http://www.youtube.com/v/9Hh4g-__3Qo “พี่เอย์ครับ พี่รักผมใช่ไหม”ในที่สุดมันก็ถามคำถามนี้ออกมาจริง ๆ ปิงเป็นเด็กที่อยากรู้ก็จะถามเลย มันไม่เคยกั๊ก ตอนนี้ก็จ้องหน้าผมอยู่คงจะรอคำตอบจากผม จริง ๆ ก็อยากตอบไปเลยเหมือนกันนะแต่ผมเป็นเป็นคนแปลก นิสัยไม่ดีอยู่อย่างคือ ถ้าผมจะพูดคือผมจะพูดเอง ผมจะไม่ให้ใครมาบังคับหรือถามแล้วชี้นำให้ผมตอบในลักษณะนั้นนี้ ผมคิดว่าปิงมันรู้อยู่แล้วว่าผมคิดยังไงด้วยการกระทำที่ผ่านมาของผมๆมั่นใจว่าผมสื่อถึงมันว่าผมคิดยังไงกับมันแล้วแน่นอน แต่ตอนนี้คือมันต้องการแค่คำยืนยัน
“คำพูดกับการกระทำ มึงว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน” ผมถามมัน
“...การกระทำครับ” ปิงตอบออกมา ทำหน้าตาเหมือนคนยอมจำนนในคำตอบ ผมนิ่งไปรอให้มันคิด คือผมเป็นคนแบบนี้ ผมจะรอจนมันคิดและยอมรับได้เอง การกระทำของผมชัดเจนมากเพียงพอที่มันจะมั่นใจผมได้แล้ว ถ้าหากว่ายอมรับความเป็นตัวผมได้เราสองคนจะเดินไปด้วยกันได้ไกลมาก ๆ
เผลอๆบางที อาจจะตลอดไปเลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดปิงเริ่มยิ้มนิดๆผมรู้มันยอมรับตัวตนของผมได้แล้ว เช่นกันที่ผมเองก็ยอมรับตัวตนของมันได้ มันจะบ้าจะเฮ้วจะดื้อจะมึนตรงและเกรียนแค่ไหน ผมคนนี้รับได้หมดแล้ว ถ้ามันยอมรับความเป็นตัวผมตรงนี้ได้คือเราสองคนเคมีเข้ากันแล้วนะผมว่า ผมเลยกะว่าไว้วันพิเศษความหมายดี ๆ เวลาพิเศษจริง ๆ ของสองเราผมจะพูดคำนั้นที่มันอยากฟัง แต่คงต้องในสไตล์ผมนะ เพราะผมไม่ค่อยเหมือนใคร คำว่าผมรักคุณเรียบๆแบบนั้นไม่มีทางออกจากปากผมหรอก มันต้องมีสไตล์และโรแมนติกมากไปกว่านั้น
แต่จู่ ๆ เรื่องที่ไม่คาดว่ามันจะถาม มันก็ดันคิดถามขึ้นมาได้
“พี่ไม่เคยบอกรักใครเลยเหรอ สักครั้งก็ไม่เคยจริงอ่ะ”
ผมหน้าชาไปนิดพอได้ยินคำนั้นจากปากมัน ผมไม่อยากโกหก และนี่น่าจะเป็นอีกเรื่องเหมือนกันที่ปิงควรจะรู้
“มีแค่คนเดียว เขาเป็นผู้หญิงคนแรกของกู”แค่นั้นแหละครับ ผมเหมือนรู้สึกว่าตัวเองทำผิดแบบฉิบหายเลย ปิงไม่พูดกับผมจนเรากลับถึงห้อง มันทำท่าทีเย็นชาราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุไม่มีตัวตน คือมากจนผมกลัว ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ จากสะพานพุทธถึงแถวๆคอนโดผมแต่ปิงไม่พูดอะไรกับผมสักคำ
จนมันเอ่ยคำลาออกมาตอนที่ส่งผมที่หน้าห้อง ผมจึงดึงมันเข้ามาจูบ ยอมรับว่าดูดปากมันแรงมากจริง ๆ ความรู้สึกตอนนั้นคือผมกลัว กลัวว่าจะเสียมันไป ปิงไม่เคยเป็นแบบนี้ มันไม่เคยนิ่งและเงียบมากขนาดนี้มาก่อน ท่าทีเย็นชาของมันทำเอาผมปวดหนึบไปทั้งใจ
“กูคิดว่าสำหรับมึง มันคงเกินคำว่ารักไปแล้ว กูเลยไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาพูดกับมึงดี”นี่คือคำง้อที่ผมคิดว่าดีที่สุดแล้ว ผมรักมันนะ ผมสัญญาวันนึงจะบอกคำว่ารักกับมันแน่ คงจะเป็นเร็ว ๆ นี้ผมจะหาโอกาสและช่วงเวลาดี ๆ ของพวกเรา ผมเคยคิดว่าน่าจะเป็นเมคเลิฟครั้งแรกหรือถ้ามันไม่ยอมให้ผมทำก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เราสัมผัสกันอย่างอ่อนโยน โอกาสและช่วงเวลาที่พิเศษแบบนั้นถ้าผมเอ่ยคำว่ารักออกไปความทรงจำช่วงนั้นของเราจะเป็นอะไรที่พิเศษมากๆเลย
ในที่สุดมันก็ยิ้มแล้ว รอยยิ้มของปิงน่ารักมาก ผมไม่รู้ตัวเองชอบได้ยินเสียงมันพูดเจื้อยแจ้วหรือหัวเราะร่าตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมไม่เคยเบื่อ
“หมาปิง มาอยู่ด้วยกันเลยดีไหม”ผมรู้คำพูดของผมอาจทำให้มันตกใจมาก แต่ผมรู้สึกแล้วจริง ๆ ว่าเวลาที่เราสองคนใช้ร่วมกันทำไมมันถึงน้อยนัก มันยังไม่พอผมต้องการใช้เวลาร่วมกับมันอีก อยากพูดคุยอยากแชร์ทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องแบบนั้นนะคุณอย่าเข้าใจผิด เรื่องนั้นแน่นอนผมก็อยาก แต่ผมอยากให้ปิงเข้ามาเป็นส่วนนึงในชีวิตของผมมากกว่านี้
ผมคงเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม เขาว่ากันว่าถ้าเรามีความรักเราจะเริ่มรู้สึกว่าเราอยากจะครอบครองและเป็นเจ้าของคน ๆ นั้นตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกแบบนี้กับมันมากขึ้นแล้ว
“อะไรกันยังไม่ไปสู่ขอกับแม่ผมเลย จะชวนมาอยู่ด้วยแบบนี้ พี่เอย์แย่จริง ๆ นะครับ เกิดผมท้องก่อนแต่งขึ้นมาเดี๋ยวคุณนายกับพี่ขมได้โวยวายลั่นบ้านแน่”หึหึ ช่วยไม่ได้มันอยากเปิดช่องทางให้ผมเอง ไม่กี่วันหลังจากนั้นปิงโทรบอกผมว่าพี่ขมไม่สบายมันจำเป็นต้องอยู่ช่วยที่บ้าน และคงไม่ได้มาหาผมที่ห้อง แล้วผมคนนี้จะอดทนได้นานแค่ไหนครับ
ในที่สุดผมขับรถไปจอดไว้ไม่ไกลจากร้านมันนัก เห็นคุณแม่ของปิงขายของต้อนรับลูกค้าและเจ้าเด็กบ๊องของผมก็วิ่งหน้าวิ่งหลังช่วยงานเธออยู่ในนั้น ปิงเป็นเด็กดีจริง ๆ ยิ้มให้ลูกค้าช่วยคุณแม่แบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย ทำไมผมดูอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ถึงรู้สึกว่าน้องน่ารักมากจริง ๆ ผมมั่นใจแล้วว่า
ผมรักมัน วันนั้นผมมีโอกาสได้ไปทานข้าวที่บ้านเล็กๆของปิงกับคุณแม่ แม่ปิงน่ารักมาก เธอนิสัยเหมือนปิงมากเลยทีเดียว ระหว่างทางที่เธอนั่งรถไปกับผมคุณแม่เงียบมากท่าทางเธอเจียมตัวแบบที่ขนาดผมเป็นเด็กยังดูออก ผมเอื้อมตัวไปดึงสายเบลท์มากดเสียบลงให้ คุณแม่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่นที่เหมือนกับรอยยิ้มของปิงไม่มีผิด
อ่อนโยนและน่าทะนุถนอมมากๆ
ผมทานข้าวที่บ้านมันเสร็จ ระหว่างนั้นมีกุเรื่องราวนิดหน่อยด้วย เอาจริงๆอย่าให้ผมบาปเลยนะครับผมแค่อยากให้ลูกชายคุณแม่ไปนอนค้างด้วยกันก็แค่นั้น ผมรับรองผมไม่ทำอะไรล่วงเกินมันมากไปกว่าแค่ภายอกแน่ คึคึ คือผมคิดถึงมันมากจริง ๆ นะ เจ้าปิงมันไม่ยอมไปหาผมเลยนี่เป็นอาทิตย์เข้าไปแล้ว
“ปิงขับรถกลับดีๆนะลูกมันดึกแล้ว”
ในที่สุดผมก็พามันออกมาได้โดยความเต็มใจของคุณแม่ผู้สนับสนุนหลักอย่างไม่เป็นทางการเพราะเธอไม่รู้วัตถุประสงค์จริงของผมไง เราแวะดูหนังกัน ก่อนที่ขากลับผมจะทำหน้าที่เป็นคนขับแล้วแวะซื้อโกโก้ร้อนให้มันที่ร้านกาแฟ คือที่โรงหนังปิงนั่งหนาวมากผมทำอะไรไม่ได้ก็แค่ช่วยกุมมือมันไว้นั่นแหละ
“พี่เอย์เมื่อกี้มีคนโทรเข้ามาแน่ะพี่ เครื่องพี่น่ะ” พอกลับมาที่รถยื่นโกโก้ร้อนให้ปิงเลยบอกผมเรื่องโทรศัพท์ ยอมรับเลยว่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยอยากให้มันเห็นมือถือผมเท่าไหร่ นานะชอบไลน์มาหาอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ทุกคืนผมก็จะคอลวีดีโอคุยกับอันวาอยู่แล้ว ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าเธอจะโทรหรือจะไลน์ แชตออน ข้อความอะไรมานักหนา
“แฟนพี่เหรอ สวยจังนะครับ”
“เปล่า แฟนกูไม่สวยเลยหน้าเหมือนลูกหมาขี้เหร่มากอ่ะ” ผมหมายถึงมันอ่ะแหละ รู้อยู่หรอกมันคงเห็นรูปนานะที่อยู่ในเครื่องผม เออก็ว่าจะเปลี่ยนเหมือนกันนะบังเอิ๊ญบังเอิญจริง ๆ มีแต่รูปนี้ของเธออีกต่างหาก
“เอาจริงๆดิพี่ ไม่เล่น เธอเป็นแฟนพี่เอย์เหรอครับ” ผมหันมองมันทันทีคือไม่คิดว่าปิงจะถามคำนี้ออกมา ก็รู้อยู่แล้วว่าผมกับมันคบกันอยู่ แล้วผมจะไปเป็นแฟนใครคนอื่นอีกได้ยังไง ปิงดูเหมือนยังไม่ยอมเข้าใจมันทำท่าจะพูดต่อผมก็เลย...
“แค่เพื่อน เขาเป็นเพื่อนกู” ผมไม่ได้โกหกนะ นานะเป็นแค่เพื่อนผมแล้วจริง ๆ เพียงแต่ผมยังลงรายละเอียดอื่น ๆ ให้มันฟังไม่ได้ ปิงคงกำลังคิดว่าผมไม่ชัดเจนในคำตอบ มันเงียบไปผมจึงยกมือไปยีๆหัวมันคือสไตล์ปลอบใจของผม มันก็ทำหน้าสบายใจขึ้นแล้ว
คืนนั้นปิงสระผมให้ผมด้วยนะ ตอนแรกทำท่าไม่ยอมหรอกแต่ทนลูกอ้อนผมไม่ได้ มันก็ต้องแบบนี้อยู่แล้วผมชอบให้มันดูแลเทคแคร์ เวลาที่มันดูแลผมๆรู้สึกดีแบบสุด ๆ ผมเอื้อมมือไปดึงมือมันมาจูบลงเบา ๆ ปิงทำงานหนักมือเลยไม่ได้นุ่มนิ่มแบบมือผู้หญิงแต่ทำไมผมถึงชอบมากก็ไม่รู้ มือมันหอมมากจริง ๆ
“ปิงกูโอนเงินให้มึงน้อยไปรึเปล่าได้เช็คดูบ้างไหม”
“ไม่น้อยหรอกครับ พี่เอย์ให้เยอะเกินไปด้วยซ้ำ”
“ทำร้านให้แม่ใหม่ดีไหม เดี๋ยวกูออกแบบออกเงินให้ ที่ตรงนั้นน่ะเช่าเหรอหรือว่าของตัวเอง”
“พี่เอย์ครับ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกนะครับ ผมรู้พี่เห็นผมกับแม่วันนี้แล้วคงรู้สึกว่าอยากจะช่วยอะไรบ้าง แต่คือเราสามคน ผม แม่ พี่ขม เราอยู่ของเรามาแบบนี้ใช้ชีวิตในแบบนี้ของเรา พวกผมมีความสุขดีครับ ขอบคุณพี่เอย์มากที่นึกถึงกัน แต่ถ้าพี่รักผมกับแม่จริง ๆ อย่าพูดเรื่องจะออกค่าใช้จ่ายอะไรนั่นอีกนะครับ ผมขอ”
นี่แหละคือแฟนของผม คนที่รักศักดิ์ศรีของตัวเองและอ่อนโยนกับผม ปิงน่ารักและเป็นเด็กดีมากจริง ๆครับ
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมมีความสุขมาก เราสองคนสัมผัสซึ่งกันและกัน ผมรู้ปิงเขินอายนิดๆถึงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเราทั้งคู่แต่ผมรู้เราต่างก็เป็นครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เมื่อความต้องการในส่วนลึกเรียกร้อง ผมทำตามสัญชาตญาณและรู้สึกดีมากขณะเดียวกันผมรู้ว่ามันเองก็รู้สึกดีไม่ต่าง ปิงกลั้นเสียงครางไว้ไม่ดีเลยเพราะน้ำเสียงแบบนั้นของมันทำเอาผมกระเจิดกระเจิงยิ่งกว่าเก่า มือของมันที่กำลังสัมผัสผมอยู่ ทำเอาผมร้อนรุ่มไปทั้งกาย ในที่สุดผมก็พามันแตะถึงเส้นขอบฟ้าขณะที่ผมเองก็ตามมันไปแบบติด ๆ ปิงหลับตาลงแน่นผมเลื่อนตัวไปอีกนิดกะให้ริมฝีปากจรดลงที่ริมหู ตั้งใจเอ่ยท่วงทำนองเหล่านี้...
You’re my everything
Forever and the day I need you close to me.
….You’re my everything
You never have to worry never fear for I am near.
“....love you ”แน่นอนครับถ้อยคำสุดท้ายไม่ได้มีอยู่ในเพลงใดๆทั้งสิ้น เป็นคำที่ผมตั้งใจจะบอกมันอยู่แล้ว ผมเคยบอกไปแล้วนี่ คำรักมันต้องเอ่ยตอนเมคเลิฟมันถึงจะลึกซึ้ง ถึงแม้นี่ไม่ใช่เมคเลิฟโดยสมบูรณ์ แต่เราก็สัมผัสกันและกันไปแล้ว ผมผิดเหรอที่ผมจะเอ่ยคำนี้กับมัน ปิงท่าทางตกใจไม่น้อยแต่ผมเนียนครับ ไม่บอกหรอกว่าเพลงที่ผมร้องให้ฟังกับถ้อยคำนั้นเป็นผมที่ตั้งใจทำเพื่อมันมากแค่ไหน ผมจึงบอกมันแค่ว่า
นั่นน่ะคือผมละเมอ!ปิงหลับไปในอ้อมกอดของผม แต่คุณเชื่อไหมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึกผมสะดุ้งตื่นกลายเป็นผมต่างหากที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดมัน ผมรีบลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มากดรับมองดูหน้าคนข้าง ๆ ที่หลับสนิท ปิงคงเหนื่อยมากวันนี้ช่วยแม่ขายของทั้งวันแล้วผมยังทำกับมันแบบนั้นอีกมันคงจะเหนื่อยจนหลับแบบไม่รู้เรื่องเลยนั่นแหละ ผมลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไปรับสายด้านนอก
“ฮัลโหลครับอันวา”
“แด๊ดดี้เอย์ตั้น อันวาคิดถึงคร้าบ อันวาไม่สบายอันวาตัวร้อน อันวาคิดถึงเอย์ตั้น.......บลาๆๆ”
เรานัดกันเกือบทุกวัน อันวาชอบเล่นกับผมมาก เรียกผมแด็ดดี้ๆตลอดคือผมก็สงสารนะวันไหนผมไม่ไหวจริง ๆ จะโทรบอกนานะก่อน เธอจะได้ไม่ต้องต่อสายมาหา มีบางครั้งเช่นครั้งนี้ผมบอกว่าไม่ว่างแต่เธอก็ยังต่อสายมาคือน้องไม่สบายเพ้อหาผม ผมคุยกับอันวานิดหน่อยคือคุยกันแบบชนิดที่ว่าอันวาหลับคาโต๊ะไปเลย นานะจึงพาอันวาไปนอนจากนั้นเธอบอกผมอย่าเพิ่งวางเธอจะคุยเรื่องกำหนดกลับเมืองไทย ซึ่งผมก็เออออไป มีแซวเธอว่าอ้วนนิดหน่อยด้วยเพราะเธอส่งรูปตอนไปเที่ยวกับอันวาและคุณแม่ของเธอมาให้ดู
ในที่สุดเธอพูดถึงเรื่องกลับมาเมืองไทยของเธออีกครั้ง บางทีนานะก็ชอบพูดอะไรแปลก ๆ เธอคุยกับผมเหมือนคนที่ยังรักกันมากมาย ทั้งที่ความเป็นจริงผมคอยย้ำกับเธอเสมออยู่แล้วว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องของผมกับเธอมันจบลงแล้วจริง ๆ ผู้หญิงที่จะคอยแต่รื้อฟื้นเรื่องราวเก่า ๆ บางทีผมก็เบื่อนะถ้าไม่เห็นแก่อันวาที่เป็นหลาน คุณคิดว่าผมยังจะนั่งทนคุยกับเธอต่ออยู่แบบนี้ไหม หลังคุยเสร็จผมนั่งนิ่ง ๆ อยู่สักสองสามนาทีได้คือก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ผมรู้ว่าอันวาสำคัญแต่วันนี้ปิงมานอนกับผมทำไมผมถึงต้องลุกออกจากเตียงแบบนี้ด้วยถ้าปิดเครื่องไปทุกอย่างคงจบ แต่คิดอีกทางวันนี้อันวาไม่สบายตัวร้อนแล้วก็เพ้อหาผมถ้าผมทำแบบนั้อันวาคงจะคิดถึงและเสียใจมาก ๆ
“ออกมานานหรือยัง” ผมตกใจมากเมื่อหันมาเจอปิงยืนกอดอกพิงผนังห้องมองผมอยู่ หน้าตาคือนิ่ง ผมเลยถามว่าปิงออกมานานรึยังเผื่อบางทีอาจจะเห็นว่าผมคุยอยู่กับอันวา ผมยังไม่เคยบอกเรื่องอันวากับมัน เรื่องของลูกชายซีซ่าร์ยังคงเป็นความลับของพวกผมอยู่ ผมเดินเข้าไปหาแล้วจับแขนมันพาเข้าห้อง “โทษทีนะไปนอนต่อเถอะ ดึกแล้ว”
ปิงยื้อแขนตัวเองออกมันจ้องหน้าผมนิ่งเลย “ผมให้โอกาสพี่แค่ครั้งเดียว อธิบายมา”
“กูเคยบอกมึงแล้วนี่ เขาเป็นเพื่อนกู แค่เพื่อน”
ปิงประชดผมทันทีที่ผมตอบมันออกไปแบบนั้นมันเดินเข้าไปในห้องหยิบเสื้อผ้าขึ้นเปลี่ยน ผมงี้ได้แต่ยืนมองอึ้งเลย แล้วผมพูดอะไรผิดรึไง? นานะเป็นแค่เพื่อนของผมจริง ๆ ความรู้สึกกับเธอตอนนี้แทบจะกลายเป็นแค่คนรู้จักไปแล้วด้วยซ้ำ ผมรู้ปิงโกรธที่ผมออกมานั่งคุยโทรศัพท์กับนานะอยู่แบบนี้ ทั้งที่วันนี้ผมควรจะนอนอยู่กับมันแต่ผมก็เลือกที่จะเดินออกมา ทว่านั่นไม่ใช่เพราะนานะแต่เป็นเพราะอันวาหลานชายของผม
“ไปไหน” ผมถามมันปิงคว้าลูกบิดประตูไว้แล้ว คือผมกำลังคิดนะว่ามันโกรธ? มากมายขนาดนั้นเลย??
“โทษทีพี่ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้วันนี้ต้องพาคุณนายเธอไปตลาดแต่เช้า” มันโกหกผมรู้
“ปิงตอนนี้ตีสี่” ผมดึงแขนมันไว้
“พี่เอย์ปล่อยครับ” ผมพยายามดึงแขนมันไว้ แต่มันคือผลักไหล่ผมแรงมากเอาจนผมเซไปเลย ผมเลยโพล่งออกมา
“เชื่อใจกูได้ไหม เชื่อใจกูสิ มึงไม่เชื่อใจกูเหรอ” นั่นคือคำพูดจากใจผมเลยนะ ผมคิดว่าเรื่องของนานะไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายอะไรเลยเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญนานะเป็นแค่เพื่อนแค่คนรู้จักและถึงจะเป็นแม่ของหลานชายผม แต่เธอก็เป็นได้แค่นั้น แต่ปิงคงจะคิดมากมายของมันจริง ๆ ผมเองก็ทำไม่ถูก แต่ผมก็เลือกที่จะไม่พูดเรื่องอันวาเพราะสัญญากับซีซ่าร์มันไว้แล้ว ผมรอแค่นานะกลับมาผมจะต้องแนะนำให้ปิงรู้จักหลานชายผมอยู่แล้ว ตอนนั้นผมจะบอกความจริงทั้งหมด เพราะคนที่สำคัญจริง ๆ กับผมคือปิง และเหตุผลที่ผมคุยกับทางนั้นก็คือหลานของผม อันวา เหตุผลเดียวเลยจริง ๆ
“เขาชื่อนานะ เป็นผู้หญิงคนแรกของกู...................................................................
เราจบกันนานแล้ว”“เชื่อใจกูได้ไหม” ผมย้ำกับมันอีกครั้ง ปิงเหมือนกับจะเย็นลง ผมจึงบอกเรื่องสำคัญเรื่องนึงกับมันต่อ
“เขาจะกลับมาวันเสาร์นี้ กูจะให้มึงไปรับเขานะ
หน้าที่มึง”
“พี่แม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ” ผมไม่รู้มันกำลังเข้าใจผมว่าอะไร แต่คำว่า ‘
หน้าที่มึง’ ที่ผมพูด คือหน้าที่ของคนที่เป็นแฟนผม ในเมื่อวันนั้นเพื่อนผมอยากจะให้ไปรับแต่ผมไม่ว่างก็ควรเป็นหน้าที่ของแฟนผมที่จะต้องไปรับแทน ผมทำไม่ถูกต้องหรือ? ผมอยากให้ปิงแสดงตัวกับเธอไปเลยว่าปิงเป็นใคร
“คุณเอย์ นี่ครับ” พนักงานที่สปอร์ตคลับยื่นกุญแจล๊อคเกอร์ส่งให้ผม ผมเดินไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำแล้วยัดกระเป๋ากีฬาเก็บเข้าตู้
สายน้ำวันนี้เย็นเฉียบจนบาดผิวกาย ปิงหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น คือผมก็รู้นะว่ามันไม่พอใจเรื่องที่ผมออกมานั่งคุยโทรศัพท์อยู่กับนานะ ผมรู้มันคงออกมาไม่ทันตอนที่ผมคุยอยู่กับอันวา หรือถ้าเห็นยิ่งจะปรี๊ดมากขึ้นยิ่งกว่านี้เพราะอันวาเรียกผมแด๊ดๆอยู่ตลอด อีกแค่อาทิตย์เดียวนานะกับอันวาก็จะกลับมาถึงแล้ว ผมจะรอจนถึงตอนนั้นแล้วจะบอกปิงทีเดียวไปเลย เพราะผมคิดว่าไม่จำเป็นที่ปิงจะต้องรู้คือมันไม่สำคัญสำหรับปิงเลยจริงนะ ผมก็แค่นั่งคุยกับหลานชายเสร็จแล้วก็กะจะเดินเข้าไปนอนกอดมันต่อ หลานผมไม่สบายเพ้อหาผม แต่ปิงดันออกมาเห็นว่าผมนั่งคุยกับผู้หญิงเพราะอันวาหลับไปแล้ว ปิงเข้าใจเจตนาของผมผิด ทำไมผมถึงไม่อธิบายไปว่าจริง ๆ แล้วนานะคือแม่ของหลานชายผม แค่นั้นเรื่องก็จบแล้วใช่ไหม
ก็เพราะผมไม่เห็นว่าเรื่องของนานะสำคัญสำหรับเราสองคนไง คือผมจะบอกว่าไงดี ผมคิดว่านานะกับเด็กไม่มีอะไรที่ปิงจะต้องรู้เลย มันเป็นเรื่องของซีซ่าร์กับนานะแล้วบังเอิญผมอยู่ในข้อตกลงด้วยก็แค่นั้น แค่ปิงเชื่อใจผมไม่มีอะไรที่มันจะต้องกลัวหรือหวั่นใจเลย
ผมว่ายมาหยุดลงที่กลางสระ คิดแล้วคิดอีก ผมรู้ว่าตัวเองผิดมากที่ทำมันเสียใจมากขนาดที่วันนั้นมันกลับไปกลางดึก ถึงจะยอมให้ผมไปส่งแต่คือมันก็ทำเฉยชากับผมเสียจนผมนึกกลัว ผมโมโหตัวเองที่เป็นคนปากหนัก ผมจึงฟาดมือปัดสายน้ำที่เย็นเฉียบให้กระจายขึ้นหวังให้กระแทกใบหน้าตัวเองแรง ๆ สักที ผมโมโหตัวเองมากที่ทำให้คนที่ผมรักต้องรู้สึกแย่ เสียใจ และเสียความรู้สึก
“อยู่ไหน” ผมโทรหามัน ปิงตอบกลับมาว่ากำลังจะไปเตะบอล แค่นั้นแหละครับ ตั้งแต่วันนั้นในเมื่อมันไม่ยอมมาหา เป็นผมเองก็ได้วะที่ต้องไปหามันแทน ทั้งที่สนามบอล ที่ร้าน ที่บ้าน จนกระทั่งวันเสาร์...
ผมเพิ่งจะรู้จริง ๆ ว่าผมคิดผิดมากที่ให้ปิงไปรับนานะ เพราะเมื่อผมกลับมาถึงห้องแล้วสีหน้าปิงไม่ดีเลย ถึงมันจะคุยจะถามโน่นนี่นั่นแต่คือผมรู้ว่ามันยังไม่ใช่ปิงที่ร่าเริงคนนั้น มันถามผมเรื่องอาหารเป็นนัยๆ ผมเลยรู้ทันทีว่านานะคงจะพูดอะไรแปลกๆให้ฟังแน่แล้ว ผมพยายามนะพยายามจะแหย่ให้มันกลับมาเป็นปิงคนเดิม นั่งอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนที่มันล้างจาน แต่เหมือนกับทุกอย่างจะไม่ช่วยอะไร ผมเลยคิดว่าจะบอกตอนนี้เลยเพราะไหน ๆ นานะกับอันวาก็กลับมาแล้ว
“แล้วเด็กกลับมาด้วยรึเปล่า” ผมถามให้แน่ใจ
“...กลับครับ”
บรรยากาศระหว่างเราชวนอึดอัดมากจริง ๆ ผมสงสารปิงมากผมรู้ผมผิดมากจริง ๆ ที่ให้มันไปรับนานะครั้งนี้ เพราะปิงสุภาพบุรุษมาก ผมน่าจะรู้อยู่แล้วมันไม่มีทางแสดงตัวกับเธอว่าเป็นคนของผมเด็ดขาด
“น้องน่ารักมากเลยครับ” ปิงพึมพำขึ้น ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ผม จึงจึงตัดสินใจว่าจะบอกให้มันจบ ๆ ไปเลย ปิงอาจกำลังคิดมากๆแล้วเมื่อเห็นหน้าตาของอันวากับผม ไม่งั้นจะพูดถึงทำไม
“เด็กคนนั้นน่ะ........”ติ๊ดดดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โดนขัดจังหวะด้วยเสียงกริ่งประตู ผมเลยบอกให้มันอยู่ด้วยกันห้ามหนี คือผมกะจะบอกทุกอย่างวันนี้อยู่แล้ว
“เอย์!” นานะมาแล้วจริง ๆ ทันทีที่เธอเห็นผมเธอปล่อยมือเด็กแล้ววิ่งเข้าหาผมเลย ผมมองอันวาที่ยืนอยู่กับปิงที่หน้าประตู เด็กหน้าเหมือนผมมากจริง ๆ อันวาตัวเล็กนิดเดียวเดินเตาะแตะน่ารักมาก ปกติคุยกันแต่ในโทรศัพท์ไม่ก็เครื่องคอมแต่วันนี้ผมเห็นหน้าอันวาชัดๆแล้ว ผมไล่สายตามองขึ้นไปปิงมองนานะที่กำลังสวมกอดผมอยู่ด้วยหน้าตาที่ดูรู้เลยว่าโกรธ
“เอย์คิดถึงนาไหม เอย์ดีใจไหมคะนากลับมาหาเอย์แล้วนะ” ผมยิ้มเจื่อน หมาปิงจ้องผมนิ่งเลย ตอนนี้มันก้มลงไปอุ้มอันวาขึ้นมาแล้ว ผมยกมือขึ้นตบหลังนานะเบา ๆ คืออยากบอกให้รู้ว่าเลิกกอดผมได้แล้วพอเถอะ ออกเถอะขอร้อง ซึ่งเธอก็ละอ้อมกอดออกจากผมจริงนะผมงี้ถอนใจโล่งเลย แต่เรื่องที่ทำให้เจ้าปิงมันฟิวส์ขาดก็คือเธอเดินเข้าไปหาปิงอุ้มอันวามาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า...
“อันวา มานี่ลูกมาไปหาแด็ดดี้เอตั้นกันนะ”ถึงผมจะยืนอยู่ไกลแต่ก็ได้ยินและได้เห็นว่าปิงหน้าเจื่อนลงแค่ไหน ผมรับอันวามาอุ้มอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะเข้าไปบอกอะไรมันตอนนี้ก็ไม่ได้ ได้แต่ภาวนาขอให้ปิงอดทนสักหน่อยเดี๋ยวสองคนนี้กลับผมบอกมันทุกอย่างเลยจริง ๆ ผมจูบลงที่แก้มของันวาเบา ๆ น้องยิ้มหวานมากเรียกเอย์ตั้น ๆ อยู่ตลอดคงดีใจที่เราได้เจอกันสักที อันวากระซิบลงที่ข้างหูผมด้วยนะ “ดีใจได้เจอแด๊ดดี้เอย์ตั้น อันวาคิดถึงทุกวันเลย เล่นกันๆ” ผมยิ้มให้หลานชายอย่างอ่อนโยน เห็นปิงวางน้ำลงให้แล้วเดินเลี่ยงเข้าไปในห้อง ผมกำลังจะลุกขึ้นไปตามแต่ปิงออกมาพอดีพร้อมด้วยกระเป๋าสะพายของมันในมือ
“ไปไหน” ผมรีบลุกขึ้นไปถาม วางอันวาไว้กับนานะ
“ผมทำงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ จะกลับแล้ว” ปิงไม่มองหน้าผมเลย ก้มลงใส่รองเท้าอย่างเดียวผมดึงแขนมันขึ้นมา ปิงตาแดงมากถ้าผมมองไม่ผิด
“พี่-แม่ง-เหี้ย!” ผมถอนหายใจทันทีที่ได้ยินคำนี้หลุดจากปากมัน คือไม่ใช่แค่คำพูด หน้าตาปิงนี่คือผิดหวังเสียใจแบบมากๆเพียงแค่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาเท่านั้นเอง มันคงจะที่สุดความอดทนของมันแล้ว
“โคตรใจร้ายกับผมเลย”และทันทีที่คำนี้หลุดออกมาจากปากมัน ใจผมหล่นร่วงลงที่พื้นตอนนั้นเลย คือถ้ามันด่าผมแบบประโยคแรกผมไม่ว่าอะไรเลยนะ แต่คำๆนี้ของมัน ทำให้ผมคิดได้ นี่ผมทำให้มันเจ็บปวดขนาดนั้นเลยเหรอ?? ผมใจร้ายกับมันมากขนาดนั้นเลย?? ผมดึงแขนมันเข้าหาตัวทันทีอยากกอดเพื่อปลอบใจ แต่ปิงยื้อไว้ ผมแม่งไม่ไหวแล้วคิดว่าจะพูดทุกอย่างตอนนี้แล้ว ผมเลยดึงมันเข้าไปในห้องกะให้มันใจเย็นลงแล้วจะพาออกมาหานานะด้วยกัน
ที่หลังประตูนั่น...
“คิดอะไรอยู่” ผมถาม
“คิดว่าพี่เหี้ยมากไง”
“มึงด่ากูว่าเหี้ยสองครั้งแล้วปิง”
“น้อยไปนะผมว่า”
“ปิงๆ!” ผมเริ่มเดือด ปิงกำลังโกรธมากผมรู้ แต่ตอนนี้ผมเองกำลังจะอธิบายให้มันฟังเช่นกัน เรื่องที่มันเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นแด๊ดดี้ตัวจริงของอันวาแน่ ๆ คงจะเป็นเรื่องนั้น
“ผมไม่ขอโทษนะบอกเลย เรื่องของเราน่ะให้มันจบลงตรงนี้วันนี้แหละ ผมยินดีด้วยนะลูกเมียพี่กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้ น้องอันวาน่ารักมากจริง ๆ ผมชอบน้องนะ แต่บอกตรงๆอีกอย่างละกัน ผมโคตรเกลียดเมียพี่เลยว่ะให้ตายเหอะ ส่วนพี่ ผมจะยกให้พี่เป็นผู้ชายที่เลวที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย เพื่อนผมนะยังไม่มีใครเลวได้ขนาดพี่เลย มีความสุขมากๆนะครับ ครอบครัวสุขสันต์กันไปอย่าได้มีอะไรมาแผ้วพานนะ เลือกทางนั้นแล้วก็ขอให้โชคดี แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมาผมก็ขอให้พี่ยอมรับทางที่พี่เลือกให้ได้ก็แล้วกัน”
ผมปล่อยให้มันพูด เออ เอาที่มึงสบายใจ คนเราถ้าอัดอั้นต้องระบาย ผมจึงไม่ห้าม ปล่อยให้มันพูดไปรอให้ใจเย็นผมจะบอกทุกอย่างเอง
“ใจเย็นลงแล้วใช่ไหม มึงนี่มันแสบจริง ๆ นะ ด่ากูทั้งที่ยังไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง มานี่!”
คราวนี้ผมลากมันเลยกะว่าจะเอาออกไปพูดต่อหน้านานะให้รู้เรื่อง ปิงจะได้เข้าใจทุกอย่าง นานะก็ควรจะพูดยืนยันกับปิงเรื่องที่ผมคุยกับอันวาแทบจะทุกคืนด้วย
“พี่ปล่อยผม”
“ปิง อย่าดื้อ” มันโวยวาย มือไม้แข้งขานี่ไปหมด คือผมกะจะดึงมันไปคุยข้างนอก แต่คิดว่ามันคงไม่อยากให้นานะรู้ ผมจึงตัดสินใจจะบอกมันที่นี่ตอนนี้เลย
“พี่แหละปล่อย อย่ามายุ่งกับผม ที่รักของพี่ครอบครัวของพี่รออยู่ข้างนอกโน่นเชิญออกไปหาสิ พี่จะมายุ่งกับผมทำไม”
“ให้ตายเหอะ มึงนี่มันที่สุดของเด็กดื้อจริง ๆ” ผมคว้าเอาตัวมันไว้ เด็กบ้าอะไรแรงดีจริง ๆ ผมไม่ลากมันไปข้างนอกแล้วคุยข้างในนี่แหละแม่ง หมาปิงมึงคอยดูนะดื้อกับกูขนาดนี้เดี๊ยะกูเหวี่ยงลงเตียงแล้วจะยุ่งนะมึงนะ
“ปล่อยผม!!” “เงียบแล้วฟัง อันวาไม่ใช่ลูกกู!! เด็กนั่นเป็นลูกของ.....(ต่อด้านล่าง)