[28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [28/3/58]ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. #จบแล้วจ้า  (อ่าน 130032 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ชีวิตที่ยังต้องเดินต่อไป

The story after that.

     เช้าที่เงียบสงบ นิสิตชายคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือรอเวลาเงียบๆ ในห้องเรียนตามลำพัง ถังข้าวผู้ชื่นชอบการมาเช้าเดินเข้าห้องมาเจอเรื่องน่าตกใจจึงเผลอตะโกนลั่นชนิดลืมติดอ่าง!
     “ต้นมาเรียนแล้ว!”
     ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นจากตำราแล้วยิ้มทักทาย
     “สวัสดีถัง มาเช้าตลอดเลยนะ”
     และด้วยแอพพลิเคชั่นยอดนิยม ข้อความสั้นๆ ก็กระจายไปในหมู่เด็กฟิสิกส์อย่างรวดเร็วยกกลุ่ม “ต้นมาเรียนแล้ว” ไม่นานต้นน้ำก็ถูกห้องล้อมโดยบรรดาฟิสิกส์มุง เพื่อนๆ ต่างรีบมาหาต้นน้ำและไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ โดยเฉพาะจอมเสือกเช่นอาร์ท
     “มึงหายไปไหนมา?”
     “เราก็ไม่สบายไง”
     ต้นน้ำตอบยิ้มๆ ตามสไตล์ ดูก็รู้ว่าโกหก ไม่สบายแบบไหนถึงได้หยุดหายไปดื้อๆ เช่นนั้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือไม่ดีบางเรื่องอีก แต่พอมองใบหน้าซูบซีดของเพื่อนที่ผอมจนแก้มตอบแล้วอาร์ทก็เปลี่ยนใจไม่ซัก ต้นน้ำดูซีดเซียวไปมากจริงๆ เขาตัดบทยอมแพ้เพื่อนปากแข็งคนนี้
     “เออๆ แล้วนี่หายแล้วเหรอถึงกลับมาเรียนอ่ะ”
     “อืม ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วล่ะ หยุดนานๆ เรากลัวเรียนไม่ทัน”
     “ดีแล้ว มีไรให้พวกกูช่วยก็บอกล่ะ”
     “อย่างนายจะช่วยอะไรต้นได้ยะ ต้น ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามเราได้นะ”
     “ขอบคุณนะเมย์”
     ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งไปป์เดินเข้าห้องมา ท่าทางของไปป์ที่แปลกไปทำให้ไม่มีใครอยากสนใจ ต่างคนต่างคิดว่าเดี๋ยวพอหายบ้าไปป์ก็คงกลับมาดีเอง แต่ต้นน้ำไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของไปป์ เขาหันไปยิ้มให้ไปป์ด้วยความคิดถึง แต่ว่า... ไปป์กลับเดินเลยไปนั่งด้านหลังแทนที่นั่งประจำโดยไม่มองต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย ป่านที่เดินตามไปป์มาจึงยิ้มแหยๆ ให้แล้วตรงมาร่วมวง
     “คิดถึงจังเลยต้น”
     สีหน้าช็อกค้างของต้นน้ำยังปรากฏอยู่บนใบหน้า ต้นน้ำมองไปทางไปป์ที่ทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วก็น้ำตาคลอ เขาหันไปถามป่านด้วยสายตา ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างไม่กล้าพูดอะไร
     “มัน... มันไม่ค่อยสบายเลยยังไม่หายบ้า ไว้อีกซักพักก็เป็นปกติเองแหละ”

     พอจบคาบต้นน้ำรีบตรงไปหาไปป์ เขาพยายามยิ้มแล้วชวนไปป์ไปทานมื้อกลางวันเชื่อมสัมพันธ์
     “ไปป์ ไปทานข้าวกัน”
     “เกะกะว่ะ ถอยไป!”
     ไปกลับตะคอกสวนแล้วลุกขึ้นเดินหนีต้นน้ำ ทิ้งให้คนชวนยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
     “เฮ้ย! มึงเป็นบ้าไรวะ ต้นไปกับกูก็ได้”
     มิวนิคเห็นการกระทำของไปป์แล้วก็มีน้ำโห น่าแปลกที่ครั้งนี้ป่านไม่พูดอะไร เธอหันมามองต้นก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามไปป์ออกไปทิ้งให้ทั้งห้องเรียนมีแต่ความเงียบ

     “อ่ะนี่ กินเยอะๆ นะมึงผอมไปตั้งเยอะ”
     เที่ยงวันนี้มิวนิคมาร่วมกลุ่มกับชาวแก๊ง เขานั่งลงข้างต้นน้ำตรงที่ประจำของไปป์ น่าแปลกที่การกระทำคอยเอาใจต้นน้ำอย่างออกหน้าออกตาของเขาไม่มีใครว่าอะไรแม้แต่เมย์ มิวนิคคีบลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของตนไปใส่ในชามของต้นอย่างคะยั้นคะยอ
     “ขอบคุณนะ แต่พอเถอะ เราทานไม่หมดหรอก”
     “ไม่หมดอะไร ก๋วยเตี๋ยวชามเล็กนิดเดียว สองชามกูยังกินไม่อิ่มเลย”
     ได้ฟังแล้วต้นน้ำก็ยิ้ม
     “งั้นก็เอาของเราไปเพิ่มสิ”
     ต้นน้ำคีบเครื่องในชามเกาเหลาของตนส่งคืนให้มิวนิค เล่นเอาคนหลงรักปลื้มจนนั่งเอ๋อ เมย์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งจึงส่ายหน้าในความซื่อบื้อของใครบางคน
     “กินแค่นั้นจะอิ่มเหรอต้น น้อยไปป่ะ?”
     “ไม่เป็นไรหรอกเมย์ เราไม่ค่อยหิวน่ะ”
     ทุกคนได้แต่มองหน้ากันแล้วมองต้นน้ำคีบผักเข้าปากก่อนจะตักน้ำซุปซดตาม สัญญาณบางอย่างบอกพวกเขาว่าอย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้ พวกเขาไม่อยากทำให้เพื่อนไม่สบายใจ แต่ต้นน้ำก็เป็นคนพูดขึ้นมาเอง
     “ป่าน ไปป์ไปไหนเหรอ?”
     “โอ๊ย! แกไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มันก็ไปไหนของมันแหละ”
     “ไปป์เขาเป็นอะไรเหรอ”
     “เอ่อ... อันนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ะ”
     ป่านเองก็จนปัญญา เธอรู้ว่าไปป์มีปัญหาเพราะต้นน้ำ แต่ไปป์รักต้นน้ำมาก ดังนั้นเธอเองก็ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง นอกจากจะไกล่เกลี่ยสถานการณ์ไปวันๆ เพราะคนที่จะแก้ปัญหานี้ได้มีแต่ไปป์และต้นน้ำสองคนเท่านั้น
     “มึงไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มีกูอยู่ทั้งคน”
     มิวนิคขัดขึ้น เขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากต้น แม้เมย์จะแอบหมั่นไส้แต่เธอก็เห็นด้วยที่มิวนิคเปลี่ยนเรื่องในครั้งนี้ เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าก็ทำให้เธอตกใจไม่แพ้กัน เธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ไปป์เปลี่ยนไป แม้จะถามป่านเท่าไหร่ป่านก็ไม่ยอมบอก เธอจึงเบื่อความงี่เง่าของไปป์เต็มทน!
     อีกด้าน ไปป์ที่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวก็พึมพำขึ้นในความเงียบ
     “ต้นไม่รักษาสัญญา”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ร่างที่เดินตรงมายังคณะวิศวะทำให้ใครหลายๆ คนให้ความสนใจ ทุกคนพากันหันไปมองแต่ไม่มีใครกล้าทัก ต้นน้ำเดินเข้าไปหาอาร์มที่พึ่งเดินลงมาจากตึก เขาหยุดยืนตรงหน้าอาร์มที่ยืนนิ่งทันทีที่เห็นต้นน้ำเดินเข้ามา
     “อาร์ม ขอคุยหน่อยได้มั้ย”
     ต้นน้ำพูดเบาๆ แม้เขาจะเป็นฝ่ายชวนแต่กลับไม่กล้าสบตากับอาร์ม ได้แต่หลบตาเสมองไปทางอื่นมีแอบชำเลืองมองเป็นระยะ ผิดกับอาร์มที่ยืนจ้องต้นน้ำด้วยแววตาสับสน
     ท่ามกลางผู้คนที่เฝ้าลุ้นจดจ้องสถานการณ์ระหว่างคนทั้งคู่ ในที่สุดอาร์มก็เป็นฝ่ายขยับ
     “เรามีธุระ ขอตัวก่อนนะ”
     อาร์มพูดแล้วก็หันหลังทำท่าจะหนี ต้นน้ำจึงรีบดึงเสื้ออาร์มไว้
     “นายรังเกียจเราเหรอ”
     ต้นน้ำถามเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ แต่กลับกลายเป็นอาร์มที่น้ำตาร่วงก่อน
     “คนที่สมควรโดนเกลียดคือเรามากกว่า ต้น นายอย่ามาอยู่ใกล้เราเลย เราไม่อยากทำให้นายต้องเดือดร้อนเพราะเราอีก”
     “แต่คนที่ผิดไม่ใช่นายนะอาร์ม! นายไม่ได้ทำผิดอะไร!”
     “แค่ปกป้องนายไม่ได้ก็ผิดมากพอแล้วต้น”
     ต้นน้ำได้แต่ก้มหน้าเงียบไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ เขารู้ว่าเขาควรมาให้กำลังใจอาร์ม ต้นน้ำได้ยินเรื่องของอาร์มจากเมษ เขาไม่ต้องการให้อาร์มโทษตัวเอง และที่สำคัญเขาไม่อยากให้อาร์มกับแม็กซ์แตกคอกัน แต่คำพูดของอาร์มก็ทำให้เขาเถียงไม่ออก ภาพเหตุการณ์เลวร้ายผุดขึ้นในหัวจนต้นน้ำยืนตัวสั่น เขายังกลัวเรื่องในวันนั้นอยู่ แม้เขาจะพยายามเข้มแข็งขึ้นแล้วแต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังคอยหลอกหลอนเขาอยู่ดี
     แต่แล้วก็มีเสียงทำลายความสงบดังขึ้น
     “เพื่อนกูไปทำอะไรให้! แค่เสียตัวนิดๆ หน่อยๆ ถึงกับต้องเอาเพื่อนกูออกเลยเหรอวะ!”
     เด็กปีสามคนหนึ่งตรงมาผลักอกต้นน้ำ และโดยไม่มีใครคาดคิด อาร์มหันไปเงื้อหมัดต่อยรุ่นพี่จนเลือดกบปาก!
     “อ้าวไอ้สัส!”
     เพื่อนอีกสองคนที่เหลือพากันพุ่งเข้ามาหาอาร์ม คนที่เห็นเหตุการณ์บางส่วนจึงรีบวิ่งเข้ามาห้าม
     อนพัทธ์ หนุ่มวิศวะขี้เล่นผู้มองโลกในแง่ดีมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอขณะนี้กำลังมีสีหน้าเคียดแค้นและลงมือใช้กำลังกับรุ่นพี่!
     “พวกมึงหุบปากไปเลย! มึงไม่รู้หรอกว่าพวกมันทำอะไรกับเพื่อนกูไว้บ้าง แค่โดนไล่ออกยังน้อยไป กูขอแช่งให้พวกมันได้ไปหาผัวในคุก!”
     เสียงตะโกนดังมาพร้อมๆ กับหมัดและเท้าของอาร์ม ไม่เหลือมาดของหนุ่มขี้เล่นคนเดิมอีกแล้ว อาร์มในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่พร้อมจะใช้กำลังยำพวกปากดี
     “เพื่อนมึงมันแรดอยู่แล้ว ชอบให้ท่าชาวบ้านไปทั่ว โดนแบบนั้นก็สมควรแล้ว”
     “ไอ้สัส! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนกู!”
     “เฮ่ยๆ แยก”
     “ไอ้อาร์มใจเย็น นั่นรุ่นพี่มึงนะเว้ย!”
     แม้อาร์มจะโดนสามรุมหนึ่งแต่เขากลับมีท่าทีเกรี้ยวกราดมากที่สุด เขาพยายามพุ่งเข้าไปเอาเรื่องต่อจนต้องใช้คนห้ามถึงสามคน!
     “รุ่นพี่เหี้ยๆ แบบนี้กูไม่เคารพหรอก กูไม่น่าเรียกสัสบอมว่าพี่เลย เสียแรงที่กูเคยนับถือ ชิงหมาเกิดชัดๆ”
     “ปากดีนักนะมึง กูจะเอาเลือดมึงมาล้างตีนกู!”
     ท่ามกลางความชุลมุน ต้นน้ำยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมัวแต่ยุ่งกับการแยกคู่กรณี
     “พอเถอะอาร์ม ... พอเถอะ เราขอ”
     แต่อาร์มสน เขาได้ยินเสียงของต้นน้ำ แม้จะยังมีท่าทีฮึดฮัดอยากเอาเรื่องรุ่นพี่ของตนต่อแต่ก็คลายความกราดเกรี้ยวลงไปมาก เขาหันมาทางต้นน้ำ อาร์มเห็นเพื่อนของตนยืนร้องไห้น้ำตานองหน้าแล้วก็ใจหาย
     “ปล่อยกู!”
     อาร์มสะบัดแขนที่ถูกเพื่อนยึดไว้แล้วตรงมาฉุดมือต้นน้ำเดินหนีจากหน้าคณะไปด้วยกัน แต่เดินไปได้สักพักอาร์มก็ปล่อยมือต้นน้ำ เขายืนหายใจหอบด้วยความแค้นที่อัดอั้นอยู่ในใจก่อนจะหันกลับมากอดต้นน้ำ
     “ต้นเราขอโทษ”
     คำขอโทษถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้อาร์มกอดต้นไว้อย่างหวงแหน นาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาดีใจที่เพื่อนยังมีชีวิต!
     แม้จะรู้ดีว่าแค่ขอโทษคำเดียวคงชดใช้อะไรไม่ได้ แต่อาร์มก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เขาได้แต่พร่ำขอโทษไม่ขาดปาก ต้นน้ำเองก็สวดกอดอาร์มไว้เต็มอ้อมแขน เขายืนสะอื้นน้ำตานอง
     “ไม่เป็นไรหรอกอาร์ม มันไม่ใช่ความผิดนาย เราต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ขอบคุณที่ไปช่วยเรานะ ขอบคุณ”
     “ขอโทษ ฮือๆ

     ภายในร้านขนม ต้นน้ำมองอาร์มที่ถือแก้วน้ำปั่นมาวางให้เขาแล้วก็สงสาร บนหน้าของอาร์มมีร่องรอยโดนต่อยเล็กน้อย
     “เจ็บมากมั้ยอาร์ม”
     “แค่นี้เล็กน้อย”
     ใจจริงอาร์มอยากบอกว่าการเจ็บตัวที่เขาได้รับมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ต้นน้ำเจอ เขาอยากชดใช้ให้เพื่อน รอยยิ้มของอาร์มในวันนี้ดูแปลกไป ความสดใสหายไปจนต้นน้ำรู้สึกไม่ดี เขาจึงก้มหน้าลงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
     “ต้นกลับมาเรียนแล้วเหรอ?”
     “อืม พ่อเราจัดการให้นะ เห็นว่ายื่นเรื่องขอเป็นกรณีพิเศษให้ เพราะเราเรียนดีอยู่แล้วด้วยมั้ง”
     “ดีจัง”
     อาร์มอยากพูดอะไรมากมาย เขาอยากบอกว่าตนดีใจที่เห็นต้นน้ำมาเรียน ดีใจที่เห็นเพื่อนหายเป็นปกติ แต่แล้วก็พูดไม่ออก เพื่อนของเขาอาจจะหายจากอาการบาดเจ็บ แต่มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก อาร์มจมอยู่กับความหดหู่จนเอาแต่เงียบ บรรยากาศอึดอัดดำเนินไปจนกระทั่ง...
     “อาร์ม...”
     ในที่สุดต้นน้ำก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
     “เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดนาย เราไม่อยากให้นายโทษตัวเอง”
     “งั้นต้นลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นได้แล้วเหรอ?”
     ต้นน้ำชะงักไปทันที ภาพความทรงจำปรากฏขึ้นในหัว แม้จะเลือนรางเพราะฤทธิ์ยาแต่ต้นน้ำก็ปะติปะต่อได้ว่าตนเองถูกทารุณเช่นไร
     “ต้นไม่คิดอะไรเวลาได้ยินคนพวกนั้นพูดไม่ดีใส่ได้รึเปล่า ตอนนี้ต้นมีความสุขกับชีวิตรึเปล่าล่ะ? จะให้เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้หรอก นายจะให้เราเลิกเกลียดตัวเองได้ยังไงในเมื่อเรายังเห็นนายร้องไห้อยู่แบบนี้”
     สายตาของอาร์มมีแต่ความจริงจังจนต้นน้ำไม่อาจปฏิเสธ อาร์มมองทะลุไปถึงก้นบึ้งในใจต้นน้ำ จนเขาไม่สามารหลบดวงตาคู่นั้นได้
     อาร์มจับมือซ้ายของต้นน้ำที่มีนาฬิกาข้อมือราคาแพงสวมอยู่แล้วพูดขึ้น
     “ต้นเลิกใส่นาฬิกาที่มือซ้ายเมื่อไหร่เราถึงจะเลิกเกลียดตัวเอง”
     สิ่งที่อาร์มพูดทำให้ต้นน้ำๆ ตาไหลอีกครั้ง
     “เราขอโทษ! เราไม่ได้ตั้งใจ เรา... มันหลายอย่างนะอาร์ม แต่มันไม่ใช่ความผิดนาย!”
     “ใช่ดิ! ต้นทะเลาะกับแฟนตั้งนานไม่เห็นเป็นไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ต้นคิดมาก เพราะไอ้ยานรกพวกนั้นมันทำร้ายนาย นายถึงได้คิดอะไรบ้าๆ แบบนั้น! ถ้าเราดูแลนายดีๆ เรื่องก็คงไม่เกิดหรอก”
     น้ำเสียงของอาร์มเต็มไปด้วยอารมณ์ ต้นน้ำรู้ดีว่าอาร์มโทษตัวเองมากแค่ไหน อาร์มคิดว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น แม้มันจะจริงแต่ต้นน้ำไม่อยากให้อาร์มโทษตัวเอง เขาไม่อยากสูญเสียเพื่อนผู้ร่าเริงมองโลกในแง่ดีคนนี้ไป
     ต้นน้ำตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องทันที เขาบอกตัวเองให้เข้มแข็งแล้วขอกำลังใจจากเพื่อน ต้นน้ำอยากให้อาร์มกลับมาเป็นอาร์มคนเดิม
     “เราเลิกกับเขาแล้ว”
     ต้นน้ำตอบกลับประโยคโทษตัวเองของอาร์มด้วยถ้อยคำเรียบง่าย แต่ประโยคนี้กลับหยุดการตีโพยตีพายของอาร์มได้ชะงัด อาร์มหลับตานิ่ง ถอนหายใจก่อนจะมองหน้าต้นน้ำให้ชัดๆ
     “จริงเหรอ?”
     “อืม...”
     “เขา...”
     อาร์มไม่กล้าพูด เขากลัวแฟนของต้นน้ำจะรังเกียจเรื่องที่เกิดขึ้นจนขอเลิก แต่ต้นน้ำรีบแย้ง
     “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกอาร์ม!”
     คนทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่ต้นน้ำจะหลบตาแล้วเปิดปากเล่า
     “พี่เขาไม่ได้บอกเลิกเราหรอก เราเป็นคนขอเลิกเอง ... ยังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่แล้ว เราไม่อยากเจ็บอีก ... อืม อยู่คนเดียวสบายใจกว่า”
     พูดแล้วต้นน้ำก็แกล้งยิ้ม แต่อาร์มกลับถามขึ้นว่า
     “แม็กซ์รู้แล้วยัง?”
     “รู้สิ แม็กซ์เป็นคนพาเราไปเจอพี่ชัช เราตกใจหมดเลย คนยังไม่พร้อมแท้ๆ ...”
     อาร์มรู้จักเพื่อนสนิทของตนดี แม้จะขัดใจที่แม็กซ์ใช้วิธีหักดิบมักมือชกต้นน้ำแต่เขาก็เข้าใจเหตุผลของเพื่อนที่มองอุปสรรคของต้นน้ำออก
     “แต่เอาเถอะ ปล่อยทิ้งไว้นานมันก็ไม่ดีใช่มั้ยล่ะ? อะไรที่ควรจบก็ต้องจบ ให้มันเคลียร์ๆ ไปซะเราจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติซะที จะได้เรียนอย่างมีความสุขไง เรา...”
     อาร์มฟังต้นน้ำที่พยายามพล่ามแล้วก็สงสาร เขากุมมือของต้นน้ำแน่น ความอบอุ่นจากมือของอาร์มถ่ายทอดเข้าสู่หัวใจของต้นน้ำ เขาเห็นความพยายามของเพื่อน ต้นน้ำพยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่มันไม่สำเร็จ และเขาอยากช่วยเพื่อน
     “ต้นยังมีเรานะ นายไม่ได้ไม่มีใคร นายยังมีเพื่อนนะต้น”
     “อืม... เรารู้ เรามีนาย มีแม็กซ์ แล้วก็เมษ เพื่อนที่ภาคก็ด้วย”
     แล้วต้นน้ำก็ยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะพูดต่อ
     “เราอยากให้เพื่อนรักของเรากลับมาเป็นอาร์มคนเดิมเร็วๆ นะ ช่วยกลับมาเป็นคนที่สดใสร่าเริงคนนั้นได้รึเปล่า? เราชอบนายที่เป็นแบบนั้นนะอาร์ม เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจดี ช่วยเข้มแข็งเผื่อเราด้วยได้มั้ย”
     “ได้ดิ”
     อาร์มยิ้มด้วยแววตาปวดร้าว เขาตัดสินใจทิ้งความโกรธความเกลียดตัวเองและตั้งใจว่าตนจะดูแลต้นน้ำให้ดีที่สุด เขาอยากเป็นมือที่ช่วยประคองให้เพื่อนของเขาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
     “ต้นไม่ใช่คนอ่อนแอนะ นายเข้มแข็งมาก เรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้วก็อย่าไปสนใจมันเลย ใช้ชีวิตให้สนุกดีกว่าเนอะ”
     “อื้ม”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ถึงต้นน้ำจะพยายามเข้มแข็งขึ้นแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าข่าวลือจะสงบ การที่อาร์มต่อยกับรุ่นพี่ก็ยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลง จากเดิมที่อาร์มรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นจนกระด้างกระเดื่องกับรุ่นพี่ปีสามบางคนที่โทษว่าต้นน้ำเป็นสาเหตุทำให้บอมถูกไล่ออกจนถูกแอนตี้จากพวกโซตัสแล้ว ตอนนี้อาร์มแทบถูกแบน บางคนที่ไม่เข้าใจก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามายุ่งกับอาร์ม บางคนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านก็พากันไถ่ถามแต่คราวนี้อาร์มกลับไม่ปริปาก คนทั้งสี่ถูกเรียกไปตักเตือนเรื่องการทะเลาะวิวาท แต่คราวนี้อาจารย์ได้ชี้แจงเรื่องของบอมที่ถูกไล่ออกด้วย และข้อหายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดรวมทั้งทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่เจ้าตัวบันทึกไว้ด้วยความคึกคะนองก็ทำให้ทุกคนหุบปากเงียบ ทุกคนต่างเข้าใจตรงกันว่าต้นน้ำถูกถ่ายคลิป!

     บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ต้นน้ำเดินไปยังห้องพักอาจารย์ประจำภาคเคมี เสียงแซวก็ดังขึ้น โค้กกับเดย์เจ้าเดิม!
     “หน้าหนาดีว่ะ โดนรุมโทรมแถมยังถูกถ่ายคลิปยังกล้ามาเดินลอยหน้าลอยตาอีก นี่ถ้าเป็นกูนะ ฆ่าตัวตายไปนานละ ฮ่าๆ”
     “นั่นสิวะ เฮ้ยต้น! พ่อแม่มึงว่าไงมั่งวะที่ลูกชายถูกข่มขืน แย่หน่อยนะ มึงเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังโดนลากไปข่มขืน สงสัยมึงต้องลดความแรดหน่อยแล้ว ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำตาแดงก่ำมองคนทั้งคู่ด้วยความเคียดแค้น เขากำหมัดแน่นพยายามไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่
     “ทำไมไม่ถามเขาดูละครับ”
     “ถามไรวะ?”
     “ถามพ่อผมไงว่าเขาอายที่มีลูกแบบผมรึเปล่า”
     เสียงรอดไรฟันของต้นน้ำช่างเจ็บปวดสำหรับคนที่ผ่านมาได้ยิน แต่โค้กกับเดย์กลับหัวเราะร่า
     “กูว่าไม่ต้องถามหรอก เป็นกูคงเอาปี๊บคลุมหัวไปแล้ว”
     “ผมถึงบอกไงว่าให้ถามเขาเอาเอง เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังพวกคุณ!”
     พอขาดคำโค้กกับเดย์ก็รีบหันกลับไปด้วยความตกใจ ทั้งสองพบต้นตระการยืนอยู่ใกล้ๆ อาจารย์ประจำภาคเคมีถอนหายใจพลางส่ายหน้าเบาๆ
     “ต้นน้ำ คุณตามผม ... ตามพ่อไปที่ห้องพักอาจารย์ด้วย”
     แล้วสองพ่อลูกก็เดินจากไปทิ้งให้โค้กกับเดย์ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
     “คุณไม่เป็นอะไรนะ”
     “ช่างเถอะครับ โค้กกับเดย์เขาก็ชอบหาเรื่องผมอยู่แล้ว”
     แม้ปากจะบอกว่าช่างแต่ต้นน้ำกลับน้ำตาคลอ
     “ยังไงซะ เรื่องที่เขาพูดมันก็จริง ผม... ฮึก!
     “เฮ้อ...”
     ต้นตระการได้แต่ถอนหายใจด้วยความสงสารลูก ลูกของเขาไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลย ต้นน้ำแค่พยายามเข้มแข็งแต่ยังทำไม่ได้เช่นเดิม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
อีโค๊กกะอีเดย์ทำไมปากหมาตลอดดดด น่าตบ
อิพวกเพื่อนอิบอมอีกนี้ละน้าโซตัส เอาพวกพ้องก่อนจนไม่ยอมรับความเป็นจริง

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

     ข่าวลือแพร่ไปเรื่อยๆ ตามแต่ปากของมนุษย์จะพาไป ถ้อยคำนินทาทั้งเรื่องจริงและเรื่องหลอกถูกบอกกันปากต่อปาก ต้นน้ำต้องแบกรับความอับอายที่เกิดขึ้น พยายามทำตัวเป็นปกติ ไม่ร้องไห้ไม่โวยวายไม่นิ่งซึม เขาพยายามยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียงลือที่เกิดขึ้น เพื่อนในภาคก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องประเด็นละเอียดอ่อนนี้ อย่างน้อยเรื่องที่เด็กวิศวะปีสามถูกไล่ออกเพราะ“ทำอะไรบางอย่าง”กับต้นน้ำก็เป็นเรื่องจริง ส่วนคนที่รู้ความจริงเช่นอาร์มก็เลือกที่จะเงียบ
     ทุกคนสังเกตเห็นความไม่มีชีวิตชีวาในตัวต้นน้ำประกอบกับบุคลิกที่แปลกไปของไปป์ก็ทำให้สถานการณ์แย่ลง ภาคฟิสิกส์ปีสองอึมครึมอยู่ยากเข้าไปทุกที
     ไม่ว่าต้นน้ำจะเพียรพยายามเข้าหาไปป์มากเท่าไหร่ ไปป์ก็เมินเฉยไม่สนใจเสียงเรียกของต้นน้ำเลยแม้แต่น้อย ต้นน้ำเหมือนไร้ตัวตนสำหรับไปป์ จนกระทั่งวันสุดท้ายของภาคเรียนมาถึง ในที่สุดความอดทนของมิวนิคก็สิ้นสุดลงเมื่อไปป์ทำเป็นไม่เห็นต้นน้ำที่รออยู่แล้วเดินชนจนต้นน้ำหงายหลังลงไปนั่งกับพื้น
     “ไอ้ไปป์! มากไปแล้วนะมึง”
     มิวนิคปรี่เข้าไปหาไปป์อย่างเอาเรื่อง เขากระชากคอเสื้อไปป์ท่าทางดุดัน ส่วนไปป์ก็ทำหน้านิ่งไม่แคร์อะไรยียวนกลับ เดือดร้อนต้นน้ำต้องรีบลุกมาห้ามทั้งน้ำตา
     “อย่ามิวนิค! เราไม่เป็นไร ปล่อยไปป์เหอะ”
     ต้นน้ำกลัวมิวนิคจะชกไปป์จึงยื้อแขนเพื่อนร่างยักษ์ไว้สุดชีวิต คนอื่นๆ ต่างตกใจ แม้แต่ป่านก็ทำอะไรไม่ถูก
     “มึงเป็นบ้าไรวะ ทำไมทำกับต้นแบบนี้!”
     มิวนิคผลักอกไปป์จนเซ ต้นน้ำจึงรีบเข้าไปขวางเพราะกลัวไปป์ถูกซ้ำ คนอื่นๆ ที่เห็นต่างสลดใจ
     “พอๆ มิวนิค เราขอ! นะ”
     “มึงดูเดะ! ต้นมันดีกับมึงโคตรๆ แล้วมึงไปทำมันทำไม!”
     เสียงตะคอกของมิวนิคดังลั่น ส่วนไปป์ก็กลอกตาทำหน้าเซ็งใส่ด้วยความกวนตีน ไปป์หันไปแค่นหัวเราะใส่ต้นน้ำทำให้มิวนิคยิ่งโมโห คนทั้งสองฮึ่มๆ ใส่กันจนเพื่อนๆ ชักเป็นห่วง กลัวจะมีเรื่อง
     “มีอะไรก็พูดกันดีๆ น่ะไปป์”
     อาร์ทที่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้ามศึก
     “กูไม่มีอะไรจะพูด”
     “อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ แบบนี้น่ะ มึงโกรธอะไรไอ้ต้นก็บอกมันไปดิ มันตามง้อมึงมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
     “กูไม่ได้โกรธ!”
     ไปป์หันไปตะคอกใส่อาร์ทก่อนจะหันมาสบตากับต้นน้ำแล้วพูดต่อ
     “แต่กูเกลียด!”
     สายตาของไปป์ฆ่าต้นน้ำทั้งเป็น!
     “อ้าว! ไอ้เด็กนี่ อย่ามาพาลนะมึง มึงมีปัญหาไรก็พูดมาตรงๆ เลยมา”
     “กูไม่ได้มีปัญหา กูเกลียดมัน ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากเจอ รำคาญ จบป่ะ”
     ถ้อยคำของไปป์กรีดลึกลงในใจของต้นน้ำ เขายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าไปป์
     “ไอ้ไปป์!”
     มิวนิคเงื้อหมัดขึ้นแต่แล้วก็ชักกลับ เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเต็มที่ ยศและวินเห็นท่าไม่ดีเลยเตรียมตัวเข้ามาประกบมิวนิค คิวว์เองก็มาอยู่ใกล้ๆ พร้อมจับบ่าให้กำลังใจต้น พัทกับนันเตรียมเข้ามาขวางไปป์ไว้อีกแรง สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน นอยซ์เลยพูดเตือนสติทุกคน
     “เฮ่ย ใจเย็นกันหน่อยดิวะ”
     พัทรีบเออออตามนอยซ์ทันที
     “มึงจะต่อยเพื่อนเหรอมิว”
     ในที่สุดมิวนิคก็ยอมสงบ แต่ก็ยังไม่วายด่าไปป์ทิ้งท้าย
     “ต้นไปทำไรให้มึง! มึงเป็นเพื่อนสนิทมันไม่ใช่เหรอวะ!”
     “มึงก็ถามมันดูดิ ว่ามันทำอะไร!”
     ไปป์สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะระเบิดเสียงตะโกนออกมาทั้งน้ำตา
     “คนที่ไม่รักษาสัญญากับกูอ่ะ กูไม่รักหรอก!”
     “ฮือๆ”
     ต้นน้ำปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
     “มึงถามมันสิว่าอยู่ๆ เปลี่ยนมาใส่นาฬิกาที่มือซ้ายทำไม”
     ไปป์พุ่งเข้าไปหาต้นน้ำแล้วดึงมือไว้ก่อนจะถอดนาฬิกาออกแล้วถลกแขนเสื้อขึ้น ร่องรอยที่เห็นสร้างความตกตะลึงให้กับชาวฟิสิกส์ปีสองทุกคน!
     “มึงถามมันดูดิว่าไอ้รอยพวกนี้คืออะไร บอกพวกมันไปสิต้น บอกไปสิว่านายทำอะไร!”
     ไปป์ชูข้อมือของต้นน้ำที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นขึ้นพลางตะคอก
     “ต้นทำร้ายตัวเองทำไม! นายผิดสัญญากับเราทำไม!”
     “เราขอโทษไปป์ เราขอโทษ”
     “ขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา คนที่ไม่รักตัวเองอย่างต้นอ่ะสมควรแล้วที่ไม่มีใครรัก! คนอย่างนายมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครหรอก!
     “เราขอโทษ อือๆ
     ใครเลยจะเข้าใจความเจ็บปวดภายในใจผู้อื่นได้ ร้อยพ่อพันแม่ แต่ละคนเกิดมาก็แตกต่างกันแล้ว ยังได้รับการเลี้ยงดูมาแตกต่างกันอีก ประสบการณ์ต่างๆ ที่พบเจอก็ไม่เหมือนกัน เมื่อผ่านการหล่อหลอมมาแตกต่างกัน ไปป์จึงไม่เข้าใจความเจ็บปวดของต้นน้ำ และต้นน้ำเองก็ไม่เคยรับรู้ปมในใจของไปป์
     “มากไปแล้วนะไปป์!”
     “ไม่มากไปหรอกเมย์ ทีตอนที่ต้นมันฆ่าตัวตายอ่ะ มันนึกถึงพวกเรามั้ยล่ะ มันไม่ได้รักพวกเราเลย มิตรภาพของพวกเรามันไม่มีค่าสำหรับนายเลยเหรอต้น! นายถึงได้คิดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้น!”
     ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออกนอกจากยืนร้องไห้ต่อหน้าไปป์ คำขอโทษถูกพร่ำออกมาซ้ำๆ แต่ไม่สามารถลบล้างความโกรธในใจไปป์ได้เลย คนอื่นๆ ต่างก็อึ้งกับข้อมูลใหม่ว่า“ต้นน้ำฆ่าตัวตาย!” เสียงของไปป์ยังคงดังต่อเนื่องเหมือนเด็กน้อยยามอาละวาด จนในที่สุด
     “พอได้ยังไปป์?”
     ป่านที่ทนไม่ไหวก้าวเข้ามายุติการงอแงของไปป์
     “ต้นมันจะยืนไม่ไหวแล้วนะแกๆ ด่ามันพอแล้วมั้ง”
     เสียงเรียบๆ ของป่านไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ถึงกระนั้นไปป์ก็ยังพาล เขาหันมามองป่านทั้งน้ำตาแล้วตัดพ้อ
     “แม้แต่นายก็เข้าข้างต้นเหรอป่าน?”
     “ฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น ต้นมันไม่ตายก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แกจะอาละวาดจนมันคิดสั้นอีกรอบเลยรึไง ทั้งๆ ที่แกจะเสียใจที่สุดแท้ๆ”
     ไปป์ฮึดฮัดทำท่าจะเหวี่ยงต่อแต่แล้วสายตาจริงจังของป่านก็หยุดเขาเอาไว้ ไปป์จึงหมุนตัวเดินจากไป
     “ต้น แกต้องเข้มแข็งนะ ไปป์มันรักแกมาก หวังว่าแกคงไม่ถือสามัน”
     “ป่านเราขอโทษ”
     ถึงป่านจะไม่โวยวายแบบไปป์แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าป่านเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ต้นน้ำทำ เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความไม่พอใจของ“เพื่อน”
     “เออๆ แกไม่ผิดหรอก ชีวิตแกนิ ฉันไปก่อนนะ จะตามไปดูอิไปป์มัน”
     เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ป่านตามไปป์ออกไป
     “ต้นน้ำฆ่าตัวตาย” เรื่องนี้ทำให้ทุกคนอึ้ง!
     ชาวฟิสิกส์แต่ละคนแอบเหลือบมองข้อมือของต้นน้ำ
     เมย์กับแก้วมองหน้ากันพยายามหาคำพูดมาปลอบต้นน้ำที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
     โอมพยายามส่งผ้าเช็ดหน้าให้แต่เหมือนต้นน้ำจะมองไม่เห็น
     ส่วนมิวนิคยืนอ้าปากค้าง
     แต่ทันใดนั้นอัฐก็เดินมาหาต้นน้ำ เขาเก็บนาฬิกาที่ถูกไปป์ถอดเหวี่ยงทิ้งขึ้นมาใส่ให้ที่ข้อมือซ้ายของต้นน้ำแล้วหยิบทิชชู่ยื่นให้
     “เย็นนี้ว่างป่ะ ไปเดทกัน”
     คำพูดที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ถูกส่งมาให้ต้นน้ำพร้อมกับรอยยิ้ม อัฐโยกศีรษะต้นน้ำด้วยความเอ็นดูแล้วเอ่ยชวนซ้ำอีกครั้ง
     “ไปกับเรานะต้น มีที่ๆ อยากพานายไปเยอะเลย”
     ต้นน้ำไม่แน่ใจว่าอัฐต้องการอะไร เขาเลยสบตากับเพื่อนที่ไม่สนิทคนนี้เพื่อหาคำตอบ ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าตัวเองเงียบเสียงร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
     “ไม่ปฏิเสธ แปลว่าตกลง งั้นไปกันเลย ชักช้าละเดี๋ยวเขาจะปิดซะก่อน ป่ะ!”
     และแล้วอัฐก็ชิงตัวต้นน้ำไปต่อหน้าต่อตาทุกคน!
     “เกิดอะไรขึ้นวะ? ต้นฆ่าตัวตายจริงเหรอเมย์?”
     เหลือเชื่อที่มิวนิคพัฒนาขึ้นแล้ว เขาฉลาดพอที่จะไม่ถามคำถามเปราะบางเช่นนี้ต่อหน้าต้นน้ำ
     “ฉันจะไปรู้เหรอยะ! ก็พึ่งได้ยินไปป์พูดพร้อมๆ นายเนี่ย”
     “พวกเธอไม่รู้มาก่อนจริงๆ อ่ะ?”
     “เอ๊ะ! จริงสิอาร์ท ฉันจะโกหกไปทำไมยะ”
     “แต่ยัยป่านมันรู้ไม่ใช่เหรอ? ละทำไมพวกเธอไม่รู้”
     “ไปป์มันบอกมั้ง พวกฉันไม่ได้ซี้กับไปป์มากเท่าป่านนี่”
     “แล้วไอ้ไปป์มันรู้ได้ไงวะ?”
     “โอ๊ย! พวกแกจะเอาอะไรกับฉันนักหนา มีเรื่องอะไรของต้นที่ไปป์มันไม่รู้บ้างล่ะ! ไปเหอะแก้ว อัฐพาต้นไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
     “เออ จริงด้วย! ไอ้อัฐ โว๊ย!”
     เมย์หันมาจิกตาใส่มิวนิคที่ความรู้สึกช้าเกินอย่างขัดใจก่อนจะจูงมือกับแก้วเดินออกไปทิ้งให้โอมยืนมองไปทางที่อัฐกับต้นเดินออกไปตามลำพัง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อา... หนุ่มอาร์มไปซะแล้ว จากหนุ่มโลกสวยกลายเป็นผู้ชายมืดมนไปละ จริงๆ แอบล้อระบบโซตัสนิดหน่อย ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ อาร์มคงเละน่าดู ใช้ชีวิตไม่มีความสุขแน่
แต่ก็นะ ... เห็นชอบหนุ่มวิศวะ ทำไมนิยายวายต้องวิศวะฟร่ะ(วะ)? เลยใส่หนุ่มอาร์มมาคนนึง ชอบแนวโซตัสเรื่องรุ่นพี่กันดีนัก เอารุ่นพี่แบบแก๊งพี่บอมไปละกัน ชอบเถื่อนๆ กันใช่ม๊ายยย ทีนี้อาร์มเถื่อนได้ใจกันรึยัง แมนดีแมะ? ฮ่าๆ
จริงๆ แล้วเถื่อนกับถ่อยนี่มันแค่เส้นบางๆ เองนะ แล้วผู้ชายแมนๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเอะอะมึงกูทำตัวเถื่อนด้วย นิยายเรื่องนี้เลยมีเมะขี้หลีจอมกะล่อนพูดครับอ้อนเมียทุกคำ ฮ่าๆ

แต่พระเอกของต้นนี่มาแนวดาร์กจริงๆ (ย้ำนะพระเอกของต้น มิใช่พระเอกของเรื่อง!) น้องไปป์ออกโรง ฮ่าๆ อยากใส่อะไรดาร์กๆ ลงไปด้วย แต่เล่นประเด็นให้ดาร์กๆ จิตๆ นิดนึง แล้วไปป์ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมาะม๊ากกกก ความเด็กของไปป์นี่แหละคือจุดพลิกผันเลย
เดาว่าคนอ่านคงเก็ทคอนฟลิคแล้ว พี่ชัชผิดต่อต้น แต่ต้นก็ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับไปป์ เราว่าฉากนี้ต้นมีจุกอ่ะ แทบกระอักเลือดตายที่โดนไปป์ระเบิดใส่
แต่ไม่รู้สิ บางทีคนเราก็ไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเอง บางคนเข้มแข็งเพื่อคนอื่น เช่นคุณแม่สายธารเป็นต้น เราว่าเพราะความรักที่บริสุทธิ์ของไปป์นี่แหละที่จะทำให้ต้นคิดได้ และต้นจะเข้มแข็งเพื่อไปป์ โอย! ยิ่งฉากห้ามมิวนิค "เราขอ" นะ แต่งเองยังน้ำตาซึมเลย นี่มันอารมณ์คุณแม่ปกป้องลูกน้อยชัดๆ! ฟีลเพื่อนรักกลิ่นโชเน็นมาเต็ม! มิตรภาพลูกผู้ชายแหละ ซึ้งเน้อ...

มาลุ้นกันต่อเถอะว่าต้นจะรับมือกับปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ยังไง?
ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่น ฟื้นขึ้นมาแล้วคงต่างฝ่ายต่างสำนึกผิดหลังจากนั้นก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง หรือไม่ก็เขียนให้ตัวเอกเลิกกันจบแบบแบดเอ็น เศร้าสวยงาม แต่ไม่ๆ นิยายเรื่องนี้เราเน้นความเรียล คนอ่านจงรับความปวดตับไปซะ
"หล่อนคิดว่าฆ่าตัวตายไม่ตายฟื้นขึ้นมาแล้วก็จบเหรอย๊ะ! ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกย่ะ"
เอาจริงๆ ก็คือสงสัยเสมอว่าทำไมข่าวเด็กจุฬาฆ่าตัวตายมันเยอะจริงๆ แล้วก็พวกข่าวนักศึกษาฆ่าตัวตาย ยิ่งเรียนเก่งยิ่งโดนสังคมด่า "เรียนมาตั้งสูง ฉลาดก็ฉลาด แต่ทำไมคิดได้แค่นี้" แล้วก็จะมีพวกเพื่อนๆ คนใกล้ชิดออกมาให้ข่าว "วอนสังคมอย่าเข้าใจผิด ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณไม่รู้ อย่าพึ่งตัดสิน"
ไปป์ก็ไม่เข้าใจต้น ต้นก็ไม่รู้ปมในใจไปป์ อา... สนุกละสิ! คนเราไม่มีวันเข้าใจความคิดคนอื่นหรอก มันถึงต้องคุยกันไง หึๆ ต้นจะง้อไปป์ยังไงน้า?
อะไรกัน! นิยายผ่านจุดพีคมาแล้วยังไม่ยอมจบอีก? แถมทำท่าจะมีปมแซ่บกว่าเดิม เหมือนคนอ่านกำลังเบาใจว่าเรื่องร้ายๆ กำลังจะผ่านแต่คนแต่งดันกระชากคนอ่านโยนลงเหวอีกครั้ง! ยัยคนแต่งนี่โรคจิตจริงๆ เลยเนอะ!

มาลุ้นกันต่อเถอะ แต่เอ๊ะๆ ใครมันชิงตัวต้นไปว้า! คนอ่านเคยสังเกตการมีอยู่ของตาคนนี้รึเปล่า? มันชวนต้นไปเดทแล้วจ้า!  :a5:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
โอ้ยย ปวดตับเบยยย คือแบ๊บบ คือทุกคนไม่เข้าใจกัน ไปป์ไม่รุ้ต้นเจอไรมาบ้าง แต่ไปป์ก้ไม่ผิดอะ คือแบบเป็นห่วงจริงๆ ปสดตับที่สุด แล้วนายอิฐจะใช่โอกาสนี้สร้างความประทับใจกับต้นน้ำได้รึป่าาว

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
เข้าใจเรื่องโซตัสมากๆเพราะสมัยก่อนคณะเราไม่รับน้องคืออยุ่ไม่ได้เลย ไม่มีสังคมจิงๆ เดินไปไหนมีแต่เพื่อนมองผ่านแล้วรับน้องหนักมากในสมัยนั้น เดวนี้เบาลงเยอะละ สงสารอามมาก อิพวกวิศวะ โซตัสมันแข็งมากจริงๆ อามจะใช้ชีวอตยังไงทั้งๆที่ไม่ใช้คนผิด เฮ้ออ

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
รอออยู่นะ คะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     “สบายใจขึ้นมั้ย?”
     อัฐถามพร้อมกับยื่นดอกไม้ธูปเทียนให้ต้นน้ำอีกชุดหนึ่ง ต้นน้ำมองอัฐด้วยแววตาไม่เข้าใจ อัฐจึงอธิบาย
     “ชุดเมื่อกี้ไหว้ท่านหมอ แต่ชุดนี้เราจะพาไปไหว้พระ”
     แล้วคนทั้งคู่ก็ฝ่ากลุ่มนักท่องเที่ยวไปไหว้พระแก้วมรกต พอไหว้เสร็จแล้วทั้งต้นน้ำและอัฐก็เดินดูภาพเขียนรอบพระอุโบสถ
     “ทำไมอัฐถึงพาเรามาที่นี่เหรอ?”
     “คนไทยเข้าฟรีไง”
     มุกหน้าตายของอัฐทำเอาต้นน้ำเงิบ!
     “ฮ่าๆ พูดเล่นน่ะ เราอยากให้ต้นสบายใจขึ้นมั้ง”
     ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากของอัฐด้วยแววตากังขา อัฐเองก็ก้มลงมาสบตาต้นน้ำเช่นกัน ดวงตาที่จ้องมองมาเหมือนล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง แต่ถึงกระนั้นต้นน้ำก็ยังไม่อาจล่วงรู้จุดประสงค์ของเพื่อนคนนี้
     “ได้มาเดินดูของสวยๆ งามๆ ได้มาไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สนุกเหรอ?”
     ต้นน้ำทำหน้าเบื่อโลกใส่อัฐก่อนจะพูดต่อ
     “นายจะหาว่าเราไม่เคยเข้าวัดก็บอกมาเถอะ!”
     “เปล่า เราว่าจะพานายเที่ยวจริงๆ แต่เราคิดไม่ออกว่าจะพานายไปไหนดีเลยชวนมาแถวนี้ ใกล้ๆ นี้ยังมีวัดโพธิ์ วัดอรุณ ศาลหลักเมือง สนามหลวงอีกนะ”
     “พอเถอะอัฐ! นายมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก”
     “ถึงเราพูดไปแต่ถ้านายไม่ฟังแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เราแค่อยากเห็นนายสบายใจขึ้นก็เท่านั้น”
     อัฐยิ้มราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
     “เราคิดว่าถ้านายสบายใจแล้วเดี๋ยวนายก็ดีขึ้นเอง”
     คำพูดของอัฐไม่มีทั้งความสงสารและคำตำหนิ เขาแค่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วให้ต้นน้ำเป็นคนตัดสินใจ
     “ทุกข์น่ะมันอยู่ตรงนี้”
     อัฐชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของต้นน้ำแล้วพูดต่อ
     “มีแต่นายเท่านั้นที่จะเอามันออกไปได้”
     “แล้วเราต้องทำยังไงถึงจะหายทุกข์ล่ะ มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด เราไม่ได้เข้มแข็งนี่ เราสู้ไม่ไหวหรอก”
     “นายไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกต้น”
     อัฐพูดพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า เขานั่งลงบนศาลาราย ผืนฟ้าสดใสไร้หมู่เมฆตัดกับยอดพระศรีรัตนเจดีย์สีทองอร่ามระยิบระยับ
     “เราว่าคนที่ฆ่าตัวตายนี่เข้มแข็งนะ กรีดลงไปแบบนั้นได้นี่ก็แสดงถึงความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว แถมยังอดทนต่อความเจ็บปวดอีก”
     “พอเถอะ ไม่ต้องมาประชดเราหรอก!”
     ต้นน้ำสวนกลับก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ อัฐ หน้าของเขางอเป็นม้าหมากรุกจนอัฐนึกขำ
     “เปล่า เราไม่ได้ประชด เราชมจริงๆ แต่เราว่ามันใช้ผิดทางไปหน่อยนะ ถ้ามีความกล้ามากแบบนั้นก็ไม่น่าหนีปัญหาด้วยวิธีมักง่ายอย่างการฆ่าตัวตาย”
     อัฐมองหน้าต้นน้ำแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
     “นายมีเรื่องทุกข์ใจมากจนไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้วเหรอต้น? ปัญหาของนายมันหนักถึงขั้นนั้นจริงๆ เหรอ?”
     “เรารู้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ผิด แต่ว่า... นาทีนั้น... ตอนที่เราสิ้นหวังน่ะ เราคิดไม่ออกหรอกอัฐ นายอาจจะคิดว่าเราโง่ก็ได้ แต่... มันหลายอย่างนะ”
     สีหน้ากลัดกลุ้มของต้นน้ำเรียกความเอ็นดูจากอัฐได้ เขายิ้มแล้วฉุดแขนต้นน้ำให้ลุกขึ้น
     “ย้ายที่กันเหอะ ใกล้สี่โมงละ ที่นี่ใกล้ปิดแล้ว ไปวัดโพธิ์กัน”
     แล้วต้นน้ำก็ถูกอัฐลากไปวัดโพธิ์แบบงงๆ ท่ามกลางอารมณ์ดราม่าค้างๆ คาๆ
     ระหว่างเดินชมเจดีย์กระเบื้องเคลือบภายในวัดต้นน้ำจึงหน้ามุ่ย อัฐถือขวดน้ำเย็นแนบแก้มของต้นน้ำเล่นจึงโดนต้นน้ำงอนเพิ่มไปอีกกระทง คนขี้แกล้งหัวเราะร่าก่อนจะยื่นน้ำให้
     “ให้ตายเหอะ! ไม่ยักรู้มาก่อนว่านายขี้แกล้งแบบนี้”
     “นั่นสิ”
     อัฐยิ้มให้ต้นน้ำอย่างอ่อนโยนแล้วยกน้ำขวดของตัวเองขึ้นดื่ม
     “ถ้านายตายไปก่อนคงไม่มีวันรู้ แล้วตอนนี้นายดีใจรึเปล่าที่รู้ว่าเราขี้แกล้ง?”
     สายตาของอัฐมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าคำพูด ต้นน้ำยกน้ำขึ้นดื่มบ้างแต่กลับน้ำตาไหล
     “ดีใจมั้ยที่ยังมีชีวิตอยู่?”
     “อื้อ!”
     อัฐยิ้มแล้วถือโอกาสเอามือเปียกๆ มาโยกหัวต้นน้ำเป็นการเช็ดไปในตัวแบบเนียนๆ เขาถือโอกาสพูดต่อ
     “คนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ นายไม่ต้องรีบหรอก ของแบบนี้เดี๋ยวถึงเวลาก็ไปเอง สู้เอาชีวิตที่มีมาทำเรื่องที่เราอยากทำสนุกให้เต็มที่ดีกว่า”
     สายลมโชยพัดผ่านทิ้งความสดชื่นไว้ในใจของคนทั้งคู่ ต้นน้ำรู้สึกดีกับร่มไม้ที่ปกป้องเขาจากแสงแดด ความสงบในวัดช่วยชำระล้างความมัวหมองในจิตใจ
     “ขอบคุณนะอัฐ”
     “ขอบคุณทำไม เราไม่ได้ทำอะไร”
     “อย่างน้อยนายก็ไม่คาดคั้นเรา”
     “ถ้าต้นมีอะไรอยากพูดเดี๋ยวนายก็พูดออกมาเองแหละ”
     “ทำไมนายถึงได้ดีกับเราแบบนี้เหรออัฐ?”
     “นั่นดิ...”
     อัฐหันมายิ้มกวนๆ ให้ต้นน้ำ
     “นายรู้เปล่า พิสุทธิจักรนี่ไม่ใช่นามสกุลตานายนะ มันเป็นนามสกุลของยายนาย”
     “เอ๋?”
     การเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของอัฐทำเอาต้นน้ำเงิบอีกรอบ แต่อัฐก็ยังพูดต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะตามทันหรือไม่
     “ไม่รู้ล่ะสิว่าตาแท้ๆ ของตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพลชื่อดัง”
     “เอ่อ...”
     “คนสมัยก่อนมีเมียหลายคนน่ะ มีลูกเยอะด้วย พอยายทวดของนายตาย ตาทวดนายก็มีเมียใหม่ มีลูกหลายคนเลย ลูกสาวคนเล็กอายุสี่สิบกว่าเอง”
     “เอ่อ... แล้ว...”
     ต้นน้ำสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาชักงงกับเพื่อนคนนี้แล้ว ปัญหาชีวิตของเขามันเกี่ยวอะไรกับทวดและตายายที่ไม่รู้จักเล่า!
     “นายรู้ป่าวทำไมเราถึงยังไม่มีแฟน”
     หัวข้อที่เปลี่ยนไปอีกครั้งชวนให้ต้นน้ำหันมามองใบหน้าของอัฐชัดๆ สายตาของต้นน้ำสื่อความสงสัยแทนคำพูด
     “เรารอเจอคนที่ใช่ เรายังไม่เจอใครที่ทำให้เราอยากทุ่มเทชีวิตเพื่อเขาคนเดียว แต่ถ้าเราเจอ เราคงทำทุกอย่างเพื่อให้เขารักเรา”
     “แล้วถ้าเขาไม่รักนายล่ะ?”
     “ถ้าเราพยายามเต็มที่แล้วมันก็ช่วยไม่ได้ เราอาจจะเสียใจนะ แต่สักวันมันก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรติดค้างเพราะเราทำดีที่สุดแล้ว”
     “พูดเหมือนพระเอกนิยายเลยเนอะ”
     ต้นน้ำยิ้มเศร้าๆ เพราะสมเพชตัวเอง
     “ใครบอก พระเอกต้องพูดว่า ‘ขอแค่เธอคนนั้นมีความสุขผมก็พอใจแล้ว’ หรอก”
     “อ้าว?”
     “เราเป็นมนุษย์ธรรมดานะต้น เราไม่จดจ่ออยู่กับคนๆ เดียวที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเราหรอก หาใหม่สิ มันต้องมีสักคนที่ใช่แหละ”
     “เรานึกว่านายจะเป็นพวกหนักแน่นซะอีก!”
     “ก็หนักแน่นนะ ถ้าเจอคนที่ใช่ ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำส่ายหัวน้อยๆ ปลงกับความกริบของเพื่อนคนนี้ เขาถอนหายใจระบายความอัดอั้นออกมาแล้วถาม
     “พูดเหมือนนายรู้เลยนะว่าเราเลิกกับแฟนแล้ว”
     “จริงดิ?”
     “อืม”
     “เราไม่รู้หรอก แต่เดาเอาว่านายน่าจะมีปัญหากับแฟน เห็นซึมๆ ไป”
     “นายอยากรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
     “แล้วต้นอยากเล่ารึเปล่าล่ะ?”
     “อื้ม ถึงขั้นนี้แล้วนี่”
     แล้วเรื่องทั้งหมดก็พรั่งพรูออกจากปากของต้นน้ำ แต่น่าแปลกที่เขาในวันนี้กลับพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างสบายใจ ต้นน้ำเล่าไปโดยมีอัฐคอยฟังอยู่ข้างๆ คนฟังคอยพยักหน้าไม่ขัดคนเล่า จนกระทั่งต้นน้ำเล่าจบ อัฐก็พูดขึ้น
     “ดีแล้วที่นายไม่เป็นอะไร”
     “อืม ... กลัวแทบแย่แน่ะ ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นโรคอะไร”
     “กลัวเป็นโรคแต่ไม่กลัวตายเนี่ยนะต้น เฮ้อ...”
     “นายไม่เข้าใจหรอก! ก็ตอนนั้นมัน ...”
     “อืมๆ ทะเลาะกับแฟน เลยคิดมาก เอาเหอะก็สมกับเป็นนายดี”
     “สมกับเป็นเรา? ยังไง?”
     “จอมดราม่าของภาคไง ฮ่ะๆ”
     “บ้า! อัฐนี่ ให้ตายเหอะ!”
     ต้นน้ำแหวใส่อัฐ ผู้ชายคนนี้พูดว่าเขาชอบสร้างปัญหาหน้าตาเฉย แต่หลายๆ ครั้งก็กระโดดเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้เขาอยู่ร่ำไป
     “อัฐ ... นาย ... คิดยังไงกับเราเหรอ?”
     “หือ? ยังไง?”
     “ก็แบบ... เรื่องที่เราชอบผู้ชาย เป็นเกย์ ถูกข่มขืน”
     ต้นน้ำยังพูดไม่จบแต่อัฐก็ขัดขึ้น
     “เฮ้ย! ยังไม่ใช่เหรอ”
     “เราไม่รู้ แม็กซ์อาจจะพูดปลอบใจเราก็ได้ ตอนนั้นยามันทำให้เราเบลอไปหมด จำอะไรไม่ค่อยได้หรอก! เขาอาจจะโกหกเราก็ได้”
     “คนอื่นคงไม่ชอบโกหกเหมือนนายหรอกมั้ง?”
     “เออๆ นั่นแหละ”
     ต้นน้ำหัวเสียกับคำเย้า
     “เป็นเกย์ ถูกทำมิดีมิร้าย ฆ่าตัวตาย บอกเลิกแฟน ถูกเพื่อนสนิทโกรธ แถมนิสัยก็ไม่ดี ทำให้ครอบครัวขายหน้า นายว่าคนอย่างเราสมควรอยู่บนโลกนี้ต่อมั้ย?”
     “ไม่มีใครที่ไม่สมควรมีชีวิตหรอกต้น อุตส่าห์เกิดมาแล้วก็ต้องสู้กันไป”
     “แล้วทำยังไงเราถึงจะอยู่อย่างมีความสุขได้ล่ะ นายช่วยบอกทีสิ”
     “อันนั้นก็ต้องดูว่าความสุขของนายคืออะไร หรือนายจะเริ่มจากการดับทุกข์ที่มีอยู่ก่อนก็ดีนะ นายยังกังวลเรื่องอะไรอีกบ้างล่ะ?”
     “มีตั้งเยอะ”
     ต้นน้ำกังวลทั้งเรื่องข่าวลือในมหาวิทยาลัย เรื่องพ่อ เรื่องของแม็กซ์ และที่สำคัญคนที่เขาคงไม่มีวันลืม สิ่งที่เขากังวลมีมากมายเหลือเกิน ... แววตาของต้นน้ำหม่นแสงลงเข้าโหมดดราม่า อัฐจึงขำ
     “อืม... เยอะจริงๆ ด้วย”
     อัฐพูดพร้อมกับใช้สายตาจ้องไปยังต้นน้ำตรงๆ ต้นน้ำจึงนิ่วหน้า
     “อย่ามาว่าเรานะ!”
     “ฮ่าๆ”
     อัฐหัวเราะร่า
     “งั้นก็ไล่เป็นเรื่องๆ ดีมั้ย แก้ปัญหาไปทีละเรื่อง ไม่สร้างเพิ่ม ซักวันมันก็หมด”
     อัฐยิ้มให้ต้นน้ำก่อนจะพูดต่อ
     “ถึงต้นจะเป็นเกย์ แต่ก็เป็นคนน่ารักนะ รู้ตัวป่ะว่าตาสวย ฮะๆ”
     อัฐชมขำๆ เล่นเอาต้นน้ำหน้าแดงเขินหน่อยๆ แล้วพระประจำรุ่นก็พูดต่อ
     “นายไม่ได้นิสัยไม่ดีนะต้น เราว่านายเป็นคนน่ารักนะ ถึงจะโลกส่วนตัวสูงเพราะมีความลับเยอะไปหน่อย แต่ก็เผื่อแผ่กับเพื่อนๆ นายคอยช่วยเข็นไอ้พวกนั้นเสมอทั้งๆ ที่นายจะไม่ทำก็ได้ แต่นายปากร้ายไปนิด ได้ฟังแล้วก็เข้าใจแหละว่าปมนายเยอะ บางทีนายก็ใจร้อนไปนะ ใครสะกิดโดนไม่ได้เลย บางครั้งนายทำเป็นไม่สนใจแต่สีหน้านายมันแสดงออกหมด เราว่านายน่าจะลองนั่งสมาธิดูนะ มันช่วยให้นายใจเย็นได้จริงๆ”
     “เราว่าเราใจเย็นแล้วนะ”
     “เย็นชาแต่พร้อมติดไฟอะดิ”
     อัฐว่าพลางหันมาดีดหน้าผากต้นน้ำเบาๆ จนคนคิดว่าตัวเองใจเย็นได้แต่อ้าปากค้างแบบเหวอๆ
     “เรารู้สึกว่านายเก็บกดเกินไป เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยๆ ไปซะบ้าง คิดซะว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
     เพราะเถียงไม่ออกต้นน้ำเลยได้แต่หน้ามุ่ย
     “นายมีข้อเสียมากก็จริง แต่ข้อดีก็มีอีกเยอะ มีคนรักนายเพียบ ไม่ต้องกังวลหรอก มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดนั่นแหละ”
     “เรารู้ ... แต่บางทีมันก็...”
     “หวั่นไหว? ฮะๆ นายต้องลองฝึกสมาธิจริงๆ นะต้น จะได้ตามใจตัวเองทัน พอรู้เท่าทันจิตใจของตัวเองแล้วก็จะได้มีสติมากขึ้น”
     ถึงจะฟังแล้วเริ่มคล้อยตามแต่ต้นน้ำก็อดเบ้ปากใส่อัฐไม่ได้ เขาพูดขำๆ ว่า
     “ฟังแล้วอย่างกับพวกขายตรงแน่ะ นายตื้อซะ ... เฮ้อ!”
     “แล้วจะซื้อมั้ยล่ะ แพ็คเก็จชวนไปเข้าวัดนั่งสมาธิ แถมกูรูหนึ่งคนคอยดูแลมือใหม่ให้”
     “บ้า!”
     ต้นน้ำอมยิ้มขำๆ อัฐมองภาพนั้นแล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจ
     “อยากไปไหนต่อมั้ย?”
     อัฐถามขึ้นเรียบๆ ต้นน้ำจึงหันมากระพริบตาใส่ด้วยความสงสัย
     “ก็คิดว่านายคงสบายใจขึ้น ไม่จำเป็นต้องเอาวัดเข้าข่มแล้วล่ะ นายคงไม่วีนใส่เราแล้ว เลยว่าจะพาไปเที่ยวต่อ”
     ต้นน้ำอ้าปากค้างมองคนข้างๆ
     “นี่นายเกรียนขนาดนี้เชียวเหรออัฐ?”
     แต่คนข้างๆ กลับหันมายักคิ้วกวนๆ ส่งให้ ต้นน้ำเลยได้แต่ขำปนหมั่นไส้พลางเม้มปากอย่างขัดใจ ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าสีหน้าของตนมีความร่าเริงฉายชัดอยู่เต็มเปี่ยม
     “สบายใจขึ้นยัง? ยิ้มได้แล้วนี่”
     คนถามเอ่ยพลางแกล้งจิ้มแก้มใสๆ ของคนแอบอมยิ้ม ต้นน้ำปัดมือของอัฐแบบไม่จริงจังแล้วตีเข้าที่ไหล่ก่อนจะพูดต่อ เขารู้สึกดีกับการหยอกล้อของเพื่อนคนนี้
     “อื้ม ... ความจริงเราก็คิดได้มาตั้งนานแล้วนะ แต่เรามัวแต่กลัวอยู่แม้แต่เรื่องแฟนเรา บางทีต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ก็อาจต้องเลิกกันอยู่แล้ว อย่างที่นายพูดแหละอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาอาจจะไม่ใช่คู่ของเราก็ได้ ...”
     สีหน้าของต้นน้ำปรากฏร่องรอยเหงาๆ ขึ้นชั่วขณะก่อนที่เจ้าตัวจะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ
     “เพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจก็เลยคิดมาก อยากเป็นของเขาคนเดียว จะได้ดูมีคุณค่าในสายตาเขา เรานี่บ้าชะมัดเลย ...”
     “ก็เพราะนายบ้าได้น่ารักแบบนี้ละมั้ง คนถึงได้รัก นายเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิสเหรอต้น ฮ่ะๆ”
     “บ้า! ไม่ถึงขนาดนั้น ... บางทีเรายึดติดกับเขามากอาจจะเพราะเรากลัวไม่มีใครรักละมั้ง บางทีที่เราเป็นแบบนี้ก็เพราะเราอยากได้ยินคำว่ารักจากคนอื่นอยู่ก็ได้ ขอบคุณที่ทำให้เรามั่นใจนะอัฐ”
     “รักตัวเองเป็นแล้วนี่ ถ้าไปป์มันรู้คงดีใจนะ”
     พอพูดถึงไปป์ต้นน้ำก็หน้าหมองลงทันที อัฐเองก็เอาแต่ยิ้ม
     “เราทำผิดกับไปป์มาก...”
     “แล้วนายจะเอายังไงต่อ”
     “ก็คงต้องง้อจนกว่าไปป์จะหายโกรธแหละ ไปป์เปลี่ยนไปก็เพราะเรา”
     “เวลาที่เราเห็นคนที่เรารักไม่ร่าเริงเหมือนเก่านี่มันทรมานเนอะ ทุกข์ของคนอื่นแท้ๆ แต่ก็เต็มใจทรมานเพราะคำว่ารักคำเดียว”
     ได้ฟังแล้วต้นน้ำก็หันมายิ้มสดใสให้อัฐ
     “นั่นสิ ขอบคุณที่รักเรานะ”
     อัฐเองก็ยิ้มตอบให้ต้นน้ำอย่างเอ็นดู ต้นน้ำที่ได้ทีจึงรีบพูดต่อ
     “งั้น... ช่วยพาเราไปเที่ยวต่อหน่อยสิ เลี้ยงข้าวเย็นเราด้วยได้เปล่า? ไปไหนต่อดีอ่ะ?”
     “เยอะนะต้น”
     “ก็ ... ไหนๆ ก็ไหนๆ”
     “งั้นไปเดินเล่นสะพานพุทธกันมั้ย”
     “แต่มันอีกตั้งนานนะ”
     “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพาเดินเที่ยวแถวนั้นไปพลางๆ เดินเล่นรอซักพักก็มืด เดินไหวป่าว?”
     “เอ้า! เอาก็เอา!”

     เวลาสามทุ่ม ต้นน้ำและอัฐยืนมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน สีหน้าของอัฐราบเรียบแต่คงรอยยิ้มละไมไว้ที่มุมปากเหมือนดังปกติ ต้นน้ำคิดว่าการที่อัฐได้ฉายาพระนอนคงเหมาะสมแล้ว นอกจากเรื่องที่ชอบนั่งหลับแล้วสีหน้าและแววตาของอัฐทำให้ต้นน้ำนึกถึงพระพุทธรูป บางทีอัฐก็ทำตัวเหมือนพระมาโปรดสัตว์พวกทโมนอย่างเขา ทั้งๆ ที่อัฐดื่มเหล้าแต่กลับพูดจามีเหตุผลคอยเตือนสติคนอื่น การได้ใช้เวลากับอัฐวันนี้ทำให้ต้นน้ำรู้สึกเลื่อมใสเพื่อนคนนี้อย่างน่าประหลาด
     ในที่สุดต้นน้ำก็ทนไม่ไหว
     “อัฐ”
     ต้นน้ำลองส่งเสียงออกไป อัฐเลยหันหน้ามามอง เขารอฟังคำของต้นน้ำอยู่แต่ต้นน้ำกลับลังเล
     “เอ่อ...”
     ต้นน้ำสับสน แต่อัฐก็ยังอดทนรอ ท้ายที่สุดต้นน้ำก็ตัดสินใจได้ เขาต้องถามให้แน่ชัด
     “ที่นายพูดเรื่องทวด เรื่องยายเราเมื่อเย็นนี้อ่ะ นายพูดเหมือนนายรู้จักตาเราเลย นาย...”
     ต้นน้ำอยากจะถาม เขาไม่รู้จักตาของตัวเองเพราะคำบอกเล่าจากสายธารว่าคุณยายของเขาเสียไปนานแล้ว และต้นน้ำไม่มีคุณตา สายธารห้ามไม่ให้เขาถาม เขาจึงไม่เคยนึกสงสัย ก็ในเมื่อเขาเองยังไม่มีพ่อแล้วแม่ของเขาจะเหมือนกันบ้างจะเป็นไรไป
     แต่ต้นน้ำเริ่มประโยคไม่ถูก และอัฐเองก็เอาแต่เงียบ
     “ทำไมอยู่ๆ นายถึงพูดแบบนั้นอ่ะ นายรู้จักตายายของเราเหรอ?”
     “อยากรู้เหรอ?”
     “อื้ม!”
     “ถ้าอยากรู้ก็ไปกับเราสิ ปิดเทอมนี้กลับบ้านกับเราๆ จะพานายไปหาแม่”
     “เฮ้ย! บ้า!”
     “ไม่บ้า เราพูดจริง เราอยากพานายไปบ้านมาตั้งนานแล้วแต่ไม่สบโอกาสชวนซักที ไปกับเรานะต้น”
     “ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะ นายยังไม่ยอมบอกเราเลย”
     “ดื้ออีกแล้ว นายมันน่าจับไปอยู่วัดให้หลวงพ่อดัดนิสัยให้เข็ดจริงๆ”
     อัฐอมยิ้มขำๆ แต่แล้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขารู้ดีว่าถ้าไม่ให้เหยื่อตัวโตๆ ปลาจะไม่ฮุบเบ็ด
     “เรารู้จักนามสกุลของนายน่ะ”
     “พูดจริงเหรอ?”
     หัวใจของต้นน้ำเต้นรัว
     “หึๆ ไปมั้ย?”
     “ไป!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นจะซื่อไปมั้ย? เชื่อคนง่ายไปรึเปล่า? นายอัฐล่อลวงต้นน้ำไปหาแม่ตัวเองแล้วเรียบร้อย!

บทนี้ตั้งใจเขียนมาก เป็นบทสนทนาปราบเซียนของเราเลย มันไม่ใช่แค่คิดประโยคสวยๆ แล้วยัดใส่ปากตัวละคร มันต้องดูจังหวะ ฟีลลิ่งและอื่นๆ โดยเฉพาะคาแรคเตอร์พ่อหนุ่มกริบคนนี้ อัฐเขียนยากมากกกกก
ทีนี้ก็คงไม่มีใครมาหาว่านิยายเขาไร้ศีลธรรมแล้วนะ มันเจ็บจริงๆ นะคำปรามาสที่บอกว่าเราแต่งนิยายแย่เพราะตัวละครไม่ได้รับผลกรรม คนอ่านบางคนอาจจะมองแค่กรรมเฉพาะหน้า แต่คนแต่งนิยายอย่างเราลึกซึ้งกว่านั้นหลายเท่าเพราะเรามองไกลกว่านั้นมาก
 :mew6:  ปาดน้ำตา

ใครที่ชอบอิมเมจของพี่รุกข์คงจะชอบหนุ่มคนนี้ หมอนี่ไม่ค่อยเด่นมากแต่จะโผล่มาอยู่เคียงข้างต้นน้ำตลอดเวลา แต่จะไม่ใช่แนวหน้าคอยออกตัวปกป้องต้นน้ำแบบหนุ่มแม็กซ์ ตาคนนี้จะแนวกริบกว่า มาแบบนุ่มๆ นิ่งๆ ถ้าคาใจต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่นะว่าเขาออกมาฉากไหนบ้าง ฮ่าๆ

ไปป์คือคนที่ทำให้ต้นน้ำฉุกคิดรู้จักรักตัวเองและรักคนอื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่คนที่จะสอนให้ต้นน้ำคิดได้ คนที่จะให้กำลังใจต้นน้ำ คนที่จะทำให้ต้นน้ำเชื่อฟัง(ไอดอล) มันต้องเฉลี่ยบท อิๆ
มาดูกันเถอะว่าต้นน้ำจะรับมือกับบรรดาหนุ่มในฮาเรมยังไง ช่างเป็นนิยายวายที่เน้นความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนจริงๆ เลย ไฟโชเน็นเร่าร้อนเชียวแหละ!
** ขออภัยที่ "ฮาเรม" ที่ว่าไม่ใช่แนวมะรุมมะตุ้มรุมรักเคะ เหอๆ

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
อัฐน่ารักจัง พูดให้คนอื่นสบายใจได้แบบน่ารักกวนๆดีอะ
มีปริศนาเพิ่มแล้ว นายอัฐเกี่ยวข้องอะไรกับต้นน้าา

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ธันย์แปลกใจ ห้าทุ่มแล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีใครมีธุระกับเขาอีก ในใจธันย์ไพล่คิดไปถึงใครคนหนึ่ง แต่แล้วเขาก็สะบัดหัวไล่ความคิดเมื่อเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง ธันย์เดินไปเปิดประตูพลางพึมพำกับตัวเอง
     “ไม่ใช่มั้ง...”
     แต่แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ธันย์ถอนหายใจ
     ‘ใช่จริงๆ ด้วย’ ธันย์บอกกับตัวเองในใจแล้วหันหลังเดินมานั่งบนเตียง
     ต้นน้ำลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเข้ามาในห้องด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เขาเดินมานั่งข้างๆ ธันย์ ต้นน้ำมองหน้าธันย์ด้วยแววตาหลากอารมณ์ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เกิดอาการอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดได้แต่เม้มปากแน่น
     “มีอะไร มาดึกๆ ดื่นๆ”
     “ต้นขอโทษ”
     ต้นน้ำรีบขอโทษแต่พอคิดจะพูดก็ติดขัดอีกครั้ง
     “คือ ... เอ่อ... ต้น ... คือ”
     ธันย์นั่งฟังต้นน้ำอึกอักจนรำคาญ
     “มีอะไรก็พูดมา พรุ่งนี้พี่เข้ากะเช้า ไม่มีเวลาทั้งคืน”
     “พรุ่งนี้พี่ธันย์ต้องไปทำงานเหรอ?”
     “เออ”
     “พี่ธันย์อยากได้เงินมั้ย?”
     ลางสังหรณ์แปลกๆ ทำให้ธันย์มองหน้าต้นน้ำแบบไม่ไว้ใจ เรื่องราวของคนตรงหน้ายุ่งเหยิงจนธันย์ได้ยินแล้วปวดหัวตาม แม้จะแอบยินดีที่ต้นน้ำเหมือนไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ธันย์ไม่เชื่อว่าต้นน้ำจะปกติแล้วจริงๆ ธันย์รู้จักต้นน้ำดีพอๆ กับที่รู้จักตัวเอง
     เพราะสายตาดุๆ ของธันย์ ต้นน้ำจึงอ้ำอึ้งมากกว่าเดิม
     “คือ ... ต้นหมายถึงต้นอยากให้พี่ธันย์ช่วยต้นอย่างนึง แต่ต้นไม่บังคับให้พี่ธันย์ทำฟรีๆ นะ ต้นจะจ้างพี่ธันย์”
     ยิ่งพูดก็ดูยิ่งสับสน ธันย์รู้ดีว่าเด็กคนนี้นำปัญหามาให้เขาอีกแล้ว ตัวเองยังไม่แน่ใจแต่กลับตัดสินใจเสี่ยงโยนปัญหามาให้คนอื่นสะสาง ธันย์ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเรื่องที่ต้นน้ำอยากให้เขาช่วยคงมีไม่กี่เรื่อง ยิ่งถึงขนาดต้อง“จ้าง”เขาแล้วมันคงไม่ใช่เรื่องดี
     “ทำไมต้องเป็นพี่?”
     “เอ๋!”
     ต้นน้ำที่กำลังสับสนเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
     “คือ... คือ ก็ต้นไม่รู้จะไปขอร้องให้ใครช่วย ต้น... ต้นคิดว่าเป็นพี่ธันย์น่าจะดีที่สุด”
     ต้นน้ำละลักละล่ำตอบ
     “แล้วอยากให้พี่ช่วยอะไร?”
     สายตาที่มองตรงมากับคำถามที่ตรงประเด็นกดดันจนต้นน้ำกลัว เขาปอดแหกไม่กล้าเอ่ยคำตอบได้แต่นั่งกังวลทำท่าอึกอักอ้าปากแต่แล้วก็เปลี่ยนใจนั่งนิ่งจนธันย์นึกรำคาญ ยิ่งมองใบหน้าที่เคร่งเครียดจนคิ้วแทบจะผูกโบว์แล้วธันย์ก็ยิ่งหงุดหงิด
     “ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว”
     เพราะถูกไล่อารามตกใจต้นน้ำจึงหลุดคำพูดออกไปได้ในที่สุด
     “เดี๋ยวสิพี่ธันย์! ต้นอยากนอนกับพี่ธันย์!”
     สีหน้าของธันย์ยังคงสงบราบเรียบทั้งๆ ที่ภายในใจเขาร้อนราวกับไฟ! ต้นน้ำจึงไม่ทันสังเกตเห็น เขาจดจ่ออยู่แต่เรื่องของตัวเอง เครียดจนลืมนึกถึงคนฟัง! แต่เมื่อพูดไปแล้วต้นน้ำก็กัดฟันข่มความอายพูดต่อ
     “พี่ธันย์ทำกับใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ งั้นก็ทำกับต้นทีสิ แต่พี่ธันย์ไม่ต้องห่วงนะ ต้นไม่ได้เป็นอะไร คือ ... ต้นหมายถึงต้นปลอดภัย”
     ยิ่งฟังธันย์ก็ยิ่งอยากตบกะโหลกเด็กซื่อบื้อสักทีสองที! ต้นน้ำเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้มาขอนอนกับเขา! ธันย์โกรธจนแทบบ้า! แต่แล้วเขาก็ข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ ดูท่าต้นน้ำคงห่างมือเขาไปนาน โดนเสียมั่งก็ดี!
     “จะเอาแบบไหน?”
     ธันย์ถามพร้อมกับลุกขึ้นไปใส่เสื้อยืด
     ต้นน้ำที่กำลังก้มหน้าด้วยความสับสนจึงตามไม่ทัน เขาทั้งประหม่าทั้งขลาดกลัว ลังเลและทิฐิจนความรู้สึกตีกันวุ่นวาย
     “พี่ถามว่าเราจะทำหรือให้พี่ทำ?”
     “เอ่อ... แบบ... แบบไหนก็ได้แล้วแต่พี่ธันย์ คือต้น...
     ใจจริงต้นน้ำอายที่จะบอกว่าเขาทำไม่เป็น เขาเคยชินกับการถูกสอดใส่ เขาชอบความรู้สึกยามถูกกอดและไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายทำเสียเอง เขารับไม่ได้ถ้าต้อง... ต้นน้ำสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเอง
     “อ๊ะ! แล้วพี่ธันย์จะไปไหนครับ?”
     “ไปซื้อถุงยาง”
     ธันย์ตอบสั้นๆ พร้อมกับเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมามองคนบนเตียง
     ต้นน้ำไม่รู้เลยว่าตัวเองหน้าซีดเผือด เขาอ้าปากหายใจแรงก่อนจะกลืนน้ำลาย ต้นน้ำนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่แต่แล้วก็เกิดกลัวขึ้นมาจนแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ เขาลังเลสองจิตสองใจพึมพำให้กำลังใจตัวเอง
     “เป็นพี่ธันย์น่ะดีแล้ว พี่ธันย์ทำกับใครก็ได้ ทำๆ ให้มันจบไปเราจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นอีก ยังไงก็เสียไปแล้วจะเพิ่มอีกคนก็ไม่เห็นเป็นไร แล้วพี่ธันย์ก็ดีกับเรามากๆ ด้วย เป็นพี่ธันย์แหละดีที่สุด พี่ธันย์จะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ซักวันเราจะลืมพี่ชัช เราต้องเลิกยึดติดกับพี่ชัช เรา...
     ต้นน้ำพยายามสะกดจิตตัวเองแต่แล้วก็สติแตก เขาผลุนผลันลุกขึ้นอยากหนีกลับบ้าน ต้นน้ำคว้ากระเป๋าเดินไปที่ประตูมือจับลูกบิดเตรียมพร้อมแต่แล้วก็ลังเลทรุดตัวนั่งพิงประตู
     “ต้องทำได้สิต้องทำได้ เราต้องลืมพี่ชัช!”
     ต้นน้ำนั่งกอดเข่าซุกหน้าลงบนท่อนแขนพลางสะกดจิตตัวเอง น้ำตาของเขาไหลออกมาเรื่อยๆ แต่ต้นน้ำก็ไม่สนใจจะเช็ด เขาคิดง่ายๆ ว่าถ้าตนกล้านอนกับคนอื่นอีกหน่อยการจะเปิดใจมองใครก็คงทำได้ไม่ยาก ใครก็ได้ที่ไม่ใช่แม็กซ์ เขาไม่อยากถูกคนอื่นตราหน้าว่าแอบกิ๊กกับแม็กซ์ลับหลังแฟน! ต้นน้ำตั้งใจจะเลิกยึดติดกับชัยชัชแล้วมีใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางใจหรือเฉพาะเพียงร่างกายเขาก็พร้อมจะลอง
     การทุ่มเทหัวใจให้กับคนๆ เดียวโดยไม่เผื่อใจช่างเจ็บปวด ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์อย่างที่ลุงของเขาเคยพูดไว้ ถึงชัยชัชจะไม่ใช่เกย์เป็นผู้ชายปกติแต่ผู้ชายกับผู้ชายอย่างไรก็ไม่มีวันเป็นไปได้ เขาอาจจะหาแฟนใหม่ที่เป็นเกย์จริงๆ แต่ถ้าเขาจะมีแฟนแบบนั้นเขาก็ต้องเผื่อใจยอมรับความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย อย่างน้อยเขาก็ต้องนอนกับใครก็ได้โดยไม่สนใจเรื่องของความรู้สึก!
     ต้นน้ำคิดอะไรไปเรื่อยโดยไม่รู้เลยว่าทุกลมหายใจของตัวเองมีแต่“ชัยชัช” แต่ในที่สุดเวลาฟุ้งซ่านของต้นน้ำก็หมดลงเมื่อธันย์กลับมาถึง ธันย์กลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วทักขึ้น
     “อ้าว? ไม่อาบน้ำล่ะ”
     “ครับ?”
     ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมองธันย์ทั้งน้ำตา ธันย์เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดกับความซื่อบื้อของเด็กดื้อบางคน เขาพยายามข่มความโมโหเอาไว้แล้วตอบ
     “จะให้พี่เอาไม่ใช่เหรอ? หรือต้นชอบแบบเลอะๆ”
     “เปล่าๆ ต้น...”
     ต้นน้ำรีบปฏิเสธแต่พอเห็นธันย์หยิบกล่องถุงยางกับหลอดเจลหล่อลื่นออกมาโยนไว้บนเตียงก็หน้าซีดแล้วเงียบทันที ธันย์เห็นแล้วก็แอบยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวโยนใส่หน้าต้นน้ำ
     “ทำเองเป็นนะ พี่คงไม่ต้องสอน”
     ธันย์พูดพลางมองท่าทางคล้ายคนจะเป็นลมของต้นน้ำอย่างสะใจภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
     ต้นน้ำมัวแต่กังวลไม่ทันสังเกต เขารับคำปากสั่นจนเสียงตอบเบาหวิวแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างไร้เรี่ยวแรงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
     ท่ามกลางความเงียบที่กินเวลาเนิ่นนาน ต้นน้ำหายเข้าห้องน้ำร่วมสิบนาทีแล้ว ธันย์จึงเคาะประตูเร่ง ใบหน้าของธันย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ขัดกับเสียงดุๆ
     “เฮ่ย! พี่ไม่มีเวลาทั้งคืนนะ เร็วๆ”
     อีกสิบนาทีให้หลังต้นน้ำก็เดินออกมาในชุดเดิม ชุดนักศึกษาที่ชายเสื้อถูกปล่อยออกมานอกกางเกงมีคราบน้ำเปียกเป็นดวง ขาสองข้างของต้นน้ำหนักอึ้งแต่เขาฝืนใจลากตัวเองออกมาจนได้
     “เอ้า ไม่ถอดเสื้อผ้าล่ะ?”
     ธันย์ที่เหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ
     “คือต้น...”
     ต้นน้ำพูดไม่ออกเขาไม่รู้ว่าตนอยากบอกอะไรธันย์
     “เออช่างเหอะ พวกที่ชอบแบบค่อยๆ ถอดก็มี”
     ชั่วขณะหนึ่งต้นน้ำอยากยุติ เขาอยากกลับบ้าน! แต่ธันย์ก็เดินเข้ามาพอดี พี่ธันย์ของเขาจูงเขาไปนั่งที่เตียงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวไปแขวนให้ และแล้วต้นน้ำก็สติแตก เขากลืนความกลัวลงคอ!
     “ชอบแบบไหนเป็นพิเศษป่าว? อยากให้พี่ทำอะไร?”
     เสียงธันย์ถามขึ้นเรียบๆ ไม่มีรอยยิ้มเอาใจอยู่บนใบหน้า แต่ต้นน้ำกลับนึกถึงเสียงขี้เล่นที่เคยสอนให้เขาบอกความต้องการของตนเอง ธันย์ประคองต้นน้ำลงนอนราบกับเตียงต้นน้ำจึงได้สติ เขากระพริบตาแล้วตอบธันย์เสียงสั่น
     “ไม่มีครับ ต้นแล้วแต่พี่ธันย์”
     ธันย์มองอาการของเด็กซื่อบื้อแล้วก็ขำ เขาก้มลง“ทำงาน”โดยเริ่มจากไซ้คอ ต้นน้ำตกใจและขลาดกลัวกับสัมผัสของคนอื่นจนหลับตาปี๋! เขาเผลอนึกถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่ผ่านมา ภาพความโหดร้ายทารุณฉายซ้ำวนเวียนอยู่ในหัว
     เพราะจิตใจต่อต้านร่างกายจึงเกิดปฏิกิริยา ตัวของต้นน้ำเกร็งโดยอัตโนมัติ เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอขยับหลบสัมผัสของธันย์ ความคิดยุ่งเหยิงในหัวตีกันสับสนจนต้นน้ำไม่ว่างไปใส่ใจธันย์ และนั่นทำให้เขาไม่เห็นว่าธันย์ลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
     ประสบการณ์ที่ช่ำชองส่งผลให้นิ้วของธันย์ทำงานอย่างคล่องแคล่ว เขาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของต้นน้ำได้โดยง่าย มือของธันย์เฉียดผ่านสร้างความร้อนบนผิวเนื้ออย่างเป็นธรรมชาติ แต่ลีลาเล้าโลมอย่างสุภาพไร้จังหวะตะกรุมตะกรามไม่ได้ช่วยให้ต้นน้ำผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเมื่อธันย์แบะเสื้อออกแล้วล้วงเข้าไปสัมผัสยอดอกต้นน้ำก็ถึงกับผวา!
     ธันย์หลุดขำเบาๆ แต่ก็แกล้งทำหน้าดุตามเดิม เขาจ้องตาต้นน้ำด้วยมาดนิ่งตามปกติ
     “เป็นไรอีก?”
     “ปะเปล่า... ต้น... ต้นจั๊กจี้เฉยๆ คือ...
     “นอนเฉยๆ ไป อย่าเรื่องมาก”
     ธันย์ผลักต้นน้ำนอนลงตามเดิมแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมก่อนจะครอบปากลงไปที่จุดเดิม เท่านั้นแหละต้นน้ำร้องลั่น!
     “พอก่อนพี่ธันย์! คือต้น... ต้น ... ไม่เอาเล้าโลมได้มั้ย ต้น...”
     ต้นน้ำเอ่ยความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก เขาก็ไม่เชิงว่ากลัว ไม่ได้รังเกียจ แต่เขารับไม่ได้ เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมเขารู้สึกผิด แต่เขาไม่อยากทำแบบนี้กับคนอื่น!
     “เอาก็เอา ไงก็ตามใจลูกค้า”
     ธันย์กล่าวเรียบๆ พลางเอื้อมมือไปปลดตะขอกางเกงของต้นน้ำ
     “แล้วต้นไหวแน่นะ”
     ธันย์ถามพร้อมๆ กับจับไปที่เป้า เขาเคลื่อนมือเข้าไปด้านในจนต้นน้ำสะดุ้ง!
     เวลานี้มีเพียงผ้าบางๆ ของกางเกงในเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่กั้นระหว่างมือของธันย์และผิวเนื้อของต้นน้ำ!
     ต้นน้ำเหงื่อแตก! เขาอยากร้องไห้ ต้นน้ำอยากหันหลังหนีไปจากที่ตรงนี้ อยากหยุดทุกอย่าง ล้มเลิก ไม่สานต่อ แต่ทิฐิและอคติที่มีก็คอยยุแยงหัวใจเขา ต้นน้ำนึกถึงคำพูดมักง่ายของชัยชัชที่บอกว่า “ความสัมพันธ์ข้างนอกมันไม่มีอะไร” ใช่สิ! ไหนๆ เขาก็ถูกพวกสารเลวบังคับลวนลามทั้งข้างนอกข้างในขาดแต่การสอดใส่เจ้าสิ่งนั้นเข้ามาในตัวเขาอยู่แล้วนี่!
     เพราะทิฐิที่มีต้นน้ำเขาจึงกัดฟันนิ่งแม้จะน้ำตาไหล ธันย์เห็นดังนั้นจึงล้วงเข้าไปในกางเกงในของต้นน้ำพร้อมกับพรมจูบเรื่อยไปจากข้างแก้มไล่ไปจนถึงหน้าท้อง ธันย์ค่อยๆ เลื่อนต่ำลง ... ต่ำลง มือของธันย์ลูบผ่านไปมาบนเนื้อผ้าเหมือนจงใจแกล้ง ต้นน้ำหายใจทางปากพร้อมกับหลุดเสียงสะอื้นด้วยความกลัว จนในที่สุดธันย์ก็จูบลงตรงนั้น ริมฝีปากร้อนระอุที่แนบลงมาบางครั้งก็ประทับอยู่บนผืนผ้าและบางครั้งก็คลอเคลียอยู่บนผิวของเขา แล้วมือทั้งสองข้างของธันย์ก็สอดเข้ามาตรงขอบก่อนจะดึงกางเกงในลง!
     ต้นน้ำตะโกนลั่นพลางดีดตัวหนีธันย์ทั้งน้ำตา!
     “ไม่! พอก่อนพี่ธันย์ หยุด! ต้นๆ ต้น...”
     ต้นน้ำสะอึกสะอื้นพูดไม่เป็นภาษา
     “ใจเย็นๆ ต้น”
     ธันย์ขยับเข้าไปหาแต่ต้นน้ำกลับกระเถิบหนี
     “ไม่ๆ ต้นไม่ทำแล้ว พี่ธันย์อย่าทำอะไรต้นนะ!”
     ธันย์ยิ้มด้วยความสะใจแล้วเข้าไปใกล้ต้นน้ำ แม้คนขี้ขลาดกลัวจนลนลานแต่ธันย์ก็ไม่ใส่ใจ เขาขยับเข้าประชิดต้นน้ำก่อนจะยกมือขึ้นตบที่ศีรษะของเด็กซื่อบื้ออย่างแรง!
     “ไอ้เด็กซื่อบื้อ! พี่ไม่แข็งจะเอาเราได้ไง”
     แล้วธันย์ก็ยิ้มกว้าง สายตาของธันย์มีแต่ความรักใคร่ส่งให้ต้นน้ำ
     “ไม่มีพี่ชายคนไหนเอาน้องตัวเองลงหรอก”
     เพียงเท่านั้นต้นน้ำก็ปล่อยโฮแล้วพุ่งเข้าไปกอดธันย์อย่างโล่งใจ ธันย์สวมกอดต้นน้ำแล้วลูบหลังปลอบคนขี้แยอยู่นาน...
     
     “หายบ้ายัง?”
     ธันย์ว่าพลางส่งแก้วน้ำให้ ต้นน้ำรับมาดื่มทั้งๆ ที่ยังตาแดงก่ำ
     “อืม”
     “คิดอะไรถึงมาขอนอนกับพี่”
     “ก็คิดว่าถ้ามีอะไรกับคนอื่นแล้วจะลืมแฟนได้ง่ายขึ้น แล้วก็จะได้ลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นด้วย”
     “แล้วลืมได้มั้ย?”
     ต้นน้ำได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
     “คิดอะไรโง่ๆ”
     แม้ปากจะด่าแต่ธันย์กลับเขกหัวต้นน้ำเบาๆ แสดงออกถึงความรัก ต้นน้ำรู้ตัวดีว่าผิดจึงไม่เถียง ธันย์คว้าหมอนมารองหลังแล้วเอนตัวพิงในท่าสบายก่อนจะถามต่อ
     “นอกจากเรื่องนี้แล้วมีอะไรอีกมั่ง?”
     “มี”
     “อะไร?”
     “ตอนที่พวกนั้นทำแบบนั้นกับต้น ต้นขยะแขยงมากเลย มันรังเกียจขนลุกจนอยากจะอ้วก แต่พอเป็นพี่ธันย์ ต้นไม่ได้ขยะแขยงแบบนั้น ต้นแค่รู้สึกว่าไม่ได้ ไม่อยากมีอะไรกับคนอื่นนอกจากแฟน”
     ต้นน้ำมองสบตากับธันย์ก่อนจะถามต่อ
     “ต้นเป็นเกย์จริงๆ ใช่มั้ย?”
     “ก็คงงั้น เคยลองกับผู้หญิงป่ะล่ะ?”
     ต้นน้ำส่ายหน้าอีกรอบก่อนจะพูดต่อ
     “ต้นเคยกับแฟนแค่คนเดียว”
     แต่เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของธันย์ก็อธิบายเพิ่ม
     “ไอ้พวกนั้น ... เพื่อนต้นบอกว่าพวกนั้นมันยังไม่ได้ทำอะไรต้นมากเท่าไหร่ แล้วเวลาที่ต้น... เอ่อ... เวลาที่ต้นมีอารมณ์ส่วนมากก็เพราะผู้ชาย แต่! แต่ต้นไม่เคยคิดถึงใครนอกจากแฟนนะ ต้นไม่กล้าคิด...”
     ธันย์ฟังคนขี้อายที่พูดไปหน้าแดงไปแล้วก็ขำ
     “แล้วไม่เคยคิดถึงผู้หญิงเลยเหรอ?”
     แต่ใครจะรู้ว่าคำตอบที่ได้รับกลับฉุดธันย์กลับไปยังอดีต
     “ไม่หรอก ต้นจะกล้าได้ยังไง แม่ต้องขายตัวเลี้ยงต้นนะ แค่คิดว่าแม่ต้องทำแบบนั้นเพื่อต้นๆ ก็... ต้นคิดแบบนั้นกับใครไม่ลงหรอก”
     น้ำเสียงของต้นน้ำทำให้ธันย์ขมขื่น เขาเงียบไปจนต้นน้ำกลัว
     “เพราะแม่พี่?”
     ต้นน้ำอยากจะเงียบแต่ก็กลัวว่าพี่ชายของตนจะรู้สึกผิดจึงรีบปฏิเสธ
     “แต่พี่ธันย์ไม่ผิดนะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ธันย์”
     ภาพของเหตุการณ์ในอดีตตามมาหลอกหลอนคนทั้งคู่ มีอยู่วันหนึ่งที่ต้นน้ำแอบไปหาธันย์ที่ห้องเพราะอยากชวนพี่ชายคนนี้ไปเล่นด้วยกัน แต่ปรากฏว่าธันย์กำลังถูกแม่แท้ๆ ทุบตีอย่างทารุณ นางหงุดหงิดที่ธันย์ไปชกต่อยกับเด็กคนอื่นจนแม่ของคู่กรณีมาเอาเรื่อง ฝ่ายนั้นเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญจนเกินเหตุ
     ตอนแรกธันย์ไม่ยอมบอกเหตุผลที่ชกต่อยกันจึงถูกตัดสินจากคนอื่นว่าผิด ต้นน้ำที่มาเห็นเข้าตกใจจึงพยายามเข้ามาห้าม แม่ของธันย์จึงพาลลงมือกับต้นน้ำอีกคนด้วยความโมโห เมื่อถูกทุบตีมากเข้าธันย์ก็ทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา เขาสวนกลับไปว่าเขาชกคนอื่นเพราะถูกเรียกว่าไอ้ลูกกะหรี่ เพราะเขาอับอายที่ต้องมีแม่ขายตัว!
     ผู้เป็นแม่ได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโห นางด่ากลับว่าธันย์เป็นไอ้ลูกเนรคุณและทวงบุญคุณว่าเงินที่ส่งเสียเลี้ยงดูธันย์อยู่ทุกวันนี้ก็มาจากการขายเรือนร่างของนาง ด้วยความขาดสติที่ต้องการสั่งสอนลูกตัวเองแบบผิดๆ แม่ของธันย์จึงจับเด็กทั้งสองขังไว้ในตู้เสื้อผ้า นางเรียกแขกมาใช้บริการในห้องนั้น!
     จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสมอารมณ์หมายแขกออกจากห้องไปแล้วนางจึงได้เดินมาหาเด็กทั้งคู่แล้วชูเงินในมือให้ดูพร้อมกับพ่นพิษร้ายใส่ คำพูดที่เปรียบเสมือนดั่งยาพิษยังคงหลอกหลอนคนทั้งคู่มาจนถึงทุกวันนี้ “ดูไว้ซะ เงินที่พวกมึงใช้อยู่ทุกวันนี้ก็มาจากการขายxีของกูแหละโว้ย มึงดูไว้นะไอ้ต้น แม่มึงก็ต้องทำแบบกูนี่แหละอย่ามาทำตัวเป็นคุณหนูหน่อยเลย แม่มึงก็ไม่ต่างอะไรกับกูหรอก!” ความลับนี้มีเพียงธันย์และต้นน้ำเท่านั้นที่รู้ และเขาทั้งสองก็ไม่เคยปริปากบอกใคร
     เมื่อประกอบกับการที่ต้นน้ำได้รับรู้ชาติกำเนิดของตัวเองว่าตนเป็นเด็กที่เกิดจากความใคร่หาใช่ความรัก เขาก็ยิ่งรังเกียจ ต้นน้ำไม่กล้ามองผู้หญิงในแง่ของวัตถุทางเพศอีกเลย! ต้นน้ำรักแม่ของตนมาก ยิ่งเมื่อไม่มีธันย์เขาก็ไม่เหลือใคร ความกลัวส่งผลให้ต้นน้ำพยายามทุกอย่างเพื่อเป็นเด็กดีในอุดมคติ เพื่อที่สายธารจะได้ภาคภูมิใจในตัวเขา เขาพยายามไม่สนใจความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ไม่คิดเรื่องคนรัก จนกระทั่งเขาได้รับรู้เรื่องราวของชัยชัชและข้าวฟ่าง ความรักของคนทั้งคู่ทำให้ต้นน้ำอิจฉา แล้วเขาก็ตกหลุมรักชัยชัช
     แต่ในวันนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด ต้นน้ำรู้ดีว่าเขาเป็นเกย์ เขาชอบผู้ชายด้วยกัน
     “พี่ธันย์ไม่ผิดหรอก ถ้าต้นเป็นเกย์เพราะเรื่องนั้นพี่ธันย์ก็ต้องเป็นด้วยสิ แต่พี่ธันย์ไม่ใช่... ไม่ใช่เหรอ?”
     “เป็นเกย์วัดกันที่ไหนล่ะ? พี่ทั้งเอาทั้งโดนเอาขายตัวเป็นอาชีพ มันแยกไม่ออกแล้วต้น”
     “แต่พี่ธันย์ชอบผู้หญิง?”
     “ผู้หญิง”ที่เขาหลงรักมีเพียงคนเดียว แม้จะเป็นผู้หญิง แต่ก็ผิดบาป ธันย์จึงเปลี่ยนเรื่อง
     “พี่นอนกับผู้หญิงน้อยกว่าโดนเอาซะอีก ช่างมันเหอะ”
     “ถ้าอย่างงั้นแล้วพี่ธันย์ทนได้ยังไง พี่ธันย์ไม่... เหรอ?”
     สีหน้าสงสัยใคร่รู้แต่ก็ไม่กล้าถามทำให้ธันย์นึกเอ็นดู
     “ก็บอกแล้วว่าเพื่อเงิน มันคืองานยังไงก็ต้องทำ ไม่งั้นก็อดตาย”
     “แบบ... พี่ธันย์... พี่ธันย์มีความสุขเหรอ?
     ถ้อยคำที่ต้นน้ำเลือกใช้ทำให้ธันย์นึกขำ “ความสุข”หรือ? มันจะไปมีได้อย่างไร แต่เขาเข้าใจความหมายของน้องชายคนนี้
     “ก็บิ้วท์ตัวเองไงต้น ถ้าพี่เป็นคนทำส่วนมากแขกอยากให้เอานานๆ อยู่แล้ว บางคนก็ขอกินน้ำ โดนดูดโดนชักไม่แตกก็บ้า! แต่ถ้าพี่โดนเอาส่วนใหญ่ก็แหลๆ ไปแหละ ไอ้พวกแขกโรคจิตชอบให้พี่ครางแบบแมนๆ เสียวครับดีครับอะไรก็ว่าไป พี่ก็ต้องบิ้วท์ตัวเองช่วยไม่งั้นไม่แตกหรอก
     “ทำแบบนั้นได้ด้วย?”
     ต้นน้ำทำหน้างงก่อนจะถามต่อ
     “แล้วพี่ธันย์คิดอะไรเหรอ?”
     “พี่ก็คิดถึงผู้หญิงสิ”
     ธันย์ตอบเลี่ยงเพราะไม่กล้าบอกความจริง เขากลัวว่าถ้าต้นน้ำรู้ว่าผู้หญิงในฝันของเขาเป็นใครแล้วจะโกรธ เขาอยากเก็บความลับนี้ไว้กับตัวเองจนตาย!
     “พี่ธันย์เป็นผู้ชาย ทำแบบนั้น... มีอะไรกับใครก็ไม่รู้ไปเรื่อยพี่ธันย์ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”
     สีหน้าท้อแท้ของต้นน้ำทำให้ธันย์สงสาร
     “คงเพราะเห็นแม่ขายตัวบ่อยมั้งเลยชิน พี่ไม่ใช่เด็กดีแบบต้นพี่ไม่คิดมากกับเรื่องพรรณนี้หรอก”
     ธันย์ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ
     “แถมตอนนั้นติดยาด้วย อะไรที่ได้เงินไปซื้อยาพี่ไม่สนหรอก”
     “มีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักไม่เห็นดีเลย ... พี่ธันย์ ต้นคิดถึงแม่”
     ต้นน้ำไม่กล้าพูดว่า “ต้นสงสารแม่” เขาสงสารมารดาที่ต้องทนทำอาชีพน่ารังเกียจเพื่อเขา!
     “ร้องไห้อีกละ น่าเบื่อว่ะ!”
     “ขอโทษ! มันอดไม่ได้อ่ะ”
     ต้นน้ำรีบปาดน้ำตาแล้วพูดต่อ
     “พี่ธันย์ทำยังไงถึงลืมเรื่องตอนนั้นได้เหรอ?”
     “ก็ไม่ต้องทำอะไร พอเวลาผ่านไปมีอย่างอื่นให้สนใจเดี๋ยวมันก็ลืมเอง”
     “หมายความว่าเดี๋ยวอีกหน่อยต้นก็จะลืม...”
     ใจจริงต้นน้ำอยากจะพูดคำว่า“เรื่องแย่ๆ”แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
     “ลืมแฟนได้เองน่ะเหรอ?”
     “อาจจะนะ ต้นอาจจะลืม เจอคนใหม่ หรืออยากกลับไปหาเขาก็ได้ คนบางคนก็ไม่ลืมอะไรง่ายๆ บางคนเขาก็ชอบสนุกไปเรื่อยไม่คิดจะรักใครเพราะรักแต่ตัวเอง ต้นแค่รักตัวเองบ้างก็พอ อย่ามัวแต่รักคนอื่นมากกว่าตัวเองนะ รู้เปล่า?”
     ธันย์หยิกแก้มต้นน้ำเบาๆ อย่างอ่อนโยน
     ต้นน้ำมองธันย์ด้วยสายตาเคารพยกย่อง การได้เปิดอกระบายกับธันย์ทำให้เขาคิดได้ ต้นน้ำตัดสินใจแล้ว! เขาพุ่งเข้ากอดธันย์อย่างรักใคร่
     “งั้นพี่ธันย์เป็นแฟนต้นนะ!”
     “อ้าว! ไหงงั้นอ่ะ?”
     “ก็ต้นเลิกกับแฟนแล้ว อยากมีแฟนใหม่ ให้ค่าจ้างด้วยก็ได้ เป็นแฟนต้นหน่อย”
     “ทำไมต้องเป็นพี่ด้วย?”
     ธันย์ถามด้วยเสียงหน่ายใจ
     “เป็นพี่ธันย์น่ะดีที่สุดแล้ว!”
     ต้นน้ำตอบเสียงใส!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... น้องต้นตัวเอกผู้ไขว่คว้าหาความรัก เป็นตัวเอกที่มีคาแรคเตอร์บิดเบี้ยวมาก  :hao5:
อาจจะมีหลายคนเสียดายบอกอยากให้น้องต้นได้กับพี่ธันย์ แต่ถ้าต้นทำแบบนั้นลงไปจริงๆ ต้นจะงี่เง่าไม่ต่างอะไรกับน้ำตาล และเลวพอๆ กับชัยชัช

นายอัฐเขาก็พูดไว้อยู่ว่าต้นบ้าได้น่ารัก ความหยิ่งและการรักศักดิ์ศรีไม่ยอมแพ้จิตใฝ่ต่ำการอดทนต่อไฟแค้นนี่แหละที่เป็นความดีของต้นน้ำ มันทำให้ต้นน้ำมีค่าจนชวนให้สมน้ำหน้าพี่ชัชมากกว่าเดิม
แฟนร่านๆ ที่สักแต่แก้แค้นน่ะไม่มีใครเขาเสียดายหรอก คนที่คิดง่ายๆ ว่าตัวเองสวย/หล่อขึ้นแล้วแฟนเก่าจะเสียดายก็คิดง่ายไป โลกนี้มีคนอีกมากที่พร้อมจะโมหน้าออกมาเป๊ะกว่าคุณ มีแต่ความดีงามเท่านั้นแหละที่จะทำให้คนเขาเสียดายคุณขึ้นมาจริงๆ

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
ช่ายยเราคิดแบบคนเขียนเรยความดีเท่านั้นแหละที่จะทำให้เค้าเสียดาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     “เมษ ไปช็อปปิ้งกัน!”
     เมษประหลาดใจที่จู่ๆ ต้นน้ำก็โทรศัพท์มาหาเธอแต่เช้า แต่คำชวนของต้นน้ำกลับทำให้เธองงยิ่งกว่า!
     “เดี๋ยวๆ อะไรของแก?”
     “เราอยากช็อปปิ้ง ไปกับเราหน่อยนะ”
     น้ำเสียงของต้นน้ำร่าเริงเกินเหตุจนเมษนึกสงสัย หรือเพื่อนของเธอจะกินยาผิด?
     “เป็นอะไรยะ? อยู่ๆ มาชวนฉันไปช็อป แกไม่ได้ละเมอใช่มั้ยนังต้น?”
     “เปล่าๆ เราโอเค เราอยากเปลี่ยนตัวเองนิดหน่อยน่ะ”
     “เปลี่ยนตัวเอง?”
     “อื้ม ไหนๆ ก็ไหนๆ เราอยากลองใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง นะๆ ไปกับเรานะ”
     “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับช็อปปิ้งย๊ะ?”
     “ก็... เปลี่ยนลุคไง เราอยากไปเจาะหู อยากไปร้านสักด้วย อืม... นายว่าถ้าเราจะทำสีผมเราจะทำสีอะไรดีอ่ะ? อยากเปลี่ยนทรงผมด้วย”
     “เยอะนะแก... พูดจริงเหรอยะ? ถามจริงแกเป็นอะไร?”
     “โธ่! เราไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละเมษ นะๆ ไปกับเรานะ แต่งตัวรอเลยเดี๋ยวเราไปรับที่บ้าน แกร็ก!
     เมษสับสนงุนงงตามต้นน้ำไม่ทันแต่พอจะถามต้นน้ำก็ชิงวางสายไปเสียก่อน
     “นังต้น!”

     แล้วต้นน้ำก็มาพร้อมคนขับรถส่วนตัว เพื่อนของเธอกลายเป็นคุณหนูไปแล้ว เมษถูกต้นน้ำลากไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง รอยยิ้มร่าเริงบนใบหน้าของต้นน้ำไม่ใช่หน้ากากลวงหลอก เมษสัมผัสได้ว่าเพื่อนของเธอแฮปปี้ดี๊ด๊ากับชีวิตจริงๆ เพียงแต่เวลาแค่ไม่กี่วันเหตุใดต้นน้ำถึงเปลี่ยนไปราวกับกินยาลืมเขย่าขวดเช่นนี้?
     “ฉันถามจริงเถอะย่ะ แกไปกินยาผิดมาจากไหนยะ?”
     ต้นน้ำกำลังลองเสื้อที่เธอเลือกให้อยู่หันมาตอบอย่างร่าเริง
     “ทำไมล่ะ? เรามีความสุขกับชีวิตไม่ดีเหรอเมษ”
     “อันนั้นฉันก็รู้ แต่... สงสัย”
     “อืม... คิดได้มั้ง? อยู่ๆ มันก็เหมือนกับ เออเนอะ ชีวิตคนเรามันก็มีอยู่แค่นี้ สิ่งที่เราเจอมันก็ไม่ได้แย่มากซักหน่อย ยังมีคนรักเราอีกตั้งเยอะ ตอนที่เราทุกข์เราก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ในขณะที่บางคนเขาไม่มีใครด้วยซ้ำ แล้วเราจะมานั่งซึมเศร้าทำไม สู้ใช้ชีวิตให้สนุกดีกว่า มีอะไรอีกตั้งเยอะที่เราอยากทำ
     “ย่ะ! แหมคิดได้เนอะ แกคิดได้แบบนี้ฉันก็เบาใจละ อ๊ะๆ ตัวนี้ฉันว่าแกใส่ขึ้นนะ”
     “อื้ม เราก็ชอบ”
     ต้นน้ำหมุนซ้ายหมุนขวาดูภาพตัวเองในกระจก เขายิ้มให้กับตัวเอง คอร์สนั่งสมาธิของน้าชายเขาได้ผลดีจริงๆ การได้เจอญาติพี่น้องคนอื่นที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้พบก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แม้ว่าคนพวกนั้นหากนับแล้วจะเป็นเพียงแค่ญาติห่างๆ ก็ตาม ช่วงเวลาสามวันสองคืนกับอัฐช่วยเปิดมุมมองใหม่ในชีวิต ต้นน้ำลิสรายการสิ่งที่อยากทำเต็มหัว!
     “แกแฮปปี้แบบนี้ฉันก็ดีใจ ว่าแต่คิดยังไงถึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนลุคย๊ะ?”
     “ทำไมล่ะ อยากดูดีมั่งไม่ได้เหรอ? ไหนนายบอกว่าสวยแล้วจะมี...กี่คนก็ได้ไง”
     สีหน้าทะเล้นและแววตาซุกซนของต้นน้ำทำให้เมษอ้าปากค้าง!
     “อ๊ะนี่แก! อึ๊อื่อ อย่าบอกนะว่า...”
     เมษตกตะลึงจนไม่กล้าพูดออกมา เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาพ้อยท์ก่อนจะส่งสายตาถึงสิ่งที่รู้กันให้ต้นน้ำ ต้นน้ำเองก็ยักไหล่รับมุกก่อนจะเฉลยตามสไตล์ของตน
     “บ้า! เราพูดเล่นเฉยๆ”
     “งั้นถามจริง แกลืมผัวเก่าได้แล้วเหรอ?”
     “ใครจะไปลืมลง”
     เป็นครั้งแรกของวันที่รอยยิ้มเหงาๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของต้นน้ำ ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะถอดเสื้อตัวที่ใส่อยู่ออกแล้วหยิบตัวใหม่ขึ้นมาลอง
     “เราไม่มีทางลืมพี่ชัชหรอกเมษ ไม่มีทางเลิกรักด้วย เรารู้ดี ... รู้ดีพอๆ กับที่รู้ว่าตราบใดที่เรากับพี่ชัชยังเป็นแบบนี้มันก็ไปไม่รอดหรอก เราทนไม่ได้ถ้าพี่ชัชจะมีใครคนอื่น แค่พี่เขาต้องใกล้ชิดกับผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เราก็แทบบ้าแล้ว เรากลัวแล้วมันก็มีแต่ความระแวงเต็มไปหมด เราเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้หญิง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราต้องบ้าเข้าซักวันแน่ ความจริงแล้วไม่ใช่แต่พี่ชัชหรอกที่มีข้อเสีย เราก็มี”
     “แหมแก แต่ข้อเสียของแกนี่ใครๆ ก็เป็นย่ะ มันเบๆ มาก แต่ผัวแกนะ-“
     “ถึงพี่ชัชจะเจ้าชู้แต่พี่เขาก็ดีกับเรามากๆ นะ พี่เขาจะโกหกเราก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะบอกเรา เป็นเราเองที่อยากปิดหูปิดตาไม่อยากฟัง แต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของพี่ชัชไม่ใช่เจ้าชู้หรอก ฮะๆ เราเกลียดนิสัยขี้โมโหของพี่เขามากกว่า คนอะไรเจ้าอารมณ์เป็นบ้า! งี่เง่าสุดๆ อ่ะ”
     “อันนี้ฉันเห็นด้วยเลยย่ะ!”
     “แต่ว่านะ ... สิ่งดีๆ ในตัวพี่ชัชมีอีกตั้งเยอะ เราไม่อยากจบแล้วจำแต่ความทรงจำเลวร้าย เราอยากจดจำแต่สิ่งดีๆ อย่างน้อยเวลาเรานึกถึงพี่ชัชเราจะได้นึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของพี่เขาไม่ใช่...อะไรโหดๆ พวกนั้น”
     แม้ต้นน้ำกำลังดราม่าแต่เมษกลับหาช่องยิงมุกได้เสมอ เธอรู้ดีว่าต้นน้ำหมายถึงเรื่องที่ถูกชัยชัชใช้กำลังด้วยแต่ก็จงใจพูดล้อ
     “แหมๆ แน่ใจนะแกว่าคิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่น ไม่ใช่อะไรแบบว่า... นั่นอ่ะ แข็งๆ”
     “บ้า!”
     ต้นน้ำหันไปเถียงเมษพลางหน้าแดง
     “ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดถึงพี่ชัชเลย ผู้ชายมีอีกตั้งเยอะ โสดแล้วจะคิดถึงใครก็ได้ ไม่ผิดศีล!
     “อ๊าย! คิดหรืออะไรยะแก แหมๆ หายหน้าหายตาไปไม่กี่วัน กลับมาปิ๊งปั๊งเชียวนะ มีใครฉีดยาให้เหรอยะแก?”
     เมษยังกระแซะแซวเพื่อนอย่างไม่ยอมแพ้
     “บ้า! ไม่มีซักหน่อย เรากับเขาเป็นญาติกัน”
     เมษทำหน้าไม่เชื่อล้อเลียน สายตารู้ทันทำให้ต้นน้ำต้องรีบยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
     “จริงๆ เขาเป็นน้าแท้ๆ เรา”
     “แกมีญาติงอกมาจากไหนอีกยะนังต้น แหมๆ ไม่เนียนเลยย่ะ”
     “เมษอ่ะ! แม่เขาเป็นน้องคนละแม่กับยายแท้ๆ ของเรา เขาก็เลยเป็นน้าเราไง”
     “เหรอย้า... แล้วแกคิดกับเขาแค่น้าป่ะ?”
     “ไม่ได้คิดอะไรนี่ ... ก็แค่ ... ปลื้มเฉยๆ”
     “ว้ายตายแล้วแก!”
     “บ้าอ่ะเมษ! ไม่เอาแล้ว รีบๆ ลองเหอะ เกรงใจร้านเขา”
     “เกรงใจอะไร แกควรจะเกรงใจตั้งแต่หยิบเสื้อมาเป็นสิบแล้ว!”
     “ก็เราไม่มีเสื้อผ้านี่! นานๆ ทีอยากช็อปปิ้งมันผิดด้วยเหรอ อุตส่าห์มีเงินกับเขาแล้วทั้งที”
     ต้นน้ำกระมิดกระเมี้ยนก่อนจะอ้อมแอ้มต่อ
     “แล้วที่สำคัญ ที่นี่ซื้อห้าฟรีหนึ่งด้วย คุ้มดีออก”
     “ย่ะ! แล้วตกลงแกจะเอาตัวไหนบ้างละยะ?”
     “อืม... เลือกไม่ถูกอ่ะ ที่เมษเลือกให้สวยทุกตัวเลย ของเขาดีจริงๆ”
     ต้นน้ำทำหน้าซุกซนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เมษ
     “งั้นก็...”
     เมษพูดค้างไว้ก่อนจะให้ต้นน้ำต่อประโยค
     “เอาหมด!”
     คนทั้งสองร้องออกมาพร้อมกันก่อนจะหอบเสื้อไปให้พนักงานคิดเงิน ต้นน้ำหยิบบัตรเครดิตขึ้นมารูดอย่างมีความสุข
     ต้นน้ำลากเมษทำกิจกรรมช็อปแหลกเมคโอเวอร์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เริ่มจากช็อปเสื้อผ้าจนทั้งคู่ต้องหอบของพะรุงพะรังเต็มสองแขนต่อด้วยการพักแข้งขาในร้านทำผม สี่ชั่วโมงหลังจากนั้นต้นน้ำก็ได้ผมทรงพังค์สีน้ำตาลแดงสุดซ่า ก่อนจะตบท้ายด้วยการเดินเข้าไปในร้านแทททู แต่รอบนี้ต้นน้ำทิ้งให้เมษเฝ้าของรออยู่ในร้านกาแฟแล้วไปตามลำพัง เขาไม่อยากเผยปมอ่อนแอให้เพื่อนเห็น
     “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับ?”
     “ไม่มีหรอกน้อง ก็ต้องสักสีเนื้อทับ อย่างของน้องนี้อาจต้องซ้ำหลายรอบหน่อย ไม่งั้นก็ไปเลเซอร์ แล้วก็ระวังเรื่องแผลเป็นเอา”
     ต้นน้ำเผลอถอนหายใจแล้วทำหน้ามุ่ย ช่างสักรุ่นพี่เห็นดังนั้นจึงจัดไปอีกดอก
     “ทำไมล่ะน้อง เลิกกับแฟนมาดิ?”
     แม้ต้นน้ำจะอยากปฏิเสธแต่เขาก็เถียงช่างคนนี้ไม่ทัน
     “งี้แหละ พวกวัยรุ่นสมัยนี้ ไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนมาทำ ถึงเวลาก็คิดง่ายๆ รอยสักมันไม่ได้ลบง่ายเหมือนเลิกกับแฟนนะน้อง ถ้าน้องจะสักพี่แนะนำว่าควรจะรักในศิลปะของมันมากกว่าไม่ใช่ทำไปเผื่อเอาใจใคร รอยสักจะอยู่ติดตัวเราไปจนตาย ให้มันแสดงออกถึงตัวตนของเราดีกว่ามั้ย? อย่าให้มันกลายเป็นความผิดพลาดคอยตอกย้ำเราเลย”
     แม้จะเกลียดท่าทางอินดี้โชว์เหนือของช่างคนนี้แต่ต้นน้ำก็เถียงไม่ออก เขารวบรวมสติข่มอารมณ์ก่อนจะตอบ
     “ผมชอบรอยสักครับ ผมไม่เสียใจที่สัก แต่สิ่งที่ผมพลาดก็คือผมควรจะเลือกลายอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ชื่อเฉพาะ”
     “มันก็เหมือนกันแหละน้อง น้องควรจะคิดก่อนเลือกลาย รอยสักไม่ใช่เสื้อผ้านะน้องจะได้ถอดเปลี่ยนได้ตามแฟชั่น น้องตัดสินใจเลือกลายนี้เองไม่ใช่เหรอ?
     แม้จะเถียงกันเรื่องรอยสักแต่สีหน้าอวดดีของช่างกลับทำให้ต้นน้ำรู้สึกเหมือนถูกด่าเรื่องคนรักมากกว่า เขาคือคนที่ตัดสินใจเข้าไปพัวพันกับชัยชัชด้วยตัวเอง!
     “ผมรู้ครับ ผมถึงได้พยายามหาทางแก้ไขมันอยู่”
     “หนึ่งไปเลเซอร์ สองสักสีเนื้อทับ สามแก้ลาย มันมีวิธีอยู่แค่นี้ หรือทางที่สี่ เก็บมันไว้คอยเตือนตัวเองว่าทีหลังอย่าคิดอะไรตื้นๆ อีก แต่พี่ว่ามันเข้ากับน้องดีนะ พี่ชอบ”
     “งั้นผมเลือกทางที่ห้าได้มั้ยครับ”
     “อะไร?”
     “ผมอยากเจาะหู”
     แล้วต้นน้ำก็เดินออกจากร้านในสภาพที่หูข้างขวาสวมจิว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องต้นเริ่มซ่า ฮีเริ่มทำตัวแซ่บ! เมคโอเวอร์ขนาดนี้มีเฮแน่ๆ หึๆ  :a14:
แต่อันที่จริงคนอ่านคิดว่าน้องต้นเป็นคนยังไงกัน? ถ้าฮีไม่ร้ายฮีไม่แอ๊บหลอกชัยชัชหรอก ต้นน้ำมีความซุกซนในตัวเองพอสมควร แต่ที่ผ่านมาแอบเก็บกดไง ฮีถึงติดแม็กซ์มากเพราะเพื่อนคนนี้ชอบพาฮีแหกคอก ฮ่าๆ มันคงเหมือนได้ปลดปล่อย พอคิดจะเปลี่ยนตัวเองเลยจัดเต็ม
เคยอ่านจากที่ไหนไม่รู้ประมาณว่าพวกชอบสักชอบเจาะหูจะออกแนวมาโซดิสนิดๆ ชื่นชอบความเจ็บปวด มีปมลึกๆ ทางอารมณ์ ก็เลยเขียนให้ต้นสัก แล้วก็คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าต้นต้องเจาะหูด้วยแน่ๆ ต้นชอบดนตรีร็อค น่าจะชอบแนวพังก์ ชอบความรุนแรงแต่เป็นในทางตรงกันข้าม ฮ่าๆ ... นี่คนแต่งคิดปมน้องต้นไว้ลึกเกินไปใช่มั้ย?
แต่พี่ช่างสักเขาพูดโดนใจจริงๆ นะ ต้นสะอึกเลย เหอๆ เจ็บมั้ยล่ะต้น?
ฮีก็ยังคงเป็นต้นน้ำคนเดิม โลกนี้มันไม่มีหรอกพวกที่รีเฟรชตัวเองจนเปลี่ยนไปแทบเป็นคนละคน มันมีแต่ปรับตัวดีขึ้นหรือแย่ลงเท่านั้นแหละ แล้วก็ต้องค่อยๆ ปรับกันไปด้วย มนุษย์จริงๆ ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? เรียลใช่ม๊า? ฮ่าๆ

เอาละซี่! ต้นทำใจเรื่องชัยชัชได้เกลี้ยงแล้วเพราะพี่ธันย์ เลิกคิดมากกับเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะน้าอัฐ(เฉลยกันง่ายๆ ซะงั้น!) ต้นเริ่มทำตัวแซ่บ นี่มัน! ..... อย่าบอกนะว่าน้องต้นจะมี...ใหม่! "สวยแล้วจะมีผัวกี่คนก็ได้ - คุณช่า(บันทึกของตุ๊ด)กล่าว"
แต่ จุ๊ๆ ... น้าอัฐกล่าวไว้ว่า "พระเอกต้องพูดว่า ‘ขอแค่เธอคนนั้นมีความสุขผมก็พอใจแล้ว’"  ประโยคนี้ ใครกล่าวไว้ในเรื่องน้า?

 :laugh: คนอ่านต้องด่าคนแต่งแน่ๆ ว่าโรคจิต เรื่องมันเหมือนจะจบก็ไม่จบ ปมเหมือนจะคลายก็ไม่คลาย ทำคนอ่านคลั่งตายว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก นิยายเรื่องนี้ "บ้า!" เนอะ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2014 23:53:39 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
ต้นน้ำจะเปลี่ยนลุคไปขนาดไหนน้อ
นายอัฐนึกว่าจะเข้ามาจีบที่แท้เป็นน้านี้เอง
รอดูฮาเร็มต้นน้ำจะมีหนุ่มไหนออกมาอีกมั้ยย

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
ตามตอนต่อไปค่ะ ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากให้น้องต้นเจอคนที่รักน้องต้นมากๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     มะรืนนี้ต้นน้ำจะไปเที่ยวกับพวกแม็กซ์ เพราะแม็กซ์กับอาร์มยังไม่คืนดีกันเสียทีต้นน้ำจึงไม่สบายใจ เพื่อการนี้เขายอมลงทุนโทรไปปรึกษากาย น่าแปลกที่กายให้คำแนะนำเขาเป็นอย่างดี ต้นน้ำข่มความอายเล่าต้นสายปลายเหตุทุกอย่างให้กายฟังแต่เหมือนกายจะรู้อยู่แล้ว เพื่อนที่เขาเกลียดขี้หน้าคนนี้เพียงแค่รับฟังเงียบๆ ไม่ด่าสวนตามปกติแถมยังรับปากจะช่วยเคลียร์ให้
     ต้นน้ำจึงปิ๊งแผนการไปเที่ยวทะเลขึ้นมา เขาอ้างกับแม็กซ์ว่า“อกหัก”และอยากไปทะเล แม็กซ์ไม่ขัดใจเขาอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าต้นน้ำอยากไปเที่ยวทะเลเขาก็อาสาจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ส่วนกายที่เตี๊ยมกันไว้แล้วก็ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างชวนไปเที่ยวสงขลา ทำให้จุดหมายปลายทางเปลี่ยนจากพัทยาไปเป็นภาคใต้ ต้นน้ำจึงสบโอกาสเอ่ยชวนให้ขับรถไปกันเองและใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างบีบบังคับให้แม็กซ์ยอมให้อาร์มไปด้วย และนั่นก็ทำให้แม็กซ์ยอมแพ้ เขายอมให้อาร์มเข้าร่วมทริปในที่สุด
     ดังนั้นวันนี้ต้นตระการจึงหาเรื่องชวนเพื่อนทั้งสองของต้นน้ำมาทานอาหารร่วมกัน ระหว่างที่คุณพ่อผู้เข้มงวดกำลังฝากฝังลูกชายกับเพื่อนทั้งสอง ต้นน้ำก็ช่วยเตรียมอาหารอยู่ในครัว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและภรรยาของพ่อยังคงเหมือนเดิม ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนตามเห็นสมควร ไม่มีความห่วงหาอาทรมากไปกว่านั้น ป้าสุไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเลยแม้แต่น้อย และมันก็ทำให้ต้นน้ำรู้สึกดี เขานึกไม่ออกว่าถ้าต้องถูกป้าสุมาแสดงความเห็นใจในความโชคร้ายของเขาแล้วตนจะรู้สึกเช่นไร เขาแทบไม่เคยได้สนทนากับผู้หญิงคนนี้เลย
     ในที่สุด...
     “ผมขออนุญาตถามอะไรป้าสุได้มั้ยครับ”
     ภรรยาของพ่อเหลือบตามามองเขาแล้วพยักคางน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาต
     “ป้าสุ ... ให้อภัยคุณพ่อได้ยังไงเหรอครับ?”
     ถามออกไปแล้วก็กลัวต้นน้ำจึงก้มหน้าคลุกสลัดในชามอย่างเอาเป็นเอาตาย
     “ฉันไม่เคยต้องให้อภัยเขา”
     เสียงเรียบๆ เอ่ยขึ้นทำให้ต้นน้ำละมือจากชามสลัด
     “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นอย่างไร ฉันก็ต้องรับมือกับนิสัยของเขาให้ได้”
     เมื่อเห็นต้นน้ำทำหน้าไม่เข้าใจสุดาจึงพูดต่อ
     “คุณต้นมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาตั้งแต่แรก ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเขาได้หรอก แต่ฉันรู้ว่าเขาจะรักและยกย่องฉันเพียงคนเดียว”
     “เพราะอะไรครับ?”
     ต้นน้ำทั้งสับสนและงุนงง ป้าสุแต่งงานกับพ่อของเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่อจะไม่มีวันเลิกเจ้าชู้น่ะหรือ? มีผู้หญิงที่ทนให้ผู้ชายไปมีคนอื่นนอกเหนือจากตัวเองอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือไร!
     “เพราะเขาคือผู้ชายที่เหมาะสมจะเดินเคียงข้างฉันน่ะสิ เขาขอร้องให้ฉันสร้างครอบครัวร่วมกับเขา”
     “ทั้งๆ ที่คุณพ่อเจ้าชู้? แล้วก็มีคนอื่นลับหลังคุณตลอด? คุณยอมได้ยังไง!”
     “คงเพราะเขาสั่งให้แม่ของเธอไปเอาเด็กออกโดยไม่ลังเลยังไงล่ะ ถึงมันจะผิดแต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นฉันกับลูกสำคัญกว่าสายเลือดของตัวเอง เขาเลือกฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องกลัวผู้หญิงไม่สำคัญพวกนั้น”
     ความเด็ดเดี่ยวของแม่เลี้ยงเขาช่างโหดร้าย
     “คุณรู้เรื่องของผม คุณ...ใจร้ายมาก”
     “เปล่าเลย ฉันไม่รู้เรื่องของเธอ แต่ฉันคิดว่าเขาต้องพลาดเข้าสักวัน แล้วเขาก็พลาดจริงๆ กว่าฉันจะรู้เรื่องก็ได้ข่าวว่าคุณแม่ให้เงินแม่ของเธอไปนานแล้ว แม่ของเธอเงียบหายไป ฉันก็เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องกังวล”
     “แล้วคุณเสียใจมั้ยครับที่ผมยังอยู่ แถมยังเดินเข้ามาในชีวิตพวกคุณ”
     ต้นน้ำกัดฟันถามออกไป เขาบอกไม่ถูกว่าตนแค้นหรือกลัว เขารับมือผู้หญิงเลือดเย็นคนนี้ไม่ได้เลย ทุกอย่างมันประหลาดไปหมด!
     “ตราบใดที่สามีของฉันไม่ต้องไปทำหน้าที่สามีให้ผู้หญิงคนไหนอีกนะ ฉันกับคุณต้นมีลูกศิษย์ตั้งมากมาย กับแค่เด็กที่เป็นน้องยัยษาคนเดียวฉันไม่ถือหรอก เธอไม่ได้มาแย่งสามีฉันนี่ เธอมาเติมเต็มให้พี่สาวและพ่อของเธอ”
     “คุณหมายความว่ายังไง?”
     ต้นน้ำไม่เข้าใจ ป้าสุควรจะเกลียดเขาไม่ใช่หรือ?
     “หมายความว่าฉันเฉยๆ กับการมีเด็กเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวเพิ่มแต่ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งหัวหน้าครอบครัวของฉันไปใช้ร่วมกันน่ะสิ ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวจะขูดรีดสามีฉันได้สักเท่าไหร่กัน แต่กับคนที่ต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกับฉัน ฉันไม่มีวันยอม”
     “แล้วถ้าเกิดคุณพ่อมีบ้านอื่นจริงๆ ล่ะครับ”
     “ฉันก็จะให้เขาเลือก เพียงแต่ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเลือกฉัน แต่เขาจะต้องการบ้านหลังอื่นไปทำไมในเมื่อบ้านหลังนี้มีให้เขาทุกอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องอดอยากปิดบังความต้องการของตัวเองต่อหน้าฉันแล้วเขาจะไปหาห่วงผูกคออันใหม่มาทำไมกัน”
     ผู้หญิงคนนี้ทั้งฉลาดและน่ากลัว! แต่ต้นน้ำกลับรู้สึกนับถือเธอ เขารู้แล้วว่าเหตุใดต้นตระการถึงรักสุดา ผู้หญิงคนนี้พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างพ่อของเขา เธอทำให้เขารู้สึกว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งพ่อของเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
     “คุณเกลียดผมรึเปล่า? คุณพ่อรับรองบุตรผมแล้ว ผมใช้นามสกุลเดียวกับพวกคุณ อีกหน่อยผมจะมีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าพี่ษา”
     ในที่สุดต้นน้ำก็ตัดสินใจถามคำถามสำคัญ เขาเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างซื่อตรงแต่สุดากลับยิ้มและหัวเราะขึ้นเบาๆ
     “ทำไมฉันต้องเกลียดเธอ? การที่คุณต้นรับผิดชอบเธอก็ถูกแล้ว ฉันไม่เดือดร้อนหรอก เงินทองเป็นของนอกกาย และฉันว่าฉันกับคุณต้นมีมากพอจะดูแลพวกเธอสองคนได้สบายๆ แต่เราคงไม่เลี้ยงใครไปจนแก่หรอก ฉันกับคุณต้นอบรมยัยษาให้แสวงหาวิชาความรู้เพื่อดูแลตัวเอง ส่วนเรื่องคุณพ่อ ท่านจะยกอะไรให้ใครก็เป็นเรื่องของท่าน ถ้ายัยษาอยากได้เขาก็ต้องไขว่คว้าเอาเอง ฉันเลี้ยงยัยษามากับมือฉันรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ถ้ามีอะไรที่ยัยษาอยากได้เขาไม่รีรอหรอก เธอคิดอย่างนั้นไหม?”
     ต้นน้ำบอกไม่ถูกว่าตนควรรู้สึกเช่นไร เขารู้แต่ว่าเขาไม่มีวันชนะผู้หญิงคนนี้!
     ป้าสุพูดถูก พี่ษาของเขาไม่ลังเลที่จะรุกเพื่อไขว่คว้าในสิ่งที่ตนต้องการแตกต่างกับเขา การบุกมาหาเขาตรงๆ ด้วยความจริงใจของพี่ษาเคยสยบเขามาแล้ว และในที่สุดเขาก็กลายเป็นน้องชายในกำมือให้พี่สาวจนได้! ใครจะไปเกลียดพี่สาวแสนดีคนนี้ได้ลงคอ
     “ป้าสุพูดถูกครับ พี่ษาเป็นพี่สาวที่น่ารักมากๆ”
     “เธอก็เป็นเด็กดีเช่นกันต้นน้ำ แม่ของเธอเลี้ยงเธอได้ดีมากจริงๆ หาไม่แล้วยัยษาคงไม่รักเธอมากเช่นนี้หรอก แล้วเธอว่าฉันจะต้องกังวลอะไรในเมื่อน้องชายและพี่สาวต่างก็รักกันดี เธอว่าจริงไหม?”
     “ครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แม่เลี้ยงน้องต้นโหดจริง! ขอขอบคุณผู้หญิงหลายๆ คนในพันดริฟไว้นะตรงนี้เลย! เราได้แบบคาแรคเตอร์มาจากผู้หญิงหลายคนในนั้น

ผู้ชายบางคนต่อให้ซนมากแค่ไหนก็รู้ดีว่าสุดท้ายคนที่จะแก่ตายกับเขาคือใคร? แหะๆ ก็เป็นมุมมองความรักอีกรูปแบบนึงอ่านะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     เพราะรถคันที่จะขับไปสงขลาเป็นรถของแม็กซ์ อาร์มจึงมารวมตัวที่บ้านปู่ของต้นน้ำ ทุกคนรู้ดีว่าอีกเดี๋ยวแม็กซ์จะขับรถมารับต้นน้ำและอาร์มที่นี่ ป้าณีอดไม่ได้ที่จะเตรียมเสบียงให้หลายชายกับเพื่อนไปทานระหว่างทาง ทุกคนวุ่นวายอยู่ในครัวปล่อยให้ต้นน้ำและอาร์มคุยกันอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์
     แม็กซ์รู้แผนนี้ดีจึงตรงมาหาต้นน้ำที่บ้านย่านสุขุมวิทโดยไม่เสียเวลาโทรนัดกับอาร์มอีก แต่แม็กซ์ไม่ทันเตรียมใจว่าเขาจะมาพบภาพบาดตาบาดใจของเพื่อนรักทั้งสอง!
     “นี่ไง ตีแบบนี้”
     “ยากอ่ะ ช้าๆ ไม่ได้เหรอ?”
     “อย่าฝืนสิ ตามเรา ได้มั้ยต้น?”
     อาร์มกำลังจับมือทั้งสองข้างของต้นน้ำตีไปตามจังหวะของปุ่มที่ไหลในหน้าจอโทรทัศน์ ถ้ามันเป็นเพียงแค่การสอนเล่นเกมธรรมดาๆ แม็กซ์คงไม่หงุดหงิด แต่ทำไมเพื่อนสนิทเขาถึงต้องสอนต้นน้ำด้วยวิธีโอบจนแทบจะเกยตักกันด้วยหนอ! คนทั้งคู่ตั้งสมาธิอยู่กับเกมจนไม่สนใจการมาถึงของเขา เห็นแล้วแม็กซ์เซ็งสุดชีวิต!
     “เปลี่ยนจากกีต้าร์ไปชอบกลองตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะต้น?”
     เมื่อได้ยินเสียงทักต้นน้ำและอาร์มเลยผละออกจากกัน แต่สีหน้าของต้นน้ำกลับร่าเริงไม่ขัดเขินเลยแม้แต่น้อย คนที่กระดากอายกลับเป็นเพื่อนรักของเขา อาร์มหลบตาแม็กซ์แล้วถอยฉากไปสนใจเกมบนหน้าจอทำเนียนไม่ยุ่งกับใคร ต้นน้ำเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วตอบ
     “ก็สนหมดแหละ แต่เราเล่นกีต้าร์เป็นแล้วนี่ พอดีในชุดเกมที่ซื้อมามันมีกลองด้วย เลยให้อาร์มสอนให้ไง”
     แม็กซ์เดินมานั่งลงข้างๆ ต้น เขาจ้องหน้าคนที่ตนแอบรักมาเนิ่นนานแล้วเอ่ย
     “งั้นจะไปยัง? หรือจะเล่นเกมอยู่นี่”
     “ถามอาร์มสิอาร์มพร้อมยังล่ะ?”
     “เอ้า! โยนกันเฉยเลยนะต้น ฮ่าๆ”

     แล้วคณะที่ประกอบด้วยคนสามคนก็ออกเดินทาง BMW-X3เคลื่อนตัวโดยมีแม็กซ์เป็นสารถีผลัดแรก อาร์มนั่งด้านหลังปล่อยให้ต้นน้ำนั่งเคียงคู่กับแม็กซ์ สีหน้าหงุดหงิดและความเร็วของรถที่แล่นไปบนถนนบ่งบอกอารมณ์ของแม็กซ์ได้ดี ต้นน้ำรู้สาเหตุแต่ก็ยังแอบเอาแต่ใจพยายามให้แม็กซ์กับอาร์มคืนดีกัน เขาพยายามชวนเพื่อนทั้งคู่คุย ด้วยความเกรียนแม็กซ์เลยเผลอกวนส้นใส่จนต้นน้ำเริ่มเซ็ง เขาหยิบเอาขนมขบเคี้ยวขึ้นมาทานพลางยัดใส่ปากคนขับแก้เบื่อ แต่ทำได้เพียงไม่นานก็ชักจะหมดความอดทน ต้นน้ำจึงปีนไปนั่งด้านหลังข้างๆ อาร์ม
     “ขอซุกหน่อย หนวกหูเกรียน”
     ว่าแล้วต้นน้ำก็หยิบแขนของอาร์มคล้องไหล่ตนก่อนจะซุกหน้าลงซบอกของเพื่อนรักแล้วหลับตา อาร์มที่พยายามแสดงออกว่าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยการเงียบมาตลอดทางเลยไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้นอกจากปล่อยให้คนขี้งอนซุกอกตัวเองแล้วเนียนโอบเพื่อนรักตามน้ำ เขาสบตากับเพื่อนซี้ในกระจกทำนองว่า “กูเปล่านะ ต้นมาเอง”
     เจอช็อทประชดกันโต้งๆ แบบนี้แม็กซ์ก็มียอมแพ้
     ต้นน้ำหงุดหงิด เขาเซ็งที่แม็กซ์คอยหึงเขาอีกแล้ว แต่ก็แค่เซ็งที่แม็กซ์หึงเขากับอาร์ม ต้นน้ำไม่ได้เบื่อหรือรำคาญ ...

     จนกระทั่งถึงจุดพักรถ ต้นน้ำขอตัวไปตุนเสบียงปล่อยให้สองหนุ่มอยู่ตามลำพัง แม็กซ์มองหน้าอาร์มแล้วถามขึ้น
     “กูถามมึงตรงๆ ตกลงมึงคิดยังไงกับต้น”
     “กูอยากเห็นต้นมีความสุข”
     “อย่ากวนตีนกู สัสอาร์ม!”
     แม้จะถูกแม็กซ์ด่าว่ากวนตีนแต่อาร์มกลับไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
     “มึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร มึงชอบต้นรึเปล่า?”
     “กูชอบต้น แต่ไม่ได้ชอบแบบแฟน”
     “แล้วถ้าต้นชอบมึง”
     อาร์มนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพยายามเฟ้นหาคำตอบ แต่แล้วเสียงของต้นน้ำก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน
     “แม็กซ์ด่าอะไรอาร์มอีกแล้ว? เลิกโกรธอาร์มซะทีเถอะน่า เราไม่ได้ชวนพวกนายมาทะเลาะกันนะ”
     “ไม่ได้ทะเลาะนะต้น”
     อาร์มรีบเปลี่ยนท่าทีหันไปยิ้มเอาใจ ต้นน้ำยิ้มรับแล้วส่งถุงพลาสติกใส่ขนมคบเขี้ยวให้คนทั้งคู่
     “ดีละ ดีๆ กันไว้ ชีวิตเราฝากไว้ที่พวกนายนะ ฮ่าๆ”
     “เชื่อมือเราเหอะ รับรองถึงสงขลาแน่นอน”
     “เอาแบบปลอดภัยด้วยสิอาร์ม นายอ่ะซิ่งเกินไปแล้ว”
     “ก็ซิ่งแบบปลอดภัยไง”
     แม็กซ์มองต้นกับอาร์มแซวกันแล้วก็เซ็ง นี่มันควรจะเป็นทริปสุดสวีทของเขากับต้นน้ำไม่ใช่หรือ? ต้นน้ำที่กำลังโสดเหมาะแก่การเสียบอย่างแรงแต่กลับต้องมีก้างขวางคอชิ้นโตอย่างอาร์ม!

     เพราะออกเดินทางสายรวมทั้งแวะระหว่างทางไปเรื่อยจึงมืดก่อนถึงหาดใหญ่ ต้นน้ำเลยเสนอให้หาที่พักนอนกันสักคืนเพราะไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืน คนทั้งสามเลือกโรงแรมเล็กๆ ระหว่างทางแห่งหนึ่งเพื่อเป็นที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้ แต่มันก็มีประเด็นจนได้...
     “นายสองคนนั่นแหละนอนด้วยกัน เราจะนอนคนเดียว”
     “ได้ไง แม็กซ์ห่วงต้น นอนกับแม็กซ์นะ”
     “งั้นเรานอนกับอาร์ม”
     ต้นน้ำพูดยิ้มๆ แต่แม็กซ์กลับมองไปทางอาร์มตาขวางเล่นเอาอาร์มยิ้มไม่ออก
     “เราไม่อยากนอนกับแม็กซ์อ่ะ กลัวโดนปล้ำ ฮ่าๆ”
     ต้นน้ำปล่อยมุกอวดดีจนแม็กซ์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจก่อนจะสรุป
     “งั้นก็นอนด้วยกันหมดนี่แหละ! แม็กซ์จะปล้ำต้นโชว์ไอ้อาร์มให้ดู!”
     “ปล้ำดิ ปล้ำมามีต่อยอ่ะ”
     ต้นน้ำเชิดคางขึ้นพลางท้าทาย อาร์มอมยิ้มกับความดื้อรั้นแบบเปิดเผยของต้นน้ำ เขาเข้าใจแม็กซ์แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
     “หัวเราะไรของมึง สัส! มาเป็นก้างกูทำเหี้ยไร!”
     “งั้นคืนนี้กูช่วยจับต้นให้มึงปล้ำอ่ะ”
     “กูปล้ำของกูเองได้ไม่ต้องเสือก คืนนี้ตอนกูกะต้นเอากันมึงก็ว่าวเอาละกัน ไม่ต้องมาแจมกู”
     “ปากเหรอแม็กซ์!”
     “ฮ่าๆ”
     แม้จะบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ต้นน้ำกลับรู้สึกดีที่แม็กซ์ทำท่าเหมือนจะให้อภัยอาร์ม ต้นน้ำเลยจองห้องพักเพียงห้องเดียว แล้วคนทั้งสามก็เดินกัดกันไปยังห้องพัก แต่เมื่อถึงห้องพักต้นน้ำฉวยโอกาสหอบเสื้อผ้าหนีเข้าไปจองห้องน้ำชำระร่างกายเป็นคนแรก แม็กซ์เลยเลี่ยงออกมานั่งด้านนอกระเบียง เมื่ออาร์มโวยวายเรื่องแย่งห้องน้ำกับต้นน้ำเสร็จแล้วก็เดินออกมานั่งข้างๆ แม็กซ์ เขายื่นเบียร์ให้เพื่อนรัก
     “พรุ่งนี้กูขับ มึงอยากดื่มก็ดื่มเหอะ”
     แม็กซ์ไม่ได้พูดขอบคุณแต่กลับยื่นมือไปรับเครื่องดื่มต้องห้ามขณะขับมาเปิดก่อนจะยกขึ้นซด
     “สัส! ทำไมมึงไม่แช่มาด้วยวะ”
     “รถมึงมีตู้เย็น?”
     “กระติกอ่ะ?”
     “น้ำแข็งละลายเกลี้ยงตั้งแต่เย็นแล้ว”
     “มึงโคตรกากอ่ะอาร์ม”
     “เออกูรู้กูมันห่วยไม่เหมือนมึง”
     “ช่างมันเหอะ ต้นมันยิ้มได้ก็เพราะมึง”
     สีหน้าของเพื่อนทำให้อาร์มไม่สบายใจ อาร์มรู้ว่าแม็กซ์คิดอะไร สิ่งที่ต้นน้ำทำเขาก็รู้ สิ่งเดียวที่เขาไม่รู้คือไม่แน่ใจตัวเอง ในที่สุดอาร์มก็ทนไม่ไหว
     “มึงคิดว่ามึงรู้จักต้นคนเดียวเหรอแม็กซ์ มึงก็รู้ว่าต้นไม่มีวันรักใครอีก ต้นอยากให้กูยิ้มกูก็จะยิ้ม กูทำไปเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของต้น กูไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนทำให้ต้นยิ้ม ความรู้สึกของกูใช้แค่คำว่ารักหรือชอบมาบอกไม่ได้หรอก”
     มากกว่าคำว่ารัก ยิ่งกว่าคำว่าชอบ เกินกว่ามิตรภาพ สิ่งที่อาร์มมีให้ต้นคือความปรารถนาดีจากใจจริง แต่เพราะรู้จักต้นน้ำดีเกินไปอาร์มจึงรู้สถานะของตัวเองและไม่คิดครอบครองต้น เขาพอใจถอยห่างออกมาอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ แต่แม็กซ์ก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง
     “แล้วมึงอยากเอาเพื่อนมึงมั้ยล่ะ?”
     “กูเอากับผู้ชายไม่เป็นว่ะ”
     มุกของอาร์มทำเอาแม็กซ์เงิบ!
     “ไอ้สัส! กูซีเรียส”
     “กูไม่เคยมีอารมณ์กับต้น แต่กูชอบมัน มีด้วยเหรอวะคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้วไม่หลงรักมัน”
     “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
     “ตอนมันติวให้กูแลกกับน้ำแตงโม คนเชรี่ยไรโคตรงก โดนใจว่ะ”
     อาร์มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สีหน้าของอาร์มทำให้แม็กซ์รู้ว่าอาร์มชอบต้นน้ำมากจริงๆ
     “งั้นมึงจะจีบแข่งกะกู?”
     “ไม่อ่ะ กูไม่แย่งของเพื่อน”
     “เพราะมึงเป็นเพื่อนกู ถ้ามึงจะจีบต้นก็แข่งกันแฟร์ๆ ไม่ต้องมาเสียสละให้กูๆ ใจพอว่ะ”
     “กูจะจีบมันไปทำไม จีบให้ตายมันก็ไม่มองกู กูอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า เป็นเพื่อนกันดีสุดแล้ว กูขี้เกียจทรมานตัวเองเหมือนมึง มึงก็เคยไม่ใช่เหรอวะ? แค่ชอบเฉยๆ ไม่คิดอะไร”
     อาร์มหันมาตอบแม็กซ์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใช่ว่าแม็กซ์ไม่เชื่ออาร์ม เขาเชื่อคำพูดของเพื่อน เพียงแต่...
     “มึงสบายใจได้เลย ศัตรูของมึงไม่ใช่กู มึงรู้จักต้นดีไม่ใช่เหรอวะ”
     “เพราะกูรู้อะดิกูถึงโคตรหมั่นไส้มึงเลย สัส!”
     “ก็เพราะกูไม่คิดอะไรไง มันเลยชอบกู มึงลองเลิกจีบมันดูดิ ฮ่าๆ”
     “...เหอะ!”
     แม็กซ์ทำปากด่าอาร์มแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดก เป็นเวลาเดียวกับที่ต้นน้ำเปิดประตูห้องน้ำออกมาเขาจึงหันไปมอง แม้จะชินกับลุคใหม่ของต้นน้ำแล้วแต่สภาพชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเสมอต้นขาก็ทำเอาแม็กซ์สะอึก!
     “เหี้ย! มึงช่วยออกไปไหนก็ได้ซักสองชั่วโมงเด๊ะ”
     “แค่สองเองเหรอ?”
     “ได้ทั้งคืนยิ่งดี!”
     “คุยไรกันอยู่เหรอ? อาร์ม ตานายแล้ว”
     ต้นน้ำชะโงกหน้าออกมาเรียกอาร์มที่นั่งหัวเราะแม็กซ์ตรงระเบียง
     “เออๆ รู้แล้ว ฮ่าๆ กูไปนะ”
     อาร์มตบไหล่ต้นน้ำแบบขำๆ แล้วผิวปากเดินเข้าห้องน้ำ ต้นน้ำเลยได้แต่งง
     “มีอะไรเหรอแม็กซ์? อาร์มเป็นอะไรอ่ะ?”
     “ช่างหัวมันเหอะ ไอ้ปัญญาอ่อนนั่นอ่ะ”
     “อะไรกัน ยังไม่ดีกันอีกเหรอ? เห็นหัวเราะก็นึกว่าดีกันแล้ว”
     ต้นน้ำถามพลางนั่งลงแทนที่อาร์ม แม็กซ์ลอบมองเรียวขาของต้นน้ำแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบแก้กลุ้ม
     “แม็กซ์ไม่ใช่เด็กนะต้น อย่าทำแบบนี้ได้ป่ะ”
     “ก็เลิกโกรธอาร์มก่อนสิ เราไม่อยากเห็นเพื่อนทะเลาะกันนี่!”
     ต้นน้ำว่าพลางหน้ามุ่ยแม็กซ์เลยแอบยิ้ม ต้นน้ำคนใหม่ตรงเผงไม่มีปิดบังความรู้สึกอีกต่อไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นน้ำคงไม่กล้าโวยวายใส่เขาตรงๆ เช่นนี้ จะพูดอะไรแต่ละทีก็มี“เอ่อ” แต่ไม่ว่าอย่างไรต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำคนที่เขาหลงรัก แม็กซ์รู้ดีว่าต้นน้ำมีหน้ากากหลายแบบแต่เขาคิดว่าตัวเองรู้จักหน้ากากทุกใบของเพื่อนคนนี้
     “ไม่ได้เคืองกันเรื่องนั้นแล้ว”
     “อ้าว? มีอะไรอีกเหรอ? นายโกรธอะไรอาร์มอีกอ่ะ”
     “โหยต้นอ่ะ! ทำไมเป็นแม็กซ์ทุกทีวะ? ไม่คิดว่าเป็นไอ้อาร์มมันเริ่มก่อนบ้างอ่ะ?”
     “ไม่มีทาง! อาร์มไม่กล้าหาเรื่องนายหรอก มีแต่นายนั่นแหละชอบหาเรื่องคนอื่น”
     “ชิ!”
     แม้แม็กซ์จะส่งเสียงประท้วงแต่ก็เป็นไปแบบขำๆ ไม่ได้จริงจังมาก ต้นน้ำจึงพูดต่อ
     “เราคบกับนายมากี่ปีแล้ว ทำไมเราจะไม่รู้จักนิสัยนาย หึๆ”
     ต้นน้ำได้ทีข่มทับ แต่แม็กซ์เกทับกลับแรงกว่า!
     “งั้นก็ต้องรู้ดิว่าที่แม็กซ์ทะเลาะกับไอ้อาร์มก็เพราะแข่งกันจีบต้นอยู่”
     “เฮ่ยบ้า! พูดอะไร?”
     “ละไปอ่อยมันทำไมอ่ะ ไอ้อาร์มมันเลยหลงรักต้นจนคิดจีบแข่งกะแม็กซ์เลย”
     “อ่อยอะไร พูดดีๆ นะแม็กซ์”
     “โหย! ไม่อ่อยเลยมั้ง”
     แม็กซ์พูดพลางใช้สายตากวาดมองเรือนร่างของต้นน้ำ
     “บ้า! นี่มันชุดนอน ใครๆ ก็ใส่แบบนี้นอน นายยังใส่แต่บ็อกเซอร์นอนเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
     “คิดไงเนี่ย โคตรเกย์เลยต้น”
     “ก็เราเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ?”
     เพราะแม็กซ์ปากเสียต้นน้ำจึงยียวนกลับ แต่แล้วเขาก็ยักไหล่ก่อนจะเฉลยความจริงให้เพื่อนรักฟัง
     “เอาจริงๆ ก็ได้ ซื้อยกโหลแล้วมันลดเยอะดี มีแถมด้วย เลยแบ่งกันกับเมษ ตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกนะแต่พอใส่ๆ ไปแล้วมันสบายดีเหมือนกัน”
     “ติดใจอ่ะดิ บอกแล้วใส่แต่บ็อกเซอร์นอนสบายจะตาย วันหลังลองแก้ผ้านอนดิสบายกว่านี้อีก แต่ถ้าจะให้สบายที่สุดต้องมานอนกับแม็กซ์”
     “หื่นอ่ะ!”
     “เออ แม็กซ์หื่น ก็ต้นอยากมายั่วแม็กซ์เองนี่หว่า คืนนี้ก็ระวังตัวดีๆ ละกัน แม็กซ์กินเบียร์ เมา!”
     มุกของแม็กซ์ทำเอาต้นน้ำเขินปนหมั่นไส้ เบียร์แค่นี้ทำเพื่อนเขาเมาได้ที่ไหนกัน คิดจะปล้ำเขาเหรอ ฝันไปเหอะ!
     “ขี้เกียจคุยละอ่ะ แม็กซ์โคตรเกรียน!”
     “ใช่ดี๊! ใครมันจะไปน่ารักเหมือนอาร์มมันอ่ะ”
     “น้อยใจเหรอ? โอ๋ๆ”
     ต้นน้ำแหย่แม็กซ์อย่างได้ใจ
     “น้อยใจดิ จีบมาตั้งสี่ห้าปีไม่ติดซักที โดนคนอื่นตัดหน้าตลอด เมื่อไหร่ต้นจะมองแม็กซ์บ้าง?”
     เพราะจู่ๆ เกรียนก็เข้าโหมดดราม่า ต้นน้ำเลยไปต่อไม่ถูก
     “แม็กซ์... เรา...”
     “อย่าขอโทษ! เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้แม็กซ์รู้ แต่แม็กซ์อยากให้ต้นรู้ว่าแม็กซ์รอต้นอยู่ตรงนี้ แม็กซ์รักต้นนะ”
     ต้นน้ำกระพริบตามองแม็กซ์ด้วยท่าทางขลาดกลัว เพื่อนของเขาเม้มริมฝีปากด้วยความกังวล แม็กซ์เห็นดังนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ต้นน้ำไม่ได้เอียงตัวหนีแต่กลับหลบตาเขาแทน แม็กซ์จึงก้มเข้าไปใกล้ อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากของเขาทั้งคู่ก็จะสัมผัสกันแล้ว...
     “เหี้ยไม่มีน้ำอุ่นว่ะ! น้ำโคตรเย็นเลย อ้าว? ... นี่กูออกมาผิดเวลาป่ะ?”
     “สัสอาร์ม!”
     “แม็กซ์ ตานายแล้ว เราว่านายรีบไปอาบน้ำเหอะจะได้นอนซักที พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆ”
     “โหยต้นอ่ะ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สมกับเป็นพ่อหนุ่ม KY อาร์มโผล่มาผิดจังหวะตลอด! :katai5:
**KY "空気を読めない"(Kuuki Wo Yomenai) คนที่ไม่มีกาลเทศะ ไม่รู้จักอ่านบรรยากาศ ไม่ดูสถาณการณ์ มีทั้งแง่ดีและไม่ดี ถ้าเป็น AKY ก็จะตรงกันข้ามคือจงใจทำ**

สมกับเป็นบทฮาเรมจริงๆ ชักอิจฉาต้นละ แม็กซ์คงเซ็งน่าดู เหอะๆ ไม่รู้ตอนนี้คนอ่านจะยกป้ายไฟใครมากกว่ากัน ระหว่างแม็กซ์และอาร์ม
แต่เหมือนน้องต้นจะมีความเปลี่ยนแปลง... คนกำลังโสด ตัวเลือกเยอะ กำลังลั่นล้ากับชีวติ คงมีเขว้ๆ บ้างแหละ  :-[

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     ปกติแล้วพวกปีสามมักไม่ค่อยมายุ่งกับการรับน้องยกเว้นพวกบ้าพลัง แต่หนนี้จอมพลังอย่างมิวนิคไหงมาจับคู่กับเจ้าแม่กิจกรรมอย่างเมย์ลากต้นน้ำไปงานวันเปิดบ้านด้วยกันก็ไม่รู้ พวกเขาพยายามแต่ไม่แน่ใจว่าจะทำสำเร็จรึเปล่า M&Mแอบไปซุ่มวางแผนเตรียมตัวมาอย่างดี
     นับตั้งแต่วันสุดท้ายที่ไปป์อาละวาดใส่ต้นน้ำก็แทบไม่มีใครได้เจอต้นอีก การปิดเทอมทำให้ทุกคนกลัวว่าต้นน้ำจะหายไปเงียบๆ อีกครั้ง ท่ามกลางข่าวลือว่าต้นน้ำอาจจะลาออก บางคนถึงขั้นใส่ไข่ว่าต้นน้ำจะหนีอายไปเรียนต่อเมืองนอกเสียด้วยซ้ำ โชคดีที่ต้นน้ำยังรับโทรศัพท์ แผนการนี้จึงได้เริ่มขึ้นท่ามกลางการจับมือของคู่แค้นM&M!
     แต่ต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำ ดราม่าตัวแม่บ่ายเบี่ยงอ้างธุระไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรมตามเคย
     “เราไม่สะดวกจริงๆ”
     “อะไรวะ มึงอย่าเล่นตัวน่ะ คนไม่พอจริงๆ ไม่เชื่อถามเมย์ดู บ้านจะร้างอยู่แล้วมึง”
     “แต่เราไม่ว่างจริงๆ”
     “ไม่ว่างไรอีก กูรู้นะมึงเลิกกับแฟนมึงแล้วมึงว่าง”
     ต้นน้ำเบ้ปากใส่คนในสาย เขาอยากทะลุไปตบคนบางคนสักฉาด!
     “เราก็มีครอบครัวที่ต้องกตัญญู ต้องช่วยงานที่ร้าน แล้วก็มีเพื่อนที่ต้องผ่าตัดไงมิวนิค สำคัญพอมั้ย?”
     “อ้าว เฮ้ย! ใครเป็นไรวะ?”
     “เพื่อนสมัยมอปลายนายไม่รู้จักหรอก”
     “เป็นไรมากป่ะ?”
     “มาก! เกี่ยวพันถึงชีวิตทั้งชีวิต! เราอยากไปเฝ้าเพื่อนเราเพราะตอนเราไม่สบายเขาก็คอยดูแลเราตลอด”
     ความจริงเมษเดินไปไหนมาไหนเองได้แล้วแต่อิดออดชอบอ้างว่าปวดแผลนอนอยู่เฉยๆ ให้เขาทำโน่นทำนี่ให้อยู่เรื่อย ต้นน้ำจึงต้องคอยเอาใจเพื่อนสนิทคนนี้เป็นพิเศษ แต่การไปช่วยมารดาของเมษขายกับข้าวก็สนุกไปอีกแบบสำหรับต้นน้ำ เขาได้พบปะผู้คนหลากหลายแบบทำให้มั่นใจตัวเองมากขึ้นและเริ่มสนุกกับการขาย ต้นน้ำแอบตั้งเป้าหมายในใจว่าคราวหน้าเขาจะลองขายแหวนในร้านให้ได้สักวง
     “เออๆ งั้นมึงไม่ต้องมาเตรียมงานก็ได้ แต่วันเปิดบ้านมึงต้องมานะ”
     “แล้วจะไปให้แล้วกัน แค่นี้นะ”
     ต้นน้ำเตรียมจะวางสายแต่มิวนิคขัดขึ้นเสียก่อน
     “เดี๋ยวๆ กูมีอีกเรื่องจะบอกมึงด้วย คือคอนเซปต์ของบ้านอ่ะ มึงต้องแต่งแฟนซีว่ะ”
     “...”
     “มึงฟังอยู่รึเปล่าต้น?”
     “ไว้ใกล้ๆ วันแล้วค่อยคุยกันอีกทีนะ”
     “เออ”
     และแล้วมิวนิคก็วาดฝันไว้อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ‘ทีนี้แหละ ต้นก็จะ... หึๆ’ ความคิดชั่วร้ายสร้างความหฤหรรษ์ให้เขาจนเผลอหัวเราะเหมือนคนบ้า!

     แต่แล้วเมื่อถึงวันจริง ฝ่ายที่อ้าปากค้างกลับเป็นคนอื่นไม่ใช่ต้นน้ำ! เจ้าแผนการทั้งสองคนยืนอึ้งกับลุคใหม่ของต้นน้ำจนลืมหุบปาก!
     ผมสั้นสไตล์พังก์แอบอันเดอร์คัตซอยปัดมาปรกด้านขวาสีน้ำตาลอมแดงสุดร้อนแรง คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลอ่อน ผิวที่คล้ำขึ้นเล็กน้อย ตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กๆ ตรงขอบหูขวาและสายข้อมือหนังตกแต่งโซ่ที่ข้อมือด้านซ้าย!
     “เรามาได้แป๊บเดียวนะ เดี๋ยวจะกลับไปเฝ้าเพื่อนเราต่อ”
     ต้นน้ำโกหกหน้าตาย! เขาแอบไขว้นิ้วขณะซุกมือในแจ็คเก็ตแบบเนียนๆ แล้วมองเพื่อนๆ ที่อ้าปากค้างกันด้วยความสงสัย แต่เมื่อไม่เห็นใครขยับต้นน้ำก็นิ่วหน้าอย่างขัดใจ
     “เฮ้! เรามาได้แป๊บเดียว จะให้เราช่วยอะไรก็บอก”
     “มึง ... มึงดูเปลี่ยนไปนะ”
     “อืม แล้วนี่เราต้องทำอะไรบ้าง?”
     มิวนิคมองต้นน้ำอย่างใช้ความคิด เสื้อยืดกับแจ็คเก็ตไม่เท่าไหร่ แต่กางเกงยีนส์รัดรูปกับรองเท้าไบค์เกอร์นี่สิ...
     “มิวนิคเป็นอะไรของเขาอ่ะเมย์ แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง?”
     เมย์ที่ได้สติรีบใช้ศอกสะกิดมิวนิค ทั้งสองคนส่งซิกกันก่อนที่มิวนิคจะหยิบชุดนางพยาบาลสีชมพูออกมาให้
     “ธีมฮาเรมหมอ มึงใส่ชุดนี้”
     ต้นน้ำมองชุดแล้วช็อกค้าง เขาสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติแล้วพูด
     “ถึงเราจะชอบผู้ชายก็ไม่ได้แปลว่าเราอยากแต่งหญิงนะ”
     “เอ้ย ขำๆ น่ะ ใส่เล่นสนุกๆ ใครๆ ก็ใส่กัน เมย์ก็ใส่”
     ‘นายก็พูดได้นี่นายใส่แค่เสื้อกาวน์นี่!’ ต้นน้ำคิดอย่างหงุดหงิดแต่พยายามมีสติไม่หลุดปรี๊ดใส่เพื่อน
     “ก็เมย์เป็นผู้หญิงใส่แล้วน่ารัก”
     “คนเขารู้หมดแล้วมึงไม่ต้องอายหรอก”
     เมย์แทบอยากกระโดดตบคนข้างตัวให้หายโง่! เรื่องความฉลาดน้อยของมิวนิคไม่เป็นรองใครเลยจริงๆ
     ต้นน้ำสูดหายใจก่อนจะผ่อนลมออกมา เขาใช้เสียงเรียบๆ เอ่ยเตือนเพื่อน
     “เฮ้อ... เราไม่รู้ว่านายคิดอะไรนะมิวนิค แต่เราไม่เคยอยากแต่งหญิง โอเคนะ?”
     “กูแค่คิดว่ามึงน่ารักดี ตัวก็เล็ก แต่งหญิงแล้วคงสวย”
     “ใช่ๆ คือพวกเราก็แค่หวังดี งานจะได้สนุกด้วย เผื่อต้นอยาก... เราว่านายต้องแต่งออกมาแล้วดูดีแน่ๆ”
     เรื่องมันจะล่ม เมย์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบช่วยพูดแต่ผลกลับทำให้ต้นน้ำหน้าตึงมากขึ้นเรื่อยๆ
     “เลิกคิดแทนคนอื่นซะทีได้มั้ยเมย์”
     “ป่าวนะเราก็แค่... เราก็แค่อยากให้ต้น...”
     “นี่มันพล็อตนิยายน้ำเน่าเหรอ? ที่พอตัวเอกถูกจับแต่งหญิงแล้วก็สวยจนมีแต่คนมาหลงรัก ชื่นชม? เราไม่แคร์อะไรแล้วล่ะเมย์ ใครมันอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะเราเป็นของเราแบบนี้ ถ้าใครจะรักเราก็ต้องรักที่เราเป็นแบบนี้ ไม่ใช่มาปิ๊งเพราะเห็นเราแต่งหญิงแล้วสวย!”
     ต้นน้ำที่ยังคงรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่นตอกกลับพลางจิกตาใส่คนบางคน
     “แล้วที่สำคัญ ถ้าเราจะหาแฟนใหม่นะ เราไม่ต้องมาใส่ชุดบ้าๆ อ่อยใครหรอก เราจะทำให้เขารักที่ตัวเราให้ได้!”
     มาดนางพญาเช่นนี้กลับทำให้มิวนิคหัวใจกระตุกมากกว่าเดิม
     “ช่ายเลย... เห็นด้วย แค่นี้ก็น่ารักแล้ว”
     เมย์หมั่นไส้อาการโอเวอร์ของมิวนิคจนอยากจะอ้วก!
     “แล้วต้นโอเคแล้วจริงๆ เหรอ แบบ...”
     เมย์พูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วร่างต้นน้ำ ต้นน้ำจึงยิ้มน้อยๆ แล้วตอบเสียงใส
     “โอเคสิ! ทำไม? เราดูไม่ดีเหรอ?”
     “เปล่าๆ คือนาย... นาย...”
     “ไม่เข้ากับเราเหรอ?”
     ต้นน้ำพูดพลางเอียงหูมาให้เมย์ดูชัดๆ ใบหูข้างขวาของต้นน้ำตรงขอบหูมีรูเจาะที่ถูกประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ อยู่อย่างโดดเดี่ยว
     “ของแท้นะนี่ ... ปู่เราให้มา เราว่ามันเท่ดีนะเพราะขอบหูเราแบน แถมพอเอาผมมาปิดๆ แบบนี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้ว ยังแอ๊บเรียบร้อยได้เหมือนเดิม”
     ต้นน้ำภาคพูดมากแบบใหม่นี้ทำเอาเมย์อึ้ง!
     “เอ่อ... เข้าสิ! เท่มากๆ เลยต้น”
     ต้นน้ำยิ้มด้วยความยินดี
     “ใช่มั้ยล่ะ! เราคิดว่าถ้าอีกหน่อยต้องใส่อะไรที่ข้างซ้ายนี่ตลอดเวลาเราก็อยากหาอะไรมาถ่วงที่ด้านขวาให้บาลานซ์กัน แต่ถ้าเจาะที่ติ่งหูข้างเดียวเรากลัวมันโหล เลยเจาะตรงนี้ เท่ใช่ม๊า?”
     ว่าแล้วต้นน้ำก็ยกข้อมือซ้ายขึ้นมาโชว์ เขาถลกแขนเสื้อแจ็คเก็ตอวดเครื่องประดับชิ้นนี้อย่างภาคภูมิใจ
     “อันนี้น่ารักมั้ย? พี่สาวเราออกแบบเองเลยนะ เขาดีไซน์แล้วส่งไปให้ช่างที่ร้านช่วยทำให้ ตัวโซ่นี่เป็นสแตนเลสนะ ตรงหนังเป็นหนังลูกวัวย้อมสี เจ๋งใช่มะ? สะดวกดีชะมัด แต่ลุงเราปิ๊งไอเดียล่ะ เลยบอกว่าจะลองทำตลาดดู เป็นไลน์สินค้ากลุ่มกลางๆ น่ะ ไม่แพงมากแต่เน้นคุณภาพใช้วัสดุดีกว่าตามท้องตลาด มีขายในอินสตาแกรมนะ รับสั่งทำตามแบบด้วย ร้านเรามีช่างของเราเอง”
     “เอ่อ... จะ”
     “สนมั้ย? ถ้าสนเราลดให้ได้นะ”
     เมย์ที่ยังคงอึ้งอยู่เกิดอาการพูดไม่ออก ต้นน้ำเปี๋ยนไป๋!
     สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้นน้ำก็ยังคงเป็นต้นน้ำคนเดิมเพียงแต่เมย์บอกไม่ถูกว่าเพื่อนของเธอเปลี่ยนไปอย่างไร จะว่าพูดมากขึ้นก็ไม่ใช่ เวลาปกติถ้าต้นน้ำคุยเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว นิสัยเอาแต่ใจตัวเองไม่สนใจใครก็ปกติ เพียงแต่ต้นน้ำคนนี้ดูมีพลังแตกต่างกับต้นน้ำคนเดิมที่ดูนิ่งเฉย เพื่อนของเธอกล้าแสดงออกดูเปิดเผยมากขึ้นละมั้ง
     เมย์มองต้นน้ำในมาดใหม่ที่ดูมั่นใจจนเกินเหตุแล้วก็อยากให้แก้วกับป่านมาอยู่ด้วยกันเหลือเกิน เธอไม่น่าคิดว่าตัวเองกับอีตายักษ์นี่จะรับมือเรื่องนี้ได้ตามลำพังเลย!
     ระหว่างที่เมย์กำลังคิดไม่ตกต้นน้ำก็เถียงเรื่องชุดกับมิวนิคอย่างไม่ยอมแพ้
     “ขำๆ น่ะอย่าคิดมาก สนุกๆ เอง บ้านอื่นก็มีแต่งหญิงเยอะแยะ”
     “แล้วทำไมนายไม่แต่งเองซะล่ะ? ขำๆ ไง เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะ จะได้เอะอะมีโอกาสก็ขอแต่งหญิงเพราะเก็บกด”
     “ยังไม่มีใครว่าอะไรนายเลย”
     “อัฐ!”
     ต้นน้ำยิ้มกว้างแล้วพุ่งไปหาอัฐโดยทิ้งมิวนิคไว้ที่เดิม
     “มาไงอ่ะ?”
     แววตาของต้นน้ำเป็นประกายสดใสแตกต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ!
     “ก็ต้องมาเฝ้าบ้านไง แต่เห็นคนบอกว่านายจะมาเลยมาดู”
     ต้นน้ำทำหน้าหงิกแต่อัฐก็ตอบโต้ด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ จนในที่สุดต้นน้ำก็ยอมแพ้
     “ก็มิวนิคจะให้เราใส่ชุดประหลาดๆ อ่ะ ใครจะไปใส่”
     M&Mยืนมองอาการกระเง้ากระงอดของต้นน้ำตาค้าง!
     “เอ้ยๆ พวกมึงสองคน...”
     มิวนิคพูดได้แค่นั้นแล้วก็พูดไม่ออก
     ความเปลี่ยนแปลงของต้นน้ำมีมากเกินกว่าที่สมองน้อยๆ ของเขาจะรับไหว เขาเอ๋อจนตามเกมต้นน้ำไม่ทันด้วยซ้ำเมื่อถูกหลอกให้แต่งหญิงแทน
     ดังนั้นภาพที่ทำเอาคนอื่นพากันสยองจึงเกิดขึ้น ผู้ชายกล้ามโตร่างยักษ์ที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยัดตัวเองอยู่ในชุดนางพยาบาลสีชมพูหวานแหววแต่งหน้าทาปากตลกๆ ใส่วิกสีทองเป็นลอนพูดจามี“คะขา”แต่ห้าวสุดติ่งคอยต้อนรับน้องๆ และใกล้ๆ กันนั้นก็มีคุณหมอหนุ่มสุดเคะนั่งไขว้ห้างอมยิ้มขำเพื่อน ดวงตาสีน้ำตาลหลังหลังแว่นปลอมดูพราวระยับไปด้วยแววแห่งความสุข
     อัฐมองภาพนั้นอย่างยินดีก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้าน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เปิดตัวน้องต้นลุคใหม่ แสบใช่เล่น  :laugh:
ไม่รู้คนอ่านจะถูกใจพัฒนาการของตัวละครตัวนี้รึเปล่า แต่นอกจากนิสัยมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เราว่าที่เหลือต้นยังเหมือนเดิมนะ คือเขาก็ร้ายแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แค่เมื่อก่อนมักจะนิ่ง แอ๊บ แต่ตอนนี้เขาแกรนด์ตัวเองแล้วจ้า ฮ่าๆ

แอบแขวะพล็อตพิมพ์นิยมเล็กน้อย คิกๆ เราเคยอ่านจากเพจคุณช่า เขาเคยพูดประมาณว่า เกิดเป็นตุ๊ด(เป็นเกย์รับออริจินัล)ก็ลำบากแล้ว หาแฟนยาก ยิ่งดันแต่งหญิงอีก ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แทบจะเป็นชนชั้นล่างๆ เลย .... ก็ไม่รู้จริงไม่จริงนะ แต่เราเห็นนิยายวาย ตัวเอกต้องหน้าหวานบอบบางแล้วเกือบทุกเรื่องมันต้องมีฉากให้แต่งหญิงแล้วสวยทั้งนั้น หรือไม่ถ้าเจอคนเขียนแอนตี้เคะสาวน้อยก็มักจะพยายามเขียนให้ตัวเอกคิดไปเองว่าตัวเองโคตรแมน แต่จะบรรยายเมะคิ้วเข้มกว่า สูงกว่า หล่อกว่า สาวมองเยอะกว่า

ดังนั้นเราเลยไม่ค่อยบรรยายพี่ชัชว่าหล่อ ไม่บรรยายหน้าตาแม็กซ์ ในภาคหนึ่งลองเขียนประกวดเลยต้องทำไรตามพิมพ์นิยมนิดนึง แต่พอเป็นภาคสองเราเลยทำตามใจโดยการไม่ครอบงำคนอ่านด้วยหน้าตาน้องต้น แทบจะไม่บรรยายอะไรมาก เขียนไปตามสายตาของตัวละคร ให้คนอ่านค่อยๆ ทำความรู้จักกับต้นเอาเอง เหอะๆ มาถึงจุดนี้เลยดีใจพอสมควรที่มีคนอินกับนิยายเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ตัวเอกเป็นเคะหน้าจืดส่วนเมะเป็นลุงวัยกลางคน
ส่วนถ้าถามว่าใครหล่อที่สุดในเรื่อง เชื่อกันมั้ยว่าเป็นมิวนิค? หนุ่มคนนี้เป็นลูกครึ่งเยอรมันนะ สูง189 หุ่นล่ำแบบนักกีฬา หน้าตาดี แต่สาเหตุที่ต้นไม่เคยกล่าวถึงเพราะต้นรังเกียจมิวนิคอย่างแรง ฮ่าๆ ต้นเลยมองว่าคิวว์กับไปป์หล่อแทน ไปป์จะหล่อแนวหนุ่มน่ารักร่าเริง คิวว์ก็ทำนองนายแบบอ่ะ ได้ที่รูปร่างเพราะคิวว์มีซิกแพ็ค ฮ่าๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
The story after that.

     เมื่อถึงวันเปิดเทอม เสียงบิ๊กไบค์ที่แล่นเข้ามาก็ชวนให้คนสนใจ นิสิตชายรูปร่างเพรียวคนหนึ่งควบเจ้าสองล้อคันใหญ่เข้ามาจอดก่อนจะก้าวลงจากรถ
     ต้นน้ำถอดหมวกกันน็อกออกแล้วเก็บใส่กระเป๋า เขาสะพายเป้แล้วมุ่งหน้าไปยังตึกเรียนอย่างมาดมั่น
     “หวัดดีเอก”
     เสียงทักอย่างร่าเริงที่ดังขึ้นทำให้เอกแปลกใจ และเมื่อเขาหันไปมองก็ต้องตาค้าง
     “ฮึๆ นายไม่ใช่คนแรกที่ตะลึงหรอก ทำไมอะไม่เข้ากับเราเหรอ?”
     เอกมองต้นน้ำที่เดินมานั่งใกล้ๆ เขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ตอบเรียบๆ
     “เปล่า กูแค่ไม่ชิน มึงมีความสุขก็ทำไปเหอะ”
     “ขอบใจนะ คิดอยู่แล้วว่านายต้องเข้าใจ”
     “กูไม่ได้เข้าใจมึง แต่ชีวิตเป็นของมึงไม่เกี่ยวกับกู อะไรที่มึงคิดว่าดีก็ทำไปแต่อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกก็พอ”
     “เป็นห่วงเราด้วยเหรอ?”
     เสียงของต้นน้ำเต็มไปด้วยความร่าเริงไม่มีอาการสลดเลยแม้แต่น้อย เอกมองรอยยิ้มอวดดีแล้วก็เริ่มหมั่นไส้ เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
     “เออๆ กูห่วงตัวเองเนี่ยแหละ เกรดกูตกก็เพราะมึง ร่วงระนาวกันทั้งภาค”
     “ขนาดนั้นเลย? งั้นเทอมนี้สัญญาว่าจะช่วยกู้เกรดให้ โอเคป่ะ?”
     ต้นน้ำนั่งคุยจุกจิกกับเอกไม่แคร์สายตาชาวบ้าน ท่าทางมั่นใจบวกกับรอยยิ้มเชิดๆ อย่างเป็นต่อนั้นดูแปลกไปจนคนบางคนเริ่มหมั่นไส้ บางคนให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ใหม่ บางคนสนใจเหตุผล เพื่อนๆ ในภาคเองก็ให้ความสนใจเขาเช่นกัน แต่เพราะความเปลี่ยนแปลงช่างมีมากเหลือเกิน บางคนจึงไม่กล้าเดินเข้ามาทัก เช่นอาร์ทกับวิน
     “นั่นไอ้ต้นใช่มั้ยวะ?”
     “เออๆ ใช่ โห! มันไปทำไรมาวะ?”
     “กูจะไปรู้กับมันเรอะ! แล้วนั่นมันนั่งคุยอะไรกับไอ้เอกวะ? ท่าทางโคตรแรดเลย แปลกว่ะ ไอ้เอกยังทนมันได้อีก”
     “มึงอยากรู้ก็เดินเข้าไปถามมันเด่ะ”
     “นั่นไอ้เอกนะมึง กูไม่อยากมีเรื่องกับมัน”
     จนกระทั่งพวกชาวแก๊งมาถึงนอกจากเมย์แล้วทุกคนต่างตะลึงกับลุคใหม่ของต้นน้ำและตกใจยิ่งกว่ากับนิสัยที่แปลกไป
     “ต้นเปลี่ยนไปเยอะเลยนะจ้ะ”
     “เราก็ยังเป็นเรานั่นแหละแก้ว”
     “แก้วหมายถึงแกดูร่าเริงขึ้นนะแบบแฮปปี้ดี๊ด๊าอะไรทำนองนั้น แกจะแกรนโอเพนนิ่งเหรอ?
     ต้นน้ำทำหน้างอใส่ป่าน
     “เราดูสาวแตกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
     “เปล๊า! แต่แบบ... แกเอาแต่ยิ้มเหมือนคนบ้า แฟชั่นจัดเต็มอะไรงี้ฉันก็นึกว่า... นะ”
     “เราอยากเปลี่ยนลุคดูน่ะ เลยไปตัดผม แต่พอไปที่ร้านแล้วช่างเขายุให้เราลองทำสีด้วย ตอนแรกว่าจะซื้อสีน้ำตาลมาทำเองแต่นะ... เคยเจอลมปากช่างจนมึนมั้ย? ละพอพี่สาวเรารู้เท่านั้นแหละ! ออฟชั่นมาเต็ม! แล้วจะให้เราใส่แว่นเหมือนเดิมเหรอ? มันก็เลยต้องเปลี่ยนกันนิดหน่อย ตอนพยายามใส่เองครั้งแรกนะ แทบตายอ่ะ!”
     ต้นน้ำบ่นด้วยท่าทางชวนขนลุกเหมือนยังสยองอยู่จริงๆ จนทุกคนขำตาม
     “เออๆ ฉันเข้าใจ เพราะงี้แหละฉันเลยใส่แต่แว่น ฮ่าๆ”
     “แต่ต้นเจาะหูด้วยนี่จ้ะ แปลกจัง ทำไมเจาะแต่ตรงนี้ล่ะ? ปกติคนนิยมเจาะตรงติ่งหูมากกว่านี่จ้ะ”
     “อื้ม ... เราอยากเจาะเองน่ะ ตรงนี้มันเด่นดีมั้ง ก็... เจาะให้คนมองนั่นแหละ จะได้เลิกมองตรงอื่นซักที”
     สีหน้าท่าทางที่ปรากฏออกมาชั่วขณะทำให้เพื่อนๆ รับรู้ได้ว่าคนๆ นี้คือต้นน้ำคนเดิมของพวกเขา เพียงแต่... ต้นน้ำพยายามซ่อนตัวตนเดิมเอาไว้
     “แกโอเคแล้วจริงๆ นะ?”
     “โอเคสุดๆ เลยแหละป่าน”
     ต้นน้ำตอบอย่างสดใสก่อนจะหน้ามุ่ยลง เขาถอนหายใจอยู่สองสามทีแล้วพูดขึ้น
     “อืม... เราขอโทษที่ทำให้พวกเธอเป็นห่วงนะ ตอนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นกะทันหันมาก แล้วเราก็กำลังมีปัญหากับแฟนด้วย เราก็เลย... คิดอะไรแบบนั้น แต่เรารักพวกเธอทุกคนนะ พวกเธอดีกับเรามาก เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ไงดีล่ะ ... อืม... ขอโทษนะ”
     “เออ แกคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้หายห่วง”
     “แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับต้นเหรอ?”
     คำถามของเมย์ทำให้ต้นน้ำชะงัก รอยยิ้มค้างเติ่งอยู่บนหน้า เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบ
     “ก็... ก็อย่างที่ได้ยินในข่าวลือนั่นแหละ เรา... เราไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่”
     ร่องรอยความเศร้าหมองที่ปรากฏในแววตาของต้นน้ำทำให้สามสาวรีบหุบปาก โอมที่นั่งฟังมาตลอดจึงเอ่ยขึ้น
     “อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ”
     ต้นน้ำจึงหันไปยิ้มให้โอม
     “งั้นตกลงมันมอมยาแก ซ้อมแก เอ่อ... ถ่ายคลิปแกจริงเหรอ? ไอ้วิศวะคนนั้นทำแกถึงขั้นนั้นจริงเหรอ?”
     ต้นน้ำเบนสายตาเศร้าๆ มามองป่าน เขาสบตากับเพื่อนแล้วตอบ
     “เราไม่รู้หรอกป่าน ... เราเมายาอยู่น่ะ เรายังสับสนอยู่เลยว่าเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก เรารู้แต่หมอบอกว่าเราโชคดีมากที่สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน กะโหลกไม่ร้าว ซี่โครงไม่หัก ขอบคุณที่พวกมันโง่ถ่ายคลิปไว้มัดตัวเอง”
     คำตอบของต้นน้ำทำให้เกิดความเงียบภายในกลุ่ม ถึงต้นน้ำจะตอบเลี่ยงประเด็นแต่พวกเขาก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรกับต้นน้ำบ้าง ต้นน้ำถูกทารุณอย่างหนักแถมคนที่ทำไม่ได้มีแค่หนึ่ง!
     “ช่างมันเถอะ! เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า”
     ต้นน้ำเสแสร้งชวนเปลี่ยนหัวข้ออย่างร่าเริง
     “แกเก่งมากนะต้นที่ผ่านมันมาได้ แกเข้มแข็งมาก”
     “อื้ม ถ้าเราไม่ได้คนที่รักและหวังดีกับเราคอยอยู่ข้างๆ ละก็เรายังไม่รู้เลยว่าจะผ่านมันมาได้รึเปล่า เรื่องในครั้งนี้ให้บทเรียนกับเราหลายอย่างเลยแหละ ขอบคุณพวกเธอมากนะที่อยู่ข้างๆ เรามาตลอด”
     ต้นน้ำยิ้มพร้อมกับสบตาเพื่อนๆ ในกลุ่มก่อนจะพูดต่อ
     “แต่บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ... อย่าทำให้ไปป์โกรธ”
     ต้นน้ำหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะหันไปจ้องป่าน
     “เธอช่วยเราหน่อยได้มั้ยอ่ะ เราอยากได้ลูกชายของเราคืน”
     ได้ยินแล้วป่านก็ยิ้ม
     “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ ตอนนี้มันก็คงงอนๆ อยู่แหละ แต่ฉันว่ามันคงไม่โกรธอะไรแกแล้ว”
     “ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับไปป์เหรอป่าน? ฉันตกใจเลยนะที่มันชนต้นจนล้ม”
     “ก็แค่ลูกหมาอาละวาดน่ะแก อย่าไปใส่ใจเลย”
     ป่านพยายามตัดบทแต่สายตาจริงจังของต้นน้ำสะกดให้ป่านยอมแพ้
     “เออๆ พวกแกบังคับฉันเองนะ เล่าแล้วอย่ากลัวล่ะ”
     ป่านมองหน้าทุกคนแล้วเริ่มเล่า
     “เมย์ แกรู้ใช่มั้ยที่ฉันมี... แบบว่า นั่นอ่ะ”
     “เดี๋ยวๆ เรื่องไปป์เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่แกก็รู้ว่าอะไรแต่ไม่ควรทักยะ”
     เมย์ขัดขึ้นด้วยท่าทางขนลุกจนทุกคนทำหน้าสงสัย
     “เกี่ยวสิแก เกี่ยวมากด้วย คือพี่ฉัน เอ้ย! ฉันรู้สึกได้ว่าอิไปป์มันมีอะไรบางอย่าง คือ... ฉันนั่งข้างมันตอนสอบไงแก แกจำมันตอนเข้าใหม่ๆ ได้ใช่มั้ย? แกคิดป่ะว่าอิไปป์มันเปลี่ยนบุคลิคไปเพราะใคร”
     ป่านพูดแล้วทุกคนก็หันมามองต้น!
     “เอ่อ... เกี่ยวอะไรกับเราเหรอ?”
     “อิไปป์มันอาจจะดูบ้าๆ บ๊องๆ แต่มันเริ่มมาทำตัวปัญญาอ่อนจริงๆ ก็ตอนเริ่มซี้กับแกนี่แหละ แกอาจจะไม่รู้ตัวนะต้นแต่ไปป์มันเปิดกับคนอื่นก็เพราะแก”
     “เราเนี่ยนะ?”
     สายตาจริงจังของป่านยิ่งทำให้ต้นน้ำแปลกใจ ไปป์เกี่ยวอะไรกับเขา?
     “แกคล้ายใครคนนึงที่มันรักมาก”
     “ต้นคล้ายแฟนเก่าไปป์เหรอ?”
     “ไม่ใช่ พี่สาวข้างบ้าน คือ... พวกแกห้ามไปว่าอะไรมันนะ มันก็แค่มีอะไรแปลกๆ”
     ป่านพูดขึ้นด้วยท่าทางลังเลแต่แล้วก็ตัดสินใจเล่าต่อ
     “ไปป์มันเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ทำงานหนักทั้งคู่ มันเลยต้องอยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่เด็กๆ แต่แบบ... ข้างบ้านมันมีเด็กผู้หญิงที่โตกว่ามันอยู่ไง ก็สนิทกันมากแหละ คงรักกันมากถึงได้ยังผูกพันกันอยู่...”
     ป่านเบาเสียงลงพลางทำสีหน้าแปลกๆ เมย์เห็นแล้วจึงพยักหน้าหนึ่งครั้ง ป่านเองก็พยักหน้าตอบ เมย์ทำท่าขนลุกจากนั้นป่านก็เล่าต่อ
     “ไปป์มันเคยบอกฉันว่าแกคล้ายพี่สาวคนนั้นของมันมากนะต้น”
     “แล้วยังไงเหรอ?”
     “พอเริ่มเป็นสาวก็มีคนมาจีบเยอะ ผู้หญิงคนนั้นมีเวลาให้ไปป์น้อยลง ไปป์มันก็เลยงอแง แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็โดนทิ้ง ไปป์มันดีใจมากที่ต่อไปจะไม่มีใครมาแย่งพี่สาวไปจากมัน มันไปหาเขาทุกวัน แต่แล้ววันนึงมันไปเจอเขาผูกคอตาย อิไปป์มันก็ไม่รู้เรื่องมันยังปอหนึ่งปอสองเองมั้ง มันเลยพยายามช่วยพี่สาวมัน แล้วก็แบบ... มันตัวเล็กไงเลยช่วยไม่ได้ พอช่วยไม่ได้มันก็เลยนั่งอยู่ตรงนั้นจนพ่อของผู้หญิงคนนั้นกลับมาเจอ”
     เรื่องราวของไปป์ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะต้น! เขารู้แล้วว่าทำไมไปป์ถึงได้โกรธเขามาก
     “ไปป์มันเกลียดการฆ่าตัวตาย”
     “เรา...”
     ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออก เสียงของเขาเบาหวิว ปากก็แห้งผาก เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าไปป์ที่ร่าเริงคนนั้นจะมีปมในใจมืดมนเช่นนี้!
     “อึ๊ย! ขนลุกอ่ะ! แกอย่าบอกนะว่า...”
     ป่านหันไปพยักหน้าให้เมย์แล้วพูดต่อ
     “พวกแกรู้มั้ย ทุกวันนี้บ้านหลังนั้นยังขายไม่ออกเลย อิไปป์มันเรียนโฮมสคูลถึงมอต้นเชียวนะ เพราะมันบอกทุกคนว่าพี่ตาของมันยังอยู่กับมันไม่ได้ไปไหนตามสัญญา กว่ามันจะกลับเข้าสังคมปกติได้ก็ตอนมอปลาย พ่อแม่มันพยายามพามันไปอยู่ต่างจังหวัดจะขายบ้านทิ้งแต่ขายไม่ออกเพราะบ้านติดกันก็... อิไปป์มันมุ่งมั่นจะสอบเข้ามอในกรุงเทพให้ได้เพื่อที่จะกลับมาอยู่บ้านหลังนั้น...คนเดียว
     ความดาร์กของไปป์ทำเอาทุกคนหลอน
     “ช่วงก่อนหน้านี้อ่ะ ที่มันไม่สบายแล้วเริ่มแปลกไป ไปป์มันฝันถึงแก แต่ช่วงนั้นแกดูเครียดๆ เลยไม่ได้สังเกตมันมั้ง”
     “ไปป์รู้?”
     “มีคนมาเตือนมันเรื่องแก”
     ป่านพูดเรียบๆ แต่เล่นเอาคนทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อมิวนิคเดินเข้ามาทัก
     “คุยไรกัน?”
     “กรี๊ด!”
     เมย์กรี๊ดลั่นแม้แต่ต้นน้ำยังเผลอกอดกับโอม แก้วเองก็สะดุ้งสุดตัว!
     “ไอ้บ้า! โผล่มาทำไมย๊ะ อิยักษ์บ้า ถ้าฉันตกใจตายฉันจะมาหักคอแก!”
     “กูอุตส่าห์มาเรียก พวกมึงคุยอะไรกันอยู่ได้ อาจารย์จะเข้าแล้ว”
     “เออๆ จริงด้วย พวกแกไปก่อนเหอะ”
     “โอ๊ย! ขนลุกจนเดินไม่ไหวเลยอ่ะ”
     สามสาวต่างอิดออดก่อนจะลุกเกาะกลุ่มไปยังห้องเรียน ต้นน้ำกับโอมก็ใช่ย่อย แทบจะเดินตัวติดกันไม่ยอมห่าง โอมหน้าซีดส่วนต้นน้ำเหงื่อแตกมองซ้ายมองขวาเลิกลั่กเสียภาพลักษณ์ใหม่หมด...
     และก็เป็นดังที่ป่านพูด พอไปป์เดินเข้าห้องมาเห็นต้นน้ำในลุคใหม่แจกรอยยิ้มให้อาการมึนตึงทำเหมือนต้นน้ำไม่อยู่ในสายตาก็หายไปกว่าครึ่ง แม้ไปป์จะเล่นตัวไปอีกสองสามวันแต่เมื่อต้นน้ำโผล่มานั่งข้างๆ พร้อมกับช็อกบอลทำเองเคลือบช็อกโกแลตแท้จากเบลเยี่ยมไปป์ก็เริงร่าหายงอนกระโดดเข้ากอดต้นน้ำทันที ว่ากันว่าสีหน้าของต้นน้ำตอนยิ้มหลังจากที่ง้อไปป์สำเร็จเจ้าเล่ห์สุดๆ ความร้ายกาจที่ปรากฏในรอยยิ้มขณะนั้นราวกับราชินีผู้ชั่วร้าย ไปป์ที่มัวแต่ซบจึงไม่เห็นความจริงข้อนี้ หรือบางทีไปป์อาจจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดแต่ไม่ใส่ใจ สุนัขล่าเนื้อเชื่องๆ จะไม่มีวันขัดคำสั่งเจ้าของตราบใดที่ยังได้รับอาหาร

     
และแล้วราชินีน้ำแข็งผู้ชั่วร้ายก็ใช้ชีวิตนิสิตอย่างมีความสุขกับผองเพื่อน Happy Ending

     เดี๋ยวสิ! แล้วบทสรุปของราชาหมาป่าปีศาจผู้ชั่วร้าย(กว่า)ล่ะ? อัศวินแม็กซ์อีก ไหนจะยังมีผู้กล้าและโจ๊กเกอร์ด้วย ยังมีต่ออีกนิดหน่อยน่า...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อา... จบ  :bye2: ใช่ที่ไหนละเว้ย! ยังมีต่ออีก 2 บทน่า แต่บทหน้าเรามาดูความแสบของต้นกัน

น้องต้นคัมมิ่งเอ้าท์แล้วนะ ฮ่าๆ ป่านบอกต้นสาวแตกล่ะ แต่ต้นไม่คิดว่าตัวเองสาว
เอาจริงๆ คือเราวางอิมเมจว่าต้นออกแนวเรียบร้อยไม่วี๊ดว้ายแรดสาวแตกอะไรขนาดนั้น ออกแนวหยิ่งๆ นิ่งๆ เชิดๆ มากกว่า แต่ต้นไม่ใช่แนวเกย์แอ๊บแมนทำนองนั้นนะ ออกแนวเนิร์ดมากกว่า แต่พอเปลี่ยนตัวเองแล้วฮีจะอัพมาดราชินีขึ้นอีกเท่าตัว เหอะๆ

ขับบิ๊กไบค์ สัก(ของเก่าที่อยากไปลบแต่ดันไปเถียงกับช่าง) เจาะหู ทำสีผมเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว มั่นใจในตัวเองมากขึ้นสุดๆ
แต่จริงๆ เราคิดว่าต้นน่าจะชอบอะไรทำนองนี้มาตั้งแต่แรก เพราะฮีไปกับแม็กซ์บ่อยๆ แต่เมื่อก่อนเก็บกด พอสบโอกาสเลยจัดเต็ม เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ฮ่าๆ

เอาแล้ว น้องต้นคนใหม่ที่ทำอะไรตามใจตัวเองคนนี้จะทำให้ภาคฟิสิกส์ป่วนขนาดไหนกันนะ แล้วบทสุดท้ายจะจบลงยังไงล่ะเนี่ย? นับวันมันยิ่งไร้วี่แววขึ้นทุกที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2014 20:51:31 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
กรี๊ดดดชอบต้นน้ำลุดใหม่มากก เป็นรสชินี มากก
แต่เหมือนแอบซ้อนตัวต้นเดิมๆอยู่
 แต่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทุกอย่างกำลังดูดีขึ้น ดีใจจัง
สุดท้าย คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะค้าา ไว้หายค่อยมาต่อก้ได้น้าา เป็นห่วงจัง กลัวหักโหมม

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
น้องต้นเปลี่ยนไป
อยากให้น้องต้นมีความสุขกับเค้าเสียที
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ ^________^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เอาตรงๆไหม  เรายังรู้สึกว่าอยากให้กลับไปคบกับชัชเหมือนเดิม คือแบบความรู้สึกมันเหมือนไม่ใช่อ่ะ

สงสารนะทั้งต้นทั้งพี่ชัช แต่คือเราชอบความรู้สึกตอนที่ต้นคบกับพี่ชัชมากกว่าอ่ะ  เสียใจมากเราอินจนร้องไห้เลย555

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ขอแวะมาตอบเม้นท์ซักนิด ถือเป็นการพักไปในตัว  :mew3:

กรี๊ดดดชอบต้นน้ำลุดใหม่มากก เป็นรสชินี มากก
แต่เหมือนแอบซ้อนตัวต้นเดิมๆอยู่
 แต่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทุกอย่างกำลังดูดีขึ้น ดีใจจัง
สุดท้าย คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะค้าา ไว้หายค่อยมาต่อก้ได้น้าา เป็นห่วงจัง กลัวหักโหมม

ถูกเผงจ้า! ตามชื่อเรื่องเลย ฮีคือราชินีดราม่าตัวแม่ ฮ่าๆ กว่าจะเขียนจากเด็กดราม่าเก็บกดให้แกรนด์โอเพ่นนิ่งกลายมาเป็นราชินีได้แบบยังคงตัวตนเดิมนี่ลำบากสุดๆ เลยแหละ เพราะเราเชื่อว่ากระบวนการพัฒนาทางบุคลิกภาพมันไม่มีแบบเปลี่ยนไปร้อยเปอเซ็นต์หรอก มันมีแค่ปรับปรุงให้มากขึ้นหรือลดลงเท่านั้นเอง นิสัยคนเราเปลี่ยนลำบากมากจริงๆ คนขี้โมโหยังไงก็ยังอารมณ์ขึ้นง่าย แต่อยู่ที่ว่าจะแสดงออกหรือรู้เท่าทันตัวเองแล้วเลิกโมโหได้รึเปล่า อันนี้เราจะมองแนวจิตวิทยานิดๆ เราเลยไม่เขียนน้องต้นออกมาแบบเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเกินไป แหะๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดเลยน้า ตอนนี้อาการก็ค่อนข้างดีขึ้นแล้วจ้า เกือบต้องไปทำกายภาพแล้ว ฮ่าๆ


น้องต้นเปลี่ยนไป
อยากให้น้องต้นมีความสุขกับเค้าเสียที
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ ^________^

อ่าฮะ แน่นอน มันคือประเด็นหลักของบทต่อไปเลยแหละว่าต้นจะทำยังไงให้ตัวเองรู้จักความสุขที่แท้จริง
บทที่ผ่านมาเราพยายามเขียนถึงพัฒนาการของน้องต้น คือเหมือนกันได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์ของคนอื่น มีคนสอนจนต้นเริ่มคิดได้ แต่คิดได้แล้วจะเดินต่อไปยังไงนี่แหละ น่าลุ้น หึๆ
บทต่อไปต้นจะตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้น มันคือทักษะชีวิตอ่ะ
** คนอ่านอาจจะต้องทำใจนิดนึงเพราะคนแต่งบ้าจิตวิทยา เลยเขียนอะไรออกมาประมาณนั้น


เอาตรงๆไหม  เรายังรู้สึกว่าอยากให้กลับไปคบกับชัชเหมือนเดิม คือแบบความรู้สึกมันเหมือนไม่ใช่อ่ะ

สงสารนะทั้งต้นทั้งพี่ชัช แต่คือเราชอบความรู้สึกตอนที่ต้นคบกับพี่ชัชมากกว่าอ่ะ  เสียใจมากเราอินจนร้องไห้เลย555

ตอบคนอ่านตรงๆ ว่า "รออ่านตอนต่อไปก่อนเถอะนะ" เค้าโดนด่ามาเยอะแล้ว เจ็บปวด :hao5: (ความจริงคือถ้าพูดอะไรมากก็เป็นการสปอยนิยายตัวเองอีกอ่ะ)
บทที่พี่ชัชเผลอ ตอนแรกคนก็ด่ากันอิ๋บอ๋าย นักอ่านบางคนแช่งมันทุกเม้นท์ด่าว่าเมื่อไหร่จะให้คู่นี้เลิกกัน ขู่จะเลิกอ่านก็มี เล่นเอาคนเขียนนอยด์ เป็นไงล่ะ พอเขาเลิกกันแล้วหายไปเลย ไม่นึกถึงที่คนแต่งพยายามบอกให้รออ่านไปเรื่อยๆ เล้ย
นิยายเรื่องนี้เดาจุดจบง่าย แต่ให้ตายเราว่าคนอ่านเดาเนื้อเรื่องระหว่างทางไม่ถูกหรอก ตัวแปรเยอะ เป็นนิยายที่ไม่ได้เดินตามพล็อตทั่วไปด้วย ระหว่างทางเราว่ามันมีอะไรน่าสนุกตั้งมากมายนะ อยากให้คนอ่านรออ่านไปถึงตอน(สุดท้าย)จบจริงๆ เป็นชีวิตของคนๆ นึงที่ต้องก้าวผ่านกาลเวลาพวกนั้น เราอยากเล่าว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาถึงได้คิดหรือเปลี่ยนไปยังไงบ้าง (ถ้าเป็นนิยายเรื่องอีกจะแนวๆ 2ปีผ่านไป เหอๆ)

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจน้า เรารับฟังทุกความเห็นน้า ไม่กัดคนเม้นท์หรอก ฮ่าๆ แต่บางทีก็ตอบได้ บางทีก็ตอบไม่ได้ทำได้แค่พล่าม เพราะถ้าพูดไปมันก็จะสปอยเนื้อหาหมดความลุ้นอ่ะ (แต่ความจริงเราใบ้ Hint ไว้ตลอด เยอะมากๆ)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เรื่องราวของผม

ต้นน้ำ

     ผมเห็นไปป์เดินผ่านพวกเราไป ไปป์ไม่ยอมแวะทักทายคนอื่นๆ เพราะผมนั่งอยู่ด้วย เฮ้อ... รู้สึกแย่จังเลยครับ เรื่องที่ได้ยินจากป่านทำให้ผมขนลุก หลอนสุดๆ ครับ มันยิ่งกว่าตอนที่ผมฝันถึงพี่ธีร์ซะอีก การที่ผมยังมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ผมไม่ควรทำอะไรโง่ๆ อีก ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ไปป์ขอผมเอาไว้ “สัญญานะต้น อย่าทำ” ไปป์รู้แต่แรกว่าผมจะคิดสั้น ผมผิดสัญญากับไปป์...
     ผมถูกพี่ชัชทรยศหักหลังทำร้ายจิตใจกันผมเองก็เจ็บปวด พี่ชัชแทบไม่เคยรักษาสัญญาอะไรได้เลย ขนาดเรื่องจุกจิกในบ้านยังรับปากส่งๆ แล้วก็ลืม ... แต่ผมก็ยังรักพี่ชัช จนทุกวันนี้ผมยังลืมเขาไม่ได้เลยให้ตาย!
     แต่ผมก็ผิดสัญญากับไปป์ด้วยเช่นกัน ผมจะอ้างว่าผมกำลังย่ำแย่ก็ได้ แต่ยังไงซะผิดสัญญาก็คือผิดสัญญาไม่ว่าผมจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม เพียงแต่เรื่องนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าบางทีคนให้สัญญาก็อาจจะไม่อยากผิดสัญญานักหรอก เขาคงมีเหตุผลบางอย่าง ... เหมือนที่ผมเองก็ใช่ว่าไม่รักเพื่อนๆ แต่ในสถานการณ์แบบนั้นที่ตื่นมารับรู้ว่าตัวเองถูกข่มขืน ถูกแฟนที่กำลังทะเลาะกันเห็นสภาพแล้ว จะเป็นเอดส์รึเปล่าก็ไม่รู้ ถูกถ่ายคลิปที่อาจจะทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเขาต้องผิดหวังในตัวผมแน่ๆ กำลังประสาทเพราะยาบ้าๆ ที่พวกมันใช้กับผม จากเดิมที่แทบไม่ต่างอะไรกับคนป่วยซึมเศร้าเพราะโดนนอกใจคุณว่าผมจะคิดอะไรออกอีกล่ะ ผมไม่ได้เข้มแข็งนี่! แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอยู่นะ อย่างน้อยผมก็ต้องง้อไปป์ให้สำเร็จ! เฮ้อ... นายต้องทำได้น่ะต้นน้ำ!
     ผมเห็นไปป์นั่งอยู่หลังห้อง ปกติเขาต้องนั่งถัดจากผมไปหนึ่งแถวแท้ๆ ลองหยั่งเชิงก่อนแล้วกัน ถึงไปป์จะไม่ยอมพูดอะไรกับผมแต่ผมก็เห็นนะ เมื่อกี้ตอนเดินผ่านไปป์แอบมองผมใหญ่เลย เอาละนะ ผมจะลองดู!
     ผมเดินไปนั่งข้างๆ ไปป์ เขาเหลือบตามามองผมนิดหน่อยแล้วก็หันหน้าหนี เฮ้อ... คงไม่สำเร็จง่ายๆ แน่ แต่ก็เอาเหอะ ผมสมควรถูกโกรธนี่นา ก็ต้องง้อกันต่อไป ผมพยายามนั่งส่งยิ้มให้ไปป์ทั้งคาบ ปวดแก้มมากครับ!

     “นี่วันที่สามแล้วนะป่าน!”
     ผมโอดครวญให้ป่านฟัง ไม่เคยต้องง้อใครนานขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ตอนทะเลาะกับพี่ชัช ... ช่างมันเถอะ ขนาดตอนนั้นที่ผมไปง้อแม็กซ์เขายังยอมให้อภัยผมง่ายๆ เลย
     “เอาน่ะแก อิไปป์มันก็ไม่ได้ทำหน้าทะมึนออร่ามาคุใส่แกแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยมันเล่นตัวอีกนิดน่ะ”
     “เราก็รู้ แต่ถ้าไปป์หายโกรธเราแล้วทำไมไม่พูดกับเราซักทีล่ะ”
     ผมนึกถึงผู้ชายหน้าตาหล่อที่สูงร้อยเจ็ดสิบหกเซ็นฯรูปร่างสมส่วนร่าเริงเป็นกันเอง คุณสมบัติพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่าคิวว์เลยนะครับ ผมยกให้ไปป์เป็นอันดับสองของรุ่นเลย เพราะคิวว์จะให้อารมณ์แบบเจ้าชายแต่ไปป์จะดูร่าเริงสดใสแบบเด็กๆ แต่ผู้ชายคนที่ว่าสองวันมานี้เวลาเขาเผลออายคอนแทคกับผมแล้วกลับทำแก้มป่องสะบัดหน้า “ฮึ” เชิดคางใส่ผมเหมือนเด็กสามขวบ!
     “แกก็ทนๆ เอาหน่อยเถอะ ง้อมันอีกนิดเดี๋ยวก็หายเองแหละ!”
     “เธอช่วยอะไรต้นไม่ได้เหรอป่าน เราชักรำคาญมันละ หมั่นไส้! ทำงอนปากยื่นมันแลบลิ้นใส่ต้นด้วยนะ อยู่ปีสามนะไม่ใช่อนุบาลสาม!”
     “แต่เราว่าไปป์เป็นแบบนี้ก็น่ารักออก ดีกว่าตอนนั้นนะจ้ะ”
     “เออ จริงของแก้ว”
     ผมเห็นด้วยกับแก้วนะ แต่ผมจะง้อไปป์ยังไงดีล่ะ?

     วันที่สี่ ทั้งๆ ที่ผมลงคนละวิชาเลือกกับไปป์ผมก็ยังอุตส่าห์ไปหาเขา แต่ผมไปแล้วไม่เจอ ใครจะไปคิดว่าไปป์มานั่งอยู่แถวๆ ตึกที่ผมต้องเรียน ลูกหมาน้อยของผมทำท่าซะน่าสงสารเชียว ท่าทางหงอยๆ เหมือนรอเจ้าของมาหา แต่พอผมเดินเข้าไปหาแล้วเขาหันมาเห็นผมเท่านั้นแหละ ลูกหมาน้อยของผมก็วิ่งหนีไปซะงั้น! ให้ตายสิไปป์!
     “เราทนไม่ไหวแล้วนะป่าน ไปป์งี่เง่ามาก!”
     ผมโทรหาป่านทันที ผมบ่นเรื่องไปป์ให้เขาฟังแต่เขากลับหัวเราะผม
     “แกก็ยอมๆ มันหน่อยน่ะ นี่ยังไม่ถึงห้าวันเลย”
     “จะเอายังไงก็ไม่พูด หายโกรธแล้วก็ไม่ยอมคืนดี!”
     “เออ ฉันก็ว่าน่ารำคาญเนอะนิสัยแบบนี้”
     “ป่าน!”
     ป่านว่าผมนี่!
     “อะไร? ฉันแค่เห็นด้วยกับแก ฮ่าๆ”
     โอ้ย! จุกครับ!
     “นี่แกไม่เคยง้อใครเลยใช่มั้ยเนี่ย? ปกติมีแต่งอนคนอื่นเขาไปทั่ว”
     พูดไม่ออกครับ
     “อืม...”
     “ปกติเวลาแกทะเลาะกับคนอื่นแกทำไงอ่ะ”
     “ก็... เข้าไปพูดตรงๆ”
     ‘ไม่งั้นก็หนี’ ผมแอบต่อประโยคในใจ ก็ถ้าผมไม่ถึงที่สุดผมไม่เคยไปอะไรกับใครอยู่แล้ว
     “แกก็ใช้วิธีที่แกถนัดนั่นแหละ แกรู้จักอิไปป์ดีจะตาย ไม่ยากเกินความสามารถแกหรอก”
     คำแนะนำแบบนี้ไม่ช่วยอะไรเลยครับ เฮ้อ... วิธีที่ผมถนัดเหรอ? ... จริงสิ! นึกออกแล้ว! เย็นนี้แวะวิลล่าก่อนกลับบ้านดีกว่าครับ

     วันนี้ผมมั่นใจมากๆ ว่าผมต้องง้อไปป์สำเร็จ! ผมอุตส่าห์ทำตั้งนาน ป้าณีก็ชมว่าอร่อย ขนาดคุณปู่ที่ไม่ชอบทานของหวานยังขอชิมเลยครับ ยกเว้นลุงไกร ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลุงไกรไม่ชอบช็อกโกแลต!
     ผมเดินเข้าไปหาไปป์ส่งยิ้มให้เขาเป็นใบเบิกทาง พอนั่งลงข้างๆ แล้วก็เอา“ตัวช่วย”ออกมาวาง กล่องใส่ขนมแพ็กเก็จสวยๆ ที่ฝาด้านบนใสจนมองเห็นขนมด้านในช่วยผมได้เยอะ จากตอนแรกที่ไปป์ทำหน้าสงสัยแต่พอเห็นของข้างในชัดๆ เขาก็ยิ้มหน้าบาน
     “เราทำเองเลยนะ มิลค์ช็อกบอลสอดไส้ไวท์ช็อก”
     ผมมั่นใจมากๆ ว่าขนมของผมต้องเอาไปป์อยู่
     “รักต้นที่สุดเลย เย้!”
     ไปป์กอดผมแรงมากครับ! จุกเป็นบ้าเลย เขารัดซะจนผมแทบหายใจไม่ออก แต่เอาเถอะ ในที่สุดผมก็ได้เพื่อนผมคืนมา ลูกหมาน้อยขี้งอนที่ประท้วงผมตอนนี้กลับมาเชื่องเหมือนเดิมแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ต้นน้ำ

     หลังจากนั้นผมก็ยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะแยะ ใช่ว่ามีแต่ไปป์ที่ห่วงผมคนเดียวซะเมื่อไหร่ แล้วผมก็ไม่ได้มีแต่คนห่วงด้วยครับ คนคอยซ้ำเติมก็มี แต่ผมพยายามบอกตัวเองว่าคนพวกนั้นทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว กะอีแค่ลมปากของคนอื่นมันคงไม่เจ็บเท่าโดนแฟนนอกใจหรอก คนที่เกือบจะโดนข่มขืนจนฆ่าตัวตายอย่างผมยังเหลืออะไรให้ต้องกลัว? ผมต้องไม่อ่อนแอ!
     “กลับเลยรึเปล่าต้น?”
     “อืม รบกวนนายหน่อยนะ”
     “ไม่เป็นไร วันนี้เราว่าง จะแวะห้องเรามั้ย?”
     ผมรู้นะคิวว์คิดอะไร
     “...อย่าบอกนะว่า ...”
     “แหะๆ ... เราหาแรมโบ้ไม่เจออ่ะ แต่รอบนี้เราปิดประตูห้องน้ำแล้วนะ ดึงพวกสายไฟขึ้นหมดแล้วด้วย”
     “เราเตือนนายแล้วว่าอย่าซื้อมาเลี้ยง!”
     “ไปช่วยหาหน่อยสิ นะๆ”
     ผมมาสนิทกับตานี่ได้ยังไงนะ!
     เริ่มจากคิวว์เห็นผมดูรูปเกี่ยวกับรอยสัก เราก็เลยคุยกัน ผมบอกเขาว่าผมชอบรอยสักแต่ไม่กล้าสักอะไรเพิ่มแล้วเพราะมันลบลำบาก เขาเลยเล่าให้ผมฟังว่ามันมีสีเพ้นท์ที่ใช้แทนรอยสักได้ บางชนิดก็อยู่ทนทำออกมาสวยเหมือนรอยสักจริงๆ คุยกันไปคุยกันมาก็เลยจบลงที่ผมกับคิวว์ไปหาซื้อเฮนน่าสำหรับเพ้นท์มาลอง คิวว์ที่นอกจากจะเรียนเก่ง หน้าตาดี เป็นดารา อยากทำงานกับนาซ่า เป็นเพอร์เฟคแมน เพื่อนผมคนนี้ยังมีงานอดิเรกสุดติสท์คือการวาดรูป เขาเลยเสนอตัวช่วยเพ้นท์ให้ผม ผมก็เลยได้ไปห้องเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะให้คิวว์เพ้นท์ลายให้ตรงในร่มผ้ามากกว่าเพราะผมไม่อยากโชว์ให้ใครเห็น ไปๆ มาๆ เราก็เลยสนิทกัน คิวว์มีคอนโดอยู่แถวสุขุมวิทใกล้บ้านคุณปู่บางทีเราก็เลยกลับด้วยกันเพราะคุณพ่อไม่ชอบให้ผมขี่รถมาเอง บางวันเราก็เลยไปเที่ยวด้วยกัน แล้วคิวว์ก็ไปซื้อลูกกระต่ายจากข้างทางมาเลี้ยง ตายสิครับ! ลูกกระต่ายยังไม่หย่านมมันจะรอดได้ยังไง คิวว์เศร้ามากผมเลยต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเขา แล้วเราก็ไปหาอะไรทานด้วยกันในห้าง แต่ดันมีเทศกาลสัตว์แปลก แล้วคิวว์ก็หอบแฮมสเตอร์แคระกลับบ้านเพราะคนขายยืนยันว่าเลี้ยงง่ายตายยาก!
     “เราว่านายเปลี่ยนกรงเถอะ”
     คิวว์พึ่งเลี้ยงแฮมสเตอร์แคระพันธุ์โรโบรอฟสกี้ได้สองอาทิตย์เองนะครับ แต่เจ้าหนูบ้าพลังตัวนี้เปิดกรงออกมาวิ่งเล่นเองเฉพาะอาทิตย์นี้ก็สี่ครั้งแล้ว! ผมมองหน้ามันทีไรแล้วตงิดๆ ทุกที นึกถึงยักษ์งี่เง่าบางคนเป็นบ้า! แล้วพอเจ้าแรมโบ้หายไปทีไรคิวว์ก็จะรีบโทรหาผม แหง๋แหละ! บางทีคิวว์ต้องไปทำงานนี่ครับ เดือดร้อนผมต้องไปหาให้ตลอดเพราะอยู่ใกล้กัน บางทีการที่เรามีเพื่อนใกล้ๆ บ้านก็ใช่ว่าจะดี เฮ้อ...
     “เราสั่งแล้วนะ แต่ของยังส่งมาไม่ถึงอ่ะ”
     “อืม รู้แล้ว”
     ทำไงได้ละครับ เพราะผมต้องอาศัยรถเขากลับก็เลยต้องช่วยๆ กัน คิดแล้วก็เซ็งครับ ทั้งๆ ที่คุณปู่อนุญาตแท้ๆ แต่คุณพ่อกลับห้าม ท่านไม่ชอบให้ผมขี่ชาโดว์มามหาวิทยาลัย ความจริงท่านค้านหัวชนฝาเลยครับตอนที่รู้ว่าผมซื้อเจ้านี่มา เกือบต้องเอาไปขายต่อแล้ว ท่านบอกจะซื้อรถเล็กให้ผมอีกคันแต่ผมไม่อยากได้ มหาวิทยาลัยผมหาที่จอดยากจะตายครับ ตอนนี้ผมก็เลยแอบดื้อกับคุณพ่อด้วยการขึ้นรถสาธารณะมาเรียนเหมือนเดิม บางทีก็ได้อาศัยติดรถคิวว์นี่แหละครับ
     ก็นะ ... ผมเลิกกับแฟน แม่แต่งงานใหม่ไปเมืองนอก พ่อเองก็มีครอบครัวเดี่ยวที่อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก เหลือที่ตรงไหนให้ผมเข้าไปแทรก? ผมก็เลยต้องเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับคุณปู่ ทุกคนดีใจกันมากเพราะรู้ว่าผมต้องมาอยู่แบบถาวรเนื่องจากเลิกกับพี่ชัชแล้ว แต่ละคนเอาใจใส่ผมพยายามชดเชยให้ผมทุกอย่างไม่มีอะไรที่ผมอยากได้แล้วไม่ได้ ผมมีบัตรเครดิตเป็นของตัวเองด้วยนะครับ ขนาดวันที่ผมไปเมคโอเวอร์กลับมาแล้วคุณปู่เห็นท่านทำหน้าเหมือนจะเป็นลมแต่แล้วก็เลี่ยงไปพูดว่าจิวคริสตัลที่ผมใส่อยู่ไม่สวยเดี๋ยวจะหาอันใหม่สวยๆ มาให้ผมใส่แทน แล้วผมก็ได้เพชร! ส่วนพี่สาวแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ของผมพอได้ข่าวก็รีบบึ่งมาดูลุคใหม่ผม ผมก็เลยมีคนช่วยเป็นสไตลิสต์ให้เพียบ!
     ผมพยายามเปลี่ยนอะไรตั้งมากมายแต่สุดท้ายผมก็ยังเป็นต้นน้ำคนเดิม ความหวาดกลัวความกังวลต่างๆ ยังคงอยู่แต่ผมก็ต้องสู้กับมัน อย่างน้อยผมก็ควรจะใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนตาย และต้องใช้มันอย่างมีความสุขด้วยครับ
     ดังนั้นตอนที่คุณปู่บอกว่าจะซื้อรถให้ผมถึงขอให้ท่านซื้อเจ้านินจา650สีดำคันนี้ ยังไม่อยากเวอร์มากจนถอยดูคาร์ติคันเป็นล้านแบบแม็กซ์หรอกนะครับ
     ผมชอบเวลาที่โดนสายลมปะทะกับตัว มองแต่ทางข้างหน้าไม่ต้องคิดอะไร แค่ไปให้ถึงจุดหมาย เหมือนผมได้ควบคุมชีวิตตัวเองโดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะโดนทิ้งรึเปล่าเพราะรถไม่มีทางทิ้งคนขับ มีแค่ผมกับมัน
     ผมรู้ดีว่าต้องมีคนคิดว่าผมกำลังทำตัวประชดชีวิตอยู่แน่ๆ เป็นเด็กดีมาตั้งนานแต่สิ่งที่ผมได้รับกลับ... ขอดีแตกนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้คงไม่เลวร้ายเกินไป ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ ขนาดอยู่เฉยๆ ภาพลักษณ์ผมยังเละเทะ งั้นก็เอาให้มันเต็มที่ไปเลยละกัน
     ความจริงแล้วผมไม่มีอินสตราแกรม แต่คิวว์มี ดังนั้นพอผมสนิทกับคิวว์แล้วเขาทำบอดี้เพ้นท์ให้ผมหรือวันที่เรามีชาบูปาร์ตี้ที่ห้องเขา คิวว์ผู้น่ารักก็มักจะอัพรูปถ่ายคู่ผมแท็กไปแกล้งมิวนิคบ่อยๆ พวกเราชาวฟิสิกส์เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องขำๆ แฟนคลับคิวว์ก็กรี๊ดกราดไปตามประสาแม้จะมีบางคนที่เริ่มคิดบ้าๆ จิ้นผมกับคิวว์ก็ตาม แต่ที่ร้ายที่สุดคือมีคนเอาผมไปด่าอีกแล้วว่าผมฟาดคิวว์เรียบร้อย
     คนพวกนี้ไม่รู้ว่าไปขุดรูปที่ผมถ่ายเล่นตอนไปเที่ยวใต้กับแม็กซ์และอาร์มมาจากไหน ก็กายกำลังบ้ากล้องนี่ครับ ตอนแรกพวกเราก็ถ่ายรูปเล่นกัน แต่ผมอยากแกล้งแม็กซ์ก็เลยแกล้งโพสท่านิดๆ หน่อยๆ ไปๆ มาๆ ก็คุยว่าผมลุคใหม่คล้ายๆ แนวพังก์ผมก็เลยลองแต่งสโมกกี้อายเล่นดู พวกเราวิ่งเข้าเซเว่นไปซื้อของมาเล่นกันตรงนั้นเลยแหละครับ ภาพมันก็เลยออกมาแนวแบดมากๆ ผมมาดูทีหลังยังอายตัวเองเลย ถึงกายจะถ่ายออกมาได้สวยมากทั้งการจัดแสงและอารมณ์ของภาพแต่ผมไม่คิดว่าจะออกมาแรดขนาดนั้น ไม่ต้องพูดว่าแม็กซ์เกรียนอยู่แล้วในภาพที่ผมอยู่กับเขาก็เลยมีเหล้าด้วย บางภาพก็กลายเป็นผมนัวเนียกับอาร์มยั่วแม็กซ์ มันต้องเป็นเพราะตอนนั้นผมเมาแน่ๆ แล้วรูปมันหลุดไปถึงมือคนพวกนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยกลายเป็นว่าผมแรดมาก ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้ผมไม่แคล้วโดนจับกินหมดทุกคน!
     ดีจังเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำคนเดิมหรือต้นน้ำคนใหม่ ไม่ว่าผมจะมีลุคแบบไหนก็ไม่เคยอดอยากเรื่องผู้ชายในสายตาชาวบ้าน! ให้ตายเหอะ! ถ้าผมแซ่บอย่างที่เขานินทาจริงผมคงไม่โดนทิ้งหรอก! จากความจริงที่เลิกกันเพราะผมโดนนอกใจกลายเป็นว่าแฟนทนความร่านของผมไม่ไหวต้องขอเลิก บ้าที่สุด!
     “ขอบใจนะต้น”
     “เราต่างหากที่ต้องขอบใจนาย ให้เราติดรถกลับบ่อยๆ เมื่อไหร่พ่อเราจะเลิกห้ามซักทีน้า...”
     “ต้นนี่ดื้อกว่าที่คิดเนอะ เขาก็คงเป็นห่วงมั้งเนื้อหุ้มเหล็กอ่ะ”
     “ขี่มันจะตาย สนุกดีนะเราชอบ”
     “ฮ่าๆ มีพ่อสอนอยู่ที่เดียวกัน จะแอบขับมาก็คงยากเนอะ แต่ตกใจเลยนะที่พ่อนายคืออาจารย์ต้น”
     ผมไม่รู้ว่าควรจะรับมุกยังไงดี ผมรู้ว่าคิวว์ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ผมไม่อยากใส่หน้ากากต่อหน้าคิวว์นี่ครับ ภาพเหตุการณ์หลายอาทิตย์ก่อนผุดขึ้นในหัว ตอนที่พวกเราเข้าเรียนแล้วมีการเช็กชื่อ นามสกุลผมเปลี่ยนไป หลังจากนั้นมิวนิคก็ทักผม
     “เฮ้ยต้น มึงเปลี่ยนนามสกุลเหรอ?”
      ตอนนั้นผมประหม่ามาก ผมรู้ดีว่ามิวนิคจำนามสกุลผมได้แต่ไม่ฉลาดพอจะนึกออกว่านามสกุลใหม่ของผมมันเหมือนใคร แต่สายตาของเพื่อนบางคนก็มีแววสงสัย ผมรู้ว่าพวกเขาต้องคุ้นหูนามสกุลนี้แน่ๆ พวกเราเรียนกับพ่อผมมาตั้งเทอมเชียวนะ! ผมก็ลังเลนะแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกความจริงออกไป
     “ทำไมเหรอ? ก็ใช้นามสกุลพ่อไง”
     “อ้าว? ละก่อนหน้านี้อ่ะ? ไหนมึงบอกพ่อมึงตายไง?”
     “ไอ้ยักษ์บ้า! อย่ามาแช่งพ่อคนอื่นนะ เราไม่เคยพูดว่าพ่อเราไม่อยู่แล้วซะหน่อย”
     “ก็มึงชอบพูดว่าไม่มีพ่ออะ”
     “ก็ตอนนั้นไม่มีแต่ตอนนี้มีแล้ว จบมั้ย?”
     “แต่นามสกุลมึงเหมือน...”
     เป้ฉลาดพอที่จะจำได้ เขาทำให้ผมยิ่งประหม่า ผมรู้ว่าเพื่อนๆ รอคำตอบจากผมอยู่
     “ก็... เมื่อก่อนอยู่กับแม่สองคนก็ใช้นามสกุลแม่ แต่พอดีตอนนี้ย้ายไปอยู่กับปู่แล้วทางนั้นเขาอยากให้ใช้นามสกุลนี้ พ่อเขาบอกให้ไปเปลี่ยนน่ะ มันจะได้ทำอะไรสะดวก”
     “มึงเป็นลูกอาจารย์ต้น?”
     ผมกำลังอึ้งอยู่ เขาถามตรงชะมัด! ผมพยายามรวบรวมความกล้าตอบออกไป ความลับนี้ผมไม่เคยบอกใครนอกจากไปป์ แต่ตอนนั้นไปป์ยังงอนผมอยู่เลยครับผมเลยไม่มีตัวช่วย แต่ใครจะไปคิดว่าอาร์ทช่วยพูดให้ผม
     “ต้นมันจะลูกใครก็ช่าง พวกมึงเลิกเสือกกันได้แล้ว ไปๆ แยกย้าย กูหิวข้าว”
     “มึงอะตัวเสือกเลยไอ้อาร์ท!”
     ผมนึกว่าผมจะรอดแล้วซะอีก แต่นอยซ์ยังคงนรกสมชื่อ
     “มึงเป็นลูกเมียน้อยของจารย์ต้นเหรอ?”
     “อีนอยซ์!”
     อื้อหือ! ผมหน้าชาเลยนะครับ ก็คิดไว้แล้วว่าถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่พ้นถูกมองแบบนี้ ผมก็ทำใจแล้วแต่พอเจอกับตัวเข้าจริงๆ แล้วโคตรเจ็บ! ถึงเมย์จะหันไปด่ามันแทนผมแล้วแต่ผมก็ยังอยากด่ามันอีกอยู่ดีครับ!
     “เอ้า! ก็กูอยากรู้กูผิดเหรอ?”
     “แกไม่ผิดที่อยากรู้แต่ปากแกนี่นะ... เวลาถามหัดถนอมน้ำใจชาวบ้านเขามั่ง!”
     ป่านที่อยากรู้พอๆ กับนอยซ์ช่วยปกป้องผมอีกแรง แต่สายตานี่บ่งบอกมากครับ เฮ้อ...
     “แล้วตกลงจริงป่ะวะ?”
     นอยซ์ยังมีหน้าหันมาถามผมอีกนะครับ ตอนนั้นผมก็อายนะ เคยคิดอยู่ตั้งนานว่าถ้าคนอื่นรู้จะทำยังไง ผมไม่อยากให้ใครขุดเรื่องนี้มาพูด แต่พอมาถึงจุดนี้ ผมอายนะ แต่คิดว่าพูดออกไปตรงๆ เลยดีกว่า ขี้เกียจปิดบังแล้วครับ
     “เปล่า ไม่ใช่เมียน้อย แค่ความผิดพลาดชั่วครั้งชั่วคราวน่ะ เราอยู่กับแม่สองคนมาตลอดแม่ไม่เคยบอกอะไรเราหรอก แต่สงสัยเราโชคดีมั้งในที่สุดก็ได้เจอพ่อบังเกิดเกล้า เหมือนละครเลยเนอะ ฮ่าๆ”
     ผมพยายามพูดให้ขำนะ แต่มุกของนอยซ์กลับทำให้ผมหน้าชามากกว่าเดิม
     “งั้นมึงก็สมเป็นนางเอกละครสุดๆ เลยสิวะ โดนข่มขืนด้วย”
     ผมอึ้งมาก มันชาไปทั้งหน้าจนไม่รู้จะทำยังไง ผมต้องตั้งสติตัวเองอยู่สองสามวิถึงจะสั่งให้ตัวเองฝืนยิ้มแล้วพูดติดตลก คนอื่นเงียบทั้งห้องเลยครับ
     “ไม่หรอก ... คือ... ในทางเทคนิคแล้วถ้าเขายังไม่ได้เอา ไอ้นั่น ใส่เข้ามาในของเราก็ยังถือว่าไม่โดนได้ใช่มั้ย? คือ... คนที่เขาเห็นคลิปยืนยันมาน่ะว่าเราปลอดภัยจริงๆ พอดีเราก็จำอะไรไม่ค่อยได้ด้วย ฮะๆ แบบ เราเมายาอยู่อะนะ”
     “มิน่า ไอ้เด็กวิดวะนั่นถึงต้องออก เล่นกับใครไม่เล่นเสือกลากลูกรองไปมอมยา มึงนี่โคตรน่ากลัวเลย กูไม่กล้ามีเรื่องกับมึงแน่ๆ”
     ผมเจ็บนะ ผมเจ็บที่คนอื่นคิดกับผมแบบนี้
     “บ้า! เราก็อยู่ของเราเงียบๆ แบบนี้มาตั้งนานแล้ว เราไม่ไปหาเรื่องนายหรอกน่ะ”
     ตอนนั้นผมแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่วันนี้คิวว์ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในวันนั้น เฮ้อ... แผลสด ผมยังไม่ชินกับการมีพ่อเลยครับ
     “ชีวิตเรามันแย่ใช่มั้ยล่ะ ลูกนอกสมรส”
     “ใครบอก มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่เราก็พอเข้าใจละว่าทำไมเมื่อก่อนต้นชอบเก็บตัว ตอนนี้นายโอเคป่ะล่ะ? ถ้ามีอะไรอยากให้เราช่วยก็บอกนะ”
     คิวว์ยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ การที่เขามาใกล้ชิดผมอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ตัวเองเสียหายแท้ๆ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ นิสัยก็ดีหน้าตาก็หล่อ มีซิกแพค บ้านรวย เฮ้อ... คุณสมบัติแบบนี้เจ้าชายชัดๆ ผู้ชายในฝันของสาวๆ เลย
     “ขอบใจนะคิวว์ เท่านี้ก็มากพอแล้วล่ะ”

     พอผมถึงห้องคิวว์ ผมก็ช่วยเขาหาเจ้าแรมโบ้ โชคดีที่ห้องคิวว์ไม่รกผมเลยไม่ต้องลำบากเก็บกวาดเหมือนตอนไปห้องแม็กซ์ แต่ผมก็ต้องรื้อห้องนอนของเขาทุกซอกทุกมุม ผมบอกให้คิวว์เอากรงไว้ในห้องนั่งเล่นเขาก็ไม่เชื่อ บอกอยากอยู่ใกล้ๆ ลูกตัวเองทุกคืน เสียงเจ้าหนูประสาทนี่วิ่งปั่นกรงล้อดังจะตายนอนเข้าไปได้ยังไง! คราวนี้เจ้าแฮมสเตอร์บ้าพลังมันหนีเข้าไปอยู่หลังหัวเตียง ผมต้องช่วยคิวว์ยกเตียงห้าฟุตออกมาแล้วพยายามล้วง แต่เจ้าแรมโบ้โรคจิตมันไม่ยอมออกมาครับ! เลยต้องไปหาไม้ยาวๆ มาเขี่ย กว่าจะไล่มันออกมาได้ เฮ้อ...
     ผมจับเจ้าแรมโบ้ใส่กรงแล้วกะจะเอาสก็อตเทปยึดประตูไว้แต่คิวว์ก็ดันมาห้ามผม บอกเผื่ออยากลูบหัวลูกก่อนนอน เพราะแบบนี้แหละเจ้าแรมโบ้ถึงหลุดออกมาทุกคืน!
     “ขอบคุณน้าต้น ช่วยเราไว้อีกแล้ว”
     “ไม่เป็นไร แต่ขอร้องอย่าบ่อย เราเหนื่อย”
     “ฮะๆ”
     คิวว์ยิ้มรับแล้วหัวเราะสดใสมากครับ เขาไม่ต้องเหนื่อยเหมือนผมนี่! ไม่รู้ทำไมไอ้หนูบ้านี่ชอบนิ้วผมจัง ถ้ามันได้กลิ่นนิ้วผมนะมันจะรีบพุ่งเข้ามางับทันทีเลย ผมก็เลยต้องมาเก็บหนูหายให้คิวว์บ่อยๆ
     “งั้นค้างกับเราป่ะ พรุ่งนี้คาบเช้าก็เรียนเหมือนกันอยู่แล้ว”
     “ขอโทรบอกปู่ก่อนดีกว่า ว่าแต่นายไม่มีงานเหรอ ช่วงนี้ว่างเยอะจัง”
     “ฮะๆ ก็ขึ้นปีสามแล้ว อยากตั้งใจเรียนอ่ะ เทอมที่แล้วเกรดไม่ค่อยดี เราเลยเพลาๆ งานอ่ะ”
     ได้ยินแล้วรู้สึกผิดจังเลยครับ ปกติคิวว์ได้งานเดินแบบเยอะจะตาย มาปีนี้เหลืองานถ่ายแบบไม่กี่ตัวเอง งานโฆษณาก็น้อยลงด้วย
     “ขอโทษนะ”
     “เฮ้ย! ไม่เกี่ยวกับนาย เราไม่ขยันเอง”
     นี่แหละครับคิวว์ ผมโชคดีจังที่มีเพื่อนแบบนี้ คิวว์กับผมเจอกันในวิชาเลือก พอขึ้นปีสามแล้วพวกเราก็กระจายกันพอสมควรครับ คิดถึงไปป์จัง
     “ขอบคุณนะ งั้นเย็นนี้อยากทานอะไรเดี๋ยวทำให้”
     “อา... สลัดผักกับอกไก่อบได้ป่ะ ของสดอยู่ในตู้เย็น”
     แหม เตรียมไว้พร้อมเลยนะครับ ชักยังไงๆ ละ
     “นี่ไม่ได้หาเรื่องแอบปล่อยเจ้าแรมโบ้ใช่มั้ยเนี่ย?”
     “เอ้ย เปล่า! มันหลุดออกมาเอง แต่ความจริงก็กะจะชวนต้นมาอยู่แล้วล่ะ พอดีมีลายใหม่อยากนำเสนอ ส่วนเรื่องของกินมันผลพลอยได้ ฮะๆ”
     แล้วผมก็เลยต้องทำอาหารให้คิวว์ ผมสงสารเขาเหมือนกันนะ ต้องดูแลรูปร่างแทบตาย จะทานอะไรตามใจตัวเองมากก็ไม่ได้ เวลาผมมาค้างด้วยเขาก็คงทานอาหารสนุกขึ้นมั้งครับ เพราะผมทำอร่อยด้วยแหละ แต่เอ๊ะ! ... พอคิดไปคิดมาแล้ว ทำไมผมอยู่กับใครก็ต้องเป็นแม่บ้านให้คนอื่นหมดเลยล่ะ!
     เป็นอันว่าคุณปู่อนุญาต ผมได้ค้างกับคิวว์ครับ พอทานอาหารเย็นเสร็จแล้วผมก็เปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น(มาก)ให้คิวว์ทำบอดี้เพ้นท์ให้ คิวว์ให้ผมขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็นั่งตรงเก้าอี้ ผมต้องวางเท้าไว้ตรงหว่างขาเขาเพราะคิวว์บอกว่าไม่งั้นจะวาดไม่ถนัด ถึงคิวว์จะวาดภาพสวยมากแต่ติดนิสัยชอบก้มติดหน้ากระดาษครับ จมูกเขาแทบจะชนกับต้นขาผมอยู่แล้ว! แต่ก็คุ้มนะ เพราะผมได้เถาวัลย์หนามสุดเท่มาพันอยู่รอบต้นขาผมเกือบถึงหัวเข่า เท่ดีครับ โคตรชอบเลย!
     “ต้นไม่อยากทำตรงหน้าท้องแล้วเหรอ?”
     ผมเคยให้คิวว์วาดดอกไม้กับผีเสื้อลงตรงหน้าท้องครับ ไล่ไปจนถึงสะโพก แต่รับรองว่าแค่เพ้นท์ลายเฉยๆ ครับ ผมกับคิวว์ไม่มีอะไรกันทั้งนั้น เพื่อนผมคนนี้ยังเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นอยู่เลย
     “ไม่เอาแล้วล่ะ ไปป์ยุ่ง วันก่อนมาเปิดเสื้อเราดูด้วย สีมันเข้มไปอ่ะ เสื้อขาวมันมองเห็นชัด”
     สำคัญกว่าไปป์คือคุณพ่อผมนี่แหละครับ ท่านไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เฮ้อ... แล้วเสื้อนิสิตก็เป็นสีขาวด้วย มันเห็นชัดมาก ผมก็เลยได้แต่แอบทำตรงขานี่แหละ คงไม่มีใครมาถอดกางเกงผมดูหรอกมั้ง?
     “ตรงข้อเท้ากับแขนก็ไม่ได้แล้วใช่มั้ย? เราอยากวาดภาพใหญ่ๆ อ่ะ ที่ต้นเคยบอกว่าอยากได้มังกรไง คิดได้ลายนึง น่าจะเหมาะกับต้น”
     ลายทั้งหมดที่คิวว์วาดให้ผมเขาออกแบบเองครับ เพื่อนผมคนนี้จะเพอร์เฟคไปไหนเนี่ย! เขาจะเก่งทั้งวิชาการและงานอาร์ตเลยรึไง? อิจฉาชะมัด!
     “เราก็อยาก แต่ถ้าพ่อเราเห็นเราแย่แน่ๆ ไม่อยากให้มีปัญหาน่ะ”
     “แล้วตอนปิดเทอมล่ะ? ช่วงปิดเทอมคงไม่เป็นไรมั้ง”
     “อาจจะนะ ตอนนั้นพ่อเราคงไม่ว่าหรอกมั้ง”
     พอได้ยินผมพูดคิวว์ก็ยิ้ม เฮ้อ... นี่มันเหมือนผมรับปากเขากลายๆ เลยไม่ใช่รึไง
     “งั้นมาถ่ายรูปกัน สวยนะเนี่ย ฝีมือใครน้า?”
     “ชมตัวเองนะคิวว์”
     คิวว์ยิ้มแล้วก็เอามือถือมาถ่ายขาของผมอัพลงในอินสตราแกรม ปกติเวลาคิวว์ถ่ายลายเพ้นท์เขาถ่ายแค่ผลงานตัวเอง ไม่เคยถ่ายติดให้เห็นหน้าผมๆ ก็เลยปล่อยให้เขาเล่นสนุกไป แต่เพราะวันนี้เป็นทั้งขามั้งครับไม่ได้ถ่ายเจาะตรงลายเลยมีคนถามเข้ามาว่าขาของใคร แล้วซักพักก็มีเสียงไลน์เด้งรัวๆ คิวว์หัวเราะก๊ากแล้วยื่นให้ผมดู
     “มึงอยู่กับต้นเหรอ”
     “สัส มึงทำไรต้นวะ”
     “อย่าบอกนะว่าคนที่มึงเพ้นท์ให้มาตลอดคือต้น”
     “กูจะฆ่ามึง สัสคิวว์”

     ผมหัวไปมองหน้าคิวว์ เฮ้อ...
     “มิวนิวมันจำขานายได้ด้วยนะต้น เหลื่อเชื่อเลย”
     ผมควรจะดีใจที่มีคนจำขาผมได้งั้นเหรอ?
     “มันหวงนายน่าดู”
     “ช่างเขาเถอะ”
     “ไม่ใจอ่อนบ้างเหรอ?”
     “ใจอ่อนอะไร เราไม่ได้คิดอะไรกับมิวนิค”
     “แต่ท่าทางมันชอบนายจริงๆ นะ ไม่มองมันหน่อยเหรอ?”
     ผมจะรักใครได้ยังไงในเมื่อหัวใจของผมยังมีแต่พี่ชัช
     “อ๊ะ! หรือนายยังไม่ลืมแฟนเก่า?”
     “เอาเป็นว่าเราอยากอยู่คนเดียวซักพักแล้วกัน”
     “ฮะๆ ปากแข็งจัง ต้นนี่น่ารักดีเนอะ ใครได้เป็นแฟนคงโชคดี นายเจ๋งกว่าผู้หญิงบางคนอีก ทำได้ทุกอย่าง นิสัยก็น่ารัก เสียดายแทนแฟนนายจริงๆ เขาน่าจะรักษานายไว้ดีๆ ไม่น่าปล่อยนายหลุดมือเลย แต่มีคนมาจีบนายตั้งเยอะ ไม่ลองมองใครบ้างล่ะต้น?”
     “ใครจีบเราเยอะ? มาจีบคนที่เคยโดนมอมยาเนี่ยนะ บ้าละ! ไม่เห็นจะมี ว่าแต่นายยังไม่ได้ออกกำลังเลยนะคิวว์ รีบๆ ไปทำเหอะ จะได้อาบน้ำนอนกัน”
     “คร้าบ พี่ต้น ฮะๆ”
     ผมยิ้มขำๆ ให้คิวว์ทั้งๆ ที่ในใจแอบคิดถึงคนบางคน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเสียดายผมรึเปล่า... แต่ช่างมันเถอะครับ ก็เลิกกันแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ของตัวเอง...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



น้องไปป์น่ารักมั้ย? เลี้ยงง่ายเนาะ แต่ต้นร้ายที่สุด ฮ่าๆ เมื่อก่อนน้องต้นเดินตลาด ตอนนี้ฮีเดินวิลล่าแล้วนะจ้ะ เหอะๆ (มีคนเก็ทมุกมั้ยเอ่ย?)
ชอบคู่นี้อ่ะ ต้นกับไปป์ไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่มันมุ้งมิ้งดี คุณแม่ต้นกับลูก(หมา)ไปป์ อิๆ

เปิดตัวหนุ่มอีกคนในฮาเรม คิวว์น่ารักมั้ยเอ่ย? ฮ่าๆ เป็นผู้ชายที่เลี้ยงแฮมสเตอร์ด้วยแหละ แต่อ๊ะๆ ... มิวนิคชักเยอะน้า ยังไงๆ แฮะ!

เป็นยังไงบ้าง น้องต้นคนใหม่ มันใหม่ตรงไหนวะเหมือนเดิมเด๊ะ! ดูเผินๆ อาจจะเหมือนเดิม แต่เก็บกดน้อยลงนะว่ามั้ย ปล่อยวางมากขึ้น ยอมรับแล้วก็เปิดใจกับเพื่อนๆ มากขึ้น ต้นกำลังพยายามปรับตัวเข้าสังคมสุดชีวิต ฮ่าๆ
ต้นทิ้งท้ายไว้แบบนี้ คนอ่านจะคิดยังไงน้อ ...  :katai2-1:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
แอบเชียร์ มิวนิคดูเป็นผู้ชายโง่ๆ ตรงๆคิดอะไรแสดงออกมาอย่างนั้น หลอกง่ายดี เหมาะให้เป็นผู้ชายในคอนโทล

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     เมื่อเทอมใหม่เริ่มเข้าที่เข้าทางชีวิตของผมก็เริ่มวุ่นวายมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาคนพูดถึงผมเขาก็คงพูดถึงต้นน้ำภาคฟิสิกส์ที่หยิ่งๆ แต่ตอนนี้คงกลายเป็นลูกรองที่โดนมอมยา แถมยังเพิ่มดีกรีความหมั่นไส้ให้ชาวบ้านด้วยการเป็นซี้กับคิวว์ ผมถูกแฟนคลับคิวว์บางคนวิจารณ์ว่าไม่สมควรเสนอหน้าไปเป็นเพื่อนกับคิวว์ การที่เขามาสนิทกับผมจะทำให้ถูกมองไม่ดีตามไปด้วยเพราะผมมีพฤติกรรมน่ารังเกียจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย เรื่องนี้ทำให้คิวว์เสียความรู้สึกมากครับ เขาตอบโต้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็เป็นเพื่อนรักของเขา เราสองคนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่ใครจะเชื่อละครับ ยังอุตส่าห์มีคนออกมาดริฟว่าถ้าผมบริสุทธิ์ใจจริงผมก็ควรจะถอยห่างออกมาจากคิวว์เพราะผมทำให้คิวว์ต้องมัวหมองจากภาพลักษณ์อื้อฉาวของผม ให้ตายเหอะ!
     ผมห้ามได้เหรอที่อยู่ๆ จะมีรูปแอบถ่ายผมกับคิวว์หลุดออกไปลงเว็บสาธารณะแล้วก็มีคอมเม้นท์งี่เง่าจากไหนไม่รู้มาโพสอย่างกับรู้จักผมดีไล่ตั้งแต่ประวัติสมัยเรียนประถมยันมัธยม ผมเกลียดโซเชี่ยล! แต่คิวว์เพื่อนรักของผมเป็นนายแบบและมีชื่อเสียง ดังนั้นคิวว์เลยมีคนรู้จักเยอะ บางคนก็เป็นเน็ทไอดอลและก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมและคิวว์ แต่เขาเกลียดผม เขานินทาผมลับหลังว่าผมเกาะติดคิวว์เพราะอยากดัง ผมเนี่ยนะอยากดัง? จะบ้าตายครับ! ผมผิดเหรอที่ผมเรียนภาคเดียวกับคิวว์ ลงวิชาเลือกเดียวกัน บ้านอยู่ใกล้กัน แล้วช่วงหลังนี้เราก็สนิทกันมากเพราะมีงานอดิเรกร่วมกัน
     พวกเราพยายามหากันว่าใครเป็นต้นตอข่าวลือบ้าๆ พวกนี้ แต่ลำพังเด็กฟิสิกส์ที่ไม่มีใครเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์แบบพวกเราจะจับมือใครดมได้ละครับ ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยแล้วแต่ปากคนพูดไป อย่างน้อยเด็กปีหนึ่งภาคผมก็ไม่เข้าใจผิดคิดว่าผมชอบอ่อยผู้ชายก็แล้วกัน! แล้วผมก็ได้น้องๆ พวกนี้แหละคอยแก้ข่าวให้ บางคนก็คอยอัพเดทข่าวให้ผมฟัง แต่ผมไม่อยากฟังมากหรอกครับ ปวดหัว! แค่รับมือเรื่องแม็กซ์ก็จะตายอยู่แล้ว
     ผมสนิทกับอาร์มมากกว่าเดิมเพราะผมไม่กล้าใช้แม็กซ์เป็นกันชนเหมือนเมื่อก่อน คือ... บางทีมันก็อึดอัดนะครับ แม็กซ์ไม่ได้รุกผมหนักหรอก แต่... การที่คุณปู่เชียร์แม็กซ์มากเกินไปผมก็รู้สึกไม่ค่อยดี แม็กซ์มาทานข้าวที่บ้านเกือบทุกอาทิตย์ เขาปรับตัวเข้ากับคนแก่ที่บ้านผมได้เก่งเหลือเชื่อ แม็กซ์ไม่ได้เร่งรัดผมแต่พอสบสายตาย่ามใจของเขาแล้วผมก็หมั่นไส้ขึ้นมา เพราะงั้นบางครั้งผมเลยหนีแม็กซ์ไปกับเพื่อนคนอื่นในภาคหรือบางทีก็ไปกับอาร์มแทน ผมก็เลยยังโดนข้อหาฟาดเรียบอยู่เรื่อยๆ
     แต่สิ่งที่ผมรำคาญที่สุดก็คือพวกเกย์ที่เข้ามาจีบผมตรงๆ ครับ เหมือนกับตอนนี้
     “ต้นชอบฟังเพลงแนวไหนเหรอ?”
     “ก็ฟังได้เรื่อยๆ”
     “เจกำลังฝึกดีเจอยู่ ต้นอยากดูป่ะ?”
     หมอนี่ชื่อเจ เจอกันในวิชาเลือกและผมอยู่กลุ่มเดียวกับเขา ทำไมผมต้องมานั่งทำงานกลุ่มกับหมอนี่ด้วย! คิดถึงเมษจังเลยครับ คิดถึงเพื่อนๆ ของเมษด้วย ผมเคยไปเที่ยวกับพวกนั้นครั้งนึง รู้สึกสบายใจกว่าตอนอยู่กับเจเยอะเลยครับ อย่างน้อยเพื่อนเมษก็ไม่แอ๊บ ทุกคนเป็นตัวของตัวเองไม่ดูเฟคเหมือนเจ
     “เจรีบทำงานให้เสร็จเถอะ เราอยากกลับบ้าน”
     “งั้นเสร็จแล้วต้นไปกินข้าวกับเจนะ”
     “เราไม่สะดวกน่ะ โทษที”
     “งั้นคืนนี้เจขอโทรหาต้นนะ”
     “เรานอนแต่หัวค่ำน่ะ”
     “ต้นไม่ชอบเจเหรอ...”
     ปฏิเสธขนาดนี้คงชอบมั้ง! ถามมาได้ แต่ผมไม่อยากทำตัวไม่ดีใส่เจ
     “เปล่า คือ... เรา ... เรา
     เจไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี แต่... ผมไม่ชอบเขานี่นา
     “เจออยากให้ต้นเปิดใจกับเจบ้าง อย่าปิดกั้นตัวเองเลย”
     ผมไม่ได้ปิดกั้นตัวเองแต่ผมรำคาญ!
     “ต้นลองคุยกับเจก่อนก็ได้ ถ้าต้นไม่ชอบเจจริงๆ เจก็ไม่ฝืนต้นหรอก”
     ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันครับ!
     “เจชอบต้นนะ เจอยากมีแฟนแมนๆ เหมือนกัน คบกันแบบเพื่อน ไปไหนไปกันลุยๆ แบบผู้ชายอ่ะ”
     ผมก็มีเพื่อนผู้ชายเยอะจะตาย ทั้งภาคเลย ไม่เห็นอยากได้แฟนที่คุยแบบเพื่อนเพิ่ม!
     “ต้นตรงสเปคเจเลยนะ”
     อี๋! เขากุมมือผม! ผมพยายามจะชักมือกลับแต่เจกุมมือผมแน่นมาก เขายิ้มในแบบที่คงคิดว่าตัวเองหล่อให้ผม การยิ้มแบบเอียงคอนิดๆ ทำสายตาเป็นประกายอมยิ้มให้ดูอบอุ่น เฟคชะมัดเลยครับ! อะไรจะประดิษฐ์ขนาดนั้น ผมเกลียดจมูกที่โด่งจนโอเวอร์ของเขาด้วย เห็นแล้วขัดใจชะมัด!
     “เราไม่ได้แมนขนาดนั้นหรอกเจ เราเตะบอลไม่เป็นนะ มีแต่คนบอกว่าเรานิสัยจุกจิกเหมือนผู้หญิง”
     “ฮ่าๆ ต้นน่ารักจัง”
     เจหัวเราะกว้างแบบที่ผมรู้สึกว่าเหมือนการจีบปากจีบคอ แล้วเขาก็เอียงหน้าด้วยมุมแห่งดวงดาวที่กะว่าคงดูดีที่สุดส่งยิ้มให้ผม เจจ้องตาผมกะให้เอาซึ้งจนผมขนลุก!
     “แต่เจชอบนะ อยากเป็นแฟนต้นจัง”
     แต่ผมไม่ชอบ! ผมไม่อยากมีผัวที่พกแป้งพัฟแถมยังใช้แป้งขาวกว่าผิวตัวเองจนหน้าเทา ปากก็แดงแทนที่จะใช้ลิปมันไม่มีสี หมอนี่แอบทาทิ้นท์เชียวนะ! ที่สำคัญเจสักคิ้วด้วยครับ ผมรับไม่ได้หรอก!
     ถึงผมจะไม่ชอบเวลาที่มีคนมาบอกว่าตัวเองสาวแตกแต่ผมก็มั่นใจว่าผมไม่เยอะเท่าเจแน่นอน! การพยายามเฟคความแมนพวกนั้นของเจคืออะไร? ความแมนมันไม่ได้ออกมาจากท่าทางซะหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้เลือกรักใครเพราะความแมนด้วย อยากได้แมนๆ ก็นั่นไงครับมิวนิค แมนมีแต่กล้ามจนไร้สมอง!
     “ต้น นายเสร็จรึยัง?”
     ขอบคุณสวรรค์! เพราะคิวว์เดินเข้ามาทักเจเลยปล่อยมือผมซะที ผมเลยหันไปยิ้มขอบคุณคิวว์
     “ยังเลยอ่ะคิวว์”
     “ไม่เป็นเดี๋ยวเรารอ”
     “งั้นเจ เดี๋ยวเราขอเอากลับไปทำต่อเองนะ มีอะไรจะส่งเข้าเมลล์ให้ โอเคมั้ย?”
     “ได้สิต้น”
     เจพยายามยิ้มเท่ให้ผม แต่ผมเห็นนะ เขาแอบมองคิวว์ตาไม่กระพริบ สีหน้านี่จิกพอๆ กับเมษเลยครับ แมนอะไรกัน!

     ผมหนีมาได้เพราะคิวว์แท้ๆ
     “ขอบใจนะคิวว์ เมื่อกี้เกือบแย่”
     “ไม่เป็นไร ต้นก็ ... ฮะๆ ต้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
     มีหัวเราะเยาะผมนะ!
     “รู้แล้วน่ะ!”
     “ฮะๆ กลับเลยเปล่า? หาอะไรกินกันก่อนมั้ย?”
     “ไม่อ่ะ วันนี้เรามีธุระต่อ นายกลับไปก่อนเถอะ เรากลับเองได้”
     “จะไปไหนเหรอ ให้เราไปส่งมั้ย?”
     “ไม่เป็นไร เราไปเองได้ ไปนะ บาย”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ! ต่อให้ต้องโดนพี่ธันย์เตะผมก็ยอม!
     ดังนั้นพอพี่ธันย์เดินออกมาจากห้องผมก็ถลาเข้าไปหาพี่เขา พี่ธันย์หน้าเปลี่ยนสีไปแค่แว๊บเดียวแล้วก็เดินหนีผม
     “เดี๋ยวสิ พี่ธันย์! อย่าทิ้งต้นนะ!”
     ผมรู้ว่าพวกรุ่นน้องต้องสนใจแน่ๆ เป็นดังคาดพี่ธันย์เดินกลับมาหาผมแล้วเขกกะโหลกผมต่อหน้าคนอื่น ผมมีหวังแล้ว! พี่ธันย์ต้องช่วยผมแน่ๆ
     “คืนนี้ขอต้นไปค้างห้องพี่ธันย์นะ”
     พี่ธันย์ถอนหายใจแล้วจ้องผมนิ่งเลย
     “เดี๋ยวต้นโทรบอกปู่ได้ ขอปู่แล้วพ่อไม่ว่าหรอก”
     “มีงานกะเย็น”
     “กุญแจ”
     ผมแบมือตรงหน้าพี่ธันย์ พี่เขาส่ายหน้าเหมือนปลงๆ แล้วก็หยิบกุญแจออกมาให้ผม สำเร็จครับ พี่ธันย์ยอมผมแล้ว!
     “ต้นไปรอที่ห้องนะ เดี๋ยวเย็นนี้จะทำของโปรดให้ทาน”
     ดังนั้นผมก็เลยได้มารออยู่ที่ห้องพี่ธันย์ ถึงพี่ธันย์จะเป็นผู้ชายหน้าดุแต่ก็เนี้ยบกว่าพี่ชัชอีกครับ ห้องของพี่ธันย์สะอาดเป็นระเบียบไม่ค่อยมีอะไรให้ผมทำเลย ดังนั้นพอผมทำรายงานเสร็จผมก็เลยทำกับข้าว ผมแอบซื้อกระทะไฟฟ้าใบเล็กๆ กับหม้อหุงข้าวมาใช้เองแหละ โดนพี่ธันย์ด่าเละเลยบอกว่าเปลืองไฟ แต่พอผมมาค้างด้วยแล้วทำกับข้าวทีไรพี่ธันย์ก็ทานเกลี้ยงนะ หึๆ ผมอยู่กับพี่ธันย์มาตั้งหลายปีรู้หมดแหละว่าพี่ธันย์ชอบอะไร
     ราวๆ สามทุ่มกว่าพี่ธันย์ก็กลับมาถึง ผมกำลังตากผ้าเช็ดตัวเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จเลยครับ พอพี่ธันย์เข้ามาในห้องก็ตรงมาหาผมแล้วยกขาขึ้นเตะ!
     “โอ้ย! ต้นเจ็บนะพี่ธันย์”
     ถึงพี่ธันย์ไม่ได้เตะแรงมากแต่มันก็เจ็บอ่ะ ชอบใช้กำลัง!
     “เล่นบ้าอะไร! บอกกี่ครั้งแล้วอย่าทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น”
     “ก็ต้นทนไม่ไหวแล้วอ่ะ พี่ธันย์เป็นแฟนต้นนะ พี่ธันย์รับปากกับต้นแล้ว ละต้นก็จ่ายค่าจ้างให้แล้วด้วย!”
     ผมชี้ไปที่หม้อหุงข้าวกับกระทะไฟฟ้า มีจานใส่กุนเชียงทอดของโปรดพี่ธันย์วางอยู่ใกล้ๆ
     “ค่าจ้างที่ทำให้พี่ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มเนี่ยนะ?”
     “พี่ธันย์ก็ย้ายไปอยู่กับต้นสิ ปู่ต้นใจดีไม่ว่าหรอก”
     ผมพยายามอ้อนแต่พี่ธันย์ตบหัวผมอีกแล้ว!
     “เพ้อเจ้อ!”
     “งั้นเราไปหาห้องใหม่อยู่กันสองคนก็ได้”
     “หุบปาก!”
     พี่ธันย์ถอดเสื้อผ้าตัวเองทำท่าจะอาบน้ำ ไม่สนใจผมเลย!
     “แต่ต้นอยากอยู่กับพี่ธันย์นี่!”
     “รำคาญ!”
     คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว ... พี่ธันย์นี่เล่นตัวชะมัด!
     พอพี่ธันย์ออกมาจากห้องน้ำผมก็เลยตักข้าวให้ พี่ธันย์มองจานข้าวแล้วทำหน้าดุ
     “แฉะ!”
     อึ๋ย! โดนด่าเลย...
     “ขอโทษ ต้นยังไม่ชินกับหม้ออันนี้”
     “เออช่างเหอะ พี่ไม่หวังอะไรกับเด็กซื่อบื้ออยู่แล้ว”
     นั่นว่าผมอีก ผมซื่อบื้อก็เพราะเมื่อก่อนพี่ธันย์ตบหัวผมทุกวันนั่นแหละ!
     “พี่ธันย์ ... เปิดตัวกันซะทีไม่ได้เหรอ?”
     “แล้วเพื่อนคนนั้นล่ะ?”
     “ต้นไม่อยากให้เขามีความหวังเพิ่ม”
     “คนอื่น”
     ผมมองไม่เห็นใครอื่นที่จะช่วยผมได้อีก ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อาร์ม
     “ต้นไม่อยากทำให้เพื่อนเดือดร้อน พวกเขาดีกับต้นมาก ต้นเกรงใจเขา”
     พี่ธันย์ไม่ยอมตอบอะไรผมเอาแต่ทานข้าวเงียบๆ กุนเชียงทอดนี่มันอร่อยขนาดนั้นเลยรึไงนะพี่ธันย์
     “นะพี่ธันย์ เปิดตัวกันนะ ต้นเบื่อ รำคาญจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
     “สม!”
     พี่ธันย์ยิ้มร้ายกาจมาก!
     “วันนี้มันจับมือต้นด้วยนะ! วันก่อนก็มีพวกแปลกๆ ไลน์มา ไม่รู้มันได้ไอดีต้นไปได้ยังไง มันชวนต้นเข้ากลุ่มสวิงกิ้ง โรคจิตชะมัด!”
     พี่ธันย์ยังคงนั่งทานข้าวไปพร้อมกับทำหน้าสมน้ำหน้าผม ใจร้าย!
     “ไม่ห่วงน้องเลยรึไง? เนี่ยวันก่อนไปทานข้าวกับเพื่อนก็ถูกคนอื่นหาเรื่อง เพื่อนต้นเป็นนายแบบมีคนรู้จักเยอะ มีคนมานั่งคุยด้วยไปๆ มาๆ ก็แกล้งถามเรื่องอินสตราแกรมต้น ต้นบอกไม่มีมันก็แกล้งทำเป็นไม่เชื่อ อ้างว่าต้นดังจะตายใครๆ ก็รู้จัก พี่ธันย์คิดดูสิต้นจะดังเรื่องอะไรได้อีกล่ะ? แล้วก็มาบลัฟว่าตัวเองมีคนติดตามเป็นหมื่น แฟนคลับเพียบเพราะเขาไม่มีเรื่องฉาว ตั้งใจพูดข่มกันเห็นๆ ไร้สาระ!”
     “ก็รู้นี่”
     “แต่ต้นไม่ไหวแล้วนะพี่ธันย์ คิดไม่ออกแล้วว่าจะตอบโต้ยังไงดี เบื่อพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านพวกนี้สุดๆ อ่ะ”
     “อยู่เฉยๆ”
     ผมอ้าปากค้างมองพี่ธันย์ที่ใจร้ายกับผมมาก เล่าขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นใจกันอีก!
     “พี่อิ่มแล้ว กินเสร็จแล้วล้างจานให้พี่ด้วย การบ้านพี่เยอะ”
     พี่ธันย์วางจานข้าวใบนั้นลงตรงหน้าผมแล้วเดินไปหยิบหนังสือในกระเป๋าออกมาอ่าน
     “พี่ธันย์จะไม่ช่วยต้นจริงๆ เหรอ?”
     “พี่ไม่เห็นว่าเปิดตัวแล้วจะมีประโยชน์อะไร”
     “ก็เวลามีคนมาจีบต้นจะได้อ้างว่ามีแฟนแล้ว คนอื่นจะได้ไม่หาว่าต้นชอบอ่อยด้วย”
     “เป็นแฟนกับพี่ไม่ช่วยอะไร ต้นก็รู้ว่าพี่หวานไม่เป็น”
     “ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงต้นก็ถือว่ามีแฟนแล้ว นะ เป็นแฟนกับต้นนะ”
     “แล้วต้นก็จะถ่ายรูปคู่ลงเน็ททำเป็นว่ามีความสุขทำนองนั้นเหรอ? บอกเลิกเขาเองไม่ใช่รึไง สมน้ำหน้า!”
     “ไม่เกี่ยวกับแฟนเก่าต้นซักหน่อย!”
     ตายล่ะ! ผมเผลอตวาดใส่พี่ธันย์ แต่พี่เขากลับเงยหน้ามามองผมแล้วยิ้มแทน
     “หรา...”
     โอ้ย! โมโหครับ! พี่ธันย์ใจแข็งชะมัด ผมงอนก็เลยนั่งทานข้าวต่อเงียบๆ ไม่อยากง้อแล้ว! แต่อยู่ๆ พี่ธันย์ก็พูดขึ้น
     “พี่จะยอมเปิดตัวก็ได้ แต่มีเงื่อนไขข้อนึง”
     “จริงนะ?”
     “รับปากพี่ก่อน”
     “ต้นรับปาก”
     “อย่าโกหกตัวเองอีก ทำได้รึเปล่า?”
     คำขอของพี่ธันย์ทำให้ผมสะอึก
     “ต้นก็ไม่ได้โกหกอะไรนี่ ต้นว่าตอนนี้ต้นสบายๆ นะ”
     “ก็เหลือแต่เรื่องนั้นเรื่องเดียวแหละ พี่ไม่อยากเห็นน้องตัวเองแกล้งทำเป็นมีความสุข พี่อยากเห็นต้นมีความสุขจริงๆ”
     “ก็ต้นยังทำใจไม่ได้นี่พี่ธันย์!”
     “พี่ก็ไม่ได้เร่ง พี่รู้ว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา แต่ถ้าถึงเวลาขึ้นมาจริงๆ ต้นจะกล้ายอมรับความจริงรึเปล่า?”
     “แล้วถ้าตอนนั้นอะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะพี่ธันย์”
     “ก็เป็นบทเรียนให้ตัวเองว่าอย่าเยอะไง”
     ผมสับสน ... เวลานั้นมันจะมีจริงๆ เหรอ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เพราะน้องต้นขี่บิ๊กไบค์=แมน? เอาเหอะ อย่างน้อยต้นไม่เดินตูดบิด ไม่พูดเสียงจีบปากจีบคอ ท่าทางไม่กรีดกราย ในสายตาเกย์แม๊นแมนนะตัวเธอว์อย่างเจคงคิดแล้วว่าต้นคู่ควรกับคำว่า"แมนๆ" แล้วมันจะมีประโยคยอดฮิต "ผมผู้ชายแท้ๆ เลยนะครับ กินเหล้า เตะบอล" ที่เอาไปล้อกันโคตรฮา "แมนๆ เตะบอล"
ข้อมูล"เจ"นี่เราอาศัยการติดตามเพจบันทึกของตุ๊ดแล้วก็ดูสิ่งที่คุณช่า&แฟนคลับเม้นๆ กันมาเขียนน่ะ คุณช่าให้คะแนนผู้ชายไว้ แต่ถ้าสักคิ้ว&พกแป้งพัฟเมื่อไหร่จะคะแนนติดลบ  บางทีรูปโปรไฟล์อย่างหล่อ แต่เค้าเม้นท์ "ค่ะ/ขา&หนู" เรียกคุณช่าว่าขุ่นแม่ ฮือๆ ... เสียดายอ่ะ ดีนะเรามีแฟนแล้ว
 :katai1:

ต้นกะพี่ธันย์น่าร๊าก พี่น้องมุ้งมิ้ง คุณพี่ชอบทารุณคุณน้อง แต่คุณน้องก็อ้อนเท้าคุณพี่เหลือเกิน
น้องต้นแสบพอตัวเวลาอยู่กับธันย์เพราะไม่ต้องเก็ก ธันย์ก็แอบร้าย สองคนนี้จะคล้ายๆ กันพอสมควร หึๆ ก็เขาโตมาด้วยกันนิ จะเหมือนกันก็ไม่แปลก

มีคนเชียร์มิวนิคด้วย โฮะๆ ต้องรออ่านตอนพิเศษ16ล่ะ! :-[

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ต้นน้ำ

     แล้วเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับพี่ธันย์ก็แพร่ออกไป ขอบคุณใครซักคนที่เป็นเจ้ากรมข่าวลือ แต่ผมไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องนี้ ดังนั้นพอคุณพ่อผมรู้เข้าท่านก็เลยบอกให้ผมพาพี่ธันย์ไปพบ แต่พี่ธันย์นิ่งมาก เป็นเด็กเรียน ขยัน ทำงานส่งตัวเองคุณสมบัติทุกอย่างไม่มีที่ติท่านก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรกลายเป็นทานอาหารกลางวันเงียบๆ สามคน พอเสร็จแล้วพี่ธันย์ก็ขอตัวบอกมีธุระต่อ เหลือแต่ผมกับคุณพ่อสองคน
     “คุณพ่อไม่พอใจเหรอครับ?”
     ผมก็พอรู้ตัวนะ แต่... สีหน้าพูดไม่ออกของท่านทำให้ผมรู้สึกผิดจัง
     “ถ้าคุณมีความสุขผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ผมแปลกใจที่คุณทำใจได้เร็ว ผมนึกไม่ถึงว่าคุณจะมีคนใหม่เร็วแบบนี้”
     “ผมเลิกกับพี่ชัชได้ห้าเดือนแล้วครับ เกือบครึ่งปีแล้ว”
     “คุณรักเขาจริงหรือต้นน้ำ”
     “ทำไมละครับ พี่ธันย์ก็ดีออก สนิทกับผมมาตั้งแต่เด็ก อย่างน้อยเป็นแฟนกับพี่ธันย์ก็ยังดีกว่าโดนพวกบ้าๆ ตามตื้อ”
     คุณพ่อท่านถอนหายใจแล้วมองผมด้วยสีหน้าสงสาร ผมคิดว่าท่านรู้ทันผม
     “เอาเถอะ ผมไม่ห้ามคุณหรอก แต่ระวังคุณปู่คุณจะโกรธเอาล่ะ ท่านถูกใจว่าที่หลานเขยคนนี้มากทีเดียว”
     “ก็เพราะแบบนี้ไงครับผมถึงคบพี่ธันย์ แล้วพี่ธันย์ก็รับปากจะช่วยผมแล้วด้วย”
     แต่เรื่องที่คุณพ่อกังวลไม่เกิดขึ้นครับ คุณปู่ท่านไม่ทราบข่าวนี้แต่แม็กซ์รู้!
     เย็นวันเสาร์แม็กซ์มาหาผมที่บ้านตามเคย ผมชวนแม็กซ์ไปคุยกันสองต่อสองเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน เดี๋ยวนี้แม็กซ์ไม่ค่อยไปหาผมที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขามาหาผมถึงบ้านแทนครับ แหง๋สิ! เข้านอกออกในได้สะดวกเลยแหละ ผมเลยบอกเขาว่าไม่ต้องไปรับผมบ่อยๆ ก็ได้ผมเกรงใจ เพราะถึงยังไงเขาก็มาหาผมทุกเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว ดูเหมือนแม็กซ์เองก็เข้าใจเลยยอมตื้อผมน้อยลง เฮ้อ... ผมต้องทำได้น่ะ แค่บอกแม็กซ์ไปตรงๆ
     ผมมองผู้ชายที่นั่งยิ้มให้ผมแล้วก็เจ็บแปลบยังไงก็ไม่รู้ เฮ้อ... สงสารแม็กซ์จัง แต่ว่านะ...
     “ต้นมีไรจะคุยกับแม็กซ์เหรอ?”
     ขอบคุณห้องโฮมเธียเตอร์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวระหว่างผมกับแม็กซ์
     “คือ... แม็กซ์ เรา... เรามีแฟนใหม่แล้วนะ!”
     พูดออกไปแล้ว! แต่เอ๊ะ... ทำไมแม็กซ์นิ่งจัง? เขาดูไม่แปลกใจเลย
     “อ๋อรู้ละ”
     แม็กซ์เฉยมากเลยครับ!
     “แล้วนาย...”
     แม็กซ์รักผมไม่ใช่เหรอ?!?
     “ฮ่าๆ ต้นรู้ตัวป่าวว่าโกหกไม่เก่ง”
     “เราไม่ได้โกหกนะ! เราคบกับพี่ธันย์แล้วจริงๆ”
     “แม็กซ์รู้ คนนี้ใช่ป่ะ? หล่อไม่ได้ครึ่งของแม็กซ์เลย”
     แม็กซ์ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู เพจบ้าอะไรเนี่ย! นี่มันรูปแอบถ่ายชัดๆ มีคนแอบถ่ายรูปพี่ธันย์แล้วโพสว่า “ผู้ชายคนล่าสุดของเจ้าแม่ดราม่า” ด่าผมซะเสียแถมยังพาดพิงถึงพี่ธันย์อีก! ผมเกลียดนักสืบไซเบอร์ จะมาลากไส้พวกผมทำไม!
     “ประวัติไม่ค่อยดีเลยนะ แฟนต้นอ่ะ”
     “พี่ธันย์ไม่แคร์หรอก พี่ธันย์เข้มแข็งกว่าเราเยอะ”
     “กำลังเสียใจที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหรอต้น บอกแล้วเป็นแฟนกับแม็กซ์ก็สิ้นเรื่อง”
     ได้ทีข่มเชียวนะ! แม็กซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์มองผม น่าหมั่นไส้สุดๆ
     “มาเป็นเมียแม็กซ์ดิ ไม่มีใครกล้าแตะหรอก”
     แม็กซ์ไม่เข้าใจ ผมรักแม็กซ์ไม่ได้หรอก!
     “เมื่อไหร่จะเปิดใจให้แม็กซ์ซักที”
     “เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้รึไง”
     ผมไม่รู้จะเถียงอะไรอีกแล้ว ถ้าแม็กซ์ทำตัวแย่ๆ ผมคงปฏิเสธเขาง่ายกว่านี้ ผมสงสารแม็กซ์ที่มารักคนอย่างผม แต่ผมรักแม็กซ์ไม่ได้!
     ผมหวังว่าแม็กซ์จะพูดอะไรบ้างแต่เขาเอาแต่เงียบ แม็กซ์ยิ้มแล้วก็จับมือผมไว้อย่างนั้น แล้วเขาก็นั่งมองผมเงียบๆ บ้าเอ้ย!
     “โอเคๆ เรารำคาญพวกที่เข้ามาจีบ รำคาญปากคนอื่น เบื่อที่โดนนินทาลับหลังเราเลยขอให้พี่ธันย์มาเป็นแฟนเราสยบข่าวลือ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วจะได้ซาๆ ไปบ้าง เรื่องที่เราอยากบอกนายก็มีเท่านี้”
     ผมพยายามจะดึงมือกลับแต่แม็กซ์เหนียวชะมัด ผมเกลียดสายตาของแม็กซ์!
     “แม็กซ์ ปล่อย!”
     ไอ้บ้าเอ้ย!
     “ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”
     “ไม่มีใครมากวนหรอก ต้นก็รู้”
     “อย่าทำแบบนี้น่ะ”
     “เพื่อนจับมือกัน อย่าคิดมากดิ”
     ไอ้! ... กวนชะมัด ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอีก ไม่ไหวแล้วครับ!
     “เพื่อนกันก็ปล่อยสิ ปล่อยเราไปเถอะแม็กซ์ นายก็รู้ว่าเราไม่ได้คิดกับนายแบบนั้น”
     “ตอนนี้ไม่แต่อนาคตไม่แน่ แม็กซ์จะทำให้ต้นรักแม็กซ์”
     “ไม่! เราคบกับพี่ธันย์แล้วเราไม่นอกใจแฟนตัวเองหรอก”
     “โหย เลิกพูดถึงไอ้แฟนแต่ในนามคนนั้นได้ป่ะ?”
     “อย่ามาว่าพี่ระ พี่ธันย์นะ!”
     “เห็นป่ะ หลุดเอง ต้นไม่ได้คิดอะไรกับมัน”
     ฮึ่ย! เกลียดแม็กซ์ชะมัด!
     “ใครบอก เราคิด เราเกือบจะนอนกับพี่ธันย์ด้วยซ้ำ เราจริงจังนะแม็กซ์ เราไม่ล้อเล่นกับความรักหรอก”
     แม็กซ์อ้าปากค้างไปเลย ท่าทางนิ่งอึ้งของแม็กซ์ทำให้ผมรู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ครับ แต่ผมไม่อยากให้แม็กซ์รอผมเลย
     “โกหก”
     “ไม่ได้โกหก”
     “ทำไม? ... ทำไมอยู่ๆ ต้นไปนอนกับคนอื่นง่ายๆ แบบนั้นวะ!”
     แม็กซ์เสียงดังมาก เขาไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้!
     “อย่ามาตะคอกเรานะ! นายไม่ได้เป็นอะไรกับเรา นายไม่มีสิทธิ์!”
     ผมเห็นสายตาเจ็บปวดของแม็กซ์ ผมเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ว่า ... ขอโทษนะแม็กซ์
     “ทำไมอ่ะต้น เป็นแม็กซ์ไม่ได้เหรอ? แม็กซ์อุตส่าห์รอให้ต้นลืมมัน แล้วต้นก็แอบไปมีคนอื่นเนี่ยนะ?”
     “ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามารักเรา คนอื่นดีๆ มีตั้งเยอะแยะจะมายุ่งอะไรกับเรา!”
     “ก็แม็กซ์ก็อยู่ตรงนี้แล้วต้นไปรักคนอื่นทำไมวะ!”
     พวกเราขึ้นเสียงใส่กัน ขอบคุณที่ห้องนี้เก็บเสียงไม่งั้นคุณปู่ต้องตกใจแน่ๆ ผมหงุดหงิดเลยหันหลังให้แม็กซ์ๆ เองก็หันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ชอบการทะเลาะกันแบบนี้เลยครับ
     “ขอร้องล่ะแม็กซ์ เลิกรักเราไม่ได้รึไง”
     “นายเป็นลูกชายคนเดียวนะ นายดีกับเรามากจนเราไม่อยากให้นายต้องมาลำบากเพราะเราอีก...” ผมได้แต่ต่อประโยคในใจไม่กล้าพูดออกไปดังๆ
     “งั้นตอบแม็กซ์มาตามตรง ต้นยังรักมันอยู่ใช่มั้ย?”
     ให้ตายผมก็ไม่มีวันลืมพี่ชัชหรอก!
     “อืม
     ผมส่งเสียงไปเบาๆ เพราะขี้เกียจโกหกแม็กซ์ ผมรู้ดีว่าเขารู้อยู่แล้ว
     “ต้นยังไม่ลืมมันแล้วต้นก็ไปนอนกับแฟนใหม่เนี่ยนะ? โหยร่านว่ะ!”
     อ้าว! ไอ้แม็กซ์บ้า!
    “ใครบอก! แค่เกือบต่างหาก เราพยายามจะลืมพี่ชัชแต่คนมันยังไม่ลืมใครจะไปทำได้!”
     พอผมสวนไปแบบนั้นแล้วหันไปเห็นแม็กซ์ยิ้มผมก็รู้ตัวว่าพลาดแล้ว แม็กซ์บ้า!
     “งั้นถามอีกข้อ ต้นชอบแม็กซ์บ้างรึเปล่า?”
     “เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”
     “เออรู้! ต้นเห็นแม็กซ์เป็นแค่เพื่อน แต่ตอบมาก่อนดิ ต้นคิดยังไงกับแม็กซ์ เคยมีแม็กซ์ในใจบ้างรึเปล่า”
     “เรา... เรา เฮ้ยแม็กซ์!”
     อยู่ๆ แม็กซ์ก็ดึงผมไปกอด!
     “ถ้าต้นโกหกแม็กซ์ก็รู้อีกอยู่ดี แต่ต้นก็รู้แม็กซ์ยอมเชื่อต้นทุกอย่าง แม็กซ์แค่อยากรู้ว่าต้นเคยมีใจให้แม็กซ์บ้างมั้ย?”
     พอแม็กซ์พูดจบก็ผละออก เขาจ้องจนผมไม่กล้าสบตา ผม... คำๆ นึงมันปรากฏชัดอยู่ในใจแต่ผมพูดออกไปไม่ได้!
     “อย่าหลบตาดิ มองแม็กซ์แล้วตอบ รักแม็กซ์บ้างป่ะ?”
     ไอ้บ้าแม็กซ์มันเชยคางผม! ผมควรจะสะบัดหรือไม่ก็ต่อยมันซักที แต่ถ้าผมเงยหน้ามองมันตอนนี้ก็ต้องสบตากัน ผมเกลียดความผูกพันที่มัดผมกับแม็กซ์ไว้ด้วยกัน มันมีค่ามากกว่าคำอธิบายความรู้สึกสั้นๆ หนึ่งพยางค์ซะอีก!   
     ผมควรจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ลมหายใจอุ่นๆ ของแม็กซ์ทำให้ผมรวบรวมความคิดไม่ได้เลย ผมจะโกหกแม็กซ์ว่าอะไรดีนะ ... ผม...
     “ขอจูบนะ”
     ผมควรจะด่าหรือตอบปฏิเสธ แต่ร่างกายของผมกลับเป็นไปเอง ผมหลับตาลงโดยอัตโนมัติ จากนั้นผมก็รู้สึกว่าแม็กซ์เข้ามาใกล้ ผมเผลอสูดลมหายใจของแม็กซ์เข้าปอดตัวเอง กระทั่งปากของเราสัมผัสกัน!
     ผมคิดว่าผมเคยจูบแม็กซ์มาก่อนแต่ผมจำไม่ได้แล้ว ผมไม่ได้หวงตัวจนคิดมากเรื่องจูบเหมือนพวกแต๋วแตก แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาจูบปากง่ายๆ แบบนี้ ... แต่ผมกำลังยอมให้แม็กซ์จูบผม! และผมไม่ได้รังเกียจแม็กซ์ กลับกันผมรู้สึกผิดกับพี่ชัช เพราะผมยังรักพี่ชัชอยู่ใช่มั้ยผมถึงรู้สึกแบบนี้? แต่เหตุผลที่ผมยอมแม็กซ์ล่ะ? ... ถ้าพี่ชัชยังอยู่ผมจะไม่มีวันรักแม็กซ์! ผมรู้ดีว่าที่ผมคิดไปไม่มีตรงไหนเลยที่ผมรังเกียจแม็กซ์ เกลียดตัวเองเป็นบ้า! ผมกลัวตัวเองชะมัด ที่สำคัญผมเริ่มจะรู้สึกแล้วด้วยสิ ร่างกายของผมตอบรับแม็กซ์!
     ให้ตายเหอะ ผมไม่ควรทำแบบนี้!
     “อื้อแม็กซ์ ... พอเหอะ
     ผมพยายามหันหน้าหลบแม็กซ์ โชคดีที่เขายอมหยุดให้ผม
     “ต้นไม่ได้รังเกียจแม็กซ์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม็กซ์โดนต่อยไปละ”
     “แม็กซ์! นายไม่เข้าใจ เรารักนายไม่ได้”
     “ทำไม?”
     “เรา... เรารักพี่ชัช”
     “แต่ต้นก็รักแม็กซ์ ที่สำคัญต้นเลิกกับมันแล้วนะ”
     “แต่เรายังไม่ลืมพี่เขา”
     “แม็กซ์ก็รออยู่นี่ไง”
     “แต่เราไม่อยากรักนาย!”
     “อะไรวะ รักก็รักดิต้น!”
     “ถ้านายเป็นแฟนเราพ่อนายจะว่ายังไง? เราไม่อยากให้นายมีปัญหากับพ่อ แล้วถ้าเราสองคนทะเลาะกันจนเลิกล่ะ เรา... เราขาดนายไม่ได้นะแม็กซ์ เรากลัว”
     ผมไม่อยากสูญเสียแม็กซ์ไป
     “มันอาจจะไม่น่ากลัวอย่างนั้นก็ได้ แม็กซ์รักต้นจะตายไม่มีทางทิ้งต้นหรอก”
     “ก็ไม่ได้อยู่ดี เรา... เราไม่อยากถูกมองว่าที่เลิกกับพี่ชัชเพราะจะมาคบนาย แฟนเราจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่นาย แม็กซ์ นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา แล้วเราก็ไม่อยากเสียนายไป
     ผมรู้ว่าแม็กซ์เจ็บปวดกับคำพูดของผม ผมมันเห็นแก่ตัว
     “ระหว่างเลือกรักแม็กซ์กับกลับไปหาแฟนเก่า อันไหนทำยากกว่ากัน”
     “ถามอะไรบ้าๆ”
     “ตอบมาดิ”
     “จะไปรู้เหรอ!”
     “จับปลาสองมือว่ะต้น”
     “เราเปล่านะแม็กซ์!”
     ผมโกรธนะมาว่าผมแบบนี้!
     “ใช่ดิ! ตกลงว่าจะไม่มีวันรักแม็กซ์จริงๆ ใช่ป่ะ? จะได้เลิกรอ”
     แม็กซ์พูดอะไรน่ะ!
     “ตาโตเชียวต้น ไหนบอกไม่รักแม็กซ์ไง”
     ผมเปล่านะ! ... แม็กซ์ถอนหายใจชุดใหญ่ ผมเองก็สับสน ผมเกลียดที่ตัวเองคอยแต่จะนึกถึงพี่ชัช ไม่ใช่พี่ธันย์ แฟนคนปัจจุบันของผม
     “ต้น แม็กซ์จะจีบต้นแค่ตอนนี้เท่านั้น พอเรียนจบแล้วถ้าต้นไม่ใจอ่อน แม็กซ์จะแต่งกับคนที่ป๊ากะม๊าหาให้”
     “ก็ดีแล้ว”
     “ถ้าต้นยอมเป็นแฟนแม็กซ์ๆ จะสู้เพื่อความรักของเรา แต่ถ้าต้นอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถึงตอนนั้นอย่าลืมพาคนที่ต้นเลือกไปงานแต่งแม็กซ์นะ
     สายตาของแม็กซ์จริงจังจนผมไม่กล้าปฏิเสธ แม็กซ์พูดจริงทำจริงเสมอผมรู้
     “แล้วแม็กซ์จะดีใจมากถ้าคนๆ นั้นคือไอ้เหี้ยนั่น แม็กซ์ไม่อยากแพ้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันรักต้นมากพอๆ กับแม็กซ์ ถ้าเป็นมันแม็กซ์ก็วางใจ”
     พอแม็กซ์พูดจบเขาก็ถอนหายใจ เรานั่งกันเงียบๆ แบบนั้นผมรู้สึกผิดต่อแม็กซ์มากๆ ผมไม่ควรดึงแม็กซ์เข้ามาเล่นเกมด้วยแต่แรกเลย...
     “แม็กซ์ ... เราขอโทษนะ ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
     “เออ ช่างเถอะ ชินละว่ะต้น”
     แม็กซ์พูดพร้อมกับเอนตัวลงพิงเบาะ ผมไม่รู้ว่าควรจะปลอบแม็กซ์ยังไงก็เลยเอนลงไปซบแม็กซ์ด้วย ผมอยากช่วยให้แม็กซ์รู้สึกดีแต่บางทีถ้าผมไม่ยุ่งกับแม็กซ์ตั้งแต่แรกอาจจะดีที่สุด
     “ต้นแม่ง... ใจร้ายชะมัด”
     “ขอโทษ”
     “งั้นขอเอาทีดิ เงี่ยน ตั้งแต่กลับมาหาต้นไม่ได้เอาใครมาเป็นปีละ”
     “บ้า!”
     “บ้าก็เพราะรักมึงแหละไอ้ตุ๊ด!”
     “เหรอครับ!”
     บังอาจมาเรียกผมว่าตุ๊ดนะไอ้เกรียนเอ้ย!
     “กูรักมึงได้ไงวะ?”
     “จะไปรู้เหรอ?!”
     “อ่อยจนคนอื่นหลงหัวปักหัวปำ!”
     “เปล่าซะหน่อย!”
     แล้วหลังจากนั้นผมกับแม็กซ์ก็ขุดเรื่องเก่าๆ มาด่ากัน เราต่อว่ากันขำๆ จนผมเผลอหลับไปไม่รู้ตัว ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาก็อยู่คนเดียวแล้ว ป้าณีบอกว่าแม็กซ์กลับไปแล้วครับ ... แม็กซ์คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กรี๊ดกร๊าด จูบที่4ล่ะ! แฟนคลับแม็กซ์ถูกใจมั้ยเออ? แต่แม็กซ์ก็มาได้แค่นี้แหละ BitterSweet อีกแล้ว บอกลาแม็กซ์ได้แล้วนะทุกคน!

เชื่อว่าแฟนคลับแม็กซ์กำลังเตรียมเขวี้ยงเม้าใส่คนแต่งแน่นอน ฮ่าๆ แต่ก็นะ อย่างที่ต้นพูดนั่นแหละ คิดว่าเขียนไว้เคลียร์มากแม้จะเขียนให้ต้นสับสนตัวเองพอสมควร แต่คนอย่างต้นน้ำทั้งหยิ่งทั้งทิฐิ เขาก็มีกำแพงบางอย่างที่ตัวเองจะไม่มีวันก้าวข้ามไป หึๆ

ลุ้นมั้ยๆ จะจบยังไงหว่า? คนอ่านต้องกำลังลุ้นสุดๆ แน่ๆ เลย เหอๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ไปป์

     ไปป์เองค้าบ วันนี้ผมมีเรื่องของต้นมาเล่าให้ฟังด้วยแหละ ตอนนี้ต้นเนื้อหอมสุดๆ ไปเลย เพราะช่วงหลังไอ้คิวว์มันบังอาจมาแย่งความรักของต้นไปจากผม ต้นก็เลยมีรูปออกสื่อเยอะขึ้น แล้วก็มีคนมาจีบต้นเพียบ ต้องเป็นเพราะมีคนเอาพวกเราไปเขียนฟิคชั่นแน่ๆ มีน้องปีหนึ่งบางคนเอาต้นไปเขียนฟิคค้าบ แล้วเขาก็เขียนให้ต้นกับคิวว์รักกันด้วยแหละ ผมโคตรขำเลย ตอนที่ต้นรู้ต้นหัวเสียมาก พวกเราเจ็ดคนไปคุยกับน้องเขาผมนึกว่าต้นจะบอกให้น้องเขาลบเรื่องแต่งพวกนั้นทิ้งซะอีก แต่ต้นกลับอนุญาตให้น้องเขาแต่งต่อได้ด้วย
     ต้นให้น้องเขาแก้ไขคำโปรยนิยายจากที่บอกว่าเรื่องเล่าเป็นเรื่องแต่ง น้องเขาจินตนาการเอาเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นแทนค้าบ แค่ยืมชื่อกับฉากมาใช้เฉยๆ น้องเขาเลยปิ๊งไอเดียถามว่าจะแต่งนิยายที่มีต้นเป็นตัวเอกกับคนอื่นๆ อีกได้มั้ยต้นก็ยอมคับ แต่บอกว่าห้ามโกหกว่าตัวเองเป็นคนที่อยู่ในภาคจริงๆ ถ้าจะเอาชื่อพวกเราไปใช้ต้องบอกให้คนอ่านเข้าใจ แล้วก็ต้องไปขออนุญาตคนที่โดนเอาไปเขียนเรื่องด้วย ดูเหมือนลัทธินี้กำลังเป็นที่นิยมเลยค้าบ พวกนิยายที่ชอบเขียนให้ผู้ชายรักกัน พวกผมบางคนเฉยๆ แต่บางคนแอนตี้มากเลยคับโดยเฉพาะไอ้เอก แต่ไอ้มิวนิคมันแฮปปี้มากเพราะมันได้เป็นพระเอกนิยายคู่กับต้น ฮ่าๆ
     ถึงต้นจะอ้างเรื่องมีแฟนแล้วเวลาโดนจีบแต่ผมว่าทุกคนที่สนิทกับต้นก็รู้ความจริงอยู่ดี ต้นนี่โกหกไม่เก่งเลยน้า คนที่เก่งกลับเป็นปีสองคนนั้น ผมเคยเห็นตอนที่เขายิ้มเยาะเย้ยคนที่มาจีบต้น ตัวร้ายโคตรๆ แต่ตอนที่ผมสะใจที่สุดต้องตอนที่ไอ้มิวนิคมันรู้เรื่องแล้วโวยวายใส่ต้น แต่พอต้นย้อนว่ามันไปยุ่งอะไรด้วยต้นจะมีแฟนแล้วเกี่ยวอะไรกับมันไอ้ควายก็ใบ้กิน ฮ่าๆ แล้วไอ้คิวว์ก็เลยโดดลงมาเล่นด้วย แต่ไอ้หมอนี่ไม่น่าไว้ใจเลยคับ แต่ช่างเถอะ ยังไงผมก็เป็นที่หนึ่งของต้นอยู่ดี ละครรักสามเส้าสนุกจังเลย ดีนะที่ต้นยังไม่มา มิวนิคกับคิวว์เปิดฉากดวลกันแล้ว!
     “พูดกันแบบแมนๆ เลย มึงคิดอะไรกับต้นป่ะ!”
     “กูคิดอะไรแล้วมึงจะยุ่งไรด้วยวะ”
     โอ้ว! ไอ้คิวว์ได้เสียงเฮสนับสนุนจากไอ้นอยซ์ ท่าทางมันอย่างกับตัวร้าย ผมว่ามันไม่เหมาะกับบทพระเอกหรอก
     “ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับต้นก็ถอยไปซะ อย่ามาขวางทางกู”
     “กูไปขวางมึงตรงไหน”
     “มึงก็รู้ว่ากู ...”
     “มึงมันกาก ชอบเขาแต่ไม่กล้าพูด ต้นไม่สนคนแบบมึงหรอก ต้องแบบคิวว์ว้อย คนจริง ต้นเสร็จคิวว์แน่!”
     ผมรู้ว่านอยซ์มันจะแกล้งมิวนิค แต่ถ้าต้นมาได้ยินมีเคืองแน่ๆ มึงเตรียมตัวโดนต้นด่าได้เลย ฮ่าๆ
     “ไอ้ต้นมันมีแฟนแล้ว มันไม่สนมึงหรอก!”
     “บอกตัวเองเหรอวะมิวนิค วี้ดวิ๊ว!
     ป๊าด! ขนาดไอ้นนยังมาร่วมวงปากเสียแซวมันเลย มึงเละแน่! ไอ้พวกนี้รวมหัวกันแกล้งมิวนิคแน่ๆ ใครใช้ให้มึงเสือกหล่อล่ำเกินหน้าเกินตาพวกกูวะ ฮ่าๆ
     มิวนิคมันยังไม่ยอมสารภาพรักกับต้นเลยคับ แต่มันชอบทำตัวหวงก้างต้นอยู่เรื่อย จนตอนนี้เขารู้กันทั้งคณะแล้วว่ามันชอบต้น ฮ่าๆ
     “กู ... กูเป็นห่วงไม่อยากให้ต้นมีข่าวลือไม่ดีอีกไง”
     “มึงกลัวต้นมีข่าวหรือกลัวต้นมีใครวะ ฮ่าๆ”
     ไอ้โค่หยอดได้เจ๋ง! ทุกคนแทคทีมกันแกล้งไอ้มิว สะใจผมจัง
     “เฮ่ย พวกมึงเลิกเล่นได้ละ แม่ไอ้ไปป์มาโน่นแล้ว”
     อ้าว! ต้นมาแล้วเหรอ ว้า... ดราม่ากำลังสนุกเลย ไอ้ยศนี่ตัวตัดอารมณ์จริงๆ เห... ทำไมต้นมากับพวกยศหว่า... อ๊ะ! ต้นกับอัฐ!
     “กูจะบอกมึงเอาบุญ กูอะแค่เล่นๆ แต่บางคนไม่แน่นะเว้ย เห็นนิ่งๆ มันอาจจะเอาจริงก็ได้ มึงว่าเสปคต้นเป็นแบบไหนล่ะมิว?”
     “ใช่เลย ผู้ชายที่ดูอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ พึ่งพาได้”
     อันนี้ผมเผลอพูดออกเสียงเองแหละ แล้วที่สำคัญ ผมพึ่งสังเกตว่าไอ้อัฐมันตาเจ้าชู้ชะมัด ปกติชอบทำหน้านิ่งๆ แต่ตอนมันยิ้มให้ต้นโคตรของโคตรมีอะไรอ่ะ!
     ไม่ใช่แค่อัฐด้วย! สายตาต้นก็มี! เกิดอะไรขึ้นหว่า? มีอะไรระหว่างสองคนนี้ที่ผมไม่รู้?
     จริงด้วย! เสปคต้นนี่มันแบบอัฐเลยนี่หว่า! ไม่ได้การละ ผมต้องรีบไปปกป้องตำแหน่งของผม! ผมไม่ยอมให้ใครมาแย่งต้นไปหรอก!
     “โต้น คิดถึงจาง”
     “โอ้ยไปป์! เราเจ็บ อย่าพุ่งเข้ามารัดเราแบบนี้สิ”

     
ชีวิตในแต่ละวันของพวกเราก็เป็นแบบนี้แหละค้าบ!  :bye2:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบแล้ว!

ซะที่ไหน

ลืมใครไปรึเปล่า?



เอ้า! นับ 1 2 3 แล้วไปสมน้ำหน้าเขากันเถอะ!



ชัยชัช

     ผมเลิกกับแฟนคนล่าสุดได้ครึ่งปีแล้วครับ ชีวิตที่ไม่เหลือใครแม่งห่วยแตกชิบ!
     ตอนที่ผมเลิกกับแฟนคนก่อนๆ ผมทำตัวเละเทะไปเรื่อยเพราะมั่นใจในตนเอง คิดว่าคนอย่างผมไม่จำเป็นต้องง้อใคร มีสาวๆ อยากได้ผมเยอะแยะ แต่กับแฟนคนล่าสุด เด็กผู้ชายที่ผมเรียกมันว่าเมีย มันทำให้ผมหลงหัวปักหัวปำแล้วมันก็หนีผมไปโดยเอาหัวใจผมไปด้วย ผ่านมาครึ่งปีไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงมัน ผมหยุดทุกอย่างมีแค่งานกับตัวเอง อยู่คนเดียวเหงาๆ ในห้องนี่ ผมคิดถึงต้น
     ผมเลิกหลีสาวจนคนทักว่าผมไม่ใช่ชัยชัชคนเดิม ขรึมจนเด็กใหม่กลัว เพื่อนก็แซวว่าโสดแล้วแทนที่จะลั้นลาปล่อยเสือคืนป่าผมดันกลายเป็นเสือแก่หมดเขี้ยวเล็บ ... เขี้ยวเล็บที่ทำร้ายไอ้ต้นมานักต่อนักผมโยนทิ้งแม่ม!
     ผมเกือบจะเลิกดื่มด้วยซ้ำ มีดื่มบางโอกาสเฉพาะงานเลี้ยง แต่ในตู้เย็นผมแทบไม่มีเบียร์แช่เอาไว้ โคตรตลกเลยที่เดี๋ยวนี้ผมชอบทำงานบ้านเอง ทำไปก็คิดถึงมันไป คิดถึงเสียงบ่นของคนที่เคยลำบากทำเรื่องพวกนี้ให้ผม
     ผมยอมแลกทุกอย่างกับโอกาสขอแค่ได้ต้นคืนมาแต่มันก็เป็นแค่ฝัน ผมแอบหวังว่ามันจะใจอ่อน เราจะกลับมาคุยกันซักวัน ต้นจะอภัยให้ผม แต่คงไม่มีหวังแล้วครับ ผมได้ข่าวว่าต้นมีแฟนใหม่เป็นคนในภาคมัน เตอร์โทรมาโวยวายใส่ผม เรื่องที่เกิดขึ้นกับต้นดังกระฉ่อนไปทั่ว เพื่อนที่เรียนที่นั่นคงเล่าให้มันฟังแล้วมันถึงได้โทรมาด่าผม ไอ้เตอร์มันถามผมว่าทำไมผมถึงไม่ยอมทำอะไร ผมเลยแกล้งตัดบทวางสายมัน ทำไมผมจะไม่ทำ ผมนี่แหละที่ทำให้พี่มันเสียใจจนหนีไปเจอเรื่องเลวร้ายพวกนั้น ดังนั้นตอนที่เตอร์บอกผมว่าต้นมีแฟนใหม่ผมถึงได้คิดออกแต่คำว่า “สาสมแล้ว”
     หลังจากนั้นผมก็เลิกหลอกตัวเอง ต้นไม่มีวันกลับมาหาผมอีก ผมบ้างาน ใช้งานเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่างน้อยการที่ผมบ้างานก็ทำให้ผมได้เงิน และเงินจะทำให้ญาติพี่น้องผมสบาย
     ผมใช้ชีวิตหลังจากเลิกกับต้นแบบนั้นทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมเหนื่อยจนขี้เกียจทำงาน หมดแรงจะทำทุกๆ อย่างเพราะภาพที่เห็น
     คืนวันปล่อยผี ปาร์ตี้ฮาโลวีน น้องที่รู้จักกันชวนผมไปสังสรรค์ ให้ผมไปช่วยรับรองหมอ ผมก็ไปนะ ถือซะว่าไปพบปะพูดคุยกับคนคุ้นเคยเพราะหมอคนนี้ผมก็สนิทสนมพอสมควร แต่ผมไม่รู้รสอะไรแล้ว กินเหล้าไม่อร่อยเลยครับ ของพวกนี้สร้างความเพลิดเพลินให้ผมไม่ได้อีกต่อไป
     ร้านหรูย่านทองหล่อกับคอนเสิร์ตนักร้องเพลงร็อคชื่อดังแสงสีเสียงสุดมัน ผมนั่งอยู่โซนชั้นลอย ส่วนคนที่ยืนเต้นอยู่ตรงนั้นเมียเก่าผมเอง ต้นมันมากับใครผมไม่รู้แต่ท่าทางสนิทสนมที่มีให้กันทำผมโคตรจี๊ด ไม่มีเงาของได้เด็กเวรอยู่ข้างๆ ผมอดเป็นห่วงต้นไม่ได้ แต่จากความใกล้ชิดที่ไอ้ต้นมันโอบรอบคอไอ้หล่อนั่นแล้วยิ้มเหมือนคนบ้าบางทีผมอาจกังวลเกินไป คนๆ นั้นอาจเป็นแฟนใหม่ต้น ไม่ว่าต้นมันจะเที่ยวหรือจะมีใครผมก็ไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว
     ผมนั่งอยู่ในมุมมืด แอบมองคนที่ผมคิดถึงมาตลอดหกเดือนเงียบๆ ในร้านที่โคตรอึกทึก มองอดีตคนรักแจกยิ้มหวานยกแก้วเหล้าเข้าปากเป็นว่าเล่นทั้งที่เมื่อก่อนมันด่าผมสารพัด
     ผมอยากเดินเข้าไปกอดมันแล้วพูดกับมันว่ามันเมาหนักแล้วละผมจะพามันกลับห้อง อยากช่วยดูแลมันเหมือนที่มันเคยดูแลผม แต่ผมไม่กล้าปรากฏตัวออกไป มีคนทำหน้าที่นั้นแล้ว ผมไม่จำเป็นสำหรับต้นอีกต่อไป
     ผมหันหลังเดินออกจากร้าน จากมาด้วยความว่างเปล่าในอก ผมจำมันได้ทั้งๆ ที่มันแต่งแฟนซี ผมจำคนที่ผมรักได้เสมอแม้ว่าสายตามันจะไม่ได้มีไว้มองผมอีกแล้ว อย่างน้อยวันปล่อยผีนี้ก็มีข้อดีที่ทำให้ผมได้เห็นหน้ามัน ได้รับรู้กับตาตัวเองว่าต้นมีความสุข ... โดยไม่มีผม

     หลายวันผ่านไปในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ ผมโทรหาแม่ นับตั้งแต่เลิกกับต้นผมไม่ได้คุยกับท่านเลย... ผมไม่กล้าบอกท่าน ... แต่มันคงไม่เป็นไรแล้วละครับ

     “อีแม่ ... เปิ้นไค่บวชเลาะ ถ้าบ่อมีเปิ้นยะก๋านอีแม่กะอีปี้จะอยู่ได้ก่อ?”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



บทนี้"จบหลอก" บทหน้า"จบจริง"

ใจหายกันมั้ยเอ่ย? ในที่สุดนิยายเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว!  o7 (ต้องมีคนตะโกนว่า"ในที่สุดก็จบซักที!"แน่ๆ ฮ่าๆ)
ถึงคนเม้นท์จะน้อย จำนวนหน้าจะนิดเดียว กระทู้ดูไม่ค่อยวิ่ง แต่พิมพ์ในเวิร์ดฟร้อน14นี่ล่อไปหลายร้อยหน้านะเกิน500อ่ะ! โพสลงทีไรเกิน20000ตัวอักษรทุกที เพราะจัดหนักให้คนอ่านตลอด ขี้เกียจปั่นเป็นเปอเซ็นต์เพื่อเนียนขุดกระทู้นิยายตัวเองบ่อยๆ
แต่นิยายทุกเรื่องต้องมีตอนจบอ่ะ(ถ้าคนแต่งไม่ดองอ่ะนะ) นี่ก็ยืดจนไม่รู้จะยืดยังไงแล้ว จริงๆ มุกมันยังไม่หมด แต่คิดว่ามันควรแก่เวลา ก็เลยต้องให้มันจบลงซะที หึๆ
ในฐานะคนแต่งก็ใจหายมาก เรื่องนี้รักเหมือนลูกเลย มันสนุกมากๆ สำหรับเราเพราะเป็นเรื่องที่เขียนอะไรหลายๆ อย่างใส่ลงไปได้สะใจสุดๆ มีตัวละครทุกแบบรองรับการกระทำทั้งที่เวอร์และที่เรียล มันครบรสแซ่บนัวทั้งดราม่า ฮา หื่น และอบอุ่น
มีคนอ่านคิดเหมือนเค้ามั้ย? หรือเค้าคิดไปเอง :o11:


เหลือเพียงแค่ตอนพิเศษอีก1ตอนแล้วก็บทสุดท้ายเท่านั้น!
เอาล่ะ เรามาลุ้นกันเถอะ นับถอยหลังสู่วันลา ฮ่าๆ  :hao5:


*** มุมโฆษณา! ***
STR/INT : Love Trick ปิ๊งรักหนุ่มเกมเมอร์ <<< เปิดเรื่องใหม่รอไว้ละ แต่คนละอารมณ์กับเรื่องนี้เน้อ ตัวเอกก็คนละแบบ แต่ความอบอุ่น ความฮา ฟีลกู๊ด ยังเหมือนเดิม ไม่มีดราม่านะเออ! เพราะมันเกรียน!
"ปานเทพเป็นเกมเมอร์ตัวพ่อที่สนใจเกมออนไลน์มากกว่าการออกไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนฝูงยังโลกภายนอก แต่แล้วเขาก็ตกหลุมรัก NongDAO✩ เพื่อนในเกมเข้าจนได้ แต่ทว่าเรื่องกลับไม่ง่ายเมื่อน้องดาว..."
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2014 03:56:26 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
เสียดาย แล้วก้ใจหายจังจะจบแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเปิดรอทุกวันเลยอะ ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ ที่เขียนเรื่องดีดีแบบนี้ให้อ่าน
สำหรับ พี่ชัช ดีแล้วคะที่คนเขียนให้เป็นแบบนี้ แอบสงสารแกหน่อยๆเหมือนกันนะ แต่สงสารต้นมากกว่า บวชแล้วสึกออกมาจะคืนดีกันหรือไงก็ขอให้เป็นไปตามที่คนเขียนต้องการเลยคะเราเชื่อว่าคนเขียนต้องเขียนได้จบอย่างแฮปปี้แอนดิ้งแน่นอน น้องต้นในตอนนี้หมุ่นๆในฮาเร็มเพียบดีละ จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่ชัช ก็สมกับชื่อตอนอะเนาะชีวิตมันต้องเดินต่อไป นึกๆแล้วก้ใจหายจริงๆไม่อยากให้จบเลยย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ The story after that. # ตอนพิเศษ 16

ราชินีตัวร้าย ปะทะ เจ้าชายไซเบอร์

     “ต้น เอมมี่รู้ตัวคนปล่อยข่าวตัวเองในเน็ทละนะ”
     “จริงเหรอเอม?”
     ดีจังเลยครับ ใครมันหาเรื่องผมจัง คราวนี้แหละผมจะจัดการให้สาสมเลย!
     “ค่า เอมมี่ส่งเฟซมันไปในเมลล์ต้นละนะ ตอนแรกเอมมี่เกือบหาไม่เจอแน่ะ แต่ดีนะที่มันโง่แบไต๋ตัวเอง กร่างจนอวดความโง่ว่าเป็นว่าที่ทันตะมอดัง เอมมี่ตามไปตามมาก็เลยเจอจนได้ อิๆ”
     “ขอบคุณเอมมากเลยนะที่ช่วยเรา ถ้าไม่ได้เอมช่วยเราก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เราไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้”
     ผมหยิบโน้ทบุ๊คมาเปิดตั้งใจว่าจะเข้าเมลล์ดูลิงค์ที่เอมมี่ส่งมาให้ ใครบอกว่าผมไม่มีเฟซ ผมมีแต่ผมไม่เคยบอกใคร มีแต่เตอร์เท่านั้นที่รู้ เพราะผมใช้เฟซปลอมของเตอร์ที่เขาทำเฟซแยกร่างเอาไว้เกรียน แล้วพอเขารู้ว่าผมไม่มีเฟซเขาก็เลยเอารหัสอันนี้ให้ผม ก็แหม ถ้าเราไม่มีเฟซเราจะเข้าไปดูอะไรไม่ได้เลยนี่ครับ ตอนนั้นบางทีเตอร์ก็ชอบแชร์อะไรแปลกๆ มาให้นี่นา
     “แหม นี่ขนาดไม่ค่อยถนัดนะยังมีกระแสขนาดนี้ ถ้าต้นมีเฟซของตัวเองจริงๆ เอมมี่ว่าดังระเบิดค่ะ เน็ทไอดอลแน่ๆ”
     “บ้า! เน็ทไอดอลอะไรกัน ขอเราอยู่สงบๆ เถอะ แค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ขืนมีเฟซไม่แคล้วคงโดนคนเข้ามาด่าเล่น”
     ขนาดผมอยู่เฉยๆ ยังมีคนทำเพจแอนตี้ต้นน้ำให้เลยครับ ผมไปทำอะไรให้ก็ไม่รู้ ขยันหาเรื่องผมจัง! ชอบขุดเอาเรื่องของผมไปตีไข่ใส่สีจนเละเทะ!
     อันที่จริงคุณพ่อเคยคุยกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมไม่อยากให้ท่านเข้ามายุ่งหรอกครับ เดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่ เพราะคุณพ่อของผมท่านก็ไม่ได้ขาวสะอาดสักเท่าไหร่ ดีไม่ดีจะพากันซวย ผมเลยพยายามไม่ใส่ใจเพจโรคจิตนี้
     “ค่ะ แต่ต้องตามสัญญานะ ต้นต้องไปเที่ยวกับเอมมี่น้า พวกเจ้ก้องกับอีจอยกระสันเต็มที่ละ”
     “ทานข้าวเฉยๆ ไม่ได้เหรอเอม เราไม่อยากไปแบบนั้นแล้วอ่ะ... เราอาย”
     ตอนนั้นผมกำลังเมคโอเวอร์ตัวเอง เมษเลยชวนผมไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่มอเขา ตอนแรกผมก็เกร็งนะครับ แต่ไม่รู้สิ คงเพราะทุกคนพูดเก่งแล้วเคยเห็นหน้ากันมาก่อนมั้งครับ พอเหล้าเข้าปากไปๆ มาๆ ก็เลยต่อกันติด ผมคุยกับพวกเขาเหมือนรู้กันกันมานาน พวกเขารู้เรื่องที่เกิดกับผมคร่าวๆ พวกเขาไม่ได้ปลอบหรือล้อผม กลับกันเขากลับแซวเรื่องที่ผมริอาจเป็นเก้งน้อยมือใหม่หัดแรด คืนนั้นผมเลยได้ลองทำตัวแรดแบบสุดเหวี่ยงเป็นครั้งแรก แต่ผมก็ยังถูกวิจารณ์ว่าแอ๊บอยู่ดี แพ้ตัวแม่อย่างเจ้ก้องครับ
     “อายอะไรต้นออกจะน่ารัก! คราวนี้เอมมี่ว่าเอมมี่จะแต่งบอยด้วย จะดูสิว่าใครจะจิกผู้ได้ก่อนกัน อิๆ”
     ผมคงจะแซวต่อขำๆ ถ้าไม่ใช่เพราะลิงค์ในอีเมลล์ที่ผมเปิดมันโหลดเรียบร้อยแล้ว และคนในรูปที่ผมเห็นคือ เนม!
     “เอม... เราดูเฟซแล้วนะ”
     “ว้ายๆ ดูแล้วเหรอ ใครอ่ะ ต้นรู้จักมันมั้ย?”
     ทำไมผมจะไม่รู้จักมันละครับ! มันคือเดือนทันตะ ปีเดียวกับผม และเป็นไอ้บ้าที่ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นเน็ทไอดอล!
     “เสียด๊ายเสียดาย หน้าใสๆ ไม่น่าร้ายลึกเลยค่ะ ดูผ่านๆ ก็แมนดีแต่เอมมี่สัมผัสได้นะว่านางเป็นพวกเดียวกับเรา ถ้าไม่ใช่เอมมี่ยอมเลิกแต่งหญิงเลยค่ะ!”
     “เขาเป็นคนรู้จักของเพื่อนในภาคเราเองเอม”
     “เพื่อน? เพื่อนที่เป็นนายแบบคนนั้นน่ะเหรอ?”
     “ใช่ ... เขาทำแบบนี้ทำไมอ่ะเอม? เราไม่เคยไปทำอะไรให้เขาเลยนะ!”
     ข้อความจากเพจแอนตี้ที่คอมเม้นท์รูปผมที่น้องปีหนึ่งคนนึงถ่ายคู่กันผุดขึ้นมาในหัว ‘อีตุ๊ดนี่จะกินเด็กอีกแล้วเหรอ เสียดายน้องปีหนึ่งคนนี้หน้าตาก็น่ารักดีไม่น่าหลงผิดไปคบกับตุ๊ดร่าน’ กับอีแค่ผมติวให้น้องป็อป น้องเขาไม่ใช่เกย์แล้วก็ไม่ได้ชอบตุ๊ดแบบผมแน่ๆ แต่ป็อปเป็นพวกบ้ากล้องชอบเซลฟี่ เขาก็เลยถ่ายรูปกับพวกผมไปอัพลงเฟซตัวเอง แล้วก็มีคนแชร์ไปเพจหนุ่มหล่อ แล้วเพจโรคจิตก็ไม่พลาดเอาไปด่า! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน มีสิทธิ์อะไรมาทำกับผมแบบนี้!
     เรื่องนี้ทำให้น้องป็อปไม่สบายใจมากครับ เขาโพสระบายอารมณ์ด่าเพจนั้นแต่ติดที่มีคำหยาบเยอะไปหน่อย สุดท้ายเลยยิ่งถูกมองไม่ดี กลายเป็นว่าตุ๊ดร่านอย่างผมเหมาะสมแล้วที่คว้าผู้ชายสันดานถ่อยมาเป็นผัว! ผมสงสารเด็กเป็นบ้าเลย ป็อปยังเด็กไม่น่าต้องมาเจอเรื่องอะไรเลวร้ายแบบนี้เลย เพราะความเกลียดชังที่คนอื่นมีต่อผมแท้ๆ
     ป็อปนี่ถือว่าหล่อขั้นเทพของปีหนึ่งภาคฟิสิกส์เลย นานๆ ทีพวกเราถึงจะได้ช้างเผือกมาไว้ในภาคครับ ไม่นับรุ่นผมที่แหกคอกมีทุกแบบแต่ไม่สมประกอบซักคนนะ ตอนปีหนึ่งมิวนิคกับไปป์นี่หล่อมากแต่อยู่ๆ ไปแล้วไม่ได้เรื่องเลย มีแต่คิวว์ที่พอเป็นหน้าเป็นตาได้บ้างแต่คิวว์นี่ตอนปีหนึ่งก็เนิร์ดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเอาคืนมิวนิคเขาไม่ลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วไปเป็นนายแบบหรอกครับ เจอแบบนี้กลัวน้องป็อปจะเสียศูนย์จัง
     เพราะมันเป็นรูปถ่ายคู่กับผมถึงกลายเป็นแบบนี้ เพจนั้นเกลียดผมอย่างกับอะไรดี คนที่ไปคอมเม้นก็ไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังผมมาจากไหน แต่มันมีอยู่คอมเม้นหนึ่งครับทำเอาผมของขึ้น ‘สันดานขุดยากจริงๆ อีนี่มันจะคันอะไรนักหนา สงสัยคงกินนายแบบคนนั้นจนเบื่อแล้วเลยหาผัวใหม่ ใครอยากยุ่งกับอีร่านนี่ก็ระวังจั่วด้วยนะ ลำไส้ใหญ่นางอมกล้วยผู้ชายมานับไม่ถ้วน’ ด่าผมคนเดียวไม่พอ เขาด่าคิวว์ของผมด้วย! แถมมันยังหาว่าผมเป็นเอดส์! แล้วผมสังเกตว่าคอมเม้นโรคจิตคนนี้คอยกดไลค์ให้คนที่ด่าผมตลอด มีการเอารูปผมไปทำภาพตัดต่อคำพูดแย่ๆ ใส่ลงไป คือ... เจอแบบนี้ผมก็ไม่ไหวนะครับ นี่มันถือเป็นการรังแกบนโลกไซเบอร์ชัดๆ!
     แล้วเนมทำแบบนี้กับผมทำไม! ปลอมเฟซตามด่าผมทำไม! ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าเผลอๆ เขาอาจจะเป็นแอดมินเพจบ้าๆ นี้ก็ได้ ทุเรศที่สุดเลยครับ!

     วันนี้วันศุกร์ คืนนี้ผมมีนัดกับพวกเอม พี่ก้อง แล้วก็จอยกับเมษไปเที่ยวกันครับ ผมพักเรื่องงี่เง่าพวกนั้นไว้ก่อนเพราะเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับเนม จะเดินเข้าไปหาแล้วเคลียร์กันตรงๆ เลยมั้ย? จะบ้าเหรอผมไม่มีหลักฐาน! ต่อให้ผมหอบข้อมูลที่มีไปถามก็ใช่ว่าเขาจะสารภาพ ต่อหน้าเขายังพูดดีกับผมอยู่เลยแล้วจะให้ผมไปวีนแตกใส่เขางั้นเหรอ? จะให้ใช้แผนเหนือชั้นอะไรกันล่ะครับมันไม่ใช่นิยายนะ หรือจะให้ผมแฉเขากลับผ่านโลกไซเบอร์?
     ผมเบื่อนะ สร้างความเกลียดชังใส่กันไปมาเพื่ออะไร? ถึงยังไงทุกคนรอบตัวผมก็เข้าใจผมอยู่แล้ว ผมไม่อยากเหนื่อยไปแก้ไขความเข้าใจผิดของคนในเน็ทที่ผมไม่รู้จักหน้าค่าตา ถ้าผมชนะมันก็ดีไปแต่ถ้าผมพลาดละก็มือมืดที่ซุ่มรอจังหวะเล่นงานผมอยู่คงไม่พลาดตามมาเหยียบซ้ำ ถึงตอนนั้นผมนึกไม่ออกเลยว่าระหว่างผมเงียบๆ ไว้แบบนี้กับออกตัวแรงลุยกับคนพวกนั้นอันไหนมันจะดีกว่ากัน?
     พวกเรากะว่าจะไปหาอะไรทานกันนิดๆ หน่อยๆ จุดประสงค์คือพวกเขาจะไปหาคู่ แต่จะเอาผมไปเป็นเหยื่อ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสัดส่วนเกย์ที่เดินเข้ามาจีบผมถึงมีแต่พวกรุกมากกว่ารับ บางคนสาวแตกมากพูดจาคะขาแต่กลับมาคุยกับผมว่า “พี่ชอบรับแมนๆ ค่ะ น้องอยากลองโดนรุกสาวๆ เสียบมั้ยคะ” ผมโคตรสยองเลยครับ!
     เขาบอกว่าผีเห็นผี แต่ผมไม่เห็นจะเห็นอะไรเลย! สังคมเกย์เดี๋ยวนี้มันประหลาดเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจแล้วครับ เกย์สาวแตกบางคนกลับชอบเสียบผู้ชายแท้ๆ ซะงั้น! ทำไมเขาไม่ไปหารับที่เป็นเกย์ด้วยกันก็ไม่รู้ เห็นแล้วผมสงสารพี่ธันย์ชะมัด! ขนาดผมเป็นเกย์ผมยังสยองเลย แต่พี่ธันย์ต้องทนคนพวกนี้ ... สังคมสมัยนี้มันวิปริตยิ่งกว่าตัวตนที่สับสนของผมซะอีก โลกหมุนไปไวมากครับ ดูอย่างเอมสิชอบแต่งหญิงแท้ๆ แต่กลับเป็นรุก เอมเป็นสาวเสียบ ส่วนพี่ก้อง... พี่ก้องเป็นเกย์สาวแต่เพราะอดยากบางทีก็เลยต้องคบกับเพื่อนสาวแล้วผลัดกัน เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็จะแอ๊บทำตัวแมนๆ แต่พออยู่กับพวกผมก็จะสาวแตกสุดขีดครับ ทำให้ผมนึกถึงเวลาลุงพลอยู่กับแม่ เก็กกันไปเก็กกันมา... ดังนั้นพี่ก้องเลยเจอปัญหาสามีแอบไปเป็นเมียคนอื่นบ่อยๆ ส่วนจอยหรือชื่อเดิมจอม เป็นตุ๊ด อยากเป็นผู้หญิงเหมือนเมษ แต่ที่บ้านยังไม่ยอมรับเลยต้องคอบแอ๊บแมน อยู่กรุงเทพแต่งหญิงทั้งนมปลอมทั้งวิกแต็บงูใส่ส้นสูง แต่พอกลับบ้านต้องถอดทุกอย่างแล้วทำตัวเป็นผู้ชายธรรมดา คิดๆ ไปแล้วผมโชคดีกว่ามาก ถึงผมจะเป็นเกย์แปลกๆ ที่ชอบแต่ผู้ชายแท้ๆ แต่ผมก็เป็นตัวของตัวเองได้ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว จอยเคยบอกว่าผมเป็นตุ๊ดเหมือนเขาครับ แต่ผมว่าไม่เหมือนนะ ก็ผมไม่ได้อยากมีหน้าอกไม่อยากเป็นผู้หญิงเหมือนเขาซักหน่อย
     แต่ช่างเขาเถอะครับ รีบแต่งตัวต่อดีกว่า เดี๋ยวผมไปตามนัดช้าแล้วพวกเราจะหาโต๊ะนั่งไม่ได้
     อ๊ะ! โทรศัพท์ใครโทรมาป่านนี้นะ ริงโทนนี้เป็นของแก๊งพวกผมนี้นา...
     “ต้นแย่แล้ว! นายอยู่ไหน?”
     “อะไรป่าน?”
     ทำไมเสียงป่านดูร้อนรนแปลกๆ
     “ไปป์มันโดนรถเฉี่ยว!”
     “อะไรนะ!”
     ลูกหมาน้อยของผมโดนรถเฉี่ยว!
     “แล้วเป็นอะไรมากมั้ย? ที่ไหนยังไง แล้-
     “ฉันกำลังจะออกไป มันโทรมาเมื่อกี้ เสียงไม่ค่อยดีเลย อยู่โรงพยาบาล แกรีบไปดูมันก่อนได้มั้ย?”
     “ได้ๆ ป่านรีบตามเรามานะ”
     แล้วผมก็รีบบิดชาโดว์ไปหาไปป์ที่โรงพยาบาล ก่อนออกจากบ้านผมโทรไปยกเลิกนัดกับเมษแล้วฝากขอโทษเอมแทนด้วย คุณปู่เป็นห่วงผมบอกให้ผมระวังตัวขับรถดีๆ อย่าซิ่งมาก ป่านบ้านอยู่แถวบางนาคงอีกนานกว่าจะถึง ดังนั้นผมถึงต้องรีบไปหาไปป์
     พอไปถึง สภาพของไปป์ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ไปป์แขนซ้นต้องคล้องผ้าเอาไว้ มีแผลถลอกตามตัวนิดหน่อย จักรยานพัง ส่วนคู่กรณีเหมือนว่าเขาจะขับรถหลบมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งสวนมาจากอีกเลนส์มั้ง ครับเลยมาเกี่ยวจักรยานของไปป์แล้วลากไปจนรถล้ม เฮ้อ... โล่งอก! ผมนึกว่าไปป์จะเป็นอะไรซะแล้ว
     “ไปป์ เป็นไงมั่ง?”
     ลูกชายผมยิ้มแป้นเชียวครับ
     “โอ้โห! ต้นมาเต็มอ่ะ”
     “มันใช่เวลามาแซวเรามั้ย!”
     ผมก็แอบอายเหมือนกันนะ ก็... คนกำลังจะไปเที่ยวนี่ มันก็ต้องมีแต่งตัวนิดนึง ชุดผมก็ไม่ได้เกย์มากมายอะไรขนาดนั้นซักหน่อย... แค่กางเกงมันขาดๆ แบบเซอร์แต่มันขาดเยอะไปนิดเอง เลยโชว์ให้เห็นลายเพ้นท์ตรงต้นขาผมวับๆ แวมๆ
     “กำลังจะไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะ”
     “มิน่า ฮ่าๆ”
     “ว่าแต่นายเถอะ เป็นไงมั่ง แล้วนี่คู่กรณีว่าไง”
     “ค้าบ เรียบร้อยแล้ว ลงบันทึกประจำวันแล้ว เขาบอกจะซื้อจักรยานใหม่ให้เรา”
     “แล้วค่ารักษานายล่ะไปป์!”
     ลูกหมาของผมนี่ แทนที่จะห่วงตัวเองดันห่วงจักรยาน!
     “อ้าว? เราก็มีประกันของเราไง กับบัตรทอง?”
     “บ้าละ! เขาทำนายเขาต้องจ่ายให้นายด้วย แล้วตอนอยู่โรงพักตำรวจเขาไม่บอกอะไรเลยเหรอ?”
     “ต้องบอกด้วยเหรอ?”
     “โอ๊ยไปป์! นายอ่ะนั่งรอป่านไปเถอะ เอาเบอร์เขามานี่เราคุยเอง!”
     แล้วผมก็แกล้งทำเป็นพี่ของไปป์โทรไปตกลงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าทำขวัญ ค่าซ่อมจักรยาน ดีที่เขายอมตกลงง่ายๆ ผมอ่านสำเนาบันทึกประจำวันของไปป์แล้วก็เบาใจไม่เสียเปรียบมากเท่าไหร่ เฮ้อ... เพื่อนคิดน้อยของผม!
     พอจัดการเรื่องในโรงพยาบาลเสร็จแล้วผมก็พาไปป์ซ้อนท้ายผมกลับบ้าน ไปป์ฝากซากจักรยานไว้ที่สถานี ป่านจะไปเจอพวกเราที่บ้านไปป์เลยครับ ป่านบอกว่าคืนนี้จะค้างกับไปป์ ผมอยู่เป็นเพื่อนป่านดีรึเปล่าน้า?
     ความจริงผมเคยมาบ้านไปป์แล้วครั้งนึง บรรยากาศไม่ได้สยองอย่างที่คิดไว้แต่มันก็นะ... ให้ผมค้างคืนก็... อึ๋ย! ผมกลัวอ่ะ!
     ไปป์เกาะเอวผมเป็นตุ๊กแก แต่พอมาส่งถึงบ้านไปป์กลายเป็นโคอาล่าไปแล้วครับ
     “น้าต้นอยู่กับเราน้า”
     “นี่ไง เรารอป่านเป็นเพื่อนนาย”
     “อีกนิดป่านก็ถึงแล้ว แต่ต้นค้างกับพวกเราน้า เราหิวข้าว จะออกไปซื้อของกินแต่โดนรถชนยังไม่ได้กินอะไรเลย”
     “ตอนอยู่โรงพยาบาลก็กินซาลาเปาไปสองลูกไม่ใช่รึไง?”
     นั่นๆ อย่ามาทำแก้มป่องนะ
     “ไม่อาว จานอนกับต้น นะ น้า วันนี้ค้างบ้านเราน้า แม่โต้น”
     “ไปป์!”
     เรียกผมแบบนี้อีกแล้วเดี๋ยวเหอะ! แขนก็มีแขนเดียวแต่กอดผมเหนียวอย่างกับตังเม!
     “แกสมองกระทบกระเทือนเหรออิไปป์ ทำตัวเป็นเด็กสามขวบอีกแล้วนะแก”
     ป่านมาพอดีครับ
     “อ่ะ โจ๊กของโปรดแก ฉันซื้อมาเผื่อแกด้วยนะต้น ค้างด้วยกันป่ะ?”
     เอาแล้วไง ... คู่หูจอมป่วน2Pเล่นผมซะแล้ว...
     “อืม... ก็ได้ แต่เดี๋ยวขอโทษบอกปู่เราก่อน”
     แล้วผมก็ต้องค้างกับไปป์ พวกเรานอนด้วยกันในห้องของไปป์ ป่านกับไปป์ดูชิลมาก แต่ผม... ไม่ๆ ผมต้องไม่คิด เขาว่ากันว่ายิ่งคิดจะยิ่งเจอ รีบสวมมนต์แล้วนอนหลับดีกว่าครับ!
     “ต้นๆ”
     “ไรเหรอ?”
     “หลวงปู่ทวด ให้แกยืมฉันรู้ว่าแกกลัว”
     “ปะเปล่านี่ เราโอเคป่าน”
     “เออน่ะ เอาไปเหอะ”
     ป่านยิ้มให้ผมแปลกๆ ผมก็เลยรับพระมาแล้วตั้งจิตอธิฐานแผ่เมตตา ผมวางหลวงปู่ทวดไว้ข้างๆ หมอนแล้วก็หลับไป ไปป์หลับไปก่อนหน้าผมด้วยฤทธิ์ยา แต่ว่าจะนอนได้ก็งอแงนิดหน่อย ทำไมผมเป็นห่วงไปป์จัง อยากโอ๋ไปป์เป็นบ้าเลย...
     ผมรู้สึกเหมือนตัวเองฝันเลยครับ ในฝันผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหาไปป์ ผมลูบหัวไปป์เบาๆ ก่อนที่ผมจะก้มลงหอมแก้มเขา!
     “พี่ตา...”
     ไปป์ละเมอแน่ๆ แต่เอ๊ะ! ผมฝันไม่ใช่เหรอ?
     “เป็นเด็กดีนะไปป์”
     ทำไมเสียงของผมกลายเป็นเสียงผู้หญิงล่ะ! แล้วนี่คือตัวผมจริงๆ เหรอ? ผมเห็นไปป์ลืมตา ไปป์กระพริบตาอยู่สองสามที เขาจ้องหน้าผมในความมืด ดวงตาของไปป์วาบวับจนน่าประหลาด!
     “โตะ... พี่ตาเหรอ? พี่ตามาหาผมเหรอ?”
     แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนผมก็ฝันว่าเหมือนตัวเองอยู่ในความฝันเลยครับ ผมควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ มองเห็น ได้ยิน รู้สึกทุกความคิดแต่ห้ามมันไม่ได้เหมือนผมต้องปล่อยให้ร่างกายของตัวเองทำตามใจชอบ
     “โตขึ้นเยอะเลย ไปป์ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
     “พี่ตา ผมคิดถึงพี่ตา!”
     ไปป์ลุกขึ้นมากอดผม แนบแน่นมาก แต่ผมกลับกอดไปป์กลับแทนที่จะผลักออก! ผมทั้งกอดทั้งหันไปหอมแก้มของไปป์ที่อยู่ไหล่ผม!
     “ไปป์อยู่คนเดียวได้แล้วใช่มั้ย พี่ต้องไปแล้วนะ พี่ไม่เหลือพลังแล้ว มันถึงเวลาที่พี่ต้องไปชดใช้กรรมของพี่”
     “ไม่เอานะผมไม่ให้พี่ตาไป!”
     ผมกอดไปป์แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองน้ำตาไหล
     “ผมไม่อยากอยู่คนเดียว! พี่ตาห้ามทิ้งผม ไหนสัญญากับผมว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง!”
     “พี่ต้องไปแล้ว แต่พี่จะกลับมาอยู่กับไปป์ให้ได้พี่สัญญา”
     “ไม่เอา อย่าไป!”
     “ไปป์ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ คนๆ นี้เขาก็รักไปป์ อีกหน่อยจะมีผู้หญิงที่เขาจะรักไปป์มาก เขาจะอยู่กับไปป์ตลอดไปด้วยนะ น้องพี่มีแต่คนรัก เราจะสมหวังทุกอย่าง”
     “แต่ผมคิดถึงพี่ตา ฮือๆ พี่ตาอย่าทิ้งผมไปนะ”
     “ไปป์ห้ามงอแงนะ ถ้างอแงสาวไม่รักไม่รู้ด้วย โตได้แล้ว”
     “พี่ตา”
     ผมไม่รู้อะไรอีกแล้ว มีแต่ความเศร้าโศกเสียใจไหลเข้ามาในอกผม เป็นความอาลัยอาวรณ์ ผมโหยหาอะไรบางอย่างแต่ก็รู้ว่าต้องตัดใจ ความรู้สึกผิดหวังที่เลวร้ายปรากฏขึ้นวูบหนึ่งแล้วมันก็แทนที่ด้วยความเสียดาย ผมขนลุกซู่เมื่อจิตสำนึกของตัวเองแย้งคลื่นอารมณ์ประหลาดพวกนั้นว่าผมโชคดีที่ผมยังไม่ตาย! แล้วผมก็รับรู้โดยพลันว่าไปป์คือห่วงสุดท้ายของเธอ เหมือนผมได้ยินเสียงกระซิบเล็กๆ บอกผมว่า ฝากไปป์ด้วยก่อนที่ผมจะหมดสติไป...
     ผมตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า ป่านเป็นคนปลุกผมๆ นอนอยู่ที่เดิม มีผ้าห่มของไปป์คลุมหน้าจนแทบหายใจไม่ออก ไปป์นอนดิ้นเตะผ้าห่มลงมาทับผม บ้าจริง!
     พวกเราตื่นแต่เช้าแล้วลากไปป์ไปวัด ไปป์อิดออด ทำท่าจะงอแง แต่ในที่สุดก็ยอมเพราะขัดขืนผมกับป่านสองเสียงไม่ได้ พวกเราไปทำบุญถวายสังฆทาน หลวงพ่อท่านรดน้ำมนต์ให้ ก่อนจะกลับท่านทักผมว่าพึ่งผ่านเคราะห์กรรมมาใช่มั้ย? ท่านบอกให้ผมขยันทำบุญอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาเยอะๆ เพราะสิ่งที่ติดตัวผมมามันเป็นกรรมเก่าตั้งแต่อดีตชาติ ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าผมเคยไปทำอะไรให้ใครเจ็บช้ำไว้ ชาตินี้ผมถึงต้องเกิดมาด้วยความใคร่ กลายเป็นเกย์ ถูกทำร้าย โดนแฟนนอกใจ แต่เอาเถอะทุกอย่างมันจบลงแล้ว ผมตั้งใจไว้แล้วนี่นาว่าผมจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรมาทำร้ายผมอีก
     ท่านยังบอกอีกว่าเพราะคนเราเคยผูกพันร่วมกันมาชาตินี้ถึงกลับมาเจอกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ผมทำดีกับคนอื่นเอาไว้ให้มากๆ ‘เราดีกับเขาๆ จะได้ไม่ร้ายกับเรา แต่ถ้าเขาร้ายกับเราก็ถือเสียว่าเราอาจจะเคยล่วงเกินเขาไว้จึงกลายเป็นเวรกรรมในชาตินี้’ คำสอนของท่านทำให้ผมนึกถึงพี่บอม ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นกับเขาๆ จะแค้นผมหรือเปล่า? จริงอยู่คนพาลอย่างไรก็คือคนพาล แต่ถ้าผมไม่เติมเชื้อไฟลงไปคนพาลคนนั้นคงไม่ลุกขึ้นมาเผาผมให้มอดไหม้ด้วยไฟแค้นหรอก
     พวกเราสามคนเดินไปให้อาหารปลา ไปป์ค่อยร่าเริงขึ้นหน่อยตอนที่มีคนมาชวนพวกเราไปดูดวง เขาทักป่านเรื่องป่านมีเทวดาคอยพิทักษ์ แต่ป่านดันถามเขาเรื่องเนื้อคู่แทน ไปป์หัวเราะขำที่หมอดูบอกป่านว่าถ้าไม่แต่งภายในอายุยี่สิบห้าจะหาสามีไม่ได้ต้องขึ้นคาน ผมเห็นไปป์หัวเราะแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อยครับ ผมสามารถให้อาหารปลากับเพื่อนคู่หู2Pตัวป่วนได้โดยไม่รู้สึกจี๊ดในใจ แม้ผมจะคิดถึงเขา แต่ใจผมก็สงบนิ่ง มันราบเรียบ...
     ผมกลับบ้านตอนเย็น ปล่อยให้ป่านอยู่กับไปป์ เข้าใจเลยครับว่าอารมณ์ปล่อยไปไม่ได้มันเป็นยังไง ผมโชคดีที่เคยรู้จักความรัก มีคนที่ผมอยากดูแล มีเพื่อนที่ผมเป็นห่วงและพวกเขาก็เป็นห่วงผม พวกเราปล่อยมือจากกันไม่ได้จริงๆ แต่นั่นไม่เกี่ยวกับเนม!

     ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เอมส่งรูปมาให้ผมดู เหมือนเขาจะไปเจอเนมในที่เที่ยวเมื่อคืนแล้วก็เลยแลกไลน์คุยกัน พอเอมแต่งบอยก็หล่อมากครับ จำแทบไม่ได้ เสียดายของสุดๆ เพราะปกติเขาจะแต่งหญิงตลอดแถมยังอัพรูปแอ๊บนีตลอดเวลา สวยจนจอยหมั่นไส้เลยแหละครับ ฮ่าๆ เอมกำลังช่วยสืบให้ผม ดังนั้นพอผมเจอเนมที่มหาวิทยาลัยอีกผมเลยลองสังเกตเขาดู ผมถึงได้รู้ว่าที่แท้มูลเหตุมันคืออะไร เขาแอบชอบคิวว์!
     โธ่เอ้ยไอ้เกย์ขี้อิจฉา! อ๊ะไม่ๆ ผมไม่ควรคิดถึงคนอื่นในแง่ลบ มันบาป! กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม ถ้าน้าชายผมรู้ผมโดนเทศน์อีกแน่ๆ มันลำบากนะครับการมีพ่อเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่คุณเรียนเนี่ย แถมผมยังมีน้าแท้ๆ เป็นเพื่อนร่วมภาคอีก เขาอุบเงียบไม่ยอมบอกความจริงผม กว่าจะเฉลยผมก็แผลงฤทธิ์ไปเยอะ! ตอนนี้เลยรู้สึกเหมือนโดนจับตามองความประพฤติตลอดเวลานิดๆ แต่เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างผมกับเขาสองคนเท่านั้นนะครับ ไม่กล้าบอกเพื่อนคนอื่นๆ ในภาค ถ้าขืนคนอื่นรู้ผมต้องโดนล้อแน่ๆ!
     ดังนั้นผมเลยไม่อยากปะทะกับเนมตรงๆ ผมสงสารคิวว์ ผมเหนื่อยแล้วด้วย สู้กันแล้วได้อะไร? ด่ากันไปมาก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ชนะแล้วก็ใช่ว่าจะมีผู้ชายดีๆ หล่นลงมาตรงหน้าผม ต่อให้หล่นมาก็ใช่ว่าผมจะเอา แล้วผมก็ไม่ได้ชอบคิวว์ ใครจะไปชอบผู้ชายที่แม้แต่แฮมสเตอร์ตัวเดียวยังไม่มีปัญญาดูแล! ... ทุกวันนี้ผมยังต้องรบกับเจ้าแรมโบ้เหมือนเดิมครับ
     บอกตามตรงผมไม่อยากทำอะไรให้ใครผูกใจเจ็บอีก นี่ไม่ใช่นิยายที่ตัวเอกตบตัวอิจฉาจนสะใจแล้วทุกอย่างก็จบนะครับ ชีวิตผมไม่มีตอนจบ ก็ดูสิตัวร้ายที่ทำร้ายผมโดนส่งเข้าคุกไปแล้วผมยังไม่เห็นจะสะใจอะไรเลย ชื่อเสียงผมก็เสีย สิ่งที่เคยเกิดขึ้นถูกคนลือกันทั่ว ตรงไหนครับที่สะใจ? ต่อให้ผมจองเวรฆ่าพวกมันแช่งชักพวกมัน ผมว่าสุดท้ายคนที่ทุกข์ก็คือผมอยู่ดี จมอยู่กับความแค้น... ผมไม่อยากจมอยู่กับอดีต ผมต้องก้าวไปข้างหน้า!
     ดังนั้น ผมต้องรับมือกับเนมให้ดี!

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

      ขอถอนคำพูดทุกอย่างที่ผมเคยคิดได้เลยครับ แค่เห็นเนมลอยหน้าลอยตาเข้ามาทักผมกับคิวว์แล้วก็เปิดประเด็นแกล้งถามคิวว์ด้วยความเป็นห่วงว่ารู้ข่าวลือที่มีคนพูดว่าผมเป็นเอดส์แล้วรึยังผมก็หมั่นไส้มันแล้ว!
     “เมื่อไหร่คนพวกนี้จะเลิกว่าต้นซะที เราเซ็งจะแย่อยู่แล้ว”
     นี่ก็ซื่อเกิ๊น! คนปล่อยข่าวนั่งอยู่หน้านายนั่นแหละคิวว์!
     “นายต้องทำใจนะคิวว์เป็นคนดังก็แบบนี้แหละ เราถึงพยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้มีอะไรเสียหายไง ต้องเลือกคบเพื่อนดีๆ ด้วยจะได้ไม่โดนเหมา เออ! แต่เราไม่ได้ว่านายนะต้น เราเข้าใจว่าเรื่องของนายมันสุดวิสัยจริงๆ ก็งี้แหละเป็นเพื่อนกับคนดังนายก็ต้องระวังตัวด้วยอย่ามีอะไรไม่ดี ไม่งั้นโดนเล่นหมด”
     แหม ยังมีหน้าหันมาแสดงความเป็นห่วงผมอีกนะ เมื่อก่อนผมก็คิดว่าเขาแค่บลัฟ เป็นเน็ทไอดอลหลงตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขาอิจฉาที่ผมสนิทกับคิวว์มากกว่าเขา เหอะ!
     “อืม ช่างมันเถอะ เราไม่อยากใส่ใจหรอก คนพวกนั้นไม่ใช่เพื่อนเรา ปล่อยเขาพูดไป แค่เพื่อนรอบๆ ตัวเราเข้าใจเราก็พอแล้ว”
     พูดแล้วผมก็หันไปยิ้มให้คิวว์ ผมจงใจยิ้มหวานหยดย้อยส่งให้คิวว์ คิวว์เองก็ยิ้มให้ผมแถมยังเอาแขนมากอดคอผมอีก
     “ฮ่ะๆ เพื่อนกันอยู่แล้ว”
     “ขอบใจนะคิวว์ เราโชคดีมากๆ เลยที่ได้มาซี้กับนาย”
     “แน่นอน นายไม่แย่งหญิงเราเหมือนไอ้มิวอยู่แล้ว ใช่มะ? ฮะๆ”
     “บ้า!”
     ผมแกล้งตีแปะไปที่กล้ามแขนแน่นๆ ของคิวว์เบาๆ ผมจงใจสร้างบรรยากาศหมอกสีชมพูหวานๆ พวกนี้ให้เนมอิจฉา หึๆ อิจฉาผมละซี้ ไม่อยากจะคุยว่าเวลาอยู่ด้วยกันที่ห้องคิวว์ชอบให้ผมนวดให้ด้วยล่ะ ดังนั้นพวกเราเลยไม่ถือสาการสัมผัสร่างกายกัน จะถือได้ยังไงละครับ ตอนคิวว์เพ้นท์ลายที่ท้องผมนี่เขาแทบจะหายใจรดสะดือผมสองชั่วโมงเต็ม! แต่เพราะคิวว์ไม่คิดอะไรนั่นแหละผมถึงกล้าปล่อยตัวแบบนี้ ถ้าเป็นมิวนิคน่ะเหรออย่าหวังว่าจะเห็นแม้แต่ข้อเท้าผม!
     ว่าแล้วก็จัดอีกซักประโยค...
     “เราโชคดีเป็นบ้าเลยที่เพื่อนๆ ในภาคทุกคนยอมรับเราทั้งๆ ที่เราเป็นแบบนี้ มีพวกนายคอยปกป้องเวลาถูกคนอื่นรังแก เวลามีใครมองเราไม่ดีพวกนายก็ออกรับแทน แม้แต่เอกที่เกลียดเกย์ก็ไม่รังเกียจที่เราชอบผู้ชาย เราโคตรจะมีความสุขเลยแหละ คำว่าเพื่อนที่ดีจังเลยเนอะ ซึ้งอ่ะ”
     แหวะ! พูดเองเลี่ยนเองครับ นี่ดีนะครับที่พักหลังอยู่ใกล้คิวว์บ่อยๆ เลยกล้าพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ได้
     “ใช่แล้ว! นี่แหละชีวิตมหาวิทยาลัย เออ ไว้ว่างๆ ชวนพวกมันไปเที่ยวด้วยกันอีกดีป่ะ?”
     “เอาสิ ไปไหนไปกัน! ไปกับเพื่อนเราเต็มที่อยู่แล้ว เนมอยากไปด้วยกันมั้ย?”
     “เออ ไปด้วยกันมั้ย? คนเยอะ สนุกดี”
     “จะดีเหรอ เราไม่ได้อยู่ภาคเดียวกับพวกนาย”
     หึๆ ผมเห็นความอิจฉาในแววตาเนมเต้นระริกเชียวครับ คงหมั่นไส้ผมเต็มประดา แต่พอโดนผมกับคิวว์ชวนก็แทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เหอะ!
     “อืมจริงด้วย พวกทันตะคงยุ่งไม่เหมือนพวกเรา ไว้โอกาสหน้าก็ได้เนอะ เออคิวว์ คราวนี้เราอยากไปแบบครบทุกคนจังเลยอ่ะ ถ้าหาวันว่างตรงกันได้ก็ดีสิ แต่ไม่รู้เต็มจะยอมมั้ยเนอะ”
     แล้วคิวว์ก็หลงกลผม ผมแกล้งชวนคิวว์คุยแต่เรื่องเพื่อนๆ ในภาคที่เนมสอดปากไม่ถนัด แหมผมไม่ใช่พวกขาลุยนี่ครับจะได้ฉะกลับปาวๆ แบบเมษ ผมมันชอบเนียนเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงประเด็นต่างหาก ให้เนมอึดอัดอ้าปากไม่ได้แบบนี้ต่อไปแหละดีแล้ว! ดูสิว่าจะเสนอหน้านั่งอิจฉาผมได้อีกกี่น้ำ หึๆ
     เก่งจริงก็ลองมาแข่งความอดทนกับผมดูซักตั้งนะเนม เขาจะสาดโคลนอะไรใส่ผมในเน็ทก็ทำไป คนพวกนั้นจะทำอะไรผมก็ช่าง แต่ผมจะรับมือด้วยวิธีนี้นี่แหละ ผมจะมีเพื่อนเพิ่มอีกเยอะๆ แล้วดูสิว่าถ้าพวกเขารู้จักผมในชีวิตจริงแล้วเขาจะยังเกลียดผมอีกมั้ย ไม่ช้าเดี๋ยวผมก็มีเครือข่ายที่จะคอยปกป้องผมเอง ก็เพื่อนต้องปกป้องเพื่อนอยู่แล้วนี่ครับ ผมจะเอาชนะความเกลียดด้วยความรักนี่แหละ หึๆ
     แล้วยกนี้ผมก็ชนะ ผมแกล้งชวนคิวว์แวะซุปเปอร์มาเก็ตก่อนกลับ ผมคุยกับเขาเรื่องอาหาร แกล้งหันไปคุยกับเนมบ้าง แล้วคิวว์ก็ไม่พลาดเชียร์เพื่อนตัวเอง เขาอวดสรรพคุณผมให้เนมฟังโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นหลุมพรางที่ผมใช้เขาแกล้งเนม สะใจชะมัดที่เห็นเนมหมั่นไส้ผมจนแทบกระอัก ก่อนกลับผมเลยหันไปยิ้มให้เนมเป็นพิเศษ ฮ่าๆ

      เอมคอยส่งข่าวมาบอกผมเป็นระยะ เขาแกล้งตีซี้กับเนมจนสนิท แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมากเพราะเนมระวังตัวสุดๆ ผมเลยต้องทนไปก่อน โชคดีที่พักนี้ไม่ค่อยมีคนโจมตีอะไรผมมากมาย ผมไม่โง่ทำเรื่องให้ตัวเองถูกด่าบ่อยๆ หรอกครับ ผมก็ได้แต่หวังว่าซักวันเพจนั้นจะล่มสลายไปเอง ส่วนทางเนมผมคงทำอะไรไม่ได้เพราะผมไม่อยากแตกหัก แต่วันแตกหักก็มาถึงจนได้ครับ ความจริงเสาร์นั้นผมนัดกับเมษว่าจะไปเดินเล่นที่จตุจักร เมษอยากช็อปครับ พอคิวว์รู้เรื่องเลยขอมาด้วย เขาอยากมาดูของเล่นให้เจ้าแรมโบ้ แล้วไหงมิวนิคมาด้วยก็ไม่รู้! ตายสิครับมิวนิคกับคิวว์ ลำพังแค่คิวว์น่ะไม่เท่าไหร่แต่ผมรำคาญมิวนิคครับ!
     พวกเราสี่คนเดินช็อปตามใจเมษก่อน ละพอดื่มด่ำกับบรรยากาศเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปลุยดงสัตว์เลี้ยงครับ เมษกับคิวว์เข้ากันได้ดีผมเลยเบาใจ รำคาญก็แต่ไอ้ยักษ์งี่เง่าบางคนแหละครับ เพราะมีผมผนึกกำลังกับเมษคิวว์เลยได้ของเล่นเฉพาะอันที่จำเป็นกลับไปให้แรมโบ้ เกือบได้ลูกกระต่ายกลับไปแล้วครับ ดีนะผมห้ามไว้ทัน
     ระหว่างนั้นผมโดนเมษแกล้งดึงคิวว์หนีไปเป็นระยะ ทำไมนะ? รู้สึกเหมือนสองคนนั้นจงใจปล่อยผมไว้กับมิวนิคเลย ไม่มีทางซะล่ะ!
     “เฮ้ยๆ มึงจะรีบไปไหน ดูนี่ก่อนดิ ลูกหมาน่ารักดีว่ะ”
     “เราไม่ชอบลูกหมา”
     “ไรว้า น่ารักออก ดูดิ”
     มิวนิคพยายามดึงผมให้ดูเจ้าเซนต์เบอร์นาดพุงอืด ลูกหมาตอนเด็กๆ ก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ แต่พอโตแล้วมันไม่เหมือนกันนะ ไหนจะค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งลำบาก ทั้งอาหารการกินการขับถ่าย แค่ช่วยคิวว์เลี้ยงเจ้าแรมโบ้ผมยังแทบตาย จะใครละครับที่ต้องคอยเปลี่ยนวัสดุปูนอนให้เจ้าแรมโบ้ ก็ผมนี่แหละ! นั่นขนาดไม่มีอึกับฉี่เยอะนะครับ อาหารก็ใส่ถ้วยวางไว้ได้ แค่คอยดูเติมน้ำทุกวันเท่านั้นเอง แค่นี้ผมยังเหนื่อย คนที่มีงานรัดตัวไม่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์หรอกครับ แค่สัตว์เลี้ยงยังยุ่งยากขนาดนี้ถ้ามีลูกคงลำบากกว่ากันเยอะ... ไม่ ผมจะไม่คิดถึงเขาอีก!
     “อืม น่ารัก แต่เราไม่ชอบเลี้ยงสัตว์”
     “กูเห็นมึงชอบดูแลคนอื่น มึงลองเลี้ยงหมาซักตัวดิต้น กูซื้อให้เอามะ?”
     “แล้วนายจะคอยจ่ายค่าอาหารให้เราไปตลอดด้วยรึเปล่า? อย่าคิดง่ายๆ สิมิวนิค สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่จ่ายเงินซื้อเขามาแล้วก็จบนะ แล้วอีกอย่างถ้าเราเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาเราคงไม่มีเวลาไปรบกับพวกนายแล้ว!”
     “เออว่ะ... งั้นมึงลองเลี้ยงปลาป่ะ?”
     “พอเหอะ เราขี้เกียจดูแลใครแล้ว”
     “ไรว้า มึงนี่ไม่มีความอ่อนโยนในหัวใจเลย”
     เรื่องอะไรมาว่าผมแบบนี้ ผมกำหมัดชักสีหน้าเตรียมอ้าปากจะด่าไอ้ยักษ์บ้า แต่ดันมีคนมาชนผมซะก่อน ผมเลยโผเข้าไปหาถาดที่เขาใส่ลูกหมาเต็มแรง! ซวยแล้ว!
     “เฮ้ย ต้น!”
     เฮ้อรอด! ดีนะที่มิวนิคคว้าผมไว้ทัน ไม่งั้นผมต้องทับเจ้าตัวน้อยพวกนี้แน่ๆ จตุจักรวันเสาร์อาทิตย์นี่คนเยอะจริงๆ ครับ อายคนก็อายมายืนกอดกันหน้าร้านขายลูกหมา กลัวเจ้าของร้านก็กลัว เขามองผมด้วยท่าทางไม่พอใจ แหง๋สิครับ ผมเกือบล้มทับสินค้าของเขาเลยนะ!
     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
     หนีดีกว่าครับ
     “เดินยังไงวะ!”
     เอาแล้ว เพื่อนสมองกล้ามขาลุยของผม! มิวนิคตามไปฉุดแขนของคนชนเอาไว้ได้ พอผมตามไปดู อ้าว! เนม!
     “เดินไงวะ ชนเพื่อนผม”
     “ผมชนเหรอ ขอโทษครับ”
     “พอเหอะมิวนิค คนกันเอง”
     หมั่นไส้ครับ แอ๊บได้ใสซื่อมาก! ชนผมจังๆ แท้ๆ
     “อ้าวต้น ดี”
     “มาเที่ยวเหรอเนม?”
     “อ๋อเปล่าหรอก มาซื้อของนิดหน่อยน่ะ แล้วต้นล่ะ”
     จากสายตาของเขาผมเดาได้เลยครับว่าเดี๋ยวต้องมีเฟซปลอม(ของเขา)เอาผมไปด่าลง เน็ทอีกแน่ๆ ว่ามาเที่ยวกับกิ๊ก ดีไม่ดีอาจมีรูปแอบถ่ายฉากเมื่อกี้ที่ผมกอดกับมิวนิคแล้วก็ได้
     “อ๋อ เรามาซื้อของกับคิวว์นะ เออเนมรู้จักมิวนิคแล้วยัง? นี่มิวนิค หมอนี่เป็นเพื่อนซี้ของคิวว์ล่ะ”
     มิวนิคทำหน้างงพยายามจะแย้งผม แต่ผมไวกว่า ผมเอาศอกถองท้องเขาก่อนหน้านี้แล้วครับ มิวนิคเลยได้แค่พยักหน้ารับแบบงงๆ
     “อ้าว คิวว์ก็มาเหรอ?”
     แหม ตาเป็นประกายเชียวนะเนม!
     “อืม กำลังต่อราคาอยู่ที่ร้านนั้นอ่ะ”
     แล้วก็เป็นอย่างที่คิดครับ เนมไม่พลาดเกาะกลุ่มไปหาอะไรทานกับพวกผม พวกเรานั่งทานของทานเล่นพักขากันชิลๆ มีเมษอยู่ด้วยกลุ่มเราก็ครึกครื้น เมษคุยกับคิวว์อย่างออกรส ผมเลยแอบหัวเราะเยาะสะใจเนมอยู่เงียบๆ เพราะเนมทำท่ารังเกียจเมษมากเลยครับ ก็เห็นกันอยู่ว่าเมษเป็นอะไร แต่คนอย่างเมษหาได้แคร์ หึๆ
     จนเมษลุกไปเข้าห้องน้ำแหละครับ อยู่ๆ เนมก็พูดออกมา
     “นายไปสนิทกับคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะคิวว์?”
     ผมที่กำลังจะหยิบลูกชิ้นเข้าปากชะงักเลยครับ “คนแบบนั้น”มันหมายถึงอะไรกัน! แต่เพื่อความไม่ประมาทผมเลยนิ่งไว้แล้วดูคิวว์กับเนม เนมคงไม่รู้ว่าเมษป็นเพื่อนซี้ผม แต่คิวว์รู้เขาเลยหันมามองผมนิดหน่อย แต่พวกผมลืมใครอีกคนไป
     “คนแบบนั้นหมายความว่าไง?”
     มิวนิคจอมเสือกเอ้ย!
     “ก็กะเทยไง คิดไม่ถึงว่าคิวว์มีเพื่อนแบบนี้ด้วย”
     “แล้วกะเทยไม่ใช่คนรึไงคะ!”
     อ้าวเมษมาพอดีแฮะ เป็นเรื่องแน่ๆ ครับ
     “ฉันกลับมาเอากระเป๋าเพราะลืมทิชชู่ คิดไม่ถึงว่าจะมี อิแอบนินทา”
     “เมษ ใจเย็นนะ”
     ผมละกลั๊วกลัวเมษจะลุกขึ้นมาตบเนม!
     “เราไม่ได้หมายความแบบนั้น คือแปลกใจว่าเธอกับคิวว์รู้จักกันได้ไงเฉยๆ น่ะ เราไม่คุ้นหน้าเธอเลย น่าจะคนละมหาลัยกันใช่มั้ย?”
     “ค่ะ ที่มหาวิทยาลัยของอิฉันเสรี ฉันเลยสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นผู้หญิงเต็มตัว ไม่ต้องคอยแอ๊บแอบหลบๆ ซ่อนๆ อิจฉาคนอื่น!”
     โอ้โห! ผมนับถือเมษเลย ผมไม่กล้าทำแบบนี้แน่ๆ
     “นังต้น เอาทิชชู่มาให้ฉันซิ แย่จังเลย ห้องน้ำหญิงที่นี่ไม่มีทิชชู่แหละแก ลำบ๊ากลำบาก”
     แล้วเมษก็เดินสวยจากไปเข้าห้องน้ำครับ เมษรู้เรื่องที่เนมคอยหาเรื่องผม แต่ผมยังไม่ได้บอกเมษเรื่องที่เนมปลอมเฟซด่าผมเลย ผมขอเอมเอาไว้ นี่ถ้าเมษรู้นะ มีหวังเนมเละกว่านี้แน่!
     คิวว์หน้าเสียเลยครับ ส่วนมิวนิคท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ กร่อยเลยครับ แล้วเนมไม่คิดจะขอโทษเพื่อนผมเลยรึไง!
     “เราขอโทษแทนเมด้วยนะเนม เมใจร้อนไปหน่อย แต่เค้าไม่มีอะไรหรอก ปากร้ายไปแบบนั้นเองแหละ”
     เจ้าชายจริงๆ เพื่อนผมคนนี้
     “ไม่หรอก พวกเพศที่สามก็งี้แหละ อารมณ์รุนแรงเป็นปกติ เราไม่ถือ ฮะๆ”
     “แล้วเพศที่สามไม่ใช่คนเหรอเนม?”
     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ!
     “เราไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เราหมายถึงว่าคนพวกนี้จะมีความรู้สึกรุนแรงกว่าคนทั่วไปไง เราลืมไปว่ามันกระทบนายด้วย ขอโทษนะต้น”
     ตัวเองแมนแท้ๆ ตายแหละ!
     “ไม่เป็นไร ก็เราเป็นเกย์นี่เนอะ”
     ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ผมก็ไม่ใช่อีแอบสารพัดพิษแบบเนมก็แล้วกัน!
     “เอ้ยๆ พอเหอะ จะเพศที่เท่าไหร่ก็คนเหมือนกันแหละ ความรักไม่จำกัดเพศหรอก ต้นมึงอย่าคิดมาก”
     เห็นแก่คิวว์หรอกนะครับ! ผมเลยหันไปถลึงตาใส่มิวนิคจอมเสือกแทน ความรักไม่จำกัดเพศอะไรกัน!
     “แต่มึงก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับเพื่อนกู”
     “อ้าว เพื่อนนายหรอกเหรอ โทษที เรานึกว่าเพื่อนนายซะอีก คิวว์”
     ทุเรศ! นี่เนมจะทำตัวหวงก้างใส่ทุกคนที่เข้าใกล้คิวว์เลยรึยังไงครับ?
     “จะเพื่อนใครก็ช่าง แต่รู้จักกันแล้วก็คือเพื่อน แล้วกูก็ไม่ชอบให้ใครพูดไม่ดีกับเพื่อนกู”
     ผมต้องแคะหูตัวเองรึเปล่าครับ? วันนี้มิวนิคพูดจามีสาระมาก ผิดปกติ!
     แล้วก็แยกย้ายกันแบบกร่อยๆ ครับ เฮ้อ... พังเพราะเนมแท้ๆ วันนั้นผมโทรไปคุยกับเมษ เมษหายโมโหแล้วครับ แต่พอผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเมษถึงกับอุทานว่า “มิน่า ฉันว่าละทำไมมีรังสีขี้อิจฉาแร๊งแรงแผ่มาทางฉันอยู่เรื่อย!”

     หลังจากวันนั้นผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่แล้วก็มีคนโทรมาหาผมครับ เขาชวนผมไปทานข้าวด้วยกัน ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะปฏิเสธเพราะผมไม่รู้จักเขา แต่เขากลับบอกว่ามีอะไรจะเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเนม อยากรู้ผมก็อยากนะแต่ก็กลัวด้วย ผมเลยว่าจะหาตัวช่วยไป มองซ้ายมองขวา อย่าชวนไปป์เลยครับ เดี๋ยวจะยุ่ง ผมจะชวนคิวว์ไปดีรึเปล่าน้า... นี่ถ้าพี่เปาอยู่ใกล้ๆ ก็ดีสิครับ ในลิสรายชื่อเพื่อนที่นั่งหน้าสลอนอยู่นี่ไม่มีใครซักคนที่ใจเย็นแล้วก็ท่าทางพึ่งพาได้เลย
     “พัท เห็นอัฐมั้ย?”
     “ไม่ว่ะ กลับไปแล้วม้าง ทำไม? มีไรเหรอ?”
     “เปล่าๆ”
     ผมกำลังจะปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแต่พัทกลับแซวผม!
     “เฮ่ยๆ มีไรว้า มึงมีไรกับไอ้อัฐป่าว? พักนี้บ่อยนะมึง ฮ่าๆ”
     “บ้า! ไม่มีไรซะหน่อย”
     “เอ้ยๆ หน้าแดงด้วย มึงบอกกูมาตามตรง มึงกับไอ้อัฐ... แนๆ
     ใครหน้าแดง ผมเปล่านะ! เรื่องอะไรมาล้อผม! หนีดีกว่าครับ อยากรู้ก็อยากแต่ให้ไปคนเสี่ยงเอาคนเดียวผมก็ไม่เอา
     “มึงมีธุระไรกับอัฐวะต้น?”
     ให้ตายเหอะ โผล่มาทำไมเนี่ย!
     “ไม่มีไรหรอกมิวนิค”
     “เออน่ะ จะไปไหนให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
     “รู้ได้ยังไง?”
     “ถ้าเป็นธุระไม่สำคัญมึงคงโทรหามันไปแล้ว มึงอุตส่าห์ย้อนกลับมาหามันถึงนี่คงอยากให้มันไปกับมึงตอนนี้เลย มึงเลือกมาหาไอ้อัฐแสดงว่ามึงไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่งั้นมึงคงชวนไอพวกนั้นไปด้วยละ”
     จะมาฉลาดอะไรเอาตอนนี้!
     “หน้ามึงนี่ชื่นชมความฉลาดกูมากเลยว่ะต้น”
     “ผิดเวลาไปหน่อยนะ”
     ผมเดินหนี แต่มิวนิคพยายามวิ่งตามผมมา จะตามมาทำไมก็ไม่รู้!
     “กูก็ไม่ได้โง่ทุกเรื่องก็แล้วกัน อยู่ใกล้ๆ มึงก็ต้องปรับตัวบ้าง”
     “หมายความว่าไง?”
     ผมหันไปมองหน้าไอ้ยักษ์บ้าบางตัว เขาคิดอะไรของเขาเนี่ย?
     “กูไม่อยากโดนมึงมองว่าโง่ไปตลอดชาตินี่หว่า กูก็อยากมีมุมดีๆ ให้มึงเห็นบ้าง”
     “นายก็เป็นเพื่อนที่ดีของเราอยู่แล้วมิวนิค”
     “มึงก็รู้ว่า ... เออน่ะ เพื่อนต้องช่วยเพื่อน เพื่อนเดือดร้อนกูปล่อยไว้ไม่ได้หรอก มึงทำหน้าเครียดทั้งวัน บอกมา มีอะไร เดี๋ยวกูเคลียร์ให้”
     “งั้นไปเป็นเพื่อนเราหน่อยละกัน แต่บอกไว้ก่อนนะ ห้ามพูดมาก มีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง”
     แล้วผมก็ได้มิวนิคไปเป็นบอดี้การ์ดให้ครับ พวกเราไปรอที่ร้านอาหารตามนัด คนที่นัดผมมาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ถ้าผมจำไม่ผิด เขาเป็นนายแบบสังกัดเดียวกับคิวว์ ผมน่าจะเคยเจอเขาตอนไปเที่ยวกับคิวว์...
     พอเขานั่งลงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาแล้วยื่นให้ผม ผมเลื่อนภาพในนั้นดูแล้วก็ตกใจ! นี่มันไลน์ของเนมนี่นา!
     ‘โอย ไม่เข้าใจอีนั่นมีอะไรดีนักหนา ทำไมผู้ชายถึงได้หลงมันจัง หน้าตาก็งั้นๆ แรดจะตาย คนยังหลงมันอยู่ได้ ผู้ชายรุมตอมหึ่ง’
     ‘เพราะมันไม่แอ๊บเหมือนแกไงอิเนม ฮ่าๆ แกลองเลิกแอ๊บแมนดูสิ จะได้มีผัว’
     ‘ปากเหรออีแชมป์’

     นี่มันอะไรกันครับ! ผมเงยหน้ามองผู้ชายคนนี้แล้วตัดสินใจถามตรงๆ
     “เอ่อ ... นี่มัน ... ผม”
     “พี่ชื่อซัน เป็นแฟนเก่าของแชมป์ คนที่คุยกับเนมในรูป”
     “อ่า... ครับ แล้ว?”
     “ต้นอาจจะจำพี่ไม่ได้ แต่เราเคยเจอกันในผับ ตอนที่ต้นไปเที่ยวกับคิวว์”
     “ครับ ผมพอจำได้”
     “วันนั้นพี่เมาทำเหล้าหกรดกางเกงต้น แต่นอกจากต้นจะไม่เอาเรื่องพี่แล้วต้นกับคิวว์ยังช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งพี่ให้อีก พี่เลยอยากขอบคุณต้น”
     “ไม่หรอกครับ ความจริงผมก็แค่ช่วยคิวว์เรียกแท็กซี่ คิวว์เขาเป็นคนไนซ์อยู่แล้วเขาเลยช่วยพี่ ยังไงก็โมเดลลิ่งเดียวกัน”
     “ครับ ความจริงตอนนั้นพี่รู้จักเราอยู่แล้ว เพราะแชมป์ชอบมาถามพี่เรื่องคิวว์บ่อยๆ เขาเคยหลุดนินทาคิวว์กับต้นให้พี่ฟังแล้วถามพี่ว่าคิวว์เป็นพวกเดียวกับเรารึเปล่า?”
     “อ่า ครับ”
     สีหน้าสำนึกผิดของพี่ซันทำให้ผมเชื่อพี่เขา
     “พี่ไม่รู้จักเรา แต่รู้จักคิวว์ ตอนแรกพี่หึงนึกว่าเขาจะเปลี่ยนใจจากพี่ไปชอบคิวว์ แต่เขาปฏิเสธบอกว่าถามไปให้เพื่อนเขา พี่เลยไม่เอะใจ”
     “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
     “พี่เลิกกับแชมป์แล้วครับ เขานอกใจพี่ แต่ช่างเถอะ นั่นเป็นเรื่องระหว่างพี่กับเขา เรื่องที่พี่อยากบอกก็คือมีคนไม่หวังดีกับต้น พี่เคยแอบดูโทรศัพท์ของแชมป์ แล้วพี่ก็เห็นที่เขาคุยกับเนม พี่พอรู้จักเนมอยู่แล้ว เขาเป็นเน็ทไอดอลใช่มั้ย? เรียนอยู่ที่เดียวกับต้นและคิวว์ด้วย ได้ข่าวว่าเขาสนิทกับคิวว์ พี่เห็นเขาด่าต้นแบบนี้แล้วพี่เป็นห่วง”
     “ขอถามตรงๆ ได้มั้ยครับ พี่มาเตือนผมทำไม? ความจริงพี่ซันจะเงียบก็ได้”
     “คงเพราะพี่แค้นมั้ง ไม่อยากเห็นคนดีๆ ถูกรังแก พี่ก็เคยคิดไม่ดีกับต้น เชื่อตามที่แชมป์บอก พี่คิดไปว่าคิวว์คงโดนต้นหลอกด้วยซ้ำ แต่พอได้เจอต้นวันนั้นแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ ต้นกับคิวว์ไม่มีอะไรกันจริงๆ ใช่มั้ยล่ะ? คิวว์เป็นคนดีนะ พี่ไม่อยากเห็นคิวว์โดนปลิงพวกนี้เกาะอีก พี่ก็เลยมาบอกต้น แชมป์คือหนึ่งในแอดมินเพจแอนตี้ต้นน้ำ”
     คนใกล้ตัวจริงๆ ด้วย หึๆ เนมนะเนม แค้นผมเพราะเรื่องของคิวว์มากขนาดนี้เชียว? มิวนิคทำหน้าตาตื่นหันมามองหน้าผมๆ เลยส่ายหน้าห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรตามที่ตกลงกันไว้
     “ผมพอจะรู้อยู่แล้วครับ”
     “ถ้าต้นจะเอาหลักฐาน พี่พอมี พี่ไม่มีรหัสเข้าเพจแอนตี้แต่ถ้าแจ้งความแล้วไปยึดโน้ตบุ๊กของแชมป์ก็คงเจออะไรบ้าง”
     “ช่างมันเถอะครับ ผมไม่รู้จะทำไปทำไม ถ้าผมไปแจ้งความ เรื่องก็จะไปกันใหญ่ ยังไงคิวว์ก็ต้องเสียหาย ผมไม่อยากทำอะไรให้กระทบกับชื่อเสียงเพื่อนผม”
     “แล้วต้นจะปล่อยให้พวกมันเปิดเพจด่าต้นไปเรื่อยๆ เหรอ?”
     “บอกตามตรงนะครับ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมจะทำยังไงต่อ ผมไม่เคยไปทำอะไรเขาด้วยซ้ำ แต่เขาเกลียดผมตั้งแต่ก่อนเราสองคนจะรู้จักกันเสียอีก ถ้าผมทำแบบนั้นเขาคงยิ่งเกลียด ผมอยากยุติปัญหามากกว่าสร้างเพิ่มครับ
     “พี่ยอมแพ้ใจต้นเลย พี่คงทำไม่ได้แบบเราแน่ๆ พี่แค้นเขา”
     “ใครบอกครับ ถ้าผมโดนแฟนนอกใจผมก็คงแค้นและไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ เหมือนกัน แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่ครับ เนมไม่ใช่แฟนผม จะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ได้ ผมไม่อยากเสียเวลาเปลืองสมองไปคิดถึงคนที่ไม่มีค่าอะไรในชีวิตผมแบบนั้น”
     “หึๆ ร้ายเหมือนกันนะต้น”
     “ก็นิดหน่อยครับ”
     ผมยิ้มให้พี่ซัน ความจริงพี่ซันก็หล่อดีน้า ถึงบางอย่างจะจริตเยอะไปหน่อยแต่โดยรวมแล้วก็แมนใช้ได้ น่าเสียดายที่ผมไม่ชอบเกย์
     “แต่ยังไงผมก็ขอบคุณพี่ซันนะครับที่ให้ข้อมูลผม”
     “ไม่เป็นไร ต้นอยากเก็บหลักฐานไว้มั้ยล่ะ?”
     “ได้ก็ดีครับ”
     ผมยิ้มให้พี่ซันแล้วเราก็แลกไลน์กัน เราสามคนนั่งทานอาหารด้วยกัน ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงขอบคุณพี่ซัน พอส่งพี่ซันเสร็จ มิวนิคก็พูดมากทันทีครับ
     “ตกลงมันเรื่องอะไรวะ? มึงจะคายหรือให้กูไปเค้นคอไอ้คิวว์”
     “คิวว์ไม่รู้เรื่องนี้หรอก สัญญากับเราก่อนว่านายจะไม่พูดมาก เราไม่อยากให้คิวว์รู้ ไม่งั้นเราไม่เล่า”
     ทำไมวันนี้ผมถึงได้ใจอ่อนกับยักษ์โง่น้า... เฮ้อ! เพราะเจ้าแรมโบ้แน่ๆ เหมือนเป๊ะ!
     “เออ รีบๆ เล่ามาได้ละ”
     แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง พอเล่าจบเขาถึงกับอุทาน
     “กูว่าแล้วว่าทำไมมันจ้องไอ้คิวว์เป็นพิเศษ ไอ้คิวว์โคตรโง่อ่ะ!”
     “งี้แหละมั้งความรัก คนนอกถึงจะรู้ คนในบางทีก็ไม่รู้ตัวหรอก ว่าแต่นายกับคิวว์ก็คล้ายๆ กันบางอย่างเนอะ มิน่าตอนปีหนึ่งสนิทกันได้”
     “ตอนนี้ก็ยังสนิท แค่ไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ไอ้คิวว์มันงานเยอะ”
     “นายไม่ได้เกลียดคิวว์หรอกเหรอมิวนิค?”
     “ไม่ ถึงจะเคยแย่งหญิงกันแต่กูไม่เลิกคบกับเพื่อนเพราะเหตุผลงี่เง่าแบบนั้นหรอก
     “อ้าว! แต่ท่าทางคิวว์เกลียดนายเข้ากระดูกดำเลยนะ”
     “มึงพูดจริงอ่ะต้น?”
     มิวนิคหน้าเสียเลยครับ สมน้ำหน้า ฮ่าๆ
     “ฮ่าๆ พูดเล่น ถ้าคิวว์เกลียดนายคงไม่ชวนนายไปจตุจักรด้วยกันหรอกมั้ง”
     ผมพอเข้าใจแล้วครับว่าทำไมคิวว์ชอบแกล้งมิวนิค ฮ่าๆ แต่นึกไม่ถึงผมจะเป็นฝ่ายอึ้งแทน
     “งั้นมึงก็รู้ดิว่าทำไมกูถึงไป”
     “เอ่อ... ไม่รู้สิ กลับกันเหอะ เดี๋ยวรถติด บ้านนายไกลไม่ใช่เหรอ?”
     “ต้น กูชอบมึง”
     นี่มันเป็นการสารภาพรักที่กะทันหันที่สุดในโลก! ผมยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยนะ! มิวนิคจับมือผมไว้แล้วก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ให้ตาย! ผมจะปฏิเสธยังไงดีครับ
     “เรา ... เอ่อ เรา...
     “กูรู้ว่ามึงไม่ชอบกูหรอก มึงชอบคนที่อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ ฉลาดๆ กูไม่มีอะไรใกล้เคียงผู้ชายในฝันของมึงเลย ให้กูปรับให้ตายกูก็เป็นแบบนั้นไม่ได้ กูเป็นของกูแบบนี้ กูรู้ดีว่ามึงคงไม่มีวันมองกู แต่กูชอบมึงว่ะ”
     “เรา... เราไม่ได้เกลียดนายนะมิวนิค คือโอเค เราอาจจะรำคาญนายบ้าง แต่...
     “แต่มึงก็ไม่เคยคิดกับกูมากไปกว่าเพื่อน มึงยังไม่ลืมแฟนเก่าของมึง”
     เพื่อนผมคนนี้ไปทานยาวิเศษมาจากไหน พักนี้มิวนิคฉลาดเกินไปแล้วครับ!
     “กูพูดถูกอ่ะดิ มีแต่ควายอ่ะที่ไม่รู้ว่ามึงยังไม่ลืมแฟนเก่า”
     “ถ้าผมจะไม่ชอบคุณก็เพราะปากแบบนี้แหละมิวนิค”
     “เออ โทษทีกูปากเสียไปหน่อย”
     เฮ้อ... ความรู้สึกผมมันปนเปกันจนยุ่งเลยครับ ทั้งตกใจ แปลกใจ อึ้ง แล้วก็เซ็ง มิวนิคนี่ปากพล่อยชะมัด!
     “ขอบคุณที่ชอบเรานะ”
     “เออ ไม่เป็นไร ก็มึงน่ารัก ใครๆ ก็ชอบมึง”
     “น่ารัก? เราเนี่ยนะน่ารัก หน้าก็จืดนิสัยก็แย่ พวกนายว่าเราประจำไม่ใช่เหรอ?”
     “ส่วนแย่ๆ มึงเยอะแต่ส่วนดีมึงก็มีไง แล้วไอ้พวกนั้นแหละทำกูใจละลาย พอกูชอบมึงแล้วกูก็เฉยๆ กับนิสัยงี่เง่าพวกนั้นของมึง”
     ถ้าผมแปลไม่ผิดมิวนิคเขากำลังบอกว่าเขาไม่ถือนิสัยงี่เง่าของผมใช่มั้ยครับ? ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครชอบนิสัยพวกนั้นของผมเลย! ผมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัวเลยครับ!
     “ถ้าไม่นับเรื่องปากแย่ๆ นั่นเราก็ชอบนายนะมิวนิค แต่... อย่างที่นายพูดนั่นแหละ เราคงเจ็บปวดกับความรักละมั้ง เลยไม่อยากมีใครอีก ตอนนี้เราอยากสนุกกับเพื่อนๆ มากกว่า”
     “เออ ได้จีบมึงไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน”
     “บ้า!”
     เจ้ายักษ์ทึ่มนี่พูดว่าตามจีบผมหน้าตาเฉยเลยครับ หน้าด้านมากอ่ะ โอ๊ยผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องเขินเพราะมัน!

     เหตุการณ์หลังจากนั้นราบเรียบดีครับ แต่เหมือนไอ้ยักษ์งี่เง่าบางคนจะได้ใจ ชอบมาอยู่ใกล้ๆ ผมมากกว่าเดิม ผมไม่อยากหลุดหน้าแดงต่อหน้าคนอื่นซะด้วยสิ กลัวชาวแก๊งผิดสังเกตนี่ครับ เกิดผมโดนเค้นคอแล้วต้องไปเล่าว่า... เล่าว่ามิวนิคสารภาพรักกับผม โอ๊ย! ไม่เอาหรอกครับ แค่คิดก็อยากจะบ้าตายแล้ว ผมไม่รู้ว่ามิวนิคบอกเป้กับนันแล้วรึเปล่า อาจจะมั้งครับเพราะมิวนิคไม่เคยมีความลับอะไรกับสองคนนั้นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยผมก็เบาใจที่คนอื่นๆ ในภาคยังไม่มีใครรู้ คือผมอายอ่ะ...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด