#15 นี่คือละเมอ?? ยังเนียนได้อีก http://www.youtube.com/v/YPaHOVYNyQs 'พรมที่ห้องเลอะมาก หมาปิงจอมขี้เกียจ'นั่นคือข้อความครั้งล่าสุดที่ถูกส่งมาทางไลน์ สามวันแล้วที่ผมไม่ได้แวะไปที่ห้องพี่เขาเลย ผมบอกมันไปแล้วนี่ว่าพี่ขมไม่สบายเป็นไข้หวัดเพราะอย่างนั้นสามวันมานี้ผมจึงต้องอยู่เป็นมือขวาช่วยคุณนายเธอทำงาน
“ปิงเก็บตังค์โต๊ะสองลูก”
“ครับ”
“ปิงรับออเดอร์โต๊ะหกให้แม่ก่อน”
“ครับผม”
“ปิงเช็ดโต๊ะนอกด้วยลูก ลูกค้าไม่มีที่นั่งแล้ว”
“ครับๆ รอแปปนะครับ ปิงเคลียร์โต๊ะนี้แปปเดียว”
“โอ๊ยปิงมะเขือเทศแม่หมด ไปเอามาเติมให้แม่ก่อนลูก แม่ล้างไว้แล้วอยู่ในตะกร้านะครับ”
แบบนี้ตลอดทั้งวัน ผมรู้นะว่าพี่ขมเป็นมือขวาที่สำคัญของแม่จริง ๆ พอขาดแกไปสักคนผมเลยต้องหัวหมุนแทนอยู่แบบนี้ไงครับ
“เฮ้อ เหนื่อย” เราจะยุ่งมากกันช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายสอง หลังจากนั้นก็จะว่างกันแล้ว
“เข้าไปล้างหน้าล้างตาไปลูก เหนื่อยเลยใช่ไหมเรามาช่วยแม่สามวันเต็ม ๆ แล้วนี่” แม่เดินเข้ามาหาตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว ผมเลยนั่งหายใจหายคอแล้วกดมือถือเช็คข้อความโน่นนี่นั่นของบรรดาเพื่อนฝูงและของคุณชาย
วันนี้พี่เอย์ไลน์มาแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่สามโมงเช้าก็ยังไม่มีข้อความใหม่เข้ามาอีก ตอนนี้บ่ายสามแล้ว
“ปิงลูก” แม่เรียกทำน้ำเสียงตื่นเต้นแปลกๆผมเลยรีบหันไปดู เห็นแม่ยืนชะเง้ออยู่แถว ๆ หน้าร้านในมือถือผ้าขี้ริ้วอยู่ด้วย คุณนายเห็นอะไรวะผมรีบลุกไปดู
“อะไรครับแม่”
“โน่นน่ะ ใช่รถพี่เอย์เจ้านายของลูกหรือเปล่าแม่เห็นจอดนานแล้วนะตั้งแต่ก่อนเที่ยงแน่ะ” แม่บุ้ยใบ้ชี้ให้ดู ผมรีบมองตาม เห้ยรถเหมือนมากแต่ดูข้างๆแล้วก็ไกลแบบนี้ ผมยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ เดี๋ยวต้องเห็นป้ายทะเบียนใกล้ๆก่อน ผมเลยเดินออกไปดู
ค่อยเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพราะตอนนี้เห็นแล้วว่าใช่รถคุณชายแน่ แต่มาจอดอยู่ในที่แบบนี้แล้วนั่งอยู่ข้างในคือกำลังทำอะไรอยู่ผมเลยค่อย ๆ เดินเข้าไปพี่เอย์นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านชีตอะไรสักอย่าง ขนาดผมมายืนอยู่ข้าง ๆ มันๆยังไม่รู้สึกตัวอ่ะ ที่เบาะคนนั่งนะมีเอกสารหนังสือกระจายอยู่เลย พี่เอย์กำลังเขียน ๆ อะไรบางอย่างลงที่ชีตงานนั้น ผมเลยก้มลงเคาะกระจกเบา ๆ กลัวมันตกใจ
“พี่เอย์มาทำอะไรแถวนี้ครับ” มันทำหน้าตาตกใจนิด ๆ แล้วลดกระจกลง พอเห็นผมชัดๆแค่นั้นแหละหน้างอได้อีก
“มารอหมา”
“เข้าไปในร้านก่อนไหมพี่” หมาตัวนั้นก็คงเป็นผมนั่นแหละครับ มันตอบมาแบบนี้คืองอนผมชัวร์ ผมเปิดประตูรถมันออกแล้วก้มหน้าลงไป
“ตรงนี้ร้อนออก พี่จะมานั่งสตาร์ทรถเปิดแอร์ไว้ตลอดแบบนี้เปลืองน้ำมันแล้วยังทำให้เกิดมลภาวะด้วยนะครับเนี่ย ลงมาเร็ว เข้าไปรอข้างใน”
“ไม่เอา กูกลัวเกะกะแม่มึง”
“เกะกะที่ไหน ลงมาเร็วสิครับ” ผมยื่นมือเข้าไปบิดกุญแจรถออกเลย เข้าเกียร์จอดให้เรียบร้อย แค่นั้นคุณชายก็เดินตามผมลงมาแล้ว ในมือติดชีตบาง ๆ เข้ามาอ่านด้วยนะ ผมไม่รู้คืออะไรมีแต่ตัวเลขกับตัวภาษาอังกฤษเต็มพรืดไปหมด อาจจะเป็นสูตรที่มันเรียน
“แม่ครับ พี่เอย์เจ้านายปิง” มันยกมือขึ้นไหว้ คุณนายยืนอึ้งได้อีกรีบบอกให้ผมพามันเข้าไปนั่งข้างใน คือคุณจะนึกออกไหมนะ ร้านเราก็แค่ร้านเล็ก ๆ ที่นั่งก็เก้าอี้พลาสติกธรรมดานั่นแหละครับ ถึงแม่จะพูดว่าข้างในแต่มันก็คือโต๊ะไว้สำหรับครอบครัวของเราทานอาหารรวมกันแบบง่าย ๆ โต๊ะกางเล็ก ๆเหมือนตามร้านแผงลอยทั่วไป
“พี่นั่งตรงนี้นะครับ” ผมเช็ดโต๊ะให้มันใหม่อีกครั้ง ไปเอาพัดลมมาเสียบไฟให้ หาน้ำหาท่ามาตั้งไว้
“หมาปิงมึงเลิกกี่โมง” มันดึงผ้าขี้ริ้วที่ผมกำลังเช็ดโต๊ะไว้เงยหน้าถาม
“ก็จนกว่าแม่จะปิดนั่นแหละครับ”
“แล้วจะปิดตอนไหน ประมาณกี่ทุ่ม”
“ปกติถ้าของหมดเมื่อไหร่แม่ก็จะปิดเลยครับห้าหกโมงนี่แหละ” เออพี่เอย์มันเป็นอะไรวะทำไมวันนี้งอแงกับผมจังปกติผมไม่ไปหานี่เราก็แค่โทรคุยกันช่วงดึก ๆ หรือมีอะไรก็ไลน์หากันแค่นั้นจบทำไมวันนี้ถึงขนาดมาหาผมถึงที่ร้านเลย
มีเสียงแม่เรียกดังเข้ามาผมเลยบอกมันให้นั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนผมออกไปช่วยคุณนายต่อ คือเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ผมเดินเข้ามาอีกทีคือพี่เอย์ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ เสื้อเชิ้ตด้านหลังเปียกไปหมดคือมันใส่เชิ้ตแขนยาวพับแขนแล้วคงจะร้อน พัดลมเอาคุณชายแบบมันไม่อยู่แน่ ชีตที่วางอยู่บนโต๊ะก็กระจัดกระจาย
“พี่เอย์ครับ” ผมก้มลงเรียก เขย่ามันเบา ๆ มันเงยหน้าขึ้นงัวเงีย แม่เดินเข้ามาพอดี
“ปิงเก็บของเลยก็ได้ลูกเดี๋ยววันนี้ปิดเร็วหน่อย”
“ทำไมล่ะครับแม่ คือ...” ผมกำลังคิดว่าแม่ผมอาจจะเกรงใจพี่เอย์รึเปล่า เธอมองพี่เอย์ตลอดเลย มันรีบลุกขึ้นยืน
“เอ่อผม คือผมมารบกวนคุณน้าเหรอครับ”
“เปล่าๆจ๊ะเปล่า พอดีวันนี้ขายดีของเริ่มหมดแล้วล่ะ อีกอย่างคือจะรีบกลับไปดูขมเขาด้วย เอาล่ะปิงออกไปช่วยแม่เก็บของดีกว่านะลูก เดี๋ยวจะได้รีบปิดกัน”
แม่ว่าแล้วเดินนำออกไป ผมมองมันนิดนึงกำลังจะเดินตามแม่ไปพี่เอย์ดึงแขนผมไว้
“เดี๋ยวกูจ่ายค่าชดเชยให้ คือว่า....
“พี่เอย์ได้ยินที่แม่พูดแล้วไม่ใช่เหรอครับ อย่าไปพูดเรื่องค่าชดเชยอะไรนั่นกับคุณนายเธอเชียวนะ ถูกโกรธผมไม่รู้ด้วย” จริง ๆ คือขู่มันไว้ก่อน แม่ผมไม่โกรธง่ายแบบนั้นหรอก แต่ว่าแม่ค่อนข้างรักในศักดิ์ศรีของตัวเองนิสัยเราสองแม่ลูกเหมือนกันมากถึงเราจะจนแต่ผมกับแม่ก็ขยันทำงานแลกเงินนะครับ ไม่เคยคิดจะสบายทางลัดหรอก
ผมออกไปยกหม้อยกจานอะไรต่าง ๆ เข้ามาวางไว้ที่ด้านใน แม่ก็เตรียมตัวที่จะล้าง คือก็อยู่ใกล้ ๆ กับที่พี่เอย์นั่งอยู่นั่นแหละ ผมเดินเข้าเดินออกเป็นสิบ ๆ รอบ เห็นมันนั่งมองแบบเก้ๆกังๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก ผมมองแล้วก็ยิ้มให้ แม่ก็ชวนมันคุยไปด้วยล้างจานไปด้วย ตอนนี้ที่หน้าร้านปิดแล้ว ผมกำลังทยอยเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลือเข้ามา ในที่สุดคุณชายก็เดินเข้ามาหาในมือผมกำลังยกหม้อแกงหน่อไม้ที่หมดแล้วพอดีเหลือติดก้นหม้อนิดหน่อยเท่านั้น
“กูช่วยยก” ผมมองคนที่เพิ่งพูดเสนอความช่วยเหลือ พี่เอย์ยื่นมือมารับหม้อแกงหน่อไม้จากผม ภาพความทรงจำระหว่างผมกับมันในวันแรกที่เราเจอกันหมุนกลับมาอีกครั้ง
วันนั้น..... “ขอทางหน่อยครับ”
“เฮ้ย อะไรเนี่ยมันกระเด็นนะ เดินให้มันดีๆสิวะ”
“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้”
“ไม่ต้อง!”
“แต่ผมทำมันกระเด็นใส่เสื้อพี่ ผมควรจะรับผิดชอบ ให้ผมเช็ดให้เถอะครับ”
“ไม่ต้อง อย่ามาใกล้”
นี่ผมต้องขยี้ตาเพื่อดูอีกสักสิบครั้งไหมนะ คุณชายที่รังเกียจหม้อแกงหน่อไม้วันนั้น มาวันนี้ขันอาสาขนาดยื่นมือเข้ามาช่วยผมถือแล้วมาวางลงให้แม่ล้าง
“ตายแล้วเอย์นั่งเลยลูกนั่งเฉยๆนะครับเดี๋ยวเจ้าปิงจัดการเอง เอย์รีบเหรอครับถ้างั้นพาน้องไปก่อนก็ได้นะเดี๋ยวทางนี้แม่จัดการต่อเอง”
แม่ลุกรี้ลุกรนพอเห็นว่ามันเริ่มขนนั่นโน่นนี่เข้ามาช่วย พี่เอย์ค่อย ๆ ถือเข้ามาวาง ผมรู้มันไม่เคยทำแต่ก็ยังอยากจะช่วย ไม่รู้จะว่ายังไงสงสารก็สงสารแต่ผมก็ต้องช่วยงานที่บ้านก่อน มันคงจะอยากพาไปที่ไหนของมันนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มาหา
“ไม่เป็นไรครับเอย์ไม่รีบ ให้เอย์ช่วยคุณแม่อีกแรงนะครับ”
เหหหหหห มันใช้คำแทนตัวเองว่าเอย์ แล้วยังเรียกคุณนายว่าแม่ นี่มันจะเนียนมากไปไหมครับคุณชายเอตั้น ผมหรี่ตามองมันหน้าเขียวเลย มันมองผมแล้วยักคิ้วส่งให้ก่อนเดินออกไปหยิบถาดผัดหมี่ที่หมดเกลี้ยงแล้วเข้ามาเก็บ
“เอย์มีธุระจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับลูก” เอาแล้วคุณนายชวนมันคุย แต่เรียกแทนมันว่าลูกไปแล้ว ผมนั่งลงข้าง ๆแม่ ช่วยล้าง สงสัยเหมือนกันแม่จะถามมันทำไม
“เปล่าครับ” มันนั่งยอง ๆ ลงข้างผม คือบริเวณที่ล้างหม้อของที่ร้านมันจะเป็นลานปูนไม่กว้างนักเราต้องล้างหม้อกับถาดใบใหญ่ ๆ กันที่พื้น
“อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนไหม คือบ้านของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากหรอกจ๊ะถ้าหากว่าเอย์....
“แม่ครับ พี่เอย์เขา....
“ไปสิครับ”ผมไม่ทันได้พูดจบหรอก มันน่ะชิงตัดคำพูดผมเสียก่อนแล้วยังเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ แม่ ช่วยจับช่วยล้างอย่างเอาใจ แต่คือดูก็รู้ว่ามันทำไม่เป็นแม่ผมนี่หัวเราะร่วนเลย
เราสามคนออกมายืนกันที่หน้าร้าน ผมปิดกุญแจให้แม่เป็นอย่างสุดท้ายคุณนายสะพายกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนที่เริ่มจะเก่านิดๆแล้ว ขณะที่ในมือถือถุงแกงที่เหลือกลับไปกินต่อที่บ้าน ผมเดินเข้าหาขณะจะยื่นมือเข้ามารับถุงหนักๆใบนั้นในมือแม่ มือใหญ่ของใครคนนึงก็ยื่นมารับไว้ก่อน พี่เอย์ยิ้มอ่อนโยนให้แม่ของผมคุณนายส่งถุงให้มันอย่างเต็มใจ
ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย....
“แม่ไปรถเอย์นะครับ” มันบอกแม่แล้วหันมองมาที่ผม “หมาปิงมึงขับนำไปก่อนเลยเดี๋ยวกูพาแม่กลับเอง”
“ไม่เป็นไรครับเอย์ เดี๋ยวแม่ไปกับปิงได้ เอย์ค่อยขับตามานะลูก อย่าหลงนะ”
“ผมไม่ค่อยรู้จักทางครับ ขับรถนี่หลงตลอดถึงได้ให้ปิงไปขับให้ไงครับ คุณแม่นั่งไปกับผมนะครับจะได้บอกทางด้วย”
ผมรีบหันไปอีกทางแล้วทำท่าโก่งคออ้วก คือรู้เลยว่ามันตะล่อมแม่ผมให้นั่งไปด้วย อิโถ่วว อยากเอาใจแม่ผัวล่ะซี้ คึคึ
แล้วเย็นวันนั้นมันก็มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่บ้านหลังเล็กๆของพวกผมแล้วเรียบร้อย ชุมชนแออัดแบบนี้มีรถเบนซ์หรูหรามาจอดเทียบถึงหน้าบ้าน แล้วยิ่งคุณตะนาวศรีก้าวลงมาจากรถสีขาวงามสง่าคันนั้นด้วยแล้ว เพื่อนบ้านหลายคนต่างยื่นหน้ามาสอดรู้ พอผมจอดมอไซด์ลงแค่นั้นแหละ ไอ้พวกเด็กโข่งเด็กเล็กหลายคนปั้นหน้ายิ้มเข้ามาถามใหญ่เลย
“ใครอ่ะพี่ปิง ใครอ่ะ”
ผมลงมะเหงกมันไปคนละทีแล้ววิ่งไล่เตะพวกมันจึงได้แยกย้ายกันกลับไป
“ช้านะกว่าจะเข้ามาได้”
พอเดินเข้ามาคุณชายก็ต่อว่าทันที แต่ผมนี่อึ้งตกตะลึงโคตรของความค้าง คุณรู้ไหมครับว่าตอนนี้พี่เอย์นั่งทำอะไรอยู่ที่พื้น
ป๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกร๊ากกกกกกกกก โอ๊ยผมขำ มันนั่งตำเครื่องแกงอะไรไม่รู้ให้แม่ผมอยู่ที่พื้น คือหน้าคุณชายนี่บูดมาก มิน่าล่ะเมื่อกี้ผมว่ารถผมก็เสียงดังนะ พี่เอย์มันรู้ว่าผมมาถึงแล้วทำไมไม่ออกไปตามวะปล่อยผมเล่นกับไอ้พวกเด็กแก่นๆอยู่ได้ตั้งนาน ผมนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ มัน
“เจ็บมือ” มันอ้อนผม ดูทำเสียงทำหน้าซิ ผมรีบมองไปทางแม่พอเห็นว่าแม่ยืนหันหลังให้อยู่เลยรีบจับมือมันขึ้นมาทำท่าเป่าเพี้ยงหาย แค่นั้นมันก็ยิ้มอะไรของมันต่อได้แล้ว ผมเลยลุกแล้วเดินเข้าไปหาแม่
“แม่ครับ แม่ให้พี่เอย์เขาทำอะไรน่ะครับ” คุณนายกำลังผัดอะไรสักอย่างอยู่
“เอย์เขาอาสาช่วยแม่จ๊ะ ปิงลูก พี่เอย์เขาเป็นนายจ้างลูกจริง ๆ แน่เหรอ”
“ครับใช่” เอาแล้ว คุณนายสงสัยอะไรป่ะวะ คือถามแบบนี้แม่จะสื่อ??
“แม่ว่าน่ารักดี นิสัยก็ดีไม่ถือตัวเลย” โถๆๆๆๆแม่ครับมันจะไปถือตัวได้ไง ก็มาจีบลูกชายแม่แบบเนี๊ยะ ขืนมันถือตัวทำให้แม่ไม่ชอบก็โดนตะเพิดออกจากบ้านดิ่
“เสร็จแล้วครับแม่” เสียงพี่เอย์ดังขึ้นทางด้านหลังผมหันไปดู ในมือมันถือครกหินหนักๆเข้ามาให้แม่ ผมชะโงกหน้าลงไปดูแล้วขำจนปวดท้องเลย แม่นี่ไม่ต้องพูดหัวเราะก๊ากกจนหน้าแดงไปหมด ส่วนพี่เอย์ยังทำหน้างงอยู่ ก็พริกแกงที่มันตำน่ะสิครับยังไม่เห็นจะละเอียดเลย พริกงี้เป็นชิ้น ๆ อยู่เลยนะแม่รีบรับครกจากมันไปแล้วบอกให้ผมหาข้าวหาปลาออกไปนั่งกินกัน วันนี้พี่ขมไม่ได้ลงมากินด้วยนะครับ ยังไม่หายจากหวัดเธอเลยนอนยาวแม่เอาข้าวต้มอุ่นๆขึ้นไปให้ ผมวิ่งขึ้นไปดูแกนิดนึงเกือบหายแล้วแต่ยังใส่ผ้าปิดปากอยู่กลิ่นวิคนี่ฟุ้งห้องเลย
“อร่อยไหมลูก เอย์ทานได้ไหมครับ”
“ทานได้ครับ” จะทานไม่ได้ยังไงล่ะ มันเล่นออเดอร์เมนูกับแม่ผมเอง ถึงที่นี่จะไม่มีกุ้งแต่คุณชายสั่งไข่เจียวฟูฟ่องของมันกับยำทูน่ากระป๋องแม่แถมผัดข้าวโพดอ่อนหวานๆให้มันด้วย เพราะแม่บอกว่าเราไม่มีอาหารให้เลือกมากนัก เด็ดสุดก็สามอย่างนี้ ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญว่าคุณชายทานได้พอดี เราสามคนก็ทานข้าวกันไป วันนี้แม่ทำหมูสับผัดขิงของโปรดของผมด้วยนะ
“เอย์เป็นอะไรไหมลูก ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น หรือว่าอาหารไม่ถูกปาก แม่นี่แย่จริง ๆ นะทำหวานไปเหรอ” เออผมก็สังเกตนะคือพี่เอย์สีหน้าไม่ค่อยดีเลยเหมือนคนเครียด หรือมันนั่งกินข้าวที่พื้นแบบนี้ไม่เป็นคุณชายต้องมีโต๊ะอะไรแบบนั้นรึเปล่าวะ
“เปล่าครับไม่ใช่เรื่องกับข้าวหรอก อาหารอร่อยมากเลย”
“อ้าวแล้วเอย์เป็นอะไรล่ะลูกมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บอกแม่ได้นะ” แม่ตักข้าวใส่ปากแล้วก็ถามมันต่อ พี่เอย์เองก็กินไปได้กว่าครึ่งชามแล้ว ผมคาบช้อนไว้ขณะรอฟังว่ามันจะพูดว่ามันเป็นอะไร
“คือว่าเมื่อคืนเอย์ฝันร้ายน่ะครับฝันเห็นผี แล้ววันนี้เอย์ก็เลยกลัว”
“อุ๊ย แค่ความฝันเอย์จะกลัวไปทำไมลูก คนเยอะแยะเอย์ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ”
“ครับตอนนี้เอย์ไม่กลัว แต่เอย์จะกลัวก็ตอนที่เอย์กลับไปที่ห้องแล้วอยู่คนเดียว หมู่นี้ฝันแบบนี้บ่อยมากเลยครับแม่ ฝันแล้วก็ละเมอทำอะไรไม่รู้ตัวตื่นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับทุกครั้งเลย”
“ตายล่ะ” แม่อุทานเอามือทาบอก
“ยังครับ” มันรีบตอบ ผมงี้หัวเราะแทบจะสำลักข้าว
“ไม่ได้ๆๆแบบนี้ต้องหาคนไปนอนเป็นเพื่อนแล้ว เกิดลุกขึ้นมาละเมอดึกๆดื่น ๆ ไม่มีคนรู้ทำอะไรไม่รู้ตัวจะแย่นะลูกนะ”
“ครับเอย์ก็คิดว่าอย่างนั้น เอย์อยู่ชั้นห้าสิบด้วยนะครับแม่”
คิ้วผมเริ่มกระตุก คือไอ้พี่เอย์มันกำลังทำหน้าเศร้า ๆ คุยกับแม่ของผมแล้วคุณนายคือเชื่อมันแบบจริงจังมาก ยิ่งมันบอกอยู่ชั้นห้าสิบแม่นี่เริ่มหันซ้ายหันขวาคิ้วขมวด ผมน่ะนะตอนแรกก็สงสัยอยู่หรอกว่ามันเป็นอะไร แต่หลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ของมันแล้วผมกระจ่างในทันที แหม่.... แผนการคุณชายนี่ช่างคิดได้เนอะ คิดได้ไงว่าแม่ผมจะยอมให้ผมไปนอนค้างเป็นเพื่อนมัน คุณนายแกจะเสนอให้มันไปหาคนมานอนเป็นเพื่อนน่ะสิ บรรดาเพื่อนฝูงอะไรแบบนั้น
“แม่ว่าเอย์ให้ปิงไปนอนเป็นเพื่อนดีไหมลูก นอนละเมอแบบนี้อันตรายมากๆอยู่ชั้นห้าสิบ”“พรวดดดดดดดด อะ แค่กๆๆ” ผมสำลักเข้าแล้วจริง ๆยกน้ำกินพอดี๊พอดี พี่เอย์รีบขยับมาตบๆลูบๆหลังให้ ผมรู้มันกำลังกลั้นยิ้ม แม่ทำหน้าตกใจหันมาดู แกลุกขึ้นไปหยิบทิชชู่มาให้
“กินยังไงเนี่ย เวลากินข้าวอย่าพูดมากรู้ไหมลูก สำลักแบบนี้แหละ” โถแม่ครับ แม่ได้ยินเสียงผมพูดสักทีหรือยัง มีแต่แม่แหละคุยกับมันซ้ำยังคุยเรื่องที่ทำให้ผมสำลัก
“ปิงก็ไปนอนเป็นเพื่อนพี่เอย์นะลูกนะ สงสารพี่เขาเดี๋ยวละเมอดึกๆคนเดียวไม่ดี”
“แม่เชื่อพี่เอย์เหรอฮะ โตขนาดนี้ใครจะมาฝันเห็นผีแล้วยังนอนละเมออีก”
“เอ๊..น้องปิงนี่ พูดอะไรแบบนั้นถ้าไม่จริงพี่เขาจะพูดขึ้นมาทำไม เดี๋ยวเหอะ เอาเป็นว่าวันนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาก็แล้วกัน” คุณนายดุผมจบก็หันไปตักไข่เจียวเติมให้มันอีก พี่เอย์ยิ้มกว้างเลยสิ มันหันมามองเห็นผมกำลังมองอยู่พอดียังมีหน้ามาเบะปากตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่
สรุปคือผมต้องไปนอนเป็นเพื่อนมันใช่ไหม
“ปิงขับรถกลับดีๆนะลูกมันดึกแล้ว” ผมดูเวลาที่ข้อมือเพิ่งหนึ่งทุ่มนี่นะดึกแล้วของแม่
“ครับ ๆ แม่ไม่ต้องห่วงนะ”ผมบอกแม่ในขณะที่พี่เอย์ฉีกยิ้มแป้น มันไหว้แม่ผมแล้วเดินมาขึ้นรถ ผมตะโกนบอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะมาช่วยเปิดร้านแต่เช้า แม่เลยโบกมือให้ คุณนายยิ้มร่าเลย
“ขับไป...........” พี่เอย์บอกผมรีบหันไปมอง คือพี่จะไปอะไรแถวนั้นวะครับ นี่คือมันจะสองทุ่มแล้วไง
“เร็วหน่อยเดี๋ยวไม่มัน” ผมก็เลี้ยวเข้าไปจอดตามที่มันบอก สรุปคือเข้าห้างกันในเวลานี้ เพื่อ??
“รอบสองทุ่มครึ่งน่ะ กูกลัวไม่ทัน” อ้อ จะพาไปดูหนัง ผมก็เดินตามคุณชายนะ มีหลายครั้งเลยที่มันลดฝีเท้าเพื่อลงมาเดินข้างกัน คือผมชอบทิ้งให้มันเดินอยู่ข้างหน้าก่อน แหมคุณก็ดูชุดผมกับชุดมันสิครับ ผมเดินตามหลังมันแหละถูกต้องแล้ว
“ดูทรานส์ฟอร์เมอร์กันไหมมึงอยากดูรึเปล่า”
“ดูเรื่องนี้ไหมพี่ คิงคองยักษ์น่าจะดีนะ” ผมชอบหนังแปลกๆไง พี่เอย์จิ้ม ๆ ดูตัวอย่างโอเคชอบมันกดซื้อตั๋วเลย คนไม่ค่อยเยอะแปลกอ่ะ ผมก็นั่งลงที่โซฟาแถวนั้นส่วนคุณชายยืนถือแก้วน้ำกับป๊อปคอร์น พักนึงเราก็ไปต่อแถวเข้าไปข้างใน
“มึงหนาว?” มันถามขึ้นตอนที่หนังฉายได้ประมาณสิบห้านาทีแล้ว ผมอยากบอกเลยว่าหนาวมากกกก คือแบบมากๆผมใส่แค่เสื้อยืดแขนสั้นนะส่วนมันเชิ้ตพับแขน ผมเลยกอดอกเอาไว้ มันดึงเอามือผมไปจับไว้ คือใช้สองมือมันกุมเอาไว้เลย ผมอายเป็นนะรีบหันซ้ายหันขวานึกได้ว่าอยู่ในโรงหนังนี่หว่าคือมันก็มืด
“ยิ้มเหี้ยไรอีก” อะไรวะยิ้มในที่มืดๆยังเสือกมาเห็น ผมก็แค่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาใครจะไปเชื่อว่ามันจะไปช่วยผมกับแม่ที่ร้านแล้วยังไปกินข้าวกับพวกเราที่บ้านเล็กๆของผมอีก
“ผมยิ้มกับหนังหรอก”
“หึ ไอ้หมาเพี้ยนเอ๊ย หนังน่ะนางเอกเขากำลังร้องไห้ มึงมานั่งฉีกยิ้มแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง” มันเลื่อนตัวเข้ามากระซิบ โถ่เอ้ยคราวนี้ทำไมผมต้องรู้สึกอายมันด้วยวะทุกทีต้องเป็นมันอายผมนี่ ผมก็เลยเอนหัวเข้าไปกระซิบมันบ้าง
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นครับ” มันรีบหันมาถาม คงประมาณว่าแล้วแบบไหน
“ผมยิ้มกับหนังที่มีบางคนเจ้าแผนการอยากชวนผมมาดูทำเป็นไปช่วยงานแม่ผมถึงที่ร้าน อดทนนั่งกินข้าวกับไข่เจียวที่พื้น ออกอุบายเพื่อพาผมกลับไปค้างด้วยที่ห้อง แล้วในที่สุดผมก็มานั่งดูหนังด้วยที่นี่ ใครก็ไม่รู้เนาะพี่ โคตรเจ้าเล่ห์เล-”
“อื้อออออ” ผมพูดต่อไปไม่ได้ไอ้พี่เอย์แม่งบ้ามันกำป๊อปคอร์นที่วางอยู่ที่ตักมันยัดเข้ามาในปากผม คุณคิดสภาพผมไม่สำลักก็บุญเท่าไหร่แล้ว พี่เอย์แย่จริง ๆ ตอนนี้มันนั่งหัวเราะแล้วไม่สนใจผมอีกเลย ขณะที่ผมคนนี้ต้องเคลียร์ป๊อปคอร์นในปากกว่าจะหมด
(ต่อด้านล่าง)