NINETEEN
ผมอยากจะให้ตัวเองหายตัวได้ หายไปจากตรงนี้ ห้องพักที่เหมือนจะกว้างขวางแต่ตอนนี้แคบลงถนัดตา แคบทั้งในความรู้สึก ทั้งความเงียบที่แสนจะอึดอัด ใบหน้านิ่งเฉยของพ่อและพี่ยอร์ชให้ความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกแช่แข็ง สายตาทั้งสองคู่จ้องผมอย่างคาดคั้น ยิ่งทำให้ใบหน้าที่ก้มต่ำอยู่แล้วก้มต่ำลงไปอีก
ปวดหัวจัง เพราะความเครียดหรือเพราะเรื่องเมื่อคืนกันนะ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง ก็อาซาน่ะ...ใช้ร่างกายผมหนักเกินไป ทีแรกก็แค่รู้สึกเจ็บหน่วงที่ช่องทางด้านหลังและรู้สึกเหนื่อยร้า ก็คิดว่ายาของคาร์เตอร์ที่อาซาเอาให้กินกันเจ็บกันไข้จะได้ผลดี ที่ไหนได้ ผมกำลังจะเป็นไข้ ไม่รู้จะโทษยาที่ไม่ดีหรือโทษคนกระทำที่ไม่คิดจะยั้งแรง
“บอกพ่อมาสิ ว่าของในห้องหายไปไหน แล้วไอ้หนุ่มนั่นเป็นใคร”
ผมสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆพ่อก็พูดขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน ผมกำลังคิดหนักว่าควรจะเริ่มพูดยังไงดี เพราะไม่รู้ว่าพ่อรู้เรื่องมากแค่ไหนระหว่างผมกับอาซา แต่คนที่มีความผิดติดตัวแบบผม เวลาโดนถามจี้จุดก็มักจะร้อนรนเป็นธรรมดา และผมกำลังพยายามที่จะไม่ทำตัวเป็นไก่ตื่นให้พ่อจับไต๋ได้ เผื่อว่าความจริงแล้วพ่อกับพี่ยอร์ชจะไม่รู้อะไรเลย
“คือ...พอดีว่า...”ผมกำลังคิดหาคำแก้ตัวดีๆ แบบดีจริงๆ พ่อกับพี่ยอร์ชเลี้ยงผมมากับมือ ถ้าข้ออ้างไม่เนียนต้องโดนจับได้แน่นอน
“ว่าอะไร” เสียงพี่ยอร์ชชวนขนหัวลุกมาก แถมยังเดินมานั่งกดดันข้างๆผมอีก แต่สายตาจ้องไปทางอาซาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าผม เท่ากับว่าตอนนี้อาซายืนอยู่หน้าเราสามคน เขาดูไม่ทุกร้อน ไม่เกรงกลัว แต่สายตาก็อ้อนน้อมอยู่ในที
พูดอะไรไปอาซาก็ไม่เข้าใจหรอก ถึงเขาจะอยู่เมืองไทยมานาน แต่ผมไม่เคยได้ยินเข้าพูดภาษาไทยสักครั้ง และเขาก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอีกด้วย เพราะฉะนั้นผมก็อ้างอะไรกับพ่อก็ได้
“ห้ามโกหกนะ” พ่อพูดดักทาง ผมเงยหน้ามองพ่อ ถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดเข้าอย่างจัง
“พ่อ โยขอเข้าห้องน้ำแปบนะ” ผมรีบลุกขึ้นแต่พี่ยอร์ชกดตัวผมเอาไว้
มะ...ไม่ทันแล้วสินะ
จะอะไรเสียอีก...ผมลืมไปได้ยังไงว่าอาซาทำรอยไว้เต็มตัวผม เพราะพ่อโทรมาบอกว่ามาหาผม แถมยังเรียกตัวผมกลับหอด่วนเพราะรู้แล้วว่าผมไม่ได้นอนที่ห้อง ผมก็เลยไม่ทันคิดอะไร แต่งตัวได้ก็รีบออกมา โดยมีอาซาที่คอยพยุงผมที่แข้งขาไร้เรี่ยวแรง
และผมก็โง่จริงๆ ที่คิดว่าจะโกหกคนที่ผ่านโลกมาก่อนอย่างพ่อและพี่ยอร์ชได้ มีหรือว่าทั้งสองคนจะไม่รู้ว่าสภาพผมในตอนนี้เพิ่งจะผ่านอะไรมา
ผมมองพ่อทีมองพี่ยอร์ชทีก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ผมสบตาพ่อด้วยความเสียใจปนขอร้อง
“พ่อครับ โยขอโทษ พี่ยอร์ช โยขอโทษนะครับ ผมกับอาซา...เราคบกันอยู่”
ผมก้มหน้ามองมือตัวเอง ไม่กล้าที่จะมองหน้าพ่อกับพี่ยอร์ช กลัวเห็นความผิดหวังอยู่ในดวงตาทั้งสองคู่นั้น ดวงตาที่คอยมองผมด้วยความชื่นชมรักใครและเอ็นดูในฐานะลูกรักและน้องชายมาโดยตลอด ผมคงรู้สึกแย่ถ้าหากว่าความรักที่พ่อและพี่ยอร์ชมีให้ผมจะเปลี่ยนไป
“เรา...คบกันได้สักพักหนึ่งแล้ว...ข้าวของที่หายก็อยู่ที่บ้านพี่เขา”
พูดแล้วก็กระดากอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำ แม้ว่าเบื้องหลังจะมีอะไรมากกว่าการหนีตามกันไปหรือลักลอบดูใจโดยไม่ให้ผู้ใหญ่รับรู้ แต่ทว่า ผมพูดออกไปไม่ได้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ผมต้องย้ายไปอยู่กับอาซา ตอนนี้ผมจึงกลายเป็นเด็กชายอายุสิบแปดปีที่แอบไปอยู่กินกับผู้ชาย หนำซ้ำยังทำเรื่องไม่งามในคืนก่อนพ่อและพี่ยอร์ชจะมาหา ในสายตาของพ่อและพี่ยอร์ชผมในตอนนี้คงเป็นลูกชายและน้องชายที่ไม่ได้เรื่อง เป็นเด็กใจแตกไม่ได้ความ
พ่อเงียบ พี่ยอร์ชก็เงียบ ยิ่งตอกย้ำความผิดที่ตัวเองได้กระทำ แม้ว่าอีกใจหนึ่งจะแย้งว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไรนักหนา แค่ผมมีแฟน และเรารักกัน แต่ก็เท่านั้น ความคิดของเด็กกับความคิดของผู้ใหญ่ก็ต่างกันวันยังค่ำ
“ของยังอยู่ที่นู่นใช่ไหม” พ่อพูดหลังจากที่เงียบไปนาน ผมพยักหน้าและตอบสั้นๆ
“ครับ”
“อืม ยอร์ชไปกับเจ้าหนุ่มนั่น เอาของกลับมาให้น้อง”
ผมมองพ่ออึ้งๆ
“ครับพ่อ นายชื่ออาซาใช่ไหม พาฉันไปบ้านนาย”
พี่ยอร์ชดูไม่ใจดีเหมือนเดิม ทั้งแววตานิ่งขรึมและน้ำเสียงเย็นชา เหมือนคนละคน ผมมองอาซาด้วยความเป็นห่วง ก็พี่ยอร์ชนะถึงจะพูดกับผมเหมือนคนปกติทั่วไป แต่คนในไร่และคนที่รู้จักก็มักพูดกันว่าพี่ยอร์ชเป็นพวกเย็นนอกร้อนใน เป็นพวกพูดน้อยต่อยหนัก ผมก็กลัวว่าทั้งสองคนจะไปมีเรื่องกันระหว่างทาง
อาซาทำหน้าประหลาดใจเมื่อพี่ยอร์ชเดินไปใกล้แล้วพูดอะไรบางอย่าง เขามองสบตาผมด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนจะเดินนำพี่ยอร์ชออกไปจากห้อง
“ลูกจะต้องอยู่ที่นี่โยชิ พ่อไม่อนุญาตให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น”
คิดไว้แล้วว่าต้องถูกห้ามแบบนี้ ผมจึงไม่แปลกใจ แต่ก็รู้สึกเสียใจและเสียดาย ผมอาจไม่เข้าใจความรู้สึกของพ่อ แต่ผมรู้ว่าพ่อทำแบบนี้เพราะอะไร พ่อและพี่ยอร์ชเป็นห่วงผมมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเสียใจเมื่อคิดว่าพ่อกับพี่ยอร์ชเกิดความไม่ไว้ใจในตัวผม
“พ่อจะไม่ห้ามโยใช่ไหม ถ้าโยจะขอคบกับอาซา” ผมถาม คราวนี้มองหน้าพ่อ แต่พ่อก็ยังเงียบ
“โย...ลูกแน่ใจได้ยังว่ามันคือความรักอย่างที่ลูกว่า” พ่อทำหน้าเครียด ผมเม้มปากแน่น ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงถามแบบนี้
“โยอาจจะเด็กในสายตาพ่อกับพี่ยอร์ช แต่โยเชื่อว่ามันคือความรัก โยอายุสิบแปดแล้ว ไม่ได้เด็กถึงขนาดจะโง่ว่าเรารุ้สึกชอบใคร ใครที่ทำให้เรารู้สึกดีจนอยากจะอยู่ใกล้ๆ โยโตพอที่จะรู้ว่าความรักคืออะไร ถึงแม้คนที่ๆนั้นจะเป็นผู้ชาย พ่ออาจจะไม่พอใจตรงนี้...”
“เปล่า พ่อไม่ได้คิดแบบนั้น” พ่อขัดขึ้น ผมหยุดพูดทันที แววตาของพ่อสั่นไหว ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผมก่อนจะพูดต่อ
“เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพ่อ ตั้งแต่โตมาลูกไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงสักคน พ่อกับยอร์ชทำใจแล้ว ต่อให้ลูกคบหรือรักผู้ชายด้วยกัน พ่อก็ไม่ได้จะกีดกันอะไร เพียงแต่ ลูกเพิ่งเจอกับอาซากี่เดือนกันเชียว แต่นี่...ลูกกลับ...”
พ่อไม่พูดต่อ แต่ผมรู้ว่าพ่อหมายถึงอะไร ก็ได้แต่ยอมรับ ก้มหน้ารับผิด เพราะพ่อไม่รู้ในสิ่งที่ผมรู้ ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาซามันเร็วเกินไป
ผมกระถดตัวลงจากโซฟาเล็ก ก้มกราบที่ตักของพ่อ น้ำตาไหลช้าๆหยดกระทบลงบนตักของผู้มีพระคุณ ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อเลี้ยงดูผมอย่างดี ตามใจผมเกือบทุกอย่าง เลี้ยงดูเยี่ยงไข่ในหิน เมื่อผมบอกว่าจะมาเรียนที่นี้ พ่อและพี่ยอร์ชก็เครียดกันอยู่หลายวัน กลัวสารพัดว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงคนเดียว เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“โยขอโทษ...โยรู้แล้วว่าโยทำผิด พ่ออย่าโกรธ อย่าเกลียดโยเลยนะ”
“พ่อไม่เคยโกรธหรือเกลียดลูก และไม่มีวันเกลียดลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกผิดหวังถ้าหากว่าผู้ชายคนนั้นจะหลอกลูก แล้วก็ทิ้งลูกไป ลูกให้ทุกอย่างไปกับเขาแล้วนะโย ลูกรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทิ้ง ไม่ทำร้ายให้ลูกพ่อต้องเสียใจ”
ผมเงยหน้าขึ้นจากตักกว้าง กอดเอวพ่อเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับกล้ามท้องแข็งๆที่ผมหนุนนอนมาตั้งแต่เด็ก
“โยเชื่อว่าอาซาจะไม่ทำให้โยเสียใจ ให้เราคบกันนะพ่อ โยจะไม่ทำตัวไม่ดีอีก”
ผมเลือกที่จะไม่สัญญา เพราะถ้าทำไม่ได้ขึ้นมาผมคงกลายเป็นลูกชั่ว และผมไม่คิดว่าอาซาจะทนได้ ถ้าผมไม่ให้กอด
“เขาดีกับลูกใช่ไหม” พ่อถาม ผมพยักหน้าทันทีแบบไม่ต้องคิดเยอะ
“ดีมาก อาซาดูแลและใส่ใจผมทุกอย่าง ดูแลดียิ่งกว่าผมดูแลตัวเองเสียอีก” ผมปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มกว้างให้ผมเมื่อมองเห็นความหวัง
“ถ้าลูกมั่นใจพ่อก็จะเชื่อ แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาไม่ดีกับลูก เขาทำให้ลูกเสียใจ สัญญาได้ไหมว่าจะบอกพ่อกับพี่ยอร์ช ห้ามเก็บไว้คนเดียว ห้ามทุกข์แค่คนเดียว”
“ครับ โยสัญญา”
แต่ผมคิดว่าคงไม่มีวันนั้น อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แต่ผมเชื่อมั่นในตัวอาซา ว่าเขาจะรักผมเรื่อยไป
เหลือบมองดูประตู อาซากับพี่ยอร์ชยังไม่กลับมา ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง สองคนนั้นจะคุยอะไรกันไหม แต่จะพูดคุยกันเรื่องอะไรก็ช่าง แค่ไม่ต่อยตีกันก็พอ
“พ่อจะให้เราคบกับเจ้าหนุ่มนั่นต่อก็ได้ แต่...”
ผมกำลังจะดีใจก็มาหยุดเอาในตอนหลัง
“แต่อะไรอ่าพ่อ” ผมอ้อน พ่อเบะหน้าใส่ผม
“โยต้องอยู่ที่หอ ห้ามไปอยู่กับเจ้าหนุ่มนั่น”
“เขาชื่ออาซา”
พ่อเรียกอาซาว่าเจ้าหนุ่มนั่นตั้งแต่เมื่อตะกี้นี้แล้ว
“นั่นแหละ ห้ามเด็ดขาด พ่อจะโทรมาเช็คกับผู้ดูแลหอ ถ้าเขาบอกว่าลูกไม่อยู่หอละก็ เจอดีแน่”
งานนี้พ่อผมคงเอาจริง ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก อาจจะคิดถึงมาก แต่อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกัน ถึงแม้ลึกๆผมอยากจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของอาซาก็เถอะ
แต่สำหรับอาซา ไม่รู้เขาจะว่ายังไงบ้างถ้ารู้เรื่องที่ผมต้องกลับมาอยู่หอพักกับดาวเสาร์
“ได้ครับ” ผมยิ้มเผล่
“อีกอย่าง พ่อไม่อยากจะห้ามลูกเรื่องเพศสัมพันธ์หรอกนะ แต่ก็อย่าให้มันโจ่งแจ้งมากนัก” พ่อแตะนิ้วที่คอผม ผมสะดุ้งเจ็บตรงรอยฟันที่อาซาขบกัดไว้เมื่อคืน
“ครับ” คราวนี้ผมรับเสียงแผ่ว
“แล้วก็ป้องกันด้วย อย่าเสี่ยงกับโรค เข้าใจไหม”
“ครับ”
ไว้ผมจะบอกอาซาแล้วกัน ไม่รู้ว่าจะยอมไหม แต่ผมมั่นใจนะว่าอาซาไม่น่ามีโรคร้ายหรอก ถ้ามีคงไม่อยู่มาจนทุกข์วันนี้หรอก หึหึ ก็อาซาเป็นพ่องูจำศีลมาตั้งนานจนกระทั่งเมื่อคืน
อ่า คิดแล้วก็หน้าร้อนฉ่า รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ผมไม่ได้มีความต้องอาการแปลกๆพวกนั้น แต่ผมคิดว่าผมคงเป็นไข้เข้าให้แล้ว แอร์ที่เปิดไว้และไม่มีใครเร่งเพิ่มก็หนาวจนเริ่มสั่น
“หน้าดูเพลียๆ ไหวไหมลูก ดูเหมือนไข้จะขึ้นนะ” พ่อถาม อังมือที่หน้าผากผมก่อนจะทำหน้าหนักใจ
ช่วงที่อาซากับพี่ยอร์ชยังไม่กลับมา พ่อให้ผมนอนแล้วก็เช็ดตัวให้ผม ก่อนจะหายาที่ผมเองยังไม่รู้ว่ามีอยู่ในห้องเอามาให้ผมกิน คงเพราะพ่อเป็นคนจัดข้าวของที่จำเป็นบางอย่างให้ผมก่อนที่จะมาอยู่ และก็คงเป็นพ่ออีกนั่นแหละที่ยัดยาลงในกล่องเก็บของใบเล็กที่ผมเอาติดตัวมาด้วย
ผมนอนคุยกับพ่อ เราเรื่องอาซาให้พ่อฟังคร่าวๆ โดยตัดบางเรื่องที่ไม่ธรรมดาออก รวมถึงเรื่องที่ผมตามอาซาไปที่ผับด้วย ผมเว้นเรื่องนั้นไว้ ไม่อยากเสี่ยงกับการถูกพ่อตี ผมบอกแค่ว่าอาซาช่วยผมทำรายงาน พาผมไปเลี้ยงข้าว ช่วยผมจากคนบ้า ในความคิดผมหมายถึงเจอร์โรม แต่ไม่ได้บอกหรอกเพราะพ่อไม่รู้จักคนแบบนั้น และเรื่องที่อาซาพาผมไปโรงพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บเพราะแก้วตำเท้า อาซาเป็นคนดี ผมอยากให้พ่อรักอาซาเหมือนที่รักผม
ผมเกือบจะหลับถ้าพี่ยอร์ชไม่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเสียก่อน พี่ยอร์ชดูหงุดหงิดแล้วก็หัวเสีย วางกระเป๋าที่บรรจุข้าวของของผมไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะเรียกพ่อออกไปคุยนอกห้องระเบียง ผมมองไปที่ประตู หวังให้อาซาเดินตามหลังพี่ยอร์ชเข้ามา แต่ไร้วี่แวว ผมไม่แน่ใจว่าเขาไม่ได้มาด้วย หรือนั่งรออยู่ที่ด้านนอก
ประตูห้องนอนเปิดค้างเอาไว้ ผมชะเง้อมองเพราะเตียงผมอยู่เฉียงกับประตูห้องนอนนิดเดียว มองออกไปก็จะเห็นส่วนของห้องนั่งเล่นที่ผมไม่ได้ค่อยได้พอดี แต่อาซาไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างที่คาดหวังไว้
อาซาจะว่ายังไงบ้างที่ผมต้องกลับมาอยู่ห้องเดียวกับดาวเสาร์ จะว่าไป วันนี้ดาวเสาร์ก็ไม่อยู่ห้อง ทีแรกผมก็ไม่ทันคิด เพราะปกติดาวเสาร์ก็ไม่ค่อยอยู่ห้องอยู่แล้ว หรือถ้าอยู่ก็จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งก็เหมือนกับผม ถ้ากลับมาถึงห้องก็พุ่งเข้าห้องนอนเป็นอย่างแรก ส่วนข้างนอกก็ดูจะไม่สำคัญ เพราะในห้องนอนก็มีครบทุกอย่าง โต๊ะเขียนหนังสือก็อยู่ในนี้ แถมมีทีวีอีก บางทีแอชยูก็สิ้นเปลืองงบประมาณในการสร้างหอพักเกินจำเป็น
แอ๊ด~
“พี่ยอร์ช อาซาล่ะ” ผมถาม พี่ยอร์ชหน้าตึงทันตา เดินอาดๆมานั่งที่เตียงด้านข้าง
“ถามหาแต่มัน คงไม่คิดถึงพี่เลยใช่ไหม โทรหาก็ไม่ค่อยรับ รอน้องโทรไปหาก็ได้แต่รอเก้อ ที่ไหนได้ มาติดหนุ่มอยู่กรุงเทพ ไม่สนใจพี่เลยสินะ” เสียงดุๆที่เต็มไปด้วยความน้อยใจพรั่งพรูใส่หน้าผมคำรบใหญ่
“เปล่าน้า โยชิคิดถึงพี่ยอร์ชจะตายไป ขอโทษนะครับ โยเป็นเด็กไม่ดีเลย” ผมอยากจะลุกไปกอดพี่ยอร์ช แต่ลุกไม่ไหว หัวก็ปวดตุบๆเหมือนเสียงตีกลอง
“เชื่อได้เหรอ” พี่ยอร์ชขมวดคิ้ว ผมรีบยิ้มเอาใจ
“เชื่อได้สิครับ ต่อไปนี้โยชิจะโทรหาพี่ยอร์ชทุกวันเลยดีไหม”
“ถ้าทำไม่ได้ล่ะหน้าดู”
พี่ยอร์ชโนมตัวลงมากอดผม ผมลับตาลงช้าๆ ซึบซับไออุ่นจากพี่ยอร์ช พี่ชายที่แสนดีของผม
“แล้วอาซาล่ะหะ”
ผมไม่ได้อยากจะทำให้พี่ยอร์ชรู้สึกแย่ แต่ผมแค่อยากรู้ว่าอาซาหายไปไหนเฉยๆ เขาน่าจะกลับมาด้วยไม่ใช่เหรอ
“พี่ให้มันกลับไปแล้ว แล้วไม่ต้องพูดถึงมัน พี่ยังไม่อยากได้ยิน” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด ผิดจากเมื่อตะกี้ลิบลับ
“พี่ยอร์ชอ่า พี่ยอร์ชไม่ชอบอาซาเหรอ เขาเป็นคนดีนะ” ผมพึมพำประท้วง แต่ก็เลิกพูดถึงอาซา พี่ยอร์ชไม่พูดอะไร แต่ผมคิดว่าพ่อคงบอกพี่ยอร์ชหมดแล้ว เพราะไม่มีคำถามและคำต่อว่าจากคนตัวโตที่เอนตัวนอนลูบผมกล่อมให้ผมหลับ
“พี่รักโยชินะ มีอะไรต้องบอกพี่รู้ไหม ถ้าเห็นว่าเราเป็นพี่ชายน้องชายกัน” พี่ยอร์ชกระซิบเบาๆ ผมกำลังเคลิ้มหลับก็เลยทำเพียงพยักหน้า
พ่อและพี่ยอร์ชอยู่เฝ้าจนกระทั่งผมตื่นมาอีกทีก็ตอนเย็น อาการไม่ดีขึ้น แต่ที่ไร่มีปัญหา พ่อกับพี่ยอร์ชเลยต้องรีบกลับ เพราะที่ไร่ไม่มีคนดูแล ก่อนกลับก็กำชับผมอีกหลายอย่าง ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่เรื่องเดียวที่ผมฟังทันก็คือพ่อและพี่ยอร์ชบอกว่ารักผม
อะไรจะดีไปกว่าการที่คนในครอบครัวเขาใจเรา
ซี่!
“อ๊ะ อาซา!!!” ผมอุทานลั่นห้อง นั่งคิดเรื่องพ่อกับพี่ยอร์ชเพลินๆก็มีตัวอะไรไม่รู้ไต่ขา ตวัดผ้าห่มออกดูก็เจองูตัวสีดำที่คุ้นเคยเลื้อยเข้ามาหาผม
“กลับเป็นคนสิ ทำไมมาในร่างงูล่ะ” ผมถาม อาซาผงกหัวที่แนบอยู่กับขาผมขึ้น เขาแลบลิ้นลองทีก่อนจะเลื้อยขึ้นมาบนหน้าอกผม ก่อนจะรู้สึกหนักไปทั้งตัวเหมือนถูกก้อนหินทับ เพราะอาซากลับไปเป็นคนกะทันหัน
“ก็พี่นายไม่ให้ฉันเข้ามา ล็อคห้องแน่นหนา ฉันก็เลยต้องมาวิธีนี้”
“พยายามจังเลยนะ” ผมประชด เขาทำหน้านิ่งจนกระทั่งผมบ่นว่าจุกถึงได้ลงจากตัวผม
“พ่อบอกว่าให้ฉันกลับมานอนหอ” ผมเล่าเรื่องที่คุยกับพ่อให้ฟัง อาซาที่นอนข้างๆฟังเงียบ ผมรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูด ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเอายังไง เพราะการที่อาซาไม่พูด อาจหมายความว่าเขารับรู้แต่ไม่ทำตาม กับรับรู้และยอมทำตามแต่โดยดี ซึ่งผมเดาใจเขาไม่ถูก
“นี่ ได้คุยอะไรกับพี่ยอร์ชหรือเปล่า” ผมพลิกตัวกอดอาซา กลิ่นเย็นๆจากไอดินและกลิ่นหญ้าที่ตัวอาซาหอมโล่งจมูก
“เปล่านี่ ไม่สบายเหรอ” เขาถาม เลี่ยงไม่ตอบคำถาม ผมก็เลยไม่ถามต่อ
“อืม เพราะใครก็ไม่รู้”
มาป่วยเอาแบบนี้ก็แย่เลย วันนี้ก็ขาดเรียน พรุ่งนี้จะหายทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขาดเรียนมากๆเขาผมคงหมดสิทธิ์สอบ หายไม่หายพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนให้ได้
“แย่จังเลยนะ” อาซาบ่นพึมพำ
“นั่นสิ” ผมเห็นด้วย
“นายก็คิดเหมือนฉันเหรอ” อาซาทำหน้าสงสัย ผมงงไม่รู้เขาพูดถึงเรื่องอะไร
“เหมือนยังไง”
“ก็...”
ผมลุ้นรอฟัง อาซาทิ้งตัวนอนลงข้างๆผมพร้อมกับตวัดตัวผมนอนทับบนตัวเขา ผมดิ้นไม่อยากนอนแบบนั้น ปวดตัวขนาดนี้ก็อยากนอนสบายๆ แต่ดิ้นไปก็เสียแรงเปล่า อาซากอดรัดผมแน่น
“นายป่วยฉันก็แย่นะสิ เพราะฉันยังอยากรักนายอยู่เลย”
“หะ ห๊า?”
ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของอาซาเพื่อค้นหาว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น ก็ได้คำตอบว่าเขาพูดจริง และเขากำลังจะทำจริงๆ โดยการเลื่อนมือที่โอบเอวผมลงไปที่สะโพก ขยุ้มก้นผมเบาๆ แรงสั่นสะเทือนทำให้เจ็บจี๊ด ผมครางเจ็บ แต่อาซามองว่ามันเป็นการกระตุ้นเรา พอจะห้ามเขาก็ปิดปากผมเสียสนิท
“ฉันยังไม่เต็มอิ่มเลย” เขาพูดตอนที่เว้นช่วงให้ผมหายใจ
“เอ่อะ...แต่ว่าฉันไม่ไหวแล้วนะ แล้วฉันก็เป็นไข้ต่อด้วย” ผมทำหน้าให้น่าสงสาร แต่อาซาที่หื่นขึ้นตาก็ไม่ได้สนใจ มือไม้กวัดไกว้ไม่หยุด
“ไม่เป็นไร ฉันจะดูแลนายเอง”
“ฉันขอพักก่อนไม่ได้เหรอ ไม่ไหวอ่ะ”
“นายไม่รู้หรอก ฉันไม่ได้มีเรื่องพรรค์นี้มานาน พอเครื่องติด มันก็หยุดไม่ได้แล้ว”
ผมหันหน้าหนีสายตาเร้าร้อน ของแข็งดุนนูนอยู่ไม่ไกลกลับของสำคัญของผม หัวผมหมุนติวกับคำพูดและลมหายใจร้อยๆที่ผสมกับพิษไข้ และอาซาก็เจ้าเล่ห์นักที่ใช้การเคลื่อนไหวเข้าหลอกล่อให้ผมติดกับ ทั้งมือที่บีบเค้นสะโพกผม หรือการขยับเอวให้ส่วนหน้าของเราเสียดสีกัน
เขามันร้าย!
“นะ...วันนี้ขออีกสักยกสองยก ไม่ให้เลยฉันทนไม่ไหว” ริมฝีปากของเขาแย้มเหมือนพยายามกลั้นยิ้ม ผมคาดโทษอาซาเอาไว้ในใจ
“ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่หายไข้แล้วไปเรียนไม่ได้ อดไปเลยเดือนหนึ่ง!”
ผลสรุปออกมาว่า ผมเป็นไข้หนักกว่าเก่า เดือดร้อนให้คาร์เตอร์ตามมาฉีดยาผมถึงหอพัก ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอาซาเรียกใช้แต่คาร์เตอร์ เพราะคาร์เตอร์เองก็หงุดหงิดทุกครั้งที่โดนเรียก ผมนอนซมพิษไข้อยู่ที่ห้องคนเดียว ส่วนอาซาไปนั่งเรียนแทนผม เมื่อเช้าไอ้เติร์ดโทรมาถามใหญ่ว่าทำไมผมไม่มา แล้วทำไมอาซาไปนั่งเรียนแทนผม ผมตอบแค่ว่าไม่สบายแล้วก็ตัดสายไป ไม่ใช่อะไร ผมแค่เขินเท่านั้น
เมื่อเช้าผมโทรหาพ่อกับพี่ยอร์ชทันทีที่ตื่น พอรู้ว่าผมยังไม่หายไข้ก็ทำท่าจะมาหา แต่ก็ติดงานมาไม่ได้ ผมไม่ได้บอกพ่อหรอกว่าอาซาไม่ยอมทำตามที่พ่อบอก เขาไม่ยอมใส่ถุงยาง แล้วผมจะไปทำอะไรได้ เลยปล่อยตามเลย ผมคุยกับพ่อหลายเรื่อง แต่มีเรื่องหนึ่งผมไม่ได้คุย เรื่องในวัยเด็กของผม เรื่องที่พ่อพาผมไปสะกดจิต เพียงแค่คิดว่าการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด จะทำให้ผมและพ่อเกิดความเคลือบแคลงใจต่อกัน ผมก็ไม่อยากจะถามอีกต่อไป ผมเลยบอกตัวเองว่า ไว้ค่อยถามคราวหลัง เพราะผมเพิ่งทำให้พ่อผิดหวังไปหยกๆ ก็ไม่อยากให้มีเรื่องมาทำให้เราสามคนพ่อลูกต้องทะเลาะกันซ้ำอีก
มันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ยังไม่ต้องรู้ก็ได้ ผ่านมาตั้งกี่ปีผมยังอยู่มาได้ ไม่รู้ก็คงไม่ตาย
แต่ผมไม่อาจรู้เลยว่า ปัญหามันจะตามมาในภายหลัง
.........................................
ตอนนี้เบาๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจ เป็นบทพักเบรก แต่ก็มีความสำคัญ ตอนหน้าเป็นตอนจบของภาคนี้แล้วนะคะ
มีคนสงสัยว่าภาคต่อไปเป็นเรื่องของใคร ภาคนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของอาซาและโยชิ อะไรหลายๆอย่างยังไม่ได้เฉลย เรื่องราวก็ยังต้องดำเนินต่อไป ส่วนพี่คาร์เตอร์...เรื่องของเขาจะแยก อยู่ในขั้นตอนการวางโครงเรื่อง ซึ่งยังไม่สมบูรณ์ ช่วงนี้ยุ่งกับการสอนพิเศษและแต่งตอนพิเศษเรื่องเสแสร้งแกล้งรัก เลยไม่มีเวลาจับเรื่องนี้จริงจังเหมือนก่อนหน้านี้ แต่หลังจากจัดพิมพ์นิยายเสร็จแล้วก็จะแต่งภาคสองและเรื่องของคาร์เตอร์จริงจัง ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงจะแยกเรื่อง แต่ตัวละครก็จะมีหน้าเดิมๆเวียนซ้ำมา โดยเฉพาะอาซาและโยชิ มีโผล่ไปในเรื่องของคาร์เตอร์แน่ แต่มากหรือน้อยไม่บอก 
ขอบคุณทุกกำลังใจทุกคอมเม้นนะคะ รักทุกคน จุ๊บ~
