EIGHTEEN
ไม่จำเป็นต้องกลัวหรือตื่นตระหนก มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่สายตาผมยังคงจ้องไปที่บานประตูห้องน้ำที่อาซาอาบน้ำนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ส่วนผมอาบก่อนหน้าเขา และตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พลางคิดไปว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆใช่ไหม ระหว่างผมกับอาซา
มันค่อนข้างกระดากอยู่ไม่น้อยที่จะพูดว่าผมกำลังรอให้อาซาออกมาจากห้องน้ำเพื่อกระทำบางอย่างกับผม ผมถึงได้นั่งรอ แต่เปล่าเลย ผมไม่ได้นั่งรอ ผมวางตัวไม่ถูกต่างหาก ผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีหากเราสองคนจะมีความสัมพันธ์ที่เลยเถิดกันเพียงถ้าเขาจะไม่บอกก่อนล่วงหน้า
การต้องเตรียมใจหรือรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ช่วยให้ผมมีความพร้อมมากขึ้น กลับกัน มันยิ่งทำให้ผมประหม่า วางตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะเอามือไม้ตัวเองไปวางไว้ที่ไหน จะนอนรอก็คงน่าเกลียด แต่การนั่งรออยู่แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเชิญชวน ถ้าอาซาไม่บอกล่วงหน้า และคนทั้งบ้านไม่หอบผ้าหอบผ่อนไปพักร้อนในช่วงหน้าฝนตั้งแต่ตอนเย็น ผมคงไม่กระวนกระวายเช่นนี้
ว่ากันว่าครั้งแรกจะเจ็บมาก เจ็บกว่าผู้หญิงเสียด้วย กับผู้หญิงผมยังไม่เคย ไม่ต้องพูดถึงกับผู้ชาย แถมผมยังไม่มีเวลาเตรียมตัวศึกษา แบบว่า...อย่างน้อย ก็เผื่อจะมีวิธีรับมือที่ไม่ต้องเจ็บหนัก หากว่าสิ่งๆนั้นจะเข้ามาอยู่ในตัวผม
ฉ่า!
แค่คิดหน้าผมก็ร้อนวูบวาบ ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ผมคงได้ระเบิดตัวเองหนีความขลาดอาย
แก๊ก!
ผมที่มัวแต่คิดสะระตะถึงค่ำคืนนี้สะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด อาซาทำให้ผมคอแห้งผากกับสภาพเขาในผ้าเช็ดตัวปกปิดท่อนล่างแค่ผืนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้ แต่ไม่มีครั้งไหนที่ร่างกายสมบูรณ์แบบเยี่ยงชายแท้ของอาซาจะดึงดูดผมได้ขนาดนี้ ซิกแพคที่เป็นลอนสวยแบบพอดีดูน่าหลงใหลจนยากที่จะถอนสายตา ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกัน ผมยังรู้สึกว่ามันน่ามอง ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เห็นอาซาในระยะประชั้นชิดในสภาพนี้ ก็คงยอมทอดกายถวายชีวิตอย่างง่ายดาย
เดี๋ยวนะ...?
ประชั้นชิด!
“เอ่อ...” ผมมัวแต่มองกล้ามท้องสวยของอาซาจนไม่ทันสังเกตว่าเขาเดินเข้ามาใกล้ผมมากขนาดนี้
“หึหึ ชอบเหรอ”
ใบหน้าผมร้อนวาบ อาซายิ้มมุมปากนิดๆเหมือนจะรู้ทันความคิดของผม ร่างสูงกว่าเขยิบร่างเข้ามาใกล้ๆอีกจนสามารถก้มหน้าจูบที่หน้าผากผมได้ ผมช้อนตามองจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลเป็นประกาย หัวใจของผมเต้นถี่ และเขาก็คงจะได้ยิน ถึงได้กระตุกยิ้มใส่ผม
“ใจเต้นแรงจังเลยนะ ไม่ต้องกลัว ฉันจะนุ่มนวลที่สุด” สำหรับอาซาคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีอะไรต้องอาย แต่สำหรับผม...เขินตัวจะแตกแล้ว!
“จะทำจริงเหรอ” ผมถามเสียงเบา มือกำประสานไว้ที่หน้าตัก มองตามอาซาที่เดินไปตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชักหยิบขวดแก้วเล็กๆออกมา เขาหันหน้ามองผมด้วยสายตาที่มีความต้องการอย่างเปิดเผย ผมตัวเกร็งเมื่ออาซาเดินกลับมาที่เตียง ขายาวภายใต้ผ้าขนหนูก้าวขึ้นมาบนเตียง ชายผ้าตามรอยแยกตวัดไปมาทำเอาใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“ขอไม่ใช้ถุงยางนะ ฉันอยากสัมผัสนายแบบเต็มๆ แล้วไม่ต้องเป็นห่วง นอกจากนาย ฉันก็ไม่เคยนอนกับใคร” เขาพูดกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสองคน แต่นอกจากเราสองคนก็ไม่มีใครคนอื่นจะมาได้ยิน เพราะคนพวกนั้นหนีออกจากบ้านนี้ไปก่อนแล้ว
“อย่ากลัวฉัน...ฉันรอเวลานี้มานานมาก ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ” มือหนาประคองใบหน้าผมเอาไว้ ดวงตาสบประสานสื่อความรู้สึกที่เก็บไว้ลึกมาแสนเนิ่นนาน ผมมองเห็นทุกอย่างผ่านดวงตาสีนิลกาฬชวนให้หลงใหลราวถูกต้องมนต์
“ขอโทษนะ” จนตอนนี้ ผมก็ยังคงระอายแก่ใจที่เคยพูดจาไม่ดีดูถูกตัวตนของเขาเพราะความพลั้งปากเพราะความไม่ตั้งใจ แต่ผมรู้ว่าคนฟังเจ็บปวดกับมันเสมอ
“ฉันไม่เคยโกรธ...และจะไม่มีวันโกรธ”
น้ำใสซึมที่หางตาและได้ริมฝีปากสีชมพูเข้มจูบซับให้อย่างอ่อนโยน พรมจูบเรื่อยลงมาตามโครงหน้า ดอมดมแก้มหอมอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของผมที่อ้าเผยอออก มือทั้งสองข้างเลื่อนลงมากอดเอวผมไว้ อาซาเปลี่ยนท่านั่งขัดสมาธิก่อนจะดึงรั้งผมเข้าหาแนบชิด
อาซาสอดลิ้นเข้ามาในปากผม ควานลิ้นเกี่ยวกระหวัดลิ้นผมอย่างเร่าร้อน พาลให้เกิดความรู้สึกวาบหวามวูบไหวไปทั่วท้อง ยิ่งผิวกายขยับเสียดสีให้ร้อนผ่าวยามที่ใกล้ชิดกัน จูบครั้งไหนๆก็ไม่เหมือนครั้งนี้ อาซาจงใจบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างหนักหน่วง ช่วงชิงทุกลมหายใจให้สมกับที่รอคอย แต่ในความร้อนแรงก็มีความอ่อนโยนคละเคล้าไปพร้อมๆกัน เย้ายวนชวนให้ผมอ้าริมฝีปากรับความพิศวาสที่เร้าจะเขย่าจิตใจ
สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากนุ่มค่อยๆผละออกอย่างเชื่องช้าเมื่อผมหายใจไม่ทัน เขาพรมจูบนุ่มนวลลงไปที่หน้าผากสวยอีกครั้งก่อนจะหันเหความสนใจไปที่อื่น เป้าหมายต่อไปของเขาคือซอกคอของผม
เสียงหัวใจเต้นเร่าบอกว่าผมรักอาซามากเพียงใด ผมจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเรารักกันมากแค่ไหน แต่ถ้ามันมากกว่านี้ ครานั้นผมคงไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มเพราะอิ่มเอมกับความรักที่เอ่อล้นท่วมจิตท่วมใจ
“อื้ม...อาซา” ผมครางเรียกชื่อเขา หรี่ตาปิดยามที่ลมหายใจร้อนรินรดแอ่งชีพจรให้ความรู้สึกวาบหวามไปทั่วร่าง
“หืม” อาซาแค่ส่งเสียงตอบรับในลำคอ เงยหน้าขึ้นเพียงชั่วครู่เพื่อสบตากับผม
ดวงตาที่สะกดผมไว้ใต้อำนาจ ร่ายมนต์ให้หลงใหล
ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับร่างกายของผม แบบที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึก มันร้อนวูบวาบทั้งใบหน้าและลำตัว ท้องไส้บิดเกร็งยามที่มือเย็นแตะสัมผัส ลมหายใจเป็นสิ่งที่ผมควบคุมไม่ได้ในเวลานี้ รู้สึกสยิวซ่านจนเหนื่อย อยากจะหยุดยั้งแต่...ความสุขที่โอบล้อมผมจากสิ่งที่ร่างสูงมอบให้เหมือนอาหารมื้อดึกที่น่าหฤหรรษ์
“มัน...จะดีใช่ไหม” ผมถามเสียงสั่น อาซาหัวเราะสองหึในคอ หยุดซุกไซ้ซอกคอผม เพื่อสบตากัน
“ฉันจะทำให้มันดีสุดๆ” ทั้งแววตาและสีหน้ารวมไปถึงน้ำเสียงจริงจังว่าจะทำให้ได้อย่างที่พูด ผมพยักหน้ารับ ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้ ถอยหลังก็คงไม่ใช่เรื่อง และผมก็ไม่อยากถอยด้วย เพราะผมเองก็อยากจะสัมผัสเขาเช่นกัน
“แรกๆมันอาจจะเข้ายากสักหน่อย แต่ฉันมีตัวช่วย ไม่ต้องห่วง” อาซาปลดกระดุมชุดนอนผมออกภายในพริบตาก่อนจะเขวี้ยงเสื้อผมลงไปที่พื้น เพราะมันคงเกะกะในสายตาเขา
“ตัวช่วยอะไร” ผมเอนตัวนอนลงเมื่ออาซาจับขอบกางเกงของผมเอาไว้ และพอผมยกสะโพกขึ้นเขาก็ดึงรูดทีเดียวหลุดออกจากขา ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่อันเดอร์แวร์ตัวเดียว ผมหนีบขาตัวเองแก้เขิน อาซาไม่ได้พูดล้อ เขากระถดตัวขึ้นจนใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“ไอ้นี่ไง” อาซาชูขวดแก้วขวดนั้นให้ผมดู ภายในมีน้ำสีใสๆอยู่เต็มขวด พอเห็นผมทำหน้างงอาซาก็ก้มลงจูบที่ปากผมแรงๆและกระซิบบอกอีกเบาๆ
“น้ำมันหอม...มีเอาไว้ช่วยให้นายผ่อนคลาย และช่วยให้ตรงนั้นของนายขยายตัวได้ดี”
ผมหน้าเห่อร้อนเพราะคำพูดไม่อายปากของอาซา
“ไปเอามาจากไหน” ผมถาม เมื่ออาซาเริ่มก่อกวนอารมณ์ผมอีกรอบ
“ไอ้คาร์เตอร์” เขากระซิบบอกติดริมฝีปาก ผมเบิกตากว้าง คาร์เตอร์อีกแล้ว เขาเป็นผู้ชายประเภทไหนกันแน่ ทำไมถึงได้หื่นขึ้นสมองถึงขนาดคิดค้นแต่ไอ้ของพรรค์นี้
“พวกเราเวลาต้องการ มักมีอารมณ์ที่รุนแรงมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ผู้หญิงผู้ชายหลายคนเจ็บหนักเพราะพวกเราหลังจากที่นอนด้วยกัน ไอ้คาร์เตอร์ก็เลยคิดค้นของพวกนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วย” อาซาพึมพำ ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นอะไรที่เข้าใจยาก
มือข้างหนึ่งของอาซาวางไว้บนหน้าอก อีกข้างโอบกอดที่แผ่นหลังเนียนลูบไล้เพลินมือ ผมก็ทำไม่ต่างกัน ผิวของเขาเรียบลื่น แข็งและเย็น
“อื้อ!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากเย็นฉ่ำขบลงมาบนยอดอก ผมกัดปากกลั้นเสียงร้องแปลกๆ นิ้วมือขยุ้มเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเกือบจะดำของอาซาอย่างหนักหน่วง บิดกายเร้าๆตามเรียวลิ้นที่ดูดเน้น หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่สามารถร้องห้าม ผมผงกหัวมองอาซาที่พรมจูบปานของผม เขาเหลือบตามอง
“รอยปานนี้...ฉันทำไว้เอง” เขากดจูบย้ำที่เดิมแล้วก็ดูดแรงๆจนขึ้นสีกุหลาบจางๆ
“ทำไว้...เมื่อไหร่” ผมถามเสียงพร่า จำได้ว่าผมมีมันมาตั้งแต่เกิด
“เมื่อก่อน...ตอนที่ฉันมีอะไรกับนายครั้งแรก ฉันทำมันไว้เอง” เขายังคงจูบรอยปานเหมือนรักใคร่สุดซึ้ง ผมกัดริมฝีปากแน่นไม่ให้หลุดเสียงร้องน่าอาย มือก็ลูบที่ต้นคอแกร่งไปมาเบาๆ วนนิ้วช้าๆตามแรงปรารถนา สองขาผมแยกออกจากกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้ตัวของอาซาคร่อมอยู่กลางตัวผม
‘ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ข้าก็จะยังรักเข้าอยู่แบบนี้ ข้าไม่มีวันที่จะลืมเจ้า แล้วเจ้าล่ะ เมื่อถึงวันนั้น จะลืมข้าหรือไม่’
‘ไม่ ข้าจะรักเจ้าเหมือนกับวันนี้ วันที่ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ’ ถ้าเสียงในความฝันที่ผมหลับใหลได้ยินเป็นเสียงของผมและอาซา เป็นผมกับเขาจริงๆ ผมก็ทำผิดต่อเขาอีกแล้ว
ผมลืมความรักของเราเมื่อครั้งก่อน
อยากจะไถ่โทษ...อยากชดเชยให้กับสิ่งที่อาซาต้องทุกข์ทน
ผมมองหน้าอาซาให้ชัดๆอีกครั้ง วางแขนเรียวโอบบ่ากว้างเอาไว้ โน้มกายเข้าหา กดจูบที่แก้มตอบบางๆ พลางกระซิบคำขอเพื่อปลดเปลื้องทุกความทุกข์ในใจของคนบนกาย
“กอดฉันที อาซา...ได้โปรดรักฉัน”
อาซาผงกหัวมองผมอึ้งๆ แต่ผมแค่ยิ้มให้เขาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ อาซาหยัดกายขึ้นด้านบน นัยน์ตาคมกริบทอด้วยแรงปรารถนา
“อย่าเอ่ยถามในสิ่งที่นายก็รู้ดี ว่าทั้งโลกใบนี้ฉันรักนาย...และจะรักไปจนตาย”
สิ้นคำยืนยัน ริมฝีปากร้อนก็ฉกจูบซ้ำอีกครั้ง มือหนานำพามือผมให้ลดต่ำลงไปจับที่ปมผ้าขนหนู เรียวลิ้นอุ่นสอดไล้เข้ามาในโพรงปากเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อดูดชิมความหวาน อันเดอร์แวร์ของผมหลุดออกจากร่าง คราวนี้เราทั้งสองคนมีเพียงเนื้อกายไร้สิ่งปกปิดขวางกั้น เราต่างสัมผัสกันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้หัวใจเต็มอิ่มยามที่ถูกสัมผัส ผมไม่เคยคิดว่าการถูกรักจะให้ความรู้สึกที่แสนวิเศษขนาดนี้ เหมือนผมเป็นลูกโป่งอัดแก๊สที่ลอยลมได้ และกำลังจะลอยขึ้นไปแตะขอบฟ้า
“มะ ไม่..อาซา อื้ออ” เสียงครางราวกับจะขาดใจของผมเป็นตัวเร่งเร้าให้อาซากดริมฝีปากครอบครองส่วนล่าง ผมพยายามจะห้ามเขาแต่อาซาไม่ฟัง และเมื่อถูกปรนเปรอผมก็ลืมทุกสิ่งอย่าง มือที่ทำท่าจะผลักไสกลายเป็นกดศีรษะทุยแน่น ใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นสีแดงกล่ำตามการชักนำของคนเบื้องล่าง ร้อนผ่าวไปทั้งเนื้อทั้งตัว ร่างสูงเงยหน้าจ้องมองร่างผมที่ดิ้นพล่านอยู่บนเตียงด้วยสายตาหื่นกระหายแบบไม่ปิดบังซ่อนเร้น รู้สึกอย่างไรเขาก็มองผมแบบนั้น เปิดเผยเกินไปจนผมนึกอายต่อสายตาร้อนแรง
“อาซา...ฉัน จะ อึก” ผมน้ำตาคลอเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป แต่อาซายังไม่คลายริมฝีปากออก เขาหยุดกระทำเพื่อพูดในสิ่งที่ทำให้ผมอายหนักขึ้นไปอีกขึ้น
“ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน ฉันอยากได้ความรักจากนาย” เขากระซิบเบาๆจบก็ก้มลงไปจัดการกับเบื้องล่างของผมต่อ เร่งเร้าจังหวะจนผมหยุดคิดถึงทุกสิ่งอย่าง ปล่อยอารมณ์ไปตามการชักนำ และในที่สุดผมก็ระเบิดทุกหยาดหยดให้อาซาได้ดื่มกินมันเข้าไป
เสียงหอบหายใจของผมดังระงมห้องนอนกว้าง นอนทอดกายหมดเรี่ยวหมดแรง อาซาหยัดตัวขึ้นจูบผมเบาๆ มือจับขาผมแยกกว้างและยกสูงขึ้น ทันทีที่อาซาผละจูบออก ผมก็ทิ้งหัวลงกับหมอน สันจมูกโด่งซุกไซร้ไปที่ลำคอขาวสะอาดของผมช้าๆแต่เน้นหนักที่จังหวะ ก่อนจะแต้มรอยเอาไว้พอหอมปากหอมคอ บางอย่างแข็งขืนเสียดสีอยู่ตรงกลางตัวผม ผมรู้ว่ามันคืออะไร แค่...มันน่าอายเมื่อผมเหลือบตามองแล้วเห็นว่ามันใหญ่โตขนาดไหน
“มัน...ใหญ่” ผมเผลอพูด แอบกระถดตัวหนีเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดแนบไปตามต้นขาอ่อน ไล่จูบและขบกัดผิวเนื้อไปจนถึงขาอ่อนด้านใน ขบเม้มจนเรียวขาของผมเต็มไปด้วยรอยรัก
“กลัวเหรอ” อาซาถามเสียงทุ้มพร่า ฟังดูเซ็กซี่ในความรู้สึก เขาเทของเหลวบางอย่างที่ส่วนด้านหลัง ผมซูดปากเมื่อนิ้วของเขาแตะลงบนกลีบช่องทางรัก กดย้ำๆเป็นการอุ่นเครื่อง แค่สัมผัสแผ่วเบาภายนอกยังไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไป เจ้าของร่างอย่างผมก็ไหวสะท้าน และเมื่อนิ้วแรกสอดเข้าไปความเจ็บก็แล่นปราดให้สะดุ้งเฮือก อาซาเหมือนจะรู้ เขาจูบผมอย่างหนักหน่วงทั้งจูบเลียและดูดดุนอย่างร้อนแรง นิ้วเรียวยาวก็สอดใส่เข้ามาในตัวผมช้าๆ ก่อนจะตวัดไปมาอย่างชำนาญ ผมคงจะรู้สึกเจ็บมากกว่านี้ถ้าอารมณ์ไม่เตลิดไปไกลเพราะริมฝีปากร้อนๆกับมือที่เย็นพอดีจับแก่นกายของผมไว้เต็มไม้เต็มมือ ผมหลงระเริงไปกับความอ่อนหวานที่อีกฝ่ายมอบให้ จดจำได้ทุกความรู้สึกถึงความรักของอาซา
“อึก อ๊า...” เสียงครวญครางเหมือนจะขาดใจ เผลอจิกเล็บลงบนหลังกว้างระบายความเสียวสะท้านเมื่ออาซาเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าสู่ร่างกาย ช่องทางรักอ่อนตัวเพราะน้ำมันหอมที่อาซาใช้ชโลม ยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกร้อนวูบวาบอยากจะหาอะไรที่ยิ่งกว่ามาเติมเต็ม
“ฉันจะเอาเข้าไปแล้วนะ มันจะไม่เจ็บ ถ้านายไม่เกร็ง” อาซากระซิบติดริมฝีปาก ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ผมจะไปจัดการได้ยังไง ถ้ามันจะเกร็งเองผมจะไปทำอะไรได้ แต่ผมก็ทำแค่พยักหน้าตงลง อาซายิ้มเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก เขาจูบนุ่มนวลที่หน้าผากผมเบาๆก่อนจะดึงนิ้วออก ผมเหมือนถูกกระชากวิญญาณทันทีที่นิ้วยาวทั้งสามนิ้วหลุดออกจากช่องทาง กลายเป็นว่ามันทรมานยิ่งกว่า ร่างกายร้องหาสิ่งเต็มเต็ม และไม่รอช้า อาซาจับแก่นกายของตัวเองจ่อที่ช่องทางด้านหลัง ผมขยับตัวพิงหัวเตียง มองทุกการกระทำที่อยู่เบื้องหน้า อาซาค่อยๆจ่อสิ่งที่ร้อนผ่าวกับทางเข้าแล้วกดลงช้าๆ
“ผ่อนลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆ” อาซาแนะนำ ผมทำตามอย่างตั้งใจ มุ่งมั่นยิ่งกว่าการอ่านหนังสือสอบเสียอีก อาซาค่อยๆกดเข้ามามากขึ้น เป็นผมเสียเองที่ดึงรั้งใบหน้าหล่อเข้ามาบดจูบเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากที่แห้งผากเหมือนคนหลงอยู่กลางทะเลทราย มือเผลอยกขึ้นแตะใบหน้าคมที่กำลังระดมจูบแบบหื่นกระหายโดยไม่ได้ตั้งใจ
“หมดยัง” ผมถาม ตาปรือหลับ
“หมดแล้ว เจ็บไหม” อาซาถาม ผมส่ายหน้า เจ็บนิดเดียว แต่จุกมากกว่า ของอาซาใหญ่มากจริงๆ ผมรู้สึกว่าอาซาต้องอดทนอดกลั้นพอสมควร เขากัดกรามแน่นตลอดเวลา ผมไม่อยากเอาเปรียบเขาแค่เพียงฝ่ายเดียว เจ็บกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แค่โดนกอดแรงๆสักนิดสักหน่อยก็คงไม่ตายหรอก
“ขยับเลย...แรงๆก็ได้ ฉันไม่เป็นไร” ผมบอก อาซาถึงได้เริ่มขยับเอวช้าๆแต่ก็ร้อนแรงอยู่ในที ผมแอ่นรับสัมผัสของร่างสูงด้วยความเผลอไผล ขยับขาเสียดสีเอวสอบกับความต้องการที่ไม่อาจซุกซ่อน ส่วนอ่อนไหวชูชันด้วยแรงปรารถนา
“ระ แรงอีกก็ได้” ผมหอบหายใจถี่ระรัว ดวงหน้าและสีผิวกลายเป็นสีแดงระเรื่อไปทั่วกายที่ไม่อาจซ่อนความรู้สึกที่ร้อนรุมสุ่มเป็นกองเพลิงอยู่ในตัวได้
“แต่นายจะไม่ไหว” เขาแย้ง แต่ก็ขยับเอวเข้าหาผมเร็วขึ้นอีกนิด แต่ผมยังจับสัมผัสได้ว่าเขายั้งตัวเองเอาไว้
“ไหว” ผมกัดฟันตอบ
“แน่ใจ” มือหนาของอาซากุมส่วนอ่อนไหวของผมไว้ จากตอนแรกที่เพียงจับเฉยๆ เปลี่ยนเป็นขยับรูดขึ้นรูดลงช้าๆ แล้วค่อยแรงขึ้นเรื่อยๆ
อืม เอาเลย ตามสบาย”
พอผมอนุญาต อาซาก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป เสียงหวานที่พยายามกลั้นมานานเปล่งเสียงออกมาด้วยความซาบซ่าน กระเซ้าออกมาไม่หยุดปาก บิดกายไปมาด้วยความเร่าร้อนของเพลงรักที่รุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางที่กำลังออกมาชุดใหญ่จึงถูกบทเบียดด้วยริมฝีปากเดิมอีกครั้ง
“อาซา..อาซา” ผมร้องเรียกชื่ออาซาไม่ขาดปาก กอดรัดลำคอขาวเอาไว้ยึดเหนี่ยว นัยน์ตาสอดประสานซึ่งกันและกัน เฝ้าเผยความนัยที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยคำว่ารักสุดหัวใจ
“รัก...ดาร์เรล รักที่สุด” อาซาครางเสียงพร่า ขยับกายโจนจ้วงรุนแรงและเน้นหนัก ปลายขาแยกออกกว้างขึ้น แอ่นรับทุกสัมผัสด้วยความเสียวซ่าน ทางเบื้องหลังร้อนผ่าวยามถูกเสียดสีเข้าออกรุนแรง เอวบางถูกสองแขนแกร่งเกี่ยวกอดเอาไว้แนบกาย
“อื้อออ อาซา” ลมหายใจติดขัดด้วยความรู้สึกอึดอัดเมื่อส่วนร้อนรุ่มเต้นตุบๆอยู่ในร่าง อาซาขบกรามแน่นเชยคางผมให้รับจูบจากเขาอีกหลายต่อหลายหน ผมเริ่มทนไม่ไหวกับสิ่งที่ได้รับ แรงที่โหมลงหนักหน่วงทำให้ตัวลอยผวาเฮือก เสียงผิวกายเสียสีดังก้อง ผมทำได้เพียงส่งเสียงร้องเพื่อปลดปล่อยความทรมานที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนในที่สุดผมก็ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป กระตุกอย่างแรงปลดปล่อยสายธารสีขาวออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องสวยของคนบนตัว
“ดาร์เรล...ที่รักของฉัน” อาซาครางทุ่มต่ำ ในวินาทีต่อมา ความใหญ่โตที่ขยายคับแน่นเร่งจังหวะถี่เร็วจนจับจังหวะไม่ได้ปลดปล่อยสายธารร้อนอุ่นเต็มช่องทางคับแคบที่บีบตัวรับไว้ด้วยความเต็มใจ ผิวกายสั่นระริก เหงื่อเม็ดโตผุดตามใบหน้าและตามลำตัว อาซาทิ้งตัวทาบทับผมที่นอนคิดอะไรไม่ออก สมองว่างเปล่าขาวโพลน แรงขยับยังไม่มี เกือบสิบนาทีกว่าลมหายใจจะกลับมาเป็นปกติ
“หิวน้ำไหม รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอามาให้” อาซาจูบที่แก้มผมหนักก่อนจะลุกออกจากตัวผม หยิบผ้าขนหนูพันช่วงล่างเดินออกไปจากห้อง ผมหลับตาลงช้าๆ พลางนึกถึงบทรักที่แสนจะร้อนแรงเมื่อครู่
แต่เดี๋ยวนะ...
ตอนที่อาซาปลดปล่อยเขาเรียกชื่อใคร...?
ดาร์เรล...ทำไมชื่อนี้คุ้นหูผมจัง
อยู่ๆผมก็รู้สึกโกรธ พออาซากลับมาที่ห้อง ผมก็พลิกตัวหันหลังให้ น้ำตาทำท่าจะไหลเพียงแค่นึกว่าเขาคิดถึงคนอื่นตอนที่กอดผมไว้ในอ้อมแขน
“โยชิ กินน้ำก่อนนะ” อาซาเขย่าไหล่าผม แต่ผมสะบัดออก ไม่อยากจะทำตัวสะบัดสะบิ้ง แต่ผมรู้สึกเจ็บจริง” อาซาคงจับความรู้สึกได้ว่าผมผิดปกติไป ร่างสูงจึงล้มตัวนอนข้างๆดึงผมเข้าไปกอด ผมไม่ดิ้นหนี เพราะในใจอยากให้อาซากอดไว้แน่นๆ
“เป็นอะไรทูนหัว”
“เปล่า” ผมกระชากเสียงนิดๆ
“อย่าโกหกกันเลยน่า งอนอะไรฉัน” ผมกระซิบข้างใบหู ออกแรงดูดดุนจุดอ่อนที่ผมเพิ่งรู้ตัว
“โยชิ” เขากดจูบตามกระดูกสันหลังผมตั้งแต่คอลงไปจนเกือบถึงบั้นท้าย ผมเสียววูบวาบไปทั้งตัว กัดปากกัดฟันกลั้นเสียงครางอื้ออึง
“ไม่บอกฉันก็ไม่รู้หรอกนะ”
“ดาร์เรล...คือใคร”
“หืม”
“นายใจร้ายมากนะ กอดฉันอยู่แต่เรียกชื่อคนอื่นงั้นเหรอ!” ผมบันดาลโทสะ น้ำตาปริ่มจะไหลอยู่รอมร่อ และถ้าหากว่าอาซายังไม่รีบบอกผมว่าใครคือดาร์เรลในอีกหนึ่งนาที ผมจะเป่าปี่จริงๆด้วย
คงไม่มีให้อยากให้สามีตัวเองเอ่ยชื่อคนอื่นตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหรอก และผมก็ไม่ชอบด้วย
“หึหึ หึงเหรอ”
“อาซา!”
“โอเคๆ ฉันยอมแล้ว นายจะหึงตัวเองทำไม หึหึ”
“หึงตัวเอง? ยังไง ฉันชื่อโยชิ” ผมเน้นชื่อตัวเองหนักแน่น จ้องหน้าหล่อเหลาของอาซาอย่างเอาจริงเอาจัง
“นายชื่อดาร์เรล...ดาร์เรลของฉัน” เขาไม่สนใจใบหน้าขุ่นเคืองของผมแม้แต่น้อย กระโจนเข้ากอดผมเต็มรัก พรมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอพลางเรียกผมว่าดาร์เรลๆอยู่นั่นแหละ แต่ให้ตายเถอะ น้ำเสียงอ่อนโยนปนเซ็กซี่ยามที่เรียกผมแบบนั้น มันชวนให้ร้อนรุ่มเสียจริงๆ ผมกำลังจะเสียตัวอีกรอบแล้วใช่ไหม
“เดี๋ยว...อะ อย่าเพิ่ง”
“ทำไม หืม?”
“ดะ...ดาร์เรลแปลว่าอะไร” อดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่าผมคุ้นหูกับชื่อนี้อย่างมาก
“ผู้เป็นที่รักยิ่ง”
“...!”
“และฉันคือทาสความรักของนาย...ดาร์เรล My sweetheart”
เอาละ วินาทีนี้ต่อให้ต้องเสียตัวอีกทั้งวันทั้งคืนผมก็ยอม!
อาซาไม่ปล่อยให้ผมได้นอนทั้งคืนยันเช้า ผมแทบไม่รู้สึกอะไร รู้แค่ว่าอาซากลายเป็นงูแล้วก็เลื้อยพันผมไว้ทั้งตัว ห่อจนมิด เหมือนมีผ้าห่มผืนหนาห่มกาย ป้องการความหนาวเหน็บจากลมฝน ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดกว้าง ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงอย่างช้าๆ หลับใหลในความอบอุ่นจากคนที่รักผมและผมก็รักเขา
ต่อด้านล่าง