http://www.youtube.com/v/8X6-awaAAyk# 28 ....ผ่านพ้น.....ไม่มีรักไหน ที่ดีทุกวัน.....ยิ่งนานยิ่งผ่านเรื่องราวมากมาย
เข้ามาทดสอบ เข้ามาลองใจ....ว่าความรักของใครแกร่งจริง
หากเราเรียนรู้วิชาอดทน.....หากเราผ่านพ้นย่อมได้ทุกสิ่ง
หากเรามั่นใจว่ารักเราจริง......ทุกสิ่งมันก็มั่นคง
‘หมาปิง’
“.........”
“ปิงครับ”
“...อืออ...”
‘หมาปิงกูหิวแล้ว ลุกขึ้นมาปาดมะเขือเทศให้กินหน่อยเร็วเข้า’
“อื้ออครับ”
“ปิง”
“พี่เอย์รอแปปนะผมตื่นแล้ว”
“ตื่นแล้วอะไรของมึงดูตาดิ๊ยังหลับอยู่เลย เอาล่ะ ถ้าไม่ตื่นจะกอดจริงนะ ลุกไม่ลุกหืมม”
“ลุกแล้วๆ ฮ่าๆๆๆโอ๊ยยยอย่ามาจี้เอวกันดิ่พี่ ผมยังไม่อยากลืมตานี่”
“มึงนี่น๊าาา”
“พี่เอย์ครับกี่โมงแล้ว”
“หกโมงเช้าแล้ว ตื่นได้แล้วใช่ไหม มึงต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?”
ผมค่อยกระพริบตาไล่แสงสว่างจากภายนอก สติสะตังกลับมาสมองรีบูตช้าไปนิดแต่ผมก็พอจะจำได้เมื่อคืนนั่งเขียนโปรแกรมจนดึกง่วงมากๆไถลตัวลงนอนข้างโต๊ะเลยหลังจากนั้นคือไร้สติ ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
“ไงตื่นแล้วดิ่” เสียงทุ้มดังข้างตัว
“เย้ยยยยยยย!!!” ผมสะดุ้งอุทานอย่างดัง รีบลุกขึ้นนั่งอย่างเร็วเมื่อเห็นเป็นใครที่กำลังก้มปลุกผมอยู่
“ทะ....ทะ...ทำไมเป็นพี่อ่ะครับ” ผมรีบถาม มองหมอนมองผ้าห่มรอบตัว ผมยังนอนอยู่ข้างโต๊ะเหมือนเดิมแต่เครื่องนอนมาจากไหนเมื่อไหร่ แล้วที่สำคัญคือคนที่นั่งอยู่ข้างผมตอนนี้คือพี่เชน
“ก็เป็นกูดิ่ จะเป็นใครได้ ไม่ใช่คนที่มึงล่ะเมอเรียกชื่อเขาหรอกนะ ทั้งยิ้มทั้งเรียก ถุย! กูจะอ้วก”
“พี่อ่ะอย่าล้อดิ ผมแค่ฝันหรอก” ผมโกหกคำโต รีบเบือนหน้าหนีก้ม ๆ ทำท่าเก็บผ้าห่ม ตรงๆนะคืออายมาก อะไรวะผมลืมไปได้ยังไงว่าตอนนี้ผมทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร พี่เอย์จะมาปลุกผมแบบนี้ได้ยังไง
“ลุกไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูเก็บที่นอนให้ สายแล้วนะ” ผมขยี้ตาลุกขึ้นแล้วช่วยพี่เชนหอบหมอนหนุน หมอนข้างและผ้าห่มขึ้นไปกองไว้ข้างบน พี่เชนเข้าห้องของตัวเองอาบน้ำเหมือนกัน ผมเองก็อาบน้ำแต่งตัว เราสองคนใช้เวลาไม่นานก่อนลงมากินกาแฟด้วยกันข้างล่าง ครัวของออฟฟิศ
“วันจันทร์เราจะเข้าไปติดตั้งเครื่องแล้วก็เชื่อมต่อระบบที่อัศวออโต้แล้วนะปิง มึงเอาไงวันนั้นจะลาหรือจะโดดงานขึ้นมาช่วยกู” พี่เชนตักเค้กเนยสดที่พี่แกซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้เมื่อวานส่งให้ ส่วนผมเทน้ำเชื่อมสำเร็จใส่ในกาแฟดำของพี่เขาแล้วคนๆ เลื่อนแก้ววางลงให้ พี่เชนไม่กินครีมเทียม กาแฟที่กินคือกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลเด็ดขาด เป็นน้ำเชื่อมที่เป็นขวดสำเร็จไม่ก็คาราเมลบีบลงไปแทน
“ผมจะบอกคุณภีมไว้ครับ”
“งั้นก็ดี ลองถามเขาดูด้วยละกันเผื่อบางทีวันเดียวไม่เสร็จอาจจะต้องเลื่อนเป็นสองหรือสามวัน”
“ครับพี่เชน”
ผมกินเสร็จล้างแก้วล้างจานเค้กเรียบร้อยคว้าหยิบกระเป๋าขึ้นมาคาดใส่บ่าพี่เชนเดินตามออกมาด้วยเจอพี่ๆพนักงานหลายคนเริ่มทยอยกันเข้ามาทำงานกันแล้ว ผมก้มหัวทักทายส่งยิ้ม เขายกมือขึ้นไหว้พี่เชน บางคนแก่กว่าผมแต่ก็ยังยกมือขึ้นไหว้ผมเลยต้องไหว้รับแทบจะไม่ทัน
“ไปนั่งฝั่งโน้นไป”
“หือ?”
“ไปดิ่วะ”
“พี่เชนจะไปไหนครับ จะไปส่งผมเหรอพี่”
“เดี๋ยวกูจะแวะไปที่บ้านสักหน่อย ผ่านที่นั่นพอดีกูไปส่งมึงเลยก็แล้วกัน”
“เฮ้ยจริงป่ะพี่” ผมดีใจสิ รีบวิ่งปรู๊ดขึ้นรถเลยปิดประตูปัง พี่เชนขับรถไม่เร็ว สบาย ๆ เพราะออฟฟิศเราไม่ไกลจากบริษัทที่ผมทำงานมากเท่าไหร่
รถจอดลงที่ด้านหน้า “มึงจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันไหม หรือจะแวะบ้านไปกินข้าวกับแม่กับพี่ขมไม่ได้กลับมาหลายวันแล้วนี่”
“ไม่แวะครับวันนี้จะกลับเลยโทรบอกแม่ไว้แล้ว พี่เชนจะรอผมกินข้าวเหรอ”
“มึงจะให้กูรอไหมล่ะ”
“ครับงั้นเดี๋ยวผมรีบกลับ”
“จะกลับยังไง ให้แฟนมึงมาส่งเหรอ”
“เฮ้ยพี่! พูดอะไรน่ะครับ แฟนมีที่ไหน ผมไม่มีหรอก” ผมรีบปฏิเสธดิ่ พี่เชนหมายถึงพี่เอย์แหงๆ
“อะไรของมึงวะ ดีกันแล้วไม่ใช่หรือไงวันนั้นยังเห็นยืนให้เขากอดอยู่เลย”
“พี่เชนอย่ามาแซวผมเหอะ นั่นน่ะทางนั้นเขากอดผมเองนี่”
“เออเรื่องของมึงเหอะลงไปได้แล้ว ตอนเย็นกลับเองนะหรือจะให้กูมารับอีก”
“กลับเองครับพี่ เดี๋ยวซื้อขนมเข้าไปฝากนะ ขอบคุณคร้าบบพี่เชนรูปหล่อ”
“กวนนักนะมึง รีบลงไปดิ่”
วันนั้นผมถึงบริษัทสายไปสิบนาทีแต่ก็ยังเช้ากว่าไอ้หมาบาสกับไอ้วุฒิที่ซ้อนรถกันมาเห็นว่าวันนี้รถฝั่งนั้นติดมาก งานที่หน่วยซ่อมของเรายังคงเยอะอยู่เหมือนเดิม ผมเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดหมีเดินออกมาเห็นรถมาจอดรออยู่ที่หน่วยเป็นแถวยาวแล้ว
“ปิงมาดิ๊” เสียงตะโกนเรียกมาอย่างดัง พี่ปอนด์กวักมือเรียกผมรัวๆ ผมเลยรีบวิ่งเข้าไปหา
“สายนะเรา”
“พี่มาเช้าอ่ะดิ่ นี่ยังไม่ถึงเวลาเข้างานเลยเหอะ”
“มาจัดการกันเลยไอ้น้อง วันนี้มึงส่งเครื่องมือนะวุฒิกับบาสมันไปช่วยอยู่ทางโน้นแล้ว”
“ครับ” ผมเป็นลูกมือพี่ปอนด์พี่เขาสอนงานผมดีมาก รถคันแล้วคันเล่าที่สำเร็จเสร็จออกไป มีพนักงานมาขับเอาไปรอล้างที่หน่วยคาร์แคร์ต่อ
“ปิง” เสียงเรียกดังมาจากออฟฟิศย่อย ผมลุกขึ้นไปตามเสียง พี่เขาทำไม้ทำมือให้รู้ว่ามีโทรศัพท์ถึงผม
“พิชยครับ” ผมกรอกเสียงลงไป ในใจนึกหวั่นว่าไอ้คนโทรมาตามจะเป็นใครคนนั้นบนชั้นสูงสุดอีกหรือเปล่า ซึ่งก็ใช่จริง ๆ
“หมาปิงไม่รู้กูเป็นอะไร ทำไมปวดท้องแปลกๆปวดมากๆเลยเนี่ย”
“อ้าวเฮ้ย!ตายห่า” ผมอุทานหลุดปาก เพราะน้ำเสียงที่มันพูดนี่คือท่าทางเจ็บปวดมากจริงนะ
"ยัง ยังไม่ตาย" มันรีบตอบ
“ปิงครับขึ้นมาดูกูดิ๊ มาดูท้องให้หน่อย” ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก ซอกนึงในความคิดคือนึกอยู่นะว่ามันโกหกผมไหม เที่ยงแล้วหรือว่าอยากให้ขึ้นไปกินข้าวด้วย แต่อีกใจนึงก็ถ้าหากว่าเป็นจริง ๆ ขึ้นมาจะทำยังไง
“คุณให้เลขาพาไปหาหมอสิครับ มาเรียกผมไปดูให้ก็ไม่ดีขึ้นหรอกผมไม่ใช่หมอนะ”
“โอ๊ยยยยปิงกูปวด”
“นี่คุณ”
“ปิงครับ ปวดดดดด ปวดมากก”
“ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ ถ้าทนไม่ไหวคุณออกมาบอกคุณภีมเลขาคุณเลยนะอย่าทนจนทนไม่ไหวนะครับ” ผมรีบวางแล้ววิ่งไปบอกพี่ปอนด์พักเที่ยงพอดีไอ้วุฒิไอ้บาสก็งงว่าผมจะไปไหน ผมบอกจะขึ้นไปหาพี่เอย์มันล้อผมใหญ่หาว่าคืนดีกันแล้วดิ่ ผมเลยแจกนิ้วกลางพวกมันไปคนละที ในใจผมนี่กลัวว่าพี่เขาจะเป็นไส้ติ่งอ่ะ ถ้าปวดมากๆแล้วทนนะไส้ติ่งแตกขึ้นมาอันตราย
“สวัสดีครับคุณภีม” ผมพูดปนหอบ คือวิ่งมา อยู่ในลิฟต์ก็ร้อนใจ เออแล้วทำไมหน้าตาคุณภีมนี่คือเฉยมากชิลมาก พี่เขาเงยหน้าจากกองงานมองผม
“คุณเอย์รอนานแล้วครับออกมาตามสองทีแล้ว เปิดเข้าไปได้เลยครับ” ผมก็เปิดเข้าไปเลยดิ ห้องกว้าง ๆ ห้องเดิม มีอาหารจัดวางไว้ที่โต๊ะรับรองสองที่ แต่ไม่เห็นท่านประธานเจ้าของห้อง ผมเลยเดินเข้ามาส่องหา อะไรวะทำไมไม่เห็นมีใครเลย มีห้องเล็กอยู่ด้านในสุดเปิดประตูทิ้งไว้ผมเลยเดินไปส่อง
“นี่คุณ!”
ผมตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา พี่เอย์นอนนิ่งอยู่ที่โซฟาแขนข้างนึงห้อยตกลงมาระถึงพื้นพรหม ผมรีบเดินเข้าไปใกล้วันนี้พี่เอย์สวมแว่นด้วย คือหล่อคือดูดี แต่ทำไมหน้าซีดๆไม่ขยับตัวเลยหลับตานิ่ง ผมเริ่มใจเสียก้มลงไปมองมันใกล้ ๆ เขย่าเรียก
“คุณเป็นอะไรน่ะครับ ทำไมไม่ออกไปบอกคุณภีม ไปหาหมอไหม คุณเป็นอะไรไหนบอกว่าปวดท้อง คุณปวดมากเหรอคุณ
เย้ยยยยยยย!!!”“ชู่ว เงียบก่อน” พี่เอย์ดึงแขนผมรั้งเอวลงมานั่งลงที่ตักมันพอดี มันตื่นขึ้นแล้วซ้ำยังแรงเยอะเหมือนเดิม แล้วไอ้ท่าทางสีหน้าอ่อนระโหยเมื่อกี้มันคืออะไร ผมจะลุกขึ้นแต่มันกอดเอวผมไว้แน่น
“คุณโกหกเหรอครับ ไหนบอกว่าปวดท้องไง”
“เปล่านะกูไม่ได้โกหกปวดท้องจริง ๆ”
“ไม่เชื่อหรอกท่าทางคุณไม่ใช่เลยนี่ ปล่อยสักทีเถอะครับ” ผมพยายามแกะมือมันออกจากเอว อิพี่เอย์แย่มากมือปลาหมึกมือตุ๊กแกคือเหนียวมากแกะไม่ออกเลย มันรัดแน่นมากจริง ๆ
แล้วคือชุดผมมันเปื้อนนะชุดหมีเปื้อนพวกน้ำมันเครื่องซ่อมรถอ่ะ ขณะที่ชุดเสื้อผ้าของพี่เขานี่คือดูหรูหราไปหมดแค่เสื้อเชิ้ตสีเข้มๆผ้าลื่น ๆ กับกางเกงสแลคเข้ารูปเน้นหุ่นมันนั่นอีก
“ไม่ปล่อย”
“คุณเอย์ครับ” ผมหันไปทำหน้าดุมัน
“ถอดแว่นให้หน่อยดิ่ ปวดตาใส่ตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย” ผมชั่งใจนิดนึงคิดว่าจะทำให้ดีหรือไม่ดี แต่ในที่สุดผมก็ทำ เอื้อมมือวางแว่นสายตาใสของมันลงที่โต๊ะ
“ปล่อยผมสักทีครับ” ผมขยับ
“เรียกกูพี่เอย์ก่อนแล้วเดี๋ยวปล่อย”
“........”
“หมาปิงใจร้าย” พี่เอย์ทำเสียงกระเง้ากระงอด ก่อนจะยื่นมือสอดผ่านมาจากเอวผมทางด้านหลัง มันกำบางอย่างเอาไว้แน่นเอียงหน้ามาถาม
“มึงลองทายดูว่าในนี้มีอะไร ถ้าทายถูกกูจะปล่อยออกไปเลย”
“เรื่องเหอะ ใครจะไปรู้กับคุณล่ะครับว่าคุณกำอะไรไว้”
“งั้นกูพูดใหม่ ถ้ามึงทายไม่ถูกว่าในนี้มีอะไร มึงจะต้องยอมรับของสิ่งนี้เอาไว้นะ”
“คุณมันเจ้าเล่ห์ คุณอยากให้ของสิ่งนี้กับผมถึงกับต้องมีลูกล่อลูกชนมากขนาดนี้เลยเหรอครับ พูดออกมาตรง ๆ สิ”
“กูบอกเหรอว่ากูจะให้ของสิ่งนี้กับมึง” ผมดันตัวมันออกลุกขึ้นทันที แต่ลุกไม่ได้สู้แรงคนรั้งไม่ไหว ยังไม่อยากกระทืบเท้าใครบางคนที่เป็นถึงท่านประธาน
“คุณไม่เหม็นเหงื่อผมหรือไงนะ ผมทำงานมานะครับเสื้อผ้าก็เปื้อนมันจะเลอะชุดคุณนะ ปล่อยผมเถอะครับ”
“ปิง” มันซบคางลงที่บ่าผม
“เลิกเรียกกูว่าคุณได้แล้วนะขอเถอะ คำนั้นกูขอซื้อแล้วขว้างทิ้งไปเลยได้ไหม มึงจะขายเท่าไหร่เหรอ”
“ไม่ขายหรอกครับ ผมรวยแล้วไม่เหมือนเมื่อก่อน” ผมประชดนิดๆ
“เรียกกูว่าพี่เอย์นะ เร็ว”
“ไม่ครับ”
“ทำยังไงดี กูต้องทำยังไงเหรอ”
“.......”
“หมาปิง”
“งั้นเรียกท่านประธาน”
“โคตรแก่”
“เรียกป๋า”
“เออเข้าท่าว่ะ”
“ฝันเหอะครับ” จู่ ๆ พี่เอย์เอามือข้างนึงสอดเข้ามาปิดดวงตาผมไว้
“อย่าเพิ่งขยับนะ” มันห้ามก่อนที่ผมจะเอ่ยปากขัดแล้วเริ่มดิ้น มีบางอย่างยุกยิกอยู่ที่ข้อมือ ผมยังมองไม่เห็น
“ทุกอย่างที่ผิดพลาด ที่กูทำให้มึงเสียใจ หวาดกลัว และเสียความรู้สึกรวมถึงเสียศรัทธาในรัก สิ่งดี ๆ ต่อจากนี้ไป ได้โปรดจงกลับมาอยู่กับหัวใจของเราสองคน” ริมฝีปากเย็นเฉียบจูบลงที่แก้มผมเบา ๆ ก่อนที่เสียงกระซิบทุ้มต่ำจะตามมาอีก
“เปิดหัวใจให้กูอีกสักครั้ง”สร้อยข้อมือเส้นเล็กๆเป็นทองคำขาวถูกร้อยเข้าใส่ที่ข้อมือของผม พี่เอย์กำรอบมือผมไว้แน่นผมรู้ว่ามันกลัวผมจะปลดถอดออกมา
“ถ้ากูเห็นมึงถอดออกวันไหนกูจะไปสู่ขอมึงกับแม่มึงเลย คอยดูสิ”
พี่เอย์ก็ยังเป็นพี่เอย์คนเดิมไม่เปลี่ยน ผมจำได้ดีครั้งแรกที่มันสวมเชือกใส่ข้อมือให้ผมมันทำแรงมากทั้งปาทั้งกระชากแขนไม่มีความโรแมนติกเลยสักนิด
“ไอ้เชือกบ้านั่น ไม่รู้ใส่ยังไงกูลองดึง ๆ อยู่ตั้งนานแม่งใส่ยากฉิบหาย มึงใส่เอาเองก็แล้วกัน”
“ถ้ากูเห็นมึงถอดออกนะ กูจะเลิกจ้างมึงเลยสัส!”
สี่ปีมานี่คือพี่พัฒนาขึ้นมานิดๆแล้วนะ ผมแอบยิ้มกว้างในหัวใจ แต่มันไม่มีทางที่จะได้เห็นหรอก
“กินข้าวกัน” มันจับเอวผมลุกขึ้นแล้วตัวมันลุกตาม เราสองคนเดินออกมาด้านนอกแล้วนั่งทานข้าวอยู่ในห้องทำงานของมัน
“อาทิตย์หน้ากูว่าจะให้คุณพิมกับคเชนทร์เข้ามาหาที่นี่หน่อย”
ผมเงยหน้ามองมันทันที พี่เอย์กำลังพูดถึงพี่พิมกับพี่เชน
“ที่อัศวคอนสตรัคชั่นจะทำการว่าจ้างยูเซย์ไปดำเนินการพัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์ให้ใหม่ทั้งหมด”
“หมายความว่ายังไงครับ ทำไมทางนั้นถึง.....”
ผมค่อนข้างตกใจ คือไม่คิดว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอัศวคอนฯจะมาสนใจบริษัทเล็กๆที่เพิ่งจะก้าวขึ้นมาอย่างยูเซย์
เพราะอะไร??
“สงสัยใช่ไหมว่าเพราะอะไร” พี่เอย์ตักมะเขือเทศในจานแบ่งมาให้ผม
“ครับใช่”
“กูคุยกับคุณแม่เรื่องของเรา ท่านรู้ตั้งแต่กูให้ยูเซย์เข้ามาวางระบบของที่นี่ กูคุยกับท่านแล้วปิง เรื่องของเรา ทุกอย่าง คุณแม่ท่านคงอยากจะดูความสามารถของมึงแน่ๆถึงได้มีนโยบายตามออกมาแบบนั้น ถ้ามึงคิดว่างานนี้หนักหนาเกินไปกูจะคุยให้เอง ไม่ต้องรับทำงานนี้”
ผมนิ่งทันที ครุ่นคิดให้รอบคอบทุกอย่าง นี่เป็นโอกาสที่ไม่ได้มีได้บ่อย ๆ ของยูเซย์ ถ้าพี่พิมกับพี่เชนรู้ว่าบริษัทใหญ่อย่างอัศวคอนฯเข้ามาว่าจ้างงาน พี่เขาต้องตอบตกลงโดยไม่มีข้อแม้หรือลังเลอะไรเลย อัศวมีสาขามากมายทั้งมาเลเซียเวียดนามสิงคโปร์เมียนม่าหรือแม้แต่ในประเทศไทยเองยังมีสาขาเล็กอยู่เกือบทุกภูมิภาค โอกาสที่จะได้สร้างชื่อเสียง เปิดตัวยูเซย์อย่างเป็นทางการเข้ามาอยู่ในมือแล้ว
ผมจะยอมให้ความฝันของพี่ๆสองคนที่ผมรักต้องมาพังลงต่อหน้าต่อตา??
แต่โอกาสครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่สูงมากจริงๆ ในเกมส์ครั้งนี้ถ้าหากผมพายูเซย์ก้าวผ่านมันไปได้ทุกอย่างระหว่างผมกับพี่เอย์ก็จะดีขึ้นด้วย ยูเซย์จะเติบโตระดับของงานจะก้าวกระโดดสูงขึ้นไปอีกหลายสิบขั้น
ขณะเดียวกันถ้าหากว่าเกมส์นี้ผมพ่ายแพ้และล้มลง ผมจะพายูเซย์ล้มลงไปกับผมด้วย.......แล้วผมจะยอมเสี่ยงไหม
“ปิง?”
“แม่คุณกำลังดึงผมเข้าไปในเกมส์” ซ้ำยังเอายูเซย์เข้าไปเป็นเครื่องมือ ร้ายจริงๆผู้หญิงคนนี้
“ถูกต้อง มึงพูดถูกที่สุด กูไม่อยากให้มึงทำแต่ไม่ว่ายังไงทางนั้นจะต้องติดต่อไป”
“ผมจะปรึกษากับพี่เชนและพี่พิมก่อนครับ แต่คิดว่าโอกาสที่ยูเซย์จะปฏิเสธมีน้อยมาก เพราะพวกเราเก่งและไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“ตอนที่กูรู้ว่ามึงเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนและเป็นโปรแกรมเมอร์มือสองของที่นี่กูโคตรทึ่งเลยปิง ยูเซย์ไม่ใหญ่มากก็จริงแต่ชื่อเสียงของคเชนทร์นั้นดังมากอยู่แล้วถ้าพูดถึงโปรแกรมเมอร์มือทองไม่มีใครในแวดวงไอทีที่ไม่รู้จัก แต่พอกูได้รู้ว่ามึงเป็นถึงมือสองของที่นี่กูแทบไม่อยากจะเชื่อ ไม่ได้ดูถูกแต่กูอยู่กับมึงมานานเกือบปีกลับไม่เคยรู้เลยว่ามึงทำงานแบบนี้อยู่ มึงสร้างตัวจนประสบความสำเร็จมากมายกูภูมิใจมากนะ”
“พี่เชนเป็นอาจารย์ผม เพราะพวกพี่เขาให้โอกาสผม ทั้งสองคนมีพระคุณกับผมมากครับ ตอนนั้นที่คุณไม่อยู่ผมได้พี่ๆเขาช่วยไว้เยอะมากเลย ให้ตอบแทนทั้งชีวิตก็ไม่หมดหรอกครับ”
“กูต้องดีกับเขาให้มากๆด้วยงั้นสิ” พี่เอย์ยิ้มบางตักไข่ในจานส่งมาให้ผมอีก ดูเหมือนมันสบายใจขึ้นที่ได้พูดหลายๆเรื่องออกมา ผมก็ตักข้าวกินของผมต่อ
“กินเยอะๆหน่อยนะ แก้มมึงหายไปไหนหมดแล้ว” มันเอื้อมมือเข้ามาลูบผมรีบหลบ ก้มหน้าตักอาหารทานต่อ รู้สึกเขินอายนิดๆ เป็นครั้งแรกตั้งแต่พี่เอย์กลับมาแล้วเราพูดคุยกันมากขนาดนี้ บางครั้งการเปิดใจขึ้นมาอีกหน่อยก็ทำอะไรๆดีขึ้นมากเหมือนกัน เราสองคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
“กูรู้ว่าทุกอย่างต่อจากนี้อาจจะหนักหนามากสำหรับมึง ที่คอนสตรัคชั่นไม่เหมือนที่นี่ ตำแหน่งของกูคือรองประธาน ถ้าหากมึงตัดสินใจจะเข้าไปดูแลระบบให้ที่นั่น กูจะขอยืนอยู่ข้างมึงเสมอไม่มีทางทอดทิ้ง กูคนนี้จะขอร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับมึงไม่หนีหายไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหนสุดท้ายแล้วคนที่กูจะเลือก ก็คือมึง รู้ไว้แค่นั้น”
“ผมคิดว่าผมจะทำครับ ผมจะสู้”
“คุณแม่กูเก่งมาก มึงต้องรู้ไว้”
“ผมว่าผมเก่งกว่านะ”
“หืออ?” พี่เอย์เงยหน้าจากอาหารขึ้นมองผมทันที หน้าตาคือสงสัยเพราะมันอุตส่าห์บอกให้ผมได้เตรียมตัวไว้ ผมรู้คุณแม่พี่เอย์เก่ง แต่ท่านไม่เก่งเท่าผมหรอก
ก็เพราะว่าผมสามารถชิงเอาดวงใจของท่านมาไว้กับตัวผมได้นานหลายปี แบบนี้ไม่เก่งกว่าให้เรียกว่าไรเนอะ ผมอมยิ้มนิดๆ
พี่เอย์มองผมแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัว ส่งรอยยิ้มอ่อนโยน “ใช่ มึงเก่งกว่า ถ้าคุณแม่รู้ว่ามึงเก่งและใจดีขนาดนี้แม่ต้องรักมึงมากแน่ ๆ”
RRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRเสียงมือถือมันดัง พี่เอย์หยิบออกมากดรับ ผมไม่ได้แอบฟังนะแต่คือได้ยินทุกอย่างเพราะพี่เขาก็นั่งคุยอยู่ข้าง ๆ คุยเรื่องงานโครงการก่อสร้างอะไรนั่นแหละคงจะมีเลขาโทรมารายงานมั้ง เพราะตัวพี่เอย์ประจำอยู่ที่นี่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าวันไหนบ้างที่พี่เขาจะเข้าไปทำงานที่บริษัทคอนสตรัคชั่นนั่น
“ไม่เป็นไรเจอกันที่บริษัทเลย กัสรอผมอยู่ที่นั่นเดี๋ยวผมแวะเข้าไปรับแล้วเราออกไปด้วยกัน สักบ่ายสามโมงนะ”เลขาพี่เอย์ที่อัศวคอนฯ ชื่อกัส มันเคยบอกผมวันนั้นที่ผมถามหาผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักคนที่ยืนจัดเนคไทกับจัดทรงผมให้มัน วันที่เราเจอกันครั้งแรกในรอบสามปี
พี่เอย์คุยเสร็จแล้วก็วางมันมองหน้าผมแล้วยิ้มให้
“อิ่มไหม เอาเพิ่มไหมเดี๋ยวโทรลงไปสั่งอีก” ผมส่ายหัวบอกไม่เอา พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านให้หลุด ผมเป็นคนคิดไปเองเก่งนะบอกเลย วันนั้นอยากมาทำท่าทางแปลกๆระหว่างเลขากับเจ้านายให้ผมเห็นทำไมผมก็คิดสิเออ
แต่ก็เอาเถอะคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก เลขาต้องใส่ใจดูแลเจ้านายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว อาจจะมากเกินไปบ้างสกินชิพอะไรแบบนั้น บางทีคนที่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาก็อาจจะไม่ได้คิดอะไร
เออ...จะว่าไปเลขาพี่เอย์ดูสนิทกันจังวะ เพิ่งเข้ามาทำงานหรือทำก่อนหน้านี้นานแล้ว อายุดูรุ่นเดียวกันด้วย
อย่าบอกนะว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันที่นิวยอร์กแล้วพากลับมาทำงานด้วย....ไอ้ปิงเอ๊ยยย มโนมึงนี่จะเจ็บปวดไปไหมสัส มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกน่า มึงจะคิดมากเกินไปแล้ว
ผมสลัดความคิดทิ้งไปทันที