องที่ผมคิดนะมันอยู่ในขอบเขตของคนทั่วไป แต่ไอ้สิ่งที่มันทำนะ...

มันหยิบโพล์-อิทเล็กๆขึ้นมาเขียนก่อนจะแปะไว้และถอดถุงเท้าคู่สีขาวออกก่อนจะยัดไว้ที่กระเป๋าหลัง

ผมกดปุ่มบันทึกคลิปวีดีโออย่างยอมแพ้ เมื่อคนถูกแกล้งเดินออกไป’เท้าเปล่า’ แล้วเดินถือกระเป๋าอาดๆออกนอกโรงเรียนไปโดยไม่สนใจทุกสายตาที่จับจ้องมัน มันเดินไปจนถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ไปดื้อๆแบบนั้น

ไม่ได้อยากจะสนใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเขียนอะไรไว้ที่โพล์-อิท สองขาของผมเดินก้าวเข้าไปก่อนตัวอักษรเล็กๆจะผ่านสายตาผม เสมือนมันยืนพูดข้างหู

                 ‘รองเท้าคู่นั้น ถ้าอยากเอาไปใส่เราไม่ว่า แต่อย่าทิ้งมัน มีเด็กอีกมากที่ยังขาดแคลนรองเท้า
        ลงชื่อ ปกป้อง(ผู้บริจาครองเท้าอย่างเป็นทางการแก่เด็กยากไร้)’


ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนชา หมัดทั้งสองข้างก่ำแน่นเข้าหากัน

ไอ้ปกป้อง แสบนักนะมึง!!!



..


.




.


.


เกือบๆทุ่มกว่าแล้ว ไอ้ปกป้องยังไม่กลับมาถึงบ้าน

เปล่าครับ ที่กล่าวถึงมันแบบนั้นไม่ใช่ว่าผมห่วงมันหรือว่าอะไรหรอกนะ ผมแค่อยากรู้เฉยๆว่ามันไปไหน เพรากลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงกว่าๆก็ไม่เจอมันแล้ว แต่ก็นั้นแหละหายไปได้ก็ดี ถ้าจะให้ดีช่วยหายไปตลอดกาล

ผมนั่งเล่นคอมไปเรื่อยๆก่อนจะคลิกเข้ายูทูปแล้วบัญชีผู้ใช้งานของผมก็เด้งขึ้นมาแจ้งเตือนว่าแชแนลที่ผมติดตามอันหนึ่งได้ทำการอัพเดทคลิปวีดีโอใหม่ลงบนยูทูปแล้ว

‘อามัวแชแนล’

ชื่อนี้เป็นชื่อของช่องวีดีโอบนยูทูปช่องหนึ่งที่ผมบังเอิญเจอจากการแชร์ของเพื่อนคนหนึ่งในโซเชียล เพียงแค่ฟัง coverเพลงแรกของคนๆนี้ผมก็แทบจะสมัครตัวเป็นFcทันที่ จะว่าด้วยความขั้นเทพในการดีดกีตาร์โปร่งให้ออกมาทรงพลังขนาดนั้น หรือจะน้ำเสียงทุ้มๆนั้นก็ตามแต่ ผมรู้สึกว่ามันเป็นcoverเพลงที่ดีมากๆจนอดไม่ได้ที่จะติดตามแชแนลของเขา

เพลงที่ปล่อยออกมาแต่ละเพลงล้วนแล้วแต่เป็นเพลงแนวแอบรักแต่ไม่สมหวัง หรือไม่ก็ออกแนวตัดพ้อซะมากกว่า ผมมโนไปเองว่าคนcoverเพลงนี้น่าจะกำลังแอบรักใครสักคนอยู่ เพียงแต่คงคิดว่าตัวเองแห้วแน่ๆเลยตัดใจ

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมชอบเพลงของเขา เพราะทุกคลิปวีดีโอที่ออกมา ล้วนแล้วแต่ไม่ออกหน้าคนดีดกีต้าร์หรือว่าคนร้องเพลง ไม่มีการแนะนำตัว ไม่มีชื่อใดๆ ให้เรียกขาน ไม่มีช่องทางการติดต่ออื่นๆทั้งในโลกโซเชียลหรือโลกมีเดียล้วนแล้วแต่ไร้ตัวตนของเขา หลายๆคนหรือหลายๆค่ายเพลงต่างก็อยากจะรู้จักตัวจริงของเขาทั้งนั้น เพียงแต่เจ้าตัวออกมากล่าว(พิมพ์)เพียงสั้นๆว่า

‘อยากมองให้เห็นเป็นอะไรก็เป็นได้ อยู่ที่ใจคนมอง’

ผมชอบวีธีการดำเนินเรื่องในการถ่ายทอดเพลงๆหนึ่งออกมาจากในสไตล์ของเขา ไม่ต้องคิดว่าเขาเป็นใคร หนุ่มหรือแก่ เด็กหรือผู้ใหญ่ หล่อหรือขี้เหร่ แค่ชอบในสไตล์การร้องเพลงของเขาก็พอ

วีดีโอคลิปตัวใหม่เพิ่งอัพโหลดเสร็จประมาณเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เอง ผมมองชื่อเพลงก่อนจะกดเล่นมันขึ้นมา

‘ถ้ายังรัก เครสเชนโด้-cover.โดย อามัว.’

เสียงกีต้าร์โปร่งดังคลอมาเบาๆ ก่อนจังหวะจะค่อยๆเปลี่ยนจนเข้าสู่เนื้อเพลง

‘ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ แค่ลองฟังเสียงข้างในมันบอก
ว่ายอมแพ้แล้วหรือยัง
ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ บอกว่าไม่ไหวหรือยัง
ลองถามใจตัวเองให้ดังๆ สักครั้ง

ยังเชื่อในความรักหรือเปล่า
เชื่อในคำๆ นี้แค่ไหน
ทางแยกในวันนี้คงทำให้เราได้เข้าใจ

ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว หัวใจไม่หวั่นไหว
จะยากเย็นซักแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัว
ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว แม้ไม่ใช่ความฝัน
รักคือเธอกับฉัน มีกันและกันด้วยความรัก

ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ
ถ้ายังคงรักก็ไม่มีวัน ที่จะเดินหนีไป
ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ถ้าหากหมดใจแล้ว
ยังจะฝืนต่อมันคงไม่มีทางใช่ไหม

ยังเชื่อในความรักหรือเปล่า
เชื่อในคำๆ นี้แค่ไหน
ทางแยกในวันนี้คงทำให้เราได้เข้าใจ

ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว หัวใจไม่หวั่นไหว
จะยากเย็นซักแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัว
ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว แม้ไม่ใช่ความฝัน
รักคือเธอกับฉัน มีกันและกัน

ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว หัวใจไม่หวั่นไหว
จะยากเย็นซักแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัว
ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว แม้ไม่ใช่ความฝัน
รักคือเธอกับฉัน จับมือไปด้วยกันด้วยความรัก’


หลังจบเพลง ผมกำลังจะคลิกเปลี่ยนไปเป็นเพลงอื่นๆของเขาแล้ว ถ้าไม่ติดซะแต่ว่า คำพูดจากเจ้าของเพลงค่อยๆลอยขึ้นมาในฉาก ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยนะครับเนี้ยที่เจ้าของcoverพูดอย่างอื่นนอกจากประโยคนั้นกับชื่อเพลง(แม้เขาจะไม่ได้พูด แต่พิมพ์แทนก็เถอะ)

“คุณครับ ....เชื่อใน’รัก’ไหมครับ ?”

ถ้อยคำสั้นๆเพียงไม่ถึงประโยคเรียกคอมเม้นท์แสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนาๆ บางก็ว่าอามัวกำลังมีความรัก บางก็ว่าผู้หญิงคนที่เขาชอบรับรักเขาแล้ว แต่เจ้าของวีดีโอไม่ทั้งตอบรับหรือปฏิเสธ ใช้เพียงความนิ่งเป็นคำตอบ ผมเองก็อดใจไม่ได้จนคอมเม้นท์กับเขาบ้าง


“ขอให้คนๆนั้นชอบคุณไว้ๆนะครับ...”
ผมกดส่งคอมเม้นท์ก่อนจะเปลี้ยนไปฟังคลิปcoverของคนอื่นๆบ้าง




"When I first met you, I never would have imagined
that I would have such strong feelings for you." #ก้องเกียรติ์



TBC.
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2014 15:56:03
ปกป้องหรือเปล่ายังไม่กลับบ้านเพราะมัวแต่ไปทำเพลง
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: stickieeZz ที่ 11-06-2014 19:14:50
มันน่ารักมากกกกกกก :hao7: :hao7: :hao7:

ติดตามมม :mc4:

มาต่อไวๆนะครับ^^
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-06-2014 02:20:29
ชอบอ่ะ สนุกมากๆเลย  :m3:
ปกป้องนี่เป็นพระเอกใช่มั้ยเนี่ย ตอนนี้รังสีเมะกระจาย หึหึหึหึ  :hao6:
ปกป้องนี่มาดนิ่งขรึมเท่ห์ใช้ได้เลยนะเนี่ย เกียร์แกก็เลิกแกล้งเขาเถอะ แกจะอารมณ์เสียเปล่า

ปอลิง: พิมพ์ผิดเยอะพอสมควรเลยจ้า บางอันพิมพ์ผิดแล้วความหมายเปลี่ยนไปเยอะเลย
แล้วที่ใช้ถ่ายรูปเนี่ย ไอแพด ไอพอด หรือ มือถือกันแน่ เห็นใช้สลับกัน  :mew5:
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 12-06-2014 06:36:37

คุณ B52

- จะใช้หนูป้องรึเปล่า ต้องติดตามกันต่อเพราะตัวละครยังไม่หมดสต็อกจ้า ^___^

คุณ Inwoสูs

- ขอบคุณจ้า ติดตามต่อเนาะ

คุณ IsDeer

-อื้มมมม เรื่องใครกดใครเราขอยังไม่พูดถึง เอาเป็นว่า 'อะไรๆก็เกิดขึ้นได้' :P

ปล. แก้ไขตามที่ท้วงแล้วเน้อ ขอบคุณมากๆจ้าที่ท้วง เราเองก็พิมพ์เพลิน
 
คุณ stickieeZz


ขอให้มีความสุขกับนิยายจ้า  ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน  :L2:

- ขอบคุณจ้า จะพยายามมาต่อไว้ๆนะ
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 12-06-2014 08:54:59
รอด้วยจร่า า สนุกมาก  ติดตาม ตามติด น๊ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 12-06-2014 10:26:19
ชอบเลยเรื่องนี้ ติดตามนะคร้าบบบบ

 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: เสน่ห์นางนวล ที่ 12-06-2014 10:41:25
ึสนุกค่ะ ลงชื่อรอด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 12-06-2014 15:27:13
                                               
     #03ซักผ้า ซองยา และ นามบัตร




เช้าวันที่ห้าแล้วที่ผมตื่นมาพบใบหน้าของมันอยู่บนเตียงชั้นล่างผมแปลกใจนิดๆว่ามันเข้ามานอนตอนไหน เพราะเมื่อคืนกว่าผมจะนอนก็ล่อไปห้าทุ่มกว่าแล้ว


อีกเรื่องคือ พอผมตื่น มันก็ตื่นตาม จริงๆนะครับ ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา ผมแกล้งตื่นสายบ้าง ตื่นก่อนไก่ขันบ้าง แต่พอผมขยับตัว มันก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ(ไม่เคยแย่งเข้าห้องน้ำทันเลย เตียงมันอยู่ข้างล่างครับ)


ช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ที่ผ่านมา ผมหาทางแกล้งสารพัดแล้วครับ ขโมยรองเท้า ทำเสื้อนร.มันเปื้อน ทำสมุดการ์บ้านมันหายบ้างและ แต่ประติกิริยาที่เป็นฟีดแบ็คกลับมาก็มีเพียงแค่สีหน้านิ่งๆของมันและท่าที่เฉยๆไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ผมรู้ว่ามันรู้ว่าผมแกล้ง แต่ทำไมถึงยังนิ่งเฉยได้ขนาดนั้น ถ้าเป็นผม โดนแกล้งแบบนี้ก็รับรองครับว่ามีมวยแน่นอน!!!


วันนี้วันเสาร์...ปกติแล้วผมจะตื่นสายมากๆแต่เสาร์นี้ไม่ปกติสักเท่าไหร่เพราะมีกาฝากแบบมัน ผมตัดสินใจลุกจากที่นอน เขี่ยๆที่นอนเข้าๆไปสุมกันไว้ที่หัวนอนตามเดิม แน่นอนว่าพอผมตื่นมันก็ตื่น ผมเพิ่งสังเกตว่ามันดูสะลึมสะลือนิดๆ ตาคู่เรียวของมันก็ดูเหนื่อยๆชอบกล


ก็เรื่องของมันไม่ใช่เหรอว่ะ...


ผมสะบัดหน้าสองสามที่ ก่อนจะเดินหาตะกร้าผ้าไล่เก็บกางเกงในที่ถอดไว้มั่วซั่วกับพวกเสื้อผ้าที่กองไว้เรี่ยราดไปทั่วในห้อง ก็อย่างที่บอก ผมมันเด็กผู้ชายนี้หว้า ห้องรกนี้เรื่องธรรมดามากครับ


ผมเดินเก็บได้สักพักก็เห็นตะกร้าผ้าของมันวางอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ น่าแปลกทีเสื้อผ้ามันดูสกปรกๆแต่มันกับแยกและจัดการอย่างเป็นระเบียบกับกองเสื่อผ้าร่วมทั้งข้าวของเครื่องใช้ของตัวเอง


ไม่ทันไรคนถูก(คิด)พาดพิงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ


มันยังคงทำตัวเป็นปกติเหมือนทุกๆวัน ผ้าขนหนูพันเอวไว้หลวมๆเพียงแต่วันนี้ตามันยังคงปิดๆเปิดๆแม้จะเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาก็ตาม


"ฝากซักด้วย"


มันพูดพร้อมชี้ไปที่ตะกร้าผ้าหน้าห้องน้ำ ผมเบ๊ปากก่อนจะตอบ


“ทำเองดิ ของตัวเองก็จัดการเอง”


ชิ เรื่องอะไรผมจะต้องเอาไปซักให้มันด้วยครับ ไม่ใช่ญาติซะหน่อยถึงตอนนี้จะมีศักดิ์เป็นญาติก็เถอะ แต่ถ้าผมไม่นับใครจะทำไม ?(อย่าถามนะว่าผมกับมันใครพี่ใครน้องเพราะผมเองไม่รู้วันเกิดมันและไม่คิดจะรู้ด้วย!!!)


มันยืนบื้อๆนิ่งๆของมัน ก่อนจะเดินถือตะกร้าผ้าเดินตามผมไปทางเครื่องซักผ้าหลังบ้าน เนื่องจากบริเวณโดยรอบของบ้านผมคล้ายๆอยู่ในสวนครับ ข้างหลังมีลำธารเล็กๆไหลผ่าน (ก็อยู่ในซอยลึกพอดูนิ) บ้านของผมตั้งเครื่องซักผ้าไว้หลังบ้านครับแล้วต่อสายน้ำทิ้งไปที่ท่อระบายน้ำหน้าบ้านแทน ยุ่งยากหน่อยแต่เพื่อสมดุลระยะยาวพ่อเลยยอมทำ(โดยมีผมช่วยด้วยนั้นแหละ)


เพียงแต่ ...ปกติแล้วเครื่องซักผ้าของผมมันก็ทำงานด้วยดี







แล้วไหงมันมาเสียวันนี้ว่ะ!!!!




ผมยืนหัวเสียอยู่ด้านหน้าเครื่องซักผ้า เคาะก็แล้ว ด่าก็แล้ว ทุบก็แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือความเงียบสงบจากเครื่องซักผ้าที่ดังตอบกลับมา เหรี้ยเอ๊ยมาเสียอะไรวันนี้ว่ะ แล้ววันจันทร์กูจะเอาผ้าขี้ริ้วที่ไหนห่อหุ้มตัวป๊ายยยยย



“มีแปรงซักผ้าไหม ?”


ผมสะดุ้งหน่อยๆกับเสียงที่ดังขึ้นข้างตัว ลืมไปเลยเหมือนกันว่ามันเดินตามด้วย


“ตกลงว่าแปรงนะ มีไหม ?”


มันถามย้ำเมื่อผมยังยืนนิ่ง(สงสัยติดนิ่งจากแมร่งล่ะครับ)


“มี”


“กระละมังใบใหญ่ๆมีไหม”


รอบนี้ผมพยักหน้าแทนคำตอบ


“ไปเอามา”


“มึงจะทำอะไรว่ะ ?”


“เอากะละมังกับแปรงมาผัดข้าวมั่ง ถามได้”


คนข้างๆผมเล่นมุขหน้าตาย ก่อนผมจะรู้สึกว่าเถียงมันไปก็คงแพ้อยู่ดีเลยยอมแพ้เดินไปหาของตามที่มันว่าออกมา


ใช้เวลาหานิดหน่อยเพราะตั้งแต่มีเครื่องซักผ้าผมก็แทบไม่ได้สัมผัสของพวกนี้ด้วยซ้ำ ผมหยิบทุกอย่างที่มันต้องการใส่ลงไปในกะละมังก่อนจะยกมาให้มัน มันรับกะละมังเสร็จก็เดินไปหยุดตรงมุมก๊อกน้ำเล็กๆข้างกำแพง


“เห้ย แยกผ้าสีกับผ้าขาวด้วย”


มันท้วงติงหลังผมเทเสื้อผ้าทั้งหมดลงไปในกะละมังเดี่ยว



“ยุ่งยากว่ะ ซักๆไปเหอะ”


“ไม่ได้ เดี่ยวผ้าขาวสีตกใส่ เลอะตายพอดี”


พูดไม่พูดเปล่า มันเดินมาหยิบกะละมังของผมเขยื้อนไปก่อนจะแยกผ้าขาวและผ้าสีร่วมกับของมัน


“เห้ย รวมทำไมว่ะ”


“รวมๆไปเหอะ กะละมังไม่พอ”


มันเงยหน้ามองผมในขณะที่มือก็เทไฮเตอร์ลงไปในกะละมังเสื้อนร. สรุปแล้วตอนนี้เสื้อผ้าผมกับมันก็ไปแช่ร่วมกันในกะละมัง
เดี่ยวกัน ส่วนผ้าสีก็แช่แยกไปในอีกกะละมังหนึ่ง สรุปคือยังไงๆผมก็ต้องช่วยมันซักสินะ


“ช่วยกูซัก”


มันว่าก่อนจะใช้ตรีนเขี่ยๆเก้าอี้ตัวเล็กๆอีกตัวให้ผมนั่ง ไม่ได้อยากจะช่วยนะครับ แต่ยังไงๆในนั้นมันก็มีผ้าผมนิครับ สุดท้ายก็เลยตามเลยนั่งลงช่วยมันซักอยู่ดี


“ซักผ้าขาวก่อน ผ้าสีไว้ที่หลัง”


“เออ”


สุ่มหยิบเสื้อตัวแรกผมก็หยิบได้ของตัวเอง ส่วนมันหยิบได้เสื้อผม


สี่มือ สองแรงช่วยกันขยี้ผ้า ก่อนเสื้อนร.ตัวแล้วตัวเล่าจะผ่านมือผมกับมันไป พอหมดเสื้อของผม ผมก็ช่วยมันซักเสื้อของมันต่อ
ถึงจะไม่ชอบหน้ามันแต่ยังไงผมก็ไม่ใช่พวกไม่รู้คุณคนนะครับเพราะมันเองก็ช่วยซักเสื้้อของผมนิ ผมออกแรงขยี้ๆเสื้อมันเป็นการระบายอารมณ์ไปในตัวก่อนผมจะสังเกตเห็นบางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของมัน


ซองยาเก่าๆซีดๆสีชาถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ผมยี้ตาลงอ่านอักษรหวัดๆจางๆตรงถุงยาที่ละตัว บางตัวก็จางมากเกินไปจนผมอ่านไม่ออกว่าเป็นตัวอะไรกันแน่


‘A...m......o...…..p….i’



ผมไม่ทันจะอ่านชื่อตัวยาจบ ไอ้ปกป้องก็ดึงซองยาเก่าๆนั้นออกจากมือผมแล้ว อะไของมันว่ะ?!?!


“เดี่ยวกูเอาไปทิ้งเอง ซองวิตามินนะ“


มันพูดเสียงเรียบ แต่ไม่รู้เพราะอะไร...


ผมรู้สึกว่าเสียงมันสั่นแปลกๆ


ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจอีก แล้วลงมือขยี้ผ้าต่อไป เพียงแต่พอขยี้ตัวใหม่ผมก็เห็นว่ามันมีกระดาษแข็งสีเหลี่ยมเล็กๆคล้ายๆพวกนามบัตรอยู่ในกระเป๋าเสื้อของมัน(อีกแล้ว รอบหน้าถ้ากูเจอขอให้เจอแบงค์ยี่สิบนะ ช่วงนี้กูช็อต-  -)


‘เชิดยุทธ กีต้าร์โปร่งและเครื่องดนตรีทุกชนิด’


นามบัตรร้านค้าเก่าๆใบนี้ไม่ได้โดนดึงเหมือนซองยาสีชา คนซักผ้าข้างๆผมแค่มองแล้วก็ลงมือขยี้ต่อไป ผมเองก็ไม่ได้คิดจะเซ้าซี้หรืออยากรู้อะไรหรอกว่าในกระเป๋าเสื้อมันมีนามบัตรเก่าๆของร้านขายเครื่องดนตรีได้ยังไง ต่างคนเลยต่างซักกันต่อไป จนในที่สุดเสื้อผ้านร.พวกผมกับมันก็ขาวสะอาดสดใสทุกตัว


   มันดึงสายยางก่อนจะเปิดน้ำก๊อกลงไปในกะละมังสะอาด รอจนน้ำเต็มแล้วเราทั้งคู่ก็ค่อยๆใส่เสื้อนร.ลงไปที่ละตัวสองตัว ก่อนจะช่วยกันบิดให้มันหมาดๆแล้วใส่ตะกร้ารอเอาไว้ค่อยเอาไปตากพร้อมผ้าที่เหลื่อครับ ขี้เกลียดลุกไปลุกมา ผมกับมันย้อนกลับกันมาที่กะละมั่งน้ำแฟ้บเดิมอีกรอบ ก่อนผมจะเร่งขยี้ผ้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะเริ่มรู้สึกหิวนิดๆแล้วครับ ตอนผมตื่นมันเก้าโมงกว่าๆพอดี
เพราะงั้นตอนนี้คงซักเกือบๆสิบโมงเห็นจะได้


   แต่เพราะไอ้ความรีบเนี้ยแหละทำให้น้ำแฟ้บกระเด็นเข้าตาผมเอง



   “เชรี้ยเอ๊ย แสบตาว่ะ”


   ผมหยุดมือลงก่อนจะยกมือเตรียมขยี้ตาแต่ไอ้ปกป้องจับมือผมเอาไว้ก่อน



   “มือมึงมีแต่แฟ้บเดี่ยวก็แสบเพิ่มหรอก อยู่เฉยๆกูล้างมือแปป”


   เพราะหลับตาอยู่ผมเลยไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร รู้แต่ว่าตัวเองพยักหน้าให้มันเต็มที่เพราะเริ่มจะแสบตาจนจะทนไม่ไหวแล้ว ไอ้ป้องก็เหมือนกันแค่ล้างมือแค่นี้ทำไมนานจังว่ะ


   เหมือนมันจะได้ยินเสียงบ่นเงียบๆในใจของผม มือของมันสัมผัสกับบริเวณดวงตาผมเบาๆ ก่อนจะปาดออกช้าๆแล้วเอาผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตรงแถวๆดวงตาให้


   “หายแสบตายัง”


   “น่าจะมั่งนะ”


   ผมค่อยๆลืมตาก่อนจะรู้สึกว่าไม่แสบตาแล้วเพียงแต่...


   ใกล้...ชิบหาย


   หน้าของมัน....กับผม


   ลมหายใจของมัน แทบจะรดจมูกผมอยู่ร่อมร่อด้วยซ้ำ!!!


   หน้าของมัน ไม่ได้สวย ไม่ได้น่ารัก ใบหน้าก็จืดๆธรรมดา ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะ มีหนวดขึ้นนิดๆ เพียงแต่มันมีลักยิ้มสองข้าง ฟันแม้จะไม่ได้เป็นระเบียบแบบพวกพระเอกแต่ก็ถืออยู่ในเกณฑ์ดี ขาว สะอาด



ริมฝีปากซีดๆนั้นเม้นเป็นเส้นตรงมองจ้องกลับผมตอบแบบไม่หลบสายตา



   เดี่ยวนะ...


   ผมจ้องหน้ามันทำไมว่ะ....



   “ซักผ้าต่อดิ มองอะไร”


รอบนี้เป็นมันเองที่ยอมแพ้ด้วยการหลบสายตาออกไป


   เสียงของมันเรียกสติผมกลับคืนมา ก่อนต่างฝ่ายจะเริ่มขยี้ผ้าต่อไปเรื่อยๆ


   แต่แปลกดีแหะ...


กลิ่นลมหายใจของไอ้คนข้างๆ


   มันยังติดจมูกผมอยู่เลย....


"To love  is to risk, not being loved in return. To hope is to risk pain. To try is to risk failure. but risk must be taken because the greatest hazard in my life is to risk nothing." #ปกป้อง

TBC.

ไม่หวาน ไม่ฟินเลยเนาะ เจ้าป้องกับเจ้าเกียร์เนี้ย....

ก็เหมือนที่น้องเกียร์บอกก็พวกเขามัน'เด็กผู้ชาย'นี้เนาะ  :L2:  .......
 

ช่วง ทักทายผู้อ่าน


คุณ ►MoNkEy-PrInCe◄

-ขอบคุณจ้า ขอให้ติดตามตลอดไปน่าาาา  :hao7:

คุณ เสน่ห์นางนวล

-ขอบคุณนร้าาา  :bye2

คุณ Wannida

-ดีใจที่ชอบจ้า ติดตามต่อเรื่อยๆเนาะ ^^
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #03ซักผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-06-2014 16:14:03
น่ารักอ่ะ  :heaven
อร๊ายยยย ชอบปกป้อง

ปกป้องเป็นโรคอะไรอ่ะ เดาชื่อยาไม่ออก ตอนแรกกำลังคิดว่า Amobarbital รึเปล่า
แต่นี่มันตัว p คงไม่ใช่หรอกมั้ง แต่นึกชื่อยาตัวอื่นไม่ออก
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #03ซักผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-06-2014 16:20:45
ตอนนี้มาแบบเรื่อยๆก่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกปกป้องคือคนนั้น ใกล้เข้าไปอีกนิด มีซองยาป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า รออ่านจ๊ะ
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #03ซักผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 12-06-2014 16:46:59
อ๊ายยยย เราชอบผู้ชายคนนี้  :-[

สมัครเป็น FC ปกป้องด้วยคน  :hao3:
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #03ซักผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 13-06-2014 16:07:10
เนื่องจากวันนี้แตกต่างเรียน9คาบ เขียนไม่ทันจริงๆTT ขอแก้ขัดด้วยรายการคั่นเวลา


ช่วง ตอบเม้นท์โดยน้องๆ วันนี้น้อง #ปกป้องเป็นคนตอบจ้า ////me รีบไปลากปกป้องมาตอบ

คุณ IsDeer

ชอบผมเหรอ ? ///เกาแก้ม

คุณเดียร์เดาเก่งจัง เกือบๆถูกแล้วนะ อย่าที่บอกครับ ซองยามันจางมากจนไอ้เกียร์มันอ่านไม่ออกเป็นบางตัว แต่โรคที่เป็นขออุปไว้ก่อนครับ :ling3:

คุณ B52

ผมเป็นคนไหนหว้า ? ส่วนซองยา ....

คุณ Inwoสูs

ฮ่าๆ ขอบคุณครับ ///เกาแก้มจนแดงก่ำ


แตกต่างเติมเต็มกับหนูป้อง ขอตัวไปก่อนเน้ออ //// พนมมือไหว้พร้อมน้องป้องอย่าสวยงาม


ปล. สปอยชื่อตอนหน้า(ซึ่งไม่รู้วันนี้จะเขียนทันไหมมมม :mew5:)...

'ลีลาศหรรษษา' 

อย่าลืมมาพบกันกับตัวละครตัวใหม่ของเรื่องนี้กันเน้อ  :mc4:









หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #03ซักผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-06-2014 00:31:01
เขินยังน่ารัก อร๊ายยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #03ซักผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 14-06-2014 16:40:44
                                             
  #04 ไข่แดง ลีลาศ และคำถาม




ผมคิดว่า ถ้าพ่อกลับมาต้องไม่เชื่อแน่ๆว่านี้คือบ้านของตัวเอง

คือ บ้านผมไม่ได้สกปรกแบบพวกรังหนูอะไรงี้นะครับ แต่มันก็รกๆตามประสาบ้านที่ไม่มีแม่บ้านแม่เรือนคอยดูแลนั้นแหละครับ เหมื่อนๆกับแค่เขี่ยๆของมากองๆรวมๆกันให้มันสะอาดพอมีทางเดินก็เท่านั้น

เมื้อเช้านี้หลังซักผ้าเสร็จ ผมกับไอ้ปกปัองก็เวฟข้าวกล่องแข็งๆในช่องฟิตกินกัน แน่นอนว่าผมไม่ได้นั่งกินกับมันหรอกนะ
พอกินเสร็จผมก็อาบน้ำแล้วออกไปเดินห้างทันที่ ทิ้งมันไว้คนเดี่ยวกลับมาถึงก็ตกใจกับสภาพของบ้าน

ข้าวของที่วางระเกะระกะถูกจัดให้เข้าที่เข้าทาง รองเท้าที่เคยกระจัดกระจายบัดนี้เข้าไปเก็บอย่างเป็นระเบียบที่ชั้นวาง ร่มกันฝนที่วางเละไว้ก็ไปอยู่ในที่เก็บร่ม

นี้แค่หน้าบ้านนะครับ พอเข้ามาในตัวบ้าน พวกข้าวของที่วางกระจัดกระจายกันกลับเข้าเป็นระเบียบตามทีตามทางของมัน
โดยร่วมคือ บ้านสะอาดขึ้นมากๆ(ไม้ยมกสักร้อยตัว)

ห้องนั่งเล่นเปิดไฟทิ้งไว้ ผมเข้าไปก่อนจะพบว่าแอร์ปิดอยู่ เครื่องอำนวยความสะอาดที่เหลือจึงมีเพียงพัดลมเก่าๆตัวหนึ่ง ทิศทางการเป่าลมคือโซฟาที่ใครบ้างคนนอนหลับอยู่

ไอ้ปกป้อง

หลับทั้งบ็อกเซอร์นั้นแหละ

มันนอนยกมือวางไว้บนอก ซี่โครงยกขึ้นลงเข้าออกตามจังหวะลมหายใจ นิ่งเงียบสนิท ผมเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะพิจารณามองใบหน้าไม่น่ามองของมัน ขอบตาของมันแดงขึ้นมานิดๆผมคิดว่ามันคงทำงานไม่หยุดตั้งแต่ผมออกไปเล่นข้างนอก ดูจากคราบฝุ่นที่ติดตามตัวและสีหน้าเหนื่อยๆของมัน

“ไอ้ป้อง”

“.......”

“ไอ้ป้อง!!!!”

มันเด้งตัวขึ้นมาหลังผมก้มลงพูดข้างๆหู หน้าตาเหนื่อยๆของมันดูตกใจหน่อยๆ แววตาก็เปิดกว้างกว่าปกติ(แค่นิดเดี่ยวจริงๆครับ)

“ไปนอนบนห้องไป”

“อื้มๆ”

มันรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะเครียมลุกออกไป

“เดี่ยวก่อน”

“.......”

“เรื่องบ้านอ๊ะ...จริงๆมึงไม่ต้องทำก็ได้คือ...เออ...กูขอบใจนะ”

ผมเกาหัวแกรกๆไม่ชินกับคำพูดขอบคุณ คือ..ยังไงๆเป็นใครก็ต้องพูดคำนี้ใช่มั้ยล่ะ ? ไหนเมื่ออีกฝ่ายทำให้คุณซะขนาดนี้นิครับ

“อื้ม ยังไงๆบ้านนี้กูก็อยู่นี้หว่า....”

มันพูดง่ายๆ ไม่รู้ผมตาฟาดไปเองรึเปล่าตอนมันพูดผมเห็นมุมปากกระตุกมุมขึ้นมานิดๆเหมือนกับว่ามันยิ้มที่มุมปาก แต่ก็แค่นั้นแหละครับแวปเดี่ยวจริงๆเท่านั้น สุดท้ายผมเลยคิดว่าตัวเองคงตาฟาดไปเองนั้นแหละ

ปกป้องเดินขึ้นไปชั่นบน ผมคิดว่ามันคงจะอาบน้ำเตรียมนอนนั้นแหละครับ แต่ที่ผมอยากรู้คือ มันกินข้าวกินปลารึยัง ? เพราะทำงานทั้งวันแบบนี้

เห้ย ป่าวนะครับ ผมไม่ได้เป็นห่วงกลัวมันหิวนะ แต่นิสัยผมเป็นแบบนั้นนิครับ ถ้าเขาดีกับเรา เราก็ควรจะดีตอบ...มั่งครับ

เพียงแต่ อดคิในใจที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ ทำให้ผมรู้สึกสับสนว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี กับไอ้คนที่ดีเกิ้น

ผมเดินไปค้นของกินจากในตู้เย็น ก่อนจะเปิดผ่านๆแล้วเห็นว่าข้าวกล่องที่เหลืออยู่แค่กล่องเดี่ยวของเมื่อเช้า มันยังอยู่ที่เดิม นั้นหมายความว่ามันยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากมื้อเช้า ไม่น่าล่ะถึงได้ผอมขนาดนั้น สงสัยคงอดมื้อเย็นบ่อยๆ(ผมไม่ได้อ้วนนะ บอกไว้ก่อน สาวๆอย่าเพิ่งเมินนะผมแค่กินครบสามมื้อเท่านั้นเอง!!!)

ผมกดเวฟข้าวกล่อง ก่อนจะเทใส่จานแล้วเปิดแก๊สทอดไข่ดาวขึ้นมาสองฟอง

อ้าว ทำไมครับ ? ผมจะกินข้าวกล่องเดี่ยวกับมันไม่ได้รึไง

ข้าวผัด(เวฟแล้ว)โบ๊ะด้วยไข่ดาวสองแผ่นอยู่ในมือผม ก่อนผมจะยกขึ้นไปด้านบน

ไอ้ปกป้องที่ขึ้นมาชั้นบนก่อนอาบน้ำเสร็จแล้วครับ มันอาบพอๆกับผมนั้นแหละคือมากสุดไม่เกินสิบนาที่ มันกำลังเช็ดหัวยุ่งๆของมันอยู่ที่หน้ากระจกตู้เสื้อผ้า(แน่นอนว่าในห้องนี้มันก็จัดแจงเก็บเรียบร้อยแล้วครับ เล่นเอาผมนี้ละอายใจนิดๆเพราะมันรกมากจริงๆ- -)

“เออ....กินข้าว....ไหม ?”

ไม่รู้ทำไมประโยคง่ายๆแต่ผมกลับพูดมันออกมาได้ยาก เอาจริงๆคือปกป้องนอกจากจะเป็นคนดีอะไรแล้ว มันยังไม่ได้ผิดอะไรด้วยซ้ำ มีแต่ผมเองนั้นแหละที่อดติมากไปหน่อย พอต้องมาทำแบบนี้ผมเลยไม่รู้จะวางตัวยังไงครับ ก็ตอนแรกผมเล่นแกล้งเขาไว้ซะขนาดนั้นนิ่

มันตอบคำถามผมด้วยการนั่งลงข้างๆแทนบนเตียง ผมเห็นมันมองที่กล่องข้าวก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆ

“มึงจะให้กูกินด้วย แต่เอาช้อนขึ้นมาคันเดี่ยว ?”

เออว่ะ ผมคงรีบไปหน่อยมั่งเลยลืมถือช้อนมาเสริมด้วยเพราะลืมไปว่าในกล่องข้าวมันแถมช้อนพลาสติกมาแค่คันเดี่ยวเอง

“เดี่ยวกูลงไปเอาแปป”

มันพูดลอยๆ

ผมนิ่งแล้วคิดนิดๆ ปกติแล้วกินช้อนเดี่ยวกับเพื่อนผู้ชายที่คือเรื่องปกติอยู่แล้วครับ(แย่งกันแดร็ก)

“ใช้ช้อนคันเดี่ยวกับกูก็ได้มั่ง ไม่ต้องลำบากหรอก”

“..............”

“เมื่อเช้านี้มึงแปลงฟันไหมล่ะ ?”

“แปลง”

“เออ งั้นก็แดรกๆไปเหอะ”

พูดจบผมก็จ้วกไข่ขาวกับข้าวขึ้นมากินคำหนึ่งก่อนจะยื่นไปให้มัน

“กินกันคนละครับ ไข่คนละฟอง”

“มึงกินไปก่อนแล้วค่อยเหลื่อให้กูก็ได้”

“เห้ย ไม่เอากูถือ กินพร้อมๆกันดิ่ จะให้กูกินเหลือให้มึงได้ไง”

ผมค่อนข้างถือเรื่องนี้นะครับ ถ้าผมแบ่งไว้ครึ่งหนึ่งก่อนอะไรงี้ก็ว่าไปอย่าง แต่นี้จะให้ผมกินแล้วเหลือให้มันก็คงไม่ดีนักหรอกครับ
สุดท้ายเพราะขี้เกรียจเถียงหรือเพราะมันหิวแล้ว มันเลยตักข้าวไปกินค่ำหนึ่งเงียบๆก่อนจะยื่นคืนมาให้ผม

ผมกับมันผลัดกันกินคนละคนจนข้างในกล่องพร่องไปเห็นก้นกล่อง ตอนนี้ไข่ดาวของผม ผมกินไข่ขาวหมดไปแล้วครับ คือผมชอบไข่แดงนะครับเลยเก็บไว้ที่หลัง

อะไรที่สำคัญเราก็อยากให้อยู่กับเราไปนานๆนิครับ...

”อิ่มแล้ว”

มันบอกก่อนจะยื่นกล่องข้าวคืนให้ผม

“กินไข่ของมึงให้หมดดื่”

ผมแย้งเบาๆเพราะมันยังเหลือไข่อีกเกือบครึ่งๆฟองครับ มันมองหน้าผมก่อนจะต้อนๆเลาะกินไข่ขาวจนหมด เหลือไข่แดงไว้แบบนั้นแล้วยื่นกล่องคืนมาให้ผม

“แล้วจะเหลือไข่แดงทำไมว่ะ ?”

“ยกให้”

“....?”



“ก็มึงชอบกินไข่แดงไม่ใช่เหรอ “





คำพูดราบเรียบอธิบายเหตุผลพูดตอบ ก่อนมันจะลุกขึ้นยืน

“กูลงไปกินน้ำก่อนนะ”

“เออ เอาขวดน้ำมาเพื่อกูด้วย”

ผมตะโกนไล่หลังมันไปก่อนจะมองกล่องข้าวในมือ



มันรู้ได้ไงว่าผมชอบกินไข่แดง ?



      ...



"โอ๊ย ไอ้เชรี้ยเอ๊ย พอๆสัส แมร่งเหยียบเท้ากูอยู่นั้น"

คุณชายอู๋ระเบิดคำพูดด่าทันที่ทีผมเหยียบเท้ามันเป็นรอบที่สิบ(หรือมากกว่านั้น)

จริงๆคือ มันอารมณ์เสียตั้งแต่เช้าแล้วครับ ผมเห็นมันแบกโน๊คบุ๊คมาโรงเรียนก่อนจะนั่งเครียดหน้าดำหน้าแดงแบบนี้

สืบเนื่องคือเวปเพจที่มันลงทุนเปิดเองถูกแฮกหน้าเพจซะจนย่อยยับชนิดที่ว่าสร้างใหม่คงง่ายกว่า

อู๋มันคงไม่เดือดขนาดนี้ ....ถ้าไม่ติดว่าตัวมันเองก็คือแฮกเกอร์คนหนึ่งเหมือนกัน

มันเลยปฏิบัติการล่าตัวไอ้คนๆนั้นมาลงโทษที่กล้าลองของกับแฮกเกอร์มือเก๋าอย่างมัน ผลลัพธ์คือ ไวรัสที่มันภาคภูมิใจเพราะสร้างมากับมือโดนกินเรียบภายในสองนาที่ ซ้ำยังโดนอีกฝ่ายตอบกลับด้วยการโจมตีอย่างหนักจนคอมพ์มันแทบจะไปสู่สุขติอยู่ร่อมร่อ ดีที่อีกฝ่ายเมตตายอมถอยทัพกลับไปทิ้งไว้เพียงแค่ชื่อของตัวเองบนหน้าเพจไอ้อู๋

"Enchanted Dream " (ฝันต้องมนต์)

นับว่าไอ้อู๋เจอศัตรูที่สวรรค์ประทานมาแล้ว!!!

ที่เกริ่นมายืดยาวขนาดนี้ไม่ใช่อะไรครับ แค่อยากจะบอกเล่าถึงสาเหตุที่มันอารมณ์เสียไม่ได้เกิดจากการที่ผมเต้นลีลาศผิดจังหวะจนเหยียบตรีนมันสิบกว่ารอบ(จริ๊งๆนะ)

ผมนั่งลงยองๆกับพื่นก่อนจะมองเพื่อนๆเต้นลีลาศกันบ้างก็เต้นดี บางก็พันธ์เดี่ยวกับผม คือพวกหูบอดจับจังหวะไม่เป็น ส่วนไอ้ปกป้อง เด็กอัจฉริยะนะเหรอ?

"มิสเตอร์ปกป้อง 20เต็ม"

เสียงตบมือเบาๆดังขึ้นหลังมันเพิ่งได้คะแนนจากมิสโรส หญิงสาวร่างท้วมชาวฟิลิปินที่มาอยู่กินกับสามีคนไทยจนพูดคล่องปรื๊อ
เห็นหุ้นแกงี้แต่เต้นโครตพลิ้วเลยนะครับ ขอบอก!!!!

เพื่อนร่วมห้องของผมเริ่มทยอยสอบกันเรื้อยๆ ในขณะที่ผมพยายามนั่งจับจังหวะจากการเต้นของเพื่อนๆ จนกระทั้งเสียงของมิสโรสดังขึ้นเรียกผมนั้นแหละ

"มิสเตอร์ก้องเกียรติ์ เหลือคุณคนสุดท้ายแล้วนะค่ะที่ยังไม่สอบ" ครูสาวร่างท้วมพูดบอกผม เวรแหละกู แล้วนี้ผมจะคู่กับใครดีว่ะ?

"เอางี้ มิสเตอร์ปกป้อง ช่วยเพือนที่สิ"
มิสโรสกล่าวกับ บุคคลที่สาม ซึ่งมันก็แค่พยักหน้าทำความเข้าใจก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าผม

"เกียร์"


มันพูดเสียงเบาหวิวก่อนจะดึงเอวผมไปคล้องกับแขนของมัน เห้ยเดี่ยวนะ ทำไมกูต้องเป็นตัวนางฟระ? !? แต่ไม่ทันที่ผมจะโวยมันก็พูดต่อ

...

.

.
.



...













"มองแค่กู"




"..."

"ไม่ต้องมองพื้น ไม่ต้องมองเท้า ไม่ต้องมองใครหรืออะไร แค่กูก็พอ..."

น้ำเสียงราบเรียบแต่ทรงพลังสะกดผมให้ทำตามอย่างว่าง่าย พอมันพูดจบเสียงเพลงประกอบจังหวะละตินก็ดังขึ้น
แขนข้างหนึ่งที่โอบผมไว้กระชับขึ้น ผมเขยิบตัวเข้าใกล้มันมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะต้องมองพื่นเพราะกลัวก้าวพลาดไปเหยียบอีกฝ่าย

"นอกจากไข่แดงแล้ว ชอบกินอะไรอีก ?"

เสียงของมันดึงสายตาของผมกลับคืนมามองใบหน้าของมัน หน้าจืดๆที่ดวงตาคู่เรียวของมัน กลับเออร้นด้วยอำนาจ

"ไก่"

"..."

"ชอบกินไก่น้ำแดง"

ผมขยายความเข้าใจให้มันรู้เรื่อง

"แล้วขนม"

"ไม่ชอบกินขนมไทยเท่าไหร่แบบพวกทองหยิบ ทองหยอดไรงี้ มันเลี่ยน แต่ชอบกินขนมปังกับพวกไส้สังขยาไรงี้"

"กีฬาโปรด ?"

"ชอบเล่นสเก็ตบอร์ดนี้นับว่าเป็นกีฬาไหม"

"นับดิ มันก็เป็นกีฬาextremeประเภคหนึ่งนิ วิชาเรียนที่ชอบ?"

"ชอบเหรอ ? ชอบวิชาคอมพ์มั่ง เเอบเข้าเวปโป๊ได้นิ"

มันหัวเราะหน้าตายก่อนจะถามต่อ

"สีที่ชอบ?"

"สีเขียวอ่อน มันเย็นตาดี"

"แล้ว...ชื่อผู้หญิงที่ชอบ?"

ผมเงียบไปก่อนจะคิดทบทวนหาคำตอบให้มัน

"ไม่มี"

"อะไรคือไม่มี"

"ก็ยังไม่มีแฟน ไม่ชอบโดนผูกมัด มันน่าเบื่อเวลาโดนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ กูมันขี้เบื่อ"

ผมตอบด้วยความรู้สึกจากใจ ผมไม่ชอบให้ใครมาผูกมัด ผมรักอิสระมากกว่าsexซะอีก เพราะงั้นsexอ๊ะมีได้ แต่ไม่ผูกมันนะ รับได้ก็ได้ รับไม่ได้ก็เลิกคุย อาจเพราะผมเป็นลูกคนเดี่ยวทำให้ถูกตามใจมาโดยตลอด กับผู้หญิง ก็เพราะหน้าตาเนี้ยแหละผมถึงได้เป็นฝ่าย'เลือก'มาโดยตลอด


มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามต่ออีก

"เคยมีsexครั้งแรกตอนไหน"

อาจเพราะผมกับมันพูดคุยกันเบามากจนสามารถพูดเรื่องแนวนี้กันได้มันเลยถามขึ้นมา ก็อย่างว่าครับ สำหรับเด็กผู้ชายนี้ไม่มีอายกันหรอกครับ

"ม.2 ที่บ้านเพื่อน"

"แล้วป้องกันไหม?"

"ป้องกินดิ นักรบที่ดีต้องมีทั้งอาวุธและเกราะโว้ย"

มันหลุดขำเล็กๆ

"แล้วครั้งล่าสุด?"

"จันทร์ที่แล้วที่มึงหยุด"

"ทำแบบนี้บ่อยๆเหรอ?"

"เป็นบางอารมณ์"

"อื้ม แล้ว..."

"อะไร?"

มันรั้งเอวผมไว้ให้เอนลงไปก่อนมันจะโน้มตัวตามแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหูของผมด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ใบหน้าที่พูดก็ดูกะล่อนๆ

"เคยมีอะไรกับ'ผู้ชาย'ไหม"

ผมงุนงงกับคำถาม ก่อนวงแขนมันจะตวัดผมให้ลุกขึ้นมายืนตรงๆแล้วถอดแขนที่คล้องเอวผมจากนั้นก็เดินไปอีกทาง

อ้าว ไม่เต้นต่อแล้วเหรอ ?

"มิสเตอร์ก้องเกียรติ์ 18"

เสียงมิสโรสสร้างความงงให้ผมเพิ่ม

นี้ผมเต้นจนจบเพลงแล้วเหรอ ตั้งแต่ตอนไหนว่ะ ?

ผมมองตามหลังของคู่เต้นชั่วคราวก่อนจะรู้สึกแปลกๆ

แผ่นหลังของมัน .....กว้างขนาดนี้เลยเหรอครับ ?






I'm happiest when being myself and I'm myself when I'm with you.
#ก้องเกียรติ์


TBC.

ในที่สุดแตกต่างเติมเต็มก็หาชื่อมาให้นิยายตัวเอง'จนได้' ....

ทำไมถึงต้องชื่อ 'เก็บรัก'.... ?

ทุกสิ่งล้วนมีความหมายเสมอ...

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ มันคือกำลังใจที่ทำให้เราปั้นนิยายออกมาได้จริงๆ 5555+ :กอด1:


ปล. Enchanted Dream ให้เดาเล่นๆว่าใคร  :hao7: ใบ้นิดๆว่าเป็นตัวการสำคัญในภายภาคหน้า(ซึ่งแตกต่างเองก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงตอนไหน 5555+)


หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #04 ไข่แดง ลีลาศ และคำถาม <14/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 14-06-2014 17:00:57
สนุก ไหลลื่น
เยี่ยม
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #04 ไข่แดง ลีลาศ และคำถาม <14/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2014 18:18:10
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #04 ไข่แดง ลีลาศ และคำถาม <14/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 14-06-2014 19:17:59

คุณ insomniac

ขอบคุณจ้า  :-[

คุณ mild-dy

แวะมาบ่อยๆหน่า  :mew3:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #04 ไข่แดง ลีลาศ และคำถาม <14/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 14-06-2014 19:53:44
คนที่แฮกเพจอู๋นี่เนื้อคู่ตุนาหงันรึเปล่านา -,-
ป้องเกียร์ ป้องเกียร์ ป้องเกียร์

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #04 ไข่แดง ลีลาศ และคำถาม <14/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-06-2014 23:51:27
 :heaven อร๊าย ฟินสุดๆทั้งตอนเลย
ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้นะ
ยิ่งปกป้องยิ่งนิสัยน่ารักมาก  พลังจิ้นฉันไปไกลแล้วล่ะ  :heaven :heaven

คนที่แฮกนี่น่าจะเป็นเนื้อคู่ในอนาคตนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #05 ประเพณีใหญ่ ชิงแหวน และ น้องรหัส <16/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 16-06-2014 16:07:49

#05 ประเพณีใหญ่ ชิงแหวน และ น้องรหัส




"ไอเชรี้ยอู๋ เมื่อคืนนี้มึงได้นอนป่าวว่ะ ?"

ผมทักเพื่อนสนิทที่ยกมือโบกไปมาให้ผมหุบปากก่อนมันจะฟุบตัวลงไปกองกับโต๊ะ

เรื่องเดิมๆแต่รอบนี้หนักกว่าเดิมครับ ระบบเวปของโรงเรียนที่มันเองก็ถือว่าเป็นคนวางระบบคนหนึ่ง ถูกเจาะไปอีกดอก!!! ดูก็รู้ว่าไอ้คนแฮกมันจงใจหักหน้าไอ้อู๋ชนิดที่ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดกันเลย เพราะจงใจเล่นงานในส่วนที่มันดูแลโดยเฉพาะ

แต่แปลกตรงที่ผมรู้สึกว่ามันคุ้นๆยังไงชอบกล เหมือนๆกับเหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน...

ผมขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะเปิดไอพอดขึ้นมาดูวันที่และตารางกิจกรรมของโรงเรียน ฉับพลันเงาสะท้อนจากแหวนสีดำเมื้อมของมันก็บอกคำตอบแก่ผม

"ชิงแหวน!!!"

ผมแหกปากร้องลั่นจนไอ้อู๋สะดุ้งตกใจพอๆกับเพื่อนในห้อง มันเตรียมจะพิพากษาผมแล้วถ้าไม่ติดว่าผมชี้ทางสว่างให้มัน

"ใช่ ชิงแหวน เหรี้ยเอ๊ย กูพลาด!!! นี้ถึงช่วงชิงแหวนรุ่นแล้วเหรอว่ะ? "

มันตบโต๊ะดังปั้งก่อนจะเปิดโน๊คบุ๊คด้วยความเร่งเร็วแสง

ชิงแหวนรุ่นที่กล่าวถึง คือประเพณีของโรงเรียนผมเองครับ เป็นประเพณีใหญ่ของทุกปี จัดขึ้นเพื่อให้น้องใหม่ทั้งม.1และม.4ได้เข้าร่วมกิจกรรมพี่รหัสน้องรหัสและม.อื่นๆสามารถเข้าร่วมชิงรุ่นง่ายๆ โดยน้องๆจะสามารถชิงรุ่นด้านไหนแบ่งตามช่วงชั้นสองระดับคือม.ต้นและม.ปลายครับระยะเวลาคือหนึ่งเดือน

วิธีการชิงแหวน คือการโชว์ความสามารถที่พวกผมเรียกกันติดปากว่า ‘โชว์เหนือ’ แค่พิสูจน์ให้เทพคนปัจจุบันเห็นว่าตัวเองเหนือกว่าในด้านนั้นๆจนยอมมอบแหวนให้แต่โดยดี เท่านั้นเป็นอันส่งมอบแหวนเรียบร้อยครับ โดยเทพต่างๆจะแบ่งกันตามนี้...

เทพดนตรี พี่กวินม.หกที่ยังคงความเทพจนพวกรุ่นผมสมัยม.4ชิงรุ่นไม่ได้ เทพพิทักษ์ ไอ้ตะวันรุ่นเดี่ยวกับผม ชกชนะพี่สาธร เทพข่าว พี่ประดิษฐ์ ที่ยังคงความเหนี่ยวแน่นในการหาข่าว ว่ากันว่าไม่มีข่าวไหนที่แกไม่รู้ เทพตูน พี่วศิน เทพลีลา พี่มังกร เทพIT ไอ้เหรี้ยอู๋ ที่กำลังอาจเสียแหวนให้รุ่นน้องแบบที่มันเองทำกับพี่กรเทพITคนก่อน ด้วยการปล่อยไวรัสในระบบ และเทพสุดท้าย มาจากการการแก้สมการแข่งกับเด็กกีฬาโอลิมปิกซึ่งเป็นเทพปัญญาคนก่อนชื่อพี่ก้าวคนที่ชนะคือ...

ไอ้ปกป้อง

"ใช่ มันต้องเป็นน้องม.4ปีนี้ จะเป็นแฮกเกอร์ฉลาดอย่างเดี่ยวไม่ได้ต้องรอบครอบ"

ไอ้อู๋หัวเราะแบบพวกตัวโกงในละครหลังข่าวก่อนจะหนีบโน๊คบุ๊คไว้ข้างลำตัวและวิ่งออกไป

"กูจะไปดูชื่อเด็กใหม่ปี้นี้ แฮกเกอร์ที่ดีต้องมีข้อมูล"

ครับอู๋ กูเชื่อว่าแฮกเกอร์ที่ดี ต้องฉลาด รอบครอบ มีข้อมูล แต่กูว่าต้องมีสติด้วยเพราะรายชื่อที่มึงอยากได้ ในเวปก็มีโว้ยไอ้ควาย!!!!

จะห้ามก็ไม่ทันแล้วครับ แต่ถึงงั้นก็เถอะ เป็นใครก็คงอดไม่ได้ที่จะร้อนรน ในเมื้อปี้นี้เปิดกิจกรรมมาได้แค่สามวัน...

แหวนของเทพดนตรีและเทพข่าว ถูกชิงเปลี่ยนมือเป็นที่เรียบร้อย!!!

จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงไหวครับ ในเมื้อรุ่นพี่พวกผมที่รุ่นผมเคยลองของแล้วยังพ่าย เด็กปีนี้กลับใช้เวลาแค่สามวันในการเอาชนะ ขนาดไอ้ตะวันรุ่นผมที่ว่าเร็วแล้วยังใช้เวลาไปเกือบๆอาทิตย์หนึ่งในการเอาชนะพี่สาธร(แม้ข่าววงในจะลือกันว่าเฮียธรแกตั้งใจสละแหวนก็เถอะ แต่ฝีมือมันดีจริงๆครับ)

น่าแปลกที่เทพอีกคนในห้องของผมไม่เห็นร้อนรนอะไรสักนิด

ปกป้องเป็นเทพคนหนึ่งที่แทบจะไม่ใส่ใจกับแหวนในมือ จริงๆแล้วไอ้แหวนพวกนี้เนี้ยมันมีประโยชน์มากเลยนะครับ อำนาจของแต่ละวงก็แตกต่างกันไป เช่นของไอ้อู๋แหวนสีดำ สามารถเปิดห้องคอมได้24ชั่วโมง ใช้แทนบัตรผ่านของโรงเรียนได้ เข้าห้องคณะกรรมการนร.ได้ ของปกป้องเป็นแหวนสีขาว เปิดห้องสมุดได้24ชั่วโมงและอื่นๆเช่นเดี่ยวกันกับแหวนของไอ้อู๋ แหวนทุกวงสามารถใช้ในการลดหย่อนโทษทัญฑ์ที่เกิดขึ้นจากการทำผิดกฏระเบียบระดับกลางได้เดือนละหนึ่งครั้งไอ้อู๋เองก็ใช้บ่อยๆช่วงโดดเรียน(โทษระดับล่าง โรงเรียนผมแบ่งโทษออกเป็นสามระดับครับ แต่ช่างหัวมันก่อนเถอะครับ บรรยาตอนนี้เปลืองเนื่อแท้กระดาษเปล่าๆ)

ดูผ่านๆเหมือนเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์และสร้างความขัดแย้งให้กับหมู่นร. แต่ผมเล็งเห็นต่างออกไปนิดหน่อยเกี่ยวกับนโยบายนี้ของโรงเรียนผม

มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเหนือคนอื่น...

แหวนแต่ละวง ดูผิวเผินแล้วเหมือนๆกับเป็นแค่ของล่อหลอก แต่ของเหล่านี้กลับเป็นการคัดสรรเด็กในแต่ละหมวดแตกต่างกันออกไป ดึงพวกเสื่อซุ้มมังกรหมอบออกมาท้าชนกัน จากนั้นแต่ละคนจะพยายามพัฒนาศักยภาพของตัวอื่นเพื่อชิงแหวน เป็นการกระตุ้นพัฒนาเด็กไปในตัวแบบที่แทบจะได้ผล100%และแทบจะไม่เสียอะไรเลย แลกกับสิทธิพิเศษให้พวกเทพทั้งเจ็ดแล้วถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก

เป็นแผนการพัฒนาศักยภาพของเด็กนักเรียนในโรงเรียนให้สูงขึ้นจนน่าหวาดกลัว และเป็นการควบคุมไปในตัว  คัดกรองเด็กที่มีความสามารถออกมาใช้งาน

คุณๆว่าพวกเสธ.โรงเรียนผมน่ากลัวไหมล่ะ ?

ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ นโยบายประเพณีชิงแหวนนี้มาจากในหมู่เด็กนร.เอง เป็นพวกรุ่นประธานยุคบุกเบิกเพลินจิตวิทยาสมัยที่ยังไม่โด่งดังเท่าทุกวันนี้ ประธานนร.คนนั้นชื่อ ‘ต้นกล้า’ เขาผลักดันและสนับสนุนจนประเพณีก่อตั้งสำเร็จมาได้ด้วยดี

และไม่มีวันล่มลงไปเพราะระบบรากฐานของมันเอง

คนแบบนี้แหละครับ ถ้าเลือกได้ ผมไม่อยากเป็นศัตรูด้วยจริงๆ....

สำคัญกว่านั้น ผมชักอยากเห็นเทพคนใหม่ทั้งสองคนแล้วสิครับ ว่าทำยังไงถึงชนะพี่กวินกับพี่ประดิษฐ์ได้ภายในสามวัน...

"นร.ทุกคน นั่งที่กันให้เรียบร้อย วันนี้เป็นวันทักทายรุ่นนะ เดี้ยวน้องๆจะเข้ามาหาพวกเรา.... ม.4เข้ามาได้เลยค่ะ"

เซฯประจำชั้นของพวกผมบอกขึ้นมา

ผมเหลือบตามองด้านหน้าห้องก่อนพวกเด็กม.4ปีนี้จะเดินเข้ามา

เพิ่งจำได้เหมือนกันว่าวันนี้เป็นวันแลกรุ่นครับ น้องรหัสพบปะพี่รหัส การหาพี่รหัสก็ง่ายมาก น้องมันจับได้ฉายาของใครคนไหนก็คนนั้นแหละครับพี่รหัสมัน

รู้สึกผมจะตั้งชื่อรหัสตัวเองว่าไงนะ....อื้ม...นายยิ้มแฉ่ง มั่งครับ แบบ ตอนนั้นผมคิดไม่ออกเลยตั้งสั่วๆไป แล้วไม่ต้องหวังจะเจอน้องน่ารักๆนะครับ อย่าลืมว่าโรงเรียนผมนะมันตัวผู้ทั้งโรงเรียน(ไม่ร่วมพวกแก็งนางฟ้านะครับ ฮ่าๆ นั้นคือสีสันของโรงเรียนครับ^^)

น้องรหัสแต่ละคนเริ่มเดินตามหาพี่รหัสของตัวเอง ในขณะที่ผมก็รอ จนกระทั้งเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม

คะเนด้วยสายตาไอ้เด็กนี้สูงมากสุดแค่ ร้อยหกสิบกว่าๆ รอยยิ้มเล็กๆฉายประกายซุนซนบนใบหน้า ยางดัดฟันสีเขียวใบเฟรินเห็นได้ชัดยามอ้าปากขึ้นนิดๆ คงเพิ่งหัดดัดฟันนะครับ ดวงตาใสบริสุทธิ์ประดับบนใบหน้า

บอกผมนี้ว่านี้ ‘เด็กผู้ชาย’...

รอยยิ้มซื่อๆที่ผมรู้ว่าน้องมันไม่แสร้งยิ้มขึ้นส่งมาให้ผม ก่อนจะส่งกระดาษใบเล็กๆที่เขียนว่านายยิ้มแฉ่งมาให้ผม

“สวัสดีครับ พี่ยิ้มแฉ่ง ผมชื่อ ‘ต้องตา’ น้องรหัสของพี่ครับ”

น้ำเสียงขี้เล่นซุกซนตามประสาเด็กเพิ่งโตดังบอกผม น่าแปลกที่ผมสัมผัสได้ถึง‘อะไร’บางอย่างที่ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันในแววตาขี้เล่นคู่นั้น มันเหมือนๆกับว่าเด็กคนนี้มี‘อะไรๆในตัว’อีกเยอะ สัมผัสผมบอกแบบนั้น

ศิลป์ญี่ปุ่นปีนี้มีพวกน่าสนใจเยอะแหะ...

“สวัสดีครับ พี่ชื่อก้องเกียรติ์ เรียกพี่ก้องเฉยๆก็ได้นะ ”

“ครับ”

การเป็นพี่รหัสน้องรหัสไม่มีอะไรยุ่งยากมากครับ แค่ทำให้พี่รหัสยอมรับก็พอ ซึ่งพวกผมทำกันง่ายๆก็แค่ซื่อพวกขนมหรืออะไรพวกนี้ให้พี่รหัสครับ ไม่ต้องแพงอะไรเลย ของพวกนี้มันให้ด้วยใจครับ เพราะงั้นแค่ตั้งใจให้กันจริงๆเลย์ห่อล่ะห้าบาทพวกผมก็รับเป็นน้องรหัสแล้วครับ ปีที่แล้วพี่รหัสผมเป็นนร.แลกเปลี่ยนมาจากญี่ปุ่นชื่อพี่เฉิน ผมซื่อแสงโสมให้กลมหนึ่งแล้วไปนั่งกินกับพี่มันที่บ้านครับ ฮ่าๆๆ

น้องรหัสแต่ละคนเดินตามหาพี่กันไปเรื่อยๆ จนกระทั้งน้องม.4คนสุดท้ายเดินก้าวเข้ามาในห้อง

“ใครได้มันเป็นน้องรหัสว่ะ ว่าแต่ มันอยู่ยุ่นเหรอ ? กูนึกว่าวิดนิด”

ไอ้บอลพูดเบาๆหลังมันเห็นเหมือนที่ผมเห็น

ที่ผมกับมันกำลังกล่าวถึง คือ‘เดือน’ม.4ปีนี้ครับ

‘ประกาย’เด็กม.4ที่สูงพอๆกับผม ลูกครึ่งไทย-รัสเซีย สายข่าวกรอง(พวกแก็งนางฟ้าในห้อง)เล่าให้ฟังว่าย้ายมาจากนานาชาติครับ เหตุผลที่ย้ายคือแค่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ ?

“ประชันกับมึงได้เลยมั่งเนี้ย วันวิชาการโรงเรียน”

“งั้นมั่ง”

ผมตอบแบบไม่ใส่ใจ ไอ้ตำแหน่งหนุ่มหล่อหรืออะไรพวกนั้นใครอยากได้ก็เอาไปเถอะครับ ผมเฉยๆนะ ได้ก็ดีได้คุ๊กกี้กินฟรี ไม่ได้
ก็ซื่อกินเอา ไม่เห็นจะยาก อีกอย่างผมได้มาตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้วด้วยเพราะงั้นไม่ได้ก็ไม่แคร์ครับ
สิ่งที่ทำให้ผมตกใจนิดๆ คือประกายเดินไปหาปกป้อง

เคยเห็นภาพหุ่นยนต์สองตัวยืนประจันหน้ากันไหมครับ ? ผมรู้สึกถึงฟีลนั้นอ๊ะ แต่จริงๆแล้วไอ้ประกายมันเข้าถึงได้ง่ายกว่ามากครับ แถมมันน่าม่อพอๆกับผม เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันดูเกร็งๆเวลาคุยกับไอ้ป้อง(สงสัยเจอสกิลประจำตัวไอ้ป้อง สกิลเงียบขู่ครับ -  -)

มันสองคนยืนมองตากันนิ่งๆ ก่อนไอ้เด็กประกายจะชูกระดาษเล็กๆที่เขียนไว้ว่า ‘ป้องกัน’ ขึ้นมาให้เห็น (เห็นไหมครับ มีคนคิดฉายาแบบสิ้นคิดกว่าผมอีก หึหึ) เสียงที่พูดเบามากจนผมและคนอื่นๆในห้องไม่สามารถรับรู้ได้ว่าพวกมันคุยอะไรกัน รู้แต่เพียงทั้งคู่หยิบมือถือขึ้นมาแลกเบอร์โทรศัพท์กันแค่นั้น จากนั้นไอ้เด็กประกายแสงก็เดินเกาหัวแกรกๆออกจากห้องไป

หลายๆคนในห้องเริ่มแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อสื่อสารกับน้องรหัสตัวเอง ก่อนน้องๆจะแยกย้ายกันกลับห้องไป ผมกับต้องตาเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน (แน่นอนว่าน้องรหัสไอ้อู๋มากินแห้ว เพราะพี่รหัสมันเจ๋อไปห้องทะเบียนวัดผล)

ดูท่าทาง ปีนี้การแข่งขันประเพณีของโรงเรียนเราจะคึกคักน่าดูชม...




There's someone who will love you
as much as you love them.
Remember: "Everything happens at the right time" #ปกป้อง


TBC.

ไม่ใช่แค่'ชิงแหวน'หรอกนะ ที่กำลังเริ่มนะตาเกรียร์ หึหึหึหึ :hao3:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #05 ประเพณีใหญ่ ชิงแหวน และ น้องรหัส <16/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-06-2014 01:45:05
 :hao6: ศึกชิงหัวใจก็กำลังจะเริ่ม
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #05 ประเพณีใหญ่ ชิงแหวน และ น้องรหัส <16/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 17-06-2014 12:46:00
อยากรู้ว่าปกป้องป่วนเป็นอะไรรึเปล่า สงส่ัยๆ เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจ้า จะรออ
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #05 ประเพณีใหญ่ ชิงแหวน และ น้องรหัส <16/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-06-2014 16:57:25
เกาะขอบรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| ___: #05 ประเพณีใหญ่ ชิงแหวน และ น้องรหัส <16/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 18-06-2014 12:12:25
คุณ  IsDeer

- อิอิ นั้นสินะ ว่าแต่ ใครจะชิงเริ่มหว่า  :hao3:

คุณ ::UsslaJlwaJ::

- ขอบคุณน๊า ฮ่าๆ คนแต่งก็พยายามแล้วเหมือนกันที่จะปั้นออกมา แต่ติดตรงที่เทสย่อยช่วงนี้เยอะมากจริงๆ  :z3:

คุณ  ♥lvl♀‘O’Deal2♥

- สัญญาเลยว่าน่าจะไม่เกิน .... พรุ่งนี้ วันนี้แตกต่างเพิ่งผจญภัยไปกับน้องตรีโกณ เล่นเอามึนไปเลย  :mew5: ขอบคุณที่ติดตามนะจ้า

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเรื่องของน้องเกียร์และป้องจ้า เราเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าสองคนนี้จะลงเอยกันยังไง

แต่เราว่านิยายเรามีครบรสนะ หึหึหึ :hao7:

หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 18-06-2014 15:59:55
#06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม


หลังเลิกเรียน

วันนี้ผมไม่มีลูกไล่คอยออกความคิดเห็นว่าจะไปไหนดี ไอ้อู๋หายไปทั้งวัน(แน่นอนว่าโดด สงสัยมันคงอยากใช้สิทธิ์เป็นครั้งสุดท้าย ฮ่าๆ) ไอ้เฟรมไปซ้อมบาสครับ มันเป็นนักกีฬาของโรงเรียนผม แต่จะไปเตร็ดเตร่แถวห้างก็กลัวโดนตรีน ถ้าไปเป็นฝูงนี้ผมไม่ยั่นนะครับ แต่ตัวคนเดี่ยวความซ่ามันก็ต้องจำกัดบ้างอะไรบ้าง(ไม่ใช่พระเอกนะเว้ย โดน10-1แล้วรอดเนี้ย - - )

กลับบ้าน ?

ไม่อยากรีบกลับบ้านเลยครับ คือจะว่ายังไงดี ผมบอกตรงๆเลยว่ายังไม่ชินกับการเผชิญหน้ากับคุณน้าเขา ผมยังไม่ได้เรียกเขาว่า‘แม่’ และพยายามหลบหน้าตลอด ขนาดเวลากินข้าวมือเย็นพร้อมกันผมยังแทบไม่มองหน้าด้วยซ้ำ เพราะกลัว... กลัวว่าปากหมาๆของตัวเองจะหลุดพูดอะไรไม่ดีออกไป

หลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่บ้านนู้นย้ายเข้ามา  กิจวัติประจำวันผมเปลี่ยนไป จากเดิมที่นอนดึกๆ ตื่นสายๆหน่อย กลับกลายเป็นผมต้องเข้านอนไวกว่านั้น แล้วตื่นเช้ากว่าเดิมเพราะมันไปคุยกับพ่อผมเรื่องนี้ ผมเลยโดนพ่อขู่จะตัดเงินค่าขนมจนผมต้องยอมนอนตามที่มันว่าไว้ สรุปง่ายๆตั้งแต่มันอยู่กับผม ผมนอนได้ดึกสุดคือสี่ทุ่ม ตื่นได้ช้าสุดคือหกโมงครึ่ง ถ้าดึกกว่านั้นหรือช้ากว่านั้น สิ่งที่จะตามมาคือการโดนหักเงินค่าขนม

ต่อมาคือ ทุกเช้า บางที่ผมไม่ได้กินอะไรเลย แต่เดี่ยวนี้ได้กินทุกวัน น้อยสุดคือขนมปังแยมที่ใครบางคนทาไว้ให้แล้วกับนมหนึ่งแก้ว

แมร่ง.... ทำยังกะเป็นพี่ผมงั้นแหละ ขนาดพี่แท้ๆของผม หล่อนทำมากสุดก็แค่ถีบผมตกเตียง...

ต่อจากนั้นทุกเช้าหลังตื่นนอน ผมกับมันแม้จะตื่นพร้อมกันแต่จะถึงห้องเรียนต่างกันมาก นั้นคือผมจะถึงก่อนเสมอ ทั้งๆที่ขึ้นรถเมล์สายเดี่ยวกันหรือแม้กระทั้งคันเดี่ยวกันก็ตาม เหมือนๆกับว่าไอ้ป้องมันจงใจเว้นช่องว่างของเวลาเอาไว้

จะว่าไปแล้ว ... ยังไม่มีใครรู้เลยสินะครับ ว่าผมกับมัน เป็น‘ครอบครัว’เดี่ยวกันแล้ว

ผมคิดไม่ตก สุดท้ายเลยตัดสินใจกลับบ้านแล้วไปนั่งตีดอทเอาดีกว่า ปกติแล้วไอ้ป้องจะกลับช้ากว่าผมเพราะมันเป็นพวกกรรมการนร.

แต่วันนี้คงไม่ปกติ

ผมเห็นไอ้ป้องเดินไปกับร่างสูงโปร่งซึ่งผมเห็นเมื่อเช้า

ไอ้เด็กประกายแสง...

ภาพที่เห็น แตกต่างจากตอนเช้ามาก ผมเห็นไอ้เด็กนั้นดูมีประกายชีวิตชีวา และมีรัศมีแผ่ออกมาจากตัวจนคนรอบข้างรับรู้ได้และเหลียวมองตามไม่ว่าจะชายแท้หรือเหล่าแก็งนางฟ้า ถ้าจะมีใครสักคนที่ไม่รู้สึกถึงความโดดเด่นนั้น....

ก็เห็นจะมีไอ้แต่ไอ้ปกป้อง

มันเดินคุยกับไอ้เด็กนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดเขิน และไม่สนใจสายตารอบข้าง เด็กนั้นเองก็ทำแบบเดี่ยวกัน พูดคุย หัวเราะ หยอกเหย้ากัน...

เดี่ยวนะ....

หัวเราะ ?

ไอ้ปกป้องเนี้ยนะ หัวเราะ ?

สมองที่มีเมมอันจำกัดของผมเริ่มประมวลผลหาภาพมันในคีย์เวิร์ด ‘หัวเราะหรือยิ้ม’จากในความทรงจำ ผลลัพธ์ที่ได้จากสมอง
ปลาทองของผมคือ‘ศูนย์’ ผมไม่เคยเห็นมันหัวเราะหรือยิ้มมากก่อนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาที่เรียนห้องเดี่ยวกัน  แต่กลับไอ้เด็กที่เดินด้วยกันกลับทำให้มันหัวเราะออกมาได้.....

มากสุดที่เคยได้เห็น คือมันยกมุมปากขึ้นนิดๆ เหมือนจะยิ้ม แต่ก็กึ่งไม่ได้ยิ้ม...

ผมมองพวกมันจนสองคนนั้นเดินลับสายตา หายไปทางไหนก็ไม่ทราบ....

“คนนี้รึเปล่า ? ที่ว่าพี่ประกายบอกจะจีบ ? เห้ย แหวนสีขาว เทพความรู้เหรอว่ะ ?”

เสียงเด็กม.ต้นคนหนึ่งดังขึ้นมา ผมไม่ได้อยากเสือกนะ แต่ขามันก้าวไปเอง

ผมขยับตัวเนียนๆไปหยุดอยู่ตรงมุมหนึ่งที่พอจะฟังไอ้เด็กสองคนนี้เม้ามอยท์กันได้ถนัดๆ

“ใช่ๆ เห็นว่าอะไรนะ วันนั้นที่พี่แสงแกมาโรงเรียนเรา บังเอิญเจอกันแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี้ยแหละ”

“เลยชอบ ?”

เด็กอีกคนถาม

“เออ เห็นว่าปลื่มมาก ประกาศเลยว่าจะจีบ”

“เอาจริงเหรอว่ะ ? ผู้ชายกับผู้ชายเนี้ยนะ ”

เด็กคนที่ถามทำหน้าตาแบบแหยงๆ จนโดนเพื่อนมันตีต้นแขนดังเพี้ย

“เรื่องธรรมดาว่ะสัส มึงดูแบบประธานเราดิ ไปๆมาๆกินน้องชายประธานโรงเรียนคู่อริเราเฉย สมัยนี้มันปลดปล่อยเว้ย”

“เออว่ะ คู่นั้นแปลกกว่านี้อีก กูสงสัยว่าไปเจอกันได้ยังไง”

พอเห็นว่าไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับมันแล้ว ผมเลยเลือกที่จะถอยออกมา สงสัยข่าวลืมแง่มๆ เพราะข่าวล่าสุดของผมที่ได้รู้มาคือไอ้ประกายแสงมันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนี่หว่า จะมาชอบอะไรคนจืดๆแบบไอ้ปกป้อง แถมเป็นผู้ชายอีก

“เห็นว่าล่าสุดพี่แสงลงทุนขอเลิกกับแฟนตรงๆเลยนิ”

กึก....

ทำไมพวกมึงไม่คุยกันประเด็นเดี่ยวให้มันจบๆไปว่ะ ไอ้สัส

ผมเขม่นหน้าพวกมันสองที่ก่อนจะสไลด์ไอพอดหลอกๆ กรอกตามองฟ้า แล้วเดินไปใกล้ๆพวกมัน(อีกครั้ง ถ้าครั้งนี้พวกมึงพูดไม่จบกูจะกระทืบพวกมึงแน่)

“มึงไปเอาข่าวมาจากไหนว่ะ ? กรองยัง”

“กรองแล้ว จาก ‘เทพข่าวคนใหม่’ไงมึง”

“งั้นแปลว่า100%สินะ”

“คงงั้นแหละ”

“แต่กูว่า ก็เหมาะสมกันดีนะ คนหนึ่งก็หล่อ อีกคนก็ฉลาด”

“เออว่ะ ถ้าไม่ติดอย่างเดี่ยวนะ พี่ป้องแกดูธรรมดาไปหน่อยว่ะ”

“แต่เห็นแล้วกูว่าไปกันได้นะ ดูดิ่ กูอยู่มาตั้งนาน เจอหน้าพี่ป้องที่ไรไม่เคยเห็นพี่มันยิ้มแบบนี้เลย”

“ใช่ๆ พี่ป้องหน้าตาธรรมดามาก แต่พอยิ้มนี้คือน่ารักว่ะ กูชักชอบแล้วสิ่”

“สัส ฝันไปเหอะ ถ้าขนาดพี่ประกายแสงจีบไม่ติด กูคงไม่หวังอ๊ะ”

พวกมันสองคนเริ่มๆเดาถึงผมลัพธ์ลางๆ โดยที่ตัวผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักหรอกว่าไอ้ประกายแสงมันจะจริงจัง

ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชายนะครับ มันจะมากินกันเองได้ยังไงว่ะ....

ผมเดินสาวเท้าก้าวยาวๆกลับบ้านตัวเอง ไม่สนใจอีกว่าพวกมันสองคนจะเดินไปกันทางไหนหรือทำอะไร ใส่หูฟังก่อนจะกดเปิดเพลงร็อคดังๆกลบเสียงรอบตัวแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นโลกของผม

แต่ทำไม...เสียงไอ้เด็กนั้นมันถึงดังระรั่วแข่งกับเสียงกลองจังหวะเมทัลว่ะ แล้วใครมันเสือกกดรีเพล์เสียงมันไว้อีก ตอบ!!!


“แต่พอยิ้มนี้คือน่ารักว่ะ”

ใบหน้าของมันตอนยิ้มลอยเด่นขึ้นมา




“แต่พอยิ้มนี้คือน่ารักว่ะ”


ผมเหมือนเห็นมันยืนอยู่ข้างหน้า




“แต่พอยิ้มนี้คือน่ารักว่ะ”

กลิ่นลมหายใจที่ได้รับจากมัน เหมือนๆมันจะกลับเข้ามาให้ผมได้สัมผัสอีกรอบ... หอมจังแหะ....







..



..




..







แล้วทำไมกูต้อง ‘ยิ้มตาม ’ว่ะ!!!!!!!!!


                    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------


“ทานเยอะๆนะป้อง จะได้แข็งแรงๆ”


พ่อผมพูดก่อนจะคีบปลากะพงขาวนึ่งให้ไอ้ป้องไปคำโตๆ


ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างมื้อเย็น ผมลงมากินข้าว(โดนบังคับ)กับครอบครัว ผมนั่งฝั่งซ้าย ไอ้ป้องนั่งฝั่งขวากับแม่มัน พ่อผมนั่งตรงกลางที่หัวโต๊ะ


ให้ตายเหอะ ที่ผมล่ะพ่อสั่งให้คีบเอง แง่ง!!!


“ขอบคุณครับ คุณอา”

“อาเออ อะไร บอกให้เรียกพ่อ เออ...”

พ่อผมจุ๊ปากดุ มันก็ได้แต่หัวเราะกร่อยๆกลบเกลื่อน

“เกียร์เองก็กินเยอะๆนะ จะได้โตไวๆ”

คุณน้าตักเนื้อขาหมูให้ผมวางลงในจาน

“ขอบคุณ....ครับ...”

พูดออกไป แต่ไม่ได้มองหน้าคนกระทำให้....

ก็มัน...ไม่ชินนี้หว่า....

พ่อผมกับคุณน้าช่วยกันเล่าเรื่องตลกๆเพื่อพยุงบรรยากาศ ผมกับไอ้ปกป้องก็พยายามที่จะหัวเราะหรอกนะ จนกระทั้งพ่อผมทักขึ้นมา

“เออ พ่อสงสัยมานานแล้วเราสองคนนะ...”

“ครับ/ครับ ?”

ผมกับไอ้ปกป้องพูดขึ้นพร้อมกันหลังพ่อยกตะเกียบขึ้นมาชี้ทางเราที่ละคน

“ใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง”

“........................................”

เงียบ....

เงียบได้อีก....

พอเห็นผมกับมันเงียบ พ่อเลยถามต่อ

“ป้อง”

“ครับ ?”

“เกิดวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร ปีไหน ?”

“20 กรกฏ 40 ครับ”

“เกียร์”

“ครับ ?”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ ตั้งแต่ได้ฟังวันเกิดมันแล้ว....เพราะ.....

“งั้นเราก็ต้องเรียกป้องว่า ‘พี่’ แกเกิด41นิ”

“.........ครับ”

ผมต้องตอบรับอย่างจำใจ เพราะสำหรับพ่อแล้ว ผมไม่สามารถขัดขืนอะไรได้จริงๆ

“ไหนลองเรียนพี่เขาสิ”

“ตอนนี้อ๊ะน่ะ”

“เออ”

“พี่...ป้.......อง”

“ทำไมพูดเสียงเบาจังว่ะไอ้เสือ ตอนขอตังค์ไปซื่อรถยังเสียงดังกว่านี้อีก ไหนเรียกใหม่ดิ่”

“พี่ปกป้องพอใจยังครับพ่อ !!!”

ผมตะเบ็งเสียงขึ้นมาพูด เพราะรู้ว่าถ้าไม่พูด พ่อได้หาเรื่องผมแง่มๆ

“พอใจแล้วครับ ‘น้องเกียร์’”

คนถูกเรียกว่า ‘พี่’พูดด้วยสีหน้าระรื่นแบบที่ผมโคตรอยากจะเอาส้นตรีนยัดปากแม่ม เพราะมันเล่นจงใจเน้นคำว่าน้องเป็นพิเศษ

“งั้นต่อจากนี้ก็ดูแลกันดีๆนะ เดี่ยวว่างๆพี่สาวเราก็คงจะมาเยี่ยมนะ”

“พี่ขวัญรู้เรื่องแล้วเหรอพ่อ ?”

พ่อผมไม่พูดตอบแต่พยักหน้าแทน ทำไมหล่อนรู้ก่อนผมอีกว่ะ เชอะ

“งั้นก็เรียกแม่สักที่สิเกียร์”

“..............”

“เกียร์!!!”

“ผมอิ่มแล้วนะครับ ขอตัว”

ผมยังทำตัวเหมือนเดิมด้วยการหนีขึ้นห้องนอนไป ก่อนไอ้ป้องจะตามผมขึ้นมาในเวลาไล่เลียกัน....

ผมทำตัว‘เหมือนปกติ’ เล่นเฟส ตีดอท และอาบน้ำเข้านอนตอนสี่ทุ่ม ในขณะที่ไอ้ป้องเลือกที่จะหลับไปหลังมันทำการบ้านเสร็จ ผมเห็นมันทำหน้านิ่งๆเหมือนปกติ...

ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ ......


ห้าทุ่มแล้ว...

ผมนอนไม่หลับ...

อาจดูงี้เง้านิดๆที่ผมอคติ

แต่ผมผิดตรงไหนที่อยากได้ครอบครัวที่แท้จริง

ผมผิดเหรอที่อยากให้แม่กลับมา ?

ไม่พร้อม

ไม่รู้เลยว่าควรจะต้องทำยังไงต้องพูดแบบไหน ทำตัวยังไง แสดงสีหน้าแบบไหน อีกทั้งไอ้คนข้างล่างที่หลับไปตั้งแต่สองทุ่มแล้วมันทำให้ผมรู้สึกประหลาด

เมื่อก่อนเวลาพ่อไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด ผมจะชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อนพร้อมทำกิจกรรมเสรีในบางโอกาส ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ผมก็อยู่คนเดี่ยวมาตลอด...

พอวันหนึ่ง มีไอ้คนที่ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีไม่เคยคุยกัน แต่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน เป็น'ครอบครัว'เดี่ยวกัน

ผมวางตัวไม่ถูก

แรกเริ่มวางแผนแกล้งต่างๆนานาแต่จนแล้วจนรอดกระทั้งเสียงก่นด่าตอบกลับมาก็ยังไม่มี

ไม่โกรธ ไม่รู้

..............หรือมันไม่สนใจผมกันแน่

ความรู้สึกที่มีอยู่ เหมือนกับว่าผมพยายามเรียกร้องความสนใจ เป็นเด็กไม่รู้จักโต

วินาที่นั้น ผมอยากรู้ความรู้สึกของมัน

ตอนที่แม่มันบอกมันเรื่องพ่อผม

มันรู้สึกยังไง ? รับมือแบบไหน ? ตกใจร้อนรนแบบผมรึเปล่า ?

"ไอ้ป้อง หลับยัง"

ผมถามเสียงปานกลาง ในเมื้อแกล้งไม่ได้ผล ผมก็แมนพอที่จะคุยตรงๆเหมือนกัน ยอมรับตามตรงเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมามันลบอคติของผมที่มีต่อมันออกจนหมด เล่นดีขนาดนี้ใครจะเกลียดลงว่ะ ???

"หลับแล้ว ถ้ามึงไม่พลิกตัวไปมาจนกูตื่น"


ถ้อยคำประชดเสียดสีดังตอบผม ผมค่อยๆไต่ลงจากเตียงเบาๆก่อนจะเห็นว่ามันนอนหงายหลับตาอยู่ เห็นแบบนั้นผมเลยถือวิสาสะทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ(ยังไงก็เตียงผมนิ)


'ตุ๊บ'

"เห้ย!!!"

มันร้องเสียงหลงเด้งตัวขึ้นทันที่ที่หลังผมสัมผัสกับพื่นฟูก

"ตกใจเหรี้ยไร จะลงมานอนคุยด้วยเฉยๆ"

ผมบอก เพราะตอนนี้ทั้งห้องปิดไฟหมดแล้วเลยทำให้เห็นหน้ามันแค่สลัวๆจากแสงข้างนอกที่ส่องเข้ามาแต่ก็เพียงพอให้เห็นคิ้วของมันขมวดกันนิดๆ

"มึงคุยจากข้างบนก็ได้นิว่ะ"

คนถูกแย่งที่นอนชั่วคราวแย้งผมเบาๆแต่ผมไม่สนหรอก

"กูขี้เกรียจตะโกนคุย ใกล้ๆนี้แหละดีแล้ว"

สุดท้ายเพราะขี้เกรียจเถียงหรือเพราะอะไรสักอย่างมันก็เลยทิ์งตัวลงไปนอนตามเดิม

"มีอะไรอีกล่ะ"

"มึง...ไม่เครียดเหรอว่ะ ตอนที่แม่มึงบอกจะมี...เออ แฟนใหม่อ๊ะ?"

ผมเปิดประเด็นไม่อ้อมค้อม ตาก็มองพื่นฟูกด้านบนของผมไป

"มึงเกิด40ใช่มั้ย?"

มันตอบคำถามด้วยคำถามแทน ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ผมก็ตอบมันไปอยู่ดี

"เปล่า กูเกิด41แต่เกิดต้นปี"

"เด็กกว่ากูแหะ"

"กูว่ากูถามอีกเรื่อง"

ผมท้วงติงนิดๆก่อนมันจะเงียบไปอึดใจหนึ่ง

"กูก็...ประหลาดใจนิดหน่อย"

"แค่นั้นอ่ะนะ ? แล้วมึงไม่กลัวพ่อกูทำร้ายแม่มึงเหรอ แบบในหนังในละครงี้"

"หนึ่งปีเศษ"

"อะไรหนึ่งปีเศษ"

ผมพลิกตัวหันข้างไปหามัน

"หนึ่งปีเศษแล้วที่พ่อมึงจีบแม่กู คอยดูแล มอบสิ่งดีๆให้กันและกัน จนสุดท้ายแม่ก็ใจอ่อนยอมย้ายมาอยู่ด้วย"

"...."

"ครั้งแรกที่ฟัง แม่เล่าให้ฟังว่าอาชาติแกเข้ามาจีบโต้งๆแต่แม่ไม่ชอบผู้ชายกะล่อนเลยตัดใป"

มันเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ

"ต่อมา เพราะบริษัทที่อาชาติทำงานอยู่เป็นบริษัทในเครือเดี่ยวกันกับของแม่ ทั้งสองคนเลยได้เจอกันอีก

รายละเอียดที่จีบกัน กูไม่รู้หรอกว่าอาแกทำอีท่าไหนแม่กูถึงได้ใจอ่อนแต่สิ่งที่สำคัญคือ..."

"คือ? "

"ตั้งแต่พ่อตายไป เหมือนรอยยิ้มหายไปจากแม่.....ตั้งแต่อาชาติเข้ามาในชีวิตของแม่ แม่ดูสดใสขึ้นมาก กินข้าวสองจานสามจาน น้ำหนักขึ้นก็ไม่บ่น แม่กูมีความสุข กูเป็นลูกกูก็มีความสุขตาม"

ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจากสิ่งที่ได้รับฟังในครั้งนี้ นี้เองสินะเหตุผลที่ปกป้องมันยอมรับในตัวพ่อของผม


"เกียร์ ถ้ากูพูดไปมึงจะโกรธไหม?"

มันพูดต่อ


"อื้ม พูดมาเถอะ"

ไอ้ปกป้องหันหน้ามามองผมก่อนมันจะเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วพูดขึ้นมา


"กูรู้ว่ามึงรักแม่ของมึงมาก แต่มึงฟังกูนะเกียร์..."

"....."

"ถ้าแม่ของมึงจะกลับมา เขาคงกลับมานานแล้ว คงกลับมานานก่อนที่อาชาติจะเจอแม่ซะอีก"

"....."

"บางครั้งการที่คนเราแยกทางกัน มันอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้นะเกียร์ เราอาจแค่เกิดมาเพื่อพบเจอและจากกัน นั้นคือสิ่งที่เป็นไปได้ทั้งนั้น"

"..."

"เกียร์..."

มันพูดเสียงต่ำก่อนจะกดหน้าผมลงกับหน้าอกของมัน

"อยู่กับกู ไม่ต้องเข็มแข็งก็ได้"

ผมไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำพูดของมัน ไม่ขัดขื่นใดๆทั้งสิ้น

มันพูดถูกแล้ว...

ถ้าแม่ของผมจะกลับมาก็คงกลับมานานแล้วจริงๆ

หกปีที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่คือคำตอบ ผมไม่เคยได้คุยกับแม่อีกเลย ไม่แม้กระทั้งได้เห็นหน้ากัน หกปีที่ผ่านมาผมโตมากับพ่อ พ่อที่คอยเป็นทุกสิ่งให้กับผม สอนผมให้เป็นคนดี ไม่ผิดใช่มั้ยถ้าผมจะระแวงปกป้องกับแม่ของมันเพราะผมรักพ่อ


บ้างที่การที่ครอบครัวของปกป้องก้าวเข้ามาในครอบครัวของผม มันอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ผม...


ต้องยอมรับความเป็นจริง



"วันนี้มึงพูดมากจัง"

ผมยังซุบหน้ากับหน้าอกของมัน พูดแล้วเสียงมันเลยอู้อี้ชอบกล

"เออ กูอนุญาตให้ยืมไออุ่นจากกูคืนหนึ่ง"

คำพูดติดตลกออกมาจากปากมัน ผมตอบรับด้วยการซุกหน้าลงไปแน่นๆกว่าเดิม รู้สึก‘อุ่น’ตามที่มันว่าจริงๆนั้นแหละ...

บ้างที่การมีพี่ชาย ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนักหรอกมั่ง....

Thinking too much can only cause problems.#ก้องเกียรติ์



TBC.

ปั้นทันด้วยแหละตัวเธอว์ นี้คือดีใจ เพราะตอนนี้ยาวกว่าปกติประมาธเกือบๆเท่าตัว Y Y ยกความดีความชอบให้เพื่อนๆที่ตามอ่านเลยจ้า กำลังใจมันล้นเออ


ปล. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้ มันพอจะ'หวาน'บ้างไหม ? กิกิ  :bye2:


                                                            ...............................................
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 18-06-2014 17:05:31
อยู่กับกู ไม่ต้องเข้มแข็งก็ได้

บ๊ะๆๆ โดนใจจจ >.<

หวานพอกรุบกริบ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-06-2014 17:06:30
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 18-06-2014 17:31:38
หวานแล้วจ้า หวานละมุนแบบนี้แหละชอบ หวานเกินไปมันเลี่ยน :o8:

ปล.กว่าจะหาเจอ พลาดหลายตอนเลย แง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-06-2014 21:41:53
เอิ่บบ อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-06-2014 00:07:42
 :z3: อุกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงเสน่ห์ปกป้อง อร๊ายยยยยยยยยยยยย  :z3: :z3: :z3:
ทำมันผู้ชายคนนี้มันน่าลาก เอ๊ย! น่ารักขนาดนี้


ประกายดูจากรูปลักษ์น่าจะเมะ จะกดป้องเหรอ
ป้องเขาจะมีเมีย?ในอนาคตอันใกล้นะ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 19-06-2014 00:42:17
เห็นคำผิดหลายคำเลยค่ะะะ
เช่น เดี่ยว ต้องเป็น เดียว หมั้นไส้ ต้องเป็น หมั่นไส้ ปั้น ต้องเป็น ปั่นเป็นต้น
แต่เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะ น่าสนใจ ขอติดหนึบเรื่องนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2014 03:20:40
หาเรื่องนี้เจอสักที  :hao5: เขาไม่รู้ว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องไอ้เราก็ไล่หาไปทีละหน้าๆ จนลองเปิดเข้ามาลองอ่านเรื่องนี้ดู   :ling2: แม่เจ้า!!! นี้คือเรื่องที่ฉันหาอยู่นี่ สนุกมากเลยจ้า ปกป้องแลดูความลับเยอะมาก
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #06 เปิดใจ พี่ชาย และ กูให้ยืม <18/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 19-06-2014 16:21:14
#07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก'


ผมมารู้สึกตัวอีกที่ตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง

อุ่นจังแหะ...

ก็ว่าแล้วว่าทำไมอุ่นๆ แต่ความอุ่นนั้นไม่ได้เกิดจากผ้าห่มนะครับ เกิดจากไอ้คนที่กดหน้าผมซบมันเมื่อคืนต่างหาก
ผมเพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตัวเองนอนกอดไอ้ป้องอยู่แบบนั้นตั้งแต่เมื่อคืน แถมยังเอาหน้าซุกมันไว้ตลอดคืนอีกต่างหาก ที่สำคัญ

คือขนาดผมนอนทับแขนมันต่างหมอนมันยังไม่ยอมยกออกเลย แต่ปล่อยให้ผมนอนไปทั้งๆแบบนั้นตลอดทั้งคืน มันไม่ได้พูดปลอบประโลมผม หรือต่อว่าอะไร แค่ให้ผมซบแบบนั้นไปทั้งคืน

แบบนี้เขาเรียกว่า ‘ใส่ใจ’ รึเปล่าว่ะครับ

ขาของผมพาดเกยมันข้างหนึ่ง มันยังนอนแน่นิ่ง เผยอปากนิดๆจนเห็นกลีบปากสีชมพูอ่อน ตาทั้งสองข้างยังคงหลับสนิท เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ามันยังนอนหลับอยู่

“ตื่นแล้วก็ลุกออกไป กูเมื้อยแขน มองอยู่นั้นแหละ”

ซะเมื่อไหร่....

ผมสะดุ้งตัวยกขาออกจากลำตัวของมัน อ้าวไอ้เวร ตื่นแล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้กูแอบมองทำไมว่ะ

พอร่างกายเป็นอิสระ มันก็ลุกขึ้นก่อนจะหมุนแขนคล้ายเมื้อย

“อาบน้ำก่อนนะ”

“อื้ม”

ผมรับคำมัน ก่อนไอ้ปกป้องจะพาดผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ รู้สึกหิวแหะ เพราะเมื่อคืนที่รีบลุกออกมานั้นแหละมั่งครับ
ทำให้กินไม่อิ่ม ปกติตอนเช้าๆผมจะไม่ค่อยหิวมากนะ อย่างมากกินแค่หนมปังก็อิ่มแล้วครับ

ผมเดินลงไปด้านล่าง ก่อนจะเดินผ่านห้องนั่งทานข้าว ใครคนหนึ่งยังคนยืนอยู่ตรงโต๊ะอาหาร บนโต๊ะประกอบไปด้วยไข่พะโล้ของโปรดผมกับข้าวสวยร้อนๆสองถ้วย ท่าทางคุณน้าคงเตรียมไว้ให้ผมกับปกป้องมัน ผมเหลือบมองเวลาก่อนจะพบว่ามันจวนเจียนจะหกโมงครึ่งแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอเกียร์ ? คือ น้าทำไข่พระโล้ไว้ให้เรากับเจ้าป้องนะ”

คุณน้าลีลาวดีพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกวัน นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนเตรียมของไว้ให้ผมทานตอนเช้าๆกับไอ้ปกป้อง

แต่นี้เป็นครั้งแรกสำหรับผม....

“เดี่ยวน้าไปทำงานก่อนนะ ฝากบอกเจ้าป้องด้วยว่าให้เขาทานเยอะๆ น้าไปก่อนนะ”

หล่อนพูดจบก็เตรียมตัวหยิบกระเป๋ามาคล้องแขน ก่อนจะเตรียมเดินผ่านผมไป

ทุกครั้ง ผมจะนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพราะไม่รู้ตัวว่าควรพูดอะไร

แต่ครั้งนี้มันคงต่างออกไป

“เดียวครับ”

“.........”

คุณน้าหยุดอยู่กับที่ ตามมือหยาบๆของผมที่รั้งเสื้อหล่อนเอาไว้

“คือ.....ขอบคุณนะครับ....แม่....”

ผมก้มหน้าพูดงุดงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดเบาขนาดไหน รู้เพียงแต่ฝ่ามืออุ่นๆคู่นั้นลูบหัวผมด้วยความเมตตาและความปรารถนาดี

“จ๊ะลูก”

“คุณครับ ไปทำงานกั...อ้าวเจ้าเกียร์”

พ่อผมเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ ผมเงยหน้ามองแล้วเห็นพี่ท่านยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“งั้นพ่อกับแม่ไปทำงานก่อนนะเกียร์ ดูแลพี่ป้องด้วย”

“ครับพ่อ ไปทำงานดีๆนะครับ พ่อ....แม่”

ผมว่าผมเห็นพ่อยิ้มขำแน่ๆ ที่เห็นผมพูดเบาแบบนั้น แต่พ่อก็ไม่แซวอะไร เดินออกไปกับแม่โดยดี

ผมว่าสองแม่ลูกคู่นี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนๆกัน

ทั้งสองคนให้ความ ‘อบอุ่น’กับผมมากจริงๆ...

ผมนั่งนิ่งอยู่กับโต๊ะอาหารจนฝามือร้อนๆเข้ามาวางบนบ่านั้นแหละ

“ไปอาบน้ำ เดียวจะสาย”

มันว่า ผมเห็นมันแต่งตัวเสร็จแล้วครับ

“อย่าเพิ่งกินนะ รอกูด้วย”

“เออ เดี่ยวจะเหลือไข่แดงไว้ให้”

ผมยกนิ้วกลางใส่มัน ก่อนไอ้ตัวดีจะกระตุกยิ้มหน้าตาย

นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ผมไม่ได้ตื่นเช้าแล้วบอกสวัสดีพ่อ....กับแม่

นานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่พี่ขวัญย้ายออกไป ผมแทบจะกินข้าวกล่องเป็นอาหารจานหลักอยู่แล้ว พ่อเองก็ไม่มีเวลามาใส่ใจอะไร
เล็กๆน้อยๆแบบนี้

ครอบครัวนี้...มันดีจริงๆนะครับ

ผมใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พอลงมาก็เห็นไอ้ป้องนั่งอ่านสมดเลคเชอร์ของมันอยู่ ข้าวสวยร้อนๆทั้งสองจานยังคงมีปริมาณตามเดิม

มันรอผมลงมากินจริงๆด้วยแหะ...

พอเห็นผมลงมานั่งข้างๆมันเสร็จ มันก็ตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ คงจะหิวนั้นแหละครับแต่ก็รอผม

“ถ้าหิวก็กินก่อนดิว่ะ”

“รอได้...”

“ถ้าหิวมากๆไม่ต้องรอก็ได้กินไปเลย”

ผมบอกมันไปแบบนั้นก่อนตัวเองจะลงมือทานบ้าง

น้ำทรงเครื่องพะโล้ของคุณน้า...ไม่สิ แม่ของผมรสชาติจัดจ้านมากครับ มันกลมกล่อมนุ่มลิ้นดี อีกทั้งเครื่องเทศที่ใส่ยังไม่ส่งกลิ่น
รุนแรงเกินไป โดยรวมแล้วผมให้สิบเต็มสิบเลยเอ้า

ดูเหมือนอีกคนก็คิดแบบผม เพราะมันกินไปเกือบๆครึ่งจานแล้ว

“ป้อง”

“ห๊ะ ?”

“วันนี้มีเทสย่อยอะไรรึเปล่าว่ะ”

มันตักข้าวเข้าปากก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป้องออกมาเล็กๆ แมร่งกินยังกะเด็ก

“มีแต่บอกคะแนนเทสคราวก่อน ของมิสอริสรา”

“กัณฑ์พระนางมัทรีอ่ะนะ”

“เออ”

ผมกินข้าวหมดก่อนมัน เลยเอาหน้าไปถูกับพื่นโต๊ะเล่นเป็นการฆ่าเวลา

“จะผ่านป่าวว่ะกูเนี้ย”

“มึงก็พอทำได้ไม่ใช่เหรอ กูเห็นนั่งกาๆอยู่นี้หว้า”

“อื้ม”

เดียวนะ....

ย้อนๆ ๆๆ เอาใหม่ๆ  ไหนลองย้อนประโยคเมื่อกี้อีกรอบสิ

‘มึงก็พอทำได้ไม่ใช่เหรอ กูเห็นนั่งกาๆอยู่นี้หว้า’

ไอ้ที่ว่าเห็นนะ ....คือมัน ‘มอง’ผมด้วยเหรอครับ ?

ผมไม่ได้ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย แต่หันข้างไปมองไอ้คนที่ยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆจนแก้มป้องแทน ไม่ว่าจะหิวขนาดไหน ยังไงมันก็คงคอนเซ็ปกินแบบเรียบร้อยอยู่เสมอ(ส่วนผมตอนหิวๆเนี้ย แทบจะยกจานเทใส่ปากครับ ป่าเถือนสิ้นดี)

ที่นั่งของผมในห้องเรียน จะมองเห็นที่นั่งของมันในมุมเฉ๊ยง

แต่ถ้าคิดในทางกลับกัน ที่นั่งของผม...

ก็สามารม ‘แอบมอง’ผมในมุมตรงกันข้ามได้นี้หวา !!!

วูบเดียวจริงๆในอารมณ์ที่ผมสงสัย....

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มันเคย ‘แอบมอง’ตอนเวลาผมเผลอ

บ้างรึเปล่านะ.......

“ไปโรงเรียนกัน”

“มึงไปก่อนเลยก็ได้”

มันว่า ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม

“เออ กูสงสัยมาสักพักแล้วป้อง  ทำไมตอนเช้ามึงเข้าไปเก็บของในล็อคเกอร์ช้ากว่ากูว่ะ ทั้งๆที่ไปแทบๆจะพร้อมกัน”

ผมขมวดคิ้วถามมัน ในขนาดที่คนถูกถามแค่ตอบกลับมาเรียบๆ

“สังเกตด้วยเหรอ ?”

“เออ”

คิ้วของมันกระตุกขึ้นนิดๆ ก่อนสีหน้ากระล่อนๆมันตอนเต้นลีลาศกับผมจะปรากฏ






“พูดเหมือนมึงสนใจเรื่องของกูเลย”


เป็นผมเองที่แทบจะสำลักน้ำลาย ไอ้เวร!!!!

“จะบ้าเหรอมึง กูแค่สงสัย!!!!”

ผมแว้ดใส่มันกลับเสียงสูง ก่อนมันจะอมยิ้มขำแล้วตอบกลับมา  ตอนมันยิ้มนี้ลักยิ้มสองข้างจะโผล่ออกมาครับ ก็ถือว่าน่าดูอยู่
หรอก

“ก็กู...ไม่อยากให้มึงลำบากใจไง”

“ลำบากใจ ?”

“ก็แบบ...เกิดคนอื่นเขาสงสัยเงี้ย ว่าทำไมกูกับมึงถึงมาพร้อมกัน แล้วเดี่ยวมันจะวุ่นวาย จนเลยเถิดไปถึงเรื่องที่มึงกับกูเป็นพี่น้อง
กันไง คือ มึงคงรู้สึกแย่ ที่มีพี่เฉิ่มๆแบบกู...มั่งนะ”

“มึงชื่ออะไร ?”

ผมถามมันขึ้นเสียงนิดๆ มันทำหน้างงๆแต่ก็ตอบผม

“ปกป้อง”

“ใช่ มึงชื่อปกป้อง ไม่ใช่ก้องเกียรติ์ เพราะงั้นไม่ต้องคิดแทนกู ว่ากูจะรู้สึกยังไง งั้นถามอีกเรื่อง มึงอายไหมที่เป็นพี่น้องกับกู ?”

“ไม่”

“งั้นก็จำไว้ ไม่ต้องคิดแบบนั้นอีก กูไม่สนใจเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหรอก”

“เกียร์....”

“..............”

“กูคิด...เพราะกูแคร์......”

น้ำเสียงอ่อนโยนออกมาจากปากมันเป็นครั้งแรก

เป็นอีกครั้งที่สายตาธรรมดาๆคู่นั้นสะกดผมอยู่หมัด

แล้วทำไม....มันต้องมาแคร์ผมว่ะ

“ก็มึง....เป็นน้องกูนิ”

“เออ รู้แล้ว งั้นที่หลังพี่อย่างมึงก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะน้องอย่างกู ไม่เคยสนใจว่าใครจะมองว่ากูมีพี่แบบไหน แค่มึงดีกับกู กู
สนใจแค่นั้นจริงๆ”

เป็นอีกครั้งที่สายตาของผมกับมันเชื่อมต่อกัน

ในแววตาคู่นั้น ยังคงซุกซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้

บางอย่าง ที่คนโง่ๆแบบผมดูไม่ออก และมันคงคิดว่ามันไม่สมควรที่จะพูดออกไม่ หรือไม่....มันก็ยังไม่ถึงเวลา

“ไปโรงเรียนเถอะ สายแล้ว”

มันตัดบทก่อนจะหิ้วจาคอปเดินนำหน้าผมไป

“ป้อง”

“ห๊ะ ?”

มันผูกเชือกรองเท้า เลยไม่ได้หันมามองหน้าผม







“วันนี้ไปเก็บกระเป๋าพร้อมกัน ตกลงนะ”

“อื้ม...ตกลง”

มันพูดง่ายๆเหมือนเคย แต่ยังคงยิ้มยากเหมือนเดิม มากสุดตอนนี้ที่ผมได้เห็น ได้สัมผัสจากมัน คือรอยยิ้มกลั้นขำ ที่ปรากฏออก
มาเพียงเสี้ยววินาที่ แต่ที่ทำไมกับไอ้เด็กคนนั้นมันถึงยิ้มง่ายยิ้มดีจังว่ะ

“ป้อง”

“หื้ม ?”

ผมดึงหูฟังมันออกจากหูข้างหนึ่ง ตอนนี้พวกเราทั้งคู่อยู่บนรถเมล์ครับ

“น้องรหัสมึง...จึบมึงเหรอว่ะ ?”

บางที่ผมก็อยากจะทุบหัวตัวเอง แมร่ง ไอ้เกียร์เอ๊ย ทำไมมึงถึงไม่มีวาทศิลป์ในการพูดล่อหลอกว่ะ เรื่องแบบนี้ถามตรงๆใครเขา
จะตอบมึง ไอ้ควายยยยย

“อื้ม.....”

คำตอบที่ผมได้รับกลับมา ทำเอานิ่งไปหน่อยๆ

ลืมไปเลยว่าไอ้ป้องมันไม่เคยอ้อม

“ผู้ชาย ?”

“อื้ม ผู้ชาย ทำไมอ๊ะ ?”

มันตอบกลับมาง่ายๆ แต่คนฟังแบบผม เข้าใจโคตรยากกกกกกกก(ก.ไก่ล้านตัว!!!)

“มึงเป็นเกย์เหรอ ?”

รอบนี้แทนคำตอบ สิ่งที่ได้รับกลับมา คืออวจนะฝามือหนาๆของมันที่ตบลงมาเต็มแรงบนหัวผม

“โอ๊ย ไอ้เขรี้ย เจ็บ”

ผมคลำหัวป้อยๆ มันกระตุกมุมปากขึ้นนิดๆ

“เสือกถามอะไรโง่ๆ”

“เอ้า ก็มึงพูดเองนิ”

“เกียร์”

“อะไร ?”

น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ก่อนมือมันจะดึงผมเข้าไปใกล้ๆ

“ความรัก มันไม่มีเหตุผลหรอกนะ.....”

“.......................”

“ไว้เจอคนที่มึง ‘รัก’เขาเมื่อไหร่ มึงจะเข้าใจ”

มันบอกผมแบบนั้น

ผมบอกไปแล้วใช่มั้ย ว่าผม มัน‘โง่’ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักหรอก รู้แต่ว่าผมคงต้องมี ‘ความรัก’แบบที่มันว่าล่ะมึง ถึงจะได้เข้าใจ
แต่จะมีเมื่อไหร่ ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

ก็ความรัก...มันไม่มีเหตุผลนิครับ



                       Love  and  care’s  binding  our  heart  to  be  one. #ปกป้อง

TBC.


มาเรื่อยๆ เปื่อยๆ ตอนนี้เหมือนจะไม่มีอะไร

แต่จริงๆแล้ว มัน'มี'นะ..... :L2:


คุณ  ::UsslaJlwaJ::

ขอบคุณน่า เราแต่งเลียลๆไม่เป็น ฮ่าๆ  :hao7:

คุณ Inwoสูs  คุณ B52

เย้ๆ กลับมาตามต่อน่า  :mew1:

คุณ suck_love

ขอบคุณน้า เดี๋ยวไปแก้เนาะ Y Y

คุณ  IsDeer

สงครามยังไม่จบเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: stickieeZz ที่ 19-06-2014 18:43:07
โอ๊ยยยยยย น่ารัก มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งมากกกกก :hao7: :hao7: :hao7:


หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 19-06-2014 18:56:48
มันทีคำพูดโดนใจอยู่ทุกตอนจริงๆน่า อ่านแล้วแอบเขิน เบาๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-06-2014 20:47:12
อยากอ่านต่ออออออ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2014 21:16:25
กระชับความสัมพันธ์ไปทีละนิด
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-06-2014 21:50:18
 :z3: ยิ่งอ่านฉันยิ่งอยากได้ปกป้อง กรี๊ดดดดดดดด
จะเอา จะเอา  :z3: :z3: :z3:
ผู้ชายแบบนี้ต้องไปหาแถวไหน

ปอลิง: ขอถามก่อนเลย หนังสือออกเมื่อไหร่ อยากได้ปกป้องมาลวนลามมาก อร๊ายยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 19-06-2014 22:43:37
อุ้ยๆ แอบหวาน(?) บนรถเมล์ด้วยละ

แล้วสุดท้ายน้องรหัสจะทำไง #เกาะติดป้อง
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 19-06-2014 23:08:26
จากตอนนี้เรารู้ละว่าใครรับรุก  #หรือเปล่า 5555555
คำผิดมีเรื่อยๆนะคะ เดี๋ยวว่างๆเราจะมากระซิบว่าตรงไหนบ้าง  :mew1:

ติดตามต่อไปว่าจะรีกกันเมื่อไหร่  :-[
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก' <19/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 20-06-2014 20:11:47
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้  ขอ อนุญาตเป็นแฟนคลับพี่ป้องน้องเกียร์ได้มั้ยคะะะะะะ
น่ารักมว้าก/กอไก่ล้านตัว/
คนแต่งเขียนไหลลื่นมากกก ชอบสุดๆ อ่านแล้วฟินอ่ะ
ชื่อตอนแต่ละตอนก็น่ารัก
สรุปว่าชอบหมดเลยฮ่าๆๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ปล.คนแต่งเคยเขียนเรื่องอื่นมาก่อนมั้ยคะ
(ถ้ารบกวนไปไม่ตอบก็ได้ค่ะ อิอิ)

หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 เงยหน้า ก้มมอง และ มุมของแต่ละคน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 21-06-2014 19:54:59
#08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน


มุมมองเดิมๆ กับคนเดิมๆ....

จะโทษอะไรดีล่ะ ? มันคงเป็นจุดพักสายตาของผมล่ะมั่ง

ปกติแล้ว เวลาอยู่ในห้อง ผมจะสอบฟุบนอนลงไปเป็นบ้างเวลา ที่นี้ด้านหน้าผม มีไอ้แจ็คร่างควายนั่งอยู่ จะให้ฟุบแล้วมองไปทางมันก็กระไร แต่จะให้ผมหันไปทางซ้ายก็ติดไอ้บอล ผมเลยต้องฟุบไปเฉียงๆซึ่งไอ้ป้องนั่งอยู่

อื้ม... มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้...ล่ะนะ

งั้นผมก็ ‘มอง’ ต่อได้ ใช่ไหมครับ .......?

คาบนี้เป็นคาบเช้าครับ เมื่อเช้าหลังผมกับมันเอาประเป๋าเข้ามาเก็บด้วยกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นแบบที่มันกังวลเลย ผมรู้แล้วล่ะว่ามันเป็นคนชอบคิดมาก และคิดเยอะ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคิดมากไปทำไหม ถ้าคิดแล้วมันทำให้ปวดหัวล่วงหน้าไปเปล่าๆ

“มิสเตอร์ก้องเกียรติ์”

“ครับๆ”

แต่เพราะเหม่อแบบนั้นแหละครับ เลยโดนมิสประภัสศรเรียก หล่อนชี้ปากกาไวท์บอร์ดไปทางกระดานซึ่งมีโจทย์ที่เขียนไว้ค้างอยู่

“ถ้าเหม่อแบบนั้นคงทำได้แล้วสินะ ไหนลองออกมาทำสิ”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ แต่ก็ยอมเดินออกไปรับปากกาแต่โดยดี เพราะสำหรับมิสประภัสศรแล้ว การไม่ทำจะโดนลงโทษหนักกว่าเดิม

บอกตามตรงว่าไอ้ตรีโกณมิตินี้ผมเพิ่งผ่านตามาไม่นานเองครับ แล้วทำไมรอบนี้มันถึงมีXด้วยว่ะ!!!

ผมลองขีดๆเขียนๆบนกระดานไวท์บอร์ด ก่อนจะจนใจและจนแต้ม เพราะคิดไม่ออกจริงๆว่าจะหาค่าXยังไง ในเมื่อตอนนี้ค่าSin Cos Tan ที่เรียนมันมันถูกแปลงค่าหมดแล้ว ติดอยู่แค่ตัวXที่ผมคิดค่าไม่ออก...

“ทำไม่ได้แล้วครับ”

ยอมแพ้โดยดีครับ เพราะมั่วไปต่อก็ไม่ถูกอยู่ดี ไอ้โจทย์แบบนี้ ถ้าผมยังไม่เข้าใจสูตรของมันผมก็ตีไม่แตกหรอกครับ

ผมเห็นมิสแกถอนหายใจหน่อยๆก่อนจะพูดขึ้น

“ก้องเกียรติ์ คุณเป็นเด็กคนหนึ่งในคลาสที่ฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้สอน แม้จะเป็นเด็กหลังห้องก็ตาม คุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจหลักการของคณิตศาสตร์ แต่จะดีกว่านี้มาก ถ้าคุณช่วยกรุณาเลิกมองไปทางปกป้องสักที่  นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณทำแบบนี้”

ยังดีที่มิสนภัสศรจงใจไว้หน้าผมด้วยการพูดเบามากกกในตอนท้ายประโยค แต่ก็มีพลังมากพอให้ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้าขึ้นมาได้

อะไรว่ะ ?

ผม'มอง'...ไม่ดิ'แอบมอง'บ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ  ? ผมว่าผมแค่มองผ่านๆนะ ไม่ได้ถึงขนาดมองตลอดเว คือผมแค่มองเพราะไม่มีอะไรให้มอง เหตุผลมันมีแค่นั้นจริงๆนะครับ

'ต้นเหตุ'ที่ทำให้ผมโดนด่า ยังคงนั่งหลังตรง ตั้งหน้าตั้งตาทบทวนทริกที่ได้จากมิสแก ขนาดผมเดินผ่านมันยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมเลย ลืมไปว่านอกจากกระดานไวท์บอร์ดกับเสียงของเหล่าอาจารย์ คงไม่มีอะไรเรียกร้องความสนใจจากมันได้จริงๆ

ผมถอนหายใจเนือยๆ แต่ก็ยังตั้งสติกับการสอนตรงหน้ามากกว่าเก่า เพราะกลัวว่ารอบนี้มิสแกจะหักหน้าผมโดยการพูดถึงเรื่องนั้นเสียงดังๆ

และถ้าเป็นแบบนั้นผมเองก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน

ถึงตอนนั้น ผมยังจะนอนฟุบไปทางมันอีกรึเปล่า?

"วันนี้พอแค่นี้ก่อน กรุณาทบทวนสิ่งที่ดิชั้นได้สอนพวกคุณด้วย พรุ่งนี้ดิชั้นจะทำการเทส!!!"

คำกล่าวประกายสิทธิ้นั้นทำให้พวกผมถอนหายใจเฮือกรอรับชะตากรรม

เทสตกเป็นเรืองปกติ เทสผ่านสิ นั้นคือปาฏิหารย์

ยิ่งเป็นเรื่องตรีโกณมิติที่ผมอ่อนแออีกต่างหาก งานนี้บอกได้แบบไม่ต้องถามหมอดู ตกชัวร์ๆแน่นอน

ผมกวาดสายตามองเพื่อนหลายๆคนในห้อง พวกเด็กเรียนก็เตรียมติวกันเย็นนี้ พวกกลางๆก็ดูกังวลกันไปเรื่อย ส่วนพวกผม...

ไอ้อู๋นั่งรัวนิ้วลงแป้นตั้งแต่วินาที่แรกที่มิสแกปล่อย ไอ้เฟรมกำลังหลีสาวผ่านบีทอค ไอ้บอลเตะบอลกับเพื่อนในแก๊งของผม
พวกมึงนี้โครตเครียดเลยวุ้ย

คนบางคนก็เสมอต้นเสมอปลาย นิ่งยังไงก็นิ่งอย่างงั้น

ในขณะที่คนอื่นกำลังกระวีกระวาดกังวลกับเทสคณิตวันพรุ่งนี้ มันกลับนั่งนิ่งๆแล้วเตรียมเรียนวิชาต่อไป

ผมอยากรู้จริงๆ จะมีอะไรทำให้มันรู้สึกกังวลใจได้บ้าง?

ตลอดวันนั้นทั้งวันก็เป็นแบบที่ผ่านๆมา

ผมเหลือสายตามองมันเป็นพักๆแต่ภาพที่ได้เห็น ก็แค่มันกำลังนั่งขยุกขยิก ขีดๆเขียนๆอะไรสักอย่างลงในสมุด เพราะมันนั่งคน
เดี่ยวทำให้ไม่มีคนชวนคุยในระหว่างคาบ สายตาของมัน จดจ่ออยู่กับไวท์บอร์ด ไม่มีหันซ้ายหันขวาวอกแวก

มันโครตจะสมาธิดีมากจริงๆ ซูฮกมันเลย

ไอ้ที่เคยถามกับตัวเองว่า มันเคยแอบมองผมรึเปล่า?

คำตอบเพียงหนึ่งเดี่ยวคงจะเป็น'ไม่'นั้นแหละครับ หันไปมองกี่ครั้งก็ไม่เคยเห็นมันหันหน้าไปทางอื่นนอกจากไวท์บอร์ดเลย

คงมีแต่ผมคนเดียวนั้นแหละ ที่เผลอมองมันเป็นระยะๆ เพราะพักสายตาแล้วมันไม่มีที่มองนิครับ

หนึ่งปีที่ผ่านมา มองก็แค่มองผ่านๆ ด่ามันในใจว่าไอ้ขี้เก๊กบ้าง ไอ้เทพเกิ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้มองบ่อยขนาดนี้

สมองโง่ๆของผมประมวลผลไม่ออกหรอกว่าทำไมถึงได้มองมันบ่อยๆ ผมเลยผลักเหตุผลทั้งหมดไปกองรวมกันแล้วสรุปง่ายๆว่า

ที่มอง ก็เพราะแค่ไม่มีที่ไหนให้มองแล้ว ข้างหน้าก็โดนบัง ข้างๆก็วิวไม่สวย เลยจำใจมองไปทางมันอยู่บ่อยๆ

ไม่ใช่ว่าผมอยากมอง ก็เลยมอง......

จริงๆนะ!!!!

แล้วทำไมกูต้องเสียงสูงว่ะ???


                                         
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


"เกียร์ ไปกับพวกกูป่าว? วันนี้น้องเชอรี่นัดมา"

ไอ้อู๋ถามผมระหว่างที่มันกำลังยัดของลงกระเป๋า ช่วงนี้มันอารมณ์ดีขึ้นครับ เพราะไอ้มือแฮกเกอร์ปริศนานั้นหายไปสองวันแล้ว มันเลยเริ่มหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น เลยกลับมาซ่าเหมือนเดิม

ผมเคาะดินสอกดลงกับโต๊ะรัวๆ ก่อนจะเหลือมองสมุดเลคเชอร์คณิตใต้โต๊ะ พร้อมเงยหน้ามองใครอีกคนที่กำลังเก็บของเข้าตู้ล็อคเกอร์ของมัน

"ไม่ว่ะ กูมีธุระ"

ไอ้อู๋พยักหน้ารับคำ ก่อนมันจะเดินออกไปกับไอ้เฟรม ผมกวาดพวกหนังสือและสมุดทุกวิชายกเว้นคณิตเข้าล็อกเกอร์ของตัวเอง
แล้วรีบหนีบจาคอปวิ่งตามมันออกไปนอกห้อง

ปกป้องใส่หูฟังสีน้ำเงินเข้มอันโปรดของมัน ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันจะไปไหน

ถ้าจะตามหาตัวปกป้องหลักเลิกเรียนมีอยู่แค่สองที่เท่านั้นแหละครับ

ไม่ห้องพวกคณะกรรมการนร.ก็ห้องสมุด ดูจากทิศทางที่ตรงไปแล้วคงเป็นห้องสมุดนะครับ

ผมเร่งฝีเท้าเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆตาม พอถึงด้านหลังก็เอือมมือไปแตะไหล่มัน

"ป้อง!!!"

มันสะดุ้งก่อนจะถอนหูฟังมองผม ตาคู่เรียวเบิกกว้างขึ้นนิดๆ

"ไม่ได้ไปกับพวกไอ้อู๋เหรอ?"

"ไม่อ๊ะ ใครมันจะไปมีอารมณ์ทุกครั้งว่ะ"

ผมเบ้ปากตอบ มันหุบตาลงปกติ มุมปากยกขึ้นนิดๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ยิ้มอยู่ดี

เรืองปกติล่ะนะ...ไอ้เสือยิ้มยากเอ๊ย

"แล้วนี้มึงจะไปห้องสมุด?"

"อื้ม พอดีมีนัด"

มันตอบ

"นัด ?"

"คือน้องรหัสกู ประกายแสงนะ มาขอให้กูติวให้"

ผมพยักหน้าเข้าใจ จะว่าไปแล้วนอกจากคิทแคทจากวันนั้นที่ไอ้ต้องตาให้ผมแล้ว ผมยังไม่เจอมันอีกเลยแหะ

"กูไปด้วย ช่วยติวคณิตฯให้กูหน่อย"

มันพยักหน้าเข้าใจ ก่อนเราทั้งคู่จะเดินกันไปคุยกันไปจนถึงห้องสมุด

ห้องสมุดของโรงเรียนผมเป็นห้องขนาดใหญ่พิเศษ เอาเป็นว่าผมคิดว่ามันใหญ่พอๆครึ่งสนามฟุตบอล ในนั้นมีหนังสือหลายแบบตั้งแต่หนังสือเรียนยันหนังสือไร้สาระ คลายเครียดหรืออ่านเล่น แบ่งเป็นหมวดหมู่และโซนต่างๆ ไล่ตามอักษร ตั้งแต่ก.ไกถึงฮ.นกฮูก แล้วตามด้วยพยัญชนะภาษาอังกฤษA-Z

วีธีการใช้ห้องสมุดคือการทาบบัตรนร.ของโรงเรียนที่บัตรของแต่ล่ะคนจะมีบาร์โค้ดซ่อนอยู่ พอทาบเสร็จประตูห้องก็จะเปิดออก'แหวนสีขาว'ของปกป้องก็มีลักษณะเช่นนั้น เพียงแต่พิเศษกว่าชาวบ้านก็ตรงแหวนวงนี้สามารถสร้างโซนส่วนตัวขึ้นมาเป็นห้องเล็กๆได้ จริงๆในห้องสมุดเอง ก็มีห้องเล็กๆแยกย่อยอยู่เยอะพอสมควร และด้วยอำนาจของแหวน ปกป้องจึงมีห้องส่วนตัวในห้องสมุดอีกที่หนึ่ง

ชักรู้สึกว่าแหวนพวกนี้มีประโยชน์กว่าที่คิดแหะ...

"กูไม่ชอบเวลาคนมองตอนอ่านหนังสือนะ ในนี้ส่วนตัวดี"

ปกป้องยกหลังมือเอาตัวแหวนสัมผัสกับระบบตรวจรับตรงประตู ก่อนห้องด้านในจะเปิดออก มันเดินนำเข้าไปด้านใน ก่อนผมจะ
เดินตาม ประตูปิดลงเองตามกลไกของมัน

ผมเห็นสายตาพวกเด็กโซนด้านนอกมองมาด้วยความอิจฉา

พอมองดูรอบๆห้องก็เข้าใจ

ดูจากด้านนอก มันเหมือนจะเล็กและแคบมาก แต่พอได้ลองเข้ามาแล้วกลับกว้างพอตัว มีตู้เย็นเล็กๆขนาดไซร์มินิ ตั้งอยู่ข้างๆโซฟา ชุดเก้าอี้สำหรับหกคนนั่ง รอบๆห้องตกแต่งด้วยสีขาวสลับฟ้าอ่อนและน้ำเงินเข้ม สีโปรดของมัน

น่านอนชะมัดยาด...

แอร์เย็นๆที่ตกกระทบผม ทำให้อยากไซหัวลงไปนอนกับโซฟา ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมปกป้องมันถึงชอบเข้าห้องสมุด สงสัยแอบ
มางีบแหง่มๆ

เพียงแต่ในห้องนี้ ไม่ได้มีเพียงผมกับมัน

"สวัสดีครับพี่ป้องแล้วก็ พี่...เกียร์ ใช่มั้ย?"

ไอ้เด็กประกายแสงยิ์มแย้มตอนพูดกับไอ้ป้อง แต่ตอนไหว้ผม มันทำหน้านิ่ง

"ใช่แล้ว แสง นี้พี่เกียร์ เพื่อนพี่เอง"

"อ้อ...'เพื่อน'พี่ป้องเองเหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อแสงครับ"

ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองหรอกนะแต่ไอ้เด็กนี้จงใจพูดเน้นคำว่าเพื่อนแปลกๆ

"กูกับไอ้ป้องนะ ไม่ใช่'แค่เพื่อน'หรอกนะ เป็น'ครอบครัว'ต่างหาก"

ผมพูดก่อนจะโอบคอไอ้ป้อง มันหันมามองหน้าผมแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกมา

"ครอบครัว ? จริงเหรอครับพี่ป้อง"

ไอ้แสงทำหน้าตื่นๆนิดๆก่อนจะหันไปหาไอ้ป้อง ผมเห็นมันหันมามองหน้าผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายมันก็พยักหน้ารับก่อนจะตัดบท

"พี่ว่าเรามาเริ่มติวกันดีกว่า วันนี้พี่กลับห้าโมงเย็นนะ"

"ครับพี่ ไม่เป็นไร เรื่อยๆก็ได้ครับ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นก่อน"

ประโยคตอบรับดังบอกไอ้ป้อง ก่อนมันจะเปิดหนังสือแล้วเริ่มถามในจุดที่มันสงสัย เพียงแต่...

จะผิดไหมถ้าผมรู้สึกว่าที่มันพูด มันไม่ได้หมายถึงเรื่องเรียน...

ผมเริ่มเอาเลคเชอร์ของตัวเองชึ้นมาอ่าน สลับกลับดูเลคเชอร์ของมันที่จดละเอียดกว่าผม เสียงมันดังสอนไอ้ประกายเป็นระยะๆ

"ไม่ใช่ เราต้องเขียนแบบนี้ มันถึงจะถูกหลัก ต้องฝึกบ่อยๆ"

ไอ้ป้องแย้งหลังไอ้เด็กนั้นเขียสคันจิผิดหลักการ

"ยังไงอ๊ะครับพี่ ลากดินสอขึ้นมาแล้วตวัดลงเหรอครับ? "

มันลองทำให้ไอ้ป้องดู แต่ก็ยังผิดอยู่ดี

"จับดินสอแบบนี้นะ แล้วค่อยๆลากเส้นขึ้น พอถึงตรงจุดเหนือเส้นประแล้วถึงค่อยตวัด"

ไอ้ป้องจับมือมันแล้วค่อยๆลากเป็นตัวอย่างให้ดู

ไอ้เรื่องอื่นล่ะฉลาดนัก แล้วไหงมุกหลอกจับมือตื้นๆนี้มึงถึงไม่รู้ตัวว่ะ?

มองด้วยตาข้างเดี่ยวผมยังรู้เลยว่ามันฟอร์มหลอกจับมือ แต่ไอ้บ้าป้องนึกว่ามันเขียนไม่เป็นจริงๆ

มันไม่รู้...

หรือมันจงใจให้จับมือ ?

ผมขมวดคิ้ว มองพวกมันจนกระทั้งมันมองตอบกลับมา ปกป้องก้มมองสมุดผมก่อนจะทักเบาๆ

"เกียร์ ?"

"ห๊ะ ?"

"คือ กูจำได้ว่าสมุดเลคเชอร์นั้นต้องส่งให้มิสประภัสศรตรวจเก็บคะแนนไม่ใช่เหรอว่ะ ?"

"เออ"

มันกระพริบตาปริบๆ แล้วพูดเนิบๆต่อพร้อมชี้ปลายดินสอกดมาทางสมุดผม

"แล้วงั้นมึงไปละเลงมันเพื่อ ???"

ผมก้มหน้ามองตามที่มันบอกก่อนจะเบิกตากว้างกับภาพที่เห็น

แล้วนี้กูเอาดินสอกดละเลงสมุดตัวเองตอนไหนว่ะ ทำไมมันถึงได้ดำขมุกขมัวไปทั้งหน้ากระดาษแบบนี้ ?!?!

"ถ้ามึงไม่ลบแล้วเลคเชอร์ใหม่ มิสประภัสศรเอามึงตายแน่"

"เหรี้ยยยยยยยยยยย"

นั้นคงเป็นสิ่งเดี่ยวที่ผมจะอุทานได้

เวรเอ๊ย !!!!

"เอิ้กๆ"

ผมหันไปมองมันตาเขียวปั๊ดตามเสียงหัวเราะ เวลาเครียดๆแบบนี้มันยังจะมาหัวเราะผมอีกเหรอ ?

เดี๋ยวนะ...หัวเราะ....

มันหัวเราะ ?

ไอ้ปกป้องหัวเราะจนตาหยี้ ก่อนจะพูดกับผม

"ใจลอยไปไหนว่ะ เสียดายรึไงที่ไม่ได้ไปกับพวกไอ้อู๋ ....สมุดเลคเชอร์มึงนะ มันจดด้วยปากกาไม่ใชเหรอ ? งั้นแค่ลบๆมันก็ได้แล้วนี้หว่า เพราะที่ขีดนะมันดินสอนะ"

คำอธิบายดังกล่าว ส่งผลให้ผมแสดงอารมณ์ไม่ถูก แบบ ไม่รู้ว่าจะยังไงต่อไปดี อยากจะโกรธที่โดนแกล้ง แต่พอเห็นมันหัวเราะ...

ไอ้อารมณ์ขมุกขมัวที่อยู่ในใจ

.......มันเสือกจางหายไปดื้อๆ

"กูกลับบ้านก่อนนะ"

ผมคว้าๆสมุดเลคเชอร์แบบรีบๆก่อนจะเดินออกมา

"เห้ยเดี่ยว เกียร์ มึงโกรธกูเหรอ ?"

ไอ้ปกป้องตะโกนตามหลังผมมา แต่ ณ ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจมันแล้ว

ผมก้าวเท้ายาวๆเดินออกไปจากห้องสมุด รู้แล้วล่ะครับว่ามันตามหลังมา

"เดี่ยวเกียร์ หยุดก่อนดิ่"

"................."

"เห้ย เป็นไร"

"เปล่า"

ปากตอบอย่าง แต่ตัวเตรียมจะเดินหนี

"ถ้าเปล่าแล้วจะเดินหนีกูทำไม ?"

"....................."

ผมเดินต่อไปไม่ได้เพราะแขนถูกมันดึงเอาไว้ ไม่ได้หันกลับไปมองหรอกนะว่ามันทำหน้ายังไง เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป

พอเห็นผมไม่หัน มันเลยเดินขึ้นมาข้างหน้าแทน มือมันก็ยังจับแขนผมแบบนั้น สายตาที่มองมาบังคับไม่ให้ผมหลบตา

..

..

..

.



"มึง งอนกูเหรอ ?"


น้ำเสียงเจ้าเลห์แบบเดิมถามผม ก่อนมันจะคลี่ยิ้มขึ้นมาให้เห็น

"ไอ้บ้า ??? "

พูดด่ามันได้แค่นั้นผมก็สะบัดมือ ก่อนจะรีบหนีบจาคอปก้าวยาวๆหนีมันมา ได้ยินเสียงฝีเท้ามันวิ่งตามมาติดๆ

"อะไรว่ะ  ล้อเล่นแค่นี้เอง โอ้เอ้ๆ อย่าหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองสิจ๊ะ เดี่ยวไม่หล่อนะ"

มันวิ่งรอบๆตัวผม ก่อนจะยกมือโบกไปมาพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

"กลับบ้านกัน"

"แล้วน้องรหัสมึงอ๊ะ ?"

"น้องแสง..? ก็ให้เขากลับบ้านเขาสิ ไม่ต้องห่วงกูฝากน้องมันล็อคห้องแล้ว"

คือไม่ใช่แบบนั้นโว้ย...

ผมกุมขมับ(ในใจ)ก่อนจะอธิบายให้มันเข้าใจ

"แล้วมึงไม่กลับบ้านพร้อมน้องเขาไง"

มันหยุดวิ่งแล้วแต่เดินไปข้างๆผมแทน ผมเองก็ขี้เกรียจหนีแล้วเหมือนกัน (เหนื่อยโว้ย ไขมันกระเพือมแล้วเนี้ย!!!)

"แล้วทำไมกูต้องอยากกลับบ้านพร้อมเขาล่ะ ?  "

แล้วที่มันกลับบ้านพร้อมผมเนี้ย ....

หมายถึงมันอยากกลับบ้าน'พร้อมกับผม'...

ผมเข้าใจแบบนี้ ถูกต้องรึเปล่าครับ ?

"เออ ช่างเถอะ กลับบ้านก็กลับ"

"อื้ม...คืนนี้เดี่ยวติวเลขให้"

"เออ"

ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกแถมช่วงโบนัสรอยยิ้มของมันก็หมดลงไป สรุปเลยเดินกลับบ้านพร้อมกับมันเงียบๆแบบนั้น ยาวไปจนถึงขึ้นรถเมล์

แปลกดีตรงทีความเงียบนั้น

ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด....


                                                 When I truly care for someone, their mistakes never change my feelings
because its the mind that gets angry but the heart still cares.#ก้องเกียรติ์

TBC.

   

เย้ๆ ปั้นตอนนี้เสร็จ(จนได้) เมื่อวานนี้แตกต่างไปรับน้องมา มันส์มากกกกกก   :hao7:  คือได้แกล้งเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนมากกก แตกต่างทำตัวเป็นเอลซ่าด้วยการแจกน้ำแข็งให้คนนู้นและคนนี้ กรรมตามทันอีนี้ดุจจรวด

แตกต่างถูก'อุ้ม'ลงถังน้ำแข็ง

บอกเลยว่าแทบกระโดดออกมา  :angry2:  หนาวววววววววววมากกกกกกก

ขอขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนที่รับน้องด้วยความรัก น้องๆรักพวกพี่มากก (เหรอออ อ.อ่างล้านตัว)

มันเป็นประสบการณ์ดีๆในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง  :katai5:


                       
- stickieeZz

น่ารักก็รักเลย ห้ามเลิกรักน้องๆนะ แตกต่างขอ อิอิ :katai5:

-::UsslaJlwaJ::

ขอบคุณที่ชอบจ้า ^ ^ ติดตามต่อไปเนาะ

-♥lvl♀‘O’Deal2♥

อ่านเลย ตอนใหม่มาแล้วจ้าาาาาา  :mc4:

-B52

ค่อยๆกระดึบๆ  :katai5:

-IsDeer

อ๊ะจ๊ะบ๊ะเอ๊ย !!!! หนังสือ ??? TT แตกต่างบอกตรงๆ ไม่เคยคิดเลยว่าแต่งจบแล้วจะมีคนอยากได้ ฮ่าๆ กลัวพิมพ์แล้วเจ๊ง เพราะงั้นค่อยๆไปเนาะ แต่ใจจริงๆก็อยากร่วมเล่ม แม้ตอนนี้จะเขียนไปได้ครึ่งเรื่องก็ตาม (กำหนดคร่าวๆ อยากให้น้องๆเดินทางสัก40ตอนกำลังดี แต่จะมีปัญญาไปถึงไหม... Y  Y)

-Inwoสูs

แง้วๆ เกาะน้องป้องระวังโดน'ใคร'เขม่นเอาน่า....   :really2:

-suck_love

หึหึหึหึ สงครามมันเพิ่งเริ่มมมมม ต่อให้ใครคนใดคนหนึ่งโดนกด ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝั่งจะพลิกขึ้นมาทับไม่ได้นะเออ  :z1:

-praewp

อนุญาตจ้า กฏข้อเดี่ยวของการเป็นแฟนคลับน้องๆ คือห้ามเลิกรักพวกเก๊านะ ตัวเอง   :-[ ปล. เคยแต่งพวกช-ญจ้า


ขอบคุณทุกคนจริงๆจ้า หวังว่าน้องๆจะเป็นที่รักของใครหลายๆคนต่อไป

 
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2014 20:43:28
ตอนแรกนึกดูปกป้องเป็นคนเงียบๆสะอีก คงเป็นเพราะเราเห็นแต่ในด้านของเกียร์ละมั้ง
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 21-06-2014 20:45:08
อึ้ยยยยมาต่อแล้วว5555
ทำไมเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วจุงพออ่านแล้วก็เลยรู้สึกว่าสั้นมาก :hao5:
เดี๋ยวนี้น้องเกียร์พัฒนาอ่ะมีงงมีงอน
ไปเรื่อยๆแบบนี้ดีอ่าาาเราชอบ
อยากไปติวกับพี่ป้องมั่งจุง :hao7:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-06-2014 21:00:56
เอิ่บ ...มาแล้ว เสพแล้ว ขอบคุณก๊าบบ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: Tun_Bow ที่ 21-06-2014 21:17:58
คืออ่านไปก็สับสนกะตำแหน่ง เราคิดมาตลอดว่าเกียร์เคะ แต่เกียร์ก็บรรยายป้องซะน่ารัก แต่ไงเราก็อยากเชียร์ป้องเมะอ่ะ
พี่ชายปกป้องที่แสนอบอุ่น :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 21-06-2014 21:58:08
อร๊ายยยยยย  :z3:
ฉันอยากได้ปกป้อง

เกียร์นี่ชอบปกป้องเข้าเต็มๆแล้วล่ะนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: เสน่ห์นางนวล ที่ 21-06-2014 22:26:03
น้องเกียร์ของเจ้  :hao6:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 21-06-2014 22:44:21
ป้องจ๋าป้อง ป้องง้อแบบนี้เค้าเขินนะ (ไม่ได้ง้อแก : เกียร์)  อ้าวผิด เค้าขอโทษ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 22-06-2014 00:23:23
ประกายแสงเป็นมือแฮคหรือเปล่า #เดา 55555555
แต่น้องเกียร์น่ารักจัง ขอใส่ถุงกลับบ้านได้ป่าวคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re:;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน<21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2014 15:14:28
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 22-06-2014 20:52:46
หวานๆแบบใสๆ o13 o13
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 23-06-2014 01:18:09
 :ruready
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 23-06-2014 07:54:11
ปกป้องเป็นคนประเภทน้ำนิ่งไหลลึก
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-06-2014 17:40:41
เย้ อ่านทันแล้ว
เรื่องน่ารักมากค่ะ
ไม่พอใจนิดหน่อย
ที่ป้องไปยิ้มกับคนที่มาจีบ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 23-06-2014 23:56:37
คิดถึงน้องเกียร์จุง :mew2:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #08 มุมที่มอง เหม่อลอย และ (ไม่ได้)งอน <21/06/57>
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-06-2014 12:17:21
#09 สปาเก็ตตี๊ คอสเพลย์ และ ลืม


พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ว่ามีสัมนาด่วนที่ต่างจังหวังพร้อมแม่ไอ้ป้อง ซึ่งก็คือแม่ผมด้วยนั้นแหละ

   วันนี้มือเย็นเลยเหลือแค่ผมกับมันสองคน ปกติพ่อก็ไปสัมนาด่วนแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้วครับ ผมก็ชวนเพื่อนมานอนค้างที่บ้านเป็นบางครั้ง นับตั้งแต่มันเข้ามาในชีวิต ผมกลับไม่รู้สึกอยากชวนเพื่อนมาบ้านอีกอาจเพราะผมไม่เหงาแล้วมั่งครับก็มีคนให้ทะเลาะทุกวันแล้วนิ เหอะๆ

   "กินไรดี ?"
   
   ผมถามมัน ตอนนี้เราทั้งคู่กำลังคุ้ยๆของกินในตู้เย็นกันอยู่ครับ

   "ข้าวกล่องเหมือนเดิมป๊ะ แล้วทอดไข่เอา"

   "เบื่อพวกข้าวว่ะ มีพวกเส้นๆบางมะ ?"

   ผมกับมันช่วยกันค้นไม่นานก็เจอสปาเก็ตตี๋แช่แข็ง ดีที่มันมีอยู่สองกล่องพอดีอุ่นไม่นานสปาเก็ตตี๊ก็ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมา ผมสูดกลิ่นเข้าไปลึกๆเพราะหิว ไอ้ป้องมองแล้วก็ทำหน้าอมยิ้มขำก็มันหอมดีนี้หว่า...
   
   ผมกับมันยกกล่องสปาเก็ตตี๊ไปนั่งกินที่ห้องนั่งเล่นโดยกางโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆขึ้นมา

   "กินกัน"

   "เออ"

   ผมตอบ ก่อนจะใส่ส้อมจิ้มลงจึกแล้วพันๆให้เส้นมันม้วนกันกลมดิ๊กแล้วค่อยเอาเข้าปาก

   "กินน่าเกลียด"

   มันว่าก่อนจะใส่ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมาทานบ้าง

   "เอื้องอองอู๊"

   "เออ ค่อยๆกินเดี๋ยวติดคอ นี้ ไปหิวมาจากไหนนักหนา"

   ผมไม่ตอบคำถามของมันแต่เคี้ยวเส้นสปาเก็ตตี๊ด้วยความไวแสงแทน

   มันบอกว่าจะไม่แย่งผม

   แต่ผมพูดแล้วเหรอว่าจะไม่แย่งมัน!!!

   ผมเขมือบเส้นสปาเก็ตตี๊เข้าปากเป็นคำสุดท้ายก่อนจะหันไปมองมันที่ยังกินเอือยๆสายตาพิฆาตของผมมองไปที่กล่องสปาเก็ตตี๊ในมือมันก่อนอาวุธในมือจะซอกแซกไปตามช่องทาง

   "เห้ย สัส หยุดเลย นี้ของกู"

   มันร้องตกใจก่อนจะยกตะเกียบปัดส้อมผมเฉออกนอกวิถี

   แง่ง กูจะกิน มึงขว้างกูไม่ได้หรอกไอ้ป้อง
   
   ผมคำรามลั่น(ในใจ)ก่อนจะเอามือว่างๆอีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือส้อมมาล็อกข้อมือมันไว้

   "ยอมแพ้กูซะ!!!!"

   "ตลกเหอะ นี้มันของกู"

   ไอ้ป้องยังคงใช้ตะเกียบปัดส้อมผมออกไปได้แม้จะเหลือแค่มือข้างเดียว

   ผมฟืดฟาดปล่อยลมหายใจออกมาเมื่อไล่ต้อนยังไงอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมสยบ
   
   งั้นตัดสินเลยเหอะ!!!!

   "เห้ย เล่นงี้เลยเหรอ?!?!"

   มันตกใจ เบิกตาขึ้นเมื่อผมยอมทิ้งส้อมลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วรวบมือทั้งสองข้างของมันหมายจะยื่นหน้าไปหากล่องสปาเก็ตตี๊แต่ไอ้ป้องมันรู้แกว ปัดกล่องสปาเก็ตตี๊กระเด็นไปบนโต๊ะ แต่เพราะแบบนั้นทั้งผมและมันถึงไม่สามารถทรงตัวได้

   'ตุ๊บ'

   "โอ๊ย"

   มันร้องเพราะแผ่นหลังของมันปะทะกับพื่นเต็มๆ แถมด้วยน้ำหนักของตัวผมที่ทับมันลงไปทั้งตัว แขนทั้งสองข้างยังถูกผมตรึงไว้เหนือหัว

"   เล่นเป็นเด็..."

   มันชะงักหยุดพูด หลังเห็นสันจมูกของผม'ชน'สันจมูกของมัน ใบหน้าสีน้ำผึ่งค่อยๆแดงขึ้น คิ้วของมันขมวดนิดๆ

   ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

   กลิ่มหอมอ่อนๆลอยมาแตะจมูกผม

   ผมได้ยินเหมือนๆเสียงหัวใจมันเต้นดังมากหรือไม่...

   ก็หัวใจผมเนี้ยแหละที่เต้นแรงจนได้ยิน'เสียง'ของมัน

   "คือ...กูอิ่มแล้ว ไปอาบน้ำก่อนนะ"

   มันดึงมือทั้งสองข้างออกจากมือผมก่อนจะดันตัวผมขึ้นให้นั่งดีๆ

   "อ่ะ...อื้ม"
   
   ไม่รู้เหมือนกันว่าค้างแบบนั้นนานไหมรู้สึกตัวอีกที่มันก็ลุกไปอาบน้ำแล้ว

   ทิ้งผมไว้กับที่วีพร้อมกล่องสปาเก็ตตี๊ที่ยังเหลืออยู่...

   ผมหยิบส้อมบนโต๊ะญี่ปุ่นขึ้นมาก่อนจะจิ้มลงไปบนเส้นสปาเก็ตตี๊ในกล่อง ฉับพลันสายตาผมก็เห็นตะเกียบของมันวางอยู่บนโต๊ะ ผมลังเลนิดหน่อยก่อนจะคลายเส้นไว้ในกล่องตามเดิม วางส้อมไว้บนโต๊ะแล้วเปลี่ยนไปคีบเส้นด้วยตะเกียบแทน

   อื้ม...

   กินด้วยตะเกียบนี้'หวาน'กว่าจริงๆด้วยแหะ...



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:





   "ตกลงจำได้รึยัง?"

   มันถามผม

   หลังการกินสปาเก็ตตี๊หมด ผมตามมันขึ้นมาบนห้อง ไอ้ป้องอาบน้ำเสร็จแล้วครับ ผมเห็นมันกำลังนั่งเช็ดหัวอยู่ตรงเตียง มันไล่ผมไปอาบน้ำก่อนจะมานั่งติวกัน

   แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรถึงมันอีก..

   "จำได้แล้วมั่ง..."

   "ไม่มั่งดิ่ ต้องแม่น"

   มันทำเสียงดุใส่ผม ก็เพิ่งเรียนไปสองคาบเองนิครับ

   "ก็ใครจะไปหัวดีเหมือนมึงล่ะ"

   ผมบ่น มันหันมาค้อนขวับก่อนจะพูด

   "กูบินได้ไหม?"

   "ไม่"

   "ก็นั้นไง กูต่างจากมึงตรงไหน? "

   ผมขยี้หัวหงุดหงิดก่อนจะพยายามกลั่นกรองคำพูดให้มันเข้าใจ

   "มันต่างกันนิ คนที่'มองลงมา'กับคนที่'เงยหน้าขึ้นมอง'ความรู้สึกมันต่างกันนะ"

   "งั้นบอกตรงนี้เลยนะ กูไม่เคยมองลงมา และกูไม่คิดจะมองขึ้นไปด้วย กูแค่มอง'สิ่งที่อยู่ตรงหน้า'ที่กูมองเห็นมัน"

   เป็นอีกครั้งที่ดวงตาคู่เรียวของปกป้องทอประกายออกมาก่อนมันจะจับมือผมขึ้น

   "กูมีสูตร ท่องตามกูนะ"

   พอเห็นผมไม่แย้งอะไร มันก็จับมือผมกางขึ้นห้านิ้ว

   "ค่าของSin30องศาเท่ากับหนึ่งส่วนสอง จำไว้ว่ามันอยู่นิ้วก้อยข้างซ้าย"

   ผมพยักหน้าเข้าใจ รอบนี้มันหักนิ้วโป้งผมหุบเข้าไป

   "ที่นี้45องศาเท่ากับรูทสองส่วนสอง"

   "อาหะ"

   มันจับมือผมเหมือนเดิมก่อนจะหักนิ้วนางลงไป

   "ที่นี้60องศาเท่ากับรูทสามส่วนสอง"

   "แล้วมันต่างจากจำเฉยๆยังไงว่ะ?"

   "มึงลองดูเงาในกระจกดิ่"

   รอยยิ้มตรงมุมปากผุดขึ้นมา ก่อนคนติวจะชี้นิ้วผมไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง ภาพที่เห็นคือมือผมถูกกำไว้หลวมๆกำลังชูสองนิ้วหรือสัญลักษณ์รูปตัววีอยู่ พอเห็นแบบนั้นผมเองก็เผลอยิ้มออกมา

   "สู้ๆ เคยได้ยินไหม Nobody is perfect อย่างกูอาจะหัวไวกว่ามึงก็ได้ แต่มึงเห็นมะ หน้ากูโครตจืด ไม่เห็นหล่อเลย"

   "ไม่ว่ะ..."

   "ห๊ะ?"

   ผมบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าผมมันโง่และไม่มีวาทศิลป์ในการพูด คิดยังไงก็พูดแบบนั้น



..


..


..



.



.

   "ก็กูมองว่ามึง'น่ารัก'ออก..."


   ปกป้องเป็นเด็กผู้ชายที่จืดมากในสายตาของใครๆ แต่ไอ้หน้าจืดๆนี้พอมัน   'ยิ้ม' ผมรู้สึกว่ามัน...

   แมร่ง.... โครตน่ารักเลยว่ะ

   ในหน้ามันดูมีสเน่ห์ขึ้น เห็นแล้วอยากเอานิ้วจิ้มลงไปบนแก้มตรงลักยิ้มทั้งสองข้างของมันแต่ผมรู้มันไม่ยอมให้ผมจิ้มหรอก

   "สอนต่อดิ"

   พอผมเห็นมันนิ่งไป ผมก็เลยเรียกสติกลับมา มันสะดุ้งก่อนจะพูดต่อ

   "ที่นี้ก็กลับสลับฝั่งเหมือนกระจกเพราะค่า Sinมันตรงข้ามกับCos"

   มันพูดบอก

   "ไม่จับมือแล้ว?"

"....."

   "คือ กูหักนิ้วลงไม่เป็น"

   ปกป้องพยักหน้าเข้าใจก่อนจะจับมือผมเหมือนเดิม

   โอเคครับ เชื่อแล้วล่ะว่ามัน'ไม่ทัน'แบบนี้จริงๆ

   "พอจำได้ยัง? "

   "อื้ม พอได้แหละ"

   "ถ้านึกไม่ออกมึงก็นั่งมองนิ้ว"

   "แล้วถ้ามองนิ้วก็ยังนึกไม่ออกอ๊ะ"

   ผมเห็นมันเกาหัวแกรกๆไปกับความขี้สงสัยของผม

   "เอางี้ ถ้ามองนิ้วและคิดไม่ออก ให้นึกถึงตอนที่กูสอน"

   ผมบอกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าสมองผมมันเมมน้อย จำประโยคคำสั่งยาวๆแบบนี้ไม่ได้หรอก

   เพราะงั้น สมองผมเลยมีการตัดตอนรูปประโยคคำพูดของมันโดยอัตโนมัติ ผมทบทวนประโยคนั้นในใจอีกครั้ง

   'เอางี้ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงกู'

   อื้ม...

   ถ้าพรุ่งนี้ตอนสอบกูลืมสูตร กูจะ'คิดถึง'มึงนะไอ้ป้อง...

   มันสอนผมไปเรื่อยๆจนถึงวิธีแก้โจทย์อัตนัยที่ไม่คุ้น โดยร่วมผมจำรูปประโยคและค่ามุมต่างๆได้แล้ว นับว่าเป็นการติวที่ได้ผลดีเลยแหะ

สามทุ่มเศษๆมันก็ขอตัวเข้านอน ผมเล่นโซเซียลยาวจนถึงสามทุ่มครึ่งแล้วค่อยปิดคอม นอกจากคลิปล่าสุดแล้วแชแนลอามัวที่ผมติดตามก็ยังไม่มีการอัพเดทใดๆเพิ่ม

   ผมปีนขึ้นไปนอนเตียงด้านบนก่อนจะพลิกตัวกลิ้งเล่นไปมา

   "ป้อง หลับยัง"

   "ถ้าไม่ทักก็หลับไปแล้ว"

   "เออๆ พรุ่งนี้ตอนเย็นมึงมีธุระอะไรรึเปล่า"

   มันเงียบไป ผมเดาว่ามันกำลังทบทวนเรื่องที่ต้องทำในหัว

   "ไม่อ๊ะ ทำไมเหรอ?"



..



..


.


.


   "งั้นกลับบ้านพร้อมกันนะ"


   "อื้ม ก็เอาดิ"

   มันตอบเรียบๆก่อนผมจะปิดเปลือกตาลง

   หนึ่งวันที่ยุ่งๆจบลงแล้วสินะ...


:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




   "อีกสิบนาทีหมดเวลาสอบ นร.ทุกท่านกรุณาเร่งมือด้วยนะค่ะ"

   เสียงมิสนภัสศรดังจากหน้าห้อง หล่อนพูดพร้อมหวดไม้หวายในมือไปมา เอิ่ม มิสครับ ผมว่าคงไม่มีใครกล้าลอกกัน หรอกครับ เล่นถือไม้หวายคุมกันแบบนี้

   ผมพลิกกระดาษคำตอบไปมา ทบทวนดูว่ามีส่วนไหนรึเปล่าที่สะเพร่า พอเห็นว่าสมบูรณ์แล้วก็สบายใจขึ้นครับเมื่อเช้าไอ้ป้องเป็นคนปลุกเพราะผมดันนอนเพลินจนเกือบสาย ดีว่ามันเป็นคนตื่นเช้าเป็นนิสัยเลยรอดตัวไป ตกบ่ายคาบคณิตฯมาถึง ตอนแรกผมใจแป๋วเพราะกลัวทำโจทย์ไม่ได้ แต่พอเห็นกระดาษคำถามแล้วก็รู้สึกโล่งใจ

   มา ไอ้ค่าX ที่เหมือนวานหาค่าไม่ได้นะ จัดมา วันนี้ผมจะแก้ให้ดู!!!

   เหมือนมิสแกอ่านใจผมออก เพราะโจทย์สามข้อที่ให้มามีตัวแปรหมดทุกข้อ(คุณพระ!!!ถ้าไม่ได้ติวมานี้คือจบนะครับ)

   ผมค่อยๆแก้สมการไปที่ละขั้น พอถึงค่าSin Cos Tan ก็ดึงมือขึ้นมาหักที่ละนิ้วๆ จนเหลือสองนิ้วเป็นรูปตัววี

   ...พร้อมๆกับคิดถึงมันไปด้วย

   ผมยิ้มน้อยๆตอนแทนค่าลงไป อาจเป็นอุปทานก็ได้มั่งครับ คิดถึงมันแล้วจำค่าต่างได้จริงๆ

   "หมดเวลาเทสแล้ว ขอให้นร.ทุกคนลุกขึ้นมาส่งกระดาษตอบ มิสเตอร์พลภูมิรบกวนเก็บกระดาษคำถามให้ดิชั้นด้วย"

   ผมเดินออกไปส่งคำตอบพร้อมๆที่ไอ้ป๋อกหัวหน้าห้องเดินเก็บกระดาษคำถามพอจะเดินกลับที่นั่งผมก็เห็นไอ้มันมองมา ผมยิ้มน้อยๆให้มันก่อนจะชูสองนิ้ว มันยกมุมปากขำกับท่าที่ของผม ก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่นั่ง

   "อาทิตย์หน้าดิชั้นจะประกาศคะแนนเทส สำหรับคนที่ตกขอให้มาสอบซ่อมใหม่ด้วยนะค่ะ สำหรับวันนี้เลิกเรียนได้"

   "นร.ทำความเคารพ"

   "ขอบคุณครับ"

   พอมิสแกย่างเท้าออกจากห้อง ไอ้พวกทโมนทั้งหลายก็พากันจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องการเทสเมื่อกี้ ส่วนใหญ่แล้วเถียงกันมากกว่าว่าคำตอบคืออะไรกันแน่ ผมหันไปมองเพื่อนในแก๊ง ไอ้สองตัวที่นั่งข้างๆผมทรุดตัวไปกองกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว นั้นหมายถึงพวกมันทำไม่ได้แหง่ๆ

   ผมหยิบหนังสือคาบสุดท้ายออกมา คาบนี้เป็นวิชาเอกของพวกผม คาบภาษาญี่ปุ่นนั้นเอง
   
   วันนี้เซฯสอนเรื่องการผันเต๊ะครับรู้สึกว่ามันจะแบ่งเป็นสามกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะผันต่างกันไป(เอาเป็นว่าผมยังจำไม่ได้แล้วกัน ฮ่าๆ)

   "ปีนี้ม.5เป็นแม่งานวันทานาบาตะนะ กลับไปคิดกันด้วยว่าจะคอสเพลย์เป็นตัวอะไร ไม่จำเป็นต้องเหมือนนะ เน้นขำๆหรือตลกก็ได้"

   เซนเซของพวกผมเตือนขึ้นเรื่องวันทานาบาตะ ซึ่งตรงกับวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดของทุกปี โดยมีแม่งานหลักคือนร.สายศิลป์ญี่ปุ่น น้องๆม.สี่จะแต่งคอสเพลย์หรือไม่ก็ได้นะครับแล้วแต่เลย ส่วนพี่ม.ห้าต้องเป็นแม่งานหลัก ต้องแต่งคอสเพลย์ทุกคน พี่ม.หกจะเป็นคนคอยเซ็ทฉากให้ซะมากกว่าเพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย

   ที่นี้พอต้องคอสเพลย์แต่ละคนก็เริ่มวางแพลนแล้วครับว่าตัวเองจะแต่งคอสเพลย์เป็นอะไรกันดี แต่เซฯกระแอ้มไอเรียกสติและพูดต่อ

   "เรืองคอสเพลย์ไว้ค่อยปรึกษากันที่หลัง นั้นมันตั้งวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดเชี่ยวนะ อีกต่างนาน แต่ที่สำคัญกว่านั้นนะ ลืมกันรึยังว่าพรุ่งนี้รับน้อง? "

   เซนเซเตือนเรียกสติทุกคนขึ้นมา ก่อนพวกผมจะร้องอ้อ

   พรุ่งนี้รุ่นพี่ม.หกจะจัดงานรับน้องขึ้นมาครับ โดยพวกผมกับน้องมอสี่ต้องทำการรับน้องกันโดยที่พวกผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเจอกับอะไรบ้างเรียกว่ารู้พร้อมมอสี่เลยก็ว่าได้ครับ

   เซนเซสอนอะไรอีกนิดหน่อยก่อนจะปล่อยให้พวกผมฟรีไทม์กัน แน่นอนว่าหัวข้อหลักวันนี้ไม่พ้นประเด็นการแต่งคอสเพลย์วันทานาบาตะ ต่างคนต่างความคิดเห็นครับ ผมว่าจะคอสฯเป็นพวกอัศวิน เจ้าชายอะไรพวกนี้ครับ หน้าผมมันให้นิหน่า

   แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมอยากรู้ว่าจะคอสฯเป็นอะไร

   ไอ้ปกป้อง...

   คนแบบมันนี้อยากคอสฯเป็นอะไรกัน ผมอยากรู้จริงๆ

   ในที่สุดเลิกเรียนก็มาถึง เย็นนี้ผมโดนไอ้อู๋กับไอ้เฟรมล็อกคอไปเที๋ยวที่ศูนย์เกมเซ็นเตอร์ของห้างใกล้ๆโรงเรียน ผมเห็นว่าช่วงนี้ไม่ได้เที่ยวบ่อยนักหรอกเลยสังสรรค์กับพวกมันหนักไปนิด ไปๆมาๆเลยยาวไปถึงทุ่มกว่านู้นแหละกว่าผมจะได้กลับบ้าน

   ไฟในบ้านทุกดวงปิดสนิท...

   ไอ้ป้องยังไม่กลับบ้านเหรอ? วันนี้ทำไมกลับค่ำว่ะ

   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองลืมอะไรไปบางอย่างไม่ทันเดินเข้าไปในบ้านเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พ่อผมโทร.มาครับ

   "ครับพ่อ"

   'เกียร์ พี่ป้องอยู่กับเกียร์รึเปล่า'

   ผมกลืนน้ำลายลงขอนิดๆ ก่อนจะตอบ

   "เปล่าครับมันยังไม่กลับจากโรงเรี...พ่อครับ เดี่ยวเกียร์โทร.กลับนะ"

   'เดี๋ยว เกียร์ บอกป้องทานย...'

   ไม่ทันที่พ่อผมจะพูดจบผมก็รีบตัดสาย เพราะคำพูดของตัวเองเมื้อกี้ผมเลยนึกขึ้นมาได้

   ว่าเมื่อเช้า ตัวเองนัดใครไว้!!!!

   'งั้นกลับบ้านพร้อมกันนะ'

   'อื้ม...เอาดิ'


   ผมลืมไอ้ป้อง!!!!!


Anyone can make you happy by doing something special. But only someone special can make you happy without doing anything.#ปกป้อง


TBC.


จริงๆเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เนทที่หอเค้าเน่าTT บอกเลยว่าเซ็งมากกกก ในที่สุดวันนี้น้องเนทก็มา

อยากให้ทุกคนมาลองทายกันดูว่า น้องป้องจะคอสฯเป็นอะไร  :hao7: ใครทายถูกแตกต่างให้น้องป้องไปนอนกอดเลยหนึ่งคืน o13


-B52

น้องป้องเป็นคนเงียบๆและโลกส่วนตัวสูงจ้า .... แต่คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้เนาะ ^^

-praewp

จริงๆน้องเกียร์ไม่ได้งอน(มั่งนะ)แต่เจ้าตัวจัดการอารมณ์ไม่ถูกจ้า

-♥lvl♀‘O’Deal2♥

ขอบคุณเช่นกันที่เข้ามาอ่านจ้า

-Tun_Bow


ขอยืนยันว่าคนแต่งเรื่องนี้ แต่งให้น้องๆ เป็น'ผู้ชาย'ทั้งคู่แต่คนละสไตล์นะ  :กอด1:

- IsDeer


ไม่นานเกินรอคุณเดียร์ เร็วๆนี้เราจะลองสอบถามเพื่อนๆดู ฮ่าๆ อีกสามตอนจบจ้า (หมายถึงที่เราแต่งเป็นคลังไว้นะ)

-เสน่ห์นางนวล

ผมน่ารักใช่ไหม ?  :hao3: (เกียร์พูด)

 -Inwoสูs

ใช่ มันง้อผมหรอก แบร่ๆ  :hao7:

 -suck_love

รับผมไปแล้วต้องดูแลดีๆนะครับ  :mew2:

-mild-dy

 :pig4:

- Roman chibi

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน อยู่กันไปนานๆนะตัวเองงงง   :z2:

-artday

 :mew1:

-loveyous

นึกถึงคนแจ้ววว (กรรม ผิดๆ  :katai5:)

-snowboxs

อยู่กันน้องๆไปนานๆน่า  :hao7:

-praewp

มาแล้วๆ   :mew1:


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอให้อยู่กันนานๆน๊าาาาา   :call:

ปล.แก้แล้วนะจ๊าาาา  ^ ^
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-06-2014 12:37:35
เพลินจนลืมป้องเลยสิ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: nuzzle ที่ 24-06-2014 12:43:05
เพิ่งได้อ่านเมื่อวาน ชอบมาก มากๆ มากๆ อะ

ดราม่าเยอะแน่ๆ แต่ไม่ตายตอนจบนะ ?  :sad4:

ชื่อรุ่นน้องม 4 แต่ละคน /ฮา

เดี๋ยวนี้เกิดปี 40 ก้อเป็นเด็ก ม ปลายแล้วสินะ

นึกถึงสมัยเด็ก ม ปลาย เกิดปี 3x นับไปนับมาเฮ้อออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-06-2014 13:28:06
รอดูคอสเพลฮับแฮ่ก ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-06-2014 15:50:48
แย่แล้ว เกียร์ นายลืมป้องได้ไง
ป่านนี้ไม่รอจนยุงหามไปแล้วเหรอ
เริ่มได้กลิ่นอะไรตุๆ ซะแล้วซิ
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 24-06-2014 15:54:46
จำเรื่องตรีโกณไม่ได้แล้ววขอยืมน้องป้องมาสอนแบบนี้บ้างได้มั้ย 555555
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: stickieeZz ที่ 24-06-2014 19:02:39
มันน่ารักมากกกกกกก :hao7: :hao7: :hao7:

ชอบที่สุดดดด ฟินมากตอนนี้

แต่เกียร์ไม่น่าลืมป้องเลย แล้วตอนที่พ่อบอกให้ป้องทานย นี่คืออะไร ยาหรอ ป้องเป็นอะไรรรรรร :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-06-2014 00:01:44
ฟินเบาๆ  :o8: มีการจูบกันทางอ้อมด้วย
วิธีจำ sin cos tan เราก็ใช้มือเหมือนกัน อิอิ

อ้าวกรรมเกียร์ลืมป้องเฉยเลย จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย

มีคำผิดนิดนึงจ๊ะ แก้เป็น
ซ้อม=>ส้อม
สปาเก็ตตี๋=>สปาเก็ตตี้
คอสเพล์=> คอสเพลย์
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 25-06-2014 08:44:54
เฮ้ย เฮ้ยย เฮ้ยยยยย   :a5: เจ้าเกียร์กลับไปตามหาป้องด่วนนนน  :m16:
ป้องโกรธมัน อย่ายกโทษง่ายๆนะ จัดการเลย  :oo1:
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| ___: #09 สปาเก็ตตี๋ คอสเพล์ และ ลืม <24/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 25-06-2014 16:02:41
#10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง



ผมขับCbrสีเขียวคู่ใจออกจากบ้านในสภาพชุดนร.เต็มคราบ รีบไม่รีบก็คิดดูแล้วกันครับ ปาจาคอปไว้หน้าบ้านแล้วก็ดิ่งออกมาเลย

รู้สึกใจหายวาบ คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆนานาที่จะเกิดขึ้น คนแบบไอ้ป้องนะ ต่อให้ผมเพิ่งเริ่มสนิทก็ยังคาดเดานิสัยมันได้เลยครับ

ผมบิดขึ้น60ภาวนาให้พอไปถึงที่หน้าเพลินจิตแล้วไม่เจอมัน ภาวนาให้ผมคิดไปเอง ภาวนาให้มันไม่รออยู่ตรงนั้น เป็นครั้งแรก ที่มีความรู้สึกอยากให้ใครสักคนหนึ่งลืมคำพูดของผมไป ไม่เชื่อคำพูดของผม ไม่ต้องรอผม ถ้าเป็นคนอื่น คงรู้อยู่แล้วว่าผมไม่มา และคงจะกลับบ้านไปแล้ว

แต่ไม่ใช่กับปกป้อง...

ร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงม้าหินอ่อนป้ายรถเมล์ของเพลินจิตวิทยา ใบหน้าจืดๆไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ สายตาเหม่อออกไปด้านหน้า ผมจอดรถก่อนจะเดินลงไปหามัน เจ้าของเสื้อนร.สีซีดเห็นผมแล้วไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ

ปกป้องวางกระเป๋าลงตรงตัก มือทั้งสองข้างอยู่บนนั้น ตามแขนทั้งสองข้างมีรอยยุงกัดเต็มไปหมด

ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นว่าไอ้ป้องมันนั่งรอผมตั้งแต่เลิกเรียนจนถึงตอนนี้จริงๆ

รอ...แม้จะรู้ว่าผม'ลืม'ไปแล้ว

"กลับบ้าน...กัน"

ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจากชวนมันกลับบ้าน

มันยืนขึ้นไม่พูดตอบ ปัดๆฝุ่นตามร่างกายก่อนจะยืนนิ่งผมเห็นแบบนั้นเลยสตาร์ทCbrรอ มันก้าวขึ้นซ้อนท้ายแต่เอาจาคอปของมันกั่นเอาไว้ระหว่างผมกับมัน น่าแปลกที่ตัวล็อกตรงจาคอปที่ชนหลังผมทำให้รู้สึกเย็นอย่างบอกไม่ถูก

"วันนี้กูอาจรอมึงได้..."

"..."

"แต่ไม่ได้หมายความว่า กูจะรอมึงตลอดไปนะเกียร์"

น้ำเสียงตัดพ้อดังบอกผมแบบนั้น ผมรู้ มันก็สมควรโดนโกรธอยู่หรอก ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายรอขนาดนี้

ถ้าผมลืมจริงๆ มันจะรอผมทั้งคืนเลยไหม?

......คำตอบที่ได้จากใจ ทำผมเย็นวูบไปทั้งตัว

"มึง ...หิวไหม?"

"..."

"เดี่ยวแวะตลาดกันเนาะ"

ผมพยายามพูดทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนแต่ไม่มีคำตอบจากปากมัน ใจหายขึ้นอีกกับท่าที่เฉยชาแบบนี้...

ผมขับCbrที่รักไปจอดตรงริมฟุตบาธที่ติดกับตลาดนัดตอนกลางคืนตอนแรกจะชวนมันเดินเล่นแล้วครับ แต่มันบอกว่า'เหนื่อย'ผมเลยไม่กล้าเซ้าซี้อะไรอีก ได้แต่เดินลงไปซื่อของกินนิดหน่อยกับน้ำแตงโมปั่นอีกถุงหนึ่ง

"กินไหม?น้ำแตงโมเจ้านี้อร่อยนะ"

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอร่อยจริงไหม เพราะเพิ่งซื่อครั้งแรก แต่บอกไปแบบนั้น หวังเพียงแค่มันยืนมือรับไปดูด

"ไม่เป็นไร กูไม่หิว"

มันบอกปัด แต่ไม่ได้มองหน้าผม

โกรธจริงจังว่ะ...

ผมเกาหัวไม่รู้จะทำไงต่อไปดี ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ยังไม่เคย'ง้อ'ผู้ชายเลยนะครับ และการที่ไอ้คนตัวโตส่วนสูงไล่เรี่ยกับผม
แล้วมางอนเนี้ย บอกเลยว่าไม่เคยเจอ โอเค รู้ ผมผิดเองที่ลืมคำพูดตัวเอง แต่ถ้ามันไม่อยากนั่งรอก็แค่กลับบ้านเองไม่ใช่เหรอครับ? ก็ถ้าเป็นผม ผมก็กลับนะ จะนั่งตากยุงรอทำไม

ผมขับรถไปเงียบๆเพราะในอารมณ์รู้สึกฉุนเล็กๆที่อีกฝ่ายโกรธเพราะเรื่องแค่นี้เป็นผู้ชายแท้ๆดันทำตัวงอแงแบบพวกผู้หญิง แมร่งโครตไม่สบอารมณ์เลย มันก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าผมรู้สึกผิด แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ต้องถือเป็นเรื่องโกรธเคืองด้วย

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...

ผมขับรถมาถึงบ้านราวๆเกือบสองทุ่มเศษ ไอ้ป้องเดินเข้าบ้านไปแบบเงียบๆ ผมเข็นCbrไปจอดก่อนจะรีบวิ่งตามมันไป

"หยุดก่อนดิป้อง คุยกันให้รู้เรื่อง"

ผมคว้าแขนไอ้ตัวดีก่อนมันจะก้าวขึ้นบันได ก็ไม่เข้าใจว่าโกรธแล้วทำไมไม่พูดตรงๆ

"..."

"กูขอโทษที่ลืม พอใจยังไอ้สัส!!!"

"....."

ผมชักอารมณ์เสียขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นมันไม่ตอบผมยิ่งหงุดหงิด
 
" เอ๊ย งอนกับเรื่องแค่นี้มึงเป็นตุ๊ดเหรอ ไอ้สัส ก็รู้ว่ากูลืมทำไมมึงไม่กลับบ้านเลย จะรอทำเหรี้ยไร ไร้สาระ!!! "

สุดท้ายทนไม่ไหวตะคอกออกไปเต็มหน้ามัน

'แหมะ'

หยดน้ำใสๆหยดลงบนฝามือของผมที่จับมันไว้ มันไม่พูด ไม่ด่า ไม่โต้แย้ง แค่ดึงมือออกไปแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

"แมร่งโว้ย!!!!!"

ผมคำรามหงุดหงิดระบายอารมณ์ มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาขยี้หัว หงุดหงิดตัวเองที่ปากหมาแบบนั้น

หงุดหงิดมันที่ไม่ได้ไม่ว่าผมแต่เงียบจนโคตรอึดอัด สุดท้ายความอดทนก็แตกดังโพละเผลอระเบิดอารมณ์ใส่อีกฝ่ายไปแบบนั้น

ยิ่งเห็นน้ำตามันไหลออกมา ผมยิ่งรู้สึกเจ็บ...

ทำไมผมถึงได้ทำร้ายมันไปแบบนั้น ทำไมผมถึงไม่ยอมวางทิฐิลงแล้วยอมรับว่าตัวเองผิดจริงๆ ยิ่งถ้อยคำด่าท่อที่เห็นแก่ตัวนั้นก็อีก ทำไมผมถึงไม่นึกถึงใจมันเลยสักนิด

ผมเครียดจนไม่รู้จะทำยังไงดี สุดท้ายเลยเขวี้ยงจาคอปลงไปกับพื่นห้องนั่งเล่นก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับโซฟานั่งนิ่งๆทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก่อนสายตาของผมจะมองสูงขึ้นไปเห็นรูปครอบครัวของผม พี่ขวัญ แล้วก็พ่อแขวนเอาไว้

จริงสิ...

พ่อ...

มือผมไวเท่าความคิด ผมกดหมายเลขที่คุ้นเคยก็จะรออีกฝ่ายรับสาย หวังเพียงแต่ให้พ่อยังไม่นอน

'ฮัลโล ว่าไงลูก'

"พ่อครับ ตอนนี้อยู่กับแม่ไหมครับ? เกียร์ขอคุยกับแม่หน่อยครับ"

ผมรีบพูดสวนหลังพ่อรับสาย

'อยู่ข้างๆพ่อเนี้ยแหละ เอา คุณครับลูกขอคุยด้วย'

ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ถูกส่งผ่านมือ ก่อนเสียงอบอุ่นของน้าลีลาวดีจะตามมา

'หวัดดีจ้าเกียร์'

"หวัดดีครับแม่ คือเกียร์มีเรื่องจะถามหน่อยครับ"

ผมตอบกลับก่อนปลายสายจะพูดต่อ

'เรื่องอะไรล่ะลูก? ไหนลองถามมาสิจ๊ะ'

"คือ...."


..



..


.



.


.

"ฝันดีครับแม่"

'จ้า ฝันดีเช่นกันนะเกียร์'

ผมกดวางสายหลังคุยกับแม่เกือบค่อนชั่วโมง นัยน์ตาก็มองกระดาษที่จดสิ่งที่ต้องการ ก่อนเท้าจะก้าวขึ้นบันไดไป

ไฟในห้องไม่ได้เปิด ผมเปิดไฟที่ริมประตู แสงสว่างสีขาวนวลช่วยให้เห็นมันนอนอยู่ ไอ้ป้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงชั้นล่าง มันนอนไปทั้งๆชุดนร. ถุงเท้ายังไม่ถอดด้วยซ้ำ ขวดน้ำสิงห์วางอยู่ตรงหัวมันผมแตะๆตัวหวังจะให้มันพลิกตัวนอนหงายดีๆ แต่ก็ยังนิ่ง


หลับโครตลึก...

"ป้อง..."

"..."

เสียงลมหายใจฟืดฟาดครูดกับหมอนของมันบอกผมว่าเจ้าตัวไม่ได้แกล้งหลับ

ผมถอนหายใจ ก่อนจะช่วยพลิกตัวมันดีๆ แล้วถอดถุงเท้า ปลดเข็มขัดนร.ให้มันนอนสบายๆตัว พอทำแบบนั้นซองยาสีชาเลยตกลงกับพื่น

ยาอะไร?

ผมพลิกดูทั้งด้านหน้าด้านหลังไม่มีชื่อเขียนบอกไว้คิดว่ามันคงกินแล้วหลับไปเพราะขวดน้ำก็วางอยู่บนหัวนอน ผมวางยาไว้ตรงหัวนอนมันเหมือนเดิม คิดว่าเป็นพวกวิตามินหรืออะไรเทือกๆนั้น สิ่งที่ผมสนใจคือใบหน้าอีกด้านของมันต่างหาก

ดวงตาคู่เรียวหลับสนิท ดูก็รู้ว่ามันร้องไห้กับหมอนจนตาปวมแบบนี้

ผมปาดน้ำตามันออกเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมัน ตอนหลับก็โอเคอยู่หรอก แต่พอตื่นแล้วโครตงอแงเลย

"รู้แล้วว่ากูผิด แต่ถ้า'ง้อ'แล้วไม่ หายโกรธ...กูหมดมุกแล้วนะเว้ย"

ผมพูดลอยๆกับตัวเอง ก่อนจะเอานิ้วจิ้มแก้มย้วยๆของมัน คนถูกจิ้มยังคงหลับสนิท

หวังว่าไอ้เรื่องที่ลงทุนโทร.ไปถาม มันจะง้อมึงได้นะ

ไอ้ป้อง...



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2
:
 
"โอ๊ย ร้อน !!!"

ผมสถบออกมาดังๆหลังน้ำมันลวกมือ ตอนนี้หกโมงกว่าๆแล้ว ผมอยู่ในชุดพร้อมรบมีผ้าเอี๊ยมหนึ่งตัวและอาวุธหลักคือตะหลิวในมือ คู่ต่อสู้ในวันนี้คือปลาทับทิมตัวโตที่ผมลงทุนขับCbrไปตลาดสดหาซื่อมาจากตอนเช้ามืด

ส่วนไอ้สาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาสู้รบปรบมือกับไอ้ตัวไม่มีขาแต่มีครีบพวกนี้นะเหรอ


..


..



.

.

'ป้องมันชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?'

'ตาป้องนะเหรอ รายนั้นชอบกินพวกปลานะจ๊ะ พวกปลานิล ปลาทับทิมกรอบอะไรแบบนี้'

'เหรอครับ'

'ป้องชอบทานคู่กับพริกน้ำปลาน่ะนะ เขาชอบกินรสเปรี้ยว หนักรสเปรี๋ยวหน่อยนี้ชอบเลย แม่ทำที่ไรเบิ้ลสองทุกที่'

แม่ลีลาวดีหัวเราะผ่านมาตามสาย ก่อนจะบอกวีธีหมักปลาและสูตรทำพริกน้ำปลาให้ผม

กลับมายังสนามรบปัจจุบัน

ผมทำดาเมจใส่ปลาทับ ทิมกรอบไปแล้วครึ่งตัว แม้ตัวจะไรวิญญาณแต่ปลาทับทิมพวกนี้กลับแฝงจิตอาฆาตผมไว้ด้วยการพลีชีพ(ได้ข่าวมันตายนานแล้ว:ปกป้อง)ระเบิดตัวเองใส่ผมเป็นระยะๆ(บรรยายเท่ๆไปงั้น จริงๆคือล้างไม่สะอาดพอใส่ลงกะทะน้ำมันก็ตีกับน้ำ กระเด็นใส่แขน- -)

ผมตวัดลำตัวมันขึ้นมา น้ำมันกระเด็นมากระฉอกใหญ่จนแทบที้งตะหลิวขึ้น แต่ถ้าทำแบบนั้นปลาได้ไหม้แน่ๆ

"โอ๊ย!!!!"

ปลาสุกแล้วแต่ยังไม่หวายแผลงฤทธิ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย(ก็บอกว่ามันตายนานแล้วโว้ยยย:ปกป้อง)ด้วยการระเบิดใส่มือผม
จั้งๆ

"น้ำมันลวกเหรอ?"

ไอ้ป้องที่ผมไม่รู้ว่าลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ถามขึ้น ผมพยักหน้าน้ำตาเล็ดนิดหน่อยเพราะเริ่มรู้สึกแสบๆ มันวิ่งออกไปจากห้องครัว ก่อนจะวิ่งกลับมาในมือถือหลอดยาสีฟันคอลเกตุ

มันดึงผมไปที่อ่างล้างจานก็จะเปิดน้ำเบาๆล้างน้ำมันออก จากนั้นก็ค่อยๆบีบยาสีฟันลูบๆทั่วบริเวณที่ผมโดนน้ำมันลวกๆ ทั้งๆที่เมื่อวานนี้ผมพูดจาเห็นแก่ตัวแท้ๆแต่พอเห็นผมเจ็บมันก็ไม่เคยรีรอที่จะช่วยเหลือ

ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ไม่ว่าจะทะเลาะกันแบบไหน คนที่มันสนใจคนแรก คนที่มันยอมแพ้ง่ายๆ....

ก็คือผม....

"ป้อง..."

"..."

"กูขอโทษที่เมื่อวานพูดไม่ดีกับมึง ทั้งๆที่ตัวกูเองที่ผิด"

มันลูบๆยาสีฟันก่อนจะตอบ

"จะไม่พูดว่าไม่โกรธ เพราะเมื่อวานโกรธมากจริงๆ มันไม่เกี่ยวหรอกนะเกียร์ ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆมึงตอนนี้เพศอะไร แต่การที่มึงนัดคนอื่นแล้วปล่อยให้รอนี้มันใช้ไม่ได้ พอกูโกรธแทนที่จะง้อ จะขอโทษดีๆ  มาวีนใส่อ้างเหตุผลควายๆ มันใช้ไม่ได้ ไอ้สัส"

ตบท้ายด้วยอัจวนะภาษาใส่หัวผมเต็มที่ แมร่งตบหัวผมอีกแล้ว TT(ถ้าคืนนี้กูฉี่แตกขอให้ไหลใส่ปากมึง)

"ก็..."

"ก็อะไรอีก?"


..



..


.


.

"ก็กูไม่เคยถูกผู้ชาย'งอน' แล้วกูจะ'ง้อ'เป็นเหรอ? "



จบคำของผม หน้ามันก็แดงแปร๊ดเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับจานปลาทับทิมทอดกรอบ หึหึหิวก็บอกเหอะทำเป็นฟอร์มฮึดฮัดใส่ผม โถ่ววว

ผมเดินตามมันออกไปจนถึงห้องนั่งเล่นเห็นมันนั่งกินเคี้ยวตุ้ยๆเข้าปากจนแก้มย้วย ก็สมควรอยู่หรอก เมื่อคืนทะเลาะจนไม่ได้กินข้าวกันทั้งคู่เลยนิครับ

ผมนั่งลงข้างๆมันก่อนจะตักข้าวกินเองบ้าง ไม่คิดเหมือนกันว่าไอ้คนที่ผมคิดว่าโลกส่วนตัวสูงมาก จะมีมุมหลุดมาดเหมือนกัน
ปกป้องตักข้าวพูนช้อนก่อนจะอ้าปากกว้างๆแล้วยัดลงไปพร้อมเนื้อปลาทับทิมทอดกรอบ(เชื่อล่ะครับว่าชอบเปรี๊ยวจริงๆ ผมเห็นมันบีบมะนาวใส่เพิ่มทั้งๆที่ของเดิมก็เปรี๊ยวมากอยู่แล้ว)

"ป้อง"

"อะไอ"

"เออ กินข้าวก่อนเถอะ กูค่อยถามก็ได้"

"อูดอาอิ อูออบไอ้"

มึงตอบได้แต่กูฟังไม่รู้เรื่องโว้ยยย

ผมเร่งมือทานของตัวเองบ้างก่อนจะเห็นมันตักข้าวกินเพิ่ม

เห็นแบบนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย รู้สึกคุ้มค่ากับที่ยอมตื่นเช้า...

"ป้อง"

"ไม่ต้องเรียกชื่อกูแล้ว พูดมาเลย"

มันคงตัดรำคาญเลยพูดบอกแบบนั้น

"ทำไมถึงรอกูล่ะ...?"

มันชะงักช้อนที่กำลังจะเข้าปากก่อนจะมองผม

"ก็มันเป็นครั้งแรกนิ"

"ครั้งแรก?"

"ครั้งแรกที่มึงเป็นคนชวน จำได้ไหมว่าตอนกูอยู่ที่นี้ใหม่ๆ มึงอคติขนาดไหน พอมึงชวนกูกูเลยดีใจ....และรอมึงไง"

ผมพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่มันอธิบาย

เรื่องของความรู้สึก เราคิดแทนกันไม่ได้...

บางเรื่องที่มันโครตไร้สาระสำหรับเรา มันอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับใครอีกคนก็ได้

เพราะคนเราล้วนแตกต่างกัน โตกันมาคนละแบบ มันก็เหมือนเราโยนก้อนหินลงน้ำ เราไม่รู้หรอกว่ามันลงไป'ลึก'ขนาดไหน ก็ไม่
ต่างอะไรจากการที่เราว่าคนๆหนึ่งทำอะไรไร้สาระ เพียงเพราะเราคิดต่างจากเขา...

ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นอีกนิดหนึ่งอย่างน้อยๆการแคร์มันก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ตัวผมเองได้เห็น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงเลือกจะปล่อย
มันต่อไป โดยไม่คิดจะทำอะไรแบบนี้หรอก

ผมเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
 

หรือไม่...

ก็เพราะเป็นมัน ผมถึงได้แคร์...



              There are many things I used to forget but just one thing never fade away in my heart is you. #ปกป้อง


TBC.


ตอนนี้ถ้าใครอ่านแล้วไม่อิน ไม่เข้าใจน้องเกียร์ แปลว่าต่างยังแต่งไม่ดีเลยไม่เข้าใจในอารมณ์น้องเกียร์ ฮ่าๆ คืองี้นะ แตกต่างอยากให้ลองมองในมุมของ'ผู้ชาย' คือนิสัยของน้องเนี้ย แปลนั้นเป๊ะๆ คือไม่คิดมาก และไม่ค่อยละเอียดอ่อน(ว่าง่ายๆคือมันโง่ด้านอารมณ์ พวกผู้ชายนี้มันจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์แบบนี้นักหรอกจ้า -  -")ตรงกันข้ามกับป้อง ที่โคตรจะละเอียดอ่อน และให้ความสำคัญกับทุกสิ่งรอบตัว ร่วมทั้งป้องยังมีเรื่องที่ทำให้'ต้องโต'
ถ้าใครอ่านมันตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆจะเห็นเลยว่า นิสัยของไอ้สองคนนี้แมร่งโคตร'แตกต่าง' แต่เพราะแบบนั้นแหละ เราถึงได้เลือกเขียนน้องๆขึ้นมาในลักษณะนี้

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาคอมเม้นท์นา คอมเม้นท์ได้เรื่อยๆจ้า จุดไหนชอบไม่ชอบ เราชอบนะ มันทำให้เราได้เห็นอีกด้านหนึ่งของสิ่งที่เราเขียน

ปล. อยากจะลงวันละตอนจริงๆ ถ้าเป็นไปได้จะพยายามลงวันนะตอนจ้า  :z3: :z3: :z3:

ปลล. ทุกๆคอมเม้นท์คือแรงผลักดัน   :hao7: :hao7: :hao7:


-B52

จับน้องเกียร์ตีตูดเลย โทษฐานเล่นจนลืม 555+  :z2: :z2:

-nuzzle

ขอบคุณที่ชอบจ้า อยู่กันไปนานๆน่า  :กอด1: ปล. ส่วนเรื่องตายไม่ตาย เราว่าชีวิตมันเป็นเรื่องธรรมดานะ (ยังไม่ได้บอกนะว่าน้องจะตาย ฮ่าๆ อยากรู้ติดตามต่อจ้า  :hao7:)

ปลล. เด็ก40 เดี่ยวนี้ม.ปลายแล้วจ้า ส่วน3Xเนี้ย.....   :hao7:

-♥lvl♀‘O’Deal2♥

อย่าลืมทายนะว่าป้องจะคอสฯเป็นอะไย ทายถูกรับน้องไปนอนกอดเลย   o13

- snowboxs

อนุญาตให้แม่ยกป้อง ตื้บไอ้น้องเกียร์ได้เลยจ้า  :hao3:

-praewp

ถ้าขอ'เขา'ได้ เอาน้องป้องไปสอนเลยจ้า  o22 o22


-stickieeZz

นั้นสิ ทานย.... คือะไรหว่า   :katai5:

-IsDeer

แก้แล้วเรียบร้อยจ้า ขอบคุณสำหรับคำผิดงับ  :กอด1:

-Inwoสูs

ป้องโกรธได้แค่นี้แหละจ้า   :o12:

หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 25-06-2014 16:16:30
 o13 o13 o13 o13 :-[ :-[ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2014 16:36:42
เป็นเราก็โกรธ เหตุผลคือลืมเนี่ยนะทั้งๆที่เป็นนัดเอง แต่ดีแล้วที่ง้อได้
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 25-06-2014 16:42:30
ฮึยยย เจ้าเกียร์  :angry2:  จับมัดแขนมัดขา ล็อคกุญแจ ขังใส่ห้องน้ำ ล็อคหน้าห้องด้วย เสร็จแล้วเอากุญแจไปซ่อนให้ ป้องหา

 :hao7:  สะใจ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 25-06-2014 16:43:30
จริงค่ะ น้องเกียร์แกแบบแมนเกินไป55555
ค่อยๆเรียนรู้กันไปละกันนะ เราเอาใจช่วย
แต่ตอนน้องป้องบอกว่าอาจจะไม่ได้รอตลอดไปนี่แอบวูบนะเนี่ย เชียร์ให้ก้องรู้ใจเร็วๆช้าเดี๋ยวอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-06-2014 18:24:56
เข้าใจเกียร์นะ คือแบบว่ารู้ตัวว่าผิด
แต่ก็คิดว่าเรื่องมันไม่ได้ใหญ่โต
นัดแล้วลืมก็แค่กลับ ทำไมต้องรอ
เหมือนกับว่าการรอของปกป้อง
ทำให้เกียร์เป็นคนผิดมากขึ้นน่ะ
ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกป่าวหว่า 555
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Fordfies_ta ที่ 25-06-2014 19:06:21
งื้อออออออออออ สนุกง่ะ มาต่อไวไวนะ /// แอบตกใจเหมือนกันเพราะนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างเหมือนชีวิตจริงเราเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: nuzzle ที่ 25-06-2014 21:44:48
เดี๋ยวนี้ ปีนลงมาหาป้องบ่อยไปนะ ไปปลดเข็มขัดเขาอีก  :hao4:

ก้อเข้าใจนะว่าเป็นห่วง แต่น่าจะถอดให้หมดเลยนะ ป้องจะได้สบายตัว   :hao6:

เดี๋ยวมาต่อ กดในมือถือ พิมไม่ทันใจเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-06-2014 23:13:03
 :jul1: ฉากย่องเข้าหาตอนหลับทำฉันแอบคิดลึก น่าจะมีหอมแก้มบ้างอะไรบ้างจะได้ฟินเบาๆ

วิธีง้อที่ดีคือ เกียร์ควรยอมถวายตัวเป็นเมียปกป้องซะนะ หายโกรธแน่ๆ

 :z3: ฉันอยากได้ปกป้อง ได้มาจะดูแลอย่างดีเลย

ปอลิง: คำผิด เปรี๊ยว=>เปรี้ยว
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 26-06-2014 01:07:46
ใช้ร่างกายง้อขอโทษซิเกียร์ง่ายกว่าเย๊อะะะะ 555555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| ____: #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง <25/06/57> หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-06-2014 12:57:57
อ๊ากกกก มาทำให้ค้างแล้วจากไป
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 26-06-2014 16:14:24
#11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ....


มื้อเช้าของผมกับมันและน้องปลากะพงทอดกรอบได้จบลงด้วยดี...

ก็...... จะว่ายังไงดี เอาเป็นว่าตอนนี้มันหายโกรธผมแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ? เพราะงั้นก็ไม่มีมีเหตุผลใดๆที่จะไม่ไปโรงเรียนด้วยกัน แน่นอนว่าผมไม่คิดจะลืมเหตุการณ์ครั้งนี้หรอกนะ บทเรียนเลยแหละ

ทะเลาะกันเนี้ย...ไม่ดีเลยแหะ

“ป้อง  วันนี้มีงานอะไรอีกป๊ะ ?”

ผมถามมัน เจ้าตัวชำเลืยงมองผมด้วยสายตาค้อนๆนิดหน่อยก่อนจะตอบ(นานๆที่มันจะแสดงอารมณ์ทางสีหน้า)

“ไม่กลัวลืมอีกเหรอไอ้สัส”

“โห ไหนบอกหายโกรธไง อดีตก็คืออดีตดิ”

“เออๆ แต่วันนี้ไม่ว่างหรอก กูมีงานที่สภานักเรียน วันนี้พี่เซียร์นัดประชุม”

มันพูดตอบพร้อมเอ่ยถึงบุคคลที่สาม

กาเซียร์ เซซิล นับเป็นบุคคลอีกคนที่ถ้าเลี่ยงได้ ผมไม่อยากจะเกี่ยวข้องหรือมีปัญหาใดๆ

ผู้ชายคนนี้ถือสัญชาติสองสัญชาติ เป็นลูกครึ่งไทย-รัสเซียเหมือนๆกับไอ้เด็กนั้น(อย่าถามถึงชื่อมันนะ ผมไม่อยากจำ) เป็นผู้ชายที่กุมอำนาจสูงสุดในเพลินจิตวิทยารองจากผอ.

ถึงแม้เพลินจิตวิทยาของผมจะมีเจ็ดเทพที่โดดเด่นกันไปคนละด้านก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงบุคคลที่เป็นขั้วอำนาจสูงสุดก็ไม่พ้นคนๆนี้เด็ดขาด ถึงขนาดที่ว่ากันว่า ถ้าผู้ชายคนนี้คิดอยากจะมีแหวนประดับนิ้วเจ็ดวงเมื่อไหร่

ตำแหน่งที่ว่าก็ถ่ายโอนเมื่อนั้น....

แต่คนๆนี้ไม่ใช่คนโง่ ไม่ว่าจะเก่งขนาดไหน คนๆเดี่ยวก็ยังมีขีดจำกัดหลายๆด้าน นั้นคือสาเหตุที่ท่านประธานคนนี้ไม่คิดจะแย่งตำแหน่งใดๆ

เพียงแค่คอย’ควบคุม’แบบ’อิสระ’……

ดึงความสามารถของคนใต้อาณัติให้ออกมาสูงที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด และได้ผลลัทธ์ที่ดีที่สุด

คนๆนี้คือยอดคนอย่างแท้จริง ....

ตั้งแต่ผมอยู่เพลินจิตมา ตำแหน่งของประธานนักเรียนเพิ่งถูกผ่านเปลี่ยนมือมาสองคน คนแรกคือพี่’ร่าเริง’ประธานที่มีดีหลายๆอย่าง พร้อมทั้งยังพัฒนาเพลินจิตวิทยาให้ก้าวหน้ามาได้ถึงขนาดนี้

อีกคนคือคนที่กล่าวมาเบื้องต้น พี่กาเซียร์.....

ดีกรีความโหดของประธานโรงเรียนผมแต่ละรุ่นจะโดดเด่นแตกต่างกันไป บ้างก็เด่นวิชาการ บ้างเด่นบุ๊น บ้างเด่นบู๊ แต่พี่กาเซียร์นั้นพวกผมจัดเป็นพวกสายผสมครึ่งๆกลางๆ

ไม่ใช่เก่งครึ่งๆกลางๆ แต่เสือกเก่งทุกด้าน จนไม่เด่นด้านใดด้านหนึ่ง

ผมเคยกล่าวไปแล้วมั่งเกี่ยวกับรากฐานของเพลินจิตวิทยา ถ้าการแข่งขันของเด็กในโรงเรียนกับพวกนอกโรงเรียนหนักขนาดไหน คูณสิบเข้าไป นั้นแหละการแข่งขันกันภายใน

.............ก็ไอ้พวกนี้มันกระหายชัยชนะทั้งนั้นนิครับ

แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ยามสงบเรารบกันเอง แต่ถ้าเมื่อใดที่มีศึกนอก

เพลินจิตวิทยาจะร่วมเป็นหนึ่ง....

ไม่แปลกใจเลย ทุกครั้งที่ไปที่ไหนแล้วมีตราโรงเรียนพ.ว.ไปด้วย การโดนมองจากเด็กโรงเรียนอื่นเป็นเรื่องปกติมากจนพวกผมชินกันตั้งนานแล้วล่ะครับ

“แล้วมึงทำหน้าที่อะไรบ้างว่ะ”

ถึงจะรู้ว่ามันทำงานในสภานักเรียนด้วย แต่กระทั้งงานที่มันทำผมก็ยังไม่ทราบเลยครับ

“เลขาฯ คอยจัดการพวกผังงานโรงเรียนอะไรพวกนั้นต่อจากพี่เซียร์นะ”

“เรียกผู้ชายคนนั้นสนิทปากนิ มึงสนิทกับพี่เขาเหรอว่ะ ?”

ตั้งแต่อยู่เพลินจิตมา มีไม่กี่คนหรอกครับที่เรียกประธานโรงเรียนเราแบบนั้น

ไอ้ป้องทำหน้าคิดก่อนจะตอบ

“อื้ม...ก็นับว่าสนิทกันมากเลยนะ แต่พี่เซียร์เองนั้นแหละเป็นคนบอกให้เรียกแบบนั้น แกบอกว่าเรียกเต็มยศแล้วเขิน”

มันตอบผมหน้าตาย เพียงแต่ผมไม่คิดว่าคนระดับนั้นจะเขินเป็นหรอกนะ

“พี่เซียร์นี้เป็นคนใจดีมากนะ แถมยังอ่อนโยนสุดๆอีกต่างหาก เป็นอีกคนที่กูนับถือ เห็นพวกของในห้องไหมล่ะ นั้นพี่เซียร์เป็นคนซื่อมาหมดเลย แกบอกว่าว่างๆจะเข้าไปพักบ้างส่วนตัวดี แต่ตั้งแต่กูมีโซนส่วนตัวก็ไม่เห็นแกจะเข้าไปเลยนะ”

ผมฟังที่มันพูดแล้วไม่ติดใจคำไหนเท่าครับนี้แล้วครับ....

“อ่อนโยน ?”

“อื้ม อบอุ่นมากๆ เหมือนๆพระอาทิตย์ดวงหนึ่งเลยแหละ ยิ่งตอนพี่เขาดูแลน้อง’เพลง’นะ โคตรๆอ๊ะ”

ผมนึกภาพไม่ออกหรอกนะครับ ว่าคนแบบนั้นจะมีด้านที่อ่อนโยนยังไง เอาเป็นว่าถ้ามีบุญมากพอผมอาจจะได้เห็นก็ว่าได้ แต่ถ้าฟังจากที่มันเล่ามาคนๆนี้ก็ใจดีกับไอ้ป้องจริงๆนั้นแหละเพราะข้าวของในห้องนั้นก็กินราคาร่วมๆเกินห้าหลักก็ว่าได้ ส่วนน้องเพลงที่ไอ้ป้องพูดถึง คือน้องชายแท้ๆของประธานโรงเรียนคู่อริเราครับ....ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอกนะว่าไปรักกันได้ยังไง เอาเป็นว่าไม่อยากสอดแล้วกันครับ

ในที่สุดผมกับมันก็มาถึงเพลินจิตวิทยากันตอนประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ....

“เดี่ยวกูขึ้นไปหาพี่เซียร์นะ”

“แล้วกระเป๋ามึงอ๊ะ ?”

ผมชี้ไปที่จาคอปมัน

“ค่อยเอาขึ้นไปเก็บก็ได้มั่ง”

“ฝากกูไปก็ได้นะ”

ก็กระเป๋ามันไม่ได้หนักอะไรเท่าไหร่เลยนิครับ เบาพอๆกับของผมนั้นแหละ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเก็บของกันไว้ที่ล็อคเกอร์ของโรงเรียนเรามากกว่า เอาไปแค่พวกชีทหรือสมุดที่มีการบ้าน

ไอ้ป้องทำท่าคิด ก่อนจะยื่นกุญแจล็อคเกอร์มันกับกระเป๋าจาคอปให้ผม

“เจอกันบนห้อง”

“เออ ไว้เจอกัน”

ผมโบกมือลากับมัน  ก่อนจะหนีบจาคอปไว้ทั้งสองข้างแล้ววิ่งขึ้นไปบนตึก เกือบซวยหน่อยๆตอนเลี้ยวมุมตึกแล้วผมเจอบรา
เทนเดอร์ม.อื่นเดินตรวจตึกอยู่ ดีว่าผมถอดหันก่อนแกจะหันมาเจอ(โรงเรียนผมห้ามใส่รองเท้าขึ้นอาคารเรียนครับ แต่ผมขี้เกรียจ  -  -)

กระเป๋าหนังจาคอปของไอ้ป้องอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า‘โทรม’เกินเยียวยา แม้มันจะขัดเช็ดถูอย่างดีจนมันเงาวับก็เถอะครับ แต่เพราะใช้มานานแล้วหนังบางส่วนของกระเป๋าก็หลุดลอกออกไป ผมว่าจะทักมันหลายรอบแล้วล่ะครับเรื่องเสื่อผ้านักเรียนกับพวกของใช้ ทำไมมันไม่เปลี่ยนใหม่สักที่ ทั้งๆที่เงินเดือนของแม่ลีลาวดีก็สูงพอๆกับพ่อผม เรียกได้ว่าใช้จ่ายได้สบายๆ แต่มันกลับประหยัดจนเกินเหตุ ผมสังเกตดูแล้วล่ะครับ ป้องมันไม่ใช่พวกงกเกินเยียวยา แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่ยอมเปลี่ยนของใช้ส่วนตัวพวกนี้สักที่

สงสัยไว้ค่อยถามตอนกลับบ้านวันนี้แล้วกันครับ....

ผมหนีบจาคอปสองข้างมาถึงห้องเรียน ในห้องมีพวกเพื่อนๆผมอยู่เกือบๆครึ่งห้องเห็นจะได้ ไอ้พวกทโมนพวกนี้มันจะแบ่งสังคมกันอยู่ชัดเจนครับ พวกเรียนๆหน่อยก็ด้านหน้านั่งอ่านหนังสือ ส่วนพวกผมก็เตะบอลกันบ้างเล่นบอร์ดกันบ้างด้านหลังห้อง จะว่าไปแล้วเร็วๆนี้จะมีงานบอร์ดนี้หว่า(ดีนะเห็นพวกมันเล่นบอร์ดแล้วนึกขึ้นได้)

“กระเป๋าใครว่ะไอ้เกียร์”

ไอ้อู๋เหลือบตามองทักผม ก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอของมันต่อ ขอบคุณนะครับเพื่อนรักที่ยังอุส่าห์เหลือบตามองว่ากูมาถถึงห้องเรียนแล้ว

“ของไอ้ป้อง”

“ห๊ะ มึงบอกว่าของใครนะ ?”

รอบนี้ไอ้อู๋ชะงักก่อนจะหันมาสนใจผมเต็มตา

“ของไอ้ป้อง ปกป้อง เกียรติ์ติยานันท์ จะให้เอาเบอร์โทรให้ด้วยไหม ?”

“ไม่ใช่ๆ ประเด็นคือ มึงไปสนิทกับมันตอนไหนว่ะ กูไม่เห็นจะรู้เลย”

มันว่า แต่ผมยักไหล่ไม่สนใจจะตอบคำถามมันเพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าสนิทกันตอนไหน

เอาเป็นว่ารู้ตัวอีกที่ก็นับแมร่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของผม ณ ตอนนี้แล้วอ๊ะครับ

ผมไขกุญแจล็อคเกอร์ของมันก่อนจะยัดจาคอปเข้าไป สายตาผมพลันเหลือบมองไปเห็นสมุดสีเทาปกแข็งเล่มหนึ่งที่ไม่ใข่สมุดเรียนของโรงเรียนผม สงสัยจะเป็นพวกสมุดย่อยของมันล่ะมั่งครับ ?

ผมกวาดสายตามองล็อคเกอร์ของมัน นอกจากจะเป็นระเบียบกว่าของผมแล้ว ยังมีตารางปฎิทินเล็กๆแปะอยู่ตรงประตูล็อคเกอร์ด้านใน ของเดือนนี้ล่ะครับเพียงแต่มันจะมีรอยดินสอดำๆเขียนทุกๆวันอาทิตย์แบบอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ผมเห็นแค่เครื่องหมาย ‘ + ‘ นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมันจะเขียนอะไรกำกับไว้เลย ของเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เป็นเครื่องหมาย ขีดเล็กๆสองเส้นเขียนต่อกันเหมือนเครื่องหมาย = ...

แล้วไอ้เครื่องหมาย + กับ =  นี้มันแปลว่าอะไรว่ะ ???

เย็นนี้คงได้มีคำถามหลายคำถามซะแล้วล่ะมั่งครับ จะว่าไปแล้ววันอาทิตย์มันก็ไม่ค่อยอยู่บ้านจริงๆนั้นแหละ....

แปดโมงครึ่งเริ่มต้นเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ไอ้ป้องขึ้นมาก่อนมิสอรทัยเข้าสอนนิดหน่อย มันหันมาทำปากขอบคุณผมตอนที่มาเอากุญแจไขล็อคเกอร์เอาจาคอปก่อนจะกลับไปนั่งที่นั่ง สุดท้ายความสนใจของมันทั้งหมดก็หันไปจนใจหน้ากระดาน

สวนทางกับสายตาของผมที่เหลือบมองมันเป็นระยะๆ....



   
   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:





“ไอ้เกียร์”

“เออๆ”

ผมยกมือรับเสียงเรียกชื่อตัวเองก่อนจะเดินไปเอาป้ายชื่อเล่นสีเหลืองอ๋อยที่เขียนไว้ว่า ‘เกียร์’จากไอ้ปั๊ก หัวหน้าห้องผม มันยื่นมาให้ก่อนจะขานป้ายชื่อเรียกคนต่อไป

ตอนนี้เลิกเรียนแล้วครับ พวกผมกับเพื่อนมานั่งรอกันในห้องประชุมเล็กของสายศิลป์-ญี่ปุ่น รอพี่ๆและเซนเซมาเตรียมรับน้อง รู้สึกข่าวกรองที่ว่า ‘เปียก’ นี้คงไม่เกินจริงสักเท่าไหร่ ประมาณการได้จากพี่คนส่งน้ำแข็งที่มาส่งให้พวกรุ่นพี่ผมแล้วสี่กระสอบ...

วันนี้คงมีคนได้เปียกจริงๆแหะ....

ไอ้ปั๊กแจกป้ายชื่อให้เพื่อนๆจนครบ ก่อนน้องม.สี่จะเดินเข้ามาด้านในห้อง เซฯเตอร์ครูสอนภาษาญี่ปุ่นบอกให้พวกน้องๆนั่งข้างๆพวกผมครับ ผมเห็นต้องตาหันหน้ามายกมือไหว้ก่อนจะยิ้มน้อยๆให้ผม น้องต้องครับ...มึงไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยจริงๆ จะใสไปถึงไหนเนี้ย!!!

“อ้าว ไหนน้องคนไหนจะหาพี่รหัสตัวเองไม่เจอบ้าง”

เซเตอร์ถามขึ้น

ก็มีบ้างส่วนนั้นแหละครับที่หาพี่รหัสของตัวเองไม่เจอ เพราะแม้บางคนจะตั้งชื่อรหัสพร้อมคำใบ้ง่ายๆ แต่ไอ้พวกที่ตั้งยากๆก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี

ผมเห็นน้องมอสี่หลายๆคนยืนขึ้นพร้อมเพื่อนผมบางคนร่วมทั้งไอ้อู๋(ไม่ใช่ว่ามันหาไม่เจอหรอกนะ มันไม่หาต่างหาก มั่วแต่นั่งเล่นโน๊ตบุ้คลูกมันอยู่ - - )

“ใครที่หาพี่รหัสไม่เจอแยกมายืนข้างหน้าเลยนะ กฎข้อเดี่ยวคือห้ามขัดขืนพี่ๆรหัสเด็ดขาด!!!”

เซเตอร์พูดขึ้นก่อนรุ่นพี่พวกผมจะยิ้มกริ้ม อื้ม...ได้แกล้งรุ่นน้องนี้ไม่ว่าใครก็คงจะมีความสุขกันทั้งนั้นสินะ สินะ สินะ (ยกเว้นคนถูกแกล้ง.....)

และแล้วการรับน้องของพี่ๆก็เริ่มต้นขึ้น

แป้งมันที่พวกผมชอบเล่นกันตอนสงกานต์ถูกผสมกับน้ำเย็นเจี๋ยบบบบบบบบ ก่อนจะไล่แปะหน้าน้องๆแต่ละคน พี่ๆแก๊งนางฟ้าเองก็ใช่ย่อย เดินเอาน้ำแข็งใส่เสื่อพวกผม เน้นๆทั้งน้ำแหละเนื้อ (เหรี้ยเอ๊ย น้ำแข็งแมร่งไหลลงเกงใน....)

ผมกับเพื่อนๆร่วมทั้งรุ่นน้องโดนละเลงหน้าจนพอใจ(พี่ๆและเซนเซที่รัก) ก่อนสถานการณ์จะกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง หันไปมองหน้าแต่ละคนนี้ดูไม่จืดเลยครับ ผมโดนเขียนปากด้วยลิปสติกสีชมพูแปร๊นอีกต่างหาก-*- ไอ้เฟรมไอ้อู๋โดนหนักพอๆกันกับผม
พอหันไปมองไอ้ป้องที่นั่งแถวๆริมหน้าต่างผมเห็นหน้ามันทั้งหน้าโดนละเลงด้วยแป้ง .... เอิ่มนะ ปกติหน้ามันก็จืดสนิทอยู่แล้วนะครับ พอแต่งแบบนี้แมร่งยิ่งโคตรจืดเลย ตาเรียวสองข้างก็มีแป้งมันวงอยู่รอบๆดวงตา จมูกถูกป้ายด้วยลิปสติก

....

..

.

แต่ก็น่ามองอยู่ดี.....


“เกมต่อไป ขอให้น้องๆม.4กับม.5จับคู่พี่รหัสน้องรหัสกันค่า”

พี่หัวหน้าแก๊งนางฟ้าพูดเสียงหวานเซ็กซี่(แต่ฟังแล้วพวกผมสยองปนเซ็กเสื่อม)ออกมา ก่อนพวกผมจะขยับตัวนั่งตามคู่กับน้องรหัสของตัวเอง ไอ้ป้องไปนั่งกับไอ้เด็กนั้นแถวเดี่ยวกันกับผมแต่ถัดไปจากไอ้อู๋และไอ้เฟรม ผมเห็นไอ้อู๋เหลือบมองน้องรหัสผมแปลกๆ ส่วนไอ้ต้องตาเองก็ยิ้มกระล่อนออกมา

นี้กูพลาดอะไรอีกรึเปล่าว่ะ ???

“เกมนี้จะให้น้องๆทุกคนทำยังไงก็ได้ ให้ควานหาเหรียญห้าสิบสตางค์จากในถังน้ำแข็งนี้ คู่ไหนที่ทำได้ภายในเวลาที่กำหนดพี่ๆจะมีรางวัลให้นะค่า”

พี่คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะผายมือไปทางถังน้ำแข็งสีส้มที่ด้านในบรรจุน้ำแข็งไว้เต็มอัตรา ก่อนพวกต้นแถวแต่ละคู่จะเริ่มออกไปล้วงน้ำแข็ง คู่ไหนโชคดีหน่อยล้วงครั้งเดี่ยวก็เจอครับ พวกไหนโชคร้ายล้วงเป็นสิบแมร่งก็คว้าได้แต่เหรียญบาท(สมน้ำหน้านิดๆ  เห็นพวกมันยืนกันฟันกันเพราะความเย็น)

จนกระทั้งมาถึงคู่ไอ้ป้องกับน้องรหัสมัน   

ไอ้ป้องเดินไปยื่นอยู่หน้าถังน้ำแข็งกับน้องรหัสมัน ผมเห็นไอ้เด็กนั้นพูดอะไรนิดหน่อยก่อนพี่ม.หกจะพูดต่อ

“พี่นับสาม สอง หนึ่งแล้วล้วงเลย พร้อมนะ”

มันกับน้องมันพยักหน้า ก่อนพี่ๆจะเริ่มนับ

“สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!!!”

พอสิ้นสุดคำว่าหนึ่ง วงแขนของไอ้ป้องก็พุ่งเข้าหาถังน้ำแข็งพอๆกับไอ้เด็กประกายแสงนั้น ผมเห็นมันนิ่วหน้าเหมือนเจ็บปวดอะไรสักอย่าง แต่มื่อทั้งสองข้างก็ยังควานหาเหรียญต่อไป จนผ่านไปสัก10วิ มันก็ควานหาเหรียญห้าสิบสตางค์เจอพร้อมๆกับน้องรหัสของมัน

ไอ้ป้องรีบชักมือออกจากถังน้ำแข็งก่อนจะสะบัดไล่น้ำแข็งที่เกาะตามแขน ผมเห็นมันกัดฟันนิดๆก่อนจะเห็นว่าปลายนิ้วมันมีเลือดไหลออกมาซิบๆ ให้ผมเดาจังหวะที่มันแทงลงไปคงจะบาดกับเกร็ดน้ำแข็งพวกนี้(เห็นเป็นเกร็ดเล็กๆแต่มันคมนะครับ พุ่งไปอาจนิ้วส้นได้เลยด้วยซ้ำ)

ไอ้ป้องเบ้ปากเบะก่อนจะลองขยับนิ้วข้างนั้นขึ้นลงดู ผมเห็นคิ้วมันกระตุกตอนลองขยับดู

คงจะเคล็ดจริงๆแหะ...

ผมกำลังจะเดินไปถามแล้วครับว่าเป็นไงบ้าง แต่ไอ้เด็กนั้นไวกว่าผม...

"โทษนะครับพี่ป้อง เจ็บหน่อยนะครับ"

มันจับมือไอ้ป้องก่อนจะพูดขออนุญาต ไอ้ป้องพยักหน้าตกลงก่อนมันจะดึงนิ้วไอ้ป้องดัง'กร็อบ'ผมเห็นมันเบ้ปากน้ำตาเล็ด

ไอ้อยู่ใกล้แล้วช่วยนะ ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่จับมือไอ้ป้องเกิน5นาที่แล้วเนี้ย...คืออะไร?

"ปล่อยมือเพื่อนกูได้แล้วมั่ง"

ผมบอกต้องตาว่าเดี่ยวมาก่อนจะเดินไปใกล้ๆแล้วพูดลอยๆแต่จงใจกระแทกแดกดัน ไอ้แสงแสยะยิ้มใส่ผม แต่ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี

"ผมก็แค่'เป็นห่วง'พี่ป้องนะครับ"

มันพูดยิ้มๆกลั่วเสียงหัวเราะ

"ขอบใจนะน้อง แต่เพื่อนสนิทกู กูดูแลได้ครับ"

ผมยิ้มหวานพูดตอบเอื้อมแขนไปโอบไหล่มันหลวมๆก่อนจะเดิน(ลากไอ้ป้อง)ไปนั่งรอตรงเก้าอี้พลาสติก

"มึงเนี้ยนะ..."

ผมจุ๊ปากบ่นมัน ไอ้ป้องเอียงคอนิดๆก่อนจะถาม

"กูทำไมว่ะ..."

มันทำหน้าเหมือนเด็กเล็กๆที่ไม่เข้าใจคำถามของผม ในหน้าเปื้อนแป้งมันเม้มปากนิดๆ

นอกจากหน้าจะจืดแล้วยังดูเอ๋อๆอีกต่างหาก

แต่ก็น่ารักไปอีกแบบล่ะนะ...

"เอาเป็นว่า นั่งรอกูตรงนี้ก่อน แล้วนิ้วหายเคล็ดยัง"

"รู้ด้วยเหรอว่านิ้วเคล็ด?"

"รู้ดิก็มอ..."

กึก...

ก็จะให้บอกไปยังไง...

ว่าสายตามันพาลมองอยู่เรื่อยๆ

ทั้งๆที่ไม่ใช่จุดพักสายตาเหมือนในห้อง แต่สายตาเจ้ากรรมดันทรยศ มองหาแต่คนอีกคนคอยแต่จะชำเลืองมองว่าไอ้คนยิ้มยากคนนี้จะแอบหลุดยิ้มมาตอนไหนสักตอนรึเปล่า

ก็แค่นั้นเอง....

"ก็อะไร"

ผมนั่งหันหน้าไปหามันก่อนจะตอบ

“ก็เห็นตอนไอ้ประกายแสงมันดันนิ้วให้”

“อื้ม....”

ไอ้ป้องรับคำผมด้วยท่าที่นิ่งๆก่อนจะคอตก...

แล้วทำไม’อื้ม’ของมึงต้องเสือกทำเสียงเศร้าๆด้วยว่ะ...แล้วไอ้ใบหน้านั้นมันคืออะไร ทำหน้ายังหมาถูกทิ้ง....

แล้วทำไม....ผมถึงไม่อยากเห็นหน้ามันเศร้าว่ะ....

“ก็มองอยู่....”

ผมพูดลอยๆ ไอ้ป้องยกคอขึ้นก่อนจะถาม

“อะไรคือมองอยู่”

ทำไมจะต้องให้อธิบายว่ะ....

“ก็ที่มึงถามกูว่ารู้ด้วยเหรอที่นิ้วเคล็ดนะ ก็กู’มอง’อยู่ แล้วทำไมถึงจะไม่เห็น....”

ใบหน้าสลดของมันแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ไอ้ป้องยกมุมปากขึ้นนิดๆก่อนจะพูดต่อ

“งั้นก็เสมอกันสินะ”

“อะไรเสมอ?”


ผมเริกคิ้วขึ้นนิดๆไม่เข้าใจคำพูดของมัน มันลุกขึ้นยืนหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะพุดประโยคบางประโยค...


ที่ทำให้ผม...หัวใจพองโตแปลกๆ....



“ก็มึงมองกูเหมือนๆกับที่กูมองมึงไง....”



From  now  on, It’s  the  beginning  of  two  hearts
That’s  re-union  into  one.  Walk  together  with  hand  in  hand
And  fill  the  heart  with  love  and  understand.#ปกป้อง


TBC.


ตอนนี้เหมือนๆแก้ตัวให้น้องเกียร์จากตอนที่แล้ว  :hao6: รับน้องยังไม่จบนะมีอีกตอน


ปล. อยากถามคนอ่านว่าแต่ละตอนมันสั้นๆไปไหม ? คือเวลาพิมพ์แต่ละตอน เรากำหนดความยาวคือไม่ต่ำกว่า2000อักษร เลยอยากจะลองถามดูว่ามันสั้นไปไหม ? หรือยังไงหว่า   :z2:



-Roman chibi

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน แวะมาบ่อยๆนร้า   :mew1:

-B52

สมควรโกรธจริงๆนั้นแหละน๊า  :z6:


-Inwoสูs

ทำแบบนี้น้องป้องลำบากแน่เบย 55555+   :hao7:


-praewp

น้องๆ'แมน'ทั้งคู่นะ แต่แมนกันคนละแบบ  :mew2:

-snowboxs

อารมณ์แนวๆนั้นจ้า เกียร์มันไม่เคยง้อใครนิ   :3123:

-Fordfies_ta

ยินดีต้อนรับนะครับ มาอ่านต่อได้เลยนะ ตอนใหม่มาแว้ว

-nuzzle

ตอนที่'ถอดหมด'เนี้ยมัน....หึหึหึ  :hao7:


-IsDeer


ถ้าแบบนั้นคงฟินไปอีกแบบ แต่อย่าลืมนะคุณเดียร์ เกียร์มันบื้อ  :m29:

-suck_love

มีได้ชดใช้แนาๆครับ แต่ยังไม่ถึงงงงงงง

- ♥lvl♀‘O’Deal2♥

ตอนนี้น่าจะไม่ค้าง(?)นะครับ ฮ่าๆ   :hao6:


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้แก่เรา

ขอให้อยู่กับน้องๆไปนานๆนะครับ


 :L2:

หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-06-2014 16:31:09
ประโยคสุดท้ายทำให้เราคิดไปไกลเลยนะเนี่ยย

โอ๊ยยยย ใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 26-06-2014 16:54:17
อั้ยยยยยยยย   

นี่เกียร์ ถูก รุก ป่ะเนี่ย 5555+

แต่ ป้องก็ มีความลับเยอะนะ สงสัยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-06-2014 17:14:34
หวานๆ อ่านแล้วเขินอะ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 26-06-2014 18:57:19
อ๊ายยยยยยยยยยยย คือมันเขิน มันน่ารัก มันมุ้งมิ้ง อั๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชอบอ่ะ อ่านไปยิ้มไปเขินไป >__________<

เกียร์นี่เป็นคนเรียบง่ายดีนะ ชิวๆดี แบบคิดอะไรตรงๆดี
ส่วนปกป้องนี่ดูท่าจะมีความในใจเยอะนะ แต่ดูเป็นคนที่อบอุ่นมาก

ส่วนสถานะของทั้งคู่เนี่ย ทำไมมันดูพลิกไปพลิกมางี้อ่าาาาา แต่เราเชียร์ให้ปกป้องเป็นฝ่ายปกป้องตามชื่อนะ เพราะตอนนอนกอดกับลีลาศเนี่ย ทำเราฟินมว๊ากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 26-06-2014 19:36:16
เขิลง่าาาา =/////=
ว่าแต่ที่ป้องขีดไว้มันคืออะไรหว่าอยากรู้ด้วยคน

เราว่าสั้นแบบกำลังดีนะไม่สั้นไป
แต่ตัดอารมณ์ได้แบบสุดๆอ่ะ 5555

ปล.สั้นยาวไม่ว่าแต่ขอให้มาเรื่อยๆก็พอค่ะ อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-06-2014 20:07:47
ฟินเกือบตาย เมื่อเจอคำส่งท้ายของป้อง
“ก็มึงมองกูเหมือนๆกับที่กูมองมึงไง....”

และใจก็เรียกรั้องว่าจะเอาอีกตอน
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: เสน่ห์นางนวล ที่ 26-06-2014 20:13:17
น้องเกียร์หนูรุกหรือรับค่ะลูก
แอบปีนลงไปหาผู้ชาย ฟินนะค่ะคุณขา  :hao6:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-06-2014 20:39:38
นั่งกัดหมอนกับประโยคที่แปลได้ว่า  "ต่างคนต่างมองกันและกัน"   :-[

ปล.คนเขียน แบบนี้ก็ดีแล้วจ้า เอาที่สะดวกคนเขียนนั่นแหละ ยังไงเราก็รอออ  o13
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #11กาเซียร์ รับน้อง และเสมอกันนะ <26/06/57> p.3
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-06-2014 22:15:19
 :heaven อร๊าย ประโยคสุดท้ายทำเอาขึ้นสวรรค์เลยล่ะ มโนว่าพูดพร้อมรอยยิ้มอันเปล่งประกาย

เขียนยังงี้ คู่ เซียร์เพลงก็น่าอ่านนะ อยากรู้เหมือนกันว่าไปรักกันได้ยังไง

คำผิด ซื่อ=>ซื้อ

ขอให้น้องๆม.4กับม.4จับคู่พี่รหัสน้องรหัสกันค่า => อันนี้ต้อง ม.4 กับม.5 ป่ะ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 27-06-2014 15:36:24
#12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ....


"หมายความว่าไงว่ะ"

ผมกำลังจะถามต่อ แต่ไอ้ป้องเดินหนีผมไปเล่นเกมรับน้องด่านอื่นก่อนแล้ว สมองโง่ๆของผมมันประมวลไม่ออกหรอกว่าที่มันบอกว่ามองหมายความว่ายังไง

มองผมแบบที่ผมมองมัน...

'เหมือนๆกัน'เหรอครับ... ?

ผมอยากจะลากคอมันมาถามให้ชัดๆ แต่เพราะติดว่าผมกับน้องต้องตายังไม่ผ่านด้านถังน้ำแข็งนี้สิครับ

แล้วทำไม..... น้องรหัสผมถึงได้ยิ้มกรุ้มกริมใส่ไอ้อู๋แบบนั้นล่ะครับ

"รู้จักกันเหรอ?"

ผมนั่งลงข้างๆไอ้ต้องตาก่อนจะถามมัน ไอ้อู๋หันหน้าเมินไปอีกทาง น้องต้องยิ้มเจ้าเลห์

อะไรของพวกมันว่ะ???

นอกจากจะไม่ได้คำตอบ ยังมีคำถามแถมมาให้ผมอีกต่างหาก ผมหันไปสกิดไอ้เฟรม รายนั้นเองก็ยักไหล่เป็นเชิงว่างงเช่นเดี่ยวกับผม

ความรู้สึกบางอย่างสะกิดใจผมเล็กๆ

ผมมองสำรวจไปที่ตัวเพื่อนสนิทตัวเอง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าของรักของหวงของมันหายไป ทั้งๆที่เจ้าตัวใส่ประจำและไม่มีทางลืม ของที่มันใส่ประดับมาตลอดหนึ่งปีนี้

แหวนแห่งเทพ...

"อู๋...แหวนมึง...?!?!"

ไอ้อู๋คอตกไปกับคำทักของผม ก่อนมันจะถอนหายใจเฮือกพูดออกมา

"คลื่นลูกใหม่ ไล่คลื่นลูกเก่าเสมอ กูดวลแพ้..."

ผมตกใจกับคำพูดของเพื่อนสนิทตัวเอง พอๆกับไอ้เฟรมที่สำลักน้ำโออิชิ

ถึงมันจะเป็นคนบ้าๆบอๆเสือผู้หญิง เพล์บอยไปทั่ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มันยืนหยัดอยู่ในเพลินจิตวิทยาได้ ก็คือความสามารถในการแฮกของมัน สิ่งที่ยืนยันคือแหวนสีดำสนิทที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนักหนาทุกครั้งที่ใครเห็นมัน

"พี่'เก่ง'จริงๆครับ ผมขอยอมรับ ไวรัสของพี่เองก็ทำผมแทบเดี้ยงเหมือนกัน ถ้าผมไม่โกงคงเอาชนะไม่ได้จริงๆ"

ต้องตาพูดขึ้น มือขาวสองข้างล้วงเอาสร้อยคอสีเงินสนิทที่มีแหวนสีดำเมื้อมคล้องอยู่ตรงกลางออกมา

ไอ้ต้องตาเป็นแฮกเกอร์!!!!!

ผมกับไอ้เฟรมนั่งอึ่ง ไม่คิดเลยจริงๆว่าเด็กอย่างไอ้ต้องจะเป็นแฮกเกอร์ได้ ไอ้อู๋โบกมือเป็นเชิงให้พวกผมเงียบก่อนจะพูด

"สงครามไม่หน่ายอุบาย ปีที่แล้วกูก็วางยาพี่กรนั้นแหละถึงได้ชนะ ชักเข้าใจพี่มันนิดๆแล้วแหะ"

มันตัดพ้อ ผมกับไอ้เฟรมยังนั่งอึ่ง

"ไม่คิดเลยว่าน้องรหัสกูจะเป็นแฮกเกอร์"

"ใช่...ดูแค่ข้างนอกนี้ไม่ให้เลยว่ะ"

ไอ้เฟรมพูดเสริม มองน้องมันตั้งแต่หัวจรดเท้า

ต้องตาฉีกยิ้มตามสไตล์ของมัน ก่อนจะพูดต่อ

"จริงๆผมใบ้ไปแล้วนะ"

"ใบ้?"

"ครับ ก็ตามกฏที่คุณกาเซียร์ เซซิลตั้งไว้นั้นแหละครับ ว่าต้องมีการใบ้บอกตัวตนของคนที่คิดจะชิงแหวน"

ประเพณีชิงแหวนเป็นแบบนั้นจริงๆครับ คนชิงต้องบอกใบ้ ยืนยัน หรือแสดงตัวตนว่าตัวเองคือคู่ต่อสู้ส่วนจะใบ้ขนาดไหนก็ตามดุลพินิจของพี่กาเซียร์

"พี่จำข้อความทิ้งท้ายได้ไหมครับ?"

ข้อความทิ้งท้าย….

ผมกัลป์ไอ้อู๋ทำหน้านึก ก่อนจะนึกได้ถึงข้อความที่ได้ต้องทิ้งไว้ตอนโจมตีเพจไอ้อู๋ครั้งแรก...

..........Enchanted Dream 

..........(ฝัน’ต้อง’มนต์)

ผมตาลุกวาว ไอ้เฟรมตบมือชอบใจ ส่วนไอ้อู๋กัดฟันกรอด ก็ถ้าสังเกตดีๆน้องมันก็ยืนยันตัวตนของตัวเองแบบชัดเจนจริงๆนั้นแหละครับเพียงแต่เรามองข้ามจุดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไป

เพราะงั้นแหวนสีดำเมื้อมจึงถูกเปลี่ยนเจ้าของในลักษณะนี้นั้นเอง....

“คู่ต่อไปลุกเลยค่า”

พี่ม.หกตกมือเรียกผมกับไอ้ต้องตาลุก น้องมันเก็บแหวนเข้าไปในเสื่อตามเดิมก่อนจะเดินไปยืนข้างๆผม

“มึงไปวางยามันตอนไหนว่ะ ?”

ผมถามด้วยความสงสัย ก็โน๊คบุ๊คไอ้อู๋อ๊ะแถบไม่เคยห่างจากตัวมันด้วยซ้ำ

ต้องตาทำหน้าเจ้าเลห์ก่อนมันจะย้อนถามผม

“พี่ก็สนิทกับพี่อู๋นิครับ แล้วตอนไหนบ้างล่ะที่พี่อู๋ยอมปล่อยมือจากโน๊คบุ๊ค”

ตอนที่ไอ้อู๋วางมือจากโน๊คบุ๊ค...

เข้าห้องน้ำ....ไม่ใช่ มันเอาเข้าไปด้วย

กินข้าว....ไม่ใช่ มันกินหน้าคอมมันนั้นแหละ

แล้วงั้นตอนไหนว่ะ ?....

ผมวนลูปความคิดตัวเองเกี่ยวกับความทรงจำตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา จนสุดท้ายก็ร้องอ้อออกมาเบาๆเมื่อคิดถึงตอนที่มันไม่มีโน๊คบุ๊คในมือออก

“รู้จักกับเชอรี่ด้วยเหรอ ?”

“ไม่เชิงรู้จักครับ แค่พอไหว้วานให้เสียบแฟตไดร์กับเปิดเนตทิ้งไว้ก็เท่านั้น”

ผมไม่รู้จะปลอบไอ้เพื่อนสนิทยังไงเพราะมันดันโดนวางยาตอนมีsexกับสาว จะโทษใครก็ไม่ได้ได้แต่โทษที่ตัวเองเจือกไม่รอบครอบพอนั้นแหละครับ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะโดนชิงแหวน ยังจะมีหน้าไปเล่นอะไรแบบนั้นอีก

ต้องตากับผมช่วยกันกระโจนมือควานหาเหรียญห้าสิบสตางค์ประมาณเกือบๆ3-4รอบก็เจอเหรียญครับ แมร่งดันไปอยู่ตรงมุมๆถังน้ำแข็งเลยเนี้ยดิ

เกมด่านต่อๆไปก็มีเรื่อยเปื่อยครับ กินขนมแข่งกันบ้าง ปิดตาแต่งหน้าน้องรหัสบ้าง แต่พวกผมก็รู้นะว่าพี่ๆตั้งใจกันจัดกิจกรรมนี้จริงๆ เพราะขนาดเนรมิตรห้องข้างๆให้กลายเป็นบ้านผีสิงได้เนี้ย

ให้คะแนนความพยายามสิบเต็มสิบเลยครับ....

ผมกับน้องรหัสชวนกันไปเล่นนู้น เล่นนี้บ้าง จนกระทั้งวนครบทุกด่าน ในขณะที่ผมกำลังยืนๆอยู่นั้นเอง....

“โอ๊ย ไอ้เชรี้ย ใครเอาน้ำแข็งใส่หลังกูว่ะ”

ผมสถบสะดุ้งตัวรีบควักน้ำแข็งออกจากหลังเสื่อ เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตอนนี้มีมือมืดกำลังระดมเอาน้ำแข็งใส่หลังเพื่อน นี้พวก
มึงคิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่าเหรอว่ะ!!!

ไอ้พวกเอลซ่าปลอมยังไม่เลิกเล่นครับ วิ่งพล่านไปทั่วจับคนนู้นที่คนนี้ที่ใส่น้ำแข็ง พอเป็นแบบนั้นสงครามก็บังเกิดครับตอนนี้น้องๆม.4หลายๆคนกลับบ้านแล้วล่ะครับ กลัวโดนรุ่นพี่(บ้าๆ)แบบพวกผมแกล้ง

“โอ๊ย!!!”

เสียงไอ้อู๋ร้องครางก่อนจะล้วงน้ำแข็งออกจากหลังเสื่อ อันนี้ฝีมือผมเองครับ

ในขณะที่กำลังทำกรรมกับเพื่อนสนิทตัวเองอยู่นั้นเอง เวรกรรมก็ย้อนเข้ามาเต็มหน้าผม ไอ้เวรคนใดสักคนนี้แหละครับ ปาน้ำแข็งมาโบ๊ะเต็มๆหน้า!!!ผมปาดน้ำแข็งก่อนจะวิ่งไปคุ้ยๆหยิบน้ำแข็งในถังมาใส่มือตัวเอง

แล้วมหกรรมปาน้ำแข็งก็เริ่มต้นขึ้น...

“ไอ้เกียร์ มึงนี้เองปากู”

“มึงปากูก่อนว่ะเพื่อน .....โอ๊ย!!!! ไอ้เฟรม กล้ารอบทำร้ายกูเหรอ”

“เออ ทำไมกูต้องไม่กล้าว่ะ”

ไม่ใช่มีแค่พวกผมหรอกนะ ตอนนี้ไอ้พวกม.5หลายๆคนเริ่มๆจะปาใส่พวกเดี่ยวกันเองแล้วครับ มีรุ่นพี่ม.6บางคนมาแจมด้วย แน่นอนว่าพวกผมจัดแจงรับพี่ๆด้วยน้ำแข็ง แน่ละใครมันจะยื่นเป็นเป้านิ่งให้ปาน้ำแข็งใส่ครับ

ตอนนี้รอบตัวผมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พอมองออกไปนอกห้องประชุมก็เห็นไอ้ป้องยื่นเท้าแขนตรงสุดขอบริมระเบียงมองพระอาทิตย์กำลังใกล้ตกอยู่

ความคิดเหรี้ยๆวาปเข้ามาในหัว ก่อนผมจะค่อยๆเดินย่องไปอยู่ด้านหลังมัน วงแขนของผมโอบรัดรอบเอวมันไว้ พอรู้ตัวแล้วมันก็หันมาโวยวายกับผมตาเหลือก

“ไอ้เกียร์ ปล่อย!!!”

ปล่อยก็โง่ดิว่ะ!!!

ผมไม่สนใจเสียงร้องของมัน ปกติแรงไอ้ป้องก็น้อยกว่าผมมากๆอยู่แล้ว แม้จะมีส่วนสูงไล่เลี่ยกันก็เถอะ แต่มันผอมกว่าผมครับ(ย้ำอีกครั้งด้วยความสัตย์จริงว่าผมไม่ได้อ้วนนะ มันแค่ตัวบางกว่าเฉยๆ-3- ) ทำให้ไม่มีแรงพละกำลังจะมาต่อกรได้หรอก
ไอ้ปกป้องดิ้นสู้ผมเท่าที่กำลังมันจะเอื้ออำนวย แต่ยังไงๆก็แพ้อยู่ดี

ผมรวบแขนรวบขามันแบบท่าอุ้มท่าเจ้าหญิงก่อนจะรีบๆเดินไปทางถังน้ำแข็ง พอเห็นแบบนั้นไอ้ปกป้องยิ่งตาเหลือกโพลง ร้องแหกปากส่งเสียงโวยวายด่าทอผม แต่เสียใจด้วยครับไม่มีใครช่วยเหลือมึงได้หรอกเว้ย!!!

“มีอะไรจะสั่งเสียไหมไอ้ป้อง”

“เชรี้ย อย่าเกียร์ กูไม่สบาย”

“ไม่เป็นไร ถ้าป่วยเดี่ยวกูดูแลเอง ฮ่าๆ”

มันสถบก่อนจะพยายามดิ้น แต่เพราะตัวมันเองก็กลัวผมทำตกกระแทกใส่พื่นเหมือนกันเลยดิ้นได้ไม่เท่าไหร่

ผมจัดการให้ไอ้เฟรมไอ้อู๋มาปลดทรัพย์สินมีค่าออกจากกระเป๋ากางเกงมันพอเหลือแค่ตัวเปล่าๆแล้ว ผมกับเพื่อนในห้องก็มายื่นล้อมวง

“สาม สอง หนึ่ง !!! เฮ”

‘ตู้ม’

เสียงเฮของผมกับเพื่อนๆดังขึ้นพร้อมๆกับไอ้ป้องที่โดนโยนเข้าไปในถังน้ำแข็ง มันกระโจนตัวออกมาข้างนอกก่อนจะวิ่งวนไปทั่วระบายความเย็น

“ไอ้...เชรี้ย....เกียร์”

มันด่าผมไปปากสั่นไป ผมกลั่วหัวเราะคนถูกอุ้มลงถังน้ำแข็งไอ้เจ็บนะไม่เจ็บหรอกนะครับ แต่มันหนาว

ใบหน้าจืดๆที่เลอะอยู่แล้วยิ่งเปื้อนหนักกว่าเก่า เพราะน้ำผสมกับแป้งยิ่งกระจายให้หน้ามันเลอะกว่าเดิม ริมฝีปากเรียวเม้าปากไม่ให้สั่นแต่ดูเหมือนจะทนไม่ไหวเท่าไหร่ ใบหน้ามันซีดเซียวเล็กน้อย แววตามันค้อนสะบัดใส่ผม ก่อนจะรีบออกไปอังแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร

“เห้ย จับไอ้เกียร์ไว้”

เวรละครับ!!!

ผมวิ่งหนีไปพวกทโมนนี้ไปรอบๆห้อง เมื่อพวกมันเล็งผมเป็นเป้าหมายต่อจากเพื่อนๆคนอื่นๆที่เริ่มทยอยกันโดนจับลงถังน้ำแข็ง ฮาสุดก็คงจะเป็นพวกแก๊งนางฟ้าที่โดนอุ้มลงพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดแปดสิบเดซิเบล

แต่ต่อให้ผมวิ่งเร็วขนาดไหนก็แพ้พวกมันทั้งห้องอยู่ดีครับ.. T T

“ล็อคขามันไว้”

ไอ้อู๋สั่งการ มันล็อคแขนทั้งสองข้างของผมพร้อมๆกับความช่วยเหลือของเพื่อนๆในห้อง

ตอนนี้ร่างกายผมไร้อิสระ ถูกปลดของมีค่าที่จะพังได้ถ้าเปียกน้ำออกจากตัวก่อนจะถูกยกมายังหน้าถังน้ำแข็ง

“มีอะไรจะสั่งเสียไหมน้องเกียร์”

ไอ้อู๋พูดล้อเลียนผม

“ไอ้กาก แพ้เด็ก”

ไอ้อู๋กัดฟันกรอดคาดโทษผมไว้ ก่อนจะจะทุ่มตัวผมใส่ลงถังน้ำแข็ง

วินาที่แรกที่น้ำเย็นๆเข้ามาในเสื่อ ผมก็ทำแบบเดี่ยวกับไอ้ป้องนั้นแหละครับ คือแทบจะกระโจนคลานสี่ขาออกมาเลยด้วยซ้ำ ในหัวมีแต่ความรู้สึกที่ว่าเย็น หนาว และโคตรจะหนาววววววววและเย็นนนนนนนน

ผมกอดอกตัวเองก่อนจะวิ่งออกนอกห้องไปยื่นข้างๆไอ้ป้องที่ยังดูเหมือนจะหนาวไม่เลิก

“เป็นไงล่ะสัส ต้นคิดดีนัก”

มันสถบใส่ผม ยืนกัดฟันกรอด

“เออ รู้แล้วว่าหนาว”

“เห้ย อย่าเบียดกูดิ”

มันว่าเพราะผมขยับเข้าไปยืนเบียดๆมัน ไอ้เชรี้ย ก็แสงพระอาทิตย์มันส่องอยู่แค่นี้นี่หว่า

“กูก็หนาวนี้หว่า”

“ก็เล่นพิเรนท์เอง...โอ๊ย บอกว่าอย่าเบียด ตัวมึงมันเย็นนะเว้ย”

“ก็มึงตากแดดมานานแล้วมันก็อุ่นนี้หว่า”

มันกรอกตามองผมด้วยความรำคาญก่อนจะยื่นมือมาจับมือผมไว้ แน่ละว่าผมไม่ขัดศรัทธาหรอกเพราะหนาวไปทั้งตัวแล้วจริงๆ มือ
ทั้งสองข้างนี้แทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำ เย็นจนชาอ่ะครับ

“อุ่นยัง ?”

“เออ...ก็...อุ่นดี”

“ให้จับสองข้างเลยไหมล่ะ ?”

ผมตอบมันด้วยการยื่นมือไปกุมมือมันแน่นๆแทน ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ทอดสายตามองไปทางพระอาทิตย์

“อุ่นเนาะ....”

“ก็อุ่นดิ นั้นพระอาทิตย์นี้หว่า”

“ไม่ใช่....”

ใบหน้าจืดๆของไอ้ป้องแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมาชัดเจน ผมยิ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือสองข้างที่ข้างหนึ่งมันกุมผมไว้ ข้างหนึ่งผมกุมมันไว้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาตรงกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาพอดี

...

.

.

.




“กูหมายถึงมึงนะ....โคตรอบอุ่นเลย......”



ไม่มีคำตอบจากปากมัน ก็อย่างว่าแหละ ปกติมันก็ไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้วนิครับ

ผมกับไอ้ป้องยืนอังไอแดดจากพระอาทิตย์ที่จวนเจียนจะลับขอบฟ้า จนกระทั้งแสงสว่างสุดท้ายจางหายไป

“ป้อง...”

“ห๊ะ... ?”

“พระอาทิตย์นี้ สวยขนาดนี้เลยเนาะ”

ผมพูดลอยๆ มองพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตกลงไป

“ธรรมชาติสวยงามเสมอ”

นั้นคงเป็นคำพูดสุดท้ายของมันที่ตอบผมกลับมา

ไม่มีคำพูดใดๆอีก ผมทอดสายตามองวิวไปเรื่อยๆมือทั้งสองข้างก็ยังกุมมันไว้และยอมให้มันกุม ผมเห็นเด็กๆในสนามกีฬาด้านล่างเหลือน้อยเต็มที่ นกน้อยเริ่มบินกลับรัง อาจารย์บางท่านเริ่มทยอยกลับบ้าน เสียงดังจากในหอประชุมเล็กยังเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินบ้างในบางจังหวะผมได้ยินเสียงไอ้อู๋กรี๊ดด้วยแหละ คาดว่ามันคงจะโดนกรรมตามทันแล้วแน่ๆ(สาบานว่านี้คือเด็กม.ห้าที่เตรียมตัวแอดในปีหน้าและจะบรรลุนิติภาวะกันแล้ว...อาเมน)

แม้ทุกสิ่งจะเคลื่อนไหวไป แต่ผมกับมันเลือกที่จะหยุดนิ่ง.....

แค่หยุดอยู่นิ่งๆมองทุกสิ่งไปเรื่อยๆ

ผมเพิ่งรู้วันนี้แหละครับว่ามือของคนเรา

มันอบอุ่นขนาดนี้เลยแหะ.....


"Nature is as complex as it need to be…. and no more." #ก้องเกียรติ์


TBC.


เราพยายามมาเรื่อยๆ เท่าที่เวลาและโอกาสจะเอื้ออำนวย อยากลงน้องๆให้จบก่อนสอบกลางภาค  :mew2: เก๊ากลัวไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เพราะงั้นจะพยายามมาไวๆนะ  :z2:


ปล.ประเด็นที่ว่าป้องหรือเกียร์ ใครกดใคร.....

..

.
.

.
.



ไม่บอก  แบร่ :laugh5:


-fuku

หนทางยังอีกยาวไกลงับบบ   :mc2:

-hoshinokoe

จะมีเยอะขนาดไหน ติดตามชมตอนต่อไป  :laugh3:

-B52

เราพยายามให้น้องๆค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะเออ   :katai5:

-dekzappp

รับประกันว่าน้องป้อง ได้ 'ปกป้อง'แน่ๆงับ  :a1:

-praewp

แตกต่างชอบแกล้งคนอ่าน ตัดจบดื้อๆ :oni1:

-snowboxs

จัดไปอย่าได้เสีย!!!!

-เสน่ห์นางนวล

หึหึหึ  :interest:

-Inwoสูs

มองไปเรื้อยๆ เบื่อก็รัก...

เอ๊ะ ยังไงๆ  :o9:

-IsDeer

คู่พี่เซียร์กับน้องเพลงนี้ เราวางแพลนอยากจะแต่งตอนที่เรื่องนี้จบแล้วจ้า แต่คิดพล็อตคร่าวๆไว้แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ให้นายเซซิลเป็นตัวประกอบที่โคตรจะสำคัญไปก่อนนะ อิอิ :m4:


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ด้วยความหวังดีเป็นอย่างยิ่ง เราอยากเตือนว่า...

อย่าพลาดตอนหน้านะเออ !!!!!!!!!!!!!!!

เราเตือนคุณแล้วนะ :m26:

ปลปล. กรุณาเตรียมผ้าเช็ดเลือด :m29: ก่อนกดเข้ามาอ่านนะแจ๊ะ หึหึหึ.....
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-06-2014 16:20:18
แอบอ่านมาหลายตอนแล้ว

ความสัมพันธ์พัฒนาขั้นเยอะเลยนะเกียร์ป้อง
อ่านแล้วฟิน ยิ้มตามได้
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 27-06-2014 18:03:21
ป้องจ๋าาาา  :hao7:  ผู้ชายอบอุ่นเค้าชอบ มามะๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-06-2014 18:41:03
โอ้ยฟิน พอจะเดาออกแล้วว่าใครจะโดนกด(เดา)

ว่าแต่คู่ศึกแหวนสีดำเมื่อม ก็น่าลุ้นอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 27-06-2014 19:19:44
น้องป้อง น้องเกียร์มีเพจแล้วนะครับบบบบบบ

https://www.facebook.com/PokpongGonggend?skip_nax_wizard=true&ref_type=logout_gear

เข้ามาป่วนกันได้จ้า   :really2:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 27-06-2014 21:21:30
โอ้ววว
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆเลยคะ ♥
แอบเชียร์ให้ป้องเมะนะเนี่ย แต่คงไม่ขึ้น ฮรึก
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-06-2014 00:24:10
ค้างต่อ ค้างทันที
อูวววมุมหวานๆ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 28-06-2014 00:26:13
อ่านๆำป รุ้สึกว่า ปกป้อง จะโดนกด เข้าทุกวัน
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-06-2014 08:07:02
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พวกเอลซ่าเล่นอะไรกัน

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย  :jul1:
ช่วงท้ายทำเอาฟินนาเล่อีกแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| _: #12คลื่นลูกใหม่ น้ำแข็ง และอุ่นเนาะ.. <27/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-06-2014 14:06:15
เห็นเล่นสนุกแบบนี้แอบคิดถึงบรรยากาศช่วงเรียนม.ปลายของตัวเอง นึกๆแล้วมันมีความสุขดีนะ
หัวข้อ: Re: ;_...._____เก็บ....|รัก| ___: #13ป่วย ก้อนกรวด และ เล่นพิเรนท์ <28/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 28-06-2014 21:29:52
#13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์

แสงอาทิตย์ที่รอดผ่านม่านเป็นสิ่งที่ปลุกผมจากการหลับไหล...

เมื่อวานนี้หลังจบรับน้อง ผมกับไอ้ป้องก็กลับบ้านกัน มือเย็นของผมกับมันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ไข่เจียวคนละแผ่น(แน่นอนว่าผมเบิ้ล) แล้วก็ขึ้นนอนกันเลย

ผมขยับตัว บิดๆก่อนจะมองนาฬิการิมผนังห้อง

7.45น.!!!!

ผมตาโตเท่าไข่ห่านก่อนจะตะโกนแหกปากเรียกไอ้ป้อง เพราะเมื่อคืนนี้เพลียพอๆกันทั้งคู่สินะ ผมกับมันถึงได้หลับเป็นตายแบบนี้
น่าแปลกที่ทั้งๆผมตะโกนปลุกมันแล้วแต่เจ้าของร่างนั้นยังไม่ตื่น

"ป้อง ไอ้ป้อง ตื่นๆ สายแล้ว"

พอตะโกนไม่ได้ผลผมเลยปีนลงไปหามันด้านล่าง พอเรียกมันใกล้ๆเจ้าของชื่อถึงได้ยอมยันกายลุกขึ้นมาสักที่

"เจ็ดโมง...แล้ว...เหรอ"

มันพูดเสียงขาดห้วงแหบๆเป็นระยะๆใบหน้าจืดๆก็ดูอ่อนเพลียกว่าปกติ ในขณะที่มันกำลังจะเดินผ่านผมไปห้องน้ำ ร่างทั้งร่างของไอ้ป้องก็ล้มลงทั้งยืน ดีแต่ว่าผมรับร่างของมันทัน

"เห้ย!!! ไหวไหมมึง?!?"

ผมประครองมันนั่ง ไอ้ป้องพยายามพยักหน้าว่ามันไหว มันยันตัวจะลุกแต่ก็ล้มฟุบกับเตียง ผมเห็นแบบนั้นเลยเอามือไปอังที่หน้าผาก

ร้อน!!!!

ตัวมันร้อนมากเหมือนเตาไฟที่เพิ่งเปิดใหม่ๆเลยครับ

"พอเลย ไอ้ห่า มึงเป็นหนักขนาดนี้ยังจะเสือกหวงเรียนอีก หยุดพักเหอะ"

ผมจับมันนอนดีๆ ใบหน้าจืดๆนั้นส่งเสียงประท้วงผม

"ไม่...ได้...วัน...นี้..ประชุม..."

"จะปลาชุมปลาน้อยกูไม่สนหรอก แต่แค่จะลุกขึ้นมึงยังทำไม่ได้เลย"

คนป่วยยังคงดื้อเสมอต้นเสมอปลาย มันพยายามยันตัวลุกขึ้นจนเหงื่อไหลไคล้ย้อยไปทั้งตัว ผมกดปิดแอร์ก่อนจะยกพัดลมตัวเล็กมาเปิดให้มัน แต่ดูเหมือนคนป่วยยังดื้อไม่เลิก

ผมไม่พูดอะไรเพราะเริ่มรู้จักนิสัยมันดีขึ้นเรื่อยๆเลยยืนกอดอกมองดูมัน ปกป้องเป็นคนที่อยากจะทำอะไรก็จะพยายามที่จะทำ มันดื้อและหัวแข็งมากถึงมากที่สุดที่ผมปล่อยไม่ใช่อะไรนะครับ แต่เดี่ยวมันก็เลิกเอง และดูจากสภาพตอนนี้แล้วไม่นานนักหรอกครับ
หลังพยายามมานับสิบนาที ในที่สุดคนป่วยก็หายบ้ายอมนอนสงบๆจนได้แต่กระนั้น ปากก็ยังพะงาบๆ ใบหน้าจืดๆซีดกว่าทุกวันมากริมฝีปากก่องจางมองเห็นเป็นสีคล้ำๆจนผมเริ่มเป็นห่วงอาการ

"กูว่าไปหาหมอดีกว่า"

ผมพูดขึ้นหลังดูอาการมัน แน่นอนว่าคนป่วยค้านหัวชนฝา

"ไม่...เอา เดี่ยวนอนพักก็หาย"

มันพูดขึ้นอย่างยากลำบาก ตาเองก็ปรื้อๆเต็มแก่

ผมเกาหัวระคนหงุดหงิดไอ้ดื้อนี้แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะห่มผ้าห่มผืนบางๆให้มัน

"นอนซะ"

ผมสั่ง มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะปิดเปลือกตา

ตาปิด.... แต่ปากก็ยังพะงาบออกมาอยู่ดี

"เกียร์"

"ก็บอกให้นอน"

ผมจุ๊ปากดุมัน ไอ้ป้องยกมุมปากเป็นเชิงขำผมนิดๆก่อนจะพูดกระท่อนกระแท่นต่อ

"ช่วยกูหน่อย"

"ช่วย?"

มันพยักหน้ายืนยันคำพูดก่อนจะพูดต่อ

"เอาผังงานไปส่งพี่กาเซียร์ให้หน่อย"

"แค่เนี้ยเหรอ ที่มึงพยายามลุกขึ้นตั้งหลายรอบ?"

ผมพูดเสียงเครียด นี้เองสินะที่ทำให้มันจะไปโรงเรียนให้ได้

"ในผังงาน...มันมีกำหนดการวันทานาบาตะ"

มันพูดกระท่อนกระแท่นต่อก่อนจะยกแขนปิดตาตัวเอง

“แล้ว....?”

"กูอยากเห็นมึงใส่ชุดยูกาตะ..."

ผมนิ่งเงียบ สมองประมวลผลข้อมูลไม่ทันเสร็จมันก็พูดต่อเพียงแต่พูดเบามากจนหูผมแทบจะไม่ได้ยิน

..........แต่ใจผม กลับฟังได้อย่างชัดเจน...

..

.

.

"ก็ถ้ามึงใส่...กูคงละสายตาไม่ได้"


คนป่วยพูด เสหน้าไปทางอื่น ใบหน้าซีดๆนั้นก็ดูจะแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งๆที่ป่วยแต่ก็ยังอยากจะเอาผังงานไปส่ง เพื่อที่แค่จะได้เห็นผมใส่ชุดยูกาตะ...

คิดแค่นั้นความรู้สึกของผม เหมือนมีผีเสือเป็นพันๆตัวกระพือปีกในท้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเดินไปใส่เสื่อกับสะพายกระบอกผังงานตั้งแต่ตอนไหน

"นอนพักไป เดี่ยวจะรีบกลับมา"

"มึงจะไปส่งให้กูเหรอ?"

คนป่วยลืมตาขึ้นมองผมด้วยแววตาประหลาดใจ

"รักษาคำพูดตัวเองด้วยแล้วกัน"

มันทำหน้าไม่เข้าใจคำพูดของผมเห็นแบบนั้น ผมเลยอมยิ้มก่อนจะพูดเจ้าเล่ห์เลียนแบบมัน

...

.

.

"ก็ถ้าวันทานาบาตะ มึงไม่'มอง'กูตลอดเวลา...น่าดู"

ไอ้ป้องดึงผ้าห่มปิดหน้า บ่นผมเสียงอู้อี้ว่าแกล้งมัน พอผมจะเดินออกจากห้องมือมันก็กระตุกรั้งผมไว้ก่อน

"เอานี้ไปด้วย จะได้สะดวกๆ"

มันยื่นวัตถุบางอย่างลงบนฝ่ามือของผม วัตถุที่คล้ายกันกับของๆเพื่อนสนิทที่ถูกชิงไปเมื่อวาน เพียงแต่ของป้องมันเป็นสีขาว

แหวนแห่งเทพปัญญา...

ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในอก

แหวนวงนี้สำคัญสำหรับมันมาก แต่กลับเลือกที่จะให้ผมถือโดยไม่กลัวว่าผมจะยึดแหวนมันไว้....การที่ไอ้ป้องถอดแหวนให้ผมแบบไม่ลังเลเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า

มันเชื่อใจผม...

ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องพอปิดประตูสนิทก็อดไม่ได้ที่จะเปรยออกมา

"ถ้ามึงทำแบบนั้นตั้งหากถึงจะเรียกเสมอ เพราะตลอดเวลากูมองแค่มึงนี้หว่า"

ผมสาวเท้ายาวๆก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้าย รู้สึกแปลกๆนิดๆเวลาจับแฮนด์Carเพราะนิ้วมือไม่เคยชินกับเครื่องประดับแต่ก็เลือกที่จะใส่ตามเดิม ปกติแล้วผมมันจะรำคาญพวกแหวนพวกนี้นะครับ มันทำให้ผมจับแฮนด์ไม่ถนัด

แต่สำหรับวงที่กำลังใส่อยู่วงนี้...

...ถือซะว่าเป็นข้อยกเว้นแล้วกัน

ผมบิดมากพอสมควรเพราะใจอยากรีบกลับไปดูแลไอ้คนป่วยแสนดื้อต่อประกอบกับวันนี้ถนนโล่งเป็นพิเศษใช้เวลาไม่นานก็ถึงหน้าโรงเรียน

ผมยกมือข้างซ้ายโชว์แหวนสีขาวให้น้ายามหน้าโรงเรียนเห็น ก่อนแกจะเปิดที่กั่นรถให้ผมขับเข้าไป ผมขับรถไปจอดบริเวณของพวกคณะกรรมการนักเรียนก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไป...ไม่ค่อยแปลกใจนักหรอกครับที่คนในโรงเรียนจะมองเพราะผมใส่แค่ชุดไปรเวทมานิ

ผมพยายามเดินลัดเลาะไปเส้นทางที่คนน้อยๆเพราะเริ่มรำคานสายตาและอยากรีบกลับเต็มแก่แล้ว

ห้องคณะกรรมการนักเรียนอยู่ที่ชั้นเจ็ดตึกเจ็ด ผมกดลิฟต์เฉพาะของพวกกรรมการนักเรียน พอเข้าไปก็เจอกับพวกรุ่นพี่คณะกรรมการ ผมยกมือไหว้ตามมารยาท พวกรุ่นพี่เองก็ยกมือรับไหว้งงๆที่เห็นผมเปิดลิฟต์ตัวนี้ได้และยิ่งประหลาดใจที่เห็นผมสวมแหวนสีขาว แน่นอนว่าผมไม่คิดจะอธิบาย ใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่สนใจคือเลขชั้นที่ระบุว่าผมมาถึงแล้ว

ประธานนักเรียนของโรงเรียนเพลินจิตวิทยาล้วนแล้วแต่มีห้องส่วนตัวของตัวเองร่วมทั้งประธานคนปัจจุบันกาเซียร์ เซซิล
ผมเดินไปที่หน้าห้องที่เขียนไว้ว่า’กาเซียร์ เซซิล’ พอยกแหวนตรงกับระดับเลเซอร์ตรวจตราประตูก็ค่อยๆเปิดออก

ผมก้าวเข้าไปด้านใน สภาพภายในห้องนี้ไม่ได้คล้ายห้องทำงานสักเท่าไหร่หรอกนะครับผมรู้สึกเหมือนคอนโดหรูสักยูนิตหนึ่งซะมากกว่า

"ส..สวัสดีครับ มาหาพี่เซียร์เหรอครับ? "

ผมยกมือรับไหว้เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง ไม่รู้จักชื่อหรอกนะครับ แต่ถ้าดูจากลักษณะแล้วคงเป็นแฟนของพี่กาเซียร์ น่ารักพอๆกับไอ้ต้องตาแต่ดูใสซื่อและไม่เจ้าเล่ห์เท่าไอ้นั้น

นิ้วมือเล็กๆชี้ไปทางซ้ายมือ ก่อนปากจะพูดโชว์เขี้ยวข้างเดี่ยวให้ผมดูอีกรอบ

"เดินเข้าไปหาได้เลยครับพี่เซียร์อบแพนเค้กอยู่ในครัว "

"อื้ม ขอบใจนะ"

"ครับ"

ความจริงๆก็อยากจะคุยต่อนะครับ แต่รีบจริงๆ

ผมก้าวไปทางซ้ายก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน

ผู้ชายคนนั้นยืนฮัมเพลงในภาษาที่ผมไม่รู้จัก พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันมามองผม เขาไม่ได้พูดอะไรไม่มีกระทั้งสีหน้าแปลกใจหรือว่าสงสัยใดๆด้วยซ้ำ

"สวัสดีครับ คุณกาเซียร์ เซซิล"

"ดีจ้า ไม่ต้องเรียกเต็มยศก็ได้นะ นั่งก่อนสิ"

อีกฝ่ายทักทายกลับด้วยท่าที่สนิทสนมก่อนจะปิดแก๊สไฟฟ้าแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม

"ปลื้มคุงไม่สบายเหรอ?"

“ปลื้ม ?”

ผมทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนพี่เซียร์จะคลี่ยิ้มลึกลับออกมา

“เราหมายถึง ปกป้องนะ หรือจะเรียกว่าป้องคุงก็ได้”

ผมพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ

"ครับ เขาวานผมนำมาให้นะครับ"

พี่กาเซียร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะยกส้อมจิ้มลงบนแพนเค้กแล้วเคี้ยวตุ้ยๆเต็มสองแก้ม

ถ้าไม่ติดว่าคนๆนี้เป็นประธานนักเรียน ผมคงหัวเราะขำไปแล้วละครับกับสภาะพี่มันในตอนนี้

"คนเรามีหลากด้านเสมอเกียร์คุงนายอาจเห็นแต่ด้านที่เราดูน่าหวาดกลัว แต่ด้านแบบนี้ที่นายไม่เห็นก็มีใช่ไหมล่ะ?"

"ครับ"

ไม่ค่อยเข้าใจที่พูดหรอกนะครับ ผมแค่ต้องการรีบกลับ

"ก้อนกรวด...น่าสนใจตอนไหนเหรอเกียร์คุง?"

เขาพูดช้าๆ ส้อมในมือซ้ายยังคงถือจิ้มลงไปที่แพนเค้ก

"ผมไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดครับ"

"อ่า...เราพูดเข้าใจยากไปสินะ เอางี้ เกียร์คุง...คิดไงกับป้องอ่า"

คำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะโดนถามดังตอบมา ผมขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะตอบคำถามนี้ไป

"แล้ว...มันเกี่ยวอะไรกับพี่เหรอครับ?"

พี่กาเซียร์ไม่ได้แสดงสีหน้าโมโหที่โดนย้อนแม้แต่น้อย กลับกัน แกหัวเราะร่วน

"ก็เปล่าหรอก ก็แค่สงสัยว่าเกียร์คุงจะ'รับ'ไหวรึเปล่า ถ้าสิ่งที่เลือกมันหนักอึ่ง ทั้งๆที่เป็นแค่ก้อนกรวด"

"ไม่ใช่หรอกครับ"

"...."

"จะก้อนกรวด เศษหิน หรือดินปูน ผมก็ไม่สนใจนักหรอกครับ ขอแค่เป็นป้องก็พอ"

"งั้นเหรอ..."

แกหลับตาพยักหน้ารับตอบกลับ ผมลุกขึ้นวางกระบอกผังงานเอาไว้ก่อนจะยกมือไหว้

"ผมขอตัวก่อนนะครับ...อ้อ ถ้าเป็นปกป้อง เขาไม่ใช่ก้อนกรวดหรอกครับ คนๆนี้คือ'ครอบครัว'ของผม มีค่ามากกว่าดาวหรือเดือน"
"...."

"ผมหวังว่าคุณกาเซียร์คงเข้าใจและไม่พูดแบบนั้นกับคนในครอบครัวผมอีก เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นแบบไอ้ป้อง"

ผมพูดเสียงแข็งขึ้น รู้สึกไม่ชอบคนๆนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แค่พูดถึงไอ้ป้องในทางที่ไม่ดี

ผมก็ไม่ชอบแล้วล่ะ....

"จ้าๆ ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดเลย ก็ปลื้..เอ๊ยป้องคุงเขาชอบบอกว่าตัวเองเป็นก้อนกรวดนิหน่า... ฝากบอกป้องคุงด้วยว่าหายไวๆนะ อ้อ ๆส่วน'เรื่องนั้น'บอกไปด้วยว่าพี่อนุญาต"

พี่กาเซียร์พูดเสียงหวานก่อนจะขยิบตาให้ผม

"เรื่องนั้น?"

"อื้ม 'เรื่องนั้น'นั้นแหละ"

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะขยายความผมจึงก้าวเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงคำถามที่อยู่ในใจ

เรื่องนั้นเรื่องไหน...

กลับไปค่อยถาม(เคลียร์)กับไอ้ป้องและกัน

ผมเดินออกมาจากนอกห้องครัว เห็นน้องเพลงนั่งดูหนังอยู่ เด็กคนนั้นพอเห็นผมเดินออกมาก็ส่งยิ้มซื่อๆให้

“อย่าไปถือสาพี่เซียร์เองนะครับ แกชอบหยอกเล่นไปงั้นแหละ”

น้องมันพูดเบาๆก่อนจะโบกมือให้ผม อาจจะเพราะระยะห่างที่ไม่ไกลกันมากน้องเพลงเลยได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับพี่เซียร์

“ครับ พี่กลับก่อนนะ”

“โชคดีครับพี่”

น้องเพลงยกมือไหว้ผม ก่อนจะหันไปสนใจหนังการ์ตูนที่ฉายอยู่ตอนนี้ต่อ

ผมเดินลงมาจากตึกด้วยเวลาที่ไม่นานนัก ระหว่างทางขากลับก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ผู้ชายหน้าจืดๆคนหนึ่ง โลกส่วนตัวสูงสัสๆ ไม่ค่อยพูดจาอะไรกับใครมากมาย โกรธคนยาก จุดเดือดสูง และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ชอบอยู่เงียบๆรักสงบ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ชีวิตไม่หวือหวา....

ก้อนกรวดงั้นเหรอ....

ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีสิครับเป็นแค่ก้อนกรวดธรรมดาและไร้ค่า...

ผมคงจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วง...........

ว่าจะมีใคร....สนใจมัน



ผมบิดCbrเร็วขึ้นกว่าเก่านิดหน่อย แวะตลาดยามสายหาซื่อข้ามต้มเนื้อปลาให้มันพร้อมๆกับแวะร้านยา ซื่อพวกยาลดไข้แผ่นเจลแปะหน้าผากอะไรพวกนี้ไปเพื่อๆก่อนจะขับกลับบ้าน

ไอ้ป้องยังนอนอยู่ที่เดิม เพียงแต่ตัวมันร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

“ป้อง”

ผมสะกิดเรียกมันเบาๆ เจ้าตัวพยักหน้าน้อยๆเป็นสัญญาณว่ารับรู้การกลับมาถึงบ้านของผม

“กินข้าวก่อนไหม ? กูซื้อข้าวต้มมาฝาก”

รอบนี้มันส่ายหน้าแทน เหงื่อยังผุดขึ้นมาตามใบหน้า

ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะเดินไปวางถุงข้าวต้มไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแทน สมองก็คิดถึงวิชาสุขศึกษาที่ได้เรียกมาสมัยเด็กๆ ในมือของผมถือกะละมังน้ำที่ผสมกับน้ำอุ่นไว้นิดหน่อยกับน้ำเย็นในห้องน้ำ ผ้าขนหนูพื้นเล็กถูกซับให้หมาดๆก่อนจะเดินกลับมาหาคนป่วยที่เตียง

ข้อแรก เขาบอกกันว่าให้ลดความร้อนในร่างกายของคนเราเวลาป่วยด้วยการเช็ดตัว

ผมนั่งลงข้างๆมัน ก่อนจะดึงเสื่อกล้ามสีขาวมันขึ้น คนป่วยสะดุ้งตัวลืมตามองผม

“ทำ...ไร”

“จะเช็ดตัวให้ ตัวมึงมันร้อนมาก เข้าใจ๋”

ไอ้ป้องยอมให้ผมถอดเสื่อดีๆแต่พริบตานั้นมันก็ลืมตาอีกรอบ

“เกียร์”

“อะไร”

มันถลึงตามองผมก่อนจะพูด

“เสื่อไม่ว่า แต่บ็อกเซอร์กู...ไม่ต้องถอดก็ได้มั่ง”

“จะเช็ดก็เช็ดทั้งตัวไง มึงจะอายอะไร ถอดโชว์กูมาแล้วก็ยังเคย”

ไอ้ป้องสะอึก มันพยายามจะแย้งแต่ผมไม่รอมันพูดต่อหรอก

ขนาดเวลาสบายดีๆปกติไอ้ป้องมันยังสู้แรงผมไม่ได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวเลยว่าเวลาป่วยนี้จะขัดขืนไหว สุดท้ายไม่เกินสามนาที่มันก็ลอกคราบเหลือแต่ตัวเปล่าๆ

ไอ้ป้องพยายามยกแขนสองข้างของมันมากุมป้องน้อยไว้  แต่เพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปเลยปิดไม่มิดเท่าไหร่ ผมเห็นแบบนั้นเลยผิวปากแกล้งมัน

“จะเช็ดก็รีบๆเช็ดดิว่ะ”

มันสถบพูดออกมารั่วๆ แต่มือทั้งสองข้างยังกุมป้องน้อยไว้

“มึง”

“อะไร...”

“ไม่ได้มาสเตอร์เบสมากี่วันแล้ว”

หน้าไอ้ป้องที่ตอนแรกแดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำ มันค้อนผมตาจะหลุดก่อนจะพูดเสียงต่ำ

“ทะลึ่ง”

“เอ้า ด่ากูอีก กูพูดเรื่องธรรมชาติ”

ผมค่อยๆบิดผ้าขนหนูก่อนจะเช็ดใบหน้าซีดๆนั้น มันหลับตาปี๋เพราะไม่คุ้นชินกับสัมผัสแบบนี้ ก่อนมือของผมจะไล่ไปตามเนื้อตัวมัน

ใบหน้า...

ลำคอ....

หน้าอก....

หน้าท้อง....

ไล่ลงมาถึงช่วงล่าง….

ผมรู้ว่าพูดไปคงมันคงไม่ยอมผมแน่ๆ เห็นแบบนั้นผมเลยไขว้แขนของมันทั้งสองข้างเอาไว้

“เห้ย เกียร์ เล่นเหรี้ยไร ???”

มันร้องเสียงหลง ตาโตมองการกระทำอุจอาจของผมที่ทำกับมัน ผมไม่สนใจคำประท้วงนั้นโยนผ้าไปข้างๆเตียงก่อนปลายนิ้วจะไล่วนแถวๆหน้าท้อง

ไอ้ป้องสะดุ้งตัวนิดๆ พยายามจะดึงแขนออกจากมือผม แต่เพราะแรงที่เหลือน้อยยิ่งกว่าน้อยเลยทำให้ดิ้นไปมา สุดท้ายกลายเป็นมันดันตัวลุกขึ้นมานั่งได้แต่ก็ขัดขื่นผมไม่ได้อยู่ดี

“อยู่นิ่งๆดิ”

“เกียร์...อย่าเล่นแบบนี้”

พริบตาเดี่ยวที่ผมคลาดสายตา มือสองข้างที่ผมคิดว่ามีแรงน้อยกว่าผมก็ผลักผมลงไปนอนกับพื้นเตียง ก่อนไอ้ป้องจะขึ้นมาคร่อมผมไว้

ดวงตาสีดำสนิทมองผมในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเอนหน้าลงมากระซิบเสียงเย็นข้างหู

“ที่บอกว่าอย่าเล่นแบบนี้นะ...กูบอกเพราะเป็นห่วงมึงหรอกนะ...เกียร์”

“................”

“ระวังเหอะ เล่นมากๆ ถ้ากู’อยากเล่น’เมื่อไหร่...มึงอย่าโวยนะ”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งสีหน้า แววตาและคำพูดของมันที่พูดออกมาไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย ร่วมทั้งไอ้แรงที่ผลักผมนั้น...มันคืออะไร

ผมนิ่งเงียบ ไม่กล้าขยับตัวเพราะมันนอนทับแบบนั้นอยู่ ไอ้ป้องเงียบไปนานมากจนกระทั้งผมได้ยินเสียงลมหายใจเข้า-ออกเป็นช่วงๆ...

หลับไปแล้ว....

ผมถอนหายใจ ดันคนที่หลับไปแล้วให้ลงจากร่างของตัวเอง ก่อนพลิกตัวให้มันนอนหงาย แล้วห่มผ้าห่มให้ดีๆ

ใบหน้าของมันยังคงหลับตาสนิท หายใจเข้าออกอย่างสงบ สวยทางกับใจของผมที่ยังเต้นแรงจากเหตุการณ์เมื้อกี้...

ผมว่าผมเองก็ควรจะเล่นพิเรนท์ๆกับอีกฝ่ายให้น้อยลงแล้วล่ะเพราะกลัวจริงๆว่าถ้ามัน’อยากเล่นจริงๆ’

ผมจะโดนอะไรบ้าง....

ผมสองมือผมเกาหัวตัวเองหน่อยๆก่อนจะนึกถึงขั้นตอนดูแลคนป่วย

ก็ข้อสองเขาบอกว่าให้ทำให้คนป่วยมีความสุขนิครับ

ผมทำผิดตรงไหน..... ?

ก็เวลาผมทำแบบนี้ที่ไหร่ผมก็มีความสุขทุกที่....



TBC.

ปรับเปลี่ยนฉากนิดหน่อย ตัดเอาส่วนที่คิดว่าไม่โอเคออกเน้อ  :bye2:








 



หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 28-06-2014 21:59:49
เฮ้ยยยย  :m25:  เผลอแปปเดียวเกียร์ อย่าทำอีกนะ เค้าไม่ยอมมม  :z3:  ต้องให้ป้องทำให้สิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-06-2014 22:12:31
โหเกียร์ ข้อสองนี่สงสัยจะมีแต่นายที่คิดแบบนี้
แต่ว่าเจอตอนนี้เล่นเอาเงิบเลย จากที่เดา น่ากลัวจะพลาด
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-06-2014 22:31:59
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 28-06-2014 22:42:46
ชอบเวลาป้องรุกอ่ะฟิน :hao7:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 28-06-2014 23:08:02
 : อ่านไปอ่านมาแล้วรู้สึกไม่โอเค พรุ่งนี้เดี่ยวต่างจะรีไรท์นะครับ รู้สึกไม่โอเคแหะ พอไม่สบายแ :เฮ้อ: ล้วเขียนไม่โอเคเลย Y Y
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2014 00:36:42
อ่า ให้ลุ้นสะเหนื่อย หลับสะงั้น
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-06-2014 01:11:37
ระวังคดีจะพลิกนะเกียร์ แฮ่ก ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-06-2014 01:46:18
"สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้าย "  นี่ในใจเกียร์มันยอมรับว่ารักป้องแล้วใช่มั้ย :heaven

ว๊ายยยยยยยย  :jul1: อยู่ๆเอ็นซีก็มา
เชียร์ป้องกดเกียร์เต็มที่  :z2:
หัวข้อ: Re: ;_....__เก็บ....|รัก| __: #13ไอ้ป้องป่วย ก้อนกรวด และเล่นพิเรนท์ <28/06/57>p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 29-06-2014 11:53:57
#14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก

ตกเย็นของวันนี้ ไอ้ป้องสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก่อนมันจะโซ้ยข้าวต้มเอาเป็นเอาตาย ก็สมควรอยู่หรอกครับ คุณชายป้องแกไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้านิ ผมนึกขำนั่งมองคนป่วยเคี้ยวข้าวต้มตุ้ยๆ แก้มย้วยๆพอเห็นผมมองก็ค้อนสะบัด

"สัญญา ไม่แกล้งแล้วจริงๆ"

มันทำเป็นเมิน หันหน้าหนีผมไปทางอื่น

"จะให้'ช่วย'อีกรอบไหมล่ะ?"

รอบนี้คนถูกจี้จุดสะอึก ก่อนมันจะโชว์นิ้วกลางใส่ผม

"ถ้าอยากนักก็ไปทำคนเดี่ยวเหอะ"

มันด่าไปกินไป

"ถามจริง มึงจะอายทำไมว่ะ ถ้ากูเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง"

มันชะงักช้อนที่เตรียมจะใส่เข้าปากมองผมนิ่งๆ

ที่ผมพูดนี้คือเรื่องจริงนะครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าสังคมอื่นเป็นแบบไหน แต่กับพวกทโมนอย่างพวกผม การช่วยเหลือตัวเองหรือการมีsexไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่ารังเกลียด เพียงแค่ต้องรู้จักการป้องกันตัวเอง รักสนุกได้แต่ต้องดูแลตัวเองเป็น ไม่ใช่รักสนุกแต่เจือกป้องกันไม่เป็น อย่างผมเงี้ย ถุงยางซื่อใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ทุกเดือน สำหรับผมเป็นเรื่องธรรมดานะ

แต่ผมเองก็ลืมไปว่า ไอ้ป้องมัน'ต่าง'จากผม

"หรือว่ามึงยังไม่เคยมีอะไรกับใคร? "

ผมพูดแหย่มันเล่น แต่คนโดนแหย่กับสะดุ้งตัวไปกับคำพูดของผม

ไอ้ป้องหน้าแดงก่ำ ไม่ตอบผมแต่ตักข้าวเข้าปากรัวๆแทน(นี้มึงแก้เขินหรือมึงหิว ?)

นี้ตกลง... มันยัง'บริสุทธิ์'อยู่จริงๆเหรอครับ???

ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นักหรอกครับ ว่าเด็กรุ่นๆพวกผมสมัยนี้ยังมีคนที่ไม่เคยอยู่ คือผมพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนให้มีอะไรกันนะครับ แต่เชื่อผมเหอะทุกสิ่งมันมีความหมายในตัวมันเองทั้งนั้น

"เอาไหมละมึง เดี่ยวกูหาหญิงให้สักคน ฮ่าๆ เดี่ยวพอถึงเวลาแล้วไม่เป็นงานนี้แย่นะ"

ผมพูดหยอกเล่นแต่คนถูกหยอกไม่ขำไปกับผม

ไอ้ป้องวางช้อนลงกับชามก่อนจะมองหน้าผมจริงจัง

แววตาสีดำสนิทมองผมด้วยความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจ คิ้วของมันขมวดเข้าหากันเป็นปม สุดท้ายมันก็เลือกที่จะเงียบ วางช้อนลง
แล้วเดินหนีผมไป...

เป็นอีกครั้งที่ผมได้แต่สงสัยว่าผมพูดอะไรผิด?

เป็นเพื่อนกับไอ้ป้องนี้ลำบากจริงๆครับ ผมเดาอารมณ์มันไม่ถูก ก็บางวันมันก็ทำตัวง่ายๆให้ผมอ่านออก บางวันมันก็'ซ่อนตัวตน'จนผมสับสน

ต้องรู้จักกันขนาดไหนเหรอครับ ถึงจะเข้าใจมันได้

นี้คือคำถามที่ผมตอบไม่ได้จริงๆ....




   
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




วันเวลายังคงหมุนต่อ ตอนนี้ย่างเข้าเดือนเจ็ดแล้วครับ

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม......

ผมกับมันยังไปโรงเรียนด้วยกัน วันไหนที่มันมีประชุมตอนเช้ามันก็ฝากจาคอปไปเก็บกับผม ตกเย็นก็กลับบ้านด้วยกันบางครั้ง มันยังคงสอนการบ้านในเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ผมยังคงแกล้งมัน กวนมันเป็นระยะๆ

สิ่งเดี่ยวที่ขาดหายไปคือรอยยิ้ม...

จะว่าไปก็ลืมถามมันเลยเกี่ยวกับเรื่องจาคอปเก่าๆนี้กับเรื่องใบตารางนั้นอีก ตั้งแต่วันรับน้องก็ว่าจะถามแล้วดันลืมไปซะก่อน
ไอ้ป้องเริ่มมีพัฒนาการด้านสังคมมากขึ้นตามลำดับ จากเดิมที่ไม่ค่อยมีใครยุ่งกับมัน แต่นับจากวันที่ผมปามันลงถังน้ำแข็ง เพื่อนๆหลายคนก็เริ่มกล้ากวนตรีนมันมากขึ้น(ตกลงมันดีหรือไม่ดีว่ะ555)ไอ้ป้องเองก็ตอบสนองด้วยการกวนตรีนกลับหน้าตาย มันเล่นกับทุกคน...

ยกเว้นผม

ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่เชื่อเหอะ ผมอยู่กับมันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่ตั้งแต่วันที่มันป่วย ถ้าไม่นับการพูดคุยกันปกติ ตอนสอนการบ้าน หรือเรื่องสัพเพเหระทั่วไป

ไอ้ป้องไม่คุยกับผมเลย...

"เป็นเหรี้ยไรของมึงเนี้ย ทำหน้าเหมือนหมาแดรกแฟ้บ"

คำทักทายแสนสุภาพดังออกมาจากปากเพื่อนสนิทของผม มันคงเห็นว่าผมทำหน้ามุ้ย

ไอ้อู๋นั่งรัวนิ้วเล่นคอมพ์ไปด้วย สายตาก็มองผมไปด้วย

"ไอ้อู๋ ถ้ามึงมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง และอยู่ๆเขาก็เงียบไม่คุยกับมึง คือ แบบ ไอ้คุยก็คุย แต่เหมือนกับเขาไม่หยอกล้อเล่นกับมึง...ว่า
ง่ายๆนะ ถ้ามึงรู้สึกว่า มันไม่เหมือนเดิม มึงจะทำไงว่ะ?"

ผมพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในหัว

"กูก็คงจะถาม 'มึงเป็นเหรี้ยไร' ก็ถามตรงๆนั้นแหละ"

"แล้วถ้ามันไม่ตอบ? "

"ก็ช่างแมร่งดิ ผู้ชายเวลาโกรธกันแปบๆก็หายเองนี้หว่า"

จะว่าไปมันก็จริง อย่างผมกับไอ้อู๋งี้ ทะเลาะกันอย่าว่าแต่ขอโทษเลยครับ วันสองวันก็ลืมแล้วด้วยซ้ำ ว่าไอ้ที่ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเนี้ย เพราะอะไร

ผมทรุดตัวลงไปนอนฟุบกับพื้นโต๊ะตามเดิม เมื่อคำตอบของไอ้อู๋ดูไม่ช่วยอะไรผมเลย พอเห็นแบบนั้นไอ้เพื่อนตัวดีเลยโบกหัวผม

"โอ๊ย เจ็บ ไอ้หอก!!!"

ผมชูนิ้วกลางใส่มัน ก่อนไอ้อู๋จะพูด

"กูรู้สึกว่ามึงกำลังคิดมาก จริงไหม?"

ผมพยักหน้า มันดีดนิ้วก่อนจะพูดต่อ

"แล้วเรื่องที่คิด ก็เกี่ยวข้องกับคนๆนั้น"

ผมยังคงพยักหน้าให้ข้อสัญนิฐานของมัน

"มึงว้าวุ้นกับคนๆนั้น เพียงแค่เพราะเขาไม่สนใจ"

ผมทำแบบเดิม สีหน้าไอ้อู๋จริงจังขึ้นก่อนจะพูดต่อ

"ข้อนี้มึงไม่ต้องตอบกู ตอบตัวเองก็พอ"

"เออ"




"มึงคิดกับคนๆนั้น'แค่เพื่อน'จริงๆเหรอ?"


จบคำของไอ้อู๋ ผมแทบร่วงไปกองกับพื้น

"มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้ชอ..."

"ตอนกูโกรธ มึงเคยง้อกูเหรอว่ะ? "

ไอ้อู๋พูดสวน ผมสะอึกเงียบไป

"ก็...ก็..."

ผมพูดไม่ถูก ไปต่อไม่เป็น

มันพูดถูกแล้ว

ผมไม่เคยง้อใครแม้แต่เพื่อนสนิท

ผมไม่เคยสนใจว่าใครจะโกรธ งอน ไม่ยุ่งกับผม

ทุกสิ่งที่ทำลงไป ผมให้คำอธิบายกับตัวเองว่า เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทและเป็นคนในครอบครัว ผมเลยแคร์และใส่ใจมัน
มันก็แค่นั้นจริงๆไม่ใช่เหรอครับ?

"ไอ้ป้องมันอาจเข้าใจยาก แต่ไม่ยากเกินเข้าใจหรอกเว้ย"

"แต่กูไมเข้...เห้ย ไม่ใช่มัน!!!"

ผมเผลอพูดตามก่อนจะสะดุดกึกกับคำพูดของมัน

ไอ้อู๋ส่ายหน้าเอื้อมระอา

"พวกมึงสองคนนี้ปากแข็งพอๆกัน ต้องให้ตายจากกันรึไงว่ะ ถึงจะพูดจากันให้เคลียร์"

น้ำเสียงของมันปนไปด้วยความรู้สึกจริงจังบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ ร่วมทั้งแววตาที่มองมา

เหมือนจะสมน้ำหน้าผมกลายๆ....

"ก็มึงพูดบ้าๆ ไอ้ป้องมันเป็นผู้ชาย แถมมันยังแมนทั้งแท่ง"

"ผู้ชายแล้วไงว่ะ"

"มันจะแล้วไง ก็ผู้ชายกับผู้ชาย มันก็เกย์อ่ะดิ"

รอบนี้มันพับหน้าจอลง ก่อนจะหันเก้าอี้มาทางผม

"แล้วผู้ชายกับผู้ชาย ไม่มีหัวใจเหรอว่ะ?"

"..."

"กูจะพูดกับมึงตรงๆนะเกียร์ กูเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญนักหรอกเรื่องความรัก แต่กูมี'ความกล้า'มากพอจะไขว้คว้าความสุขใส่ตัวเอง
ไอ้สังคมที่ต้องเจอ กูขอพูดตรงๆว่ากูเกลียดมาก เกลียดตรงที่ชอบมานิยาม มาจำกัดความเหรี้ยอะไรก็ไม่รู้มากมาย วุ่นวาย ไอ้สัส ผู้ชายแล้วไงว่ะ? จะผู้ชาย ผู้หญิง หรืออะไร สุดท้ายความรัก มันก็คือความรัก มันต้องมีเหรี้ยไรมากน้อยไปกว่านั้นเหรอว่ะ???"

"..."

"เก็บไปคิดดีๆนะเกียร์ มึงจะตัดสินใจยังไงก็แล้วเแต่เลย แต่จำไว้ด้วย วันไหนที่ใครสักคนเลือกที่จะปล่อยมึงไป..."

"..."

"มึงจะไม่มีโอกาสอีกเลยนะ"

ไอ้อู๋พูดก่อนจะเปิดหน้าจอขึ้นมา มันไม่ได้กวนใจผมอีกแต่ยอมปล่อยให้ผมนั่งเงียบๆคนเดี่ยว

ไม่หรอก...

ผมไม่มีความกล้าขนาดนั้นหรอก

มันคงไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความผูกพันของเพื่อนที่เป็นทั้งครอบครัว เป็นทั้งพี่ชาย อาจเพราะความดีของไอ้ป้องเลยทำให้ผมรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ

มันต้องเป็นแบบนั้นสิ...

"เวรละ"

ไอ้อู๋สถบสีหน้าซีเรียส

"อะไรว่..."

ผมยังไม่ทันได้ถามเสียงใสๆขนาดใหญ่ก็ดังผ่านออกมาจากลำโพงประจำชั้น

'โย่วๆ สวัสดีพี่น้องเพลินจิต นี้ก็ยังเช้าอยู่ ตื่นกันรึยังครับ'

เสียงไอ้ต้องตาพูดออกมาคล้ายมันร้องเพลงแร๊ปก่อนจะร้อง

'วันนี้มีเรื่องราวดีๆ ผมจึงอยากนำมา ให้คุณๆได้ฟังกัน'

'ฟังแล้วคุณจะต้องตกใจ คุณจะต้องตื่นตัว คุณจะต้องตาผม'

'อย่ารอช้า ลีลา เสียเวลา ฟังเลยกันดีกว่า กับพี่อามัว'

ชื่อสุดท้ายสะกิดผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียง

'ร้องสดครั้งแรกของผม ช่วยฟังกันด้วยนะครับบบ'

น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูขี้เล่นดังขึ้น ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เพราะเสียงนี้เป็นเสียงที่ตัวผมเองได้ยินติดหูมาตั้งแต่ไหนแต่ไหร่
เสียงกีต้าร์โปร่งดังขึ้นเปิดตัว แค่ความอลังการนี้ก็ทำเอาแก๊งนางฟ้าที่รู้จักเจ้าของเสียงนี้ผ่านงานCoverพากันกรี๊ดไม่ลืมหูลืมตาหลายๆคนพากันหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองหรือของเพื่อนเพื่ออัดเสียงปริศนานี้เก็บไว้

ยกเว้นผม...

'มีใครบางคนให้คำนิยาม ว่ารักคือความทุกข์
แตกต่างกับฉันที่มองว่ารักคือความสุข'


หลังท่อนเพลงท่อนแรกดังขึ้น ขาของผมเปลี่ยนจากก้าวยาวๆเป็นวิ่งแทน

ไปไหน?

บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามนุษย์เรามันงี้เง้าสิ้นดี ที่สำคัญคือผมเป็นคนที่ชอบใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล

เพราะงั้นที่ว่า'ไปไหน'ก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่า'ต้องไป'ก็เท่านั้นจริงๆ

บางอย่างในความรู้สึกของผม ประกอบกับสิ่งที่ได้คุยกับเพื่อนสนิทของตัวเองมา บอกผมให้วิ่งไป...

'อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เป็นไร'


เนื้อเพลงท่อนต่อไปถูกร้องออกมาด้วยคีย์เสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังมากพอที่จะทำให้คนฟังเนื้อเต้น ตื่นตัวไปกับมันได้

อยู่ที่ไหน?

สมองโง่ๆของผมประมวลผลความเป็นไปได้ต่างๆนานา ห้องส่งไม่ใช่แน่นอนเพราะไอ้ต้องมันคงไม่โง่ให้ใครไปขัดขวางมัน

ตึกคณะกรรมการนักเรียน?

คิดว่าไม่ใช่ พี่กาเซียร์อาจจะยอมให้เล่นแบบนี้เพื่อสร้างสีสรรค์ แต่คงไม่ยอมให้ใช้ตึก

ด่านฟ้าคือคำตอบสุดท้าย...

ผมวิ่งสุดกำลังไปที่ตึกสามพร้อมๆกับวิ่งขึ้นบันไดตอนนั้นเองที่ท่อนฮุคของเพลงดังขึ้น

'อย่างน้อยฉันเคยได้รักเธอ
รักด้วยการไม่หวังอะไร
ก็รู้ฉันเองก็ยังไม่ใช่
ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น '

น้ำเสียงที่เปล่งออกมา สัมผัสได้ถึงความรู้สึกน้อยใจของคนร้อง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ก็ยังเพราะมากอยู่ดี

ผมวิ่งเลี้ยวไปทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ตรงนั้นมีบันไดหนีไฟเล็กๆที่วิ่งไปถึงด่านฟ้าได้

อีกแค่ชั้นเดี่ยวเท่านั้น!!!

‘อย่างน้อยฉันได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ
ทุกนาทีที่ฉันมีเธอ รักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่
และมีความหมายมากมายจริงๆ

อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เสียใจ’


เสียงเพลงท่อนสุดท้ายดังขึ้นผมเปิดประตูชั้นด่านฟ้าออก

สิ่งแรกที่ปะทะกับร่างกาย คือสายลมแรงๆของดาดฟ้าชั้นเจ็ด ภาพที่เห็นคือโต๊ะนักเรียนเก่าๆตั้งไว้กลางด่านฟ้า บนโต๊ะมีโน๊คบุ๊คสีขาว มีลำโพงสองข้างเสียบต่อกัน ด้านหน้ามีเครื่องวิทยุเล็กๆที่เป็นตัวกระบอกเสียงคอยเป็นตัวเชื่อมโยง

พวกนั้นไม่ได้อยู่บนนี้...

ผมมองไปรอบๆด่านฟ้า เศษก้านธูปสีแดงเลือดหมูตกอยู่เต็มพื้นไปหมด

เสียงเพลงเงียบหายไป ก่อนเสียงเจื้อยแจ้วของไอ้ต้องตาจะดังขึ้นอีกครั้ง

'เจ้าขาเอยเจ้าข้า 16กรกฎคมนี้ขอเชิญพ่อแม่พี่ป้าน้าอา ลูกหลานเหลนลื้อ เพลินจิตวิทยา ร่วมกันมาวันวิชาการที่เพลินจิตวิทยา
พบกับการเล่นสดครั้งแรกเต็มรูปแบบของอามัวพร้อมการประกวดแข่งขันวงดนตรี อย่าพลาดเด็ดขาด
ปลาลิงๆ สำรองที่นั่งร่วมทั้งซื่อบัตรเข้างานได้แล้ววันนี้ ที่ประชาสัมพันธ์หรือเวปเพจP.W.'

เสียงไอ้ต้องตาพูดจบประโยค

หน้าจอของโน๊คบุ๊คสีขาวก็ดับไป พร้อมๆกับที่ลำโพงตัวเล็กๆสองตัวหน้าเกิดการลัดวงจร ไอไหม้ลอยคลุ้งออกมาเป็นควันย่อมๆ สายตาผมมองเห็นกระดาษสีขาวเล็กๆเสียบไว้ตรงใต้โต๊ะ ผมเดินไปหยิบก่อนจะอ่านข้อความ

'มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น... เหมือนดังสายลมที่จับต้องได้เพียงภาพลวงตา...'

ผมมองพาดไปถึงขอบฟ้ายามเช้าที่เพิ่งมีแสงแดดอ่อนๆ รู้สึกขำตัวเองนิดหน่อยๆที่วิ่งมาตั้งไกลเพื่อกระดาษแผ่นเดี่ยว

แต่ผมบอกไปแล้วใช่ไหม?

ผมมันไม่มีเหตุผล...

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวิ่งมาทำไม วิ่งมาเพื่ออะไร เพราะเสียงร้องของใครบางคนที่เพราะมากๆ

หรือเพราะแค่กำลังสับสนกับตัวเองจนอยากระบาย...

ผมกับไอ้ป้อง ดูเหมือนจะเป็นกระจกที่สะท้อนด้านตรงข้ามของกันและกัน

คนหนึ่ง อยู่ได้ด้วยเหตุและผล ทำตามสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีแล้วสำหรับทุกคน

ส่วนผม อยู่ได้ด้วยความรู้สึก ผมแทบไม่เคยใช้ ‘เหตุผล’ในการตัดสินใจด้วยซ้ำ

ผมรู้สึกว่า ผมกับมัน....

แตกต่างกันมากจริงๆ....

ผมเปิดโทรศัพท์มือถือชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดเบอร์ที่เขียนไว้ว่า ‘ไอ้เวร’ เจ้าของเบอร์ปล่อยให้ผมรอประมาณสองสามนาทีก่อนปลายสายจะกดรับเบอร์โทรศัพท์

‘มีไรว่ะ กูประชุมอยู่’

มันตอบกลับมาแบบนั้น น้ำเสียงหอบเล็กน้อย

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดบอกมันไป

“ป้อง เสาร์-อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกัน”

‘ไปไหน ?’

มันถามกลับมา ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะบอกไป

“โลก”

‘กูไม่เข้าใจที่มึงพูด’

รอบนี้ผมหัวเราะออกมากว้างๆ นึกออกเลยว่าตอนนี้ไอ้ป้องมันคงกำลังทำหน้างงๆ มึนๆอยู่แหง่ๆ

“โลกของกู  ....“

ความแตกต่างหมายถึง การที่คุณกับใครสักคนหนึ่งไม่เหมือนกัน

แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า ความต่างนั้นจะทำให้พวกคุณเข้ากันไม่ได้นิครับ....

ไอ้ป้องเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา

ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ แต่ผมว่าน้ำเสียงมันดูตื่นๆนิดๆ

‘ก็ยังไม่เข้าใจที่มึงพูดหรอกนะ แต่ไปก็ไป’

ผมกดวางสาย เดินลงจากดาดฟ้า ก่อนไอพอดในมือจะเปิดหน้าเวปงานบางอย่าง

‘GO SKATEBOARDING  DAY 2014’


The supreme happpiness of life is the conviction that we are loved. #ปกป้อง



TBC.

สาระเล็กน้อย

จริงๆแล้ววันจัดงานคือเดือนมิถุนายน วันที่21นะครับ ซึ่งเป็นวันSKATEBOARโลกที่ผ่านมานะครับ แต่ต่างเอามาเขียนใหม่เป็นเดือนกรกฏแทน ฮ่าๆ

ให้เวลาเกียร์หน่อยนะครับ ^^


ปล. ตอนไหนถ้าลงไวทันเดี่ยวจะมีตอนพิเศษแถมมาจ้า ชื่อตอน  'เรื่องที่ไอ้เกียร์ไม่เคยรู้' เล่าโดย อู๋ บอกเลยว่าสั้นมาก สั้นมากถึงมากที่สุด ฮ่าๆ   :hao7:


แต่ไอ้สั้นๆนะกุมความลับเกือบหมดเรื่องเชี่ยวนะเออ   :z1:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 29-06-2014 12:06:00
อู๋พูดดีมากเอาไปยี่สิบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-06-2014 13:32:51
 :m4: :m4: ปรบมือให้อู๋เลย
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-06-2014 14:30:13
เรื่องเริ่มกระจ่างทีล่ะน้อยๆ
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2014 14:44:52
ผู้ช่วยชั้นยอด
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: logic.pt ที่ 29-06-2014 16:05:52
จะเอาปกป้องเป็นเมะๆๆๆๆๆๆ :ling1:

เกียร์ต้องเคะเอาไว้นะลูก55555
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 29-06-2014 16:38:58
ป้องเปิดตัว  กรี๊ดดดดด *ยกป้าย*  ****ปกป้อง FC****  :impress2:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: stickieeZz ที่ 29-06-2014 16:59:43
ปรบมือให้กับอู๋ :katai2-1: :katai2-1:

ชอบๆๆๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-06-2014 01:20:44
มีจุดนึง...

ผมเปิดไอพอด ชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดเบอร์ที่เขียนไว้ว่า ‘ไอ้เวร’ เจ้าของเบอร์ปล่อยให้ผมรอประมาณสองสามนาทีก่อนปลายสายจะกดรับเบอร์โทรศัพท์

ไอพอดโทรศัพท์ไม่ได้นะคะ ไอโฟนรึเปล่าค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____....__เก็บ....|รัก| _____: #14 ผู้ชาย ความรู้สึก และ โลก <29/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 30-06-2014 01:21:00
อร๊ายยยยยย  :hao7: ระวังเจอป้องในเวอร์ชันนักร้องสุดเท่ แกจะหลงเสน่ห์เต็มเปา

ปอลิง : ด่านฟ้า=>ดาดฟ้า
ไอพอด โทรไม่ได้นี่ ไอโฟนรึเปล่า
แต่ตอนแรกๆเกียร์ใช้ไอพอดถ่ายรูป แต่ก็มีมือถือด้วยนี่
หัวข้อ: Re: ;__....__เก็บ....|รัก| _: #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1] <30/06/57> p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 30-06-2014 06:32:41
#15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1]


"พาพี่เขาไปดีๆ อย่าขับไวนะเกียร์"

เสียงพ่อผมพูดบอก ในขณะที่ตอนนี้ไอ้ป้องขึ้นซ้อนท้ายผมแล้ว

ตอนนี้ผมกับไอ้ป้องอยู่ในชุดพร้อมเที่ยวครับ ผมเลือกยีนส์สีดำสนิทกับเสื่อสีเขียวอ่อนตัวโปร่ง ไอ้ป้องแต่งสีฟ้ากางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบทั้งคู่

"ไม่เกินสองทุ่มกลับครับ พ่อ แม่ สวัสดีครับ"

ผมกับไอ้ป้องไหว้พ่อกับแม่ ก่อนCbrของผมจะแล่นออกไป

"ตกลงจะพากูไปไหนว่ะเกียร์"

ไอ้ป้องที่นั่งซ้อยท้ายผมอยู่ถามขึ้น ไอ้มือมันถือสเก็ตบอร์ดสีเขียวครามกับสีฟ้าอ่อนที่ผมเพิ่งถอยมาจากร้านค้าเมื่อวาน

"โลกของกูไง"

ผมพูดตอบ แต่เอาจริงๆรอบนี้ผมไม่ได้กวนตรีนมันนะครับ

ผมอยากพาไอ้ป้องมาลองอยู่ใน'โลกของผม'บ้างก็เท่านั้น

จุดมุ่งหมายของผมกับไอ้ป้องอยู่ที่สวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการไถของปีนี้เพื่อไปยังสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 

"ป้อง"

"หื้ม?"

"พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากูไปที่ๆมึงไปทุกอาทิตย์หน่อยได้ไหม?"


ผมพูดฝ่ากระแสสายลมที่ตีโต้หมวกกันน็อคเป็นระยะๆ

วันนี้ ผมจะพามันไปโลกของผม

พรุ่งนี้ ผมอยากไปโลกของมันบ้าง อยากรู้ว่าทุกอาทิตย์มันออกไปไหน

"มึงแน่ใจเหรอ? มันไม่สนุกหรอกนะ ที่ๆกูไปอ๊ะ"

มันพูดตอบ ใบหน้าที่สะท้อนผ่านกระจกแฮนด์รถบอกผมว่ามันไม่ได้ล้อเล่น

"แน่ใจดิ ถ้าเป็นที่ๆมึงชอบไป...กูก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร"

คนซ้อนผมกระตุกมุมปากขึ้นนิดๆเป็นเชิงยิ้ม

นี้เป็นภาพที่ผมไม่ได้เห็นมาครึ่งค่อนเดือน...

มันไม่ได้ซักถามอะไรอีก ปล่อยให้ผมบิดคันเร่งความเร็วขึ้น ปกติถ้าขับคนเดี่ยวผมชอบบิดเจ็ดสิบอัพอยู่แล้วครับตอนถนนโล่งๆ แต่เพราะวันนี้ผมไม่ได้อยู่'คนเดี่ยว'เหมือนเมื่อก่อน ผมเลยเลือกที่จะบิดเพียงหกสิบ ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป พอที่จะดูวิวไปได้เรื่อยๆ
ขับไปได้สักพักผมก็ถึงจุดหมายแรกที่ต้องการ ผมชะลอรถลงก่อนจะหันหน้าไปหามัน

"ป้อง อยากเข้างานเลย หรืออยากไปไถกับกู"

"ไถ?"

ในหน้าจืดๆแสดงความสงสัยออกมา ลืมไปเลยครับว่ามันไม่เคยมา

"คืองี้ หลักๆงานมันจะมีสองส่วน ส่วนแรกคือเข้าตัวงานเลย ในงานก็มีพวกบอร์ด พวกอไหล่ขาย แล้วก็มีลานกิจกรรม"

"แล้วอีกส่วน?"

ผมยิ้ม ก่อนจะเล่าต่อ

"อีกส่วนคือกลุ่มคนที่ไถสเก็ตบอร์ดจากระยะห่างประมาณ3-4กิโลไปถึงหน้างาน"

มันพยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นอันเข้าใจ

"ไกลเหมือนกันแหะ"

"มันเป็นประเพณีนะ คล้ายๆการประกาศให้คนไทยได้รู้ว่า เห้ย ประเทศเราคนเล่นบอร์ดก็เยอะนะ เป็นการแสดงตัวตนแล้วก็เป็นการชักชวนไปในตัว"

"รู้ดีแหะ"

มันพูดชม(ผมคิดงั้นนะ)

"อะไรที่กูชอบ กูก็อยากรู้ดีทุกเรื่องนั้นแหละ"

เป็นอีกครั้งที่ไอ้ป้องหันหน้าหนีผม

เอาเถอะครับ

ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องใจร้อน ให้โอกาสมัน

และให้โอกาสใจตัวเอง...

"มึงอยากไปไหนล่ะ?"

มันย้อนถามดื้อๆ

"วันนี้มึงพากูเที่ยว ตามใจมึงเลย"

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมา

"กูอยากไปไถ"

มันตอบตกลงด้วยการพยักหน้า

ไม่ต้อง'เปลี่ยน'ตัวเองจนไม่ใช่'ตัวเอง'

แค่'ปรับ'ก็พอ...

ผมเอารถไปเก็บตรงบริเวณที่จอดรถ ก่อนจะล็อกล้อ

สเก็ตบอร์ดในมือถูกวางลงกับพื่นฟุธบาท เพราะกันมาแต่เช้าพอสมควรเลยยังไม่เริ่มขบวนไถครับ ถือว่าดีไปอีกแบบเพราะผมเองก็ลืมไปเลยว่า...

ไอ้ป้องมันไม่เคยเล่นบอร์ด....

'ตุ๊บ'

"โอ๊ย!!"

มันร้องครางหลังก้มจ้ำพื้น ผมเลยไถสเก็ตไปช่วยดึงมันลุก

"ใจเย็นๆ คิดว่ามึงยืนอยู่บนพื้นธรรมดาๆแค่มึงกำลังวิ่งก็พอ"

ผมแนะทริคเริ่มต้นการเล่นบอร์ด

จริงๆแล้วมันเล่นไม่ยากนะครับ แค่ต้องกล้าๆหน่อยๆก็เท่านั้นเอง มีสมาธิอยู่บนบอร์ด ให้'ใจ'ไป'สถิต'อยู่กับล้อบอร์ดทั้งสี่ข้าง เชื่อมันแล้วก็เคลื่อนตัวออกไป แน่นอนว่าคนเพิ่งหัดเล่นย่อมไม่สามารถเล่นได้คล่องแคล่วเท่าผม เห็นแบบนั้นผมเลยยกบอร์ดขึ้นมาหนีบก่อนจะช่วยประครองมันขึ้นบอร์ด

"จำตอนที่มึงสอนลีลาศกูได้ไหม"

"อื้ม"

ผมจับมือมันทั้งสองข้างก่อนจะออกแรงดึงเบาๆ ไอ้ป้องหลับตาปี๋กลัวล้ม

"ป้อง อย่าหลับตา"

"...."

"มองแค่กูก็พอ"

มันพยักหน้ายอมฟังที่ผมบอก ก่อนจะลืมตาขึ้น

ผมดึงไอ้ป้องจนเห็นว่ามันคล่องพอสมควรแล้วก็ให้มันลองไถไปข้างหน้าดู ผมลัพธ์ที่ได้นับว่าใช้ได้เลยครับ ไอ้ป้องเริ่มเรียนรู้ที่จะ
ทรงตัวอยู่บนบอร์ด หรือต่อให้ล้ม ก็ยังล้มในลักษณะที่เรียกได้ว่าเจ็บตัวน้อยที่สุด สิ่งเหล่านี้ผมเรียกมันว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์

มันไม่มีหรอกครับ ไอ้ความสำเร็จที่ไม่ต้องใส่ความพยายามลงไปนะ

"หนุกไหม?"

พอเห็นว่ามันเริ่มคล่องตัวจนไถไปไกลๆได้แล้วผมก็ถามขึ้น

"สนุกดีว่ะ เสียวๆเหมือนกันว่าจะตกไปจับกบกับพื้นไหม แต่พอชินแล้วก็สนุกดี"

"เห็นไหมล่ะ"

"เห็นอะไร?"

ผมอมยิ้มก่อนจะพูด

"บางเรื่องที่'ไม่เคยลอง'ก็ไม่ได้แปลว่ามัน'ไม่ดี'นะ..."

"ก็จริง"

มันพยักหน้า

"จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ไปกันเหอะ"

ผมพูดหลังดูนาฬิกาข้อมือ

"ยังไม่คล่องเท่าไหร่เลยแหะ..."

ไอ้ป้องพูดเสียงอ่อยๆ ถึงจะพอได้บ้างแต่มันคงยังกลัวๆอยู่ดีล่ะมั่งครับ

"เอางี้..."

ผมพูด มันยืนเอาเท้าวางไว้บนบอร์ดข้างหนึ่งรอฟังผมพูดต่อ

"จับมือกูไว้แล้วไปพร้อมๆกัน"

ผมวางบอร์ดลง ก้าวขึ้นไปก่อนจะไถไปอยู่ด้านหน้ามัน

มือข้างซ้ายของผมยื่นออกไปด้านหน้ามัน

ไอ้ป้องยื่นนิ่งไปสักพัก...

......ก่อนจะยื่นมือขวามากุมมือผมไว้

ถ้าเป็นคนอื่น คงเดินจับมือกันธรรมดาแล้วก็คงจะจับกับแบบไม่ปล่อย นี้พวกผมจับมือกันแล้วไถสเก็ตบอร์ด ล้มทั้งคู่บ้าง มันฉุดผมล้มบ้าง ผมฉุดมันล้มบ้าง ระยะทางที่ผ่านมาขรุขระบ้าง ทางลาดชันบ้าง ผมกับมันเลยปล่อยมือกันเป็นช่วงๆเพื่อให้ต่างคนต่างหลบอุปสรรคที่เจอตรงหน้า

สุดท้ายพอผ่านพ้นไปได้ก็กลับมาจับมือกันเหมือนเดิม...

จากสิบเอ็ดโมงกว่าๆ ผมกับไอ้ป้องไถตามขบวนสเก็ตบอร์ดจากบริเวณสวนเบญจสิริ ผ่านถนนสุขุมวิท และซอยทองหล่อ เข้าไป
ยังสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รวมระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยจะมีเจ้าที่ตำรวจและเทศกิจคอยปิดการจราจรให้ขบวนเป็นระยะเป็นระยะๆครับ ในแต่ละช่วงประมาณ 5 -10นาที

จนเกือบๆเที่ยงวันก็ถึงหน้างาน ผมหันไปมองไอ้ป้องที่ไถตัวอยู่ข้างๆกัน ใบหน้าจืดๆนั้นดูอ่อนล้าแต่สวนทางกับแววตาที่ยังคงสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ ผมกับมันไถกันจนไปถึงที่หน้าโต๊ะรับ ลงทะเบียนเขางาน พอถึงที่หมายอย่างปลอดภัยผมก็ปล่อยมือมันออก

"เอาน้ำไร เดี่ยวกูไปซื้อให้"

ผมเห็นมีจุดขายน้ำอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่ คิดว่าไถไปไม่นานคงถึง

"น้ำเปล่าก็ได้"

"โอเค งั้นถ้าถึงคิวแล้วฝากลงทะเบียนด้วย"

ผมล้วงบัตรประชาชนจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้ไอ้ป้อง ก่อนจะไถตัวไปจุดขายน้ำ

เพราะมีคนมารอซื้อเยอะพอสมควร กว่าผมจะได้ซื้อน้ำก็พอดีกับที่ไอ้ป้องลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ผมเห็นมันยื่นเกาหัวแกรกๆทำสีหน้าลำบากใจส่งมาทางผม

"รับอะไรดีค่ะ?"

"เอาน้ำเปล่าสองขวดครับ"

"16บาทค่ะ"

ผมยืนแบงค์สี่ยิบให้ ก่อนจะบอกพี่เขาว่า

"พี่ครับ ขอผ้าเย็นด้วยผืนหนึ่งครับ"

จำได้ว่าหน้ามันเลอะเหงื่อสิ้นดี ผมเลยซื่อไปฝากซะหน่อย

ผมรับผ้าเย็นและขวดน้ำที่ใส่ถุงผ้าก่อนจะไถไปหาคนคอย ไอ้ป้องยืนสีหน้าบอกบุญไม่รับจนผมงงๆ

"เป็นไรว่ะมึง"

ผมถามงงๆ

ไอ้ป้องคลี่ยิ้มเหมือนๆจะขอโทษผมก่อนจะส่งเสื่อเข้างานมาให้

จริงๆแล้วมันไม่ได้มีกฏเป็นลายลักษณ์อักษรหรอกนะครับว่าต้องใส่เสื่องานเข้างาน แต่เหมือนเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาตลอดครับ เพราะถือเป็นการขอบคุณเจ้าภาพซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่จัดงานดีๆแบบนี้ให้กับคนรักสเก็ตบอร์ดแบบพวกผม

"มึงเข้างานเถอะ เดี่ยวกูรอข้างนอกให้"

"อ้าว ทำไมมึงไม่เข้าไปล่ะ เบื่อเหรอ?"

ผมตกใจ ไม่คิดว่ามันจะเบื่อเร็วขนาดนี้

"เปล่า คือ...เสื่อมัน..."

"มันทำไม?"

ผมถามเสียงเครียด ไม่เข้าใจว่าเรื่องเสื่อเป็นปัญหาตรงไหน?

ไอ้ป้องเลียริมฝีปากแห้งๆก่อนจะพูด



"มันเป็นเสื่อคู่..."


ผมสะอึก ก่อนจะหยิบเสื่อมาออกมากางออกดู

เสื่อสองตัวนี้เป็นลายสเก็ตบอร์ดสีเขียวขอบน้ำเงิน ว่าง่ายๆคือสเก็ตบอร์ดครึ่งหนึ่งอยู่บนเสื่อของผม อีกครึ่งอยู่กับเสื่อของไอ้ป้องแถมทั้งสองตัวเขียนไว้ว่า 'เติม'กับ'เต็ม' มีเครื่องหมายการค้าของเจ้าภาพอยู่ที่ด้านหลังเสื่อ

"แล้วมึงทำไมถึงได้เสื่อคู่มาได้ล่ะ?"

ปกติแล้วทุกปีที่ผมมา(คนเดี่ยว...)ผมก็ได้เสื่องานมาตลอด และก็ไม่เคยเห็นเลยว่าจะมีเสื่อคู่แจกด้วย

"โฆษณาสเก็ตบอร์ดสำหรับคู่รัก ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทแม่งาน"

"แล้วมันเกี่ยวกับเรายังไงว่ะ?"

ไอ้ป้องหน้าแดงขึ้นก่อนจะยอมพูดสาเหตุ

"ก็ตอนกูลงทะเบียน พี่เขาแค่ถามกูว่ามันกันสองคนใช่ไหมแล้วเขาก็ชี้ไปที่มึง กูก็เออออห่อหมกไป ที่นี้พี่เขาก็บอกว่าเป็นคู่ที่แปลกดี ไม่ค่อยเจอมางานแบบนี้เท่าไหร่ ขอให้รักกันนานๆนะ กูยังไม่ทันได้เข้าใจอะไร ไอ้พวกต่อคิวด้านหลังก็โวยกันแล้ว"

เพราะแดดตอนเที่ยงๆนั้นแหละครับทำพิษเข้าใจอยู่หรอก เป็นผมก็ไม่อยากต่อคิวยาวๆหรอกครับมันร้อนสิ้นดี ผมเองก็ไม่คิดว่าการฝากลงทะเบียนจะสร้างปัญหามาให้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมัน แล้วหันไปใส่เสื่อเข้างานแทนเพียงแต่ไอ้คนข้างๆผมยังคงนิ่งสงบอยู่

"ป้อง มึงอายมากเลยเหรอที่มากับกู?"

อายมากเลยใช่ไหม ที่คนข้างๆมึงเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานหรือน่ารัก...

ความคิดด้านลบถาโถมดุจพายุใส่ใจผม ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียดแทงเข้ามามากมาย

ทั้งๆที่ใจอุตส่าห์กล้ามากพอที่จะพาอีกฝ่ายเข้ามาในโลกของผม โลกที่สะท้อนความเป็นตัวเองแท้ๆแต่กับอีกฝ่ายแค่เรื่องเสื่อมันยังคิดมาก...

ผมมันคงไม่มีค่ามากพอจริงๆ...

"ไม่ใช่แบบนั้น"

ไอ้ป้องพูดขึ้นก่อนจะกุมมือผมแน่น

ถ้าความรู้สึกเมื่อกี้เหมือนตกอยู่ในความมืดมิด

ตอนนี้ ...มันก็คงเหมือนแสงสว่าง....

"กูดีใจมากเลยต่างหาก ที่มึงพากูมาทำอะไรสนุกๆแบบนี้ ตอนที่อยู่ข้างๆมึง...กูมีความสุขนะ"

รอยยิ้มที่ไม่ได้ปั้นแต่ง ถูกส่งให้ผม

เคยรู้สึกเหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้ง แล้วจู่ๆก็ได้รับหยาดฝนไหมครับ?

ความรู้สึกของผม...มันก็คงประมาณ

"ที่กูกังวล กูกลัวใครเขามองมึงไม่ดีมากกว่า กูรู้ว่ามึงเป็นผู้ชายเต็มตัว คงไม่อยากให้ใครมองว่า...เออ เป็นเกย์นะ"

ทุกครั้งเวลาไอ้ป้องคิดมาก...

มันไม่เคยคิดมากเรื่องของตัวเองไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนๆ สุดท้ายที่มันเป็นกังวลก็คือเรืองที่ว่าคนเขาจะ'มองผม'ยังไง ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นแหละจะฤูกมองแบบไหน...

ชอบที่จะปกป้องคนอื่น ก่อนที่จะปกป้องตัวเอง

ผมกุมมือมันให้แน่นขึ้น ก่อนจะตบหัวมันเบาๆ

"งั้นถ้ามึงไม่อายที่มากับกู ก็ไปด้วยกัน"

"แต่..."

"กูไม่อายหรอกนะที่มากับมึง กูจะอายทำไมในเมื่อกูมีความสุขเพราะมีมึง"

ผมพูดออกไปตามสิ่งที่ใจคิด

ก็ผมมีความสุขเพราะมีมันจริงๆนิครับ

มีความสุข ก็คือมีความสุข ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากไปกว่านี้ น้อยไปกว่านี้

ผมพามันมา'โลกของผม'เพราะอยากให้มันสัมผัสด้วยตัวเอง สัมผัสกับโลกที่หล่อหลอมตัวผมขึ้นมา รวมทั้งทดสอบ'แรงกดดัน'
จาก 'สังคม'

ขอแค่อยู่ข้างๆกันแล้วมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่

ผมว่ามันคุ้มดี..... ที่คิดจะแบกรับมัน

ไอ้ป้องค้างไปนิดๆก่อนมันจะถอนหายใจออกมาแล้วแกะห่อพลาสติกออกหยิบเสื่อคู่ตัวนั้นมาสวมทับ

"โอเคยัง?"

มันถาม ผมพยักหน้ายิ้มๆ

"แล้วมือนี้ต้องจับด้วยเหรอว่ะ?"

ไอ้ป้องยกมือที่ถูกผมกุมไว้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา

"ไม่ต้องก็ได้ แค่เดิน'ข้างๆ'กูก็พอ"

ผมยอมปล่อยมือแต่โดยดี แค่มันยอมไม่คิดมากใส่เสื่อคู่เดินข้างๆผม

ผมว่ามันคงดีที่สุดแล้วล่ะ สำหรับ ณ ตอนนี้...

ผมกับไอ้ป้องเดินเข้าไปภายในงานแบ่งออกเป็นหลายโซน หลักๆก็จะมีบูธของสปอนเซอร์หลักที่นำสินค้ามาขาย ซึ่งก็คือรองเท้า
สำหรับใส่เล่นกีฬาหรือบอร์ดโดยเฉพาะ ต่อมาก็พวกอะไหล่ล้อ หรือขาบอร์ด

ภายในงานมีผู้คนที่เรียกได้ว่าคละอายุจริงๆครับ ตั้งแต่เด็กเล็กๆ6-7ขวบจนถึงเลยวัยทำงาน สิ่งเดี่ยวที่ทำให้ทุกคนมาร่วมตัวกันได้คือความหลงใหลในเจ้าบอร์ดไม้สี่ล้อนี้เอง

ผมพาไอ้ป้องดูลัดเลาะไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนพาเด็กหัดเที่ยวเดินเล่น ไอ้ป้องตื่นๆกับจำนวน ผู้คนที่คับคั่งและเดินกันแออัด ชนินที่ว่าแทบจะไหล่ชนไหล่ คนเยอะมากจริงๆครับ ปกติก็เยอะทุกปีอยู่แล้วนะครับ ปีนี้เรียกได้ว่าแน่นสุดๆ

แต่ในที่สุดผมก็พาไอ้ป้องเดินมาถึงโซนที่ต้องการและเป็นโซนที่อมชอบมากที่สุด

พื้นที่บริเวณนี้จะประกอบด้วยพวกท่อเหล็ก หรือแผ่นคลื่นไรงี้นะครับ ไว้ให้พวกเด็กบอร์ดมาเล่นกัน หรือที่เรียกติดปากว่า'แจม'
การแจมในที่นี้คือการเข้าไปเล่นกับคนอื่นครับ เล่นฮาๆกันไป ซึ่งก็ไม่ได้เล่นเปล่าๆปลี้ๆหรอกนะครับ สมมุติเล่นท่าโดดไกลได้ๆสวยๆแล้วเข้าตากรรมการพอดี ก็อาจได้ทริปเล็กๆน้อยร้อยสองร้อยก็ว่ากันไป ผมเองก็เคยเล่นได้เหมือนกันสามหรือสี่ร้อยเนี้ยแหละแต่ส่วนใหญ่แล้วคือเล่นเพื่อความสนุกครับ

ตั้งแต่เดินเข้างานมาจนถึงตอนนี้ไอ้ป้องยังไม่มีท่าที่อึดอัดแม้จะใส่เสื่อคู่เดินกับผม ถามว่ามีคนมองไหม? มันก็มีครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเขาอยากมองก็ให้มองไป มองก็คือมอง ไม่ต้องคิดลึก คิดเพิ่ม ว่าเขามองเพื่ออะไร ผมเป็นพวกประเภทคิดแบบนี้นะครับ

เลือกจะใส่ใจสิ่งที่ทำให้เราสุข อะไรที่ทำให้ทุกข์ โยนทิ้งได้ก็โยนทิ้งไป

"กูไปแจมแปบนะ ดูกูด้วยอ๊ะ"

ผมบอก ไอ้ป้องพยักหน้ารับหลังทำความเข้าใจคำว่าแจมไปเรียบร้อยแล้ว

โอเค เกียร์ สมาธิ...

ตอนนี้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมึงอยู่ ไม่ต้องเกร็งแค่เล่นไปตามปกติก็พอ

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เนินที่ผมเลือกเล่น เป็นเนินที่ไม่สูงมากเท่าไหร่ ระดับความยากง่ายกำลังดี

ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่า คนเราพอตั้งใจอะไรสักอย่างเพื่อใครบางคนที่สำคัญย่อมจะสร้างผลลัพธ์ในทางบวกอยู่แล้ว

ผมค่อยๆไถตัวลงเนิน ชั่วพริบตานั้นเองที่อยากได้กำลังใจจนเผลอมองอีกฝ่าย

ในหนังสือที่อ่าน พอทำแบบนั้นแล้วพระเอกจะมีความเท่ห์เหรี้ยๆอยู่กับตัว และโชว์สกิลเหนือมนุษย์ออกมาให้นางเอกได้เห็น
ครับ...

ผมลืมว่านั้นมัน'นิยาย'

และผมมันไม่ใช่ ‘พระเอก’

ในโลกของความเป็นจริง เมื่อคุณกล้าท้าทายแรงโน้มถ่วง มันมักจะสนองผมด้วยการจัดหนักเสมอ

'ตุ๊บ'

'กร๊อบ'

"ไอ้เกียร์"

เสียงผมตกพื้น เสียงไอ้ป้องตกใจ และเสียงบางส่วนในร่างกายผมเนี้ยแหละหักออกมา

ผมสัญญากับตัวเองเลยว่ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่ผมจะเผามันทิ้งให้หมด!!!!!!

ทำไมกูไม่เท่ห์แบบในหนังสือว่ะ???


 
                                       
  Confidence never comes from having all the answers;
It comes from being open to all the questions. #ก้องเกียรติ์


TBC.

ในโลกใบนี้ไม่มีใครง๊าวเท่าเอ็งแล้วไอ้เกียร์ !!!!

ปล. พาร์ท โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา ยังไม่จบนะครับ มีอีกตอน (มันยาวมากจริงๆ :กอด1: )

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและแวะมาให้กำลังใจกันน่า ตอนนี้คือขยันลงสุดๆ  :bye2:
                 
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ....|รัก| _: #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1] [30/06/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 30-06-2014 08:11:02
อ้าวเกียร์ อะไรหัก เจ็บมากป่าว ปะๆหาหมอกัน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ....|รัก| _: #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1] [30/06/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-06-2014 08:32:18
มัวแต่มองป้อง เจ็บตัวเลยเกียร์
สมน้ำหน้าหรือจะสงสารดี
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ....|รัก| _: #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1] [30/06/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-06-2014 10:32:23
โอ้ยยยยขำเกียร์อ่ะ
กะจะเท่ห์อวดป้องซะหน่อย
แต่ดันล้มไม่เป็นท่าเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ....|รัก| _: #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1] [30/06/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-06-2014 14:48:43
กะโชว์เท่ห์สุดท้าย...
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ....|รัก| _: #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1] [30/06/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 30-06-2014 23:49:16
ฟินนาเล่มาทั้งตอน  :heaven
แต่ดันมาพลาดตอนท้าย เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ

อร๊ายยยยยยยย เชียร์ปกป้องเต็มที่ เมะนะลูกถึงตอนนี้จะเหมือนเคะก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 01-07-2014 15:28:37
#16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2]


"ไม่เป็นไรมาก แค่กระดูกมันส้นเฉยๆจากแรงกระแทก"

พี่พยาบาลสาวที่คอยตั้งบูธดูแลคนเจ็บแบบผมบอกขึ้น

"ขอบคุณครับพี่"

ก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าจะมาจับกบให้ไอ้ป้องดู อุตส่าห์ทำเท่ห์ สุดท้ายข้อเท้าส้นซะได้-*-

ไอ้ป้องยืนอยู่ข้างๆคอยดูผมอยู่ ดีอย่างที่มันไม่คิดจะหัวเราะให้กับความโง่ของผม

ก็ตอนเล่นบอร์ด ใครใช้ให้มองมันจนเสียจังหวะล่ะครับ...

"เป็นไง"

"ยังไม่ตาย เล่นอีกรอบก็ไหว"

ผมตอบตามความจริง นี้แค่กระดูกส้นเองครับ ตอนฝึกเล่นใหม่ๆสมัยหัวเกรียนแขนผมเดียงไปจากการล้มกระแทกด้วยซ้ำครับ เพราะงั้นแค่มือส้น ถือว่าเล็กน้อยมากครับ

ผมกับมันเดินออกจากบูธไป การเล่นท่าแล้วพลาดเนี่ย มันเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กบอร์ดมากเลยครับ(ส่วนมาก เล่นพลาดจะเยอะกว่าเล่นดีอีก ฮ่าๆ)เพราะงั้นคนที่เล่นอยู่ด้านนอกเลยไม่มีใครหัวเราะหรือขบขันเพราะของแบบนี้มันพลาดกันได้

"ไรว่ะเกียร์ เนินแค่นี้เล่นพลาด เขินแฟนเหรอ?"

ยกเว้นไอ้พี่คนนี้...

"สวัสดีครับพี่ปิง"

"เออ ดีๆ"

ผมยกมือสวัสดีพี่ปิง สาวหล่อห้าวที่ใส่เสื่องานสวมทับด้วยเสื่อนอกลายหัวกระโหลกไขว้ตาสองข้างแต้มด้วยอายไลเนอร์สีดำสนิท
ไอ้ป้องยกมือไหว้ตามผม ก่อนเจ๊ปิงจะคลี่ยิ้มเอ็นดูมัน

คงเพราะไอ้ความซื่อๆเอ๋อๆนั้นล่ะมั่งครับ

"นี้ไอ้ป้องครับ เพื่อนผม"

เจ๊ปิงหันไปยิ้มหวานให้มันก่อนจะพูด

"ชอบเล่นบอร์ดเหรอ?"

คนถูกถามเกาหัวเก้อๆก่อนจะตอบ

"คือ จริงๆเพิ่งหัดเล่นครับ ไอ้เกียร์ชวนมางานพอดี"

"เหรอ? สนุกไหม"

คนถูกถามนิ่งไปแปป ก่อนจะพูดตอบมา

"ผมว่าสนุกดีนะ มันดูเสี่ยงๆดี แบบ ตอนที่เราไถไป ผมรู้สึกว่าหัวใจมันสูบฉีดเลือดดี"

เป็นคำตอบที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ เจ๊ปิงคลี่ยิ้มก่อนจะชี้มาทางผม

"เกียร์ ไปซื้อข้าวดิ เจ๊เลี้ยง"

ไม่ใช่ประโยคขอร้องแต่เป็นคำสั่งเจ๊ปิงยื่นแบงค์ม่วงๆให้กับผมก่อนจะโบกมือไล่ไปทางบูธขายข้าว ผมเกาหัวแกรกๆที่ถูกใช้ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เจ๊ปิงเป็นเด็กบอร์ดคนหนึ่งที่พูดได้ว่าระดับโปร ผมเจอหล่อนครั้งแรกเมื่อตอนสมัยเล่นสเกตบอร์ดใหม่ๆสามปีทีแล้วแน่ล่ะว่าไอ้พวกเด็กโนเนมแบบผมมาเดินงานแบบนี้ก็ย่อมจะต้องไม่รู้หลักรู้ทางเดินสะเปะสะปะไปทั่ว จนกระทั้งมาถึงโซนแจมนี้แหละครับ อาเจ๊แกโชว์เหินให้ดูรอบหนึ่ง ก่อนผมจะโดนเบียดให้ขึ้นไปยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงเนินลูกหนึ่งที่เอาจริงๆมันก็ไม่ได้สูงอะไร แต่นึกสภาพเด็กเพิ่งหัดเล่นสิครับ เจอแค่นั้นก็ล้มไม่เป็นท่าแล้วครับจากนั้นเจ๊แกก็ไถมาใกล้ก่อนจะชมว่า'ล้มสวยดีนะ'

นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จักหล่อน

ต่อมา หล่อนสอนผมให้ลองเล่นท่าต่างๆดูจนเริ่มเล่นได้ นับว่าเป็นเพื่อนต่างเพศต่างไวคนแรกของผมเลยละครับ เพราะผมอยู่
โรงเรียนชายล้วนมาตั้งแต่เกิด ไอ้เรื่องจะให้มีเพื่อนผู้หญิงนี้ก็ยากหน่อยครับ ส่วนใหญ่จะมีแต่ความสัมพันธ์แบบอย่างว่าซะมากกว่า

ผมต่อแถวคิวรอซื้อข้าว ตาก็เหลือบมองดูไอ้ป้องกับเจ๊ปิงเป็นระยะๆ ผมเห็นพี่ปิงลากมันไปนั่งตง สแตนท์แล้วก็คุยอะไรกันเรื่อยๆ จากตรงจุดนี้เห็นแค่สีหน้าครับ ผมเห็นไอ้ป้องทำหน้า...เขิน?

เขินอะไร?

พี่ปิงเหรอ...

ผมไม่รีบด่วนสรุป แต่ยังมองเรื่อยๆ หน้าไอ้ป้องออกสีเลือดฟาดๆเป็นระยะๆสวนทางกับพี่ปิงที่หัวเราะชอบใจ

"เอาข้าวผัดกระเพา3กล่องครับ อ้อพี่ .....เอาเนื้อปลาด้วยครับ!!! "

ผมรีบบอก ก่อนจะชี้ไปที่เนื้อปลาส่วนห่างตัวประมาณเท่าๆปลานิล ไม่ยักรู้ว่ามีปลาขายด้วย... แต่ก็ดีครับ เพราะไอ้ป้องมันชอบ
กินปลาทุกชนิดซื่อไปฝากมันคงดีใจ

ผมไถตัวกลับไปหามัน เจ๊แกหัวเราะร่วน ขัดกับไอ้ป้องที่เกาหัวดูจะเขินๆ

"กระเพาไก่คนละกล่อง"

ผมพูดก่อนจะส่งกระเพาไก่ให้เจ๊ปิงกับไอ้ป้อง มันรับไปก่อนจะเปิดออกมาทาน

“แล้วนี้ของมึง”

ผมยื่นกล่องพลาสติกให้มันอีกไปอีกกล่องหนึ่ง มันมองหน้าผมหน่อยๆก่อนจะเปิดฝาแล้วทำหน้างงๆ

“อะไรว่ะ ?”

“เนื้อพะยูนมั่ง ไอ้ฟายยย ฉลาดไม่ใช่เหรอดูเอาสิว่าอะไร”

“ปลา ?”

“ก็ปลาไง”

ผมไม่เข้าใจว่าตกลงมันงงอะไรกันแน่

ไอ้ป้องกระพริบตาปริบๆแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อก่อนมันจะกินเนื้อปลาที่ผมส่งไปให้

“ก็ชอบกินปลา เห็นมันมีขายเลยซื่อมาฝาก โอเค๊”

“อื้ม ขอบใจ”

คำตอบรับสั้นๆตามสไตล์มันตอบกลับผมมา ก่อนผมจะนั่งกินข้าวของตัวเองมั่ง(หิวเป็นนะเว้ยเห้ย!!!) เพียงแต่ช้อนพลาสติกสีขาว
ขุ่นถูกยื่นมาใกล้ๆผม

“อะไร ?”

“เนื้อพะยูนมั่ง.... ก็ปลามันอร่อยดีเลยแบ่งให้”

มันย้อนผมหน้าตายก่อนจะตักชิ้นเนื้อปลาให้ผม

“สองคนนี้สนิทกันดีนะ”

เจ๊ปิงพูดแทรกขึ้น ผมเห็นไอ้ป้องมันหัวเราะก่อนจะหันไปคุย

“ไม่หรอกครับพี่ปิง ไอ้เกียร์มันชอบกวนประสาทผมมากกว่า”

“อย่าไปเชื่อมันพี่ปิง ไอ้ป้องมันก็ไม่ได้กวนน้อยไปกว่าผมหรอก”

“ไม่จริงพี่ เกียร์มันเคยทิ้งผมด้วย”

“โห ดูพูดเข้า ก็ผมลืมนี้หว่า อุตส่าห์ตื่นไปตลาดแต่เช้าง้อด้วยปลาแล้วด้วย พี่คิดดูดิคนอะไรต้องง้อด้วยปลาถึงจะหายงอน”

“อะไรใครงอน ? ผมแค่โกรธมันหรอก”

“ไม่งอนนะ แต่ไม่ยอมมองหน้าผม”

ผมเห็นพี่ปิงกั่นยิ้มด้วยความขำขันที่เห็นผมกับมันนั่งทะเลาะกันไปมาแบบนี้ ทั้งๆที่เป็นการทะเลาะกันแท้ๆแต่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้อยู่กับมัน คุยกันเรื่อยๆแบบนี้

“อยู่ถึงกี่โมงกันนะ ?”

พอกินข้าวเสร็จจนนั่งย่อยได้สักพักพี่ปิงก็ถามขึ้น

“ว่าจะไปแล้วครับพี่ เดี่ยวจะไปต่ออีกหน่อย”

ผมดึงไอ้ป้องที่ทำตัวขี้เกลียดหลังกินข้าวเสร็จลุกขึ้นยื่นก่อนจะหันไปหาพี่ปิง

“เหรอ ? โชคดีนะ ปีหน้าพี่ขอให้เจอพวกเราสองคนอีก อ้อ!!! ป้องอย่าลืมที่พี่บอกไปนะเว้ย”

พูดจบ พี่ปิงก็โบกมือลาพวกผมสองคนก่อนจะไถสเกตบอร์ดออกไป

“พี่เขาบอกอะไรมึงว่ะป้อง ?”

มันสะดุ้ง หน้าสีน้ำผึงเริ่มออกสีเลือดฝาดนิดๆ

“ปะ...เปล่า”

“แน่นะ ?”

ผมใช้สายตาสแกนคำตอบใส่ร่างมัน ไอ้ป้องอึกอักก่อนมันจะเกาๆหัวแล้วจับมือผมเดินออกไป

“ไปกันดิ่”

“ไปไหน ?”

“ก็...ก็มึงบอกจะพากูไปอีกที่ไม่ใช่เหรอ ?”

รู้หรอกนะว่าอีกฝ่ายจงใจเปลี่ยนเรื่อง แต่ถ้าอุตส่าห์จับมือผมเดินออกมานอกงานโดยไม่สนใจสายตาคนอื่น งั้นถือว่าผมยกผล
ประโยชน์ให้จำเลยสักครั้งก็ได้ครับ ....

ผมกับไอ้ป้องไถสเกตบอร์ดมาจนถึงที่จอดรถ ก่อนผมจะเตรียมสตาร์ทรถ

“โอ๊ย!!”

ผมสบถออกมานิดหน่อย ขาข้างที่กระแทกพื้นรู้สึกเจ็บแปลบตอนที่สตาร์ทรถ

“ไหวป่าวเกียร์ ?”

ไอ้ป้องถามขึ้นหลังเห็นสีหน้าเหยเกของผม

“ไหวๆ”

ผมตอบ

คือถามว่ามันเจ็บไหม มันก็เจ็บครับ แต่ตอบไปก็กลัวจะเสีย ฟอร์ม อีกอย่างหนึ่งเอารถมาแบบนี้ถ้าไม่เอากลับก็คงจะไม่ได้ แต่ขาผมดันเจ็บซะนี้สิ

ไอ้ป้องมองผมก่อนจะเดินมาถือกุญแจรถไปแทน

“อะไรว่ะ ?”

“เดี่ยวกูขับเอง ขาเจ็บแล้วจะเหยียบเบรกได้เหรอ ? กูกลัวตายเหมือนกันนะ”

มันพูดยิ้มขำๆ  ที่ผมสงสัยคือ ....

“มึงขับรถเป็น ?”

“ก็...ก็พอได้ แต่กูว่าก็ดีกว่าให้คนเจ็บเท้าขับอ๊ะ”

นั้นไง ผมเดาผิดที่ไหนล่ะ

“เอางี้”

“...........”

“กูขาเจ็บ แต่มือยังโอเคอยู่ งั้นเดี่ยวกูประครองรถ มึงเป็นคนเหยียบพวกคันเร่งหรือกับเบรก ตกลงไหม ?”

“อื้ม...ก็...โอเค”

สุดท้ายคือมันนั่งด้านหน้าก่อนจะยกเท้าสตาร์ทรถ ผมนั่งซ้อนท้ายแต่ยื่นแขนข้าวไหล่มันไปจับแฮนด์เอาไว้แต่ไม่ถนัด

“ป้อง”

“ห๊ะ ?”

“คือ มือกูมันยื่นไปจับไม่ถนัด...กูขอ....โอบเอวมึงไว้นะ”

ผมนั่งเงียบอยู่ด้านหลังเพราะมองไม่เห็นเหมือนกันว่ามันจะทำสีหน้าแบบไหนอยู่ โกรธผมรึเปล่าที่ทำแบบนี้หรืออายรึเปล่าที่ผม
จะ...เออ โอบเอวมัน(แม้จะเพราะสถานการณ์ตรงหน้าก็เถอะ)

“ก็โอบไปดิ”

เสียงราบเรียบดังบอกผมแบบนั้น

พอได้ยินผมเลยค่อยๆสอดแขนผ่านเอวเหมือนกับกำลังโอบเอวมันนั้นแหละครับ ไอ้ป้องไม่ได้พูดอะไร

ไม่รู้ว่าเพราะมันเข้าใจสถานการณ์หรือเพราะมันยอมผมแล้วกันแน่...

แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมก็ทำแบบนั้นไปแล้วล่ะครับ

Cbr ของผมค่อยๆแล่นออกจากบริเวณที่จัดงาน เพราะตอนนี้มันเป็นคนที่หนังอยู่ด้านหน้าผมเลยมองไม่เห็นสีหน้าของมัน

“ป้อง”

“หื้ม ?”

“สนุกไหมว่ะที่ไปเดินมา แล้วก็ร้อนไหม ?”

มันเงียบไปแปปก่อนจะพูด

“ร้อนมาก เหนื่อยมาก.....”

ผมได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มใจหาย ยังไม่ทันโต้แย้งอะไรอีกฝ่ายก็พูด

“แต่สนุกมาก และโคตรจะมีความสุขมาก ได้เจอคนแปลกๆในงานเยอะ เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยลอง ถ้าจะให้พูดมันก็คุ้มดีกับความร้อนและก็ความเหนื่อยนะ ปกติแล้วกูไม่ชอบเดินงานอะไรแบบนี้แบบ กลัวๆจะอึดอัด แต่พอได้มาลองเดินดูมันก็ไม่ได้อึดอัดอะไร แถมยังรู้สึกดีที่ได้เดินกับมึง”

ประโยคใดเหล่าจะเท่าประโยคจบ...

ผมรู้สึกเหมือนมีผีเสื่ออีกสักฝูงสองฝูงกระพือปีกบินไปมาในท้อง ความรู้สึกที่กลัวๆเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะเข้ากันไม่ได้กับโลกของผมค่อยๆลดน้อยถอยลงไป

“ดีใจนะที่มึงชอบ”

“อื้ม..วันหลังชวนมาอีกก็ได้นะ”

ผมถือว่านั้นเป็นประโยคที่แปลได้ว่ามันไปไหนมาไหนกับผมได้

แบบนี้จะเรียกว่า ‘ก้าวหน้า’ รึเปล่าครับ....  ?

“ป้อง”

“ห๊ะ ?”

ผมลังเลนิดหน่อยกับความคิดตัวเอง กำลังคิดอยู่ว่าควรจะถามออกไปดีไหม หรือไม่ควรถามดี

“มึงคิดยังไงกับน้องแสงว่ะ ?”

“แสง...อ้อ น้องรหัสกูอ่ะนะ”

“เออ”

มันเงียบไป เป็นเรื่องปกติล่ะครับ ก่อนไอ้ป้องจะพูดอะไรสักอย่างมันจะเงียบไป เป็นการแสดงออกว่ากำลังกลั่นกรองความรู้สึก
นึกคิดที่อยู่ในหัวให้ออกมาเป็นคำพูดที่ตรงประเด็นมากที่สุด

“ก็ดีนะ น้องเขาหล่อดี น่ารัก เอาใจเก่ง แถมยังชอบเล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง”

“เหรอ”

เหมือนๆไอ้ผีเสือฝูงนั้นจะถูกอะไรสักอย่างโจมตีจากภาคพื่นดินด้านล่างจนร่วงเกลื่อนท้องผมไปหมด

“อื้ม....เป็นรุ่นน้องที่น่ารักดี”

“รุ่นน้อง ?”

“อื้ม รุ่นน้อง”

คำยืนยันสถานะของไอ้แสงดังออกมาจากปากมัน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเอาใบชุบไปแจกให้ไอ้ผีเสือฝูงนั้น จนพวกมันฟื้นคืนชีพขึ้นมาตีปีกบินพับๆ หัวเราะผมที่ด่วนใจร้อนสรุปไปเอง

“แล้วกูหล่อไหม ?”

ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดออกไปได้ยังไง ปกติผมไม่เคยถามคำถามนี้กับใครนะ แม้จะหล่อจริงๆก็เถอะ (อะไร พูดความจริงแค่นี้ถึง
ขนาดต้องอ้วกเลยเหรอครับ -  -)

“ก็หล่อดี”

คำตอบสั้นๆได้ใจความดังขึ้นจากปากมัน

คือ จะพูดอะไรยาวๆต่อจากนี้ก็ได้นะเว้ย กูก็อยากรู้....

ว่ามึงคิดยังไงกับกู....

ผมไม่กล้าถามไอ้ป้องออกไปหรอกนะเกี่ยวกับตัวเอง ด้วยคำถามที่คล้ายกับของไอ้แสง

‘คิดยังไงกับกูว่ะป้อง ?’

กลัวว่าคำตอบที่ได้....

มันจะทำร้ายใจผมเองนี้แหละ

กลิ่นหอมสบู่จางๆจากตัวคนถูกโอบ ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มไปหน่อยๆ ผมสูดลมหายใจช้าๆเข้าออก พยายามเก็บเกี่ยวทุกความรู้สึกให้ได้มากที่สุดเพราะสักวันหนึ่งที่ผมมีความกล้ามากพอที่จะพูดออกไป

วันนั้นอาจจะเป็นวันเดี่ยวกับการที่มัน....

เลือกจะเดินจากผมไปก็ได้


...




“มึงพากูมาที่นี้อ่ะนะ ?”

“อื้ม โลกอีกครึ่งใบของกู”

เสียงผู้คนมากมายกำลังโหวกเหวกโวยวาย เสียงเด็กๆร้องกระจองอแงขอตังค์พ่อแม่ ณ ตอนนี้ผมกับมันได้มาอยู่กันที่...

“โลกของมึงนี้มีแต่เกมสินะ”

ไอ้ป้องพูดขึ้น

ครับ ตอนนี้ผมกับมันมาอยู่กันที่เกมเซนเตอร์แถวโรงเรียนที่ผมกับเกลอแก๊งชอบมานั่งตกเหยื่อ เอ๊ย รอสาวกันเป็นประจำ  ครั้งนี้ต่างกันตรงที่ผมมากับไอ้ป้อง

....ผู้ซึ่งผมคิดว่าไม่เคยเล่นเกมมาก่อนเลย

“ก็บอกแล้ว วันนี้กูอยากพามึงไปที่ๆกูอยากไป ส่วนพรุ่งนี้ก็ตามใจมึง อยากพากูไปเที่ยวที่ไหนก็เอาเลย”

ผมกับมันยื่นอยู่ที่แถวรอแลกเหรียญสิบครับ

“พูดอย่างกับมาออกเดทกันแนะ...”

ผมเกือบสำลักอากาศแถวๆนี้ด้วยซ้ำ คือรู้นะครับว่ามันแค่บ่นไปเรื่อย แต่พอโดนจี้ใจดำเนี้ยก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งนิดๆ

“ก็นะ ถือเป็นการขอโทษมึงไง”

“ขอโทษ... ?”

“ขอโทษที่กูไม่ค่อยเข้าใจมึงไง แต่ที่กูพามึงมานี้เพราะกูเองก็อยากให้มึงได้เข้าใจไง ว่าเออ กูเป็นคนแบบนี้นะ กูชอบอะไรแบบนี้ ไม่ใช่แค่ว่ากูทำเป็นแต่ม่อสาวหรือทำอะไรที่มันไม่ดีๆ กูแค่อยากให้มึงได้เห็นอีกด้านของกู”

ผมพูดออกไปด้วยความงงๆมึนๆของตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่ามันรู้เรื่องรึเปล่ากับสิ่งที่ผมพูด เพราะผมเองก็มึนเหมือนกัน แต่พูดตามที่ใจคิด ที่รู้สึกครับ...

“....................”

“มึงเข้าใจที่กูพูดไหมว่ะ ???”

“เข้าใจ”

“อื้ม ดีแล้วแหละ เพราะงั้นพรุ่งนี้มึงต้องพากูไปเที่ยวด้วย”

“.....................”

“กูอยากเข้าใจมึงไง....”

เป็นคำตอบ ......ที่อาจจะถือได้ว่าสรุปสั้นๆสุดๆแล้วล่ะมั่งครับ

การมาเที่ยวครั้งนี้ ตัวผมเองแอบแฝงอะไรไว้หลายๆอย่าง ผมอยากให้มันเข้าใจผม มุมมองของผม ความเป็นตัวเองของผม ว่าผมนะมันปากเสีย ดื้อด้าน อะไรแบบนี้ ผมอยากจะมองเห็นมันในมุมใหม่ๆ อยากรู้ อยากเข้าใจ ว่ามันคิดอะไร อยากได้อะไร เอาจริงๆคืออยู่ด้วยกันมาจะเกือบๆสองเดือนแล้ว กระทั้งพวกสิ่งที่มันสนใจผมยังไม่รู้จักดีพอ

ถ้าไม่รู้กระทั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่าย ....

แล้วผมจะ ‘รู้ใจ’ มันได้ยังไงล่ะครับ ?

ผมไม่ได้รีบร้อน ไม่เร่งสรุปความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมัน ไม่หาคำจัดกัดความใดๆมาคิดในปวดหัวด้วย ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ามันเป็นอะไรกับผม หรือผมกำลังเป็นอะไร ผมยังยื่นยันได้หนักแน่นเต็มปากว่าตัวเองเป็น‘ผู้ชาย’และผมยังชอบ’ผู้หญิง’ ยังมีอารมณ์ทางเพศกับเพศตรงข้าม ยังสนใจเรื่องยังว่า เหมือนๆกับมันที่ยังเป็นผู้ชายเต็มตัว

บางที่ธรรมชาติก็ไม่ได้อยากให้คนเราทำอะไรให้มันซับซ้อนมากมาย

นิยามสั้นๆของผมที่มีต่อมัน ก็คงจะเป็นคำตอบที่ว่า....

ผมได้อยู่กับมันแล้วผมมีความสุข

ไม่ต้องแอ็ค ไม่ต้องเก๊ก ทำอะไรก็ได้ตามใจ ไม่ต้องคอยวางมาดเกร็งเหมือนเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิง ไม่ต้องคอยจำวันเกิด วันสำคัญ วันครบรอบ บลาๆๆ นู้น นี้ นั้น  แสดงความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเปิดเผย

กับไอ้ป้องก็เหมือนกัน อยู่กับผม ผมก็ไม่เคยเห็นว่ามันจะประดิษฐ์อะไรออกมาสักอย่าง รอยยิ้ม คำพูด ท่าทาง ทุกอย่างล้วนไร้การปรุงแต่งและผมชอบ....ที่เป็นแบบนั้น

“อยากเข้าใจกูจริงๆเหรอ ?”

คำถามลอยๆออกมาจากปากมัน

“อื้ม...อยากรู้ ว่าบางที่ที่มึงเงียบ มึงคิดอะไรอยู่ ”

มึงคิดยังไงกับกูอยู่...

นั้นต่างหากคำถามที่ถูกต้อง

“งั้นมึงก็ต้อง ‘ไม่เข้าใจ’”

ผมยกคิ้ว งงกับคำตอบของมัน

“คือ กูหมายถึง ถ้าอยากเข้าใจ มึงต้องไม่เข้าใจ เพราะบางครั้งตัวกูเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าบางครั้งกูเงียบไปเพราะอะไร กูอาจจะเงียบเพราะอยากอยู่คนเดี่ยว กูอาจจะเงียบเพราไม่มีอะไรให้พูด กูอาจจะเงียบเพราะต้องการจะฟังเสียงรอบๆตัว....”

“..............”

“หรือกูอาจจะเงียบ....เพราะกูเองก็อยากจะรู้จักมึง....ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะงั้นตอนที่กูเงียบก็ไม่ต้องคิดมากก็ได้”

“..............”

“ไม่ต้องเข้าใจกันทุกเรื่อง แค่อยู่ข้างๆกัน มีความสุขไปกับสิ่งตรงหน้า มึงว่า...แบบนี้มันมากพอรึเปล่าว่ะ ?”

คนไม่ชอบพูด พูดสิ่งที่คิดออกมายาวๆ ตอนที่มันพูด ไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ ไม่ได้มีแววตาซึ่งกินใจ ไม่มีการกุมมือกันในรู้สึกอบอุ่น พูดออกมาด้วยลักษณะธรรมดาๆ

ไม่บ่อยนักหรอกนะครับที่มันจะพูดอะไรออกมายาวๆกับผมขนาดนี้

ผมหลับตานิ่ง ไอ้สมองโง่ๆของผมนะไม่รู้หรอกว่าที่มันพูดแปลความหมายไปได้มากขนาดไหน ผมรู้เพียงแต่ว่า....

ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้น

“มากพอเกินขอบคุณเลยแหละ”

ไม่มีอ้อมกอดโรแมนทริกๆเหมือนในหนังในละคร ไม่มีฉากสารภาพหวานๆ  ไม่มีคำพูดที่บ่งบอกไปในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ทุกอย่างมีแต่ความคลุมเครือที่ไม่ชัดเจน ไม่มีคำจำกัดความในสถานะใดๆ

แค่รู้ว่าอยู่ข้างๆกันแล้วมีความสุขทั้งคู่....

ก็พอแล้ว.....

เป็นอย่างที่คิด ไอ้ป้องไม่เคยมาเล่นเกมอะไรพวกนี้หรอกครับ มากสุดที่มันเล่นคือเกมในโทรศัพท์มือถืออะไรทำนองนี้

ผมสอนมันเล่นเกมกดตามตู้เหมือนสอนเด็กเล็กๆๆเล่น แรกๆไอ้ป้องก็ดูเกร็งๆ พอเล่นไปสักพักก็เริ่มคล่อง เล่นแข่งกับผมได้สบายๆ เกมที่โดนใจไอ้ปกป้องมากที่สุด ไม่ใช่เกมต่อสู้เลือดสาด ไม่ใช่เกมใช้สมองแบบไพ่ต่อกัน ไม่ใช่เกมเอเลี่ยนล่าสัตว์ประหลาดแต่เป็นเกม...

ตีตุ่น...

'ตุ๊บ'

เสียงค้อนดังทุบตัวตุ่นเป็นจังหวะเดี่ยวกับที่ตุ่นตัวสุดท้ายถูกไอ้ป้องตี

"เกียร์ ขอเหรียญสิบหน่อย"

มันบอก มือข้างซ้ายถือค้อนตีตุ่นไว้ มือข้างขวายื่นมาทางผม

ผมเหมือนเป็นตู้ธนาคารให้เด็กตัวเล็กๆรีดไถตังค์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเด็กอัจฉริยะจะชอบเล่นเกมตีตุ่น
ไอ้ป้องทุบค้อนลงไปด้วยแรงพอประมาณที่จะทำให้ตัวตุ่นถูกดันลงไปด้านล่างจากแรงทุบ ไม่ได้ทุบแบบบ้าคลั่งระบายอารมณ์ เหตุผลที่มันชอบเล่นมีเพียงอย่างเดี่ยว

"มันเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนดี แค่ตีลงไป ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย"

ชอบ เพราะว่ามันเรียบง่าย

จะบอกว่ามันคลาสสิคดีหรือตลกดีล่ะครับ

ไม่ว่าสุดท้ายจะลงท้ายแบบไหน ผมชอบที่เป็นแบบนั้น

ชอบที่ครั้งนี้ ไอ้ตัวดียอมทำตัวง่ายๆ ยอมพูดตรงๆกับสิ่งที่อยู่ข้างใน นี้คือสิ่งที่ทำให้ผมสบายใจในความสัมพันธ์ในตอนนี้

วันนี้ ‘โลกของผม’ ผ่านพ้นไปแล้ว.....

พรุ่งนี้ผมจะได้เจอแล้วสินะ....

‘โลกของมัน’นะ.....





                     
  _______________________________________________________


TBC.

ในที่สุดก็จบลงแล้วกับ 'โลกของเกียร์' ไม่รู้เหมือนกันว่าเราถ่ายทอดความรู้สึกของเกียร์ให้ออกมาชัดเจนรึยัง ถ้าอ่านแล้วยังงงๆแปลว่าสกิลแตกต่างยังไม่ถึงขั้น Orz

ตอนหน้าเป็น 'โลกของป้อง'นะครับ...

อยากรู้ไหม ว่าโลกที่ป้องอยู่....

มันเป็นยังไง :)

ขอบคุณทุกคน ทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจ บอกเลยว่าปลื้มปริ่มๆมาก โดยเฉพาะคุณ B52 คุณเทพอสูร คุณsnowboxs คุณ IsDeer มีความสุขมากที่กดกระทู้ที่ยังไม่ได้อ่านแล้วเจอคอมเม้นท์ทุกตอน


ขอบคุณครับ  :L2:

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-07-2014 16:53:39
ดีจังไม่ต้องรีบหาคำตอบให้ตัวเองสับสน
แค่พูด แค่ทำ แค่คิด ในสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่มีความสุข
ทีนี้ก็ได้เวลารอเข้าไปในโลกของปกป้องกันสักทีนะ
เพราะถ้ามองจากภายนอก ป้องดูซับซ้อนกว่าเกียร์เยอะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-07-2014 17:36:11
เพราะชีวิตมันยุ่งยากพออยู่แล้วก็เลยมองหาอะไรที่มันเรียบง่ายใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 01-07-2014 18:34:05
>< งื้ออออ นิยายเรื่องนี้ทำให้เราอารมณ์ดีอีกแล้ว~~

ชอบนะที่บรรยากาศของทั้งคู่มันค่อยเป็นค่อยไป เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

โลกของเกียร์นี่มีสีสันดีนะ ทำให้เราสนใจจะลองเล่นสเก็ตบอร์ดดูเลย
รอดูโลกของป้องๆ :)
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: stickieeZz ที่ 01-07-2014 20:06:51
น่ารักมากกก :katai2-1: :katai2-1: จับมือกันเล่นสเก็ตบอร์ด :mew1:

เวลาล้มทีเจ็บตูดมาก เคยเล่นแล้วล้มเจ็บก้นไปสองวัน :hao5: :hao5:

อยากเจอโลกของป้อง จะเป็นยังไงน้าาาาา :hao6:

รอจ้าาาาาาา

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-07-2014 23:42:49
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :hao7:
ทำเอาฟินอีกแล้ว หลายๆฉากมันช่างฟิน จนกำเดาฉันจิไหล
มากอดแตกต่างเป็นรางวัลที่เขียนเรื่องได้น่ารัก  :กอด1:

โลกของปกป้องก็คงฟินไม่แพ้กัน คราวหน้าปกป้องต้องโชว์สกิลเมะนะ อย่ายอมให้เค้ากดล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

ปอลิง: กะเพรา เขียนอย่างนี้จ้า
สแตนด์ เขียนอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-07-2014 12:40:40
เพิ่งตามอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อคืน แบบว่ามันสนุกมากกกกจริงๆ
เราชอบอ่านนิยายที่ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ยังเดาไม่ออกว่าใครจะอยู่เหนือใคร แต่เดาว่าเป็นป้องนะ ความชอบส่วนตัวค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 02-07-2014 14:07:06
ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า  "ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ"  ยอมรับเลยว่าเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนมี เพื่อน มาเล่าให้ฟัง วันนี้เจอแบบนี้มานะ จะทำแบบนั้นต่อนะ อะไรประมาณนี้   #วันนี้มีสาระอะ อุ๊ยเขิน  :-[


#เหมือนตอนนี้เค้าหวานๆ มุ้งมิ้ง ฟุ้งฟิ้งกันยังไงชอบกล  :hao6:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 02-07-2014 21:21:14
#17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง


วันนี้พ่อกับแม่ออกไปหาลูกค้านอกบ้านแต่เช้า ผมกับไอ้ป้องตื่นมาช่วยกันจัดการงานบ้านให้เรียบร้อย เอาผ้าเข้าเครื่องซักผ้า(ที่ใช้ได้แล้ว) เก็บกวาดเช็ดถูจนบ้านสะอาดนั้นแหละครับ ผมกับไอ้ป้องเลือกเมนูทานง่ายๆอย่างไข่ดาวคนละสองฟอง(จริงๆคือผมกินไปสาม)อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลาพร้อมไปแล้วครับ

ไอ้ป้องกำชับผมนิดหน่อยว่าให้แต่งชุดสีโทนอ่อนๆ ผมก็ไม่เข้าใจนักหรอกนะครับ เอาเป็นว่าผมตามใจมันล่ะกัน

แน่นอนว่าวันนี้พาหนะของผมกับมันยังเป็นCbr คู่ใจเช่นเคย ไอ้ป้องแค่เตือนผมว่าให้ชะลอความเร็วจากปกติก็เท่านั้นแล้วก็ให้พกบัตรประชาชนไปด้วย ก่อนออกจากบ้าน ตอนแรกมึงหยุดยืนมองสเกตบอร์ดที่จอดไว้หน้าบ้าน สุดท้ายก็หิ้วติดมือมาด้วยทั้งของผมของมัน ผมไม่ถามเหตุผลหรอกนะว่ามันเอาไปทำไม เอาเป็นว่ามันอยากบอกก็คงบอกเองนั้นแหละครับ

"เกียร์"

"หื้ม?"

"รู้จักโรงพยาบาล'มอร์ ลินเทอร์'ไหม?"

ผมทวนชื่อโรงพยาบาลนั้นในใจเงียบๆ ก่อนจะส่ายหน้าเพราะไม่แม้แต่จะคุ้นด้วยซ้ำ

"ฮะฮะ ไม่รู้จักก็ไม่แปลกหรอก มันเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางเล็กๆนะ"

"แล้วมันเกี่ยวกับไรอ๊ะ?"

ผมถามไปด้วย สวมหมวกกันน็อคไปด้วย ไอ้ป้องเงียบไปแปบก่อนจะตอบ

"โรคหัวใจนะ"

"งั้นบอกทางด้วยแล้วกัน กลัวพามึงหลง"

ผมพูดกลั่วหัวเราะ รอยยิ์มจางๆถูกส่งผ่านกระจกมองข้างมาให้ ก่อนไอ้ป้องจะขึ้นซ้อนท้ายผมออกไป




ผมขับรถตามคำบัญชาของไอ้คุณชายปกป้องไปจนถึงบริเวณโรงพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่ง

โอเค...มันไม่ใช่โรงพยาบาลเฉพาะทาง ‘เล็กๆ’แบบที่ไอ้ป้องบอกเหรอ

อาคารสีครีมอ่อนสูงหกชั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม ไอ้ป้องบอกกับผมว่าไอ้ขับรถเข้าไปจอดช้าๆตรงบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล ก่อนผมกับมันจะเดินเข้าไปในตัวอาหาร

“สวัสดีครับพี่แพร”

มันว่า ก่อนจะยกมือไหว้นางพยาบาลสาว(สวยโคตรๆ)คนหนึ่ง หล่อนรับไหว้ก่อนจะถามต่อ

“หวัดดีจ้าน้องปลื้ม มากับเพื่อนเหรอวันนี้ ?”

“ครับพี่ นี้เกียร์เพื่อนผม”

ผมยกมือไหว้อย่างงงๆกับนางพยาบาลคนนั้น เพราะเมื่อกี้หล่อนเรียกไอ้ป้องว่า ‘น้องปลื้ม’

“โอเค เดี่ยวเกียร์พี่ขอบัตรประชาชนเราไว้หน่อยนะ เราต้องติดบัตรของทางโรงพยาบาลจ้า”

ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะครับ ว่าทำไมมีแค่ผมคนเดี่ยวที่ต้องติดบัตรติดต่อภายใน แต่ไอ้ป้องกับเดินตัวปลิวไปมาได้ ยังกะมันได้อภิสิทธิ์พิเศษงั้นแหละครับ ผมยื่นบัตรประชาชนไปให้หล่อน ก่อนจะรับบัตรที่มีเข็ดกลัดเล็กๆไว้ติดตรงหน้าอก ไอ้ป้องคุยอะไรกับพี่แพรนิดหน่อยก่อนจะขอตัว

ผมกับมันเดินขึ้นไปเรื่อยๆถึงชั้นสาม ก่อนไอ้ป้องจะเดินไปตรงห้องริมระเบียง มันหันมามองหน้าผมนิดหน่อยก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป ภาพที่ปรากฏแก่สายตาหลังจากเดินเข้าไปคือเตียงนอนคนไข้ที่ป่วยด้วยผ้าสีฟ้าอ่อนๆ ไอ้ป้องขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“ร่าเริง อยู่ข้างไหนรึเปล่า ?”

มันตะโกนเรียกชื่อใครบางคน แต่พอเปิดประตูห้องน้ำก็ไม่เจอใคร

“พี่ปลื้มเหรอ ?”

เสียงแหลมเล็กๆเหมือนเสียงเด็กเพิ่งแตกหนุ่มดังขึ้นจากริมระเบียง ไอ้ป้องทำหน้าย่นก่อนจะเดินไปตามเสียง

“แล้วใครใช้ให้ไปยืนริมระเบียง เดี่ยวก็ตกลงไปหรอก”

ผมยืนเงียบๆเพราะยังนึกไม่ออกว่าตัวเองควรจะทำยังไงต่อไป

“ก็มันร้อนนิ...อ๊ะ...นี้... ?”

“นี้พี่เกียร์ เพื่อนพี่เอง”

ไอ้ป้องแนะนำ ก่อนน้องคนนั้นจะหันมาไหว้ผม

รอยยิ้มเล็กๆถูกจุดขึ้นที่มุมปากของร่าเริง ในชีวิตผมถ้าไม่รวมพวกผู้หญิงแล้ว เด็กผู้ชายที่ยิ้มได้น่ารักมากมีสามคน ไอ้ต้องตาน้องรหัสผม น้องเพลงแฟนพี่กาเซียร์ และเด็กที่อยู่ตรงหน้า....

“สวัสดีครับพี่ ผมชื่อร่าเริง”

ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วในความคิดผม ต้องตาเหมือนกล่องแพนโดร่า ที่แม้จะน่าหลงใหลแต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตราย น้องเพลงเหมือนไวโอลิน ดูภายนอกงดงามเลอค่า แฝงทำนองไว้มากมาย ส่วนร่าเริงเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อยๆ ไม่ได้อบอุ่นจนแกร่งกล้า แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดู…

ร่าเริงเป็นเด็กผู้ชายอายุคะเนคร่าวๆจากสายตาผมประมาณ 12-13ปี สูงประมาณ 150กว่าๆไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เขาอยู่ในชุดคนป่วยแบบที่เห็นตามในหนังในละคร แต่เป็นสีฟ้าอ่อน ผมบนหัวยาวกว่าปกติแบบเด็กทั่วไป สิ่งที่ผมเห็นอย่างเดี่ยวคือบรรยากาศรอบๆตัวน้องมันดูเหมือนไอ้ป้อง

แต่เป็น ’ความเหมือน’ ที่ ‘แตกต่าง’.....

ผมอธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกันว่ามันหมายความว่ายังไง เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเอ็นดูเด็กคนนี้แล้วกัน

“เป็นไงมั่งเรา”

ไอ้ป้องนั่งลงตรงเตียงก่อนจะถามร่าเริง เด็กนั้นยิ้มน้อยๆสไตล์คล้ายๆกันกับไอ้ป้องก่อนจะตอบ

“ก็เหมือนเดิมครับพี่ ยังมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งวัน”

 “‘ตั้ง’หนึ่งวันต่างหาก”

ไอ้ป้องแก้ เด็กนั้นหัวเราะแห้งๆก่อนจะพูดต่อ

“พี่ปลื้ม ร่าเริงเบื่อจะอยู่ในห้องแล้วอ๊ะ อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก”

คนเด็กกว่าพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ ใบหน้ายิ้มๆนั้นหมองลงไปถนัดหน้า

“ไว้หายดีก่อนสิ เดี่ยวเราก็ได้ออกไปเดินเล่นแล้ว”

“งั้นมันคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะครับ....”

“อย่าดื้อสิร่าเริง เดี่ยวก็หายเชื่อพี่สิ”

ไอ้ป้องพยายามพูดตอบ คนเด็กกว่าไม่พูดอะไรแค่เงียบลงไปถนัดตา

“จริงๆไปก็ได้ไม่ใช่เหรอป้อง ?”

ผมที่นิ่งเงียบไปนานเอ่ยพูดขึ้นบ้าง น้องร่าเริงที่เมื่อกี้ทำท่าหูตก หูตั้งขึ้นมาทันตา

“จริงเหรอครับพี่เกียร์ พาผมออกไปข้างนอกได้เหรอ ?”

“ก็ได้สิ นอกห้องไม่ได้มียักษ์มีมารนิเราถึงจะออกไปข้างนอกไม่ได้”

“ไชโย”

เด็กนั้นร้องด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนทำท่าจะกระโดด แต่ก็หยุดชะงักค้างอยู่กับที่ ใบหน้าที่สดใสเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด ผมยังไม่ทันขยับตัวไอ้ป้องที่ทำหน้าตกใจก็รีบเข้าไปดูใกล้ๆก่อนผมจะทันขยับตัวด้วยซ้ำ

“ใจเย็นๆ สูดลมหายใจลึกๆ นั่งลงก่อน”

มันประครองร่างของร่าเริงที่กำลังพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติ ไม่ถึงห้านาที่ร่าเริงก็ยกมือขึ้นมาบอกว่าตนโอเคแล้ว

“เหนื่อยไหม ? พักก่อนรึเปล่า ?”

ไอ้ป้องถามด้วยความเป็นห่วง แต่คนฟังกลับพยายามส่ายหน้ารั่วๆจนผมกลัวอาการน้องมันจะกำเริบอีก

“ไม่เอา ร่าเริงจะไปกับพี่เกียร์”

“เราไม่สบายอยู่ ออกไปไม่ได้”

“แต่...แต่ผม....”       

น้องมันทำหน้าอึดอักก่อนอาการแบบเดิมๆจะปรากฏขึ้นจนผมกับไอ้ป้องกระวนกระวาย สุดท้ายไอ้ป้องก็เลยยอมให้น้องมันออกไปข้างนอกได้

“ออกไปก็ได้ๆ แต่แค่สวนของโรงพยาบาลเท่านั้นนะ”

ไอ้ป้องยอมตามคำขอร้อง น้องมันทำได้แค่พยักหน้ารับช้าๆเพราะกลัวว่าอาการเดิมๆจะกำเริบอีก

“โอ๊ย!!!”

ผมสะดุ้งตัวเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆที่แขน ตอนนี้น้องร่าเริงขอตัวเข้าไปอาบน้ำข้างในห้องก่อนครับ น้องมันบอกว่าไม่อยากลงไปข้างล่างแบบตัวเหม็นๆ

“เกียร์ไปพูดแบบนั้นกับน้องเขาได้ยังไง”

มันดุผมเสียงเข้ม

“อ้าว ก็แล้วทำไมน้องเขาถึงออกไปข้างนอกไม่ได้ล่ะ”

ผมถามด้วยสีหน้ากังขา ถึงจะเห็นว่าน้องมันดูจะตื่นตกใจง่ายไปหน่อยแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอันตรายใดๆเดินขึ้นเลยด้วยซ้ำ

“ร่าเริงเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดตีบตัน”

“ห๊ะ ?”

“อาการของน้องมันก็เหมือนที่มึงเห็นเมื้อกี้ เหนื่อยง่ายตามความรู้สึก แค่ตกใจหรือดีใจมันก็เจ็บหน้าอกแล้ว จริงๆอาการของน้องมันในตอนนี้ไม่ควรจะลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ......... ”

“อ้าว...คือ กูไม่รู้....”

ผมพูดเสียงต่ำ เริ่มรู้ตัวว่าทำพลาดไป ก็มันไม่ยอมบอกอะไรผมก่อนสักอย่างเลยนิครับว่าต้องทำยังไงบ้าง

“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าให้น้องลงไปเดินเล่นก็ได้ แต่ต้องช่วยกันดูแลนะ ร่าเริงสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“อ่า......”

ระหว่างที่นั่งรอร่าเริง ไอ้ป้องก็เริ่มเล่าให้ผมฟังถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

ร่าเริงคือรุ่นน้องคนหนึ่งที่สนิทกันมากสมัยที่พ่อของไอ้ป้องยังอยู่ เป็นเพื่อนบ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนพี่น้องต่างสายเลือดกัน แต่เพราโรคหัวใจที่เป็นโรคประจำตัวซึ่งเพิ่งตรวจเจอสมัยเข้ามัธยมต้น ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนๆเด็กทั่วไป ร่าเริงเองก็พยายามอย่างเต็มที่ในการใช้ชีวิตเพื่อให้มี‘วันพรุ่ง’นี้ต่อไป ทั้งการทำกายภาพบำบัดหรือการเข้ารักษาต่างๆ

แต่อาการของน้องตรวจสอบพบ....’ช้าเกินไป’……

พ่อแม่ของน้องร่าเริงเองก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำให้ลูกของตนได้ ไม่ว่าจะหมอกนอกหรือหมอไทย ทั้งแบบวิทยาศาสตร์และความเชื่อ

แต่คำว่า ‘ช้าเกินไป’ มีอยู่จริงเสมอ....

ผมเลียริมฝีปากที่แห้งสนิท ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมาพบกับเรื่องแบบนี้ใน ‘โลกของมัน’

ไอ้ป้องบอกต่อว่ามันพยายามที่จะมาโรงพยาบาลทุกอาทิตย์เพื่อเยี่ยมน้องมันเพราะมันเองก็มีธุระประจำ

สิ่งที่ไอ้ป้องทำได้คือแค่ช่วยอยู่ข้างๆไม่ให้น้องร่าเริงเหงา.....มันบอกว่ามันเองก็รู้สึกแย่ที่ทำได้แค่นี้

ผมไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นใดๆออกไป ไอ้ป้องเองก็ดูเหนื่อยล้าพอสมควรในการเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง

ถ้าสิ่งที่ป้องทำให้น้องร่าเริงได้คืออยู่ข้างๆ....

สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กุมมือมันไว้

“มึงทำดีที่สุดแล้ว”

ผมบอกมันไปแบบนั้น ไม่ได้หวังปลอบใจหรือเพื่ออะไร ผมแค่พูดในสิ่งที่รู้สึกว่าตัวเองสมควรจะพูด

ไอ้ป้องไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมา แววตาของมันดูเหนื่อยอ่อน มือที่ผมกุมไว้ก็ดูสั่นแปลกๆ ผมไม่ถามไม่ซักต่อถึงสิ่งที่ค้างคาใจเพราะไม่อยากทำให้มันลำบากใจเพิ่ม แค่พยายามกุมมือมันไว้ให้แน่นที่สุด.....

“พร้อมแล้วครับ”

น้ำเสียงสดใสของร่าเริงดังออกมาจากห้องน้ำ ก่อนน้องมันจะโผล่ออกมาในชุดเสื่อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั่นสามส่วน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มพระอาทิตย์ยังคงประดับอยู่เสมอๆ ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้เข้มแข็งกว่าที่ตัวเองเห็น....

“ลงลิฟต์ นะ”

ผมไม่อยากให้น้องมันเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินความจำเป็น เอาจริงๆเองผมก็เริ่มหวั่นใจแล้วว่าการที่ให้ร่าเริงออกไปเดินเล่นนี้มันเหมาะสมจริงๆรึเปล่า ?

ไอ้ป้องส่งสีหน้าที่แสดงคำว่าขอบคุณมาให้ผม ก่อนผมกับมันจะจับมือน้องร่าเริงคนละข้าง บางที่ผมก็รู้สึกเกลียดตัวเองเหมือนกัน ที่บางครั้งเราก็ทำได้แค่ ‘อยู่ข้างๆ’  อย่างเดี่ยว....

เราลงลิฟต์กลางของโรงพยาบาล ไปจนถึงชั้นล่าง พอจะเดินผ่านประชาสัมพันธ์พี่แพรก็ทำตาโตก่อนจะพูดออกมา

“ร่าเริงพี่ว่าเรา...ไม่ควรจะเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไปนะ”

หล่อนพยายามพูดไม่ให้กระทบจิตใจของคนป่วย ร่าเริงเองก็ทำหน้างอๆ ผมเห็นไอ้ป้องส่งสีหน้าขอโทษไปให้พี่พยาบาล

“พี่แพรครับ ขอให้ผมกับป้องพาน้องไปเดินเล่นนะครับ แค่ที่สวนของโรงพยาบาลก็พอ”

“แต่...”

“ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องดีๆจริงๆครับ ถ้ามีอะไรผิดปกติผมจะเรียกพยาบาลให้เร็วที่สุดแน่นอนครับ”

พี่แพรมีสีหน้าอึดอัด หล่อนทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะถอนหายใจยาวๆแล้ววางมือไว้บนบ่าผม

“รบกวนเรากับปลื้มด้วยนะ...แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องเรียกพี่ให้ไวที่สุดเลยนะ เราเข้าใจใช่ไหมครับเกียร์  ?”

หล่อนพูดกับผมด้วยเสียงเบาหวิวท้ายประโยค ผมเองก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำเรื่องเสี่ยงๆอยู่

แต่ผมว่าคนเราไม่ควรจะอยู่แค่ห้องสี่เหลี่ยมนั้น...

“ขอบคุณนะครับพี่แพร”

ร่าเริงพูด ก่อนจะสวมกอดนางพยาบาลสาว หล่อนลูบหัวน้องมันด้วยความเอ็นดูก่อนจะยอมปล่อยออก

“ถ้าเจ็บหน้าอกหรือรู้สึกผิดปกติต้องรีบบอกพี่เกียร์พี่ปลื้มนะ....”

หล่อนย้ำจริงจังกับร่าเริง เด็กน้อยเองตะเบ๊ะมือขึ้นมาก่อนจะพูดน้ำเสียงจริงจัง

“สัญญาด้วยเกียรติ์ลูกผู้ชายเลยครับ”

ผมกับพี่แพรร่วมทั้งไอ้ป้องต่างตลกกับท่าที่ของน้องมัน ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก พี่แพรส่งวิทยุเล็กๆไว้ให้ผม แกกำชับไว้นักหนาเลยว่าต้องรีบวอติดต่อทันที่ที่ร่าเริงผิดปกติ แม้แต่นิดเดี่ยวก็ตาม ผมพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะคาดหูของวิทยุไว้กับหูกระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบวิ่งไปจับมือร่าเริงอีกข้าง

ใบหน้าของร่าเริงคล้ายกับไอ้ป้องเมื่อวาน คือรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งทั่วไป ทั้งๆที่ไอ้พวกนี้เป็นอะไรที่ปกติธรรมดามาก แต่สำหรับคนๆหนึ่งที่ถูกห้ามไม่ให้ลงมาข้างล่างนานถึงหกเดือน ผมว่าก็ไม่แปลกอะไรที่จะรู้สึกแบบนี้

ผมกับไอ้ป้องพยายามคอยสังเกตอาการของร่าเริงทุกระยะ น้องเองยังมีสีหน้ายิ้มแย้มและแจ่มใสประดับบนใบหน้า ระหว่างทางเดินไปสวนน้องเองก็คอยซักถามถึงสิ่งที่สังเกตเห็น คอยมองคนนู้นที่ คนนี้ที่ ตอนนี้เราสามคนจูงมือกันเดิน ไม่รู้สิครับ ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากปล่อยมือเด็กคนนี้

แค่อยากช่วยไอ้ป้องอยู่ข้างๆคนที่เหมือนน้องชายมัน.....

สวนของทางโรงพยาบาลตกแต่งเหมือนสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ คือเอาจริงๆผมก็อธิบายไม่ถูกหรอกนะครับแต่รู้สึกว่ารูปแบบการจัดสวนเป็นแบบที่เคยเห็นมาตามรายการทีวีของญี่ปุ่น มีหินก้อนใหญ่ๆตั้งตระหง่านไว้ด้านหน้า ตัวอักษรคันจิญี่ปุ่นสลักไว้บนก้อนหิน(แน่นอนว่าผมอ่านไม่ออกหรอกนะแต่ถ้าไอ้ป้องคงไม่แน่)

ผมกับไอ้ป้องจูงมือน้องมันมาจนถึงชิงช้าขนาดใหญ่ ต้องตาเองก็ดูเหมือนจะพอใจที่ได้มานั่งตรงนี้

“อากาศสดชื่นจัง”

ร่าเริงพูดพร้อมสูดอากาศหายใจเข้าปอดลึกๆ ร่างน้อยๆยังคงยิ้มพรายมองดูผู้คนที่เข้ามาเดินเล่นในสวนเหมือนกับพวกผม

“เจ็บหน้าอกไหมเรา ?”

ไอ้ป้องสอบถาม น้องมันส่ายหัวช้าๆก่อนจะถอดสายตาออกไป ร่าเริงสลัดรองเท้าแตะที่ใส่มาทิ้ง ก่อนจะค่อยๆกดฝาเท้าลงกับดิน

“นานแค่ไหนแล้วนะพี่ปลื้ม ที่เท้าผมไม่ได้สัมผัสกับดินมานานขนาดนี้....” 

ร่าเริงพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ปลายเท้าทั้งสองข้างจิกลงกับดินเล็กน้อย

ผมกับไอ้ป้องไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม มันคงจะคิดเหมือนๆกับผม คืออยากให้น้องมันได้สัมผัสสิ่งที่ขาดหายไปให้เต็มที่ เราจึง
เลือกที่จะเงียบกันโดยไม่ต้องนัดแนะ

เป็นความเงียบที่ไม่อึดอัด...

“พี่ปลื้ม พี่เกียร์”

“ครับ/ครับ”

ผมกับไอ้ป้องขานรับเสียงน้องมัน

ร่าเริงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะค่อยๆพูดออกมา

“พี่ว่า ‘จากเป็น’ กับ ‘จากตาย’ แบบไหนมันแย่กว่ากันครับ...”

มือเล็กๆที่ผมกับไอ้ป้องกุมไว้สั่นขึ้นมาเล็กน้อย ผมบีบเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ ไม่รู้จะตอบยังไงดี ผมมันพวกไม่มีวาทะศิลป์ซะด้วย

“แล้วมันต่างกันยังไง ?”

“............”

ผมกับน้องร่าเริงเงียบรอฟังมันพูดต่อ

“จะจากเป็น หรือตาย พี่ว่ามันไม่ต่างกัน จากก็คือจาก มันก็แปลได้แค่ว่าเราไม่มีทางได้เจอกันแล้วนะ....”

“............”

“มนุษย์ทุกคนเกิดมาสุดท้ายก็ต้องจาก จะช้าจะเร็วนั้นก็อีกเรื่อง ถ้าถามพี่ว่าจากแบบไหนแย่กว่ากัน พี่ว่ามันก็แย่ทั้งคู่ จากตายคนที่ยังอยู่ก็ไม่ต่างอะไรจากตายไปแล้ว จากเป็นแล้วมันดียังไง ? ในเมื่อมันก็ไม่ได้ห่างไกลจากคำว่าตายแม้แต่น้อย ”

“.......”

“มีคนเคยถามพี่เล่นๆไว้ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างตัวเองกับคนที่พี่รักมากๆ ถ้าต้องกำหนดว่าให้ใครสักคนตาย จะเลือกให้ใครตาย ? เขาหรือพี่ รู้ไหมพี่ตอบคนๆนั้นว่ายังไง”

ผมสัมผัสได้ว่ามือที่สั่นอยู่ทั้งสองข้างสงบลงจนเริ่มเป็นปกติ ร่าเริงส่ายหน้าช้าๆรอฟังคำตอบ

“มึงล่ะเกียร์ ถ้าต้องเลือกนะ”

มันหันมาถามผม

“กูคง...เลือกให้กูตายมั่ง....”

ผมตอบด้วยสามัญสำนึก คงไม่มีใครหรอกมั่งครับที่อยากให้คนที่เรารักตาย

ไอ้ป้องทำหน้านิ่งๆแต่สงบมากในสายตาผม ก่อนจะตอบในสิ่งที่มันเลือก...

..

.

.


“พี่จะเลือกให้เขาตาย”



ผมกับร่าเริงหันไปหาคนพูดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ....

“ถ้าพี่เป็นคนที่เขารักหมดหัวใจ ถ้าพี่เป็นคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขา พี่จะเลือกให้เขาตาย แล้วพี่จะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่าง
เอาไว้แล้วเดินหน้าต่อไป”

“.......................”

“ลองคิดในมุมกลับกัน  ถ้าเขาตาย พี่คงทรมานมาก ....ทรมานในทุกๆวันที่ยังลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าไม่มีเขา แค่คิด...พี่แทบจะยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าต้องเลือก....พี่จะให้เขาตาย พี่คงทนไม่ได้ ถ้าคนที่พี่รัก...ต้องทรมานเพราะพี่ตาย.....”

“.........................”

“จะว่าพี่เป็นคนเห็นแก่ตัวก็ได้นะ แต่พี่คิดแบบนั้นจริงๆ  พี่อยากจะมีลมหายใจต่อไปเพื่อแบกรับความรู้สึกขมขื่นนั้นเอาไว้ ดีกว่าจากไปแล้วปล่อยให้ใครอีกคนตายทั้งเป็น...พี่ทนไม่ได้จริงๆที่จะเห็นคนที่พี่รักต้องเสียใจ”

มุมมองที่ผ่านออกมาจากปากมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะคิดตาม...

และเห็นด้วยกับมุมมองของไอ้ป้อง

ถ้ามองในสายตาของคนทั่วไป มันคงเป็นอะไรที่เห็นแก่ตัว เลือกที่จะให้ตัวเองมีชีวิตอยู่แล้วปล่อยให้อีกคนตายไป...

แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งเหมือนที่มันมอง แล้วคนที่อยู่ต่อไป....จะมีความสุขได้จริงๆเหรอครับ.....

ทุกๆวันที่ต้องอยู่กับความทรมานที่ใครคนหนึ่งจากไป ทุกๆวันที่ต้องลืมตามาเพื่อใช้ชีวิตไปอีกวัน

มันคงทรมานมากจริงๆ....

เลือก...ที่จะให้อีกคนจากไปอย่างสงบ

เลือก...ที่จะใช้ชีวิตต่อไป แม้จะทรมานเหมือนมีมีดนับล้านมากรีดหัวใจ

เพียงเพราะแค่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องทรมาน

ผมว่ามัน...ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ถ้าเราจะเลือกเส้นทางเส้นนี้....

เจ็บปวด ทรมาน แต่มีความสุข ที่ไม่ต้องเห็นคนที่รักสุดหัวใจ ทรมานกับการจากไปของเรา....

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเริ่ม‘เรียนตัว’ปกป้องไปอีกก้าว มุมมองที่ผ่านออกจากปากมันยิ่งทำให้ผมรู้สึก

“จะจากเป็นหรือจากตาย ไม่สำคัญเท่าวันนี้....เรายังยืนอยู่ตรงนี้ ....เรายังมีลมหายใจต่อไป .....เรายังต้องยืนขึ้นมาอีกครั้ง
หนึ่ง.....”

“...........”

“เพราะปัจจุบันคือของขวัญที่มีค่ามากที่สุด มันเป็นสิ่งที่พี่มองว่าพระเจ้าให้เป็นของขวัญมา เราทำมัน ให้กลายเป็นอดีตที่เติมเต็มปัจจุบัน และทำมัน ให้เติมเต็มอนาคต อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกัน พี่เชื่อว่าขอแค่เราทำมันให้เต็มที่...มันไม่มีอะไรเลยจริงๆที่จะทำให้เราเสียใจ...เพราะเราได้ทำเต็มที่แล้วในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง....”

สายลมเอื่อยๆพัดผ่านตัวผมกับน้องร่าเริงไป คนพูดหยุดเว้นไปช่วงหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“แค่ทุกวัน.... ได้รู้ว่าเรายังมีลมหายใจ .... มันก็เป็นโชคดีเท่าที่คนๆหนึ่งจะมีแล้วล่ะ....”

“................”

ปกป้องเหมือนทะเลสาบที่กว้างใหญ่เกินกว่าจะหยั่งถึง เงียบสงบและลึกลับ .....

ความสงบนั้น เพื่อแผ่มาถึงผมกับน้องร่าเริง.....

“ขอบคุณครับพี่ปลื้ม”

น้ำเสียงของร่าเริงสงบขึ้นมาจากตอนแรก ผมรู้สึกได้ถึงแรงกุมตอบกลับเบาๆจากมือน้อยๆข้างที่จับกับผมไว้ คิดว่าไอ้ป้องเองก็คงไม่ต่างกัน

“ฮ่าๆ ขอโทษนะ พี่พูดอะไรเรื้อยเปื่อยเพ้อเจ่อไปหน่อย”

มันเกาหัวแกรกๆแก้เขิน ชิงช้ายังคงไกวไปเรื่อยๆ....

ผมรู้สึกว่าใจของผมสงบมากขึ้น ความคิดของตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปในแบบของผมเอง

โลกของปกป้อง ไม่ได้หวือหวา ไม่ได้มีเฉดสีแรงๆหรือเร้าใจแบบของผม

โลกของปกป้อง ไม่ได้มีเรื่องน่าตื่นเต้น ไม่ได้มีเรื่องที่จะทำให้ตื่นมาแล้วสนุกได้ในทุกๆวัน

แต่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยไออุ่น...

ปกป้อง...เป็นอะไรที่ผมเปรียบเทียบหลายๆอย่างๆ....

อบอุ่นดุจดังพระอาทิตย์….

สงบเหมือนทะเลสาบ…

เป็นขุนเขาที่กว้างใหญ่...

เป็นป่าไม้ที่ร่มเย็น...

ตอนนี้ผมเข้าใจตัวเองแล้วล่ะ....

ว่าทำไมผมถึงได้รัก‘โลกใบนี้’


TBC.


ยิ่งเขียนยิ่งยาว ฮ่าๆ  :mc4: ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านใหม่ๆด้วยนะครับ ขอบคุณที่ชอบในตัวน้องๆ ขอบคุณที่ยังรักพวกเขาแม้จะ 'แตกต่าง'ก็ตามแต่....

โลกของป้อง เป็นตอนหนึ่งในหลายๆตอนที่เราเค้นพลังภายในออกมาสักพักใหญ่ๆมากก่อนจะเขียนออกมา เป็นตอนที่เราต้องเค้นหลายๆสิ่งในชีวิตเราออกมาตอบ

คำตอบของป้อง อาจจะไม่ถูกใจทุกคน แต่เพราะป้องเป็นป้อง เลยเลือกที่จะตอบไปแบบนั้น

ขอบคุณทุกคนครับ รักมาก อยู่กันไปนานๆนะเออ  :กอด1:

ปล. ตอนหน้ายังคงวิ่งเล่นในโรงพยาบาลอีกสักครึ่งตอน ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ   :z2:


หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-07-2014 21:45:14
ปลื้ม นึ่ ชื่อเล่นของป้องเหรออ

งงอ่ะ รีบมาเฉลยก่อนนนนนนนน

ปล อย่าบอกนะว่า ป้องก็เป็นโรคหัวใด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 02-07-2014 21:47:28
รักป้อง  :กอด1:  ถ้าเป็นเรา จะเป็นคำว่า ไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเจ็บจะจาก จะสุขจะทุกข์ เราจะไปด้วยกัน พร้อมๆกัน   :hao3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2014 22:26:39
อยากจะร้องไห้ให้ตอนนี้เลย สำหรับการจากลาไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็เจ็บปวดเหมือนกันนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-07-2014 00:31:34
เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะมีพาร์ทมาม่าให้เรามานั่งกินกันก็ได้  :m15:

อ้างถึง
“มึงล่ะป้อง ถ้าต้องเลือกนะ”
ต้องเป็นเกียร์ป่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 03-07-2014 03:17:58
คือมันซาบซึ้งมาก ความคิดของปัองคำพูดของป้องมันดีมากกกกก
และชอบบทสรุปตอนท้ายที่เกียร์บอกว่า เค้ารู้แล้วว่าทำไมถึงตกหลุมรักโลกใบนี้ ชอบมากๆค่ะ  รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-07-2014 06:49:37
น้องร่าเริงน่าสงสาร

เกียร์ยอมรับเต็มร้อยแล้วซินะ
ฝั่งป้องคงยอมรับมานานแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #17 โรงพยาบาล น้องร่าเริง และ มุมมองของป้อง[02/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 03-07-2014 16:38:46
เราเคยเจอคำถามนี้นะ ที่ว่าจะปล่อยให้คนที่เรารักตายหรือเราตายเอง
และเราก็มีความคิดเหมือนป้องเลย เพราะรักถึงได้อยากให้ไปสบาย
 ปกป้องเนี่ยเป็นที่โอบอ้อมอารีนะ คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง มีบุคลิกเป็นคนปกป้องตามชื่อเลย
แต่ว่านะ รักตัวเองบ้างก็ดี

เอาเป็นว่า ตอนนี้ความคิดของปกป้องทำให้รู้สึกอุ่นๆในใจ ปกป้องเนี่ย ขอได้มั๊ย? คิคิ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #18 พร้อมแล้วบอก หนังสือ และ ยูกาตะ [04/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 04-07-2014 20:01:44

ผมกับไอ้ป้องและน้องร่าเริงนั่งเล่นกันต่อไปเรื่อยๆสักพัก หัวข้อที่คุยกันเน้นไปทางเรื่องเบาๆ เท่าที่สมองโง่ๆของผมจะพอนึกออก ดีแต่ว่าไอ้ป้องยังให้ความร่วมมือด้วยดีด้วยการช่วยผมตบมุขเป็นระยะๆ ร่าเริงเองก็ดูจะแจ่มใสขึ้นมาก

“กินข้าวกันไหม ?”

คนไม่ชอบพูดที่วันนี้ต้องมาพูดมากถามขึ้น ผมกับน้องร่าเริงพยักหน้าตอบตกลงเพราะเริ่มๆหิวเหมือนๆกัน

“กินอะไรกันล่ะ เดี่ยวกูไปซื้อให้”

มันว่าพร้อมอาสา

“เดี่ยวกูไปดีกว่าไหม ?”

“มึงรู้ทางในโรงพยาบาลเหรอ ?”

มันถามกลับ ก็จริงอย่างที่มันพูด ผมไม่รู้เส้นทางจริงๆนั้นแหละ

สุดท้ายไอ้ป้องก็ตกลงว่าจะซื้อข้าวผัดให้ผม ของน้องร่าเริงเป็นโจ๊ก ส่วนมันก็คงหาปลากิน(มึงทำตัวเหมือนบ้านติดทะเลมากกก กินปลาทุกวัน - -) แม้จะขาดกำลังเสริมอย่างไอ้ป้องไปชั่วคราวแต่ผมก็ไม่ได้หวั่นอันใด ยังคงพยายามชวนร่าเริงคุยเป็นระยะๆพระอาทิตย์ตัวน้อยๆที่นั่งข้างๆผมยังคงสนุกสนานและยังอยู่ในโหมดปกติ

“พี่เกียร์”

“หื้ม ?”

หลังจากผมเป็นฝ่ายชวนน้องคุยมาพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็มีประโยคชวนคุยกลับมาสักที่

“ชอบพี่ปลื้มใช่ไหม ?”


ผมชะงักไปกับคำถาม น้องร่าเริงหยุดไกวชิงช้าหันมามองหน้าผมตรงๆ

“ไม่รู้สิ ถ้าการอยากอยู่ข้างๆไอ้ป้องในทุกๆวันแปลว่าชอบ พี่ก็ตอบได้แค่ว่าใช่”

“..............”

“พี่ไม่รู้หรอกนะว่ามันเรียกว่าอะไร แค่พี่มีความสุขที่ขะอยู่ตรงนี้ในทุกๆวันก็พอแล้ว”

“ฟังพี่พูดแบบนี้ผมก็หมดห่วง”

“หมดห่วง ?”

ผมทำหน้าสงสัย ร่าเริงยิ้มน้อยๆก่อนจะพูดต่อ

“หมดห่วงว่าพี่ปลื้มจะเจอคนไม่ดีนะสิ”

“ฮ่าๆ เหรอ แล้วทำไมคิดว่าพี่เป็นคนดีล่ะครับ ?”

ผมถามต่อด้วยความอยากรู้

“ก็พี่รักพี่ปลื้มมากเลยนิครับ ร่าเริงมองออกหรอกนะจะบอกให้”

“จริงเหรอ ? เราดูผิดรึเปล่า”

ผมแกล้งหยอก น้องมันทำปากยื่นนิดๆก่อนจะพูดต่อ

“แล้วไอ้การที่แทบจะมองพี่ปลื้มอยู่ทุกเวลานี้ มันแปลว่าอะไรครับ ?”

คนเด็กกว่าย้อนอย่างรู้ทัน ผมหัวเราะแห้งๆรับคำตอกย้ำนั้น

โอเค ยอมรับว่าผมแน่ใจกับตัวเองแล้วล่ะว่าเผลอหลงเสน่ห์ไอ้จืดป้องเข้าเต็มๆลำ สองเดือนครึ่งที่ผ่านมาจะว่านานก็นานจะว่าช้าก็ช้า นับตั้งแต่วันที่มันเข้ามา ชีวิตของผมก็ปั่นป่วน จากคนหนึ่งคนที่ไม่สนิท ไม่เคยพูดกัน แต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในฐานะพี่น้อง ค่อยๆเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ตัวผมคนเดิมค่อยๆเปลี่ยนไปที่ละนิดๆในรูปแบบที่ตัวเองก็พึ่งพอใจ

แต่ไม่ใช่แค่ผมเองหรอกนะครับที่เปลี่ยน

ป้องเองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน จากคนๆหนึ่งที่โลกส่วนตัวสูง กลับเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับคนอื่น เรียนรู้ที่จะค่อยๆปรับตัวเข้าหา เริ่มจะพูดถึงสิ่งที่อยู่ข้างในใจ ไม่ได้นิ่งเงียบแล้วเก็บเอาไว้อมพะนำอยู่คนเดี่ยว

ผมกับมันเหมือนสีสองสีที่ต่างกัน รวมกันแล้วผสมออกมาเป็นสีใหม่ แต่สีใหม่ทั้งสองสีนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน และผมเชื่อว่ามันคงไม่มีวันเหมือนกัน เพราะต่อให้สีสองสีผสมกันอย่างไร สีแต่ละสีก็ย่อมต้องมีรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอๆ

เหมือนๆกับผมที่ค่อยๆเข้าใจอีกฝ่าย ค่อยๆเรียนรู้ว่าที่ไอ้ป้องมันทำไป เพราะแบบนี้นะ มันมีเหตุผลของมันนะ เหมือนกับไอ้ป้องค่อยๆซึมซับตัวผม ว่าผมทำแบบนี้นะ เพราะผมเป็นคนแบบนี้นะ

ผมกับมัน ไม่มีใครอยากเปลี่ยนใคร

เรายังเป็นตัวของเราเอง เรายังคงใช้ชีวิตในรูปแบบของเรา

แค่เราเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับอีกคนหนึ่ง...

ความรู้สึก ...ที่ผสมด้วยเหตุผล

จากเดิมที่คนๆหนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึก ทำตามสิ่งที่ใจต้องการ

กับอีกคนหนึ่งที่อยู่กับเหตุผล ใช้ชีวิตอยู่บนหลักการ ทำตามสิ่งที่ตรรกะของตนคิดว่าดีสุด

คนสองคนนั้น ไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเพื่ออีกฝ่าย แต่ปรับตัวเอง ‘เพื่อเรา’

เหมือนๆผมกับมัน

ผมรักมัน ในสิ่งที่มันเป็น

มันเองก็(น่าจะ)รักผมในแบบที่ผมเป็น

ตอนที่ไอ้ป้องมันพูดว่า แค่ได้ตื่นมาก็มีความสุขแล้วนะ...ถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า ‘เป็นเพราะได้เจอผมทุกเช้า’

ผมคงไม่หลงตัวเองไปใช่ไหม ? .....

“แปลว่ารักไง....”

ผมตอบร่าเริงกลับไปแบบนั้น บีบมือเล็กๆนั้นหน่อยๆเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ร่าเริงเองก็บีบตอบกลับมา

“สัญญากับผมนะพี่เกียร์ ห้ามทำให้พี่ปลื้มร้องไห้เด็ดขาด”

ร่าเริงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้ผมเกี่ยว

“ครับร่าเริง พี่สัญญาด้วยชีวิตเลย จะดูแลจนกว่าพี่จะไม่สามารถทำได้”

ผมยกมือขึ้นมาเกี้ยว ก่อนจะเขย่าเบาๆ

อยากจะดูแลไปตลอดๆ

แต่คำว่าตลอดไปมันไม่มีจริง ผมทำได้เพียงสัญญาว่าจะทำให้ทุกๆวันของไอ้ป้องมันมีความสุข

ถ้ามันจะยอมรับ.... ให้ผมเป็นคนๆนั้นของมันล่ะนะ....

อย่าลืมนะว่า ไอ้ตอนนี้นะ....ที่พูดมาทั้งหมด ยังคงเป็นผมที่ ‘รู้สึก’.....

ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะยอมรับผมมั้ย.....

“อีกเรื่องหนึ่งนะพี่เกียร์”

“ครับ ?”

ร่าเริงเม้มปากแน่นสนิท ก่อนริมฝีปากเล็กๆนั้นจะพูดต่อ

“ช่วยกล่อมพี่ปลื้มให้ผ่าตั....”

“ข้าวเที่ยงมาแล้วจ้า”

เสียงไอ้ป้องดังขัด ก่อนผมกับน้องร่าเริงจะดึงนิ้วก้อยออกจากกัน

“พี่ซื้อโจ๊กป้าพรมาฝากเราด้วยนะร่าเริง”

มันบอก ก่อนจะยกกล่องข้าวเล็กๆขึ้นมา ผมเห็นว่าไอ้นั้นมีโจ๊กหมูร้อนๆน่าทานอยู่ประมาณครึ่งกล่อง ร่าเริงยิ้มรับก่อนจะยื่นมือรับกล่องข้าวเที่ยงมาถือเอาไว้

ไอ้ป้องนั่งลงข้างๆผมก่อนจะยื่นกล่องข้าวผัดกระเพราโป๊ะด้วยไข่ดาวส่งมาให้ ผมพยักหน้าขอบใจมันเบาๆก่อนจะลงมือทาน

“เดี่ยวกินเสร็จแล้วต้องขึ้นไปพักผ่อนนะครับ โอเคนะร่าเริง”

“ครับ”

อาจจะเพราะได้สัมผัสในสิ่งที่ตัวเองต้องการเต็มที่แล้ว หรือไม่ก็เพราะจิตใจของร่าเริงสงบขึ้นมา น้องเลยไม่ได้มีที่ท่าว่าจะไม่อยากขึ้นไปพักผ่อน ยอมรับอย่างหนึ่งอาหารของที่นี้อร่อยมากครับ ไม่เหมือนอาหารของคนป่วยเลยแหะ ยังกะฝีมือภัทตาคารระดับห้าดาว ขนาดแค่ข้าวกล่องของผมยังอร่อยมากขนาดนี้ ร่าเริงตักโจ๊กเข้าปากที่ละคำๆจนกระทั้งโจ๊กหมดกล่อง เจ้าตัวเอามือลูบพุงน้อยๆที่ยื่นออกมานิดหน่อย ก่อนจะเอนหลังพิงช้าช้าเอาไว้

“วันนี้ดีจังเลย...ขอบคุณนะครับ พี่ปลื้ม พี่เกียร์”

น้ำเสียงสดใสบอกผมกับไอ้ป้องแบบนั้น

“ไว้พี่จะมาเยี่ยมบ่อยๆนะ”

“พี่ด้วย เดี่ยวตามไอ้ป้องมาเยี่ยม”

ร่าเริงพยักหน้าดีใจ ก่อนผมกับไอ้ป้องจะรีบกินข้าวกันจนอิ่ม ก่อนจะกุมมือน้อยๆแล้วเดินกลับเข้าตัวอาคารไป พอเดินผ่านไปหนึ่งน้องร่าเริงก็ขอคุยกับพี่แพรก่อน

“เป็นไงบ้างครับร่าเริง สนุกไหม ? ”

หล่อนถาม ร่าเริงกอดพี่แพรก่อนจะตอบ

“ขอบคุณนะครับพี่แพร ผมสนุกมากเลย ข้างนอกอากาศดีแหะ”

นางพยาบาลสาวยิ้มรับด้วยความดีใจ ก่อนจะลูบหัวน้องมันด้วยความเอ็นดู ผมยังนึกอยากให้น้องโตไวๆเลย ผมว่าต้องหล่อมากแน่ๆ

“ขอบคุณปลื้มกับเกียร์มากนะ อุตส่าห์ช่วยดูแลน้อง”

“ผมเองก็ต้องขอโทษพี่แพรด้วยนะครับ ที่ทำอะไรตามอำเภอใจ”

ผมยกมือไหว้พี่แพรจากใจจริง เพราะหากน้องร่าเริงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คนที่ซวยคนแรกก็คือพี่แพร หล่อนยิ้มให้อย่างไม่ถือสาก่อนจะขอตัวไปรับคนไข้คนต่อไป

“โอเค งั้นขึ้นห้องนอนกันนะ”

ไอ้ป้องบอกกับน้องร่าเริง ก่อนผมและมันจะจับมือน้องเดินกันไปคนละข้าง หลังพาน้องร่าเริงขึ้นมาถึงห้องเจ้าหัวก็อ่อนเพลียจนขอตัวไปนอน ผมเองก็รู้สึกดีที่น้องมันได้พักผ่อนหลังเคลื่อนไหวร่างกายมากพอสมควร อย่างน้อยๆในวันนี้เท้าของร่าเริงก็ยังได้สัมผัสกับผืนดินตามความต้องการของเจ้าตัว

“ไปไหนต่ออ๊ะ เพิ่งบ่ายโมงเอง”

ผมถาม หลังมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือ

“ยังมีที่ๆอยากให้พาไปไง”

มันพูดเป็นปริศนา ก่อนจะพาผมเดินลงไปจากห้องนอนของร่าเริง

เราสองคนเดินผ่านห้องพักคนไข้หลายๆห้อง บางห้องเองก็มีคนไข้อยู่กันเป็นครอบครัว บางห้องก็มองเห็นคนไข้นั่งอยู่คนเดี่ยว ผมเองก็เดินเงียบๆกับมัน ชอบอยู่กับไอ้ป้องก็ตรงนี้แหละครับ ไม่ต้องมีเรื่องคุยแต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัด แค่เดินไปข้างๆกันก็พอ

“อันนี้ของเรานะปลื้ม พี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”

พี่แพรพูด ก่อนส่งถุงหูหิ้วของโรงพยาบาลมาให้

อยากถามนะครับว่าคืออะไร แต่สายตาของไอ้ป้องมันบอกกับผมว่าอย่าเพิ่งถาม ผมถอนหายใจช้าๆระบายความรู้สึกด้านใน คือไม่ได้โกรธมันครับ แค่ไม่ชอบใจมากกว่าที่มันไม่ยอมบอกอะไรผมเลย คนแบบไอ้ป้องนะ ถ้าอยากจะบอกมันจะพูดออกมาเอง แต่ถ้าไม่คิดจะบอกต่อให้บีบคอมันก็ไม่พูดออกมาหรอกครับ เพราะงั้นผมเลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆมันคงจะดีกว่า

“ถ้าพร้อมแล้วบอกกูนะ”

ผมพูดกับมันแบบนั้นหลังเราออกมาจากโรงพยาบาล

ไอ้ป้องที่อยู่ด้านหลังพยักหน้ารับช้าๆ มันส่งสายตาขอบคุณมาให้ผมผ่านกระจกมองข้าง

“ถ้าพร้อมแล้วกูจะบอกมึงนะ....”

ผมเองก็พยักหน้ารับคำพูดของมัน ก่อนจะบิดเครื่องยนต์ไปตามเป้าหมายที่มันต้องการ ในใจผมเองก็หวังเพียงแต่ว่าวันที่มันเลือกจะบอกผม ...

คงไม่สายเกินไป ...




:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:



“ก็รู้นะว่ามึงกับกูต่างกัน แต่โลกอีกครึ่งใบของมึงนี้มัน....”

ผมพูด ก่อนจะหันไปมองรอบๆ

“อะไร กูว่าที่นี้ดีกว่าเกมเซ็นเตอร์ของมึงอีก”

“เหรอ ? แล้วงั้นเมื่อวานใครตีตุ่นไปยี่สิบกว่ารอบ”

ผมย้อนมันนิดๆ เจ้าตัวทำปากยื่นๆไม่สนใจผมก่อนจะมองหาหนังสือเล่มต่อไป

ครับ ... ตอนนี้ผมอยู่ในโลกครึ่งใบของไอ้ป้อง ...

โลกแห่งหนังสือ

ผมอยากจะบ้าตาย มองไปทางไหนก็เจอแต่สันหนังสือหนาๆ แถมยังเรียงกันเป็นชั้นๆชวนให้ผมรู้สึกเวียนหัวไม่น้อย แต่กลับรู้สึกว่าไอ้คนข้างๆมองเห็นที่นี้เป็นสวรรค์ ผมแทบจะเมากลิ่นหนังสือใหม่ด้วยซ้ำไป

“เคยอ่านหนังสือไหม ?”

มันถาม

“ก็เคย หนังสือเรียนไง”

“แล้วพวกหนังสืออ่านเล่นฆ่าเวลาอ๊ะ”

รอบนี้ผมส่ายหัวแทนคำตอบ

“ชอบอะไรเป็นพิเศษไหม ? แบบพวกแนวหนังสืออะไรงี้”

ผมยืนนิ่งคิดหน่อยๆ จะว่าสิ่งที่ผมสนใจเกี่ยวกับหนังสือนะเหรอ....

“กูไม่แน่ใจว่าจะมีไหมว่ะ ?”

“หนังสืออะไรล่ะ ลองบอกมาดิเดียวกูช่วยหา”

ผมเลียริมฝีปากน้อยๆ ก่อนจะตอบมันไป

“หนังสือสอนจีบผู้ชาย”

ไอ้ปกป้องกระพริบตาปริบๆมองผม คืออย่าว่าแต่มันเลยครับ ผมเองก็งงตัวเองเหมือนกันที่ถามอะไรแบบนี้ออกไป เพียงแต่คนถามทำหน้านึกก่อนจะตอบออกมา

“ไม่เคยเห็นนะ แล้วมีแนวไหนอีกไหมที่อยากจะอ่าน”

หลังผมเห็นกาบินผ่านหน้าไปสองสามตัว ไอ้ป้องก็เปลี่ยนเรื่อง

นี้มึงไม่รู้จริงๆเหรอ ว่ากูแค่เล่นมุก....

“ไม่รู้อ๊ะ ปกติกูไม่เคยจับหนังสือด้วยซ้ำ”

โอเคครับ อย่าเพิ่งไปปล่อยมุกหรือคิดจะรุกอีกฝ่ายเลย กับไอ้คนหน้าตายแบบไอ้ป้อง ต้องค่อยๆตะล่อมแล้วจับกิน...เอ๊ย...จับใจ ไอ้ป้องยืนทำหน้าคิด ก่อนมันจะเดินอ้อมชั้นหนังสือไปอีกโซนหนึ่งแล้วหาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผม

“ลองอ่านดู”

ผมรับหนังสือจากมัน ก่อนจะพลิกหน้าปกไปมา

“หนังสืออ่านเล่นเพลินๆ กูชอบนะ”

“ไม่เอาหรอก ยังไงกูก็คงไม่ชอบ”

“เอาน่า เล่มนี้กูชอบจริงๆ ลองอ่านดูก่อนก็ได้”

ผมรู้สึกๆเหมือนๆมันจะคล้ายๆย้ำประโยคตอนท้ายนิดๆ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเปิดอ่านตามคำบอกของมัน หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายแนวแฟนตาซีครับ ประมาณเป็นเกมออนไลน์ของโลกอนาคตที่คนเราสามารถเข้าไปเล่นในเกมได้จริงๆ ผมรู้สึกสนใจมันขึ้นมานิดๆ แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้ชอบอะไรมากมาย...

แล้วบทนำของเรื่องก็ดำเนินต่อไปผ่านสายตาของผม


..


.


.

“ซื้อแบบบ็อกเซต 1200บาทถ้วนนะค่ะ”


ผมพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะยื่นแบงก์พันและแบงก์ห้าร้อยให้พี่พนักงานขาย ข้างๆผมมีไอ้ป้องที่ถือหนังสือของพี่นักเขียนที่ชื่อนิ้วกลมไว้กับตัวสามเล่ม มันมองผมด้วยสายตาเหมือนจะหัวเราะนิดๆ

อะไรของมึง...ก็หนังสือมันสนุกจริงๆนี้หว่า....

ที่แรกผมคิดเหมือนกันว่าตัวเองน่าจะเบื่อมันตั้งแต่บทนำ เพราะทั้งเล่มมีแต่ตัวหนังสือยั่วเยี้ยเต็มไปหมด แต่เพราะอะไรก็ไม่ทราบ ยิ่งอ่านรู้สึกว่าตัวเองยิ่งชอบ สุดท้ายไปๆมาๆก็เหมายกภาคไปตามระเบียบ

นับว่าไอ้ป้องประสบความสำเร็จในการชักจูงผมให้อ่านหนังสือ....

“สนุกใช่ไหมล่ะ ?”

“อื้ม สนุกจริงๆนั้นแหละ”

ผมไม่ปฏิเสธคำพูดของมันหรอกครับ

ตอนนี้ประมาณบ่ายสี่โมงกว่าๆแล้ว แสงอาทิตย์เริ่มลดหลั่นลงไปตามเวลาของวัน ไอ้ป้องกับผมเดินจากร้านหนังสือขึ้นไปชั้นสามของห้าง ก่อนมันจะพาผมไปถึงร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ถ้ามันไม่บอกให้พามา ผมก็ลืมไปแล้วล่ะครับว่าพรุ่งนี้มันวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด...

วันทานาบาตะ

สำหรับที่มาของวันนี้ ว่ากันว่าชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าวันทานาบาตะนั้นเป็นวันแห่งความสุขสมหวังของดาวสองดวง คือดาวเจ้าหญิงทอผ้า โอริฮิเมะ หรือดาวเวก้า เป็นดาวที่สดใสที่สุดในกลุ่มดาวพิณ กับดาวคนเลี้ยงวัว ฮิโกโบชิ หรือดาวอัลแตร์ เป็นดาวที่สดใสที่สุดในกลุ่มดาวนกอินทรี ที่ผลัดพรากจากกัน โดยมีแม่น้ำแห่งสวรรค์ (อามาโนคาวา) ซึ่งก็คือทางช้างเผือกกั้นไว้ ทั้งสองจะมีโอกาสได้ข้ามแม่น้ำแห่งสวรรค์ มาพบกันแค่ปีละครั้งในวันที่ 7 เดือน 7 นี้ ชาวญี่ปุ่นจึงถือกำเนิดวันทานาบาตะขึ้นมา ในวันทานาบาตะนี้ ชาวญี่ปุ่นจะตัดกิ่งไผ่มาปักไว้ และเขียนคำอธิษฐานห้อยกับกิ่งไผ่ เพราะเชื่อว่า คำอธิษฐานจะสมหวังเหมือนกับที่เจ้าหญิงทอผ้า โอริฮิเมะ และคนเลี้ยงวัว ฮิโกโบชิ สมหวังได้มาพบกันครับ

และเป็นธรรมเนียมของโรงเรียนผมในทุกๆปีที่จะต้องจัดวันทานาบาตะขึ้นมา อย่างที่กล่าวไปว่าพวกผมเป็นแม่งานของปีนี้ครับ เลยต้องแต่งคอสเพลย์กัน โดยปีนี้ผมเลือกจะใส่ชุดยูกาตะครับ และแน่นอนว่าผมเองแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าต้องแต่งคอสฯ

“ขอดูชุดยูกาตะของผู้ชายหน่อยครับ”

ไอ้ป้องบอกกับพี่คนขาย หล่อนยิ้มให้ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างใน

“ป้อง...”

“หื้ม ?”

“แล้วมึงล่ะ ไม่ซื้อเหรอ ?”

ผมถาม เพราะมันบอกว่าขอดูแค่ชุดเดียว

ไอ้ป้องส่ายหน้าก่อนจะอธิบาย

“กูมีชุดที่จะคอสฯแล้ว”

“มึงจะคอสฯเป็นอะไรว่ะ ?”

รอบนี้มันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกระซิบที่ข้างๆหูผม

“กูจะคอสฯเป็น.....”

ลมหายใจอุ่นๆรดลงตรงใบหูผม ขนแขนลุกขึ้นจากสัมผัสนั้น...

“เป็น...”

ผมพูดออกมา ไม่กล้าหันหน้าไปทางมัน เพราะลมหายใจนั้นยังคงรดลงมาอยู่

“ไม่บอก”

ไอ้ป้องพูดหน้าตาย ก่อนจะแลบลิ้นออกมาให้ผม

“ไอ้เหรี้ยยยยย โกงกูไง มึงรู้แล้วอ๊ะว่ากูจะใส่ชุดยูกาตะ”

ผมโวยลั่นทันทีที่สัมผัสร้อนๆนั้นหายไป

“พรุ่งนี้เดี่ยวก็เห็นน่า”

“ไม่เอา ก็อยากรู้อ๊ะ”

“ไม่เอา ไม่บอก”

“ไอ้ป้อง นิสัยงี้ไง”

ผมแกล้งกระฟัดกระเฟียดโกรธมัน ไอ้ป้องกระพริบตาปริบๆก่อนจะพูดต่อ

“สามพยางค์”

“ห๊ะ... ?”

“กูบอกว่า ที่กูจะคอสฯพรุ่งนี้นะ เป็นคำหนึ่งคำสามพยางค์”

มันใบ้ให้ผมแค่นั้น

ผมยังไม่ทันจะแย้งเลยว่ามันกว้างไป พอดีกับพี่พนักงานในร้านเดินเข้ามาหาพวกผมซะก่อน

“สำหรับชุดยูกาตะของร้านเรา จะมีสามสีให้เลือกนะค่ะ มีสีดำ สีฟ้าอ่อน แล้วก็สีขาวค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการแบบไหนค่ะ ?”

พี่พนักงานพูด ก่อนจะชูชุดยูกาตะให้ผมกับไอ้ป้องดู

ชุดยูกาตะที่นำมาเป็นแบบที่ตัดเสร็จแล้วสำเสร็จรูปครับ มีลายลูกไม้เรียบๆประดับนิดหน่อยทุกตัว แต่ผมว่าก็โอเคนะ เป็นผู้ชายคงไม่ต้องการลายอะไรมากมายหรอกครับ

“ไม่มีสีเขียวอ่อนเหรอครับ ?”

ผมชอบสีเขียวอ่อน  มันสบายตาดี และเป็นสีที่สื่อได้ถึงธรรมชาติที่ผมชอบ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพี่คนขายส่ายหน้า

“งั้นขอลองสีฟ้าครับหน่อยครับ”

“ไม่ลองสีดำเหรอเกียร์ กูว่าผิดมึงขาวๆน่าจะตัดดำได้นะ”

ไอ้ป้องเสนอความคิดเห็น

“สีฟ้า....”

“........”

“ก็มึงชอบสีฟ้า”

ผมขยายความให้คนเข้าใจยากฟัง

ไม่ใช่สีขาวหรือสีดำมันไม่ดี แต่ที่ผมเลือกสีฟ้า....

เพราะมันชอบ

ไอ้ปกป้องมันชอบสีฟ้า สีน้ำเงินครับ สีโทนอ่อนคล้ายๆของผม มันเคยบอกว่าสีฟ้าเป็นสีของท้องนภา เห็นแล้วมันสบายใจของมันดี

พี่พนักงานมองผมด้วยรอยยิ้มนิดๆ ก่อนจะส่งยูกาตะสีฟ้าอ่อนให้

“เดี่ยวไปลองที่ห้องลองเสื่อได้เลยนะค่ะ”

หล่อนบอก พร้อมผายมือไปที่ห้องลองเสื้อของร้าน

“งั้นเปปหนึ่งนะ”

ผมว่า ก่อนจะถือชุดยุกาตะสีฟ้าอ่อนตัวนั้นเข้าห้องลองเสื่อไป

ผมถอดเสื่อยืดสีเทาที่ใส่มาออก ก่อนจะสวมยูกาตะลงไป ดีหน่อยตรงที่ยูกาตะตัวนี้นั้นเป็นแบบสวมใส่ง่าย และเบามากครับ อาจจะเพราะทอมาจากผ้าเนื้อดีล่ะมั่ง พอผูกเสร็จ ผมลองหมุนตัวรอบๆกระจกดู จากไอ้ที่ดูด้วยสายตามันก็โอเคนะครับ เพราะผมหล่อใส่ชุดไหนก็หล่อ(มั่นหน้ามากมึง : ปกป้อง) สีฟ้าอ่อนตัวนี้แม้จะไม่ได้ตัดกับสีผิวขาวๆของผม แต่ก็ให้ความรู้สึกที่กลมกลืน ไม่ขัดแย้งจนเกินไป

ผมทดลองหมุนอีกรอบจนรู้สึกว่าโอเคแล้วเลยเปิดประตูออกไป

“ป้อง....”

ไอ้ป้องมันยื่นหลังหันให้ผมอยู่ครับ สงสัยคงมองวิวด้านนอกฆ่าเวลา

“........”

“เป็นไง หล่อไหม ?”

“........”

เงียบ...

เงียบสนิท....

ไอ้ป้องยื่นมองผมเงียบๆแต่ไมได้พูดอะไร

“ป้อง!!!”

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเรียกมันเสียงดัง

“ห๊ะๆ ว่าไง ?”

มันสะดุ้งทำหน้าตื่นๆ อะไรของมันว่ะ ?

“จะว่าไงบ้าอะไรว่ะ กูถามมึงว่า หล่อไหม โอเครึยัง รึว่ากูใส่แล้วมันน่าเกลียด ?”

ผมว่า ก่อนจะหมุนตัวให้มันดู

“หล่อดี”

คำชมสั้นๆออกมาจากปากมัน ป่วยการที่จะขอประโยคชมยาวๆจากปากหนักๆของมัน

“ตกลงเอาตัวนี้ล่ะครับ”

ผมยื่นชุดยูกาตะทดลองให้พี่พนักงาน ก่อนหล่อนจะยิ้มร่าให้เมื่อรู้ว่าขายเสื้อได้แล้ว

“เกียร์....”

“อะไร”

“ขอบใจนะที่เลือกสีฟ้า มึงใส่แล้วหล่อดี....”

รอยยิ้มจางๆแสดงออกมา มันเกาแก้มน้อยๆ ใบหน้าสีน้ำผึ่งเริ่มปรากฏเป็นสีเลือดฟาดๆ

“เออ กูหล่ออ๊ะดีแล้ว”

ผมส่งรอยยิ้มคืนกลับไปให้ ก่อนจะเดินไปยื่นข้างๆมัน

“มึงหิวข้าวยัง ?”

มันถามระหว่างรอพี่พนักงานเอาเสื่อมาให้

“ยังไม่หิว”

“งั้นมึงช่วยอะไรหน่อยได้ไหม”

“...............”

“คือ ... ถ้ายังไม่กลับบ้าน  ใกล้ๆห้างนี้มีสวนสาธารณะ....ช่วยสอนกูเล่นบอร์ดต่อหน่อยดิ ....”

เกือบลืมไปอีกนั้นแหละว่าพกบอร์ดมาด้วย...ที่แท้มันก็อยากเล่นอีกนั้นเอง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะไม่กล้าจับแล้วด้วยซ้ำเพราะล้มบ่อยมาก

พอได้ฟังแบบนี้แล้วผมรู้สึกดีใจนะครับ เหมือนๆกับป้องเองก็คงจะชอบโลกของผมบ้างแล้ว

“สอนให้ได้ แต่ไม่สอนให้ฟรีๆนะ...”

ผมตอบกลับไป ไอ้ป้องทำหน้างงๆ แต่ก็รอฟังผมพูดต่อ

“มึงเองก็ช่วยแนะนำหนังสือดีให้กูด้วยแล้วกัน”

และผมเอง....ก็ชอบโลกของมัน...

“เออ”

เมื่อวานนี้...คือ'โลกของผม'

วันนี้....คือ'โลกของมัน'

ผมคาดหวังและปรารถนาเหลือเกิน อยากให้พรุ่งนี้และวันถัดๆไป....

เป็น'โลกของเรา'.....



TBC.


เก๊าขอโทษที่มาสายไปหนึ่งวัน เมื่อวานนี้ประสบอุบัติเหตุในการลงนิยายนิดหน่อยจ้า

ยังเดามาได้เรื่อยๆว่าหนูป้องจะคอสฯเป็นอะไรรรรรรรร  :hao7:

ปล. วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด หรือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เป็นวันทานาบาตะของแท้จริงๆนะครับ แตกต่างเองก็ต้องแต่งคอสเพลย์เหมือนกัน Y Y

ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างๆน้อง แตกต่างเองก็พูดได้แต่เพียงว่า ในชีวิตของคนเรานั้นมันไม่มีอะไรที่ตลอดไปจริงๆนะครับ วันนี้สุข พรุ่งนี้เศร้า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต

เพราะงั้นตอนที่ยังสุข เราก็ต้องสุขให้เต็มที่

เพื่อตอนที่ทุกข์มาถึง เราจะได้ไม่ฟูมฟายเกินไป

ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ครบรส ....  :z2:

ขอบคุณทุกคนครับ   :bye2:


หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #18 พร้อมแล้วบอก หนังสือ และ ยูกาตะ [04/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 05-07-2014 01:12:34
เดาว่าป้องคอสเป็นคนเลี้ยงวัว อิอิ  :mew3:

ปอลิง: คำผิด ภัทตาคาร=> ภัตตาคาร
แล้วมันจะมีประโยคนึงที่มีคำว่า ขะ อันนี้ไม่แน่ใจว่า ขะ คืออะไร
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #18 พร้อมแล้วบอก หนังสือ และ ยูกาตะ [04/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 05-07-2014 01:35:20
ทำไมตอนท้ายๆมันมีออร่า ชมพูม่วงอะ  เค้าเขินนะตัววว


อยากเห็นคนแต่งใส่ชุดคอสเพล  แค่ชุดก็ยังดี~
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #18 พร้อมแล้วบอก หนังสือ และ ยูกาตะ [04/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2014 02:24:29
แหม เรียนรู้กันไป โลกของเธอโลกของฉัน กลายมาเป็นโลกของเรา
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #18 พร้อมแล้วบอก หนังสือ และ ยูกาตะ [04/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-07-2014 06:45:34
เรียนรู้กันไป ค่อยๆเปิดโลกเข้าหากัน
ละมุน ละมุน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #18 พร้อมแล้วบอก หนังสือ และ ยูกาตะ [04/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-07-2014 08:25:33
ต่อไปก็จะเป็นโลกของเรา
ถ้าได้รู้มุมมองของป้องคงจะฟิน

อ้างถึง
“พี่ซื้อโจ๊กป้าพรมาฝากเราด้วยนะปลื้ม”
>>> ร่าเริง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 06-07-2014 20:44:09
"เห้ย ปีนขึ้นไปอีกหน่อย ขอสูงกว่านี้"

เสียงไอ้ปั๊ก หัวหน้าห้องของผมสั่งการ ก่อนไอ้โปรเพื่อนอีกคนในห้องจะตวัดวงแขนของมันไต่ขึ้นไปบนต้นไม้อย่างน่าหวาดเสียว

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงเรียน วันนี้เป็นวันทานาบาตะหรือวันอธิฐานขอพรจากท้องฟ้าตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น โดยการเขียนคำขอพรลงบนกระดาษ เทศกาลทานาบาตะนี้ ชาวญี่ปุ่นจะเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้า 5 สี ที่เรียกว่า "ทังซะขุ" (Tanzaku) แล้วนำไปห้อยบนกิ่งไผ่ พร้อมด้วยของประดับอื่นๆ เช่น กระดาษตัดเป็นรูปคล้ายๆ โซ่แทนสัญลักษณ์ของทางช้างเผือก วันรุ่งขึ้นก็จะนำกระดาษอธิษฐานเหล่านี้ไปลอยน้ำ

ความหมายของกระดาษอธิษฐาน ทังซะขุ (Tanzaku) 5 สีมีดังนี้ครับ

สีฟ้า - ความสุข ความโชคดี

สีชมพู - ความรัก

สีแดง - ความสำเร็จ

สีเหลือง - ความมั่งคั่ง เงินทอง

สีเขียว - ความสมปรารถนาในการเรียนและการทำงาน

ถ้าไม่นำไปลอยน้ำก็จะไปติดลงบนยอดไผ่ แน่นอนว่าพี่ไทยของเราก็นำมาประยุกต์กับของไทยได้เป็นอย่างดี

แต่ปัญหาคือ...แล้วจะหาต้นไผ่จากไหน ?

ก็ถ้าไม่มี เราก็'ติต่าง'เอาโลดครับ กิ่งต้นมะม่วง มองให้เป็นต้นไผ่แล้วติดซะ กิ่งต้นไม้ต้นอะรูมีไร(อะไรก็ม่ายยยรู้)ก็ติดไปเถอะครับ ขอแค่ใจเราเชื่อว่ามันเป็นไผ่ มันก็จะกลายเป็นไผ่ เหมือนๆกับที่ใครบางคนเคยบอกไว้

อยากมองให้เห็นเป็นอะไรก็เป็นได้ อยู่ที่ใจคนมอง

"พี่เกียร์ครับ อย่าเหม่อดิ"

ไอ้ต้องตากระตุกปลายชุดยูกาตะเรียกสติผมเบาๆ

วันนี้ผมกับมันอยู่ในชุดคล้ายๆกันเพียงแต่ของมันเป็นกิโมโนสีดำลายขาว ไอ้ต้องตาเองก็ขาวพอๆกับผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอใส่ชุดสีดำตัดกับผิวสีขาวของมัน ความน่ารักเลยเพิ่มดาเมจแบบทวีคูณให้แก่ผู้พบเห็น

ยกเว้นผมล่ะนะ...

วันนี้หน้าที่ของผมกับไอ้ต้องตา คือคนคอยขายกระดาษไว้สำหรับการขอพรใบละ10บาท ซึ่งกับไอ้พวกทโมนในโรงเรียนผมที่มีปัญญาจ่ายค่าเทมอห้าหลักได้ แค่นี้จิ๊บๆครับสำหรับพวกมัน (ของฟรีไม่มีโนโลก -  - แต่ถ้าเขียนใส่กระดาษอื่นมา พวกผมก็ปีนขึ้นไปติดให้นะครับ เพียงแต่เราจะไม่นำมาจับรางวัลตอนสิ้นสุดกิจกรรมก็เท่านั้นครับ)

พวกผมแต่ละคนอยู่ในชุดคอสเพลย์กันเต็มยศครับ ตั้งแต่พวกที่แต่งมาแบบอลังการ ยังพวกคอสฯผีจูออนด้วยการทาแป้งแล้วใส่เกงตัวเดี่ยว(มึงจะโชว์พุงว่างั้น ?)

"น่ารักจังเลย มีแฟนรึยังครับน้อง? "

เป็นคำถามรอบที่เท่าไหร่ก็มิทราบดังถามไอ้ต้องตา คนถูกถามยิ้มจางๆ ยังไม่ทันจะตอบ รอบเอวก็ถูกกอดเอาด้วยวงแขนแกร่ง

"มีแล้วครับ"

ไอ้อู๋ที่อยู่ในชุดพ่อบ้านเซบาสเตียนพูด ก่อนจะยิ้มหวานให้คนถามคำถาม ซึ่งก็ได้แต่ทำหน้าปู เลี่ยน ก่อนจะถอยทัพกลับไปเมื่อโดนหมาบ้าห่วงของมอง

"สมภารกินไก่วัด"

ผมพูดจิกมันลอยๆ ไอ้เฟรมที่กำลังยืนขายน้ำปั้นอยู่ตบมือชอบใจให้กับคำพูดของผม

"พวกมึงสองคนบอกตัวเองดีกว่าไหม? คนหนึ่งคิดจะแดร๊กพี่ตัวเอง อีกคนคิดจะแดร๊กน้องของเพื่อนในชมรม"

ไอ้อู๋สวนกลับ ผมกับไอ้เฟรมกระแอ้มไอกลบเกลื่อน คิดผิดจริงๆที่แดกดันมัน

ก็ไม่ทราบว่าแข่งกันอีท่าไหนหรอกนะครับมันกับไอ้ต้องถึงได้กลายเป็นรักกันแน่นอนว่าผมซักไซร้เต็มที่แล้วแต่พวกแมร่งปาก
แข็งยิ่งกว่าแข็งสุดท้ายผมกับไอ้เฟรมเลยยอมแพ้ไม่อยากรู้เรื่องของมันก็ได้(ว่ะ)

"สวัสดีจ้า การ์ดขอพรขายดีไหมเอ๋ย"

น้ำเสียงทุ้มดังขึ้น ก่อนหน้าร้านของผมจะปรากฏแขกคนสำคัญ

"สวัสดีครับ พี่กาเซียร์"

ผมกับพวกเหล่าทโมนในห้องพากันยกมือไหว้ พี่กาเซียร์ยิ้มรับก่อนจะพูดต่อ

"พี่ขอซื้อการ์ดอวยพรหน่อย พอดีมีเด็กอยากขอพร"

"ม.4นี้ก็ไม่เด็กแล้วนะ"

น้องเพลงที่ยืนข้างๆแย้ง พี่ท่านแค่หัวเราะรับก่อนจะล็อกแขนขยี้หัวน้องเพลงเล่น แน่นอนว่าน้องมันทำท่าโกรธเคื้อง(ที่ดูยังไงก็ดู
น่ารักมากกว่าน่ากลัว)

"แล้วปลื้...ป้องล่ะ ไปไหน?"

พี่กาเซียร์ทักระหว่างรอน้องเพลงเลือกการ์ด

ผมหันไปมองรอบๆตามคำทัก ก่อนจะหันไปถามหาไอ้ป้องกับคนอื่นๆ

เมื้อเช้านี้มีกิจกรรมหน้าเสาธงเกี่ยวกับการพูดสุนทรพจน์ของประเทศญี่ปุ่นครับ ไอ้ป้องกับน้องเพนท์เด็กม.สี่อีกคนเป็นตัวแทนเด็ก eng-japan ออกไปพูด หลังจากนั้นก็มาช่วยงานที่ซุ้มญี่ปุ่นกันเนี้ยแหละครับ ผมเองก็ต้องขายของอยู่หน้าร้านจนลืมมองหามันไปด้วยเลย พอถามหาจากเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนก็ได้แต่บอกว่าไม่เห็นมันเลยหลังจากช่วยกันซุ้มแล้ว แต่ก็คิดว่ามันคงไปเปลี่ยนเป็นชุดคอสฯเพราะเมื้อเช้านี้มันยังอยู่ในสภาพชุดนร.

"เดี่ยวไอ้เกียร์น้องต้องไปพักก่อนได้นะ 30นาที่ รอบต่อไปเข้าประจำจุดด้วย"

ไอ้ปั๊กที่ตอนนี้เป็นแม่งานเต็มตัวบอกกับผมแบบนั้น

"โอเค งั้นกูพักแปบ"

ผมเดินออกจากหน้างานที่เป็นโต๊ะขายการ์ดขอคำอวยพร ให้ตายเหอะ ต้องพยายามยกเท้าสูงๆเวลาเดินครับเพราะวันนี้ผมใส่รองเท้าเกี๋ยเข้าคู่กับชุดยูกาตะ

ผมเดินไปนั่งตรงใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากตรงนี้สักเท่าไหร่ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ตอนนี้วุ่นวายมากครับโดยเฉพาะพวกขายของหน้างาน ทั้งการ์ดขอพร น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั้น เสื้อรุ่นแผนการเรียน eng-japan หนังสือญี่ปุ่น(ว่างายๆขายของหาเงินเข้าห้องสารพัดครับ) ตาสองข้างของผมก็มองหาไอ้ตัวดีไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นมันแต่งชุดคอสเพลย์เลย

อย่าบอกนะหนีกลับไปแล้ว...

ไม่หรอกครับ มันไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะห้องวุ่นวายขนาดนี้ ไอ้ป้องไม่มีทางอยู่เฉยๆได้หรอกครับ

ผมนั่งพักขาประมาณสิบนาที่เห็นจะได้ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเหมือนๆตัวอะไรสักอย่างใหญ่ๆกำลังเดินตรงมาทางนี้ตรงที่ผมนั่งอยู่ พอหันไปมองต้นตอของเสียงผมก็ได้แต่อ้าปากค้าง

ผิวหนังสีดำถ่าน ตัวสูงใหญ่สองถึงสามเมตร ลำตัวเป็นตะบุ้มตะบำแบบพวกสัตว์เลื้อยคลาน สองขาใหญ่ๆก้าวเดินจนพื้นสั่นไหว ปลายหางยาวสะพัดไปมาตามการส่ายตัว กรงเล็บด้านหน้าสองข้างเป็นนิ้วมือเล็กๆไว้คอยฉีกเนื้อของเหยื่อ




ไอ้ป้องคอสเพลย์เป็นก๊อตซิล่า!!




"แฮ่..."

ก๊อซซิป้องที่ยื่นหน้าออกมาจากปากชุดก๊อตซิล่าที่มันสวมอยู่พูดขึ้น ก่อนจะยกขาหน้าเล็กๆขึ้นมาประกอบเสียงแฮ่ขู่ ในขณะที่ผมนั่งใบ้อยู่

"ไม่น่ากลัวเหรอ?"

มันเอียงคอถาม ใบหน้าจืดๆของก๊อตซิป้องแสดงออกชัดเจนว่าเฟลนิดๆที่ผมไม่กลัวมัน

คือ.... ชุดมันก็พอจะน่ากลัวอยู่นะครับ แต่พอคนใส่เป็นมันเลยรู้สึกว่าน่ารักมากกว่าน่ากลัว ก็พอมองแบบนี้แล้ว เหมือนมันโดนกินเข้าไปแล้วก๊อตซิล่ากระเดือกไม่ลง หน้ามันเลยติดอยู่ตรงปากของก๊อตซิล่าพอเป็นแบบนี้มันเลยดูขำๆมากกว่าจะกลัว

"มีงานตรงไหนให้ช่วยมั่ง"

ก๊อตซิป้องถามขึ้น

"นั่งก่อนก็ได้ เวรขายของมึงอยู่รอบต่อไปกับกู"

ผมพูดหลังยกตารางเวรขายของขึ้นมาดู ก๊อตชิป้องเลยทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม

"คิดไงแต่งเป็นไอ้ตัวนี้?"

ผมถาม ไอ้ป้องทำปากยื่นๆก่อนจะตอบ

"ก็เมื้อปีที่แล้วมีโฆษณาปลาเส้นมาถ่ายที่โรงเรียนแล้วเขาทิ้งเอาไว้ กูเลยขอพี่เซียร์เอามาใส่จะได้ไม่ต้องซื้อชุดใหม่ด้วย อีกอย่างก็ชอบ"

เหตุผลว่าชอบ ดูจะเป็นแค่ส่วนประกอบ หลักๆคือมันไม่อยากซื้อชุดใหม่ ผมจับใจความถูกไหม?

"ก็ทำไมไม่ซื้อชุดใหม่ไปเลยถ้าอยากคอสเพลย์เป็นก๊อตซิล่าจริงๆ ดูดิ นี้ก็มีบางจุดขาด"

ผมพูดไป มือก็ลูบไปบางจุดที่ขาด แม้จะซ่อมแซมแล้วก็เถอะ

"มันเปลืองเงิน..."

ไอ้ป้องครางตอบเสียงอ่อน

"แล้วพวกชุดนร. รองเท้า จาคอปมึงก็เหมือนกัน พวกนั้นมันจะไม่ไหวแล้วนะเว้ย"

แม้พวกอุปกรณ์พวกนั้นไอ้ป้องพยายามดูแลรักษาอย่างดีแล้วก็จริงครับ แต่ทุกอย่างก็มีอายุของมัน เสื่อนักเรียนมันซีดดดแล้วก็จางมากเกินไปแล้วครับ จาคอปเองแม้จะขัดจนเงาวับแต่ก็ขาดไปแล้วหลายจุด รองเท้าเองก็เหมือนกัน เย็บแล้วเย็บอีก
ไอ้ป้องทำหน้าอึกอักแล้วก็เงียบไป

"ถ้าไม่อยากขอแม่ ยืมกูก่อนไหม? ไม่คิดดอกหรอก"

ผมแซวมันนิดๆ ไอ้ป้องส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ

"เดี่ยวอีกประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์กูก็ได้เงินแล้ว รอตอนนั้นก็ได้มั่ง"

"แล้วระหว่างนั้น?"

"ก็ใส่ของเดิมไปก่อนไง"

ผมจงใจถอนหายใจหนักๆให้มันเห็นต่อหน้า

"เกียร์ อย่าทำแบบนี้ดิ"

ไอ้ป้องพูดเสียงอ่อน ผมไม่สนใจนั่งหันหน้าหนีมันแทน แล้วทำไมมันเงียบว่ะ? ตามบทแล้วมันต้องง้อผมดิ ไม่ใช่นั่งเงียบซื้อบื้อแบบนี้

"มึงรู้ไหมป้อง บางที่กูก็เสียใจนะ กูอยู่ใกล้กับมึงแค่นี้ แต่กูเหมือนอยู่ไกลกับมึงมากเลย"

"...."

"กูพยายามเปิดใจ พยายามเข้าใจมึง แต่มึงกลับเฉยชาไปหมด ไอ้ความเงียบของมึงมันไม่น่าอึดอัดหรอก แต่บางครั้ง กูก็คาใจ ไม่สบายใจ แต่กูก็ไม่อยากเซ้าชี้มึง ทั้งเรื่องถุงยา เรื่องที่มึงชื่อปลื้มไม่ใช่ไอ้ป้องแบบที่กูหรือใครหลายคนเรียก ร่วมทั้งเรื่องเสื้อผ้าพวกนี้ด้วย กูบอกเลยว่ากูไม่สบายใจ..."

"..."

"เหมือนกับมึงไม่เชื่อใจกู..."

รอบนี้ผมโกรธมันจนโพล่งออกไปหมด

ถึงผมจะเป็นคนบอกเองก็เถอะว่าพร้อมแล้วให้บอก แต่เข้าใจความรู้สึกของคนที่รอไหมครับ มันหนักมันหน่วง ยิ่งอีกฝ่ายเงียบ มันยิ่งเครียด ผมพยายามหาเหตุผลต่างๆนานามาแก้ต่างให้มันในใจไปแล้วนับล้านๆแต่สุดท้ายไอ้ป้องมันก็ยังเลือกที่จะเงียบ...
ผมสะบัดหน้าหนีมันเตรียมจะลุกขึ้นเดิน แต่มือของมันรั้งแขนของผมไว้ก่อน

"อะไร"

ผมประชดถามมันเสียงห้วน ไอ้ป้องไม่ตอบแต่ดึงผมนั่งลงแทน

"ขอโทษ..."

คำสั้นๆง่ายๆหลุดรอดมาจากปากมัน

เชอะกะอีแค่กุมมือแล้วพูดเสียงอ้อนๆว่าขอโทษ

... คิดเหรอว่าแค่นี้กูจะยอมใจอ่อน

"ขอโทษทำไม มึงก็ไม่ได้ผิดอะไรนิ กูผิดเองแหละที่เป็นห่วงมึงมากไป"

ผมพูดไปแก้มป้องไป เชอะ คิดเหรอแค่นี้กูจะหายงอน

ผมเห็นไอ้ป้องมองซ้ายมองขวาก่อนมันจะพุ่งมือปลาไหลมาทางเอวผม

"ไอ้ป้อง ปล่อย!!!!"

ผมคำรามเสียงดุใส่มันเมื้อวงแขนมันกระชับรอบเอวผมแต่มีหรือก๊อตซิป้องมันจะกลัว

"หายงอน'ปลื้ม'รึยังครับ? ถ้าหายจะยอมปล่อย"

"ปลื้นไหนเหรอ? ไม่เห็นรู้จัก"

ผมตอบกลับหน้าตาย เอาดิ กอดก็กอด ตรงนี้ไม่มีคนเห็นเว้ย

ผมลืมไปว่ามันไม่ได้โง่...

ก๊อตซิป้องที่ตอนนี้ครอบครองเอวของผมไว้เขยิญเข้ามาใกล้ ก่อนน้ำเสียงทุ้มเจ้าเล่ห์จะดังขึ้น

"ก็ปลื้มคนที่กำลังโดน'คนสำคัญ'งอนอยู่ไงครับ"

หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆหลังจับใจความสำคัญของประโยคนั้นได้

"ก็ถ้า'สำคัญ'จริง ทำไมไม่บอกอะไรเขาเลยล่ะ"

ผมโต้กลับไป ขี้เกรียจจะดิ้นตัวหนีมันแล้วครับ

"ปลื้มผิดเองครับ ยอมรับเลยจริงๆ แต่สัญญาเลยว่ากลับบ้านไปจะอธิบายให้ฟัง แบบนี้จะหายงอนปลื้มได้ยังครับ?"

ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ วงแขนของมันที่อยู่ในชุดก๊อตซิล่ากระชับกอดขึ้นมามากขึ้นจนผมรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่อยู่ข้างใน

เชอะ...คิดเรอะว่าแค่นี้จะหายงอน

"เออ เล่าให้หมดด้วยและกัน"

ผมตอบมันเสียงขุ่นหน่อยๆ หายงอนก็ได้ว่ะ...

"ครับ สัญญาเลย"

"แล้วก็ปล่อยได้ยัง ร้อน อึดอัด"

แกล้งพูดไปงั้นแหละ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ...กูเขิน

ไอ้ป้องคลี่ยิ้มที่เดียวนี้ชักจะยิ้มบ่อยมากยิ่งขึ้น

"ทำไม เขินเหรอ? ซบหน้าอกกูทั้งคืนยังทำมาแล้วเลย"

พอเห็นผมหายโกรธเท่านั้นแหละ ไอ้ป้องโหมดกวนตรีนก็กลับมา

"ไอ้.... ไอ้บ้า"

อยากจะด่าแรงๆกว่านั้นแต่คิดไม่ออก ติดไว้ก่อนก็ได้ว่ะ

"ไอ้เกียร์ ถึงรอบมึงแล้วนะ!!"

เสียงไอ้ปั๊กตะโกนดังบอก ผมตะโกนตอบกลับ

"เออ"

พอได้ยินแบบนั้น ก๊อตซิป้องเลยยอมคลายวงแขนจากเอวผมก่อนจะยิ้มหน้าระรื่น

"ไปขายของกัน"

"เออ"

ผมกับมันเดินออกไปบริเวณหน้าโต๊ะขายของ แน่นอนว่าไอ้คุณก๊อตซิป้องกลายเป็นจุดสนใจจากทั้งเพื่อนร่วมห้องและรุ่นพี่รุ่นน้อง
ในโรงเรียน เลยทำให้หน้าร้านคึกคันขึ้นกว่าเดิม ทั้งมันยังโดนลากไปถ่ายรูปกับคนนู้นที่คนนี้ที่ แน่นอนว่าไอ้ตัวดีไม่บอกปัดหรอกนะครับ ใครขอถ่ายก็ถ่ายหมด จะว่าไปอาจเพราะมันยิ้มบ่อยขึ้นมากเหมือนเป็นคนละคนล่ะมั่งครับ คนทั่วไปเลยรู้สึกเข้าถึงมันมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงทำหน้านิ่งๆไม่ยิ้มร่าขนาดนี้หรอกครับ

ผมดีใจนะที่เห็นมันยิ้ม

เพราะผมจะได้ยิ้มตามไง...

"ปากจะฉีกแล้วโว้ยทั้งผัวทั้งเมีย"

เสียงเห่าดังออกมาจากปากไอ้อู๋ ผมหันไปชูนิ้วกลางเป็นรางวัลก่อนจะตะโกนขายการ์ดต่อ แล้วมองไอ้ป้องเป็นพักๆ

เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ผมมีความสุขจังเลย...

"เหนื่อยไหม?"

ไอ้ป้องถาม

ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงครับ หลังจากพวกผมขายของกันเสมือนอยู่ในดงปืน รู้สึกเลยว่าปีนี้เทศกาลทานาบาตะคึกคักสุดๆ ไอ้ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกครับ ลูกค้าเยอะขึ้น เงินห้องกับส่วนแบ่งก็เยอะตาม แต่ความเหนื่อยจากการใส่ชุดยูกาตะก็ยังคงถาโถมเล่นงานอยู่ดี

คิดว่าไอ้ป้องเองก็คงเหนื่อยหนักๆไม่แพ้ผม เพราะชุดก๊อตซิล่าที่มันใส่ก็เป็นชุดผ้าหนัง เก็บความร้อนได้ดีเลยแหละ เหอะๆ

"แล้วมึงเหนื่อยไหม?"

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามมันแทน

"เหนื่อยสัสๆ ร้อนด้วย"

ก๊อตซิป้องตอบ ใบหน้าของมันอิดโรย มีเหงื่อไหลออกมา ผมมองซ้ายมองขวาหาพวกทิชชู่หรือกระดาษซับมันแต่ก็ไม่มี

"ยื่นหน้ามาดิ"

ผมสั่ง มันทำหน้างงๆแต่ก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆตามที่บอก

"เห้ย คือไม่ต้อ..."

ผมขี้เกรียจฟังมันขัด เลยดันหน้ามันเช็ดๆกับแขนชุดยูกาตะ แน่ล่ะวันมันบ่นอู้อี้อยู่อย่างนั้น

"เดี่ยวชุดเลอะหมด"

มันบ่นหลังผมปล่อยใบหน้ามันขึ้นมาถ้าไม่บ่นแล้วกินข้าวไม่อร่อยเหรอว่ะ?

"ก็หน้ามึงมันเลอะเหงื่อ"

"ก็ให้มันเลอะไปดิ"

"ไม่เอา..."

"...."

"ก็หน้ามึงตอนไม่มีเหงื่อน่ารักกว่าอ๊ะ..."

จบคำของผม ใบหน้าสีน้ำผึ่งของไอ้ก๊อตซิป้องก็มีสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ไอ้ป้องทำหน้าอ่อนใจและกังวลขึ้นมาดื้อๆ

"กลับบ้านนี้เราต้องคุยกันจริงๆจังๆแล้วเกียร์..."

ผมอยากรู้จริงๆ...


...ไอ้ป้องมันกังวลอะไรกันแน่



TBC.

ตอนหน้าก็จะได้รู้กันแล้วนะครับ ว่าป้องคิดอะไรกันแน่และกำลังกังวลกับอะไรอยู่

ปล. เลิคซิคมาแล้วนะตัวเธอว์

ปลล. พรุ่งนี้แตกต่างคอสเพลย์เป็นจูออนครับ....

ปปลล. อันนี้ชุดแผนENG-JAPANของโรงเรียนแตกต่างเองครับ ขอเบลอชื่อโรงเรียนไว้เพื่อความสงบสุข 555+


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 06-07-2014 21:14:14
อัลไล   จะรอฟังความจริงตอนหน้านะจ๊ะ

ปล  แหม่ หวานแซ้

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-07-2014 22:28:33
เขาง้อกันน่ารักเนอะ
 :-[ :-[
รอฟังเรื่องของป้อง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-07-2014 00:30:40
อร๊ายยยยยยยยย ก๊อตซิป้องรุกเกียร์มันเลยจ้า  :hao7:
อร๊ายยยยยยยยย สู้เขาลูก!!! เราต้องเป็นเมะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-07-2014 03:17:19
รอฟัังความจริงตอนหน้าว่าป้องเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-07-2014 07:59:14
ว้ายๆๆๆ ป้องเขิน มีแทนชื่อตัวเองด้วย น่ารักจริง

ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ...ต้องคุย [06/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 07-07-2014 08:21:01
อุ๊ย ป้องจะคุยอะไรหรอ เขินนะ  :-[

ปล. คนแต่งจะคอสจูออนหรอ ระวังมันไม่น่ากลัวนะ   :hao7:     (คนแต่งน่ารักเกินไป ฮิ้วววว)

จัดสวยอะ เห็นแล้วอยากเข้า  o13
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 08-07-2014 10:58:52
#20 แม่ ความกังวล และ ความรัก


คำพูดของไอ้ป้องสร้างความกดดันให้ผมเล็กๆ แต่หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

ช่วงบ่าย บรรยากาศของงานวันทานาบาตะยังคงคึกคักอยู่ เนื่องจากหน้าซุ้มงานยังคงมีกิจกรรมให้เล่นสนุกกันและรุ่นน้องหลายๆมาขอถ่ายรูปกับพี่ๆที่แต่งคอสเพลย์ แน่นอนว่าไอ้ป้องเองก็เป็นคนหนึ่งที่โดนดึงไปถ่ายรูปกับน้องๆ อาจจะเพราะไม่เคยเห็นเลขานร.เวอร์ชั่นนี้ล่ะมั่งครับ

ผมเองก็โดนคนนู้นดึงไปถ่ายคนนี้ดึงไปถ่ายเหมือนกัน จนกระทั้งรู้ตัวอีกที่ก็โดนดึงเข้าไปใกล้ๆไอ้ป้องแล้ว

ใบหน้าของมันดูอ่อนล้ากว่าตอนก่อนจะกินข้าวอีก ก็อย่างว่าแหละครับ ชุดก็อตซิล่ามันเด่นเกินไป อีกทั้งร้อนมากๆด้วยเพราข้างในชุดแทบจะไม่ค่อยระบายอากาศ พอเห็นผมมองมามันก็ชูสองนิ้วให้ผมเป็นอันบอกว่ามันยังไหว

“พี่เกียร์ขยับเข้าไปหาพี่ปกป้องหน่อยได้ไหมครับ ? อยากได้รูปนี้อ๊ะ เหมือนๆเจ้าชายมีสัตว์เลี้...เอ๊ย คู่หูนะครับ”
ถึงจะยังที่มันพูดไม่จบดี แต่ผมว่าไอ้น้องคนนี้มันคงดูการ์ตูนบ่อยเกินไปถึงขนาดมองเห็นไอ้ป้องเป็นสัตว์เลี้ยงของผม แต่ทำไงได้ล่ะครับ เพราะตกลงกันก่อนแล้วว่าถ้ามีน้องๆมาขอถ่ายรูปต้องยอมให้ถ่าย เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้า

ไอ้ป้องยกยิ้มมุมปากนิดๆ(นิดเดี่ยวจริงๆนะรอบนี้)ก่อนจะเดินเหมือนเพนกวินมาอยู่ด้านหลังผม

“โอเคครับ แล้วที่นี้พี่เกียร์เอามือไปช้อนคางพี่ปกป้องหน่อยครับ”

น้องคนที่ถือคอนนอลในมือพูดต่อ

ที่ถ้าไม่เห็นว่าอีกฝ่ายซื้อการ์ดขอพรไปร้อยใบผมคงโวยลั่นล่ะครับ....(สั่งให้กูทำท่าอะไรของมรึงงงงง  -  -*)

ผมยอมทำท่าที่น้องมันบอกแต่โดยดี ก่อนจะปลายนิ้วไปที่คางของไอ้ป้อง

ใบหน้าของไอ้ป้องดูอ่อนล้ามากเต็มที่ ผมสัมผัสได้ว่าหน้ามันซีดกว่าเดิมมาก จากหน้าสีน้ำผึ่งกลับกลายเป็นน้ำซาวเข้าเพราความเหนื่อยอ่อน

“ครับ...สวยดี”

ตากล้องเด็กบอกก่อนจะรัวชัตเตอร์ ใส่ผมกับไอ้ป้อง

“แล้วที่นี้ต่อไปก็...”

“พี่ว่าพอก่อนเถอะนะครับ พี่ป้องไม่ไหวแล้ว”

ถ้าจะถ่ายผมต่อผมไม่ว่าอะไร แต่ไอ้ป้องคงไม่ไหวแล้วจริงๆ

เจ้าของชื่อพอได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ตื่นขึ้นมา แต่ผมไม่สนใจหรอก

ผมเตรียมจะดึงแขนไอ้ป้องเดินหนี

“ขอตัวก่อนนะครับ ขอพี่ป้องกับพี่ไปพักผ่อน”

“แต่ผมซื้อการ์ดวันทานาบาตะมาแล้วนะครับ ไหนบอกว่าจะให้ถ่ายรูปไง ?”

ไอ้เด็กนั้นเถียงกลับ พลางชูการ์ดวันทานาบาตะให้ผมเห็น

“น้องครับ พี่ว่าในเมมของน้องมันมีภาพพี่กับพี่ป้องไปเยอะแล้วล่ะ น้องเห็นหน้าพี่ป้องไม่ครับเขาจะไม่ไหวแล้วนะ”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามพูดด้วยเหตุผลให้อีกฝ่ายเข้าใจ ด้วยความที่ว่าอีกฝ่ายยังเด็กกว่าและเป็นลูกค้า

....ร่วมทั้งมือเล็กๆที่กระตุกชายยูกาตะอยู่ด้านหลังผม

“ไม่ไหวก็ต้องไหวสิพี่ นี้ผมเป็นลูกค้านะ”

ความอดทนที่มีอยู่ในใจมลายหายไปในพริบตาเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น ผมเกือบจะปล่อยหมัดลุ้นๆไปกระแทกใบหน้าไอ้เด็กนี้แล้ว ถ้าใครอีกคนไม่ล็อกแขนผมไว้ก่อน

“ถ้าไม่พอใจก็คืนการ์ดแล้วเอาเงินของน้องคืนไปครับ”

ใครสักคนพูดขึ้นก่อนจะควักแบงค์ร้อยคืนให้อีกฝ่าย ก่อนไอ้เด็กนั้นจะเบะปากแล้วปาการ์ดลงพื้นเดินหนีออกไปจากภายในงาน
ผมหันไปมองหน้าคนที่เดินเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์แต่ทว่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ร่วมทั้งเสื้อนักเรียนที่อีกฝ่ายใสแสดงให้เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในโรงเรียงเดี่ยวกันกับผม

แต่เครื่อข่ายเดี่ยวกัน...

“มู่หลาน”

เสียงไอ้ป้องดังขึ้นจากด้านหลังของผม ที่แท้ก็มันนี้เองที่ล็อกแขนผมไว้

“ไงปลื้ม”

เจ้าของชื่อหันมายิ้มมีรับคำทัก ก่อนจะโบกมือให้ไอ้ป้องอย่างร่าเริง

“เห้ย ไปไงมาไงเนี้ย แล้วพี่ยา ?”

ไอ้ป้องก้าวเดินออกไปหาก่อนจะรัวคำถามใส่

“ก่อนจะถามถึงไอ้บ้านั้น ช่วยแนะนำตัวกูกับเพื่อนมึงหน่อยเถอะปลื้ม”

มู่หลานว่าก่อนจะยิ้มน้อยๆ สงสัยคงเห็นสีหน้าคำถามของผม

“แหะๆ กูขอโทษ เออ นี้เกียร์เพื่อนกูเอง แล้วก็เกียร์ นี้มู่หลาน เลขานร.เหมือนกันกับกูแต่อยู่ที่เพลินจิตเขตรังสิต”

ไอ้ป้องแนะนำตัวก่อนอีกฝ่ายจะยิ้มให้ผม

ที่แท้ก็โรงเรียนเดี่ยวกันแต่คนละสาขา

มู่หลานขมวดคิ้วนิดๆเหมือนเอ๊ะใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะทำตาโตๆแล้วร้อง’อ้อ’ออกมา

“เดี่ยวนะปลื้ม... นี้คือเกียร์...คนที่พี่เซียร์บอกว่ามึงชอ...”

“แล้วพี่ยาไม่มาเหรอ ?”

ไอ้ป้องขัดก่อนอีกฝ่ายก่อนจะพูดจบประโยค ผมเห็นมู่หลานร้องเชอะออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ

“ช่างหัวไอ้บ้านั้นเหอะ”

“แหม ยังไงๆฝ่ายนั้นก็ประธานนร.นะเว้ย”

ไอ้ป้องพูดขึ้น ผมเห็นมู่หลานขึ้นตาใส่ก่อนจะพูดต่อ

“เชอะ คนแบบนั้นนะเหรอ เหอะ... ขี้เก๊ก อวดดี บ้า แล้วก็กวนโอ๊ยที่สุด”

“เหรอครับ แล้วมีนิสัยอย่างอื่นอีกไหม ?”

มู่หลานทำแก้มป้องๆก่อนจะพูดต่อ

คือ...จริงๆผมกับไอ้ป้องอยากจะสะกิดแล้วล่ะครับ ว่าคนที่พูดประโยคคำถามด้านบน...ไม่ใช่ผมกับไอ้ป้อง

“มีสิ เพล์บอยที่สุด ชอบฟันสาวๆคอนแวนต์ ทำอะไรนะไม่เคยเห็นหัวคนอื่น คิดแต่เรื่องของตัวเองก่อนตลอดเวลา ทำตัวเป็นเด็ก
ไม่รู้จักโต ไม่มีความรับผิดชอบ”

“แย่ขนาดนั้นเลย  ?”

“ใช่ แย่มากๆ ถ้าอยู่ต่อหน้านะ จะ...เห๊ย!!!!”

เจ้าของชื่อ‘ยา’ปรากฏตัวออกมาจากด้านหลัง ผมเห็นไอ้ป้องรีบชิ่งมายืนข้างๆผม ในขณะที่มู่หลานมีสีหน้าตกใจเหมือนเห็นผี

“ว่าไงครับ จะทำอะไรเหรอ ถ้านาย ‘โอสถ’อยู่ต่อหน้านะ....หื้ม ?”

ผู้ชายตัวสูงๆผิวขาวจั๊วที่บ่งบองถึงสายเลือดให้ตัวพูดขึ้นกับมู่หลาน ผมเห็นอีกฝ่ายมีเข็ดกลัดติดตรงปกคอเหมือนพี่กาเซียร์ประธานนักเรียนของผม

“ก็จะ...จะ....”

“จะอะไรครับ ?”

“จะอะไรเหล่า ก็ไหนบอกจะไปหาพี่เซียร์ไง ก็ไปสิ”

มู่หลานแวดใส่รีบหันหน้าจะเดินหนีคนตัวสูงกว่า แต่อีกฝ่ายรีบดักไว้

“ผมคุยกับกาเซียร์เสร็จแล้วเลยมาเดินเล่นแถวนี้ แล้วก็มาได้ยินเด็กที่ไหนก็ไม่ทราบแอบนินทาผมลับหลัง”

“อะไร ใครนินทาคุณ ? ถ้าคิดว่าตัวเองดีจริงๆก็อย่าร้อนตัวสิ”

“ผมไม่เคยร้อนตัวหรอก แต่ชอบทำให้คนอื่นร้อนไปทุกส่วนมากกว่า....”

ใบหน้าแบบอาตี๋แท้พูดขึ้น ตาหยี้ๆของพี่มันแทบจะกลายเป็นรูปสระอิตอนพูดประโยคนั้น ผมเห็นคนถูกจาบจ้วงด้วยคำพูด
พยายามเดินหนีแต่ก็โดนล็อกแขนไว้

“สวัสดีครับน้องปลื้ม”

“สวัสดีครับพี่โอสถ”

ไอ้ป้องยกมือไหว้ ส่งผลให้ผมยกมือไหว้ตาม

“งานทานาบาตะปีนี้ก็ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีเลยนะ”

อีกฝ่ายว่า ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆงาน

“ไม่หรอกครับ แต่แค่ดีหน่อยตรงได้คนคุมงานดี”

ไอ้ป้องว่า ก่อนจะปรายตามองไปทางไอ้ปั๊กที่วันนี้ตลอดทั้งวันยังแทบไม่ได้นั่งพักเหนื่อยด้วยซ้ำ

“ดีจังเลยนะ เพลินจิตวิทยาสาขานี้มีคนที่ช่วยงานได้เยอะเลย ไม่เหมือนสาขาพี่ ได้แต่เด็กๆเข้าสภา”

“พี่ว่าใครเป็นเด็ก ?”

“ก็ถ้าไม่เด็กคงโดนชิมไปวันละหลายๆรอบแล้วล่ะ”   

คนถูกว่าตอบกลับพร้อมเลียริมฝีปาก

“ไอ้ทะลึ่ง!!!”

มู่หลานว่าก่อนจะสะบัดมือแล้วเดินหนี ไม่ทราบทำไมเหมือนกัน ผมเหมือนๆเห็นภาพน้องเพลงอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแทรกขึ้นมาดื้อๆ แต่เวอร์ชั่นนี้ดูซึนกว่ามากๆก็เท่านั้น - -“

“ฮ่าๆ พี่ขอตัวไปดูแลหลานก่อนนะ เดี่ยวเจอกันช่วงงานละครนะปลื้ม”

“บายบ๊ายครับพี่”

พี่โอสถยกมือบายๆผมกับไอ้ป้อง แกยิ้มจนตายี้พลางส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะวิ่งตามมู่หลานไป

“ประธานนักเรียนของเพลินจิตวิทยาทุกสาขานี้ต้องกินเด็กเหรอว่ะ ไอ้ป้อง ?”

ผมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ไอ้ป้องยักไหล่ไม่ตอบ นั้นเป็นคำถามที่แม้แต่เด็กอัจฉริยะแบบไอ้ป้องก็ตอบไม่ได้....




                                                       
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


“เอาโค๊กเพิ่มไหม ?”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับคำถามของไอ้ป้อง ก่อนเอนตัวลงนอนกับเสื่อ ไอ้ป้องทรุดตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนด้านข้างก่อนจะถามผม

“แล้วนึกไงชวนกูมาดูดาว”

“ก็มาดูดาวแล้วมาฟังความจริงจากปากมึงไง”

ตอนนี้ผมกับมันนอนกันอยู่บนชั้นสามของบ้านครับ เพราะบ้านผมเป็นทรงคล้ายๆบ้านทรงไทย เลยทำให้ระเบียงด้านบนของบ้านกว้างมากกกกกก จนพอให้เราสองคนมานอนดูดาวได้

ผมเห็นมันขยี้ปากจมูกหน่อยๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม

“เรื่องไหนก่อน ?”

“ทุกเรื่อง ที่คน’สำคัญ’ควรต้องรู้ไว้....”

ผมพูดเจาะจง ไอ้ป้องเบ้ปากนิดๆแต่ก็ยอมเล่นให้ผมฟังจนได้

“เรื่องแรก...อื้ม...กูชื่อปลื้ม....”

“แล้วทำไมแม่ลีลาวดีเรียกว่าป้อง ?”

ผมถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแม่ลีลาวดีก็เรียกไอ้ป้องว่าป้องไม่ใช่‘ปลื้ม’

ไอ้ป้องทำสีหน้าอึดอัดลำบากใจ แต่ก็ยอมเล่าโดยดี

"จริงๆแล้วกูกับแม่ลีลาวดี ไม่ใช่แม่ลูกกันแท้ๆ"

มันทรุดตัวลงไปนอน ก่อนจะยกแขนปิดตาไว้

“ถ้ามึงสังเกตดีๆ มึงจะเห็นว่านามสกุลของกูกับของแม่เป็นคนละนามสกุลกัน กูเป็นลูกของแม่นิ เพื่อนสนิทของแม่ลีลาวดี แต่แม่แท้ๆของกูเสียตั้งแต่กูยังเล็กๆ แม่ลีลาวดีเองไม่มีลูกเลยรับกูมาเลี้ยง”

ผมนิ่งเงียบไม่ได้ขัดอะไรตั้งใจฟังมันเล่าต่อ

“แม่ลีลาวดี ดีกับกูมากจริงๆ แม่ไม่เคยไม่รักกูเลย นั้นกูก็รู้ ....แต่ถึงยังไงๆก็ก็เกรงใจมากๆที่แม่ลีลาวดีต้องมาพะวงเรื่องของกู”

“เรื่องโรคประจำตัวมึงอ่ะนะ ?”

มันยกแขนออกจากตา ก่อนจะมองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“มึงรู้... ?”

“เออ รู้ แต่เรื่องนั้นไว้ค่อยถามที่หลัง ตอบกูมาก่อนว่า ที่ผ่านมาตลอดเวลาที่มึงไม่ยอมรับเสื้อผ้าใหม่ๆจากแม่ลีลาวดี เป็นเพราะมึงเกรงใจแม่มากๆ เพราะงี้ใช่ไหม ?”

“อะ..อื้ม จริงๆแม่ควรจะอยู่สุขสบาย ไม่ควรจะมาลำบากเพราะเด็กขี้โรคแบบกู”

ไอ้ป้องทำท่าอึกอัดไม่สบายใจ

‘แล้วปลื้มคิดว่าแม่สบายใจจริงๆเหรอที่หนูทำแบบนี้’

เสียงแม่ลีลาวดีดังออกมาจากไอโฟนที่ผมเปิดลำโพงเอาไว้ ไอ้ป้องกระเด้งตัวขึ้นก่อนจะอุทานเสียงหลง

“แม่ !!!!...ไอ้เกียร์นี้มึง...”

มึนถลึงตาใส่ผม

‘หยุดเลยนะ อย่าวีนเกียร์ ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้แล้วแม่จะรู้ไหมว่าหนูเป็นอะไร’

“แม่......”

ไอ้ป้องครางเสียงอ่อน  ผมยังคงเงียบเพราะไม่อยากเข้าไปแทรกระหว่างที่แม่กับลูกเข้าคุยกัน

‘แม่รู้ ‘ทุกเรื่อง’ที่เกิดขึ้นจากปากเกียร์แล้ว’

ไอ้ป้องเงียบกริบ รับฟังสิ่งที่แม่พูดต่อ

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ทุกเรื่อง’ที่แม่ลีลาวดีบอกรึเปล่า...

‘รู้ไหมปลื้ม ทำไมแม่ถึงเรียกหนูว่าป้อง’

“ไม่รู้ครับ...”

‘เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่คิดเสมอไง ว่าหนูคือลูกของแม่ แล้วแม่เองก็ไม่อยากให้หนูต้องคอยย้อนไปถึงอดีตที่เจ็บของตัวเองบ่อยๆการชื่อเล่น ที่ผ่านมานี้แม่รักหนูตลอดและไม่เคยมีสักครั้งเลยที่แม่จะเลิกคิดที่จะรักเรา’

“........”

‘มันก็จริงที่เราอาจจะไม่ใช่แม่ลูกกันตามตรงจากสายเลือด แต่แม่อยากจะบอกให้หนูรู้เอาไว้’

“.........”

‘ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่รักลูกมากๆ ป้องเป็นเด็กที่จริงจังกับชีวิต ฉลาด และใช้ชีวิตเป็น ลูกไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง ไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้แม่รู้สึกแย่กับเรา กลับกัน แม่กลับรู้สึกดีที่ได้มีลูกอย่างป้อง’

แม่ลีลาวดีเว้นวรรคไปก่อนจะพูดต่อ

‘ถ้าจะมีเรื่องเดี่ยวที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ ก็เรื่องความกังวลของป้องเนี้ยแหละ’

“...........”

‘แม่รู้ แม่เข้าใจ ว่าป้องคิดเสมอว่าตัวเองรบกวนแม่ แต่แม่อยากจะบอกให้รู้ ไม่มีแม่ที่ไหนหรอกที่อยากจะเห็นลูกตัวเองคิดมาก’

“แม่....”

’แม่รักลูกเสมอนะป้อง และแม่จะรักลูกตลอดไปด้วย’

ไอ้ป้องน้ำตาซึม นั่งมองไอโฟนในมือผม

“ป้องก็รักแม่ครับ รักมากๆด้วย”

ไอ้ป้อนสะอื้น ผมเลื่อนมือตัวเองไปบีบมือมันไว้เบาๆ

‘จ้าคนดี งั้นต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องเกรงใจแม่แล้วเนาะ เพราะเราเป็นแม่ลูกกันนิ’

“ครับแม่....”

ไอ้ป้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนจะรับปากหนักแน่น

ผมได้ยินเสียงลมหายใจเหมือนๆกับแม่ลีลาวดีเองคงโล่งอกที่ได้ยินเสียงมันรับปากแบบนั้น

ย้อนกลับไปวันอาทิตย์...

หลังจากผมพาไอ้ป้องไปฝึกบอร์ดที่สวนสาธารณะเสร็จก็กลับมาถึงบ้าน มันขอตัวไปอาบน้ำก่อนจะปล่อยผมไว้คนเดี่ยว เป็นจังหวะเดี่ยวกับที่ท้องของผมประท้วงหน่อยๆว่าหิวแล้วนะ หาข้าวกินได้แล้ว เพราะคิดได้แบบนั้นผมเลยเดินลงไปที่ห้องครัวด้านล่างก่อนจะพบว่า แม่ลีลาวดีทำนามบัตรใบหนึ่งตกไว้ที่หน้าตู้เย็น ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะอ่านแล้วประหลาดใจ....

‘นาง ลีลาวดี โกสนสุข’

ผมจำได้ว่าไอ้ป้องนามสกุล ‘เกียร์ติยานันท์’ ไม่ใช่ ‘โกสนสุข’

ความสงสัยหลายๆอย่างประกอบร่วมกันในหัว สมองของผมพยายามมองหาความเป็นไปได้ต่างๆนานา สุดท้ายแล้วก็ไม่แคล้ว
โทร.ไปถามกับแม่ลีลาวดีโดยตรง

และคำตอบที่ได้ ก็ทำให้ผมรู้สึกโกรธไอ้ป้อง

โกรธ...ที่มันรักผมจนไม่กล้าบอก

ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนี้....

‘อ้อป้อง...’

“ครับ ?”

เสียงแม่ลีลาวดีเงียบไปแปปหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

‘อันนี้แม่รู้นะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา แต่แม่อยากจะบอกป้องเอาไว้....’

“...................”

‘โกหกใครก็โกหกได้ แต่เราโกหกใจตัวเองไม่ได้นะป้อง อีกอย่าง แม่บอกแล้วไง เกียร์เล่าให้แม่ฟัง ‘ทุกเรื่อง’แล้ว’

ไอ้ป้องหันขวับมาหาผม ผมแกล้งผิวปากเสหน้าไปทางอื่น

“แต่.......”

‘ป้องเป็นคนที่ใช้แต่เหตุผล แม่ว่าเรื่องนี้ ลองใช้’หัวใจ’บ้าง ที่แม่อยากจะพูดก็คือ ไม่ว่าป้องจะเป็นเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว แม่ก็รับได้นะ อิอิ’

“แม่!!!”

ไอ้ป้องแว้ดใส่ไอโฟนผมเสียงสูง ก่อนจะตวัดค้อนประหล่ำประเหลือใส่ผม สวนทางกับเสียงหน้าลีลาวดีที่ยังคงหัวเราะร่วน

‘โอเคๆ แม่ไม่แกล้งเราแล้ว แต่ยังไงก็แล้วแต่...ไม่ลูกจะเป็นอะไรหรือเป็นแบบนั้น ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ...แม่รักป้องนะครับ’

“ครับแม่ ป้องก็รักแม่ครับ”

‘จ้าๆ งั้นก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าห่มนะ อุ๊ย ลืมไปเลย เดี่ยวนี้ลูกชายเรามีคนดูแลแล้วนิ จริงไหมครับเกียร์ อิอิ งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ รักลูกทั้งสองคนมากๆจ้า’

แม่ลีลาวดีพูด ก่อนจะวางสายไป

“ไอ้เกียร์บ้า”

ไอ้ป้องตะโกนใส่หน้าผม ก่อนจะทุบเข้ามาที่ต้นแขนผมแรงๆที่หนึ่ง เจ็บนะเว้ย!!

“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้มึงจะยอมเหรอว่ะ”

“ก็ไม่เห็นต้องบอกทุกเรื่องก็ได้”

“ก็กูจริงจังจริงใจนิหว่า เพื่อวันหน้าจะได้สู่ขอได้เลย”

หน้าไอ้ป้องแดงแปร๊ดขึ้นมาเหมือนมีใครเอาสีมาทาไว้

ตอนแรกที่รู้ว่ามันไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ลีลาวดีผมก็ตกใจเหมือนกันครับ แต่คิดอีกทางนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะแบบนี้เท่ากับว่าไอ้ป้องไม่ใช่พี่ท้องทางความสัมพันธ์กับผมแน่ๆ

“เกียร์...”

ไอ้ป้องครางเสียงอ่อนใจอีกรอบ ใบหน้าก็ฉายความกังวลชัดเจน

“อย่า หยุดเลยป้อง มึงยังไม่ได้เล่าอีกสองเรื่องที่กูต้องรู้”

ไอ้ป้องกรอกตาไปมาแบบคนถูกจับฟอร์มได้ คิดจะเล่นงี้แล้วชิ่งอ่ะดิ โด่ววว

“งั้นเรื่องไหนก่อน ?”

“เรื่องโรคประจำตัวของมึงก่อน”

รอบนี้ผมเริ่มซีเรียสขึ้นมาบ้าง เพราะถ้าขึ้นต้นว่าเป็นโรคประจำตัวแล้ว อะไรๆมันก็ไม่น่าพิสมัยสำหรับผมนักหรอก

“กูเป็น...ภาวะเสี่ยงโรคหัวใจนะ”

“ยังไง ?”

ผมเริ่มใจไม่ดีเพราะไอ้ชื่อโรงนี้มันร้ายแรงพอสมควร แม้จะบอกแค่ว่ามันแค่’เสี่ยง’ก็เถอะ

“คือ...กูก็อธิบายไม่ถูก แบบ.... ยังไงดี ถ้าเป็นภาษาบ้านๆก็คือกูเสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจตีบตันหรืออะไรแบบนั้น”

“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ?”

“หัวใจกูโตตั้งแต่เกิดนะ มันเลยเป็นภาวะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แล้วตอนเด็กๆกูเครียดบ่อย มันก็เองเสี่ยงอยากที่เห็น สุดท้ายกูเลยพยายามกินยาตามที่หมอสั่งแล้วก็ดูแลสุขภาพเท่าที่ทำได้”

“มันหายได้ใช่ไหม ?”

ผมบอก ก่อนจะบีบมือมันเบาๆเพื่อนยืนยันกับมัน

ไม่ว่าจะเกิดอะไร ผมจะอยู่ข้างๆมัน...

“หมอบอกว่าหายขาดได้ ถ้ากูเข้ารับการผ่าตัดแต่...”

“แต่อะไร”

มีที่ผมกุมไว้สั่นเล็กๆน้อย ผมเพิ่มแรงบีบเข้าไปนิดหน่อยจนกระทั้งมันค่อยๆหายสั่น

“มันมีความเสี่ยง50/50 ว่าง่ายๆ กูอาจจะตายได้ถ้าการผ่าตัดล้มเหลว....”

ผมบอกแล้วใช่ไหม ผมมันโง่...

คนแบบผม คิดคำพูดดีๆไม่เป็นหรอก   

ผมดึงไอ้ป้องมากอดไว้เต็มตัว คิดอยู่อย่างเดี่ยวอยากให้อีกฝ่ายได้ไออุ่นจากผมให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้มันคิดมาก คิดไปไกลเกินกว่าที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

“เกียร์”

“หื้ม ?”   

มันเงยหน้าออกจากอกผม ก่อนจะทำสีหน้าประมาณพูดดีหรือไม่พูดดีออกมา

“คือ...กูก็ซึ่ง แต่กูอึดอัด มึงมันอ้วน...”

มันจะไม่ซึ่งก็ไอ้ตรงมึงว่ากูอ้วนเนี้ยแหละ -  -*

ผมขึ้งตาใส่มันก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดอยู่ดี แต่ที่ไม่ยอมแน่ๆก็มือข้างหนึ่งเนี้ยแหละ ยังไงๆก็ต้องยอมให้ผมกุม

“เอาจริงๆนะป้อง นี้มันเรื่องใหญ่ แต่มึงไม่ยอมบอกกูเลย”

ผมนอนหันหน้าไปพูดกับมัน

“ก็กูกลัวว่ามึงจะคิดมากไง แค่นี้หน้าก็ย่นพอแรงอยู่แล้ว”

ไอ้ป้องพูดด้วยแววตาใสซื่อ

ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนที่ผมรัก ผมคงจะชกมันไปแล้วล่ะ เดี่ยวก็ว่ากูอ้วน เดี่ยวก็ว่ากูเหี่ยว ชักยั้วแล้วนะเว้ย...

“งั้นเรื่องนี้ผ่าน เป็นอันว่ากูเข้าใจ และจะดูแลมึงดีๆ...มึงต้องหาย เชื่อกู...”

“อื้ม...กูจะหาย เชื่อกูดิ่”

มือที่กุมกันไว้ ต่างบีบเบาๆให้กันและกัน ผมเห็นไอ้ป้องยิ้มออกมาได้ในที่สุด เป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าจะได้เห็นกี่ครั้งผมก็มีความสุขตาม






มีต่อนะครับ แตกต่าง.
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 08-07-2014 10:59:19


“งั้นเรื่องสุดท้าย....”

“อะไรว่ะ...”

ผมสบตามันตรงๆ เลือนตัวเข้าไปใกล้ๆจนหน้าเราไม่ไกลกันแม้แต่น้อย

“มึงคิดยังไงกับกูว่ะ....”

“กูก็คิดว่ามึงเป็นเพื่...”

“อย่าโกหกกูนะ...ขอร้อง”

ผมวิงวอนอีกฝ่ายผ่านทางสายตา

ก็ขนาดลงทุนโทร.ไปบอกแม่เรื่องนี้ คิดไหมครับว่าผมต้องใช้ความกล้าซะขนาดไหน

ถ้าครั้งนี้มันยังปากแข็งอยู่ ผมเองก็อาจจะยอมแพ้ตัวเองแล้วก็ได้...

ไอ้ป้องยกมือข้างหนึ่งมาลูบตา ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

“กู...รู้สึกดีกับมึงมั่ง...”

“แล้วรู้สึกดีที่ว่านะ...’รัก’รึเปล่า ?”

ผมอาจจะปล่อยเลยไปมากมายในหลายๆเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วพอถึงเวลา ผมเองก็คงต้องการสถานะที่มันชัดเจนในความรู้สึกสักที่ จริงอยู่ว่าความคลุมเครือมันคลาสสิก แต่พอถึงเวลาจริงๆความชัดเจนที่ปรากฏออกมาก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี

“ถ้ากูพูดออกไป มึงจะคิดยังไงว่ะเกียร์ ....”

“ก็ถ้าไม่พูด กูจะรู้ไหมว่ามึงคิดอะไร...”




“กูรักมึง”




คำพูดสั้นๆแผ่วเบา แต่ก็ทำให้คนฟังแบบผมหัวใจพองโตจนแอบๆกลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจแบบมันไหมมีความสุข
สุขที่ได้รับ’รัก’กลับคืนมา....

“มึงโกรธกูรึเปล่าว่ะเกียร์ ที่กู...เออ..คิดกับมึงแบบนี้”

สีหน้าไอ้ป้องฉายแววกังวลชัดเจน อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาทั้งหมด...

“ที่มึงไม่กล้าบอกกู เพราะว่ากลัวกูโกรธ....”

“นั้นก็ใช่”

“แล้วทำไมกูถึงต้องโกรธด้วย...ในเมื่อก็คิดไม่ต่างกันทั้งคู่”

“มึงหมายความว่า.....”

ขอยืนยันอีกครั้ง ว่าผมมันโง่ จะให้ผมพูดซ้ำๆซากๆมันก็ไม่ใช่แนว

ใบหน้าของผมแนบชิดสนิทกับมัน ริมฝีปากชนกัน ผมคงไออุ่นจากริมฝีปากไว้เนินนาน และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สอดลิ้นเข้าไป เพราะไม่งั้น ‘ครั้งแรก’ ของผมกับมัน อาจจะเป็นสถานทีที่ไม่ดีเอาซะเลย....

“แบบนี้พอจะยืนยันคำตอบได้ชัดเจนไหม ?”

ผมถอนจูบออกมา นานแล้วนะครับเนี้ยที่แค่จูบเฉยๆแต่ไม่ได้สอดลิ้นเข้าไป

ใบหน้าสีน้ำผึ่งของไอ้ป้องยากยิ่งที่จะให้ผมจำแนกออกมาว่ามันคิดอะไร ชอบ ไม่ชอบ เขิน อาย ดีใจ หรือโกรธ เอาเป็นว่ามันคงชอบแล้วกันมั่งครับ(เมื่อเช้านี้ผมแปรงฟันแล้วนะเว้ย คงไม่มีกลิ่นปากหรอก -  -)

“กูดีใจที่ได้ตอบแบบนี้ แต่กูก็กลัว....”

“กลัวอะไรว่ะ ?....”

คนถูกถามละสายตาไปจากผม ก่อนจะอธิบายให้ฟัง

“สังคม หน้าที่การงาน หลายๆอย่าง ร่วมทั้งอนาคตของมึง”

“แต่กูว่านั้นไม่ใช่ปัญหา”

“มัน นั้นมันเป็นปัญหาข้อแรกสุดเลยเกียร์ แถมเป็นปัญหาที่กูแอบกังวลมาตั้งนานแล้วด้วย...”

ผมทำหน้ามุ้ยไม่เข้าใจที่มันพูด

“มึงกับกู...ต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เอาจริงๆนะเกียร์ ที่กูไม่เคยบอกอะไรมึงไปเลยก็เพราะแบบนี้ มึงเป็นคนที่หล่อและดูดีมากๆนะในสายตากู ร่วมทั้งมึงเป็นผู้ชายเต็มตัวด้วย กูไม่คิดว่าคนแบบมึงจะลดตัวลงมาชอบกู”

“ทำไมมึงคิดว่ากูต้องลดตัวลงไปด้วยว่ะ....”

“ก็กูเป็นแค่ดิน”

มันตอบกลับ


“แต่สำหรับกู มึงเป็นมากกว่าเดือนหรือดาว กูรักมึงเพราะมึงเป็นมึง ไม่ได้รักที่ตรงนี้”


ผมชี้ไปที่ใบหน้าของมัน

“ตรงนี้”

ผมเลือนมือไปจับช่วงลำตัวกับสะโพกของมัน ไล่ขึ้นไปที่แผ่นหลัง

“หรือว่าตรงนี้”

ผมเลือนมือไปที่หน้าอกแบนๆของอีกฝ่าย

“รัก ที่มึงเป็นมึง คำตอบของกูมีแค่นั้นจริงๆ....”

ผม..พูดสิ่งที่ผมอยากจะพูดหมดแล้ว

ที่เหลือจากนี้ ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายล้วนๆแล้วครับ..

“นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้กูดีใจ แต่ความดีใจมันก็แฝงมาถึงหลายๆอย่างที่ทำให้กูกังวล”

“มึงกังวลอะไรนักหนา ไหนลองพูดออกมาให้หมดดิ่”

ผมชักจะเหลืออดกับไอ้มนุษย์คนนี้แล้ว ปากก็บอกว่ารักผม แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อกังวลนู้นี้นั้นมากมาย

“เกียร์ไม่เคยอยากมีครอบครัวเหรอ ?..”

ผมชะงักไปกับคำถามนั้น แต่ก็ตอบไป

“ก็เคย”

“อื้ม...แล้วถ้ามึงอยากมีลูก กูก็มีให้มึงไม่ได้”

“แล้วยังไง”

มันชะงักไป ก่อนจะพูดต่อ

“มันไม่ยังไง แต่แบบนี้แล้วเกียร์จะมีครอบครัวได้ยังไง ?”

“ไม่หรอก....”

“.........”

“กูอาจจะมีลูกกับมึงไม่ได้ แต่กูเชื่อว่าถ้าเป็นคำว่า ‘ครอบครัว’ กูสร้างมันขึ้นมาได้”

“............”

สุดท้ายผมก็ต้องเปิดปาก เปิดใจไอ้บ้านี้อยู่ดี...เฮ้ออออออ

“รู้ไหมป้อง ก่อนจะรักมึงกูกังวลเรื่องอะไรมากที่สุด ?”

“อะไร ?”

ผมอมยิ้มก่อนจะตอบมัน

“กูกังวลว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา กูจะทำยังไงดีให้มึงหัวเราะ”

“.......”

“จะทำยังไงดีให้มึงหันมามองแค่กู รักกูบ้าง แม้แต่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของหัวใจก็ยังดี”

“.......”

“ถามว่าพวกเรื่องอนาคตกูคิดบ้างไหม จริงๆกูก็คิดนะ กูคิดว่าอยากอยู่กับมึงไปนานๆ คิดว่าอยากจะดูแลมึง คิดว่าถ้ามึงอยู่กับกูมึงจะมีความสุขไหม ? ทุกๆวันที่เราอยู่ด้วยกัน มึงจะหัวเราะได้รึเปล่า”

“.......”

“สายตากับคำคน มันเป็นสิ่งที่กูเดินผ่านมาแล้วปกป้อง เขาอยากมองเราก็ให้มองไปดิ รู้ไหมเวลาถูกมองเกียร์คิดว่ายังไง เกียร์คิดว่าเขามองก็คือมอง ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น”

“เกียร์.....”

“เชื่อใจผมได้ไหมครับ ? เชื่อใจได้ไหมว่าไอ้คนๆนี้จะไม่ทำให้ปกป้องเสียใจ และไอ้ลูกผู้ชายที่ชื่อเกียร์คนนี้รักปกป้องสุดหัวใจจริงๆ”

น้ำตามันไหลอาบสองแก้ม ผมเอื้อมมือไปเช็ดอย่างเบาแรงที่สุด

ความกังวลของอีกฝ่าย ผมสลายไม่ได้หรอกนะครับ เพราะมันคือความจริงที่ผมกับป้องต้องเจอ สังคมที่เราอยู่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไอ้คำว่าเปิดกว้างกว่าแต่ก่อน มันก็หมายถึงมันเปิดกว้างออกมาด้วยการมีคนแสดงตัวมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งสังคมจะยอมรับผมกับไอ้ป้อง มันยังมีคนอีกหลายๆคนที่ไม่ยอมรับแล้วคิดว่าความรักแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

สำหรับผม ความรักไม่มีคำว่าผิด

เพราะรัก....คือรัก....

แต่ผมว่าผมเลือกได้ ที่จะเติมให้อีกฝ่ายเจอแต่ความสุข...

......และปล่อยเรื่องที่ไม่ดีให้ออกไปจากใจ



“ผมรักปกป้องครับ”




ผมเลื่อนใบหน้าจูบลงอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปาก หวังเพียงให้ไออุ่นแทรกซึมเข้าไปหาอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ปลายลิ้นของผมสอดเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน และค่อยๆชิมความหวานจากโพรงปากนั้น จนกระทั้งรู้สึกว่าอีกฝ่ายถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆผมถึงได้ยอมถอนลิ้นออกมา ไอ้ป้องสูดเอาอากาศหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดเสียงพร่าออกมา....



“ปกป้องก็รักก้องเกียร์ติ์ครับ....”



TBC.


ในที่สุดก็คืนชีพจากวันทานาบาตะ กระซิกๆ  :hao5: ปีนี้คอสเพลย์เป็นจูออน บอกเลยว่าเพื่อนๆหลอนกันตรึ่ม

ไม่รู้ทำไม ยิ่งเขียนยิ่งเพลิน พอเพลินแล้วก็ยิ่งยาว

ตอนแรกตั้งเกณฑ์ตัวเองไว้ที่2000ตัวอักษร ไปๆมาๆกระเถิบไป2500 หลังๆเห้ยยังไม่จุใจซัดไป3000+

มาตอนนี้ด้วยความเพลิดเพลินสุดหัวใจ...ล่อไป4800

บร๊ะเจ้า นี้ตอนจบจะไมห้าพันเลยเหรอฟระ !!!

ปล. เรื่องของป้องกับเกียร์ยังไม่จบนะครับ นี้มันแค่'เริ่มต้น'ก็เท่านั้น   :z2:


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ขอบคุณทุกกำลังใจครับ จริงๆขาประจำหายไปหลายคนเลย เศร้า  :mew2:
















หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 08-07-2014 11:48:18
อ่านแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-07-2014 12:31:14
เปิดใจคุยกันแล้ว
ได้รักกันหวานๆ
 :-[ :-[
อุปสรรครออยู่ข้างหน้า
ขอให้จับมือสู้ไปพร้อมกันนะ
 :n1:

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 08-07-2014 17:22:24
จะถามตั้งนานและ

สรุป ใคร รุก รับ คะ กร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-07-2014 18:24:35
รักกัน ยอมรับกันและกัน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 08-07-2014 23:14:47
อร๊ายยยยยยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยย อร๊ายยยยยยย ฟินนาเล่เป็นที่สุด  :hao7:
สุดยอดเรื่องฟินของวัน  :heaven
ทั้งสองบอกรักกันแล้ว อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย

สุดท้ายยังไงก็ตาม ปกป้องต้องรุกนะ สัญญากับเกียร์เลย ว่าถ้าผ่าตัดแล้วเกียร์ต้องยอมเป็นเมีย  :hao6:
ยังไงก็ไม่ต้องกลัวการผ่าตัดหรอกนะ สมัยนี้มีทั้งบายพาส มีทั้งบอลลูน ไหนจะยิงคลื่นกระแทกเพื่อให้เกิดเส้นเลือดฝอยเป็น natural bypass อีก ยังไงก็หายแน่ๆ

ยังแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าป้องกินยาอะไรอยู่ เพราะมันมียาหลายตัวอยู่

โหวต เที่ยวไหนก็ได้ขอฟินๆเป็นพอ ตอนพิเศษเยอะๆนะ

ปอลิง: คำผิด: กูก็ซึ่ง, มันจะไม่ใช่ซึ่ง => ซึ้ง
“กู...รู้สึกดีกับมึงมั่ง...” => มั้ง
อดีตที่เจ็บของตัวเองบ่อยๆการชื่อเล่น? => ประโยคนี้ขาดอะไรไปป่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 08-07-2014 23:30:21
กรี๊ดดดด (ดอเด็ก ล้านตัว)  เค้าบอกรักกันแล้ว เค้าจุ๊บๆกันด้วย  :-[
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #20 แม่ ความกังวล และ ความรัก [08/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-07-2014 08:05:53
เผยความในใจกันได้น่ารักมาก
ละมุนละไม ฟรุ้งฟริ้งๆ สรุปคือชอบ
คนเขียนใช้ภาษาสวยดี อ่านลื่นไหล
อ่านไปตื่นเต้นไป กังวลไม่แพ้ป้องเลย
คิดแต่ว่าอย่าเพิ่งหมดตอนนะ กลัวค้าง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! [10/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 10-07-2014 21:35:33
#21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! 


ตอนเช้าตรู่ของอีกวัน ผมตื่นขึ้นมาด้วยความเพลียสุดชีวิต

เปล่านะครับอย่าเพิ่งคิดลึก เมื่อคืนแค่นอนดึก ไม่ใช่เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกับไอ้ป้องแล้วเพลียหรอกครับ(แม้จะอยากก็เถอะ...)
ผมมองคนในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกยินดี ในที่สุดผมกับมันก็เข้าใจกันสักที่

ผมโน้มหน้าลงไปใกล้ๆหน้าไอ้ป้อง ก่อนจะฝังจมูกลงไปกับแก้มของมันเต็มรัก ไอ้ป้องสะดุ้งตื่น ตกใจกระเถิบตัวออกห่างจากผม

"มอนิ่ง...หรือต้องเติมคำว่าคิสด้วยดี?"

ผมถามก่อนจะยักคิ้วส่งจูบให้มัน

ไอ้ป้องไม่ตอบแต่โดดลงไปข้างล่างแทนก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป

เด็กน้อยเอย!!!!

เมื่อวานหลังปรับใจกันได้ ผมกับไอ้ป้องก็ชวนกันมาเข้านอน แน่นอนว่าผมอยากนอนกอดมันใจจะขาดแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่านอน
คนละเตียงก็ดีแล้ว ผมเบ้ปากงอนมันนิดๆ สุดท้ายมันเลยยอมขึ้นมาให้ผมกอดแต่โดยดี

คนเหรี้ยอะไร ตัวนุ่มๆแอบยังอบอุ่นไป 'ทุกส่วน' อีกต่างหาก (มือปลาหมึกของผมพิสูจน์แล้ว)

ผมส่ายหน้าอ่อนใจกับไอ้คนขี้เขิน พนันได้เลยว่า'ครั้งแรก'ของผมที่ฝันถึง คงอีกไกลแสนไกล แถมตัวผมเองยังไม่อยากฝืนใจอีกฝ่าย

รอไม่นานไอ้ป้องก็อาบน้ำเสร็จ มันเดินออกมาเช็ดตัวที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะไล่ผมไปอาบน้ำด้วยสายตา ผมทำตามที่มันบอก ก่อนเราทั้งคู่จะแต่งตัวไปเพลินจิตกัน

“วันนี้ต้องไปประชุมไหม ?”

ผมถามมัน ระหว่างเดินเข้าโรงเรียน

“ไปๆ วันวิชาการกำลังใกล้เข้ามาแล้วไง แถมปีนี้บัตรขายหมดเกลี้ยงอีกต่างหาก”

ไอ้ป้องตอบ ก่อนผมจะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน.....เหตุการณ์ที่ว่าอามัวจะมาร้องเพลงที่เพลินจิต

คลิปร้องสดที่แก๊งนางฟ้าหลายๆคนอัดเอาไว้ได้แพร่กระจายออกไปในโลกโซเซียลแคมราวกับไวรัส แถมพวกเพ่อนๆของนางๆทั้งหลายที่อยู่ต่างโรงเรียนยังแชร์กันให้ว่อนเนท บัตรเข้างานวันวิขาการที่จัดออกมาขายพันใบหมดเกลี้ยงในชั่วโมงแรกที่เปิดขายและมีเสียงเรียกร้องอีกหลายๆกลุ่มที่ประท้วง(เพราะซื้อไม่ทัน)ขอให้ขายบัตรเพิ่มเล่นเอาโรงเรียนผมปั่นป่วนไปพักหนึ่งเพราะต้องการตามหาตัวคนร้องหรือก็คืออามัว

แต่ขนาด‘เทพข่าวคนใหม่’ก็ยังคงยกมือยอมแพ้ด้วยการบายๆ พร้อมบอกเหตุผลสั้นๆที่เลิกตามหาแต่เพียงว่า...

‘ผมจับต้องสายลมไม่ได้...’

..... แทบไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าหลายๆคนอยากจะมาเพลินจิตในวันวิชาการเพื่ออะไร

“ป้อง”

“หื้ม ?”

“อามัวนี้...”

“นี้....?”

ผมชะงักคำพูด มองตาไอ้ป้องตรงๆ ก่อนจะดึงจาคอปที่อีกฝ่ายถือไว้ออกมา

“ช่างเถอะ กูจะรอดูวันวิชาการแล้วกัน”

ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดยัดใส่ลงไปข้างใน ก่อนจะยิ้มให้มัน

“อื้ม รอดูนะ....”

มันพูดกับผมแค่นั้น ก่อนจะโบกมือลากันตรงตึกเจ็ด

เอาเถอะ...

สิ่งที่ผมสงสัยจะจริงไม่จริง เดี่ยวก็รอดูวันวิชาการก็แล้วกัน

ผมถือกระเป๋าจาคอป(ใบใหม่ ผมซื้อให้มันแล้ว)ของไอ้ป้องกับของตัวเองวิ่งขึ้นตึกเรียนไป พลพรรคและเพื่อนในห้องต่างก็นั่งเล่นกันในห้องตามปกติ จะหายไปก็คงเป็นไอ้เฟรมที่ลงไปซ้อมบาสที่โรงยิม ไอ้อู๋ยังคงนั่งเล่นลูกมันเหมือนเคย

ผมยกมือโบกให้มันเป็นสัญญาณว่ามาถึงแล้ว มันพยักหน้ารับก่อนต่างคนจะต่างทำกิจกรรมของตัวเองต่อไป

ไอพอดในมือของผมแสดงตารางปฏิทินของเดือนนี้ พอผ่านพ้นวันวิชาการของโรงเรียนผมไปแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาค ผมมองไล่ไปเรื่อนๆจนไปสะดุ้งกับวันๆหนึ่งในตารางปฏิทิน...

วันที่20 กรกฏคม...

มันเป็นวันธรรมดาๆวันหนึ่งที่ตรงกับวันอาทิตย์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะคิดแค่ว่าเป็นวันพักผ่อนธรรมดาๆแต่หลังจากใครบางคนเข้ามาป่วนในชีวิตของผม วันๆนี้ก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป

วันเกิดไอ้ป้อง

ปกติแล้วถ้าเป็นวันเกิดของผมหรือเพื่อนๆในแก๊งมักจะชวนกันไปกินหมูกระทะแถวย่านโรงเรียนนี้ล่ะครับ แต่ผมเชื่อว่าไอ้ป้องมัน
คงไม่เคยมีงานสังคมอะไรแบบนี้ เพราะปกติแล้วมันไม่เคยมีเพื่อนหรือสนิทมักจี้กับใครๆในห้อง ถ้าจะมีก็คงเป็นงานแบบพวกที่คณะกรรมการนักเรียนจัดกัน

“อู๋”

ผมสะกิดเรียกมัน ก่อนไอ้อู๋จะถอดหูฟังออกมาฟังผมพูด

“20กรกฏาคม กินหมูกระทะกันไหม ? ”

“เนื่องในวัน ?”

“วันเกิดไอ้ป้อง”

“อ้อออออออออออออออ”

มันลากเสียงยาวเจ้าเล่ห์ ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจท่าที่ล้อเลียนของมัน

“ตกลงไปไหม ?”

“แล้วใครไปมั่งว่ะ”

ไอ้อู๋ถามต่อ ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตอบมัน

”กูยังไม่ได้ชวนใครเลย นอกจากมึงเนี้ย อยากพามันกินหมูกระทะ”

“กินบ้านใครว่ะ ?”

“บ้านกูเองดิ่”

“งั้นก็แดรกเหล้าได้”

“เออ”

เรื่องปกติของพวกผมล่ะครับ นั่งย่างหมูไป กินเหล้าเคล้ากันไป เพลินๆดี

พอได้ยินคำว่าเหล้า ไอ้อู๋ก็พยักหน้าตอบตกลงทันที่ ไอ้เพื่อนแสนดี ดีออกกกกก

สำหรับผมเรื่องเหล้าถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ผมเชื่อว่าถ้าเรากินแล้วดูแลตัวเองได้ไม่เป็นปัญหาของใครก็กินไปเถอะ กินเพื่อให้รู้ เพื่อให้รับมือถูก แต่ไม่ใช่ให้เหล้ากินเรานะครับ...

อีกหนึ่งสิ่งที่ผมคิดถึงก็คือ...

‘ของขวัญ’

อ่า...จะว่าไงดี ปกติแล้วผมไม่เคยสนใจจะซื้อพวกของขวัญหรืออะไรพวกนี้เลยนะครับ คิดแค่ว่ากินหมูกระทะก็จบแล้ว แต่ไอ้ป้องกับผมเป็นแฟน...อื้ม ใช้คำนี้ได้แล้วใช่ไหมครับเนี้ย ? เอาเป็นว่ามันเป็นแฟนผมก็แล้วกันเนาะ ฮ่าๆ เพราะงั้นในเมื่อมันเป็นแฟนผม ไอ้จะแค่กินหมูกระทะ มันก็คงไม่โอเท่าไหร่ล่ะมั่งครับ

คำถามต่อไป ....จะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้มันดี ? แล้วคนแบบมันนี้ชอบอะไรบ้างล่ะครับ...

หนังสือ...

ไม่เวิร์ค วันเกิดทั้งที่ ให้แค่หนังสือมันก็ไม่โอเท่าไหร่ล่ะมั่งครับ...

สร้อย แหวน นาฬิกา ของใช้ต่างๆ....

ไม่โอเคอยู่ดี ผมว่ามันธรรมดาไป จะให้พวกสร้อยพวกแหวนไอ้ป้องมันคงไม่ชอบ เพราะมันเป็นผู้ชายนี่ครับ ...
ผมนั่งคิดคิ้วขมวดก่อนจะมองไปรอบๆห้อง ตอนนี้ไอ้พวกทโมนทั้งหลายกำลังทำกิจกรรมของตัวเองกันอยู่ ผมไล่สายตามองไปเรื่อยๆจนกระทั้งไปสะดุดตากับเพื่อนคนหนึ่ง

“ไอ้ตี๋  ที่มึงใส่นั้นซื้อมาจากที่ไหนว่ะ ?”

ผมถาม ก่อนจะชี้ไปที่ริสแบนด์สีดำสนิทบนข้อมือของเพื่อนคนหนึ่งในห้อง

“ไม่ได้ซื้อว่ะ แฟนกูสั่งทำให้”

ไอ้ตี๋ยักคิ้วก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงกวนตรีนให้ผม

“สั่งทำที่ไหน เท่าไหร่ว่ะ ? กูขอดูหน่อย”

“เดี่ยวกูถามแฟนแปป”

มันยอมถอดริสแบนด์เส้นนั้นให้แต่โดยดี ก่อนจะไลน์ถามแฟนให้

ผมจะยกขึ้นมาพิจารณารอบๆ เส้นหนังพลาสติกเหนียวๆนี้ให้ความรู้สึกแปลกๆตอนสัมผัสครับ พอลองสวมดูก็นับว่าไม่เกะกะมากไปนัก ตัวอักษรบนริสแบนด์สลักตัวอักษรภาษาอังกฤษชื่อมันกับแฟนมันไว้คู่กัน

ถ้าเป็นริสแบนด์...

มันจะชอบไหมนะ ?

“เกียร์”

ไอ้ตี๋เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ของมัน ผมเห็นมันทำสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะตอบในสิ่งที่ผมถาม

“แฟนกูบอกว่าไปสั่งทำจากร้านที่ห้างทีพาร์คว่ะ...”

ผมกระเดือกน้ำลายลงคอ เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงทำสีหน้าแปลกๆแบบนั้น

ห้างทีพาร์คเป็นห้างใหม่ที่มาเปิดตัวแถวๆละแวกใกล้ๆโรงเรียนของผมเนี้ยแหละครับ ประเด็นคือไอ้ห้างเนี้ย เจือกเปิดแค่สาขาเดี่ยว แล้วไอ้สาขาที่ว่ามา...

มันตั้งอยู่หน้าโรงเรียนพยุหการ ถ้าจะขยายความหมายให้ลึกกว่านั้นคือโรงเรียนผมกับโรงเรียนนั้นไม่ค่อยถูกกัน หรือถ้าจะพูดให้ตรงประเด็นกว่านั้น เด็กโรงเรียนผมกับโรงเรียนนั้นมักจะมีเรื่องกันเป็นประจำ ผมเองก็เคยจะโดนชิ่งจาคอปเหมือนกันตอนที่ไปซ่าแถวนั้น ดีว่าหนีกันทันกับพวกไอ้อู๋ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกแมร่งจะอยากได้ไปทำไมกะอี้แค่กระเป๋าใบหนึ่ง

“เออๆ ขอบใจมึงมาก”

ไอ้ตี๋เดินกลับไปที่เดิมของมัน ก่อนจะปล่อยผมให้จมกับห้วงอารมณ์ความคิดของตัวเอง

หรือจะซื้อของอย่างอื่นให้มันดี... ?

ไม่อ๊ะ ผมว่าริสแบนด์นี้แหละ โอเคที่สุดแล้วในความรู้สึกของผม มันเป็นของที่เด็กผู้ชายใส่กันเยอะแยะ อีกทั้งไม่ผิดกฏโรงเรียน
ร่วมทั้งยัง...

...เป็นของแทนใจได้อีกต่างหาก

ถ้าไปคนเดี่ยวแบบไม่ค่อยเด่น รีบไปรีบกลับ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง...

ผมสรุปความคิดในหัวลวกๆ ก่อนจะหยุดทุกสิ่งลงเมื่อไอ้ป้องเดินเข้ามาในห้อง มันเดินมารับกุญแจตู้ล็อกเกอร์จากผมเหมือนเคย แล้วเดินไปไขล็อกเกอร์หยิบจาคอปไปนั่งที่ของตัวเอง มันหันมาชูมือเป็นรูปตัววีให้ผม ก่อนจะหันไปสนใจมิสอริสราที่เดินเข้ามาในห้องแทน

 ถึงแม้คาบนี้จะเป็นวิชาภาษาไทย แต่ใจผมกับกำลังนึกถึงตัวอักษรคาตากานะที่ได้เรียนมา ก่อนสมองจะเขียนคำบางคำลงไปในโพล-อิทเล็กๆสองคำ

‘ポックポン’  (ปกป้อง)

’コンキャット’ (ก้องเกียรติ์)

ผมเขียนแบบไม่มีคำว่ารักมาคั่นชื่อของกันและกัน

 มีแค่ชื่ออีกฝ่าย….

..... แค่นั้นผมว่ามันก็มีความหมายมากพอแล้วในหัวใจ



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




ตกเย็นวันนั้น ไอ้ป้องต้องเข้าประชุมกับพวกคณะกรรมการนักเรียนในฐานะเลขาสภา ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะไอ้ป้องจะได้ไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปไหน เชื่อเถอะครับถ้ามันรู้ มันต้องห้ามผมแน่ๆผมกล้าพนันได้เลย ผมโบกแท็กซี่ไปย่านห้างทีพาร์คทันที่ ตอนแรกกะจะกลับบ้านไปก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วค่อยไป แต่ผมคิดว่าแค่ทำธุระแล้วรีบกลับคงไม่น่าจะมีเรื่องอะไรหรอกมั่งครับ

ห้างทีพาร์คเป็นห้างที่เป็นศูนย์รวมวัยรุ่นที่หนึ่งเลยแหละครับ เสียอย่างเดี่ยวที่ยังรองรับความต้องการของผู้คนได้น้อยเกินไปเลยไม่ค่อยดังเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามาแรงในฐานะห้างน้องใหม่

ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนยาวไปถึงชั้นสามตามคำบอกของไอ้ตี๋ ก่อนจะวนซ้ายวนขวามองหาไอ้ร้านค้าที่ว่า แต่ในที่สุดผมก็หาเจอ ด้านนอกขังตัวร้านตกแต่งเรียบๆสไตล์วินเทจ ภายในมีตู้กระจกสีขาวที่บรรจุพวกริสแบนด์ที่ยังไม่ได้สลักตัวอักษรลงไป ส่วนพี่เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงคะแนจากสายตาแล้วอายุคงประมาณสามสิบต้นๆครับ ในร้านมีลูกค้าเป็นเด็กผู้หญิงโรงเรียนชื่อดังสองสามคนยืนจับกลุ่มเลือกแบบอยู่

“สวัสดีค่ะน้อง ต้องการริสแบนด์แบบไหนค่ะ ? สอบถามได้น่า”

พี่คนขายรีบเข้ามารับผมทันที่ทีขาข้างหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน

“อ่า ... สวัสดีครับ พี่ช่วยแนะนำริสแบนด์ให้หน่อยได้ไหมครับ ผมอยากซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดแฟน”

หล่อนทำหน้าเสียดายนิดๆ พอๆกับพวกเด็กผู้หญิงพวกนั้น แต่ก็ยิ้มแล้วพูดต่อ

“แล้วมีแบบอะไรในใจเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ ? แบบแฟนน้องชอบสีอะไร หรือว่าชอบลายอะไรเป็นพิเศษ ร้านพี่มีหลายแบบ ลองดูแบบก่อนได้นะ”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่ตู้กระจก พี่คนขายยื่นหนังสือแบบลายริสแบนด์ต่างๆให้เลือกอีกทาง

“แฟนน้องเป็นคนแบบไหนค่ะ ลองบอกพี่ได้นะ เพื่อพี่ช่วยเลือกได้”

หล่อนเสนอตัว

ผมย่นคิ้วนิดๆก่อนจะพูดถึงแฟนที่ว่า

“เป็นคนนิ่งๆครับ ขี้อาย ชอบกินปลาทุกชนิด เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ ชอบสีฟ้าอ่อนๆ ใจดี แล้วก็...น่ารัก”

ผมเห็นพี่คนขายหัวเราะชอบใจ ก่อนแกจะพลิกๆหน้าสมุดไปที่หน้าหนึ่ง

“ลายนี้เป็นไง”

ลายที่เจ๊แกเลือกมาคือลายปลาตัวเล็กๆครับ สีสันน่ารักสดใสอยู่พอสมควร ผมมองไปแล้วคิดตาม

“มีลายสเกตบอร์ดไหมครับ ?”

“คะ ?”

“คือ ลายสเกตบอร์ด ที่มันมีสี่ล้อนะครับ”

“อ้อ ฮ่าๆ ขอโทษที่ พอดีเห็นเราบอกหาของขวัญวันเกิดให้แฟน พีไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงจะชอบลายนี้เท่าไหร่นะจ้า พเราะส่วนใหญ่แล้วเขาจะชอ...”

“ตกลงมีไหมครับ ?”

ผมตัดบทฉับ เจ๊แกหน้าเจื่อนไปนิดๆก่อนจะพลิกให้ดู

“มีแบบนี้นะ”

ลายที่พี่เขาให้ดูรอบนี้ เป็นลายสเกตบอร์ดอันเล็กๆหลายๆอัน เรียงวางแบบไม่เป็นระเบียนปนๆกันไปอยู่บนริสแบนด์ 

สวยดีแหะ...

“อ่า ... ผมเอาสองลายนี้แหละครับ”

ผมบอก ก่อนจะชี้ไปที่ลายฝูงปลากับสเกตบอร์ด

“แล้วจะให้พี่เขียนสลักลงไปว่าอะไรรึเปล่า ?”

“ที่นี้สลักเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ไหมครับ ?”

ผมบอกความต้องการของตัวเอง ก่อนจะยื่นกระดาษเล็กๆที่เขียนชื่อผมกับมันไว้ให้พี่เขาไป เจ๊แกก้มมองก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

“ได้นะ สลักได้หมดจ้า ตัวคาตากานะแบบนี้พี่ก็สลักได้แต่ชื่อมัน...”

“ทำไม่เหรอครับ ?”

หล่อนทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะพูด

“คือ เราเขียนมาให้พี่ผิดรึเปล่า มันอ่านว่าปกป้องนิ ชื่อเราอันนี้ใช่ไหมที่อ่านว่าก้องเกียรติ์นะ”

พี่คนขายพูด ก่อนจะชี้ไปที่บรรทัดที่สองที่เขียนชื่อผมไว้ ก่อนผมจะพยักหน้าตอบ

“แล้วนี้ชื่อ...”

รอบนี้หล่อนเลื่อนมือขึ้นไปบรรทัดบน



“ครับ แฟนผมชื่อปกป้องครับ”



มันเป็นอีกก้าวที่ผมรู้ว่าตัวเองต้องเจอ…

สายตาที่มองมาจากพวกผู้หญิงในตอนแรกที่ยิ้มให้กลายเป็นทำหน้าแสลง ส่วนพี่คนขายมีสีหน้าปั้นยาก แต่เพราะผมยังเป็นลูกค้าทำให้หล่อนพยายามปั้นหน้ายิ้มหวานต้อนรับผม  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติกับแววตาดูแคลนที่ส่งผ่านออกมาจากสายตาหลายคู่ ย้ำกับตัวเองในใจว่าเพื่อไอ้ป้อง พอได้ของแล้วก็แค่ไป เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา

ถ้าแคร์คนทั้งโลก โลกของคุณมันก็คงจะไม่มีความสุข...

“แล้วเอาสีอะไรค่ะ ?”

หล่อนถามเสียงมะนาวไม่มีน้ำ ผมเลือกไม่สนใจก่อนจะตอบกลับไป

“ลายสเกตบอร์ดเอาสีเขียวอ่อน เขียนชื่อของผมกำกับไว้ ลายฝูงปลาเอาสีฟ้าอ่อน เขียนชื่อ’แฟนผม’ไว้ด้วยครับ”

“เอาแบบเรืองแสงหรือไม่เรืองแสงค่ะ ?”

ผมทำหน้าสงสัย ก่อนหล่อนจะยกริสแบนด์เส้นหนึ่งมาอังไว้ให้เห็นว่าถ้าอยู่ในความมืดมันจะเรืองแสงได้

“เอาแบบเรืองแสงครับ ทั้งสองเส้นเลย”

หล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกผมว่าต้องรอประมาณสักครึ่งชั่วโมงถึงจะได้ ผมเลยเลือกที่จะไปนั่งรอตรงโซฟาที่มุมร้าน ปล่อยให้พวกผู้หญิงดูไปนินทาผมทางสายตาไปด้วย พอผ่านไปสักพักหนุ่งริสแบนด์ที่สั่งทำก็เสร็จพอดี

“ลองสวมดูก่อนได้นะ”

ผมทำตามที่หล่อนว่า ก่อนจะสวมใส่ริสแบนด์สีฟ้าอ่อนรูปฝูงปลาที่สลักชื่อไอ้ป้องเอาไว้

“โอเคครับ ทั้งหมดเท่าไหร่ ?”

“300ค่ะ เส้นล่ะ150”

ผมควักแบงค์สีแดงส่งให้หล่อนไปสามใบ ก่อนจะหนีบจาคอปแล้วเดินออกนอกร้านไป กระนั้นก็ยังไม่พ้นเสียงคำติฉินนินทาที่ดังออกมากระแทกหู

“หล่อๆแบบนั้นไม่น่าเป็นเกย์เลยแหะ...”

ผม...เลือกที่จะหันหลังให้กับคำพูดพวกนั้น

ผมเป็นอะไร ผมว่าผมรู้ใจของผมดี

ตัวของผม กายของผม ใจของผม ยังเป็นผู้ขายเหมือนเดิม ผมยังเหล่ผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ ยังเข้าเวปอย่างว่า ยังมีแผ่นหนังซุกใต้เตียง(แน่นอนว่าไอ้ป้องไม่รู้ และผมแอบเปิดดูตอนมันหลับ - - ) บุหรี่แม้จะเว้นช่วงแต่ก็ยังสูบบ้างบางเวลาที่เครียดๆ ผมยังเข้าสังคมและทำอะไรแบบผู้ชายทั่วไป ผมไม่เห็นว่าผมจะ ‘ไม่ใช่’ ผู้ชายตรงไหน หรือเพียงแค่คนที่ผมรักเป็น’ผู้ชาย’ผมเลยต้องกลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพศเดิมของตัวเองงั้นเหรอครับ ?

ยอมรับว่ารู้สึกแย่ครับ แต่ก็ไม่เกินที่คาดไว้สักเท่าไหร่หรอก เพราะไอ้ผมมันเป็นคนตรงๆ ผมไม่คิดจะบิดบังใครด้วยซ้ำว่าผมเป็นแฟนกับมัน เพราะงั้นเลยเตรียมใจแล้วล่ะว่าไอ้คำพูดถากถางพวกนี้มันต้องมีมาแน่ๆ

ผมสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด มือข้างขวาที่เคยกุมไอ้บ้าคนหนึ่งเอาไว้เลื่อนไปลูบริสแบนด์ที่มือข้างซ้ายเบาๆ รอยบุ๋มที่ลึกลงไปจากการสลักชื่อของไอ้ป้อง พอลูบผ่านแล้วทำให้ผมอุ่นใจแปลกๆ...

ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล มันยังคงอบอุ่นเสมอในใจผม

เพียงแต่...ผมเองก็ต้องไม่ลืมเหมือนกันว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ไหน และกำลังจะเผชิญกับอะไร

ผมหนีบจาคอปคู่ใจ ก่อนจะรีบใส่เกียร์หมาโกยแน่บทันทีที่เห็นกลุ่มเด็กผู้ชายวัยเดี่ยวกันจำนวนสิบคนหรือมากกว่านั้นทำท่าจะกรูกันเข้ามาเยี่ยม ซึ่งผมว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้เจตนาดีขนาดแค่เข้ามาทักทายแน่ๆ

“เห้ย หยุดนะเว้ย”

หนึ่งในพวกมันพูด ก่อนทั้งหมดจะวิ่งไล่ตามผมจากบรรไดเลื่อน

ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกมึงจะพูดเหมือนพระเอกในละครทำไม คือพูดไปแล้วกูจะหยุดให้มึงเหรอ ?  ไอ้ควายยย สมองมีก็ใช้หน่อย

ผมด่าตัวเองในใจที่ไปคิดเรื่องไร้สาระตอนที่กำลังขับขัน สองขาเองก็กำลังจะรีบก้าวหนีไปให้ไวที่สุด ขอแค่โบกแท็กซี่ไปได้ทุกอย่างก็จบแล้ว ผมวิ่งออกไปหน้าห้าง ก่อนจะรีบวิ่งไปแถวแท็กซี่

แต่ผมคิดอะไรตื้นๆเกินไป...

ผมเองก็ลืมไปว่าผมมันไม่ใช่พระเอก ที่จะได้โชคดีตลอดทั้งเรื่อง หนีคนร้ายแล้วไม่โดนจับ หรือเจอแต่พวกตัวร้ายโง่ๆ ...

เพราะไอ้เวรพวกนี้แมร่งฉลาดเป็นกรด

“กูเห็นตั้งแต่ตอนมึงเข้าไปแล้ว คิดอยู่แล้วว่ามึงจะต้องหนีออกมาทางนี้”

หนึ่งในพวกมันที่ยืนดักด้านหน้าพูดขึ้น ตอนนี้ไอ้พวกข้างหลังเองก็เริ่มเดินเข้ามาล้อมผมแล้ว...แมร่งเอ๊ย กูยังไม่อยากลงข่าวหน้าหนึ่งว่าโดนกระทืบตายนะเว้ย

“พวกมึงต้องการอะไร ?”

ผมถามออกไป พยายามควบคุมน้ำเสียงเพื่อไม่ให้พวกมันรู้ว่ากำลังกลัว ไอ้เชรี้ย พวกมันล้อมไปสิบกว่าคนนะเว้ย ไม่กลัวไหวเหรอ

“จาคอปกับเข็มโรงเรียน”

ผมเม้มปากแน่น เตรียมตัวจะต่อรอง แต่จู่ๆทันเองก็มีวัตถุบางอย่างกลิ้งเข้ามาใกล้ๆกลุ่มพวกผมกับมัน ลักษณะเหมือนขวดโค๊กที่เห็นเมื่อเช้าในตู้เย็น รวมทั้งยังมีกระป๋องโค๊กอีกสองสามใบกลิ้งตามมา พวกมันยืนงงกันหน้าสะล่อน

อย่าว่าแต่พวกมันเลย ผมก็งงว่ามันมายังไง ?

เหมือนๆไอ้วัตถุพวกนี้จะรับรู้ความสงสัยของผมกับพวกมัน เมื่อสายตาผมสังเกตุเห็นว่าไอ้กระป๋องพวกนี้มันแปลกก็ตรงใส่ดอกไม้ไฟ วินาทีที่ไฟลามเลียไปถึงปากกระป๋อง ปฏิกิริยาเคมีที่ผมเคยได้เรียนมาก็แสดงผล

‘บึ้ม!!!’

เสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมๆกับควันที่พวยพุ่งออกมา แรงระเบิดไม่ได้ทำให้พวกมันบาดเจ็ด แต่ก็มากพอที่จะทำให้ขวัญหนีดีฟ่อและซื้อเวลาให้คนที่สร้างมันขึ้นมา

มือคู่เดิมที่เคยสัมผัสกันและกันเอื้อมมาจับมือผมไว้แน่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้สติของผมแทบจะไม่อยู่กับตัวแล้ว

ผมมองมันตาค้างก่อนจะอ้าปากตะโกนออกไปอย่างลืมตัว


 “ไอ้ป้อง!!!”




TBC.


ตัดจบฉับๆ ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า ตอนหน้าอย่าพลาดนะครับ

'We are family'   :)

แล้วจะรู้ว่าเด็กเพลินจิต เขา'รักกัน'ขนาดไหน....   :z2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! [10/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-07-2014 00:41:49
ตอนนี้เกียร์ดูเท่ห์มาก แต่ยังไงชั้นก็เชียร์ให้ป้องกดแกอยู่ดี  :hao3:

ปกป้องทำระเบิดได้ด้วย?  o22

“อามัวนี้...” => ต้องเป็น 'นี่' ป่ะ
ตัวอักษรอาตากานะ => ไม่ใช่ คาตากานะ เหรอ หรือเราจำผิด  :ruready
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! [10/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-07-2014 05:42:06
เกียร์อย่างเท่ห์ รักป้องมากเลยนะนั่น
ว่าแต่ป้องมาอยู่ที่นี่เวลานี้ได้ไงหว่า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! [10/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-07-2014 06:12:04
ป้องมาได้ไง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! [10/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 11-07-2014 20:54:29
มาทันพอดีเลย  นี่แอบตามใช่ไหมป้อง ตอบมานะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! [10/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 11-07-2014 22:04:20
มาได้ไงหว่า????
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 12-07-2014 17:49:04
#22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป....




"เออ กูรู้แล้วว่ากูชื่อป้อง แต่ตอนนี้วิ่ง!!!!"

มันสั่งก่อนจะลากผมไป พร้อมๆกันนั้นเองพวกมันก็เริ่มมีสติกลับมา ก่อนจะเริ่มวิ่งไล่กวดผมกับไอ้ป้องอย่างเอาเป็นเอาตาย

"มึงมาได้ไงว่ะ?"

รู้นะครับว่าไม่ใช่เวลา แต่มันสงสัยนี้ครับ

ไอ้ป้องไม่ตอบคำถามของผมแต่เร่งสปีดขึ้นแทนเมื่อพบว่าพวกมันยังไล่กวด ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังวิ่งไปทางไหนกัน รู้เพียง
แต่ว่า...

ผมเชื่อใจมัน

เชื่อว่ามื้อข้างนี้ที่กำลังพาผมวิ่ง จะต้องพาผมรอดไปได้อย่างปลอดภัย ผมเลยไม่ลังเลที่จะวิ่งไปพร้อมๆกันกับมัน
ไอ้ป้องบีบมือผมแน่น พาผมวิ่งลัดเลาะไปตามถนน มุ่งเข้าสู่ตัวตลาดสดแถวห้างทีพาร์ค แม้จะสงสัยก็เถอะว่าทำไมถึงพาผมวิ่งมาทางนี้

"เกียร์ ส่งไฟแช็กมา!! กูรู้ว่ามึงพกติดตัวไว้"

มันสั่งเสียงเย็น ผมอ่านสายตาของมันออกได้ว่า'กลับบ้านไปค่อยเคลียร์'

ไอ้ป้องหยุดกึก ก่อนมื่อมันจะหยิบกระป๋องโค๊กกับขวดน้ำอัดลมออกมาจุดไฟ แล้วขว้างไปทางกลุ่มพวกมัน

'บึ้ม!'

ทั้งเสียงและควันสีดำโชยออกมาพร้อมๆกัน ผมเห็นพวกมันรีบทรุดตัวลงหมอบกับพื้น ซื้อเวลาให้ผมกับไอ้ป้องได้วิ่งต่อ

"นั้นมันอะไรว่ะ? ระเบิด"

ผมถามเสียงหอบ ไอ้ป้องเองก็ใกล้หมดแรงพอๆกับผมแต่ก็ยังตอบกลับมา

"ของเล่นของเด็กผู้ชายไง ก็แค่ใส่พวกสารเคมีบางชนิดเช่นสารบางอย่างที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ จุดไฟ จากนั้นก็บึ่ม"

ไอ้ป้องพูดไป หอบไป แต่ก็ยังอุตส่าห์ยกมือขึ้นทำท่ากำมือแล้วกางออกให้ผมเห็นภาพ

ถ้ารอดกลับไปผมคงต้องศึกษาเคมีจริงๆจังๆแล้วแหะ...

ไอ้ป้องพาผมวิ่งหอบไปเรื้อยๆ จนผมกับมันหมดแรง พากันวิ่งไปหลบอยู่หลังตู้แช่ผัก ผมนั่งลงกับพื้นที่เลอะโคลนโดยไม่กลัวเสื้อหรือกางเกงเลอะ นาทีนี้ชีวิตสำคัญกว่าครับเพราะพวกมันยังคงวิ่งตามมาและวนเวียนอยู่รอบๆ

"เกียร์ พอหายเหนื่อยแล้ววิ่งไปทางโรงน้ำแข็ง"

ไอ้ป้องที่ทรุดตัวลงข้างๆผม ชี้นิ้วไปทางโรงน้ำแข็งเก่าตรงด้านหลัง ผมแทบไม่ได้สนใจคำพูดมันด้วยซ้ำเพราะใบหน้าสีน้ำผึ่งของมันซีดจนไม่มีสีเลือด ริมฝีปากแห้งจนเห็นเป็นสีม่วง ผมยกมือข้างหนึ่งของมันขึ้นมาดูเล็บมือก่อนจะรู้สึกเย็นสุดขั่วหัวใจ เพราะมันเริ่มกลายเป็นสีม่วง

ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน!!!!

หลังจากที่ผมรู้ว่ามันเป็นโรคอะไร ผมไม่ได้นิ่งนอนใจขนาดไม่ตรวจดูหรอกนะครับว่าอาการเบื้องต้นมีอะไรบ้าง ผมพยายามหาหนังสือมาอ่านอาการเบื้องต้นกับวิธีรับมือทุกชนิดด้วยซ้ำ อาการของไอ้ป้องตอนนี้ ณ ขณะนี้ถ้าผมเดาไม่ผิดเกิดจากการที่มันตกใจแล้ววิ่งหนักมากเกินไปจนหัวใจรับไม่ไหว

ผมตัวชาไปทั้งร่าง เพราะอาการของคนข้างๆเริ่มทรุดตัวลงเรื่อยๆ ไอ้ป้องหอบช้าลงแต่ใบหน้ากลับยิ่งซีดขึ้นเรื้อยๆ

"ไอ้เหรี้ยป้อง มึงอย่าทิ้งกูไปนะเว้ย!!"

ผมสถบด่ามัน ไม่เคยรู้สึกโกรธมันขนาดนี้มาก่อน ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองป่วยหนักแท้ๆ แต่ทุกครั้งที่ผมกำลังมีปัญหา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มือของมันจะไม่กุมมือของผมไว้ ไอ้ป้องหลับตาลงสนิท ผมเห็นมันหายใจช้าลงเรื่อยๆ ถึงผมจะโง่ แต่เหมือนสมองมันคอยย้ำผมซ้ำไปซ้ำมา ว่าถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง...

ไอ้ป้องได้ไปจากผมตลอดกาลแน่ๆ

ผมยันตัวขึ้น ก่อนจะแบกร่างของไอ้ป้องขึ้นหลัง ก่อนจะวิ่งไปทางที่มันชี้ เสียงเอะอะโวยวายของพวกมันที่ด้านหลังบ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันเห็นผมกับไอ้ป้องแล้ว

ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ได้กลัวตัวเองตายอีกแล้ว แต่กลัวคนที่อยู่บนหลังทิ้งผมไป สองขาของผมเหนื่อยล้าจนรู้สึกเหมือนมันจะแตกออกจากกันเป็นส่วนๆแต่ผมหยุดไม่ได้

เพราะถ้าผมหยุดแล้วไอ้ป้องเป็นอะไรไป

ผมคงไม่คิดจะให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต...

ไม่นานพวกมันคนใดคนหนึ่งก็วิ่งมาถึงตัวผมกับไอ้ป้อง

"โอ๊ย!!!!"

ผมร้องออกมา หลังพวกมันใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างจัง เลือดสีแดงสดไหลออกมาจนแสบตาไปหมด แต่สองข้างของ
ผมยังคงก้าวต่อไป

"ไอ้สัสนี้โดนไม้หน้าสามแล้วยังยืนไหวว่ะ"

พวกมันยังคงพูดออกมา ก่อนไม้หน้าสามอันเดิมจะฟาดซ้ำลงมาที่เก่า ผมหลับตานิ่งรอรับชะตากรรม

โถ่เว้ย...

อีกแค่สองก้าวก็จะออกไปถึงทางออกไปเรียกรถแล้วแท้ๆ

ปกป้อง...

กูขอโทษ...

'กร๊อบ...'

"อ้าก!!!!!!"

เสียงกระดูกหักดัง ขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงคนร้อง แต่นั้นไม่ใช่เสียงของผม

ผมลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นไอ้ชั่วที่ตีหัวผมทรุดลงไปกองกับพื้น ที่หัวไหล่อาบโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด

"เห้ย กระสุนบีบียิงมาจากไหนว่ะ?!?!"

พวกมันที่เหลือเริ่มลนลานมองหาที่มาของกระสุนปืน แม้จะไม่ถึงตายแต่ขึ้นชื่อว่าปืนใครก็กลัว

เสียง'กร๊อบ'ดังขึ้นเป็นคำรบที่สอง ก่อนพวกมันอีกคนจะทรุดตัวลงไปกองกับพื้น

"แมร่งเอ๊ย มาจากไหนก็ช่างมัน กระทืบไอ้สองตัวนี้แล้วไปเหอะ"

หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น อย่าว่าแต่แรงจะหนีเลยครับ ผมทำได้มากสุดก็แค่บังตัวไอ้ป้องเอาไว้ตีนข้างหนึ่งของพวกมันยกขึ้นเตรียมจะถีบลงบนท้องของผม

'กร๊อบ'

"อ้าก!!!!!"

เสียงร้องของพวกมันที่ดังออกมาอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าผมยังไม่ตาย ผมรู้สึกได้ถึงแรงหิ้วตัวจากด้านหลังจนยืนขึ้นมาได้

"เราไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม?"

น้ำเสียงสุภาพราบเรียบดังขึ้นตรงหน้าผม ก่อนตาซ้ายที่ยังไม่โดนเลือดของผมจะมองออกว่าเป็นใคร

"คุณกาเซียร์!!!!"

ประธานนักเรียนโรงเรียนเพลินจิตวิทยายืนอยู่ด้านหน้า ซ้ายขวามีผู้ชายอีกสองคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดี

"พี่สาทร ไอ้ตะวัน"

เจ้าของชื่อหลังหันมายิ้มให้ผมจางๆ มือสองข้างของมันใส่สนับมือสีดำสนิท

"ถุ้ย!!!มากันแค่สามคนทำเป็นเก่ง"

หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น พวกมันคงคิดแค่ว่าด้วยจำนวนคนที่มากกว่าย่อมทำให้พวกมันไม่ต้องเกรงกลัวอะไรพวกผม ผมสังเกตเห็นพี่กาเซียร์กระตุกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าสังเวช

"ไปกันเถอะเกียร์"

พี่กาเซียร์ที่หิ้วไหล่ผมกับไอ้ป้องพูดขึ้น

"แต่ พวกตะวัน..."

"นั้นนะ 'เจ้าของแหวนสีแดง'กับ'อดีตเจ้าของแหวนสีแดง'นะเกียร์ ไอ้แค่คน7-8คนนะ..."

"ไม่ครนามือพี่หรอกครับ"

พี่สาธรที่มัดผมเป็นทรงจุกน้ำพุพูดขึ้น ผมเห็นพวกมันหน้าเสียที่โดนดูแคลนก่อนหนึ่งในนั้นจะวิ่งเข้าหาสองคนที่อยู่ด้านหน้า พี่กาเซียร์ส่ายหน้าสงสาร ก่อนจะหิ้วปีกผมกับไอ้ป้องเดินจากมา

"มันก็จริงที่โรงเรียนเราบ้าอำนาจและชอบแข่นขันกันเอง..."

พี่กาเซียร์พูดขึ้น ผมสาบานได้ว่าขนานแค่เพิ่มเริ่มเดินห่างออกมาเสียงพวกมันก็ร้องกันละงมแล้วครับ

"แต่ถ้าครอบครัวคนใดคนหนึ่งของเราโดนทำร้าย เราไม่อยู่เฉยๆหรอกนะเกียร์"

ผมเบิกตากว้างนิดๆที่เห็นเด็กเพลินจิตยืนอยู่ข้างนอกเป็นกลุ่มใหญ่ๆประมาณ30กว่าคนในสภาชุดนร.บ้าง ชุดเล่นกีฬาบ้าง นั้นหมายความว่าทุกคนทิ้งทุกกิจกรรมที่กำลังทำแล้วมาที่นี้ ที่เห็นแล้วคุ้นก็เพื่อนห้องเดี่ยวกันแล้วก็เพื่อนสนิทผมในกลุ่มพอพวกมันเห็นผมกับไอ้ป้องก็กรูกันเข้ามาดีแค่พี่กาเซียร์ยกมือห้ามทัพไว้ก่อน

"อู๋ขับรถเป็นใช่ไหม? ขับรถพาป้องกับเกียร์ไปโรง'บาล บอกต้องตาให้แฮกสัญญาณไฟจราจรเป็นเขียวให้หมดตอนขาไป"

พี่กาเซียร์ปล่อยผมออก หลังไอ้อู๋ไอ้เฟรมวิ่งเข้ามาช่วยประครองแทน

"ที่เหลือแยกย้ายกันเก็บกวาด'ขยะ'เฉพาะที่วิ่งไล่ไอ้เกียร์ นอกนั้นปล่อยไป"

พี่กาเซียร์พูดเสียงเย็น ก่อนพวกเด็กโรงเรียนผมส่วนหนึ่งจะวิ่งไปทางโรงน้ำแข็ง

"เสร็จเรื่องแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน กล้องทุกตัวในละแวกนี้ใช้การไม่ได้สองชั่วโมง แยกย้ายได้!!!"

คำสั่งสุดท้ายดังขึ้น ก่อนพี่กาเซียร์จะยื่นกุญแจรถให้ไอ้อู๋พร้อมชี้ไปทางรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดไว้ตรงริมฟุตบาท

"เนี้ยแหละเด็กพ.ว. We are family"

ไอ้อู๋พูดยิ้มๆ

ตั้งแต่อยู่เพลินจิตมา นี้เป็นอีกครั้งที่ผมโครตภูมิใจในสถาบันของตัวเอง

ผมกับไอ้ป้องถูกหิ้วไปนั่งเบาะหลังก่อนไอ้อู๋ไอ้เฟรมจะวิ่งอ้อมไปนั่งเบาะหน้า มันส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมกดเลือดที่ไหลออกมา
จากหัว

“พวกมึงมากันได้ยังไงว่ะ ?”

“แหวนไง”

“ห๊ะ ?”

“ไอ้ป้องพอมันรู้มึงมาแถวย่านนี้มันก็รีบขี่มอไซร์กูมาเนี้ยแหละ มันกดสัญญาณขอความช่วยเหลื่อ...ประโยชน์ของแหวนนะ กูรู้สึกว่าที่มาก็จะมีพี่ไทน์มือสไนเปอร์ยิงมาจากดาดฟ้าห้างทีพาร์ค เจ้าของแหวนสีเทา ไอ้ต้องตาช่วยแฮกกล้องวงจรปิดของห้างจนเจอมึง ส่วนไอ้ตะวันมันผ่านมาแถวนี้พอดี นอกนั้นแต่ละคนก็มาเพราะเห็นประธานเรามาเนี้ยแหละ แต่ที่สำคัญที่สุด.... “

“................”

“ไอ้ป้องมันเป็นห่วงมึงมากนะเกียร์”

น้ำตาผมไหลมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ป้องต้องมาเจ็บตัวเพราะความดื้อรั้นของผม แค่เพียงเพราะคิดว่าคงไม่เป็นอะไร คงจะไหว คงจะผ่านไปได้ ผมไม่รู้จริงๆว่าจะขอโทษมันยังไงดีให้สาสมกับสิ่งทีเกิดขึ้น

"ไปโรง'บาลเกษรมนะ"

ไอ้อู๋พูดขึ้นเตรียมสตาร์ทรถ

"ช่วยพาไปโรง'บาลมอร์ ลินเทอร์ที่"

ผมพูดทั้งๆที่ยังหลับตาข้างหนึ่งจากความแสบของเลือดที่ไหลจากศีรษะเปื้อนลงกับตา สมองเองก็เริ่มเลื่อนลางจนแทบไม่รู้สึกตัว สิ่งสุดท้ายที่จิตใต้สำนึกของผมสั่งให้ทำ คือกอดไอ้ป้องให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขอร้องล่ะป้อง …

มันเป็นคำขอร้องที่โคตรขี้ขลาดจากคนอย่างกู

"อย่าตายนะป้อง"

น้ำตาผมไหลออกมาสัมผัสกับแก้มเย็นๆของมัน ผมจูบริมฝีปากหยาบกระด้างและเย็นขึ้นเรื้อยๆของไอ้ป้องก่อนสติที่มีทั้งหมดจะ
ดับวูบลงไป

ป้อง...

อย่าทิ้งกูนะ...

อย่าตายนะป้อง...





                     
---------------------------------------------------------------------------------------




ควันธูปสีเทาลอยโชยมาปะทะเข้ากับจมูก...ผมรู้สึกแสบจมูกไปหมดทุกครั้งที่ได้กลิ่นธูป

ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน…

“เตรียมไปส่งพี่ป้องเป็นครั้งสุดท้ายนะเกียร์”

พ่อผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขื่นขม ก่อนจะดันผมขึ้นไปตรงเมรุ รูปไอ้ป้องสีดำสนิทตั้งอยู่บริเวณหน้างาน ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกดึงมาตอนไหน รู้ตัวอีกที่ในมือก็ถือดอกไม้จันเอาไว้แล้ว แม่ลีลาวดีเองก็ขื่นขมเกินกว่าจะมาส่งไอ้ป้องเป็นครั้งสุดท้ายได้

“ดูหน้าพี่เขาเป็นครั้งสุดท้ายนะเกียร์”

พ่อผมพูดขึ้นแผ่วเบา หลังคนเปิดโลงศพของไอ้ป้องออกมา

ใบหน้าจืดๆยังคงนอนหลับตาสนิท ไอ้ป้องตอนนี้อยู่ในชุดนักเรียนครบเครื่องแบบ รอบๆกันนั้นเองก็มีเด็กเพลินจิตทุกคนมาช่วยกัน
ส่งมันเป็นครั้งสุดท้าย

การผ่าตัดเมื่อสามวันก่อนล้มเหลว...

ไอ้ป้องไปถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป

ผมยื่นนิ่งเงียบสนิทเมื่อถึงตาตัวเองต้องส่งดอกไม้จันเข้าไปในเปลวเพลิง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำว่าที่คือความจริง

เพราะผม...มันถึงตาย...

ไม่คิดเลยว่าต้องจากกันเร็วขนาดนี้.... ทั้งๆที่เพิ่งได้พูดความในใจ เพิ่งได้บอกว่ารักมันมากแค่ไหนด้วยซ้ำ

หัวใจของผมแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

ป้อง...





..



.

.




.


.


.


.



"ไอ้ป้อง!!!!!!!"

ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นยืน หัวใจข้างซ้ายเต้นระรัวจนรู้สึกเจ็บไปหมด รอบๆกายมีแต่ความมืดมิด สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ถึงความมีชีวิตคือมือของใครอีกคนที่กุมกันเอาไว้ทั้งยามหลับและยามตื่น

ผมน้ำตาไหลพรากหนักกว่าเก่ายกมือของไอ้ป้องมาแนบไว้กับหัวใจ



"ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย แค่คิดว่าขีวิตกูจะไม่มีมึงอยู่ข้างๆกันแล้ว... กูก็ทนไม่ไหวแล้วป้อง"



ผมเอ่ยอย่างแผ่วเบา ยกมือข้างนั้นของมันขึ้นมาจูบซับเอาไว้

"เกียร์..."

เสียงไอ้ป้องพูดขึ้นแผ่วเบา ผมวางมือของมันลงก่อนจะเห็นอีกฝ่ายได้สติขึ้นมาแล้ว

"ไม่ต้องลุก นอนลงไปเลย"

ผมเอ็ดมันก่อนจะเช็ดน้ำหูน้ำตาตัวเอง ไอ้ป้องยังคงยิ้มจางๆที่มุมปาก

"เจ็บไหม"

มันพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าแทบไม่มีสีเลือดด้วยซ้ำ

"....."

"เกียร์...ร้องทำไม...เจ็บแผลเหรอ?"

ผมสายหน้าน้ำตาไหลพรากเป็นเผาเต่า

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วป้อง..."

ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...

ไม่ต้องพูดแล้วจริงๆ....

ผมซุกหน้าลงกับอกมัน ไอ้ป้องลูบหลังให้แล้วก็เงียบไป แม้กระทั้งตัวเองป่วยหนักขนาดนี้แต่คนแรกที่มันห่วงตอนลืมตา...

..........ก็คือผม

ผมสะอื้นน้อยลงเรื่อยๆก่อนจะเงยหน้ามองมัน

"ป้อง ......สัญญากับกูนะ..."

"....."

"ห้ามตายก่อนกูเด็ดขาด"

ในหน้าจืดๆของมันส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบตกลง

"สัญญาชั่วชีวิตเลยครับ"

ผมช้อนศีรษะมันขึ้น ก่อนจะก้มลงจูบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น น้ำตายังคงไหลนองออกมาเลอะแก้มอีกฝ่าย ผมถอนจูบจากปากแล้วจูบซับทั้งใบหน้าของมัน ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไร มันยังคงส่งยิ้มให้ผม

สัญญาเลยป้อง...

กูจะอยู่เคียงข้างมึง...

...ตลอดไป


TBC.


"คนเราจะรักกันได้ มันไม่ได้มีแค่ช่วงเวลาที่มีความสุข แม้ยามเราทุกขฺ เราก็พร้อมแล้วที่จะแบ่งปันมันกับอีกฝ่าย"

อันนี้แม่แตกต่างกล่าว

แม่เป็นแม่ที่น่ารักมากกกกก ไม่เคยมีสักครั้งที่แม้จะพูดว่าเสียใจที่แตกต่างไม่ใช่เด็กผู้ชายทั่วไป ต่างคิดว่าตัวเองโชคดีมากนะที่เกิดมามีแม่ที่เข้าใจเรา

รักแม่ครับ  :กอด1:

รักคนอ่านด้วย  :L2:

ปล. ครั้งหนึ่งเคยไปค้างบ้านเพื่อนตอนทำรายงาน แม่บอกต่างว่า .... อย่าลืมกินยาคุมนะ  :m30:

ปลล. แตกต่างมีผลงานเรื่องที่สองแล้วนะครับ น้องน้ำมนต์กับพี่กวาง ใน

บุเพเพเร่____รัก

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42916.msg2758895#msg2758895 

ฝากน้องๆด้วยนะครับ  :mew1:



หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 12-07-2014 19:20:58
คนเขียนนนนนน ทำแบบนี้ไม่ดีนะ ใจหายหมดเลย ถ้าเค้าหัวใจวายจะทำไง ไม่เอาแล้วนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-07-2014 20:43:52
ดีนะเป็นแค่ฝัน
ขอให้ป้องกับเกียร์หายเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 12-07-2014 20:49:18
น้ำตาเกือบไหลล

แหม่เอาให้ลุ้นนนน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 12-07-2014 21:07:04
เพื่อนพ้องน้องพี่  สุดยอด o13
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-07-2014 22:50:36
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :hao5:
หัวใจฉันจะวายเอา เล่นเอาใจหายใจคว่ำเลยนะ

แข่นขัน=> แข่งขัน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-07-2014 23:28:58
น้ำตาซึมกับควันธูป
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: army_van ที่ 13-07-2014 10:32:17
 อย่างแรกต้องขอบคุณนักเขียนก่อนเลยน้าาา ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน

คือดีมาก คือเลอค่า สนุกสุดๆๆๆๆๆ  อ่านแล้วรู้สึกสนิทสนมกับตัวละครมากก

ชอบบบบ สุดๆเลยย




ปอลอลิง . จะมีฉากอัศจรรย์ไหมน้าาา มีไหมน้าาาาาา -///////////-
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 13-07-2014 13:21:14
โอ้ยยยยย อกอีแป้นจะแตก ตกใจมาก ร้องไห้ด้วย
คุณแตกต่างทำเราใจหายเลยนะคะ
นึกว่าป้องจะตายซะแล้ววว อ่านจบค่อยโล่งหน่อย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 13-07-2014 17:43:08
โอ๊ยย นึกว่าป้องม่องจิง เกือบร้องไห้แล้ว T T
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #22 เราคือครอบครัว กลิ่นธูป และ ตลอดไป.... [12/07/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 14-07-2014 02:20:40
หัวใจจิวาย โอ้ยๆ :ling1:

ดีแล้วนะที่ป้องไม่เป็นไร :mew2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ไม่เป็นไรนะ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 14-07-2014 16:22:24
#23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ....




เมื่อวานนี้หลังพาไอ้ป้องส่งถึงโรง'บาลแล้ว ผมก็โทร.บอกพ่อกับแม่ ตอนแรกที่รู้ข่าวแม่ลีลาวดีเกือบเป็นลม ดีหน่อยที่ผมพยายามพูดให้ซอฟท์ลง พร้อมกันนั้นเองพ่อกับแม่ก็รีบขับรถกลับมากรุงเทพ พวกท่านทั้งสองจึงตรงดิ่งมาที่นี้  ไอ้ป้องเองพอถึงมือหมอแล้วก็ดีขึ้นตามลำดับเพราะตัวของมันเองก็มีประวัติคนไข้อยู่ที่นี้ ตอนนี้พวกเราจึงนั่งอยู่ในห้องวินิจฉัยโรครอฟังคำอธิบายจากคุณหมอหนุ่มเจ้าของเคสไอ้ป้อง

"กรณีของน้องป้องนะครับ เกิดจากหัวใจที่โตผิดปกติมาตั้งแต่แรกเกิด ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้เช่นกัน หรือเอ็กซเรย์แล้วพบว่า ขนาดของหัวใจโตกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว และกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลังลง ทำให้ห้องต่างๆ ของหัวใจขยายขนาดใหญ่ขึ้นครับ"

คุณหมอหนุ่มอธิบายให้ฟัง

"แล้วมีวิธีรักษาให้หายขาดไหมครับ?"

ผมถาม เพราะนั่งอยู่ข้างๆไอ้ป้อง ผมเลยกุมมือมันไปด้วยพูดไปด้วย คุณหมอหนุ่มยิ้มก่อนจะพูดต่อ

"ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้นครับ ทางเลือกในการดูแลรักษาจึงมีมากขึ้น เราอาจพูดไม่ได้เต็มปากว่า
สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ หากดูแลร่างกายและรักษาสุขภาพก็สามารถมีอายุที่ยืนยาวได้เท่าคนปกติทั่วไปครับ หรือเผลอๆอาจอายุยืนกว่าด้วยซ้ำครับ"

คุณหมอหนุ่มเว้นวรรค ก่อนจะพูดต่อ

"โดยส่วนตัวแล้วในการวินิจฉัยของหมอนะครับ น้องป้องควรทำการบอลลูนครับ"

หลังจากนั้นคุณหมอก็อธิบายเรื่องยากๆที่บอกเลยว่าผมไม่เข้าใจสักนิดออกมา ไอ้ป้องสรุปให้ผมฟังว่าคุณหมอจะทำการขยายเส้นเลือดไม่ให้มันตีบ พร้อมทั้งใส่ลวดไปกั้นไว้ไม่ให้มันตีบหรืออุดตันได้อีก(ฟังดูหวาดเสียวเนาะ - -")

จากนั้นก็ฟื้นตัวหนึ่งสัปดาห์โดยเริ่มใช้ชีวิตตามปกติ สิ่งที่ต้องระวังและต้องควบ คุมมีสองอ.ครับ อาหารกับอารมณ์ ห้ามเครียดและห้ามคิดมากเด็ดขาดส่วนอาหารก็ต้องหลีกเลี่ยงพวกไขมันเยอะๆในระยะแรกครับ หมอไม่ได้ห้ามทานเนื้อสัตว์นะครับแค่ต้องทาน
แค่ในปริมาณที่ตรงกับความต้องการของร่างกาย หมันออกกำลังกายแบบพอเหมาะ

เท่านี้ไอ้ป้อง'ของผม'ก็อยู่ได้อีกนานแล้วล่ะครับ

พอตกลงตัดสินใจกันได้แล้วก็เริ่มต้นการทำบอลลูนครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำกันยังไงเพราะหมอไม่ให้เข้าไปด้านใน ได้แต่นั่งแกร่วอยู่นอกห้อง พ่อกับแม่เองก็นั่งรออยู่ข้างนอกเหมือนกัน ผมเห็นพ่อนั่งกุมมือแม่แน่นเลย ถึงทางคุณหมอเองจะยืนยันก็เถอะว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นเต่ยังไงคนเป็นแม่ก็ย่อมห่วงลูกเป็นธรรมดาครับ

มันเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ผมโคตรกระสับกระส่ายกลัวไปหมดทั้งใจ อาจเพราะความฝันแย่ๆเมื่อคืนก็เป็นได้ทำให้ผมใจจดจ่ออยู่กับการทำบอลลูน ตอนนี้เลยกลายเป็นหนูติดจั่นเดินไปเดินมานั่งไม่ลง ไอ้กระจกที่ติดอยู่ตรงประตูก็มัวเกินกว่าจะส่องเห็นว่าข้างในกำลังทำอะไรแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

สุดท้ายการรอคอยของผมกับครอบครัวก็สิ้นสุดลงเมื่อคุณหมอคนเดิมเดินออกมาจากในห้อง

"การทำบอลลูนเป็นไปได้ด้วยดีนะครับ น้องไม่มีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น ถ้ายังไงจะทำการออกจากโรงพยาบาลเลยก็ได้นะ
ครับ"

คุณหมอหนุ่มแจง

"ให้นอนดูอาการอีกซัก2คืนก็แล้วกันนะครับ"

พ่อผมพูดขึ้น ยังไงซะการกั่นไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรซึ่งผมเห็นด้วยกับพ่อ แม่เองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะงั้นวันนี้ไอ้ป้องต้องนอนอีกคืนหนึ่งนั้นเอง

"แล้วตอนนี้เข้าเยี่ยมได้ไหมครับ?"

ผมถามขึ้น คุณหมอหนุ่มพยักหน้าอนุญาตก่อนจะพูดต่อ

"ได้ครับ เพราะคนไข้ไม่ได้สลบไป เพียงแต่ต้องระวังอารมณ์ในช่วงนี้นะครับ ห้ามทำให้เกิดอารมณ์ด้านลบนะครับ"

ผมกับครอบครัวพยักหน้าเข้าใจก่อนคุณหมอท่านจะขอตัวไปทำงานอย่างอื่นต่ออีก เพียงแต่พอจะก้าวเดินแม่ลีลาวดีก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นเสียก่อน

"คุณครับ คุณ.."

ดีที่ว่าพ่อรับประครองแม่ไว้ได้ทัน

"แม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?"

พ่อส่ายหน้าก่อนจะยกมือข้างหนึ่งแตะๆตรงหน้าผากของแม่

"คงจะเพลียนะ เมื่อวานแทบไม่ได้นอนเลย สลับกันขับรถเพราะเป็นห่วงพี่ป้องนะ"

พ่ออธิบาย

ผมเลียริมฝีปากก่อนจะพูด

"งั้นพ่อพาแม่กลับไปพักที่บ้านก็ได้ครับเดี่ยวเกียร์เฝ้าป้องเอง"

"เอางั้นเหรอลูก?"

"ครับ พ่อเองก็จะได้พักด้วยไง เดียวมะรื้นนี้ค่อยมารับผมกับป้องก็ได้ครับ"

ไม่ใช่แค่แม่หรอกนะครับที่จะไม่ไหว พ่อเองก็เหมือนกันแทบจะถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว

"ก็เอาตามที่ลูกว่าแล้วกันนะ งั้นพรุ่งนี้เดียวพ่อมารับกลับบ้านนะ"

ผมตอบตกลงก่อนจะช่วยพยุงแม่ไปขึ้นรถแท็กซี่ ดีว่าขามาทิ้งรถไว้ที่บ้านก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

ผมเดินย้อนกลับมาก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามระหว่างทางก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องร่าเริงเลย แต่คิดอีกที่ผมว่าค่อยลงมาพร้อมไอ้ป้องคงจะดีกว่าเพราะงั้นเลยเลือกไปลงชั้นห้า

ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะเห็นไอ้ป้องนอนหนุนหมอนสองใบ พอมันเห็นผมก็เตรียมจะขยับตัวแต่ผมห้ามไว้ก่อน

"หมอบอกให้นอนนิ่งๆ7ชั่วโมง"

ผมย้ำกับมัน ไอ้ป้องเบ้ปากแต่ก็ยอมฟังที่ผมบอก

"เป็นไงบ้าง?"

ผมเลื่อนเก้าอี้ไปชิดขอบเตียงก่อนจะดึงมือข้างซ้ายมา แขนข้างขวาของไอ้ป้องถูกเจาะที่ขอพับเพื่อต่อสายสวนหัวใจ

"ตอนแรกก็แย่นิดๆ มันอึดอัดเพราะมีลมเข้ามาข้างใน พอคลายลมออกก็โล่งขึ้นเยอะ"

เจ้าตัวว่าเสียงใส

"ดีแล้วแหละ พักเยอะๆนะครับจะได้หายไว้ๆ"

ผมลูบหัวไอ้ป้องแล้วก้มลงไปฝังสันจมูกกับแก้มสีน้ำผึ่งก่อนจะลากลงมาถึงริมฝีปาก

ไม่รู้สิ ผมมันเป็นพวกชอบใช้ร่างกายคุยมากกว่าจะพูดอะไรออกมา

ผมจูบช้าๆเนิบๆ ก่อนจะเกี่ยวลิ้นไอ้ป้องเล่น มันรู้สึกเหมือนผมกำลังกินขนมหวานยังไงยังงั้นแหวะครับ มันหวานไปหมดทั้งโพรงปากจริงๆให้ตายเหอะ

ผมถอนจูบออกอย่างแสนเสียดายแต่ก็เกรงว่าไอ้ป้องจะขาดอากาศหายใจเอาเสียก่อน ริมฝีปากที่เมื่อวานซีดวันนี้กับแดงฉ่า ตาไอ้ป้องเองก็โคตรจะเยิ้ม ผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจหรอกแต่สภาพมันตอนนี้...

..... แมร่งโคตรเอ็กซ์

"ป้อง"

"ห๊ะ?"



"กู'โด่'ว่ะ"




มันยกมือตีแขนผมดังเพี๋ยก่อนจะซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม

"ทะลึ่งว่ะ"

"เรื่องธรรมดาออก"

ผมพูดก่อนจะพยายามยื้อแย้งผ้าห่มของมัน ซึ่งยังไงๆผมก็ชนะ

"เขินเหรอ?"

"ไม่ได้หน้าด้านแบบมึง"

มันตอบสะบัดหน้าไปอีกทาง ผมเห็นแบบนั้นเลยถือโอกาสไซร้คอมันเล่น

"ไอ้เกียร์ไอ้บ้า พอ เดียวใครมาเห็น"

ไอ้ป้องรั่วมาเป็นชุด

"เห็นก็เห็นดิ คนรักกัน"

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหน้าคนเรามันสามารถแดงได้ถึงขนาดไหน แต่ไอ้ป้องดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดเพราะหน้ามันแดงได้มากขึ้นเรื่อยๆ

"เกียร์..."

"หื้ม"

"แล้วตกลงเมื่อวานไปทำไรแถวนั้น?"

เอาล่ะสิครับ นี้ไงคำถามโบนัส

รู้อยู่แล้วล่ะครับว่ามันต้องถามแน่ๆนี้อุตส่าห์หื่นหลอกล่อนะครับเนี้ย (เหรออออออ  อ.อ่างล้านตัวเลยไอ้หื่น : ปก ป้อง) ถ้าบอกไป
ว่าหาซื้อของขวัญให้มันผมคงโดนโกรธแน่ๆเลยๆ...

"เดินเล่น"

เอาว่ะ จริงๆก็เดินเล่นนะไม่พูดโกหกนิ

"ในดงตีน?"

มันต่อคำพูดของผมก่อนจะจ้องมองด้วยสายตาจับผิด

"จริงๆก็ไปทำธุระ..."

ผมเอ่ยเลี่ยง ยังอยากให้ของขวัญเป็นเรื่องเซอร์ไพร์ก่อน

"เหรอ?นึกว่าไปหาสาว"

"สาว?"

เอาล่ะ ผมเองบ้างล่ะที่ไม่เกท

"ก็ ...ก็แบบ นัดบอร์ดสาวๆไง"

เกิดความเงียบชั่วขณะระหว่างผมกับมัน....

"ป้อง...ตกลงมึงยังไม่แน่ใจอีกเหรอว่ากูคิดไงกับมึง ตกลงที่ผ่านมามีแค่กูใช่ไหมที่คิดไปเอง"

"เกียร์ คือไม่ใช่อย่างที่มึงฟังกูก่อน"

เป็นอีกครั้งที่มือของมันรั้งผมเอาไว้

"แล้วมันแบบไหน ...พูดมาดิ ป้องไม่พูดแล้วเกียร์จะรู้ไหมว่าคิดอะไร"

"ป้องก็รักเกียร์ครับ"

ใบหน้าที่แดงกว่าเก่ายืนยันคำตอบของมันได้เป็นอย่างดี

"แล้วถ้าป้องรักเกียร์ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ รู้ไหมเกียร์เสียใจนะที่ได้ยินแบบนั้น มันเหมือนป้องไม่แคร์เลยว่าเกียร์จะอยู่หรือจะ
ไป"

ไอ้ป้องทำสีหน้าปั้นยาก

"เกียร์ ก้มลงมาหน่อย"

แม้จะโกรธเคืองอีกฝ่ายอยู่ แต่พอเห็นมันจะลุกผมก็ยอมก้มลงไปอยู่ดี ก็ทำไงได้ครับ รักเขาไปแล้วนิ จะเป็นห่วงกลัวมันเจ็บมันปวดก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ

ไอ้ป้องดึงผมลงไปใกล้ๆก่อนจะจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ผมชี้ไปที่แก้มขวาต่อ พอมันจูบเสร็จก็ชี้ไปที่แก้มข้างซ้าย ไม่รู้แหละยังไงคนป่วยก็ต้องเอาใจผมบ้าง

"โอเครึยังครับ"

ไอ้ป้องถามเสียงเรียบ ผมทำปากยื่นๆนั่งกอดอก

"ก็ป้องรักเกียร์ ถ้าเกิดว่ามีใครที่ดีกว่า ป้องก็อยากให้เกียร์ได้คบกับเขา"

"มึงเป็นพระเอกเหรอ? หรือเป็นคนดีมากไป เหรอ? ตลกเหอะป้อง ไอ้คำพูดที่ว่าอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุขได้อยู่กับคนดีๆนะ
คำพูดนี้มีแต่พวกขี้ขลาดใช้กัน"

"...."

"ก็ถ้าเป็นกู กูจะไม่ยอมปล่อยเขาไปจากกูหรอกนะ... แต่กูจะทำให้เขามีความสุขทุกช่วงเวลาที่อยู่กับกู....เหมือนๆกับที่กูทำอยู่ตอนนี้"

"....."

"เพราะงั้นขอร้องนะป้อง...ถ้ามึงไม่ได้รักกูก็ขอให้บอกมาตรงๆนะ กูจะได้ทำใจถูก"

ผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ

แต่ก่อนนั้นก็ผมเองนั้นแหละที่กลัวการผูกมัด กลัวการแสดงความเป็นเจ้าของจากอีกฝ่าย แต่กับไอ้ป้องนอกจากจะไม่แสดงความ
เป็นเจ้าเข้าเจ้าของแล้ว ป้องมันยังจะคิดผลักไสผมให้คนอื่นไปอีก

ผมก็น้อยใจเป็นนะครับ...

แวบแรกที่ได้ยิน ผมคิดว่าอีกฝ่ายอาจหึ่งผม ซึ่งขอบอกเลยว่าถ้าเป็นมัน ผมจะรู้สึกดีใจมากๆที่มันหวงกัน นี้อะไร อยากให้ผมเจอคนที่ดี

ขอร้องล่ะป้อง

ช่วยแสดงความเป็นเจ้าของของกูที่

ช่วยหึ่งหน่อยได้ไหม

ช่วยผูกมัดกูไว้กับมึงนานๆ

กูจะไปรักกับคนอื่นได้ไง ในเมื่อใจกูอยู่กับมึง...

"รักสิ"

"...."

"สำหรับป้อง มันเลยคำว่ารักไปแล้ว ป้องไม่ได้แค่รัก แต่ป้องศรัทธาในความรู้สึกของเรา ที่พูดไปหมายถึงถ้าในวันนั้น เกียร์เจอใครที่อยากจะรักก็ขอให้บอกป้อง"

มือที่กุมกันไว้บีบเบาๆแสดงถึงความหนักแน่นของคนพูด ผม'รู้สึก'จนพูดอะไรไม่ออก มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกแบบไหนบวกหรือลบ แต่แค่รู้สึกว่าผมกับป้องมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

ความรู้สึก...มันเกินคำว่ารักไปแล้ว

“งั้นก็บอกเลย มันไม่มีวันนั้นหรอก...”

ผมพูดไม่ได้หรอก ว่าในอนาคตระหว่างเรามันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไหม ป้องจะเบื่อผมรึเปล่า เราจะยังรักกันดังวันวานไหม สิ่งเดียวที่ผมแน่ใจ คือผมจะอยู่เคียงข้างมัน

เคียงข้างกันตลอดไป...

"อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ..."

"ครับ"

"น้อยใจ"

ไอ้ตัวดีหลุดขำพรืดกับคำพูดของผม ขำอะไรของมึง กูแค่น้อยใจผิดเหรอ ไอ้บ้า….

คงเพราะเห็นอาการของผมนั้นแหละ อีกฝ่ายเลยดึงแขนขึ้นไปซบกับใบหน้าก่อนจะจูบซับที่หลังมือผม

"รักขนาดนี้แล้ว สาบานเลยจะไม่ยกให้ใครแน่"

มันชูสองนิ้วยกขึ้นมาทำมือประกอบก่อนจะพูดขรึมๆออกมา นั้นเป็นภาพที่ทำให้ผมหลุดขำนะ

ผมยกมือเกลี่ยปลายผมของมัน ก่อนจะขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ

"ก็ลองกล้ายกกูให้ใครสิครับ กู'เอา'มึงตายแน่"

ผมจงใจเน้นคำบางคำเป็นพิเศษ ไอ้ป้องก็รู้นั้นแหละครับว่าคำไหนเลยตีแขนผมดังเพี๊ยอีกรอบ

"จะไม่รักก็ตรงนี้แหละ เอะอะก็เรื่องใต้สะดือตล๊อด"

มันแวดใส่ผมเสียงสูง ซุกตัวลงกับผ้าห่มเหลือเพียงแค่ตาสองข้างโผล่ออกมา

"ก็อยากน่ารักทำไมล่ะ"

ผมไม่พูดเปล่าๆแต่ดึงแก้มมันเล่นด้วย ไอ้ป้องแก้มมันย้วยๆครับ น่าดึงเล่นที่สุด

"กูผิดไหมเนี้ย"

มันโอรดครวญ

"ไม่รู้ ไม่สน ออกจากโรง'บาลเมื่อไหร่ทบต้นทบดอก"

ผมขู่ ก่อนมันจะขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเย็น

"ใช่ ลืมเคลียร์เลย เรื่องบุหรี่ในจาคอป"

อุ้ย.... ชิบหายล่ะกูโดนเมียจับได้...

"โอ๊ย เจ็บๆๆๆๆ ป้องปล่อย"

อีกฝ่ายดึงติงหูผมจนรู้สึกปวดไปหมด

"ที่หลังจะสูบอีกไหม?"

"ไม่แล้วครับ อู้ยยย อย่าบิดแบบนั้น"

ไอ้ป้องมันไม่ได้ดึงเฉยๆนะครับ มันบิดหูผมด้วยอ๊ะ Y  Y

"แน่ใจนะ?"

"แต่ใจครับ สัญญาเลย ปล่อยหูก่อนนะ ดึงจนเจ็บไปทั้งใบหูแล้วเนี้ย"

ผมร้องโอรดโอ๊ยขอความเห็นใจ เพราะใบหูข้างที่โดนดึงปวดแสบปวดร้อนไปหมดแล้ว ไหนจะบิดซะตัวผมตามอีก

"รู้ว่าไม่ดีก็ยังจะสูบ"

มันบ่น

"ก็มันแก้เครียด... โอ๊ย!!!"

พอแถอีกรอบ คุณเมียสุดที่รักของผมก็บิดไปบิดมาอีก หูผมจะขาดไหมเนี้ยTT

"ถ้าไม่เลิก ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก"

ไอ้ป้องยื่นคำขาด มันยอมปล่อยมือจากติงหูผมจนได้แมร่งโคตรโหดเลย ดึงหูแบบนี้

"จ้าๆ สัญญาว่าจะเลิกสูบ"

ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยมัน

"ดีแล้ว...จะได้อยู่ข้างๆกันนานๆไง"

ไอ้ป้องพูดหน้าแดงเปล่ง สำหรับไอ้คนปากแข็งแบบมันแล้วแค่พูดแค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ อย่างน้อยๆแค่มันอยากให้ผมอยู่ข้างๆมันไปนานๆ

ผมก็โคตรมีความสุขแล้ว...

"เมียใครว่ะ โคตรน่ารักเลย"

ผมพูด หอมแก้มมันทั้งซ้ายทั้งขวา

"ไอ้เกียร์!!!!!"

มันแว้ดเสียงสูงแก้เขินใส่ผมอีกเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่ทราบ แต่ผมกับมันรู้ดีว่าเราทั้งคู่มีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้

ผมนั่งเล่นนั่งคุยกับมัน จนกระทั้งเสียงก๊อกแกรกดังขึ้นที่หน้าประตู

"แปบนะป้อง"

ผมบอกมันก่อนจะลุกไปเปิดประตูแล้วผมก็รู้สึกกับตัวเองว่า กูไม่น่าเปิดให้พวกแมร่งเลย...

"เฮ ป้องเป็นไงบ้าง!!!"

ไอ้เฟรมถาม

"ดูไม่จืดว่ะ"

ไอ้อู๋ตอบแทน

"พี่ป้องกินผลไม้ป่าว ต้องซื้อมาฝาก"

ไอ้ต้องตาพูดพร้อมชูถุงผลไม้เต็มสองมือ

"แน่ก็ซื้อแบนด์มาฝากครับพี่"

น้อง...ไม่รู้จักว่ะ แต่คิดว่าคงรู้จักไอ้ป้องอ๋ะครับ ที่สะดุดตาผมก็คือแหวนสีเขียวบนนิ้วนางเนี้ยแหละครับ

.....เทพข่าวคนใหม่!!!!

"เพลงซื้อข้าวมาให้ทานครับ"

ผมละสายตาจากน้องแน่วแน่(ไอ้เฟรมเพิ่งกระซิบบอกชื่อ)ก่อนจะมองน้องเพลงที่ชูถุงข้าวต้มให้เห็น

"ของพี่เป็นรังนก"

อันนี้พี่กาเซียร์พูด

"ของพี่กับมู่หลาน ทำขนมปังสูตรพิเศษมาฝาก"

คุณโอสถพูดพร้อมโชว์แป้งขนมปังสีเหลืองกรอบ

พอคนสิบคนเดินก้าวเข้ามาในห้องผมรู้สึกว่าห้องพยาบาลดูแคบลงไปถนัดตาเลยครับ

"เดียวๆ ขอที่ละคนก่อน เฟรม กูโอเคว่ะ อู๋ ไม่ได้แย่อย่างที่เห็น ต้องตา แน่วแน่ เพลง มู่หลาน พี่เซียร์ พี่ยา ขอบคุณมากครับที่ซื้อมาฝาก"

ไอ้ป้องยิ้ม พยายามจะยันตัวขึ้น แต่ผมดันมันนอนลงพร้อมเอ็ดเบาๆ ก็หมอสั่งให้แค่นอนนิครับ เดี่ยวถ้าเกิดว่าลุกแล้วแผลเป็น
อะไรขึ้นมาล่ะครับ ไอ้ป้องมันก็เข้าใจความรู้สึกของผมนั้นแหละครับ เลยยอมนอนลงไปแต่โดยดี

"แหมๆๆๆห่วงกันซะอย่างคนเป็นแฟนกันเลยนะ"




"ก็แฟนนิครับ/ก็แฟนไงครับ"



ผมกับไอ้ป้องบังเอิญหันไปตอบพร้อมกันพอดี พอหันไปมองหน้าไอ้ตัวดีก็รีบซุกลงไปนอนกับผ้าห่ม

เมื้อกี้หูผมไม่ได้ฟาดไปใช่ไหมครับ?

ไอ้ป้องบอกว่าผมเป็นแฟนมัน...งั้นเหรอครับ ?

"สรุปคือ คบกันแล้ว"

ไอ้อู๋ถาม ผมเองก็พยักหน้าเออออตอบไป

"อ่า...พวกมึงคงไม่ว่าอะไรกูใช่ไหมว่ะ?"

พวกมันทำหน้าขำกันก่อนจะโบกมือ

"จะว่ามึงเรื่องอะไร เพื่อนมีความสุขก็ต้องดีใจดิ"


ไอเฟรมพูด

"พวกกูคบคนที่นิสัยไม่ใช่เพศ ไม่งั้นกูคงไม่เล่นกับพวกแก๊งนางฟ้าหรอก"

จะว่าไปก็จริงครับ ไอ้อู๋ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเพศอยู่แล้วเพราะมันคบเป็นเพื่อนได้หมดทุกเพศ

"ได้ฟังแบบนี้กูก็ดีใจ"

ผมตอบสั้นๆกลับไป

"แล้วต้องนอนโรง'บาลกี่วันครับพี่"

รอบนี้น้องแน่ถาม

"จริงๆพักแค่8ชั่วโมงนะ แต่พี่กับครอบครัวอยากให้ชัวร์เลยนอนดูอาการสักสองวัน"

"แล้วงี้พี่ป้องจะกลับไปซ้อ..."

แน่วแน่พูดยังไม่ทันจบฝามือของต้องตาก็ปิดปากมันเรียบร้อยแล้ว

"มันหมายถึง พี่ป้องจะกลับไปเรียนทันไหมนะครับ นี้ก็ใกล้กลางภาคแล้ว"

ผมว่าที่ได้ยินมันไม่ใช่แบบนี้นะ แต่ก็ใกล้สอบกลางภาคจริงๆนั้นแหละครับ รู้สึกหลังวันเกิดป้องก็สอบเลยมั่งครับ

"ไม่ต้องห่วงหรอก ป้องมันเป็นเด็กอัจฉริยะ"

ผมพูดยอ เห็นมันกระเถิบตัวออกมาจากผ้าห่มเล็กน้อย

"ก็คงต้องตามลอกงานเหมือนเดิมนั้นแหละครับ เออพี่เซียร์ แล้วเรื่องวันวิชาการกับงานละครเวทีล่ะครับ? "

ไอ้ป้องถามขึ้นในส่วนงานของสภา

"วันวิชาการก็โอเคดีนะ แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ก็เตรียมจัดบูธจัดกิจกรรมกัน บัตรที่ทำขายเพิ่มก็หมดเกลี้ยง"

อันนี้ผมก็เพิ่งรู้ข่าวครับ โรงเรียนจัดทำบัตรเพิ่มอีกพันใบ แล้วก็ขายหมดเกลี้ยงเหมือนรอบแรก รู้สึกเหมือนจะมีพวกแมวมองมาด้วยแหละครับ

"ส่วนละครเวที พี่กับพี่ยากำหนดหัวข้อแล้ว เราจะแสดงในธีม'เจ้าชายอสูรกับเจ้าหญิงโฉมงาม'แต่เราจะปรับบทไม่ให้เหมือนver.Originalนะโดยจะแก้ตรง..."

ตรงส่วนนี้ผมไม่ค่อยสนใจจะฟังเท่าไหร่ครับ เพราะไม่เกียวข้องกับตนเอง แต่ฟังผ่านๆแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจเหมือนกันครับเพราะแหกกฎของต้นฉบับชัดเจน

ทุกคนผลัดกันชวนไอ้ป้องคุยประมาณชั่วโมงเศษได้ก็ขอตัวกลับครับ จริงๆจะเดินลงไปส่งตามมารยาทแล้วล่ะแต่พวกนั้นบอกให้ผมเฝ้าไอ้ป้องคงจะดีกว่า

"พรุ่งนี้สายๆหมอบอกว่าให้ลองเดินดู เดียวกูพาไปเดินเล่นที่สวนนะ"

มันพยักหน้าตกลง ก่อนจะค่อยปิดเปลือกตาลงไป ผมขยับผ้าห่มให้มันดีๆก่อนจะจูบที่หน้าผากมันแล้วตัวเองก็พักผ่อนบ้าง
ขอให้พรุ่งนี้เราเจอแต่เรื่องดีๆเถิด...





ต่อรีล่างนะครับ...
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 14-07-2014 16:23:01

  _________________________________________________________________________________





“เข้าใจความรู้สึกของร่าเริงเลยแหะ...”

ไอ้ป้องเปรยเบาๆ ตอนนี้มันยืนอยู่ในสนามหญ้าของสวนโรงพยาบาลกับผม ตรงที่เดิมที่เราเคยพาร่าเริงมาเดินเล่น ฝาเท้าทั้งสองข้างปราศจากร้องเท้าที่ขวางกั่นระหว่างตัวเรากับธรรมชาติ ผมเองก็เลือกที่จะถอดรองเท้าเช่นเดี่ยวกัน

เมื่อเช้านี้คุณหมอได้เข้ามาตรวจสุขภาพของไอ้ป้อง เบื้องต้นคุณหมอบอกกับเราว่า ป้องไม่มีความผิดปกติแทรกซ้อนใดๆ จึงสามารถพาไปทดลองเดินได้ครับ จริงๆตอนแรกผมเองก็แปลกใจเหมือนกันที่ลองให้เดินเลย แต่หมอท่านแจงว่ามันเป็นการปรับสมดุลของร่างกาย และหากว่าเหนื่อยก็ให้พักสักแปบจากนั้นจึงค่อยเดินต่อ

รอบแรกไอ้ป้องค่อยๆทดลองก้าวเดินช้าๆเหมือนเด็กหัดเดิน โดยมีผมคอยอยู่ตรงจุดหมาย จริงๆมันก็เอ็ดผมเบาๆแหละนะว่าทำแบบนี้เหมือนมันเป็นเด็กเล็กๆเลย แต่ผมแย้งไปว่ากลัวมันล้มมันเลยไม่ได้ว่าอะไรอีก

เราพากันเดินไปเดินมาในสวนจนใบหน้าจืดๆของมันเริ่มมีเหงื่อเยอะมากขึ้น ผมจึงขอร้อง(แกมบังคับ)ให้มันหยุดพักไปนั่งเล่นที่ชิงช้าเป็นการแก้ขัด

“รอให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยไปเดินก็ได้”

“อื้ม จริงๆก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่นะ แต่รู้สึกโล่งๆดี”

มันบอก

“เดียวขาขึ้นไปเยี่ยมร่าเริงกันนะ”

รอบนี้ไอ้ป้องพยักหน้าเห็นด้วยกับผม

หลังจากพักกันจน(ผม)พอใจ  ไอ้ป้องก็เริ่มเดินอีกครั้งหนึ่ง

“ป้อง...”

“ห๊ะ”

“จับมือกูไว้ แล้วเดินไปพร้อมๆกัน”

ผมยื่นมือสองข้างไปข้างหน้ามัน อีกฝ่ายแค่ยกยิ้มขึ้นก่อนจะยกมือจับตอบ

“อื้ม...ไปด้วยกันนะ”

ผมค่อยๆก้าวเดินถอยหลังช้าๆแล้วดึงอีกฝ่ายเดินตาม

พื้นหญ้าที่อยู่ข้างล่างใต้ฝาเท้าของผม ให้ความรู้สึกดีชะมัด สายลมเอื่อยๆพวกนี้ก็เหมือนกันครับ มันเหมือนกับเราได้อยู่ในโลก
อีกใบหนึ่ง เป็นโลกที่เราได้พักผ่อนและอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง และผมคิดว่าคนที่กำลังจับมือกับผมตอนนี้ก็คิดไม่ต่างกัน

อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง...

พอเดินไปเดินมาจนเหงื่ออกพอสมควร ผมก็ชวนมันขึ้นตึก จะได้แวะไปเยี่ยมร่าเริงแล้วขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเลยด้วย ตอนขึ้นบันไดขาขึ้นไอ้ป้องเรียกร้องว่าจะเดินขึ้นบันไดครับ เพราะแค่ชั้นสามเอง ผมเห็นว่ามันยอมพักตามที่บอกหรอกนะเลยยอมให้เดินขึ้นบันไดได้

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเวลาเรารักใครแล้วเราก็เป็นห่วงเขาทุกเรื่องเลยแหะ...

เราเดินกันขึ้นมาจนถึงชั้นสาม ก่อนจะเดินไปห้องริมระเบียง ไอ้ป้องเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้าไป

“ร่าเริงพี่มาเยี่ยม.....”

จู่ๆเสียงทักของไอ้ป้องก็ขาดหายไปดื้อๆแบบนั้น ผมเองก็ไม่ทันเข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น พอแทรกตัวเดินไปข้างหน้า ใจ
ของผมก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“อาเปรม ส...วัสดีครับ....”

ไอ้ป้องพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ก่อนจะทักทายผู้ใหญ่ในห้อง

“ป้อง.....”

“............”




“น้องไปสบายแล้วนะ”




อาผู้หญิงพูดขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นแม่ของน้องร่าเริง

ผมรู้สึก ตกใจ หวาดกลัว และเป็นห่วงคนข้างๆ ตอนนี้อารมณ์ของป้องจำเป็นต้องคงที่และไม่สามารถเครียดได้เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดอาการช็อคได้ โชคดีที่ว่ามันพยายามสูดลมหายใจลึกๆแล้วไม่มองภาพที่อยู่ตรงหน้า

ร่างเล็กๆที่ผมเคยบอกไว้ว่ามีรอยยิ้มเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อยๆนอนอยู่บนเตียงด้วยความสีหน้ายิ้มแย้ม...

......................แต่ดวงตะวันได้ดับลงไปแล้ว

ผมดึงไอ้ป้องมากอดไว้ ไม่อยากให้มันเห็นภาพตรงหน้า พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งกุมมือน้องอยู่ตรงเตียงร้องไห้ออกมา ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วยื่นบางอย่างมาให้พวกผม

“ร่าเริงฝากไว้ให้พวกนาย เขากำชับว่าอยากให้พวกนายสองคนอ่าน”

ผมยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะประครองไอ้ป้องเดินออกไปหน้าห้อง มันไม่ได้พูดอะไรออกมา สิ่งที่มีคือความเงียบ.... ผมเองก็ได้แต่เงียบเพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมาในเวลานี้.....

“เกียร์...”

“..........”

“อ่านให้ฟังหน่อยได้ไหม...ป้องอยากรู้...ว่าน้องเขาเขียนอะไรไว้ถึงป้อง...”

“แต่.....”

“ขอร้อง...นะเกียร์”

ไอ้ป้องพยายามกลั่นน้ำตาของมันไม่ให้ไหลออกมา สำหรับร่าเริงแล้วเป็นคนๆหนึ่งที่มันคิดว่าเป็นพี่น้องกัน หากไม่เกิดความรู้สึกอะไรยามเห็นเขาจากไปก็คงไม่ใช่ไอ้ป้อง ขนาดผมที่เพิ่งเคยเจอน้องยังรู้สึกหน่วงๆจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลย

ผมพามันไปนั่งลงที่ม้าหิน ก่อนจะค่อยๆอ่านตัวหนังสือในกระดาษให้มันฟัง

“พี่ปลื้มครับ ร่าเริงขอบคุณพี่นะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ผมมีความสุขมาก”

“.........”

“ผมรู้อาการของตัวผมดี จริงๆแล้วมันรู้สึกทรมานมานานมากหลายๆเดือนแล้ว ผมเจ็บและรู้สึกปวดไปหมดเวลาที่เคลื่อนไหว
ร่างกาย เหมือนๆอย่างตอนนี้ แค่จะพูดผมยังทรมานเลย.....”

“........”

“จดหมายนี้ผมให้พี่เหมือนฝันเขียนให้ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่ปลื้มอยู่นิดหน่อย”

“.........”

“ถ้าวันใดที่ผมจากไปจริงๆ พี่ห้ามร้องไห้นะครับ ผมขอร้อง”

ไอ้ป้องพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกไว้กับมือทั้งสองข้างของตัวเอง

“พี่เป็นพี่ที่ดี แม้เราจะไม่ได้เล่นกันเหมือนแต่ก่อน แต่พี่ปลื้มก็ยังคงมาเยี่ยมผมเรื่อยมา แถมครั้งล่าสุดที่มา พี่ยังพาพี่เกียร์มาหาผมด้วย”

ผมนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะอ่านบรรทัดสุดท้ายที่เหลื่อในหน้ากระดาษ

“ผมยืนยันได้นะพี่ปลื้ม พี่เกียร์รักพี่มากจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พี่ต้องเชื่อมั่นในตัวพี่เกียร์นะ สุดท้าย ร่าเริงขอให้พี่มีความสุขตลอดไป อยู่กับคนที่พี่รักไปนานๆ สุขภาพร่างกายดีขึ้น....ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมขอเกิดเป็นน้องพี่นะครับ จาก เด็กชายตะวันน้อย...”

ไอ้ป้องไม่ได้พูดอะไรอีก ผมเชื่อว่ามันกำลังพยายามทำตามที่เจ้าของจดหมายต้องการ

มันกำลังพยายามที่จะไม่ร้อง...

“ไม่เป็นไรนะป้อง....”

ผมกอดมันแน่น น้ำตาทั้งหมดที่อยู่ข้างในไหลออกมา

“ถ้ามึงร้องไมได้ กูจะเป็นคนร้องแทนมึงเอง...ตกลงนะ”

ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันพูดหรือตอบรับอะไรผมรึเปล่า ผมรู้แค่ว่าน้ำตาที่ไหลออกมาทั้งหมดมันเป็นน้ำตาที่มีหลายหลายความรู้สึก
อัดแน่นอยู่ข้างใน ผมรู้สึกแย่ต่อการจากไปของดวงตะวัน ผมรู้สึกทรมานที่เห็นไอ้ป้องมันต้องกั่นความรู้สึกเอาไว้ รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำอะไรให้มันไม่ได้มากไปกว่านี้เลย

ผมทำได้แค่อยู่ข้างๆจริงๆ...

“เกียร์....”

“........”

“ขอบคุณ.....ที่รักกู.....ขอบคุณจริงๆเกียร์.....ที่อยู่ข้างๆกัน”

มันพูดตะกุกตะกัก...

อ้อมกอดของมันสัมผัสเข้ากับผม ผมไม่รู้และไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองเราเป็นยังไงในตอนนี้ ไอ้ป้องแค่เม้มปากแน่นจนเลือด
แทบห่อ มันสะกดความรู้สึกข้างในไว้มากมายจริงๆ

ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าน้ำตาของผม

.......มันหยุดไหลไม่ได้จริงๆ



TBC.


...... ขอไม่บรรยานแล้วกันนะครับ ว่าตอนที่แต่งตอนนี้รู้สึกยังไง....... หน่วงๆไปหมด.....

แจ้งข่าวนะครับ แตกต่างสอบกลางภาควันที่21-25กรกฏคม เลยอาจจะเว้นช่วงลงหน่อยนะครับ

ปล. จะพยายามพาวันเกิดน้องให้ตรง20กรกฏคมนะครับ เพราะต่างเองก็เกิดวันเดี่ยวกับน้องป้อง

ปปล. การจากไปไม่ใช่จุดสิ้นสุด ในวันหนึ่งถ้าเราต้องจากกับใครจริงๆ เราต้องยอมรับแล้วเดินต่อไปครับ.....
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-07-2014 19:40:38
ทำไมร่าเริงต้องมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ในวันที่ป้องต้องควบคุมอารมณ์ด้านลบด้วยนะ
มันจะเป็นผลต่อเนื่องในวันข้างหน้าป่าวนะ
แต่ตอนนี้เศร้าตามเลยที่น้องร่าเริงจากไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2014 20:04:29
เศร้าใจเลย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-07-2014 22:08:06
ครึ่งแรกนี่ฟินมาก ก๊าวใจกันเลยทีเดียว  :hao7:
ป้องต้องกดเกียร์ให้ได้นะ อย่าให้มันได้ใจว่ามันเป็นผัว  :m26:


ครึ่งหลังนี่ทำฉันจิตตก  :mew5:
ทำไมต้องให้น้องร่าเริงจากไปตอนนี้ด้วย นึกว่าจะมีฉากพ่อแม่ลูกอีกในอนาคต

คำผิด
นัดบอร์ด => บอด
นี้ไงคำถามโบนัส => นี่ไงคำถามโบนัส
โดนโกรธแน่ๆเลยๆ =>โดนโกรธแน่ๆเลย
เซอร์ไพร์=> เซอร์ไพรส์
ได้อยู่กับคนดีๆนะ => ได้อยู่กับคนดีๆน่ะ
แต่ก่อนนั้นก็ผมเองนั้นแหละ => แต่ก่อนนั้นก็ผมเองนั่นแหละ
อีกฝ่ายอาจหึ่งผม => หึง
นี้อะไร => นี่อะไร
เจ้าของของกูที่ => ที
ช่วยหึ่ง => หึง
เราจะยังรักกันดั่งวันวานไหม => เราจะยังรักกันดั่งวันวานไหม
นั้นเป็นภาพ => นั่น
ซื้อแบนด์มาฝาก => แบรนด์
ฝาเท้าทั้งสองข้าง => ฝ่า
พักสักแปบ => แป๊ป
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 15-07-2014 00:32:51
ฮื้อออ :m15:   เค้าร้องแทนก็ได้ป้อง สงสารน้อง  :ling3: แล้วก็ ขอให้หายไวๆนะป้อง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: myhumps001 ที่ 17-07-2014 01:12:35
เศร้ายตอนนี้ ไม่คิดว่าน้องจะไปเร็วขนาดนี้ เฮ้อชึวิตคนเราไม่แน่นอน

รีบๆมาต่อนะครับ ผมรอ่านอยู่
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-07-2014 08:39:04
น้องร่าเริงมันไปสบายแล้ว
คนที่อยู่ก็สู้ต่อไป

เดี๋ยวนี้เกียร์เป็นดูผู้ชายอบอุ่น
หวานๆ เกียร์ป้องละมุนขึ้นนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-07-2014 15:33:16
อ่านแล้วมีความรู้สึกว่า  เกียร์มันหื่นว่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ.... [14/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2014 20:38:45
 :ling1: :ling2: เศร้าเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 19-07-2014 22:23:14

#24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข...


หลังจากวันนั้น ผ่านมาแล้วเป็นเวลาสามวัน ไอ้ป้องเองก็สุขภาพร่างกายดีขึ้นมากจนสามารถออกโรง'บาลไปเรียนได้ตามปกติ สิ่งเดียวที่ทำให้เราทั้งคู่ใจหาย คือการจากไปของน้องร่าเริง

งานศพของน้องน้องร่าเริง สวดสามวันแล้วจึงจะมีพิธีเผาขึ้นในวันเสาร์ ผมตามไอ้ป้องและแม่ลีลาวดีที่เพิ่งทราบข่าวจากพวกเราไปงานศพของน้องตลอดสามวันที่มีการสวดอภิธรรม จนกระทั้งถึงพิธีเผาในเย็นวันเสาร์

ผมกับไอ้ป้องและแม่ลีลาวดีต่อแถวรอส่งดอกไม้จันเข้าเปลวเพลิงวูบหนึ่งที่ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ...

ถ้าคนที่นอนอยู่บนนั้นเป็นไอ้ป้อง

ผมจะความกล้ามาก พอที่จะมาส่งไอ้ป้องไหม...

มือข้างที่กุมมือกันบีบขึ้นนิดๆ ผมหันไปหาคนที่เดินจับมือกันข้างๆก่อนมันจะยิ้มจางๆให้มา

"กูสัญญา...จะไม่ลาจากมึงเด็ดขาด"

คำพูดเพียงแผ่วเบา แต่ก็สร้างความหนักแน่นและความมั่นคงให้แก่ความรู้สึกของผม

อุ่นใจจริงๆที่อยู่ข้างๆกัน...

ไม่ใช่เพียงแค่มันหรอกครับที่ขอบคุณผม ผมเองก็ขอบคุณมันสุดหัวใจเช่นเดียวกัน

ขอบคุณจริงๆที่อยู่ข้างๆกัน...

"ร่าเริง พี่กับพี่เกียร์มาส่งเราแล้วนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่เองก็ดีใจมากจริงๆที่ได้เจอ ได้พบ ได้คุย กับเด็กที่มีความน่ารักแบบ
เรา เราเป็นน้องที่น่ารักมากจริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง...มาเกิดเป็นน้องของพี่นะครับร่าเริง"

เหมือนๆกับความรู้สึกที่ทนอดกลั่นมาตลอดสามวันพังทลายลงไป ไอ้ป้องกำเสื่อแม่ลีลาวดีไว้แน่นซ่อนเสียงร้องที่ดังออกมาจากใจ ผมรู้ดีว่าไอ้ป้องมันต้องอดทนขนาดไหนที่ต้องเก็บความรู้สึกของการสูญเสียที่พูดออกมาไม่ได้

"ร่าเริงครับ นี้พี่เกียร์นะ พี่เองอาจรู้จักเราได้ไม่นานพอแต่พี่ก็รักเราเหมือนน้องนะ ร่าเริงเป็นเด็กน่ารัก ยิ้มเก่ง เราอาจโชคร้ายที่อายุสั้นกว่าคนอื่น แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่คิดว่าเราคงมีความสุขดีในชีวิต มีพ่อแม่ รักเราสุดหัวใจ มีพี่ชายที่ดีแบบไอ้ป้อง"

ผมเว้นวรรคช่วงก่อนจะพูดต่อ

"ขอให้เราไปสู่ในภพภูมิที่ดีกว่า ถ้าชาติหน้ามีจริงเหมือนๆกับที่พี่ป้องว่า มาเกิดเป็นน้องพี่หรือน้องพี่ป้องก็ได้นะครับ สิ่งเราฝากฝังพี่เอาไว้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะ พี่ป้องแข็งแรงดีแล้วครับ พี่เองก็ขอยืนยันกับเรา...พี่จะอยู่ข้างๆพี่ป้องตลอดไป"

ผมพูดจบก็ยกมือไหว้ตั้งจิตอธิฐานก่อนจะส่งดอกไม้จันเข้าเปลวเพลิงไป

ผมกับไอ้ป้องพร้อมแม่ลีลาวดีเดินลงจากเมรุ ก่อนแม่ลีลาวดีจะแยกไปบอกลาพ่อแม่ของน้องร่าเริง จริงๆแม่กับพ่อเองผมเห็นว่าช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่งๆกันทั้งนั้น แต่ก็ยังอุตส่าห์ขับรถมาส่งผมกับป้องมางานศพอีก

"ป้อง..."

ผมสะกิดเรียกชื่อ ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าสีเขียวไปให้มันเช็ดหน้าเช็ดตา ไอ้ป้องหยุดร้องแล้วครับ แต่ตากลายเป็นสีแดงก่ำเหมือน
คนอดหลับอดนอน

ไอ้ป้องรับผ้าเช็ดหน้าผมเสร็จแล้วก็เช็ดลวกๆไปทั่วใบหน้า ตอนนี้ผมกับมันนั่งรอแม่ลีลาวดีที่ใต้ต้นไทรต้นใหญ่ข้างวัด

"มึงโอเคนะ?"

ผมหันไปถามมัน ไอ้ป้องพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนตัวมันจะนิ่งเงียบไป

"เกียร์ ถ้าสมมุติว่ากู ...ผิดสัญญา..."

"ไม่เอาสัส อย่าไปพูดถึงมัน"

ผมตัดบท เบรคมันเพราะรู้ดีว่ามันจะพูดถึงอะไร

"ถ้ามันยังมาไม่นึก กูก็บอกมึงไม่ได้หรอกว่ากูจะรู้สึกยังไง แต่มึงรู้ไหม วินาทีที่เห็นมึงล้มลงไปตรงหน้า กูสาบานกับตัวเองว่า ถ้า
มึงเป็นอะไรไป กูคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง"

สำหรับมันแล้ว ผมอยากปกป้องรอยยิ้มมุมปากนั้นด้วยชีวิต...

"ทำให้กูหลงรักขนาดนี้แล้ว อย่าทิ้งกูล่ะ"

ผมพูดทิ้งท้ายติดตลก พยายามช่วยคุมอารมณ์ของมัน ไอ้ป้องเองก็คงเข้าใจเจตนาของผม มันยังคงยิ้มรับเหมือนเคย

เราสองคนนั่งเงียบๆกันไปเรื่อยๆจนกระทั้งแม่ลีลาวดีเดินออกมาจากศาลาหลังคุยกับพ่อแม่ของน้องร่าเริงเสร็จ

"เดียวเรากลับบ้านกันนะ"

แม่ลีลาวดีพูด พร้อมยื่นมือทั้งสองข้างมาให้ผมกับไอ้ป้อง เราทั้งคู่หันไปยิ้มให้กันก่อนจะยื่นมือไปจับแล้วลุกตัวขึ้นตามแรงดึงของ
แม่ลีลาวดี

ผมกับไอ้ป้องหันไปมองปล่องควันจากยอดเมรุกันอีกครั้งก่อนไอ้ป้องจะพูดขึ้นเบาๆ

"พี่ไปก่อนนะครับร่าเริง พี่จะแวะมาเยี่ยมเราบ่อยๆนะครับ"

พวกเราสามคนแม่ลูกค่อยๆเดินจูงมือกันมาถึงรถ ก่อนแม่ลีลาวดีจะสตาร์ทรถแล้วพาผมกับไอ้ป้องกลับบ้าน

ขอให้การจากลาของน้องร่าเริง เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้ายของผมกับมัน...





__________________________________________________________________





หลังจบงานศพของน้องร่าเริง ผมกับไอ้ป้องก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตในรั่วพ.ว.ตามปกติ สิ่งที่ชดเชยช่วงที่ผมขาดไป คือการบ้านกองมหึมาซึ่งผมคาดว่าเป็นผลกระทบมาจากที่อีกสองอาทิตย์จะสอบกลางภาคเนี้ยแหละครับแต่...

คุณพระ!!! ผมหยุดแค่...เออ เท่าไหร่นะ...อ้อ4วัน แต่แค่4วัน การบ้านนานาชนิดก็ตบเท้ากันมายืนโบกมือทักทายผมเป็นทิวแถว
คือผมกับไอ้ป้องก็หยุดพร้อมๆกันนะ แต่ทำไมมันดูชิลๆทำเสร็จหมดทุกอย่าง(ว่ะ)โครตแตกต่างจากผมที่การบ้านไปไม่ถึงไหน
สุดท้ายมันก็ต้องลงมือช่วยผมทำอยู่ดี

มีเมียเก่งก็งี้ คิคิ...

แต่ใช่ว่าการบ้านเสร็จแล้วจะรอดนะครับ ยังครับยัง อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ตามหลอกหลอนผมก็คือการสอบย่อยเทสนรก ซึ่งปกติก็มีประจำ แต่เชื่อไหมครับผมหยุดไปสี่วัน ขาดสอบเทสไป7ครั้งสี่วิชา

โหดผักสลัดเป็ด!!!

สุดท้ายก็ต้องยกความดีความชอบให้คุณเมียที่แสนดีอีกตามเคยที่คอยช่วยติวจนพวกสมองเมมน้อยๆอย่างผมสอบเทสผ่าน แม้จะไม่เคยได้ท็อปเท็นเท่าตัวมันเองก็เถอะ แต่ก็จัดว่าดีเลิศสำหรับผม

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพ่วงตามมา คือผมได้รับอภิสิทธิ์โดยชอบธรรม ในการขับCbrคู่ใจมาโรงเรียนได้เพราะว่าพวกคณะกรรมการซึ่งร่วมถึงไอ้ป้อง ช่วงนี้จัดว่ายุ่งมาก ไหนจะงานวิชาการ ไหนจะงานละครเวทีที่ต้องแสดงร่วมกับสาขาสองอีก ทั้งๆที่จะต้องสอบกลางภาคอีกร่อมร่อแต่ผมต้องพาไอ้ป้องมาส่งเช้ามากและรอรับกลับเย็น(ดึก)มากซึ่งจริงๆมันก็บอกผมแล้วล่ะว่ามันมาแล้วกลับเองได้แต่ผมดื้อเองนั้นแหละเพราะเป็นห่วงมัน เช้าสุดที่เคยพามาคือตี4เย็น(ดึก)สุดที่เคยพากลับคือ4ทุ่มเรียกว่าผมกับไอ้ป้องช่วงนี้ใช้เวลาหมดไปกับข้างนอกมากกว่าในบ้านซะอีก

ด้านพ่อแม่ของเราทั้งคู่ก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน เห็นแม่ลีลาวดีเปรยๆว่าช่วงนี้บริษัทกำลังจะมีหุ้นส่วนใหม่เข้ามาทำให้งานติดต่อและงานสัมนามีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมเห็นท่านทั้งสองเหนื่อยมากจริงๆ ชนิดที่หลับคาโซฟาห้องนั่งเล่นเลยแหละแต่ดีนะผมกับไอ้ป้องช่วยกันพยุงขึ้นห้องนอน(หนักมากพ่อเรา ลดๆน้ำหนักมั่งนะป๋า)

แต่ใช่ว่าอาการหมดแรงแบบนั้นจะเกิดเฉพาะกับพ่อผมหรอกนะครับแม่กับไอ้ป้องเองก็เคยสลบเหมือดเหมือนกัน ก็เล่นตื่นเช้านอนดึกกันซะขนาดนี้นี่ครับ ส่วนวันอาทิตย์นี้วันเกิดไอ้ป้องพ่อกับแม่ก็คงไม่ว่างครับ เพราะต้องไปสัมมนากับตัวแทนบริษัทนู้นถึงภูเก็ตป้องเองก็ไม่ได้พูดถึงวันนี้

เชื่อผมอะไรไหมครับ? พนันร้อยหนึ่งเลย

ไอ้ป้องลืมวันเกิดตัวเองแน่ๆ!!!

ตอนแรกกะจะชวนไอ้พวกทโมนกินหมูกระทะกัน แต่พวกแมร่งเสือกไม่ว่างกันเป็นทิวแถวสุดท้ายผมเลยตัดสินใจจะเซอร์ไพรมันเงียบๆคนเดียว(ก็ได้ว่ะ)

จุ๊ๆ แต่ผมยังไม่บอกหรอกนะว่าจะทำอะไรให้มัน เอาเป็นว่ารอดูพร้อมกันดีกว่า

"น็อต ขยับผ้าม่านไปอีกนิด มันเฉๆนะ"

เสียงไอ้ป้องยืนสั่งการที่หน้าเวทีตอนนี้พวกคณะกรรมการทุกคน

กำลังขะมักเขม้นในการจัดเวทีหอประชุมใหญ่ให้อลังการงานสร้างสมกับเป็นเจ้าภาพงานละครเวทีในปีนี้ ผมเองก็มีส่วนร่วมในการช่วยชาวบ้านเขานิดหน่อย


....ด้วยการวิ่งเสิร์ฟน้ำให้คนนู้นคนนี้

เปรตเอ๊ย นี้ผมเป็นแฟนกับเลขาสภานะเว้ย แมร่งใช้ผมเป็นเบ๊เบล็ดเตล็ดเฉย ถ้าไม่ติดว่าไอ้ป้องขอ พร้อมแลกกับที่จอดรถรับส่งคุณภรรยานะ ให้ตายผมก็ไม่ยอมหรอก ชิชะ

"ป้อง อ๊ะน้ำ"

ผมเรียกมันพร้อมยื่นแก้วน้ำพลาสติกให้ คนถูกเรียกหันมารับ ก่อนจะกระดกน้ำดับความกระหาย

"ขอบใจนะเกียร์ เหนื่อยแย่เลย"

มันพูด ทั้งๆที่ตัวมันเหงื่อซกยังกะอาบน้ำ

"ไม่เป็นไรหรอก เพื่อเมีย แค่นี้จิ๊บๆ"

ผมหยอดมันทุกที่ทีมีโอกาส ไอ้ป้องเองก็เขินทุกรอบ คนรอบๆตัวเราแรกๆก็อ้วกกับมุกเสี่ยวๆของผม หลังๆคงเริ่มชิน(ปลงตก)

"ต้องตาเหนื่อยไหมค่า เพื่อเมียแค่นี้พี่ทนได้"

ยกเว้นไอ้เชรี้ยนี้ ปากปีจอแบบนี้ก็มีแค่แมร่งล่ะครับ ไอ้เชรี้ยอู๋

ต้องตาไม่เพียงแต่ไม่รับมุก ซ้ำยังหักหน้าไอ้เพื่อนรักของผมด้วยการเดินหนีไปทำงานตรงส่วนอื่น ดีมากครับน้องรัก สะใจพี่เป็นบ้า!!!

ไอ้ป้องกับผมหัวเราะสมน้ำหน้ามันก่อนจะหันไปทำงานต่อ ผมเองก็เดินเอาน้ำไปแจกทีมงานคนอื่น แม้งานจะหนักแต่ทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีใครปริปากบ่น(ยกเว้นไอ้เชรี้ยอู๋เพราะแมร่งบอกว่าเวลาสวีทของมันกับต้องตาลดลง)

ภาพข้างหลังของไอ้ป้องดูยิ่งใหญ่และเท่มากในสายตาผม มือสองข้างกางแบบแปลนเวทีออกก่อนจะชี้ไปยังจุดต่างๆแล้วตะโกนสั่งงาน ผมเองก็รู้ว่ามันเหนื่อยกับการแก้แปลนและแก้ปัญหาการเกทับกันระหว่างสาขาหนึ่งกับสองขนาดไหนในฐานะคนกลาง แบบแปลนแก้ไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ซ้ำยังต้องคอยเชื่อมใจพวกเราให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกต่างหาก

มันเป็นคนที่มีเพาเวอร์ในตัวเองสูงแต่ขาดความทะเย่อทะยานในการไขว้คว้าคิดเพียงแค่ว่าทำยังไงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าถึงจะดีกับทุกคนและได้ผลเท่าเทียมกัน

พวกเราทุกคนเองก็เหนื่อยพอๆกัน ไม่เว้นกระทั้งพี่เซียร์ที่ต้องไปคอย รับแขกและจัดหาสปอนเซอร์ให้พวกผม ซ้ำบ้างวันยังปีนบันไดสูงขึ้นไปถลกแขนเสื่อตอกตะปูเองด้วยซ้ำ คนๆนี้แทบไม่เคยเกี่ยงงานหรือคิดว่าตัวเองเป็นประธานนักเรียนแล้วจะยื่นดูคนอื่นทำงานเลยแม้แต่น้อย ขนาดงานจิปาถะพี่เซียร์ก็ลุยถึงไหนถึงกัน

แล้วงี้ไม่ให้พวกผมทำงานกันเต็มที่ได้เหรอครับ

ที่เห็นจะน่าสงสารยิ่งกว่าพวกผมก็พวกสาขาสองเนี้ยแหละครับ ต้องนั่งรถมาไกลๆกัน กลับก็ดึก แต่ไม่เคยบ่นออกมา ทั้งพี่ยา มู่หลาน แล้วก็คนอื่นๆที่มาด้วยกัน

ถ้าจะถามว่าอะไรที่ทำให้พวกเราตั้งใจและจริงจังกันขนาดนี้ ก็คงตอบได้ว่าเพราะตัวอักษรย่อสองตัวบนอกข้างขวา

ถ้าเปรียบเพลินจิตวิทยาคือบ้านหลังที่สอง พวกเราก็คือครอบครัว

ห้าปีที่อยู่ที่นี้มา มีทั้งทุกข์และสุข สถานที่แห่งนี้ให้ทั้งวิชา ความรู้มิตรภาพและความรัก

เพราะเราคือครอบครัว

We are family



________________________________________________________________________



ผมขับCbrด้วยความเร็วไม่มากเพราะคนซ้อนหลับลงไปแล้วด้วยความเพลีย หลังทำงานเสร็จพอขึ้นเบาะรถไอ้ป้องก็ซุกหัวลงกับหลังผม ก่อนจะหลับไปแบบนั้น ดีว่าแขนมันยังคล้องเอวของผมไว้อยู่ ขับช้าๆเลยพอไปได้

"ป้อง ถึงบ้านแล้ว"

ผมปลุกมันเบาๆหลังขับมาถึงประตูบ้าน ไอ้ป้องสะลึมสะลือแต่ก็ก้าวลงไปยืนรอ ก่อนผมจะไขประตูแล้วเข็นรถเข้าไปเก็บข้างในเสร็จแล้วก็พามันขึ้นห้องพอถึงห้องปุบไอ้ป้องก็ทิ้งตัวลงไปกับที่นอนก่อนจะหลับคาชุดนักเรียน

สงสัยคงง่วงมากจริงๆ

ผมเลือกที่จะไม่ปลุก แต่ช่วยถอดถุงเท้ากับปลดเข็มขัดให้มันแทน ก่อนจะแกะกระดุมแล้วถอดเสื่อนักเรียนให้มัน

หลายวันมานี้ตั้งแต่ร่างกายมันแข็งแรงขึ้นก็โหมงานมากพอสมควร แต่ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ยุ่งๆแบบนี้จะได้ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัว แต่ก็ตัวผมเองอีกนั้นแหละที่อดเป็นห่วงมันไม่ได้ กลัวว่าโหมงานมากไปแล้วมันจะทรุดเอาง่ายๆนะสิครับ

ผมเกลี่ยเส้นผมของไอ้ป้องเล่น ก่อนจะจูบ หน้าผากมันเบาๆ

"ฝันดีนะมึง"

ผมห่มผ้าห่มให้มัน ก่อนจะลดแอร์ลงให้อีกฝ่ายเย็นตัวจากนั้นตัวเองก็ปีนขึ้นไปนอนชั้นบนบ้าง

ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน

ขอให้วันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป มึงยิ้มแบบนี้ได้ตลอดไปนะป้อง..




__________________________________________________________________________________



"ไม่สบายไปหาหมอกันไหม?"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ไอ้ป้องเอามือมาอังหน้าผากก่อนจะพูดต่อเบาๆ

"ตัวอุ่นๆแหะ"

"อือ ขอโทษนะ เลยไม่ได้ไปส่งมึงเลย"

ผมพูดเสียงเศร้าบอกกับมันไป วันนี้เป็นวันอาทิตย์แล้วครับ

"ไม่เป็นไรๆ เดี่ยวกูนั่งเมล์ไปก็ได้"

ไอ้ป้องพูด วันนี้เป็นอีกวันที่มันต้องไปทำงานที่โรงเรียน(จริงๆก็ทุกวันนั้นแหละ)

"กลับไวๆนะ"

ผมพูดก่อนจะโบกมือให้มันไหวๆที่ริมประตู พอเห็นมันเดินไปไกลแล้วก็รีบวิ่งไปห้องน้ำก่อนจะระบายของเหลวที่เรียกว่าฉี่จากในท้องน้อย

อ่า....ฟิน อย่าบอกนะ ว่าไม่เคยกลั่นฉี่แล้วบอกพ่อกับแม่ว่าไม่สบายตัวร้อนน่ะ ฮ่าๆ วันนี้ที่ผมเลือกจะไม่ไปกับไอ้ป้องเพราะ
ต้องการเตรียมของรอมันที่บ้านครับ ผมหยิบกระดาษโน้ตที่จดอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ ก่อนจะแต่งตัวแล้วขับCbrไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆบ้าน ก่อนจะค่อยๆมองหาของที่ต้องการ

“อื้ม...ไข่ไก่ แป้งสาลี แป้งว่าว อ่า...ผงฟูด้วย”

ผมพูดกับตัวเอง ตาก็มองแผ่นกระดาษก่อนจะหยิบอุปกรณ์ต่างๆในการทำเค้กขึ้นมาใส่ตะกร้า

ครับ...ผมอยากทำเค้กให้ไอ้ป้อง

โอเค ยอมรับว่าไม่เคยทำหรอกนะ แต่ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆกับแค่ดูแลไอ้ป้องหรอกนะครับ แต่ตัวเองก็พยายามอ่านรีวิวกับวิธีการทำเค้ก จริงๆไปซื้อมาก็ได้นะแต่สำหรับผม ของที่ทำขึ้นมาเองมันมีคุณค่ามากกว่านิครับ
พอได้อุปกรณ์พร้อมสมบูรณ์ผมก็ขนของไปจ่ายตังค์ พี่พนักงานเองก็มองยิ้มๆ ก็อย่างว่าแหละครับ พี่เขาคงดูออกว่าผมซื้อไปทำอะไร หลังจากจ่ายเงินเสร็จผมก็รีบตรงบึ่งกลับบ้าน จนเกือบจะลืมของที่ตั้งใจจะซื้ออีกอย่าง ดีว่าวกรถกลับไป7-11ทัน ดีที่ว่าพี่พนักงานขายรอบนี้เป็นผู้ชาย

ผมซื้ออะไรที่7-11 ไม่ต้องสงสัยหรอก...

พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็เข้าครัวก่อนจะหยิบไอพอดขึ้นมาเปิดเวปพันทิป มีพี่ๆใจดีหลายๆคนรีวิววิธีการทำเค้กง่ายๆไว้ครับ ที่ผมเห็นแล้วชอบมากที่สุดก็ทำจากหม้อหุงข้าวเนี้ยแหละส่วนประกอบก็ไม่ยากครับ

แป้งเค้ก สำเร็จรูป 400 กรัม (ของเจ้าไหนก็ได้ครับ สุ่มๆหยิบมาเลย)  เนยเค็มขนาด 220  กรัม 1 ก้อน นมจืด 1 1/2 แก้วเป็ก  (ถ้าไม่มีใช้น้ำเปล่าก็ได้)  ไข่ไก่  4 ฟอง (ไข่ไก่อุณภูมิห้อง ถ้าแช่เย็นเอาออกมาวางข้างนอกให้หายเย็นก่อนไม่งั้นจะไม่เข้ากันกับแป้ง) ฝงฟู  1/2  ช้อนชาน้ำตาลทราย   4  ช้อนโต๊ะ (แป้งสำเร็จจะไม่หวานต้องเติมน้ำตาลลงไปเล็กน้อย)

ก่อนอื่นมาทำน้ำตาล ไอซิ่งกันก่อนตักน้ำตาล 4 ช้อน ลงในโถปั่น แล้วทำการปั่น ปั่นให้ละเอียดจนคล้ายแป้งเลยครับ จากนั้นก็เทลงอ่างหรือกะลามั่งที่เตรียมไว้ เทแป้งเค้กลงตาม ใส่ผงฟูลงไป แล้วเราก็มาใส่ตะแกรงร่อนครับ ร่อนสักประมาณ 6-7 รอบ เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน นำเนยลงใสภาชนะที่เราจะผสมแป้ง ใส่ทั้งก้อนเลยครับ จากนั้นผมก็ตีให้เนยฟูครับ ด้วยเครื่องอะไรสักอย่างที่ผมเรียกชื่อไม่ถูก ใส่ไข่ตามลงไป ตามด้วยนมสดจืด ครับ 1 1/2 แก้ว พอส่วนผสมครบเราก็ตีส่วนผสมให้เข้ากัน ค่อยๆเทแป้งลงไปครับ แบ่งให้ได้สักสามส่วน ค่อยๆผสมครับ ผมเองก็เลือกที่จะใส่ลูกเกดลงไปด้วย

หลังจากนั้นก็ตีไปเรื่อยๆครับจนแป้งหมด พอส่วนผสมเข้ากัน ตีแป้งต่ออีกสัก 3 นาที พอตีจนแป้งเหนียว เนื้อเนียน เป็นอันใช้ได้ครับ จากนั้นก็ขั้นตอนการอบครับ เช็ดหม้อหุงข้าวให้สะอาดก่อนเทลงไป เทลงในหม้อ แล้วเขย่า ๆ ให้หน้าแป้งเสมอกัน

จากนั้นก็รอครับ..

ประมาณไม่นานเท่าไหร่หม้อหุงข้าวเด้งปุบ ถอดปลั๊กออก แล้วงัดเค้กออกมาวางไว้บนตะแกรง ระบายความร้อนครับ พอมันเย็นๆแล้วก็ปาดๆหน้าเค้กตรงส่วนที่มันไหม้ออกไป

แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ เค้กวันเกิดของผมกับไอ้ป้อง

สิ่งที่ผมทำให้มัน อาจจะไม่ได้เลิศหรูอลังการนัก รสชาติก็ไม่ได้ดีระดับร้านอาหารหรูๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้...

ผมทำด้วยใจ

ผมยกเค้กที่หายร้อนแล้วเข้าตู้เย็นเอาไว้ คะแนว่าประมาณสองสามทุ่มไอ้ป้องก็คงกลับมา

เอาล่ะ....นอนรอมันเหอะ......


..


..





..
.

.


“เกียร์...เกียร์”

เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าตัวเบาๆปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา

“มานอนอะไรตรงนี้ แล้วทำไมใส่เอี๊ยมนอน”

ไอ้ป้องถามขึ้นก่อนจะมองเอี๊ยมผมงงๆ

ผมเงยหน้ามองมัน ก่อนจะเลื่อนไปมองดูนาฬิกา นี้ผมหลับยาวไป4-5ชั่วโมงเลยเหรอครับเนี้ย ? สงสัยผมเองก็คงจะเพลียมากเหมือนกันจากการตื่นเช้าๆพอๆกับไอ้ป้อง

“กูซื้อข้าวต้มมาฝาก ไม่สบายนิ”

มันว่าก่อนจะชูถึงข้าวต้มขึ้นมาให้ผมดู ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนเราเวลาป่วยต้องกินแต่ของพวกนี้  ไม่คิดว่าคนป่วยอยากจะกินพิชช่าบ้างเหรอครับ ? แต่ยังไงๆก็เพราะอีกฝ่ายเป็นห่วงเรานั้นแหละ

“กินข้าวมารึยัง ?”

ไอ้ป้องพยักหน้าแทนคำตอบ

“งั้นมานั่งนี้ รอแปปหนึ่ง”

“อะไรว่ะ ?”

มันถามงงๆ หลังจากโดนผมลากไปนั่งลงตรงเก้าอี้

ผมไม่ตอบ แต่เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกตาไว้แทน ไอ้ป้องเองก็ดูตื่นๆ คงจะตกใจคิดว่าผมจะทำอะไรมันล่ะมั่งครับ

“อย่าเพิ่งลืมตานะ ไม่งั้นโป้ง”

เพราะพูดไปแบบนั้น ไอ้ตัวดีเลยยังไม่แกะผ้าปิดตาออก

ผมเดินไปหยิบเค้กที่แช่เย็นไว้ออกมา ก่อนจะหยิบเทียนเล็กๆที่ซื้อมาพร้อมกันออกมาปักตามจำนวนอายุ ไอ้ป้องเกิดก่อนผม
เพราะงั้นปีนี้มันจะอายุสิบเจ็ดปีเต็มครับ

“โอเค เปืดตาออกได้”

ไอ้ป้องค่อยๆแกะผ้าปิดตาออกมา ก่อนจะพบว่าทั้งห้องตอนนี้ปิดไฟ สิ่งที่สว่างที่สุดคือเทียนเล่มเล็กๆบนเนื้อเค้ก

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู .....แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู  ......แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์....แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู~~ ยู”

ผมร้องออกมา ก่อนจะตบมือเบาๆ

“.........”

“ไม่ชอบเหรอ ?”

เพราะเห็นไอ้ป้องนิ่งไปเลย ผมเลยถามขึ้นมา

“อ่า...วันนี้วันเกิดกูเหรอ.....”

มันพูด พร้อมเกาหัวแกรกๆแก้เก้อที่ลืมวันเกิดตัวเอง

“กูว่าแล้วว่ามึงต้องลืม.... ช่างเหอะ กินเค้กกัน”

ผมบอกปัด พร้อมหยิบมีดสำหรับหั่นเค้กขึ้นมา หั่นไปชิ้นๆให้มัน

“เกียร์...”

“ว่า ?”

“ทำเองเหรอ”

ผมยกส้อมขึ้นมาจิ้มเนื้อเค้ก ก่อนจะส่งเข้าปากมัน

“เออ อร่อยป๊ะ ?”

“อย๊อย”

มันพูดทั้งๆที่เค้กเต็มปาก ใบหน้าจืดๆเคี้ยวเค้กตุ๊ยๆจนเต็มสองแก้ม เห็นแล้วโคตรหมั้นเขี้ยว...

ผมกับไอ้ป้องนั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่กินไปแบบนั้นเงียบๆ จนกระทั้งเค้กก้อนกลางหมดลงไป

“กูมีของจะให้มึงด้วย”

มันกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะโดนผมดึงขึ้นห้องนอนไป

ผมกับมันนั่งลงบนเตียงชั้นล่าง  ก่อนข้อมือของมันจะโดนผมดึงมา

“ขอโทษที่โกหกมึงนะป้อง วันนั้นจริงๆแล้วกูไปซื้อของขวัญให้มึง....”

ผมค่อยๆสวมริสแบนด์รูปสเกตบอร์ดสีเขียวให้มัน

เปล่าครับ...ผมไม่ได้ใส่ให้มันผิดอัน

ผมอยากให้ริสแบนด์เส้นนี้เป็นตัวแทนกันและกันของผมกับมัน เลยเลือกที่จะให้อีกฝ่ายสวมใส่ ‘ตัวตนของผม’ และเลือกที่จะให้ตัวเองส่วมใส ‘ตัวตนของอีกฝ่าย’

ผมอยากให้เรา....ยอมรับกันและกัน....

ไอ้ป้องไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ มันนิ่งไปเฉยๆซะแบบนั้นจนผมกลัวใจ นึกว่ามันจะโกรธที่ทำอะไรแบบนี้ แต่แล้วมันก็ทำสิ่งที่ผมอยากให้ทำมาโดยตลอด

ไอป้องกอดผม....

“เกียร์...”

“..........”

“ขอบคุณนะ......”

ไอ้ป้องซุกหน้าลงกับแผ่นอกของผมก่อนจะพูดต่อ แขนทั้งสองข้างยังคงกอดผมเอาไว้

“วันเกิด...จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่วันสำคัญอะไรเลยก็ได้ นอกจากจะเป็นวันที่คนให้กำเนิดเราต้องเจ็บปวด...มันจะสำคัญขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีคนจำมันได้โดยที่เราไมได้บอก ของขวัญเองก็เหมือนกัน ความสุขของคนรับอย่างกู มันไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของขวัญเลย....แต่สิ่งที่มึงทำให้กัน มันเกินคำว่าขอบคุณจริงๆ....”

“อย่าร้องดิ ไอ้ขี้แง”

ผมปลอบก่อนจะขยี้หัวมันเบาๆ เพราะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ทะลุผ่านเสื้อเข้ามาข้างใน

“กูแค่อยากให้มึงรู้ ว่ากูรักมึงจริงๆ.....”

ผมช้อนหน้าไอ้คนขี้แงออกมาจากอก ก่อนจะค่อยๆจูบมันเบาๆ

“กูเชื่อตั้งแต่วินาทีแรกแล้วล่ะ....”

ผมกอดมันตอบแน่นๆ ก่อนจะค่อยๆพูดสิ่งที่ ‘อยากได้บ้าง’ ออกมา

“ป้อง.....”

“...........”

“ถ้าเกียร์ขออะไรบ้าง จะได้ไหมอ๊ะ ?”

ผมพูดเบาๆ เสียงอ้อนๆมันหน่อย

“อะไรอ๊ะ...?”

มันตอบกลับมา

อื้ม...จะเอาไงดีต่อล่ะกู

ผมรวบรวมความกล้า ก่อนจะค่อยๆกระซิบที่ข้างหูมัน




“ป้อง....เป็นของกูนะ.......”




ไอ้ป้องเงียบไป พอผมเงยหน้าก็เห็นมันพยักหน้าให้เบาๆ ....อายสินะ....

ใบหน้าของผมโน้มลงจรดแก้มมันอีกครั้งก่อนจะกดมันนอนลงไป มือสองข้างของผมค่อยๆถอดเสื่อยืดอีกฝ่ายออกจากตัว ปากก็ไล่เม้มขบไปตามลำคอสีน้ำผึ่ง ไล่ลงไปต่ำลงเรื่อยๆ

ผมค่อยๆปลดเข็มขัดของมันออก ก่อนจะรูดที่เดี่ยวแล้วโยนกางเกงมันไปกองไว้ใต้เตียง

เอาล่ะ...

ได้เวลาซูมกล้องไปที่หน้าต่างแล้วครับ...



TBC.


เกียร์ไปซื้ออะไรที่7-11 คงไม่สงสัยแล้วใช่ไหมครับ ?   :hao7:


เย้ๆ พรุ่งนี้วันเกิดเราเอง เกิดวันเดียวกับน้องป้อง ฮ่าๆ ยอมรับเลยว่าตอนตั้งวันเกิดน้องคิดไม่ทันเลยใส่วันเกิดตัวเองลงไป


ขอให้พรุ่งนี้ มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาเถิด   :กอด1:


ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นท์ ขอบพระคุณจริงๆครับ

ปล. เรายังสอบไม่เสร็จนะ แต่แอบมาลงให้ก่อน   :z2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-07-2014 22:33:42
 :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-07-2014 22:39:42
สุขสันต์วันเกิดนะป้อง
เกียร์เซอร์ไพรทได้นารักมาก อุ่นไปทั้งใจ
หวาน ละมุน

เกียร์เล่นขอกันตรงๆเลย แต่อย่าแพลนไปที่โคมไฟ
เราอยากรู้เราเห็น
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-07-2014 23:35:47
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย  :z3: :z3: :z3: :z3:
ป้องอย่ายอมให้เกียร์มันกดนะ แกต้องกดเกียร์สิ
แกทำบอลลูนมาจะเจ็บปวดมาไม่ได้นะ แกต้องรุกเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
อร๊ายยยยยยย สู้เค้าลูก อย่าให้มันกด อร๊ายยยยยยยยย  :ling1: :ling1:

อดกลั่น=> อดกลั้น
กำเสื่อ => กำเสื้อ
นี้พี่เกียร์นะ => นี่พี่เกียร์นะ
ถ้ามันยังมาไม่นึก => ถ้ามันยังมาไม่ถึง   ป่ะ??
สอบกลางภาคเนี้ย => สอบกลางภาคเนี่ย
เสร็จหมดทุกอย่าง(ว่ะ) => เสร็จหมดทุกอย่าง(วะ)
งานสัมนา =>งานสัมมนา
พวกทโมน => พวกทะโมน
เซอร์ไพร => เซอร์ไพรส์
(ก็ได้ว่ะ) => (ก็ได้วะ)
นี้ผมเป็นแฟน => นี่ผมเป็นแฟน
กลั่นฉี่ => กลั้นฉี่
กะลามั่ง => กะละมัง
นำเนยลงใสภาชนะ => นำเนยลงใส่ภาชนะ
กินพิชช่า => กินพิซซ่า
รอแปปหนึ่ง => รอแป๊ปนึง
“อะไรว่ะ ?” => “อะไรวะ ?”
ทำอะไรมันล่ะมั่งครับ => ทำอะไรมันล่ะมั้งครับ
เลือกที่จะให้ตัวเองส่วมใส => เลือกที่จะให้ตัวเองสวมใส่
สีน้ำผึ่ง => สีน้ำผึ้ง
รูดที่เดี่ยว => รูดทีเดียว
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: myhumps001 ที่ 20-07-2014 02:58:00
ผู้เขียนอยู่ไหน ผู้เขียนอยู่ไหน ผู้เขียนอยู่ไหน ผู้เขียนอยู่ไหน  :fire: :fire: :fire: :fire:

เราต้องการ NC  :o8:

ได้โปรดบรรยายเหอะ ผู้อ่านขอร้อง :sad4:

มาต่อด่วนอย่าหายไปนานคนอ่านเคือง :serius2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-07-2014 04:41:53
เขามีอะไรกันแล้ว :o8:
แต่ขอแอบดูนิดนึงซิ
ข้างห้องมีรูมั้ยน้ออ

สุขสันต์วันเกิดนะคะคนเขียน
ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 20-07-2014 10:02:15
สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ ทั้งสองคน ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข... [19/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-07-2014 15:42:29
อย่าแพนกล้องหนีน่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 20-07-2014 20:42:33
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เนื่องในวันพิเศษของผม ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเรียกว่าแม่ยอมเจ็บตัวเพื่อให้ผมเกิดมา เพราะงั้นจึงขอแบ่งปันความสุขด้วยการแจก .5 จ้าาาา ซึ่งจุด5ตอนแรกก็ฉากต่อจากด้านบนเลย

หลังไมค์มานะครับ หรือคอมเม้นท์ทิ้งไว้หนอ เดี่ยวไม่เกินเย็นพรุ่งนี้จะเสิร์ฟ.5ไปทางPM.นะครับ สำหรับใครที่ไม่มีไอดีเ้ป็ดสามารถขอได้ผ่านแฟนเพจนะครับ

*** ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ รบกวนผู้ที่อยากไ้ด้0.5 ช่วยตอบเราหน่อยนะครับ ว่ามีฉากใดที่ประทับใจเป็นพิเศษพร้อมเหตุผลจะสั้นจะยาวก็ได้ครับ จะหน้าไมค์หรือหลังไมค์ตามสะดวกเลย [แก้ไข ณ 22.01น. คนที่ขอมาก่อนนั้นจะส่งให้ตามปกตินะครับ ]



ปล. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะนุ่มนวลพอไหม ถ้าอ่า่นแล้วยังไงลองคอมเม้นท์ในส่วนนี้ให้ด้วยนะึีครับ เราจะนำไปปรับปรุงในครั้งต่อไปจ้า (ครั้งต่อไป???)

สุขสันต์วันเกิดของผม ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆจ้า   :L2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 20-07-2014 20:49:55
ว้ายยยยยย   มีมา .5  ด้วยยยยยยยย

ขอด้วยๆ   จะได้ไม่ต้องไปอยู่ใต้เตียง 555555

มีฟามสุขมากๆนะคะ อิๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: สิสิ ที่ 20-07-2014 20:55:06
 :-[ :-[ :-[ ขอด้วยค่ะ สุขสันต์วันเกิด ขอให้สอบได้ เอ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Zliezen ที่ 20-07-2014 21:04:18
อั๊ยยะ เรื่องน่ารักๆแบบนี้ทำไมถึงผ่านหน้าผ่านตาไปได้ พึ่งได้กดเข้ามาอ่านครั้งแรก นั่งอ่านรวดเดียวตั้งแต่เช้าเลย

ปกป้องน่ารักอ่ะ ส่วนเกียร์ยังไม่ทันได้กันเลย เรียกเมียก่อนเลยนะ อยากให้เกียร์โดนป้องกดอ่ะ หมั่นไส้ แต่คงเชียร์ไม่ขึ้นใช่มั๊ย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-07-2014 21:15:45
น่าร้ากกกกที่สุด
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: kuichai ที่ 20-07-2014 21:27:42
เกียร์ เตรียมพร้อมสุดๆ

ยกมือขอ .5 ด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-07-2014 21:51:16
ยกมือขอด้วยคน
 :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-07-2014 22:15:19
ขอ .5 ด้วยจ้า  :z2:
สาธุ ป้องเป็นคนรุก   :call: :call:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-07-2014 22:17:58
ยกมือขอ .5 ด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 20-07-2014 22:25:03
ขอตอนพิเศษ .5 ด้วยคนจ้าาา

ถามว่าชอบตอนไหน  เราชอบตอนป้องไปช่วยเกียร์นะ ความรักความห่วงใยแล้วก็หัวใจของทั้งคู่ อ๊ายๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 20-07-2014 22:45:39
ขอ .5 ด้วยคนค่าาา :z1: :z1:

ถามว่าชอบตอนไหนที่สุด? อืมมม ตอบไม่ได้จริงๆค่ะ ตอนแต่ละตอนให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปค่ะ
แต่ถ้านึกถึงเรื่องนี้ ตอนที่นึกถึงคือตอนแรกๆเลยค่ะ ที่เกีนร์มันเกรียน -*- หาเรื่องแกล้งป้องอ่ะ
แต่ป้องไม่ตอบโต้ ใช้ความนิ่งสงบความบ้าของเกียร์ คือมันโดนใจสำหรับเราค่ะ เรารักบุคลิกแบบป้องนี่แหละค่ะ :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: realland ที่ 20-07-2014 23:12:42
ขอ .5 ด้วยคนค่าาาาา

ถามว่าชอบตอนไหนที่สุดหรอเราว่าตอนที่ต่างคนพยายามที่จะเอาโลกของตัวเองให้อีกคนดูนะ มันเหมือนกับว่า นี้โลกของกูนะมึงรับได้ไหม พร้อมที่จะอยู่ในโลกนี้พร้อมกันไหม อะไรอย่างนี้แหละ :o8: :o8:  o13
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-07-2014 03:45:31
เราชอบตอนที่ไปโลกของอีกฝ่าย และน้ำตาแทบไหลตอนที่คุยกับน้องร่าเริง
มันเป็นตอนที่ให้แง่คิดดีมากๆ

ที่เราชอบเรื่องนี้ที่สุด ส่วนนึงเพราะมันไร้มลพิษ ไม่มีตัวโกงแบบโก๊งงงงงงงงงโกง
ทั้งเกียร์และป้องเป็นเด็กวัยใสที่สมวัยมาก มีส่วนที่ยังเด็กและส่วนที่เป็นผู้ใหญ่
พัฒนาการของตัวละครที่ปรับเข้าหากันเองก็น่าลุ้นมาก

ที่ยังลุ้นๆ คือ คนเขียนเซ็ทฉากรร.ให้มีลักษณะพิเศษ
ทำให้เราหวังอ่านคู่ถัดไปอยู่นะ ^^
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 21-07-2014 10:25:57
ขอตอนพิเศษ .5 ด้วยคน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 21-07-2014 10:34:28
ขอ.5 ด้วยค่ะ

ชอบฉากที่ตอนแรกๆ เกียร์แกล้งป้องค่ะ
อ่านแล้วแบบเด็กน้อยขี้แกล้ง มุ้งมิ้งมาก ><
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 21-07-2014 10:52:25
ขอด้วยคนนะคะ :L2: ฉาก.5 อ่ะค่ะ

ชอบฉากที่ขอป้องที่สุด อิอิ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 21-07-2014 12:34:41
แวะมาบอกว่า ส่ง.5ให้ครบหมดทุกท่านแล้วนะครับ แยกเป็นชุดๆไปทั้งหมด4ชุด


ขอบคุณที่ติดตามเสมอมาครับ


ปล. อย่าลืมตัวอักษรแดงๆที่เน้นไว้ในข้อความนะครับ   :ling1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-07-2014 12:48:27
สำหรับเรา nc เราโอเคนะ
ไม่ต้องทุกกระบวนท่า แต่อ่านแล้วฟิน

เกียร์ทำป้องหลับเลย เหนื่อยทั้งงานแล้วยัง
มาเจอเกียร์รักอีก ตื่นมาจะเป็นยังไงบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-07-2014 14:04:02
เกียร์นายเตรียมตัวมาพร้อมมาก...จนแอบสงสารป้องหน่อย
ในแง่ภาษาบรรยายเราว่าโอเค เข้าใจง่ายเห็นว่าความคิดของเกียร์ที่มีกับป้องนี่ถนอมเท่าที่จะทำได้แล้ว
แต่ก็นะมันเป็นไปตามวัย 5555 
อย่าออกกำลังกายหักโหมนะ ป้องพึ่งผ่าตัดมา พักฟื้นมากๆล่ะ

สำหรับเราNC ที่ดีคือ ส่วนทีีมีผลกับเนื้อเรื่อง ทำให้เข้าใจตัวละครมากขึ้น
สำหรับฉากนี้ถ้าจะมีติด ก็คือ มันเข้าสูตรสำเร็จมาก
ถ้ามีส่วนที่จำเพาะสำหรับป้องอีกหน่อยจะดีกว่า เพราะตามเนื้อเรื่องป้องป่วยอยู่
มันน่าจะมีเงื่อนไขที่แปลกไปจากปกติ(มั้ง)
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-07-2014 17:26:59
ฉาก nc ภาษาเขียนไหลลื่นเหมือนเดิม
มีบทแบบพอดีๆ สมวัยมัธยมแล้วค่ะ
แต่อยากให้เกิดขึ้นช้าอีกนิดนึง
อยากให้ป้องอาบน้ำก่อน
อันนี้ดูเกียร์รุกเร็วไปนิด

แต่ถูกใจมากที่เกียร์รุกป้อง
เพราะตั้งแต่อ่านมาก็เห็นและคิดมาตลอด
ว่าถ้าเกียร์โดนกด มันดูขัดแย้งกันน่าดู (คหสต)

สัญญาว่าจะตามมอ่านเกียร์ป้องจนจบ
และจะตามอ่านคู่ต่อๆไป อย่างเช่น
อู๋ต้องตา คู่นี้แบบว่าคงจะสนุกดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-07-2014 17:42:02
 :z1: :z1: :m25:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2014 20:00:05
อยากด้วยคน
*ชอบตอนที่ทั้งสองคนเริ่มที่จะเรียนรู้โลกของกันและกัน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: tamm8527 ที่ 21-07-2014 20:02:08
ขอ .5 ด้วยคนค่า  :hao6: :hao6:

ถามว่าชอบตอนไหนเหรอ?

ชอบตอนที่ เกียร์ยอมเปิดใจให้ป้องอะ

ไม่มีอคติ ดูน่ารักดี  o13 o13
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-07-2014 20:10:07
มาเม้นแล้วจ้ะะะะะ   อ่านแล้ว ราบรื่นดีจ้ะ จะสะดุด ตรงคำผิดนี่แหละ   ลองกลับไปทวนแล้วแก้ใหม่ดูนะะะะ   

น่าร๊ากกกกกกกกกกกก  อิๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 21-07-2014 20:52:16
ต่าง ป้องกับเกียร์ทำเราเรียนไม่รู้เรื่อง (ฟ้องๆ)  คือมันฟินคือมันมโน อ๊ายย  :z1:    :jul1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-07-2014 02:22:58
หนูป้องโดนกินซะแล้ว เกียร์เอ้ย!! อย่าลืมนะว่าป้องเพิ่งจะผ่าตัดเกี่ยวกับหัวใจมาระวังหน่อยก็ดีน่ะ
* :hao5: ป้องน้อยที่ตอนแรกช่างสุขุมแบบเงียบ ออกเท่สะ แล้วตอนนี้ล่ะ น่อมแน้มมากอะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [21/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 22-07-2014 08:02:03
นี่เป็นวิธีการเรียกคนซุ่มอ่านออกมาเปิดเผยตัวอย่างแนบเนียนเลยนะเนี่ย 

ร้ายจริงๆทั้งเกียร์ทั้งคนเขียน 

ปล. ชอบทุกตอนแหละไม่งั้นไม่อ่านหรอก  และขอด้วยคน o18
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: # แจ้งข่าวเล็กน้อบ [22/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 22-07-2014 13:01:27
ส่งให้หมดแล้วนะแจ๊ะ   :-[ 

ขอบคุณสำหรับคำติชมครับทั้งหน้าไมค์หลังไมค์ 

ปล. ประมาณเดือนสิงหาจะชะแว้ปเอาหน้าปกมาให้เชยชม  :z2:




ขอบคุณทุกการติดตามครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: # แจ้งข่าวเล็กน้อบ [22/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-07-2014 14:57:21
รับทราบ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: # แจ้งข่าวเล็กน้อบ [22/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-07-2014 18:23:56
คราบป๋ม
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: # แจ้งข่าวเล็กน้อบ [22/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 22-07-2014 21:12:54
ncกำลังดีไม่หวือหวาเกิน แต่ก็ให้รู้ว่าพวกเขาสัมผัสกันด้วยใจขนาดไหน   :o8:

ปล.แอบเสียว เห็นบอกฉากน้องร่าเริงไม่ใช่ฉากเศร้าที่สุด งั้นมันคืออะไร  :mew2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: # แจ้งข่าวเล็กน้อบ [22/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-07-2014 23:40:52
เห็นแล้วตกใจเรื่องนี้หนาประมาณ 800 หน้าได้เลยเหรอ
อ่านๆมารู้สึกว่าไม่ได้เยอะขนาดนั้น รึว่าอ่านเพลินจัด
แนะนำให้จัดฟ้อน การจัดเรียงหน้าดีไม่ให้ปวดตาหรือโล่งไปนะ
แก้คำผิดด้วยนะจ๊ะ ตอนที่ผ่านๆมาเยอะพอสมควรเลย


ขอตอนพิเศษยาวๆหนาเพี้ยงๆ  :call:

ปอลิง: ฉันขอจองคิวสิบคนแรกได้มั้ย ใครอย่าแย่งนะ #โดนตบ
ฉันอยากได้ก๊อตซิป้อง อร๊ายยยยยยยย  :hao7:
ปอลิ๊ง: รวมเล่มเร็วทันใจมาก ไวดีจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 23-07-2014 13:53:11
#25 อนาคตของฉันและเธอ 



ผมรู้สึกตัวอีกครั้งตอนสายของอีกวันพอมองนาฬิการก็เห็นว่า9โมงเช้าแล้ว...

เดี่ยวนะ ...ไอ้ป้องหายไปไหน?

ผมลืมตาขึ้น หลังเอาแขนคว้านหาตัวมันบนเตียงแล้วไม่เจอ

"ป้อง...ไอ้ป้อง"

ผมตะโกนเรียก หายไปไหนแต่เช้านะ(9โมงของมึงนี้คือเช้า? : ปกป้อง)

เสียงกุกกักจากในครัวเรียกผมให้เดินเข้าไปข้างใน

ไอ้ตัวดีของผมยืนใส่หูฟังสีน้ำเงินยืนทำอะไรสักอย่างอยู่

"ทำอะไรครับ?"

ผมสวมกอดเบาๆก่อนจะถามเสียงใส คนถูกกอดปลดหูฟังไว้ตรงคอก่อนจะตอบกลับมา

"ทอดปลา...ป้องอยากกินอ๊ะ"

มันว่าก่อนจะพลิกตัวปลากลับด้าน

"แล้วลุกปร๋อแบบนี้ไม่เจ็บไม่ปวดเลยเราะ?"

ผมถาม ท่าทางไอ้ป้องดูปกติมาก ไม่เหมือนคนที่เพิ่ง...เออ...เพิ่ง.... รู้ๆกันเนาะ งั้นข้าม!!

"เจ็บดิ... ปวดสะโพก เมื่อเช้าลุกไปเข้าห้องน้ำก็ปวด..."

มันเท้าเอวพูด มือก็จับตะหลิวพลิกตัวปลาที่เหลืองกรอบขึ้นจากกะทะก่อนจะวางกับตระแกรงถี่รอปลาเสด็จน้ำมัน

"แล้วจะรีบลุกทำไมล่ะครับ น่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย"

ผมเอ็ดอีกฝ่าย ก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะกินข้าวรอ ไอ้ป้องตักข้าวให้

"นอนต่อไม่ไหวอ๊ะ ป้องตื่นแล้วนิสัยมันไม่ชอบนอนต่อ"

ไอ้ป้องพูดพร้อมส่งจานข้าวให้ผม

"เกียร์หลับได้ตลอดนั้นแหละ ฮ่าๆ"

ผมเห็นไอ้ป้องเดินมานั่งข้างๆ มันสะดุ้งตัวนิดๆตอนก้นสัมผัสกับเก้าอี้จนต้องเปลี่ยนถ้านั่งทิ้งน้ำหนักตัวไปทางอื่น

"เจ็บเหรอ?"

ผมถามขึ้นเบาๆ มันคงจะเจ็บมากแต่กลั้นไว้ตามนิสัย

อีกฝ่ายพยักหน้าให้ผมเบาๆ ผมเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิ ก่อนจะอุ้มมันตัวลอยข้ามมานั่งบนช่องว่างสามเหลี่ยมตรงตัก พอก้นมันไม่ได้สัมผัสกับพื้นโต๊ะโดยตรงเท่านี้ก็คงไม่เจ็บแล้วครับ

คนถูกอุ้มหน้าเหวอ แต่ก็ยอมให้ผมอุ้มมานั่งตรงตักดีๆ ไอ้ป้องเป็นคนฉลาดมันมองแวบเดี่ยวแล้วก็คงเข้าใจเลยไม่ได้ว่าอะไรผม

"ขอโทษนะ ป้องเลยเจ็บเลย"

ผมพูดขอโทษอีกฝ่ายเพราะเมื่อวานตัวเองวางแผนไว้เอง

ไอ้ป้องยิ้มให้ผมจางๆ มือสองข้างยกขึ้นมาแตะแก้มผมแผ่วเบา

"ไม่โกรธหรอก ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดจากความรัก ไม่ใช่ความใคร่ แต่... "

"แต่อะไรครับ?"

ผมถาม เมื่อจู่ๆมันทำท่าจะพูดแล้วก็เงียบไป

"ป้อง ไม่เอาแบบนี้ คิดอะไรไหนลองพูดให้เกียร์ฟังสิครับ"

มันพยักหน้าก่อนจะซุกหน้าลงกับอกของผม

"ป้องกลัว...เกิดวันหนึ่งเกียร์เบื่อป้องหรือ หรือว่าได้แล้วก็..."

"ฟันแล้วทิ้ง?"

ผมต่อประโยคให้อีกฝ่าย

"อืม..."

"น่ารักที่สุดเลยแฟนเกียร์เนี้ย"

ผมพูดพร้อมหอมแก้มมันทั้งซ้ายทั้งขวา พอเห็นมันยังทำหน้ามึนๆเลยอธิบายเพิ่ม

"เกียร์รักป้องครับ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเกียร์ยอมรับว่าวางแผนไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อย่างที่ป้องบอกมันเกิดขึ้นจากความรัก ไม่ใช่
ความไคร่"

ถ้าป้องมันสังเกตุหน่อย จะเห็นเลยครับว่าผมเป็นห่วงมันขนาดไหน ที่มือคืนรุกเอาๆ แต่มือข้างขวาของผมแอบทาบลงกับอกข้าง
ซ้ายอยู่เนื่องๆเพราะกลัวว่าร่างกายรับไม่ไหว พอเห็นว่าปกติดีผมถึงได้ต่อ

"ก็เกียร์ได้นิ ไม่ได้เสียเหมือนป้อง"

"ใครบอกเกียร์ไม่เสียอะไร?"

"....."

ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดต่อ

"ก็เกียร์เสียหัวใจให้ป้องไปทั้งดวงแล้วไงครับ"

"แหวะ... เลี่ยน"


มันเบะปากพูด ทำไมอ่า ผมว่าพูดแบบนี้ก็น่ารักดีออก

เมื่อก่อนผมเคยคิดนะ ว่าการที่เราพูดหยาบๆขึ้นมึง กู ใส่กัน มันหมายถึงการที่เราสนิทกันมาก แต่กับไอ้ป้องพูดกันธรรมดา ผมก็
กลับรู้สึกว่าเราสนิทกันมาก ไม่เห็นจำเป็นต้องหยาบใส่กันเลยสงสัยคงต้องเปลี่ยนมุมมองอีกแล้วแหะ...

ผมกับป้องนั่งกินข้าวกันจนอิ่ม ก่อนมันจะชวนผมขึ้นห้องไปอ่านหนังสือ ไอ้ป้องโทรไปบอกพี่เซียร์เรื่องที่วันนี้หยุดเรียนไปหนึ่งวันซึ่งทางนู้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะแบบแปลนรอบก่อนยังใช้ได้อยู่ ถ้าจะมีปัญหาก็แค่สาขาหนึ่งกับสองข่มกันก็เท่านั้น ดีหน่อยตรงที่พี่ยาประกาศห้ามทุกคนทะเลาะกันเด็ดขาดทั้งสองสาขาเลยหันมาแข่งกันด้วยการสร้างผลงานซะมากกว่านั้นเลยถือ เป็นเรื่องที่ดีเพราะยิ่งแข่งผลงานที่ออกมายิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมาคือปัญหานักแสดง

บทเจ้าหญิงโฉมงาม แรกเริ่มที่ตั้งไว้คือไอ้ต้องตา แต่พวกผมลืมไปว่าเจ้าของมันดุ!!! ไอ้อู๋มันไม่ยอมนะสิครับ ไอ้ต้องเลยอดไปตามระเบียบคนต่อไปที่ถูกเสนอชื่อคือมู่หลานกับน้องแน่ ซึ่งทั้งสองคนติดปัญหาเดียวกันหมด(ไอ้พวกแมวห่วงปลาย่าง!!!!)จะให้น้องเพลงแสดงก็ไม่ได้เพราะอยู่คนละโรงเรียน

ท้ายสุดพี่ยากับพี่เซียร์เลยโยนไปให้คนเขียนบทละครซะดื้อๆ ผมยังไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายหรอกนะ แต่เห็นไอ้ป้องบอกว่าชื่อเดียร์ เป็นเด็กเรียนเรียบร้อย ใส่แว่นอันหนาๆสไตล์เด็กเนิร์ด ป้องกระซิบกับผมต่อว่าละครเวทีปีนี้อาจได้เห็นอะไรดีๆก็ได้ เพียงแต่มันไม่บอกผมว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เท่านั้น

ข้ามเรื่องละครเวทีไปก่อน เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคืองานวิชาการที่จะจัดขึ้นหลังสอบกลางภาคเสร็จเพียงหนึ่งวัน ปีนี้อลังการสุดๆ แถมแขกแต่ล่ะคนที่ซื้อบัตรยังเป็นคนดังและเซเลปแห่งโลกโซเซียล ผมได้ข่าวมาว่าจะมีคนของค่ายเพลงต่างๆมาดูโชว์ในวันนั้นด้วย ซึ่งไม่ต้องบอกก็ทราบกันดีว่ามากันพร้อมเพียงขนาดนี้เพราะต้องการอะไร ใครๆก็คงอยากเห็น'เพชรที่ยังไม่ได้เจียรไนย'และหลายๆคนคงอยากที่จะครอบครอง ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ผมเองก็ยอมรับ อยากดูเหมือนกันครับ ไอ้การแสดงสดของ'อามัว'นะ...

กลับมายังปัจจุบัน

ตอนนี้ผมกำลังนั่งทะเลาะกับพันธุกรร หนึ่งในวิชาที่จะต้องสอบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กศิลป์อย่างพวกผมทำไมต้องสอบวิทย์ แถมยากสุดๆอีกต่างหาก

"ไม่ใช่แบบนั้นเกียร์ จีโนไทป์OกับABจะต้องได้กรุ๊ปเลือดAหรือBเท่านั้น เพราะiiของโอเข้ากันได้แค่IA,IB"

ผมขยี้หัวเหนื่อยปนหงุดหงิดเล็กๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมมันยากแบบนี้วะ?

"ป้องกรุ๊ปไรอ๊ะ"

พอก่อนครับ ผมไม่ใช่พวกบ้าอ่านมาราธอน ถ้าเหนื่อยจะพักก่อนดีกว่า

"ป้องกรุ๊ปA"

"เกียร์กรุ๊ปB.... แล้วAกับBเนี้ย ลูกออกมาได้กรุ๊ปอะไร?"

จบคำคนถูกถามก็หน้าแดงขึ้นมาดื้อๆ ให้ตายเหอะครับ ป้องเนี้ยไม่ว่าจะพูดอะไรก็ติดเขินตลอด

น่ารักซะไม่มี...

"เกียร์บ้า"

"ถ้าจะบ้า ก็บ้ารักป้อง"

ผมหยอดอีกรอบคราวนี้ไอ้ป้องคงเหนื่อยที่จะเถียงมันเลยนั่งอ่านหนังสือเงียบๆแทน

"เกียร์"

"ครับ? "

"คิดบ้างรึยัง ว่าโตขึ้นอยากทำงานอะไร?"

ผมนั่งคิดตาม จะว่าไปผมเองก็ไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลยซะด้วยสิ ขนาดต่อม.ปลายยังต่อตามไอ้อู๋ไอ้เฟรมเลยครับ

"เอาจริงๆเกียร์ยังไม่ได้คิดเลย"

ผมตอบไปตามสภาพความเป็นจริงสมองนี้ว่างเปล่าสุดๆ

"เกียร์ชอบอยู่กับคนหมู่มากหรือตัวคนเดี่ยว?"

ไอ้ป้องถามต่อ

"จริงๆแบบไหนก็ได้นะ แต่ถ้าเลือกเกียร์ชอบอยู่คนเดี่ยว"

ผมอาจจะดูเป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่เป็นหมู่คณะ แต่ตัวเองก็รู้ดีว่าความจริงแล้วลึกๆในใจผมโหยหาความสงบใส่ตัวขนาดไหน แต่ที่ชอบอยู่กับเพื่อนก็น่าจะมากจากการที่ตัวเองติดเพื่อนซะมากกว่า

ไอ้ป้องพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะพูดต่อ

"ชอบวาดรูปไหม?"

“อื้ม...ก็ชอบนะ เคยวาดเล่นๆไว้อยู่เหมือนกันกัน”

ผมบอกก่อนจะคุ้ยๆหาภาพที่เคยวาดไว้ในแฟ้มขึ้นมาให้ไอ้ป้องดู มันรับไปแล้วก็ไล่ดูที่ละแผ่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นภาพวาดตอนที่
ผมเบื่อๆเซงๆกับชีวิตนะครับ ผมชอบวาดพวกรถ พวกระเบียงเล่นอะไรแบบนี้ มันให้ความคลาสสิคกับผมนะน่ะ

“ว้าว...วาดสวยอ๊ะ เก่งๆ”

มันชม หลังจากดูภาพครบทุกแผ่น

“จริงๆก็ไม่ค่อยสวยหรอก ลายเส้นมันตัดเด่นซะมากกว่าล่ะมั่ง”

“แต่ยังไงก็วาดเก่งนะ ป้องยังวาดไม่ได้เลย”

ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนบนตักมัน

“มีอะไรที่อัจฉริยะทำไม่ได้ด้วยเหรอ ?”

คนถูกถามส่ายหน้าวางหนังสือเรียนลงก่อนมันจะลูบหัวผมเล่นเบาๆ

“อัจฉริยะเหรอ .... ?  เกียร์เชื่อไหมป้องเคยสะกดคำว่า ‘happy’ ผิด ”

ผมหัวเราะให้กับมุกของอีกฝ่าย คนที่ได้ท็อปภาษาอังกฤษเต็มแบบมันเนี้ยนะ สะกดคำว่า ‘happy’ ไม่เป็น

“อย่าอำเกียร์ดิ”

“ไม่ได้อำ อันนี้พูดจริงๆ”

มันยืนยันสีหน้าหนักแน่น

“ไม่เชื่อหรอก แบร่”

ผมตอบกลับไปแบบนั้น ไอ้ป้องคงขี้เกลียดจะเถียงเลยยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ

“เกียร์น่าจะเริ่มคิดได้แล้วนะ ว่าจบม.หกแล้วจะไปต่ออะไร เรียนอะไร ทำอาชีพอะไรในอนาคต”

มันพูดต่อ

“อื้ม...จริงๆ ก็เคยคิดไว้นะ อยากลองเรียนอะไรที่มันเกี่ยวกับพวกวาดๆนะ ป้องแนะนำให้หน่อยสิ”

ผมยังคงเหนื่อยกับการอ่านพันธุกรรม เลยเลือกที่จะหนุนตักนอนเล่นแล้วคุยต่อ

“อื้ม...ถ้าวาดๆ ก็พวกสถาปัตย์หรืออะไรแบบนี้แต่ของเรามันสายศิลป์เลยเรียนไม่ได้ แต่ก็มีอยู่สาขาหนึ่งนะที่เราเรียนได้”

“เหรอ ? สาขาอะไรอ๊ะ แล้วจบออกมาแล้วทำอาชีพแบบไหน ?”

ผมเริ่มสนใจขึ้นมาหน่อยๆ ให้ป้องช่วยสรุปให้ยังไงๆก็คงเร็วกว่าตัวเองไปหาอ่านเองล่ะครับ

“สาขาการออกแบบภายใน จบออกไปแล้วทำงานเป็นมัณฑนากรนะ”

ไอ้ป้องเว้นวรรคไป ก่อนจะอ่านเนื้อหางานในไอพอดให้ผมฟังต่อ

“มัณฑนากรหรือนักออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน คือนักออกแบบที่ประยุกต์ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบ เพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบทางกายภาพหรือสภาพแวดล้อมของสิ่งปลูกสร้าง โดยต้องคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย คุณค่าทางความงาม และความปลอดภัยสำหรับผู้ที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่นั้นๆ สิ่งปลูกสร้างหรือพื้นที่ที่กล่าวถึงนี้อาจจะเป็น บริเวณภายในอาคารที่อยู่อาศัย อาคารสาธารณะ พื้นที่ภายในยานยนต์ประเภทต่างๆพื้นที่แสดงสินค้า พื้นที่นิทรรศการ รวมถึงการจัดส่วนแสดงสินค้า อาจจะร่วมสมภายในร้านค้าด้วย ในปัจจุบันมัณฑนากรไม่ได้ทำหน้าที่แค่เพียงให้คำปรึกษาเรื่องสี พื้นผิว วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ แสง พื้นที่ว่าง และนำเสนองานออกแบบเท่านั้น แต่ได้เข้ามามีบทบาทในรายละเอียดที่กว้างขึ้น โดยต้องทำความเข้าใจในมิติอื่นๆ ของการดำรงชีวิตด้วย เช่น การตลาด เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี เพราะทุกองค์ประกอบข้างต้นล้วนเป็นวัตถุดิบทางความคิดที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงในการออกแบบได้ทั้งสิ้น….ประมาณนี้”

“ฟังดูยากจังแหะ...”

“ไม่มีงานไหนง่ายหรอกน่า .. แต่ป้องว่าก็เหมาะกับเกียร์นะเป็นนักออกแบบภายใน จริงๆงานนี้มันก็สมบุกสมบันอยู่พอสมควรนะ
ต้องออกไปเจอลุกค้าด้วยเป็นบางครั้งครา”

ผมพยักหน้านิดๆเข้าใจสิ่งที่ป้องบอก

“โอเค เดี่ยวเกียร์จะลองคิดดูนะ ว่าตัวเองอยากเรียนอะไร ออกแบบภายในก็น่าสนใจเหมือนกัน....”

จากที่ลองฟังๆดูก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันครับ ผมเองก็ค่อนข้างชอบวาดรูปอยู่เหมือนกันนะ(แต่ไม่ใช่สายแนวการ์ตูนหรือไรงี้นะครับ แค่ชอบ’วาด’เฉยๆ)

ผมรับไอพอดมา ก่อนจะสไลด์หน้าดูเนื้อหาต่างๆเกี่ยวกับการออกแบบภายในที่ไอ้ป้องเสนอมา

“เห้ย น่าสนใจจริงๆด้วยแหะป้อง”

ผมพูดขึ้นมา หลังจากทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด จัดว่าเป็นสาขากับอาชีพงานที่น่าสนใจจริงๆครับ จากตอนแรกแค่คิดว่าอาจจะมองไว้เป็นลู่ทาง ตอนนี้ผมอยากศึกษามันจริงๆจังๆแล้วสิ

“ดีแล้วๆ มีเป้าหมายในอนาคต ยังไงก็ไปได้เร็วกว่านะ”

“ก็จริง...แต่รู้ป่าว ทำไมเกียร์อยากเป็นมัณฑนากร ?”

“ทำไมอ๊ะ ?”

ผมยิ้มหวาน ก่อนจะเอาหน้าถูไถไปกับแขนมันเล่น

“ก็เกียร์อยากออกแบบ ‘บ้านของเรา’ ไง”

รู้ทั้งรู้ว่าไม่ว่าจะพูดอะไรไอ้ป้องก็เขินผมอยู่ดี แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหยอด แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งก่อนๆแหะ

“ป้อง...”

“ครับ ?”

“เป็นอะไรรึเปล่าดูนิ่งๆไป”

ปกติผมแซวแล้วต้องเขิน หรืออะไรแบบนี้นะครับ แต่นี้แค่หน้าแดงๆแล้วก็นิ่งไป

“เปล่าๆ ป้องไม่ได้เป็นอะไร แค่นึกอะไรอยู่นะ”

“นึกอะไร ? นึกถึงเกียร์รึเปล่า?”

อีกฝ่ายหัวเราะให้กับมุกแป้กๆของผม ก่อนจะส่ายหน้าระอา

“แล้วป้องล่ะ อยากเป็นอะไร ?”

ไอ้ป้องนิ่งชะงักไปกับคำถามของผม ก่อนจะค่อยๆจรดคำพูดออกมา

“ป้อง....อยากเป็นนักร้องอ๊ะ.....”

“จริงเหรอ ?”

มันพยักหน้าเกาหัวแก้เขิน ก่อนจะพูดต่อ

“ไม่หัวเราะป้องใช่ไหมที่ฝันอะไรแบบนี้ ?”

“ฮ่าๆ จะหัวเราะทำไมล่ะ.... เกียร์แค่รู้สึกว่าเราสองคงนี้คนละมุมจริงๆแหะ ให้ตายเหอะ”

“ยังไงอ่า....”

ผมหลับตานิ่งบนตักมันก่อนจะพูดต่อ

“ก็ดูสิ เมื่อก่อนป้องโลกส่วนตัวสูงจะตาย  จริงๆนะมีหลายครั้งที่เกียร์อยากจะชวนป้องไปเที่ยวบ้างตามประสาเพื่อนร่วมห้อง แต่ทุกครั้งที่เกียร์เดินเข้าไปใกล้ๆ ป้องก็เดินหนี จนเกียร์คิดว่าป้องหยิ่งมาก  และสำหรับเกียร์ เกียร์ชอบอยู่กับคนหมู่มาก ไปนู้นไปนี้กับเพื่อนๆ แต่พอคิดถึงเรื่องอนาคตจริงๆจังๆเกียร์กับอยากทำงานสงบๆมากกว่า ในขณะที่ป้องอยากเป็นดาวอยู่บนท้องฟ้า ถ้าพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง เขาคงว่ามันแปลกๆ เหมือนเราสองคนสลับความชอบกันเลยไง”

มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนะครับ ป้องเป็นคนเงียบๆ โลกส่วนตัวสูงแต่กลับอยากทำงานกับคนหมู่มาก เป็นคนของสังคม อยากเป็นนักร้อง แต่ผมเองที่มีเพื่อนเยอะแยะ สังคมกว้างขว้าง แต่ใจกลับเลือกที่จะทำงานสงบๆ

เราสองคนที่แตกต่างกันจริงๆ….

“แต่มีสิ่งหนึ่งนะ ที่เกียร์เชื่อว่าป้องกับเกียร์ ‘เหมือนกัน’”

“............”

“เกียร์คิดว่าเกียร์รักป้องมากกกกกกก เหมือนๆที่ป้องรักเกียร์มากกกกกกกก ถูกไหมครับ?”

อีกฝ่านคลี่ยิ้มเอ็นดูคำถามของผม ไอ้ป้องยกยิ้มมุมปากช้าๆเหมือนทุกที่

“ถูกต้องนะครับ”

ใบหน้าจืดๆจรดหน้าลงมาใกล้ๆกับผม ก่อนริมฝีปากอุ่นๆจะแตะเข้ากับริมฝีปากของผม แน่นอนว่าผมไม่หลบหลีกหรอก เต็มใจเลย
ขอบอก...

เดี่ยวนี้ชักก้าวหน้าใหญ่แล้วนะครับคุณแฟน....





:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 
 


บางที่ผมก็เคยสงสัย...

คณิตศาสตร์นี้ทำไมคนเราถึงต้องเรียนอะไรให้มันวุ่นวายวะ แค่บวกลบคูณหารเป็นนี้มันไม่พอเหรอยังไงกันนนนนนน

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมนายก้องเกียรติ์ กำลังก้าวลงสนามยุทธ์หัตถีในสงครามสองกลางภาค!!! พูดไปดูเวอร์ๆไปแบบนั้นแหละครับ จริงๆก็แค่ตัวเองทำไม่ได้ก็เท่านั้นแหละ ผมขยี้หัวอย่างหงุดหงิด ทำไมตอนไอ้ป้องสอนผมยังทำเองได้เลยวะ แต่พอเจอแบบนี้กลับลืมวิธีทำไปดื้อๆซะงัน....

สอบกลางภาคปีนี้จัดว่าหนักหน่วงมากครับ สอบวันแรกก็เจอเลยสี่วิชาปราบมาร เปิดมาตอนเช้าสุดเจอคณิต ต่อมาอีกด่านก็สังคม ตกบ่ายเจอพันธุกรรม ตบท้ายของวันด้วยสุขศึกษา ไอ้เกียร์อยากจะกรี๊ดๆให้มันรู้ไป ทำไมสอบวันแรกต้องสอบต่างสี่วิชา !!! คนสอบคิดอะไรอยู่ครับ ตอบ!!!

ผมว่าผมเองก็อ่านมาเต็มที่นะ จัดเต็มมากทั้งโจทย์ประยุคและพื้นฐาน แต่สุดท้ายแล้วคาดการณ์ว่าคงไม่แคล้วได้ซ่อมแง่มๆ แล้วไอ้ที่เสียเวลาจู๋จี้กับไอ้ป้องเพื่อมานั่งติวนี้ผมทำไปเพื่ออะไรรรรรร

ผมส่งกระดาษคำตอบไปแบบเฟลๆ ไอ้ทำพอทำได้ครับ แต่กลัวผิดเนี้ยแหละ...เฮ้อ.....
พอหันไปอีกฟาก ไอ้คุณแฟนที่รักนั่งทำชิวๆเชิดๆตามประสาคุณชายป้องเขานั้นแหละนะ เชื่อเถอะว่ารายนั้นนะกินเรียบ ยี่สิบเต็มทุกวิชาแน่นอนเลย

.......แล้วผมล่ะเว้ยยย

เพราะเป็นสอบแบบอัตนัย ตลอดช่วงเช้าผมเลยแทบไม่มีเวลาคุยกับไอ้ป้อง มากสุดคือมันส่งยิ้มให้กำลังใจผมเงียบๆ นอกเหนือจากนั้นคือหมดสิทธิ์ ที่สำคัญคือ .....ทำไมห้องผมกรรมการคุมสอบถึงได้มีถึงสี่คนฟระ หรือห้องผมมันไปติดแบล็กลิสต์อะไรยังไงรึเปล่า ???

เอาเถอะ ผมทำตามความเข้าใจของตัวเอง และพยายามเต็มที่แล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็...let it go….ปล่อยมันไป อย่างที่เป็น ~ จะบ้าเหรอครับ !!!ก็ไอ้ป้องมันพูดกับผมไว้ก่อนสอบว่า....

‘ติวให้ขนาดนี้แล้ว ถ้าตกจะไล่ให้ไปนอนเตียงชั้นบน’

ฟังคำสั่งนี้แล้วอย่าเพิ่งงงนะครับ คือผมกับมันนอนเตียงเดี่ยวกันทุกคืนแล้วไง(ผมคิดว่าเตียงชั้นบนแทบจะมีหยากไหย้แล้วด้วยซ้ำ) เพราะงั้นถ้าผมตกวิชาใดวิชาหนึ่ง ไอ้ป้องจะไล่ให้ไปนอนเตียงชั้นบน

แล้วถ้านอนเตียงชั้นบน ผมจะกอดมันยังไงล่ะครับ ?

เห็นไหมล่ะ ปัญหาใหญ่ขนาดไหน....  Y  Y ผมน่าสงสารจะตายไป....

ตลอดวันทั้งวันผมนั่งเกาหัวพยายามเค้นสมองที่มีอยู่น้อยนิด คิดหาคำตอบและความน่าจะเป็นให้ออกมาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือไม่งั้นก็แถสุดพลัง อ้อนว้อนให้อาจารย์ผู้ตรวจใจดีแจกค่าน้ำหมึกสักสองสามคะแนนก็ยังดี พลีสสส แต่เวลาไม่เคยคอยใคร ในที่สุดการสอบของผมก็เสร็จลง

จบไปแล้วหนึ่งวันแรกของการสอบ....

วันที่สอง เป็นอีกหนึ่งวันที่หนักพอสมควร แต่ไม่เท่ากับวันแรก

เปิดมาเจอEngพื้น ไม่นากเท่าไหร่ เพราะตรงนี้อาจารย์เคยสอนให้แล้ว อีกอย่าง Past Simple นี้ถือว่าหมูในอวยสำหรับผมนะ เพราะจับหลักได้ว่าจะดูยังไงว่าตัวเองใช้เทนอะไร บทนี้ก็เลยง่ายไป

วิชาต่อมาเจอEngเพิ่มครับ อันนี้สิถึงจะบอกได้ว่าค่อนข้างยาก กว่าครึ่งของข้อสอบล้วนแล้วUn Seen ให้ตายเหอะ ผมเกลียดข้อสอบแบบนี้ชะมัด แต่ก็พอถูไถไปได้ล่ะครับ....

วิชาสุดท้ายของวัน และของการสอบกลางภาคครั้งนี้า คือภาษาไทย....

แม้เจ้า ผมแทบอยากจะกินชีทภาษาไทยที่ได้รับมาจริงๆ โอ๊ยยยย ทำไมคนสมัยก่อนถึงต้องคิดโครงสร้างกาพย์กลอนอะไรให้มันวุ่นวายด้วยครับ แค่สื่อสารแล้วเข้าใจนี้ไม่พอเหรอ รู้ไหมว่าผมแทบหัวจะระเบิดเพราะจำหลักร่ายยาวไม่ได้ ตายๆ แต่ก็ยังดีครับที่แนวข้อสอบที่ได้มาตรงทางพอดี อาจจะสอบไม่ได้เต็มแต่ผมคิดว่าผ่านแน่นอน

เย็นวันนี้ไอ้ป้องต้องจัดเตรียมงานสถานที่เป็นครั้งสุดท้ายครับ พรุ่งนี้จะมีกิจกรรมงานวันวิชาการแล้ว ผมเห็นพวกกรรมการนักเรียนและนักเรียนจิตอาสาหลายๆคนช่วยจัดกันโต๊ะที่สนามกลางโดมแล้วครับ หอประชุมกลางเองก็เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันดนตรีในวันพรุ่งนี้เต็มที่ อีกทั้งหลายๆฝ่ายยังช่วยกันจัดเตรียมของว่างสำหรับแขกในงาน รู้สึกเหมือนผมจะได้ยินข่าวแว่วๆมาว่าฝ่ายบริหารเขาทะเลาะกับพวกเด็กครัวนะน่ะ แต่ก็นั้นแหละไม่ใช่เรื่องของผมไม่ค่อยสนใจนักหรอก

อีกข่าวหนึ่งที่น่าตกใจไม่แพ้กัน คือบัตรผ่านงานในวันพรุ่งนี้ แว่วข่าวมาว่ามีการขายตั๋วผี !!! จากเดิมที่โรงเรียนผมขายใบละสามร้อยบาทถ้วนสำหรับคนนอก ตอนนี้พุ่งทะยานไปถึงห้าร้อยบาท!!!

ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์นี้มันน่ากลัวจริงๆครับ…..

ผมช่วยไอ้ป้องวิ่งเตรียมงาน ติดต่อประสานกับฝ่ายต่างๆทั้ง  บริหาร เด็กครัว ผู้พิทักษ์ วิชาการ กีฬา และสุดท้ายคือดนตรี เรียกได้ว่าตอนนี้พร้อมไปกว่า70%แล้วล่ะครับ กว่าอะไรๆจะลงตัวตะวันก็ลาลับขอบฟ้า ผมขี่Cbrพาไอ้ป้องกลับไป มันเหนื่อยเหมือนหลายๆวันที่ผ่านมาจนฟุบกับหลังผมหลับไป

พรุ่งนี้แล้วสินะ วันวิชาการของเพลินจิตวิทยา....

จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนะ ?




TBC.



นั้นสินะ จะมีอะไรบ้างน่า

ปล. สภาพต่างตอนนี้เหมือนเกียร์เลย คืออาจารย์คิดอะไรของจารย์ ทำไมจัดวิชาสอบโหดขนาดนี้ครับ   :m15:

ปลล. เขามีภาพหลุดพวงกุญแจมาให้ดูด้วย แต่แค่เพิ่งร่างๆนะครับ ยังไม่ได้ตัดเส้นลงสีกับสแกนเบย Orz . #ติชมได้นะครับ  :z2:







หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-07-2014 16:15:09
น่ารักมากเลยยย 2 คนนี้ ว้าวววว อยากจะกระโดดจุ๊บ 5555
พวงกุญแจก็น่ารักอ่าาา อยากได้ๆ จ้าาา อิอิ
ปล. แตกต่าง จ๋าา เค้าอยากบอกว่า...ตะเองส่งตอนที่ 0.5 มาให้เค้าไม่ครบล่ะ ได้เท่าเดิมเลย แง้ๆๆๆ รอตอนต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 23-07-2014 18:49:27
หยอดกันเข้าไปปป   เขินตามเลยเนี้ย ชิๆๆ -///-
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-07-2014 19:41:31
เผยช่องเป็นไม่ได้หยอดตลอด
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-07-2014 19:55:02
อย่าว่าแต่คนซื้อบัตรผีเลย
เราเองก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน
ว่าในงานจะมีอะไรๆ เกิดขึ้นบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-07-2014 20:14:04
ป้องคือ อามัว รึป่าวนะ
วันงานจะมีอะไรให้แปลกใจบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 23-07-2014 22:20:43
อ๊ายยย ทำไมตอนนี้ดู เกียร์หวานแหว๋วมากเลยอะ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 23-07-2014 23:57:06
เปลี่ยนมาเป็นกรุ๊ปวายสิเปลี่ยนง่ายสุด ฮ่าฮ่าฮ่า
เรื่องสอบความจริงป้องต้องขู่ให้หนักกว่านี่ อิอิ อย่างเช่นงด 1 เดือนเต็ม

รูปนี่วาดดินสอเหรอ นึกว่าวาดคอมเอา ยังงี้ลงสีให้สดลำบากอยู่
ก๊อตซิป้องนี่เมะมากกกกกกก ควรจับอิชุดยูกาตะกดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ความจริงแล้วคืนนั้นเกียร์มันเสียให้ป้องแต่มันโกหกชิมิ


พอมองนาฬิการก็ => พอมองนาฬิกาก็
เดี่ยวนะ => เดี๋ยวนะ
ป้องอยากกินอ๊ะ =>ป้องอยากกินอ่ะ
ขึ้นจากกะทะก่อนจะวางกับตระแกรงถี่รอปลาเสด็จน้ำมัน => ขึ้นจากกระทะก่อนจะวางกับตะแกรงถี่รอปลาสะเด็ดน้ำมัน
นอนต่อไม่ไหวอ๊ะ => นอนต่อไม่ไหวอ่ะ
เกียร์หลับได้ตลอดนั้นแหละ => เกียร์หลับได้ตลอดนั่นแหละ
จนต้องเปลี่ยนถ้านั่ง => จนต้องเปลี่ยนท่านั่ง
พอก้นมันไม่ได้สัมผัสกับพื้นโต๊ะ => เก้าอี้ ป่ะ ???
มันมองแวบเดี่ยว => มันมองแวบเดียว
แฟนเกียร์เนี้ย => แฟนเกียร์เนี่ย
ไม่ใช่ความไคร่ => ไม่ใช่ความใคร่
แถมแขกแต่ล่ะคน => แถมแขกแต่ละคน
เจียรไนย => เจียระไน
ป้องกรุ๊ปไรอ๊ะ => ป้องกรุ๊ปไรอ่ะ
แล้วAกับBเนี้ย => แล้วAกับBเนี่ย
ตัวคนเดี่ยว => ตัวคนเดียว
ชอบอยู่คนเดี่ยว => ชอบอยู่คนเดียว
วาดสวยอ๊ะ => วาดสวยอ่ะ
มากกว่าล่ะมั่ง => มากกว่าล่ะมั้ง
อาจจะร่วมสมภายในร้านค้าด้วย ???? ร่วมสม????
ต้องออกไปเจอลุกค้า => ต้องออกไปเจอลูกค้า
เดี่ยวเกียร์จะลองคิดดูนะ => เดี๋ยวเกียร์จะลองคิดดูนะ
อยากเป็นนักร้องอ๊ะ => อยากเป็นนักร้องอ่ะ
ยุทธ์หัตถี => ยุทธหัตถี
เสียเวลาจู๋จี้ => เสียเวลาจู๋จี๋       จู๋จี้นี่มัน =/////=
แต่กลัวผิดเนี้ย => แต่กลัวผิดเนี่ย
หยากไหย้ => หยากไย่
ไม่นากเท่าไหร่ =>  ไม่ยากเท่าไหร่
ตัวเองใช้เทนอะไร => ตัวเองใช้เทนส์อะไร
Un Seen => Unseen
สอบกลางภาคครั้งนี้า => สอบกลางภาคครั้งนี้
แม้เจ้า => แม่เจ้า
สื่อสารแล้วเข้าใจนี้ไม่พอเหรอ => สื่อสารแล้วเข้าใจนี่ไม่พอเหรอ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #25 อนาคตของฉันและเธอ [23/07/57] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-07-2014 02:40:15
เขินนนอ่ะ เกียร?หยอดได้ยุงชุมมากกก5555
แอบทึ่งกับความฝันของป้องค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #26 เรื่องเล่าของหนมปัง [25/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 25-07-2014 22:45:44

#26 เรื่องเล่าของหนมปัง




ผมค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้นและประหม่ากับความคิดที่ว่าตัวเองจะได้เจอ'อามัว'ตัวเป็นๆ….

คือ.... จะว่าไงดี ? ผมชอบน้ำเสียงเขานะ ไม่ได้อลังการแก้วแตก แต่เป็นเสียงที่ฟังแล้วแตกต่างจากเสียงเพลงทั่วไปที่ผมเคยได้ฟัง ได้สัมผัสมา น้ำเสียงของอามัวจะออกทุ้มๆ ให้ความรู้สึก'อบอุ่น'ฟังแล้วมันพีคอ๊ะครับสำหรับผม

ถ้าวันนี้มีโอกาส ผมก็อยากจะสัมผัสกับคนที่ชอบ ...เรียกว่าI dol ก็ได้มั่งครับ ผมอยากรู้ว่าคนที่ผมติดตามแชลแนลมานานเกือบๆสองปีเนี้ย เขาจะมีหน้าตาแบบไหน? ลุคของเขาเป็นยังไง อะไรแบบนี้นะครับ...

ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าผมมี'โอกาส'นะ...

"นี้คนรึว่าหนอนว่ะ!?!?"

ไอ้เฟรมพูดขึ้นก่อนจะส่งกล้องส่องทางไกลมาให้ผม ตอนนี้พวกเราอยู่กันตรงระเบียงอาคารห้าครับ ที่เคยจัดรับน้องนะ

แม้จะเพิ่งเก้าโมงกว่าๆ แต่ตอนนี้ผู้คนที่มาร่วมงานวิชาการเพลินจิตวิทยาเรียกได้ว่าล้นหลามมากครับ ผมเห็นพวกบริหารกับพิทักษ์วิ่งเคลียร์พื้นที่กันจ้าล่ะหวั่น เด็กครัวเองก็วิ่งเสิร์ฟของว่างให้แขกกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอีกทั้งพวกวิชาการที่พยายามพรีเซนการเรียนการสอนของเพลินจิตเพื่อดึงดูดให้ผู้ปกครองเด็กม.สามพาเด็กมาสมัครที่นี้

แต่ที่เพลินจิตมีเงินอย่างเดี่ยวเรียนไม่ได้หรอกนะครับ มันต้องมีองค์ประกอบอื่นๆซึ่งช่างหัวมันก่อนเถอะครับ

"พวกคนจากค่ายเพลงเต็มเลยว่ะ กูเห็นมีคนจากค่ายXYWด้วย"

ไอ้อู๋ส่องกล้องก่อนจะบอกให้ผมมองตาม วันนี้เพื่อนผมสองคนเองก็มีหน้าทีที่ต้องดูแลครับ ไอ้เฟรมต้องไปประจำการแถวพวกกีฬำ ไอ้อู๋กับต้องตาต้องคอยดูแลแขกพิเศษที่ไม่ได้รับเชิญแต่ก็มีมาทุกปี

"กระจอกว่ะ"

มันว่า ก่อนจะกดส่งตั๊กแตนรำข้าวออกไปจัดการไวรัสของอีกฝ่าย

อย่างที่เคยบอกไปครับ เจ็ดเทพของโรงเรียนผม'โด่งดัง'จนเป็นที่นับหน้าถือตา แต่มีแสงก็ต้องมีเงา มีคนชอบย่อมมีไม่ชอบ
เพราะงั้นวันวิชาการของโรงเรียนผม ทุกๆปีจะมีแขกมาขอท้าดวลเสมอนั้นแหละครับ ท้าแข่งเต้นกับเทพลีลาบ้าง ดวลกีต้าร์กับเทพดนตรี แข่งทำอาหารกับเด็กครัว เยอะแยะครับ... แต่จริงๆต่อให้แพ้-ชนะก็ไม่ได้อะไร แค่'ศักดิ์ศรี'ของแหวนที่สวมมันค้ำคอครับ

"เดี่ยวพวกกูต้องไปแล้วนะ"

ไอ้อู๋เก็บโน๊คบุ๊คใส่กระเป๋า หลังดูนาฬิกา พวกมันถึงเวลาต้องไปแล้วนะครับ

"เออ โชคดี เดี่ยวเที่ยงๆเจอกัน"

ผมว่าก่อนจะโบกมือให้มันสองคน

ปกติทุกปีเวลามีงานวันวิชาการ ผมกับไอ้สองแสบนี้จะพากันเดินเหล่สาวต่างโรงเรียน(ซึ่งพวกหล่อนก็มาเหล่หนุ่มโรงเรียนผมนั้น
แหละ)ตกบ่ายผมก็ประกวดเดือนโรงเรียน แต่พอขึ้นม.ห้ามาอะไรๆก็เปลี่ยนไป เพราะส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนผมจะให้พวกม.ห้าเป็นผู้คุมกิจกรรม ผู้ดูแลงานต่างๆมากกว่าพี่ม.หก เพื่อที่รุ่นพี่พวกผมจะได้เตรียมสอบเข้ามหาลัยได้อย่างเต็มที่ ส่วนผมเองปีนี้ก็ขี้เกลียดเลยไม่ได้สมัครลงเดือน

รักเพื่อน เคารพรุ่นพี่ ดูแลรุ่นน้อง เป็นวลีสั้นๆที่ติดหูผมตั้งแต่สมัยเข้ามาม.ต้น พอผ่านมาสักพักผมถึงได้เข้าใจความหมายของมัน

"อยู่นี้นิเอง"

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากทางซ้ายมือ ผมขมวดคิ้วตอบกลับไป

"แวบออกมาได้ด้วยเหรอ?"

ผมถามไอ้ป้องกลับไป

วันนี้ป้องมันเป็นสตาร์ฟของฝ่ายจัดเวทีครับเลยได้อภิสิทธิ์ใส่เสื่อโปโลสีดำของงาน ซึ่งถือว่ามีอำนาจเดินเข้า-ออกพื้นที่ที่ห้าม
คนนอกเข้าได้ครับ แน่ล่ะว่างานมันเยอะมากๆ ตั้งแต่ขับรถมาส่งเมื่อเช้าก็เพิ่งได้เจอกันเนี้ยแหละครับ

"คิดถึง เลยแวะมาหา..."

"อีกรอบ..."

ไอ้ป้องทำหน้างงๆ ผมดึงมือมันมาวางซ้อนทับตรงที่เท้าแขนของระเบียบก่อนจะอธิบายให้มันฟัง

"อ้อนเกียร์อีกรอบได้ไหมครับ หื้ม?"

เพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่จัดว่าสมควรแก่การแสดงออก ผมเลยทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากกุ่มมือมัน ผมไม่ได้กลัวหรอกนะว่าถ้า
ตัวเองกอดไปแล้วบังเอิญมีใครมาเห็นจะมองผมไม่ดีกลับกันผมกลัวคนอื่นมองมันไม่ดีต่างหาก

ถ้าเราเลือกแล้วที่จะรักอีกฝ่าย ผมคิดว่าการให้เกียรติ์กันเป็นสิ่งที่สำคัญ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังคงเห็นไอ้ป้องเป็นผู้ชายคนหนึ่งมาโดยตลอด

แค่เป็นผู้ชายที่ผมหลงรักก็เท่านั้นเอง...

"ไม่เอาหรอก อ้อนบ่อยๆเดี่ยวไม่ศักดิ์ศิทธ์ ป้องแวะเอาของออกมาให้"

มันว่า พร้อมชูเสื่อโปโลไซร์แอลสีดำอีกตัวหนึ่ง ด้านหลังสกรีนคำว่าสตาร์ฟเหมือนๆกับของไอ้ป้อง

"จะดีเหรอ เอามาให้คนนอกเนี้ย?"

ปากพูดไปงั้น แต่มื่อก็รับเสื่อมาอยู่ดีแหละครับ

"คนนอกที่ไหนกัน เกียร์ก็ช่วยป้องเตรียมงานตั้งหลายอย่าง"

ไอ้ป้องยกยิ้มมุมปาก ผมแกะกระดุมปลดเสื้อเชิตที่ใส่มาออก ก่อนจะใส่โปโลไปแทนที่

"ขอบคุณนะ ว่าแต่ป้องกินไรยัง?"

เมื่อเช้านี้เพราะต้องรีบมาเตรียมงานป้องเลยอดข้าวเช้าครับ ผมเองก็เลยเลือกไม่กินจะได้มาส่งอีกฝ่ายทัน จากนั้นก็เดินดูงาน
เพลินจนมาถึงบนตึกนี้

"ยังเลย ป้องว่าจะกินตอนเที่ยงที่เดี่ยวเลย"

"แล้วไม่หิวเหรอ? "

สุดท้ายผมงัดไม้ตายชูถุงหมูปิ้งเจ้าอร่อยจากหน้าโรงเรียนขึ้นมา สุดท้ายมันกับผมเลยทรุดตัวนั่งลงกับพื้นกินข้าวเหนี่ยวหมูปิ้งกัน
ตรงระเบียงเนี้ยแหละครับ ลมเย็นดี

"เออเกียร์"

"ครับ?"

"อย่าลืมไปดูคอนเสิร์ทวันนี้นะ"

ไอ้ป้องพูดพร้อมเคี้ยวหมูปิ้งไปด้วยจนเต็มสองแก้ม แก้มมันน่าหยิกเล่นชะมัด!!!

"นี้ก็ตั้งใจไปดูเหมือนกัน ป้องเคยเห็นอามัวรึยัง?"

ไอ้ป้องชะงักไปกึกหนึ่งก่อนจะตอบกลับผม

"เคยสิ...จริงๆแล้วป้องมีเรื่องจะบอกเกียร์ด้วย"

"เรื่องอะไรล่ะ?"

ผมเหยียดขาตรงนั่งหลังชนกับระเบียงรอฟังอีกฝ่ายพูด

"คือว่าจริงๆแล้ว อามัวนะ..."

'โครม'

เสียงของไอ้ป้องขาดหายไปหลังเสียงถังขยะโลหะตรงปลายระเบียงทาวเชื่อมล้มลงไป ผมกับไอ้ป้องหันขวับไปมอง ก่อนจะเห็น
เด็กสาขาสองคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะวิ่งทะเล่อไปชนถังขยะล้มลงอยู่

"นาย...เห้ย เดียร์!!!!"

ไอ้ป้องที่วิ่งเข้าไปช่วยดึงอีกฝ่ายขึ้นร้องเสียงหลง คนรู้จักสินะ

"จริงๆเราชื่อหนมปัง... แต่ตอนนี้ขอที่ซ่อนให้เราหน่อย!!!!"

"ที่ซ่อน?"

"อื้มอะไรก็ได้ ขอตอนนี้เลย!!!"

ผมกับไอ้ป้องหันมามองหน้ากัน ก่อนจะชี้ไปที่ถังน้ำแข็งยูนิตที่ใช้ในวันรับน้อง อีกฝ่ายผงกหัวขอบคุณๆ ก่อนจะวิ่งไปเปิดฝาแล้ว
ปีนลงไปอย่างรวดเร็ว คือ.... ในนั้นมันมืดและไม่มีอากาศนะครับ(ผมเคยโดนไอ้พวกทโมนในห้องจับยัด-*-) แต่ดูเหมือนอีกฝ่าย
ไม่แคร์เลยวุ้ยแค่หน้าที่นั้นได้ซ่อนตัวก็คงพอใจแล้ว

........แล้วซ่อนตัวจากอะไร?

"นู้นไง NPC ปริศนามาโน้นแล้ว"

ไอ้ป้องบุ้ยปากตอบสิ่งที่ผมสงสัย

ผมเห็นเด็กสาขาสองอีกคนหนึ่งวิ่งอ้อมทางเชื่อมตึกจนมาถึงหน้าหอประชุมเล็กที่พวกผมอยู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อแสดงออก
ถึงความพยายามในการติดตามอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คงไม่แคล้วคนในถัง

"โทษนะ...นาย...ป้อง เห็นคนที่สูงประมาณนี้ ใส่แว่นอันโตๆวิ่งมาไหม?"

อีกฝ่ายพูดพลางหอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน สิ่งที่ทำให้ผมสงสัยคือแววตาที่แสดงออกมา มันเป็นแววตาคู่หนึ่งที่ผมรู้จักดี เป็นแววตาที่ผมเคยมีสมัยช่วงตกหลุมรักไอ้ป้อง

...แววตาของคนที่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว

"เห็น/ไม่เห็น"

ผมหันกลับไปมองหน้าคนข้างๆด้วยความไม่เข้าใจ ผมว่าคนในถังน้ำแข็งคงกำลังก่นด่าไอ้ป้องแหง่มๆ

"เกียร์ไม่ต้องโกหกหรอก...เราเห็น 'หนมปัง' วิ่งไปทางนู้น"

พอไอ้ป้องชี้นิ้วไปในทิศทางตรงกันข้ามนั้นแหละผมเพิ่งได้เข้าใจว่ามันพูดว่าเห็นเพราะอะไร

"อ่า ขอบคุณครับป้อง"

อีกฝ่ายพูดขอบคุณก่อนจะเตรียมวิ่งไปแต่ไอ้ป้องพูดเนิบๆดักทางไว้ก่อน

"ถึงจะเป็น'สีเทียน' แต่ถ้ามีเรื่องในสาขาหนึ่ง ผมก็ไม่ไว้หน้าหรอกนะ"

อีกฝ่ายก้มโค้งรับคำให้พวกผม ก่อนจะยิ้มจางๆให้ก่อนจะวิ่งหายไป

"ตกลงป้องจะรู้จักNPCลับทุกตัวเลยใช่ไหมครับ?"

ผมถามหยอกอีกฝ่าย เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเวลาพวกนี้ปรากฏที่ไรไม่เห็นมีคนที่ผมรู้จักเลย ไอ้ป้องจิกตาใส่ผม พลางพูดผ่าน
ริมฝีปากว่า'ไม่ใช่เวลา' โห่ก็ผมไม่อยากให้แฟนเครียดนิครับ

"ออกมาเถอะหนมปัง เขาไปแล้ว"

ผมรู้สึกเหมือนๆไอ้ป้องจะเลี่ยงการพูดชื่ออีกฝ่ายตรงๆแหะ

หนมปังค่อยๆดันฝาถังน้ำแข็งขึ้นก่อนจะมองลอดสายตากวาดไปรอบๆพอเห็นว่าปลอดภัยแล้วถึงค่อยกระโจนออกมา

"โอ๊ย หนมปังเกือบตายในนั้นแล้วป้อง นึกว่าป้องจะบอกมันซะอีก"

หนมปังทรุดตัวลงไปนั่งกับเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง ก่อนจะโบกมือพัดระบายความอบอาวจากการเข้าไปอยู่ข้างใน

"กินน้ำก่อน คิดว่าสีเที..เขาคงยังไม่วิ่งกลับมาหรอก"

ไอ้ป้องบอก หนมปังรับน้ำไปก็กระดกลงอย่างไม่เกรงใจ

"ขอบใจนะป้อง"

หนมปังว่าพลางถอนหายใจยาวๆ

"แล้ววิ่งหนีเขาทำไมอ๊ะหนมปัง"

พอเห็นอีกฝ่ายจัดการตัวเองเข้าที่เข้าทางแล้วไอ้ป้องก็ถามขึ้น

“ก็แค่...ไม่อยากเจอ ....”

“โกรธกันอยู่เหรอ....?”

“เปล่าหรอก...คือจริงๆ เราไมได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ”

ผมเห็นหนมปังเม้มปากตอนพูดท่อนสุดท้าย อะไรบางอย่างในแววตาหมองลงไป

“คือจริงๆเราก็ไม่ได้สนิทกัน.... แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจพูดให้ป้องกับเกียร์ฟังก็ได้นะ”

ไอ้ป้องพูด ก่อนตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

หนมปังเม้มปากสนิท ก่อนจะค่อยๆเล่าเรื่องให้ผมฟัง จริงๆแล้วผมคิดว่าหนมปังคงไม่ได้อยากเล่านักหรอก แต่สิ่งที่อยู่ข้างในคงอัดแน่นเกินกว่าจะทนเก็บเอาไว้  อีกทั้งป้องเองก็มีลักษณะที่น่าเชื่อถือมากพอว่าจะพูดเรื่องของอีกฝ่ายในทางที่เสียหาย
ในเมื่อมันเป็นเรื่องของ ‘หนมปัง’ ผมเองก็ขอแค่รับฟังไว้ แต่ไม่ขอเล่าต่อ….







..




.

.


.

.


.




.

.



“แล้วนี้มึงรอดมาได้ยังไงว่ะ ?”

ไอ้ป้องถามขึ้นหลังจากหนมปังเล่าฉากที่ระทึกขวัญที่สุดให้ฟัง โปรดอย่าแปลกใจกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปครับ เด็กผู้ชายอยู่ใกล้ๆกันแปปๆก็สนิทกันแล้วครับ

“กูเอาขวดเหล้าที่กลิ้งอยู่แถวพื้นนั้นแหละฟาดหัวมัน”

หนมปังตอบหน้าตาย ไอ้ป้องหัวเราะร่วนถูกใจ ก่อนทั้งคู่จะยกหมัดขึ้นมากระแทกเบาๆเป็นเชิงถูกใจกันและกัน

“ดีแล้วมึง เราไม่ใช่นางเอกเว้ย จะได้ยอมให้พระเอกปล้ำแบบนั้น”

“ใช่ๆ กูไม่ใช่นางเอก”

ครับ.... ก็รู้ว่าไม่ใช่นางเอกกันทั้งคู่นั้นแหละ แต่มีอย่างที่ไหนเอาขวดเหล้าฟาดพระเอกว่ะ!!!

ผมแอบสยองหน่อยๆ พอคิดว่าถ้าเกิดตัวเองเมาแล้วปลุกปล้ำไอ้ป้องบ้าง มันจะเอาขวดเหล้าฟาดหัวผมเหมือนที่หนมปังทำกับสี
เทียนไหม....

“แล้วหลังจากฟาดแล้วทำไงต่อว่ะ ??”

ไอ้ป้องถามต่อ หนมปังฮึดฮัดจมูกก่อนจะตอบ

“จริงๆอยากจะใจไม้ไส้ระกำปล่อยมันนอนเลือดอาบหัวตายตรงนั้นแหละ แต่ขี้เกลียดเจ็บกวาดศพ”

“เลย... ?”

“ก็เลยช่วยทำแผลให้นั้นแหละ จริงๆหัวมันแตกแค่นิดหน่อยเพราะฟาดไม่เต็มแรงมาก ..ยั้งๆแรงไว้อยู่นะ แค่ต้องการเรียกสติมัน”

หนมปังตอบกลับมา ไอ้ป้องพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ

“แล้วอีกฝ่ายว่าไงมั่งหลังสร่างเมา ?”

รอบนี้หนมปังทำหน้าเบื่อโลกสุดชีวิต ก่อนจะเขี่ยๆไม้แหลมหมูปิ้งเล่น(พอสนิทกันปุบ แมร่งแย่งของผมแดรกปับ ขอบคุณนะหนม
ปัง-*-)

“เหอะ....มันจะพูดว่าไงเหรอ ....? มันหาว่ากูโมเมไง แถมยังถีบกูตกเตียงอีกต่างหาก รู้งี้นะ เมื่อคืนน่าจะฟาดให้ตายไปเลย”

หนมปังกำหมัดชูขึ้นมานิดๆ ใบหน้าบ่งบอกว่าเอาจริงสุดๆ   ไอ้ป้องพยักหน้าขึ้นลงเห็นด้วย

..........นี้ผมกลายเป็นส่วนเกินตอนแม่บ้านเขาคุยกันรึเปล่าครับ... ?

“แต่เอาจริงๆนะ หนมปัง...ยังชอบสีเทียนใช่ไหม ?”

ผมถามประเด็นที่ตัวเองสงสัย หลังจากทั้งคู่มีช่องว่างให้ผมเข้าไปแทรกได้สักที่

หนมปังฟังคำถามผมแล้วก็เงียบไป ถ้าให้ผมเดาก็คงกำลังสับสนกำกึ่งระหว่างความรู้สึกกับสิ่งที่อีกฝ่ายได้กระทำไว้กับตัวเองนั้น
แหละครับ แต่เรื่องนี้จะโทษหนมปังก็ไม่ได้ เพราะสีเทียนผิดเองที่ทำอะไรแย่ๆลงไปแบบนั้น อีกทั้งถ้าผมเดานิสัยของสีเทียนจาก
คำพูดของหนมปังนะ ผู้ชายคนนี้อ่อนข้อให้ใครไม่เป็นครับ

“หนมปังไม่รู้หรอก ว่ายังใช้คำว่า ‘ชอบ’ ได้ไหม ..... หนมปังอาจจะยังอยากอยู่ใกล้ๆเขา อะไรแบบนี้ แต่ทุกๆครั้งที่ได้ขยับเข้าไป
ใกล้ๆ ความกลัวของหนมปังจะเพิ่มพูนเข้ามาในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เขาทำไว้มันหนักหนาจริงๆนะเกียร์ หนมปังอึดอัด หนมปังไม่ชอบท่าที่ของเขา หนมปังไม่ได้อยากให้เขาบอกใครๆหรอกถ้าเกิดว่าเราจะคบกันจริงๆ สิ่งเรานั้นมันไม่จำเป็น.....”

หนมปังเว้นวรรคช่วงไปก่อนจะพูดต่อ

“การแสดงออกของสีเทียนเป็นเหมือนเงา..... หนมปังเหมือนจะมองเห็นมันแต่ก็มองไม่ชัด มันเป็นความรู้สึกที่หนมปังขยาดและ
หวาดกลัวเกินกว่าจะตัดสินได้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ทุกครั้งเวลาที่หนมปังคิดจะเลิกชอบเขา มันเหมือนกับว่าเขาเล่นตลกกับหนมปังด้วยการขยับเข้ามาใกล้ๆอีกหนึ่งก้าว มันเหมือนให้ความหวังกันเลยเนาะ......”

เสียงของหนมปังเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ป้องหันมาเอ็ดผมหน่อยๆที่ทำเพื่อนมันเศร้า

“หนมปังกลัวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความรัก .... มันอาจจะเป็นทิฐิของเด็กผู้ชายก็ได้ เวลาสูญเสียสิ่งที่คิดว่าตัวเองได้ครอบครองลงไป กลัวว่าจะเสียศักดิ์ศรี เลยพยายามลากให้หนมปังเข้าไปในวังวนของเขา”

“แต่เขาอาจจะจริงจังกับหนมปังก็ได้นิ ?”

ผมพูดในแง่ของคนที่รับฟัง และค่อยๆให้คำปรึกษา ไม่อยากชี้ชัดอะไรมากครับ

“เอาเป็นว่าทำตามที่หนมปังสบายใจเถอะ เรื่องแบบนี้ค่อยๆคิดก็ได้ ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน”

ไอ้ป้องที่เงียบไปนานพูดขึ้นมาบ้าง ก็คงจะจริงอย่างที่ป้องมันว่าล่ะครับ เรื่องของหนมปังกับสีเทียนซับซ้อนมากเกินกว่าที่คนนอกสองคนอย่างพวกผมจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว มันเป็นเรื่องที่คนสองคนต้องหันหน้าเข้าคุยกันจริงๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะหนมปังเองก็หวาดกลัวกับเรื่องที่โดนกระทำเกินกว่าจะเปิดใจให้สีเทียนได้

ผมแอบดีใจนิดๆที่ป้องกับผมไม่ซับซ้อนแบบคู่นี้แหะ....

“อื้ม...หนมปังจะค่อยๆตัดสินใจนะ ขอบใจป้องกับเกียร์มากเลยที่มานั่งฟังอะไรไร้สาระแบบนี้...”

“โหย แค่นี้จิ๊บๆ เรื่องของเพื่อนนี้ไม่ไร้สาระหรอก ...อีกอย่าง หนมปังกับป้องเจอกันบ่อยๆแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสมานั่งคุยกันแบบนี้เลย”

“ฮ่าๆ ก็จริงแหะ เจอกันที่ไหร่มีแต่เรื่องยุ่งๆตลอดเลย”

แล้วหนมปังกับป้องก็นั่งหัวเราะร่วมกัน  โดยมีผมเป็นตัวประกอบแบล็กกราว....(ผมยังเป็นพระเอกของเรื่องนี้อยู่ไหม ...ตอบ ?)

“แล้วมึงไม่คิดจะฟังกูพูดบ้างเหรอ ?”

น้ำเสียงเย็นๆดังขึ้นจากหน้าห้องประชุมเล็ก ผมเห็นหนมปังแทบจะโดดไปหลบอยู่หลังป้องด้วยซ้ำ

“เดี่ยว.... ใจเย็นก่อนสีเทียน”

ไอ้ป้องยืนกั่นห้ามทัพระหว่างหนมปังกับคนที่เพิ่งมา สีเทียนตอนนี้ทั่วทั้งร่างอาบไปด้วยเหงื่อ ผมเห็นแววตาเหน็ดเหนื่อยของอีกฝ่ายถูกเคลื่อบไว้จางๆด้วยความรู้สึกของคนที่กำลังน้อยใจ

“ป้อง ....สีเทียนของคุยกับหนมปังเป็นการส่วนตัว...ได้ไหม ?”

สีเทียนพูดช้าๆชัดๆ เต็มถ้อยคำ ผมเห็นหนมปังเกาะหลังไอ้ป้องแจเหมือนกลัวไอ้ป้องจะหายไปจากตรงนั้น

“เทียนกลับไปก่อนเถอะ...ป้องทิ้งปังไมได้หรอก เกิดเทียน....”

สีเทียนปั้นหน้ายาก ก่อนจะหันมาทางผม ....แววตาที่ส่งออกมาสื่อสารกันได้เป็นอย่างดีจนผมเข้าใจ  แววตาที่ผมแสดงออกมาตอนจะขอร้องลุกผู้ชายด้วยกันสักคนหนึ่ง

“ป้อง ไปกันเถอะ”

สุดท้ายไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ผมรู้สึกสงสารสีเทียนจนยอมไปดึงป้องออกมาจากตรงนั้น  ไอ้ป้องทำหน้าเหวอ แต่ก็โดนผมลากออกมาอยู่ดี

“เดี่ยวก่อน เกียร์...เห้ย!!!”

“สีเทียนคุณต้องรับปากผม.... ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหนมปัง ผมจะเป็นคนแรกที่เอาเรื่องคุณ!!!”

ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้น สีเทียนส่งแววตาขอบคุณมาให้ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหนมปังที่ตอนนี้แทบอยากจะกระโดดหน้าต่างหอ
ประชุมหนีออกไปด้วยซ้ำ

ผมลากป้องออกเดินออกมาเรื่อยๆ  ไอ้ป้องเองแม้จะขัดขื่นบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรผมนัก

“ทำไมเกียร์ทำแบบนี้อ๊ะ...เกิดสีเทียนทำอะไรหนมปังขึ้นมาจะว่ายังไง ?”

ไอ้ป้องเอ็ดผมชุดใหญ่หลังผมพามันมาหยุดตรงทางเชื่อม ดวงตาคู่เรียวมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

“ป้อง  ในเขตโรงเรียนเรายังไงพวกเราก็ใหญ่ที่สุด เกียร์ว่าดีกว่าให้เขาไปเคลียร์กันที่อื่นนะ มันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้ในการที่เขาสองคนจะเข้าใจกัน”

“แต่เกียร์ สีเทียนทำไม่ดีกับหนมปังไว้นะ”

“เกียร์ก็เคยทำไม่ดีไว้กับป้อง ทำไมตอนนี้เราถึงยังรักกันได้ล่ะครับ ?”

ถ้าจะคุยกับป้อง ต้องยกตัวอย่างและเหตุผลที่มีน้ำหนักมากเพียงพอให้อีกฝ่ายคิดตามครับ ผมอยู่กับป้องมาจนจับหลักได้แล้ว

“ก็...ก็เกียร์รักป้องไง....”

ไอ้ป้องพูดไป หน้าแดงนิดๆไป

“ก็นั้นไง เหตุผลที่เกียร์กล้าปล่อยหนมปังไว้กับสีเทียน”

“เกียร์หมายความว่า.... ?”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองให้ฟัง

“ป้องฟังที่เกียร์พูดนะ เรื่องที่หนมปังเล่ามา เกียร์ไม่ได้บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ป้องรู้ไหม หลายๆเรื่องถ้าเราไม่ได้เป็นคนในเหตุการณ์นั้นๆ หรือเจอมากับตัวเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงเลือกที่จะทำแบบนี้  สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นเกียร์ว่ามันเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจากทิฐิของพวกเขา เรื่องแบบนี้เราไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง สีเทียนอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำอะไรแบบนั้นลงไปก็ได้นิครับ ที่เกียร์พูดนี้จริงไหม ?”

ไอ้ป้องค่อยๆคิดตามที่ผมพูด ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

“หน้าที่ของเพื่อนคือการยืนอยู่ข้างๆกัน  ไม่ต้องกลัวหรอกว่าหนมปังจะเป็นอะไร  ป้องคิดว่าคนที่มีสติตอนตัวเองกำลังจะถูกปล้ำนี้
จะเอาตัวรอดไม่ได้จริงๆเหรอ ? เผลอๆเกียร์ว่าคนที่น่าห่วงกลัวว่าจะเป็นอะไรสมควรเป็นสีเทียนมากกว่าซะอีก”

ผมพยายามพูดตลกให้ไอ้ป้องคลายความกังวล.... แต่จริงๆแล้วผมว่าผมห่วงสีเทียนนะ เพราะถ้าขนาดหนมปังกล้าเอาขวดเหล้าฟาดหัว ผมว่าของในห้องนั้นหนมปังก็คงไม่ลังเลที่จะใช้มันเป็นอาวุธในการป้องกันตัวหรอกครับ

“ตอนนี้หน้าที่ของป้องอีกอย่างคือการเตรียมสตาร์ฟไม่ใช่เหรอครับ ? นี้มันบ่ายโมงแล้วนะ”

ผมพูดเตือน ก่อนจะชุนาฬิกาข้อมือในอีกฝ่ายดู ไอ้ป้องเบิกตากว้างก่อนจะพูดขึ้น

“เออใช่ มัวแต่คุยกับหนมปังจนลืมเวลาเลย!!!!”

นั้นไงล่ะ ผมเดาผิดซะที่ไหน ป้องนะเวลาทำอะไรเพลินๆแล้วลืมเวลาตลอดครับ

“งั้นก็รีบไปกันเถอะครับ เดี่ยวสองคนนั้นเคลียร์เสร็จก็คงลงมาจากตึกเองแหละ”

แม้จะอยากย้อนกลับไปดูเพื่อน แต่ไอ้ป้องคงถือว่าคำพูดของผมมีน้ำหนักมากเพียงพอ มันเลยเลือกจะจับมือผมแล้ววิ่งไปทางหอ
ประชุมใหญ่ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงการแข่งขันดนตรีต้านยาเสพติดของวงแรกจะเริ่มประกวดแล้ว และต่อจากนั้นอีกสองชั่วโมงอามันจะขึ้นแสดงสด ไอ้ป้องวานผมให้ไปเป็นสตาร์ฟในหอประชุมเหมือนกัน ผมรู้ว่ามันคงไม่อยากทิ้งผมไว้แค่คนเดี่ยวนั้นแหละ

อีกแค่สองชั่วโมงสินะ....


แล้วเจอกัน.....


....อามัว




TBC.


ตอนนี้เกียร์รู้สึกเหมือนเป็นตัวประกอบจริงๆแหะ


ตอนหน้าได้เจอกับ 'อามัว' แน่นอนครับ สัญญา   :hao6:

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #26 เรื่องเล่าของหนมปัง [25/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-07-2014 00:15:47
เปิดตัวอีกคู่แล้ว

แกช็อคแน่ เกียร์เอ๋ย  :hao3:

มันพีคอ๊ะครับ => มันพีคอ่ะครับ
I dol => Idol
แชลแนล => แชนแนล
เกือบๆสองปีเนี้ย => เกือบๆสองปีเนี่ย
อะไรแบบนี้นะครับ => อะไรแบบนี้น่ะครับ
"นี้คนรึว่าหนอนว่ะ!?!?" => "นี่คนรึว่าหนอนวะ!?!?"
พรีเซน => พรีเซนต์
มีเงินอย่างเดี่ยว => มีเงินอย่างเดียว
แถวพวกกีฬำ => แถวพวกกีฬา
ขี้เกลียด => ขี้เกียจ
"อยู่นี้นิเอง" => "อยู่นี่ นี่เอง"
สตาร์ฟ => สต๊าฟ หรือ สตาฟ
ก็เพิ่งได้เจอกันเนี้ยแหละครับ => ก็เพิ่งได้เจอกันเนี่ยแหละครับ
นอกจากกุ่มมือมัน => นอกจากกุมมือมัน
ศักดิ์ศิทธ์ => ศักดิ์สิทธิ์
ชูเสื่อโปโลไซร์แอล => ชูเสื้อโปโลไซส์แอล
เอามาให้คนนอกเนี้ย => เอามาให้คนนอกเนี่ย
แต่มื่อก็รับเสื่อ => แต่มือก็รับเสื้อ
เสื้อเชิต => เสื้อเชิ้ต
กินตอนเที่ยงที่เดี่ยว => กินตอนเที่ยงทีเดียว
ตรงระเบียงเนี้ยแหละครับ => ตรงระเบียงเนี่ยแหละครับ
ปลายระเบียงทาวเชื่อม => ปลายระเบียงทางเชื่อม
เห้ย => เฮ้ย
"นู้นไง NPC ปริศนามาโน้นแล้ว" => "นู่นไง NPC ปริศนามาโน่นแล้ว"
แหง่มๆ => แหงมๆ
ทำไมอ๊ะ => ทำไมอ่ะ
เราไมได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ => เราไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ
“แล้วนี้มึงรอดมาได้ยังไงว่ะ ?” => “แล้วนี้มึงรอดมาได้ยังไงวะ ?”
ทั้งคู่นั้นแหละ => ทั้งคู่นั่นแหละ
แต่ขี้เกลียดเจ็บกวาดศพ => แต่ขี้เกียจเก็บกวาดศพ
สับสนกำกึ่ง => สับสนก้ำกึ่ง
กระทำไว้กับตัวเองนั้นแหละครับ => กระทำไว้กับตัวเองนั่นแหละครับ
แบล็กกราว => แบล็คกราวน์
“เดี่ยว.... ใจเย็นก่อนสีเทียน” => “เดี๋ยว.... ใจเย็นก่อนสีเทียน”
ไอ้ป้องยืนกั่นห้ามทัพ => ไอ้ป้องยืนกั้นห้ามทัพ
ถูกเคลื่อบ => ถูกเคลือบ
ทำไมเกียร์ทำแบบนี้อ๊ะ => ทำไมเกียร์ทำแบบนี้อ่ะ
กำลังจะถูกปล้ำนี้ => กำลังจะถูกปล้ำนี่
นั้นไงล่ะ => นั่นไงล่ะ
แค่คนเดี่ยวนั้นแหละ => แค่คนเดียวนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #26 เรื่องเล่าของหนมปัง [25/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-07-2014 01:01:07
ตอนหน้าเชิญพบกับ ป้อง(อามัว) ได้เลยคะ ทำเสียงหวาน
ปล. คิดถึงต่าง มาจุ๊ฟที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #26 เรื่องเล่าของหนมปัง [25/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-07-2014 09:27:10
ถ้าเป็นอย่างที่เดาไว้ เกียร์จะเข้าใจป้องมั้ยนะ
แต่เกียร์เป็นคนมีเหตุมีผลและฟังด้วย

หนมปัง สีเทียน ก็น่ารักอีกคู่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #26 เรื่องเล่าของหนมปัง [25/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 26-07-2014 17:11:56
ไมก๊อตซิป้องมันดูเมะกว่าเกียร์หว่า   o22

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 26-07-2014 22:14:15
#27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ








“รบกวนช่วยขยับตัวเข้าไปอีกหน่อยนะครับ คนหลังจะได้เข้ามาได้”

ผมพยายามยิ้มหวานให้สาวๆคอนแวนโรงเรียนดังแห่งหนึ่งขยับตัวเข้าไป เมื่อพวกคุณเธอเล่นขวางประตูไว้ คนอื่นจะเข้าไปได้ยังไงล่ะครับ

พวกหล่อนมองผมตาละห้อย ก่อนจะหันไปซุบซิบกัน ไม่นานหนึ่งในนั้นก็เดินมาหาผม

“คือ...นายมีไลน์ไหมอ๊ะ ? เพื่อนเราอยากได้”

สาวเจ้าบอก ก่อนจะชี้ไปที่เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม

ก็น่ารักดีนะครับ ดูสดใสสมวัยดี แถมกลุ่มนี้ไม่แต่งหน้าอีกต่างหาก....

....แต่ไอ้ป้อง ‘ของผม’ ยังไงๆก็น่ารักกว่าอยู่ดี

“ขอโทษนะครับ คือ....ผมมีแฟนแล้วนะครับ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงให้ไป พร้อมคิดในใจเสร็จสรรพว่าจะควงกี่วันดี แล้วแต่อารมณ์ ณ ตอนนั้น ...แต่ตอนนี้ ผมมีแฟนแล้ว และ
ผมรักแฟนของผมมาก ถ้าทำแบบนั้นคงไม่ดีแน่ๆ

หล่อนฟังผมพูดแล้วหน้าเจื่อนๆไป ก่อนจะก้มหัวให้ผมแล้วเดินกลับไป พร้อมกันนั้นเองกลุ่มเพื่อนของหล่อนก็มองผมประมาณว่าเสียดายอะไรแบบนั้น ฮ่าๆ เอาเถอะครับ บอกเขาไปตรงๆดีกว่าให้ไลน์ไปแล้วเขามาจีบ แบบนั้นมันเหมือนเราเล่นด้วยครับ

“โหพี่ มายื่นแปปเดี่ยว สาวๆตอมซะ ...ผมนี้ยื่นมาทั้งวันยังไม่มีใครมาถามแบบนั้นเลย”

น้องที่คุมงานตรงประตูเป็นเพื่อนผมแซ่วขึ้นมา ก็กูหล่ออ๊ะ ต้องเข้าใจ นะน้อง
ผมยิ้มตอบให้น้องมัน ก่อนจะพยายามตะโกนบอกคนที่เข้ามาขวางประตูให้เข้าไปข้างใน เพื่อที่คนที่มาที่หลังจะได้มีที่ยืนดูครับ

ตอนนี้บนเวทีเริ่มมีวงดนตรีขึ้นไปเล่นบ้างแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่หลายๆคนของผมเกร็งๆไป เมื่อเห็นว่ามีคนจากหลายๆค่ายเพลงส่งคนมาดู ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้มาดูตน แต่หากบังเอิญจับพลัดจับพลูเล่นเข้าตากรรมการ โอกาสในการเข้าไปในวงการก็คงไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป

เวลาเดินผ่านไปอีกประมาณครึ่งขั่วโมง หลายๆวงที่ขึ้นไปเล่น พยายามปล่อยของกันสุดฤทธิ์ ผมเห็นพวกแมวมองจับกลุ่มกันซุบซิบ พอๆกับคนนอกที่เข้ามาชมการแสดง ถ้าเดาไม่ผิดต่อให้พวกเขาไม่ได้ตัวอามัวไป ผมว่าก็อาจจะมีใครสักคนในกลุ่มได้ ‘เพชร’เม็ดอื่นไปแทน แม้จะไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่มางาน แต่ก็ถือว่าพอชดเชยกันไปได้

ตราพ.ว. เบิกทางได้เหมือนเคยแหะ...

เอาเข้าจริงๆถามว่าผมชอบไม่  ? ก็ไม่นะ ... จริงๆผมอยากให้พวกเขาดูที่ศักยภาพของพวกผมที่แสดงออกมา มองให้ลึกลงไปถึงสิ่งที่พวกผมมี ไม่ใช่แค่ว่าพอเห็นตราสถาบันแล้วก็คัดๆพวกผมไป พร้อมบอกว่าใช้ได้ ทั้งๆที่จริงแล้วพวกเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าพวกผมมีความสามารถถึงขั้นไหน สมควรได้รับการคัดเลือกไหม ?

มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับว่ามีในสังคมไทยจริงๆ ชื่อสถาบันคือใบเบิกทาง ครั้งหนึ่งผมเคยจับพลัดจับพลู ถูกส่งไปแข่งขันวาดรูปศิลปะระดับภาคแทนเพื่อนสนิทตัวเองอีกคนหนึ่ง พอพวกกรรมการเห็นชื่อโรงเรียนผมแล้วก็กรอกคะแนนให้ผ่านเข้ารอบไปได้ ทั้งๆที่จริงแล้วมองตามเนื้องานแล้วมันไม่ใช่!!! ตัวผมเองแทบจะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยแม้แต่น้อย กระทั้งโจทย์ที่ต้องวาดผมก็เพิ่งรู้ตอนไปถึงสถานที่แข่งขัน  ไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่เตรียมตัวมาแรมเดือนตั้งใจมาประกวดจริงๆ ผมมองหน้าเด็กโรงเรียนอื่นที่ผลงานดีกว่าผมแล้วไม่ได้เข้ารอบด้วยความละอายด้วยซ้ำ

เพราะรู้สึกเหมือนโกงคนอื่น  สุดท้ายเลยตัดสินใจขออาจารย์สละสิทธิ์ไปดีว่าอาจารย์ท่านก็เข้าใจ เรื่องเลยจบลงด้วยดี....

ถ้าสิ่งทีได้รับมา ไมได้เกิดจากความสามารถของตัวเอง ผมคงไม่ภูมิใจกับมันหรอกนะครับ

“เกียร์ !!! มานี้เร็วๆ”

เสียงของใครสักคนดังแข่งกับเสียงเพลงร็อคหนักๆจากบนเวที ก่อนผมจะถูกมือมืดปริศนาลากเดินฝาผู้คนผ่านเข้าไปกลางหอ
ประชุม

“เดี่ยว เราเฝ้าหน้าประตูอยู่นะ”

ผมแจง พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าหน้าประตูมีคนอื่นมายืนคู่กับรุ่นน้องแทนผมแล้ว

“ไม่เป็นไร ตรงนั้นปล่อยใครทำก็ได้ ...พี่เซียร์สั่งว่าให้พานายมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วกำชับว่าห้ามเดินไปไหนเด็ดขาด!!! ยืนเง้าระวังอยู่ตรงนี้จนกว่าจะจบ โอเคนะ เราไปแล้ว...”

ผมมองเห็นหน้าคนพูดไม่ขัด เพราะในหอประชุมดับไฟเกือบหมดทุกดวง เพื่อเน้นแสงสว่างให้กับบนเวที อีกฝ่ายพอพูดจบแล้วก็วิ่งไปอีกทางหนึ่ง

สรุปคือ ... ผมถูกลากมาทิ้งไว้กลางหอประชุมโดยที่ไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร แต่ถ้าลองเดาเล่นๆ ผมคิดว่าไอ้ป้องคงขอให้พาผมมาตรงนี้แหละ มันคงไม่อยากให้ผมยืนอยู่ตรงนั้นล่ะมั่งครับ

เอาเถอะครับ เขาให้เราอยู่ตรงไหนเราก็อยู่ตรงนั้นแหละ...

ผมยืนอยู่ตรงจุดเดิม ก่อนจะปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงบนเวที หลายๆวงที่ขึ้นไปแสดง โชว์ให้ทุกคนเห็นถึงความพยายาม
ของพวกเขา ทั้งวงที่เล่นเพลงยากโคตรๆในความคิดของผม และหลายๆวงที่ปล่อยของออกมา จนคนข้างล่างเพลิดเพลินไปกับอารมณ์ กระทั้งผมยังรู้สึกสนุกสนานไปด้วยเลย

เพลินจนกระทั้งการแสดงวงสุดท้ายจบลงไป...


‘พรึ่บ!!!’


ไฟในหอประชุมพร้อมใจกับดับทุกดวงไม่เว้นกระทั้งหน้าเวที หลายๆคนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันขึ้นมา ก่อนไฟสีฟ้าอ่อนจะค่อยๆเปิดออกมากลางเวที พร้อมๆกันนั้นเองเสียงกรี๊ดทั้งสาวแท้และเทียมก็ดังขึ้นเหมือนกับงานเปิดตัวดาราดังๆสักคนหนึ่ง ก่อนดวงตาของ
ผมจะค่อยๆเปิดกว้างขึ้นมาพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นรั่ว....


แสงไฟสีฟ้าอ่อนค่อยๆส่องสว่างจนมองเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่บนเวที

“ความฝัน.....คำๆหนึ่งที่มีความหมาย....”

ผมรู้สึกว่าตัวเองเหงื่อออกขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆที่แอร์ในหอประชุมเย็นเฉียบจนเรียกได้ว่าเกือบจะแช่แข็งพวกผมด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไรบางอย่างในความรู้สึกที่กำลังหลอมละลายผมนั้นแหละ แอร์ในหอประชุมเหมือนพัดลมเก่าๆตัวหนึ่งไปเลย

“ทำให้มีพลัง...ทำให้ร้อนรน...ทำให้ดิ้นรน.....”

เสียงกรี๊ดในหอประชุมยังคงดังกระหึ่มตามคำพูดของเขา

“แม้บางครั้ง ....ความฝันนั้นอาจจะเป็นเพียงฝัน....แต่ผมว่าอย่างน้อยๆ....การที่เราได้ฝัน ถึงอะไรสักอย่างมันก็ยัง......”

เขาเว้นวรรคช่วงไปก่อนจะพูดปิดท้าย

“ดีกว่าเราไม่เคยคิด....ที่จะฝัน”

แสงไฟในหอประชุมสว่างขึ้นมา เสียงกรี๊ดที่แต่เดิมก็ดังอยู่แล้วกลับดังขึ้นไปอีกหลายระดับ เมื่อบนเวลาปรากฏนักดนตรีครบเซตเหมือนภูมิผีปีศาจที่ไม่มีใครทราบที่มาที่ไป พร้อมกันนั้นเองแต่ละคนยังคงสวมหน้ากากคาบูโต๊ะแบบของญี่ปุ่น  แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นมากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่อามัว แต่เป็นมือกีต้าร์ไฟฟ้าอีกคน ที่ส่วมแหวนสีน้ำเงินเข้มเอาไว้ที่นิ้วนาง

เทพดนตรีคนใหม่!!!

เสียงเบสไฟฟ้าค่อยๆดังขึ้น ก่อนเสียงเบลข้างๆจะเคาะตามเป็นจังหวะที่สอดคล้องกัน ‘อามัว’ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดสีดำสนิทอีกทั้งยังสวมหน้ากากปีศาจตามแบบฉบับของญี่ปุ่นเอาไว้ค่อยๆยกไมค์ขึ้น

ก่อนเพลงแรกของพวกเขาจะเริ่มต้น....


‘แม้อาจทำได้เพียงแค่นั้น
อาจทำได้เพียงแค่ฉันจะเปลี่ยน
แต่ฉันจะปล่อย…..’

อามัวลากเสียงสูงขึ้นไล่ตามเนื้อเพลง ก่อนจะค่อยๆลดระดับลงพร้อมๆกับเสียงในหอประชุมที่ดังกระหึ่มตอบรับ

‘จะขอเก็บมันเอาไว้อย่างนั้น
เก็บฝันส่วนตัวเอาไว้กับฉัน
แค่เธอเท่านั้น’

หลายๆคนเริ่มปล่อยตัวไปกับจังหวะ แม้บางคนอาจจะไม่รู้จักเพลงนี้ แต่พวกที่ชอบเพลงที่เน้นความหมายมากๆอย่างผมรู้จักดีเลยครับ เพลงนี้ชื่อว่าเพลง ‘ฝันส่วนตัว’ ของพี่ๆวงBarbies ของเดิมออริจินัลจะเป็นเพลงที่ให้ความหมายเกี่ยวกับความฝัน เป็นเพลงที่ผมชอบฟังตอนเวลาเหนื่อยๆเลยล่ะครับ มันให้กำลังใจดี

วงของอามัวใส่ลูกเล่นหลายๆอย่างเพิ่มเข้าไป น่าแปลกที่ผมกลับไม่รู้สึกรำคาญกับลูกเล่นเหล่านั้น จริงๆแล้วเพลงแนวป็อบแบบนี้ถ้าจะใส่ลูกเล่นเข้าไปแทนของเดิมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่วงโคฟเวอร์บางวงกลับใส่ลูกเล่นจนทำให้เนื้อเพลงเพี้ยน หรือสูญเสียคุณค่าในตัวมันเองไป

....นับว่าอามัวยังคงไม่ทำให้คนที่มาดูผิดหวังจริงๆแหะ

เสียงเพลงและท่วงทำนองยังคงขับร้องต่อไป เพลงแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พร้อมๆกับกระแสที่โหมกระหน่ำในหอประชุม

“เพลงที่ผ่านมา แด่ความฝันของทุกคน..... ส่วนเพลงต่อไปที่ผมจะเล่น เป็นเพลง เพลงแรกที่ทำให้ผมเริ่มที่อยากจะร้องเพลงขึ้นมามันเป็นเพลงที่ใครคนหนึ่งร้องให้ผมฟังตอนเจอกันครั้งแรก....”

ผมนิ่งเงียบ รอฟังเพลงที่กำลังดังขึ้น พร้อมๆกันนั้นเองผมก็เริ่มจะนึกออกได้ถึงเรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นสมัยที่ผมยังอยู่ม.หนึ่ง….

‘ไอ้แว่น ฟังกูร้องเพลงนะ’

ผมในตอนนั้นอายุประมาณสัก12ขวบเห็นจะได้  กำลังพูดคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่สวมแว่นตาอันโตๆ แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้จักเขาหรอกนะ แต่ผมชอบกวนคนไปเรื่อย

ผมแหกปากร้องเพลงโดเรม่อนกรอกใส่หูมัน  ไอ้เด็กแว่นนั้นส่ายหน้าเอื้อมๆก่อนจะยกหนังสือเล่มหนาๆกั่นหน้าของตัวเองเอาไว้  จำได้ว่ามันเป็นเด็กห้อง5 .... ตอนนั้นผมอยู่ห้อง11 แล้วผมเสือกจำคาบผิด คิดว่าไปเรียนที่ห้องสมุด รู้ตัวว่าเข้าห้องผิดก็ตอนที่
อาจารย์เช็คชื่อนั้นแหละครับ

ท่วงทำนองโซ่โล่กีต้าร์ดังขึ้น ก่อนเพลงในวัยเด็กของทุกคนจะดังขึ้น

เพลง โดราเอม่อน....

.........เวอร์ชั่น ‘ร็อค’

“...มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
...อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...”

เสียงทุ้มๆของเขาดังกระหึ่มก้องไปทั้งหอประชุม แม้จะเป็นเพลงสดใสอย่างเพลงโดราเอม่อน แต่ผมเพิ่งเคยเห็นคนที่เอามาแปลงเป็นเวอร์ชั่นร็อคเนี้ยล่ะครับ สุดยอดจริงๆ !!!

เพลงโดราเอม่อนเวอร์ชั่นร็อคจบลงไปพร้อมเสียงปรบมือกราว อามัวยืนนิ่งๆอยู่บนเวทีก่อนจะค่อยๆพูดต่อ

“ผมรู้ว่ามันบ้า....ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าห้าปี ผมรู้สึกดีกับคนๆหนึ่ง...เริ่มแรก ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร....แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว ว่าผมคิดถูกแล้วจริงๆ.....”

ผมนิ่งเงียบ มองคนบนเวทีที่ดูเหมือนจะมองตรงลงมาตรงจุดที่ผมยืนอยู่

“ถูกแล้วที่รักเธอ....”

สิ้นเสียงจบประโยค ทำนองเพลงช้าๆแต่แผ่วเบาก็ค่อยๆดังขึ้นมา .... ผมกับคนดูหลายๆคนรู้สึกเหมือนถูกเบรกอารมณ์กลาง
อากาศ แต่เป็นการเบรกอารมณ์ที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าไม่ดีแต่อย่างไร กลับกัน ผมรู้สึกว่าคนๆนี้เก่งจริงๆที่สามารถร้องเพลงได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งยังไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ ที่จำกัดไว้  ใครว่าโดเรม่อนร้องแบบร็อคไมได้ ใครว่าเพลงร็อคร้องแบบป็อบไม่ได้ อามัวได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว

......ว่าอยากมองให้เห็นเป็นอะไรก็เป็นได้ อยู่ที่ใจคนมอง




‘วันที่ฝุ่นได้จางหาย
ก็จะเหลือตัวจริงเท่านั้น
ใครที่ยืนกับฉัน ฉันจะให้ใจ
วันเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าฉันจะเจออะไร
มองเห็นเธอเท่านั้น ที่อยู่ข้างกัน
อยู่กับฉันทั้งทุกข์และสุข

ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เลือกเธอคนนี้ให้เป็นคนดีของหัวใจ
ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เขียนคำว่ารักและคำว่าเธอไว้ในใจ
และยิ่งนานนับวันตัวฉันยิ่งมั่นใจ
ถูกแล้วที่รักเธอ

เราจะมีกันเสมอ
แค่ได้ยินถ้อยคำสั้นสั้น
มันสำคัญกับฉัน เหมือนคำมั่นสัญญา
ว่าจะไม่ต้องหวั่นไหว
กับอะไรในวันข้างหน้า
เธอไม่มีวันปล่อยฉัน ไม่มีทิ้งกัน
ไม่ว่าฉันจะทุกข์หรือสุข


มีคำใดมีความหมาย
มากเกินกว่าคำว่ารักมาก
คำนั้นถ้าหากมี ฉันจะให้เธอ
แต่ถ้ายังไม่มี ก็มีแค่นี้ รักเธอ
รักเธอ หมดใจ

ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เลือกเธอคนนี้ให้เป็นคนดีของหัวใจ
ถูกแล้วที่รักเธอ
ถูกแล้วที่หัวใจเลือกเธอ
เขียนคำว่ารักและคำว่าเธอไว้ในใจ
และยิ่งนานนับวันตัวฉันยิ่งมั่นใจ
.......ถูกแล้วที่รักเธอ’




เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายค่อยๆขับขานลง ก่อนเสียงปรบมือในหอประชุมจะส่งก้องไปถึงคนที่ยืนอยู่บนเวที

“ขอบคุณ...ที่รักผม....เหมือนๆกับที่ผม....รักคุณหมดใจ.....”

เสียงกรี๊ดกระหึ่มดังขึ้นมาหลังจบประโยคชวนเลี่ยน ผมรู้สึกเหมือนคนที่โดนหมักฮุค เหมือนๆกับว่าผมกำลังโดนสารภาพรักอยู่กลายๆ ทั้งๆที่ปกติแล้ว ผมต่างหากที่ต้องทำให้อีกฝ่ายเขิน

ไม่ใช่ตัวเองมายืนอายหน้าแดงแบบนี้....

“ผมเองก็ไม่รู้กัน ว่าเรื่องของผมกับเขา เราจะเดินกันไปได้ถึงวันไหน วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เรายังจะมีกันเรื่อยไปรึเปล่า.....”

ผมเงียบกริบ รอฟัง ‘ไอ้ตัวดี’ พูดความในใจออกมา

“แต่ผมจะทำทุกวัน ....ให้เป็นวันของเรา.....”

จบประโยค เสียงเพลงนุ่มเคลิ้มชวนฝันก็ค่อยๆดังขึ้น นี้ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมเคยฟังมาตั้งนานแล้ว เป็นเพลงที่เรียกได้ว่าเหมือนผมกับมันจริงๆนั้นแหละ....




‘ไม่เคยคิดเลย ว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอรู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร
เมื่อเราได้คุยก็พอรู้ และดูว่ามันก็คงมีความหมาย
ระหว่างสองเราคงมีอะไร เชื่อมข้างในให้ถึงกัน

(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

อาจมีหลายทีที่สับสน กี่คนผ่านมาและคงต้องผ่านไป
แต่เมื่อพบเธอมันต่างกันไป เพราะว่าฉันมั่นใจ
หากวันนี้เราจะจบลง ก็คงจะเป็นอะไรที่ผิดไป
เมื่อได้พบคนที่เคยวาดไว้ เข้ากันดีกับหัวใจ

(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวา ไม่ซ้าย ไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือ เอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา

ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่เร็วไม่ช้า ไม่น้อยเกินไป
แต่มีอะไรที่ดีกว่าใคร ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี

(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวา ไม่ซ้าย ไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือ เอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา

ไม่เคยคิดเลย ว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอรู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร’





ไม่ได้ต้องการคนที่สมบูรณ์    ไม่ได้ต้องการคนที่เหมือนๆกัน  ต้องการแค่คนที่พร้อมจะเข้ากันได้....

.......นี้คงเป็นสิ่งที่มันส่งผ่านมาให้ผมสินะ

แสงไฟบนเวทีดับวูบลงไป  ก่อนไฟสีขาวนวลจะสว่างขึ้นมา ตอนนี้บนเวทีปรากฏเพียงแค่ร่างของอามัว ส่วนสมาชิกที่เหลือพร้อมเครื่องดนตรีอันตรธานหายไปเหมือนตอนขามา สิ่งที่เพิ่มเข้ามามีเพียงกีตาร์โปร่งหนึ่งตัว


“เพลงนี้ เป็นเพลงสุดท้ายแล้วที่ผมจะร้องในวันนี้....เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกของผมทั้งหมด”



‘มันพูดขึ้น’ ก่อนนิ้วมือจะค่อยๆจรดกีตาร์ขึ้นมาเป็นท่วงทำนอง




‘ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร
แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด แน่ใจ
ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ
แต่ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน’





ผมรู้สึกเหมือนเวลาถูกแช่แข็ง ทุกคนในหอประชุมเงียบกริบ กระทั้งใครสักคนหนึ่งปรบมือขึ้นมา เหมือนๆเป็นชนวนที่ทำให้คนอื่นปรบมือตาม ผมเองก็อยากจะปรบมือนะ แต่มือตอนนี้ไม่ว่างจริงๆ....

ผมกลัวว่าถ้าไม่รีบเช็ดตอนนี้ เกิดไฟสว่างขึ้นมามันคงไม่น่าดูสักเท่าไหร่ ผู้ชายตัวโตๆยืนน้ำตาไหลเนี้ย......

....ก็ใครใช้ให้ไอ้ป้องมันร้องเพลงให้ผมแบบนี้ล่ะครับ

"ผมดีใจ...ที่มีคุณ"




       
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:






สายลมเอื่อยๆตอนเย็นปะทะเข้ากับใบหน้าของผม  ตะวันที่ส่องอยู่ตรงหน้ากำลังใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที่

หลังจบเพลงสุดท้ายแสงไฟในหอประชุมก็ดับลงไป พร้อมๆกับร่างบนเวทีที่หายตัวไป เล่นเอาเกิดการจลาจลนิดๆเลยล่ะครับ ดีว่าพวกคณะกรรมการนักเรียนห้ามทัพคนในหอประชุมทัน เล่นเอาวุ่นวายไปตามๆกัน

“ชั้นสองตึกห้านี้มันมีมนต์ขลังอะไรรึเปล่า ? มายืนบ่อยจัง”

เสียง ‘ตัวต้นเหตุ’ ความวุ่นวายดังขึ้น ก่อนมันจะเดินมายืนข้างๆผม

“มีสิ ...... ก็ตึกนี้เป็นตึกที่เจอกันครั้งแรกนิ”

ผมเอามือไปวางทาบมันไว้  แดดยามเย็นที่มันอุ่นดีจริงๆแหะ

“จำได้แล้ว ?”

อีกฝ่ายเริกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ ผมไม่ตอบแต่กุมมือมันแน่นๆแทน

“วันนี้ร้องเพลงแล้วทำไมถึงยังสวมหน้ากากล่ะครับ ?”

ผมถามสิ่งที่สงสัย

ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ผมก็รู้แล้วล่ะครับว่าอามัวของผมนะเป็นใคร  ผมเองก็ไม่ได้งี่เง้าและคิดเล็กคิดน้อยจนจะเอามาเป็นประเด็น
โกรธอีกฝ่ายหรอกนะครับ ว่าทำไมไม่บอกผมเรื่องนี้  ถ้าให้เดาไอ้ป้องมันคงตั้งใจจะบอกผมตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว แต่ดันวุ่นๆเรื่องขนมปังแทนเลยไมได้บอกออกไป อีกอย่างมากสุดในความรู้สึกของผมก็แค่ตกใจเท่านั้นแหละครับ ที่คนที่เราฟังเพลงเขามานานคือคนที่นอนข้างๆกันทุกคืน

ในความรู้สึก...มันเหลือแค่คำว่ารัก

“เกียร์รู้เหรอ ? ”

“กอดอยู่ทุกวันจนจำหุ่นได้ แค่เห็นช่วงเอวก็มองออกแล้ว   อ้วนๆแบบนี้มีคนเดี่ยวแหละ”

แต่นอนว่าผมยังคงโดนตีแขนเสมอต้นเสมอปลาย เอาเถอะครับ เป็นแบบนี้ก็ดี....

.....อยู่ข้างๆกันแบบนี้ตลอดไปเถอะนะ

“เพลงเพราะ....”

“เพลงเพราะ....เพราะเธอ”

ไอ้ป้องหยอดกลับ เดี่ยวนี้ทำไมแฟนผมมันวิวัฒนาการไวจังวะ .... แล้วงี้ผมควรจะหยอดกลับไปยังไงดี ?

ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปดี หรือเวลานี้ควรจะทำอะไรกับอีกฝ่ายดีไหม  ไอ้ป้องเองก็คงคิดเหมือนกับผม

รัก...จนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบแทนกันและกันแล้ว.....

“ข้างๆกัน.....”

“อื้ม...ข้างๆกัน....ตลอดไป”

ผมฝ่าฝืนกฎตัวเองข้อหนึ่งที่เคยตั้งไว้ว่าในโรงเรียนผมจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามกับไอ้ป้องมัน เพื่อเป็นการให้เกียรติ์มัน

แต่วันนี้ขอเหอะ....

แค่กอดคนที่เรารัก...คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่งครับ….

ผมกอดมันแน่น จนแอบกลัวเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะเจ็บรึเปล่า แต่เพราะมันไม่ว่าอะไรก็เลยกอดไปแบบนั้น มันเองก็กอดผมตอบ
กลับมาเหมือนกัน

ถ้าเปรียบผมกับมันเป็นละครเรื่องหนึ่ง ตอนนี้คงเป็นตอนที่ผมมีความสุขมากที่สุด มีความสุขที่ได้รับ มีความสุขที่ได้รัก มีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆกัน…. ผมโคตรอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จริงๆ  หยุดเอาไว้ตรงที่เรามีความสุข ....

แต่ตัวผมเองก็ลืมไปถนัด....

....ว่าละคร มันไม่ได้มีแค่ฉากที่มีความสุข



TBC.


มาเร็วครับ อาทิตย์หน้าต่างเหลือสอบตัวสามหน่วยกิตกะว่าพรุ่งนี้จะอ่านหนังสือเลยมาลงให้ก่อน  ^ ^

ตอนนี้ต่างเปิดโหวตแล้วนะครับ อยากจะสอบถามเพื่อนๆคร่าวๆก่อนว่ามีใครบ้างที่อยากจะได้น้องเกียร์น้องป้องเวอร์ ฯหนังสือไปครอบครอง    :hao6: ส่วนตอนพิเศษรับรอบว่าจัดเต็ม  :hao7:


อย่าลืมโหวตโพลกันนะครับ   :bye2:


ปล. ใกล้จบแล้วนะครับ  ถ้าต่างนับไม่ผิด ก็อีกประมาณ6-7ตอนพอดี  ไม่รวมตอนพิเศษ

ปลล.  ใครสนใจหนังสือ ลองดูรายละเอียดหน้า 8 ก่อนได้นะครับ  ต่างลงคร่าวๆไว้ให้แล้ว 


ขอบคุณครับ   :L2: :L2: :L2:







หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-07-2014 23:35:40
หวานโคตรๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 27-07-2014 00:35:23
 :impress2: อร๊างงงงงงง ฟินนาเล่

แต่จะทิ้งท้ายให้ฉันเครียดทำม้ายยยยยยย  :o12:

ปอลิง: วันนี้ไม่มีเวลามานั่งแก้คำผิดให้เลยอ่ะ มีเยอะเหมือนกัน ขอโทษทีนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2014 00:46:09
มันหวานจนเราฟิน
แต่ประโยคสุดท้ายก่อนจบคือไรอ่ะ
ต้องการสื่ออัลไลค้าาาาาา
พูดเหมือนพายุมาอ่ะตัวเทอ ไม่นะๆ :katai1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-07-2014 07:04:29
กำลังอ่านเพลินๆ กับอารมณ์หวานๆ ซึ้งๆ
ต้องเบรคไปกับความคิดของเกียร์ในตอนท้ายเลย

ว่าแต่อะไร หรือใครกันที่จะเป็นคนเสริฟมาม่าชามโต
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-07-2014 08:46:55
หวานมากกกก ฟินเลยค่าาาาา อ่านไปยิ้มไปจนแก้มแทบปริ อิอิ ชอบมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-07-2014 14:04:16
รู้สึกดีๆมากมาย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #27 เพลงที่ร้องออกมาจากใจ [26/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 28-07-2014 21:57:00
กรี๊ดดดด ป้อง มาจุ๊บที  เกียร์จ๋า  :mew2:   ยืมป้องควงวันนึงเดี๋ยวเค้าเอามาคืนเหมือนเดิมทุกประการ  :L2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าวครับ;___; [28/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 28-07-2014 22:55:50
หวัดดีครับเพื่อนๆ
วันนี้ต่างมาแจ้งข่าวนิดหน่อยครับ ต่างติดสอบจนถึงพฤหัสนู้นนนเลยครับแถมช่วงนี้มรสุมชีวิตค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร ตั้งแต่ย้ายอยู่หอ ปัญหาเยอะแยะสุดพลัง พอย้ายมาอยู่คนเดี่ยวถึงได้รู้พ่อแม่เลี้ยงเราดีขนาดไหน #ซึ่งกับวลีที่ว่ามาม่าเป็นอาหารประจำชาติของเด็กหอ(ซึ่งมันจริง5555)
ต่างอยากขอพักหน่อยนะครับ แต่คิดว่าคงไม่นานนัก อาจแค่พอให้หายเหนื่อย ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยเกินไปจนใจเริ่มๆท้อ เหนื่อยกับชีวิต เหนื่อยกับปัญหา ยิ่งตัวเองเป็นคนคิดมากด้วย #คิดน้อยก็ไม่ใช่เราคิดมากก็ปวดหัว
รู้สึกเหมือนใช้พื้นที่ในการบ่นเยอะเกินไป เอาเป็นว่าขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามนิยายของต่างนะครับ
แวะมาแจ้งข่าวเท่านี้งับ เพราะปกติจะอัพวันเว้นวัน #เพื่อบางคนรอ (คำถามคือจะมีไหม?5555 TTuTT)
ด้วยรัก(คนอ่าน)และจะรักตลอดไป
ขอบคุณทุกโอกาสและทุกกำลังใจต่างจะพยายามฟื้นตัวจากทุกปัญหานะครับ :|
แตกต่างเติมเต็ม
28/7/57
Ps.ฝนตก ดูแลสุขภาพกันด้วยน่า เป็นห่วง
Ps2.เราคิดถึงทุกคนนะแต่ช่วงนี้เราโคตรๆเหนื่อยจริงๆ TTuTT
Ps3.รอบนี้ขออ้อน อยากได้กำลังใจจากทุกคนจังครับ(โทร.หาแม่ไม่ติดTTuTT)
Ps.4ถ้าหายดีแล้วเราจะลบรีพลายนี้นะงับ รู้สึกเวิ้นเว่อเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าวครับ;___; [28/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-07-2014 23:26:30
รอได้จ้า เดี๋ยวอยู่ไปซักพักอาจจะมีอาการ Homesick หน่อยๆ
ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าวครับ;___; [28/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 29-07-2014 07:29:20
สู้ๆค่ะ แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าวครับ;___; [28/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2014 10:29:18
จ้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าวครับ;___; [28/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-07-2014 11:24:53
รอได้อยู่แล้วค่ะ พักให้หายเหนื่อย
กายพร้อม ใจพร้อมเมื่อไร เจอกัน

แอบมโนว่าคนแต่งบุคลิกคงไปทางป้อง
เพราะป้องเป็นคนคิดมาก ซึ่งตรงข้ามกับเกียร์
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าวครับ;___; [28/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-07-2014 14:47:07
รับทราบ
หายเหนื่อยแล้วค่อยมาต่อก็ได้ สู้ๆ
เฮ้อ ชีวิตเด็กหอ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 31-07-2014 19:30:26
#28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง




"เอ้า ชน!!!!"

เสียงไอ้อู๋ดังขึ้น ก่อนแก้วเหล้าของทุกคนจะชนกันเป็นสัญญาณฉลองความสำเร็จในวันนี้

หลังจบงาน พี่เซียร์กับพี่ยาซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ได้แสดงการขอบคุณน้องๆสตาฟทุกคนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังด้วยการพามาเลี้ยงหมูกระทะแน่ล่ะ ฉลองทั้งที่มันต้องมีเครื่องดื่มลูกผู้ชาย และสิ่งที่แน่นอนไปกว่านั้นคือบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่ทำหน้าหงิกไอ้ป้องเองก็เหมือนกันแต่มันเลือกที่จะไม่พูดออกมาต่างหากเลยนั่งเงียบๆคีบหมูกินไป

"พี่ขอขอบคุณทุกคนมากนะที่ช่วยกันจนเหนื่อย วันนี้กินให้เต็มที่!!!"

พี่เซียร์บอก

ตอนแรกพี่แกลงทุนเหมาร้านครับ แต่เฮียเจ้าของร้านขอบริเวณหนึ่งไว้ให้กับลูกเฮียแกพร้อมเพื่อนๆเห็นบอกว่าฉลองแข่งกีฬาสี
เสร็จนะครับ สรุปแล้วทั้งร้านเลยมีแค่สองกลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มเด็กพ.ว.ที่นั่งกันเป็นกลุ่มย่อยๆ กับอีกฟากที่เป็นเด็กโรงเรียนชาย
ล้วนชื่อดังพอๆกับพวกผม แต่ผมเห็นมีประมาณสิบกว่าคนเองน่ะนะ

บรรยากาศของร้านเป็นร้านติดแม่น้ำครับ จากจุดที่พวกผมนั่งอยู่มองเห็นวิวแม่น้ำยามค่ำเรียกได้ว่าบรรยากาศชวนนั่งดื่มนั่งกินจริงๆแหะแต่ที่เห็นจะไม่เข้ากับบรรยากาศก็อารมณ์มาคุของคนข้างๆผมเนี้ยแหละ

"ป้อง ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย"

ผมสะกิดเรียกเบาๆ ก่อนเราสองคนจะลุกออกไปจากวงหมูกระทะ ผมเดินพาป้องออกมายืนหน้าร้านตรงริมฟุตบาทไม่ใช่ห้องน้ำ
เหมือนที่บอกมันตอนแรก

"ป้องโกรธเกียร์เหรอ?"

ผมเปิดประเด็นขึ้น ไอ้ป้องส่ายหน้าช้าๆแต่ไม่ได้มองหน้าผม

"ป้อง.... เกียร์ดื่มแค่สองแก้วเองนะ"

"ครับ ป้องรู้แล้ว ...ก็ไม่ได้ว่าอะไร"

ปากไม่ได้ว่า แต่หน้าไปแล้วครับ

ผมดึงแก้มอีกฝ่ายทั้งสองข้างให้มันย้วยๆ ก่อนจะพูดต่อ

"ไหนเราตกลงกันแล้วไงครับ ว่าถ้ารู้สึกไม่ดีให้พูดออกมาไหนเราจะไม่เงียบใส่กันไง"

อีกฝ่ายถอนหายใจเหนื่อยอ่อน หลังพิงกำแพงร้านเอา

"ก็ป้องไม่อยากให้เกียร์ดื่ม มันไม่ดีต่อสุขภาพ"

ไหนที่สุดมันก็ยอมพูดออกมา ผมว่าแหละต้องเป็นเรื่องนี้

"ป้องครับ เกียร์ดื่มแค่บางครั้งเองนะ ไม่ได้ดื่มเมาหัวราน้ำทุกวัน"

ไอ้ป้องพยักหน้ารับฟัง แต่ดูเหมือนจะยังหม่นๆในใจอยู่

"เอางี้ เกียร์สัญญาว่าจะดื่มแค่บางครั้งจริงๆ และวันนี้แค่สองแก้ว แบบนี้พอโอเคไหมครับ?"

เรื่องบุหรี่ผมยอมเลิกแล้วหันไปเคี้ยวหมากฝรั่งแทนได้นะครับ แต่เรื่องดื่มเนี่ยผมว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรนะครับ ผมดื่มแค่พอเห็นว่าดื่ม ไม่ได้ดื่มแบบเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งยังคงสติไว้อยู่ในความคิดของผมการที่เราดื่มนี้ไม่ผิดนะครับ ถ้าดื่มแล้วเรารับผิดชอบตัวเองได้ดื่มแล้วไม่เป็นภาระใครก็ดื่มไปเถอะครับแม้จะยังคงหม่นๆ แต่สีหน้าที่แสดงออกของมันก็ ทำผมใจชื่นขึ้นมาหน่อยๆ

ตั้งแต่คบกับป้องถามว่ามีความสุขไหม? มีนะครับ เยอะด้วย แล้วทะเลาะกันมันก็มีบ้างเป็นธรรมดา ดีหน่อยตรงที่เราทั้งคู่ไม่งี้เง้า ไอ้ป้องอาจคิดเล็กคิดน้อยบ้างแต่นั้นก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ผมรับได้ เหมือนๆกับที่เราพูดกันก่อนจะคบกัน

ไม่ต้อง'เปลี่ยน'จนไม่ใช่เรา แค่'ปรับ'ให้อยู่ด้วยกันได้

นั้นต่างหากคือความรักที่ดีสำหรับผม....

ผมรักป้อง อยากดูแลป้อง แต่ก็มีบางเรื่องที่ผมอยากทำ อยากสนุก บางครั้งเราก็รู้แหละครับ ว่าที่ๆทะเลาะกันก็เพราะเขารักเราเลยห่วงเรา เหมือนๆปัญหาตอนนี้

"ตกลงไหมครับ?"

ผมถามย้ำ อีกฝ่ายพยักหน้าตอบเบาๆ ผมเลื่อนมือไปดึงแก้มไอ้ป้องเล่นอีกรอบก่อนจะพูดเสียงใส

"ขอบคุณที่เข้าใจเกียร์นะ"

อยากกอดขอบคุณอีกฝ่ายนะครับ แต่หน้าร้านก็ดูจะประเจิดประเจ้อไปหน่อย

"แต่ถ้าเกินสองแก้ว นอนชั้นบน!!!"

ผมบีบมือมันเบาๆแทนคำตกลง ก่อนจะพากันกลับเข้าไปในร้าน พอเงยหน้ามองฟ้ารู้สึกเหมือนๆข้างนอกร้านฝนกำลังตั้งเค้าแหะ

"เห้ย เดี่ยวก่อน!!! เต้จับไอ้ฟ้าดิ"

เสียงตกอกตกใจดังขึ้น ก่อนผมจะดึงไอ้ป้องหลบคนที่วิ่งสวนออกมาจากภายในร้าน

"เชรี้ยเอ๊ย!!! มึงอยู่นี้ก่อนนะ ไอ้ตี๋วิ่งหนีไปแล้ว"

ผู้ชายตัวสูงๆสบถหลังจับตัวคนวิ่งออกไปนอกร้านไม่ทัน ก่อนเพื่อนตัวเล็กๆมัดผมไว้เป็นกระจุกที่วิ่งมาด้วยกันจะหันมาขอโทษผมกับป้องที่ยังยืนงงๆ

"เราขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ ที่วิ่งสวนพวกนายออกไปแบบนั้น"

คนตัวสูงกว่าหันมาขอโทษผมพร้อมกันก่อนจะวิ่งออกนอกร้านไปทิ้งไว้เพียงไอ้ป้องที่ยิ้มจืดๆรับคำ พอผมเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแล้วเลยเดินพากันเดินเข้าไปด้านในต่อ

"สัส พวกมึงพลาดฉากเด็ด"

ไอ้อู๋ทัก หลังผมกับไอ้ป้องนั่งลงที่เดิมก่อนมันจะพูดขยายความ

"เมื่อกี้นี้เขาสารภาพรักกันเว้ย แมร่งดีดกีตาร์อย่างพลิ้ว แต่สรุปเด็กเขาไม่เล่นด้วยวะ วิ่งหนีไปนู้น"

ไอ้อู๋บุ้ยปากไปตรงประตูทางออกผมยักไหล่ไม่ใส่ใจเรื่องชาวบ้านเขาครับจะอยากรู้ไปทำไมไอ้ป้องเองก็คงคิดเหมือนผมเลยไม่
ได้ถามต่อแต่นั่งกินหมูกะรทะไปเงียบๆแทน

ผมรู้สึกว่าแต่ล่ะคนจะมีวิธีการง้อคนของตัวเอง(ใช้คำว่าแฟนเหมารวมไม่ได้เพราะบางคนยังไม่ใช่แฟน หึหึหึ) อย่างพี่เซียร์ก็ดูแลน้องเพลงเป็นพิเศษ ไอ้อู๋เอาขนมมาล่อต้องตา ส่วนคนอื่นๆก็ง้อกันไปตามบริบท สรุปแล้วพวกผมได้แค่คนละแก้วครับดีเหมือนกัน
ไม่เปลื้องเงินก็อย่างที่บอกครับกินแค่แก้อยากผมนั่งกินต่อสักพัก ก่อนเพื่อนคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหา

"ไอ้หมาเกียร์ กูมีของจะขายมึงสองร้อย"

ไอ้ปั้น เพื่อนที่เป็นช่างภาพประจำห้องผมพูดขึ้น ก่อนมันจะล้วงเอาอะไรสักอย่างขึ้นมาจากกระเป๋า

"อะไรวะ ตั้งสองร้อย?"

มันคลี่ยิ้มก่อนทำท่าจะส่งมาให้ผมดู แต่ไอ้ป้องคว้าหมับเอาไปดูก่อน

"กูซื้อเอง"

มันพูดเรียบๆก่อนจะยัดรูปลงกระเป๋าตัวเองหลังเห็นภาพดังกล่าว ไอ้ปั้นยักคิ้วกวนตรีนก่อนจะกลับไปนั่งโต๊ะเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจไถ่
ตังค์เพื่อน

"รูปไรวะป้อง?"

ผมถามด้วยความสงสัย ก็ดูไอ้ป้องมันลุกลี้ลุกลนนิครับ

"รูปหลุด"

"ดูหน่อย"

"ไม่เอา"

"ป้องครับ ขอเกียร์ดูหน่อยน่า"

ผมอ้อนเสียงหวานเอาหน้าถูไถต้นแขนมัน แต่ดูเหมือนไอ้ป้องจะไม่อยากให้ผมเห็นจริงๆแหะ

ตกลงมันเป็นรูปอะไรกันแน่ ?

"เดี่ยวถ้าผลสอบกลางภาคออกมาผ่านทุกวิชาแล้วจะให้ดู โอเค๊?"

มันพูดเสียงสูงจนผมต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้พลางสงสัยว่าเป็นรูปอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้ไอ้ป้องลงทุนควักกระเป๋าซื้อได้ตั้ง
สองร้อยบาท ปกติป้องมันใช้เงินเป็น(งก)จะตายไป

พวกเรานั่งดื่มกินกันไปดูแม่น้ำไป ตอนนี้ฝนด้านนอกตกแล้วครับแถมลมยังแรกมากๆอีกต่างหาก ผมสังเกตเห็นกลุ่มเด็กที่อยู่อีกฟากหลายๆคนกำลังนั่งไม่ติดโดยเฉพาะผู้ชายที่ตัวเล็กๆไอ้คนที่ขอโทษผมกับไอ้ป้องนะครับสงสัยคงเป็นเรื่องของไอ้ผู้ชายตัวขวาๆที่วิ่งสวนกับพวกผมนั้นแหละนะ

พอวกกลับมาฝั่งผม ไอ้ป้องคงเหนื่อยๆ แถมอากาศตอนนี้ก็เย็นจนน่านอนมันเลยหลับพิงไหล่ผมเอาดื้อๆ เวลาล่วงเลยไปราวเกือบๆสี่ทุ่มกว่า หลังกินกันเสร็จสิ้น พี่กาเซียร์อาสาพาพวกเพื่อนผมกับไอ้ป้องทยอยกันไปส่ง(พี่มันขับรถส่วนตัวมาครับ)ส่วนผมเองก็พาไอ้ป้องนั่งCbrกลับบ้าน ไอ้ป้องยังคงเหนื่อยจนหลับซบกับหลังผมไป

สิ่งที่เหนี่ยวรั้งผมกับมันเอาไว้ คือวงแขนของมันที่เอื้อมมาจับกัน... ผมมองผ่านกระจกหลังพลางคิดในใจเรื่อยเปื่อย

อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะป้อง....



….



..

.

.



หลังจบงานวันวิชาการ โรงเรียนผมก็ได้จัดละครเวทีแทบจะต่อเนื่องกันเพื่อโหมกระแสของเพลินจิตวิทยา คลิปการแสดงสดของ
อามัวหรือไอ้ป้องของผมถูกอัพลงยูทูปภายในวันนั้น ก่อนยอดวิวจะพุ่งทะยานถึงสามหมื่นวิวภายในวันเดี่ยว และยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นประวัติการ

งานวันวิชาการว่ายุ่งยากและมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะมากแล้ว งานวันแสดงละครเวทียุ่งยากมากกว่ายกกำลังสิบ!!!

เริ่มจากเหตุการณ์ป่วนๆที่เกิดขึ้นจากสีเทียนและหนมปัง โอเค...ถ้าจะพูดให้ถูกต้องโทษไอ้สีเทียนคนเดี่ยวต่างหาก(สนิทกันแล้วครับ เพราะหนมปังมาสาขาหนึ่งที่ไรจะเกาะติดไอ้ป้อง สีเทียนเลยมานั่งกับผมบ่อยๆ)ที่แมร่งบ้าขึ้นไปบทเวทีทั้งๆที่ไม่รู้บทในฐานะอัศวินเพื่อนสนิทของพระเอก แต่ดันเจือกมาชอบเจ้าหญิงจำเป็น(โดนบังคับ)ซึ่งรับบทโดยหนมปัง เรื่องมันคงไม่ยุ่งถ้าไอ้คนที่รับบทเจ้าชายก็ดันจีบหนมปังอยู่ สรุปแล้วฉากที่พวกเสนาธิการพยายามแปลงบทกันก็ได้แปลงบทจริงๆชนิดที่ว่าแทบจะลืมต้นฉบับไป เจ้าชายกับอัศวินทะเลาะกันแย่งเจ้าหญิงสุดท้ายนางฟ้า(ที่โผล่มาแบบงงๆเพราะตอนแรกไม่มีบท)มาเสกให้เจ้าหญิงสลายไป(วิ่งหนีลงเวทีด้วยความอับอาย)

แมร่ง เวอร์ชั่นพิสดารไปไหน.... พิสดารถึงขนานที่ว่าแทบจะล้มลงไปทั้งกอง ดีว่าผู้ชมที่มาชมดันคิดว่าพวกผมเตี๋ยมกันมาเลยไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่แน่นอนว่าหลังงานทุกคนโดนหัวหน้าใหญ่ของทั้งสองสาขาคือพี่เซียร์และพี่ยาทำโทษ ข้อหาที่ทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา สุดท้ายทั้งสามคน(หนมปังก็โดนข้อหาต้นเหตุ เจ้าตัวเลยตอบแทนเจ้าชายและอัศวินไปคนละหมัด ...โหดเชรี้ยๆ)เลยโดนทำโทษด้วยการทำตัวเป็นจิตสาธารณะให้แก่โรงเรียนทั้งสองสาขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน

แต่ก็ถือว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี......

.......ยกเว้นสอบกลางภาคของผมนะน่ะ...

สอบไปแปดวิชาตกไปหนึ่งวิชา สุดท้ายแล้วผมก็ไปไม่รอดกับพันธุกรรม ได้9คะแนน(แมร่งอีกศูนย์จุดห้าก็ทำไม่ได้นะไอ้เกียร์) ดีว่าคุณแฟนของผมเมตตาปราณีเพราะถือว่าขาดแค่ศูนย์จุดห้าเลยลงโทษเบาๆด้วยกันแยกกันนอนสามวัน

พระเจ้า ตั้งสามวันเชี่ยวนะครับ!!! ผมงี้แทบจะลงแดงตาย ไอ้ป้องโหดจริงๆเลยพับผ่าสิ....

เรื่องต่อมาคือปกติแล้วทุกเย็นผมกับป้องจะกลับบ้านด้วยกันนะครับ เพียงแต่ทุกวันนี้ผมลงเรียนพิเศษดรออิ้ง ของสถาบันสอนวาดรูปแห่งหนึ่ง ทำให้ช่วงนี้ไอ้ป้องจะกลับบ้านถึงก่อนผม(ถ้ามันไม่ติดประชุมนะ) วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมกลับถึงบ้านช้ากว่าไอ้ป้อง ผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นก่อนจะเห็นพ่อกับแม่นั่งกันอยู่

“พ่อครับ แม่ครับ สวัสดีครับ”

ผมส่งเสียงทักก่อนจะยกมือไหว้พ่อกับแม่ ท่านทั้งสองหันมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มรับให้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าสายตาของแม่ลีลาวดีดูจะเศร้าแปลกๆ ใบหน้าเองก็เศร้ามองลงไปมาก พอมองไปทางพ่อผมก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก

“มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมพ่อกับแม่ดูเครียดๆจัง ?”

ผมถาม ก่อนพวกท่านจะพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา

“ไม่มีอะไรหรอก เกียร์ขึ้นไปทำการบ้านเถอะ แล้วเดี่ยวลงมากินข้าวด้วยกันนะ”

แม่ลีลาวดีบอกผมแบบนั้น สุดท้ายผมเลยฟังคำแม่ด้วยการขึ้นไปบนห้อง

“ป้องจ้า กลับมาแล้ววววว”

ผมลากเสียงหวานก่อนจะปิดประตูลงแผ่วเบา ไอ้ป้องนั่งอัดเทปอะไรสักอย่างอยู่ตรงเตียงชั้นล่างก่อนจะหยุดลงเมื่อผมเดินเข้าไป
ถึงตัว

“ทำอะไรอยู่ครับ ?”

ผมกอดอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะซุกหน้าถูไถไปมา ไอ้ป้องยิ้มให้ผมจางๆเหมือนเคยก่อนจะกอดผมกลับ

แปลกๆแหะ....


“ไม่ได้ทำอะไรครับ นั่งเล่นอยู่”

“อืม ป้องสอนผันเต๊ะกับไนหน่อย เกียร์ลืมวิธีผันไปแล้วอ๊ะ”

ผมพูดถึงไวยากรณ์ญี่ปุ่นที่ได้เรียนมาวันนี้ ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนสีส้มออกมาจากกระเป๋า

“อ่า...วันนี้ป้องปวดหัวอ่ะ....”

“อ้าวเหรอ งั้นไม่เป็นไรช่างมันก่อนก็ได้”

เพราะเห็นสีหน้าเหนื่อยๆของอีกฝ่ายผมเลยเลิกตอแย ก่อนจะเหวี่ยงเสื่อนักเรียนลงตะกร้าผ้าแล้วเดินไปเปิดคอมเล่นดอทเอรอเวลากินข้าว เล่นไปสักตาไอ้ป้องก็ชวนผมกินข้าว น่าแปลกที่วันนี้ทั้งโต๊ะอาหารดูจะเงียบไปสนิท ไอ้ป้องเองก็กินน้อยลงมากๆทั้งๆที่กับข้าวก็เป็นปลาทับทิมทอดกรอบของโปรดมัน พ่อกับแม่เองต่างคนก็ต่างทานกันเงียบๆ ผมอุปปมาไปเองว่าพวกท่านคงเหนื่อยจากการทำงานที่ต้องเจอกับผู้คนเยอะๆในทุกๆวัน

“ป้อง ไม่กินปลาวะ”

ผมพูดก่อนจะทำท่าตักให้ แต่มันยกมือกันช้อนผมไว้

“กูไม่สบายนิดหน่อยวะ”

ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกผม เพราะมันเลิกแทนตัวเองว่ากูกับผมมาตั้งแต่วันนั้นของเราแล้วครับ พอได้ยิน
แบบนี้เลยไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไรออกไป ผมเลยเลือกที่จะทานข้าวเงียบๆ ก่อนไอ้ป้องจะกินเสร็จก่อนผมแล้วเดินขึ้นห้องไป พอตามขึ้นไปมันก็กวักเรียกผมไปนั่งตรงโต๊ะคอม

“อะไรวะ”

ผมถามงงๆ ไอ้ป้องไม่ตอบแต่จับผมนั่งตรงๆก่อนจะหยิบผ้าขนหนูที่บิดหมาดๆจากการชุบน้ำอุ่นมาค่อนๆเช็ดหน้าผม พอรู้สึกสบายตัวผมเลยปล่อยให้อีกฝ่ายจัดแจงตามใจชอบ

“หนวดมึงยาวแล้วนะ...เดี่ยวกูโกนให้”

อีกฝ่ายชี้แจงจุดประสงค์ ก่อนจะค่อยๆป้ายครีมสีขาวสำหรับโกนหนวดให้กับผม

ไอ้ป้องค่อนๆช้อนหน้าผมขึ้นก่อนจะมองต่ำลงมา ในแววตาของมันเจือปนไปด้วยความรู้สึกต่างๆที่ผมแยกไม่ถูกเหมือนๆกับมันกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ใบมีดโกนหนวดค่อยๆขยับช้าๆเบาๆ ไอ้ป้องเริ่มไล่โกนให้ผมจากซ้ายไปขวาจนกระทั้งสะอาดก่อนจะค่อยๆเอาผ้าเช็ดให้ผมที่ละนิดๆ ปิดท้ายด้วยการป่ายของเหลวอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมไม่แสบบริเวณที่เพิ่งถูกโกนไป ผมรู้สึกดีจนฟินนั่งนิ่งๆไปเลยแหละขอบอก

พอโกนหนวดให้เสร็จมันก็ไล่ผมไปอาบน้ำ ก่อนวันนี้จะบอกให้ผมรีบนอนไวๆ น่าแปลกที่วันนี้ผมไม่ต้องอ้อนอีกฝ่ายก็ลงมานอนกับผมดีๆ เพราะปิดไฟทุกดวงในห้องไปแล้วผมเลยไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้ายังไง รู้เพียงแต่มันหันหน้ามาทางผมก็เท่านั้นเอง

“วันนี้เป็นอะไรรึเปล่าครับ อ้อนเกียร์จัง ?”

ผมพูดหลังสัมผัสได้ถึงหัวทุยๆของมันที่ซบลงมา ปกติแล้วไอ้ป้องไม่ค่อยจะอ้อนผมนักหรอกนะครับ

“เกียร์ ....”

“ครับว่า... ?”

“ทำไมถึงชอบป้องล่ะ”

คำถามนี้ออกมาจากปากมัน ก่อนผมจะขยี้หัวเบาๆแล้วตอบกลับไป



“นกจะบินจำเป็นต้องมีเหตุผลเหรอป้อง ?”




ผมกลายเป็นพวกชอบตอบคำถามด้วยคำถามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แหะ รู้แต่ว่าที่ตอบไปนั้นมันก็น่าจะทราบถึงความคิดของผมนะ ไอ้ป้องหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนมันจะนอนนิ่งๆไป

“หลับแล้วเหรอ ?”

ผมถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป ก่อนแรงขยับเบาๆจะตอบผมแทนเจ้าตัว

“ป้อง....อย่าเลือนมือไปแถวนั้น...”

ผมเตือนเบาๆ เมื่อมือบางของไอ้ป้องเริ่มไปแถวๆบริเวณโซนอันตรายด้านล่างของผม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ฟังที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อยเพราะมือมันล้วงเข้าไปในขอบกางเกงของผมแล้ว!!!

“พรุ่งนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอ ?”

ผมเตือนต่อเพราะเริ่ม ‘ตื่นเต็มตัว’

อย่างที่กล่าวไปเริ่มต้นแต่แรกแล้วว่าผมปิดไฟหมดทุกดวงแล้วเลยไม่เห็นหรอกว่าสีหน้าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่  มือบางๆของมันล้วงเข้าไปประชิดชายแดนก่อนจะค่อยๆจับอย่างแผ่วเบา

“พรุ่งนี้กูไม่ไปโรงเรียน”

“ไปไหน”

“ทำธุระ...กับแม่นะ”

เพราะได้ยินแบบนั้น ผมเลยพลิกตัวอีกฝ่ายให้ลงไปอยู่ด้านล่างแทน

“งั้นคือนี้...ขอนะ”

เหมือนๆได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆในลำคอ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.....

แต่ผมกลับรู้สึกว่ามัน....

....กำลังเศร้าอยู่








.

.

.

.



.

.



“งั้นเดี่ยวเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะ”

ผมบอกกับไอ้ป้องที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพยับเยิน เมื่อคืนนี้กว่าจะปล่อยมันนอนก็ล่อไปเกือบๆเที่ยงคืน ที่สำคัญคือไอ้ป้องเป็นคนเริ่มครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา ถ้าผมไม่เริ่มก็ไม่มีทางได้เลย....

เจ้าตัวยิ้มรับคำให้ผมจางๆก่อนจะพูดเบาๆ

“โชคดีนะเกียร์”

“พูดเหมือนกับเกียร์จะไปไกลๆงั้นแหละ”

ผมแปลกใจกับคำพูดอีกฝ่ายเพราะมันดูเหมือนผมกับมันจะไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นแหละครับ ไอ้ป้องยิ้มให้ผมกว้างๆก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ไกลหรอก...เกียร์อยู่ในใจเสมอนั้นแหละ”

แน๊ะ....เดี่ยวนี้หัดหยอดเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมแลบลิ้นให้มันก่อนจะก้าวออกจากห้องนอนไป พอเดินลงไปข้างล่างก็เห็นแม่ลีลาวดีในชุดทำงานกำลังยืนอยู่

“แม่หวัดดีครับ...วันนี้จะพาป้องไปไหนเหรอแม่ ?”

แม่ลีลาวดีไม่ตอบ แต่ดึงผมไปกอดแน่นๆแทน ก่อนจะปล่อยออกแล้วยื่นบางอย่างให้ผม

“แม่ซื้อมาให้ เกียร์เก็บไว้ใช้นะ”

ผมขมวดคิ้วก่อนจะเปิดออกดู แล้วพบกับปากกาโคปิกอยู่ในกล่องของขวัญเล็กๆยี่สิบแท่งเรียงตัวบรรจุอยู่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบ

“ขอบคุณครับแม่”

ผมกอดขอบคุณ ก่อนแม่ลีลาวดีจะลูบหัวผมแผ่วเบา

“เกียร์ ตั้งใจเรียนนะลูก แม่รักเกียร์มากๆนะเหมือนๆกับเราเป็นลูกคนหนึ่งของแม่เลย....”

“ครับ”

ผมรับคำเพราะรู้สึกแปลกๆในใจ ทำไมแม้กระทั้งแม่ลีลาวดีก็พลอยพูดแปลกๆไปอีกคน

“งั้นเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะครับแม่”

“โชคดีนะลูก”

แม่ลีลาวดียิ้มให้ผมจางๆ ก่อนจะยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอด พอเดินไปที่หน้าบ้านผมเห็นพ่อยืนสูบบุหรี่อยู่...แปลกแหะ ผมรู้สึกเหมือนๆพ่อจะเลิกสูบตั้งแต่ตอนเจอกับแม่แล้วนะครับ แถมวันนี้ยังไม่ไปทำงานอีกต่างหาก

“ไปโรงเรียนก่อนนะพ่อ”

ผมตะโกนบอกก่อนจะเตรียมตัวเดินออกไป

“เย็นนี้กลับมาพ่อมีเรื่องจะคุยด้วยนะ”

พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงสงบๆแบบบอกไม่ถูก ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินออกนอกบ้านไป

หวังเพียงขอแค่ให้เวลาผ่านไปไวๆให้ผมกลับมาเจอไอ้ป้องอีกครั้งหนึ่งก็พอ....

..

..
.
.
.
.





วันนี้ทั้งวันผมรู้สึกเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมาเรียนคนเดี่ยวหรอกนะ เพียงแต่ผมรู้สึกเหงาๆแบบบอกไม่ถูกเพราะพอมองไปที่นั่งของไอ้ป้องแล้วเห็นว่ามันไม่อยู่

อย่าคิดมากดิวะไอ้เกียร์ กลับบ้านไปเดี่ยวก็ได้เจอกันแล้ว....

ผมไม่เคยรู้สึกอยากได้ยินเสียงออดตั้งแต่เกิดจนกระทั้งถึงวันนี้เลยครับ พอได้ยินเสียงออดปุ๊บผมแทบจะหนีบจาคอปแล้ววิ่งหูตั้งออกไปนอกโรงเรียนเพื่อไปเรียนพิเศษดรออิ้งจนกระทั้งหกโมงเย็น

......แค่คิดถึงใครที่คอยอยู่ที่บ้าน ผมก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วครับ

ผมกลับมาถึงบ้านในเวลาจวนเจียนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า รู้สึกคุ้นตาเหมือนๆตอนที่ผมกับไอ้ป้องยืนด้วยกันที่ชั้นสองตึกห้าเลยแหะมันเป็นวันแรกที่พบได้จับมือกับมันอังแสงพระอาทิตย์

พอก้าวเข้าไปในบ้านผมยกเดินผ่านห้องนั่งเล่นยกมือไหว้พ่อ ก่อนจะแทบจะถลาขึ้นไปห้องตัวเองชั้นบน....

.....ก่อนจะพบว่าห้องทั้งห้องที่เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า

มันว่าง....เหมือนก่อนที่ใครอีกคนจะก้าวเข้ามาในชีวิต

สิ่งของที่เคยยืนยันว่ามีใครอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตตลอดระยะเวลาสี่เดือนในห้องๆนี้กับผม....

.....หายไปหมดแล้ว

แขนของผมที่หนีบจาคอปไว้คลายตัวออกอัตโนมัติ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมค่อยๆยกมือที่แทบจะหมดแรงเปิดประตูตู้ออกมา ก่อนจะพบว่าข้างในเหลือเพียงแต่เสื่อผ้าของผมห้องทั้งห้องดูโล่งไปถนัดตา ผมเดินไปนั่งที่เตียงชั้นล่าง ก่อนจะเห็นเทปอัดเสียงที่ไอ้ป้องชอบอัดคำศัพท์ไว้ให้ผมฟังเวลาล่างวางไว้ข้างๆสมุดเล่มหนาสีเทา นิ้วมือของผมค่อยๆเลื่อนไปกดปุ่มเพลย์

เงียบ....ผมเห็นเครื่องบันทึกเสียงวิ่ง แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา ผมนั่งฟังแนบมันไว้กับหูก่อนเสียงๆหนึ่งจะรอดออกมาให้ผมได้ยิน

‘พอถึงเวลาจริงๆ.....กูพูดไม่ออก......’

น้ำเสียงของ ‘คนที่หายไป’ ดังออกมา ผมนั่งเม้มปากนิ่งรอฟังเสียงที่รอดออกมา

‘มันจุก...จนพูดไม่ออก......กูไม่รู้ว่า....จะต้องบอกมึงยังไง.......’

น้ำเสียงที่พูดออกมาเจือปนไปด้วยความรู้สึกใจหาย

ไม่ใช่แค่คนพูด....

....คนฟังอย่างผมก็แทบจะหยุดหายใจ

‘กูมันคนขี้ขลาด...เกียร์.....’

มันเว้นวรรคไปก่อนเสียงกีตาร์จะดังขึ้น ผมแทบจะกลั่นหายใจฟังด้วยซ้ำ

‘เหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่เจอ
ทำให้เธอและฉันดูเหมือนยิ่งรักยิ่งห่าง
เหตุใดความรักที่พร้อมทุกอย่าง
บางสิ่งกลับดูขาดหาย สุดท้ายก็หาไม่เจอ’


‘เป็นเพราะเราต่างกัน
บนสวรรค์บันดาลให้ฉันและเธอต้องจาก
อยากให้เธอรู้เอาไว้อย่าง’


เสียงกีตาร์เงียบหายไป ก่อนเสียงร้องของมันจะออกมาพร้อมๆกับน้ำตาที่เอ่อร้นออกมาทั้งสองข้างของผม

‘......ว่าฉันจะมีแต่เธอ....อึก.....ในใจเสมอ’

หยาดน้ำตามากมายของผมไหลออกมา ก่อนเสียงร้องที่ปนไปกับเสียงสะอื้นร้องไห้ของไอ้ป้องจะดังออกมา

‘ความทรงจำดีดี...อึก....จะคงเหมือนเดิม..’

‘อย่างน้อยได้รู้ว่ารัก...เธอมากแค่ไหน...อึก....’

‘ฉันไม่เคยเลยไม่เคยเสียใจ............................’

‘ที่ได้รักเธอ.....’

เสียงไอ้ป้องเงียบหายไปนานมากแต่ไม่มากเท่าน้ำตาของผมที่ยังคงไหลรินออกมาจากดวงตา....

‘ป้อง...อึก....ป้องขอโทษ....ที่ต้องไป.......’

‘ไม่ได้อยากห่าง....แม้กระทั้ง...สักวินาที’

‘แต่ถ้าป้องไม่ไป.....เรื่องมันคง....เลวร้ายมากกว่านี้.........’

‘อึก....ขอโทษนะเกียร์...............’

‘ปกป้อง....จะรักก้องเกียรติ์เสมอไป....ครับ......’

ผมทรุดตัวลงไปนอนตรงที่ๆใครคนหนึ่งเคยนอนอยู่ทุกๆวัน หมอบใบเดิมถูกวางอย่างเป็นระเบียบเหมือนกับไม่มีใครมานอนนานมากแล้ว คราบฟูกจางๆยังติดจมูกผมอยู่ กลิ่นของคนที่ผมรักยังคงตลบอบอวลไปทั้งห้อง ผมร้องไห้จนปวดตาทั้งสองข้าง สมอง
เองก็ตื้อไปหมด

รู้ตัวอีกที่ผมก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อของผมแล้ว....

“พี่ป้อง....ไปไหนเหรอครับ......”

ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พ่อของผมนั่งลงกับโต๊ะของห้องรับแขกก่อนจะพูดออกมา

“ย้ายออกไปแล้ว”

มันเหมือนมีมีดสักร้อยสักพันมากรีดใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผมแทบล้มทั้งยืนด้วยซ้ำ

“ทำไม...ครับพ่อ......”

“..........................”

“ผมกับป้อง....ทำผิดอะไร....”

ผมสะอื้น พยายามควบคุมน้ำเสียงและร่างกาย ไม่ให้อ่อนแอไปมากกว่านี้

“ความรัก....มันผิดตรงไหนครับ”

“มันผิดตรงที่พวกแกทั้งคู่เป็นผู้ชาย !!! เกียร์ พ่อเลี้ยงแกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออดตั้งแต่แม่ของแกทิ้งไป แกไม่เคยผิดปกติหรือจะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว แต่ทำไมแกถึงได้ชอบผู้ชาย!!! พ่อไม่เคยคิดเลยว่าแกจะเป็นแบบนี้”

พ่อลุกขึ้นยืนตวาดเสียงดังลั่น ถ้าเป็นปกติผมคงหงอแล้วเดินกลับห้องไป

“ผมแค่มีความรัก...ผมทำผิดอะไรร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ แค่คนที่ผมรัก....คือไอ้ป้อง”

“ผิดสิ ความรักของแก มันไม่ใช่ความรักที่ถูกต้อง !!!! แกคิดจริงๆเหรอว่าผู้ชายกับผู้ชายมันจะไปด้วยกันรอด มันไม่มีหรอก ไอ้รักแท้จอมปลอมนั้น ขนาดผู้หญิงกับผู้ชายปกติทั่วไปยังเลิกรากันออกจะเยอะแยะไป แล้วไหนจะคนในสังคมอีก ความรักของแก มันเป็นความรักที่สังคมไม่ยอมรับ!!!! แกจะให้ชั้นเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่มีลูกชายเป็นเกย์ ห๊ะ!!!!”

น้ำตาของผมไหลออกมาอีกระลอกเมื่อได้ฟังคำพูดของคนเป็นพ่อ ผมบีบเครื่องอัดเสียงของไอ้ป้องไว้แน่นก่อนจะหันหลังให้กับพ่อ

“ถ้าแกยังดื้อดึงไม่เลิก ฉันจะส่งแกไปนอก และจะไม่ให้กลับมาที่ไทยอีก”

ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าไอ้พวกตัวเอกที่โดนพ่อแม่พูดใส่แบบนี้จะยืนนิ่งๆช็อกอะไรรึเปล่า แต่สภาพจิตใจของผมตอนนี้ มันไม่มีอะไร
จะแย่ไปเท่ากับการที่หัวใจอีกครึ่งดวงของผมต้องโดนพรากจากไปหรอกครับ ผมแทบจะวิ่งออกไปด้วยซ้ำ แทบไม่อยากจะรับรู้ว่ามันคือเรื่องจริง

 “ไอ้เกียร์ แกจะไปไหน!!!!”

ผมไม่ตอบคำถามของพ่อ ไม่สนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลัง ... ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปไหน แค่รู้ว่าอยากตามมันกลับมา อยากตามคนๆนั้นมาอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง  ผมได้ยินเสียงพ่อตะโกนไล่ตามหลังออกมาอีกมากมาย แต่เหมือนระบบรับรู้ของผมจะดับลงไปแล้ว ผมแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้วด้วยซ้ำ นอกจากไถ่สเกตออกไปข้างนอกก่อนจะถึงบริเวณโค้งตรงทางเลี้ยวออกไปนอกซอย  ไอ้ป้องย้ำกับผมเสมอว่าเวลาขับรถให้ระวังตรงโค้งนี้ เพราะคนที่ขับสวนเข้ามาจะมองไม่เห็นผมหรือใครก็ตามที่กำลังจะออกไป

......และผมก็ลืมคำเตือนนั้นไปสนิทใจ

‘ปรี๊นนนนนนนนนนนนนน’

แสงไฟจากหน้ารถยนต์คันหนึ่งซึ่งขับเข้ามาในซอยสะท้อนใส่แก้วตาของผมก่อนร่างกายจะสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่มากพอจะ
ทำให้ร่างทังร่างกระเด็นลอยกลับไป ผมได้ยินเสียงคนร้องตกใจมากมาย ได้ยินเสียงพ่อตะโกนเรียกชื่อผม ของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากศีรษะและลำตัวที่กระแทกเข้ากับพื้นถนน สติที่เหลืออยู่ของผมสั่งให้มือทั้งสองข้างกุมเทปที่บันทึกเสียงของไอ้ป้องไว้

ป้อง....อย่าทิ้งกูนะ....

นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมคิด ก่อนโลกทั้งใบจะดับวูบลงไป......


TBC.



หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 31-07-2014 19:50:12
อร๊ายยยย ไม่น้าาา เกียร์โดนกีดกันก็แย่แล้ว อย่าให้เป็นอะไรเลย สงสารทั้งสองคนเลย แต่สงสัยจังทำไมต้องให้แม่ย้ายออกไปด้วยล่ะ พ่อไม่รักแม่เหรอ จะต้องเลิกกันด้วยเหรอ เศร้าเลย แม่ออกจะน่ารักอ่า รออ่านตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-07-2014 19:52:26
คุณพ่อออออออออออออ
เกียร์..............อย่าเป็นอะไรนะ
ยังไม่ได้เจอป้องเลย ป้องอยู่ไหน
รีบมาหาเกียร์นะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-07-2014 21:13:58
ทำไมมาม่าชามแรกรสชาติมันจี๊ดขนาดนี้ล่ะ
คิดว่าจะไต่ระดับ ที่ไหนได้เลยมีนไปซะเยอะ
ทำเอาน้ำตาร่วงหล่นไปเยอะเลย สงสารจัง
ว่าแต่พ่อกับแม่ป้อง ต้องเลิกกันด้วยเรื่องนี้ใช่ป่ะ
แล้วเกียร์จะเป็นอะไรมากมั้ย ป้องจะรู้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-07-2014 21:44:33
อ่านแล้วถอนหายใจ เฮ่อออออออออ ในความเป็นจริงมีคนคิดแบบนี้เยอะแยะ
มันอาจจะจริงที่เป็นความหลงชั่วครู่ แต่การปฏิเสธทุกอย่างก็เหมือนผลักไสลูกออกไปนั่นแหละ

สงสารคุณแม่ ปกป้อง แล้วก็เกียร์
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 31-07-2014 22:51:28
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :hao5: :hao5: :hao5:  :ling1: :ling1: :ling1:
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
ทำไมทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้
คณพ่อหัดเปิดรับอะไรๆบ้างสิ ตัวเองก็บอกอยู่ว่าขนาดคู่ชายหญิงก็ไปไม่รอดต้องหลายคู่
คุณพ่อรู้ได้ไงว่าถ้าเกียร์คบผู้หญิงจะไปรอด
ช กับ ช รักกันได้มันต้องรักกันมากๆนะคุณพ่อ เค้าถึงจะยอมทิ้งชีวิตแบบคนทั่วไป
ต้องมาอยู่อีกฝั่งที่มีคนแบบคุณพ่อรุมประนาม คุณพ่อควรจะเป็นกำลังใจให้เกียร์นะ

การที่เกียร์โดนรถชนหวังว่าจะทำให้ป้องกลับมา
สาธุขอให้เกียร์ความจำเสื่อม  :call:
แล้วโดนป้องจับกด กลายเป็นศรีภรรเมียแทน  :hao6:



ไม่งี้เง้า => ไม่งี่เง่า
นั้นต่างหาก => นั่นต่างหาก
แต่สรุปเด็กเขาไม่เล่นด้วยวะ วิ่งหนีไปนู้น => แต่สรุปเด็กเขาไม่เล่นด้วยว่ะ วิ่งหนีไปนู่น
กินหมูกะรทะ => กินหมูกระทะ
ไอ้ผู้ชายตัวขวาๆ => ?????? ขาวๆ ป่ะ
ยกเว้นสอบกลางภาคของผมนะน่ะ... => ยกเว้นสอบกลางภาคของผมน่ะนะ...
“ป้องจ้า กลับมาแล้ววววว” => “ป้องจ๋า กลับมาแล้ววววว”
เหวี่ยงเสื่อนักเรียน => เหวี่ยงเสื้อนักเรียน
ผมอุปปมาไปเอง => ผมอุปมาไปเอง
“กูไม่สบายนิดหน่อยวะ” => “กูไม่สบายนิดหน่อยว่ะ”
จากซ้ายไปขวาจนกระทั้งสะอาด => กระทั้ง?? แก้เป็นกระทั่ง ไม่ก็ตัดคำนี้ไปเลยไหม อ่านแล้วสะดุด
ผ้าเช็ดให้ผมที่ละนิดๆ => ผ้าเช็ดให้ผมทีละนิดๆ
การป่ายของเหลว => การป้ายของเหลว
“งั้นคือนี้...ขอนะ” => “งั้นคืนนี้...ขอนะ”
“งั้นเดี่ยวเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะ” => “งั้นเดี๋ยวเกียร์ไปโรงเรียนก่อนนะ”
กลับบ้านไปเดี่ยวก็ได้เจอกันแล้ว => กลับบ้านไปเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว
อัดคำศัพท์ไว้ให้ผมฟังเวลาล่าง => อัดคำศัพท์ไว้ให้ผมฟังเวลาว่าง
นอกจากไถ่สเกต => นอกจากไถสเกต
ปอลิง : เฮิร์ตเกิน เรดาห์ตรวจคำผิดอาจจะทำงานบกพร่อง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28 ยิ่งรัก....ยิ่งห่าง [31/07/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 01-08-2014 00:13:50
เฮ้ย  :a5:   ไม่เอาแบบนี้นะต่าง แง๊ เกียร์ฟื้นสิฟื้นขึ้นมา พ่อไม่ยอมรับแล้วไงละ หาเงินส่งตัวเองก็ได้นี่นาแล้วหลังจากนั้นก็เป็นชีวิตของเรา สู้ ๆ ขอให้ฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย ไม่เอาความจำเสื่อมนะ

ล.พึ่งว่างมาเหมือนกัน มีเทสฟิสิกส์ เกือบตาย ฮื้ออ  ต่างสู้ ๆ ยังไงเราก็อยู่ตรงนี้ อยู่ด้วยกันจะคอยเป็นกำลังใจให้ แรกๆอยู่หอปรับตัวยากหน่อย แต่พอผ่านไปซักะักจะชินไปเอง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 02-08-2014 20:32:36

#29  Diaryของปกป้อง



20/07/52

อื้ม... วันนี้วันเกิด แม่ลีลาวดีซื้อสมุดให้เป็นของขวัญ เล่มสีเทาสวยมากเลย ตอนแรกกะว่าอยากจะทำเป็นสมุดโน้ตย่อ แต่มันหนาๆอ๊ะ งั้นทำสมุดบันทึกแล้วกัน ฮ่าๆ ไม่ชอบพูด แต่ชอบเขียน ไม่แปลกหรอกมั่ง
งั้นสวัสดีนะ ‘บราว’ สีน้ำตาลชื่อบราวนี้ คงโอเคแล้วเนาะ...
ฝากตัวด้วยนะ บราว

22/07/52

เห้ยบราว เราสอบติดเพลินจิตวิทยาแล้ว!!! โรงเรียนที่เด็กทั่วประเทศอยากเข้าเลยนะ !!! เราติดด้วยแถมยังได้อยู่ห้องห้าวิทย์-คณิตอีกต่างหาก จริงๆมีเรื่องจะบอก เราเป็นเด็กที่อ่อนภาษามากกกกกกกกก ที่สุดในสามโลก อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษเลย ภาษาไทยเรายังไม่คล่องเลย แต่ยังไงก็ได้เรียนวิทย์คณิตสมใจอยากแล้วนะ แต่ที่นี้ค่าเทอมแพงน่าดูเลย เอาเป็นว่าจะพยายามสอบให้ได้ทุน จะได้ไม่เปลื้องเงินแม่

แล้วเจอกัน เพลินจิตวิทยา !!!

ปล. สวนที่โรงเรียนนี้สวยมากเลย ไว้ว่างๆจะถ่ายรูปมาฝากบราวนะ


28/07/52

วันนี้ไปโรงเรียนมาวันแรก ....

อ่า.... จริงๆแล้วไม่ค่อยดีเท่าที่คิดแหะ บราว เด็กที่นี้แข่งขันกันจังเลย นี้ความเป็นมิตรหายไปไหน !!! เจอกันวันแรกก็แข่งกันอยากจะเอาเกรดสูงๆแล้ว

ช่วยกันเรียนไม่ได้รึไงนะ... ?

แต่สวนดอกไม้ที่นี้สวยจริงๆแหะ พอๆกับที่เชียงใหม่บ้านเราเลยบราว จะว่าไปแล้วตั้งแต่แม่พาเราย้ายมากรุงเทพเราก็ไม่ได้กลับไปเชียงใหม่เลย คิดถึงที่นั้นจัง.... เด็กเชียงใหม่จริงใจกันทุกคน ไม่เหมือนที่นี้เลย....

เอาเถอะ อดทนนะไอ้ปลื้ม เพื่ออนาคตที่ดี




04/08/52

ไปโรงเรียนสัปดาห์ที่สองมาบราว แย่ๆๆๆๆๆๆ  ทำไมเห็นแก่ตัวกันจังเลย .... เฮ้อ  เด็กต่างจังหวัดแล้วไงวะ  ก็ฉลาดจนสอบเข้าติดอ่ะ  โด่วววว เบื่อเด็กกรุงขี้อวด อวดโทรศัพท์ อวดนู้น อวดนี้

ของพวกนั้นใช้เงินตัวเองซื้อเหรอ ? ตลกจัง  น้ำพักน้ำแรงของพ่อของแม่ เพื่อบำเรอลูกๆด้วยของไร้สาระแบบนั้น
น่าสงสารพ่อแม่พวกนั้นจริงๆ

เออบราว วันนี้มีเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฟังด้วย

วันนี้เว้ย เรามีคาบเรียนที่ห้องสมุด ที่นี้เราเลยไปนั่งตรงโต๊ะตัวเดียว จู่ๆมีเด็กห้องอื่นมานั่งข้างๆ เราก็อื้ม อ่านหนังสือไป สักพักมันมาร้องเพลงกรอกหูเราเฉย ขอโทษเหอะ เสียงร้องแมร่งโคตรตกคีย์ นี้เสียงคนรึชามแตก 5555+  แถมตัดผมทรงสกินเฮดอีกต่างหาก มั่นใจว่าไม่ใช่เด็กห้องเราแน่ๆ เพราะเด็กห้องเราตัดรองทรงสวยงามกันทุกคน สรุปคือหมอนี้เข้าผิดห้อง 55555+ โอ๊ย ขำ คนบ้าอะไรติ๊งต๊องจริงๆ

หมอนั้นสอนเราสะกดคำว่า ‘happy’ ด้วย ...

ก็บอกแล้วว่าเราอ่อนภาษา

แต่คิดว่าคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เพราะเรียนกันคนละห้อง แถมอยู่กันคนละสายอีก

อื้ม....แต่อีกฝ่ายก็ได้ลงบันทึกของเรานี่หว่า งั้นแทนชื่อให้แมร่งหน่อยล่ะกัน....

แล้วจะแทนว่าอะไรดี .... ?

อื้ม... จุดเด่นที่ทำให้ลืมไม่ลงเหรอ.....อย่างมันก็......

.......หวัดดีนะเว้ย ‘ไอ้เหม่ง’ 555555+

Ps. นั้นหน้าผากคนหรือพระอาทิตย์ ?  5555555555555555+





09/08/52

เห้ย !!! ความบังเอิญมีอยู่จริง

บราวจำคนที่เราบอกว่าหัวเหม่งได้ไหม  วันนี้เจอหมอนั้นที่ห้องปกครอง  แง่ง  เด็กบ้านั้นสูบบุหรี่แหละ โดนจารย์จับได้ สมน้ำหน้า แบร่ๆ  แต่บราเทนเดอร์โครวก็โหดไปนะ เล่นฟาดไปสิบกว่าที่ ตูดมันเลยเป็นรอยไม้เรียวยาวๆ ทำไมเราถึงรู้นะเหรอ ?...

.....ก็เห็นเต็มสองตาไง

เออวะ  เราลืมดูชื่ออีกฝ่ายเลย....

Ps. บราเทนเดอร์เรียกเราไปใส่ยาให้หมอนั้นไง  ไม่งงใช่ป๊ะ

Ps.2 รู้สึกเสียสายตานิดๆ ต้องไปมองตูดมันเนี้ย





10/08/52



บราว วันนี้เรามีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ….

อีกแล้ว!!! เจอหมอนั้นอีกแล้ว บังเอิญไปไหม ?

แต่ทำไมเจอกันแต่ละครั้งมีแต่เรื่องนะ ...

ก็วันนี้เราไปเดินแถวตลาดข้างๆโรงเรียนเรามากะว่าจะหาของขวัญวันแม่ให้แม่ล่ะ  หมอนั้นกับพวกไปมีเรื่องกับพวกเด็กอาชีวะ รู้สึกเหมือนๆเพื่อนหมอนั้นจะไปหาเรื่องก่อนนะ  แย่งแฟนหรืออะไรกันเนี้ยแหละ  (แก่แดดที่สุด อายุแค่นี้มีฟงมีแฟน -  -*) พอจะมีเรื่องกันเราเลยโทร.ตามบราเทนเดอร์โครวมาจัดการ ดีนะว่าไมใกล้จากโรงเรียนเท่าไหร่ ครูเลยมาไวมากกกกก
นี้เราไม่ได้เสือกเรื่องชาวบ้านใช่ไหม ? 55555+


Ps. และก็เสียสายตาอีกรอบ.... รอยเก่าไม่ทันหาย โดนประทับรอยใหม่ซะแหละ…สงสารตูดแกจัง เกิดมาโคตรมีกรรม มีเจ้าของเป็นเด็กเกเรเนี้ย


PS.2 เราก็ยังไม่รู้จักชื่อหมอนั้นอยู่ดี ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น รู้แค่ว่าอยู่ห้อง11 ตึก2  ห่างจากตึกเรียนเราไปสองตึก


...แล้วนี้จะอยากรู้ตึกเรียนมันไปทำไมวะ.....





13/08/52

ในที่สุดก็รู้จักชื่อหมอนั้น...

เปล่า วันนี้ไม่ได้เจอกันหรอกนะ  เราแค่ไปค้นทะเบียนประวัตินักเรียนดู

ไม่อยากจะคุยนะบราว แต่ในห้องปกครองนี้เราเดินไปไหนมาไหนก็ได้  55555+ โคตรมีอำนาจแหะ  วันนี้พี่ยิ้มแย้มออกมาจากห้องด้วย(ประธานนักเรียนโรงเรียนเราเอง)  ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชาย หน้าตาโคตรสวยยยยยยย อ้ากกกกกกก  ขนาดเราเป็นเด็กเหนือยังขาวไม่เท่าพี่เขาเลย  แต่ก็ยังว่าแหละ เราทำงานพิเศษกลางแดดจนผิวกลายเป็นสีน้ำผึ้งไปแล้ว

อย่าดำเลยนะ ตัวของฉัน  ....

อ้อ เกือบลืมประเด็นหลักไปเลย....

มันชื่อ ‘เกียร์’ …(ชื่อแปลกๆเนาะ ?)  ชื่อจริงชื่อก้องเกียรติ์ .... โห ชื่อดูภูมิฐานมากกกก แปลว่าชีวิตเต็มไปด้วยเกียรติ์ยศและ
ศักดิ์ศรี แต่ทำไมเจ้าของชื่อโคตรเกเรเลยก็ไม่รู้


Ps. เรานี้ไม่เจอเหม่งแล้วรู้สึกแปลกๆแหะ




19/08/52



โหยยยยย ไม่ได้เขียนนานเลย โทษนะ งานยุ่งมากกกกกกกก นี้แน่ใจนะว่างานเด็กม.1  ???  รายงาน แบบฝึกหัด สอบย่อย  อ้ากกกกกกกกก แทบจะทับเราตายอ๊ะบราว แถมวันนี้รู้สึกปวดๆหัวใจด้วย T  T  ไม่อยากไปหาหมอเลยไมได้บอกแม่  เรากลัวเข็มฉีดยาอ๊ะ




Ps. วันนี้เจอเหม่งที่โรงอาหารด้วย  หมอนั้นเพื่อนเยอะจัง.....


......อยากมีเพื่อนเยอะๆแบบนั้นจัง......





20/08/52



วันนี้เจอเด็กสาขาสองด้วย  ชื่อมู่หลาน 5555+ ชื่อแปลกอีกแล้ว  หมอนั้นบอกว่าพ่อชอบดูหนังจีน อยากได้ลูกสาวเลยตั้งชื่อนี้ให้ แต่นิสัยดีนะ  ฉลาด พึงพาได้  นี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อน ไม่ใช่พวกเห็นแก่ตัว ที่อาศัยคำว่าเพื่อนหาผลประโยชน์จากเรา แง่งๆ เราตัดสินใจแล้วล่ะบราว  ไม่มีเพื่อนในห้องก็ไม่เป็นไร


เราไม่ชอบอยู่กับคนมากๆอยู่แล้วนิ....

Ps.  บรรทัดสุดท้ายเราโกหก




04/09/52


อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ขอโทษบราว เราหากุญแจลิ้นชักไม่เจอวะ  เพิ่งมาเจอตอนเก็บห้องเนี้ยแหละ ///ปัดฝุ่นๆ
มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะแยะเต็มไปหมดเลย  ตอนนี้ประธานโรงเรียนเราเปลี่ยนคนแล้วนะ  ประธานคนใหม่ชื่อพี่กาเซียร์ ฉลาดมากกกกกก ติดค่ายสอวน.ตั้งแต่ม.4 เคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา สุดยอดดดดดดด !!! ไอดอลเราเลยแหละบราว แถมพี่เขายังใจดีมากๆอีกต่างหาก ซื้อขนมมาฝากพวกเราประจำเลย

เรื่องต่อมา บราวคงยังไม่ลืมไอ้เหม่งใช่ไหม ?  หลายๆวันมานี้เจอบ้างไม่เจอบ้างแหะ แต่วันไหนที่เจอเป็นอันต้องมีเรื่องเดือดร้อนตลอด นี้มันตัวหายนะชัดๆ แง่ง แต่หมอนี้ฟันสวยชะมัดยาด  เรียงกันเป็นระเบียนแถมยังสะอาดสะอ้านอีกต่างหาก เป๊ะทั้งตัวจริงๆแหะ

เออ ใช่ หมอนี้วาดรูปเก่งเมพๆเลยบราว  วันนี้จารย์ส่งหมอนี้ไปแข่งวาดภาพกำแพงสีมา หมอนี้เข้ารอบนะ แต่ดันสละสิทธิ์สะงั้นอ่ะ เสียดายแทนเลยเพราะนี้มันการแข่งขันระดับประเทศเลยนะ  แต่เห็นสีหน้าหมอนั้นตอนลงรถแล้วเราว่าก็ดีแล้วล่ะที่สละสิทธิ์ หมอนั้นบอกว่าไม่อยากได้รางวัลที่มาจากคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง

หล่อ รวย หยิ่ง ...

บ๊ะ ....นี้มันคุณสมบัติพระนิยายไทยน้ำเน่าแท้ๆ

Ps. เราก็ไปแข่ง ได้เหรียญทองคณิตด้วย เก่งป๊ะล่ะ ???

Ps.2  อาจารย์พาไปเลี้ยงหมูกระทะ  หมอนี้กินโคตรจุเลย  ทานเข้าไปได้ยังไงตั้งเยอะขนาดนั้น ถ้ามีเมียนะ เมียมันคงเบื่ออ๊ะ ต้องทำกับข้าวให้กันเยอะๆ ...

......  แล้วเราไปคิดแทนเมียหมอนั้นทำไม... ?




05/09/52

เราว่าเราเกลียดความบังเอิญ....

กีฬาสีของเพลินจิตวิทยาจะสุ่มเด็กหลายๆห้องมารวมกันเป็นหนึ่งสี ....

ห้อง  1  ห้อง 5  และห้อง  ....

11

.......

แต่ดีหน่อยนะ เด็กปีหนึ่งไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นั่งสแตนท์เชียร์ก็พอ พอเด็กสามห้องมาร่วมกันแล้วดูสนามแคบลงไปถนัดตาเลยแหะ พวกพี่ๆโหดกันจัง เดี่ยวว๊ากๆ

แต่แอบสงสารอ๊ะ  ว๊ากจนเจ็บคอเสียงหายหมดเลยแหะ...

รักเพื่อน เคารพพี่ ดูแลน้อง นี้เป็นวลีเด็ดของเพลินจิตวิทยา เราว่าไอ้เคารพพี่กับดูแลน้องนี้จริงๆนะ พี่ๆดูแลดีมาก พวกเราก็เคารพพวกพี่ๆเขานั้นแหละ แต่รักเพื่อนคงไม่ใช่

นี้มันโรงเรียนชายล้วนนะเว้ย!!! ลองรักเพื่อนสิครับ 555555555555555555+

Ps.ไอ้เหม่งถูกเลือกให้เป็นเทวดาเดินพาเหรด

Ps.2 มันโดนบังคับโดนพี่ๆแก๊งนางฟ้า

Ps.3 มันถูกถอดเสื้อโชว์คนในสี พี่ๆต้องการวัดไซร์ตัดชุด (เชื่อไหมว่าข้ออ้างอยากดูหุ่นมัน -  - *) เห็นพี่ๆกรี๊ดใหญ่เลย ขนาดเห็นแค่ช่วงบนนะเนี้ย โด่วววววววววว

....เราเห็นข้างล่าง(ก้นขาวๆ)มาแล้วยังไม่คุยเลย ชิชะ  เห็นแค่นั้นทำเป็นกรี๊ด

.....แล้วนี้เราทำหน้าหงุดหงิดทำไมวะ.....




12/09/52


หมอนั้นแมนสุดๆเลยบราว...

วันนี้มีแข่งขันแฮนด์บอล  ที่นี้คนในสีปาลูกบอลไปกระแทกใส่เพื่อนคนหนึ่ง เราเห็นล้มตึ่งไปเลย ไอ้เหม่งแมร่งแข็งแรงมาก ช้อน
ตัวแล้วอุ้มไปเฉย (แข็งแรงไปไหนนนน) แต่หมอนี้รักเพื่อนตัวเองจริงๆนะ ช่วยกันขนาดนี้

.......ชักอยากเป็นเพื่อนกับหมอนั้นแล้วสิ



15/09/52



วันนี้วันเสาร์  เราไปทำงานพิเศษที่ห้างแถวบ้านมา จริงๆแม่ก็ไม่อยากให้ทำนะ แต่เราไม่อยากนั่งเฉยๆวะ เลยหางานทำ เรายืนแจกไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่งมีคนเดินมาชนเราจนใบปลิวตกเกลือนกลาดไปหมดเลยวะ


นั้นยังไม่พีคนะ  พีคสุดคือเจอไอ้เหม่ง....


....กับแฟนมัน

เดิน ‘เหยียบ’ ใบปลิวเราไปเฉยเลย....

แล้วเราร้องทำไมวะ.... มันคงไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย


Ps. ขอโทษนะที่ทำบราวเปียก พอนั่งเขียนๆแล้วจู่ๆมันก็ร้องออกมาเอง...





18/09/52


บราว....นี้เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย ทำไมเราถึงต้องไปสนใจด้วยนะ ว่าหมอนั้นจะมีแฟนรึอะไร โอ๊ยปวดหัว บราวเชื่อไหม วันนี้เราเจอมันกับเด็กผู้หญิง ‘อีกคน’


แมร่ง.... จะหล่อเลือกได้ไปไหนวะ


ไม่เข้าใจ ไม่ชอบใจเลย ไอ้ความรู้สึกร้อนๆในอกเนี้ย มันคืออะไรกันแน่ !!! เราหงุดหงิดตัวเองวะบราว  เราอยากตะโกนดังๆแบบไมได้ใจความ แค่อยากระบายๆออกไป……


เบื่อคนหน้าม่ออออออออออออออออออออออออออออออออออ


Ps. ขอโทษนะ  วันนี้ไม่เปียกแต่ดันทำกระดาษยัน  แงๆ  ไม่โกรธปลื้มนะ  T  T





24/09/52


สอบกลางภาคมาถึงแล้วบราว !!!  ข้อสอบง่ายจังแหะ แง้วๆ


Ps . ผ่านทุกวิชาแน่เลย !!!




04/10/52

ผลสอบออกมาแล้ว ผ่านทุกวิชาจริงๆด้วย !!!

วันนี้เราว่าง เลยไปช่วยมิสประริสาคุมเด็กสอบซ่อม  เราเจอไอ้เหม่งแอบส่งโพลยด้วย

....

ทำไมเราไม่ฟ้องครูวะ..... ?

Ps. ถ้าเราเป็นแฟนหมอนั้นนะ จะกวดขันให้มันสอบให้ผ่านให้ได้ เหอะๆ ไม่ใช่ตกแทบทุกวิชาแบบนี้ (ไปแอบดูมา)

Ps.2  นั้นไง เขียนอะไรบ้าๆไปอีกแล้ว มันเป็นผู้ชาย เราก็ผู้ชาย จะเป็นแฟนกันได้......

....ได้ยังไงวะ......

.............แล้วเราถอนหายใจทำไม  ...........


Ps.3 หมอนั้นมีแฟนเยอะจนจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ....


TBC.








หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-08-2014 21:13:01
เห...นี่แสดงว่า ป้องชอบเกียร์มาต้ั้งแต่แรกๆเลยน่ะสิ โอ้ววว อยากอ่านบันทึกต่อแล้วสิ อิอิ อยากรู้ว่า จะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-08-2014 21:29:58
ป้องเจอเกียร์มานานแล้ว แต่เกียร์จำป้องไม่ได้
แอบรักเกียร์มานาน กว่าจะได้รักกัน
รออ่านไดอารี่ของป้องจนถึงปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-08-2014 21:39:40
ช็อคอะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-08-2014 21:50:48
จากบันทึก ตัวตนของป้องน่ารักมาก
มีตั้งชื่อให้สมุดด้วย เหมาะมากที่จะเป็น
คนที่เกียร์ต้องปกป้องดูแล ป้องรับน่ะถูกที่ซู๊ดดด
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-08-2014 22:53:00
อ่านแล้วปกป้องของเจ๊ สาวน้อยมีรักแรกมากๆ

โถ่ลูกสาว
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-08-2014 23:54:46
ทำไมป้องมันน่ารักน่าลากอะไรเช่นนี้  :hao7:

ช่วงจบบันทึกต้องพีคมากแน่ๆเลย

ปอลิง: วันนี้ไม่มีเวลามานั่งแก้คำผิดให้เลยอ่ะ TT
แต่มีอันนึงอ่านแล้วตงิดๆ "บราเทนเดอร์" => หมายถึง บราเดอร์ ในโรงเรียนชายล้วนรึเปล่า หมายอ่านเรื่องอื่นๆจะใช้คำนี้นะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #29 Diaryของปกป้อง [02/08/57] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 04-08-2014 08:14:57
กิ๊ว ๆ ป้องจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองรักเกียร์มากขนาดไหน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 10-08-2014 13:11:27
#30  Diaryของปกป้อง [2]



06/10/53

บราว วันนี้เราไปประชุมกับสาขาสองมา เจอเจ้าของแหวนสีขาวของที่นู้นด้วยชื่อพี่กัส ชื่อน่ารักดีเนาะ พี่กัสบอกเราว่าถ้าจะต่อเพลินจิตตอนม.ปลาย ให้ชิงแหวนให้ได้ โห่ววว พูดเป็นเล่นไป ก็เทพแหวนสาขาหนึ่งเก่งสุดๆเลย แต่ยังไงก็จะลองดู แหวนวงนี้มีประโยชน์นะ ลดโทษได้ด้วย แบบ.... ถ้าไอ้เหม่งโดนจับเรื่องสูบบุหรี่ใช่ป๊ะ เราก็ใช้สิทธิ์ของแหวนลดหย่อนโทษได้ จากโดนบราเดอร์หวดก้น ก็อาจไม่โดนเลยก็ได้...

Ps.แล้วนี้เรายกมันเป็นตัวอย่างทำไมฟระ



07/10/53


บราว วันนี้เจอไอ้เหม่งที่โรงอาหาร เพิ่งรู้ว่ามันชอบกินไข่แดง(เห็นนั่งแย่งกินไข่แดงของเพื่อนมันอยู่)
Ps. เพื่อนมันหันมองเรายิ้มๆด้วย รู้สึกจะชื่อ...อะไรน่า....อ้อ เพื่อนมันชื่ออู๋ ฤทธิ์ธิรงณ์ ไชย์วัฒนา หนึ่งในแบล็กลิสต์บัญชีดำที่ก่อเหตุป่วนระบบเวปโรงเรียนเรา ดีว่าพี่กรจัดการได้ก่อน ตัวอันตรายชัดๆ



10/10/53


อ่าๆ บราว สามวันนี้ไม่เจอไอ้เหม่งเลยแหะ  วันนี้เลยลองเดิน...เออ...บังเอิญเดินผ่านนะ....โฉบๆไปแถวห้อง11  โต๊ะตรงที่มันนั่ง(หลังห้องซ้ายมือ มันชอบนั่งรวมเป็นฝูงกับเพื่อนมัน) ไม่มีมีมันอยู่แหะ ... ได้ยินเสียงไอ้อู๋ตะโกนลอยๆว่ามันไม่สบายได้มาโรงเรียนไม่ต้องมองหาหรอก เล่นเอาหน้าชาเลย -////-  เราไม่ได้มองหามันนะเว้ย แค่บังเอิญเดินไปส่งงานที่ตึกสองเฉยๆ (ถึงจะเป็นคนรับอาสาเก็บงานมาส่งเองก็เถอะ)

ก็บอกแล้วไงว่าแค่บังเอิญผ่านไป

Ps. นี้เราเขียนตัวหนังสือแรงๆจนไส้ดินสอกดหักทำไมเนี้ย -  - *



13/10/53


วันนี้ฝนตกหนักชิบเลยบราว ดีนะเราเอาร่มไปด้วย

มีเรื่องฮาๆมาเล่าให้ฟัง....

คืองี้  ไอ้เรานะไม่มีปัญหาหรอก เรามีร่มประจำตัวอยู่ในล็อกเกอร์ แต่ไอ้เหม่งกับเพื่อนมันสามสี่คนนี้สิมีร่มอยู่คันเดี่ยว ลองคิดภาพตามนะบราว ร่มเล็กๆสีม่วงอ่อน(พวกแมร่งโด่มาจากแก๊งนางฟ้าแน่เลย ไอ้พวกเลว -  -) กางออกกลางสายฝน ใต้ร่มมีไอ้บ้า4-5คนเบียดๆกันเดินในร่ม สุดท้ายไอ้เหม่งดึงร่มออกจากมือคนถือ ก่อนจะหุบร่มวิ่งไปแบบนั้น แน่นอนว่าไอ้พวกที่เหลือวิ่งไล่กวดกันจนหวิดจะลื่นล้มไปหลายที่

ซนจริงๆเลย ไอ้เด็กคนนี้

Ps. เราแก่...เออ เกิดก่อนมันหนึ่งปี เรียกมันว่าเด็กได้อยู่แล้ว



29/10/53

วันกีฬาสีมาถึงแล้วบราว วันนี้เราต้องไปโรงเรียนเช้ามากกกกก ... (ไม่อาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย) เพื่อจัดเตรียมพวกสแตนท์เชียร์ ไอ้เหม่งเองก็เหมือนกัน มันต้องมาแต่เช้าเพื่อแต่งตัว

เรื่องตลกคือมันคงง่วงมากๆ เพราะตอนมันนั่งรอพี่เขาแต่งหน้า มันปิดตาหลับไปจนหัวโขกโต๊ะ 5555+ แต่หัวเราะดังไปหน่อย มันรีบหันมามองขวับเลย (ดีนะเราแอบดูจากหน้าประตู ไม่กล้ามองตรงๆอ๊ะ...)

หล่อ เนี๊ยบ เท่

คำพวกนี้จำกัดความมันไม่ได้จริงๆแหะ แต่มันขาวเกิ้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเป็นเด็กกรุงเทพแต่ขาวได้ขนาดนี้ เราเด็กเหนือยังขาวไม่เท่าเลย(จริงๆนะ ต่อให้ผิวของเราก่อนจะทำงานพิเศษก็ยังขาวสู้แมร่งไม่ได้)

ยังกับตุ๊กตา.....

โดดเด่น สง่างาม และ.....

....จับต้องไม่ได้

Ps. ประโยคสุดท้ายเขียนไปด้วยความหวิวๆ ไม่รู้สิอธิบายไม่ถูก….








.

.

.



.

..

04/01/55

บราว วันนี้วันเกิดมันแหละ เห็นว่าพากันไปกินหมูกระทะด้วย (แน่นอนว่าเราไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ได้ชวน) ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ปีใหม่ปีนี้เรารู้สึกไม่อยากกลับเชียงใหม่เฉยๆเลยแหะ ทั้งๆที่ปกติเราจะกลับไปทุกที่เลยแท้ๆ

Ps. วันนี้แม่บอกว่าที่บริษัทกำลังจะมีหุ้นส่วนใหม่แหละ...อื้ม รู้สึกจะเป็นบริษัทอะไรสักอย่างที่ชื่อมันทับศัพท์ว่าง ‘เซซิล’ คุ้นๆหู
จังแหะ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน แต่คุ้นมากๆเลย 

Ps.2 มีคนมาจีบแม่เราด้วย !!!  ชื่ออาชาติ



14/02/55

บราว วันนี้วันวาเลนไทน์ พวกผู้ชายโรงเรียนเราเอาสติกเกอร์มาติดกันตรึ่ม (พวกแมร่งเอามาแกล้งกันนั้นแหละ) ฮ่าๆ นอกนั้นก็พวกแก๊งนางฟ้าเอามาติดคนนู้นที่คนนี้ที่ มีคนเอาไปติดล็อกเกอร์ไอ้เหม่งด้วย (ไปแอบส่องมา) หมอนั้นฮอตจริงๆแหะ เออๆ ได้ข่าวว่ามีคนไปบอกชอบมันด้วย!!!!

ผลลัพท์คือ...... หมอนั้นโมโหจนต่อยกลับไปหมัดหนึ่ง

Ps. แล้วถ้าเราไปบอก จะโดนต่อยไหมวะ ?

Ps.2 เดี่ยวนะ แล้วทำไมเราต้องกลัวโดนต่อย ในเมื่อเราไมได้คิดจะไปบอกอะไรหมอนั้นอยู่แล้วนิ.... วุ้ๆ....

Ps.3 แต่หมัดมันจะหนักมากไหมนะ ? ..... ชักเริ่มกลัวๆ




19/05/55

บราว วันนี้ที่โรงเรียนเรามีการแสดงละครเวทีร่วมกับเด็กคอนแวนต์โรงเรียนข้างๆ บราเดอร์เสนอชื่อไอ้เหม่งเป็นตัวพระแหะ .... หมอนั้นก็ดันบ้าจี้แสดงด้วย

นางเอกน่ารักมาก มากแบบมากจริงๆอ๊ะ ชื่อกานดา หน้าตาน่ารัก ใสเหมือนตุ๊กตา เราว่าที่หมอนั้นมันยอมแสดงก็คงเพราได้เล่นคู่กับนางเอกน่ารักๆแบบนี้มั่งนะ แต่เห็นมันยิ้มตลอดเวลาเลยตอนอยู่ใกล้ๆผู้หญิงคนนั้น.....

เราไม่ชอบเลยวะ...

ไม่ได้ไม่ชอบนางเอกคนนั้นนะ เราไม่ชอบตัวเองวะ ทำไมรู้สึกมันร้อนๆในอก ปวดๆตาชิบ มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูกวะบราว แต่เรารู้สึกว่ามัน.... ทรมานแปลกๆ

นี้เราเป็นอะไรวะ.....

Ps. แมร่งงงงง เลยบ้าสักที่ดิไอ้ปลื้มมมมม  ....





24/05/55

วันนี้วันเสาร์ เราไปทำงานที่บ้าน...ไม่สิ ...พระราชวังของพี่กาเซียร์มา ไปกับพวกมู่หลานและก็เด็กโรงเรียนอีกสองสามคม ประเด็นคือพี่กาเซียร์มีน้องชายฝาแฝดด้วย!!!!ชื่อ  กาซิน เรียนม.เดี่ยวกับเราเลยแหะ …..

วันนี้เราดันหลุดปากเล่าเรื่องที่ตัวเองเขียนออกไปแหะ คืองี้ไง มู่หลานมันบอกเราแปลกๆไป เห็นนั่งเหม่อบ่อยๆ ไม่ค่อยยิ้มเหมือนก่อนๆด้วย (แต่เราว่าจริงๆแล้วเราไม่ค่อยยิ้มมากกว่านะ)

เรา..อึดอัดวะ

คือเราอีดอัดกับตัวเองอ๊ะ เราไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่  .... ที่นี้มู่หลานบอกว่าให้เราลองย้อนกลับไปอ่านบันทึกของตัวเองดีๆอีกสักรอบ เพราะทำแบบนั้นถึงได้เกิดคำถามขึ้นมา....

ทำไมบันทึกตลอดสามปีที่ผ่านมา เนื้อหาส่วนใหญ่ของเรามันถึงได้....

....มีแต่เรื่องของคนอีกคนวะ

คือ พอย้อนอ่านดูแล้วตกใจ ทำไมถึงได้มีแต่ชื่อของหมอนั้นกับสรรพนามของมันเต็มไปหมด

เราชอบมันเหรอ ? ....

ทำไมเรารู้สึกกลัวตัวเองแบบนี้วะ ... ไม่เอาดิ ไม่เอา ไม่อยากเป็นแบบนี้ .... เราไม่ได้อยากชอบ...มันเลยวะ ก็มันเป็นผู้ชาย....

.....เหมือนกับเรา

แล้วงั้นไอ้อาการพวกนี้คืออะไร ทำไมตอนบังเอิญเจอกันเราต้องรีบหลบ ทำไมตอนเห็นหมอนั้นยิ้มเราต้องแอบยิ้ม ทำไมตอนหมอนั้นทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ๆเราต้องเดินหนี

เรา....เป็นเกย์เหรอวะ.....

ไอ้อาการแบบนี้เขาเรียกรับตัวเองไม่ได้รึเปล่าวะ ทำไมเรารู้สึกแปลกๆ คือมันไม่รู้จะอธิบายยังไง มันสับสนไปหมด ในหัวมันมีแต่ความรู้สึกกลัว กลัวว่าสักวันจะมีใครรู้ เขาจะมองเราแปลกไหม เราจะโดนรังเกียจรึเปล่า แล้วแม่จะเสียใจไหมที่เรากลายเป็นอะไรแบบนี้ เรากลัววะบราว เราไม่กล้าจะคิดอะไรต่อไป เราไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกบ้าๆนี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมต้องเป็นมัน ทำไมเราถึงได้รู้สึกแบบนี้กับมัน ทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันแท้ๆ ตลอดสามปีที่ผ่านมาก็แค่เจอหน้ากัน

มันไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ...

แต่ทำไมเรากลับรู้เรื่องของมันขนาดนี้....

มันเกิดวันอาทิตย์ ชอบสีเขียวอ่อน ไข่แดงไม่สุกคืออาหารโปรด กรุ๊ปบี ชอบเล่นสเกตบอร์ด วาดรูปเก่ง ชอบทำงานแบบใช้สมาธิสูงๆ เรียนรู้เร็วแค่ติดเล่นไปหน่อย

ไม่หรอก...

มันคงไม่ใช่ความรัก

เราอาจจะแค่มองมันมากๆจนคิดว่ามันเป็นความรู้สึกดีๆ แต่จริงๆแล้วคงเกิดจากการที่อีกฝ่ายมีอะไรที่เราอยากจะมี แต่...ไม่มี  เรา
เลยรู้สึกว่าอาจจะชอบหรืออะไรประมาณนั้นล่ะมั่ง...

เราไม่ใช่เกย์หรอก ก็วันนี้ทดสอบด้วยการกอดมู่หลานยังไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นมู่หลานบอกว่ามีวิธีทดสอบพรุ่งนี้ อยากรู้ว่ามันจะทดสอบเรายังไง

ไว้พรุ่งนี้ไปหามันแล้วจะกลับมาเล่าให้ฟัง....

Ps. คนที่รู้เรื่องมีแค่พี่เซียร์กับมู่หลานเท่านั้นแหละ สองคนนี้ไว้ใจ้ได้มาก คนหนึ่งก็พี่อีกคนหนึ่งก็เพื่อน เพราะงั้นหายห่วงได้เลยที่
คนอื่นจะรู้




25/5/55


แมร่งงงงงงง  ไอ้มู่หลาน ไอ้เลว ไอ้บ้า ไอ้เพื่อนทรยศ

บราวรู้ป๊ะที่มันบอกจะทดสอบเรา มันทำยังไง ?

คืองี้ มันนัดเราไปที่อนุสาวรีย์ใช่ไหม ที่นี้มันนัดรุ่นพี่ที่โรงเรียนมันอีกคนมา แล้วปล่อยเราไปเที่ยวกับพี่เขาสองคน ซึ่งจริงๆแล้วพี่เขาเป็นเกย์(เรามั่นใจว่าสาวๆครึ่งประเทศต้องร้องไห้ เพราะพี่เขาหล่อแบบ หล่อเหรี้ยๆ ....) คือเอาจริงๆพี่เขาก็นิสัยดี เขาพาไปกินข้าว พาไปดูหนัง แต่...

....เราไม่โอเควะ

เวลาพี่เขาจับมือเราตอนเดินคู่ เวลาที่คนอื่นมองมา เอาจริงๆนะเราไม่ชินและรับไม่ได้กับตัวเองวะ แบบ เห้ย กูเป็นผู้ชาย แล้วมาเดินกับผู้ชายด้วยกันแล้วรู้สึกสยองวะ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่าชอบหรือรับได้เลย

แบบนี้แปลว่าเราไม่ใช่เกย์ใช่ไหม บราว ?

ก็ถ้าเราไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชาย ไม่เขินเวลาจับมือกัน แถมยังรู้สึกขนลุกเวลาจับมือ เราว่าเราก็ยังเป็นผู้ชายแท้ๆล่ะมั่งนะ

มีแค่คนๆเดี่ยวที่ทำให้เรายิ้มตามได้แค่เห็นเขายิ้ม

มีแค่คนๆเดี่ยวที่ทำให้เราบ้าและว้าวุ่นได้ขนาดนี้

มีแค่คนๆเดี่ยวจริงๆที่ทำให้เราแทบบ้าตอนเห็นคนอื่นเข้าไปยุ่งด้วย

ถ้ากับแค่คนๆเดี่ยว...

ถ้าเรารู้สึกกับแค่มันคนเดี่ยว....

ยังงี้...เราก็ยังเป็นผู้ชายปกติใช่ไหม ?

ยังงี้...เราก็ไม่ได้ ‘ผิดปกติ’ ใช่ไหม ?

เฮ้อออออออออออ......

Ps. คิดมากจนปวดหัวใจอีกแล้ว.... ทำไมเราถึงได้รู้สึกหนึบๆตรงหัวใจจังเลยแหะ......





19/07/55


พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแท้ๆ แต่วันนี้กับมีข่าวร้าย

บราวจำได้ไหมที่เราชอบบ่นบ่อยๆว่าปวดหัวใจ วันนี้เราปวดจนเจ็บมากๆ น้ำตาไหลเลย สุดท้ายเลยต้องไปหาคุณหมอที่ร่าเริง(น้องชายเราเอง เรายังไม่เคยเล่าให้บราวฟังเลยสินะ)รักษาตัว คุณหมอท่านสรุปสั้นๆว่าเราหัวใจโตผิดปกติ ทำให้เจ็บหน้าอกบ่อยๆและมีโอกาสเป็นเส้นเลือดตีบตันได้

เรากลัว เรากลัวที่จะตายไปทั้งๆแบบนี้ ตายไปแบบที่ยังไมได้ทำอะไรให้กับแม่เลย กลัวว่าเราจะตายไปแบบที่ยังค้างคา
เรายังตายไม่ได้....

เรา....ยังไม่อยากจากไปแบบนี้

มันคงไม่รู้หรอก ว่าตัวมันเองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

เรา...จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเฝ้ามองมันต่อไป....

กูอยากให้มึงรู้ยังเลย ตอนนี้กูกลัวมากๆ แต่กูก็ไม่อยากยอมแพ้ .... แค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นใบหน้ากวนๆของมึงแล้ว มันรู้สึกว่าไม่
อยากจะยอมแพ้เลยจริงๆ

Ps. ไม่ขอคิดแล้วว่าตัวเองเป็นอะไร ถ้าเรามีความสุขแล้วมันไม่เดือดร้อนใคร....

....ก็รู้สึกดีๆแบบนี้ต่อไปแหละกัน




20/07/55

ไชโย !!! ในที่สุดราชินีหิมะแบบแม่ก็ยอมแพ้อาชาติจนได้ !!!  จริงๆแล้วเราว่าอาชาติเป็นผู้ชายที่น่ารักนะ ใจดี แล้วก็ดูเข้ากับแม่
เราดี  เราว่าแม่ก็ชอบอาชาตินั้นแหละแต่ฟอร์มไปแบบนั้น ฮ่าๆๆๆ ไม่ดีๆ ไม่นินทาแม่ตัวเอง เอาเป็นว่าแค่เห็นแม่เรามีความสุขเราก็มีความสุขแล้วแหละ

เออใช่ อาชาติบอกว่าลูกชายเข้าอยู่โรงเรียนเดี่ยวกับเราด้วย แต่เราเองก็ลืมถามไปเลยว่าอยู่ห้องไหน แต่เค้าหน้าอาชาติคุ้นๆแหะ เหมือนๆเราเคยเห็นแววตาแบบนี้มาเลย

แต่ก็นั้นแหละ เรามันพวกความจำสั้น จำไม่ได้หรอกว่าเคยเห็นตอนนั้น อาจจะแค่เคยเดินผ่านกับลูกชาติแกล่ะมั่ง(?)
วันนี้อาแกพาไปเลี้ยงวันเกิดมา ใจดีมากๆเลย ฮ่าๆ ถึงจะรู้ก็เถอะว่าทำคะแนนกับแม่นั้นแหละ แต่ก็มีความสุขมากจริงๆ
ขอให้อาชาติชอบแม่เราแบบนี้ตลอดไปเถอะ....



18/03/56

วันเวลาไม่เคยคอยใคร....

ในที่สุดเราก็จบม.สามที่เพลินจิตจนได้ เราตัดสินใจจะต่อม.สี่นะบราว .... เราชอบวิทย์คณิตฯ และเป็นเด็กที่อ่อนภาษา แต่
ทำไม....

.....เราถึงเลือกเรียนศิลป์-ญี่ปุ่น

ให้ตายเถอะบราว เราแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนกรอกแบบคำร้องยื่นเรียนต่อของเด็กเก่า นี้เราทำบ้าอะไรลงไป!!!!! เห้ย นี้มันอนาคตเลยนะเว้ยเห้ย แต่ทำไมเราถึงได้เลือกแบบนี้วะ อ้ากกกกกกกก T  T

เพราะแบบนี้สินะ เขาถึงได้บอกว่าความรักทำให้คนตาบอด(จนกาผิดช่องไป)

Ps. รู้ใช่ไหมว่าใครที่เลือกไปอยู่ห้องนั้น ก็เพราะมันนั้นแหละ เราถึงได้ยอมไปเรียนศิลป์-ญี่ปุ่น.....




18/05/56

เปิดภาคเรียนม.4แล้ว ….

ได้อยู่ห้องเดี่ยวกันแล้ว แต่เหมือนโคตรไกลกัน....

อ้ากกกกกกกกกกก ทำไงดีวะบราว เราเขินอ๊ะ เราไม่กล้าเข้าไปทัก หมอนั้นจะเดินมาทางเราหลายรอบแล้วแต่เราไม่กล้าจริงๆวะ เรากลัวเราเขินจนหลุดอ๊ะ เห้ย ทำไงดี แล้วงี้จะมาอยู่ห้องเดี่ยวกันเพื่ออะไร...

เพื่อเราจะได้แอบมองเขาชัดๆเหรอ ?

โอ๊ย เจ็บจี๊ดๆ นี้เราทำบ้าอะไรเนี้ย Y  Y



22/06/56


บราว สำเร็จแล้ว !!!!!

ในที่สุดเราก็ได้ครอบครองแหวนสีขาว แหวนแห่งเทพปัญญา

เห้ย... ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ เราต้องไปนั่งแข่งคณิตศาสตร์กับเด็กเหรียญโอเล็มปิกเลยนะ เอาจริงๆเราไม่ได้ชอบความวุ่นวายอะไรแบบนี้เลย แต่หลายๆเรื่องที่ทำลงไป ก็เพราะใครคนหนึ่งนั้นแหละ

ถ้ามีแหวนวงนี้...ต่อให้เกียร์โดนทำโทษบ่อยๆเราก็ช่วยได้แล้วไง นึกภาพออกเลยแหละ แบบ เกียร์มันไปทำเรื่องผิดพลาดอะไรสักอย่างมา แล้ววิ่งมาให้เราช่วย

อ่า.... เรานี้โคตรพระเอกเลย.....แค่นึกภาพตอนมันทำหน้าอ้อนๆเราก็ใจสั่นแล้ววะบราว

เรามีแหวนวงนี้ไว้ เพื่อปกป้องใครอีกคน...

เราเป็นคณะกรรมการนักเรียน ก็เพราะกลัวใครอีกคนที่ชอบทำผิดกฎจะโดนลงโทษหนักๆ

นี้เราพยายามมากไปไหมวะ.... ?

Ps. เรื่องอะไรจะยอมโดนกด เราดิต้องกดมัน.




27/08/56

ไอ้อู๋....

ไอ้มารผจญ....

เวรเอ๊ย เราลืมไปเลยว่าเกียร์เป็นเพื่อนสนิทกับไอ้อู๋ แล้วมันดันเสือกเป็นเทพแหวนสีดำ โฮ่ววววว แล้วงี้เวลามีเรื่องอะไรเกียร์มันก็วิ่งไปหาไอ้อู๋ดิ ไม่ใช่เรา แมร่งผิดแผนหมด...

เสียดาย.... อยากเห็นตอนมันอ้อนจัง

อยากรู้....

...จะหล่อขนาดไหน....

Ps. ศรีธัญญาไปทางไหนวะบราว เขียนไปหัวเราะไป 555555+






..
.


..



.

.



18/05/57


บราว วันนี้ครบรอบหนึ่งปีแล้วนะที่เราได้อยู่(ห้องเดี่ยวกัน)กับเกียร์(อย่าอ่านวงเล็บดิบราว)....
มีความสุขจัง...

ไม่เคยได้เข้าไปคุยหรอกนะ แต่แค่ได้มองเป็นบางจังหวะ เดินสวนกันบางครั้ง ได้ฟังมันเล่นมุกแป้กๆ ได้เห็นบางมุมที่ตอนอยู่ห่างกันแล้วไมได้เจอ เราก็โคตรๆมีความสุขจังเลยบราว

หนึ่งปีมานี้อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปหลายๆอย่างเลยแหละ เราสายตาปกติจนไม่ต้องใส่แว่นเหมือนตอนม.ต้นแล้ว เราเข้าใจภาษา
ญี่ปุ่นมากขึ้นด้วย ฮ่าๆ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่อยากเรียนให้มันเก่งๆ...

....เพื่อเกียร์มันอยากให้ติว แล้วเราจะติวให้มันได้ไง (แผนสูงไหม ? 5555+)

อีกเรื่องคือ.... มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเราเลยบราว ในที่สุดแม่ก็ยอมตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอาชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ต้องย้ายไปด้วย  อาชาติบอกว่าจะให้เรานอนกับลูกชายแกแหละ อื้ม...จะเป็นคนแบบไหนนะ

แต่ยังไงก็แล้วแต่ .... แค่ได้มองมันจากมุมๆหนึ่งก็ดีแล้วเนาะ.....

ขอให้วันพรุ่งนี้ เป็นอีกวันดีๆด้วยเถอะ

Ps. พรุ่งนี้ย้ายบ้าน อดไปโรงเรียนเลย... T T  ไม่ได้เห็นหน้ากวนๆนั้นหนึ่งวันถ้วนเลยแหะ

Ps.2 ไว้พรุ่งนี้ค่อยแอบมองชดเชย 555555555+



TBC.


พาร์ทหน้าก็ตอนจบDiaryของป้องแล้วนะครับ จะได้กลับไปกินมาม่าต่อ  :z3: :z3: :z3:

ปล. ภาพหลุด(อีกรอบ)ของน้องป้องเกียร์

















หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-08-2014 14:07:32
เพิ่งเข้ามาอ่านชอบค่ะอ่านได้เรื่อยๆแต่คำผิดเยอะไปนิดนึง รอตอนต่อไปค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-08-2014 14:58:07
เขาไม่ชอบมาม่านะ แต่ก็ต้องกินใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 10-08-2014 15:25:51
แงๆๆๆ เค้าไม่อยากกินมาม่าอ่ะ :mew2: :ling1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-08-2014 18:06:22
ประโยคนี้ไง ที่ตอนแรกชวนเข้าใจผิด
คิดว่าป้องจะต้องเป็นคนปกป้องเกียร์
ที่แท้ปกป้องคนละกรณีกันเลย 555

อ้างถึง
เรามีแหวนวงนี้ไว้ เพื่อปกป้องใครอีกคน...
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 10-08-2014 23:38:16
นิสัยน่ารักจริงๆ เกียร์อ่านนี่น้ำตาไหลพรากแน่ๆ  :sad4:

เราสายตาปกติจนไม่ต้องใส่แว่น => โตแล้วสายตามันหายผิดปกติได้ด้วยเหรอ ???

รูปกระชากใจมากกกกกกก ก๊อตซิป้องนี่มันเมะชัดๆ ไม่ทราบว่าแตกต่างเขียนผิดป่าว ความจริงเกียร์มันโดนกด ฮ่าฮ่าฮ่า

คำผิด
Ps.แล้วนี้เรา => Ps.แล้วนี่เรา
Ps. นี้เราเขียนตัวหนังสือแรงๆจนไส้ดินสอกดหักทำไมเนี้ย  => Ps. นี่เราเขียนตัวหนังสือแรงๆจนไส้ดินสอกดหักทำไมเนี่ย
มีร่มอยู่คันเดี่ยว => มีร่มอยู่คันเดียว
พวกแมร่งโด่มาจาก => โด่ ????
ลื่นล้มไปหลายที่ => ลื่นล้มไปหลายที
ไม่กล้ามองตรงๆอ๊ะ => ไม่กล้ามองตรงๆอ่ะ
ทับศัพท์ว่าง ‘เซซิล’  => ทับศัพท์ว่า ‘เซซิล’
เอาสติกเกอร์มาติดกันตรึ่ม  => เอาสติกเกอร์มาติดกันตรึม
มาติดคนนู้นที่คนนี้ที่ => มาติดคนนู้นทีคนนี้ที
ในเมื่อเราไมได้คิดจะไปบอกอะไรหมอนั้น => ในเมื่อเราไม่ได้คิดจะไปบอกอะไรหมอนั่น
แบบนี้มั่งนะ => แบบนี้มั้งนะ
เราไม่ชอบเลยวะ... => เราไม่ชอบเลยว่ะ...
ราไม่ชอบตัวเองวะ  => ราไม่ชอบตัวเองว่ะ
มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูกวะบราว => มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูกว่ะบราว
นี้เราเป็นอะไรวะ..... => นี่เราเป็นอะไรวะ.....
รียนม.เดี่ยวกับเรา => รียนม.เดียวกับเรา
คือเราอีดอัดกับตัวเองอ๊ะ  => คือเราอีดอัดกับตัวเองอ่ะ
ที่นี้มู่หลาน => ทีนี้มู่หลาน
ทำไมเรารู้สึกกลัวตัวเองแบบนี้วะ  => ทำไมเรารู้สึกกลัวตัวเองแบบนี้ว่ะ
เราไม่ได้อยากชอบ...มันเลยวะ => เราไม่ได้อยากชอบ...มันเลยว่ะ
เรากลัววะบราว => เรากลัวว่ะบราว
อะไรประมาณนั้นล่ะมั่ง => อะไรประมาณนั้นล่ะมั้ง
ที่นี้มันนัดรุ่นพี่ => ทีนี้มันนัดรุ่นพี่
....เราไม่โอเควะ => ....เราไม่โอเคว่ะ
รับไม่ได้กับตัวเองวะ  => รับไม่ได้กับตัวเองว่ะ
แล้วรู้สึกสยองวะ  => แล้วรู้สึกสยองว่ะ
เป็นผู้ชายแท้ๆล่ะมั่งนะ => เป็นผู้ชายแท้ๆล่ะมั้งนะ
มีแค่คนๆเดี่ยวที่ทำให้เรายิ้มตามได้แค่เห็นเขายิ้ม => เดียว
มีแค่คนๆเดี่ยวที่ทำให้เราบ้าและว้าวุ่นได้ขนาดนี้ => เดียว
มีแค่คนๆเดี่ยวจริงๆที่ทำให้เราแทบบ้าตอนเห็นคนอื่นเข้าไปยุ่งด้วย => เดียว
ถ้ากับแค่คนๆเดี่ยว... => เดียว
ถ้าเรารู้สึกกับแค่มันคนเดี่ยว.... => เดียว
....ก็รู้สึกดีๆแบบนี้ต่อไปแหละกัน => ....ก็รู้สึกดีๆแบบนี้ต่อไปแล้วกัน
อยู่โรงเรียนเดี่ยว => อยู่โรงเรียนเดียว
แต่ก็นั้นแหละ  => แต่ก็นั่นแหละ
ทำคะแนนกับแม่นั้นแหละ => ทำคะแนนกับแม่นั่นแหละ
เราเขินอ๊ะ => เราเขินอ่ะ
ไม่กล้าจริงๆวะ  => ไม่กล้าจริงๆว่ะ
เขินจนหลุดอ๊ะ => เขินจนหลุดอ่ะ
(ห้องเดี่ยวกัน) => (ห้องเดียวกัน)
....เพื่อเกียร์มันอยากให้ติว => ....เผื่อเกียร์มันอยากให้ติว
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 11-08-2014 05:57:24
ต่าง มาแล้ว กอดด  :กอด1: 

สุดยอดอะป้อง เรียกว่าอะไรดี บุคคลแอบรักแห่งปี(?) 555 แซวเล่นนะตัวเองงง ได้อ่านมุมป้องแล้วมันเป็นแบบ สมกับชื่อมากๆของมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-08-2014 07:13:53
ป้องเนี่ยน้าาา แอบรักมาได้เป็นปีๆ อดทนจริงๆ แต่ไม่อยากให้มีมาม่าเลยยยย อดทนหน่อยนะ ป้อง เกียร์ด้วย ตามเชียร์ๆ ให้ พ่อกับแม่ หายโกรธเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-08-2014 12:05:07
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-08-2014 12:46:10
แอบรักข้างเดียว สุขใจเล็กๆและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
รออ่านไดอารี่ของปกป้งต่อ
แล้วจะไปต่อตอนเกียร์โดนรถชน เกียร์เป็นไงบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #30 Diaryของปกป้อง [2] [10/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-08-2014 01:18:25
หวังว่าจะไม่มาม่านานนะ
ชอบเรื่องนี้มากๆ  :mew1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 12-08-2014 12:07:04

#28.5 คนเป็นแม่




"คุณจะเลิกกับผม.....จริงๆเหรอ..."

น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าใจหายดังออกมาจากปากเขา ....ผู้ชายที่รักที่สุด

"ใช่ ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้าคุณยอมรับลูกไม่ได้ ฉันเองก็คงอยู่ที่นี้ไม่ได้แล้ว" ลีลาวดีพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและหนักแน่น

ชาติชายรู้ดี ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาดขนาดไหน แต่ก็เพราะแบบนั้น เขาถึงได้เลือกหล่อนให้เป็นแม่ของลูกคนใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทำให้เขารู้สึกผิด

"พ่อแม่ที่ไหนจะยอมรับได้ที่ลูกตัวเองเป็นเกย์" ลีลาวดีได้ฟังแล้วก็หัวเราะก่อนจะพูดต่อ

"แล้วมีพ่อแม่ที่ไหนฆ่าลูกตัวเองได้ทั้งเป็น ....ฉันไม่เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดพ่อแม่ยอมรับไม่ได้หรอกนะ ชาติชาย ฉันขอบอกคุณอีกครั้ง ลูกของชั้นไม่ใช่เกย์"

หล่อนพูดเสียงกร้างจบก็เตรียมจะเดินออกไปจากห้อง

"เรื่องของเรา...มันจะต้องจบลงทั้งๆแบบนี้จริงๆเหรอคุณ ? ....แค่เพราะผมยอมรับลูกของคุณไม่ได้....งั้นเหรอ"

เขารู้สึกใจหายกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้หญิงที่รักมากที่สุดกำลังจะเดินจากเข้าไป ชาติชายรู้ดี ลีลาวดีเป็นแม่ที่ยิ่งกว่าแม่คนไหน หล่อนรักปกป้องยิ่งกว่าอะไรบนโลกนี้ซะอีก เผลอๆจะมากกว่าเขาผู้เป็นสามีเสียด้วยซ้ำ

"พรุ่งนี้เช้าหลังตาเกียร์ไปโรงเรียน ฉันกับลูกจะเก็บของย้ายออกไปเอง"

ลีลาวดีพูดจบ หล่อนก็ก้าวออกจากห้องไป....

ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำคัดค้าน

เรื่องราวตลอดสองปีที่ผ่านมา ต้องจบลงไปทั้งๆแบบนี้จริงๆเหรอ ?

ชาติชายทรุดตัวลงกับโซฟา สองมือหยาบยกขึ้นมาซบกับใบหน้าของตัวเอง

โดยที่เขาก็ไม่รู้เลยว่า...คนที่เดินออกไปแล้ว ก็ทรุดตัวลงอยู่ตรงหน้าประตู

หล่อนรู้ดีว่าตัวเองรักเขามากขนาดไหน แต่ถ้าต้องอยู่ต่อไปโดยทีปกป้องต้องเหมือนตายทั้งเป็นคนเป็นแม่แบบหล่อน
ยอมไม่ได้จริงๆ...



                                                             
.........................................................




"ไม่ลืมอะไรแล้วนะป้อง" ลีลาวดีถามลุกชายของตน

ปกป้องพยักหน้าตอบรับก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้กับหล่อน

....ยิ่งเห็นลูกเป็นลูกทุกข์แทบขาดใจ คนเป็นแม่ก็แทบจะขาดใจตาม

หล่อนลากกระเป๋าเก็บของใบโตเดินผ่านเขาไปยังหน้าบ้าน ปกป้องยกมือไหว้คนที่เขาเรียกว่า 'พ่อ' เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้มหลังเดินผ่านไป ลีลาวดียกกระเป๋าขึ้นรถของตัวเองเสร็จก็เดินไปที่นั่งคนขับ ปกป้องเองก็เดินมานั่งข้างหน้า ในมือของเขามีกระดาษร้อยปอนด์แผ่นหนึ่งที่เป็นของแทนใจ

ภาพวาดดรออิ้งที่ก้องเกียรติ์วาดให้กับเขา...

ภาพวาดของครอบครัวซึ่งมีเขา แม่ พ่อ พี่ขวัญ...และตัวเกียร์เอง

ปกป้องตัดสินใจทิ้งDiaryไว้ที่นี้ ในนั้นมีทุกอย่างที่เขาเขียนขึ้นมา....ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับเกียร์ ความรักที่เกิดขึ้นจากความ 'ต่าง' หากแต่ความ 'เหมือน' ที่พวกเขาทั้งสองคนเป็นผู้ชาย กับเป็นสิ่งเลวร้ายที่ทำร้ายทุกอย่างลง

ลีลาวดีสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกมาจาก 'บ้าน'

ที่ๆครั้งหนึ่ง หญิงสาวอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ อยู่ที่บ้านหลังนี้....

...พร้อมกับผู็ชายที่เลือกแล้วว่าอยากจะฝากชีวิตเอาไว้กับเขา....

ไม่มีอีกแล้ว.....


...



..

.

.

.




.



.



'แกร๊ก'

เสียงไขกุญแจบ้านดังขึ้น ก่อนปกป้องจะเปิดประตูรั่วออกมา

บ้านที่เชียงใหม่ของเขายังคงสภาพตามเดิม อาจเพราะคนในระแวกหมู๋บ้านรู้จักกัน ช่วงเวลาที่เขาและแม่ไปอยู่กรุงเทพ ทุกคนๆจึงช่วยเป็นหูเป็นตาให้เกี่ยวกับเรื่องขโมยขโจน ปกป้องยกกระเป๋าข้าวของต่างๆขนมาไว้กลางบ้าน ก่อนจะค่อยๆจัดเรียงในที่ๆพวกมันควรอยู่

ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเขา...

บ้านที่แม่แท้ๆของเขาช่วยกันซื้อกับแม่ลีลาวดี ก่อนท่านจะจากไปตั้งแต่เขายังเด็กๆด้วยโรคประจำตัว จากนั้นเป็นต้นมาแม่ลีลาวดีก็คอยดูแลเขาจนเปรียบเหมือนลูกชายแท้ๆ

"แม่ครับ...."

"จ๊ะลูก"

แม่ลีลาวดีรับคำของเขาเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆลูบหัวช้าๆ หล่อนรู้ดีถึงความรู้สึกของลูกชายที่ต้องจากคนที่รักมาถึงที่นี้

"ป้องขอโทษ...."

ปกป้องพูดออกมา ก่อนจะกอดคนเป็นแม่แน่นมากกว่าเดิม

"ป้องขอโทษ...ที่ทำให้แม่ต้องเลิกกับพ่อ ขอโทษที่ป้องเป็น'แบบนี้'..."

แม้ว่าแม่ของเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่สาเหตุที่เลิกกันนั้น เขาไม่ได้พาซื้อถึงขนาดจะไม่รู้ ทั้งหมดนั้นมันมาจากเขา เขาผิดเองที่ 'ผิดปกติ'ไปจากเด็กผู้ชายทั่วไปในสังคม

"สักวันหนึ่งแม่ก็คงเลิกกับเขา เราสองคนรู้ดีว่าเราทั้งคู่แตกต่างกันขนาดไหน เขาร้อน แม่เย็น เราอยู่กันไม่ยืนหรอกลูก ป้องไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ"

"แต่ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ....เพราะพ่อ'ต่าง'จากใครที่ผ่านเข้ามา แม่ถึงได้เลือกพ่อไม่ใช่เหรอครับ"

ลีลาวดีไม่ตอบคำถามนั้น แต่กอดปกป้องแน่นมากขึ้น

"ใช่ป้อง....แม่รักเขา"

หล่อนตอบตามความเป็นจริง

รัก...เพราะความต่างที่เกิดขึ้นมา

หนึ่งวันที่เจอกัน เขากวนประสาทใส่หล่อน

หนึ่งเดือนที่เจอกัน เขาบอกจะจีบหล่อน

หนึ่งปีที่ผ่านมา เขาดูแลหล่อนอย่างดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ผู้หญิงที่รักได้

สองปีที่ผ่านมา มันคือความสุขที่ได้รู้จักเขา ผู้ชายที่นิสัยแตกต่างกัน หากแต่เป็น 'ความต่าง'ที่'เติมเต็ม'

หล่อนยอมรับ..ว่ารักเขามากจริงๆ

"แต่มีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่แม่รักมากกว่า"

ปกป้องเงยหน้ามองคนเป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ ก่อนแม่ของเขาจะพูดต่อ

"ผู้ชายคนนี้ซนมากตั้งแต่เด็กๆ แม่เห็นหน้าเขาก่อนแรกเกิด แม่ดูแลเขาตั้งแต่อยู่ในท้องของเพื่อนสนิท"

หล่อนพูดต่อ ก่อนจะลูบหัวปกป้องช้าๆ

"แม่เห็นตั้งแต่เขาออกมา เห็นเขากินนมครั้งแรก เห็นถึงพัฒนาการต่างๆของเขา จนแม่สัญญากับตัวเองว่าแม่จะดูแลเขาให้ดีที่สุด
เท่าชีวิตที่มี แม้กระทั้งชีวิตนี้แม่ก็ให้เขาได้"

"แม่ครับ...."

ปกป้องร้องไห้หนักกว่าเดิม ลีลาวดีเองก็ร้องไห้ออกมา แต่หล่อนยังคงพูดต่อ

"แม่ไม่สน ว่าใครจะมองลูกแม่เป็นแบบไหน แต่สำหรับแม่แล้วลูกคือที่สุดในดวงใจ ไม่ว่าป้องจะเป็นแบบนี้หรือแบบไหน แม่ก็ไม่คิดว่ามันจะผิดปกติ ลูกไม่ได้ทำผิดอะไร ลูกไม่ได้ฆ่าใครตาย ลูกไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความรู้สึกที่ไม่ได้ทำร้ายใคร แม่จึงไม่คิดว่าลูกผิดปกติ"

"........"

"วันนั้น... วันที่ลูกคลอดออกมา แม่นิดฝากฝั่งกับแม่ว่า หากเขาเป็นอะไรไปขอฝากลูกของเขาไว้กับแม่ ตอนนั้นแม่เองยังสาวๆ แม่กังวลมากว่าแม่จะดูแลได้เท่าแม่แท้ๆไหมนะ ? แล้วลูกจะดื้อมากไหม จะซนจนแม่เหนื่อยใจรึเปล่า สำคัญที่สุด แม่จะทำให้เขามีความสุขได้ไหมเพราะตอนนั้นแม่ยังแทบไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจากบ้านหลังนี้กับเราสองคนเพื่อนสนิทกัน"

"......."

"ขอบคุณ...ที่ลูกเกิดมา ขอบคุณยายนิดที่ไว้ใจให้แม่ดูแลลูก ป้องรู้ไหม...ป้องคือคนที่เติมเต็มแม่ เติมเต็มให้แม่เข้าใจจริงๆว่าชีวิตมันคืออะไร ตอนที่ได้เห็นลูกมีความสุข ลูกยิ้ม ลูกหัวเราะ แม่เองก็รู้สึกอิ่มเอิบใจไปด้วย กลับกัน แม่เห็นหนูทุกข์ หนูโดนคนในสังคมรังแก แม่กลับรู้สึกเจ็บ เจ็บที่คนพวกนั้นไม่เข้าใจลูก เจ็บที่เขามองแค่เพียงเปลือกนอก คนพวกนั้นเขาไม่รู้หรอกว่า หนูมีค่าสำหรับแม่ขนาดไหน"

"แม่...อึก...."

"เพื่อลูก ....มากกว่าชิวิตแม่ก็ให้ได้"

ปกป้องไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

ต่อให้คนทั้งสังคมไม่ยอมรับเขา ขอแค่คนๆนี้ยังอยู่ คนๆนี้ยังเชื่อใจกัน

ปกป้องเชื่อเสมอ เขาจะมีลมหายใจต่อไป

"ป้องก็รักแม่ครับ...."

ลีลาวดีกอดลูกของหล่อนแน่น ตลอดระยะเวลาสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ลูกชายคนนี้ไม่เคยทำให้หล่อนเสียใจแม้แต่ครั้งเดี่ยว กลับกัน ลูกคนนี้นำมาซึ่งความสุข ความสงบใจ หล่อนโตและก้าวขึ้นมาได้ก็เพราะมีลูกซึ่งเปรียบเสมือนเสาใจที่คอยค้ำจุ้นหล่อน ยามล้ม ยามพลาด หล่อนจะคิดถึงปกป้องแล้วลุกขึ้นมาใหม่

"เพราะเราเป็นแม่ลูกกันยังไงล่ะป้อง"

ใครบอกว่าเลือดข้นกว่าน้ำ

ใครบอกว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆไม่มีทางสนิทกัน

บัดนี้....หล่อนพิสูจน์แล้ว

ไม่มีอะไรเลยจริงๆที่จะแลกได้กับลูกของหล่อน แม้กระทั้งผู้ชายคนนั้นก็ตามแต่

คนเป็นแม่ยังไงก็รักลูกที่สุด....

นั้นคือสิ่งที่หล่อนคิด และโอบกอดปกป้องเอาไว้......




..
.

.

.

.


.


.



.


.
.
.
.
.
.
.


ลีลาวดีสูดหายใจเข้าปอดช้าๆ ก่อนจะยกหลังแขนเช็กเหงื่อที่ไหลย้อยออกมา หล่อนจัดแจงข้าวของให้เข้าที่เข้าทางในขณะที่ปกป้องหลับไปแลว

ร้องไห้...จนหลับไป

ลีลาวดีรู้ดีว่าปกป้องต้องฝืนทนขนาดไหน กับความรู้สึกที่ขมขืน เด็กคนนั้นรักหล่อนมากถึงขนาดยอมที่จะหายไปจากชีวิตหล่อน เพื่อให้หล่อนได้อยู่เขาต่อไป

แต่คนเป็นแม่จะทิ้งลูกได้ยังไง...

หล่อนคิด ก่อนจะค่อยๆลูบกรอบลูกที่ใส่ภาพวาดดรออิ้งของเกียร์ไว้

ภาพครอบครัว ที่เกียร์ตั้งใจจะให้หล่อนเป็นของขวัญวันแม่ ....

นึกๆไปแล้วหล่อนก็อดจะรู้สึกใจหายไม่ได้ นึกไปถึงวันที่เกียร์โทร.มาหาหล่อน น้ำเสียงที่ร้อนรนพลางถามหล่อนว่าปกป้องเป็นอะไรกันแน่ ต้องดูแลยังไง ปกป้องชอบอาหารแบบไหน

ทุกสิ่งที่เกียร์สื่ออกมา มันทำให้หล่อนรู้ว่าเกียร์รักปกป้องมากขนาดไหน

หากชีวิตของหล่อนถ้าเพื่อปกป้องก็ให้ได้ หล่อนว่าเกียร์เองก็ไม่ต่างกัน

ครั้งแรกที่ได้รับรู้ว่าปกป้องเป็นโรคหัวใจ เด็กคนนั้นร้องไห้ออกมาแล้วต่อว่าหล่อนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้เขาฟัง ไม่อย่างงั้นที่ผ่านมาเขาคงจะดูแลปกป้องให้ดีมากกว่านี้ ....

...สิ่งเหล่านั้นคือเครื่องยืนยัน ความสัมพันธ์ของปกป้องและก้องเกียรติ์ไม่ใช่อารมณ์อ่อนไหวที่เกิดขึ้นมาและดับไป หากแต่มันคือความรักที่บริสุทธิ์ ....

...เป็นความรักที่เกิดจากความต่าง

ลีลาวดีมองว่าคนทั้งคู่โหยหา 'อีกด้านหนึ่ง'ที่ตัวเองขาดและเติมเต็มกันและกัน เหมือนที่หล่อนและชาติชายเป็น

ลีลาวดีเองก็เข้าใจว่าทำไมชาติชายถึงยอมรับไมได้ ....

หากคนเป็นแม่รักลุกสุดหัวใจ และหัวอกคนเป็นพ่อเองจะต่างกันได้อย่างไง

ตลอดระยะเวลาสิบเจ็ดปีที่ชาติชายเลี้ยงก้องเกียรติ์มาด้วยตัวคนเดี่ยว หล่อนคิดว่าชายหนุ่มเองก็คงจะผ่านอะไรมาไม่ใช่น้อย จนกระทั้งเกียร์โตมาเป็นผู้เป็นคน และไม่ออกนอกลู่นอกทางมากเกิดไป

หากแต่ความรักลูกที่มากเกินไปนับมาซึ่งความเจ็บปวด....

ที่ชาติชายทำลงไปทั้งหมด ก็คงเพราะจะกลัวว่าลูกชายของตนจะเจ็บ เขาคงคิดว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากอารมณ์ที่อ่อนไหว และไม่ใช่ความรักที่ยังยืน หากแต่ชาติชายเองก็ลืมมองผ่านไป

....เขาลืมมอง 'ความรู้สึก' ของลูกตัวเองไป .... ไม่คิดว่าการแยกปกป้องและก้องเกียรติ์จะเป็นการทำร้ายคนทั้งคู่ถึงเพียงใด
ปกป้องบอบช้ำทั้งกายและใจ ... หล่อนรู้ดีว่ากว่าจะมาถึงขนาดนี้ ลูกชายของตัวเองต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะกล้ารับรัก กว่าจะ

กว่าบอกความรู้สึก กว่าจะกล้าที่จะเดินเคียงข้างกัน

ที่ผ่านมาที่ป้องปฏิเสธเกียร์ ไม่ใช่เพราะไม่รัก...

...แต่รักมาก จนกลัวว่าใครจะมองเกียร์ 'ผิดปกติ'

เด็กคนนั้นห่วงแต่คนอื่นจนลืมมองหัวใจของตัวเองไปเสมอๆ แม้กระทั้งตอนนี้เองก๋็ตาม....

ลีลาวดีคิดๆก็รู้สึกเสียใจ การที่หล่อนพาลูกจากมา มันเป็นทางเลือกที่ผิดรึถูกกันแน่....

'เพล้ง'

ชั่ววินาทีที่หล่อนเผลอ ลบวูบหนึ่งพัดเข้ามา ก่อนกรอบรูป'ครอบครัว'จะตกลงมาแตก ลีลาวดีใจหายก่อนจะรีบเก็บกรอบรูปขึ้นมา ด้วยความที่ไม่ทันระวังเศษกรอบรูปชิ้นหนึ่งตำนิ้วหล่อนจนเลือดไหลออกมา หากแต่หล่อนยิ่งใจหายเมื่อเลือดไหลลงจากนิ้วสู่ตำแหน่งที่เกียร์วาดแทนตัวเองไว้

ความกลัวจับตัวเข้าสู่จิตใจ หล่อนพยายามปลอบตัวเองว่าเป็นเพียงความบังเอิญ หากแต่โทรศัพท์ที่สั่นขึ้นทำให้หล่อนกลัวขึ้นมาอย่างประหลาดๆ ลีลาวดีเอื่อมมือไปดูหน้าจอก่อนจะเห็นชื่อคนโทร.เข้ามา

'ชาติชาย'

หล่อนรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ แต่ก็ยอมกดรับสาย...

'ลีลาวดี.....'

ปลายสายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะพูดต่อ

'ช่วยมา....งานศพลูกที่......'

"คุณ...คุณล้อเล่นอะไรของคุณ"

ลีลาวดีพยายามควบคุมน้ำเสียงมือข้างที่กุมโทรศัพท์ไว้ยังคงมีเลือดหยดออกมา น่าแปลกที่ตำแหน่งของมันคือภาพของเกียร์ ก่อนจะตะคอกกลับไปป

ลายสายปล่อยโฮออกมา ก่อนจะพูดต่อ


'เขาตายแล้วจริงๆ....'







TBC.

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-08-2014 12:23:29
เฮือก!!! มาม่าติดคอ
ม่ายจริงช่ายม้ายยยยย
อยากอ่านต่อเร็วๆอ่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 12-08-2014 13:29:08
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย..... ;{};
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2014 14:17:32
ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-08-2014 15:02:36
เกียร์ตายแล้วจริงๆเหรอ
คิดว่าจะได้อ่านไดอารี่
ของปกป้องต่อซะอีก

ชอบสำนวนนี้ของคนแต่งอ่ะ


อ้างถึง
ความรักที่เกิดขึ้นจากความ 'ต่าง' หากแต่ความ 'เหมือน' ที่พวกเขาทั้งสองคนเป็นผู้ชาย กับเป็นสิ่งเลวร้ายที่ทำร้ายทุกอย่างลง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 12-08-2014 15:07:31
สมน้ำหน้าไอชาติชาย ถ้าเราเป็นลีลาวดีเราก็คงตัดสินใจเลิกกับมันแบบนี้แหละ
ถ้าเกียร์จะตายจริงๆเรื่องคงเศร้าแต่ก็คงจะเป็นตราบาปให้กับชีวิตชาติชายไปทั้งชีวิต
ก็ดี ให้มันสำนึกผิดไปตลอดชีวิตว่ามันฆ่าลูกตัวเอง สะใจดี ที่ชีวิตมันจะไม่เหลือใคร
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-08-2014 16:05:46
ตัดจบตอนแบบนี้ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า :mew6: :mew6: :mew6:


รอตอนต่อไปค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-08-2014 16:07:10
ซึ้งความรักของแม่ที่มีต่อปกป้อง
แต่ต้องมาตกใจกับโทรศัพย์
ไม่นะเกียร์
 :katai1: :katai1:!!!!
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 12-08-2014 18:32:26
เฮ้ย !!!!   ต่าง เรื่องจริงหริ  :katai1:   ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม เอาแค่เจ้าชายนิทราได้ปะ ไม่เอาแบบนี้จะร้องไห้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-08-2014 18:42:04
เห้ยยยย ไม่จริงน่าาา ต่าง อย่าน้าาาา 
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 12-08-2014 19:00:11
 :serius2: :serius2:  :serius2:  :serius2: :serius2: ไม่น่ะะะะ ไม่เอาแบบตายน่ะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 12-08-2014 21:34:36
เสียดายที่ไม่ใช่ป้องเกียร์
มีตอนพิเศษให้ป้องกดเกียร์คืนบ้างไหมคะ 555

สนุกมากเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเลย

แต่เราคิดว่าเกียร์คงไม่ตายหรอกมั้ง?
เพราะมีตอนพิเศษไปญี่ปุ่นอยู่เลยนี่><

จะตามอ่านค่าาาา
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-08-2014 01:20:13
ไม่ฝันก็คงเป็นแผนการให้กลับไปแน่ๆ

ป้องยังไม่ได้กดเกียร์ จะตายไม่ได้นะ  :ling1: :ling1: :ling1: #โดนตบ  :beat:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #28.5 คนเป็นแม่ [12/08/57] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 13-08-2014 09:22:14
ม่ายยยยยยยยยยย  :o12:

แค่ฝันไปใช่มั้ย เกียร์&ป้อง ต้องอยู่คู่กันต่อไป  :hao5:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 13-08-2014 20:05:26
สวัสดีทุกท่านที่ตามอ่านนะครับ วันนี้ต่างไม่ขอพูดอะไรมากขอเข้าเรื่องเลย

ประเด็นที่อยากจะแจ้งในวันนี้ คือภาพร่างที่ตอนแรกจะใช้เป็นพวงกุญแจ 'ได้ถูกยกเลิกแล้วนะครับ' ซึ่งสาเหตุที่ยกเลิกนั้นต่างไม่ขอพูดถึงอีก และถือว่าเรื่องมันจบลงไปแล้ว

ต่างอยากขอโทษเพื่อนๆ ขอโทษทุกๆคนที่คอมเม้นท์เกี่ยวกับน้องๆในเวอร์ฯรูปภาพ และที่อยากจะขอโทษมากที่สุดคือน้องป้องและน้องเกียร์ ต่างขอโทษ ที่สร้างพวกคุณขึ้นได้แค่อักษรแต่ไม่มีกระทั้งปัญญาร่างภาพ จนทำให้เกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ขึ้น T  T

คือมันจุกนะ แบบ ... เหมือนลูกเราโดนพรากไปแบบนั้นแหละ แต่เพราะความผิดครั้งนี้เกิดขึ้นจากตัวเราเอง ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มหน้ารับกรรมกับสิ่งที่ทำต่อไป สิ่งที่อยากจะบอกเพื่อนๆคือพวงกุญแจต่างจะยังทำเหมือนเดิม(หากมีการรวมเล่ม) แต่รูปที่ใช้คงไม่ใช่แบบที่เคยเอามาลงให้เห็นแล้ว ขอบคุณและขอโทษจริงๆครับ

มันถือเป็นมรสุมที่หนักหน่วงอีกลูกในชิวิตของต่าง และยอมรับว่าหมดใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะพยายามไม่ให้มันกระทบกระเทือนกับตัวนิยายที่ลงเด็ดขาด และจะไม่ให้มีผลในการลงนิยาย จริงๆแล้วต่างลงช้ากว่าเดิมเพราะงานที่เพิ่มมากขึ้นจากแต่ก่อนช่วงเปิดเทอมก็เท่านั้นเองครับ ไม่ได้ลงช้าเรียกเรตติ้งหรืออะไรใดๆก็ตาม T  T

สำหรับหลายๆคนที่สงสัยว่าทำไมตอนที่ 28.5 ถึงได้มาที่หลัง 29และ30  อันนี้ต่างขอก้มกราบจริงๆครับ ช่วงที่ลงต่างทำงานหนักมากจนเบลอและลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ายังไม่ได้ลง.5 ซึ่งเป็นมุมมองของแม่ต่อลุกๆทั้งสองคน ขออภัยคนอ่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
สำหรับไดอารี่ของปกป้องตอนสุดท้าย ต่างคาดว่าไม่น่าจะเกิดวันเสาร์หรืออาทิตย์นี้ แต่รับรองว่ายาวจุใจมากครับ เพราะเป็นการเปิดใจของน้องป้องเลยจริงๆ


ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ขอบคุณที่ผลักดันคน(อยาก)เขียนคนนี้ จนกระทั้งเรื่องราวเรื่องนี้สมบูรณ์ขึ้นมาได้ ต่างขอพูดตรงนี้เลยนะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่ยอมให้นิยายเรื่องนี้จบลงแบบนี้เด็ดขาด

ขอบคุณทุกคน ขอบคุณน้องๆที่ต่างปั้น ขอบคุณคนอ่านทุกท่าน

พวกคุณทุกคนเป็นกำลังให้ผมลุกขึ้นสู้กับมรสุมต่างๆได้จริงๆครับ

จากใจ

แตกต่างเติมเต็ม

17/08/57  20.09น. 

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-08-2014 20:45:19
โอเค รับแซ่บ
รอไดอารี่ตอนที่3จ้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-08-2014 21:37:20
รู้สึกใจไม่ดีและเป็นห่วงแตกต่าง หวังว่าเรื่องทั้งหมดจะผ่านไปได้ด้วยดี
เป็นกำลังใจให้นะ

ปอลิง: เรื่องนิยายเรารอได้ ขอให้ลงให้จบพอนะ
ปอลิ่ง: หนังสือฉ้านนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-08-2014 21:48:10
สู้ๆจ้า ต่าง ยังไงก็รออ่านอยู่แล้วววว เป็นกำลังใจให้น้าา ทั้ง ป้อง เกียร์ แล้วก็ต่างด้วยยยย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 13-08-2014 22:06:10
สู้ๆจ๊ะต่าง สู้ๆ พี่อยู่ข้างเราเสมอ รักป้องรักเกียร์รักต่างเช่นกัน  ขอบคุณที่สร้างมา ขอบคุณมากๆคะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 14-08-2014 10:41:55
 o13  o13  o13 สู้ๆน้า มาเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 14-08-2014 11:00:52
สู้ๆนะ จะรออ่านนน :110011: :z7:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 14-08-2014 12:15:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: แจ้งข่าวสำคัญครับT T [13/ติ08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-08-2014 13:56:35
เป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องนะคะ
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีและในเร็ววัน
มามากอดปลอบทีนึง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 15-08-2014 21:48:47
#31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ'





19/05/57

เราว่าละครไทยน้ำเน่าแล้วนะบราว....

...แต่ชีวิตจริงๆของคนเรานี้แมร่งยิ่งกว่าละคร

จะโทษอะไรดีล่ะบราวนอกจากโทษตัวเองที่ว่าทำไมถึงไม่คุ้นกับนามสกุล ‘สติกุล’ ....ก้องเกียรติ์ สติกุล ลูกอาชาติซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นพ่อของเรา และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนมันจะไม่ได้อยากได้แม่ใหม่สินะ นี้มันจะบทละครไทยไปไหมวะ แล้วดูนะ พ่อคุณวิ่งหนีขึ้นมาก็นอนเลยซะงั้น

ลำบากเราต้องถอดเข็ดขัดกับเสื้อนอกให้มันอีก....

อะไร...ก็หวังดีนะเว้ย ไม่ได้คิดลึกเลย โถ่ว...แต่เอาเถอะ คิดว่าอะไรๆมันก็คงไม่ได้แย่นักหรอก คนแบบไอ้เหม่งนะ ‘เด็ก’ มากสำหรับเรา....

....ปราบมาเยอะแล้ว

Ps. เขาว่ากันว่ากินเด็กแล้วอายุยืน...



20/05/57

เด็ก..ยังไงก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ....

เกียร์มันคิดว่ามันฉลาดมากนักเหรอถึงได้เดินผ่านหน้ากล้องวงจรปิดแบบนั้น.. ดีเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เอาเรื่อง...ชิ...
คือ.... ไม่ใช่ไม่โกรธนะบราว แต่เราต้องลองคิดถึงอีกฝ่ายด้วย ดูจากท่าทางแล้วเกียร์คงรักแม่ของตัวเองมาก พอมีคนที่คิดจะเข้าไปแทนที่ก็เลยโกรธอีกฝ่ายเป็นธรรมดา เราเลยเลือกที่จะนิ่ง เพื่อประครองสถานการณ์ไม่ให้มันเลยร้ายไปมากกว่านี้

...เดี่ยวค่อยหาทางเอาคืนที่หลัง

เออ วันนี้เราไปอัดเพลงมาด้วย น้องแน่วแน่ตีกลองเก่งจริงๆ(น้องมันเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด พวกอัจฉริยะนะ) ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้เลือกที่จะร้องเพลงนี้

ถ้ายังรักก็ต้องหวัง

....แล้วเรายังหวังได้อยู่ไหมวะ....


24/05/57


เจริญมากที่สุด วันนี้คือซักผ้าเสีย แถมเมื่อคืนไปซ้อมวงจนดึกดื่นเพิ่งได้นอนด้วยซ้ำ...สุดท้ายเรากับไอ้เหม่งเลยต้องช่วยกันซักชุดนักเรียน....

มันเจอซองยาเราในกระเป๋าวะ...

...บราว ทำไมเรารู้สึกหวิวๆอีกแล้ววะ เรากลัวใจจังเลย เรากลัว เรากลัวว่าเราจะตายจากไป.....

....โดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย

พอซักผ้าเสร็จปุบไอ้ตัวดีก็ชิ่งปับ ชิชะ ที่ทำงานบ้านนี้ไม่ใช่อะไรหรอกนะบราว เราแค่กลัวงูเข้าบ้านแค่นั้นแหละ เลยเผลอทำจนเหนื่อย สุดท้ายก็นอนแมร่งกับโซฟา สำคัญสุดคือไอ้เหม่งดันมาเห็นตอนเรานอน

...มันคงไม่เห็นว่าเรานอนน้ำลายยืดหรอกใช่ไหม ? .....

ที่สำคัญคือมันทำข้าวมาให้เรากินด้วย...

ช้อนคันเดี่ยวกัน...

ช้อนคันเดี่ยวกัน....เท่ากับ....

....จูบ.....

ตลกเหอะไอ้ปลื้ม!!!!! จะคิดอะไรมากวะ ก็แค่...กินข้าวช้อนคันเดี่ยวกัน

แล้วจะเขินทำไม.....


25/05/57


วันนี้ได้เต้นลีลาศกับมันด้วยบราว เกียร์นะเป็นเด็กที่สมาธิสั้น ถ้าไม่หาเรื่องมาพูดหลอกล่อก็จะไม่สนใจสิ่งรอบๆตัว แปลกนะปกติ
คนวาดรูปสวยนี้ต้องมีสมาธิดีไม่ใช่เหรอ ? นี้ทำไมสมาธิมันกลับสั้นวะ

เอาเถอะ...

ได้โอบเอวมันด้วย กระชับพอดีมือเลยแหะ... กลิ่นเหงื่ออ่อนๆนี้หอมขนาดนั้นเลยเหรอ...

...มีความสุขจัง อยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ


26/05/57


วันนี้วันเฉลยน้องรหัส

บราวจำได้รึเปล่า เราเคยเขียนถึงรุ่นน้องคนหนึ่งที่ชื่อประกายแสง คือน้องเขาเป็นลูกครึ่งรัสเซียไง ครั้งหนึ่งเราเคยบังเอิญเจอน้องเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ ไอ้คนเป็นรุ่นพี่แบบเราจะไม่ช่วยก็เกินไป

ที่สำคัญ น้องเขาจับได้เราเป็นพี่รหัสด้วย !!!

ประกายแสงนี้หล่อมากๆเลยนะ จากใจเลย เราอยากหล่อแบบนี้มั่งจัง ตาคมเค้มดูน่ากลัวๆดีแหะ

เออๆ... น้องต้องตาจับได้ไอ้เหม่งแหละ เด็กคนนี้เราก็รู้จักเพราะน้องคนนี้สอบเข้าม.4ด้วยความสามารถพิเศษด้านไอที นี้ก็น่ารักดี
นะ ยิ้มหวานๆ เราว่าผู้หญิงบางคนยังอายเลย

บราวว่าถ้าเราหน้าตาดีกว่านี้ ไม่จืดๆแบบนี้...

....มันจะชอบเราไหม ?

เพ้อเจ้อวะปลื้มไปนอนไป๊ ฝันดีนะบราว....

....ฝันดีนะเกียร์


27/05/57

อ่า...วันนี้น้องประกายแสงพาเราไปเลี้ยงไอติม

จริงๆไม่ต้องก็ได้นะ แต่น้องเขาคุยเก่งมากเลย ชวนเราคุยนู้นนี้ พอกินไอติมเสร็จน้องเขาก็บอกเราว่าได้ตั๋วหนังฟรีมาสองใบ เลยชวนเราไปดู

....จริงๆเราชอบดูหนังซอมบี้มากกว่านะ

แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในวันนี้ คือร่างของใครอีกคนที่นอนหลับทับเราอยู่

...เห้ย อย่าเพิ่งคิดลึกนะบราว ไอ้เหม่งมันแค่ร้องจนหลับไปก็เท่านั้น

ดูสิ ร้องไห้จนตาบวมเลย เราเองก็ไม่กล้าขยับตัวมากนัก ทำได้แค่เอื้อมมือไปหยิบสมุดมาเขียนบันทึกเนี่ยแหละ คนอะไรวะ ตอน
หลับก็ยังน่ารัก แก้มขาวๆนั้นก็อีก

เราไม่อยากให้มันมีน้ำตาเลยบราว

เรารู้นะว่ามันเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ชีวิตคนเรามันต้องก้าวเดินต่อไป ต่อให้สิ่งที่มันกำลังเจอมันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน เราเชื่อว่าถ้าเป็นมัน มันต้องผ่านไปได้

....และเราจะอยู่ข้างๆมันไม่ว่าวันไหนๆ

เราขอสัญญา เราจะดูแลมันตลอดไป ไม่ว่าจะได้แค่พี่ ได้แค่เพื่อนหรืออะไรก็ตาม

ถ้ามันทำให้เราได้ดูแลมัน เราพร้อมจะยอมเสมอ....

Ps. เรามีความลับจะบอก ห้ามบอกใครนะบราว....


...

..

.

.

.


เราแอบหอมแก้มมันด้วย -//////////////- กลัวโดยต่อยวะ (ต่อยมาต่อยกลับ จูบมา....จูบกลับ ไม่โกง100%) แต่จริงๆคือไม่ได้ตั้งใจนะ จังหวะพลิกตัวแล้วจมูกเราไปโดนแก้มมันเฉยๆ


28/05/57

มันจะรู้ไหมว่าเราเจ็บกับประโยคที่มันพูด…

มันจะรู้ไหมว่าเราอยากพูดคำอื่น...

เมื่อไหร่จะรับรู้ เมื่อไหร่จะเข้าใจ เมื่อไหร่จะรู้สึกตอบ

เราไม่เคยคิดเลยว่าคนๆหนึ่งจะรักใครได้มากขนาดนี้หรือยาวนานแบบนี้ แต่พอเจอกับตัวเราเองก็เข้าใจว่าทำไม....

รัก...ก็คือรัก

มันไม่มีเหตุผลที่มากหรือน้อยไปกว่านั้นเลย

เราเลยคิดนะ เคยลองถามตัวเอง ทำไมเราถึงได้ยอมให้ใจไปกับคนๆนี้ คนที่ได้แค่เจอ ได้แค่รู้จัก

เพราะอะไร ? ความต่างเหรอ ?

มันก็ใช้...

พูดตรงๆนะ เราอิจฉาเกียร์ เราอยากเป็นแบบเกียร์...

มีเพื่อนเยอะๆ กล้าแสดงออก อยากทำอะไรก็ทำ เราว่ามันเป็นชีวิตที่โอเคมากๆเลยนะ

...นั้นอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารักมัน แต่จริงๆแล้วมันมีอะไรหลายๆอย่างมากกว่านั้น

เกียร์มันไม่รู้หรอกว่ามันมีเสน่ห์มากขนาดไหน ทั้งความเป็นผู้นำ ความฉลาด ติดที่ว่าเจ้าตัวมันไม่ค่อยชอบอะไรที่วุ่นวาย เลยไม่ชอบรับตำแหน่งใดๆ

มันมีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม และมีสิ่งที่เรา ‘ไม่มี’

ถ้าเราจะโหยหา ในสิ่งที่เราขาด...

....มันคงไม่ผิดใช่ไหมบราว ที่เราจะหลงรักมันได้มากขนาดนี้...


29/05/57


บราว.... มันจ้องเราทำไมวะ ? หรือรู้แล้วว่าเราแอบหอมแก้มมัน !!!! คือเราว่าเราไม่ได้คิดไปเองนะ แต่มันมองมาทางเราหลายรอบมากๆอ๊ะ เห้ย เรากลัวมันโกรธเราวะ T T มันรู้แล้วหรือยังไงวะ ?

แต่....ได้กลับบ้านกับเกียร์ เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว.....ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่อยู่ข้างๆกันก็พอ

Ps.แอบบ้านิดๆให้มันเห็นด้วย เพลงปลาทูนี้ไม่เคยร้องง้อใครเลยนะเว้ย - -


30/05/57


อย่าทำให้รู้สึกดีแบบนี้จะได้ไหม....

มันชมเราว่าน่ารัก คือมันไม่รู้หรอก ตอนมันพูดนี้ใจเราโคตรเต้นแรงจนกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายตายด้วยซ้ำ แล้วไหนจะเล่นบ้าๆแบบนั้นอีก....

.....อย่าทำให้คิดไกลได้ไหมวะ.....


31/05/57


บราว ทำไมมันทำแบบนี้กับเราวะ !!!

เหรี้ยเอ๊ย ไอ้บ้า ไอ้เลว ไอ้เวร มึงนัดกูเองแล้วลืม แล้วก็มาพาล

มึงรู้ไหมเกียร์ กูนั่งรอมึงขนาดไหน ดูดีใจขนาดไหนที่มึงอยากกลับบ้านพร้อมกับกู แต่มึงกลับมาโวยวายด่ากูแบบนู้นแบบนี้ ทั้งๆที่ตัวเองผิดเนี้ยนะ ไอ้เด็กเชรี้ย กูไม่น่าชอบคนแบบมึงเลย

แดรกๆยาแล้วนอนเลยดีกว่า..


01/06/57

ทำไมใจง่ายแบบนี้...

เขาง้อด้วยปลา(?)ก็หายงอนแล้ว ไอ้บ้าปลื้มเอ๊ย

วันนี้มีเรื่องเยอะแยะมากกกกกกกกกกกก นี้พูดเลยบราว วันนี้รับน้องนะ คือ มันรู้สึกอุ่นในใจหลายๆอย่าง แต่ไม่รู้จะเล่ามันออกมายังไงดีวะบราว เราแค่รู้สึกว่าเราสุขใจมาก สุขใจที่ได้รับอะไรหลายๆอย่างแบบนี้

เราอบอุ่น....งั้นเหรอ

ถ้าคิดแบบนั้นก็มารับไออุ่นได้บ่อยๆนะ ไม่ว่ากัน....

กูอบอุ่น เพราะอยากให้ไออุ่นแก่มึงไง ไอ้เด็กโง่


02/06/57

เล่นอะไรไม่คิด...

ไอ้เด็กบ๊องเอ๊ย มันคิดว่าเราไม่มีอารมณ์เป็นใช่ไหม ?

ระวังเหอะ เล่นพิเรนทร์แบบนี้มากๆ หลับๆอยู่พ่อจะจับกดให้...

แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก

เกียร์เป็นผู้ชายเต็มตัว และเราก็เป็นผู้ชาย...

ทำไมต้องรู้สึกเจ็บในอกแบบนั้นด้วยวะ ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ควรจะรู้สึกอะไรด้วยซ้ำ

....เพราะเราไมได้เป็นอะไรกันเลย....

สุดท้าย....

....เราก็เอื้อมไปไม่ถึงมัน


17/06/57

วันนี้เราไปคุยกับพี่กาเซียร์มาเกี่ยวกับงานโรงเรียน

คืองี้ พี่กาเซียร์อยากให้เราขึ้นร้องเพลงปีนี้อ่า แต่เรายังไม่พร้อมจะเปิดตัวกับใครเลยว่าเราคืออามัว สุดท้ายเราเลยขอพี่เขาไปว่าจะสวมหน้ากากกันอีกชั้น และขอร้องให้พวกสภานักเรียนช่วยป้องกันเราตอนลงเวทีด้วยแหละกัน

ถ้าเป็นมัน....

....จะรู้ไหม ว่าเป็นเรา

Ps. เราพยายามไม่คุยกับมัน ไม่อยากทำร้ายใจตัวเองวะ ....

Ps.2 อามัว...แปลว่า.... ‘ความรัก’


04/07/57

การร้องสดเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆเลยจริงๆ ดีนะว่าเราดีดกีตาร์ประกอบด้วยเลยไม่เน้นเสียงมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังเหนื่อยๆอยู่ดี T T

Ps. พรุ่งนี้เกียร์โทรมา.เราไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แอบตื่นเต้นเบาๆแหะ

แต่ก็นั้นแหละ...

...มันคงแค่ชวนไปเป็นเพื่อนเฉยๆ


05/07/57

เจ็บตูด เขินอาย และอย่าจะแทรกแผ่นดินหนี...

วันนี้มันพาเราไปงานสเกตบอร์ดและไปเล่นเกมมา

ประเด็นคือใส่เสื่อคู่……

......เหมือนแฟนกันเลยเนาะ

ตลกแหละไอ้ปลื้ม มันก็แค่อยากให้ใส่ก็เท่านั้น

แล้วพี่ปิงพูดอะไรของพี่เขาเนี้ย

‘เกียร์มองเราตลอดเวลาเลยนะป้อง ระวังจะโดนกินเข้าสักวันล่ะ....’

บ้าไปแล้ว !!!! เราสิที่ต้องเป็นคนกินมัน..เอ๊ย ไม่ใช่ๆ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง เกียร์มันเป็นผู้ชายนะเว้ย ผู้ชาย จำไว้ดีๆดิวะ
เกียร์ มันไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นเลยจริงๆ

เออๆ จะบอกว่าตอนตีตุ๋นสนุกมากจริงๆ เราชอบเล่นเกมนี้เพราะมันเล่นง่ายๆดีนี้แหละ รอบๆตัวเรามีเรื่องให้คิดซับซ้อนมากพอแล้ว เราเลยอยากพักบ้างก็เท่านั้น

....แต่ก็ยอมรับเรามีความสุขมากจริงๆในโลกของเกียร์ ....แต่เราก็ต้องคอยย้ำเตือนเสมอ

.....สุขแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้


06/07/57

วันนี้เราเป็นฝ่ายพาเกียร์ไปเที่ยวโลกของเราบ้าง

โลกที่จืดชืดจริงๆนะ

น้องร่าเริง(จำได้ไหม ? น้องชายของเราไง) ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะบราว น้องยังคงยิ้มเก่ง วันนี้พาน้องไปเดินเล่นที่สวนด้วย ได้คุย ได้เล่น ได้ให้กำลังใจกันและกันแต่....

...ถ้าวันหนึ่งเราป่วยแบบนั้น เกียร์มันจะดูแลเราไหมนะ ?

ถ้าวันหนึ่งเราล้มลงไป เราเจ็บ เกียร์จะดูแลเราเหมือนๆที่เราอยากจะดูแลเกียร์ไหม..

...การห้ามไม่ให้รู้สึกดีกับคนที่เรารักไปแล้ว

มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ...



07/07/57


เลขเจ็ด...เป็นเลขนำโชค....

วันนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะไม่มีวันลืมมัน

ปกป้อง....รักก้องเกียรติ์ครับ...สัญญากับเราแล้วนะเกียร์ว่าจะดูแลกัน

อย่าทิ้งเรานะ..เกียร์

มันดูเหมือนเป็นคำพูดโง่ๆนะ แต่วินาทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เราร้องไห้ออกมาจริงๆ มันเหมือนกับความรู้สึกตลอดห้าปีที่ผ่านมามัน
ประสบผลแล้ว มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ไร้ค่าอีกต่อไป เรารู้สึกดีที่ได้รับความรักตอบกลับมา

แต่...

เรากังวลบราว...

เราไม่อยากให้ใครมองเกียร์ไม่ดีเลย จะมีใครมาด่า มาว่าเรา เราไม่โกรธและไม่คิดจะใส่ใจ แต่เรากลัวว่าถ้าคนอื่นๆรู้เรื่องของเรา
แล้วเขาว่าเกียร์ มันคงไม่ใช่เรื่องดี เราไม่อยากให้ใครมาว่าเกียร์แบบนั้น แล้วไหนจะสังคมที่เป็นอยู่อีก

....มัน....แย่นะ อยากรักแต่ต้องคอยมากังวลกับสายตาของคนอื่นที่มองมา

มองที่เรา ว่าเรา เราไม่ว่า

แต่ขอร้องได้ไหม...อย่าว่าเกียร์

เราอยากให้คนอื่นๆเข้าใจเรากับเกียร์จริงๆ... ที่เรารู้สึก มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ...

มันคือความรัก....

เรากลัวจริงๆนะบราว กลัวว่าสักวันเรากับเกียร์อาจจะต้องเลิกกัน เพียงเพราะสังคมที่มองมา



13/07/57


น้องชายคนเดียวที่มี...จากไปแล้ว

พี่อยากจะบอกเรานะร่าเริง ไม่ว่าเราจะไปอยู่ตรงไหน หรือไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เราจะยังเป็นน้องชายของพี่ตลอดไป...

ขอบคุณ...

ขอบคุณที่เกียร์อยู่ข้างๆเรา...

ขอบคุณ...

....รัก

Ps.ฟ้าตรงไหนสวยไปรออยู่ตรงนั้นนะร่าเริง... สักวัน....พี่จะตามเราไป




17/07/57


เศร้าได้ไม่นานก็ต้องกลับไปลุยงาน...

การทำงานกับคนเยอะๆนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆจริงๆด้วยแหะ บราวรู้ไหมการจะประสานงานกับคนหลายๆส่วน ทั้งการควบคุมคนจำนวนมาก คำนวณงบ อ่า....

...มีข่าวลือแปลกๆมาว่าพี่เซียร์จะยกตำแหน่งประธานให้กับเรา... โน....

เราไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นผู้นำหรอก เราเหมาะสมจะเป็นผู้ตามมากกว่า

แต่ดีจังเลยนะบราว หลายวันมานี้ไปโรงเรียนกับเกียร์ตลอดเลย สบายใจจัง...

...ถ้าเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปได้ก็ดีสินะ...

เรากังวลจริงจังวะบราว...

เรากลัว...

เราเคยเป็นคนที่ครั้งหนึ่งถูกมองข้าม ครั้งหนึ่งที่มองผ่าน ขนาดเจอกันแบบนั้นเกียร์ยังจำเราไม่ได้ด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้อะไรหลายๆ
อย่างจะทำให้เราเข้าใจก็เถอะว่าเกียร์ชอบเราจริงๆ แต่มันก็ยังหวั่นๆอยู่ดี

ต่อให้วันหนึ่งเกียร์จะเลิกกับเรา...

....แต่เราคงเลิก’รัก’ไม่ได้หรอก

อยากจะเก็บไว้ให้นานเท่านาน...

เก็บรักของเรา...

...ตลอดไป





21/07/57

และแล้วความกังวลในครั้งแรกตั้งแต่เริ่มชอบ...ก็เป็นความจริง

ไอ้ที่ไม่กล้าบอกชอบส่วนหนึ่งก็เนี้ยแหละ กูว่าแล้วไง คนอย่างแมร่งเหรอจะยอมโดนกด(เราก็ไม่ได้อยากยอมนะบราว T T )จริงๆเอง เราก็รู้นะ และก็ทำใจตั้งแต่สมัยเริ่มคบกันแล้วไง...แต่......

....ก็ยังอายๆอยู่ดีนั้นแหละโว้ยยยยยยยยย เชรี้ย ก็อย่างที่บอก เราเป็นผู้ชาย

บราวดูปากเรานะ ผู้ชาย...

แต่ถามว่ามีความสุขไหม...เออ...มันก็ดีล่ะวะ  มันอ่อนโยนกับเรามากๆเลยนั้นแหละ  -////////////- แต่แมร่งโคตรเจ้าเล่ห์เลย ชิชะ ที่ทำเค้กให้เรานี้ก็หวังแบบนี้ไว้สินะ ไอ้เกียร์ ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กหื่น

แต่ก็...

....ขอบคุณสำหรับเค้ก และความรักที่มีให้กัน มันเป็นความรู้สึกดีที่เราไม่เคยได้รับจากใคร...

จะจดจำไว้สำหรับครั้งแรกของเรา....

ถึงตอนนี้ป้องจะยังกลัวบ้างเกี่ยวกับเรื่องของเรา แต่ป้องมั่นใจ....

ถูกแล้วที่รักเกียร์....

เกียร์อยากเรียนออกแบบภายใน เราอยากเรียนนิเทศฯ...

นักร้องกับนักออกแบบภายใน มันจะไปด้วยกันได้ไหมนะ...

เกียร์ครับ...ป้องจะรอนะ....

…..‘บ้านของเรา....’ ป้องอยากให้มันถึงวันนั้นไวๆจริงๆครับ



Ps. แต่ถ้าขอสลับบ้างจะได้ไหม....




24/07/57

เพลงที่ร้อง ก็ร้องออกมาจากใจ....

-ฝันส่วนตัว

ป้องอยากร้องเพลงนี้ให้เกียร์ฟัง ป้องอยากให้เกียร์พยายาม

เกียร์เป็นคนเก่ง เป็นคนมีความสามารถ แต่เกียร์ขาดความกระตือรือร้นที่จะไขว่คว้าโอกาสให้กับตัวเอง เกียร์มันมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆไปเสมอแม้กระทั้งความต้องการของตัวเองจริงๆ

ป้องอยากให้เกียร์พยายามในความฝัน...

...แล้วป้องจะยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆเกียร์

-โดเรมอน

เพลงที่ครั้งแรกเกียร์ร้องให้ฟัง เพลงที่นำพาป้องมาเจอเกียร์

ป้องอยากขอบคุณความบ้าของเกียร์ในวันนั้น

ถ้าวันนั้นเกียร์ไม่เข้าห้องผิด เกียร์ไม่แกล้งป้อง...

...เราคงไม่มีวันนี้

อยากให้ความสดใสของเนื้อเพลงโดเรม่อนเป็นเช่นความรักของเราสองคน

ขอให้มั่นคงตลอดไป....

-ถูกแล้วที่รักเธอ

อยากพูด อยากบอก อยากระบายความรู้สึกทุกอย่างที่มีอยู่ข้างใน

อยากให้รู้ว่ารักมากขนาดไหน

ห้าปีที่รอมา มันไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่ทำให้ป้องได้ก้าวเดินต่อไป ป้องดีใจจริงๆที่เรามีกันและกัน

-เข้ากันดี

ทั้งๆที่ไม่สมควรเข้ากัน ทั้งๆที่เราต่างกันมาก

เป็น‘ความต่าง’ที่ทำให้เกิด‘ความรัก’....

เกียร์ไม่คนที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่เข้ากับป้องเลย ทั้งนิสัย ใจคอ ท่าทาง การแสดงออก รวมถึงทุกอย่าง แต่เพราะอะไรเราถึง
ได้มีวันนี้ วันที่ป้องยอมรับเกียร์ วันที่เกียร์ยอมรับป้อง วันที่เรายอมรับกันและกัน ป้องดีใจนะที่เกียร์รักป้องแบบตรงๆ และไม่เคยทำร้ายป้องเหมือนกับที่สีเทียนทำกับหนมปัง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นป้องเองก็คงจะเป็นเหมือนหนมปัง

ทั้งรักทั้งเจ็บ....

ขอบคุณความต่างของเราทั้งคู่...ที่ทำให้เกิดความรัก

ขอบคุณจริงๆครับ..

ที่รัก...

และเพลงสุดท้ายที่ร้องออกมา แทนความหมายร้อยพันมากมายที่มีในใจ ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แต่วันนี้ขอให้เกียร์ได้
รับรู้เอาไว้...

-ฉันดีใจที่มีเธอ

ป้องดีใจจริงๆที่มีเธอ

เกียร์เป็นกำลังใจของป้อง

เกียร์เป็นคนที่ทำให้ป้อง ... กล้าจะเปลี่ยน

เคยกลัว...ว่ารักแล้วเราจะเจ็บ ว่ารักแล้วมันจะเกิดความทุกข์ แต่เกียร์เป็นคนจับมือป้องออกจาความทุกข์นั้น ทุกสิ่งที่ทำให้กันมัน
กระซิบข้างๆหู คอยบอกถึงความรู้สึกที่เรามีให้กันและกัน

ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง หรือต่อให้มีอะไรที่ทำให้เราต้องห่างไกลกัน

ความรักของป้อง จะไม่มีวันจางหายไป...

รักเกียร์ที่สุดเลยครับ

Ps. รัก พูดบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อ ป้องขอโทษนะที่ตัวเองพูดไม่ค่อยเก่ง ป้องอยากพูด ป้องอยากบอกนะ อยากแสดงออกให้เกียร์รับรู้ ป้องขอโทษจริงๆที่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง

รู้สึก...แต่แสดงออกไม่เป็น

ขอโทษน๊า... รู้ว่าบางที่เกียร์ก็คงน้อยใจ คงคิดว่าป้องไม่รัก ป้องรัก แต่ไม่รู้จะแสดงออกมายังไงดี...

สักวันนะ ป้องจะขอเกียร์แต่งงาน ...






07/08/57


ก็รู้สักวัน...มันต้องมาถึง

....เเต่เพราะไม่เคยเตรียมใจ ไม่เคยคิดว่าเราจะต้องจากกันมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ...ความรู้สึกที่เรามีให้กัน มันไม่ดีขนาดที่จะต้องกีดกันเราเลยเหรอ...

เกียร์..ป้องขอโทษ...ป้องไม่ได้อยากไป แต่ถ้าป้องไม่ไปพ่อคงจะส่งเกียร์ไปที่อื่น ไม่อยากแยกจาก ไม่ได้อยากห่าง แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้มันคงไม่มีคำว่าเราหลงเหลืออยู่ ป้องรู้ เกียร์ต้องโกรธป้อง ต้องว่าป้องที่ทำแบบนี้...

ป้องขอโทษ...

ป้องรักแม่มากจริงๆ ป้องไม่อยากทำให้แม่เสียใจ

แม่ทะเลาะกับพ่อหนักมากเรื่องของเรา ป้องไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่ป้องไม่อยากให้แม่ร้องไห้ป้องทนเห็นไม่ได้จริงๆ แม่ร้องไห้หนักทุกวันตั้งแต่วันที่พ่อไล่ป้องออกจากบ้านเพราะรู้เรื่องของเรา สุดท้ายแม่เลยอยากจะพาป้องกลับไปยังที่ๆของเรา...

...ทำไมวะ

คนรักกัน...

มันผิดตรงไหน....

ป้องไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆว่าต้องทำแบบไหน หรือเดินหน้ายังไงต่อไป

ป้องไม่รู้ว่าอนาคตของเราสองคนมันจะเป็นยังไง

แต่เกียร์รู้ไหม ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนๆ ความรู้สึกของป้องที่มีมันจะไม่มีเปลี่ยนแปลง

เพราะใจของเกียร์....คือลมหายใจของป้อง

อยากให้อดทน

อยากให้ไว้ใจ

อยากให้รอคอยวัน เวลา

เชื่อในตัวป้องได้ไหมเกียร์


เชื่อได้ไหมในวันที่เราต้องห่าง

เชื่อได้ไหมว่าป้องจะไม่มีใคร


สัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธพ่อ ท่านไม่ผิดที่จะคิดแบบนั้น ป้องลองมามองในมุมของพ่อ ถ้าป้องเป็นพ่อป้องเองก็คงรู้สึกแบบนั้น....

สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำตัวไม่ดี ตอนที่เราไม่ได้มีกัน...

วันหนึ่ง...ไม่ว่ามีใครหายไปจากชีวิตของเกียร์

...เกียร์ต้องเดินต่อไปนะ

อดทน...กับสิ่งที่เราต้องเจอ...

มันหนักหนา และทรมาน... ป้องรู้...

ป้องมีความเชื่ออย่างหนึ่งที่ติดหัวมาตั้งแต่เกิด มันเป็นความเชื่อที่ป้องอยากให้เกียร์เชื่อตาม

‘คนเราถ้าเกิดมาคู่กันแล้ว ต่อให้อยู่กันคนละซีกโลก...สักวัน โลกก็ต้องหมุนเรามาเจอกัน’

สัญญาได้ไหมว่าจะรอ...

สัญญาได้ไหมว่าจะอดทน

อยากให้วันเวลาที่เราห่าง เป็นสิ่งที่ทำให้เราทั้งคู่เติบโต

วันนี้ที่เราต้องจาก...

เราจาก....เพื่อพบกันใหม่

อยู่ตรงนั้น...ขอให้เดินต่อไปข้างหน้า

คนที่อยู่ตรงนี้จะขอสัญญา

จะนานแค่ไหนจะยังรอ.....

วันไหนที่ทรมาน วันไหนที่ท้อ วันไหนที่ทุกข์ใจ ดูรูปใบนี้นะแล้วคิดถึงกันให้มากๆ แต่ไม่อนุญาตให้ร้องไห้

เราจะมีวันที่ได้พบเจอกันอีกครั้งหนึ่ง และต่อจากวันนั้นเราจะไม่มีวันจากกัน...



ปกป้อง สติกุล
(คนที่สัญญากับตัวเองไว้ว่า... ชั่วชีวิตจะรอเธอ)





:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:





ผมพลิกกระดาษที่เต็มไปด้วยรอยด่างจากน้ำตาเป็นจุดๆจนถึงหน้าสุดท้าย ความทรงจำของมันตลอดห้าปีที่ผ่านมาถูกเล่าผ่านอักษรสื่อถึงใจของผม น้ำตาทั้งสองข้างยังคงไหลพราก ไอ้ความเจ็บที่แผลทั้งตัวรวมกันยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ แม้ดวงตาจะยังพร่าจากประสาทสัมผัสที่เพิ่งกลับมาได้ไม่นานและยังได้รับผลกระทบจากการโดนรถชนจนมองเห็นได้ไม่เป็นปกติ

.......กระทั้งในวันที่รู้ว่าต้องไป ปกป้องก็ยังคงเป็นปกป้อง ยังคงห่วงผม ยังคงกังวลว่าผมจะมีความสุขไหม ผมจะทำยังไงต่อไป ทั้งๆที่ตัวเองก็ทุกข์แสนทุกข์แต่กลับไมเคยปริปากบ่น.......

"กู....อึก....สัญ...ญา.....กูจะ....รอมึง....."

ผมยกสมุดสีเทาเล่มหนาแทบไว้กับอก ดวงตาที่เริ่มเลือนจากการใช้งานมากไปทั้งๆที่ยังไม่เป็นปกติเริ่มมืดบอดลง

เกือบสามอาทิตย์แล้วที่ปกป้องจากผมไป

ตั้งแต่ฟื่นตัวขึ้นมา หมอบอกว่าผมเองโชคดีมากเพราะแรงกระแทกจากรถชนที่โดนผมสมควรจะอาการหนักกว่านี้ แต่อาจจะเพราะอะไรก็ตามแต่ทำให้นอกจาบาดแผลภายนอกกับดวงตาที่ได้รับผลกระทบแล้วส่วนอื่นเป็นปกติ ดวงตาที่ว่าผิดปกติก็เพียงแต่ยังคงไม่สามารถมองเห็นได้ชัดมาก กระทั้งอ่านตัวอักษรยังต้องใช้ความพยายามในการเพ่งมอง แผลภายนอกก็มีแต่รอยฝกช้ำกับแรงที่อัดกับพื้นถนนจากแรงกระแทก

กลับกัน...

รถที่ขับพุ่งชนผม ตัดสินใจขับหนีหลังจากชน แต่กลับเสียหลักพุ่งเข้าข้างทางจนกระทั้งเสียชิวิต....

มันไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากฟังหลังจากตื่นขึ้นมาเลยสักนิด

ผมไม่โกรธไอ้ป้องที่เลือจะจากไป ป้องมันรักแม่ของมันมาก ผมรู้ ถ้าเป็นผมเองก็คงเลือกที่จะทำแบบมัน แต่ถ้ามองในอีกมุม ผมโกรธมากๆเหมือนกันที่มันไม่ยอมบอกสิ่งที่ตัวเองต้องแบกรับไว้ให้ผมรู้บ้าง ทำไมถึงไม่เคยที่จะแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตที่มันไม่ดีให้กับผมบ้าง ทำไมถึงต้องแบกรับไว้แต่คนเดี่ยว

ถามไปแบบนั้นแต่ก็รู้คำตอบกับใจตัวเองดี

เพราะมันรักผม..คำตอบคงมีเท่านี้จริงๆ....

"สายตามึงจะไม่ไหวแล้วล่ะเกียร์ พักก่อนเถอะ"

ไอ้อู๋พูดบอก ผมพยักหน้าทั้งน้ำตาแต่ก็พยายามเอ่ยคำพูดขอร้องออกมา

"อู๋..."

"......."

"กู..ขอปากกาหน่อย...."

มันพยักหน้า ก่อนจะล้วงในกระเป๋ากางเกงนักเรียนควักปากกาแท่งหนึ่งออกมาให้ผม ผมรับมาก่อนจะเปิดกระดาษถัดไปอีกหน้าหนึ่งก่อนจะค่อยๆยกปากกาเขียนเท่าที่ร่างกายของผมจะเอื้ออำนวย


14/09/57

แล้วพบกัน...


TBC.











หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-08-2014 22:22:26
โอ๊ยยยยยยยยยย ค่อยยังชั่วที่เกียร์ไม่เป็นอะไร


แล้วที่พ่อโทรหาแม่ป้องคืออะไรฟระ??
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-08-2014 23:30:05
ดีใจที่เกียร์ปลอดภัย แต่ก็ยังห่วงเรื่องดวงตาที่ยังไม่ปกติ
อ่านไดอารี่จบแล้ว ขอให้จากเพื่อพบกันใหม่นะเกียร์ป้อง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 16-08-2014 00:01:27
ตอนที่แล้วบอกให้มางานศพลูกคือหลอกใช่มั้ย

ป้องน่ารักอ่ะ ที่เขียนมานี่ยังกับคนละคน ป้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้เยอะมาก
ความจริงน่าจะมีช่วงป้องกลายมาเป็นอามัวร์ด้วยนะ อยากรู้ว่าทำไมถึงมาเป็นอามัวร์ได้และทุ่มเทขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-08-2014 07:54:52
เกียร์หายไวๆนะ ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าอ่ะ บอกเลย อยากให้ทั้งสองคนสมหวัง หน่วงมากกก แต่เชื่อว่ายังไง ป้องต้องทำตามสัญญาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-08-2014 09:21:58
แล้วตาของเกียร์จะปกติมั้ย
แล้วป้องมีโอกาสจะรู้หรือเปล่า
ที่พ่อโทรหาแม่เป็นเพราะละเมอจากฝัน
หรือเป็นเพราะต้องการตัดทุกความคิดของป้อง
ที่หวังจะได้เจอกับเกียร์อีก เราคิดโหดร้ายจังเลย

แล้วพบกัน......
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 16-08-2014 16:11:29
แล้วพบกัน...จะได้พบเมื่อไรน้ารอๆๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-08-2014 17:54:00
นี่มันอารายยยย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 16-08-2014 20:57:16
เราจะรอนะ รอวันที่ พวกนายได้เจอกัน ได้คุยกัน ได้รักกันและจับมือกันเพื่อก้าวผ่านไป พร้อมๆกัน  รัก  :L2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31 Diaryของปกป้อง [3] 'จาก...เพื่อพบ' [15/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 16-08-2014 23:32:30
 :hao4:  :hao4: เกียร์ไม่ตาย แล้วใครตาย
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 19-08-2014 10:19:08
#31.5 เรื่องราวหลังประตู

ไอ้เกียร์ค่อยๆหลับตาลง ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้วบอกกับตัวเองว่าให้รอ

รอ….แม้ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงต่อไหน

อาจจะเพียงเสียววินาที หรือไม่... ก็แค่ชั่วชิวิต

ปกป้อง ….สติกุล

ผมทวนชื่อของเพื่อนตัวเองเบาๆ

การที่ปกป้องเขียนนามสกุลของเกียร์ลงไป บ่งบอกความนัยที่ซ่อนเร้นไว้หลายอย่าง ตั้งแต่การยอมรับมันเป็นหัวใจของตัวเอง
และการยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น

“เรื่องเรียนมึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่เซียร์จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”

มันพยักหน้าเบาๆรับคำของผม ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วถามต่อ

“แล้วของไอ้ป้องล่ะ ?”

“พี่เซียร์บอกกูว่า ....ไอ้ป้องลาออกไปแล้ว”


ใบหน้าของคนป่วยที่ตอนนี้ช้ำทั้งกายทั้งใจดูเหมือนจะแย่ลงกับคำตอบของผม ไอ้เกียร์พยักหน้ายอมรับอย่างบอบช้ำ น้ำตาของ
มันยังคงไหลออกมาจากความเศร้าที่เกาะกิน

“กู….กูจะได้เจอมันอีกไหมวะ”

“…………………….”

ผมเงียบไม่ตอบคำถามใดๆ ผมรู้ว่ามันไม่ได้อยากได้คำตอบแค่อยากถามเพื่อระบายความรู้สึก

การจากลามันไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ

ผมนั่งลงกับโต๊ะมองเพื่อนสนิทตัวเองที่ค่อยๆนอนหลับลงไป ไอ้เกียร์ใช้สายตามากกว่าที่ควรจะใช้ หมอบอกแค่ว่ามันควรจะหลับตาให้มากๆ และอย่าพยายามเพ่งอะไรนานๆเพราะจะทำให้อาการหายช้ามากขึ้น แต่เพราะต้องการจะอ่านไดอารี่ของปกป้อง
มันเลยเลือกที่จะขัดคำสั่งหมอ

วันแรกที่ผมได้รับโทรศัพท์จากแน่วแน่ที่โทร.มาแจ้งข่าวเรื่องที่มันถูกรถชน ผมใจหายวาบเพราะคิดว่าอาจจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเพื่อนของผมทั้งคู่ ซึ่งพอมาถึงก็พบว่าลางสังหรณ์ของผม....เป็นความจริง

จริงๆก็ทายได้ตั้งแต่วันที่ไอ้ป้องมันแบกของมาให้ผมแล้วล่ะ

รายงานกลุ่มเนื้อหาของภาคเรียนที่สองและงานหลายๆชิ้นที่มันตะเวนตามอาจารย์ทุกหมวด อดทนทำ...เพื่อเกียร์

มันไม่ได้บอกผมว่าเพราะอะไรหรือทำไม ผมเองก็ไม่คิดจะถาม

ผมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อนตัวเอง ปกป้องเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเหมือนกัน...

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ กำลังปลดทุกข์เบาได้ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตูดังขึ้น คิ้วของผมในกระจกขมวดขึ้นมานิดๆ...

....ใคร ?

ผมล้างมือลวกๆก่อนจะค่อยๆบิดประตูออกไปด้านนอก ก่อนจะเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเตียงไอ้เกียร์....

มือบางๆลูบไปตามหน้าของคนนอนหลับ น้ำตาทั้งสองข้างของมันเอ่อล้นขึ้นมา ก่อนริมฝีปากบางได้รูปจะขยับเปล่งเสียงแหบแห้ง
ออกมา

“เกียร์...เป็นยังไงมั่งอู๋....”

“ก็อย่างที่เห็น...ยังไม่ตาย”

ผมตอบติดตลกแต่รู้ว่าคนฟังไม่ตลกไปด้วย น้ำตาข้างหนึ่งของ ‘มัน’ หยดลงบนแก้มคนที่กำลังนอน ไอ้เกียร์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนมือข้างที่เจ็บจะพยายามยกขึ้น

“ป้อง....ป้องเหรอ....”

มันพยายามจะลืมตาขึ้นมาแต่เพราะความเจ็บและความเหนื่อยล้าของดวงตา ทำให้มันทำได้มากสุดก็แค่พยายามตะกายมือไขว้
คว้ากับอากาศ  ‘มัน’ ถอยหลังออกไปเพื่อไม่ให้ไอ้เกียร์จับได้ก่อนจะรีบยกมือปิดปากไม่ให้มีเสียงสะอื้นออกมา รวมทั้งส่ายหน้า
ให้ผมเป็นเชิงให้บอกไอ้เกียร์ว่าไม่ใช่....

“เปล่า....”

“เมื้อกี้...เสียงใคร ?”

มันถามออกมาเหนื่อยๆก่อนจะเลิกคว้าอากาศ

“ไม่เห็นมีเสียงใคร...กูว่ามึงคงจะละเมอฝันไป....”

มันชะงักไปนิดๆ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา

“อื้อ...กูคงจะฝันไป....กูรู้สึกเหมือนมันยังอยู่ใกล้ๆกู...ไม่ได้หายไปไหน”

“...............”

“กูคิดถึงมันวะอู๋.......”


ผมเงียบ ให้เพื่อนสนิทตัวเองได้ระบายคำพูดออกมา ให้คนอีกคนในห้องได้รับฟังคำพูดของมัน

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ...กูไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกกับมันได้ขนาดนี้....”

น้ำตาของทั้งคนฟังและคนพูดไหลออกมาพร้อมๆกัน ไอ้เกียร์พยายามหยุดร้องก่อนจะพูดต่อ

“แค่คนๆหนึ่ง...ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่กลับทำให้กูรู้สึกจะเป็นจะตาย....”

“...............”


“วันที่มันร้องไห้เพราะกูลืมมัน...กูแทบอยากจะฆ่าตัวเอง....กูรู้แค่ว่า ไม่อยากเห็นมันร้องไห้เลย”

ไอ้เกียร์พูดต่อ คนอีกคนที่กำลังยืนรับฟังอยู่ในห้องยกมือขึ้นมากัดเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา เลือดหยดเล็กๆค่อยๆซึมออก
มาจากฟันที่กัดลงไปบนแขน

....ไอ้ปกป้องไม่ลังเลที่จะกัดมือของตัวเองให้เต็มแรง เพื่อไม่ให้มีแม้กระทั้งเสียงสะอื้นเล็กๆ

“มันนะ...หวงแต่คนอื่น...มันไม่รู้หรอกว่า กูหวงมันแค่ไหน....”

“มึงรู้ว่ามันหวง...ก็ควรจะพัก นอนให้มากๆมันจะได้หายห่วง....”

“กูอยากรู้....”

“อะไร ?”

ไอ้เกียร์เงียบไปสักพักก่อนมันจะพูดต่อ

“มันกำลังทำอะไรอยู่ มันจะยังคิดถึงกูไหม ? ถ้ามันอยากกินปลาแล้วใครจะทอดให้มันกิน... ”

ไอ้ป้องเกือบหลุดหัวเราะออกมากับประโยคตอนท้าย(รวมทั้งผมด้วย)

“อยากดูแล...อยากปกป้อง...เหมือนๆกับที่มันทำให้กัน”


“มึงควรจะนอนได้แล้วเกียร์....”

ผมพูดไม่ได้แค่เพราะเป็นหวงมัน แต่เลือดที่ยังไหลหยดออกมาจากมือไอ้ป้อง เป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายเองก็ใกล้จะถึงขีดจำกัด
แล้วจริงๆ...

“ขอให้...ได้พบกันอีกสักครั้ง...”

“........”

“จะไม่ยอมให้หายไปไหน...อีกแน่ๆ”

ดูเหมือนสติของไอ้เกียร์เองก็หมดลงไปพร้อมๆกัน  มันนอนหลับลงอย่างสงบก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ ...ดูเหมือน

รอบนี้จะหลับลงไปจริงๆ

ปกป้องเดินออกไปจากห้องก่อนผมจะเดินตามออกไป ผมเห็นมันทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสงสาร
ไอ้ป้องดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด มันใส่เสื้อยืดสีเทาตุ่นๆ รองเท้าแตะกับกางเกงสามส่วน แต่นั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจนัก

“เอาไปเช็ดก่อน...กูหมายถึงเลือดนะ” 

ผมพูดก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับมัน เจ้าตัวพยักหน้าก่อนจะรับไปแต่โดยดี มันเช็ดเลือดที่มือ ผมเห็นรอยฟันจมลงไปทั้งยังเห็นรอยเขี้ยวที่ฝังลึก

....ต้องทำขนาดนี้เชี่ยวเหรอวะ

“หมอบอกว่าอาการไอ้เกียร์โอเคดี...คือ กูหมายถึงว่า นอกจากดวงตาแล้วส่วนอื่นยังคงดีอยู่ มันแค่ฟกช้ำมากๆจากแรงกระแทกก็เท่านั้น อ้อ... แล้วก็ขาส้น”

“ดีแล้ว...ดีแล้วจริงๆ....”

มันพูดออกมาด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา

“แล้วนี้มึงมาได้ยังไง ?”

“แม่พากูมางานศพ....เกียร์รู้เรื่องนี้รึยัง ?”

“ยัง...และกูไม่คิดจะให้มันรู้ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนที่หายแล้ว”

ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆเป็นเพื่อนมัน

“พ่อบอกแบบนั้นเหรอ ?”

“อื้ม...พ่อไม่อยากให้ไอ้เกียร์จำภาพๆนั้นได้อีก”

“โลกใบนี้...ทำไมมันถึงเล็กนักวะ”

มันบ่นพึมพำ น้ำตาเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ

“ไม่รู้ดิ แต่เพราะโลกมันเล็กไง คนข้างๆเลยสำคัญ”

“................”

“มึงเองก็เป็นเพื่อนกูนะป้อง อะไรที่เพื่อนทำให้กันได้ก็บอกกูได้ ไม่ต้องเกรงใจนักหรอก”

มันพยักหน้ารับคำของผม ก่อนจะนั่งนิ่งๆไปทั้งคู่

“สักวันเกียร์อาจจะจำได้.....”

“ก็ใช่...แต่ถ้ายังจำไม่ได้ เรื่องแย่ๆแบบนั้นก็ไม่ควรจะให้มันจำ”

“แต่คนๆนั้นก็เป็นพี่ชายมันนะอู๋.....”

ไอ้ป้องพูดออกมา ก่อนจะเม้มปากสนิทกัน

“อื้ม....”


6ปีที่แล้วที่แม่ของเกียร์จากไป ผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีแค่พี่ขวัญแต่ยังมีพี่ชายอีกคนที่แม่ของมันพาไปด้วย พ่อของมันเล่าแค่ว่าเป็นเพราะตอนนั้นเกียร์กำลังช็อกจากการเสียแม่ เลยทำให้ความจำในช่วงนั้นหายไป พ่อเองก็ไม่อยากให้เกียร์จำได้นัก เพราะงั้นข้าวของทุกอย่างที่เป็นของพี่ชายมันที่ยังเหลืออยู่เลยถูกทิ้งไปทั้งหมด นี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ตอนแรกเกียร์ปฏิเสธการเป็นพี่น้องกับปกป้อง ผมเดาว่ามันอาจจะเป็นจิตใต้สำนึกที่ยังกลัวการสูญเสียพี่ชายไป และตอนนี้พี่ชายของไอ้เกียร์ที่ว่า

.....ก็ได้เสียชีวิตจากการขับรถชนไอ้เกียร์

แม่แท้ๆของไอ้เกียร์เล่าเพียงแค่ว่า วันที่ไอ้เกียร์โดนรถชน ลูกชายของหล่อนแอบขโมยรถออกไปขับจนเกิดเหตุดังกล่าว พ่อของเกียร์พูดไม่ออก เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เสียลูกชายคนโตไป ทั้งคนรองเองก็ดูจะยังเลวร้ายอยู่กับสถานการณ์ในปัจจุบัน พ่อเองไม่คิดจะเอาเรื่องหรือเอาผิดใครเพราะตัวแกเองก็คงจะบอบช้ำมากเหมือนกันจากการสูญเสียครั้งนี้  ถึงกระทั้งโทร.ไปหาแม่ไอ้ป้องแบบที่ตัวเองก็แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

คนที่รักกันจริงๆ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็อยากจะแชร์ให้อีกฝ่ายรับรู้เสมอ

ผมคิดว่าอาจจะเพราะแบบนี้ พ่อไอ้เกียร์เลยโทร.ไปหาแม่ของป้องมัน....

“แต่สุดท้ายแม่มึงก็ยังมา”

ผมพูดต่อ ไอ้ป้องพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับ

“แม่ยังรักพ่ออยู่...แต่เพราะเรื่องของกูเขาเลยเลือกที่จะไป.... แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง มาตามที่พ่อขอก็จริง แต่ก็กลับวันนี้.....”

“ป้อง”

“...........”

“ไอ้เกียร์ยังมีโอกาสได้เจอมึงจริงๆ....ใช่ไหม ?”

มันนิ่งเงียบไป ก่อนหัวทุยๆจะค่อยๆส่ายหน้าช้าๆ

“กูไม่รู้...กูไม่รู้จริงๆ”

มันพูดวนซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น ก่อนจะค่อยๆเงียบลงไป

“กูขอที่อยู่มึงหน่อยได้ไหม ?”

ไอ้ป้องส่ายหน้าให้ผมแทนคำตอบ เป็นผมเองบ้างที่ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆกับความารันทดอดสูของเพื่อนทั้งสองคน

รัก...แต่อยู่ข้างๆกันไม่ได้

“กูต้องไปแล้ว....”

มันพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับก่อนจะยืนขึ้นแล้วยืนแขนไปดึงมัน

“จำไว้นะป้อง อยู่ที่ไหนมึงก็เป็นเพื่อนกู”

“.......................”

“มึงไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ”

น้ำตามันไหลออกมา ก่อนจะจับมือผมขึ้นมาช้าๆ

“ฝากไอ้เกียร์ด้วยนะอู๋”

ผมบีบกลับเบาๆเป็นการตอบตกลง ก่อนจะพูดตลกทิ้งทาย

“กูไม่รับฝากนาน ของๆใครก็ดูแลเอาเอง รีบๆกลับมายืนอยู่ข้างๆมันอ๊ะ....”

มันยิ้มรับคำก่อนจะปล่อยมือผมช้าๆแล้วเดินจากไป

“โชคดีเว้ย....เพื่อน”

มันหันหลังมายิ้มให้กับผม ก่อนจะกดลิฟต์ลงไปข้างล่าง  พอเห็นมันไปลับสายตาแล้วผมก็หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทร.ออก
ไปหาเบอร์ที่คุ้นเคย เสียงเพลงรอสายดังขึ้นนิดๆ

...ไอ้เด็กนี้เปลี่ยนเพลงรอสายอีกแล้ว

‘สวัสดีครับสามี’

ปลายสายพยายามพูดหยอกผม แต่ผมรู้ว่ามันเองก็กำลังเศร้าที่ต้องเห็นคนที่มันนับถือว่าเป็นพี่ชายเดินจากไปไกล ส่วนอีกคนก็
โดนรถชน

“พูดแบบนี้มากๆระวังโดนกินจริงๆนะ....”

‘เหรอ ? ผมไม่กลัวคุณหรอก....โทร.มานี้มีอะไรจะใช้งานผมล่ะครับ’

“คุณ .... แฮกประวัตินักเรียนให้พี่หน่อย....”

‘ของใคร ?’

“ปกป้อง ตั้งเกียรติ์ติยานันท์”

‘………………..’


“ผมต้องการชื่อบริษัทแม่ลีลาวดี และสาขาทั้งหมดที่อยู่ในภาคเหนือ ถ้าจะให้ดีแฮกที่อยู่ที่ทำงานหรือถ้าได้ถึงบ้านของไอ้ป้อง
เลยได้ก็ดี”

‘คุณจะเอาไปทำอะไร ?’

มันถามผมด้วยความสงสัย

“กันเหนี่ยว ..........ถ้าทางนี้ไม่ไหวจริงๆผมจะพาหนี”


‘เห้ย !!! ลูกเขาทั้งคนเลยนะคุณ’

“เออนะ ผมแค่พาเขาไปเจอกัน ไม่ได้จับไปฆ่าไปแกง”

‘โอเคๆ งั้นเดี่ยวจะลองดูก่อนนะครับ’


ปลายสายกึ่งรับกึ่งสู้ แต่ผมรู้ว่างานนี้ยังไงๆก็สำเร็จแน่นอน

“ขอบใจมากนะต้องตา”

‘จิ๊บๆ...ว่าแต่ ทำไมคุณไม่ทำเอง ? หรือกำลังจะไปไหนต่อ’

อยู่ด้วยกันไม่นานแต่ไอ้เด็กนี้ทันความคิดผมตลอด...

“ผมว่าจะไปบุกบ้านกามเทพสักหน่อย ....”

‘กามเทพ ?’

ปลายสายทวนเสียงสงสัย

“เอาเป็นว่า ถ้าได้ต่อยหน้าสักหมัดสองหมัดแล้วกลับบ้านเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟัง....”

นั้นหมายถึงอีกฝ่ายไม่มีคำตอบให้กับผม หรือว่าผม ‘สามารถ’ ต่อยอีกฝ่ายได้หรอกนะครับ

‘โอเค..... ระวังคุณกาซิลจับทุ้มแล้วกัน’

มันอวยพรให้ก่อนจะวางสายไป

ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นว่าไอ้เกียร์ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เปลือกตาของมันยังคงบวมเปล่ง ผมรอเวลาจน
กระทั้งพ่อมันมาถึง ก่อนผมจะขอตัวไปทำธุระต่อ

นึกถึงวันนั้นแล้วผมยังคงฉุนไม่หาย...

2ปีที่แล้วสมัยผมขึ้นม.สี่ใหม่ๆ ผมโดนท้าดวลแฮกกับบุคคลปริศนาที่ใช้โค้ดเนมตัวเองว่า ‘ซ่อนหนาม’ เขาตะบี้ตะบันจนกระทั้งไวรัสของผมกลายเป็นของกระจอก แม้กระทั้งพัฒนาออกมาใหม่ก็ยังพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถเขายื่นข้อเสนอให้ผมสองข้อสั้นๆคือหนึ่งขึ้นเป็นเทพแหวนสีดำและสอง......

......ทำยังไงก็ได้ให้น้องชายของเขาได้มีโอกาสในการใกล้ชิดเพื่อนสนิทผมมากขึ้น

ครั้งแรกที่ฟัง ผมรับปากส่งๆไปจนกระทั้งได้เจอตัวจริงของซ่อนหนามซึ่งก็คือประธานนักเรียนโรงเรียนผมในปัจจุบัน ผมบอกเขาว่ามันเป็นไปไม่ได้ ปกป้องและไอ้ก้องเกียรติ์เพื่อนผมไม่ได้ชอบผู้ชายและไม่มีวันชอบด้วย เขาเพียงยิ้มแหละตอบผมกับสั้นๆว่า...

‘โลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ....’

สามวันต่อมา แม่ของไอ้ป้องได้ย้ายไปทำงานในแผนกเดียวกันกับพ่อของเจ้าเกียร์....ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆนั้นแหละ
แต่กระทั้งคาดการณ์ได้ล่วงหน้าขนาดนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง

เรื่องของปกป้องและก้องเกียรติ์ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ ....แต่มันคือความจงใจ จากไอ้คนที่คิดว่าตัวเองเป็นกามเทพสื่อรัก ที่ดันรักน้องชายตัวเองขนาดถึงกับจับใส่พานไปถวายให้ถึงบ้าน

กาเซียร์ เซซิล.....

“หวังว่าคุณจะมีคำตอบให้ผมกับสถานการณ์ในตอนนี้นะครับ”
 
ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากความตั้งใจและเดินทางมาถึงจุดๆนี้ ไอ้คนที่ก่อเรื่องก็ต้องให้คำตอบกับผมได้....



TBC.











หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-08-2014 10:32:34
เศร้าแทนเกียร์ป้อง เพราะรักจึงต้องห่างกัน :katai1:
เรื่องนี้มันซับซ้อนเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 19-08-2014 11:40:44
 :sad4: :hao5: :o12:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-08-2014 11:45:28
สงสารเกียร์กับป้อง
พ่อเกียร์กับแม่ป้องก็น่าสงสาร
พี่ชายฆ่าน้องชายตัวเอง จะไม่ตั้งใจก็เหอะ

เรื่องกามเทพซับซ้อนจัง คงไม่ได้ตั้งใจ
ตั้งแต่ที่เกียร์ร้องเพลงโราเอม่อนให้ป้องฟังหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 19-08-2014 11:58:53
จัดการเลยอู๋  หึหึหึ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2014 13:50:51
ซับซ้อนจริง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-08-2014 16:32:38
ตามอ่านตั้งแต่แรก อยากจะกระซิบถามนักเขียนว่าจะจบเศร้าไหม กลัวตอนจบมากกว่าสิ่งใด


พออ่านมาถึงจุดนี้ ไม่ต้องรอจบก็เศร้าบีบหัวใจจะตายอยู่แล้วว


T_T
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-08-2014 22:45:35
อ้าวกรรม ดันเป็นพี่ชายซะงั้น  :mew5:

คุณพี่กาเซียร์ นี่รู้อนาคตเหรแ หรือแค่วางแผนเพราะรู้ว่าป้องชอบเกียร์
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #31.5 เรื่องราวหลังประตู [19/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 20-08-2014 01:24:20
รอตอนต่อไปค่ะ :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าว+อ้อน [24/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-08-2014 20:26:12
แจ้งข่าวครับ!!!

ช่วงนี้ต่างลงแข่ง(โดนมัดมือชก)หนังสั้นบ่อย ทำให้เวลาในการลงน้องๆหายไป รอเขาหน่อยนะ;__; รอบระดับประเทศเมื่อไหร่ก็เสร็จสิ้นหมดกันสักที่(ต่างโดนบังคับจากคนที่มีพันธะสัญญา TuT ) รางวัลในครั้งนี้มีตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่นเป็นเดิมพัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง

...มีคนหนึ่งคนที่ต่างอยากเจอรออยู่ที่ญี่ปุ่น(ไม่ได้บอกเขาหรอก แต่อยากไปหา)

รอต่างหน่อยนะ ขอเวลาจริงๆครับ มันเป็นการเดิมพันอะไรหลายๆอย่างด้วย

Ps. มีคนถามว่าเรื่องนี้ Happyend หรือ Badend
บอกเลยว่าไม่...
.



.

.




ไม่บอก แบร่!!!!!!!!!!


อยากรู้รอนะ *-*


รักและรัก


ขอโทษทีให้รอ ขอบคุณที่ยังรอ
รัก.
แตกต่างเติมเต็ม

24-08-57


หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าว+อ้อน [24/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2014 21:53:48
ยินดีรอจ้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าว+อ้อน [24/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-08-2014 22:13:53
รอจ้า

แฮปนะ ตอนอินโทร น้องบราวบอกแฮปนะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #00 แจ้งข่าว+อ้อน [24/08/57] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-08-2014 23:04:02
รอจ้า  :katai5:

ว่าแต่ เรื่องของแตกต่างมัน...... อิอิ แอบจิ้นซะแล้วสิเรา  :hao3:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 29-08-2014 20:17:25

#32 ของขวัญ


10/09/57

ป้อง เกียร์เริ่มมองเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ ขอโทษที่เพิ่งได้เขียนบันทึกนะ สองวันที่ผ่านมาไข้ขึ้นนะ
เกียร์ขอโทษนะที่ไม่ชอบเขียนอะไรยาวๆแบบป้อง เกียร์อยากพูดให้ป้องฟังมากกว่า
ยังรอป้องอยู่นะ

17/09/57

ป้อง วันนี้คุณหมอบอกว่าเกียร์ใกล้กลับบ้านได้แล้วนะ
ยังรอป้องนะ







19/09/57

ป้อง เกียร์ออกจากโรงบาลแล้วนะ
ขอโทษที่ไม่ได้เขียนนะ เกียร์ไม่รู้จะเขียนอะไรดี
เกียร์คิดถึงป้อง
เกียร์อยากอยู่ข้างๆป้องอีกครั้ง
ยังรอป้องนะ

23/09/57

ป้อง เกียร์ไปโรงเรียนแล้วนะ ทุกคนถามหาป้องเยอะเลย

ป้องไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ

ป้องยังมีเกียร์นะ

...เกียร์เองก็จะรอนะ

กลับมาไวๆนะ



28/09/57


ป้อง เกียร์ไปเรียนดรออิ้งมา

เกียร์วาดรูปของเราด้วยนะ

...

อยากให้ป้องมาเห็นจังเลย

ยังรอป้องอยู่นะ


29/09/57

ป้องครับ

เกียร์เหงา

เหนื่อยจังเลย เหนื่อยกับชีวิต

เหนื่อยกับความรู้สึก เหนื่อยกับการรอคอย

แต่จะให้เลิกรอ

เลิกรัก...

มันเป็นไปไม่ได้

Ps.ขอโทษที่ทำบันทึกของป้องเปื้อนแค่คิดถึง น้ำตามันก็ไหลออกมาแล้ว...



31/09/57



ป้องครับ ทำไมใจร้ายกับเกียร์ขนาดนี้

เกียร์แทบจะยืนไม่ไหวแล้วนะ

โลกที่ไม่มีป้อง มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด

เกียร์อยากตาย...

...ไม่ได้

ถ้าเกียร์ตาย เกียร์ก็ไม่ได้เจอป้อง

เกียร์ยังตายไม่ได้

ป้องครับ ขอร้องนะ...

อย่าทรมานเกียร์มากไปกว่านี้เลยครับ

มันทรมานเหลือเกิน...


03/10/57

ไอ้ป้องครับ  ไอ้คนใจร้าย !!!

ไหนบอกกันไว้ว่าจะอยู่ข้างๆกันตลอดไป...

ไหนบอกว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน


รู้ไหมว่ามันเหนื่อยนะ ทรมานมากด้วยกับการรอแบบไทม่รู้เวลา...

รีบๆกลับมาสักที่สิ...

จะคลั่งตายอยู่แล้ว...



07/10/57


ไอ้สัสป้อง !!!

กูไม่รอมึงแล้ว

กูไม่ไหวแล้วป้อง

กูอยากตาย

ทำไมมึงต้องทิ้งกูไปวะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม !!!!


ไอ้เหรี้ย....

มึงมันไอ้คนนิสัยไม่ดี ไอ้เลว กูไม่รอมึงแล้ว กูไม่ไหวแล้ว มึงได้ยินไหมป้อง !!!


ไอ้โลกเหรี้ยๆนี้ถ้าไม่มีมึงข้างๆกัน

ก็ปล่อยให้กูตายไปเหอะ!!!





.

.

.


.

.



.


..

.

.

08/10/57


อยากตาย...เสือกไม่ได้ตาย
.......แถมปากแตกอีกต่างหาก

เพราะมึงอ๊ะป้อง !!! ไอ้คนเลว

Ps. ก่อนจะฆ่าตัวตายทุกครั้งอย่าลืมล็อกห้อง

Ps.2  ไอ้อู๋หมักหนักกกว่าแต่ก่อนมาก สัส แมร่งทำร้ายคนป่วย !!!




09/10/57



แมร่งงงงงงง ป้องดูพวกมันดิ พอเกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อวานก่อนแมร่งก็จัดทีมผลัดกันมาเฝ้าเลย เพื่อนเรานี้ดีกันจริงๆเนาะ ว่างมากใช่
ไหมมาเฝ้ากันถึงดึกถึงดื่น (แล้วอะไรคือมานั่งจู๋จี๋กันในห้องกู  ในขณะที่มึงไม่ได้อยู่กับกู ?) ก็บอกแล้วไงวะว่าไม่คิดสั้นแล้ว


กูจะตายได้ยังไงวะ...

....ก็บ้านของเรา กูยังไม่ได้สร้างเลยนิหวา

Ps. ก็ยังรอเจ้าของบ้านกลับมานะ....



14/10/57

ป้องครับ เรียนโคตรเหนื่อยเลย เกียร์ไม่ค่อยเข้าใจเลย เดี่ยวก็มีverbใหม่ เดี่ยวก็มีรูปแบบประโยคแบบนั้น ดรออิ้งก็ยากไปอีก
ทำไมชีวิตวัยรุ่นมันถึงได้นักหนาขนาดนี้....

...ยิ่งไม่มีใครอีกคนข้างๆกัน ยิ่งโคตรเหงาเลย

เกียร์ดีใจวะ ที่มีพวกมัน

จริงอยู่ว่ามันอาจจะแค่มานั่งเล่นกันเฉยๆ แต่อย่างน้อยๆมันก็ทำให้เกียร์รู้สึกได้นะว่าเพื่อนก็คือเพื่อน

พวกมันเองก็คงไม่สบายใจที่เห็นเกียร์เป็นแบบนี้

แต่จะให้เกียร์หลอกตัวเองว่าเกียร์โอเค...

....มันไม่ใช่

จะให้ชีวิตโอเคได้ยังไง ในเมื่อคนหนึ่งคนหายไปจากชีวิตของเรา

คนหนึ่งคนนั้น....เขาเอารักของเราไปด้วย

Ps. รีบๆกลับมาคืนใจให้กันสักที่เถอะครับ....



15/10/57

คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงาคิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา 
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงาคิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงาคิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา 
คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงาคิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงาคิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา 
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง  เหงา คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา 
คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงาคิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา  คิดถึง เหงา 



20/10/57



เกือบๆสองเดือนแล้วที่ใครคนหนึ่งหายไปจากชีวิตของเกียร์...

ไม่มีวันไหนเลยจริงๆที่ไม่มีน้ำตา

หยดน้ำมากมายไหลออกมาเหมือนๆกับว่ามันไม่มีจุดสิ้นสุด

รัก...  รัก....  และรัก....

...... มันมากกว่านั้นเยอะ

ความรู้สึกของเกียร์มันไม่ใช่แค่รัก.... แต่ยังศรัทธาใน'เรา'

เคยคิด เคยรู้สึก ไม่ว่าใครคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหรือเดินจากไปเกียร์ก็คงไม่เป็นไร

แต่ทำไมกับคนๆหนึ่ง... มันถึงไม่หายไป......

อาจจะเพราะเรื่องของเกียร์กับป้องมันไม่ใช่แค่ความรักที่เกิดแค่วันสองวัน

ไม่ใช่แค่ได้มองตากันก็รู้ใจ ป้องไม่ใช่รักแรกพบ  ไม่ได้เข้าตาด้วยซ้ำ

ความผูกพัน...มันก็อาจจะใช่ แต่เนื้อแท้จริงๆแล้ว...

...ก็รัก

รอ รอ และรอ

เกียร์มีวันพรุ่งนี้   มีชิวิตอยู่ต่อไป

.....เพื่อรอใครสักคนกลับมา





22/10/57

ป้อง วันนี้เกียร์ไปศิลปากรมา สนุกมากเลย มีคณะมัณฑนศิลป์ด้วย พี่ๆที่คณะก็อาร์ทๆดีนะ ฮ่าๆ  วันนี้เกียร์เลยลองมานั่งหาข้อมูล
ดูเกี่ยวกับออกแบบภายใน

คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  อันนี้เกียร์เพิ่งไปงานเปิดบ้านศิลปากรมา 

สถาปัตย์  ม.กรุงเทพ    ศิลปกรรมและการออกแบบ ม.รังสิ   สถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง ม.ธรรมศาสตร์สถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.เกษมบัณฑิต    ศิลปกรรม ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี     สถาปัตยกรรมและการออกแบบ พระจอม 
สถาปัตยกรรมศาสตร์  ศรีปทุม   คณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์



มีแต่ที่น่าเรียนๆเนาะ ?

แล้วป้องอ่า...อยากเรียนที่ไหน ถ้าอยากเป็นนักร้องนี้ต้องเรียนนิเทศฯรึเปล่านะ ?

ยังรอป้องนะ...










27/10/57

ป้อง วันนี้เกียร์ได้ฟังเพลงๆหนึ่ง

ป้องลองมาฟังด้วยกันนะ.......





กาลครั้งหนึ่ง การพบใครคนหนึ่งทำให้ฉันสุขใจ
กาลครั้งหนึ่ง ทุกช่วงเวลาเราเคยมีกันใกล้ ๆ
แต่กาลครั้งหนึ่ง สุดท้ายไม่จบตรงชั่วนิรันดร์เสมอไป
กาลครั้งหนึ่ง ชีวิตเลือกเส้นทางให้เรามีอันต้องไกล

เรื่องราวของฉันเดินต่อไป จากตรงนั้น ไกลสุดไกล
เหมือนจะไกลจนลืมว่าเคยเกิดสิ่งเหล่านี้
แต่ในวันที่ฝน ร่วงจากฟ้า วันที่มองหาใครก็ไม่มี
วินาทีนั้นจะมีบางอย่างที่สำคัญ เกิดในใจฉัน

กาลครั้งนั้นยังอบอุ่นในใจ รู้สึกทุกครั้งว่าเธอยังดูแลฉันใกล้ ๆ
เหม่อมองฟ้าแล้วถอนหายใจ เหมือนเราได้พูดกัน
ราวกับเธอนั้นไม่เคยจากไป
ยังคงยืนส่งยิ้มให้กำลังใจอยู่ในความทรงจำ (ในความทรงจำ)
หากชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน กาลครั้งหนึ่ง ดีใจนะที่เราพบกัน

เรื่องราวชีวิต เดินต่อไป จากตรงนั้น ไกลสุดไกล
เหมือนจะไกลจนลืมว่าเคยเกิดสิ่งเหล่านั้น
แต่ในคืนเหน็บหนาว เกินจะต้านทาน
คืนที่ความเหงา เข้ามาฉับพลัน
คืนนั้นจะมีความรู้สึกพิเศษและสำคัญ ปรากฏในใจฉัน

กาลครั้งนั้นยังอบอุ่นในใจ รู้สึกทุกครั้งว่าเธอยังดูแลฉันใกล้ ๆ
เหม่อมองฟ้าแล้วถอนหายใจ เหมือนเราได้พูดกัน
ราวกับเธอนั้นไม่เคยจากไป
ยังคงยืนส่งยิ้มให้กำลังใจอยู่ในความทรงจำ (ในความทรงจำ)
หากชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน กาลครั้งหนึ่ง ดีใจนะที่เราพบกัน

ฉันจะอยู่ โดยที่รู้ว่าทุกนาทีนั้นแสนพิเศษ
ฉันจะทำ (ฉันจะทำ) ทุก ๆ สิ่ง (ทุก ๆ สิ่ง)
ให้เธอภูมิใจเมื่อได้เห็น

เธออยู่ตรงนั้นสบายดีไหม
ฉันอยู่ตรงนี้เป็นเหมือนเดิม
คิดถึงเธอทุกวัน (คิดถึงเธอทุกวัน)
หากชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน กาลครั้งหนึ่ง สักวันเราคงได้พบกัน



ครั้งหนึ่งเกียร์ได้พบกับใครคนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกสุขใจ

ทุกช่วงที่อยู่ด้วยกัน...มีความสุข

มันก็จริงที่ว่ายังไงสักวันเราก็ต้องตาย....

แต่รักที่อยู่ เชื่อว่ามันไม่ได้หายไปไหน

ไกล... ไกลแบบที่ไม่รู้ว่าป้องอยู่ทีไหน

แต่ก็ยังคงรอ รอคอยสักครั้งว่าจะได้พบกัน


ทุกวันนี้เกียร์ยังมีลมหายใจต่อไปได้ด้วยความรู้สึกที่อยากจะเจอป้อง....

ตอนที่มองท้องฟ้า...เหมือนป้องยืนอยู่ข้างๆกัน

ทุกถ้อยคำ...มันลอยเข้ามาในหัว

เดินต่อไปไกลแสนไกล.... ก็แค่หวังว่าจะได้เจอกัน

ป้องอยู่ตรงนั้นเป็นยังไงมั่งนะ ? ป้องจะคิดถึงกันรึเปล่า ?


ทำไม...เกียร์รู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่ได้ห่างกันไปไหนเลย

จริงๆนะ มันเหมือนกับป้องยังคงส่งยิ้มให้เกียร์...

....ผ่านความทรงจำ

กาลครั้งหนึ่ง...เกียร์ดีใจจริงๆ ที่เราได้เจอกัน

เกียร์อยากเรียนออกแบบภายใน อยากสร้างอนาคต......
.....กับป้อง

ป้อง....

.....อยู่ตรงนั้น

คิดถึงกันบ้างนะ.



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




ผมปล่อยปากกาให้กลิ้งตามแรงโน้มถ่วงก่อนจะทรุดตัวลงไปนอนกับที่นอน...

สามเดือนกว่ากับการจากไปของใครบางคน หากแต่ความทรงจำที่ยังคงอยู่บอกให้ผมยังคงรอ....

ผมยังคงมีชีวิตต่อไป...

ยังรอ....

มันก็ยังคงมีแค่อีกหนึ่งวัน....ที่ผมต้องหลับลงไป

...คนเดียว






.

.

..

.

.





ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดแม้ไม่ใช่คนที่ยังรอหากแต่ภาพที่ปรากฏก็ทำให้ตกใจไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

“พี่ขวัญ...”

“เกียร์”

ผมครางเรียกชื่อพี่สาวแท้ๆคนเดียวเสียงอ่อน


หล่อนเป็นพี่สาวแท้ๆของผม ชื่อขวัญข้าว อายุห่างจากผมหกปี พ่อบอกว่าผมเป็นลูกหลงมา พี่ขวัญข้าวเรียนเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ พอหล่อนเรียนจบก็แต่งงานกับสามีซึ่งเป็นชาวต่างชาติก่อนจะย้ายไปอยู่ด้วยกันที่อเมริกาบ้านเกิดของพี่อดัมพี่เขยของผม ทุกๆปีหล่อนจะกลับมาเยี่ยมที่บ้านก็จริง

.....แต่ไม่คิดว่าจะกลับมาช่วงนี้พอดี

“เกียร์....”

“ครับ...”


หล่อนไม่ได้พูดอะไร แค่มองผมนิ่งๆก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดทั้งตัว ก่อนจะร้องไห้ออกมา

“พี่ขอโทษ”

“................”

ถ้อยคำสั้นๆแต่สะท้อนความหมายทั้งหมดออกมา...ไดอารี่ที่เคยอยู่บนหัวนอนของผม ตอนนี้มันอยู่ข้างๆพี่ขวัญ

ผมมองเงาของตัวเองในกระจกฝั่งตรงข้ามแล้วก็อดจะรู้สึกหดหู่ไม่ได้ เด็กผู้ชายอายุ16-17 ขอบตาบวมเปล่ง ใบหน้าอิดโรย
เหมือนคนไม่ได้นอน(ซึ่งผมก็ยอมรับ...) ผมกินข้าวน้อยลง แทบจะไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำในแต่ละวัน ลืมตาตื่น ไปเรียน กลับมาเขียนไดอารี่ แล้วก็พยายามข่มตานอน...

....ซึ่งไม่เคยสำเร็จ

พี่ขวัญข้าวยังคงเป็นพี่สาวที่น่ารักของผม หล่อนไม่ถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผม...

...ความรู้สึกของคนที่สูญเสีย

“ลงมากับพี่!!!”

พี่ขวัญพูดแค่นั้นก่อนจะดึงผมลงไปข้างล่างที่ห้องนั่งเล่น หล่อนเปิดประตูก่อนจะดันผมเข้าไปข้างใน พ่อของผมนั่งพิงโซฟาหลับ
ไปทั้งๆแบบนั้น ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่พ่อเองก็มีสภาพคล้ายๆกับผม เหมือนๆเราทั้งคู่จะแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ต่างกันหน่อยตรงที่ตาทั้งสองข้างของผมมันบวบเบ่ง ร้องจนน้ำตาแทบจะกลายเป็นเลือด

“นี้เหรอสิ่งที่พ่อต้องการ !!!!”

พี่ขวัญข้าวดันผมไปข้างหน้า ก่อนจะพูดประโยคนั้นออกมา

“สะใจพ่อรึยัง กับการที่น้องของขวัญเป็นแบบนี้ นี้เหรอที่พ่ออยากได้ ? แค่ซอมบี้ที่ยังมีลมหายใจงั้นเหรอ ??? ขวัญไม่เข้าใจ ทำไมพ่อถึงทำร้ายน้องได้ขนาดนี้ น้องผิดอะไร พ่อตอบขวัญมาสิ !!! ”

หล่อนกอดผมจากด้านหลังไว้ทั้งน้ำตา ผมรู้สึกได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ไหลหล่นมากระทบใบหน้าของผม

พ่อมองผมก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วพูดออกมา....

“แกไม่เข้าใจ....”

“ใช่ !!! ขวัญไม่เข้าใจ เพราะอะไรพ่อถึงได้ทำร้ายน้องขนาดนี้ ทำไมพ่อถึงได้ทำร้ายจิตใจจนแทบจะไม่เหลือความเป็นผู้เป็นคน
เพราะอะไรพ่อตอบขวัญมาสิ ตอบมา”

ตั้งแต่จำความได้ พี่ขวัญเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยและไม่เคยมีปากเสียงกับพ่อ ในชีวิตของพี่ขวัญมีเพียงสองครั้งที่ตัดสินใจไม่ทำ
ตามความคิดของพ่อ หนึ่งคือการแต่งงานกับอดัม ผู้ชายที่หล่อนรักมากที่สุด และสอง...

......คือการยืนเถียงพ่อเรื่องของผม

“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อไอ้เกียร์ แกคิดจริงๆเหรอว่ามันจะไปกันรอด ขวัญ ถ้าโตแล้วก็หัดใช้สมองแยกเหตุผลกับความรู้สึกออกให้
ได้ !!! แกเข้าใจไหมว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด!!!”

“ผิดเหรอ ? น้องของขวัญมีคนรัก มีความรักที่ดี มีความตั้งใจ น้องของขวัญผิดอะไร ?? พ่อ นีมันชีวิตของเกียร์ มันเป็นชีวิตที่เกียร์เลือก พ่อจะแน่ใจได้ยังไงว่าน้องเลือกผิดหรือถูก พ่อจะแน่ใจได้ยังไงว่าต่อให้น้องไม่ได้คบกับป้อง แล้วน้องจะมีความสุขจริงอย่างที่พ่อคิด พ่อลองดู พ่อดูให้ดีๆ”

“....................”

“เนี้ยเหรอลูกในแบบที่พ่ออยากได้ ?  ไอ้ร่างไร้วิญญาณเนี้ยใช่ไหม ขวัญรู้ว่าพ่อรับไม่ได้ แต่น้องไม่ได้มีความผิดอะไร และน้อง
ไม่ได้ผิดปกติ !!!! พ่อเข้าใจที่ขวัญพูดไหม น้องมันแค่มีความรัก”

“.....................”

ผมยืนนิ่ง แทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หูกับสมองของผมมันอื้อไปหมด น้ำตาก็ไหลออกมาจนแทบจะมองไม่เห็นภาพข้างหน้าด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าไอ้ความรู้สึกเย็นๆที่หัวใจมันค่อยๆลดลงไป

“แล้วเหตุผลมันจะไปมีความหมายอะไร ในเมื่อความรู้สึกของน้อง มันแหลกสลายไปแล้วด้วยซ้ำ....”

“.....................”

“พ่อจะทำยังไงก็ได้  จะให้ขวัญเลิกกับอดัมแล้วกลับมาอยู่กับพ่อ...ขวัญก็ยอม ขอแค่ให้พ่อช่วยยอมรับได้ไหม....พ่อคาดหวัง
อะไรกับคนๆหนึ่ง พ่อคิดว่าน้องจำเป็นต้องเป็นแบบไหน เป็นยังไงถึงจะสมใจพ่อ น้องมันเป็นแค่มนุษย์ พ่อได้ยินที่ขวัญพูดไหม !!! ขวัญทนไม่ได้จริงๆที่เห็นน้องตัวเองแทบจะตายทั้งๆที่ยังหายใจ....”

หล่อนร้องไห้ออกมาพอๆกับผม แรงกอดจากด้านหลังแม้จะหนักขึ้นแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น...

ขอบคุณ...ที่ยังคงมีคนที่เข้าใจผม....

หากแต่ความอุ่นจากแรงกอดด้านหน้าทำให้ลืมตามองคนตรงหน้า

“พ่อขอโทษ.....”

พ่อกอดทั้งผมและพี่ขวัญ  ก่อนจะค่อยๆพูดออกมาอย่างยากเย็น

 “พ่อ...พ่อไม่รู้จะพูดยังไง.....”

“..................”

“เกียร์ไม่เคยแสดงออกมาก่อนเลยว่าจะ...เป็นแบบนี้”

“ครับ....”

“ยอมรับตามตรง พ่อตกใจและ...พ่อรู้สึกไม่ดี พ่อเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ เห็นทั้งคนในสังคมที่เป็นแบบเรา เกียร์รู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไรถ้าในวันข้างหน้ายังมีคนที่เขาไม่เข้าใจ ยังมีคนที่เขาคิดว่าลูกผิดปกติ เกียร์จะยังทนเดินต่อไปไหวไหม”

“เกียร์ไม่รู้.....”

“.........”

“เกียร์รู้แค่ว่า...ขอแค่พ่อเข้าใจเกียร์ .....ขอแค่คนที่เกียร์รักยังจับมือเกียร์ในวันที่ล้ม....แค่นี้จริงๆที่เกียร์อยากได้”

หยาดน้ำตามากมายไหลออกมาจากตาของพ่อ ก่อนวงแขนแกร่งจะโอบผม...

หัวใจที่เคยเย็น....กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง

ผมไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่ขอแค่พ่อเข้าใจ ขอแค่พ่อยอมรับผมกับป้องได้ ขอแค่ให้ครอบครัวของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม.... ต่อให้ใครล้านคนไม่เข้าใจ ต่อให้วันข้างหน้าจะเจออะไร....

...ผมคงยังลุกขึ้นยืนได้ไหว

“งั้นเกียร์ตอบพ่อได้ไหม... ทำไมถึงเป็นป้อง”

พ่อค่อยๆถอดกอดออก ก่อนจะถามออกมา มือยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำหูน้ำตาก่อนจะตอบกลับไป

“ผมถามตัวเองเป็นพันๆครั้ง ทำไมต้องคนๆนี้”

“...................”

“ผมกล้าพูดนะพ่อ ผมยังเป็นผู้ชายและ...ป้องเองก็ยังเป็นผู้ชาย”

“...................”

“อาจจะเกิดจากความรู้สึกขาด อาจจะเกิดจากความรู้สึกที่ผมตัวคนเดียว หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ผมใส่ใจ
อีกแล้วครับ.......”

ผมพยายามยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ



“ผมไม่ได้แค่รัก...แต่ยังศรัทธาใน ‘เรา’”



คำตอบของผมทำให้พ่อค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา

“ต่อให้วันข้างหน้าพวกลูกๆจะเจออะไร ....ก็ยังแน่ใจใช่ไหมว่าจะจับมือกันไว้.....”

“ครับ....”

พ่อทิ้งตัวลงกับโซฟา ผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปล่อยออกมา

“งั้นพ่อคงไม่คิดจะห้ามเราคบกับป้องแล้วล่ะ....”

“พ่อครับ......”

ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่เป็นการร้องที่เกิดจากความสุข  ก่อนจะทิ้งตัวนั่งกอดพ่อตัวเองแน่นๆ

“ขอบคุณครับ”

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้กอดพ่อแน่นขนาดนี้....

ผมรู้.... มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ การที่พ่อจะยอมรับผมกับป้อง มันเป็นเรื่องที่ยากและแสนสาหัสกับคนเป็นพ่อ  ผมเชื่อเสมอว่าพ่อทุกคนหวังดีต่อลูกตัวเอง  และพ่อทุกคนก็อยากเห็นลูกชายของเขาสร้างครอบครัวที่ดี มีพร้อมพ่อแม่ลูก มีสายใยคล้องใจเป็นหลานให้เขาอุ้ม ผมไม่รู้จะพูดคำไหนออกมาจริงๆนอกจากคำว่าขอบคุณ.....

“เกียร์สัญญาว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้พ่อเสียใจ....”

ผมพูดออกไปทั้งๆที่ยังซบกับอกของพ่อ  มือหนาและหยาบกระด้างค่อยๆลูบหัวของผม

“พ่อต่างหากที่ต้องขอโทษ ...พ่อเองก็ลืมไปถนัดว่ามันเป็นชีวิตของเกียร์ มันเป็นสิ่งที่ลูกต้องเลือกเอง  ก็อาจจะจริงอย่างที่ขวัญมันว่า  พ่อจะรู้ได้ยังไงว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อมันยังไม่เกิด”

“พ่อครับ.....”

“..............”

“พ่อยังรักแม่ใช่ไหมครับ ?”

ผมรู้ว่าการที่พ่อเอาแต่ทำงานสาเหตุไม่ใช่แค่เพราะเรื่องของผมหรอก....

“รักสิ....ทำไมจะไม่รัก”

“.............”

“ยัยนั้นนะ ไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่พ่อเคยเจอมา ปากจัด กัดไม่ปล่อย เจอกันครั้งแรกก็เอากาแฟร้อนๆมาราดใส่หลังพ่อข้อหาที่
ไปหม้อเพื่อนเขา  เกียร์คิดว่าโหดดีไหมล่ะ ?  ”

“.............”

ผมกับพี่ขวัญนั่งลงข้างๆพ่อ สองมือใหญ่ค่อยๆไล่ลูบหัวของผมและพี่ขวัญ

“แล้วก็อะไรก็แล้วแต่  หลังจากบริษัทปรับโครงสร้างใหม่ พ่อกับแม่ก็ได้เจอกันอีกครั้ง  เรื่องตลกที่เกิดขึ้นคือ...หล่อนจำพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำ พ่อนี้รู้สึกหัวเสียสุดๆไปเลยล่ะนะ ฮ่าๆ”

“แล้วพ่อทำยังไงแม่ถึงได้ยอมรับพ่อล่ะครับ ?”

ผมถามต่อแม่ลีลาวดีเป็นผู้หญิงที่ใจแข็งชนิดหาตัวจับยาก แถมยังนิสัยเหมือนไอ้ป้องมากๆด้วยซ้ำ

“ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก”

ผมเกือบหลุดขำออกมาทั้งๆที่น้ำตายังคลอเบ้า  คลาสโนวาแบบพ่อพูดประโยคนี้เป็นด้วยแหะ....

“แต่มันคงเป็นแค่อดีต....แม่คงโกรธพ่อมากแน่ๆเรื่องที่พ่อไล่ป้องออกจากบ้านไป”

“ก็ตามไปง้อสิครับอาชาติ”

เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากหน้าประตู ก่อนร่างเพื่อนสนิทของผมจะโผล่ออกมา

“พวกผมขอโทษนะครับที่เข้ามาโดยไม่ได้กดออด  แต่ว่า ผมอยากเอาไอ้นี้ให้อา ส่วนอาจะทำยังไงต่อไปก็คงสุดแล้วแต่ครับ....”

คำว่า ‘พวก’ จากปากของไอ้อู๋ค่อยๆโผล่ออกมา  ..... ต้องตา  แน่วแน่  พี่เซียร์   พี่ยา  หนมปัง  สีเทียน  ไอ้เฟรม  น้องเพลง ....

ไอ้เฟรมค่อยๆยื่นกระดาษสีขาวแผ่วหนึ่งให้พ่อของผม ก่อนเขาจะรับมาแล้วเปิดดู

“แผนที่... ?”

“ถือซะว่าเป็นของขวัญจากพวกผมนะครับ....แผนที่บ้านแม่ลีลาวดี”

ผมกับพ่อตาโตพอๆกันก่อนผมจะค่อยๆยื่นหน้าไปดู

“เชียงใหม่.....นี้มันอยู่ไกลกับกูขนาดนี้เลยเหรอ ?”

แผนที่แสดงบ้านที่อยู่ในอำเภอหนึ่งของเชียงใหม่ปรากฏแก่สายตาของผม  พ่อมองมันก่อนจะหันมาพูดกับไอ้ผม

“เกียร์....”

“ครับ...”

“ถ้าพ่อ...จะไปตาม ‘ครอบครัว’ ของเรากลับมา.....ลูกจะไปกับพ่อไหม ?”

ผมยิ้มออกมาแบบไม่ต้องฝืนเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน ก่อนจะตอบสิ่งที่อยู่ในใจออกไป

“ต่อให้พ่อขังผมไว้ ผมก็จะไป....”

“ขวัญข้าว...ลูกละ...”

“ไปค่ะพ่อ ที่ไปนี้ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ขวัญแค่ไม่อยากให้ใครบางคนโดนแม่ลีลาวดีตบ!!!”

พี่ขวัญพูดขึ้นมาก่อนจะมองหน้าพ่อที่แอบกลืนน้ำลายเบาๆ  ผมเองก็คิดไม่ต่างจากพี่ขวัญนักหรอก

“งั้นพรุ่งนี้เราจะไปเชียงใหม่กัน”

คำพูดของพ่อ เหมือนอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆขึ้นมา ผมแทบจะไม่อยากรออีกสักวินาทีแล้วด้วยซ้ำ...
ป้อง...

รอเกียร์ก่อนนะครับ....

เกียร์กำลังจะไปหาป้องแล้วนะ.....



TBC.



ฮู่เร่รรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร   ในที่สุดก็หมดบทโศกแล้วนะเธอว์  Y  Y นี้คือดีใจ  บอกตรงๆนะต่างเขียนบทเศร้าๆไม่ค่อยเป็น ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าที่เขียนไปพาคนอ่านเศร้าไปได้รึเปล่า ฮ่าๆ   :ling3:

มาเค้าดาวน์กันดีกว่า อีก.....  2ตอนก็จะจบแล้วนะครับ     :mc1:

ขอบคุณทุกคนที่ยังรอ ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้

ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง  หนังสั้นที่ส่งประกวด....ก็ผ่านเข้ารอบ

ปล. เร็วๆนี้จะมีกิจกรรมมาให้ร่วมสนุกกันที่หน้าเพจ  ส่วนของรางวัลเป็นอะไรนั้น ขออุปไว้ก่อนนะครับ : )

#ใครยังไมได้กดไลค์ ไปกดกันด้วยนะเออ   :กอด1: 

https://www.facebook.com/PokpongGonggend?ref=hl


ปลล.  ตอนหน้าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง พบกันเร็วๆนี้   :z2:














 
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-08-2014 20:31:37
ต้องขอบคุณพี่ขวัญ กลับมาเยี่ยมบ้านได้ทันเวลา
คุณพ่อยอมรับแล้ว ได้เวลาตามง้อ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 29-08-2014 20:43:49
เอาเป็ดกับบวกไปก่อน อ่านแล้วเดี๋ยวมา :mew1:

............................

ทำไมมันทั้งบีบทั้งคั้นหัวใจอย่างงี้อะต่าง  แต่ก็แฮปปี้เนอะ o13 o13 o13 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-08-2014 20:59:21
เข้าเกียรต์เต็มที่พาน้องป้องกลับมาให้ได้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 29-08-2014 21:06:41
จะผิดอะไรมั๊ยถ้าเราไม่อยากให้แม่ยกโทษหรือยอมกลับมาง่ายๆ
คือมันยังไม่สาแก่ใจอ่ะ พ่อมันต้องได้รับบทเรียนหนักๆกว่านี้นะ
แค่นี้มันยังน้อยไป น้อยไปจริงๆ  แม้ใจจริงแอบไม่อยากให้ป้องยอมให้แม่กลับมา
คือแบบเอาคืนให้มันปางตายเหมือนที่เกียร์เจอเลยยิ่งดี มันจะได้สำนึกว่าการถูกพรากคนรักมันเป็นยังไง
และอยากรู้ว่าพ่อมันใช้สมองส่วนไหนมาคิดว่าไล่ลูกเค้าไปแล้วแม่เค้าจะทนได้ ขนาดตัวมึงเองแค่ลูกคบผู้ชาย
ทั้งๆที่เค้าไม่ได้ทำร้ายลูกมึงเลยมึงยังทนไม่ได้ แล้วนี่คนที่เลี้ยงป้องมากับมือเค้าจะทนได้เหรอ
ยังไงเราก็ยังเชียร์ไม่ให้แม่กลับมาอยู่ดี อยากให้ยื้อเวลาทรมานพ่อมันนานๆ เอาให้มันลงแดงใกล้ตายได้ยิ่งดี
และที่สำคัญแอบไม่อยากให้ป้องยกแม่ให้มันด้วย ดูสิว่ามันจะทำยังไง ผิดครั้งนี้ยกโทษให้ง่ายๆไม่ได้จริงๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-08-2014 21:13:44
ร้องไห้ไปกับฉากหน้าโซฟา
อดจะตื่นเต้นแทนเกียร์ไม่ได้
แล้วเกียร์จะนอนหลับมั้ยล่ะนี่
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 29-08-2014 22:07:54
มาม่าหมดแล้ว :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 29-08-2014 22:36:25
กรี๊ด~ ต่างกอด ดีใจด้วยนะ เข้ารอบแล้วต่อไปก็ลุ้นรางวัล ขอให้ได้รางวัลแบบที่ต้องการนะ แล้วก็ญี่ปุ่นอะ ถ้าอยากเจอ ก็มีแค่ไปหากับมาหาเท่านั้นแหละ สู้ๆนะ

//เข้าเรื่อง

เกียร์ไปหาป้องแล้วอย่าลืมลากกลับมาละ ลากไม่ได้ก็ฉุดเลย เดี๋ยวช่วย อิอิ


ปล.ตอนนี้สอบไม่ได้เข้ามาตั้งหลายวัน พลาดอะ พลาด แง เหลืออีกวิชานึง วันอังคาร เศร้า ฮื้อ~
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-08-2014 23:43:31
พูดอะไรไม่ออก อยากจะร้องไห้  :sad4:
และอยากตบอิพ่อมาก  :beat: :beat:
ถึงจะกลับตัวได้แต่หมั่นไส้มัน ขอให้คุณแม่ไม่คืนดีง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 30-08-2014 00:20:29
วี้ดวิ้วววว
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 30-08-2014 11:35:01
สนุกมากกกกกกกกก ขอตอนพิเศษเยอะได้ไหมค๊าาา แบบว่าเอาคุ่อื่นๆด้วยโดยเฉพาะน้องเทียนกะเดียร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-08-2014 12:46:43
ดีใจมากมาย ตามลุ้นมาตลอดเลย ทั้งป้องทั้งคุณแม่ก็ใจอ่อนเร็วๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #32 ของขวัญ [29/08/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-08-2014 02:56:18
ถ้าไม่ได้พี่สาวช่วยเกียร์คงยังไม่ได้เรื่องอะไรเลยมั้ง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 02-09-2014 22:04:54
#33 Forever




สายลมยามเช้าที่ตีปะทะเข้ากับใบหน้าผมไล่ความง่วงไปชะงัก บรรยากาศรอบๆตัวเองก็ดูจะเป็นใจให้พอสมควร เชียงใหม่เป็นจังหวัดอีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่มีคนนิยมไปเที่ยวบ่อยมาก พ่อเองก็เคยพาผมกับพี่ขวัญไปเที่ยวที่เชียงใหม่สมัยตอนยังเด็กๆ นั้นเป็นความทรงจำสมัยเด็กเพียงส่วนเดียวที่ผมนึกออก

ทิวทัศน์ข้างทางชวนให้เหม่อมองออกไป แต่ใจของผมกับกระวนกระวายกับหนทางข้างหน้าจนไม่มีอารมณ์จะมองวิวใดๆทั้งสิ้น
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด ทั้งๆที่เมื่อคืนเองก็นอนดึกมาก.... โอเค จริงๆคือผมไม่ได้นอน และคิดว่าพ่อเองก็คงเป็นแบบเดียวกัน
สุดท้ายพี่ขวัญเลยเป็นคนขับรถสลับกับพ่อเพื่อความปลอดภัย มันคงไม่โอเคแน่ๆถ้าผมเกิดเป็นอะไรขึ้นก่อนจะไปหามัน

เราขับรถกันต่อมาเรื่อยๆตามแผนที่และพิกัดที่เพื่อนสนิทของผมเอามาให้ จนเข้ามาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งของอำเภอที่โด่งดังประจำจังหวัดเชียงใหม่ หมู่บ้านแห่งนี้ถ้าให้ผมเดาคงเน้นการทำเกษตรและพืชผักเป็นซะส่วนใหญ่ เพราะตั้งแต่เข้ามาผมเห็นพวกสวนไร่เยอะแยะเต็มไปหมด รวมทั้งผลไม้เมืองเหนือหลายๆชนิดด้วย

แต่นั้นก็ไม่ตื่นเต้นเท่าการที่ล้อรถหยุดหมุน....

“เกียร์....”

“ครับ”

พ่อมองหน้าพี่ขวัญ ก่อนจะหันมาพูดกับผม

“เพื่อนพ่อที่อยู่บริษัทตอนนี้บอกว่าแม่ไปทำงานแล้ว...ส่วนป้องยังอยู่ในบ้าน”

ใจผมเต้นตึกตักเมื่อมองออกไปที่นอกกระจกประตูรถ บ้านหลังหนึ่งปรากฏแก่สายตา

บ้านไม้ที่ถือว่ามีขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่ไป และไม่เล็กไป ตั้งอยู่ด้านหน้าของผม สีของตัวบ้านส่วนใหญ่เป็นสีฟ้าอ่อนซึ่งบางส่วน
เริ่มลอกตามกาลเวลา ป้ายหน้าบ้านติดไว้ว่า บ้าน ‘เกียรติ์ติยานันท์’ หน้าต่างของตัวบ้านปิดอยู่ทั้งสองฟัง ที่หน้าบ้านเองก็มีรองเท้าคู่หนึ่งวางไว้เป็นระเบียบบนชั้นวาง

บ้านของปกป้อง....

“เกียร์รอพ่อกับแม่อยู่ที่นี้ก่อนได้ไหม ?”

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่านั้นเป็นคำถามหรือคำสั่ง รู้เพียงแต่ว่าผมแค่พยักหน้าตอบรับแล้วลงไปเฉยๆ

“งั้นเดียวพ่อกับพี่ขวัญไปก่อนนะ...ถ้าเจอป้องแล้วก็รออยู่ที่บ้านนะ”

พ่อพูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนจะถอยรถแล้วขับออกไปอีกทางหนึ่ง.......ทิ้งผมไว้กับบ้านหลังนี้

ผมค่อยๆเดินไปที่หน้าประตู รั่วไม้เตี้ยๆสีขาวไม่ได้ล็อกหรือใส่กลอนเอาไว้ ผมเปิดออกมาก่อนจะเดินก้าวเข้าไป ประตูสีฟ้าอ่อน
เหมือนๆกำแพงอะไรสักอย่างที่ผมรู้สึกหวาดกลัวตอนเห็นมัน....

ไอ้ป้อง...อยู่ข้างในบ้าน

ถ้าเจอมัน ผมควรจะทำยังไงดี....

ผมสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองอีกครั้ง โอเค เสื้อผ้าโดยรวมก็เหมือนวันปกติทั่วๆไป ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นใบหน้าของผมมากกว่า ตาสองข้างยังคงช้ำจากรอยน้ำตาและความง่วง สิ่งเดียวที่สดชื่นมากขึ้นก็คือหัวใจของผมที่รู้สึกตื่นเต้นจนเหมือนๆมัน
จะระเบิดออกมา

ผมถอดรองเท้าผ้าใบสีตุ่นวางไว้ข้างๆรองเท้านันท์ยางเบอร์42 .....รองเท้าของไอ้ป้อง

ประตูบ้านชั้นในเองก็ไม่ได้ล็อกเหมือนรั่วข้างนอก อาจจะเพราะที่นี้เป็นบ้านเกิดของป้อง และหมู่บ้านนี้คงไม่มีขโมย มันถึงไม่คิดจะล็อกกลอน แต่เห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆนะ ป้องมันชอบดูแลคนอื่นแต่ไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย นี้เป็นข้อเสียของป้องมัน
ที่ผมคงต้องพยายามแก้ไขต่อไป

เสียงน้ำมันกำลังทอดอะไรสักอย่างดังมาจากทางหนึ่ง ผมค่อยๆเดินไปตามทาง ก่อนจะพบกับรูปถ่ายมากมายที่แขวนไว้ตามฝาผนังของตัวบ้าน รูปไอ้ป้องตอนเด็กๆ รูปแม่ลีลาวดีตอนยังสาวกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ผมเดาว่าอาจจะเป็นแม่ของไอ้ป้อง แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถหยุดขาทั้งสองข้างของผมได้

ผมเดินก้าวตามเสียงเข้าไปเรื่อยๆจนถึงห้องๆหนึ่งที่ไม่มีประตู....

แผ่นหลังของใครคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าของผม

ผมนิ่ง เงียบ มองดูการกระทำจากด้านหลังของคนที่หายไปรวมสามเดือนกำลังทำอาหาร มือทั้งสองข้างกำลังตักปลาตัวโตที่เพิ่ง
ทอดเสร็จใหม่ๆขึ้นมา....

....ก่อนจะหันมาเจอผม

“ช่วยบอกเกียร์หน่อย ....ว่านี้ไม่ใช่ความฝัน”

ดวงตาคู่เรียวของไอ้ป้องเบิกกว้างขึ้น ริมฝีปากบางสั่นระริกจนผมเห็นชัด ก่อนมันจะค่อยๆยิ้มกว้างออกมา

“ไหน...ช่วยบอกเกียร์หน่อย ตอนนี้ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ?”

ผมยิ้มตอบรับก่อนจะอ้าแขนกว้าง ไอ้ป้องพุ่งเข้ามากอดก่อนมันจะพูดออกมาว่า





“ถ้าเป็นความฝัน...ป้องขอไม่ตื่นตลอดไปได้ไหม....”





แรงกอดจากวงแขนของมันทำให้ผมรู้สึกปวดๆนิดหน่อย แต่ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกที่อยู่ข้างใน มันดีใจจนบอกไม่ถูก ผมรู้แค่ว่า
ความรู้สึกที่ว่าตัวคนเดียวตลอดสามเดือนหายไปในพริบตา ....


....เพราะไออุ่นจากคนที่รอ


“ขอบคุณ”

มันบอกกับผมแบบนั้น หยดน้ำอุ่นๆจากตามันไหล่ตกกระทบกับไหล่ของผม

“ขอบคุณที่อดทนกับคนบ้าๆอย่างเกียร์มาตลอดห้าปีนะป้อง....”

ผมพูดกลับบ้าง ไอ้ป้องหน้าแดงฉ่ายิ่งกว่าเดิม

“อ่าน...หมดแล้วเหรอ ?”

“ทุกประโยค ทุกถ้อยคำ ทุกความรู้สึก เกียร์...รับไว้หมดแล้วนะ”

ผมค่อยๆถอนกอดออกมา ก่อนจะยกมือเช็ดใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของมัน

“รัก....”

ผมดึงใบหน้ามันขึ้น ก่อนจะจูบซับที่หน้าผาก

“รัก....”

และค่อยๆเลือนลงไปที่แก้ม

“และ....รัก....”

...
.
..
.
.
.
..
.










“แล้วพี่ขวัญจะกลับไปนอกเมื่อไหร่อ๊ะเกียร์”

ไอ้ป้องที่นอนข้างๆผมถามขึ้น หลังฟังผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ตอนนี้เกือบๆสามโมงเย็นแล้ว ผมส่งยิ้มก่อนจะลูบไล่เส้นผมที่ยาวขึ้นบนหัวมันกว่าตอนก่อนที่จะจากกันมาก

“ไม่แน่ใจนะ แต่คิดว่าคงจะหลังจากพ่อคืนดีกับแม่ล่ะมั่ง”

“งั้นก็คงอีกนาน”

“คิดเหมือนกันเลย แม่นี้น่ากลัวสุดๆ”

ผมกับไอ้ป้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะอีกครั้ง อยู่กับคนที่เรารัก ไม่ต้องทำอะไรมากก็รู้สึกดี หัวเราะได้เต็มปอด ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จังเลย

“งั้นป้องไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะ เผื่อพ่อกับแม่กลับมา”

มันลุกขึ้นก่อนจะเดินเอื่อยๆเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ

“เช็ดคราบบนที่นอนด้วยเกียร์”

“จ้าๆ คุณเมียอยุ่เฉยๆไปนะ เดียวสามีทำเอง”


สิ่งที่สนองกับมาคือไม้แขวนเสื้อในมือไอ้ป้อง

 ฟู่...ดีนะกระโดดหลบทัน

“ไอ้บ้า ไม่อยู่ด้วยแล้ว ลงไปกินข้าวดีกว่า”


“เดี่ยว รอด้วยดิ”

มันแลบลิ้นใส่ผมเป็นการท้าทาย ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง

 เดี่ยวเหอะไอ้ป้อง รอกูใส่เกงเสร็จก่อนเถอะมึง !!!

ผมแต่งตัวเสร็จก็วิ่งลงไปข้างล่าง ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องครัว เกือบลืมไปเลยว่าไอ้ป้องทอดปลาไว้เมื่อตอนผมเข้ามา ไอ้ป้องตัก
ข้าวใส่จานก่อนจะส่งมาให้ผมหนึ่งจาน แล้วตักให้ตัวเองอีกหนึ่งจาน เราสองคนนั่งกิน(แย่งกัน)ปลาในจานจนกระทั้งเสียงรถสอน
คันดังขึ้นที่หน้าบ้าน ผมกับไอ้ป้องวางช้อนลงก่อนจะวิ่งตึกๆออกไปหน้าบ้าน

รถของพ่อผมค่อยๆจอดพร้อมๆกับรถสีดำสนิทกลางเก่ากลางใหม่อีกคันหนึ่ง ก่อนแม่จะเดินลงมาจากรถแล้วปิดประตูกระแทกดังลั่นจนผมตกใจ พ่อผมรีบลงตามมาก่อนผมจะสังเกตว่าตาขวาของพ่อกับมุมปาก.......แตก


ฝีมือแม่สินะ....

“เดี่ยวสิคุณ...ฟังผมก่อน”

“ไม่....เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน”

แม่พูดก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าไอ้ป้อง

“ผมขอโทษ”

“คนที่คุณสมควรขอโทษไม่ใช่ดิฉันค่ะ คุณชาติชาย ....ลูกของดิชั้นต่างหากที่คุณสมควรจะขอโทษเขามากที่สุด”

แม่ลีลาวพูด ก่อนจะเดินๆไปยืนข้างๆไอ้ป้อง พ่อผมมองตามก่อนจะเดินมาถึงพวกเรา

“ป้อง......”

“.............”

“พ่อขอโทษ”

พ่อผมพูดสั้นๆก่อนจะกอดไอ้ป้องไว้  น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยได้ทำลงไป

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาคิดมาตลอดว่าเกียร์น่าจะเป็นแบบนู้น เกียร์น่าจะเป็นแบบนั้น จนลืมไปว่านั้นมันไม่ใช่ชีวิตของอา อาคิดเองเออเองว่าถ้าเกียร์คบกับป้องแล้วคงจะเกิดแต่เรื่องแย่ๆ ลืมแม้กระทั้งความรู้สึกของคนทั้งสองคน ในหัวมันมีแต่ทิฐิที่ว่าผู้ชายกับผู้ชายไม่น่าจะไปด้วยกันรอด เกียร์เป็นเด็กที่ละเอียดอ่อน อากลัวว่าถ้าเกิดวันนั้นมันมาถึง อาอาจจะต้องเสียเกียร์ไป.....”

“.......................”

“แต่เวลาสามเดือนที่ผ่านมาทำให้อาคิดได้  เรื่องราวของลูกทั้งคู่มันไม่ได้เกิดจากความหลง แต่เป็นความรักของคนสองคนที่
อยากจะดูแลกันและกัน.....ขอโทษจริงๆที่อาเคยทำร้ายความรู้สึกของป้องไปแบบนั้น  มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เราจะยกโทษให้อาแต่ว่า..........”

พ่อผมถอนกอดออกมา ก่อนจะพูดต่อด้วยความหนักแน่น

“ถ้าเป็นไปได้....ช่วยเรียกอาว่า ‘พ่อ’ อีกสักครั้งได้ไหม......’ลูก’”

ไอ้ป้องน้ำตาคลอก่อนมันจะพูดออกมา

“ผมไม่เคยโกรธพ่อหรอกครับ....พ่ออาจจะคิดว่าป้องหลงตัวเองก็ได้นะ แต่ป้องคิดว่าสักวันหนึ่งพ่ออาจจะยอมรับป้องเป็น
ครอบครัวเดี่ยวกันอีกครั้งได้...ป้องเลยเลือกที่จะรอ....แล้วมันก็มาถึง”

ไม่มีคำพูดใดๆต่อกัน สิ่งที่พ่อของผมทำคือกอดไอ้ป้องไว้แน่นๆ

“ขอบคุณนะ.... ‘ลูก’”

“ครับ.....พ่อ”

ผมยืนน้ำตาคลอกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า พี่ขวัญเองก็ร้องออกมา แม่ลีลาวยังยืนนิ่งๆมองภาพตรงหน้าต่อไป จนกระทั้งพ่อผม
ถอนกอดออกมาอีกครั้ง


“งั้นเรากลับไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพอีกครั้งนะ......น้ำ”

พ่อหันไปพูดกับแม่ หากแต่คำตอบคือ

“ไม่...คุณชาติชายคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ คุณไล่ฉันกลับลูกออกจากบ้านมาแล้วยังจะกล้ามาพูดแบบนั้นอีกเหรอ ? คุณคิดว่าชีวิต
มันเป็นการเล่นขายของรึไง ฉันทำเรื่องขอย้ายมาที่สาขาเขียงใหม่แทบตายจะให้ย้ายกลับไปที่สาขาเดิมมันเป็นไปไม่ได.....”
แม่ลีลาวดียังไม่ทันได้พูดจบ เสียงโทรศัพท์ที่ข้างเอวก็ดังขึ้นมา แม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีค่ะ ดิชั้นลีลาวดีรับสายค่ะ......คะ.....อะไรนะ......เดี่ยวก่อนค่ะท่าน!!! แล้วทำไมต้องเป็นดิชั้น ? .... ภายใน48ชม.!!!! เดี่ยวก่อนค่ะท่าน ท่าน....โถ่เว้ย !!!”

แม่ลีลาวดีพูดโทรศัพท์กับใครสักคนก่อนจะทำท่าหัวเสียออกมา

“อะไรเหรอครับแม่ ?”

ไอ้ป้องถามแม่ ก่อนที่แม่ลีลาวดีจะหันไปจ้องหน้าแม่

“นี้ฝีมือคุณเหรอคุณชาติ ?”


“อะไร ผมเปล่านะ ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ”

พ่อยกมือปัดไปมาเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าตนไม่รู้เรื่อง


“แล้วทำไมข้างบนถึงได้บอกว่าสาขาหลักที่กรุงเทพคนขาด ให้ชั้นย้ายไปภายใน24ชม.”

ผมขมวดคิ้วงงพอๆกับพ่อ ผมเชื่อนะว่าพ่อไม่ได้ทำหรอก ตลอดเวลาเมื่อคืนพ่อไม่ได้โทร.หาใครด้วยซ้ำ

ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆโทรศัพท์ผมกับไอ้ป้องก็ดังขึ้นมาเป็นเสียงข้อความเข้า ก่อนผมกับมันจะกดเปิดอ่านพร้
อมๆกัน

‘the gift to you  ….  kasia’

“แม่...พ่อ...หุ้นส่วนใหม่ของบริษัทนี้...ชื่ออะไรครับ”

คิ้วของผมกระตุกนิดๆเมื่อพอจะรู้ถึงความเป็นไปได้บางอย่าง

“เซซิล/เซซิล ทเวเลอร์”

พ่อกับแม่หันมาตอบพร้อมกัน ก่อนผมจะหันไปมองหน้าไอ้ป้อง

“ดูท่ากลับไปคงจะต้องไปขอบคุณกามเทพซะหน่อยล่ะมั่ง.....”

ไอ้ป้องส่งยิ้มจืดๆกลับมาให้เมื่อรู้ถึงความหมายที่ผมพูด

ไอ้พี่กาเซียร์ตัวแสบ!!!!

 “งั้นแบบนี้คุณก็กลับไปอยู่กับผมได้แล้วสิ”

“ไม่จำเป็น ดิชั้นกับลูกไปหาที่อยู่ที่อื่นได้ ...ไปอยู่กับดนัยก็ได้เนาะป้อง”

จบคำของแม่ พ่อหันขวับมาหาไอ้ป้อง

“ป้อง ใครคือดนัย หล่อน้อยกว่าพ่อใช่ไหม ?”

“หลงตัวเอง”

แม่กัดเบาๆ ก่อนจะรีบเดินหนีเข้าบ้านไป

“เดี่ยวคุณ นี้เรายังไม่เคลียร์เลยนะ...คุณ !!!”


พ่อเองก็ตะโกนตาม ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งไว้เพียงผมกับไอ้ป้องแล้วก็พี่ขวัญ

 “ขอบคุณที่ช่วยพูดให้นะครับ”

ไอ้ป้องยกมือไหว้พี่ขวัญ จะว่าไปแล้วพี่ขวัญกับไอ้ป้องเองก็เพิ่งเคยเจอกัน...มั่ง

“พี่ถือว่าพี่ใช้หนี้ที่ติดค้างไว้กับเราเมื่อเจ็ดปีที่แล้วให้แล้วนะ....น้องปลื้ม”

“หนี้ ? ...หมายความว่าไงครับ”

ไอ้ป้องถามงงๆ นั้นสิครับ ....พี่ขวัญไปเป็นหนี้ไอ้ป้องตอนไหน ?


“ความลับจ๊ะ”

พี่ขวัญขยิบตาข้างหนึ่ง ก่อนจะเดินตามพ่อกับแม่เข้าบ้านไป


“ตกลงมันคงจะเป็นความลับต่อไปสินะ”

ผมเกาหัวแกรกๆ เจ็ดปีทีแล้วพี่ขวัญไปติดไอ้ป้องไว้ได้ยังไงกันล่ะนั้น

“ก็คงงั้น...นี้ก็ยังงงๆอยู่เลย”

ถ้าขนาดเจ้าของหนี้ยังนึกไม่ออกก็ช่างมันเถอะครับ….

แสงตะวันทอฟ้าค่อยๆลดลงที่ละน้อยเป็นสัญญาณของวันหนึ่งวันที่กำลังจะหมดลงไป หากแต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเคลื่อนไหวต่อ 
เสียงนกตัวน้อยๆร้องดังจิ้บๆ สายลมของเมืองหนาวพาลทำให้รู้สึกเหงาไปด้วย

ใข่...ถ้าไม่มีมันนะน่ะ

“เอาเป็นว่า....ในที่สุดครอบครัวก็กลับมาพร้อมหน้าพร้อมน่านะ....ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ..ปกป้อง”

“ยินดีที่ได้กลับมาเหมือนกัน...ก้องเกียรติ์”



....///ต่อด้านล่างครับ


















 
   

 
 

หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 02-09-2014 22:05:38




     
       ……………………………………………………………………………………………………………





“พี่จะให้ผมเป็นประธานนักเรียน ?”

น้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่มั่นใจสุดๆของไอ้ป้องดังออกมา ก่อนคนถูกถามจะยิ้มสบายๆแล้วตอบกลับ

“อื้ม...”

“แต่พี่เซียร์ ป้องว่าตัวเองคง.....”

“อย่าดูถูกตัวเอง ปลื้มเป็นคนมีความสามรถ พี่คิดว่าตัวเองมองคนไม่ผิดหรอกนะ อีกทั้งนี้ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าหรือคำสั้งแต่เป็น
ข้อแลกเปลี่ยน”

พี่กาเซียร์พูดก่อนจะยิ้มพรายออกมา

สองวันผ่านไปหลังจากเรากลับมาจากเชียงใหม่ ไอ้ป้องย้ายกลับเข้ามานอนกับผมตามเดิม แน่ล่ะ แม่ลีลาวดีใจแข็งสุดๆขนาดที่
ว่ายอมเปิดห้องเช่าอยู่โดยไม่ง้อพ่อ สุดท้ายก็พ่อเองที่ไปเฝ้าทั้งเช้าทั้งเย็นโดยไม่ได้พัก ส่วนพี่ขวัญอยู่กับพวกผมไม่เกินสองวัน
ก็กลับอเมริกาไป ก่อนไปพี่ขวัญมอบกล่องของขวัญเล็กๆไว้ให้กับป้อง พร้อมกำชับว่าอย่าให้ผมดู

แน่ล่ะว่าผมไม่มีสิทธิ์ได้ดูหรอกถ้าไอ้ป้องมันไม่ยอม มันบอกกับผมแค่ว่า เป็นของที่ได้มาจากเจ็ดปีที่แล้วก็เท่านั้น

ต่อมาคือผมและไอ้ป้องยังคงได้เรียนหนังสือต่อไปในเพลินจิตวิทยา โดยที่มันเองได้รับการรับรองจากประธานของโรงเรียนว่าไปแลกเปลี่ยนมาที่ประเทศญี่ปุ่น(ซุงแหลกันซึ่งๆหน้า) สิ่งที่ไอ้ป้องต้องตอบแทนในครั้งนี้คือการเป็นประธานนักเรียนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การที่พี่เซียร์เรียกพบทั้งผมและไอ้ป้องขอเดาไว้ก่อนเลยว่า....มันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก

“แล้วถ้าผมเป็นประธานนักเรียน แล้วใครจะเป็นเลขาสภาล่ะครับ แน่วแน่ ไอ้ต้อง หรือว่า”

“ก็ให้เกียร์เป็นไปดิ”

พรวดดด !!!

ผมแทบจะสำลัก(หรือจริงๆคือสำลักไปแล้ว)น้ำกับคำพูดของพี่เซียร์หลังจากพี่มันพูดออกมา

“มันจะดี...เหรอครับ?”

ไอ้ป้องถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ใช่พี่ หน้าอย่างผมเนี้ยนะจะเป็น...”

“ขอยืนยันอีกครั้งว่าเราไม่ได้พูดเป็นประโยคบอกเล่าหรือคำสั่ง หากแต่มันคือข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องทำตามนะครับ....”

พี่เซียร์พูดตัดบท  ผมทำหน้าปูเลี่ยนก่อนจะหันไปสบตากับไอ้ป้องแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

ปีศาจชัดๆเลยผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้แตกต่างจากแฝดน้องตัวเองนักนะ....

“อ้อ...แล้วก็ปลื้ม...มีคนมารอพบเธอ”

ไอ้ป้องทำหน้าแปลกใจ ก่อนประธานนักเรียนโรงเรียนผมจะชี้ไปที่ประตูสีเทาที่แยกเป็นห้องย่อยจากหัวห้องของพี่เซียร์เป็น
เชิง(ไล่)ให้ผมกับไอ้ป้องเดินเข้าไปข้างใน ผมเดินตามมันเข้าไปก่อนจะพบผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งรออยู่ด้านใน

“อ่า...สวัสดีครับ”

“นั่งก่อนครับ ปกป้อง”

ผมกับไอ้ป้องนั่งตามคำเชิญ ก่อนอีกฝ่ายจะเข้าเรื่องโดยไม่มีการอ้อมค้อมใดๆทั้งสิ้น

“ผมมาจากค่ายเพลง อินดี้มิวสิก ต้องการมาเสนอสัญญาให้กับปกป้องหรือจะให้ผมเรียกว่าอามัวดี.....”

ผมหันไปมองหน้ามัน ก่อนจะพบว่าใบหน้าของไอ้ป้องยังคงเหมือนเดิม มันแค่ทำหน้านิ่งๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“คือผม....”

“แค่อ่านข้อสัญญาก่อนก็ยังดีครับ ค่ายเราไม่มีนโยบายบังคับจิตใจกันอยู่แล้ว”

อีกฝ่ายว่าก่อนจะส่งใบสัญญามาให้ไอ้ป้องสองใบจากซองเอกสารสีน้ำตาล ไอ้ป้องไล่สายตาไปตามเนื้อหาของสัญญาตั้งแต่
บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้ายทั้งสองหน้ากระดาษ ก่อนจะส่งคืนกลับไป

“ไม่ต้องส่งคืนให้ผมก็ได้ครับ ไว้อีกสามวันผมจะมารับคำตอบกลับไป”

อีกฝ่ายว่าก่อนจะตัดทางปฏิเสธของไอ้ป้องด้วยการยิ้มแล้วลุกเดินออกไป ทิ้งผมไว้กับไอ้ป้องและซองเอกสาร

“สัญญามันก็ไม่ได้แย่นิ...”

ผมว่าหลังตัวเองไล่สายตาอ่านจบบ้าง

“ก็ใข่แต่....”

“ทำไมล่ะป้อง นี้มันโอกาสเลยนะ”

ค่ายอินดี้มิวสิกเป็นอีกค่ายเพลงที่กำลังถือว่ามาแรงมากในขนาดนี้ เพราะส่วนใหญ่แล้วแนวเพลงของค่ายนี้จะออกแนวอินดี้ตาม
เชื่อ ทำให้ทั้งตัวศิลปินและบทเพลงที่ปล่อยออกมานั้นถือว่าอยู่ในความสำเร็จระดับสูง ผมเองยังคิดเลยว่าไอ้ป้องมันก็ออกจะเหมาะกับค่ายเพลงนี้

“ก็ถ้าป้องรับข้อสัญญา ...เวลาอยู่ด้วยกันมันก็น้อยลง.....”

เหตุผลที่ออกจากปากมันส่งผลให้ผมรู้สึกชื่นใจ

“เกียร์โตมากพอที่จะฟังเหตุผลน่า .... เกียร์อยากให้ป้องเดินตามฝัน...นำไปก่อนเลย แล้วเดี่ยวเกียร์จะตามไป....”

“เอางั้นเหรอ ?”

มันหันมาถามผม

“อื้ม...มันเป็นความสุขของป้องไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นเกียร์จะรอดูวันที่ป้องยืนอยู่บนเวทีนะ ระหว่างนั้นเกียร์เองก็จะวิ่งตามความฝัน
ของตัวเอง”

ผมว่าก่อนจะชูใบสมัครสอบรับตรงของคณะ มัณฑนากรให้ไอ้ป้องดู มันยิ้มเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นมา

“ป้องเองก็จะรอ...วันที่บ้านของเราเสร็จสมบูรณ์นะ”

ผมกับมันพูดคุยกันแค่นั้น ก่อนเราทั้งคู่จะเดินออกไปจากห้อง เห็นพี่เซียร์พาน้องเพลงเดินไปจากห้องแวบๆ ก่อนเราทั้งคู่จะเดิน
ลงจากอาคารเพื่อจะกลับบ้านกันบ้าง

“อยากฟังเพลงจัง...ร้องให้ฟังหน่อย”

 “เอาเพลงอะไรดี”

“อะไรก็ได้”

ไอ้ป้องทำหน้าคิด ก่อนจะค่อยๆขับขานบทเพลงออกมา




‘เพราะวันนั้นคุณเข้ามา เอาความรักที่มีค่า
ความรักที่เกินกว่าจะหาจากใครในที่ใด
เพราะวันนั้นคุณได้เปลี่ยน เปลี่ยนโลกของผมให้สดใส
แม้วันนี้ไม่ได้พูด แม้วันนี้ไม่ได้เจอ
แต่ทุกนาทีหัวใจยังเพ้อยังละเมออยู่เรื่อย­­ไป
ก็เพราะว่าคุณนั้นแหละ ที่ทำให้ผมนั้นเปลี่ยนไป

คำบางคำ คำเดียว คุณอาจจะดูจะฟังไม่พอเท่าไร
ใจก็ใจดวงเดียว ไม่เคยจะเหลียวมองที่ใคร
ขอให้คุณได้โปรด รับฟังจะได้ไหม
คำก็คำเดิม ๆ ที่ไม่อาจเพิ่มจะเติมให้มีมากมาย
ใจก็ใจดวงเดิมแค่อยากให้รู้และเข้าใจ
ผมรักคุณที่สุด ผมรักคุณจนหมดใจ

รักที่คุณให้มา รักช่างแสนมีค่า
ผมขอสัญญาว่าจะรักษาดูแลด้วยหัวใจ
คุณไม่ต้องเป็นห่วง ใจของผมจะไปไหน
ก็คุณนั้นคือทุกสิ่ง คุณนั้นคือทุกอย่าง
เปลี่ยนแปลงหัวใจที่มันอ้างว้างด้วยความรั­­กและห่วงใย
ขอบคุณที่คุณยังอยู่ ขอบคุณที่ยังไม่เปลี่ยนไป

คำบางคำ คำเดียว คุณอาจจะดูจะฟังไม่พอเท่าไร
ใจก็ใจดวงเดียว ไม่เคยจะเหลียวมองที่ใคร
ขอให้คุณได้โปรด รับฟังจะได้ไหม
คำก็คำเดิม ๆ ที่ไม่อาจเพิ่มจะเติมให้มีมากมาย
ใจก็ใจดวงเดิมแค่อยากให้รู้และเข้าใจ
ผมรักคุณที่สุด ผมรักคุณจนหมดใจ

คำก็คำเดิม ๆ ที่ไม่อาจเพิ่มจะเติมให้มีมากมาย
ใจก็ใจดวงเดิมแค่อยากให้รู้และเข้าใจ
ผมรักคุณที่สุด ผมรักคุณจนหมดใจ

หัวใจผมให้คุณหมด และจะรักคุณ
จะรักคุณตลอดไป ผมรักคุณได้ยินไหม
ผมรักคุณไม่เปลี่ยนไป ผมรักคุณคนเดียว
รักคุณตลอดไป’




“ขอบคุณนะ”

ผมพูดหลังจากมันร้องเพลงจบ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ปกป้องก็มักจะหาเพลงที่ร้องแล้วผมโคตรจะเขินได้ทุกที่สิน่า....

“อื้ม....ข้างๆกันตลอดไป”

แสงอาทิตย์ยามเย็นใกล้จะลาลับไป ผมเดินผ่านบรรดาเพื่อนตัวแสบมากมาย เห็นแน่วแน่กับไอ้เฟรมที่สนาม เห็นต้องตากับไอ้อู๋
นั่งทะเลาะใกล้ใต้ต้นไม้ พี่เซียร์น้องเพลงเดินกินลูกชิ้นกันไปมา

ครั้งหนึ่งผมเคยสงสัย เหตุใดโลกใบนี้ถึงได้มีผู้คนนับร้อยพันที่นิสัยแตกต่างกันจนดูไม่น่าจะเข้ากันได้

แต่วันนี้ผมได้เข้าใจแล้ว

คนบางคนอาจจะเกิดมาเพื่อแตกต่าง...

แตกต่าง....เพื่อ....เติมเต็ม






-The End-



อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  จบแล้วเว้ยยยยยยยย  ในที่สุดนิยายเรื่องแรกขจองต่างก็จบลงแล้ว !!! นี้คือดีใจ และฟินมากที่สุดในสามโลก  ขอบคุณ ชอบคุณทุกคนที่เป็นแรงบัลดาลใจให้เรา ขอบคุณแม่ที่เข้าใจ ขอบคุณพ่อที่ให้โอกาส ขอบคุณพี่ชายที่ทำให้รู้สึกงานเขียน ขอบคุณเพื่อนๆเล้าเป็ด เด็กดี และเวปอื่นๆ เราคงมาถึงจุดๆนี้ไม่ได้จริงๆถ้าไมได้แรงและพลังใจจากทุกคน

กว่าจะมาเป็นนิยายเรื่องนี้ได้บอกเลยว่าหนักมากกกกกกก มากแบบ เชรี้ย แต่งไปท้อไป  ไอ้ที่แต่งไปเนี้ยมันดีไหมวะ คนอ่านเขาจะชอบไหม เออ มีตรงไหนพลาดบ้าง(ซึ่งก็พลาดเยอะมากโดยเฉพาะคำผิด!!!)

ต่างแต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นโดยยึดเอาหลักของคนสองคนที่แตกต่างกัน เอาจริงๆคือคนแบบเกียร์กับป้องนี้แมร่งไม่น่าจะคบกันได้ เพราะถ้าต่างคนต่างไม่ทำความเข้าใจอีกฝ่าย ต่างคิดว่ายังไงๆก็คงไปกันไม่รอด

มีอีกหลายๆเรื่องเลยที่อยากจะพูดอยากจะเล่า เอาเป็นว่าตอนนี้....

มาบอกลากันครั้งสุดท้ายเถอะ !!!

ใครที่อ่านกันมาตั้งแต่ตอนแรก  แอบอ่านบ้าง หรือติดตามมาตลอด  นี้ต่างขออ้อนวอนเลยนะครับ มาบอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ  สำหรับใครไม่มีรหัสเล้าเป็ดสามารถเข้าไปบอกเล่าความรู้สึกกันได้ผ่านทางแฟนเพจหรือที่เด็กดีได้นะครับ ต่างลงเอาไว้หลายที่เหมือนกัน แต่ที่จบแล้วก็จะมีเล้าเป็ดกับเด็กดีมาเล่าให้ฟังหน่อยครับ ชอบไม่ชอบยังไง มีฉากไหนประทับไตกันบ้างไหมหรืออย่างไร ฮ่าๆๆ นี้คือการอ้อนวอน ขอเลยแบบตรงๆไม่มีลูกเล่น ถือว่าเป็นการบอกลากันนะครับ     :L2:


รักคนอ่านมากๆ

แตกต่างเติมเต็ม   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 02-09-2014 23:05:59
 :pig4:ขอบคุณสำหรับเรื่องวัยมัธยมที่อุดมไปทุกรสชาติ จน"กลมกล่อม"
จะว่าอะไรไหม ถ้าขอเรื่องของคู่อื่น :bye2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-09-2014 23:16:15
 ได้เจอกันแล้ว  เกียร์เจอป้องก็หื่นขึ้นมาเชียวนะ
ดีใจด้วยที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
พ่อก็ตามง้อแม่ต่อไปปปปปปป

ขอบคุณที่แต่งนิยายให้ได้อ่านกัน
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-09-2014 23:20:35
Thank U
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-09-2014 23:33:14
อยากอ่านคู่อื่นด้วย เพลินจิตวิทยามีแต่คนน่าสนใจเน้อออ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 02-09-2014 23:37:05
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ นำเสนอได้น่าติดตามอ่านได้เรื่อยๆ  จะรอผลงานเรื่องอื่นต่อไปนะค่ะ  :mew1: :mew1: :mew1:


ปล.อยากอ่านคู่ประธานนักเรียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-09-2014 02:04:43
ตอนจบนี่ทำเอาฟินจริงๆ  :ling1: :ling1: อร๊ายยยยยย  :hao7:
แต่ถ้าเกิดเอ็นซีมันไม่ขัดอารมณ์ซึ้งฟินจิกหมอนที่ป้องกับเกียร์จะเวิร์คมาก
บิ้วด์อารมณ์มาดีแล้ว พอเจอเอ็นซีแล้วหายซึ้งบัดดล คลอเคลียพอว่า จ้องจะเอาตั้งแต่เจอหน้ามันเกินไปมั้ยพ่อคู๊ณณณณ

เรื่องคุณพ่อ ฉันล่ะสะใจจริงๆที่แม่ไม่ยอมง่ายๆ
งอนไปนานๆนะ ต้องให้มันสำนึก

ว่าแต่ของเมื่อเจ็ดปีที่แล้วคืออะไรอ่ะ เคยบอกยัง หรือว่าเราลืม

นั่งรอตอนพิเศษ อิอิ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-09-2014 06:29:06
อ่านมาตั้งแต่ตั้น ชอบมาตั้งแต่ต้นเลย ไม่ใช่แค่ป้อง เกียร์ แต่รวมถึงตัวละครทุกคนในเรื่องดูมีชีวิตชีวามาก แอบเสียดายที่เรื่องนี้จบลงซะแล้ว หวังไว้ในใจว่า อยากจะเห็นผลงานเรื่องอื่นๆ ของต่างด้วย อิอิ รอต่างมาเฉลยเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อนด้วยน้าา  มันคาใจแบบว่าอยากรู้ความลับ 5555 อ้อรอตอนพิเศษ ถ้ามีอ่ะน้า
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 03-09-2014 09:14:56
 อย่างที่เคยบอกว่า ถ้าไม่ชอบก็ไม่ตามอ่านหรอก แต่เพราะชอบถึงได้ตามจนจบ

บอกตรงๆว่าบางเรื่องอ่านถึงครึ่งก็ไม่เอาละ ไม่ใช่ บางเรื่อง แค่บทแรกคำผิดยังพอว่า แต่คำเลี่ยงอ่านเเจอแล้ว เรากดหนีทันที เรื่องนี้คำผิดเยอะ แต่ก็โอเค มันมีที่มาที่ไปของตัวละคร มันสมเหตุสมผล

แต่อยากบอกต่างสักหน่อย อย่าเขียนโดยที่กลัวว่าคนอ่านจะไม่ชอบ เขียนที่อยากจะเขียนจะดีกว่า มันจะเป็นตัวของต่างมากที่สุด

สุดท้าย :pig4: :pig4: :L1: :L1: :L1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 03-09-2014 09:16:48
จบแล้ววว แฮปปี้  ชอบๆๆ   รอเรื่องต่อๆไปนะ :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-09-2014 10:14:15
ตัวละครที่ชอบที่สุดเรืองนี้.......พี่ขวัญค่ะ

ช่วงท้ายๆตอนท้ายพี่ขวัญพูดกับพ่อ มันจี๊ดมากจริงๆ เกือบร้องไห้เลย (แม่นางน่ารักที่สุด)

เหมือนเป็นโทรโข่งสาววายเลยนะนี่ ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นในใจเราหมดเลย  :L1:

เลิฟยู

*******

นิยายต่อมน้ำตาแตกจบอีกเรื่องแล้ว ฟินนนนนน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 03-09-2014 11:05:46
จบแล้ว...   o22  ห๊ะจบแล้ว  :a5:  ฮื้อออ ขอตอนพิเศษ ไม่เอาไม่จบนะ
ความรู้สึกแรกคือ ดีใจ  และ ใจหาย ต้องจากกันแล้วหรอ อยู่ด้วยกันอีกนิดไม่ได้หรอ ป้อง เกียร์
ดีใจที่ในที่สุดความรักของทั้งคู่ได้อยู่ร่วมกัน
สำหรับต่างมีแค่ ประโยคเดียว "ขอบคุณ"
ขอบคุณสำหรับน้องๆทั้งหลายในเรื่อง
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาและบทบาทต่างๆของน้องๆ
ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยและความทุ่มเท
สุดท้ายขอบคุณสำหรับเรื่องนี้และอีกหลายๆเรื่องที่จะตามมา
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-09-2014 13:56:58
ขอบคุณต่างเช่นกัน
ที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านกัน
บอกตรงๆ ว่าชอบภาษาในการเขียน
ทุกๆฉาก ทุกๆตอน ระหว่างป้องกับเกียร์
ไม่ได้ดูเว่อร์ แต่ละตอนก็มีเสน่ห์ในตัวของมัน
บางอย่างก็ไม่ได้เปิดหมด และก็ไม่ได้ปิดหมด
สรุปคือชอบนิยายเรื่องนี้ ชอบตัวละครโดยเฉพาะ
ปกป้องกับก้องเกียรติ ( ป้อง,น้องปลื้มและเกียร์)
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #33 Forever [The End] [02/09/57] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-09-2014 15:45:11
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดีจ้า :) p.12 [12/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 12-09-2014 16:42:20
เปิดจอง เก็บ ____รัก อย่างเป็นทางการ !!!!!! และทั้งที่เองยังมีการเล่นเกมแจกหนังสือฟรีจ้า !!! เป็นการตอบแทนเพื่อนๆนักอ่านทุกคน  :กอด1:

โดยแจกสองเล่มกติกาง่ายๆดังนี้

1. แจกหนังสือฟรีทันที่หนึ่งเล่มสำหรับท่านที่ตอบคำถามได้โดนใจมากที่สุด โดยคำถามมีสองข้อเท่านั้นเองครับ

-คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง
-ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็น ฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ

2. แจกฟรีสำหรับผู้ที่กดไลค์แฟนเพจของต่าง และแชร์รูปภาพที่ปักหมุด โดยตั้งค่าการแชร์เป็นแบบสาธารณะ แจกฟรีไปเลยจากการสุ่ม1เล่มจ้า !!!!

แฟนเพจ :  [  https://www.facebook.com/PokpongGonggend  ]

และ....


เปิดจองแล้วจ้า !!!!

เก็บรัก  love keep

รายละเอียดหนังสือ [อยู่ระหว่างรอปก]

เนื้อหา 32 ตอนจบ [รวมตอนจุดห้าทุกตอน]

ขนาด A5

จำนวน 1เล่ม  ราคาต่อชุด 600บาท [รวมค่าจัดส่งแล้ว]

มีจำนวนหน้า 500 หน้า

ของแถม

     1. ที่คั่นหนังสือ
     2. ตอนพิเศษ

 – ทางที่ต้องเลือกเดินต่อไป [ไม่ลงในเวป]

ผมน่าจะรู้....ว่าสักวันหนึ่งเรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้ อาชีพที่เป็นคนของประชาชน.....จะทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ยังไง
-ป้องนั่งเงียบไมได้มองหน้าผม แต่กลับก้มลงต่ำแทน หน้าจอทีวีเองก็ยังคงฉายข่าวที่ทำให้เราทั้งคูต้องมานั่งก้มหน้าแต่ไม่กล้าคุยกันแบบนี้ จนกระทั้งเป็นผมเองที่อดทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

“ป้อง.......”

“.............”

“เราเลิกกัน....ดีไหม......”
             

– บ้านของเรา [ไม่ลงในเวป]

“เปิดตาได้รึยังเกียร์”

-ป้องถาม ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่ดันหลังมันเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆหยุดเดินแล้วแกะผ้าที่ผูกตามันออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้มันอ้าปากค้างไป ก่อนจะค่อยๆหันมามองหน้าผม

“ป้องครับ.....”

“..................”

“นี้บ้านของเรานะ.....”

–  เติมให้เต็มครั้งสุดท้าย [ไม่ลงในเวป]

ทุกๆครั้งเวลามีอะไรพิเศษ ผมมักจะตื่นเต้นเสมอๆ

..........แต่ครั้งนี้มันคงจะยิ่งกว่าครั้งไหนๆของชีวิต

ผมเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารในมือ ก่อนจะมองคนที่ออกมาจากห้องลองชุดเจ้าบ่าว มันเดินมาหาผมด้วยท่าที่แปลกๆ ใบหน้าจืดๆดูประหม่าที่เห็นผมในชุดแบบเดียวกันแต่คนละสีนั่งรออยู่

“กู...โอเคไหม...”

-ป้องถามเก้ๆกังๆ ก่อนจะหมุนรอบตัวเองให้ผมดูครั้งหนึ่ง

ตอนนี้-ป้องใส่ชุดสีขาว กางเกงแบบไทยๆที่ผมเองก็ไม่รู้จักชื่อของมัน ใบหน้าจืดๆนั้นก็โดนแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางจนดูดีกว่าปกติ(ทั้งๆที่ปกติก็น่ารักอยู่แล้ว) ผมทรงรากไทรที่เจ้าตัวตั้งใจไว้ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยก็ดูเข้ากับหน้าได้เป็นอย่างดี
ผมพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดสิ่งที่รู้สึกออกมาเบาๆ

“ป้อง......”

“............”

“เข้าหอคืนนี้...ไม่ต้องนอนหรอกเนาะ.......”

และตอนพิเศษที่จะลงในเวปเร็วๆนี้อีกสามตอน !!!! อ่านยาวๆไปเลย ตอนพิเศษ100หน้ากระดาษA5+ พิเศษกว่านั้นของแถม
เฉพาะรอบจอง โอน20คนแรก!!!! รับไปเลย พวกกุญแจไข่ปลาน้องป้องน้องเกียร์ !!!!




 วิธีการสั่งซื้อ


1)   ส่งเมลในหัวข้อ “สั่งจองหนังสือ เก็บรัก [love keep]” เพื่อขอทราบหมายเลขบัญชีมาที่ love99_jame99 แอทhotmail.com  หรือ แอดไอดีไลน์  jamelaugh

2)   ภายใน 1 วันจะส่งอีเมลแจ้งรายละเอียดการโอนเงิน หรือตอบกลับในไลน์

3)   สามารถโอนเงินได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2557 โดยหนังสือจะจัดส่งหลังจากปิดการโอนเงินไม่เกิน2อาทิตย์[หรืออาจจะเร็วกกว่านั้น อันนี้เป็นการพูดเพื่อมีเหตุขัดข้องนะครับ]




ผมเคยสงสัย เหตุใดผู้คนจึงแตกต่างมาวันนี้จึงได้เข้าใจ
คนบางคน...
.....แตกต่างกัน
แตกต่าง....
เพื่อ......
.....เติมเต็ม



ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนครับ

แตกต่างเติมเต็ม


Ps. เล่มเกมได้เรื่อยๆเลยนะครับ ประการผล2อาทิตย์ถัดไป
หมายเหตุ ผู้ที่ได้รับรางวัลต่างจะจัดส่งหนังสือพร้อมกับชุดแรกที่จัดส่งนะครับ 


หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดีจ้า :) p.12 [12/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-09-2014 19:32:18
อ้างถึง
  -คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง

- ต่างกัน เพราะเป็นคนละคนกัน ขนาดคนเดียวกันยังมีความต่างกัน ในแต่ล่ะวัน แต่ช่วงความคิดเลย
- ต่างกันดีกว่า เพราะจะได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ

อ้างถึง
-ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ

ชอบการเดินเรื่อง ภาษาที่ใช้เขียนอ่านแล้วชอบ คำพูด/ความคิด ของตัวละครละเอียดอ่อนดี อย่างที่เม้นไปก่อนหน้าแล้ว ว่าชอบที่ไม่เปิดหมดและปิดหมด คือไม่ได้บอกว่าตอนนั้นตัวละครตัวนี้คิดยังไง แต่ให้คนอ่านเดาจากการกระทำเอาเอง หรืออย่างตอนที่จะเปิดเผยเรื่องของอามัว คนเขียนไม่ได้เขียนแบบพยายามปิดบังคนอ่าน คือรู้อยู่แล้วว่าคนอ่านเดาถูกอยู่แล้วว่าอามัวคือใคร คนอ่านแค่รอว่าจะเปิดเผยเมื่อไรเท่านั้นเอง มีอีกหลายฉากหลายตอน หรือจะเรียกว่าทุกตอนเลยก็ได้ที่ชอบ เพราะถ้าไม่ชอบคงไม่ตามอ่าน
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดีจ้า :) p.13 [12/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-09-2014 23:52:39
มาเล่นเกมส์ อิอิ

คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง
ตอบตามแนวเด็กวิทย์: ที่ผู้คนแตกต่างกันเพราะแต่ละคนมีหน่วยพันธุกรรมที่ต่างกัน ตามหลักแล้วความแตกต่างทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าวิวัฒนาการได้ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน สิ่งที่ปรับตัวได้จะอยู่รอดต่อไป ซึ่งวิวัฒนาการก็ต้องจัดว่าเหมาะสมโดยให้คำจำกัดความว่าดีหรือไม่ดีไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า #โดนตบ  :beat:

ตอบแบบคนเพ้อ: แต่ละคนแตกต่างกันเพราะเกิดมาจากการแตกออกมาจากแบบที่สมบูรณ์ ถึงจะมีความคล้ายคลึงกันแต่ทุกคนย่อมแตกต่างกัน แต่ละคนย่อมมีเอกลักษณ์และมีบทบาทต่อโชคชะตาที่ไม่เหมือนกัน ได้พบเจอ เปลี่ยนแปลง ผูกสายสัมพันธ์ ทำให้เกิดสิ่งต่างๆขึ้นมากมาย เหมือนกับคลื่นน้ำที่ไปกระทบกับอะไรก็จะมีคลื่นอื่นๆตามมา เหมือนเฟืองนาฬิกาที่ขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน ทุกชิ้นต่างมีหน้าที่ของมัน บางชิ้นหายไปชิ้นอื่นอาจจะทำงานต่อได้ แต่.....มันย่อมไม่เหมือนเดิม ฟันเฟืองหมุนและขับเคลื่อนไปทำให้เราพบเจอสิ่งใหม่ๆ ความคิดเปลี่ยนไป ความรู้สึกต่างๆที่ได้พบเจอ จะทำให้ตัวเราได้เติบโตและขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ขอให้ซื่อสัตย์กับตัวเองก็พอ คำจำกัดความว่าดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นกับว่าคนส่วนใหญ่คิดอย่างไร เช่น การที่คนรวยถูกโจรปล้นแล้วเอาเงินไปให้คนจน มันดีแล้วจริงหรือ ถ้าคนรวยนั้นเป็นคนดีมาตลอดคอยช่วยเหลือคนอื่นล่ะ เพราะรวยจึงผิด?
แต่โดยทั่วไปแล้วสำหรับสภาพสังคมที่เราเจอหากเราไม่อยากโดนกีดกัน เราไม่อยากโดนทำร้าย เราก็คงต้องทำตามคนอื่นๆเขา
ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ความแตกต่างทำให้เกิดการพัฒนาและก็ทำให้เกิดความขัดแย้งได้เช่นกัน อาจจะขึ้นกับจิตใจเราว่ารับได้ไหม เข้าใจไหม แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะพยายามดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เราก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่มีการเลือกสรรค์ของมัน เราเป็นเพียงจุดเล็กในจักรวาล ซึ่งอาจจะไม่มีความหมายหรือมีความหมายก็ได้ หากเราให้ความสำคัญกับตัวเรากับคนรอบๆ จุดเล็กก็จะใหญ่ขึ้นและสำคัญขึ้นมา ความแตกต่างก็เป็นแค่เอกลักษ์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็เท่านั้น
อ๊ายยยยยยยยย  :z3: ฉันพิมพ์อะไรลงไป


ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็น ฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ
สารภาพเลย ชอบป้องมากกกกกกกกก ชอบทุกตอนที่ป้องออก อยากให้ป้องเป็นพระเอก แต่แตกต่างทำร้ายฉัน
ปล่อยให้เกียร์มันกดป้องโดยไม่ใยดี ฮือออออออออ  :hao5:
แต่ฉากที่ชอบที่สุดนั้นคงไม่พ้นฉากตอนที่ป้องกอดปลอบเกียร์ แล้วเกียร์เริ่มจะยอมรับป้อง ว่าได้ป้องเป็นพี่ชายก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่
(แล้วทำไมแกถึงกดพี่ชายล่ะเกียร์ อ๊ายยยยยยยยย  :z3: :z3:)
มันเป็นตอนแรกที่ทำให้เราหลงเสน่ห์ปกป้องอย่างจริงจัง และตั้งใจจะเชียร์ให้ป้องเป็นเมะให้ได้
สถานการณ์สั้นๆนี้ทำให้เราได้รับรู้ว่าปกป้องคนนี้เป็นคนอบอุ่นขนาดไหน น่าเป็นแฟนด้วยขนาดไหน จนแทบจะจับกระชากอิเกียร์ออกจากเรื่องเพราะอยากได้ผู้ชายนิสัยแบบนี้ พอหลายๆตอนฟินๆรวมกันทำให้รักผู้ชายคนนี้มาก
ยิ่งตอนใส่ชุดเป็นก๊อตซิป้องล่ะก็นะ อ๊ายยยยยยยย  :z3: รู้สึกว่ามันน่ารักจนอยากเอาหัวโขกผนังสิบแปดรอบ
ความจริงฉากที่จะทำให้ฉันปลื้มปิติได้มากที่สุดคือฉากที่ป้องได้กดเกียร์และกลายเป็นพระเอกถาวร  :haun5: :haun5: #โดนตบ  :beat:


ปอลิง: สั่งจองไปแล้วนะ
ปอลิ่ง: หนังสือหนาจัง กลัวแหก อย่าให้แหกนะแตกต่าง
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดีจ้า :) p.13 [12/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 13-09-2014 01:08:02
พึ่งได้ตามมาอ่านจ้า ชอบเรื่องนี้ในหลายๆจุด ชอบตรงที่เนื้อเรื่องไม่ได้นิยายจ๋าเกินไป

ชอบที่ความรักค่อยๆเกิดขึ้น

ชอบที่ใช้เวลาในการสร้างความรู้สึก

ส่วนตัวคิดว่า ผู้แต่งน่าจะแต่งแนวแฟนตาซีได้ดีทีเดียวนะ ดูจากช่วงที่เขียนเรื่องโรงเรียน แหวน

ถ้าเพิ่มเรื่องตรงนี้เข้าไปจัดเป็นแฟนตาซีเบาๆสักเรื่องได้เลยทีเดียว น่าสนุกค่า

ปล. ติดตามเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดีจ้า :) p.13 [12/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-09-2014 07:18:01
คุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงต่างกัน แล้วต่างกันนี้มันดีไม่ดียังไง
-เพราะคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ผลิตออกมาจากโรงงานยังไงล่ะ ถึงได้มีความแตกต่างกัน เพื่อมาเติมเต็มกันและกัน ถ้าพระเจ้าสร้างคนทุกคนให้เหมือนกันหมด โลกนี้คงพิลึกมากมาย เพราะทุกคนจะมีทั้งสีหน้าและแววตาที่เหมือนกัน จิตใจเราก็คงตายด้าน ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่แตกต่างจากเรา เราว่ามันดีนะ ความแตกต่าง เพราะ แตกต่างเพื่อเติมเต็มกันและกัน แตกต่างเพื่อกระตุ้นให้หัวใจความรู้สึกทำงาน มันสร้างความสุขอ่ะ นึกถึงคำที่มีคนเลยบอกเลยว่า แตกต่างที่ลงตัว อะไรแบบนี้เลยล่ะ




-ฉากไหน/ตัวละคร/เหตุการณ์ใด ในเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คุณชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ หรือฉากใดที่ประทับใจมากที่สุดพร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเป็น ฉากนั้น/ตัวละครนั้น/เหตุการณ์นั้นๆถึงประทับใจคุณ
-ชอบทุกฉากนะจริงๆแล้ว แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คงเป็นฉากจบนั่นล่ะ ที่ในที่สุดพ่อก็ยอมรับตัวตนของเกียร์ ยอมรับว่า สิ่งที่เกียร์เป็นถึงแม้มันจะไม่ใช้่สิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับแต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผิด สุดท้ายความสุขของลูกต้องมาก่อนเรื่องอื่น เราชอบมากนะ คือ เหมือนตามดูการเติบโตและการแก้ปัญหาของเกียร์ด้วยไง โล่งอกมากตอนที่พี่ขวัญมาช่วยพูด ให้พ่อเข้าใจ  ชอบที่พ่อบอกว่า เราจะไปรับครอบครัวเรากลับ อะไรทำนองเนี่ย อ่านแล้วแบบ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเลย  ชอบเรื่องนี้มากกก ในเรื่องนี้ชอบป้องอ่ะ คือ ชื่อนี่แสดงตัวตนเลยนะ เรียนเก่ง หัวดี คอยปกป้องเกียร์ แต่ดันกลายเป็นโดนกดซะได้ ตอนแรกนี่กะเลยนะว่ายังๆเกียร์ไม่รอดแน่ ดันพลิกโผ หนูป้องเราเลยโดนกดซะเลย หนุ่มน้อยผู้หลงไหลปลา เราว่า ป้องเป็นตัวละครที่เราอยากได้เป็นน้องชายอ่ะ คงฟินดี #อัลลไลลล
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดีจ้า :) p.13 [12/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 13-09-2014 17:24:22
สนุกมากค่ะขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจ
ขอบคุณค่ะ 
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดี p.13[14/09/57] ย้ายได้เลยครับ!!
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 15-09-2014 15:43:22
ทุกคนนนนนน แจ้งข่าวนะครับ ตอนพิเศษตอนแรกจะลงพรุ่งนี้เด๊อ !!!!

Ps. เปิดจองหนังสือแล้วนะครับ  :ling1:  อย่าลืมสั้งจองกันน่า ถ้าอยากได้น้องๆไปกอดไว้ในรูปแบบหนังสือ

Ps.2 ในเล่มมีเซอร์ไพร์แน่นอนครับ  :katai5: คิคิ
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: [The End] #แจ้งข่าวดี p.13[14/09/57] ย้ายได้เลยครับ!!
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 16-09-2014 00:39:53
วันใหม่แล้วนะ อิอิ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: [The End] อัพเดทล่าสุด p.13[16/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 16-09-2014 10:53:30
อัพเดทล่าสุดนะครับ หลังจากได้ลองปรึกษากับทางโรงพิมพ์และรุ่นพี่หลายๆคนที่เคยทำหนังสือแล้วต่างจึงตัดสินใจลดขนาดตัวหนังสือลงหนึ่งพอยท์ ปรากฏว่าพื้นที่ว่างเหลื่ออีกบานตะไทเลยที่เดี่ยว !!!! แน่นอนว่าตอนพิเศษที่จะแถมให้ยังคงจุใจเหมือนเดิม

พร้อมNCที่ใครหลายๆคนอยากอ่าน....

ถ้าป้องเมะ.... มันจะเป็นยังไงนะ ?

สรุปคือ ตอนนี้หนังสือลดจำนวนหน้าลง(จากการหายบ๊องของคนจัดทำ) จึงทำให้ราคาหนังสือถูกลงไปด้วย


รวมแล้วราคาหนังสือเหลือเพียง 600บาทครับ จัดส่งฟรี !!!!แบบลงทะเบียนครับ 


สำคัญสุดคือ อาจจะไม่มีการรีปริ้นอีกแล้ว จึงอยากให้เพื่อนๆที่สนใจ จับจองกันได้นะครับ

Ps. ขออนุญาตผิดคำพูดนิดๆเรื่องตอนพิเศษ เนื่องจากวันนี้มีควิชแบบมิได้นัดหมาย T  T ขอให้ต่างออกจากห้องสอบก่อนนะครับ แล้วเดียวจะดูว่าพอลงได้ไหม ขอโทษจริงๆนะครับ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: [The End] อัพเดทล่าสุด p.13[16/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 16-09-2014 19:59:42
 :กอด1:  สนุกมากๆคะ ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายที่สนุกๆแบบนี้มาให้อ่าน  อ่านไปยิ้มไป หวานๆ นัวๆ    :pig4:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: [The End] อัพเดทล่าสุด p.13[16/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ฟาเรนไฮ ที่ 16-09-2014 21:59:09
 :a5: :hao7:
โฮกกกกก!! จบแล้ว อ่านแบบรวดเดียวจบ

น้ำตาแทบแตกสงสารปกป้องกับก้องเกียรติ์ :z3: :sad4:

ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่าน เป็นกำลังใจให้คนเขียน  :L2:

เขียนนิยายสนุกๆแบบนี้ให้เราอ่านต่อไป สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: [The End] เผยโฉมหน้าปก p.13 [19/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 19-09-2014 19:40:20
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย รอนานไหม ? ในที่สุดหน้าปกก็เสร็จสิ้นแล้วนะครับ  ขอขอบคุณนายแบบ(?)ใจดีท่านสองท่าน สัญญาตรงนี้เลยว่าถ้ายอดทะลุเป้าจะพาด้านหน้ามาเซอร์วิส 5555  -//////- 

<img src="http://เวปมีไวรัส/images/2014/09/20/159rG7Eu.jpg" alt="159rG7Eu.jpg" border="0" />


ขยายรูปยังไงอ๊ะ ทำได้แค่นี้ สนใจดูรูปใหญ่ๆเชิญที่เพจได้นะครับ >M<

https://www.facebook.com/PokpongGonggend


อย่าลืมสั่ง จอง โอนเงิน กันนะครับทุกคน >///////////////<  น้องๆรอให้จับจองกันอยู่นะครับ   :mew1:

หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 20-09-2014 16:47:02
ตอนพิเศษ  เรื่องราวต่อจากนั้น... [1]


“ผมดีใจที่ได้เข้าศึกษาในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งมีเกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ๆซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม ถ้าหาก..... ”

เสียงร่ายยาวของไอ้ป้องดังขึ้นจากด้านหน้าผมก่อนผมจะยืนสัปหงกไปเรื่อยๆ

 อ่า...แอร์ในหอประชุมเย็นจริงๆด้วยแหะ แล้วไอ้อู๋จะสกิดอะไรหนักหนาวะ คนจะ(ยืน)หลับจะนอน

“นาย ก้องเกียรติ์  ออกไปพูดเดี่ยวนี้!!!”

ผมสะดุ้งตัวพรวดก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าตามคำสั่ง ชิบ...มิสอร่ามศรี...มาตั้งแต่ตอนไหนวะ พอหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัว
เองไอ้อู๋ขยับปากอ่านได้ว่า ‘กูปลุกมึงแล้ว ไอ้สัส’ ผมแอบชูนิ้วกลางเมื่อเห็นรอยยิ้มขบขันจากมัน ไอ้เวร นี้จงใจแกล้งกูสินะ

“พูดสุทรพจย์จบให้เพื่อนๆฟังเดี่ยวนี้ !!!”

มิสอร่ามศรีสั่ง ก่อนจะผายมือให้ผมเดินไป แน่ล่ะว่าผมทำอะไรไมได้หรอกนอกจากจะเดินไปตามคำสั่งที่ว่า ไอ้ป้องเองแค่ขมวดคิ้วนิดหน่อยตอนที่เห็นผมเดินมา ก่อนมันจะยิ้มขำให้อีกคน..... ดูสิครับขนาดแฟนยังยิ้มขำผมอ๊ะ

“เออ....”

ผมพูดค้างก่อนจะกวาดตามองเพื่อนๆร่วมสายชั้นสี่ร้อยกว่าคน หลายๆคนเองผมก็รู้จัก บางคนแม้ไม่ได้เรียกห้องเดี่ยวกันแต่ก็เคยเดินสวนกัน ทุกๆคนอาจจะจำกันได้ไม่หมดแต่ก็รู้ว่าพวกเราเป็นพื่อนกัน

“ก่อนอื่น..ขอบอกก่อนว่าผมด้นสดเพราะโดนผลักมา...โอเคนะ”

คำพูดของผมเรียกเสียงหัวเราะให้เหล่าทโมนในห้องประชุมได้ไม่น้อย  มิสอร่ามศรีค้อนขวับมาให้ผม  ส่วนไอ้ป้องแอบหยิกต้นแขนผมเบาๆหลังไมค์โทษฐานที่เล่นกระทั้งวันจบการศึกษา

อ่า...ฟังไม่ผิดหรอกครับ

ผมกับมัน(รวมทั้งไอ้พวกทโมนทั้งหลาย)ทุกคนเรียนจบกันด้วยจริงๆแหะ.....

“ผมก็...ไม่รู้จะพูดยังไงดี.....”

ผมว่าต่อ ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆห้องประชุม

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นี้เป็นเหมือนบ้าน  เหมือนที่ๆหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสุขใจทุกครั้งที่ได้อยู่  ผมได้เจอเพื่อน ไอ้เจออาจารย์ที่ดี ไอ้รับสิ่งที่ดีๆมากมายจากการศึกษาตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมา.....”

“ยิ่งผมโดนบังคับ...โอเค สมยอมเป็นเลขาธิการสภานักเรียนผมถึงได้รู้ว่าแฟนผมทำงานหนักมากขนาดไหน..โอ๊ย  ป้องหยิกเกียร์ทำไมเนี้ย....โทษนะครับถึงไหนแล้วนะ...อ้อ”

ไอ้ป้องคาดโทษผมไว้ ก่อนมันจะฟังผมพูดต่อ

“ขอบคุณครับ......”

“ขอบคุณเพลินจิตวิทยา บ้านที่ทำให้ผมได้พบกับเพื่อน.....ขอบคุณมิสและบราเดอร์ทุกท่านที่เหนื่อยกับไอ้พวกทโมนอย่างพวกผม ขอบคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังงงๆเลยว่าตัวเองจบการศึกษาได้ยังไง ฮ่าๆ...โอ๊ย ป้องบอกว่ากอย่าหยิก”

ประโยคหลังผมลดเสียงพูดกับมัน ไอ้ป้องตวัดตามองผมอีกครั้งก่อนหน้ามันจะแปลความหมายได้ว่า ‘เลิกเล่น’

“โอเค...สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากเอาไว้”

“ไม่ว่าเราทุกคนจะเป็นยังไง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นแบบไหน เราทุกคนยังเป็นเพื่อนกัน....ผมสีญญาว่าถ้ามีโอกาสจะมาออกแบบภายในให้กับรุ่นน้องๆแน่นอน ฮ่าๆ ถ้าผมติดมหาลัยที่สมัครนะน่ะ”

เสียงโห่ฮาดังขึ้นจากด้านล่างอีกครั้ง ผมกับพวกคณะกรรมนักเรียนชุดนี้ทั้งหมดโค้งตัวพร้อมกัน ก่อนจะเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรอีกดีเพราะทุกอย่างเราทุกคนล้วนรับรู้กันด้วยใจแล้วนั้นเอง พวกเพื่อนผมทั้งหมดช่วยกันร้องเพลงมาร์ชของโรงเรียนเพลินจิตวิทยา ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกันไปให้เหล่ามิสและบราเดอร์ผูกข้อมือให้เป็นของขวัญวันจากลา

“จบจนได้เนาะ.....”

ผมพูดขึ้นเรียบๆหลังเราทั้งคู่ไปให้เซนเซผูกข้อมือให้เสร็จแล้ว

“แต่กว่าจะจบได้...เล่นเอาเหงื่อตกเลย...”

จริงอย่างที่ไอ้ป้องมันว่า ตลอดเวลาหนึ่งปีที่มันเป็นประธานนักเรียน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ทั้งตอนที่สาขาสองถูกไฟไหม้จนต้องมาเรียนกับพวกผมสักพักใหญ่ๆ หรือกระทั้งการที่โรงเรียนยกพวกตีกัน แน่นอนว่าพวกมือปราบยังทำงานได้ดีเสมอต้น
เสมอปลาย  ผมเองก็สอบติดรับตรงไปได้ด้วยดี ส่วนไอ้ป้อง....

....มีจดหมายเชิญเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมทุนการศึกษาเรียนฟรีสี่ปี

ให้ตายเหอะ โคตรลำเอียง....

“ไม่ดีเลยวะ แบบนี้แปลว่าช่วงที่ต้องไปเรียนกูกับมึงก็ต้องห่างกันอ๊ะดิ”

ผมว่า เพราะตัวเองดันทะลึ่งติดจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ป้องมัน...ครับ ผมติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่นี้ล่ะครับ ส่วนไอ้ป้องมันดันได้ทุนจากม.แห่งหนึ่งที่จังหวัดปทุมธานี เล่นเอาผมเซ็งเลย จะย้ายไปก็ดันไม่มีสาขาที่ผมต้องการจะเรียนอีก ไอ้ป้องเองก็ติดสัญญาค่ายเพลงทำให้ต้องเรียนที่นั้น

“เป็นไร ทำหน้าเศร้าอีกแหละ...กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย บินแปปๆก็ถึง”

มันว่าพลางดึงมือผมเอาไว้

“ไม่ไกล...แต่กลัวคนใกล้ทำให้ใจเปลี่ยน”

“ไม่ไหว”

“.......”

“เปลี่ยนไม่ไหวหรอก .... รักมากขนาดนี้”

มันว่าก่อนจะส่งรอยยิ้มซื่อๆให้ผม

“พูดงี้ไม่อยากนอนใช่ไหม ?”

“จะไม่รักก็แบบนี้แหละ หื่นตลอดกาล”

“พูดเล่นนะ คืนนี้ต้องไปกินเลี้ยงจบไม่ใช่เหรอ ?”

“เออวะ”

ไอ้ป้องทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดได้  นี้หมายความว่ามึงไมได้ดูเอกสารที่กูส่งไปให้เซ็นเลยสินะ แต่ถ้าผมเป็นมันผมเองก็คงได้แต่
เซ็นเพราะมันเยอะจริงๆทำให้อดนึกไม่ได้ว่าไอ้พี่กาเซียร์มันทำได้ยังไงถึงจบออกไปพร้อมเกรดสวยๆแบบนั้น  ก็ขนาดไอ้ป้องเกรดยังลดเลยอ๊ะครับ!!! (ส่วนผมแค่สามกว่าๆก็คางเหลืองแล้วครับT T )

“เกียร์”

“ห๊ะ ?”

“ไปตึกห้าชั้นสองกัน...”

มันพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบหรอกครับ เดินลิ่วไปนู้น จะทำยังไงล่ะครับก็ตามไปสิ ผมกับไอ้ป้องเดินลัดเลาะสนามยงยุทธก่อนจะเดินมาถึงอาคารห้า จริงๆผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันอยากขึ้นมาบนนี้ทำไม

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ....เรื่องของพวกเราเนี้ย.....”

มันเริ่มพูดขึ้นก่อน

“อื้ม...ก็จริงๆนั้นแหละ ไม่คิดเหมือนกัน....ว่าจะรักได้ขนาดนี้”

“ไปเชียงใหม่จะเป็นยังไงบ้างเนี้ย.....”

“ก็จะรักเหมือนเดิมนั้นแหละ...”

ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่หวง...มันเองก็ห่วงผมเหมือนกันนั้นแหละ

“ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน สัญญา
นะ......”

นิ้วก้อยยาวถูกส่งมาให้กับผม ก่อนมันจะคลี่ยิ้มออกมา ผมยิ้มตอบรับก่อนจะยืนนิ้วก้อยไปเกี่ยวไว้

“ตลอดไป.... เกียร์สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน แล้วจะรีบสร้างบ้านไวๆ”

ผมกอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นแค่การจากลาช่วงสั้นๆ เรายังไปมาหากันได้เสมอทุกครั้งที่คิดถึงกัน แต่เพราะความไกลไม่ใช่รึยังไงที่ทำให้ใครหลายคนเลิกราจากกัน ผมไม่อยากเลิกกับไอ้ป้องและไม่เคยแม้แต่จะคิด แน่นอนว่ามันเองก็คงคิดแบบเดี่ยวกับผมนั้นแหละ แต่เราทั้งคู่เองก็โตมากพอที่จะแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวและหน้าที่ออกไปได้ จริงอยู่ที่ว่า
เรื่องครั้งนี้มันไม่ได้หนักหนาอะไรนัก เราแค่แยกย้ายกันไปเรียน

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เรื่องที่ทำให้เราแยกกัน ถ้าหากว่ามัน...เป็นความฝันของใครคนหนึ่ง

......ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

หลังจากวันนั้นผมกับไอ้ป้องใช้ช่วงระยะเวลาสามเดือนที่เหลืออยู่ในกรุงเทพฯทำสิ่งที่อยากจะทำด้วยกัน  ผมพามันออกงานสเกตบอร์ดถี่ขึ้นมาก  มันเองก็พาผมไปนู้นไปนี้บ่อยๆ  เราทั้งคู่ยังไปเยี่ยมน้องร่าเริงเป็นประจำ และทุกๆครั้งที่ไปก็จะเจอพี่หมอที่มา
เยี่ยมเหมือนๆกัน

พี่หมอบอกผมกับไอ้ป้องว่า พี่เขาไม่ได้เลือกที่จะจมกับอดีต

เขาแค่เลือกที่จะไม่ลืม.....

วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ระยะเวลาสามเดือนของเราหมดลงไป ผมนั่งมองพวงกุญแจรูปปลาตัวโตๆที่ใครคนหนึ่งซื้อให้เป็นเครื่องรางบนรถไฟ วิวสองข้างทางไม่ได้ชวนให้ผมรู้สึกอยากมองเท่าไหร่เลย จริงอยู่ที่เชียงใหม่อากาศมันก็ดี แต่มันจะดีกว่านั้นถ้าหากมีคนๆนั้นข้างๆกัน

ให้ตายเหอะ ผมติดมันมากจริงๆนั้นแหละ

แล้วป่านี้มันจะเป็นยังไงนะ ? มันจะคิดถึงผมแบบที่ผมคิดถึงมันรึเปล่า ? แล้วที่มหาวิทยาลัยของมันจะมีการรับน้องแบบไหน ไอ้ป้องจะเข้ากับคนที่คณะนั้นได้ไหม ? มันจะยังมีเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษามันใช่ไหมนะ ?

ผมครุ่นคิดไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางก็ค่อยๆเปลี่ยนไป รู้สึกตัวอีกที่มือถือก็สั่นเป็นสัญญาณว่ามีใครส่งไลน์มา ผมหยิบขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะสไลด์ดูข้อความที่ส่งมา

‘ปกป้อง  : วันนี้รับน้องหนุกมาก’

ไอ้ป้องส่งข้อความสั้นๆ พร้อมรูปมันในชุดนิสิตชายที่โดนมันจุก รอบๆตาโดนเขียนด้วยลิปสติกสีแดง รวมๆแล้วทั้งหน้าใช้คำว่าเละก็คงยังไม่พอแบล็กกราวด้านหลังคือเพื่อนผู้ชายสามสี่คน  ผมหลุดขำทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวก่อนจะยิ้มร่าตอบกลับมันไป

‘ไว้ถึงเชียงใหม่แล้วจะส่งรูปให้ดูอีกรอบ’

ผมกดส่งภาพตัวเองจุ๊บพวงกุญแจรูปปลาส่งกลับไปให้มัน ข้อความของผมขึ้นว่า ‘seen’ เป็นว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความของผมเรียบร้อยแล้ว มันกดส่งสติกเกอร์ยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้น ก่อนจะเงียบหายไป ผมยิ้มให้กับตัวเองหน่อยๆ

จริงสินะ.....ไอ้ป้องเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว มันเองก็มีเพื่อนเยอะแยะ

 นับว่าเราทั้งคู่ เปลี่ยนแปลงขึ้นจากเดิมมากจริงๆ.....

ผมพิงผนังรถไฟก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไป หวนคิดถึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ทำให้เรามีเราในวันนี้ สี่ปีกับอนาคตที่กำลังจะสร้างมันขึ้นมา ผมปรารถนาให้มันเป็นไปได้ดั่งใจเหลือเกิน.....





__________________________________________________________________________________





“และนี้คือกองทัพคาราวานแฟนคลับที่มาคอยคิวซื่อบัตรคอนเสิร์ตนะค่ะ เดียวเราเข้าไปถามพวกเขากันดีกว่าว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง”

นักข่าวสาวในทีวีพูดขึ้นก่อนจะยื่นไมค์ไปให้เหล่าแฟนคลับที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเข้าแถวพูดออกอากาศ

“มาจากที่ไหนกันบ้างค่ะ ?”

“น่านค่ะแล้วก็เพื่อนอีกสองคนมาจากแพร่ นั่งๆรถกันมาค่ะ”

สาวน้อยคนนั้นตอบยิ้มๆ ก่อนจะพากันบิดเขินอายเมื่อกล้องฉายไปที่เสื้อของหล่อนซึ่งเป็นรูปของศิลปินชื่อดังเจ้าของบัตรคอนเสิร์ตในวันนี้

“เป็นแฟนคลับ ‘อามัว’ มานานรึยังค่ะเนี้ย ?”

หล่อนพูดต่อก่อนจะยื่นไมค์ให้อีกครั้งหนึ่ง เด็กสาวทั้งกลุ่มบิดไปบิดมาก่อนจะตอบด้วยท่าที่เหนียมอาย

“นานแล้วค่ะพี่ ตั้งแต่สมัยที่อามัวยังไม่เปิดเผยตัวตนค่ะ จนถึงตอนนี้ก็เกือบๆห้าหกปีแล้วที่ติดตามผลงานมา พี่เขาน่ารักค่ะ แล้วก็...ยังโสด”

คำพูดนั้นเรียกเสียงกรี๊ดได้จากทั้งกลุ่มพ้องเพื่อนและคนที่อยู่ใกล้เคียง นักข่าวสาวอมยิ้มก่อนจะถามต่อ

“ถ้าบอกถึงอามัวได้ถึงอย่างจะบอกว่าอะไรค่ะ ?”

หล่อนทำท่านึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า..จนผมเริ่มหมั้นไส้

“อยากจะบอกพี่อามัวว่า หนูไปคอนฯพี่ทุกครั้งเลย ก็ถ้าไม่มีปัญหาอะไร....หนูขอเป็นแฟนคลับวีไอพีได้ไห....”

‘พรึ่บ’

ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคผมก็กดรีโมทในมือให้ดับลงก่อนจะยกขามาพาดไว้กับโต๊ะแก้วที่ไว้วางของด้านหน้า ให้ตายเหอะ รู้สึกไม่สบอารมณ์ชะมัด....

ยังโสด...

ใช่ ....นั้นคือสถานะไอ้ป้อง ‘ของผม’ที่คนอื่นรับรู้ แน่ล่ะ ก็ศิลปินที่มีแฟนแล้วกับศิลปินที่ยังไม่มีแฟน ดีกรีความนิยมมันต่างกัน
คนละเรื่องนิครับ ผมเองก็โตมากพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่รับฟังเหตุผลจากไอ้ป้องมัน ซึ่งหลายๆครั้งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่ชอบที่ใครเข้ามาเกาะแกะกับมัน ยิ่งหลังมันเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเสือสิงกระทิงแรดแทบจะวิ่งถลาเข้าใส่มัน จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ผมไปเยี่ยมไอ้ป้องที่หอผมต้องช่วยมันจากการจะโดนผู้หญิงข่มขืนด้วยซ้ำ ดีว่าสิ่งที่เราเคยพูดกันว่าช่วยทำให้อุ่นใจเราทั้งคู่

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน

เราทั้งคู่ทำตามสิ่งที่ได้พูดไว้จริงๆ

เพราะงั้น....ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ป้องเลยเป็นเหมือนเดิมเสมอม......

ไม่ใช่แค่แฟนแต่มันคือคนรัก คนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน พ่อกับแม่เองก็ยินยอมตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในครั้งนั้น  จะว่าไปแล้วก็คิดถึงไอ้พวกนั้นแหะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง  ถึงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเหมือนตอนเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ทั้งผม ไอ้เฟรม และไอ้อู๋ ร่วมทั้งเพื่อนๆของไอ้ป้องก็ยังนัดเจอกันบ่อยๆ จะมีก็แต่สีเทียนที่ไม่ค่อยได้เจอ

ผมคิดว่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของสีเทียนนะ....

เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นของทุกคู่ใช่ว่าจะลงเอยเสมอไป สุดท้ายแล้วหนมปังก็ตัดสินใจยุติเรื่องราวทุกอย่างด้วยการหนีไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นและตัดการติดต่อสื่อสารทุกอย่างกับสีเทียน  ผมเหมือนเห็นตัวเองตอนช่วงที่ไอ้ป้องหายไปจากสีเทียน สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดคือหมอนั้นยังรอ ....

รอสักวันที่หนมปังจะให้อภัย....และกลับมาคืนดีกันอีกครั้งหนึ่ง

คล้ายๆเหมือนเพลงที่ผมเคยเขียนให้ไอ้ป้อง เรื่องราวชีวิตยังคงเดินต่อไปจริงๆ ตอนนี้ทั้งผมและไอ้ป้องเองก็อายุขึ้นหลักสองกันมานานแล้ว(ผมยังไม่แก่นะครับแค่โตขึ้นเฉยๆ....) เราทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยในปีการศึกษาเดียวกัน ก่อนไอ้ป้องจะโหมงานสร้างอนาคตเต็มตัว

และผมเอง....ที่ก็ทำงานมาได้นานแล้ว

หลังจากจบด้านการออกแบบภายในหรือมัณฑนากร ผมเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยการเข้าทำงานกับบริษัทเก่าของพ่อ ออกแบบห้องประชุม ห้องรับรองจากความคิดสร้างสรรค์หลายๆแบบ สำหรับตัวผมเองแล้วก็ต้องยอมรับว่าการทำอาชีพมัณฑนากรเป็นงานที่สนุก ท้าทาย และได้สร้างสรรค์สิ่งสวยงาม  ทำให้คนมีความสุข  แต่งานที่สนุกของผมเองก็ไม่ได้เป็นงานที่สบาย  ไม่ได้นั่งขีดเขียนออกแบบอยู่กับโต๊ะเหมือนที่หลายคนเข้าใจ  แถมยังต้องเสี่ยงต่อการโดนช่างหนีงาน   โดนลูกค้าเบี้ยว ไม่จ่ายเงิน   และอันตรายต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้เวลาลงพื้นที่หน้างาน  สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ที่ร่ำเรียนมาทางด้านการออกแบบและตกแต่งภายในผันตัวเองจากการทำอาชีพมัณฑนากรไปประกอบอาชีพอื่นก็มีมาก  แต่ก็มีเพื่อนร่วมอาชีพอีกมากมายที่ยังทำงานกันด้วยใจรัก  และสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานดำเนินลุล่วงตามเป้าหมายก็คือความซื่อสัตย์  อดทน  และคิดถึงใจเขาใจเรา นั้นเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเสมอมา

ไอ้ป้องเองก็ทำงานหนักไม่ต่างจากผมเลย นักร้องแบบมันต้องเดินสายโปรโมทอยู่แทบจะตลอดเวลา เวลากินเวลานอนไม่เคยมีหรอกครับ มีแค่ทำงานเสร็จก็ได้นอน ทำไม่เสร็จก็อดนอน

แต่ถึงจะยุ่งขนาดไหน มันก็มันจะหาเวลามาหาผมอยู่เสมอๆ

เหมือนวันนี้....

“ทำไรอยู่ครับ...หื้ม.... ?”

เสียงนุ่มๆดังขึ้นข้างหูผม ก่อนแขนคู่หนึ่งจะกอดมาจากด้านหลัง

“เรื่อยเปื่อย...วันนี้คุณกลับบ้านไวจัง”

เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ ไอ้ป้องส่ายหัวน้อยๆคล้ายจะชินกับนิสัยของผมแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้  มัน
เลือนตัวมาข้างหน้าก่อนจะนั่งซ้อนทับผมพร้อมกอดผมเอาไว้

“งอนอะไรป้องอีกเนี้ย”

“เปล่า”

“ให้ตาย....เรื่องน้องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ?”

“..........”

“เงียบแบบนี้แปลว่าใช่ ?”

“ก็...นิดหน่อย”


มันถอนกอดก่อนจะมองหน้าผม

“อะไรหว่า อยู่ด้วยกันมาเกือบๆจะขึ้นเลขสองหลักแล้ว ยังคิดว่าจะชอบคนอื่นได้อีกเหรอครับ ? หื้ม ?”

ไอ้ป้องพูดต่อ ก่อนสันจมูกจะกดลงบนแก้มของผม ตั้งแต่เรื่องงานวันเกิดเมื่อคราวก่อนนี้รู้สึกผมจะเสียเปรียบขึ้นเยอะแหะ

ก็วันนั้นผมเมานี้ครับแล้วใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างล่างมาตลอดจะอยากอยู่ข้างบนบ้างแบบมัน....โอเค ผมจะไม่เล่าไปมากกว่านี้(บอกตรงๆว่าอายเข้าใจความรู้สึกมันตอนครั้งแรกชะมัด..!!!!) เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งผมและมันเสมอกันในทุกเรื่องนั้นแหละครับ [ติดตามต่อได้ในต่อ งานวัดเกิดของป้อง... ครั้งแรกของการทำประตู]

“เอาไว้ว่างๆจะเปิดตัวกับสื่อ”

มันพูดหยอก

“ให้มันจริงเถอะ”

“จริงๆครับ”

ไอ้ป้องพูด ก่อนจะเอาหัวทรงรากไทรถูหน้าอกผมไปมา ผมใช้สองมือขยี้เส้นหัวมันแรงๆจนโดนวงค้อนโตๆขวับเข้าให้ ก่อนเราทั้ง
คู่จะหัวเราะออกมาด้วยความสุข

โดยที่ผมก็ไม่รู้เลยว่า

ความสุข....มันมีสองด้านเสมอ....

อะไรที่ทำให้เราสุขได้

มันก็ทำให้เราทุกข์จนแทบขาดใจตายได้เช่นเดี่ยวกัน.....




TBC.


เรื่องราวทุกอย่าง มันยังไม่ได้จบลงมันกำลังเดินไปตามทางของมันครับ   :กอด1:

สนใจสั่งจอง จิ้มๆ  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43584.msg2812998#msg2812998

Ps. อัพเดทรายชื่อคนจองหนังสือและคนที่โอนเงินมาเรียบร้อยแล้วนะครับ  :pig4:



หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-09-2014 18:33:22
ผลิกล็อก
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ใบโพธิ์ ที่ 20-09-2014 18:55:57
เกียร์น่ารักขึ้นนะ ออร่าฝ่ายรับฟุ้งกระจาย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-09-2014 19:51:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 21-09-2014 00:30:50
เปิดตัวเถอะ จะได้มีแฟนคลับสายวายเพิ่มขึ้น อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-09-2014 10:02:13
กระซิกๆ สุดท้ายเกียร์ก็โดน
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-09-2014 01:43:15
สนุกมากๆเลย ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 02-10-2014 21:12:29
ขอบคุณนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| _: Sp.01 เรื่องราวต่อจากนั้น [ครึ่งแรก] p.13 [20/09/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-10-2014 00:54:46
สนุกมากเลยครับผม,,,
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #24.5 ค่ำคืนแสนสุข... [20/07/57] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: live_evil ที่ 19-10-2014 16:44:57
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เนื่องในวันพิเศษของผม ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเรียกว่าแม่ยอมเจ็บตัวเพื่อให้ผมเกิดมา เพราะงั้นจึงขอแบ่งปันความสุขด้วยการแจก .5 จ้าาาา ซึ่งจุด5ตอนแรกก็ฉากต่อจากด้านบนเลย

หลังไมค์มานะครับ หรือคอมเม้นท์ทิ้งไว้หนอ เดี่ยวไม่เกินเย็นพรุ่งนี้จะเสิร์ฟ.5ไปทางPM.นะครับ สำหรับใครที่ไม่มีไอดีเ้ป็ดสามารถขอได้ผ่านแฟนเพจนะครับ

*** ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ รบกวนผู้ที่อยากไ้ด้0.5 ช่วยตอบเราหน่อยนะครับ ว่ามีฉากใดที่ประทับใจเป็นพิเศษพร้อมเหตุผลจะสั้นจะยาวก็ได้ครับ จะหน้าไมค์หรือหลังไมค์ตามสะดวกเลย [แก้ไข ณ 22.01น. คนที่ขอมาก่อนนั้นจะส่งให้ตามปกตินะครับ ]



ปล. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะนุ่มนวลพอไหม ถ้าอ่า่นแล้วยังไงลองคอมเม้นท์ในส่วนนี้ให้ด้วยนะึีครับ เราจะนำไปปรับปรุงในครั้งต่อไปจ้า (ครั้งต่อไป???)

สุขสันต์วันเกิดของผม ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆจ้า   :L2:




ขอ .5 ตอนนี้ทันไหมอ่ะ 55 พึ่งเข้ามาไล่อ่าน หลังจากที่หายไปนาน 555+
ถ้าถามว่าชอบตอนไหน ก็พูดยากนะ แต่ชอบตอนที่เกียร์แอบมองป้องอ่ะ มองทั้งๆที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร
มองแล้วก็คอยเป็นห่วงว่าเขากำลังทำอะไร เป็นอะไรหรือป่าว มันอบอุ่นดี 55
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| ____ อัพเดตเรื่องหนังสือครับ #ข่าวร้าย p.13 [04/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 04-11-2014 16:18:14

แจ้งข่าวสำหรับหนังสือนะครับ


มาถึงตรงนี้แล้ว เอาเป็นว่าขอเรียบเรียงเหตุการณ์ดังนี้แทนนะครับ

1.ต่างเปิดรับจองหนังสือมาประมาณเดือนครึ่ง โดยกำหนดการพิมพ์จริงๆแล้วมันต้องพิมพ์วันที่ 4 พ.ย. 2557 หลังจากปิดยอดล่าสุดแล้ว ณ วันที่1 พ.ย. ซึ่งสรุปแล้วมีคนจองหนังสิอ 25 คน โอนมาแล้ว ณ วันนี้ (4พ.ย.) 17คน อันนี้ต่างเองไม่ซีฯ เท่าไหร่
เท่านั้น เพราะพิมพ์ครั้งหนึ้งต้อง 20เล่ม+ ต่างคิดว่าจะทำอีกสามเล่มไว้เป็นผลงานประดับของตัวเองนี้แหละ

2.ต่างเช็คไฟล์บรู้ฟครั้งสุดท้ายหลังจากกลับมาจากงานวิจัยที่ภูเก็ต ณ  วันที่ 31 ต.ค. 2557 และยังพบว่าน้องไฟล์ในเครื่องโน้ตบุ้คยังอยุ่ดีมีสุข พร้อมที่จะพิมพ์ทันที่หลังจากรวมลิงค์หน้าปกจากรุ่นพี่ที่อาสาทำให้

3.  ณ วันที่ 1 พ.ย. ต่างตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าน้องไฟล์ซึ่งอยู่ในโน้ตบุ้ค...
.....เปิดไม่ติด

เปิดไม่ติดแบบยกเครื่อง...

เปิดไม่ติดแบบยกเครื่อง แบบที่เสียบแล้วไฟช็อต

เปิดไม่ติดแบบยกเครื่อง แบบที่เสียบแล้วไฟช็อต แล้วพอเอาไปซ่อมที่ศูนย์เขาก็บอกว่าซ่อมได้ แต่ข้อมูล = 0




 T T


.....


.
.

.

โอเค ตอนแรกยอมรับเลยว่ายังไม่เครียด เพราะตัวเองทำแบ็กอัพไว้ที่ไดรฟ์เมลล์ แต่พอลองกดเช้คเข้าไปดู กลับกลายเป็นไฟล์
เก่าที่เพิ่งจัดหน้าเสร็จแต่ยังไม่ได้ตรวจคำผิด....

.

มาถึงตรงนี้ต่างจะไม่แก้ตัวนะ มันเป็นความสะเพร่าของต่างเองที่ไม่ยอมทำการอัพเดทแบล็กอัพไว้ดีๆโดยหลงเชื่อแต่เพียงน้องบุ้คว่าจะเอาอยู่ ทำให้กำหนดการณ์ในการตีพิมพ์หนังสือล่าช้ามากยิ่งขึ้น จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าไม่เกิน 2อาทิตย์ของเดือนพ.ย.อาจจะเลือนไปถึงประมาณต้นเดือนธันวาคม หรือเร็วกว่านั้น เพราะตอนนี้ต่างเริ่มนั่งแก้ไฟล์งานใหม่ สิ่งที่ต้องทำให้ตอนนี้จึงมีเพียงแค่การตรวจคำผิดซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวต่างเอง



ดังนั้นต่างขอให้ผู้ที่สั่งจองหนังสือไว้แล้วได้โอนเงินมาแล้ว หากท่านใดที่ไม่สามารถรอได้จริงๆ ต่างยินดีโอนเงินคืนให้ครับ T T โดยส่งเมลล์ที่ใช้จองหรือจะรีเมลล์เดิมก็ได้ครับ ยืนความจำนงต์พร้อมเลขที่บัญญีนะครับ ขออภัยจริงๆสำหรับความผิดพลาดครั้งนี้ครับ ส่วนท่านใดที่รอได้ ต่างจะขอโทษด้วยการแถมของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆเป็นการตอบแทนไปพร้อมกับหนังสือนะครับ ขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้จริงๆครับ



ต่างต่าง  :hao5:
ผู้ทำผิดพลาดในการทำหนังสือครั้งแรก


04/11/57
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____|รัก| ____ อัพเดตเรื่องหนังสือครับ #ข่าวร้าย p.13 [04/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 25-11-2014 12:48:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-02-2015 19:13:35


ตอนพิเศษ เรื่องราวต่อจากนั้น... [2]




“ผมดีใจที่ได้เข้าศึกษาในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งมีเกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ๆซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม ถ้าหาก..... ”

เสียงร่ายยาวของไอ้ป้องดังขึ้นจากด้านหน้าผมก่อนผมจะยืนสัปหงกไปเรื่อยๆ

อ่า...แอร์ในหอประชุมเย็นจริงๆด้วยแหะ แล้วไอ้อู๋จะสกิดอะไรหนักหนาวะ คนจะ(ยืน)หลับจะนอน

“นาย ก้องเกียรติ์ ออกไปพูดเดี่ยวนี้!!!”

ผมสะดุ้งตัวพรวดก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าตามคำสั่ง ชิบ...มิสอร่ามศรี...มาตั้งแต่ตอนไหนวะ พอหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองไอ้อู๋ขยับปากอ่านได้ว่า ‘กูปลุกมึงแล้ว ไอ้สัส’ ผมแอบชูนิ้วกลางเมื่อเห็นรอยยิ้มขบขันจากมัน ไอ้เวร นี้จงใจแกล้งกูสินะ

“พูดสุทรพจย์จบให้เพื่อนๆฟังเดี่ยวนี้ !!!”

มิสอร่ามศรีสั่ง ก่อนจะผายมือให้ผมเดินไป แน่ล่ะว่าผมทำอะไรไมได้หรอกนอกจากจะเดินไปตามคำสั่งที่ว่า ไอ้ป้องเองแค่ขมวดคิ้วนิดหน่อยตอนที่เห็นผมเดินมา ก่อนมันจะยิ้มขำให้อีกคน..... ดูสิครับขนาดแฟนยังยิ้มขำผมอ๊ะ

“เออ....”

ผมพูดค้างก่อนจะกวาดตามองเพื่อนๆร่วมสายชั้นสี่ร้อยกว่าคน หลายๆคนเองผมก็รู้จัก บางคนแม้ไม่ได้เรียกห้องเดี่ยวกันแต่ก็เคยเดินสวนกัน ทุกๆคนอาจจะจำกันได้ไม่หมดแต่ก็รู้ว่าพวกเราเป็นพื่อนกัน

“ก่อนอื่น..ขอบอกก่อนว่าผมด้นสดเพราะโดนผลักมา...โอเคนะ”

คำพูดของผมเรียกเสียงหัวเราะให้เหล่าทโมนในห้องประชุมได้ไม่น้อย มิสอร่ามศรีค้อนขวับมาให้ผม ส่วนไอ้ป้องแอบหยิกต้นแขนผมเบาๆหลังไมค์โทษฐานที่เล่นกระทั้งวันจบการศึกษา

อ่า...ฟังไม่ผิดหรอกครับ

ผมกับมัน(รวมทั้งไอ้พวกทโมนทั้งหลาย)ทุกคนเรียนจบกันด้วยจริงๆแหะ.....

“ผมก็...ไม่รู้จะพูดยังไงดี.....”

ผมว่าต่อ ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆห้องประชุม

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นี้เป็นเหมือนบ้าน เหมือนที่ๆหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสุขใจทุกครั้งที่ได้อยู่ ผมได้เจอเพื่อน ไอ้เจออาจารย์ที่ดี ไอ้รับสิ่งที่ดีๆมากมายจากการศึกษาตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมา.....”

“ยิ่งผมโดนบังคับ...โอเค สมยอมเป็นเลขาธิการสภานักเรียนผมถึงได้รู้ว่าแฟนผมทำงานหนักมากขนาดไหน..โอ๊ย ป้องหยิกเกียร์ทำไมเนี้ย....โทษนะครับถึงไหนแล้วนะ...อ้อ”

ไอ้ป้องคาดโทษผมไว้ ก่อนมันจะฟังผมพูดต่อ

“ขอบคุณครับ......”

“ขอบคุณเพลินจิตวิทยา บ้านที่ทำให้ผมได้พบกับเพื่อน.....ขอบคุณมิสและบราเดอร์ทุกท่านที่เหนื่อยกับไอ้พวกทโมนอย่างพวกผม ขอบคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังงงๆเลยว่าตัวเองจบการศึกษาได้ยังไง ฮ่าๆ...โอ๊ย ป้องบอกว่ากอย่าหยิก”

ประโยคหลังผมลดเสียงพูดกับมัน ไอ้ป้องตวัดตามองผมอีกครั้งก่อนหน้ามันจะแปลความหมายได้ว่า ‘เลิกเล่น’

“โอเค...สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากเอาไว้”

“ไม่ว่าเราทุกคนจะเป็นยังไง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นแบบไหน เราทุกคนยังเป็นเพื่อนกัน....ผมสัญญาว่าถ้ามีโอกาสจะมาออกแบบภายในให้กับรุ่นน้องๆแน่นอน ฮ่าๆ ถ้าผมติดมหาลัยที่สมัครนะน่ะ”

เสียงโห่ฮาดังขึ้นจากด้านล่างอีกครั้ง ผมกับพวกคณะกรรมนักเรียนชุดนี้ทั้งหมดโค้งตัวพร้อมกัน ก่อนจะเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรอีกดีเพราะทุกอย่างเราทุกคนล้วนรับรู้กันด้วยใจแล้วนั้นเอง พวกเพื่อนผมทั้งหมดช่วยกันร้องเพลงมาร์ชของโรงเรียนเพลินจิตวิทยา ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกันไปให้เหล่ามิสและบราเดอร์ผูกข้อมือให้เป็นของขวัญวันจากลา

“จบจนได้เนาะ.....”

ผมพูดขึ้นเรียบๆหลังเราทั้งคู่ไปให้เซนเซผูกข้อมือให้เสร็จแล้ว

“แต่กว่าจะจบได้...เล่นเอาเหงื่อตกเลย...”

จริงอย่างที่ไอ้ป้องมันว่า ตลอดเวลาหนึ่งปีที่มันเป็นประธานนักเรียน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ทั้งตอนที่สาขาสองถูกไฟไหม้จนต้องมาเรียนกับพวกผมสักพักใหญ่ๆ หรือกระทั้งการที่โรงเรียนยกพวกตีกัน แน่นอนว่าพวกมือปราบยังทำงานได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ผมเองก็สอบติดรับตรงไปได้ด้วยดี ส่วนไอ้ป้อง....

....มีจดหมายเชิญเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมทุนการศึกษาเรียนฟรีสี่ปี

ให้ตายเหอะ โคตรลำเอียง....

“ไม่ดีเลยวะ แบบนี้แปลว่าช่วงที่ต้องไปเรียนกูกับมึงก็ต้องห่างกันอ๊ะดิ”

ผมว่า เพราะตัวเองดันทะลึ่งติดจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ป้องมัน...ครับ ผมติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่นี้ล่ะครับ ส่วนไอ้ป้องมันดันได้ทุนจากม.แห่งหนึ่งที่จังหวัดปทุมธานี เล่นเอาผมเซ็งเลย จะย้ายไปก็ดันไม่มีสาขาที่ผมต้องการจะเรียนอีก ไอ้ป้องเองก็ติดสัญญาค่ายเพลงทำให้ต้องเรียนที่นั้น

“เป็นไร ทำหน้าเศร้าอีกแหละ...กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย บินแปปๆก็ถึง”

มันว่าพลางดึงมือผมเอาไว้

“ไม่ไกล...แต่กลัวคนใกล้ทำให้ใจเปลี่ยน”

“ไม่ไหว”

“.......”

“เปลี่ยนไม่ไหวหรอก .... รักมากขนาดนี้”

มันว่าก่อนจะส่งรอยยิ้มซื่อๆให้ผม

“พูดงี้ไม่อยากนอนใช่ไหม ?”

“จะไม่รักก็แบบนี้แหละ หื่นตลอดกาล”

“พูดเล่นนะ คืนนี้ต้องไปกินเลี้ยงจบไม่ใช่เหรอ ?”

“เออวะ”

ไอ้ป้องทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดได้ นี้หมายความว่ามึงไมได้ดูเอกสารที่กูส่งไปให้เซ็นเลยสินะ แต่ถ้าผมเป็นมันผมเองก็คงได้แต่เซ็นเพราะมันเยอะจริงๆทำให้อดนึกไม่ได้ว่าไอ้พี่กาเซียร์มันทำได้ยังไงถึงจบออกไปพร้อมเกรดสวยๆแบบนั้น ก็ขนาดไอ้ป้องเกรดยังลดเลยอ๊ะครับ!!! (ส่วนผมแค่สามกว่าๆก็คางเหลืองแล้วครับT T )

“เกียร์”

“ห๊ะ ?”

“ไปตึกห้าชั้นสองกัน...”

มันพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบหรอกครับ เดินลิ่วไปนู้น จะทำยังไงล่ะครับก็ตามไปสิ ผมกับไอ้ป้องเดินลัดเลาะสนามยงยุทธก่อนจะเดินมาถึงอาคารห้า จริงๆผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันอยากขึ้นมาบนนี้ทำไม

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ....เรื่องของพวกเราเนี้ย.....”

มันเริ่มพูดขึ้นก่อน

“อื้ม...ก็จริงๆนั้นแหละ ไม่คิดเหมือนกัน....ว่าจะรักได้ขนาดนี้”

“ไปเชียงใหม่จะเป็นยังไงบ้างเนี้ย.....”

“ก็จะรักเหมือนเดิมนั้นแหละ...”

ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่หวง...มันเองก็ห่วงผมเหมือนกันนั้นแหละ

“ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน สัญญานะ......”

นิ้วก้อยยาวถูกส่งมาให้กับผม ก่อนมันจะคลี่ยิ้มออกมา ผมยิ้มตอบรับก่อนจะยืนนิ้วก้อยไปเกี่ยวไว้

“ตลอดไป.... เกียร์สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน แล้วจะรีบสร้างบ้านไวๆ”

ผมกอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นแค่การจากลาช่วงสั้นๆ เรายังไปมาหากันได้เสมอทุกครั้งที่คิดถึงกัน แต่เพราะความไกลไม่ใช่รึยังไงที่ทำให้ใครหลายคนเลิกราจากกัน ผมไม่อยากเลิกกับไอ้ป้องและไม่เคยแม้แต่จะคิด แน่นอนว่ามันเองก็คงคิดแบบเดี่ยวกับผมนั้นแหละ แต่เราทั้งคู่เองก็โตมากพอที่จะแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวและหน้าที่ออกไปได้ จริงอยู่ที่ว่าเรื่องครั้งนี้มันไม่ได้หนักหนาอะไรนัก เราแค่แยกย้ายกันไปเรียน

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เรื่องที่ทำให้เราแยกกัน ถ้าหากว่ามัน...เป็นความฝันของใครคนหนึ่ง

......ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

หลังจากวันนั้นผมกับไอ้ป้องใช้ช่วงระยะเวลาสามเดือนที่เหลืออยู่ในกรุงเทพฯทำสิ่งที่อยากจะทำด้วยกัน ผมพามันออกงานสเกตบอร์ดถี่ขึ้นมาก มันเองก็พาผมไปนู้นไปนี้บ่อยๆ เราทั้งคู่ยังไปเยี่ยมน้องร่าเริงเป็นประจำ และทุกๆครั้งที่ไปก็จะเจอพี่หมอที่มาเยี่ยมเหมือนๆกัน

พี่หมอบอกผมกับไอ้ป้องว่า พี่เขาไม่ได้เลือกที่จะจมกับอดีต

เขาแค่เลือกที่จะไม่ลืม.....

วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ระยะเวลาสามเดือนของเราหมดลงไป ผมนั่งมองพวงกุญแจรูปปลาตัวโตๆที่ใครคนหนึ่งซื้อให้เป็นเครื่องรางบนรถไฟ วิวสองข้างทางไม่ได้ชวนให้ผมรู้สึกอยากมองเท่าไหร่เลย จริงอยู่ที่เชียงใหม่อากาศมันก็ดี แต่มันจะดีกว่านั้นถ้าหากมีคนๆนั้นข้างๆกัน

ให้ตายเหอะ ผมติดมันมากจริงๆนั้นแหละ

แล้วปานี้มันจะเป็นยังไงนะ ? มันจะคิดถึงผมแบบที่ผมคิดถึงมันรึเปล่า ? แล้วที่มหาวิทยาลัยของมันจะมีการรับน้องแบบไหน ไอ้ป้องจะเข้ากับคนที่คณะนั้นได้ไหม ? มันจะยังมีเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษามันใช่ไหมนะ ?

ผมครุ่นคิดไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางก็ค่อยๆเปลี่ยนไป รู้สึกตัวอีกที่มือถือก็สั่นเป็นสัญญาณว่ามีใครส่งไลน์มา ผมหยิบขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะสไลด์ดูข้อความที่ส่งมา

‘ปกป้อง : วันนี้รับน้องหนุกมาก’

ไอ้ป้องส่งข้อความสั้นๆ พร้อมรูปมันในชุดนิสิตชายที่โดนมันจุก รอบๆตาโดนเขียนด้วยลิปสติกสีแดง รวมๆแล้วทั้งหน้าใช้คำว่าเละก็คงยังไม่พอแบล็กกราวด้านหลังคือเพื่อนผู้ชายสามสี่คน ผมหลุดขำทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวก่อนจะยิ้มร่าตอบกลับมันไป

‘ไว้ถึงเชียงใหม่แล้วจะส่งรูปให้ดูอีกรอบ’

ผมกดส่งภาพตัวเองจุ๊บพวงกุญแจรูปปลาส่งกลับไปให้มัน ข้อความของผมขึ้นว่า ‘seen’ เป็นว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความของผมเรียบร้อยแล้ว มันกดส่งสติกเกอร์ยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้น ก่อนจะเงียบหายไป ผมยิ้มให้กับตัวเองหน่อยๆ

จริงสินะ.....ไอ้ป้องเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว มันเองก็มีเพื่อนเยอะแยะ

นับว่าเราทั้งคู่ เปลี่ยนแปลงขึ้นจากเดิมมากจริงๆ.....

ผมพิงผนังรถไฟก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไป หวนคิดถึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ทำให้เรามีเราในวันนี้ สี่ปีข้างหน้าอนาคตที่กำลังจะสร้างมันขึ้นมา ผมปรารถนาให้มันเป็นไปได้ดั่งใจเหลือเกิน.....

 

 

 

 

“และนี้คือกองทัพคาราวานแฟนคลับที่มาคอยคิวซื่อบัตรคอนเสิร์ตนะค่ะ เดียวเราเข้าไปถามพวกเขากันดีกว่าว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง”

นักข่าวสาวในทีวีพูดขึ้นก่อนจะยื่นไมค์ไปให้เหล่าแฟนคลับที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเข้าแถวพูดออกอากาศ

“มาจากที่ไหนกันบ้างค่ะ ?”

“น่านค่ะแล้วก็เพื่อนอีกสองคนมาจากแพร่ นั่งๆรถกันมาค่ะ”

สาวน้อยคนนั้นตอบยิ้มๆ ก่อนจะพากันบิดเขินอายเมื่อกล้องฉายไปที่เสื้อของหล่อนซึ่งเป็นรูปของศิลปินชื่อดังเจ้าของบัตรคอนเสิร์ตในวันนี้

“เป็นแฟนคลับ ‘อามัว’ มานานรึยังค่ะเนี้ย ?”

หล่อนพูดต่อก่อนจะยื่นไมค์ให้อีกครั้งหนึ่ง เด็กสาวทั้งกลุ่มบิดไปบิดมาก่อนจะตอบด้วยท่าที่เหนียมอาย

“นานแล้วค่ะพี่ ตั้งแต่สมัยที่อามัวยังไม่เปิดเผยตัวตนค่ะ จนถึงตอนนี้ก็เกือบๆห้าหกปีแล้วที่ติดตามผลงานมา พี่เขาน่ารักค่ะ แล้วก็...ยังโสดค่ะ”

คำพูดนั้นเรียกเสียงกรี๊ดได้จากทั้งกลุ่มพ้องเพื่อนและคนที่อยู่ใกล้เคียง นักข่าวสาวอมยิ้มก่อนจะถามต่อ

“ถ้าบอกถึงอามัวได้อยากจะบอกว่าอะไรค่ะ ?”

หล่อนทำท่านึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า..จนผมเริ่มหมั้นไส้

“อยากจะบอกพี่อามัวว่า หนูไปคอนฯพี่ทุกครั้งเลย ก็ถ้าไม่มีปัญหาอะไร....หนูขอเป็นแฟนคลับวีไอพีได้ไห....”

‘พรึ่บ’

ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคผมก็กดรีโมทในมือให้ดับลงก่อนจะยกขามาพาดไว้กับโต๊ะแก้วที่ไว้วางของด้านหน้า ให้ตายเหอะ รู้สึกไม่สบอารมณ์ชะมัด....

ยังโสด...

ใช่ ....นั้นคือสถานะไอ้ป้อง ‘ของผม’ ที่คนอื่นรับรู้ แน่ล่ะ... ก็ศิลปินที่มีแฟนแล้วกับศิลปินที่ยังไม่มีแฟน ดีกรีความนิยมมันต่างกันคนละเรื่องนิครับ ผมเองก็โตมากพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่รับฟังเหตุผลจากไอ้ป้องมัน ซึ่งหลายๆครั้งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่ชอบที่ใครเข้ามาเกาะแกะกับมัน ยิ่งหลังมันเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเสือสิงกระทิงแรดแทบจะวิ่งถลาเข้าใส่มัน จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ผมไปเยี่ยมไอ้ป้องที่หอ ผมต้องช่วยมันจากการจะโดนผู้หญิงข่มขืนด้วยซ้ำ ดีว่าสิ่งที่เราเคยพูดกันว่าช่วยทำให้อุ่นใจเราทั้งคู่

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งวันเราจะได้เจอกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเราจะได้สไกด์คุยกัน

ถ้าเรามีเวลาหนึ่งนาทีเราจะโทร.หากัน

เราทั้งคู่ทำตามสิ่งที่ได้พูดไว้จริงๆ

เพราะงั้น....ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ป้องเลยเป็นเหมือนเดิมเสมอ......

ไม่ใช่แค่แฟนแต่มันคือคนรัก คนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน พ่อกับแม่เองก็ยินยอมตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในครั้งนั้น จะว่าไปแล้วก็คิดถึงไอ้พวกนั้นแหะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ถึงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเหมือนตอนเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ทั้งผม ไอ้เฟรม และไอ้อู๋ ร่วมทั้งเพื่อนๆของไอ้ป้องก็ยังนัดเจอกันบ่อยๆ จะมีก็แต่สีเทียนที่ไม่ค่อยได้เจอ

ผมคิดว่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของสีเทียนนะ....

เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นของทุกคู่ใช่ว่าจะลงเอยเสมอไป สุดท้ายแล้วหนมปังก็ตัดสินใจยุติเรื่องราวทุกอย่างด้วยการหนีไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นและตัดการติดต่อสื่อสารทุกอย่างกับสีเทียน ผมเหมือนเห็นตัวเองตอนช่วงที่ไอ้ป้องหายไปจากสีเทียน สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดคือหมอนั้นยังรอ ....

รอสักวันที่หนมปังจะให้อภัย....และกลับมาคืนดีกันอีกครั้งหนึ่ง

คล้ายๆเหมือนเพลงที่ผมเคยเขียนให้ไอ้ป้อง เรื่องราวชีวิตยังคงเดินต่อไปจริงๆ ตอนนี้ทั้งผมและไอ้ป้องเองก็อายุขึ้นหลักสองกันมานานแล้ว(ผมยังไม่แก่นะครับแค่โตขึ้นเฉยๆ....) เราทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยในปีการศึกษาเดียวกัน ก่อนไอ้ป้องจะโหมงานสร้างอนาคตเต็มตัว

และผมเอง....ที่ก็ทำงานมาได้นานแล้ว(ใครจะปล่อยให้ภรรยาสร้างบ้านคนเดียวครับแหม....)

หลังจากจบด้านการออกแบบภายในหรือมัณฑนากร ผมเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยการเข้าทำงานกับบริษัทเก่าของพ่อ ออกแบบห้องประชุม ห้องรับรองจากความคิดสร้างสรรค์หลายๆแบบ สำหรับตัวผมเองแล้วก็ต้องยอมรับว่าการทำอาชีพมัณฑนากรเป็นงานที่สนุก ท้าทาย และได้สร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ทำให้คนมีความสุข แต่งานที่สนุกของผมเองก็ไม่ได้เป็นงานที่สบาย ไม่ได้นั่งขีดเขียนออกแบบอยู่กับโต๊ะเหมือนที่หลายคนเข้าใจ แถมยังต้องเสี่ยงต่อการโดนช่างหนีงาน โดนลูกค้าเบี้ยว ไม่จ่ายเงิน และอันตรายต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้เวลาลงพื้นที่หน้างาน สิ่งเหล่านี้ทำให้เพื่อนๆของผมที่เรียนมาทางด้านการออกแบบและตกแต่งภายในผันตัวเองจากการทำอาชีพมัณฑนากรไปประกอบอาชีพอื่นก็มีมาก แต่ก็มีเพื่อนร่วมอาชีพอีกมากมายที่ยังทำงานกันด้วยใจรัก และสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานดำเนินลุล่วงตามเป้าหมายก็คือความซื่อสัตย์ อดทน และคิดถึงใจเขาใจเรา นั้นเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเสมอมา

ไอ้ป้องเองก็ทำงานหนักไม่ต่างจากผมเลย นักร้องแบบมันต้องเดินสายโปรโมทอยู่แทบจะตลอดเวลา เวลากินเวลานอนไม่เคยมีหรอกครับ มีแค่ทำงานเสร็จก็ได้นอน ทำไม่เสร็จก็อดนอน

แต่ถึงจะยุ่งขนาดไหน มันก็มันจะหาเวลามาหาผมอยู่เสมอๆ

เหมือนวันนี้....

“ทำไรอยู่ครับ...หื้ม.... ?”

เสียงนุ่มๆดังขึ้นข้างหูผม ก่อนแขนคู่หนึ่งจะกอดมาจากด้านหลัง

“เรื่อยเปื่อย...วันนี้คุณกลับบ้านไวจัง”

เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ ไอ้ป้องส่ายหัวน้อยๆคล้ายจะชินกับนิสัยของผมแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ มันเลื่อนตัวมาข้างหน้าก่อนจะนั่งซ้อนทับผมพร้อมกอดผมเอาไว้

“งอนอะไรป้องอีกเนี้ย”

“เปล่า”

“ให้ตาย....เรื่องน้องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ?”

“..........”

“เงียบแบบนี้แปลว่าใช่ ?”

“ก็...นิดหน่อย”

มันถอนกอดก่อนจะมองหน้าผม

“อะไรหว่า อยู่ด้วยกันมาเกือบๆจะขึ้นเลขหลักสามแล้ว ยังคิดว่าจะชอบคนอื่นได้อีกเหรอครับ ? หื้ม ?”

ไอ้ป้องพูดต่อ ก่อนสันจมูกจะกดลงบนแก้มของผม ตั้งแต่เรื่องงานวันเกิดเมื่อคราวก่อนนี้รู้สึกผมจะเสียเปรียบขึ้นเยอะแหะ

ก็วันนั้นผมเมานี้ครับแล้วใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างล่างมาตลอดจะอยากอยู่ข้างบนบ้างแบบมัน....โอเค ผมจะไม่เล่าไปมากกว่านี้(บอกตรงๆว่าอายเข้าใจความรู้สึกมันตอนครั้งแรกชะมัด..!!!!) เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งผมและมันเสมอกันในทุกเรื่องนั้นแหละครับ

“เอาไว้ว่างๆจะเปิดตัวกับสื่อ”

มันพูดหยอก

“ให้มันจริงเถอะ”

“จริงๆครับ”

ไอ้ป้องพูด ก่อนจะเอาหัวทรงรากไทรถูหน้าอกผมไปมา ผมใช้สองมือขยี้เส้นหัวมันแรงๆจนโดนวงค้อนโตๆขวับเข้าให้ ก่อนเราทั้งคู่จะหัวเราะออกมาด้วยความสุข

โดยที่ผมก็ไม่รู้เลยว่า

ความสุข....มันมีสองด้านเสมอ....

อะไรที่ทำให้เราสุขได้

....มันก็ทำให้เราทุกข์จนแทบขาดใจตายได้เช่นเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-02-2015 19:15:25

ผมนอนเกยขาขึ้นในระดับตัวของไอ้ป้อง เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของมันบอกผมได้ว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท

ผมนอนไม่หลับ...

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มแฟนคลับของ'อามัว'ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อและไม่บ่อยนักที่ตัวผมเองจะ'รู้สึก'แบบนี้ ผมมีป้อง อยู่กับมันมากกว่าใครๆ ผมควรจะมีความสุขดีไม่ใช่เหรอ ? แล้วทำไมผมกลับรู้สึกว่าภาพของมันที่นอนข้างๆผมเริ่มเลือนลางลงไปทุกที่ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่มันขึ้นเวทีจนถึงตอนนี้ผมเห็นแก่ตัวมากไปไหมนะ ?

แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าด้านนอกส่องให้ผมเห็นหน้าของไอ้ป้องรางๆ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีใบหน้าของมันจะยังคงยิ้มตลอดเวลาทั้งตอนหลับและตอนตื่น ตากลมโตทั้งสองข้างของมัน คิ้วของมัน ริมฝีปากนั้นอีก ผมยกมือขึ้นมาค่อยๆลูบใบหน้าที่ยังหลับสนิท มันจะรู้สึกเหมือนผมไหมนะ มันจะกลัวเหมือนกันไหม...

ผมกลัว

ผมกลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเรื่องของเรามันไม่ใช่แค่เรื่องของเรา

ผมกลัววันนั้นจริงๆ

วันที่ป้องต้องเลือกระหว่างผมกับความฝัน วันที่ความเป็นจริงจำทำร้ายพวกเราทั้งคู่จนเจียนตาย วันที่อะไรหลายๆอย่างบังคับให้มันต้องเลือก ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ...

จริงๆแล้วผมก็เคยคุยกับมันเรื่องนี้ เรื่องอนาคตของมัน ถ้าวันที่มันต้องเลือกมาถึง


"สัญญากับกูนะป้อง......"
"อะไรวะ...."
"ถ้าชีวิต...ถึงจุดที่ต้องเลือกจริงๆระหว่างกูกับความฝัน......ถ้าถึงวันนั้น....."
"..................."
"มึงเดินออกไปจากชีวิตกูได้เลย...."


แทนคำตอบรับหรือปฏิเสธ มันตบหัวผมเบาๆหนึ่งที่แล้วพูดต่อ

"อย่ามาพระเอก มึงไม่ใช่เจ้าชายในนิยาย กูไม่ใช่เจ้าหญิงของใคร และเรื่องของเรามันจะไม่มีวันจบลงตราบใดที่มึงยังคงเชื่อ
ในตัวของกู ดีเท่าไหร่แล้วที่กูไม่เตะมึง มึงว่าที่ผ่านมานั้นคือกูไม่จริงจังเหรอเกียร์ ?"


กู....อยากอยู่ข้างๆมึงนะป้อง

แต่ถ้าการมีอยู่ข้างๆกันแล้วมันทำลายทุกอย่างลง

กูขอเดินจากไปนะป้อง..

"กาแฟสักแก้วไหมครับพี่เกียร์ ?"

เสียงไอ้อ๊อฟรุ่นน้องในออฟฟิศของผมพูดขึ้น มันคงถามหลังเห็นท่าที่โคตรสัปหงกของผม

"ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาครับ"

มันว่าก่อนมือจะหมุนช้อนไปด้วย แล้วค่อยยกมาวางตรงหน้าผม

"กลุ้มใจนิดหน่อยวะ"

"กลุ้มใจ ?"

"เออ"

"เรื่องไรครับเฮีย เล่าให้ผมฟังได้นะ"


ผมหันไปมองใบหน้ากระล่อนๆของมัน ตาสองข้างประกายแวววาถึงความเจ้าเล่ห์ในแบบที่ใครก็เลียนแบบมันไม่ได้ ถึงจะเป็น

แบบนี้แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นคนที่เอาจริงเอาจังคนหนึ่งกับชีวิต เวลามีปัญหาโปรเจคที่ไรผมก็ค่อนข้างจะซักถามเอาไอเดียจากมัน
เรียกได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้

"อ๊อฟ...สมมุติมึงมีแฟน แล้วเกิดแฟนมึงบอกใครไม่ได้ว่ามึงเป็นแฟนเขา หรือหนักไปกว่านั้นคือมีคนมาจีบแฟนมึงแต่มึงทำอะไร
ไม่ได้เลย มึงจะทำยังไงว่ะ ?"

รอยยิ้มมุมปากมันหายไป แววตาทั้งสองข้างจ้องมองเข้ามาที่ผม

"ผมจะ......"

"จะ......"

มันยื่นหน้าเขามาใกล้ๆก่อนจะพูดให้ผมฟังว่า...

"ไม่ทำอะไรเลยครับเฮีย"


ถ้าไม่ติดว่าหน้ามันจริงจังผมคงจะโบกหัวเกรียนๆของมันให้ลั่นสักที่เป็นการตบทิป โอเคกูจะให้โอกาสมึงอธิบาย

"ยังไง ?"


"ก็แล้วทำไมเราต้องไปทำอะไรด้วยล่ะครับ ในเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่า'แฟน'หมายความว่าเฮียเลือกแล้วที่จะเชื่อใจเขาเลือกแล้วว่าจะมี


ความสุขไปพร้อมๆกัน เลือกแล้วว่าไม่ว่าจะเจออะไรก็ยังยืนยันว่าจะไปด้วยกันต่อ....."

"........."

"เพราะงั้น....ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ขอแค่ยังมีใจให้กัน ขอแค่ยังเหมือนเดิม ยังไงซะสักวันถ้าแฟนเฮียพร้อมเดียวเขาก็คง
บอกทุกคนเองนั้นแหละครับ"

"อื้มก็คงงั้น......เห้ย!!!"


ผมหลุดสบถเบาๆเหมือนรอยยิ้มเจ้าเลห์ของมันปรากฏออกมาอีกครั้ง

เชรี้ย…

...ผมหลุดปาก

"ผมไม่แปลกใจหรอก ก็ว่าอยู่ว่าทำไมคุณอรถึงไม่ได้งาบเฮียสักที่ ที่แท้ก็มีอยู่แล้วนี้เอง...."

มันพูดเรียบๆพาดพิงบุคคลที่สาม

"งาบเงิบอะไรพูดจาหน้าเกลียด คุณอรเขาเป็นลูกค้าใหญ่เรานะแล้วก็เป็นผู้หญิงด้วย"


ผมเตือนมันเบาๆก่อนจะเฉเฉไปที่แบบแปลนบ้านต่อ มือสองข้างยกขึ้นเกาหัวเบาๆ

"จ้าาาา ไม่อยากกินเฮียหรอก แค่มาเช้ามาเย็น มาคอยดูแลเอาออกเอาใจ คอยซื้อขนมมาฝาก ไปเที่ยวเมืองนอกก็หอบข้าวของ

มาให้เฮียใช้...ชิชะ ที่แท้ก็มีแฟนแล้วนี้เอง"

ไอ้อ๊อฟพูดล้อเลียนผม ก่อนจะรีบเผ่นกลับโต๊ะไปเพราะกลัวจะโดนทรีน แมร่งพูดซะตัวผมเองเห็นภาพเลย ผมส่ายหน้าเบาๆก่อน
จะเบนสายตาไปมองที่ริสแบนด์ตรงข้อมือซ้าย


ริสแบนด์ของผม....

...ริสแบนด์ที่ทำให้ใครบางคนเกือบจะจากผมไปตลอดกาล

ผมยกมือลูบมันขึ้นเบาๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองใส่มันมานานมากขนาดไหน แต่ที่นี้ๆทั้งของผมและของไอ้ป้องไม่เคยมีสัก
ครั้งที่เราจะถอดมันออกห่างจากตัว ผมยังจำได้เสมอถึงวันที่มันและผมรับปริญญา จำได้เสมอถึงวันที่ทุกคนเห็นผมกับมันยิ้มให้กัน
และไม่คิดอะไร เพราะพ่อแม่ของเรา รวมทั้งการแสดงออก หรืออะไรหลายๆอย่าง ถ้าจะนับกันจริงๆแล้วในชีวิตของไอ้ป้องกับผมมี
คนนอกรู้เรื่องของเราไม่กี่คนด้วยซ้ำ ผมยังเคยคิดเล่นๆเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดคนอื่นไปตลอดชีวิต ไอ้ป้องเองมันก็บอกกับ
ผมว่ามันไม่ได้เลือกที่จะโกหกใคร แค่ไม่ได้บอกก็เท่านั้นเอง

‘ครืนนนน’

เสียงริงโทนโทรศัพท์ของผมดังขึ้นก่อนหน้าจอจะแสดงชื่อของคนที่โทร.เข้ามา ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ พี่นานา”

‘ไหว้พระครับ’

เสียงพี่นานายังคงตอบกลับมาสั้นๆห้วนๆเหมือนวันแรกที่ผมกับไอ้ป้องเจอพี่เขาจนกระทั้งวันนี้

พี่นานาหรือที่รู้จักกันในชื่อ นานาเอเจนซี่ คือผู้จัดการส่วนตัวของไอ้ป้องครับ คือจะว่ายังไงดีล่ะ จริงๆนานาอายุน้อยกว่าผมหรือไอ้
ป้องอีกนะ แต่สาเหตุที่ผมกับไอ้ป้องเรียกพี่ก็อาจจะเพราะประสบการณ์ตรงนี้หรือกระทั้งบุคลลิคส่วนตัวของพี่เขา พี่นานาเริ่ม
ทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบสามจนกระทั้งตอนนี้ครับแรกเริ่มเดิมทีทางบริษัทต้นสังกัดของเจ้าป้องเองก็ส่งผู้จัดการส่วนตัวมาให้นั้นแหละครับ เพียงแต่ว่าทัศนคติและอะไรหลายๆอย่างไม่ถูกโฉลกกับเจ้าป้อง สิ่งที่ดูจะทำให้มันปรี๊ดที่สุดคือการที่
บังคับมันล่ะมั้งครับ แต่กับนานานี้คนละเรื่องเลย

เวลาทำงานนานาจะมีอีกอารมณ์หนึ่งที่โตมากๆจนผมกับไอ้ป้องกลัว แต่เวลาอยู่ด้วยกันแล้วในฐานะเพื่อนจะไม่แม้แต่รู้สึกอึดอัด....

นานาเป็นทุกๆอย่างให้กับไอ้ป้องได้ยกเว้นแฟน(นานาเป็นคนพูดประโยคนี้เอง) ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป้องไปรู้จักกันได้อย่าง
ไงกับนานา แต่จากทัศนคติต่างๆผมเคยได้สัมผัสมากับตัวก็คงจะยืนยันได้ว่า คนๆนี้แหละที่จะดูแลไอ้ป้องได้ดีพอๆกับผม นานา
เคยพูดกับผมและไอ้ป้องไว้ว่า คนเป็นผู้จัดการดาราหรือศิลปินต้องเป็นทุกอย่างของกันและกัน เป็นพี่ไว้คอยเตือน เป็นครูไว้คอยสอน เป็นน้องไว้คอยอ้อน หรือเป็นกระทั้งเพื่อนที่อยู่ข้างข้างกัน คุณสมบัติเหล่านั้น นานาสอบผ่านครับ

‘เกียร์...ผมมีเรื่องจะบอก’

พี่นานาพูดบอกผมด้วยน้ำเสียงหนักๆ ปลายปากกาในมือผมหลุดออกดดยอัติโนมัติ ผมหันซ้ายแลขวาก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป
ที่ระเบียงออฟฟิศพร้อมกดเลือนประตูกระจกปิดสนิท

“ไอ้ป้องเป็นอะไรรึเปล่าครับพี่....”

อย่างที่ผมเคยเกริ่นไป คนที่รู้เรื่องผมกับไอ้ป้องมีน้อยมากๆ พี่นานาเองเป็นหนึ่งในนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไง แต่แกรู้แล้วก็
เฉยๆ ไม่พูดต่อ ไม่กวนใจ ไม่ถามให้มากความ คำเดียวที่พูดออกมาคือ ‘อื้ม’ แล้วทุกๆอย่างก็เหมือนเดิม ยกเว้นแต่เวลามีงานอะไรใหญ่ๆพี่เขาก็จะคอยหาบัตรงานมาให้ผมไปดูเจ้าป้องได้ ว่าง่ายๆคือช่วยให้ผมสวีทกับมันได้อย่างสบายใจนั้นแหละครับ แรกๆก็เขิน หลังๆมานี้ผมอ้อนกันต่อหน้า นานาก็ยังเฉยๆ(สีหน้าตายด้านมากจริงๆ....)

‘มีคนเอาข่าวเกียร์กับเจ้าป้องไปลงในเวปทันพิป ภายในกระทู้ค่อนข้างแรงและมีเนื้อหาไปในทางที่เสื่อมเสียมากๆ สำคัญที่สุดคือมีประเด็นเรื่องของเกียร์กับป้องด้วย ตอนนี้ผมกำลังแจ้งทางเวปในช่วยลบแต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน สำคัญสุดคือทำไมสื่อถึงรู้เรื่องนี้ได้เร็วขนาดนี้ทั้งๆที่ผมเองก็แอบๆ‘จัดการ’ไปแล้วพอสมควร เรื่องสุดท้ายนี้แหละที่ผมหนักใจ
เพราะรอบนี้เล่นหนัก’

ผมยืนชะงักไปเสียววินาทีก่อนจะเอานิ้วเคาะกระจกไปเรื่อยๆ ปากก็เม้นติดกันสนิท

วันที่ผมกลัว...มันจะมาเร็วเกินไปไหมนะ ?

“ตอนนี้ไอ้ป้องเป็นไงมั้งครับ”

‘ผู้ใหญ่เรียกเข้าไปคุยอยู่ ผมเองก็กำลังเครียดๆนิดหน่อย ฮ่าๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ร้ายแรงอะไรมาก...’

“พี่นานา...”

‘ครับ ?.....’

“ยังจำได้ใช่ไหมครับ เรื่องที่ผมขอให้พี่รับปาก ? เรื่องที่เราคุยกันตอนนั้น.....”

‘…………….’

ผมเงียบ ปลายสายเงียบ พวกเราทั้งคู่ปล่อยให้ความคิดย้อนนึกกลับไปในวันนั้น วันที่ผมได้คุยกับนานาครั้งแรก ผมพูดเล่าเรื่อง
ทั้งหมดพร้อมทั้งการให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบดูแลไอ้ป้องให้ดีที่สุด ในวันที่ผมไม่อยู่ พี่นานายิ้มแค่นๆก่อนจะโชว์นิ้วกลางให้ผมเป็นของขวัญการพบกัน แล้วพูดเพียงว่า

‘ผมเป็นผู้จัดการดารา ดูแลได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องหัวใจ อย่าโยนภาระมาให้ผมครับ จะดูแลให้แต่คุณก็ต้องช่วยผมดูแลเขาด้วย’
นั้นแหละครับการเจอกันครั้งแรกของผมกับนานา คนตรงขนาดไหนคิดดูเถอะ...

“ถ้ามันที่สุดจริงๆก็ตามที่ว่ากันเลยครับ....ผมพร้อมนะ”

‘แต่ผมไม่พร้อม....’

ปลายสายขึ้นเสียงทุกครั้งที่กำลังจะดุอะไรสักอย่างแก่ผม

‘ผมเคยบอกไปแล้วนะ ผมเบื่ออะไรที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ จำได้ไหมว่าผมบอกว่าจะบอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นและจะช่วยพวกคุณทั้งสอง
คนแก้ปัญหา ถ้าไม่มีทางแก้ก็สร้างมันขึ้นมา อะไรไม่มีก็สร้างมันขึ้นมาดิ แล้วอย่าไปพูดว่าจะไปจากมันให้ผมได้ยินอีก ไอ้ป้องเป็น
เหมือนน้องของผมคนหนึ่ง ถ้าคุณไป คุณนั้นแหละจะเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ...’

ผมทรุดตัวลงหลังพิงบานกระจก

ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้ามันใหญ่ในระดับหนึ่ง พี่นานาจะโทร.มาบอกผมเหมือนๆครั้งนี้ สาเหตุที่บอกคือเพื่อที่จะรับรู้ปัญหาและหาวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรหรือทำไม แต่ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของพี่นานาคือการ
ตัดสินใจที่ดีที่สุด

.....แต่ผมเหนื่อย

ผมรักไอ้ป้อง แต่ทุกๆครั้งเองผมก็เหนื่อยเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-02-2015 19:18:03

ผมเหนื่อยที่ต้องคอยบอกใครๆว่าเราเป็นพี่น้องกัน ผมเบื่อที่ผมต้องแอบๆซ่อนๆขนาดม่านกระจกยังต้องปิดลง ผมเบื่อที่เราไม่ได้ไปเที่ยวกันแค่สองต่อสองแต่ต้องยกโขยงไปเพื่อให้ไม่ผิดสังเกตุ ผมเบื่อที่ผมไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้ ผมอึดอัด และทุกๆครั้งมันรวมกันไปหมด แต่แน่ล่ะ ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่เครียด ทุกๆครั้งเองไอ้ป้องมันก็รับรู้ปัญหาและบอกผมว่าอยากให้ผมอดทน มันรักผม มันเข้าใจผม

แต่ผมแทบจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ....

“ผมเหนื่อยวะพี่....”

‘……………’

“ตั้งแต่วันที่มันเซ็นสัญญาจนถึงวันนี้...ผมเหนื่อยมากจริงๆพี่นานา”

‘ใจเย็นๆนะ’

ผมยกมือขึ้นมาเอามืกเสยเส้นผมขึ้นไป ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าจนอยากหลับตาลง

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่ผมตกหลุมรัก จนถึงวันนี้ก็ยังรัก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ข้างๆกันกับมัน แต่ผมเองก็รู้สึก
เหนื่อยที่ไม่สามารถบอกใครๆได้ว่าเราเป็นอะไรกัน ผมรู้ ผมเข้าใจ ผมไม่ได้อยากเรียกร้องอะไร แต่ในความรู้สึกจริงๆมันไม่ใช่พี่ ผมอยากทำอะไรได้แบบคนอื่นบ้าง อยากบอกใครๆว่าเราเป็นอะไร อยากยืนข้างๆมันโดยที่มันไม่ต้องโดนใครว่า ทำไมว่ะพี่ คนรักกันทำไมถึงบอกคนอื่นไม่ได้.....”

‘เกียร์.....’

น้ำเสียงจากปลายสายที่เปลี่ยนไปทำให้ผมสะดุ้งยันตัวลุกขึ้นมา

“ป้อง.....เหรอ”

‘……….’

“...............”

‘ขอโทษ........’

ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้ยินปลายสายสะอื้นต่อเบาๆ ผมเม้มปากแน่นมองนาฬิกาก่อนจะถามปลายสายไปรัวๆ

“ป้องอยู่ที่ไหน ตอนนี้กลับบ้านได้รึยัง ?”

‘เดียวพี่พากลับไปส่งให้เจอกันที่บ้านนะ ไม่เป็นไรนะพวกมึง’

กลายเป็นเสียงพี่นานาที่ตอบกลับมาแทน ผมพยักหน้ารัวๆกับตัวเองในกระจกเงาเพราะพอคิดออกว่ามันจะทำหน้ายังไง ยิ่งเรารัก
กันมากขนาดไหนความรู้สึกมันยิ่งแคร์กันลึกมากเท่านั้น

“พี่กลับบ้านก่อนนะ ถ้าคุณอรเข้ามาเรื่องงานหรือใดๆฝากรับหน้าแทนด้วย ดูแลเขาดีๆนะ”

ไอ้อ๊อฟยกมือทำท่ารับทราบก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วชูนิ้วโป้งมาแทนคำตอบ

“สตินะพี่นะ”

นั้นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนจะเดินออกมาจากในห้องทำงาน....

ผมขับรถด้วยความเร็วที่บอกไม่ถูกว่าช้าหรือเร็ว อาจจะเพราะผมเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วทำให้ใจร้อนแบบเมื่อก่อนไม่ได้ ถ้าเป็นตอน
สมัยแรกๆผมอาจจะเหยียบร้อยแปดสิบเลยด้วยซ้ำ ในหัวตอนนี้ก็มีเพียงแค่ข้อมูลที่พี่นานาแจ้งทางโทรศัพท์

จริงๆแล้วกระทู้พวกนั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนตั้ง กระทู้จิ้นผมกับมันมีบ่อยจนผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ แต่ไอ้กระทู้ที่ประเภทขุดคุ้ยประวัติผมกับไอ้ป้องนี้มันก็น่ากลัวมากจริงๆนั้นแหละครับ ผมอ่านไปบางเรื่องทั้งๆที่ผมเป็นคนทำเองผมยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
โลกออนไลน์บางครั้งมันก็น่ากลัวตรงนี้แหละครับ

โอเค จากที่ได้ฟังมา การที่ผู้ใหญ่เรียกมันเข้าไปคุยก็แปลว่ามันต้องใหญ่ในระดับหนึ่งและไม่ใช่ปัญหาที่ผ่านๆมา ผมเองก็หัวใจกระตุกหน่อยๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่รับรู้หรอกครับ มากสุดก็เรื่องที่มันร้องไห้เนี้ยแหละครับ

ผมกับป้องเองก็เหมือนคนอื่นทั่วไป เอาเข้าจริงแล้วเราอาจจะทะเลาะมากกว่าคู่อื่นด้วยซ้ำไป ทะเลาะกันได้ทุกเรื่องแต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมรู้สึกว่าเราเข้าใจกันมากขึ้น เราให้เกียรติ์กันมากขึ้น นั้นแหละมั้งครับที่ผมกับมันยังคบกันมาถึงทุกวันนี้ เพราะทุกๆการทะเลาะเราทะเลาะกันเพื่อที่จะเข้าใจกันมากขึ้น

ผมกดเหยียบเบรคช้าๆเมื่อมาถึง ‘บ้าน’ ของผมและไอ้ป้อง หลังจากเราทำงานมาได้สักพักผมและไอ้ป้องก็ตัดสินใจออกบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ครับ ดีแต่ว่าช่วงนี้ท่านทั้งสองไปต่างจังหวัดกัน ผมเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะตรงไปที่ห้องนั้งเล่น หน้าบ้านเองก็มีรองเท้าของไอ้ป้องและพี่นานาถอดไว้อยู่

“ป้อง”

ผมเรียกมันเสียงเบาหวิว มันนั้งชั้นเข่ากอดขาตัวเองจ้องมองไปที่ทีวีอยู่ครับ พอเห็นหน้าผมมันก็ซุกหน้าลงไปกับขา ผมเดินเข้า
ไปนั้งข้างๆก่อนจะจับมือมันเบาๆ

“อย่าร้องดิ มึงร้องแล้วกูใจไม่ดีเลย”

ผมว่า มันพยักหน้ารับกับขาตัวเองต่อ

“ป้อง.....”

“...........”

“มองหน้าเกียร์...มีอะไรที่เกียร์ต้องรับรู้ในปัญหาของเราไหมครับ ? หื้ม ว่าไง....”

ผมคุมน้ำเสียงในอ่อนกว่าปกติเป็นการปลอบอีกฝ่าย มือหยาบๆของตัวเองก็ลูบเส้นผมมันเบาๆ นานพอสมควรกว่ามันจะเงยหน้า
มองผมแล้วก็เงียบไป

“แย่พอควรนะ”

เสียงเล็กๆบอกผม ก่อนพี่นานาจะเดินผ่านไปนั้งอีกฝั้งหนึ่ง ข้างหน้ามีโน้ตบุ๊คคู่กาย ในมือมีถ้วยมาม่าเล็กๆที่เพิ่งไปทำมาจากใน
ครัวของผม ไม่ว่าจะกี่ครั้ง พี่แกก็ยังแต่งตัวชิลได้ตลอดจริงๆแหะ กางเกงขาสั้น เสื่อโปโลสีเทา รักษาภาพพจน์ให้คนอื่นได้แต่ไม่เคยคิดจะรักษาภาพพจน์ให้ตัวเอง ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ‘ขี้เกรียจ’

“แล้วพี่แจ้งทางเวปรึยังครับ ? มันน่าจะขอลบได้นะครับในกรณีกระทู้ที่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแบบนี้”

ผมถาม ในกระทู้นั้นมันมีข้อมูลส่วนตัวของผมและไอ้ป้องเต็มไปหมด ถึงจะบอกว่าไม่ได้จงใจเปิดเผยก็เหอะ แต่ทำไมรู้สึกว่าเนื้อหามันชักจูงไปในทางที่ไม่ว่าใครจะเข้าไปอ่านก็ตาม ก็จะรู้สึกว่าผมกับไอ้ป้องมีอะไรกันเกินเลยจริงๆ (แหมมันจะเป็นเรื่องจริงก็เหอะ)

“แจ้งตั้งแต่อ่านสรุปคร่าวๆแล้วล่ะ แปลกแหะ จริงๆกระทู้นี้รู้สึกมันรู้เยอะมากเกินไป เยอะเหมือนกับต้องมั่นใจแน่ๆว่าตัวเองรู้จริง
แถมยังมีประวัติที่ชัดเจนของป้องตั้งแต่สมัยก่อนมาเชียงใหม่อีก อีกอย่างเรื่องของป้องนะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เรื่องของเกียร์นี้สิมายังไง ? ถึงจะบอกว่ามีคนตามเกียร์จากการเป็นพี่น้องกับป้องเองก็เหอะ มันแปลกเกินไป.....อื้อออ......”

พี่นานาพูด ก่อนมือข้างหนึ่งจะซดมาม่า มืออีกข้างกดเลื่อนเมาส์รัวๆ คิ้วเข้มๆขมวดเป็นปม ไม่อยากจะบอกว่าผมเองก็รู้สึกแบบพี่นานานั้นแหละครับ ว่าเจ้าของกระทู้ไปเอาเรื่องราวในอดีตแบบนี้มาจากไหน ผมเห็นคิ้วตาซ้ายพี่นานาแกกระตุกๆถี่ รู้ว่าอาจจะไม่ใช่เวลาแต่อดทักไม่ได้ครับ

“พี่นานา ตาซ้ายกระตุกจังครับ”

แกพยักหน้ารับก่อนจะพูดลอยๆ

“สงสัยจะได้แต่งงานเร็วๆนี้มั้ง”

ผมหัวเราะพรืดกับคำพุดหน้าตายของพี่นานา ไอ้ป้องเองก็แอบหลุดยิ้มออกมาเล็กๆ

“ถ้าผมจะได้แต่งงานแล้วมันน่าหัวเราะตรงไหน ?”

พี่นานาหันมามองด้วยสายตานิ่งๆ แกไม่ได้โกรธหรอกครับออกแนวคำถามถามต่อหลังเกิดเหตุประมาณนั้น

“ไม่หรอกครับ แค่คิดไม่ออกว่าคนแบบไหนที่จะทำให้พี่ยอมแต่งงานด้วยได้”

“นั้นสิ...พี่ชอบคนแบบไหนอ่ะ ?”

แทบจะไม่ต้องเสียเวลาในการคิด พี่นานาหยุดลากเม้าส์แล้วซดเส้นมาม่า ก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ขอรวยก่อนแล้วกันนะ”

ผมกับไอ้ป้องหันมามองหน้าพร้อมๆกัน....ก็สมกับเป็นพี่นานาดีล่ะนะ ตรงๆไม่โลกสวย ไม่อ้อมค้อม

“แต่ก็นะ เดียวจะมามันมาเองอ่ะ ไม่แน่พอกลับออกไปจากนี้อาจจะได้แต่งงานเลยก็ได้ นี้ใจสั่นๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว ตาซ้ายกระตุก

ตั้งแต่ตื่นนอน”

แกพูดต่อเรียบๆ ก่อนดวงตาสองข้างจะขมวดเข้าหากันแล้วหันมามองผม

“เกียร์”

“ครับ ?”

“ตอนนี้มีใครมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเราไหม ?”

“.........”

“ทุกรูปแบบ ตั้งแต่จีบ ดีลงาน คนรอบๆตัวหลายๆคน เล่าให้ผมฟังหน่อย...”

พี่นานาเป็นสายข้อมูลครับ ไม่แปลกใจนักว่าทำไมแกถึงบอกให้ผมเล่าอะไรหลายๆอย่างให้ฟัง ผมเริ่มเล่าตั้งแต่ชีวิตประจำวันส่วน
ตัว ตื่น กิน นอน ไปจนกระทั้งคนรอบๆตัวที่มีดีเทลกันในตอนนี้ รวมไปถึง....

“แล้วก็..คุณอรอณงครับ เป็นลูกค้าอีกเจ้าที่ชอบใช้บริการผมบ่อยๆ มี..จีบๆผมบ้าง..มั้ง ?”

พี่นานาพยักหน้ารับก่อนกระดาษสามสี่ใบจะเขียนออกมาเป็นมายแมปอักษรย่อ ที่ไม่ว่าผมกับไอ้ป้องจะสนิทกับพี่นานาขนาดไหน
ก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี รู้แค่ว่าทุกครั้งที่พี่นานาทำแบบนี้ มันจะได้คำตอบที่ต้องการออกมาๆเสมอ

“อื้ม...เป็นไปได้แหะ....”

“อะไรเหรอครับพี่ ?”

แทนคำตอบ พี่นานาส่ายหน้าก่อนจะบอกผมเบาๆ

“ป้องโดนผู้ใหญ่เรียกเข้าไปว่าเรื่องการวางตัว จากนี้ไปแกสองคนอาจจะต้องห่างๆกันนะ...เข้าใจคำว่าห่างใช่ไหม คือไม่ได้ลง
ดาบถึงขนาดว่าต้องเลิกกัน แต่อาจจะต้องแยกๆกันไปให้อะไรๆมันเบาบางลงไปกว่านี้ก่อน ส่วนเรื่องกระทู้นั้นก็ยังไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่หรอก มันเป็นแค่ชนวนที่ใครบางคนจงใจปล่อย ว่าพวกแกสนิทกันเกินพี่น้อง ผู้ใหญ่เขาก็กลัวว่ามันจะเลยเถิดนะ ก็
อย่างที่บอกบางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกแกใช้คนล่ะนามสกุลกัน”

ผมพยักหน้ารับฟังสิ่งที่พี่นานาบอก ไอ้ป้องเองก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับว่าเข้าใจ จริงอยู่ที่แม่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลพ่อผม แต่ไอ้ป้องยังคงเลือกที่จะใช้นามสกุลของแม่น้ำอยู่นั้นเอง

“ที่นี้มีเรื่องจะเตือนนิดหน่อย”

“ครับ..?”

“ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่มันเป็นแค่ลางสังหรณ์ พี่แค่รู้สึกว่ามันแค่เพิ่งเริ่มต้น แต่ก็นั้นแหละ...ยังไงหน้าที่ของผู้จัดการคือการจัดการ
กับอะไรก็ตามแต่ที่มาขวางทางของไอ้ป้องมัน ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงถ้าแย่สุดๆจริงๆก็จะหาทางที่มันแย่น้อยที่สุดแล้วกัน”

ผมเป่าปาก ระบายลมหายใจและความรู้สึกแย่ๆข้างในออกไป คนข้างๆผมเองก็ดูจะเย็นใจลงขึ้นมากแล้ว หลังพูดเสร็จ พี่นานานั้งสรุปตารางงานของไอ้ป้องพร้อมบรีฟงานวันพรุ่งนี้อยู่สักพักก่อนแกจะขอตัวกลับไปพร้อมโน๊คบุ๊คคู่ใจ จริงๆผมอาสาจะไปส่งแล้วเพราะแถวนี้หารถค่อนข้างยากแล้วเปลี่ยวเป็นบางส่วน แต่นานาบอกว่าผมควรจะดูแลคนใกล้ๆตัวก่อนดีกว่า ผมเลยไม่คิดจะขัดแกอีก

พอพี่นานากลับไป จากที่ห้องเงียบๆกลายเป็นยิ่งเงียบไปมากกว่าเดิม


ผมน่าจะรู้....ว่าสักวันหนึ่งเรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้ อาชีพที่เป็นคนของประชาชน.....จะทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ยังไง ไอ้ป้องนั่งเงียบไมได้มองหน้าผม แต่กลับก้มลงต่ำแทน หน้าจอทีวีเองก็ยังคงฉายข่าวบันเทิงที่ทำให้เราทั้งคูต้องมานั่งก้มหน้าแต่ไม่กล้าคุยกันแบบนี้ จนกระทั้งเป็นผมเองที่อดทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

“ป้อง....”

“..........”

“เราเลิกกัน...ดีไหม ?”

ไม่มีคำตอบ ไม่มีเสียงใดๆรอดออกมา

มีแค่แขนสองข้างที่มันกอดผมไว้แน่น แน่นจนเหมือนตัวผมจะระเบิด เหมือนมันจะกลัวผมหายไป.....

....ผมรู้สึกถึงความอุ่นบนเสื้อของตัวเองที่โดนหยาดน้ำตาของมันมือสองข้างของไอ้ป้องสั่น สั่นจนผมรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของหลายๆสิ่งที่มันต้องแบกรับเอาไว้ บ่าของมันสั่นตามแรงร้องไห้ มันยังคงไม่ได้พูดอะไร แค่ร้องออกมา แค่ระบายความรู้สึกแย่ๆที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป

“ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะพูดแบบนี้ล่ะมั้ง.....”

ผมลูบหัวไอ้ป้องเบาๆ แรงสะเทือนจากการร้องไห้ยังมีให้เห็น

“ไม่รู้สิ...เกียร์เหนื่อย....แต่”

“..........”

“เกียร์รักป้องครับ”

“เกียร์รัก รักจนเกียร์หายเหนื่อยได้”

หยาดน้ำตาของผมหยาดหนึ่ง...หยดลงใส่หัวมัน ผมดึงไอ้ป้องออกจากอ้อมกอด มองหน้ามันชัดๆ ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่มีให้มัน

ตลอดระยะเวลาทั้งหมดของชีวิตที่ผ่านมา

“กลัวมาก กลัวมากเลย กลัวว่าถ้าวันนั้นมาถึง ป้องจะทิ้งเกียร์ไปไหม ? ป้องจะทิ้งเกียร์แล้วหันหลังเดินจากไปไหม มันกลัว กลัว
ไปหมดทุกอย่างเลย กลัวป้องไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าด้วย กลัวมากๆ”

ไอ้ป้องมองหน้าผมจนแทบจะทะลุ ดวงตาคู่นั้นมองผมกลับมาทั้งๆที่ก็ยังคงร้อง

“ป้องเจอคนที่ดีกว่าแล้วทำไมล่ะครับ....”

“.......”

“คนพวกนั้น ต่อให้ดีขนาดไหน.... ก็ไม่ใช่คนที่ป้องรักนี้ครับเกียร์”

น้ำเสียงของผมสะอื้นไปหมด ผมรู้สึกจุกขึ้นมาที่คอ

.....ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมกลัวจริงๆนั้นแหละ เพราะป้องได้เจอคนที่หลากหลาย คนที่เหมาะสมกว่า มันทำให้ผมกลัวที่จะ
โดนบอกเลิก ผมถึงได้เป็นฝ่ายที่อยากจะพูดออกไปก่อน มันอาจจะเป็นหลักให้ผมได้ทำใจในตอนต้องเลิกรากัน ว่าผมเป็นคนเสียสละ ผมอยากให้เขาไปได้มากกว่า ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ผมมันก็แค่ไอ้คนที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งก็เท่านั้น. ผมคิดอย่างงั้นเสมอมา ....ผม...ผมมันแย่....แย่มาก..จริงๆ

“จำได้ไหม กลอนบทหนึ่งที่ป้องเคยอ่านเจอแล้วอ่านให้เกียร์ฟัง”

ผมพยักหน้า จำได้ถึงกลอนบทหนึ่งที่เจ้าป้องเคยพูดใส่หูให้ผมฟังบ่อยๆ

“เป็นการง่าย ยิ้มได้ ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่น เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์
แต่คน ที่ควรชม นิยมกัน.....”


ผมยิ้มให้มันก่อนจะต่อท่อนจบ

“ต้องใจมั่น ยิ้มได้ เมื่อภัยมา”

ผมเชื่อใจป้อง

เชื่อว่ามันจะไม่ทิ้งผมไป

แต่ผมกลับไม่เชื่อใจตัวเองว่าจะดูแลมันให้ได้ดีพอ ให้สมกับความรักที่มันมอบให้

“เพราะงั้น...ขอร้องนะเกียร์”

“.........”

“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ.....อึก....ไม่ว่าจะพูดจริงหรือพูดเล่น...อึก ก็ตาม....”

“อื้อ....จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว สัญญาเลย”

ผมไม่รู้หรอก ว่าผมกอดมันแน่นขนาดไหน ผมรู้แค่ว่าวันนั้นผมกอดมันจนกระทั้งรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือน้ำตาให้ร้องไห้นั้นแหละ

ค่ำคืนของวันนั้นจบลงด้วยการที่ผมโดนมันด่าเรื่องที่ไม่เชื่อใจกัน ไม่ยอมบอกมันบ้างว่าผมกลัวหรือผมรู้สึกยังไง เอ้า ก็แล้วใครจะ
กล้าบอก ก็ผมกลัวจริงๆนิครับ ลองคิดในมุมกลับกันนะ เมื่อก่อนมันเป็นฝ่ายที่อยากครอบครองผม แต่ตอนนี้ป้องมันมีทุกอย่าง มีหน้าที่การงานดีๆ ได้เจอคนเป็นร้อยเป็นพัน เป็นคุณคุณจะไม่กลัวบ้างเหรอครับ ?

.....แต่ช่างมันเถอะครับ

เพราะนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมเองก็คงไม่กล้าพูดว่าเรื่องราวของเรามันจะมีกันแบบนี้ตลอดไป มันจะไม่จบลงไปเหมือนกับใครอื่น เราจะมีเราตลอดไปบางครั้งมันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ผมมันก็คงได้แค่สัญญา
สัญญาว่าต่อแต่นี้ไป จะรักมันและเชื่อใจมันไปมากกว่านี้

.....มากเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำให้กันได้

วันนี้ผมหยุดงานครับ ไอ้ป้องเองก็ไมได้ไปที่บริษัทวันนี้ ทำให้กลายเป็นอีกวันหนึ่งที่เราทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมลงทุนเข้าครัวทอดปลาทับทิมกรอบของโปรดไอ้ป้องเป็นการขอโทษ ส่วนเจ้าป้องเองก็ดูเหมือนจะหายๆงอนผมแล้ว(มั้งครับ...)

“ป้อง.....”

“.........”

ที่เดิม เวลาใกล้เคียงกับเมื่า คำพูดและบรรยากาศคล้ายๆแบบเดิมๆ

.....แต่ประโยคต่อไปที่ผมจะพูด ผมรับรู้ได้ว่า มันจะเปลี่ยนเรื่องราวของเราไปตลอดกาล

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก็คิดและทบทวนมาตลอดทั้งคืนแล้วนิหว่า.....

ดวงตากลมโตของไอ้ป้องมองผมด้วยความสงสัย ผมใช้ส้อมที่สางตรงหน้าจิ้มเนื้อปลาทับทิมกรอบก่อนจะแตะๆน้ำจิ้มนิดๆแล้วส่ง
เข้าปากมัน ไอ้ป้องเคี้ยวเนื้อปลาที่ผมส่งไปให้ตุ้ยๆเต็มปาก ตาสองข้างยังคงมองผมเพื่อรอประโยคคำถามถัดไป

ไม่รู้สิ....มันเหมือนกับการที่เราทั้งคู่กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง

จุดเริ่มต้นที่พวกเรา

.....ยังคงต้องเดินต่อไป

“เรา...แต่งงานกัน....ดีไหม ?”



TBC.


ขอบคุณสำหรับคนที่ยังรอ ขอโทษมากจริงๆสำหรับคนที่ต้องรอหนังสือครับ ผมพลาดเรื่องการจัดการด้านเวลาจริงๆ จะพยายามคุมเวลาแล้วทำให้หนังสืออกมาให้เร็วที่สุด ดีที่สุด หนาที่สุด ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งกับความไม่เป็นมืออาชีพของผม และหากท่านใดที่เห็นสมควรแก่การพิจารณาสามารถแจ้งเลขบัญญีขอคืนเงินได้ทางอีเมลล์ที่ได้ยืนยันมานะครับ
ขอขอบคุณอีกครั้ง
แตกต่างเติมเต็ม

24/02/58

Ps.พรุ่งนี้จะมาลงตอนจบของน้องร่าเริงให้ได้ครับ สัญญาเลย....
คิดถึงบ้านนี้มากที่สุดแล้ว เข้ามาอีกครั้งหนึ่งแหมบ้านจะเปลี่ยนไป
แต่ผมยังรักบ้านหลังนี้เหมือนเดิม
ิคิดถึงคุณเดียร์ คุณเทพอสูร และอื่นๆอีกหลายๆท่าน
:sad4:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-02-2015 22:47:53
ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-02-2015 22:18:45
แต่งเลย อิอิ
ออกสื่อเรื่องจะได้จบๆไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2015 18:06:31
ประกาศแต่งเลย
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 06-03-2015 10:07:35
เป็นอีกเรื่องที่สนุกมากครับ
ชอบอารมณ์ของคนแอบชอบ
ชอบเรื่องราวที่มี7เทพ
ชอบความรักแบบเพื่อนๆในวัยเรียน
ชอบสำนวนที่อ่านง่าย และไม่ยืดเยื้อ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-03-2015 23:19:54
ไม่มาต่อเลยง่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.02 The End ทางที่ต้องเดินต่อไป P.13 [24/02/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-03-2015 21:42:19
ไม่มาต่อเลยเหรอ ฮือๆ อยากอ่านต่อแล้วอ่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-04-2015 02:55:16
#Sp.02 _______ตะวัน_______ [1]





“สวัสดีครับ ผมชื่อเหมือนฝัน...เรียกว่าว่านก็ได้ครับ”


ผมยกมือไหว้หัวหน้างานพยาบาลที่ยกมือไหว้รับ ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยปากเสียงทุ้ม


“สวัสดีค่ะคุณหมอ ยินดีต้อนรับสู่โรงพยาบาลของเรานะค่ะ ป้าชื่อธิดาค่ะ”


“ครับป้าธิดา ว่าแต่...คนไข้ของผมอยู่ห้องไหนเหรอครับ ?”


ผมถามเรื่องงานก่อนจะมองย้ายขวาไปตามห้องต่างๆ ป้าธิดาอมยิ้มก่อนจะตอบผมกลับมาว่า


“เดี่ยวก็ได้เจอค่ะ ตอนนี้ ‘พระอาทิตย์’ ตกดินไปแล้ว...ไว้พรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะค่ะ”


ป้าธิดาทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนแกจะส่งเอกสารทั้งหมดไว้ให้ผมเกี่ยวกับคนไข้รายหนึ่งซึ่งผมได้รับโอนเคสมาจากคุณหมอรุ่นพี่คนก่อนที่ไปศึกษาต่อปริญญาเอกที่นิวยอร์ก ข้อมูลเบื้องต้นที่ผมได้รับมาก็เพียงแค่ว่าคนไข้ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆและอาการหนักมากจนน่าเป็นห่วงก็เท่านั้น


‘ร่าเริง  ปัญญาสว่างเลิศ’


นั้นคือชื่อที่ผมได้อ่านจากในแฟ้มประวัติคนไข้


.... น่าแปลกที่ในนั้นกลับไม่มีรูปถ่ายอย่างที่ควรจะเป็นตามปกติ


ผมเอนตัวพิงเบาะในห้องส่วนตัว ก่อนจะวางแฟ้มไว้เงียบๆแล้วลุกออกไปทานอาหารค่ำ...ซึ่งควรจะเรียกว่ามื้อดึกมากว่า


คนเป็นหมอก็แบบนี้ล่ะครับ ไม่ได้กินไม่ได้นอนตรงเวลาหรอก เพราะเป็นอาชีพที่เรียกได้ว่าขาดแคลนทรัพยากรบุคคล หรือถ้าจะพูดให้ถูกกว่านั้นคือความต้องการกับปริมาณมันสวนทางกัน ที่สำคัญคือมีหมอจำนวนไม่น้อยที่จบหมอแต่ก็ไม่ได้ประกอบอาชีพหมอ


ผมชื่อว่าน ชื่อจริงชื่อเหมือนฝัน นายแพทย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง ชีวิตของผมก็เหมือนหมอทั่วๆไป คือครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิดและต้องดิ้นรนหาทางส่งตัวเองเรียนจนกระทั้งจบโทฯ...


แต่นั้นเป็นเพียงอดีตไปแล้ว


ผมถูกย้ายมายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งตามคำขอของพี่ชายซึ่งจริงๆแล้วเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่า ที่อยากให้ผมได้รับเคสของคนไข้ของเขาโดยตรง เขาบอกกับผมว่าจริงๆแล้วตัวเองก็ไมได้อยากจะไป แต่เพราะโอกาสของความก้าวหน้าในชีวิตไม่ได้มีมาบ่อยๆ ผมเห็นด้วยกับเขาแล้วยอมย้ายมาตามคำขอ


ตีหนึ่งกว่าๆแล้ว....วันนี้คงดึกเกินกว่าจะเจอคนไข้......


“โจ๊กหมูหนึ่งถุงครับ”


ผมว่ากับคนขายโจ๊กหน้าโรงพยาบาล ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆแล้ว แต่เพราะอะไรๆที่หอยังไม่เรียบร้อยผมเลยเลือกที่จะค้างคืนที่โรงพยาบาลในห้องทำงานคงจะง่ายกว่า อีกทั้งวันนี้ผมรู้สึกอยากอ่านหนังสือต่อแบบแปลกๆ เป็นอารมณ์ที่นานๆครั้งจะ
เกิด


“เพิ่งย้ายมาเหรอค่ะ ?”


ป้าคนขายถาม ผมย่นคิ้วงงนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับไป


“ครับ ป้ารู้ได้ยังไงเหรอ ?”


“โอ๊ย...ป้าขายโจ๊กมาตั้งแต่สมัยยังสาวๆ ที่นี้นะคุณหมอทุกคนป้ารู้จักหมด นี้ถ้าเดาไม่ผิดคุณหมอคงย้ายมาแทนคุณหมอนัดใช่ไหมค่ะ ?”


ผมพยักหน้ารับคำแก ก่อนป้าเขาจะยิ้มแฉ่งแล้วยื่นโจ๊กให้ผมสองถุง


“คือ...ผมสั่งไปหนึ่ง....”


“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าเลี้ยงถือซะว่าเป็นของต้อนรับคุณหมอแล้วกันนะค่ะ  แต่แปลกดีเหมือนกัน ปกติหมอที่นี้จะย้ายกันมาตอนเช้ามากกว่า เพิ่งมาเจอคุณหมอเนี้ยแหละค่ะที่ย้ายมาตอนดึก”


“ผมไม่ค่อยชอบแสงสว่างนะครับ....”


ผมตอบ...ไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองทำไมถึงต้องหม่นลงทุกครั้งที่พูดแบบนี้


“ฮ่าๆ เหรอค่ะ ว่างๆมาอุดหนุนป้าอีกนะ”


ป้าแกยิ้มอารมณ์ดี  ผมยิ้มตอบก่อนจะเดินกลับขึ้นมาชั้นบน  โจ๊กหมูร้อนๆถูกเทใส่ชามถุงหนึ่ง ก่อนผมจะยกชามไปนั่งกินตรงระเบียง เหม่อมองท้องฟ้ายามดึกที่แม้จะมือแค่ไหนก็มองไม่เห็นดวงดาว อีกทั้งแสงสว่างจากหลอดไฟนีออนของมหานครที่ไม่มีการหลับทำให้ดาวหมดลงไปจากฟากฟ้า


“คุณ.....”


ผมชะงักช้อน คิดว่าตัวเองคงหูฟาดไปก่อนจะยกช้อนขึ้นตักข้าวต้มขึ้นปาก


“คุณโว้ยยย”


เสียงเล็กๆเสียงเดิมที่ผมได้ยินดังออกมาอีกหน่อย ผมขมวดคิ้วก่อนจะลงจากคานระเบียงแล้วมองซ้ายมองขวา...


...อย่าบอกนะว่าย้ายมาวันแรกก็โดนเลย


“ทางซ้ายครับ”


เสียงเดิมบอกผม ก่อนสายตาจะเลือนไปตามคำบอก...


....ถ้าพรุ่งนี้ข่าวหน้าหนึ่งพาดว่าหมอหนุ่มตกตึกตาย คงไม่ต้องบอกนะว่าผมเห็นอะไรที่มันไม่ใช่คน


เพียงแต่สิ่งที่ผมเห็นยังเป็นคนแหะ...เด็กเล็กๆคนหนึ่ง คะเนแล้วอายุไม่น่าจะเกิน12 ไม่รู้สิ เด็กสมัยนี้บางคนก็โตเร็วเกินไปจนผมแทบจะแยกอายุด้วยตาเปล่าไม่ได้อีกต่อไป


ใบหน้าจิ้มลิ้มยื่นออกมานอกหน้าต่างจากทางฝั่งซ้ายมือ เจ้าตัวลังเลไปอึกหนึ่งก่อนจะพูดออกมา แม้ระยะทางจะห่างพอสมควรแต่เพราะเป็นกลายดึกที่เงียบสงัดผมเลยได้ยินเสียงนั้นชัดเจน


“ผมอยากกินโจ๊กอ๊ะ.....”


“................”


“ก็คือ...ผมก็รู้ มันคงจะแปลกๆใช่ไหมล่ะ แต่แบบ.....”


“................”


“นี้มันก็เกือบจะตีสองแล้วไง แล้วคุณก็กินผ่านระเบียงแล้วกลิ่นมันก็โชย ผมก็เลย.....”


“หิว ?”


ผมต่อคำ อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างอายๆ ใบหน้ากลมแดงระเรื่อนขึ้นมานิดๆ


นั้นคือภาพสุดท้ายที่ผมเห็น.....


....ก่อนตัวเองจะปิดหน้าต่างตรงระเบียงลง


”โอ๊ย คุณใจร้าย ไอ้คุณบ้า  มากินยั่วกันแล้วปิดหน้าต่างหนี ”


“......................”


“ไอ้บ้า ไอ้คนบาป ไม่รู้รึไงว่าเขาห้ามกินของกลายดึก มันยั่วคนอื่นนะเว้ย”


“.......................”


“ไอ้คนใจบาป ผมหิวจะตายอยู่แล้วเนี้ย...ไอ้...”


เสียงก่นบ่น(ด่า)ผมยังคงดังแบบนั้น ผมขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะยกชามตัวเองไปไว้บนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปตรงโต๊ะวางของ จำได้ว่าตัวเองเห็นชามพลาสติกอีกใบคว่ำไว้อยู่ตอนเอาข้าวของมาเก็บ และมันก็ยังอยู่ที่เดิมซะด้วย ผมหยิบก่อนจะเทโจ๊กที่ได้มาเป็นของแถมใส่ชามพร้อมช้อน แล้วยกขึ้นมาพร้อมกับถ้วยตัวเองใส่ลงไปในถาด


....ปลายทางคือห้องๆหนึ่งที่ถัดออกไปจากห้องตัวเองสามห้อง


ผมเคาะประตูเบาๆเพราะกลัวรบกวนคนไข้ห้องอื่น หูของผมได้ยินเสียงย้ำเท่าเบาๆก่อนประตูห้องจะเปิดออก ไอ้เด็กที่บ่นว่าหิวโจ๊กยื่นหน้าออกมาก่อนจะทำสีหน้าแปลกๆใส่ผมแต่คิดว่าคงเป็นในเชิงขอบคุณมากกว่า


“โจ๊กของนาย”


ผมว่า ก่อนจะยื่นชามโจ๊กไปให้อีกฝ่ายก่อนจะเตรียมปิดประตู หากแต่มือเล็กๆกลับรั้งชายเสื้อผมไว้


“กินเป็นเพื่อนผมหน่อย......”


“..................”


“เหงา”


อีกฝ่ายว่าเสียงอ้อน ดวงตากลมสะท้อนความต้องการออกมาชัดเจน ถึงผมจะเป็นคนใจยักษ์ใจมากขนาดไหนแต่ก็แพ้ลูกอ้อนสายตาของอีกฝ่ายอยู่ดี สุดท้ายก็ก้าวเข้าไปในห้องของอีกฝ่ายก่อนจะปิดประตูลง


“คุณหมอเพิ่งย้ายมาเหรอครับ ?”


อีกฝ่ายว่าก่อนจะนั่งลงบนเตียง ผมกวาดตามองรอบๆห้องก่อนจะตอบไปว่า


“ใช่...แล้วทำไมเพิ่งเรียกว่าหมอ...”


“ก็เพราะเพิ่งแน่ใจว่าเป็นหมอ.....สารรูปคุณมัน.....”


ไอ้เด็กนั้นว่าก่อนจะมองผมจรดศีรษะ


“ผมไม่เหมือนหมอ ?”


“มากๆ ...อย่างน้อยๆหมอที่ผมเคยเจอก็ไม่ได้เจาะหูแบบคุณ”


“ผมก็แค่ใส่ไว้เฉยๆ”


“และหมอที่ผมเคยเจอก็ไม่ได้ใส่เสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงยีนส์สีตุ่นๆแน่ๆ ...โอเคนั้นมันสีดำ”


ไอ้เด็กนั้นรีบบอกประโยคหลัง เพราะมองเห็นสายตาค้อนจากผม


“พูดเก่งจังเด็กน้อย อายุเท่าไหร่เนี้ย”


ผมถาม ก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆ


“12....หรือไม่ก็13มั่ง ผมลืมอายุตัวเองไปแล้วล่ะ”


“คนบ้าอะไรลืมอายุตัวเอง”


“คนใกล้ตายครับ....”


“.............”


“คุณหมอล่ะ อายุเท่าไหร่”


อีกฝ่ายถามผมบ้างหลังเห็นผมเงียบไป


“มากกว่าคุณเกินรอบหนึ่งแล้วกัน”


พอไม่รู้จะถามอะไรอีกบรรยากาศในห้องก็เงียบลงไปถนัด ผมนั่งกินโจ๊กเงียบๆแล้วเหม่ออกไปนอกหน้าต่าง น่าแปลกที่เป็นท้องฟ้าผืนเดียวกันแท้ๆแต่พอมองอีกด้านหนึ่งก็กลับเปลี่ยนมุมมองผมไปถนัดตา ผมเหม่อไปพักหนึ่งก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายถาม


“คุณหมอชื่ออะไรครับ ?”


“มีใครเคยบอกนายไหมว่า ก่อนจะถามอะไรใครควรบอกคำตอบของคำถามนั้นๆก่อน”


“โอเคๆ.....ผมชื่อร่าเริง จะเรียกเริงร่าหรือร่าเริงก็ได้ ความหมายเหมือนๆกัน”


ผมขมวดคิ้ว ในหัวนึกถึงข้อมูลที่ได้อ่านจากแฟ้มประวัติ


“วางชามโจ๊กลงเดี่ยวนี้”


ผมสั่งเสียงเรียบ อีกฝ่ายทำหน้างงก่อนจะเหวออกมาเล็กน้อย


“ผมเพิ่งกินไปได้นิดเดี่ยวเองนะ”


“แล้วกินเนื้อหมูไปบ้างรึยัง ?”


ผมว่าเสียงเครียด ก่อนจะวางชามโจ๊กตัวเองไว้บนเก้าอี้แล้วย่างสามขุมเข้าหาไอ้เด็กนี้ จากในประวัติแล้วสิ่งแรกที่ผมต้องระวังคือ
เรื่องอาหารการกิน ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกินอะไรเข้าไปบ้างในวันนี้ และได้รับเพียงพอรึยัง ไอ้ขาดนะไม่เท่าไหร่หรอกครับแต่ถ้ามาก
เกินไปนั้นแหละมันจะเกิดปัญหา


“กินหมูไปกี่ชิ้นแล้ว ?”


ผมถาม อีกฝ่ายทำหน้านึกก่อนจะชูนิ้วชี้สั้นๆให้ผมเห็น


“กินไปหนึ่ง ?”


“เหลือแค่หนึ่ง....จากสี่”


ผมกุมขมับ แทบอยากจะยกมือตบศีรษะเล็กๆนั้นแรงๆสักที่ แต่การทำแบบนั้นอาจจะเป็นอันตรายแก่อีกฝ่ายมากกว่าเดิม


“นายรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ควรจะกินของแบบนั้น”


“อย่าห้ามผมเลย.......”


“...................”



“ผมจะกินหรือไม่กิน......เดี่ยวก็ตายอยู่ดี”


ร่าเริงพูดเงียบๆ น้ำเสียงที่พูดออกมาไมได้แสดงความรู้สึกยินดียินร้าย ผมถอดหายใจเล็กๆก่อนจะนั่งลงข้างๆ


“ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ทำแบบนั้น.....”


“..........”


“ไอ้ความรู้สึกที่ว่าเดี่ยวก็ต้องตายนะ...มันสำหรับพวกขี้แพ้”


“...........”


“ต่อให้รู้ว่าจะต้องตาย แต่ยังไงก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด....”


“วันนี้พี่จะให้เล่ากินก็ได้ แต่ครั้งต่อไปต้องควบคุม...ตกลงนะครับ”


ไม่ทราบทำไมเหมือนกันผมถึงได้เปลี่ยนสรรพนามอีกฝ่าย ร่าเริงพยักหน้านิ่งๆก่อนจะตักโจ๊กในชามเข้าปากต่อ ผมนั่งข้างๆมองน้องมันกินโจ๊กไปพลางสลับกับมองผมไปพลาง


“ผมมีเรื่องจะถาม....”


“ครับคุณหมอ ?”


มันว่า ทั้งๆที่โจ๊กยังเปื้อนปาก


“เรียกว่าพี่ก็ได้...พี่หมอนะ....”


“อ่า...โอเคครับพี่หมอ”


“ทำไมคุณธิดาถึงเรียกคุณว่า ‘ตะวัน’ ล่ะ ?”


ผมยังคงข้องใจกับคำพูดของป้าธิดา จะว่าเป็นชื่อก็ไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กนี้ชื่อร่าเริงทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น


ไอ้ตัวเล็กทำหน้าคิด ดวงตากลมโตมองขึ้นข้างบนก่อนรอยยิ้มบางๆจะคลี่ออกมาให้ผมเห็น...


“ไม่รู้สิครับพี่หมอ...เขาบอกว่าผมอบอุ่นล่ะมั่ง”


รอยยิ้มบางๆส่งมาให้ผม เป็นรอยยิ้มธรรมดาทั่วๆไปที่ผมเคยพบเห็น หากแต่ความต่างของมันคือความรู้สึกที่ส่งผ่านมา ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้เกราะน้ำแข็งในใจหวั่นไปแปลกๆ


“พี่หมอครับ ?”


“ว่า”


“ถ้าพี่จะให้ผมเรียกพี่หมอ งั้นพี่ก็อย่าเรียกผมว่าคุณสิครับ”


ร่าเริงกินโจ๊กเสร็จแล้วก่อนจะดันชามไปข้างๆ ดูภายนอกแล้วแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวป่วยหนัก


“ผมถนัดเรียกทุกคนแบบนั้น”


“งั้นก็ยกเว้นผมสิ....”


“................”



“นะ....”


“แล้วจะให้ผมเรียกอะไร ?”


“แบบนี้ก็ไม่เอา ขนาดพี่นิดเขายังแทนตัวเองว่าพี่นิดเลย พี่หมอเรียกตัวเองว่าผมแล้วมันดูห่างเหินอ่า....ส่วนเรียกผมเรียกอะไร
ก็ได้..แหะๆ”


ไอ้เด็กนั้นบอกก่อนจะหัวเราะออกมา เป็นมนต์คลังแปลกๆที่ผมละสายตาออกไม่ได้


“โอเคผมจะ....เฮ้อ....พี่จะแทนตัวเองว่าพี่หมอ และจะเรียกเราว่าร่าเริงดีไหม ?”


“โอเคครับพี่หมอ ยังงั้นแหละ”


“ครับ งั้นกินเสร็จแล้วก็นอนเถอะ พรุ่งนี้สายๆเดี่ยวนี้เขามาตรวจสุขภาพ”


ผมว่า ก่อนจะหยิบชามพลาสติกที่พร่องโจ๊กลงไปเยอะวางไว้บนถาดแล้วเตรียมจะเดินออกไปจากในห้อง


“พี่หมอครับ....”


“...........”


“ขอบคุณนะ”


“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวของเราทั้งนั้น”


ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นไม่ได้หันกลับไปมอง เสียงเล็กๆสดใสดังออกมาเป็นประโยคสุดท้ายก่อนประตูจะปิดลง


“ฝันดีครับ...พี่หมอ”


ผมส่ายหัวให้กับตัวเองเบาๆ จะว่าไปแล้วหลังจากตอนนั้นมาผมเองก็ไม่เคยให้ใครเรียกว่าพี่ และก็ไม่คิดจะเรียกใครโดยใช้คำพูดแบบนั้นอีกมาวันแรกก็ได้น้องชายซะแล้วเรา.....


ผมยกชามพลาสติกไปวางไว้ตรงอ่านล้างมือ ก่อนจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะทำงาน แล้วเริ่มต้นตรวจดูเอกสารบางอย่างที่ยังค้างคา ไปๆมาๆก็เกือบตีสี่ พอเห็นว่าได้เวลานอนแล้วก็เอนตัวลงไปกับเบาะก่อนจะหลับตานอนลงไป พร้อมๆกับคำพูดของใครบางคนที่ลอยมา


ฝันดีครับ....


TBC.
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-04-2015 02:56:33
Sp.03 _____ตะวัน_____[2]



“รู้สึกยังไงบ้างครับ ?”

ผมถาม หลังเอาสเตทโตสโคปแนบไว้กับหัวใจ ร่าเริงตอนนี้ถอนเสื้อออกจนเหลือเพียงกางเกงผู้ป่วยสีเขียวจางๆหนึ่งตัว ร่าเริงยิ้มจางๆให้ผมก่อนจะสองนิ้วแทนคำตอบ

กิจวัติประจำวันทุกวันที่ต้องทำ คือการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ และจังหวะการเต้น ว่ามีหัวใจห้องไหนไหมที่เสียงเต้นผิดปกติ ซึ่งการตรวจต้องทำเป็นประจำทุกๆ6-12ชม. นอกเหนือจากนั้นตารางกิจวัติประจำวันอย่างอื่นของร่าเริงคือการออกกำลังกายเบาๆเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆตาย

หลังจากนั้นคือการควบคุมปริมาณอาหารและความต้องการของร่างกาย จากข้อมูลที่ผมได้มาจริงๆแล้วร่าเริงจะอายุประมาณสิบสี่ปีในปีนี้ วันเกิดของเด็กนั้นประมาณอีกสองเดือนข้างหน้า....

...นั้นหมายถึงถ้าเขา ‘อยู่ถึง’ นะน่ะ

ผมไม่ใช่พวกหลอกตัวเองหรือโลกสวยจนไม่รู้จักคำว่าความตาย

...หรือจริงๆแล้วผมรู้จักมันดีแล้วต่างหาก

“พี่หมอว่าน ร่าเริงไม่กินผักได้ไหมครับ ?”

เด็กนั้นถาม หลังเห็นอาหารเช้าในวันนี้

“ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้ ?”

“ก็...ไม่กินอยู่ดี”

“แล้วงั้นเราจะถามพี่ทำไม ?”

“ก็...ก็ ปกติแล้วคนเป็นหมอต้องห้ามไม่ใช่หรือไง ....แล้วไอ้ชุดพี่นี้มัน”

ร่าเริงว่า ก่อนจะมองผมที่อยู่ในชุดเมื่อคืน หากแต่มีเสื่อกาวน์หมอสวมทับ ทำไมครับผมแต่งตัวได้แย่ตรงไหน ?

“คนเป็นหมอนะห้ามได้หมดนั้นแหละ แต่คนป่วยจะฟังไหม ? ถ้าไม่.... จะห้ามทำไมครับ เราก็ปล่อยให้เขาทำตามใจไปเลย เขาอยากทำอะไรก็เรื่องของเขาไปเลยสิ เกิดพี่ห้ามเราไม่ให้ทานเราอาจจะฟังพี่ก็ได้ แต่ลับหลังก็อาจจะไปกินอย่างอื่นอีก แล้วเกิดเราเป็นอะไรขึ้นมา พี่ในฐานะหมอก็ซวยอีก เพราะงั้นพี่ไม่ห้ามเราหรอก...คิดไว้ตลอดแล้วกัน ว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร ผลกระทบมันมีมาเสมอ....ไม่กระทบกับเรา ก็กระทบกับพี่ คนอื่นๆที่รักเขา....”

หลังจากการได้พูดคุยกันเมื่อคืนแล้ว ผมพอจะวิเคราะห์แนวทางในการดูแลรักษาร่าเริงได้ถูกต้อง เด็กคนนี้เป็นเด็กฉลาดและไม่ได้โง่ เพราะงั้นการค่อยๆพูดให้เขาเห็นผลลัพธ์จากสิ่งที่ต้องการ พร้อมทั้งแจงข้อดีข้อเสียให้ฟังจะเป็นการดีกว่าปล่อยหรือบังคับไปเลย

ร่าเริงพยักหน้าเข้าใจ ใบหน้ากลมๆนั้นทำปากจู๋นิดๆแต่ก็ยอมตัดผักเข้าปากอยู่ดี....นั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดการณ์ของผมแหละนะ

หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ร่าเริงเหลือการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆซึ่งจะทำอยู่ภายในห้อง โอเคมันอาจจะดูเวอร์ๆไปบ้างถ้าจะบอกว่าเด็กที่ยิ้มแฉ่งอยู่นี้คือผู้ป่วยระยะสุดท้ายหรือคนที่กำลังใกล้จะตาย....

....พระเจ้ามักชอบพรากความสวยงามของโลกไปเสมอ

ร่างเล็กๆหมุนตัวตามจังหวะการเต้นในทีวีเกี่ยวกับการออกกำลังกาย  พอเหนื่อยก็นั่งพักกับเตียง ผมมองดูอิริยาบถพวกนั้นต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ทักท้วงหรือห้ามปรามใดๆ การห้ามคนไข้หรือแสดงความเป็นห่วงมากเกินไปจะกลายเป็นการกดดันที่ส่งผลลัพธ์ให้แย่ลงกกว่าเดิม หมออย่างผมมีหน้าที่แค่มองดู ให้คำแนะนำการปฏิบัติตอนที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง หน้าที่ของผมมีเพียงเท่านั้น....

“น้ำครับ...ค่อยๆดื่มนะ”

ผมว่า ก่อนจะส่งแก้วน้ำไปให้ ร่าเริงยิ้มรอบแล้วพยักหน้าขอบคุณผมเบาๆ

“ผมนึกว่าพี่หมอจะว่าผม”

น้องมันบอกยิ้มๆ

“ว่า...ว่าเรื่องอะไรล่ะ ?”

“ก็เรื่องที่ผมออกกำลังกายมากไปไง พี่หมอนิดนะแกบ่นผมประจำนั้นแหละ แถมยังชอบห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวร่างกายมากเกินจำเป็นแกกลัวผมตา...”

“เขาเป็นห่วงเราไง...”

ผมขึ้นประโยคตัดบท รู้หรอกว่าคำสุดท้ายที่น้องมันจะพูดคืออะไร คนที่พูดคำว่าตายได้มีสองประเภท หนึ่งคือคนที่ยอมรับมันได้จริงๆและสองคือพวกที่ ‘ทำเหมือนว่า’ ตัวเองนั้น ‘ไม่ได้รู้สึกอะไร’กับสิ่งที่กำลังเกิด หากแต่ภายในต่างหากที่เป็นปัญหา ซึ่งดูเหมือนว่าร่าเริงเองก็จะเป็นจำพวกที่สอง....

มีคนมากมายพยายามทำเหมือนว่ามันโอเค ทำเหมือนกับว่าตัวเองยอมรับมันได้แล้ว หากแต่ความตายคือสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ยังหนีไม่พ้น แน่นอนว่าทุกคนหรือแม้กระทั้งตัวผมเอง ทุกคนล้วนกลัวความตาย มนุษย์กลัวทุกสิ่งที่ยังไม่รู้ กระวนกระวาย คิดไปเองจนทำให้ใจเกิดเป็นทุกข์

ยิ่งพยายามบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรมากเท่าไหร่ จิตใจภายในยิ่งบอบช้ำมากขึ้นเท่านั้น.....

“รู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงไม่ห้ามเรา......”

“...........”

“เพราะเราคือคนที่ยังไม่ตายยังไงล่ะ.......”

ผมยิ้ม ก่อนจะลูบหัวไอ้ตัวเล็กที่นั่งข้างๆผม   ร่าเริงทำหน้าไม่เข้าใจจนผมต้องเปลี่ยนเป็นคำพูดง่ายๆให้เข้าใจแทน

“เพราะวันนี้เรายังไม่ตาย  ....เพราะเรายังหายใจ....พี่ถึงได้ไม่ห้าม......”

“..............”

“มันคงเป็นอะไรที่งี้เง้ามากๆ ถ้าคนเราสักคนจะหลับไปโดยไม่ตื่นแล้วยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ มีเรื่องที่ไม่สบายใจ ถ้าเป็นพี่ พี่จะใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า ใช้ชีวิตให้คุ้ม ให้เท่าที่เราได้เกิดมาเจอพ่อเจอแม่ที่รักเรา  เจอผู้คนรอบๆ ได้เรียนรู้ถึงสิ่งต่างๆ บางครั้งชีวิตก็ทำให้เราร้อง ชีวิตก็ทำให้เราสุข...แต่ก็นั้นแหละ  เพราะมันคือ ‘ชีวิต’ ยังไงล่ะ.......”

การพูด ‘ข้อเท็จจริง’ ของสิ่งที่กำลังจะเกิด ไม่ได้หมายความว่าเราจำเป็นจะต้องพูดตรงๆด้วยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายหมดกำลังใจ หากแต่การพูดข้อเท็จจริงที่ ‘สร้างเสริมกำลังใจ’ สิ่งเหล่านั้นต่างหากที่คนเป็นหมออย่างพวกผมเลือกที่จะใช้มันเติมพลังให้กับคนไข้

คนเราหนีความตายไม่ได้

แต่เลือกได้ว่าจะตายแบบไหน....

เราไม่รู้ว่าวันไหนที่เราจะตาย

แต่เราทำให้ทุกวันเป็นวันที่เราจะตายตาหลับได้....

“ฮ่าๆ เหรอครับ.. ?”

ร่าเริงหัวเราะเบาะๆก่อนจะมองหน้าผม

“พี่เคยถามผมว่าทำป้าธิดาเคยเรียกผมว่า ‘พระอาทิตย์ ’ แล้วมีใครเคยถามพี่หมอไหมครับว่าทำพี่ ‘เหมือนพระจันทร์’ จังเลย”

“พระจันทร์ ?”

“พี่ไม่ได้อบอุ่นแบบพระอาทิตย์ หรือเป็นมิตรแบบโลก...แต่พี่น่าค้นหาแบบพระจันทร์....”

“ถ้าพี่เป็นผู้หญิง...มุกนี้คือเสียว”

ร่าเริงหัวเราะลั่น ก่อนจะหยุดหัวเราะแล้วนั่งไอ ผมเห็นแบบนั้นเลยลูบหลังปลอบเบาๆก่อนอาการไอจะสงบลง

“เอาน้ำไหม ?”

“ไม่เป็นไรครับ ....แต่ไม่ใช่มุกนะเมื้อกี้”

“...............”

“พี่....น่าค้นหาจริงๆ....”

“................”

“ในชีวิตร่าเริง ตั้งแต่ป่วยจะเจอหมออยู่สองประเภท...หนึ่งคือพวกที่กลัวว่าร่าเริงจะเป็นอะไรไปในความรับผิดชอบของเขา หรือสอง...พวกที่คิดว่าผมต้องตายแน่ๆอยู่แล้วเลยเลือกที่จะไม่ใส่ใจ....แต่พี่เป็นพวกประเภทที่สาม”

ร่าเริงว่า ก่อนจะหลับตาแล้วพิงไหล่ผม

“ไม่ได้ใส่ใจจนเกินพอดีเหมือนกับพยายามให้ผมเห็นว่าเป็นห่วง แต่พยายามไม่แสดงออกว่าใส่ใจแล้วดูแลผม....ผมว่าพี่น่าค้นหาออก”

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหน หรือมุมปากยกขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่รู้สึกตัวอีกที่ก็พูดออกไปแล้วว่า

“ก็เราเป็นน้องชายพี่ไง....”

ไม่รู้ทำไมผมที่เป็นคนยิ้มยากกลับยิ้มออกมาได้ง่ายๆ

.....แค่เป็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มแปลกๆก็เท่านั้นเอง...

“ครับพี่ชาย...ขออยู่แบบนี้ก่อนนะ”

น้องมันว่า หัวเล็กๆยังคงพิงกับไหล่ผมต่อไป

“ตามสบายครับ...น้องชาย”




:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:





“ไหวไหม ?”

ผมว่า ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าผืนบางให้กับร่าเริง

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆตามครรลองของมัน ผมเองก็เป็นหมอประจำอยู่ที่นี้ได้เกือบเดือน ตอนนี้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างเองก็กำลังเข้าที่เข้าทาง ทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัว ตั้งแต่รู้ว่าผมจบหมอ พ่อกับแม่เองก็ดีใจมากขึ้น ผมเองก็พยายามที่จะกลับไปเยี่ยมทุกอาทิตย์เท่าที่สะดวก

ท่านคงไม่คิดหรอกว่าไอ้เด็กที่เคยเห็นวิทย์-คณิตเป็นยาขมจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้ แม้จะใช้เวลามากกว่าคนอื่นเกือบๆสองปีแต่ก็ยังคงจบออกมาได้ ได้งานที่ดี การงานเองก็ก้าวหน้าไปมาก หรือแม้กระทั้ง....

...ได้คนป่วยที่ดี

“สบายมากครับพี่”

ร่าเริงว่าก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าจากผม มือบางขาวๆออกสีแดงระเรื่อจากการออกกำลังกาย ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยเหงื่อไคล้ ร่าเริงเช็ดลวกๆเสร็จก็ส่งคืนกลับมาให้ผม

“อยู่นิ่งๆนะ...”

ผมว่า ก่อนจะยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมืออีกข้างรวบผมด้านหน้าของร่าเริงขึ้น

...แล้วค่อยๆเช็ดจนเหงื่อที่เหลืออยู่หมดไป

“ขอบคุณครับ”

ริมฝีปากเล็กๆนั้นว่าก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา

“รู้สึกปวดหัวใจมั่งไหม ?”

“ไม่เท่าไหร่ครับพี่ แค่เหนื่อยๆเท่านั้นเอง”

ร่าเริงว่า ก่อนจะกดเล่นเครื่องเล่นMP3ในมือแล้วเอนหลังลงไปนอนกับเตียง เสียงเพลงค่อยๆดังขึ้นเบาๆก่อนคนเปิดจะนอนฮัมเพลงตามไปด้วย





ไม่ว่าเจอสิ่งใด เนิ่นนานไปก็แปรเปลี่ยน สักวัน
เคยวิ่งตามความฝัน แต่บางครั้งก็ต้องหยุด แค่นั้น
เมื่อก่อนเคยรัก เคยผูกพัน
แต่มาวันนี้มันเป็นเพียง คนเคยได้รู้จักกัน
วันนี้มีสุขใจ แต่ต่อไปสักวันคง วุ่นวาย
หากความทุกข์ทนจางหาย อาจมองเห็นความสุข อีกครั้ง

จึงทำให้ฉัน ได้เข้าใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร
ฉันจะก้าวเดินต่อไป

อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ
ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ
เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว
ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ

วันที่ทำผิดไป อาจเจอใครที่เข้าใจ สักคน
ในความมืดมนสับสน อาจเจอคนที่จริงใจ ไม่ยากนัก

จึงทำให้ฉัน ได้มั่นใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร
ฉันจะก้าวเดินต่อไป
ในความมืดมิดยังมีดวงดาว
และแดดยามเช้าพาให้เราก้าวไป

อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ
ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ
เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว
ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ




“พี่เคยมีความฝันไหม ?”

ร่าเริงถามผมเบาๆ ตายังคงหลับลงไป ผมเองก็ค่อยๆเอนหลังลงก่อนจะนอนยกแขนข้างหนึ่งมาปิดดวงตาเอาไว้

“มีสิ...พี่เคยมีความฝัน”

“ฝันว่า ?”

“พี่ฝันว่าอยากจะเดินทางรอบโลกนะ...ไม่สิ เอาแค่ที่ไทยก่อนก็ได้”

“เหรอครับ ...แต่ตอนนี้พี่เป็นหมอนิ”

“ก็ใช่ไง เป็นหมอรักษาเราไง”

ผมรู้สึกเหมือนร่าเริงขยับตัวพลิกมาทางผม ผมเลยลืมตาก่อนจะหันข้างไปหาดวงตากลมโต

“แล้วทำไมถึงมาเป็นหมอล่ะ ? ลุคพี่ไม่ให้เลยเอาจริงๆ”

ร่าเริงถามผมมาแบบนี้เท่าที่เจ้าตัวอยากจะถาม ก็จริงของน้องมันแหละครับ ลุคผมมันเหมือนพวกนักเลงหัวไม้หรือไม่ก็พวกเด็กช่างกลอาชีวะมากกว่าจะเป็นคุณหมอเฉพาะทาง แต่นั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมภูมิใจ.....

“เพราะพี่ไม่อยากให้ใครมองพี่แค่ภายนอกไง...”

“ยังไงครับ ?”

ปากเล็กๆถาม ก่อนนิ้วชี้จะไล่อักษรตามลายสกรีนเสื่อผม

“พี่อยากให้ทุกคนได้เห็น ไม่ว่าข้างนอกพี่จะเป็นยังไง แต่พี่ก็ยังเป็นคนๆหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้ พี่อาจจะเจาะหู พี่อาจจะแต่งตัวเน่าๆ แต่พี่ก็มีความรับผิดชอบมากพอจะดูแลคนๆหนึ่งได้ในฐานะคนป่วย...และน้องชายของพี่ ได้ดีเท่าที่พี่หรือหมอคนหนึ่งจะทำได้”

“แล้วทำไมพี่ถึงยังไม่มีแฟนอ๊ะ... ?”

“.............”

ดวงตากลมโตสนิทยังคงจ้องมองผม

จะตอบยังไงดีล่ะ....

“พี่แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่นะ”

“แล้วคนที่ใช่นี้...แบบไหนล่ะครับ ?”

ร่าเริงยังถามต่อ นิ้วเล็กๆยังเขี่ยไปมาบนเสื้อของผม

“อื้ม....ก็แบบ เด็กกว่าพี่หน่อย มีเหตุผลนิดๆ ไม่ขี้งอน ไม่ขี้งอแง ที่สำคัญต้องกินผัก”

“ทำไมต้องกินผัก ?”

ไม่รู้เพราะอะไร ผมรู้สึกเสียงน้องมันหม่นๆชอบกล...หรือไม่ผมก็คงคิดไปเอง

“ก็คนกินผักเป็นคนที่รักสุขภาพ...แล้วคนที่รักสุขภาพ ก็น่าจะรักพี่ไง.....”

ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่าทำไมตัวเองถึงตอบไปแบบนั้น อาจจะเพราะอยากรู้อะไรบางอย่าง หรือไม่อย่างงั้นไอ้อาการที่หัวใจมันเต้นแรงแปลกๆนี้ ก็เพราะว่าผม ‘คาดหวัง’ อะไรอยู่บ้างรึเปล่านะ ?

ร่าเริงเงียบไปสักพัก...ไม่สิ ไม่ใช่แค่ร่าเริงหรอก ผมเองก็เงียบไปเหมือนกัน ก่อนน้องมันจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าแล้วพูดออกมาเสียงแผ่วเบา

“แล้วถ้าร่าเริงกินผักล่ะ ?”

ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองใจเต้นแรกมาก มากจนกลัวว่าคนข้างในผ้าห่มจะจับได้ ร่างกายเหมือนไม่ยอมรับฟังคำสั่งรู้แค่ว่าลำตัวขยับไปด้านหน้าก่อนริมฝีปากจะกดทับลงไปกับผ้าห่มตรงบริเวณหน้าผาก


“พี่ก็คงจะรักเราแหละครับ......”



TBC.
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐แตกต่างเติมเต็ม๐ ที่ 24-04-2015 03:01:17

“หนึ่ง...สอง...หนึ่ง...สอง”

เสียงเล็กๆนับจังหวะการเต้นดังขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเบาๆไปมาตามเสียงเพลงที่เปิดคลอ เหงือเม็ดเล็กเม็กน้อยไหลแทบจะทุกส่วนของร่างกาย

“ค่อยๆก็ได้นะร่าเริง เดี่ยวจะแย่เอา”

ผมดุเบาๆ ก่อนจะเหล่ตาอ่านหนังสือในมือต่อ

‘ความรักต่างวัย ของเราสองคน’

.....หนังสือบ้าอะไรว่ะ ? แล้วนี้ผมอ่านทำไม ?

“อ่านๆไปเหอะครับ”

เจ้าของหนังสือส่งเสียงว่ามาแบบไม่มองหน้าผม แขนเล็กๆชูขึ้นลงก่อนจะหมุนไปมาอีกรอบ ผมส่ายหน้าเบาให้กับความทะเล้นของน้องมันแล้วอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อไป

โอเค ผมกินเด็ก

ไม่ดิ ว่าแบบนั้นไมได้นะครับ ผมยังไม่ได้ ‘กิน’

….หรือจริงๆแล้วผมไม่มีวันได้กินหรืออะไรทั้งนั้นต่างหาก.....

มันเป็นไปไม่ได้

เป็นไปไม่ได้จริงๆ......

ผมนั้งนิ่งเงียบ สายตาจ้องหนังสือแต่ไม่ได้อ่าน สมองคิดไปไกลถึงเรื่องอื่น นานมากแล้วที่ผมไม่รู้สึก ‘หวิว’ โดยไม่สามารถหาเหตุ
ผลประกอบหรืออธิบายเป็นคำพูดได้ ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าตัวเองควรหาคำตอบหรือกระทั้ง ‘ข้ออ้าง’ ไม่ให้ตัวเองรู้สึกหนึบๆที่หัวใจได้ยังไง มันไม่ได้ปวด ไม่ได้เจ็บ มันแค่รู้สึกเคว้างไปหมด เหมือนๆอากาศในปอดของผมมันหายไปก็เท่านั้น

“คิดอะไรอยู่ครับพี่หมอ”

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองนิ่งไปนานไหม แต่ก็คงนานมากพอที่จะให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้วหันมาหาผมแทน ผมยิ้มรับคำถามนั้นแล้วส่าย
หน้าน้อยๆแทน ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเลี่ยงที่จะพูดสาเหตุที่ทำให้ ‘เคว้ง’ ได้ขนาดนี้

“ไม่เอาสิครับ....ไม่เอานะ”

“..................”

“ผมแค่ตายนะ....ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อ.....”

ผมไม่รู้ว่าทำไม หรือเพราะอะไร แต่ก่อนที่ร่าเริงจะได้พูดประโยคนั้นจบ ผมหยุดมันด้วยการดึงร่างเล็กๆนั้นเข้ามากอดแนบชิดกับ
ตัว ไม่กี่ครั้งที่ผมจะรู้สึกอะไรแบบนี้

“......อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”

“ไม่เอาแล้วนะ....”

“ไม่ลากันนะ.....”

มือเล็กๆนั้นจับหัวผมดึงขึ้นมา ก่อนจะจับแก้มผมไว้แล้วดึงเบาๆแล้วหัวเราะออกมา

“พูดแบบนี้มากๆนี้แหละ ผมจะได้ไปก่อนเวลา ฮ่าๆๆ พี่หมอบ้า ทำไมชอบทำให้ผมเขินว่ะ”

...กูไม่ได้อยากทำให้มึงเขิน

เมื่อกี้นี้ซีนเครียด อีหอย...มึงช่วยมีอารมณ์ไปกับกูสักสองนาทีได้ไหมล่ะ.....

ผมส่ายหน้าเบาๆให้กับตัวเอง จะว่าไปแล้วก็กลับกลายเป็นผมเองนั้นแหละ

....ที่กลัวว่าตัวเองจะต้องสูญเสียไป

‘จุ๊บ’

ริมฝีปากบางเบาประทับลงที่แก้มหยาบๆของผม ผมหันขวับตามความรู้สึกอุ่นๆก่อนจะมองน้องมันตากว้าง

“เด็กบ้า อยากโดนพี่จับกินรึไง !!!”

ผมว่าก่อนจะเอาข้อศอกยกขึ้นไปขยี้หัวน้องมันเล่น เจ้าตัวหัวเราะร่วนกลบเกลื่อนสิ่งที่ทำลงไป แต่ทั้งผมทั้งน้องมันก็รู้ดีทั้งนั้นแหละ ว่าไอ้เสียงหัวใจเต้นแรงๆที่ดังออกมาจากหน้าอกข้างซ้ายของคนสองคนนี้มันคืออะไร

“ตัวแค่นี้ กล้าจริงนะเรา”

ผมเอ็ดมันเบาๆหลังทำโทษด้วยข้อศอกเสร็จ(?)ก่อนปลายจมูกจะก้มลงไปดมกลิ่นตุ้ยๆบนหัวน้องมัน

“ก็ทำทุกอย่างที่อยากทำ ก็กลัวไม่ได้ทำไงถึงได้กล้าทำ”

เป็นอีกครั้งที่ผมถอนหายใจ ก่อนจะจับหน้าน้องมันนิ่งๆ

“สัญญาว่าจะรักษาสัญญา”

ผมว่า

“สัญญาเช่นกันครับว่าจะรักษาสัญญา”

เจ้าตัวเล็กของผมว่า ก่อนมันจะหันมานอนซบอกผม เหมือนๆที่ชอบทำประจำในระยะหลังๆ....

....จริงๆต้องบอกว่าหลังจากวันนั้น

เปล่าครับ

ไม่ได้เป็นแฟน

ไม่ได้อะไรทั้งนั้นเลย

ในความรู้สึก แค่ผมเหมือนกับเข้าใจความต้องการ ความนึกคิด ความรู้สึกของอีกฝ่าย แล้วอีกฝ่ายเหมือนผมทุกอย่าง อารมณ์มัน
ประมาณนั้นล่ะมั้งครับ ว่าๆง่ายๆดีลกันตรงตัว...เล่นเอาผมหมดสภาพหมอโหดเลยจริงๆครับ แต่พอเป็นแบบนี้ก็ดีขึ้นนะครับ ดูแลได้ง่ายขึ้น พูดจากันผมก็รู้สึกว่ามันสนิทสนมมากขึ้น หลังจากวันนั้นแล้วทั้งผมแล้วน้องมันก็ผูกใจไว้ด้วยข้อ ‘สัญญา’

ผมขอให้ร่าเริง สัญญากับผมว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อ ‘ตัวเอง’ ส่วนน้องมันขอผมไว้ว่า....

‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าผมจะอยู่หรือไป .....พี่หมอต้องเดินหน้าต่อไป ห้ามยึดติดกับผมนะครับ’

เสียงเล็กๆบอกผมแบบนั้น ร่าเริงไม่ได้พูดในเชิงหลงตัวเองเลย เขาก็แค่พูดออกมาจากความรู้สึกของเด็กคนหนึ่ง จริงๆแล้วผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องมันจะเข้าใจไหมว่าคำว่ารักมันหมายความลึกซึ้งขนาดไหน และผมยิ่งไม่เข้าใจไปมากกว่าว่าทำไมตัวเองถึงได้ ‘รู้สึก’ เข้าจนได้

ทั้งๆที่ผ่านมาในชีวิตก็ผ่านอะไรมาเยอะ มาเยอะจนผมไม่คิดว่าตัวเองจะเลือกใครสักคนแล้วหยุด มีคนบอกว่าผมมัน ‘หยุดไม่เป็น’ อาจจะเพราะนิสัยกินไม่เลือกของผมล่ะมั้ง หรือไม่งั้นผมก็อาจจะแค่ไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ เอาตรงๆผมก็บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นร่าเริง

แต่เขาสอนผม....

สอนผมให้เข้าใจว่า...บางครั้งเรื่องบางเรื่องมันมีเหตุผลของมัน แต่เราไม่จำเป็นต้องรับรู้ถึงเหตุผลนั้นๆนิครับ เราก็ปล่อยเหตุผลนั้นให้ไปเป็นตามเรื่องตามราวของมัน ทำใจให้ว่าง เปิดรับความสุขเท่าที่จะมีขึ้นมาได้ อีกอย่างหนึ่งผมเองก็ไม่ได้ดูแลน้องมันตลอดเวลาหรอกนะครับ เพราะคนไข้คนอื่นๆก็เยอะ นอกจากช่วงตรวจสุขภาพประจำวันแล้วกว่าจะได้เจอก็หลังจากผมออกเวร แต่ถ้าวันไหนมีก็อาจจะไม่ได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ ร่าเริงไม่เคยเร่งรัดผม ไม่เคยร้องขออะไรที่มากไปกว่าความสุขของเด็กทั่วไปคนหนึ่ง และตลอดเวลาน้องเองก็ยังเป็นคนที่ทุกคนรัก เป็น ‘พระอาทิตย์’ ดวงน้อยที่แสนจะอบอุ่น

เพื่อพระจันทร์แบบผมกระมั้ง....

ผมค่อยๆขยับตัวเองออกจากเตียงเบาๆหลังจากมองนาฬิกาแขวนผนัง ตอนนี้ถึงเวลาเข้าเวรของผมแล้ว ผมประครองศีรษะของร่าเริงวางไว้บนหมอนหนุนใบเล็ก ก่อนผมจะปรับแอร์ขึ้นแล้วห่มผ้าห่มให้น้องมันดีๆ ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของน้องมันที่ยิ้มออกมา

หากมีพรสักข้อให้ผมขอผมก็อยากจะขอ

ขอแค่นานกว่านี้

สักหนึ่งปี

หนึ่งเดือน

หนึ่งวัน

หรือแม้กระทั้งหนึ่งวินาทีก็ตามแต่


......หากแต่ระยะเวลาที่ผมจะได้สัมผัสและอยู่กับเด็กคนนี้มันยืดยาวมากขึ้น

ผมก็ยอม.....

ผมขอแค่นั้นจริงๆ.....




   ...


วันนี้ทั้งวันผมขึ้นวอร์ดและผลัดเวรกับหมอศัลย์เฉพาะทางอีกสองคน เล่นเอาเหนื่อยแทบตายไปเลย พอพี่หมออีกคนลาหยุดงาน แต่ก็นั้นแหละครับใช่ว่าอาชีพเราๆจะลากันได้บ่อยแค่ไหน มีแค่ไม่กีโอกาสเท่านั้นแหละครับเราถึงจะได้หยุดพักกันจริงๆเห็นแก่ว่าพี่แกเพิ่งพีเวดดิ้งหรอกนะ ผมกับหมออีกสองท่านเลยไม่ได้ว่าอะไร แต่รวมๆวันนี้ทั้งวันผมยุ่งจนไม่ได้ไปหาร่าเริงเลย ได้ยินแค่แว่วๆว่าน้องปลื้มกับเพื่อนมาหาก็เท่านั้น

ร่าเริงเคยเล่าให้ฟังว่าเขามีพี่ชายที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันคนหนึ่งคือน้องปลื้ม เป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่นๆ ม.ปลายครับ  หน้าตาน่ารักออกแนวเด็กเรียนๆหน่อยก็เท่านั้นเอง แต่น้องน่ารักครับ ผมเห็นมาเยี่ยมเจ้าร่าเริงประจำ บางวันก็แบกกีต้าร์มาดีดมาร้องเล่นกันในห้อง

ผมถอดเสื่อกราวน์ออกก่อนจะเดินตัวปลิวขึ้นในบนตึกผู้ป่วยใน พอเดินออกมาจากลิฟธ์ผมก็เดินต่อไปที่ห้องริมระเบียง เอาจริงๆนอนในห้องกับน้องมันบ่อยกว่ากลับหอพักตัวเองอีกด้วยซ้ำไป....

แต่ที่ผมแปลกใจวันนี้คือท่าทางของร่าเริงมากกว่า....

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะเห็นน้องมันนั้งนิ่งๆ แต่สายตาสองข้างมองออกไปนอกหน้าตา...

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ ?”

อธิบายไม่ถูก แต่รู้ว่าน้องมันโอเคมากขึ้นร่าเริงหันมายิ้มหน่อยให้กับผมก่อนจะยกมือขึ้นมาสองข้าง

“พี่หมอ....”

“.........”

“วันนี้ผมไปเดินสวนมา....”

ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้ตื่นตกใจจนร่าเริงกลัว(เพราะมันจะส่งผลกระทบกับจิตใจน้อง) ร่าเริงยิ้มก่อนจะเล่าต่อ

“พี่ปลื้มพี่เกียร์พาไปนะครับ”

ชื่อแปลกๆที่ผมไม่รู้จักชื่อหนึ่งถูกพูดขึ้นมา ก่อนน้องมันจะเล่าต่อ

“วันนี้พี่ปลื้มมาเยี่ยมผม แล้วก็แฟนพี่ปลื้มอิอิ น่ารักมากเลยครับพี่หมอ”

“เหรอครับ ? แล้วไปเดินมาเป็นไงมั้งตัวเล็ก”

“ก็ดีครับ...อากาศสบายดี”

“..........”

“..........”

“วันนี้ร่าเริงได้คำตอบแล้วนะ”

“คำตอบ ?”

ผมว่าก่อนจะนั้งลงข้างๆน้องมัน สายตาของผมก็ทอดยาวมองออกไปนอกหน้าตาด้วยเช่นเดียวกัน วันนี้ด้านนอกเมฆปลอดโปร่ง อากาศเย็นสบายจนผมรู้สึกหายเหนื่อยไปบ้าง

“คำตอบ ที่เอาจริงๆร่าเริงก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แค่รู้สึกว่าตัวเอง ‘ปลดอะไรหนักๆ’ สักอย่างลงไป....”

ผมไม่ขัดน้อง ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี หัวเล็กๆเอนลงมาซบกับแขนของผมก่อนจะพูดต่อ

“ได้เข้าใจแล้วจริงๆ ว่าการที่ใครสักคนที่เขาอยู่เพื่อเรา มันดีแค่ไหน....”

“............”

“ผมไม่เหมือนเด็กคนอื่น...และไม่มีวันเหมือนด้วยพี่หมอ ผมเป็นเด็กที่ขาด ผมขาดทุกอย่างเลย กระทั้งในเวลาที่มีคนเดินเข้ามาเติม ‘ความรัก’ ให้กับผม ทำให้ผมยิ้มออกมาได้แม้มันจะบ้าบอขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนเดิม พระเจ้าก็ยังอยากจะพราก
ผมไปอยู่ดี....”

“............”

“สองสามวันมานี้....ผมเหนื่อยจนไม่อยากขยับ แต่ถ้าไม่ขยับผมคงไม่มีอะไรค้างคามากพอจะ ‘อยู่ต่อ’....เมื่อก่อนผมไม่เคยเรียกร้องการมีชีวิตเลย ผมไม่เคยคิดว่าทำไมวันพรุ่งนี้ผมถึงอยากจะเห็นแสงตะวัน แต่ผมรู้แล้วล่ะ ว่ามันมีค่าขนาดไหน การได้มองเห็นคนที่เรารักเต็มๆตา”

ร่าเริงกำลังจะขยับตัวลุกขึ้น

...ก่อนร่างทั้งร่างจะทรุดลงไปกับพื้น ผมใจหายรีบลงไปประครองร่างน้องมัน ร่าเริงสูดลมหายใจแรงขึ้นก่อนจะพูดต่อ เพียงแค่ลมหายใจเริ่มขาดช่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ ผมเข้าใจว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น
....ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กลั่นน้ำตาไว้ ไม่ให้มันไหลออกมา

“ผม...รั..กพี่หมอ...นะครับ”

“ไม่ต้อง...พูดอะไรแล้วครับ”

ผมจับนอนมันเอนตัวลงที่นอน ร่าเริงพยายามยิ้มออกมาให้ผมสบายใจ สองมือเล็กๆยกขึ้นมือเหมือนๆอยากจะซับน้ำตาผมเอาไว้

“พี่หมอ..อย่า...ร้อง..นะครับ”

คำพูดที่เริ่มเหนื่อยอ่อนดังออกมา ผมพยักหน้ารับก่อนจะประครองน้องขึ้นไปนอนบนเตียง มือข้างหนึ่งกุมมือเล็กๆอุ่นๆนั้นไว้แน่นๆ ก่อนจะบอกเบาให้ร่าเริงนอนหลับลงไป ร่าเริงพยักหน้า หยดน้ำตาใสๆไหลออกมาก่อนจะหลับลงไป
อย่าเพิ่งได้ไหม....

ขอแค่ไม่ใช่ตอนนี้

ขอเวลาต่ออีกสักหน่อยได้ไหม

ให้ผมได้รักเขามากกว่านี้เถอะครับ....พระเจ้า

.........................................................................


“คุณหมอพักบ้างนะค่ะ”

ป้าพยาบาลพูดขึ้นมาเบาๆหลังจากเห็นสภาพของผม

สภาพของซอมบี้ที่ไม่กินไม่นอนไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป......

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหว”

ผมว่า.... ก่อนจะพยายามลากสังขารตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้องมันอีก

ตั้งแต่วันนั้นร่าเริงเองก็ยังหายใจอยู่ เพียงแค่ขนาดระยะเวลาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ...กันภาวะสมองตาย ผมยกมือสองข้างขึ้นมาถูใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะทำสิ่งที่ทำทุกครั้งหลังเลิกงาน ผมลากเก้าอี้มาก่อนจะนั้งกุมมือแล้วเล่าเรื่องราวหลายๆอย่างให้ฟัง
....คนที่นอนอยู่คงไม่มีสติมากพอที่จะรับรู้เรื่องราวของผม

แต่ผมไม่รู้แล้วว่าตัวเองควรจะทำยังไง

ผมแค่อยากใช้ทุกช่วงเวลาสุดท้ายของ ‘ชีวิต’ ให้คุ้มค่า เขาคงไม่อาจจะรับรู้ได้อีกแล้วว่าผมเป็นห่วง ผมรักเขา ผมอยากดูแล ผมอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา แต่มันไม่มีอีกแล้ว ....

...มันไม่มีอีกแล้วจริงๆ

นาฬิกาทรายชีวิตที่นับถอยหลังอยู่ตอนนี้บีบคั่นหัวใจผมแทบจะตลอดเวลา ทุกๆครั้งทั้งตื่นและหลับ ผมปล่อยวางไม่ได้ ผมไม่สามารถจะปล่อยวางได้จริงๆ ผมสะดุ้งทุกครั้งที่เหมือนได้ยินเสียงชีพจรดับลงไป หลายๆวันมานี้เองทั้งแม่และพ่อของร่าเริงก็มาหาน้องบ่อยๆ สีหน้า แววตาของทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผม

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตาทุกครั้งจนกระทั้งครั้งนี้

มันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ผมอยากจะขอเหลือเกิน ขอให้ระยะเวลามันยาวนานมากกว่านี้

ขอให้ไม่จากกันแบบนี้จะได้ไหม....

...ผมยังไม่ได้บอกรักเขาเลยนะ

“รู้ไหมเด็กดื้อ เรานอนไปแล้วไม่ยอมตื่นมายิ้มให้พี่หลายวันแล้วนะ”

ผมพูดติดตลก น้ำตาไหลออกมาทุกครั้งที่มานั้งกุมมือกัน

“เมื่อไหร่จะลุกขึ้นมาครับ...พักนานเกินไปแล้วนะ”

“แล้วไหนบอกไงว่าไม่อยากให้พี่เหงา...รู้ไหม พี่แทบไม่ได้กินไม่ได้นอนเลยนะ”

ผมพูดต่อไปเรื่อยๆ คอมันแห้งและฟืดไปหมด แต่เสียงผมยังพูดต่อไปไม่หยุด มือเล็กๆนั้นเองก็ยังอุ่นเหมือนเดิม ร่าเริงเหมือนคนที่นอนหลับไป ใบหน้าเล็กๆนั้นเหมือนจะยิ้มตลอดเวลา มันยังอบอุ่นเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหน จนกระทั้งผมรู้สึกได้ถึงใครบางคนที่มายืนข้างๆ

“แม่ ......สวัสดีครับ”

ผมยกมือไหว้แม่น้องร่าเริงกับคุณพ่อ

จริงๆแล้วผมไม่ได้บอกเล่าอะไรระหว่างผมกับร่าเริงออกไป แต่ท่านทั้งสองเองก็คงอาจจะพอเข้าใจหรือไม่ก็รับรู้และยอมรับมัน...

แม่น้องร่าเริงพยักหน้ารับไหว้ ก่อนจะกัดปาก เงียบไปสักพักแล้วพูดออกมา

“แม่กับพ่อ....... คิดมาได้สักพักแล้วล่ะ”

“เรื่องนั้นใช่ไหมครับ ?”

แม่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมา

“ตอนนี้น้องเองก็เหมือนตายทั้งเป็น แม่ไม่อยากยื้อน้องไว้ทรมานอีกแล้ว....”

ผมยิ้มรับทั้งน้ำตา พยักหน้ายอมรับการตัดสินใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ในฐานะแพทย์เจ้าของคนไข้แล้วหน้าที่ของผมคือการพยายามรักษาน้องไว้ให้ได้นานที่สุด ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ และตอนนี้เวลาของผมเองก็คงจะเดินมาถึงเลขศูนย์แล้ว

“ถอดเครื่องช่วยหายใจให้น้องเถอะครับ...เขาคงอึดอัดและทรมาน”

“มันคงถึงเวลาที่เราต้องให้น้องเขาไปแล้วล่ะ....”

ผมหูอื้อ ตาลายไปหมดแต่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยกแขนเสื้อมาเช็ดหน้าเช็ดตาลวกๆ แล้วเดินออกไปเอาเอกสาร ทุกอย่างมันอื้อ
ไปหมด มันทรมานไปทั้งตัวและหัวใจ ผมเดินไปหยิบใบเรซูเมนพร้อมใบรีมาร์คสีขาวออกมาจากห้องส่วนตัว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องของน้องร่าเริงพร้อมจม.อีกหนึ่งฉบับเป็นจดหมายสั้งเสียที่ร่าเริงให้ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ผมเหลือหน้าที่สุดท้ายที่
ค้างคาคือการส่งต่อจม.นั้น.....

......และเอาเครื่องช่วยหายใจออก

“รบกวน...เซ็นตรงนี้ด้วยครับ”

มือของผมมันสั่นไปหมด ผมถือใบเรซูเมนแทบหล่นด้วยซ้ำ ร่างกายปฏิเสธความจริงตรงหน้าทุกๆอย่าง  คุณแม่รับมันไปก่อนจะ
จับมือกับคนเป็นพ่อปลายปากกาน้ำหมึกสีน้ำเงินเข้มกรอกลงไปช้าๆ น้ำตาของผมยังไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง ผมเม้มปากแน่นสนิท รับใบรีมาร์คมาก่อนจะพยักหน้าช้าๆให้กับทั้งสองคน

“รับทราบคำสั้งสุดท้าย...หมอจะถอดเครื่องช่วยหายใจให้กับผู้ป่วยนะครับ”

คนเป็นแม่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ทั้งสองคนยืนนิ่งเงียบไม่ได้ออกไปรอด้านนอก ผมพยักหน้าซ้ำอีกครั้งมือสองข้างไล่น้ำตาที่ติดค้าง ก่อนจะค่อยๆถอดเครื่องช่วยหายใจน้องออก เข็มฉีดยาเล็กๆค่อยๆบรรจงฉีดลงไปให้เบาแรงที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ เสียงชีพจรที่เหมือนจะเป็นเสียงที่ดังที่สุดในห้อง ค่อยๆกระพริบดังขึ้นเรื่อยๆ....

....และค่อยๆดับลงไป

ผมยืนมองใบหน้าของน้องมันอีกครั้ง

ร่าเริงก็แค่หลับไป

เพียงแค่การหลับครั้งนี้มันยาวนานกว่าครั้งไหนๆ ยาวนานมากซะจนผมนึกหวาดหวั่นในหัวใจ ผมก้มลงปัดแก้มทั้งสองข้างของน้องมันอย่างเบามือ ก่อนจะจัดผมให้เข้าที่เข้าทาง แม้ไม่ได้ตั้งใจแต่น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงไปเปื้อนแก้มเล็กๆนั้น นิ้วหยาบกระด้างของผมเช็ดมันออก ก่อนเสียงที่อุดตันในลำคอจะพูดออกมา

“พี่ไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตาหรืออะไรทั้งนั้น....”

“แต่ถ้ามันมีจริงๆ.....”

“พี่ขอให้พี่ได้เจอเราอีกนะครับ...”

“พี่รักเราเหมือนกันนะครับ ร่าเริง....”

จบคำพูดของผมเอง เหมือนน้ำตาที่กลั่นไว้มันพรันพรูออกมา ผมยืนร้องไห้ข้างๆร่างที่ไม่ได้สติก่อนประตูห้องจะถูกเปิดอย่าง
เบามือ เสียงเล็กๆที่ผมจำได้ดังเข้ามาด้านใน

“ร่าเริง พี่มาเยี่ย...”

เสียงน้องปลื้มหยุดชะงักไป แต่ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว ตาทั้งสองข้างของผมปนไปด้วยน้ำตาจนมองข้างหน้าแทบไม่เห็นอะไร

“อาเปรม ส...วัสดีครับ....”

 “ป้อง.....”

“.........”

“น้องไปสบายแล้วนะ”

แม่น้องร่าเริงพูดออกมา น้องปลื้มชะงักไป ก่อนน้องอีกคนจะดึงตัวเข้าไปกอด ผมพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลแล้วบังคับให้ตัวเองเดินไปทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง

 “ร่าเริงฝากไว้ให้พวกนาย เขากำชับว่าอยากให้พวกนายสองคนอ่าน”

ผมส่งจดหมายยื่นให้น้องผู้ชายคนนั้นไปเขารับมันไว้แล้วพาน้องปลื้มออกไปนอกห้อง ก่อนผมจะพาตัวเองจะเดินกลับไปที่เดิม นี้อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจริงๆที่ผมเกลียดพระเจ้า
ผมร้องไม่ออกแล้ว ผมไม่เหลือน้ำตาหรืออะไรอีกแล้ว มันจุกไปหมด

.....มันก็แค่อยากจะพูดออกไป

“พี่จะมีชีวิตต่อไป เพื่อที่สักวัน...เราอาจจะได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”

ผมยกมือเล็กๆนั้นมาจูบซับเอาไว้ ร่างที่ไร้ลมหายใจยังคงเหมือนแค่นิทราไป...

....ก่อนที่ผมจะยอมปล่อยมือข้างนั้นไปตลอดกาล

.....ชีวิตคนจริงๆบางครั้งมันก็ไม่มีคำว่าครั้งที่สอง หรือเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง มันอาจจะไม่มีพรุ่งนี้อีกต่อไป หรือจริงๆแล้วเราทุกคนก็แค่กำลังนับถอยหลังกัน ไม่ว่าจะผม พ่อ แม่ หรือใครก็ตาม มนุษย์ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่กำลังนับถอยหลังรอเวลา ตั้งแต่เกิดทุกคนเองก็มีเวลาไม่เท่ากันแล้ว

มันไม่เหมือนในนิยาย มันไม่มีเวลามากพอให้กระทั้งผมได้พูดออกไป

มันจบแล้วจริงๆ.......





...................................................................................................



หกปีต่อมา.....
กรุงเทพมหานคร



‘ผม’
ยืนอัดนิโคตินเข้าปอดก่อนจะปล่อยใจไปกับสายลม วันนี้อากาศค่อนข้างดี ไม่ร้อนอย่างที่ควรจะเป็นในเดือนเมษาทุกๆปี สำหรับผมแล้วถือว่ามันดีไม่น้อย วันนี้ผมออกเวรตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ อาจจะเพราะว่างมากเกินไปหรือไม่ผมก็ไม่มีที่ไป สุดท้ายเตร็ดเตร่ไปมาก็มาเดินอยู่แถวริมน้ำเจ้าพระยา แสงสีทองอร่ามสะท้อนกับผิวน้ำมันล่ะเหลื่อม สีทองสวยดีครับ

ผมยืนสูบบุหรี่อีกม้วนใจผมก็ยังล่องลอยไปถึงคนที่เมื่อเช้าเพิ่งทำใส่บาตรไปให้ ขนมในนั้นจะพอไหมนะ ? แล้วน้องมันจะชอบแบบที่ผมชอบรึเปล่า แล้วบนนั้นจะเป็นยังไง ? น้องมันจะรับรู้ได้ไหมว่าผมยังคิดถึงมันอยู่ตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมา

....แล้วทำไมบุหรี่ผมดับว่ะ ?

ผมเพิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองจะยกนิโคตินขึ้นมาอัดแล้วพบว่าปลายบุหรี่ที่เคยมีไฟบัดนี้กับเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเปล่า

“นี้คุณ ไม่รู้หรือยังไงว่ะตรงนี้ห้ามสูบบุหรี่ ?”

เสียงแตกเนื้อหนุ่มเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆผม ก่อนผมจะหันไปเห็นขวดน้ำในมือที่เพิ่งเปิดฝาออก ถ้าให้เดาก็ไอ้คนนี้แหละที่มันดับบุหรี่ผม

“ผมไม่รู..........”

คำพูดคำสุดท้ายของผมหยุดอยู่ที่ลำคอ...หลังกลับไปมองหน้าโจยท์ของตัวผมเองชัดๆ....

“งั้นก็รู้ไว้ด้วยนะครับ ว่าถ้าอยากจะสูบควันพิษนี้ก็อย่าเพื่อแผ่ใคร เขาไม่ได้ต้องการอยากจะตายไวแบบคุณ !!!”
‘เขา’ ว่าก่อนจะเดินถือกระเป๋าเคียงผ่านผมไป ผมชะงักไปหลายนาทีก่อนจะรีบหันกลับไปมองตาม ร่างในชุดนิสิตที่จงใจเดิน
เบียดกระแทกผมไป

เดี้ยวนะ...

เมื่อกี้นี้

........ร่าเริง ?!?!!

กว่าจะรู้ตัวอีกที่ ผมก็เดินตามร่างนั้นไปแล้ว....



THE END.
[/b][/u]

ขอบคุณทุกการติดต่อในที่ชุดก็มาลงซีรีย์น้องร่าเริงจบจนได้ ถ้าหมายถึง ‘น้องร่าเริง’ จบจริงๆนะครับ....
...แต่ไม่ใช่พี่หมอนะที่จบ

Ps. กำลังทำการกู้อีเมลล์หลักนะครับ T T โดนพรบ.คอมไปรอบหนึ่งครับ รบกวนช่วยสับต่างเป็นหมื่นๆชิ้นซะนะครับ ฮื้อออออ ทำไมเป็นคนแบบนี้


         




หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-04-2015 00:07:33
ขออนุญาติดับฝันคุณหมอนิดนึงนะ //โดนตบ
หกปีผ่านไป ร่าเริงคงเกิดได้เป็นเพียงเด็กประถม
ที่คุณหมอเจอคงไม่ใช่น้องแล้วล่ะ

รอตอนต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยย

ปอลิง: ที่หายไปนานคือเมล์หายเหรอ????
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 22:35:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ___เก็บ____รัก____ Sp.03 'ตะวัน' The End P.14 [24/04/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 16-03-2022 05:38:34
นัดบอร์ดกับสาวคอนแว่นโรงเรียนฝั่งตรงข้าม(ใครใเนี้ยช้ให้ผมติดชายล้วนล๊ะ?หึหึ)
นัดบอด Blind date
เนี่ย
ล่ะ
สะกดผิดเพียบ แค่ย่อหน้าเดียวนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: มึงครับ...'ความรัก'นี้ต้องมีชื่อเรื่องเหรอว่ะ ? #02ใครกันแน่ที่โดนแกล้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 16-03-2022 16:15:35
                                               การ์บ้าน ประติกิริยา  เบ๊ปาก เห้ย  ขี้เกลียด
เขียนแบบนี้ตั้งใจเอาฮาใช่มั้ย ตอบ!!!
หัวข้อ: Re: ;____เก็บ____|รัก| _: #16 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [2] [01/07/57] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 17-03-2022 10:45:41


“กูขาเจ็บ แต่มือยังโอเคอยู่ งั้นเดี่ยวกูประครองรถ มึงเป็นคนเหยียบพวกคันเร่งหรือกับเบรก ตกลงไหม ?”

“อื้ม...ก็...โอเค”

สุดท้ายคือมันนั่งด้านหน้าก่อนจะยกเท้าสตาร์ทรถ ผมนั่งซ้อนท้ายแต่ยื่นแขนข้าวไหล่มันไปจับแฮนด์เอาไว้แต่ไม่ถนัด

เฮ้ยยยย ขี่อะไรกันแน่ ถ้ามอเตอร์ไซค์ทำไมเอาเท้าเหยียบเบรคเหยียบคันเร่ง? แต่ถ้าเป็นรถยนต์ทำไมมีนั่งซ้อนท้าย?
นิยายแฟนตาซีใช่มั้ย หรือเอาฮาอย่างเดียวเลย