บทที่ 43 เจ้าตัวแสบ เช้าวันใหม่ที่แสงแรกแห่งวันยังไม่สาดส่อง ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหนักๆทับลงมาที่หน้าอก พอตั้งสติดีๆถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่คนเดียว ที่ข้าง ๆ ยังมีอีกคนที่นอนอยู่ด้วยกันซึ่งตอนนี้มันทั้งรัดทั้งกอดทั้งทับไว้จนอึดอัดไปหมด
“อือ....พี่....” ผมครางเรียกงัวเงีย หวังว่าคนข้างตัวจะขยับกายออกสักนิดสักหน่อย พักนี้พี่เอย์นอนร้ายขึ้นมาก แข้งขาปัดป่ายไปหมด ตั้งแต่เรากลับมาจากเกาหลีคุณชายมีท่าทีในการนอนเปลี่ยนไป แต่ก่อนมันจะชอบซุกอกผมตลอด แต่พักนี้รู้สึกผมจะเป็นฝ่ายโดนจับซุกกับอกมันมากกว่า
“พี่เอย์ครับ ตีห้าแล้ว ตื่นไหม” ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่หัวเตียงจริง ๆ ตั้งปลุกไว้ที่ตีห้าครึ่ง นัดแม่กับพี่ขมไว้ว่าจะช่วยเรื่องอาหารตื่นเร็วขึ้นหน่อยอาจจะดี วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่เอย์ มันได้ฤกษ์เปิดร้านช่วงราว ๆ เก้าโมงเช้า เพราะอย่างนั้นแม่กับพี่ขมจึงรับหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารให้ พี่เอย์จะทำหน้าที่รับแขกสำคัญของมันส่วนผมก็ดูแลช่วยเรื่องทั่ว ๆไป
ปลายจมูกซนเริ่มคลอเคลีย ผมสะดุ้งนิด ๆ เพราะมัวแต่เพลินอยู่กับห้วงความคิด หันไปมองอีกทีคุณชายกำลังยกยิ้มทั้งที่ตายังไม่ลืม มันยิ่งกระชับกอดแน่นเข้าอีกซุกหน้าลงที่ไหล่ ผมขยับยังไงก็ไม่ยอมลุก
“นิดเดียวๆ” มันกระซิบเสียงแผ่วพร่า ลมหายใจร้อนรวยรินเข้าหู ผมงี้ขนลุกซู่
“ไม่เอาพี่ ลุกเดี๋ยวนี้เลยครับ” ผมรีบปรามไว้ก่อน ไม่งั้นยาวกันแน่ ๆ มือไม้มันเริ่มล้วงที่แปลกๆ
“ดื้ออะมึง”
ถึงมันจะไม่ยอมฟังแต่ผมก็จัดการผลักมันออกได้สำเร็จ คุณชายฮึดฮัดขัดใจในที่สุดลุกขึ้นนั่งเสยผมตัวเองแบบลวกๆ
“ปิงมึงมาดูนี่ดิ๊ อะไรกัดหลังกูวะโคตรคัน” ผมลุกขึ้นบ้างกำลังจะเดินไปเปิดไฟ พี่เอย์คว้าเอาแขนไว้แล้วทำหน้ายู่ยี่เรียกให้มาดูหลังให้มัน
“เดี๋ยวผมเปิดไฟก่อนดิ แบบนี้ดูไปก็ไม่เห็นหรอกครับ”
ผมมองไปที่แผงอกกว้างเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อท้องที่เป็นลอนสวยงาม รูปร่างมันยังคงดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อาจเพราะพี่เอย์ชอบวิดพื้นและยกเวท ที่สำคัญช่วงนี้พี่เอย์ไม่ค่อยใส่เสื้อนอน มันชอบบอกว่าเวลาที่ผิวเราสัมผัสกันแล้วมันรู้สึกดี
“ก็ดูทั้ง ๆ แบบนี้แหละ”
ผมขยี้ตาแล้วนั่งลงข้างหลังมันก้มลงมองหารอยตุ่ม ดูแล้วดูอีกก็ไม่เห็นว่าจะมีตัวอะไรกัดทำให้ผิวพรรณที่สวยงามของคุณชายมีรอยด่างพล้อย ในเมื่อตาเปล่ามองไม่เห็น มือผมเลยต้องเลื่อนขึ้นไปสัมผัส ลูบดูว่ามันมีตุ่มอะไรอยู่ตรงไหน
“ไม่มี....อื้มม...!!”
โดนจนได้ หลงกลมันอีกจนได้ วงแขนแข็งแรงรัดคอผมลงมา พร้อม ๆ กับร่างกายใหญ่โตทาบทับ ริมฝีปากสวยเอียงเข้าหาแล้วกดจูบลงมาอย่างร้อนรน พี่เอย์มันเป็นแบบนี้เสมอตอนเช้า ๆ มันชอบจูบ แล้วไม่ใช่จูบแบบธรรมดาด้วยนะคือแบบเร่าร้อนมากผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก เห็นผมเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราต้องจูบต้องหรือทำอะไรแปลกๆทุกวัน แต่มันไม่ใช่แบบนั้นสิ คุณชายชอบเล่นแบบนี้มาก ซึ่งไอ้การที่ผมต้องมาถูกจับเล่นคู่กับมันนี่ค่อนข้างเสียเปรียบมากมายจริง ๆ
ผมปล่อยให้มันจูบจนพอใจ รู้ว่าอย่างไรเสียมันเองก็ต้องลุกเพราะตีห้ากว่าแล้ว พี่เอย์ถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง มันทำอย่างกับว่าเสียดายนักหนาทั้งที่เราก็นอนข้างกันในทุกวัน มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหน้าลูบตาผม ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ
ผมพิจารณาโครงหน้ามันดี ๆ นานแล้วที่ไม่ได้มองมันชัดเจนแบบนี้ แสงแรกแห่งวันทาบลงมาที่เตียง ดวงอาทิตย์ยามเช้ากำลังจะโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า ดวงตาเรียวสวยสีดำสนิทลึกล้ำราวกับห้วงราตรี คิ้วเข้มได้รูป ริมฝีปากบางรับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน เส้นผมละเอียดยาวระต้นคอที่แม้ตอนนี้จะดูยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ลดทอนความหล่อเหลาออกจากเครื่องหน้าที่ชัดเจนของมันได้
ผมค่อยยกมือขึ้นมาลูบแก้มมันแผ่วเบาสอดเข้าไปจนถึงท้ายทอย
“ทำให้กูพอใจสิ แล้วจะลุก”
มันเหมือนกับอ่านใจผมออก ในห้วงเวลาที่ผมกำลังเคลิ้มกับใบหน้าของมันทีไรมักจะได้ยินคำพูดสองแง่แบบนี้เสมอ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ผมหลงเคลิ้มตาม ตรงกันข้ามผมกลับตั้งสติได้และรู้สึกตัวขึ้นทันที
อุ๊ก!!“โอ๊ย เจ็บเนี่ย เล่นแรงตลอดอ่ะ” พี่เอย์หน้ามุ่ย มันลุกขึ้นในทันที ผมยกเข่าขึ้นกระทุ้งหน้าท้องมัน ถึงไม่แรงมากแต่ก็ไม่ได้เบานะ เราสองคนมีงานที่ต้องรีบจะมามัวเคลิบเคลิ้มเล่นอะไรแปลกๆคงไม่ดีแน่
“ก็ถ้าพี่มัวแต่ทำเรื่องอย่างว่า เช้านี้อะไรๆมันจะทันไหมล่ะครับ ลุกได้แล้วไปอาบน้ำเลย!”
ผมคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่โยนใส่มันแล้วพูดดุๆ ส่วนตัวเองก็หยิบเอาอีกผืนแล้วเดินขยี้หัวออกไปใช้ห้องน้ำด้านนอก ไม่สนว่าจะมีใครนั่งมองตามตาละห้อยด้วยความเสียดายหรืออะไรก็แล้วแต่
ว่าจะไม่ถอยหลังหันมามองแล้วก็อดไม่ได้ เห็นพี่เอย์นั่งนิ่งอยู่ปลายเตียง ที่บ่าเปลือยพาดผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ผมเพิ่งโยนส่งให้ขณะที่มันซบใบหน้าลงที่ฝ่ามือแล้วส่ายหัวแรง ๆ
นี่มันเป็นเด็กหรือไงโดนขัดใจแค่นี้ถึงกับทำท่าทางเป็นเด็กประถมแบบนั้น
บ้าเอ๊ย...คุณชายงี่เง่า!
งานทำบุญตักบาตรช่วงเช้าผ่านไปด้วยความกรุณาของแม่กับพี่ขม วันนี้ที่ร้านส้มตำของแม่ปิด เราทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ร้านใหม่ของพี่เอย์ หมาบาสกับวุฒิมาถึงตั้งแต่หกโมงทำหน้าที่รับส่งขบวนพระสงฆ์จัดพิธีอะไรของมันไปซึ่งผมกับพี่เอย์ไม่ถนัด พี่เชนเองก็แวะมาตักบาตรด้วยแล้วบอกจะรีบกลับไปก่อน ถ้าเย็นเคลียร์งานได้อาจจะแวะมาใหม่ เพื่อนบ้านบริเวณใกล้เคียง รวมไปถึงเพื่อนฝูงของพี่เอย์ซึ่งทยอยมากันเรื่อย ๆ ทั้งชายทั้งหญิง ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังคุยกับแขกเหรื่ออยู่
แต่ว่า...มีอยู่คนหนึ่งที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอ แล้วที่สำคัญพี่เอย์บอกเองว่าเขาคนนี้จะมาช่วยมันทำงานอยู่ที่ร้านนี้อย่างเต็มตัวในฐานะเลขาคนใหม่ของมัน
“คุณภีมทานอะไรดีครับเดี๋ยวผมจะเดินไปตักมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ คุณปิงตามสบายเลย เดี๋ยวผมขอเคลียร์ห้องนี้ต่ออีกนิด”
ใช่แล้วครับ ไม่รู้ว่าคุณยังจำคุณภีมได้ไหม เลขาพี่เอย์ที่อยู่อัศวออโต้คาร์ไง ผมเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อตอนที่ออกมาหน้าบ้านแล้วเจอคุณภีมจอดรถรออยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าพี่เอย์มันไปพูดหว่านล้อมอะไรแบบไหน คุณภีมถึงได้หน้ามืดลาออกจาบริษัทที่แสนมั่นคงอย่างอัศวแล้วมานั่งอยู่ร้านเล็ก ๆ ที่ทำเกี่ยวกับงานรับเหมาก่อสร้าง
งานต้อนรับแสดงความยินดีในช่วงเช้าที่ผ่านไปแสนราบรื่นต้องยกความดีความชอบให้กับคุณภีมถือว่าเป็นพ่องานเลยทีเดียว ทำหน้าที่คุณเลขาได้อย่างไร้ที่ติ พอเคลียร์แขกกันเกือบหมด ผมกับเขาเลยต้องมานั่งเคลียร์ห่อของขวัญช่อดอกไม้ ที่แสนมากมายจนเกือบจะล้นออฟฟิศออกมาจนถึงประตู
คุณเลขาคนใหม่หอบกล่องของขวัญทั้งหลายซ้อนๆกันเรียงเข้าไปที่มุมหนึ่งของห้อง ผมเองก็ขยับช่อดอกไม้ทั้งเล็กทั้งใหญ่ วางเรียงตามเข้าไปติดๆ ทั้งป้ายชื่อของพี่ซ่าร์ที่ห้อยตกลงมาจากกุหลาบชมพูสวยช่อโตๆ ตัวแทนจากอัศวทั้งสองแห่งซึ่งมีเลขาของคุณพ่อพี่เอย์เป็นตัวแทนส่งมาให้ ช่อดอกไม้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างและผู้ประกอบการอีกนับสิบๆแห่งที่เป็นของเพื่อนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องของพี่เอย์ อย่างช่อนี้ก็ของยูเซย์ พี่เชนให้เด็กส่งมาในช่วงสายเป็นลิลลี่สีขาวแซมด้วยกุหลาบสีน้ำเงินเข้มถูกจัดไว้ในกระถางเคลือบสวยงาม ผมยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมๆกับการยกตะกร้าหวายที่อัดแน่นไปด้วยกุหลาบสีแดงไปวางไว้ที่อีกมุม
คุณชายส่งแขกเสร็จแล้วเดินเข้ามาด้านใน
“พี่เอย์หิวไหมครับ” ผมเดินเข้าไปหามัน พี่เอย์ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวอย่างหมดแรง วันนี้มันใส่สแลคสีดำกับเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มปลดกระดุมออกสองเม็ด ทับด้วยเสื้อนอกสีเดียวกัน ทั้งชุดไม่รู้ว่าราคาปาเข้าไปเท่าไหร่ ผมเคยบอกมันนะว่าเสื้อผ้าใส่แบบธรรมดาบ้างก็ได้ แต่พี่เอย์เป็นคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าที่เน้นเนื้อผ้าคุณภาพดีเพราะอย่างนั้นราคาจึงแพงมาก แต่พี่เขาบอกว่าเฉพาะชุดทำงานเท่านั้น ชุดอยู่บ้านก็แบบธรรมดาแต่ผมว่ามันโกหกธรรมดาของมันก็ยังแพงมากสำหรับผมอยู่ดี
ผมแนบกระป๋องน้ำอัดลมเข้ากับแก้มมัน พี่เอย์สะดุ้งนิดๆพอรู้ว่าเป็นอะไรเย็น ๆ คุณชายก็อมยิ้มรับไปเปิดดื่มอย่างสบายใจ
“คุณภีมเดี๋ยวคุณเดินไปทานข้าวที่บ้านแม่เลยนะ เมื่อกี้เห็นเจ้าบาสมันมาตามแล้ว” พี่เอย์บอกคุณเลขาของมัน ผมดูแล้วก็รู้สึกสงสารพี่เขานะหลังจากจัดการเรื่องกล่องของขวัญและช่อดอกไม้ คุณภีมยังต้องไปจัดการกับโต๊ะทำงานใหม่เอี่ยมของตัวเอง ซึ่งมีทั้งงานเอกสารงานต่าง ๆ ที่ทยอยเก็บเป็นแฟ้มเข้าตู้
“นั่นสิครับ วันนี้เหนื่อยแล้วคุณภีมยังไม่ได้ทานอะไรเลย ออกไปพร้อมผมก็แล้วกันนะ” คราวนี้ผมเป็นคนชวน พี่เอย์คงไม่หิวหรอกเพราะมันนั่งทานกับเพื่อนฝูงตั้งแต่เช้ากินไปคุยไป มีแต่ผมกับคุณภีมวิ่งวุ่นหานั่นโน่นนี่บริการให้มันเลยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราเลย จนเวลาล่วงมาบ่ายแบบนี้
“มึงยังไม่กิน?” พี่เอย์หันมาถาม มันทำหน้าตาประหลาดใจ
“ครับ เดี๋ยวผมมานะพี่ พี่เอย์อาบน้ำสักหน่อยก็ได้ครับท่าทางเหนื่อย ๆ ผมไปกินข้าวที่บ้านโน้นแปปเดียว” มันพยักหน้ารับ ผมกับคุณภีมเลยเดินออกมา เราสองคนใช้ประตูด้านข้างเดินลัดเลาะมาแป๊ปเดียวก็เข้ามาอยู่ในเขตรั้วบ้านของแม่แล้ว
“มาลูกมาปิง คุณภีม มาทานข้าวด้วยกัน” แม่กับพี่ขมหมาบาสกับวุฒิเองก็กำลังนั่งทานอยู่พอดีเลยกวักมือเรียกเรา พี่ขมลุกขึ้นไปตักข้าวเพิ่ม
“คุณภีมทานพร้อมกันกับแม่ได้ไหมครับหรือว่าไม่สะดวกจะแยกไปนั่งที่โต๊ะนั้นเดี๋ยวผม...”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ยุ่งยากทานได้นั่งได้ทุกที่ คุณปิงไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนั้น”
ผมส่งยิ้มจริงใจไปให้ คุณภีมเองก็ส่งยิ้มกลับมา เขาขยับแว่นตานิดๆความจริงแล้วหน้าตาท่าทางเขาไม่เหมือนคนที่จะมาตกระกำลำบากกับพี่เอย์เลยนะ บางทีผมก็สงสาร
เราทานข้าวกันจนเสร็จ แม่กับพี่ขมเก็บอาหารออกไปแล้วหมาบาสมันอาสาช่วยแม่ล้างจาน ส่วนวุฒิเดินไปสูบบุหรี่อยู่แถว ๆ รั้วพลางจัดการกับเศษใบไม้เศษขยะ ผมจึงลุกเดินเข้าไปยกผลไม้ออกมา
“จานนี้พิเศษ แม่บอกว่าคุณภีมน่าจะชอบครับ” แตงเมลลอนสีเขียวพี่ขมได้มาจากตลาดอีกแล้วมันสดมาก ได้ยินว่าไปรู้จักกับป้าเจ้าของสวนเขาใจดีลดให้เป็นพิเศษ
“คุณแม่คุณปิงใจดีจังนะครับ พี่ขมเองก็ด้วย”
“คุณภีมครับ เรียกผมว่าปิงเฉย ๆ ก็ได้ คือมันรู้สึกจักจี้ยังไงไม่รู้เวลาที่มีคำนำหน้าเพราะๆแบบนั้น ผมไม่ค่อยชินน่ะครับ” ความจริงที่บริษัทพนักกงานรุ่นน้องๆเรียกผมคุณปิงก็มีบ้าง แต่คนที่รู้จักกันจริง ๆ จะเรียกแค่ปิง ไม่งั้นก็คือคุณพิชยไปเลย ผมมีความรู้สึกว่าน่าจะสนิทกับคุณภีมได้อีกถ้าเราจะขยับสรรพนามในการเรียกหากัน อย่างน้อยที่สุดพี่เขาก็เป็นคนดีและยังอุตส่าห์ลาออกมาช่วยงานพี่เอย์
ผมรู้ดีว่าการที่ต้องมาทำงานเป็นเลขาให้คนแบบพี่เอย์ของผมนั้นไม่ง่ายเลย มันทำงานเก่งก็จริงแต่นิสัยส่วนตัวค่อนข้างจะไม่เอาใคร ถ้าไม่ถูกใจคือบายเลย ทุกอย่างสามารถตัดจบไปได้ง่าย ๆ แทบจะทุกกรณี
“เอาแบบนั้นเหรอครับ” คุณภีมใช้นิ้วมือเรียวยาวดันแว่น มองหน้าผมอึกอัก
“ใช่ครับ เรียกปิงเฉยๆนี่แหละ”
“ถ้าอย่างนั้นปิงก็เรียกผมว่า พี่ภีมก็ได้”
“เฮ้ย...แต่ว่า....”
“เมื่อก่อนผมก็เรียกแค่ปิงนะ ตอนที่อยู่อัศวออโต้ แต่ตอนนี้ผมมาทำงานให้คุณเอย์แล้วปิงเองก็เหมือนเจ้านายอีกคนของผมเพราะอย่างนั้นผมคิดว่าบางทีมันอาจจะไม่เหมาะ แต่ถ้าคุณปิงไม่ถือต่อไปจะเรียกครับ”
คุณภีมบรรจงจิ้มแตงเมนลอนเข้าปาก เขาเคี้ยวตุ้ยๆจนเต็มแก้ม หมาบาสเดินออกมาจากครัวมันเองก็มานั่งเบียดอยู่ข้าง ๆผมแล้วมอง
“ตกลงตามนี้นะครับ ผมเรียกแค่ปิงเฉย ๆ ปิงเองก็เรียกผมแค่พี่ภีม”
“คะ.......
“เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ”
เสียงทุ้มดังอยู่ด้านบน ผมรีบเงยหน้าขึ้นมอง พี่เอย์มันเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขึ้นมาพร้อมกับวุฒิ ขัดจังหวะคำตอบของผมที่กำลังพูดอยู่กับคุณภีม ผมเลยอ้าปากค้างกับคำตอบ
“พี่เอย์?”
“ผมไม่อนุญาตให้ปิงเรียกใครว่าพี่อีก เป็นคุณภีมต่อไปน่ะดีแล้วครับ”
“ขอโทษด้วยครับคุณเอย์” หน้าตาพี่เอย์มันเอาจริงเสียจนขนาดหมาบาสยังมองมันหน้าเหวอ ไม่ต้องพูดถึงคุณภีมที่ตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ คงอยากจะแปลงร่างเป็นมดเพราะเจอสายตาที่จ้องลงมาแบบนั้น
“พี่เอย์ครับดุเกินไปแล้วพี่ ไปแกล้งคุณภีมเขาทำไมน่ะ”
“กูแกล้งที่ไหน พูดจริง” มันว่าแล้วชี้ ๆ บอกผมให้จิ้มแตงหอม ๆ ให้มันกิน ผมเลยจับยัดเข้าไปชิ้นใหญ่ ๆ เจอมันตบกะโหลมาทีไอ้หมาบาสหัวเราะใหญ่ผมเลยโบกมันต่ออีกทอดให้หายแค้น คุณภีมมองพวกเราแล้วก็ยิ้มขำ
“พี่เชนจะมาตอนไหนวะปิง” เสียงไอ้วุฒิมันถามขึ้น ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูด้วยความเคยชินแต่ลืมไปเลยว่ามันเสีย วันนี้เลยไม่ได้ใส่ จับยกข้อมือหมาบาสขึ้นดูแทน
“น่าจะช่วงเย็น” ผมตอบ เพราะพี่พิมไปภูเก็ตเพื่อติดต่องานสองสามวันแล้ว พี่เชนจึงต้องดูแลงานออฟฟิศอยู่คนเดียวกว่าจะปลีกตัวมาได้ เมื่อเช้าบอกต้องเลิกงานก่อน
“ยังอุตส่าห์แวะมาตักบาตรช่วงเช้านะครับ คุณคเชนทร์ใจดีกับปิงมากจริง ๆ” จู่ ๆ คุณภีมพูดเรื่องไม่น่าจะพูดออกมา พี่เอย์มันถึงกับวางส้อมจิ้มแตงลงกับจาน
“พี่เชนรักพี่ปิงจะตาย ขนาดผมขอร้องยังนะไม่เคยยอมหรอกแต่ถ้าเป็นพี่ปิงนะพูดแค่คำเดียว พี่เชนทำให้ทุกอย่างอ่ะ”
“ไอ้บาส มึงหุบปาก” ผมกระแทกขามันแรง ๆ ที่ใต้โต๊ะ พูดแม่งไม่รู้เรื่องเล๊ย ดูหน้าพี่เอย์มันบ้าง หมาบาสมันยังหันมามองหน้าผมแล้วยักไหล่ ประมาณว่าไม่รู้เรื่องว่าจู่ ๆ ผมไปเตะขามันทำไม ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่
“เงียบ ๆ เหอะมึงอะ” ผผมย้ำอีก
“ผมพูดจริง ไม่เชื่อถามไอ้.....
“พอแล้วมึง เงียบ!!” คราวนี้ผมโหเกี่ยวคอมันแล้วใช้มืออุดปาก ไอ้บาสแม่งทุเรศมันดิ้นๆทำท่าทางแรด ๆ กวักไม้กวักมือให้ไอ้วุฒิช่วย กว่าจะนั่งตรงๆได้เล่นเอาผมนี่เหนื่อย ขณะที่คุณชายยังนั่งเงียบอยู่ เสียงเพลงเบา ๆ ดังลอดออกมาแม่โบกมือส่งยิ้มมาให้ ผมเลยตะโกนขอเพลงเข้าไปแม่จัดให้แบบด่วน ๆ เราทั้งหมดเลยผ่อนคลายขึ้น พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับฟังเพลงกันไปด้วย
“พี่เอย์ครับเราไปแกะของขวัญกันดีไหมเต็มออฟฟิศเลยนะมีแต่กล่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้นผมตื่นเต้นนะเนี่ย”
“แหมพี่ปิงจะตื่นเต้นทำไมอ่ะของทั้งหมดนั่นพี่เอย์เขายกให้พี่อยู่แล้วล่ะ โอ๊ย!”
ไอ้หมาบาสนั่งดีๆนี่แทบไม่ได้ปากมันช่างแกว่งหาเรื่อง ผมตบหัวมันแรง ๆ ไปอีกทีก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะ เข้าไปบอกแม่ว่าจะกลับไปจัดการงานต่อที่บ้าน พี่เอย์มันเดินตามเข้ามาคว้าแขนผมไว้
“นาฬิกาไปไหน”
สายตาคมกริบจ้องลงมาที่ข้อมือว่างเปล่าของผม ปกติผมจะใส่นาฬิกาตลอดมันเองก็คงเพิ่งสังเกตตอนที่เราคุยกันเมื่อตะกี้ พอผมลุกออกมาเลยเดินแยกมาถาม
“มันเสียน่ะครับ ว่าจะเอาไปซ่อมยังไม่มีเวลาเลย”
“ทำไมไม่บอก”
“หือ?” ผมเลิกคิ้วสูง คือก็แค่นาฬิกาเสียทำไมต้องบอกมันด้วยผมเองก็ไม่เข้าใจ เดี๋ยวซ่อมเสร็จเอามาใส่แค่นั้นก็จบ
พี่เอย์ถอดนาฬิกาของมันออกมาแล้วยื่นให้ เป็นเรือนหนังสีดำหรูหราแล้วก็สวยมากๆ ซึ่งเวลาที่พี่เอย์ใส่เรือนนี้ทีไรมันจะเลือกใส่เข้าคู่กับเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมลงมาที่หน้าอกแล้วพับแขนขึ้นนิดๆ วันนี้ก็เช่นกัน
“กูให้”
“ให้ผม?!” ผมร้องทวน
“อย่าเรื่องมาก รับๆไป”
ผมกำลังงงๆ ทำอะไรไม่ถูกหันซ้ายหันขวาเจอพี่เอย์ตบหัวอีกครั้งแล้ว นี่ผมกำลังนึกนะช่วงนี้คุณชายทำไมถึงชอบตบหัวผมนักมันเอ็นดูอะไรนักหนา สมองผมจะเสื่อมหากินไม่ได้เข้าสักวันงานเขียนโปรแกรมยิ่งต้องใช้สมองอันปราดเปรื่อง
“หรือไม่อยากได้ มันเก่าแล้วงั้นดิ่”
“เก่าที่ไหน ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมแค่ อะ...เอ่อ..เกรงใจ”
“เกรงใจทำไม มึงกับกูก็คนๆเดียวกัน อย่ามาพูดคำนี้อีกนะ น่าโมโห” คราวนี้มันยู่หน้า ผมรีบรับมาเลยคุณชายโมโหแล้ว นาฬิกาสวยมากพี่เอย์ใส่หลายครั้งแล้วก็จริงแต่ยังใหม่มาก ๆ อย่างที่บอกว่ามันเป็นคนสะอาดและรักษาของใช้ดีมาก ถึงแม้จะใส่และถูกใช้งานหลายครั้งแต่ความสวยและใหม่กลับไม่ได้ลดลงเลย แม้กระทั่งสายหนังยังไม่หักเลยด้วยซ้ำ
“พี่เอย์ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้มันแล้วทาบตัวเรือนลงที่ข้อมือ พี่เอย์เป็นคนใส่ให้ผมเอง มันขยี้หัวผมแล้วส่งยิ้มร้ายให้พร้อมกับคำพูดจาน่าตี
“ถ้าเกรงใจก็ผ่อนเป็นความพึงพอใจให้กูช่วงก่อนนอนก็แล้วกัน”
“ฝันไปเหอะ” ผมเบะปากยักไหล่ใส่ เจอคุณชายคว้าหมับเข้าที่ไหล่
“เอองั้นถอดออกมา”
“ไม่เอา! ให้แล้วให้เลยสิ” ผมรีบวิ่งหนี สะดุดจนเกือบหน้าคะมำไอ้วุฒิกระโดดหลบแทบไม่ทัน
“พี่ปิง ใครมาน่ะพี่” หมาบาสพูดขึ้น มันยืนมองรถเก๋งสีขาวคันโตที่เพิ่งดับเครื่องจอดลงที่หน้าบ้าน ผมเองก็มองดูด้วย เราเคลียร์แขกไปหมดแล้วยังมีใครอีกที่ยังไม่มา
และทันทีที่ผมเห็น
“พี่เอย์ครับ” ผมมองข้ามไหล่หันไปเรียก คุณกัสมาเลขาและเพื่อนเก่าของมันยืนถือช่อดอกไม้ใหญ่มากๆอยู่ที่หน้าประตูรั้ว
“กัสน่ะปิง” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น ผมรู้อยู่แล้วล่ะ พี่เอย์คงเกรงใจผมเลยหันมามอง ผมพยักหน้าให้มันแล้วบอกให้ลงไปรับแขก
“ไปด้วยกันไหม”
“ไม่หรอกครับ พี่เอย์ลงไปหาเพื่อนเถอะ ผมรออยู่นี่นะ”
“เดี๋ยวกูจะพาเขาไปดูที่ออฟฟิศ รีบ ๆ ตามมาล่ะ” ผมพยักหน้ารับทราบ พี่เอย์หันไปสั่งความบางอย่างกับคุณภีมก่อนเดินลงไป
(มีต่อค่ะ)